สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่
กี่วันแล้วนะที่ผมออกจากห้องนั้นมา
สอง...หรือสาม...
แต่จะกี่วันมันก็ไม่สำคัญหรอก สำคัญแค่ว่าผมย้ายออกมาจากหอนั้นแล้ว แอบไปทยอยขนของออกตอนที่คชาไม่อยู่ห้องด้วย ขนข้าวของกลับมาไว้ที่บ้าน เป็นที่ตกอกตกใจของแม่กับพี่สาวของผมเป็นอย่างมาก แถมตั้งแต่ย้ายออกมาก็ยังไม่เสนอหน้าไปเรียนอีกต่างหาก แน่นอนว่าผมถูกแม่กับพี่สวดภาณยักษ์ขมูขีใส่ไม่ยั้ง แต่ดีที่พี่สาวซึ่งอายุห่างจากผมเกือบสิบปีเข้าใจว่าผมมีปัญหา ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำแบบนี้จึงได้อธิบายให้แม่เข้าใจ แล้วปล่อยให้ผมสบายใจก่อน ค่อยกลับไปเรียน ไม่อย่างนั้นผมคงโดนเทศน์ข้ามวันข้ามคืนอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วบ้านผมกับมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้อยู่ไกลกันสักเท่าไหร่ นั่งรถไฟฟ้า ต่อรถเมล์ เกือบสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
บ้านผมอยู่ไกล...ใช่ แต่ถ้าตื่นเช้ากว่าเดิมอีกสักหน่อยเพื่อนั่งรถไปเรียนก็ยังดีกว่าต้องไปเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายหัวใจผมอย่างนั้น
พูดมาได้หน้าตาเฉยว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมทั้งที่เพิ่งจะมีอะไรกันไปหมาดๆ...
ผมเคืองเรื่องนี้ที่สุดเลย ต่อให้ไม่ได้ชอบก็ต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กันบ้างล่ะ ไม่ใช่พูดจาตัดเยื่อใยกันอย่างนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดผมเลยสักนิด เป็นความผิดของพี่ชิณณ์ ถ้าเขาไม่เข้ามากอดผมจนคชามาเห็นอย่างนั้นล่ะก็ ผมกับคชาคงไม่ต้องแตกหักกัน
เอาจริงๆ ผมไม่อยากจะโทษเขานักหรอก เพราะคชาเองก็ผิดที่ไม่ยอมฟังอะไรผมเลย แต่เพื่อความชัดเจนและผมไม่ต้องการให้เรื่องทุกอย่างมันคาราคาซัง หลังจากที่ผมยอมเข้าไปหลบในที่ร่มกับเขา ผมก็บอกเขาอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เขายอมเป็นตัวเลือกของผม ผมก็มั่นใจว่าไม่ว่ายังไงผมก็คงไม่ชอบเขา ไม่ได้คิดอะไรนอกจากการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจึงบอกปัดไป ครั้งนี้พี่ชิณณ์ยอมรับฟังแต่โดยดี เขาคงเห็นแล้วล่ะว่าการที่เขาตื๊อไม่หยุดมันส่งผลกระทบแย่ๆ กับผมแค่ไหน และเพราะเขาชอบผม เขาเลยไม่ต้องการให้ผมลำบากใจ สถานะของเราทั้งคู่ในตอนนี้จึงเป็นแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกเท่านั้น
จะว่าสงสารเขา ผมก็สงสารนะ ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ผิดหวังดี แต่ถ้าทุกอย่างยังคงยืดเยื้อ คนที่จะเจ็บมากกว่าเดิมคือพี่ชิณณ์ ไม่ใช่ผม ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา และเขาก็ดีมากเลยนะ ถึงผมจะแสดงจุดยืนของตัวเองชัดเจน เขาก็ไม่รังเกียจรังงอนผมสักนิด อาสาจะมาส่งผมที่บ้านในคืนนั้นด้วยเพราะเขาชวนผมไปค้างที่ห้องแล้วแต่ผมไม่ไป ไอ้ขอไปส่งบ้านนั่นผมก็ปฏิเสธเหมือนกัน ถ้าหากเขาไป เขาก็ต้องกลับดึกหรือไม่ก็ต้องนอนค้างที่บ้านผม ไม่ต้องให้ไปเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีความหวังเอา สุดท้ายเขาก็เลยให้ผมยืมเงินเพื่อกลับบ้านแทนเพราะผมไม่ได้หยิบอะไรออกมาจากห้องเลยแม้แต่กุญแจห้อง ตอนเข้าไปขนของก็ต้องขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่หอพักเอา
ย้ายออก... อืม ไม่อยากจะพูดอย่างนั้น ไม่อยากจะย้ายออกด้วย แต่คงอยู่กับคชาต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ เข้าหน้ากันไม่ติดน่ะ
แต่พอย้ายออกมาแล้ว การต้องนอนคนเดียวบนเตียงเดิมที่ใช้สมัยมัธยมปลาย ไม่ได้เจอหน้าคชา มันทำให้ผมคิดถึงมันเหมือนกันนะ
คิดถึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...
ไม่รู้จะคิดถึงทำไมในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงผมเลย ผมพยายามที่จะสลัดความรู้สึกนั้นออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้จึงตั้งใจว่าจะหลับ อย่างน้อยลืมหน้าหล่อๆ ของมันไปได้ชั่วขณะนึง แม่กับพี่ก็ไม่อยู่บ้านด้วย คงไม่มีใครมารบกวน
ผมปิดเปลือกตาลง ตั้งใจว่าจะหลับยาวจนกว่าแม่กับพี่สาวจะกลับมาจากชอปปิงที่ห้างใกล้ๆ บ้าน ทว่าในจังหวะที่กำลังเคลิ้ม หูก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน
ใครน่ะ...
ขี้เกียจออกไปเปิดประตูเพราะยังไงก็คงจะเป็นคนรู้จักของแม่กับพี่ งั้นแกล้งทำเป็นไม่อยู่ก็แล้วกัน
ทำเป็นเฉย ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เท่านั้นเสียงกดกริ่งรัวก็ดังมาให้ได้ยิน ทำเอาผมต้องลืมตาตื่น ขมวดคิ้วย่นทันควัน
อะไรของมันวะ!
ไม่อยากจะลุกขึ้นไปเปิดแต่คงจะเป็นเรื่องสำคัญล่ะมั้งถึงได้กดกริ่งรัวขนาดนี้ ผมเลยต้องลุกขึ้นจากเตียง โผล่หน้าไปมองนอกหน้าต่าง หน้าต่างห้องผมติดกับทางด้านหน้าของบ้านซึ่งเป็นทาวนเฮ้าส์พอดีเลยพอจะมองไปยังหน้าบ้านได้
พอชะโงกหน้าไปมอง ผมก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน
คุ้นตา... คุ้นมาก...
ไม่คุ้นได้ยังไงล่ะ ก็นั่นมันรถของไอ้คชาน่ะ!
สายตาปราดมองไปยังผู้ชายที่ใส่ชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็วทันที
คะ...คชาจริงๆ ด้วย
มันมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!
เดาเอาว่ามันคงจะไปขอที่อยู่จากคณะผมอย่างแน่นอน แต่จะอะไรก็ช่าง ผมอยากรู้แค่อย่างเดียวว่ามันจะมาที่นี่ทำไมต่างหาก
ผมรีบหลบหลังม่าน แอบมองมันเงียบๆ ในขณะที่คชาเริ่มออกอาการหัวเสียหลังจากที่รัวกดกริ่งแล้วไม่มีใครมาเปิด มันเหลือบมองประตูรั้ว เห็นว่าล็อกจากทางด้านใน มันก็ตะโกน
“มีใครอยู่บ้างไหมครับ ผมเป็นเพื่อนมาวิน มาหามาวินครับ!”
ไม่มีเสียงตอบรับอีกเช่นเคย มันตะโกนประโยคเดิมขึ้นมาอีก พอไม่มีใครตอบรับก็โทรเข้าหาผม
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงดังทันควัน ผมเดินไปหยิบมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของคชาที่โทรเข้ามา พอไม่รับ มันก็ส่งข้อความมาแทน
‘มึงมาเปิดประตูบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ กูรู้ว่ามึงอยู่บนบ้าน’
ผมก็กะว่าจะไม่ตอบหรอก แต่พอคชาส่งข้อความมาอีกพร้อมกับแสดงท่าทางกระสับกระส่ายให้ผมได้เห็น ผมที่เดินกลับมาแอบมองมันที่หน้าต่างก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไป
‘มีธุระอะไรกับเรา กุญแจห้อง เราก็เอาคืนไปแล้วนี่’
คชาฮึดฮัดขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความกลับมา
‘ใครใช้ให้มึงย้ายออกไปโดยไม่บอกกูวะ’
แล้วใครใช้ให้มึงทำร้ายจิตใจกูกันล่ะไอ้บ้านี่!
‘ไม่ต้องมาสนใจเราหรอก เราย้ายออกมาแล้ว ขอบใจมากที่อุตส่าห์ให้อยู่ด้วยถึงจะชั่วคราวก็เถอะ’
ผมตัดบทด้วยการพิมพ์ประโยคนั้น ดูเหมือนว่ามันจะทำให้คชาหัวเสียมากเลยทีเดียว เพราะมันไม่ส่งข้อความมาหาผมแล้ว แต่ตะโกนเสียงดังแทน
“ถ้ากูไม่สน กูไม่ถ่อมาง้อมึงถึงบ้านหรอกไอ้เอ๋อ ทำไมมึงไม่เข้าใจอะไรเลยวะ!”
ผมถึงกับชะงัก
ง้อเหรอ...
ง้อทำไม ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนหรือรูมเมทแล้วด้วยตอนนี้น่ะ
พอผมไม่ตอบอะไรกลับไป คชาที่ยืนเกาะรั้วอยู่ก็พ่นหายใจยาว ก่อนจะพูดเสียงดังออกมาอีก
“มาวินครับ เปิดประตูให้หน่อยเถอะครับ คชาขอโทษ คชาผิดไปแล้ว เปิดประตูมาคุยกันหน่อยนะ”
ถึงจะไม่ได้ตะโกนแต่ผมก็ได้ยินชัดเจนดี และการที่จู่ๆ มันก็พูดเพราะ แทนตัวเองด้วยชื่ออย่างนั้น ทำให้ผมที่คิดว่าจะใจแข็งก็ใจอ่อนยวบ
นะ...น่ารักจังวะ
ถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ยิ้ม กลั้นยิ้มสุดพลังเลยล่ะ ยิ่งได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดของมันดังตามมาเรื่อยๆ ผมก็ใจเต้นแรงขึ้นทุกขณะ
“มาวินครับ ขอโทษนะ มาคุยกันเถอะ...”
“มาวิน... คชาจะขาดใจตายอยู่แล้ว...”
“เอ๋อของผม ยกโทษให้นะ ต่อไปนี้จะไม่พูดอย่างนั้นอีกแล้ว...”
ไม่รู้ว่ามันพูดจาแบบนี้ทำไมในเมื่อมันบอกเองว่าไม่ได้ชอบผม แต่การที่มันใช้ถ้อยคำพวกนี้ มันทำให้ผมอดคิดไม่ด้เลยว่ามันน่าจะมีใจให้ผมอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มาง้อเหมือนง้อแฟนหรอก
ยิ่งได้ยิน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็ยิ่งเต้นเร็วรัว ผมมองคชาแล้วก็กลั้นยิ้มไม่ไหวอีกต่อไป ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อคชาเริ่มแสดงท่าทางเหมือนหมาที่ไปเล่นเถลไถลไกลแล้วมาขอเจ้าของกลับเข้าบ้าน
“มาวิน...เปิดประตู”
เกาะรั้วแล้วทำท่าจะไหลไปกับพื้นแล้วล่ะ
ผมกะจะเล่นตัวอีกสักหน่อยแล้วค่อยลงไปเปิดเพื่อไม่ให้มันได้ใจจนเกินไป ทว่าเหมือนความอดทนของคชาจะสิ้นสุดลงเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนเข้าอย่างจัง เท่านั้นมันก็ชี้นิ้วขึ้นมา ก่อนจะตะโกน
“ยืนมองอยู่นานแล้วสินะไอ้เอ๋อ!”
เออสิ
ผมรีบหุบยิ้ม ทำหน้านิ่งๆ มองมันที่จ้องมายังผมอย่างขัดใจ
คชาฮึดฮัดขึ้นมาอีกระลอกคล้ายกับว่าหงุดหงิดที่ต้องอ้อนวอนผมอย่างนั้นอยู่ตั้งหลายรอบในขณะที่ผมไม่สะทกสะท้านใดๆ จนสุดท้ายมันก็ตะโกนตามมาอีก
“มึงจะลงหรือไม่ลง!”
ผมมองเฉยๆ แสร้งทำเป็นหูทวนลม ดูซิว่ามันจะทำอะไรได้ถ้าผมไม่ลงไปเปิด
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาคืนหน่อยก็แล้วกัน
พอผมไม่หือไม่อือ คชาก็ออกเริ่มหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกขัดใจ ก่อนจะโวยวายขู่
“ถ้ามึงไม่ลงมา กูจะฉี่รดหน้าบ้านมึงจริงๆ นะ!”
ผมถึงกับเบิกตาโพลงที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น
เป็นโรคจิตหรือไง มึงจะมาทำอะไรอย่างนี้หน้าบ้านคนอื่นเขาไม่ได้โว้ย!
ไม่ได้พูดเปล่าด้วย ทำจริงด้วย ผมไม่ตอบรับ มันก็ถลาเข้ามาที่ประตูรั้วบ้านผมพร้อมกับทำท่าปลดซิปกางเกงแล้ว ทำเอาผมรีบโผล่หัวออกจากหน้าต่างมาห้ามมันอย่างรวดเร็ว
“อย่ามาทำทุเรศๆ หน้าบ้านเราสิวะ!”
คชาชะงัก แหงนหน้ามองผมแล้วส่งเสียงขุ่น
“มึงก็ลงมาเปิดประตูเร็วๆ เลย กูเรียกตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่งั้นกูจะไม่แค่ฉี่อย่างเดียว จะวางระเบิดด้วย!”
วางระเบิดคืออึ เออรู้ แต่มึงจะบ้าสุดโต่งอย่างนี้ไม่ได้ ความหล่อของมึงไม่ได้สัมพันธ์กับความบ้าเลยสินะ!
“ลงแล้วๆ ใส่กางเกงดีๆ!”
ผมรีบร้องบอกด้วยกลัวว่ามันจะทำจริงๆ คชาเลยหยุดทำอย่างนั้นไปได้ พอลงมาถึงหน้าบ้าน เปิดประตูรั้วให้มันเข้ามา มันก็บ่นพึมพำใส่
“กว่าจะลงมาได้ ลีลานักนะมึงน่ะ”
ยังจะมาพูดดีอีก คนที่มาขู่จะฉี่จะอึหน้าบ้านคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้หรอกเว้ย!
ถึงจะหยุดทำแต่ซิปกางเกงก็ยังไม่ได้รูดขึ้น ทำเอาผมต้องบอกมันเสียงเบา
“รูดซิปกางเกงขึ้นด้วย จะโชว์อีกนานไหม”
“ไม่รูด เผื่อคุยไม่รู้เรื่อง กูจะได้ฉี่ใส่มึง”
มึงมันบ้าไอ้คชา! แบบนี้เรียกว่ามาง้อเหรอวะ!
ผมล่ะอยากจะคว้าสายยางมาฉีดน้ำไล่มันนัก แต่ก็ทำได้แค่พยักเพยิดปลายคางไปทางประตูเข้าบ้านเท่านั้น
“เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรไปคุยกันข้างใน”
คชาเดินเข้ามา ผมปิดประตูรั้วได้ก็พามันขึ้นไปที่ห้องนอน เผื่อว่าแม่กับพี่กลับมาพอดีจะได้ไม่ต้องมาได้ยินบทสนทนาแปลกๆ อะไรอย่างนั้น ที่สำคัญ จะได้ไม่ต้องมาเจอคนแปลกๆ อย่างคชาโดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจด้วย
พอเข้ามาในห้องผมได้แล้ว ผมก็เปิดประเด็นทันที
“มีอะไรเหรอถึงมาหาเราถึงบ้าน”
คชาย่นคิ้ว ชักสีหน้าใส่อย่างรวดเร็ว
“ยังมีหน้ามาถาม มึงย้ายออกมาโดยไม่บอกกล่าวกูก่อนอย่างนี้มันหมายความว่าไง”
“ก็ให้หมายความว่าไงล่ะ เราก็ไม่อยู่กับนายแล้วไง”
ผมพยายามพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบที่สุดทั้งที่ในใจรู้สึกดีไม่น้อยทีเดียวที่คชามาง้อ
“แล้วกูอนุญาตแล้วเหรอ”
“เราจำเป็นต้องขออนุญาตนายเหรอ”
“เออสิ”
“เป็นอะไรกันล่ะถึงต้องขออนุญาต” ผมย้อนถาม
คชาเม้มริมฝีปากแน่นทันที
เพิ่งสำนึกได้ตอนนี้ล่ะสินะว่าไม่ได้เป็นอะไรกันกับผม ตอนนี้เพื่อนก็ไม่ได้เป็น รูมเมทก็ไม่ได้เป็น แล้วจะให้ผมกลับไปในฐานะอะไร
หากแต่คชาไม่ยอมตอบคำถามข้อนั้น พูดเอาแต่ใจออกมา
“ไม่รู้ล่ะ มึงต้องกลับมาอยู่กับกู กูไม่ได้อนุญาตให้มึงย้ายออก”
“กลับไปในฐานะอะไรล่ะ นายเองก็ไม่ได้อยากให้เราไปอยู่ด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ที่ให้เราไปอยู่ด้วยเป็นเพราะจะให้เราช่วยจีบพี่ชิณณ์ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้พี่ชิณณ์ชอบเรา นายอกหักแล้ว เราไม่จำเป็นต้องช่วยนายจีบแล้วล่ะมั้ง”
กะว่าจะพูดดีๆ ด้วยสักหน่อยก็ดันเผลอประชดประชันออกไปจนได้
สีหน้าของคชาดูหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน “กูไม่ได้จะให้มึงช่วยจีบพี่ชิณณ์”
“แล้วจะให้เรากลับไปทำไม”
“ก็มึงเป็นของกูแล้ว”
“ไม่คิดเหรอว่าเราอาจจะอยากมีอะไรกับนายเพราะคิดว่าอยากเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์”
ถูกผมย้อนไปอย่างนี้ คชาก็ไม่ใช่แค่ดูหงุดหงิดละ ดูอึดอัดและอึกอักด้วยเช่นกัน ก่อนที่มันจะสวนกลับมา
“ทำไมต้องพูดจาร้ายกาจอย่างนี้ด้วยวะ”
“ทีตอนนั้นนายยังพูดจาร้ายกาจกับเราเลย”
ถูกผมย้อนกลับทุกดอก คชาก็จ๋อยสนิท ไม่เถียงกลับออกมาสักคำ ผมเห็นแล้วก็รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ถือไพ่เหนือกว่า ยิ่งคชาเอ่ยประโยคถัดไปออกมา
“กู...ชอบมึงว่ะมาวิน”
แล้วก็ลูบต้นคอตัวเองไปมา ดูเขินอายสุดฤทธิ์
ส่วนผมคงไม่ต้องบอก หน้าร้อนฉ่าไปไหนต่อไหนแล้ว หัวใจก็เต้นแรงเพราะเลือดสูบฉีด
คชาชอบผม...
ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
ไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอนเมื่อหูได้ยินเสียงคชาพูดประโยคต่อไปออกมา
“ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ชอบด้วย กูว่ากูน่าจะรักมึงไปแล้ว ไม่รู้ว่าคิดกับมึงเกินเลยไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ขาดมึงไม่ได้ มึงอย่าพูดว่าที่ยอมมีอะไรกับกูอย่างนั้นเป็นเพราะอยากมีเซ็กส์เฟรนด์สิวะ ฟังแล้วใจไม่ดีเลย”
ผมเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง
ถ้ามันชอบผมจริงๆ อย่างที่ปากว่า มันก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนที่มันพูดประโยคนั้นนั่นแหละ
“มันก็เหมือนกับตอนที่นายบอกว่าไม่ได้ชอบเราน่ะ เจ็บนิดๆ”
ผมแสร้งว่า จริงๆ ไม่ได้เจ็บนิดๆ เลย ถ้ามันนิดเดียว ผมคงไม่ย้ายข้าวย้ายของออกมาอย่างนั้น
“ขอโทษ...”
คชาช้อนตามองผม เอ่ยปาก ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“ขอโทษนะมึง ให้อภัยกูนะ”
เห็นแววตาออดอ้อนคู่นั้นแล้ว ผมก็อยากจะให้อภัยอยู่หรอก ถึงจะคิดว่าจะตัดใจแล้วแต่ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้อยู่ดีเมื่อได้ยินคำพูดที่อยากได้ยินมากที่สุด
แต่มันจะไปเชื่อได้สนิทใจยังไงล่ะว่าคชามันชอบผมจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันเคยแสดงออกชัดเจนเสียที่ไหน ปากเอาแต่บอกว่าชอบพี่ชิณณ์ แล้วก็จีบพี่ชิณณ์อย่างออกหน้าออกตาด้วย แต่ก็ไม่พ้นมาทำให้ผมหวั่นไหวด้วยการกระทำที่ไม่ชัดเจน
แล้วแบบนี้ผมจะเชื่อมันได้ยังไง…
บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากถูกทำร้ายอีกแล้ว ผมเลยกะว่าจะปฏิเสธ ถึงจะดีใจที่ได้ยินมันสารภาพความในใจออกมา แต่ผมคิดว่าผมควรหยุดก่อนดีกว่า ถ้าเกิดมันเป็นการกลั่นแกล้ง ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก แค่ได้ยินมันบอกว่าไม่ได้ชอบผม ผมก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว
หากแต่พอจะเอ่ยปากพูดออกไป คชาก็ตรงเข้ามาคว้ามือทั้งสองข้างของผมไปจับ จับอย่างเดียวไม่พอ ดึงไปอังแก้มทั้งสองข้างของมันด้วย
“เราขอโทษนะมาวิน ยกโทษให้เรานะ”
ผมชอบที่คชาพูดกับผมด้วยสรรพนามอย่างนี้มากที่สุด แต่ไม่ชอบให้พูดในเวลานี้เพราะมันทำให้ผมไขว้เขว
ผมพยายามสะกดกลั้นไม่ให้พยักหน้ารับหรือพูดใดๆ ออกไปเป็นการตกลง หากแต่ก็ปฏิเสธไม่ออกเช่นกัน เลยทำให้คชาปล่อยมือจากผม รวบเอวผมเข้าไปกอดแทน ใบหน้าของพวกเราใกล้กันมากทีเดียว ยิ่งผมเห็นคชาใกล้ๆ แบบนี้ ความเข้มแข็งในตัวผมก็ยิ่งลดน้อยลงไป จนได้ยินเสียงคชากระซิบบอก
“เรารักนายนะมาวิน เราขาดนายไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาเราขอโทษ”
เท่านั้นทุกความโกรธเคืองก็มลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ผมรักคชา...
ใช่แล้ว ผมรักเขา ถ้าไม่รักคงจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้ อย่าว่าแต่ทำแบบนี้เลย แม้แต่ประตูบ้านก็จะไม่ไปเปิดให้
ทว่าผมก็ไม่ได้ตอบรับอะไร สบตาของคชาอยู่อย่างนั้นจนคชาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ประทับจูบลงบนเรียวปากผม สอดปลายลิ้นดุนดันเข้ามาตักตวงความหวานในโพรงปากอย่างโหยหา ผมเองก็จูบตอบมันเหมือนกัน
โหยหามันหมายความว่าคิดถึง...
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ผมคิดถึงไอ้ผีบ้าคนนี้เหลือเกิน...
สองแขนตวัดโอบกอดแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว คชาได้ทีก็ดันผมมาจนติดขอบเตียง จากนั้นก็ดันให้ล้มตัวลงนอน
ริมฝีปากของเราทั้งสองคนยังคงแนบชิดกันอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันเลยสักนิด
ความรู้สึกของคชาคงจะเป็นของจริง...
ผมก็ยังไม่แน่ใจนักหรอก บอกตามตรง ผมก็ยังกลัวอยู่ว่าถ้าเกิดเผลอตัวเผลอใจให้คชาไปมากกว่านี้ ผมจะต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดพวกนั้นอีก แต่ว่า...กลับหยุดการกระทำที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเป็นที่พอใจ คชาถึงละริมฝีปากออกมา พรมจูบไปทั่วใบหน้าของผมก่อนที่จะประทับริมฝีปากเบาๆ ที่ไฝใต้ตาขวา
“ไฝใต้ตานี่ ไว้ผมยาวปิดเลยนะ ไม่อยากให้ใครเห็น หวง”
ผมใจเต้นระรัว กระนั้นก็ยังเก็บอาการถามออกไปเสียงเรียบ
“เป็นอะไรกันล่ะถึงมาหวงน่ะ”
คชาเผยอยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าบอกว่าเป็นผัวมึง มึงจะยอมรับไหมล่ะ”
ใครมันจะไปยอมวะ...
แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ผมเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป คชาจึงจูบผมอีกครั้งและค่อยๆ พรมจูบต่ำไปยังลำคอและช่วงไหปลาร้า
ผมเกือบจะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้นอยู่แล้วถ้าหูไม่ได้ยินเสียงแม่ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเรียกเสียก่อน เท่านั้นผมก็ผลักคชาออกโดยเร็ว
“แม่มึงเหรอ”
ผมพยักหน้า คชาบ่นอุบอิบ
“อะไรวะ งั้นไว้มึงย้ายกลับไปที่หอก่อนค่อยทำก็แล้วกัน”
ได้ยินอย่างนั้น ความตั้งใจที่ว่าจะยังไม่ยกโทษให้คชาง่ายๆ ก็หวนกลับมาทันใด
ทำกูเจ็บปวดเจียนตายขนาดนั้น คิดเหรอว่ากูจะกลับไปง่ายๆ
แน่นอนว่าผมไม่กลับไปง่ายๆ อยู่แล้ว ถึงตอนนี้จะตัดใจไม่ได้และอยากจะกลับไปอยู่กับมันมากแค่ไหน ผมก็ต้องเล่นตัวหน่อย ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไร แค่ไม่อยากให้คชาได้ใจว่าผมแคร์มัน ถ้ามันคิดอย่างนั้นกับผมจริงๆ ก็ถึงเวลาที่มันต้องแคร์ความรู้สึกผมให้มากกว่าเดิมแล้ว
คิดอย่างนั้นผมก็เลยพูดไป
“เราไม่กลับไปหรอกนะ”
สีหน้าเริงรื่นของคชาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันควัน
“หมายความว่า...”
“เราพอแล้วไง”
“อะไรคือพอแล้ว”
“เราไม่เอาแล้ว จะเลิกชอบนายแล้ว บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
คชาทำหน้าเจ็บปวดร้าวราน ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายพลางว่า
“เอื้อ... มึงอย่าพูดอย่างนี้”
มึงไม่ต้องทำมาเป็นตลกเลย มันกลบเกลื่อนความตั้งใจของกูไม่ได้หรอกเว้ย
“เราบอกกับพี่ชิณณ์แล้วว่าให้เขาพอ เราเองก็จะพอกับนายเหมือนกัน เลิกสนใจเราเถอะ”
ผมกัดฟันพูดออกไปทั้งที่ใจไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว คชาคงจะสัมผัสได้เลยรีบคว้ามือผมไปจับ
“มาวิน...มึงวางถุงกาวลงก่อน”
อันนี้มึงควรบอกตัวเองมากกว่าเว้ย ทำตัวเมากาวตลอดเวลาขนาดนี้น่ะ!
ผมแสร้งนิ่ง คชาเลยง้อออกมาทันใด
“เอ๋อของคชา กลับมาเถอะนะ กลับมาเถอะวันวาน...วันวานยังหวานอยู่ หื่อฮื้อ...”
ร้องเพลงออกมาเสียอย่างนั้น ผมก็เกือบจะหัวเราะออกมาอยู่แล้ว ดีที่ควบคุมอารมณ์ได้ ประกอบกับได้ยินเสียงแม่เรียกซ้ำมาอีกครั้ง ผมเลยดึงมือออกจากการเกาะกุมของมัน ดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“พอเถอะ แล้วลงไปข้างล่างได้แล้ว นายจะได้ทำความรู้จักแม่กับพี่เราแล้วจะได้กลับ กลับเย็นเดี๋ยวรถติด” ไล่อ้อมๆ ด้วย
คชาทำท่าขัดใจแต่ก็ลุกขึ้นมาโดยดี เดินมาหยุดตรงหน้าผมพร้อมกับพูดทิ้งท้ายเอาไว้
“กูจะเอามึงกลับไปอยู่ด้วยให้ได้เลยไอ้เอ๋อ จะง้อจนถึงที่สุด กูจะทำให้มึงตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้น คอยดูเถอะ”
พร้อมกับจูบที่หน้าผากผมแรงๆ ทีหนึ่ง
ผมใจเต้นขึ้นมาอีกแล้ว แต่ก็แสร้งกลบเกลื่อนด้วยการพูดเร็วๆ
“สะ...ใส่กางเกงดีๆ ด้วย รูดซิปขึ้น แล้วก็ลงไปได้แล้ว อย่ามัวลีลา”
คชาดึงซิปกางเกงขึ้นด้วยท่าทางฮึดฮัด ชี้หน้าผมเล็กน้อย ขยับปากส่งเสียงพอให้จับใจความได้ว่า ‘ระวังตัวไว้ เดี๋ยวมึงต้องตกหลุมรักคนหล่อๆ อย่างกู’ จากนั้นถึงเดินนำออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมถอนหายใจตามหลังมัน ก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาจนหุบไม่ลง
ไอ้บ้าเอ๊ย รู้ตัวไหมว่าผมตกหลุมรักมันจนโงหัวไม่ขึ้นไปตั้งแต่เห็นมันมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว
คชา... แล้วมาง้อเราอีกนะ เราจะรอ
---------------------------------
มาเต็มตอนแล้วค่ะ แหมมม มาง้อเขาถึงบ้าน นุ้งวินเกือบใจอ่อนละ แต่ขอเล่นตัวก่อน 555
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วย ช่วงนี้อาจจะมาช้านิดนึงนะคะเพราะงานท่วมมาก นอนไม่ค่อยพอด้วย ;w; แต่เดี๋ยวมาต่อให้ค่ะ
ป.ล.เรื่องหน้าที่จะอัปคือโชซอนซ่อนรัก เป็นแนวชาย-หญิง ส่วนแนววายเป็นเรื่อง สะบายดีจอมดื้อ ค่ะ เปิดโหวตไว้ว่าระหว่างเจ้าจอมแก่นกับเรื่องนี้อยากให้เรื่องไหนออกก่อน ดูแววแล้วเรื่องพี่ดื้อชนะขนาดลอย รออ่านกันนะ