ASTAROTH พันธนาการดวงดาว [จบแล้ว] - แจ้งข่าวรวมเล่ม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ASTAROTH พันธนาการดวงดาว [จบแล้ว] - แจ้งข่าวรวมเล่ม  (อ่าน 43299 ครั้ง)

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คุณพ่อมาดกวนมากเลยค่ะ เหมือนเลสตอนแรกๆที่เข้ามารู้จักเอเดรียน  :laugh:
ถ้าอายุขัยของเอลฟ์ประมาณพันปี ของเซนทอร์ประมาณ 70 ปี งี้เลสจะอยู่ได้ประมาณ 300-500 ปีมั้ยคะ ?

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
ว่าที่ผู้นำแห่งอาเดรียเดินมาส่งราชินีแห่งธีสธรัลหลังจากจบการประชุม ไวลด์ยืนยันว่านางควรจะรีบกลับไปยังอาณาจักรเพื่อชี้แจงข้อตกลงและสัญญาทั้งหมดให้เหล่าขุนนางรับทราบละนำไปปฏิบัติใช้ ก่อนที่ประชาชนที่เต็มไปด้วยคำถามจะลุกฮือขึ้นต่อต้านอย่างอดรนทนไม่ได้ แต่เมื่ออาเดรียยอมเปิดท่าเรือให้ธีสธรัลอีกครั้ง และดำเนินการค้าขายต่อไปเป็นปกติตามเดิม เพียงเท่่านี้ก็ทำให้ราชินีสาวเบาใจขึ้นมากและยอมตกลงเจรจากับอาเดรียอย่างเท่าเทียมในที่สุด

หากสิ่งหนึ่งที่เอเดรียนไม่สามารถเรียกร้องมาได้... นั่นก็คือเรือจักรไอน้ำ

สมบัติชิ้นแรกที่แอสทารอธต้องการ และอาจเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่จะเปลี่ยนใจสภาขุนนางแอสทารอธให้ลดโทษทัณฑ์ของเลสธีราห์จากหนักเป็นเบาได้ หากแต่เหล่าเซนทอร์มีความกล้าหาญพอที่จะยอมรับผิด ดังนั้นเลสธีราห์จึงปฏิเสธการกลับคืนสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือรบเซเลสต์ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ แต่จะก้าวต่อไปในตำแหน่งของทูตผู้ดูแลความสัมพันธ์ของแอสทารอธและอาเดรียแทน

"ถ้าพี่อยากได้ศาสตร์การต่อเรือ... ข้าจะขโมยมาให้ก็ได้นะ" เอเรสยืนอยู่เคียงข้างเอ่ยขึ้น

"ไม่ต้องขโมยอีกแล้ว เอเรส แค่เจ้าไม่วางมือจากตำแหน่งผู้นำระดับสูงของเหล่าโจรสลัด ข้าก็ต้องคิดหาเหตุผลดีๆสักพันข้อมาบอกพวกขุนนางอาเดรียเพื่อไม่ให้พวกเขาปลดเจ้าออกแล้วเอาคนของตัวเองมาเสียบแทน" พี่ชายถอนใจ "ที่ข้าให้เจ้าขโมยสัญญาสงบศึกมาจากธีสธรัล เพราะข้าต้องใช้มันจริงๆ" เอเดรียนไม่ลงนามในสัญญาตั้งแต่ครั้งแรกที่ราชินีไวลด์เสนอ และเปลี่ยนเมื่อเรื่องทั้งหมดเกือบจะสายเกินแก้ ดังนั้นเขาจึงต้องส่งเอเรสไปนำสัญญาฉบับนั้นออกมา

"แล้วต่อไปก็ห้ามปลอมลายเซ็นข้าอีก..."

เอเรสยืดอกขึ้นแล้วทำท่าล้อเลียนพี่ชาย "ห้าม... ห้าม... ห้าม... กฎเกณฑ์เยอะสิ้นดี"

"เอาเรือไปเก็บได้แล้ว จอดเรือรบเรียงกันไว้แบบนี้จะทำให้ชาวบ้านตกใจเปล่าๆ" เอเดรียนว่า ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกได้ "เจ้าเอาชื่อท่านแม่มาตั้งเป็นชื่อเรือ" เรือบัญชาการของโจรสลัดเทเทสคือเรือแองเจลิกา อันได้มาจากชื่อของแองเจลิกา ฟลินทรัสต์ คุณหญิงของบ้านที่เสียชีวิตเมื่อครั้งที่ให้กำเนิดเอเรส

"นางแลกชีวิตตัวเองเพื่อให้ข้า..." เอเรสพึมพำตอบ "ข้ามีเรืออีกลำเป็นชื่อท่านพ่อ!"

"อย่าเอาชื่อข้าไปตั้งด้วยก็พอ"

"ข้ากำลังจะต่อเรือลำที่สามเป็นชื่อพี่พอดี"

"พอแล้ว เอเรส" เอเดรียนหัวเราะร่วน ก่อนจะเหลือบไปเห็นจาเร็ตต์เดินตรงเข้ามาทั้งคู่ ดูเหมือนว่าโจฮาลล์จะเดินทางกลับมาจากคัสนาห์แล้ว และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผนด้วยดี "ข้าขอยืมกำลังพลจากท่านหญิงโมนาไปดูแลความเรียบร้อยของคัสนาห์ร่วมกับคนของเรา เพราะเกรงว่าระยะทางจะทำให้คัสนาห์กับอาเดรียขาดสะบั้นออกจากกันจริงๆในช่วงเวลานี้ และจนกว่าข้าจะกลับมาจากแอสทารอธพร้อมกับข้อสรุปเรื่องสัญญาแลกเปลี่ยน ขอให้โจฮาลล์ช่วยดูแลความเรียบร้อยที่คัสนาห์ไปก่อน"

จาเร็ตต์พยักหน้ารับแต่ก็ไม่วายที่จะออกความเห็น"เจ้าไม่ควรละทิ้งบ้านเมืองไปในช่วงเวลาแบบนี้"

"เอเรสจะดูแลความเรียบร้อยของอาเดรียไปก่อนระหว่างนี้ ข้าจะรวมคัสนาห์เข้ากับอาเดรียเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำของผู้คน แต่เราจะทอดทิ้งเมืองเดิมไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมีแนวทางที่แน่ชัดพอว่าจะปฏิบัติอย่างไรบ้าง และจำเป็นจะต้องหารือกับแอสทารอธ ข้าจึงต้องเดินทางไปที่นั่นด้วยตนเอง"

"เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมตัว..." จาเร็ตต์ก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับ

"เจ้าอยู่ที่นี่ช่วยเอเรส จาเร็ตต์" เอเดรียนว่า "เจ้านี่ต้องมีคนคอยดูแลพฤติกรรม"

"หา...!" เลขาหันกลับมามองผู้เป็นนายและมองกลับไปยังแม่ทัพคนใหม่ที่ยิ้มกว้างอย่างดีใจที่จะมีคนคอย 'ดูแลพฤติกรรม' ซึ่งนั่นทำให้ชายผมแดงส่ายหัวรัวเร็วทว่าไม่สามารถเอ่ยปากปฏิเสธได้ "แต่เจ้าต้องเตรียมเอกสารประชุม ไหนจะรายละเอียดแต่ละอย่าง เจ้าเคยเข้าหอสถิติหรือ เจ้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเราด้านบัญชีกับสัมมะโนประชากรเราเป็นอย่างไร"

"เช่นนั้นข้าก็ขอให้ขุนนางประจำหอสถิติไปช่วยไม่ดีกว่าหรือ"

"เอเดรียน!"

ผู้นำอาเดรียหัวเราะเบา "เอาน่า เอเรสไม่แกล้งเจ้าหรอก" มีหรือเขาจะไม่รู้นิสัยน้องชายของตัวเอง และมีหรือที่เอเดรียนจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายดูจะสนใจจาเร็ตต์มากกว่าคนอื่น ดังนั้นเพื่อดึงตัวเอเรสเอาไว้ไม่ให้หนีลงเรือออกทะเลไปตามหาความฝันอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตร เห็นทีว่าจะต้องตั้ง 'ผู้ดูแลพฤติกรรม' เป็นจาเร็ตต์นี่เอง

"เจ้าจะทิ้งข้าให้อยู่กับ.... เจ้านี่ แล้วไปกับเลสธีราห์สองต่อสองไม่ได้นะ!"

เอเดรียนหัวเราะร่วนขณะส่งยิ้มให้กับคนที่กำลังถูกพูดซึ่งเดินตรงมาหาพวกเขาที่ท่าเรือ และนี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเขาส่งยิ้มให้กันอย่างสบายใจ ด้วยไม่มีอุปสรรคใดจะทำให้พวกเขาพบกันไม่ได้อีกแล้ว "มาจนถึงตอนนี้แล้วข้ายังแสดงออกไม่ได้อีกเหรอ จาเร็ตต์" ร่างสูงก้าวไปรับเซนทอร์ผู้ที่ยังดูงุนงงว่าเหตุใดเอเดรียนจึงยิ้มให้

"มีอะไรกันหรือเปล่า" เซนทอร์หนุ่มเหลียวไปมองด้านหลังตัวเองเล็กน้อยด้วยความประหม่า "เจ้ายิ้มแปลกๆ"

"ยิ้มให้คนรักมันแปลกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เลสธีราห์"

--------------------------------------------------
---------- END ----------


เอาเป็นว่า... คือจบเนื้อหาเน้าะ... แต่มันจะมีตอนพิเศษอีกอะแหละ ฮา ลืมเขียนฉากเรทไง---
(จริงๆโควต้าในเล่มคือหมดเกลี้ยงงงงแล้วอะ มัน 460 หน้าแล้ว สันหนา 3 เซน คือระดับทุบหัวได้แล้ว ฮือออ)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ
(ถ้าอ่านเสร็จแล้วจะมาคอมเม้นท์ยาว ๆ นะคะ)

ออฟไลน์ RenaBee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ในที่สุดรีดาห์ก็อ่อย(โดยไม่รู้ตัว)สำเร็จ! เชียร์คู่นี้ อยากเห็นคู่นี้หวานกันอิอิ
เรารู้สึกว่าท่านพ่อน่ารัก หยอกล้อแซวเลสได้น่าเอ็นดูมากเลย //โบกป้ายFCท่านพ่อ

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
ตอนพิเศษ (1)

รีดาห์กลับมายังห้องพักรับรองในมหาคฤหาสน์แห่งอาเดรียหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมหารือที่ใช้เวลาร่วมวัน เซนทอร์หนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงของพวกมนุษย์ด้วยความเหนื่อยอ่อน และพบว่าเตียงของมนุษย์นั้นความนุ่มต่างจากเบาะแข็งๆของเขาที่แอสทารอธอย่างสิ้นเชิง

"เหวอ!"

ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนตัวเองจมหายไปในเตียง ก่อนจะหยัดกายขึ้นนั่งพร้อมกับผมยาวยุ่งเหยิงปรกหน้า รีดาห์พ่นลมหายใจอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เขาดึงยางมัดผมออก และขยับตัวลงจากเตียง เดินไปหยิบหวีเพื่อจัดการหวีผมเสียใหม่ให้เรียบร้อย ทรงผมยอดนิยมของเหล่าเซนทอร์คือการโกนหัวด้านใดด้านหนึ่ง อย่างเช่นเลสธีราห์เองก็โกนผมด้านซ้ายออกจนเกือบหมด แต่รีดาห์กลับเลือกที่จะโกนด้านล่างถึงท้ายทอยแทน และเมื่อชายหนุ่มรวบผมใหม่ เขาก็พบว่า ไรผมบริเวณที่เคยโกนออกเริ่มจะยาวจนรู้สึกได้

เห็นทีจะต้องขอให้เลสธีราห์ช่วยเกลี่ยออกให้เสียแล้วกระมัง

ร่างโปร่งหยับไปรื้อของในถุงผาของตนอีกครั้งและหยิบมีดโกนเล่มยาวออกมาวางเตรียมไว้บนโต๊ะ ตอนนี้เลสธีราห์ออกไปพบบิดาของตน และคงจะสนทนาอยู่อีกนานกว่าจะกลับเข้ามาในห้องพัก เห็นทีว่ารีดาห์คงจะต้องมัดผมไปก่อน ส่วนเรื่องโกนไรผมด้านล่างออกก็คงต้องว่ากันอีกที

พวกเขายังไม่มีกำหนดการณ์เดินทางกลับแอสทารอธ แต่เซนทอร์หนุ่มก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน

อย่างไรสภาขุนนางก็คงต้องการคำอธิบายจากพวกเขาซึ่งเรียกได้ว่ารวมหัวกันกระทำการนี้ ซาฮาลประกาศจะรับผิดชอบการกระทำของท่านหญิงโมนาตั้งแต่แรก และเขาสามารถออกหน้าแก้ตัวแทนให้ฝ่ายกองทัพเรือได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายเลือกรีดาห์ โดยอ้างว่าเสียดายความสามารถ

แล้ววิชาฟังเสียงของเลสธีราห์ไม่น่าเสียดายหรืออย่างไรกัน

รีดาห์ไหวไหล่เล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลสธีราห์อาจไม่ต้องการให้ซาฮาลปกป้อง นับตั้งแต่เจ้ามนุษย์เอเดรียนผู้นั้นตัดสินใจออกหน้าแทนทุกอย่าง อีกทั้งเสนอตำแหน่งทูตระหว่างอาเดรียกับแอสทารอธให้อีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติพอที่เลสธีราห์จะไม่ผูกใจเจ็บว่าตนถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือรบ

อีกทั้งตำแหน่งทูตเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสได้พบเอเดรียนมากกว่าตำแหน่งแม่ทัพเรือเสียด้วย

"แต่คราวนี้ใครจะเป็นคนล่าวาฬเล่า..."

ในกองเรือเซเลสต์ เลสธีราห์เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถล่าวาฬได้ในเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียว ต่างจากเซนทอร์ตนอื่นที่ใช้เวลาร่วมเดือนราวกับล่องเรือข้ามมหาสมุทร และอาจจะกลับมามือเปล่าอีกด้วย "แต่กว่าจะได้ผู้นำเซเลสต์คนใหม่... ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก" ร่างโปร่งมัดผมขึ้นสูงและเริ่มคิดว่าเขาควรจะทำอะไรเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอเลสธีราห์กลับมา ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะกลับมาใน 'คืนนี้' หรือไม่ เพราะคาดเดาจากท่าทางของสองคนนั้นแล้ว รีดาห์เชื่อว่าคู่รักย่อมอยากอยู่ด้วยกันมากกว่า

...แกร็ก!

เสียงเปิดประตูห้องทำให้คนที่รออยู่เลิกคิ้วประหลาดใจในขณะที่ตัวเองยังมัดผมไม่เสร็จ "กลับมาเร็วกว่าที่คิดนะ ข้านึกว่าเจ้าคุยกับ... เอเดรียนต่อ" รีดาห์ไม่ค่อยอยากเอ่ยชื่อมนุษย์มากนัก แต่อีกฝ่ายก็ไม่มียศหรือตำแหน่งอะไรให้เรียกแบบขุนนางอาวุโสเซนทอร์ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อไม่ได้ "พ่อเจ้าว่าอย่างไรบ้าง" คนสนิทกำลังถามถึงแผนการหรือแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ต่อไป ท่านทูตใหญ่ที่ลงทุนขับเรือเหาะมาถึงอาเดรียคงจะไม่เดินทางกลับง่ายๆ และเชื่อว่าอีกฝ่ายมองช่องทางการติดต่อสานสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน

"พ่อข้าจะไปว่าอะไรได้..."

เสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เสียงของเลสธีราห์ รีดาห์กลั้นใจทันทีเมื่อเขาพบว่าเป็นซาฮาลต่างหากที่เข้ามาในห้อง "เจ้าหันหลังให้บุกรุกห้องแบบนี้ไม่อันตรายไปหน่อยหรือไง" ร่างโปรงหันกลับไปหาต้นเสียง และแหงนมองผู้บุกรุกแทบจะในทันทีเมื่อพบว่าอีกฝ่ายก้าวเข้ามาจนเกือบประชิดตัว "อย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่แอสทารอธ อย่าปล่อยตัวสบายใจแบบนั้น" นัยน์ตาสีเข้มปรายมองไปยังมีดโกนที่วางอยู่โต๊ะก่อนจะเลิกคิ้ว

"เจ้าควรจะเคาะประตูห้องก่อน!" รีดาห์แยกเขี้ยว "ไม่มีใครสอนมารยาทว่าที่เหนือหัวรึไง"

"ขนาดเป็นว่าที่เหนือหัว... เจ้าก็ยังพูดแบบนั้นกับข้า"

"มีธุระอะไรก็ว่ามา" รีดาห์พ่นลมหายใจไม่สบอารมณ์

"เจ้าจะโกนผมรึ" ซาฮาลถามเสียงเรียบ "ไม่กลัวบาดคอตัวเองรึไง" ว่าที่เหนือหัวดูจะสนใจมีดโกนสีเงินเงาวับมากกว่าพูดธุระที่เขาเข้ามาพบรีดาห์ อันที่จริงซาฮาลก็ไม่แน่ใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไร แต่เพียงแค่การอยู่ในห้องพักของตัวเองในเมืองของมนุษย์นี้ทำให้เขารู้สึกว่างและเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ

"จะทำให้ไหมล่ะ" ร่างโปร่งเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา "ถ้าว่างมาหาเรื่องข้าขนาดนั้น..."

ว่าที่เหนือหัวยิ้มขัน แล้วจึงหยิบมีดขึ้นมาถือไว้ "ไม่กลัวข้าปาดคอเจ้ารึ"

"เจ้าจะฆ่าราชเลขาของเจ้าหรือ" คนฟังเบิกตาขึ้นด้วยแน่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอกกลับแบบนี้ และก็เป็นว่าที่เหนือหัวเองที่ตะลึงกับคำว่า 'ราชเลขาของเจ้า' ซึ่งหมายความว่ารีดาห์ยอมจะทำงานกับเขาในฐานะสหายคู่ใจ ซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์แปลกใหม่ที่ซาฮาลไม่เคยสัมผัสมาก่อน "เสียเวลาน่า... ถ้ามือสั่นก็วางไว้ ข้าจะวานเลสธีราห์ทีหลัง เจ้านั่นทำบ่อย มือนิ่งกว่ามาก" แทนที่ซาฮาลจะรู้สึกเคืองในคำพูดเชิงดูแคลน แต่เขากลับเริ่มจินตนาการเลสธีราห์ที่ดูจะชำนาญการใช้มีดโกนช่วยเกลี่ยไรผมให้รีดาห์

หากจะบอกว่าคงเป็นภาพที่น่ารักก็ดูไม่เป็นคำชมสักเท่าไหร่...

"ข้าทำได้หรอกน่ะ" ว่าที่เหนือหัวขยับเข้าไปใกล้อีกนิด และรอให้อีกฝ่ายยกผมด้านบนขึ้นเพื่อเปิดทางให้เขา แต่เมื่อยื่นมีดโกนเข้าไปใกล้ ซาฮาลก็รู้สึกได้ว่ามือของตัวเองกำลังสั่น ซึ่งหากล้มเลิกความตั้งใจในตอนนี้ รีดาห์ก็คงจะล้อเขาไปอีกหลายปี เพราะว่าที่เหนือหัวผู้ไม่เคยตัดแต่งหรือทำอะไรกับทรงผมตัวเองผู้นี้ใช้มีดโกนไม่เป็น "อ... เอาไรผมออกทั้งหมดเลยใช่ไหม"

ปกติแล้วซาฮาลไม่ใช่คนมากคำถาม ดังนั้นรีดาห์จึงเลิกคิ้วอย่างไม่แน่ใจที่อีกฝ่ายสงสัยจุกจิก

"ใช่... จนถึงท้ายทอยนั่นแหละ"

ร่างสูงเลื่อนสายตาลงมองท้ายทอยอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ และเขาเพิ่งสังเกตว่าคอของอีกฝ่ายค่อนข้างยาว และการตัดผมเช่นนี้ยิ่งทำให้ดูระหงยิ่งขึ้นไปอีก น่าแปลกที่รีดาห์เป็นเซนทอร์สีน้ำตาลแต่กลับไม่มีผิวสีแทนอย่างท่านหญิงลีอาห์ ตรงกันข้าม อีกฝ่ายค่อนข้างจะขาวอย่างน่าสงสัยว่ามีญาติฝ่ายใดเป็นเซนทอร์สีขาวหรือเปล่า และรีดาห์ในร่างเซนทอร์ก็เป็นม้าสีน้ำตาลที่มีลายสีขาวที่ขาทั้งสี่ข้างอีกด้วย

ซาฮาลคิดว่าเขาอยู่ใกล้เกินไปจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดใต้หิวหนังของอีกฝ่ายได้

ว่าที่เหนือหัวเหงื่อตกและต่อสู้กับสมาธิของตนอยู่เงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าของเขาแทบจะกลั้นใจจนขาดอากาศ เพราะลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายรดอยู่บนผิวหนังจนขนลุกอย่างรู้สึกได้ รีดาห์ขบริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ซาฮาลก็อยู่ใกล้เกินไปจนยากจะเดาสีหน้าของอีกฝ่าย "ถ... ถ้าไม่ถนัดก็ไม่เป็นไรหรอกนะ" รีดาห์ว่าไปอย่างนั้น และเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าเรื่องแบบนี้เขาควรจะวางใจเลสธีราห์มากที่สุด

มือใหญ่สั่นน้อยๆ แต่ก็สั่นมากเกินกว่าจะจรดปลายมีดลงไปได้ เกรงว่าจะเป็นการปาดคอกันจริงๆมากกว่าแค่เกลี่ยไรผม

ว่าที่เหนือหัวถอนใจ และลดมือลงอย่างยอมแพ้ เห็นทีว่าเขาคงต้องหัดโกนผมตัวเองบ้างเพื่อให้มือนิ่งขึ้นมากกว่านี้ แต่แม้ความตั้งใจแรกจะเพียงแค่กลั่นแกล้งรีดาห์ แต่ซาฮาลกลับรู้สึกผิดที่ทำเรื่องง่ายๆเช่นนี้ไม่ได้ "รอเลสธีราห์เถอะ" เสียงทุ้มเอ่ยเบา "ข้ามือสั่น เกรงว่าเจ้าจะได้แผล" รีดาห์ยังคงยกหางผมที่เหลือของตัวเองเอาไว้แบบนั้นด้วยอีกฝ่ายยังไม่ได้มัดปลายให้เสร็จ และคงจะรอให้เขาถอยออกไปก่อน

ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจขึ้นมา... ร่างสูงค่อยๆก้มลงแตะริมฝีปากของตนกับหลังคอสวย บรรจงแนบจูบแทนคำขอโทษ

ร่างตรงหน้าเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ รีดาห์อ้าปากค้างครู่หนึ่งก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อลมหายใจอุ่นร้อนแตะสัมผัสวาบหวาม แม้มันจะเป็นสัมผัสแปลกประหลาด สถานการณ์แปลกประหลาด และความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดไม่แพ้กัน แต่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมา

มือใหญ่ค่อยๆแตะเอวคอดที่แน่นแข็งด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบอีกครั้งจนเจ้าของร่างอุทานออกมา

"อะ...!"

รีดาห์ไม่กล้าปล่อยมือจากผมของตน ด้วยกลัวว่ามันจะตกใส่ใบหน้าของคนข้างหลัง แต่มือของอีกฝ่ายทั้งสองข้างวางอยู่บนเอวของเขาและยิ่งกระชับจับให้ถนัดขึ้น พร้อมกับเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เสียจนแผ่นอกแตะแนบชิดกับหลังโปร่ง เซนทอร์หนุ่มก็เริ่มคิดว่ามันออกจะเกินเลยไปเสียหน่อย

แต่การถูกจูบที่หลังคอกลับไม่ได้รู้สึกแย่เลยสักนิด "...อือ"

ร่างโปร่งมุ่นคิ้ว ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายได้สติ "ซ... ซาฮาล" เขาไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงเสียงสั่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกใครสักคนกอดแบบนี้ และสัมผัสถึงแผ่นอกที่แข็งแกร่งด้วยหลังของตน เป็นครั้งแรกที่ใครสักคนโอบกอดเขาด้วยท่อนแขนที่แน่นไปด้วยกล้าม ทว่ากลับอ่อนโยนเนิบช้าถะนุถนอม มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน

"ซาฮาล...!"

ร่างโปร่งกลั้นใจ เขาปล่อยหางผมของตัวเองสะบัดใส่อีกฝ่าย พร้อมกับกระทืบเท้าและดีดตัวออกห่างในร่างที่กลับคืนเป็นเซนทอร์ ขายาวๆของม้าถอยไปชนโต๊ะอีกด้านจนล้มกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับข้าวของที่อยู่ด้านบน รีดาห์หันกลับไปมองคู่สนทนาที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ อ้าปากค้างอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหรือทำอะไรต่อไป "อะ..."

ว่าที่เหนือหัวรู้สึกตัวเป็นครั้งแรกและตระหนักได้ในตอนนั้นว่าตนทำอะไรลงไป

ใบหน้าของคนตรงหน้าแดงซ่านจนเกือบจะเป็นสีเดียวกับผม และเมื่ออยู่ในร่างเซนทอร์ รีดาห์ก็สูงกว่าซาฮาลในที่สุด "จ... เจ้า..." ร่างโปร่งอยากจะถามเหลือเกินกว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลใดที่จูบเขาแบบนั้น แต่มันก็ดูจะเป็นคำถามที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย อีกทั้งยังยากที่จะถามโดยรักษาน้ำใจอีกฝ่ายด้วย "เอ่อ..." ซาฮาลไม่ค่อยชอบแหงนมองใครมากนัก ดังนั้นเขาจึงคืนร่างกลับเป็นเซนทอร์บ้างเพื่อจะก้มมองคู่สนทนาที่อ้าปากพะงาบเหมือนปลาขาดน้ำก็ไม่ปาน

ใบหน้าของรีดาห์แดงเสียจนลามไปถึงลำคอ ร่างสูงจึงเชยคางเรียวขึ้นช้าๆ "ข้าทำให้เจ้าตกใจรึ"

...ไม่ตกใจก็คงตายด้านแล้ว

รีดาห์ไม่ตอบคำ ได้แต่มองลงต่ำเพื่อคิดหาทางออกในสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้ "ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ" เขากลัวว่าซาฮาลจะรู้สึกแย่ที่เกือบจะถูกดีด และอีกฝ่ายอาจจะเสียความมั่นใจบางอย่างไปจนทำอะไรแปลกๆขึ้นมาอีก "ต... แต่... บอกกันก่อนได้ไหม" ร่างโปร่งพึมพำด้วยความหมายเช่นนั้นจริงๆ "ข้าจะได้... เตรียมตัว..."

นิ้วที่สากจากการจับอาวุธฝึกฝนเคลื่อนมาสัมผัสเรียวปากของคนพูด มันนิ่มกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้มาก

"ครั้งหน้าจะจูบตรงนี้ได้ไหม"

...ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ!!!

รีดาห์ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากค้าง เซนทอร์หนุ่มเบิกขึ้น ในขณะที่หัวใจของเขาเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าเสียงอื้ออึงในหูของตนนั้นเกิดจากความตื่นเต้น ความเคอะเขิน หรือความตกใจกันแน่ "ถ้าไม่ตอบแปลว่าตกลงนะ" ซาฮาลใช้วิธีแบบนี้ทุกครั้งในการบีบให้เขาพูดอะไรบางอย่าง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่คำตอบจุกอยู่ในลำคอไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าตกลงหรือปฏิเสธ และโดยที่ไม่รอให้ปฏิเสธ ซาฮาลก็ก้มลงจรดริมฝีปากของตนกับอีกฝ่ายช้าๆ มันเป็นการจูบครั้งแรกของทั้งคู่ ดังนั้นเพียงแค่สัมผัสเบาๆให้รู้จักว่าริมฝีปากของพวกเขาเป็นอย่างไรก็เพียงพอ

"ถ้าจะถามว่าทำไมถึงจูบ" ร่างสูงกระซิบกับริมฝีปากนุ่ม "...ก็คงเพราะชอบขึ้นมาบ้างแล้วกระมัง"

--------------------------------------------------
---------- END ----------


...นี่มันงานอวยคู่รองชัดๆ ถ้าใครจำหน้ารีดาห์ไม่ได้หรือนึกภาพไม่ออก...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2017 18:46:09 โดย khaosap »

ออฟไลน์ RenaBee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แม่ขาาาาาาหนูตายตาหลับแล้วค่าาาาาา คู่นี้!!!คู่นี้!!!!!!!

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
ตอนพิเศษ (2)

เลสธีราห์ตั้งใจจะไปพบเอเดรียนเพื่อให้เขาพูดกับมารดา แต่หลังจากแจ้งกำหนดว่าเขาจะเดินทางกลับไปยังแอสทารอธด้วยเรือเซเลสต์ และมารดาของเขาจะอยู่บนเรืออาคาเซีย เอเดรียนก็ตัดบทสนทนาด้วยการบอกว่าตัวเองจะโดยสารไปกับเรืออาคาเซียด้วยเพื่อพูดคุยกับท่านราชเลขาด้วยตนเอง โดยไม่ฟังคำชี้แนะจากอีกฝ่ายต่อ

ไม่รู้ไปมั่นใจอะไรมาจากไหนกัน...

แต่เมื่ออีกฝ่ายค่อยๆกุมมือเขา และลูบผมยาวสีอ่อนช้าๆ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่าเขายังบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เลสธีราห์ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายแค่ไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องของ 'คนอื่น' เพราะช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันช่างหาได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน เลสธีราห์เพียงยิ้ม และวางมือลงบนบ่าที่ได้รับบาดเจ็บของอีกฝ่าย

ก่อนจะชะโงกไปจูบบนริมฝีปากของคนตรงหน้าแทนคำตอบ

เอเดรียนไม่คุ้นชินกับการมีช่วงเวลาแบบนี้เป็นของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดปฏิเสธ ชายหนุ่มจูบตอบ รวบกอดร่างโปร่งเข้ามาอย่างที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ และทอดยิ้มจางเมื่ออีกฝ่ายขยับริมฝีปากตอบรับ พวกเขาไม่เคยมีเวลาอ้อยอิ่งเช่นนี้ ไม่เคยได้หยอกล้อว่ารสจูบของเลสธีราห์ช่างไม่ประสา หรือกิริยาอ้ำอึ้งในความพยายามเชิญชวนของอีกฝ่าย มันน่ารักเสียมากกว่าทำให้เกิดความต้องการ

เซนทอร์ไม่อยากแสดงออกในที่ทางสาธารณะ และยังไม่อยากกลับไปที่มหาคฤหาสน์

ดังนั้นสถานที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุดในตอนนี้คงเป็นห้องบัญชาการของเรือเซเลสต์

เลสธีราห์รู้ตัวว่าเขาอ่อนประสบการณ์ และหากจะจำกัดความก็คงจะเป็นคำว่า 'ไม่ได้เรื่อง' ด้วยทั้งชีวิตนี้ก็เคยมีสัมพันธ์เกินเลยเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง อีกทั้งเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาทำได้แค่ตอบสนอง "ไหล่ของเจ้าเจ็บ... อย่าออกแรงมากจะดีกว่า" คนพูดก้มหน้า ขณะผ่อนลมหายใจยากเย็น ร่างโปร่งผอมเพรียวเกร็งหนีเมื่อถูกดึงให้นั่งคร่อมบนหน้าตักกว้าง

"ข้าไม่ได้ขยับไหล่เลยด้วยซ้ำ..."

เอเดรียน มองขึ้นสบตาคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักของตน ขณะเคลื่อนมือไปตามผิวหนังเปล่าเปลือย เฝ้ามองดวงตาสีฟ้าครามสั่นระริก และริมฝีปากบางที่เจ้าตัวเผลอเม้มกัดเองโดยไม่รู้ตัว "...!" เลสธีราห์ผ่อนลมหายใจแรง แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา ในยามที่นิ้วเย็นเฉียบแทรกผ่านเข้ามาช่วยให้เขาผ่อนคลาย เอเดรียนเพียงจูบปลอบ ทั้งบนแผ่นอก และลาดไหล่ ไล่ขึ้นไปถึงลำคอและพวงแก้ม จบที่ริมฝีปากที่จวนเจียนจะได้แผลจากฟันของตัวเอง

พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้มานานแค่ไหนกันหนอ

เลสธีราห์โอบแขนรอบลำคอแกร่ง และขยับริมฝีปากตอบรับอย่างโหยหา ขยับลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันด้วยแรงอารมณ์และสัญชาติญาณ รับรู้ถึงสัมผัสที่ขยับขยายเบื้องล่างเพื่อสร้างความคุ้นเคย พวกเขาไม่ได้สนทนากันต่อ มีเพียงการจูบครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้นที่ปลอบประโลมให้สงบจิตใจ ร่างโปร่งหลับตาลง และยิ่งแอ่นร่างเข้าหา กดกายแนบชิดแทบทุกส่วน

 "อือ...!"

และเมื่อร่างสูงแทรกกายเข้าแทนที่ เลสธีราห์ก็กำมือแน่นเพื่อกดกลั้นเสียงครางของตัวเอง เขาซบหน้ากับบ่าของอีกฝ่าย สัมผัสกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ยังเจือกลิ่นเลือดจากบาดแผล เขาย้ำกับตัวเองว่าคนตรงหน้ายังบาดเจ็บ และน้ำหนักของเขาก็มากเกินกว่าจะเหนี่ยวรั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายขยับกายขึ้นกระแทกสวน ร่างเบื้องบนก็ทำได้เพียงกระชับแขนกอดคนตรงหน้าแน่นยิ่งกว่าเดิม

"อะ...!... เอเดรียน!"

เสียงเรียกนั้นแหบพร่า และเจือด้วยความต้องการมากกว่าห้ามปราม ขาเรียวสั่นระริก สะท้านด้วยความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวน สองแขนเหนี่ยวรั้งลำคอแกร่งพยุงร่างเอาไว้ เลสธีราห์ช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายเนิบช้า ด้วยสีหน้าแดงก่ำและลมหายใจกระตุกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ "ข... ข้าจะทำเอง"

ช่างเป็นคำขอที่หัวรั้นและฝืดฝืนตัวเอง แต่เอเดรียนก็ไม่อยากขัดใจ

"เช่นนั้นก็ทำ..."

ร่างโปร่งคลายวงแขนลงจากบ่ากว้าง และวางเท้ากับฟูกเตียงแข็ง ตัวเขาเองยังไม่คุ้นเคย และเซนทอร์หนุ่มก็ทำได้แค่ปรับลมหายใจให้ผ่อนคลาย แต่เพียงแค่กดสะโพกมนเพื่อให้อีกฝ่ายแนบชิดยิ่งขึ้น ทั้งร่างก็กระตุกเกร็งด้วยความเสียวสะท้าน หวามซ่านจนแทบจะทนไม่ไหว "อือ!"

เขาได้ยินเสียงเอเดรียนหายใจกระตุก และเสียงหัวใจที่เต้นรัวของทั้งคู่

ร่างเบื้องบนเริ่มขยับตัวช้าๆ เบือนหน้าหลบสายตาด้วยความอับอาย แต่ความปรารถนาในกายผลักดันให้ทั้งร่างขยับไหวแรงขึ้น กระชั้นขึ้น ให้อีกฝ่ายแตะสัมผัสถึงส่วนลึกที่สุด และเมื่อเอเดรียนขยับตอบสนอง เสียงครางแผ่วพร่าก็หลุดออกมาจากปากก่ำแดงชอกช้ำ

แต่มันก็ไม่เพียงพอเลย สำหรับความโหยหาตลอดมา

"อื้อ...!"

เอเดรียนพลิกร่างอีกฝ่ายลงกับฟูกนอน และเท้าแขนคร่อมร่างโปร่งเอาไว้ "ให้ข้า... เป็นฝ่ายนำเถอะ" ร่างสูงก้มลงกระซิบ ก้มลงแนบริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะขยับกายเข้าหาอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร่างรองรับสะดุ้งเกร็ง สองมือยกขึ้นประคองกอดรอบลำคอหนา พลางขยับแยกขาเพื่อรองรับจังหวะรุกรานดุดัน เลสธีราห์หอบหนัก เปลือกตาบางปิดแน่น รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวขยับโยกหนักหน่วงเร่งรัวขึ้นตามแรงปรารถนา

"อ... เอเดรียน... อือ!!"

ความต้องการของอีกฝ่ายทะยานลึกเข้ามาภายในที่ตอดรัดด้วยความรู้สึกรัญจวนสร้างความหฤหรรษ์เสียจนร่างเบื้องบนครางเสียงต่ำในลำคอ และเร่งจังหวะยิ่งขึ้นเพื่อสัมผัสความอุ่นร้อนที่เย้ายวนภายใน ความร้อนผ่าวถ่าโถมกระแทกกระทั้นจนร่างรองรับมึนชาตื้อตันไปหมด จนในที่สุดก็อดทนไม่ไหว ทั้งร่างเกร็งกระตุกก่อนที่จะปลดปล่อยอารมณ์อย่างรุนแรง และเมื่อช่องทางคับแน่นรุ่มร้อนตอดรัด ผู้รุกรานก็ฝืนโจมจ้วงลึกเข้าไปภายในเพื่อขับความปรารถนาออกมาจนหมดสิ้น

แม้เลสธีราห์จะเป็นนักรบ... แต่ชายหนุ่มคิดว่าตนไม่อดทนนักกับเรื่องนี้

ร่างโปร่งถอนใจเฮือก แม้ลมหายใจยังกระชั้นถี่ด้วยความเหนื่อยล้า เขารู้สึกได้ว่าเอเดรียนก้มลงจูบที่หน้าผากมน และปัดปอยผมที่ปรกหน้าให้พ้น สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่คลอเคลียลูบไล้อยู่ที่พวงแก้มอย่างปลอบประโลม "ข้าบอกว่า... เจ้าไม่ควรใช้ไหล่" เซนทอร์พบว่าเสียงของตนแหบพร่า แต่ก็ไม่วายจะเอ็ดคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

"แต่ก็เป็นเจ้าเองที่จิกเสียจนแขนชาไปหมด" เอเดรียนหัวเราะในลำคอ

ร่างโปร่งขบริมฝีปากตัวเองราวกับต้องการลงโทษที่คำพูดของเขากลับมาฆ่าตัวเอง ใบหน้าเหนื่อยอ่อนร้อนผ่าวด้วยความอับอายและอารมณ์ที่เพิ่งสงบลงเพียงครู่เดียว "อ... ออกไปได้แล้ว..." เลสธีราห์ไม่ได้อึดอัด แต่การที่อีกฝ่ายไม่ยอมแยกห่างอาจทำให้เขาต้องออกแรงอีกรอบ และเซนทอร์หนุ่มก็รู้ตัวดีว่าเขาอาจจะสลบได้จากการกระทำนั้น

"เลสธีราห์..." ร่างเบื้องบนแนบจูบกับข้างขมับของเขาอย่างอ่อนโยน

ทว่าการขยับกายของเอเดรียนกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เมื่อเขาช้อนมือกับใต้เข่าและยกมันขึ้นช้าๆจนปลายเท้าพาดอยู่บนอกกว้าง "อือ...!" ร่างโปร่งกัดฟัน วางมือบนฟูกนอนและจิกขยำผ้าปูเตียงแทนด้วยตั้งใจว่าจะไม่เผลอทำให้คนตรงหน้ามีแผลบนหลังอีก "จ... เจ้าไปหัดทำแบบนี้มาจากไหน" เอเดรียนเคยมีคนรักเป็นสตรี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีการจะเหมือนกัน อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าควรสัมผัสส่วนใด และต้องทำอย่างไรบ้าง "ทำไม... ข้าไม่เคยรู้บ้าง"

นั่นคือประเด็นที่เขาสงสัย... เหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้!

"สัญชาติญาณกระมัง" เอเดรียนหลับตาลง พลางหันไปจูบเรียวขาที่ถูกยกขึ้นมาพาดไหล่ในที่สุด "ข้าถามตัวเอง... ว่าหากต้องการปรนเปรอเจ้า..." ว่าพลางขยับกายอีกครั้ง เรียกเสียงอุทานตกใจที่เจอไปด้วยความเสียวกระสัน "ทำให้เจ้ารู้สึกดี... ควรจะสัมผัสตรงไหนบ้าง" มือใหญ่ลูบไล้จากปลายเท้าเรื่อยมาถึงน่องแข็ง ตลอดจนท่อนขาที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ จนจบที่ส่วนอ่อนไหวที่กลางกาย

"อื้อ...!"

ร่างรองรับแอ่นกายตอบสนอง สัมผัสทั้งจากเบื้องหน้าและด้านหลังทำให้เขาต้องบิดขยับสะโพกช้าๆด้วยความทรมานระคนวาบหวาม ความร้อนรุ่มของผู้รุกรานปลุกอารมณ์ที่ใกล้สงบให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เลสธีราห์ช้อนขึ้นมองคนตรงหน้า และด้วยแววตาที่อ้อนวอนเจือด้วยความปรารถนาทำให้เอเดรียนโน้มกายไปหาเพื่อจะแนบริมฝีปากซ้ำอีกครั้งด้วยความรักและเอ็นดู

"เจ้าก็เถอะ... ไปหัดทำหน้าแบบนั้นมาจากไหน"

"ข้าแค่คิดว่า..." เลสธีราห์หอบหนัก แต่ก็มองสบตาผู้รุกราน "จะทำยังไง... ให้เจ้า... ทนไม่ได้"

เอเดรียนยิ้มกับตัวเองพลางส่ายหัว ก่อนจะกดกายลึกเข้าไปในร่างรองรับ "อ๊ะ...!" ไหล่ข้างหนึ่งของเขาบาดเจ็บ ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้มือข้างที่ดียันตัวเองเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กอบกุมจุดส่วนไหวของอีกฝ่าย ลูบไล้กลั่นแกล้ง และเริ่มขยับเบื้องล่างสอดแทรกเสียดสีเป็นจังหวะ

"อืม... ทำแบบนี้แหละ" ...คนอะไร เข้าใจยั่วได้เป็นธรรมชาติเสียเหลือเกิน








ไม่ได้เขียนเรทนานมาก... มากกก... มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

นี่นั่งเขียนมาเป็นอาทิตย์... ได้แค่เนี๊ยะ!? ถ้ามือตกไปหน่อยก็ขอโต้ดดด ฮื้อออ TT A TT

--------------------------------------------------
---------- END ----------


ไม่ได้... เขียน... เรท... มานาน... จน... ลืมศัพท์หมดแล้ว...
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

...นี่ปั้นอยู่ 5 วันนะคะ 3 หน้าเอสี่เนี่ย!? ฮืออออออออออออ... ทำไมมันเขียนยากกว่าฉากรบอี๊กกกกกกกก
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

(อีโมบ่งบอกถึงความสติแตกขั้นสุด 555)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2017 18:46:19 โดย khaosap »

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
ตอนพิเศษ (3)

จนแล้วจนรอด เลสธีราห์ก็ยังไม่กลับมาที่ห้องพัก ทอดทิ้งให้รีดาห์รอคอยอยู่ตามลำพัง

...กับซาฮาล

แม้ว่าเตียงนอนของมนุษย์จะนุ่มเกินไปจนน่าอารมณ์เสียและชวนปวดหลัง แต่รีดาห์กลับขัดสมาธินั่งในร่างมนุษย์บนเตียงไม่ยอมขยับไปไหน เพราะมันเป็นจุดที่อยู่ห่างจากบุคคลร่วมห้องมากที่สุด หลังจากถูก 'ขโมย' จูบแรกไปดื้อๆ เมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา

ดูเหมือนว่าเอเดรียนจะกำชับคนของเขาให้ดูแลต้อนรับเซนทอร์อย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือการไม่ใช้งานม้าให้พวกเขาเห็น และไม่เสิร์ฟเนื้อบนโต๊ะอาหาร อีกทั้งยังจัดหญิงรับใช้มาช่วยแปรงขนให้เซนทอร์หนุ่มๆอีกด้วยถ้าพวกเขาต้องการ แต่ว่าหน้าที่ส่วนสุดท้ายนั้น หากไม่ใช่เซนทอร์ที่ใจกว้างพอ ก็จะไม่มีวันยอมให้มนุษย์แตะต้องเป็นอันขาด

และซาฮาลอาจเป็นเซนทอร์ประเภทนั้น

รีดาห์กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เพื่อไม่ให้ห้องเล็กๆดูคับแคบมากกว่าเดิม แต่ว่าที่เหนือหัวกลับไม่ทำเช่นนั้น อีกฝ่ายเดินไปยังบริเวณหน้าต่างและเอนกายพิงผนังข้างๆ ทอดสายตาออกไปยังเรือรบเซเลสต์เงียบๆราวครุ่นคิด

อย่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะได้ไหม!

แบบนี้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน... จะบอกตระกูลว่ายังไง!!

รีดาห์เป็นสมาชิกตระกูลเซนทอร์สีน้ำตาลที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่อดทน และมีฝีเท้าว่องไวที่สุดในหมู่เซนทอร์ด้วยกัน โดยมากคนของตระกูลจะเป็นพรานเซนทอร์ที่สามารถวิ่งได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก และล่าสัตว์กลับมาได้ปริมาณที่น่าพอใจที่สุด

และตระกูลของรีดาห์เซนทอร์ตระกูลเดียวที่สามารถล่ากระทิงได้

ทว่ารีดาห์กลับมีปัญหาด้านการหายใจ หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นโรคหอบ ฝีเท้าของเขาจึงไม่อาจเทียบคนอื่นในตระกูลได้ แม้กระทั่งการวิ่งแข่งกับเฟลิเซีย เลขาของท่านหญิงลีอาห์ซึ่งเป็นญาติผู้น้อง รีดาห์ก็จำได้ว่าเขายังแพ้นาง

หากเขาได้รับตำแหน่งเป็นถึงราชเลขาของว่าที่เหนือหัวจริงๆ เชื่อว่ามันคงจะนำความภาคภูมิใจมาให้ตระกูลอย่างมาก แต่หากพ่วงเรื่องความสัมพันธ์กับว่าที่เหนือหัวเข้าไปด้วย รีดาห์ไม่คิดว่าตระกูลของเขาจะเห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไหร่ แม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่สมบูรณ์ แต่แต่งหญิงสักคนแล้วมีลูกไว้สืบทอดสายเลือดก็ฟังดูเข้าท่ากว่า แต่ถ้าเขาปฏิเสธซาฮาล... เขาจะยังได้รับตำแหน่งนั้นหรือเปล่าหนอ

ว่าที่เหนือหัวจะอกหักติดต่อกันถึงสองครั้งภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่ได้!

แต่เหตุใดภายในสัปดาห์เดียว ซาฮาลจึงหันมาหาเขาได้ ทั้งที่อีกฝ่ายหัวปักหัวปำอยู่กับเลสธีราห์มาตั้งหลายปี รีดาห์ขบริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยและเริ่มมองหาหัวข้อสนทนาที่สามารถทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ กะอีแค่เรื่องที่เขาจะโกนผม เหตุใดทุกอย่างจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้เล่า!!

"เจ้าจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม" ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นดึงความสนใจจากว่าที่เหนือหัวกลับมา

"ผู้นำอาเดรียต้องกลับไปแอสทารอธพร้อมกับเรา ดังนั้นข้าจึงคิดว่าหากเร็วที่สุดที่เรื่องทางนี้เรียบร้อยก็คงดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของท่านหญิงลีอาห์และท่านทูตธีโอเดรด้วย ซึ่งหากเอลฟ์จะเดินทางเยือนแอสทารอธจริงๆ ข้าก็เกรงว่าทางเราจะไม่ได้เตรียมเนื้อสัตว์ที่ดีพอเอาไว้รับรอง อีกอย่าง... คนที่ล่าวาฬได้ในเวลาอันรวดเร็วก็คือเลสธีราห์ซึ่งถูกทัณฑ์บนอยู่"

ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน... ข้าถามว่าเจ้าจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม!

รีดาห์กระพริบตาถี่หลายครั้งและปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ และเมื่อสิ้นสุดคำตอบที่แสนเป็นจริงเป็นจังของซาฮาลแล้ว รีดาห์ก็ถอนใจปลงตก เขารู้ว่าซาฮาลมีนิสัยแบบนี้ และถ้าหากอีกฝ่ายไม่พูดขึ้นมาก่อน เขาก็ไม่แน่ใจว่าหากเซ้าซี้ถามไปจะเป็นการพูดให้มากความหรือไม่

แต่เมื่อครู่เจ้าขโมยจูบข้า!! จะไม่พูดได้อย่างไร!!!

"หน้าเจ้าเหมือนตะโกนอะไรสักอย่างอยู่ในใจ" ประโยคแทงใจของซาฮาลทำให้ร่างโปร่งเบือนหนีเล็กน้อยเพื่อปรับสีหน้าให้เป็นปกติ "ก่นด่าข้าอยู่หรือ" ว่าที่เหนือหัวคลายแขนที่กอดอกอยู่ และทอดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูอีกฝ่าย ขายาวๆเริ่มออกก้าวเพื่อเดินเข้ามาหา

"เหตุใดจึงคิดว่าข้าด่าเจ้าอยู่ล่ะ"

"ในชีวิตเจ้าจะมีคนให้ด่าสักกี่คน..."

...รู้ตัวอีก!!!

ซาฮาลในร่างเซนทอร์สูงเกินกว่าจะโน้มลงมาหามนุษย์ที่นั่งอยู่บนเตียงได้ ดงนั้นเขาจึงวางเข่าหน้าข้างหนึ่งลงบนฟูกแล้วจึงเอนลงนั่งทั้งตัวบนเตียงที่พัก ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้เตียงที่ดูจะมีสปริงดีจนเกินไปดีดรีดาห์จนเกือบกระเด็นตก "เหวอ!!" เขาคิดว่าซาฮาลจะวางมือบนหัวเขาอย่างที่เคยทำ ใครจะไปคิดเล่าว่าเซนทอร์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในแอสทารอธตอนนี้เอนตัวลงนั่ง 'เบียด' เขาอยู่บนเตียงในห้องรับรองแขกบ้านแขกเมืองของมหาคฤหาสน์แห่งอาเดรีย

"ปกติเจ้าก็น้ำหนักมากอยู่แล้ว!"

รีดาห์สะดุ้งโหยง ค่อยๆขยับหนีอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ใกล้กันมากเกินควร "เจ้าไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่ๆ" เขาเชื่อแบบนั้น เพราะนับตั้งแต่แยกกันที่แอสทารอธ ซาฮาลที่อยู่ข้างเขาในตอนนี้ไม่เหมือนซาฮาลคนเดิมอีกต่อไป "ปกติคนอย่างเจ้าไม่ทำอะไรหมดมาดแบบนี้หรอก"

"เจ้าคิดว่าเวลาเซนทอร์ทิ้งตัวลงเตียงมันเหมือนเต้นระบำปลายเท้ารึไง"

คำตอบคือไม่... รีดาห์จำได้ว่าตัวเขาเองเวลาล้มตัวลงนอนก็ปล่อยตัวกระแทกฟูกอย่างหมดสภาพเช่นกัน นั่นเป็นเพราะการค่อยๆพับขา งอเข่า และทรุดลงนั่งช้าๆนุ่มนวลเป็นเรื่องยากสำหรับอมนุษย์ที่ชื่นชอบความเร็วอย่างเซนทอร์ "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... นี่เหมือนเจ้าพยายามจะ... ใจดี"

"ดูเหมือนว่าคนใจดีจะน่าคบกว่าคนใจร้าย" ว่าที่เหนือหัวตอบสั้น ซึ่งทำให้เขาดูเป็นตัวเองมากขึ้น

"เลสธีราห์คงชอบคนใจดี" รีดาห์ว่า

ซาฮาลหันไปมองคนข้างกาย "แล้วเจ้า... ชอบคนแบบไหน"

ไม่น่าคุยเรื่องนี้เลย...

รีดาห์มุ่นคิ้วเล็กน้อยและก้มหลบสายตาอีกฝ่ายไม่ให้มองสีหน้าของเขาขณะตอบคำถาม "ข้าไม่ได้มีสิ่งที่ชอบตายตัว มันขึ้นอยู่กับว่าข้าชอบใครมากกว่าจะมานั่งเลือกระหว่างคนใจดีกับใจร้าย" รีดาห์คิดว่านั่นคือคำตอบที่เป็นกลาง เพราะเขาเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้จริงจัง แต่หากพูดถึงสาวๆ เซนทอร์แล้วล่ะก็ หากเป็นคนใจดี อารมณ์ดี น่ารักแบบเฟลิเซียก็ย่อมดีกว่าใจร้าย โผงผาง ดุเดือด คึกคะนองแบบท่านหญิงโมนาแน่นอน

แต่เฟลิเซียเป็นญาติผู้น้องของเขา รีดาห์จึงไม่เคยมองนาง

"แล้วเจ้าชอบให้ข้าใจดีหรือใจร้าย" ว่าที่เหนือหัวเพียรเซ้าซี้

"เจ้าที่เป็นเจ้า" ร่างโปร่งตอบ เงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ แล้วจึงคลี่ยิ้ม "เจ้าไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายอะไร ซาฮาล เพียงแค่การแสดงออกมันแย่ไปบ้างก็เท่านั้น" เขาเห็นสิ่งที่ซาฮาลพยายามทำมาตลอด อีกฝ่ายทำได้กระทั่งลงประลองวาร์ดาพื่อให้ได้ตำแหน่งเหนือหัวในอนาคตมารับรองความปลอดภัยของเลสธีราห์ มันช่างเป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่องสำหรับเขา

"ต่อให้เลสไม่เห็นความดีของเจ้า... แต่ข้าเห็นตลอดนะ" คนพูดยิ้มกว้างอย่างจริงใจ

แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นเองทำให้คนฟังรู้สึกมึนตึงอื้ออึงไปชั่วขณะ และเหมือนกับว่าได้ยินเสียง 'ป๊อป' ดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู "อา... เจ้านี่มัน..." ว่าที่เหนือหัวถอนใจพลางส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดบางอย่างออกไปจากหัว "ทำไมข้าจะต้องดึงดันวิ่งข้ามทะเลทรายไปหาบ้าน ในเมื่อบ้านอยู่แค่ด้านหลังข้านี่เอง"

คนฟังเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง แต่อึดใจต่อมา รีดาห์ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเอนกายมาหา ช้อนใบหน้าของเขาชขึ้น และแนบริมฝีปากจูบเขาอีกครั้งโดยไม่ขออนุญาต ร่างโปร่งเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ ถลึงมองคนตรงหน้าที่อยู่ใกล้เสียจนขนตาแทบจะสัมผัสกัน และโชคดีที่ซาฮาลหลับตา ไม่เช่นนั้นรีดาห์คิดว่าเขาคงจะอายจนอยากกระโดดอ่าวออโรราหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด

ซาฮาล!! เจ้าจะขโมยจูบข้าถึงสองครั้งไม่ได้!!

"อื้อ...!" เขาไม่อยากกัดปากอีกฝ่าย และซาฮาลก็ไม่ได้รุกรานอะไรมากกว่านั้น อาจจะเป็นการจูบเพราะความหมั่นเขี้ยว หมั่นไส้ หรือหยอกเย้า แต่รีดาห์จำได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยหยอกเย้าเขาแบบนั้น อย่างมากก็แค่เหวี่ยงมือฟาดก้นเขาแรงๆ สักทีหนึ่งเท่านั้น

ร่างสูงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระในที่สุด "อะ...!"

"ข... ข้าไม่ได้หมายความ...!" รีดาห์อ้าปากค้าง พะงาบราวกับต้องการด่าแต่ก็ด่าไม่ออก ใบหน้าของเขาแดงซ่าน และสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิบนใบหน้าที่ร้อนจนควันแทบจะออกหู "ฉวยโอกาส!" ร่างโปร่งกระถดตัวลงในอีกฟากของเตียง และเริ่มคิดว่าเขาควรจะอยู่ให้ห่างอีกฝ่ายเอาไว้จะดีกว่า ในตอนนี้ซาฮาลอาจกำลังสับสนและอ้างว้าง จึงหันมาหาคนข้างกายเอาดื้อๆ ก็เป็นได้

ซาฮาลลุกตามอีกฝ่ายมา แต่ด้วยความใหญ่โตของร่างเซนทอร์ทำให้เขาลุกจากเตียงนุ่มยวบนี้ไม่ได้ ว่าที่เหนือหัวถอนใจสั้นๆ ครั้งหนึ่งแล้วจึงยอมกลับเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง "เจ้าก็เอ็ดไป ไม่กลัวคนอื่นจะได้ยินหรือไร" ร่างสูงวางมือลงบนหัวของรีดาห์แล้วลูบเบาๆ แทนคำปลอบ "ข้าคงทำให้เจ้าตกใจจริงๆ"

"ไม่ตกใจก็บ้าแล้ว!!" รีดาห์ตะโกน แต่ก็ยอมให้ซาฮาลลูบหัวแต่โดยดี "บอกให้เตือนก่อนไงเล่า"

"อยากลองคบกับข้าไหม..."

ไม่เคยจะฟัง!!

รีดาห์สูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงโดยตั้งมั่นว่าจะไม่ตอบคำถามทื่อๆ อันแสนงี่เง่าของอีกฝ่าย "ข้าแค่อยากรู้... ว่าตกลงชอบเจ้าขึ้นมาจริงๆ หรือว่าแค่เหงา" น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้คนฟังแง้มเปลือกตาขึ้นข้างหนึ่งที่เพื่อสังเกตสีหน้าคนพูด ซาฮาลพยายามยิ้ม อีกฝ่ายมีรอยยิ้มมั่นใจอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นยิ้มที่เย้ยหยัน แต่ยิ้มของซาฮาลในตอนนี้เหมือนกับกำลังพยายามที่จะอ่อนโยน

"แต่มีข้อแม้หนึ่ง..." รีดาห์เงยมองอีกฝ่ายพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ

"ข้อแม้อะไรกัน"

"ห้ามปีนหลังข้า!!!"

ว่าที่เหนือหัวเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะชักมือกลับด้วยความตกตะลึงในคำพูดของอีกฝ่าย "นี่เจ้าคิดเลยเถิดไปถึงนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!" ในตอนนี้ซาฮาลคิดว่าเขาแค่อยากสัมผัสอีกฝ่าย อยากลูบหัว อิงหน้าผาก ประทับจูบเบาๆ และได้เห็นอีกฝ่ายยินดีไปกับมัน ...ทว่ารีดาห์กลับคิดไปไหนต่อไหน

"ข.. ข้าไม่ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว!"

"ได้!! เช่นนั้น... จะเอายังไงก็มาเลย!!"

.

.

.

ธีโอเดรถอนใจยาว เขาเอนตัวพิงพนักโซฟาตัวใหญ่ และค่อยๆ ขยับไปอิงไหล่ภรรยาที่นั่งอ่านสัญญาอยู่ข้างๆ แม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะเงียบสงบ ไร้ซึ่งความวุ่นวาย แต่ใครบ้างที่จะเข้าใจทูตเอลฟ์ผู้มีความสามารถในการฟัง ซึ่งสามารถได้ยินแทบทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนห้องพักชั้นบน "ลีอาห์... พาข้ากลับแอสทารอธสักทีเถอะ"

ราชเลขาไม่ปลอบโยน ทว่าตอบเสียงเรียบ "แก่ขนาดนี้แล้วยังจะอ้อนเป็นเด็กอีก..."

--------------------------------------------------
---------- END ----------


บุ้ยยย... ถ้าทุกคนจะชอบคู่รองขนาดนี้ 555

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ aft22423

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านรวดเดียวเลยจ้าาาา นี่หาเรื่องที่เป็นแฟนตาซีอยู่แล้วเรื่องนี้ก็ใช่อ่ะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านกันนะคะ จะติดตามเรื่องอื่นต่อไปแน่นอนคร้าาาาา

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: ASTAROTH พันธนาการดวงดาว [จบแล้ว]
«ตอบ #129 เมื่อ01-03-2017 13:53:45 »

แจ้งข่าวรวมเล่มนะคะ



ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/khaosapNOVEL/photos/a.202421206480303.49811.196766263712464/1257791170943296/?type=3&theater

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ASTAROTH พันธนาการดวงดาว [จบแล้ว]
« ตอบ #129 เมื่อ: 01-03-2017 13:53:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ llSJAr34

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
  สนุกมากเลยครับ ชอบคู่รองน่ารักดี ชอบแนวแฟนตาซีด้วย รู้สึกชอบจินตนาการมากกว่าเบื่อโลกแห่งความจริง ขอมีความสุขในโลกมโนดีกว่าเน้อ
   o13 :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yakkaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากกกกกก คือเป็นแนวแฟนตาซีที่ชอบที่ตามหามาตลอด ขอบคุณ​ที่เอามาลงเล้านะคะ ไม่งั้นเราคงไม่รู้จักเรื่องสนุกๆแบบนี้เลย เพราะเราไม่ค่อยข้ามไปอ่านเด็กดีเท่าไหร่ด้วย

มีเรื่องอื่นในซีรีส์ด้วยใช่ไหมคะ เดี๋ยวไปตามอ่านนะ

เราชอบเนื้อเรื่องมาก ผูกดี อินุงตุงนัง เดาไม่ได้เลยว่าใครจะทำอะไรต่อ ใครจะเข้าฝ่ายไหน การกระทำของตัวละครแต่ละตัวมาจากสถานการณ์ที่วางไว้และทำตามนิสัยของพวกเขาจริงๆ
ทั้งๆที่เหตุการณ์ซับซ้อนสับสน แต่อ่านแล้วเข้าใจ คืออ่านแล้วมันเนียนไปหมด ไม่สะดุดเลยสักนิด เนียนแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในนิยายเรื่องอื่น ความแฟนตาซีของเรื่องนี้ก็ดีมาก ธนูธาตุเอย เผ่าต่างๆเอย ตอนอ่านฉากบู้เรื่องนี้แล้วนึกถึงเกมตระกูล fire emblem มีทหารม้าบินเหมือนกัน 555

ขอพูดถึงตัวละครที่ชอบที่สุด คือเอเรส ซาฮาล กับคุณป๋าของเลส
เริ่มจากเอเรสก่อน คือเราว่าคนอย่างเอเรสเก่งมาก น่ากลัวมากก เป็นอ่านเกมออก แล้วคำนวณบวกลบอะไรเรียบร้อยก่อนลงมือทำอ่ะ ในศึกน่านน้ำ โอเคว่าต้องให้เครดิตท่านป๋าของเลสที่ท่านแม่เขาดึงมาด้วย แต่คนที่ดึงเกมหลักก็ตาคนนี้เลย แม้แต่พี่ชายเขาเองเรายังมองว่าเป็นหมากในมือตาคนนี้ด้วยซ้ำ แต่โมเอะพอยต์มันอยู่ที่เขาทำเพื่อพี่ไง ออกแนวบราค่อน พี่ครับชมผมหน่อย เราว่ามันน่ารักอ่ะ เจ้าเล่ห์แต่ก็ทำเพื่อพี่ ตอนเฉลยที่มาของชื่อเรือ เลยรู้ว่าเขาเป็นคนแคร์ครอบครัวมาก.. พี่ชายเขาก็ดีนะ (ตอนทำหน้าที่ทูต ฉลาดพูดแบบเท่มากเหอะ) แต่ชอบคนที่อยากทำอะไรก็ทำแบบอาเรสมากกว่า

ซาฮาล สงสารตานี้ คืออ่านตอนต้นๆก็คิดอยู่ว่า นี่ชอบเลสใช่มั้ยนี่ แต่มาสายซึน ซึ่งเลสมองไม่ออก แต่รีดาห์กับคนอ่านมองออกอยู่นะ 555 เลยรู้ว่าที่ทำน่ะหวังดี ตอนแรกเลยแอบเชียร์ให้เป็นพระเอก แต่มาคู่กับรีดาห์ก็ไม่ขัดใจนะ เพราะรีดาห์เป็นคนที่รับรู้ความดีตรงนี้ของเจ้าตัว มองข้ามปากร้ายๆของเจ้าตัวได้ คู่กับคนนี้มีความสุขกว่าคนที่ไม่เห็นค่าเขาแหละนะ

ส่วนคุณป๋าออกน้อย แต่แย่งซีนชาวบ้าน มาที่เดียวแถบคว่ำกระดาน ชอบโมเม้นตอนอยู่กะคุณแม่ อารมณ์ว่าคุณแม่ยายจะไม่ชอบหน้าลูกเขย แต่พ่อตาก็จะแบบ.. เอาน่าคุณ ใจเย็นๆ.. ไรงี้ 555 ตอนล้อลูกตัวเองนี่ก็น่ารักกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2017 10:25:25 โดย yakkaru »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด