[เรื่องสั้น] ☻☺☻ เหงา...ตัวเท่าบ้าน ตอนพิเศษ.ความปึ๋งปั๋งของเด็กหนุ่ม(?) P.3 จบ.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ☻☺☻ เหงา...ตัวเท่าบ้าน ตอนพิเศษ.ความปึ๋งปั๋งของเด็กหนุ่ม(?) P.3 จบ.  (อ่าน 15004 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขอให้สมหวัง...ปากหนักกันทั้งคู่แล้วเมื่อไหร่จะได้หายเหงา    :เฮ้อ:

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยกตำแหน่งแม่ยกดีเด่นให้เจ้เบบี้ 55555
จะสรุปความสัมพันมี่คืนนี้เลยมั้ยน้าาาาา อุอุอุ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอยไร ใช่รอยลิปสติกปะ
ค้างงงงงงงง
รออย่างใจจดใจจ่อ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0


- เหงา - จบ -







ผมหยิบเสื้อยืดกางเกงบอลแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า นั่งจิบเบียร์กระป๋องที่เหลือบนที่นอน ไถมือถือเหมือนชิลสุดๆ แต่ในใจนี่ตื่นเต้นสุดๆ


บอสเป็นคนยิ้มง่าย เปลี่ยนสีหน้าบ่อย แสดงออกความรู้สึกทางสีหน้าและแววตา เรื่องเมื่อกี้ยังติดหูผมอยู่เลย ผมรู้สึกไม่ค่อยพร้อมเจอหน้าเขาไงก็ไม่รู้


“ชุดนี้เหรอครับ ผมใส่แต่กางเกงก็ได้ ปกติผมไม่ใส่เสื้อนอนอยู่แล้ว”


“อ้าว ก็เห็นใส่เสื้อทุกวันนี่นา” ผมพูดถึงตอนที่วีดีโอคอลกัน


“ก็พวกนั้นผมยังไม่ได้จะนอนนี่ครับ ขอบคุณนะครับ มีผ้าห่มไหม ผมจะออกไปนอนโซฟา”


“นอนนี้แหละ จะไปนอนโซฟาแคบๆ ทำไม”


“ขอบคุณครับพี่ แต่ไม่ดีกว่า ตอนนี้ผมเหม็นขี้เหล้ามากเลย” มันทำท่าดมตัวเองฟุดฟิดๆ แถมยังทำหน้ารังเกียจตัวเองสุดๆ


“ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีผ้าห่มด้วย มีแค่ผืนนี้ผืนเดียว อีกอย่าง อย่าให้ต้องเปลืองไฟเปิดแอร์สองห้อง เข้าใจไหม” เขาหัวเราะทันที ยอมพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปใส่เสื้อ


อ้าว เมื่อกี้บอกนอนไม่ใส่เสื้อ?


เด็กตัวโตเดินช้าๆ มานั่งเช็ดหัวอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะคอม ผมเลยชี้ให้เขาใช้ไดรเป่าผม จะได้แห้งเร็วๆ สักพักผมก็ใช้เขาปิดไฟ มีไฟหัวเตียงเป็นแสงสีเหลืองให้เขาพอมองเห็นทางกลับมาที่เตียง


บอสนั่งลงช้าๆ ค่อยๆ ยกขาขึ้นเตียง สรุปเขาคงเมามากจริงๆไม่งั้นคงไม่เอื่อยขนาดนี้ แต่ก็ดี ที่อาการเมาของเขาไม่เป็นพิษเป็นภัย ดูอ่อนแอไร้พิษสงซะจนน่าเอ็นดู...


เอ่อ ผมคงใช้คำผิด น่าสงสารมากกว่า น่าสงสาร









ผมยังไม่ปิดไฟ ยังคงนอนเล่นมือถือต่อไปเรื่อยๆ


“ทำไมเมื่อก่อน พี่ถึงบ่นเหงาบ่อยๆล่ะครับ” บอสถามผม ทั้งที่ตัวเองตาจะปิดอยู่แล้ว


“เหงาก็บอกเหงา พี่เป็นคนยอมรับความจริง”


“แล้วทำไมไม่มีแฟนซะทีล่ะครับ”


“หาง่ายรึไง มีขายในบิ๊กซี หรือเซนทรัลล่ะ?”


“ลองไปเดินอิเกียรึยังครับ ที่นั่นของแปลกๆเยอะนะ”


“ขี้เกียจเดินในเขาวงกต หลง พี่ต้องหลงแน่ๆ”


“ฮ่าๆๆๆ”


“แล้วเราล่ะ”


“อะไรครับ”


“ทำไมยังไม่มีแฟนไง”


“ผมไม่รีบครับ รอมาตั้งหลายปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป”


“คนที่ชอบเหรอ เขาเป็นคนยังไงล่ะ” ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ผมก็ยังจะถาม


นั่นสินะ ผมลืมไปซะสนิท มั่วแต่เข้าข้างตัวเอง หลงตัวเองจนลืมไปเลยว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถึงจะมีวูบนึงที่คิดว่าเขาหมายถึงผม แต่การคิดในแง่ร้ายมันง่ายกว่าปลอบใจตัวเองด้วยความคิดดีๆมากนัก


ทั้งที่ถามออกไป ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ไม่อยากให้เขาตอบเลยสักนิด จะถามออกไปทำไมนะ


“ไม่บอกหรอกครับ เดี๋ยวพี่แย่งผมจีบ”


“ดีขนาดนั้นเลย ต้องสวยมากแน่ๆ”


“สำหรับคนอื่นผมไม่รู้ครับ แต่สำหรับผม เขาสวยมาก”


“แล้วเขารู้ไหมว่าเราชอบเขา”


“ไม่แน่ใจครับ บางทีเขาก็ดูเหมือนรู้ตัวนะ แต่บางทีก็ชอบทำให้ผมวุ่นวายใจ”


“ยังไง”


“ไม่บอกหรอกครับ เดี๋ยวพี่รู้ว่าเป็นใคร ฮ่าๆๆ”


“แสดงว่า ไม่คิดจะเปลี่ยนใจจากเขาเลยใช่ไหม”


“ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเปลี่ยนนี่ครับ?”


“ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าเที่ยวให้ความหวังใครเขารู้ไหม มันบาป” ผมพูดช้าๆ ทำเป็นเล่นมือถือบังหน้า เหมือนบอกเหมือนสอนน้องคนนึงปกติธรรมดา


ผมว่า อาการผมมันจะหนักเกินไปแล้ว ผมไม่สามารถห้ามมือตัวเองไม่ให้มันสั่นได้เลย


“ครับ ผมจะไม่ให้ความหวังคนอื่นอีก”


“ดี นอนได้แล้ว” ผมกดล็อกมือถือ วางไว้ข้างเตียง และกำลังปิดไฟ


“ไม่มีหมอนข้างง่ะ” บอสดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม ขยับตัวไปมาใต้ผ้า เขาก็ยังคงเป็นบอสคนเดิม ที่ไม่ว่าทำอะไร ผมก็ไม่เคยถือสาอะไรกับเขาได้จริงจัง


“ถ้ากอดกู กูเตะ”


“ฮ่าๆๆๆ”





บางที เจ้าของลิปสติกนั้น อาจจะเป็นเจ้าของหัวใจของหมอนี่ก็ได้


ถ้าบอสมีแฟนขึ้นมาเมื่อไหร่ โรคขี้เหงาของผมต้องกลับมาซ้ำรอย ขนาดวันนี้แค่มันไม่รับโทรศัพท์ยังพาลขนาดนี้ แล้วถ้าถึงวันที่โทรหามันไม่ได้เลยล่ะ


ผมต้องแย่แน่ๆ ความเหงามันคงไม่ปราณีผมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ไหวหรอก แค่คราวก่อนอาทิตย์เดียวผมถึงกับน้ำหนักลดไปสามโลเลยนะ ไม่เหลือให้ลดไปกว่านี้แล้ว


เห้อออ ผมกลายเป็นคนใจแตกกลัวความเหงาขึ้นสมองเพราะเขาแท้ๆ






......................................................






“เฮ้ย รอยมาได้ไงว่ะเนี่ย”


“อะไร?”


“เนี่ยพี่ ลิปสติก สีแดง ใหญ่มากเลยด้วย”


เหอะ!


“ก็ไปกอดใครมาบ้างล่ะวันนั้น หรือเยอะจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”


“ฮ่าๆๆๆ พี่ประชดเหมือนเมียหลวงของคุณพระอะไรแบบนั้นเลย”


“ซักผ้าไป ให้คุ้มกับที่ซุกหัวนอน”


“ฮ่าๆๆ คร้าบบบ”


กลายเป็นว่า น้องมันต้องนอนค้างห้องผมตั้งแต่คืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ก็คงอยู่ค้างอีกวัน เพราะเมื่อสายๆ เจ้าตัวกลับอพาร์ทเม้นท์ตัวเองแล้วเจอจดหมายน้อยแปะอยู่หน้าห้องธุรการแจ้งว่าเจ้าหน้าที่หอพักลางานยาวๆ


ก็เลยต้องกลับมาคอนโดผม ซักชุดที่มันใส่มาเมื่อวานเพื่อใส่ไปทำงานวันจันทร์ ผมเลยใช้ซักชุดผมให้ด้วย แต่ก็แค่จับหย่อยใส่เครื่องแล้วรอตากหรอกนะครับ


“พี่ วันนี้มีธุระที่ไหนไหมครับ” โอ้ ถามแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ


“มี” ผมตอบทันที ด้วยความมั่นใจเสียงดังฟังชัดเลยล่ะ


“เหรอครับ” บอสรับคำแค่นั้น แล้วเงียบไป อยากจะเห็นหน้าหงอยๆ แต่จากตรงนี้มันมองไม่เห็น เสียดายจริงๆ


ผมถือหนังสือมือเดียว เดินมาหยุดพิงกำแพงข้างเครื่องซักผ้า ไม่ได้เหลือบไปมองบอสหรอก ทำเป็นอ่านหนังสือทำไก๋ไปงั้น


“ขยี้ผ้าเสร็จยัง ไปอาบน้ำ”


“?”


“ทำหน้างงอีก”


“หะ?”


“ไปดูหนังไง ‘ไว้พี่อยากไปเดี๋ยวจะบอกให้พาไป’ ไง ทำเป็นจำไม่ได้” ผมทวนคำตัวเองให้เขาฟัง


ผมจำได้นะว่าวันนั้นตอนที่เขาได้ยิน บอสกลั่นยิ้มมากขนาดไหน จนถึงกับต้องหันไปยิ้มให้ฟ้าที่ไม่มีดาว 


“โอ้ะ”


“อะไร? จะไม่พาไป?”


“ไปครับไป”


“อ้าว เสร็จแล้วนี่” จะว่าไปผมก็ลืมสังเกตไปเลย บอสนั่งหน้าเครื่องซักผ้าที่เริ่มทำงานแล้ว เขานั่งบนพื้นนิ่งๆ ไม่ยอมลุกออกมา


อย่าบอกนะ เสร็จตั้งนานแล้ว แล้วไม่ยอมเดินมาคุยกันดีๆ นั่งตรงนี้คุยกับผมตั้งแต่แรก


“ทำไมไม่ลุก รออะไร จะนั่งรอตรงนี้จนผ้าแห้งเลยรึไง”


“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ฮ่าๆๆๆ”


ผมเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า ผมกับบอสไม่มีทางใส่เสื้อผ้าไซซ์เดียวกันได้ แต่ผมก็ยังพยายามหาชุดที่เขาจะใส่ได้แล้วไม่ดูแปลกมากนักจากตู้ของผม แต่ดูเหมือนว่านอกจากชุดนอนที่ใส่อยู่ตอนนี้มันจะไม่มีเลย


“พี่ไม่ต้องหาหรอก เดี๋ยวผมใส่ชุดนี้แหละ” บอสมายืนซ้อนข้างหลังผม ตัวสูงๆของเขาคงมองข้ามหัวผมได้สบายๆ


“เปลี่ยนหน่อยน่า” ผมขยับจากฝั่งซ้ายหลบมาขวาการมีเขาซ้อนอยู่ข้างหลังมันรู้สึกแปลกๆ


“ที่ผมจะบอกคือมันคงไม่มีชุดที่ผมจะใส่ได้ในนั้นหรอกพี่ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวไปซื้อใหม่เลยดีกว่า”


ผมก็รู้ว่ามันไม่มี เสื้อผ้าตัวเองมีอะไรบ้างทำไมจะไม่รู้ แต่ที่พยายามหาเนี่ยมันไม่มีอะไรจะทำต่างหากล่ะ ออกไปห่างๆหน่อยได้ไหมเนี่ย จะขยับตามมาทำไมอีกนะ






……….






บ่ายวันเสาร์นี่คนเยอะจริงๆ แค่เดินสวนกับฝูงคนในห้าง ผมก็ตาลายแล้ว


บอสได้ชุดใหม่สองชุดมาแบบง่ายๆ ด้วยการเดินไปร้านเสื้อผ้า หยิบ แล้วเดินไปรูดบัตรทันที ช่างเป็นคนง่ายๆจนน่าตกใจ


“ดูเรื่องอะไรดี” ผมพูดขึ้นตอนมาถึงหน้าโรงหนัง ยืนดูโปรแกรมหนังแล้วก็ยังคงตาลายอยู่ดี เรื่องอะไรเป็นเรื่องอะไรบ้างล่ะเนี่ย


“อ้าว ผมนึกว่าพี่เลือกมาแล้ว”


“ก็มีเรื่องที่อยากดูหลายเรื่องนี่ นี่ก็น่าดู หนังผีก็อยากดู”


“ไม่เอาหนังผีนะครับ”


“โอเค ดูหนังผี”


“พี่เจ”


“ป่ะ ซื้อตั๋ว”


“...” เด็กตัวโตทำหน้าสยดสยอง แต่ก็เดินตามผมมาติดๆ


บอสไม่เคยขัดใจผมได้สำเร็จหรอกครับ ถึงเขาเหมือนจะไม่เต็มใจ แต่เอาเข้าจริงเขาก็ยอมคล้อยตามผมเสมอ


จริงๆผมแค่แกล้งเขา เพราะรู้ว่าเขากลัวผีเท่านั้นเอง ไปถึงเค้าร์เตอร์ซื้อตั๋วบอสถึงได้ทำหน้างงตอนที่ผมบอกชื่อเรื่องและรอบกับพนักงาน


“2 ที่ 480 ค่ะ”


บอสยื่นบัตรเครดิตเงาๆ ให้พนักงาน ระหว่างที่เขาเซ็นผมก็นึกสงสัย ถึงทักตอนนี้ก็สายไปแล้ว รูดเสร็จเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วนี่





“ทำไมไม่ใช้บัตรที่ได้มาวันก่อนล่ะ”


“อ้อ ไม่ได้ลืมนะครับ แต่มันอยู่ที่หอ”


“นี่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีบัตรลดแล้วทำไมไม่บอก”


“ก็ผม อยากมาดูหนังกับ เอ่อ สรุปอันนั้นค่อยใช้วันหลังก็ได้ยังไงซะมันยังไม่หมดอายุ เดี๋ยวผมพามาใหม่”


“เฮ่”


“เอาน่า ไปเดินเล่นรอหนังฉายกันดีกว่า หิวไหมครับ ไปหาอะไรกินไหม?”


ผมไม่หิว บอสเองก็ยังไม่หิว บอสเลยลากผมไปเดินโซนของตกแต่งบ้านแถมยังทำท่าจะซื้อนั่นซื้อนี่จริงๆขึ้นมาอีก ผมเลยเบรกไว้ เพราะวันนี้เรามาดูหนัง ไม่พร้อมแบกของใหญ่กลับห้อง อีกอย่าง แกเข้าห้องตัวเองไม่ได้อยู่นะวันนี้เจ้าบอส อย่าเพ้อ ซื้อไปก็ต้องใส่ไว้ในรถ ลำบากแย่








เราเดินไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายชัดเจน จนมาถึงโซนห้องนอน


“ผมซื้อให้นะครับ”


“หา?” ผมมองหมอนข้างในมือบอส เขาประคองด้วยสองมือเหมือนถือถาดอาหารมาเสริฟให้ผม


เดี๋ยว หมอนข้าง


“เอาไว้ที่ห้องพี่เหรอ”


“ใช่ครับ”


“กะจะเอาไว้ก่ายเองใช่มะ”


“ฮ่าๆๆ”


“หัวเราะแบบนี้...”


“เอาน่า” บอสคะยั้นคะยอ ผมกำลังจะแย้ง แต่จู่ๆก็มีเสียงทักแทรกขึ้นมา





“บอส”


“เอ่อ หวัดดีวาวา”


บอสวางหมอนข้างลง เพราะแขนข้างนึงถูกเกาะไว้ ด้วยเด็กผู้หญิงคนเดิม ที่เจอที่ร้านข้าวมันไก่วันก่อน


ถึงผมจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่บอสชอบแน่ๆ แต่ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมแบบนั้น แววตามุ่งมั่นที่มองตรงไปแค่ผู้ชายตรงหน้าเธอแบบนั้น เหมือนกับกำลังไล่ผมให้ถอยไปไกลๆอย่างงั้นแหละ


เอ่อ แล้วแต่จะคิดเลย




“ทำไมไม่ตอบไลน์วา โทรไปก็ไม่รับ”


“อ้อ เอ่อ พอดี ดูหนัง แล้วก็ไม่ได้เปิดเสียงตั้งแต่ตอนนั้น วาวา มีธุระอะไรสำคัญรึเปล่า โทรมาตั้งหลายสายนี่”


บอส มึงยังไม่ได้ดู มึงแค่ซื้อตั๋ว


แต่ก็เอาเถอะ มันเป็นการแก้ตัวที่ทำให้ผมอยากหัวเราะจริงๆ


ผมเดินเลยไปดูหมอนข้างอีกยี่ห้อใกล้ๆปล่อยให้เขาคุยกันไปละกัน


“วาแค่จะคืนของ ไม่มีอะไรซะหน่อย”


“อะไรเหรอ?”


“กุญแจไง” เสียงกรุ่งกริ้งทำให้ผมเผลอเหลือบไปดู


“อ้อ อยู่ที่วาเหรอ ดีจัง ขอบคุณนะ” ผมเห็นบอสแบมือตรงหน้า แต่ดูเหมือนจะรอเก้อ เพราะสาวเจ้าไม่ยอมยื่นอะไรคืนมาสักอย่าง


“ช่าย วาเห็นมันตกอยู่ข้างโซฟาที่เรานั่งเมื่อคืน”


“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบใจนะ” บอสแบมือขึ้นกลางอากาศ เธอมองมือเขาแล้วยิ้มนิดๆ


“ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ นะ”


“คือ ไม่ได้หรอก ผมมากับรุ่นพี่แล้ว คือ เกรงใจเขาน่ะ”


“ไปด้วยกันสามคนเลยก็ได้” เธอยังไม่ลดความพยายาม ยังคงพูดด้วยท่าทางร่างเริงเป็นมิตร แต่ดูเหมือนบอสจะมองข้ามรอยยิ้มนั้น เขาทำหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด


“วา คือ ไม่ดีหรอก วาจำที่เราบอกได้ไหม เรามีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะ”


“จำได้ เกี่ยวอะไรกับกินข้าวเหรอ?”


“คือ เขาคือคนนี้ เราไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด แล้วก็คิดมาก เพราะฉะนั้น วาอย่าทำให้เราลำบากใจเลยนะ”


“...”


“โทษที แต่ขอกุญแจเราคืนนะ”


เธอยอมส่งให้ ทั้งที่เม้มปากคิ้วผูกโบว์ มองมาที่ผมอย่างเจ็บแค้น นั่นคือความรู้สึกของเธอ





ส่วนผม ผมรู้สึก หน้าชา ทำหน้าไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก


บอสแกะมือของผู้หญิงคนนั้นออก เดินมาดันหลังผมให้เดินต่อ ออกห่างจากเด็กผู้หญิงคนเดิม


“ไปโรงหนังกันเถอะครับ เดี๋ยวแวะเข้าห้องน้ำก่อนเข้าโรงอีก”


เราเดินคู่กันเงียบๆ บอสไม่พูดอะไรเลย แล้วผมควรจะพูดอะไรล่ะ?


“ป็อบคอนไหมครับ”


“อื้ม”


ผมยืนรอข้างหลังระหว่างที่เขาสั่งของกับพนักงาน พอผมได้มองเขาจากข้างหลัง


เราคุยกันทุกเรื่อง เหมือนจะรู้จักกันดี แต่ก็มีอีกเยอะแยะมากมายที่เราไม่เคยเอ่ยถึงเลย ระหว่างเรา มันอาจจะมีช่องว่างมากกว่าที่คิด




ตอนที่ดูหนัง เราไม่ได้พูดคุยกันเลย


มีครั้งนึงที่ผมเผลอหันไปมองเขา แล้วบอสรู้สึกตัว เขาหันมายิ้มบางๆให้ผม ก่อนหันไปดูหนังต่อ


ผมไม่รู้เขาเห็นอะไรจากผม แต่ผมเริ่มสงสัยว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ผมว่าเราควรจะคุยกันจริงๆ จังๆ สักที








ตลอดทางที่อยู่บนรถท่าทางเขาปกติ ออกจะอารมณ์ดีด้วยซ้ำ


สุดท้าย ก็เป็นผมเองที่ทนเฉยต่อไปไม่ไหว


“ทำไมไปบอกเขาแบบนั้น” ผมเริ่มพูดตอนที่เราเริ่มกินข้าวกันที่ห้อง เขาบอกว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณที่ผมให้ค้างด้วยเมื่อคืน


“หื๋อ วาวาเหรอครับ”


“ใช่”


“ก็... งั้นล่ะครับ ผมมีคนที่ชอบ...อยู่แล้ว” เขายิ้มเหมือนจะเขินให้กับช้อนตัวเอง ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด


“มีคนที่ชอบอ่ะรู้ แต่ทำไมต้องมาอ้างกูวะ” นี่ต่างหากเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องไปหลอกเขาแบบนั้น แถมยังพูดต่อหน้าผมเหมือนจงใจให้ผมได้ยิน ไม่คิดเลยเหรอว่าผมจะรู้สึกยังไง


โคตรรู้สึกแย่ที่มันไม่คิดจะแคร์ผมเลย


“พี่ไม่ชอบเหรอครับ?”


“อ้าว ถ้าบอกชอบกูคงเป็นโรคจิตอ่ะ ชอบอะไรในมโน ชอบเรื่องโกหกงี้เหรอ จะบ้าป่ะ”


“พี่รังเกียจผมเหรอครับ” บอสมีสีหน้าจริงจัง ผมเองก็รู้ตัวว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน เขาถึงให้หยุดกินแล้วคุยกับผมอย่างจริงจัง


“เดี๋ยว ถามงี้หมายความว่าไง”


“พี่ไม่ชอบเรื่องที่ผมบอกวา?”


“ไม่”


“...”


“ทำไมไปบอกเขาแบบนั้น แค่บอกว่าไม่ชอบเขาก็น่าจะพอ ทำไมต้องอ้างบุคคลที่สาม” ซึ่งคือกู ต่อหน้ากู


“ถ้าผมบอกว่าชอบพี่ พี่จะเกลียดผมใช่ไหม?”


“ใช่เรื่องจะมาถามอะไรแบบนี้ตอนนี้ไหมเนี่ย” อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย


“ถ้าพี่คิดว่าผมล้อเล่น ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คนอื่นเข้าใจพี่ผิด ตกลงพี่จะเกลียดผมใช่ไหม”


“ทำไมต้องเกลียด”


“ก็พี่ไม่ชอบ”


“บอส”


“ครับ” เขาขานรับ แต่หลบตาผม


“ขอนะ เอาดีๆ พูดมาตรงๆ ไม่ต้องเล่นคำแล้วได้ไหม” ผมสับสัน อะไรที่เขาพูดจริง อะไรที่


“ขอโทษครับ ผมทำไม่ได้” เขาหลับตา มีสีหน้าเจ็บปวด


แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น


“บอส!” ทำไมจู่ๆ ก็มาดื้อเอาเวลาแบบนี้วะ


“พี่เจครับ พอก่อนได้ไหม ผมไม่พร้อมจริงๆ”


“พร้อมอะไรวะ ต้องรออะไรวะ มึงพูดอะไร เอาแต่พูดอะไรที่มันเข้าใจยากๆ วกไปวนมา กูงงไปหมดแล้วเนี่ย แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่พร้อมอะไร บอกมา”


“พี่...” การอ้อนวอนของเขาไม่มีผล ตอนนี้ผมต้องการคำตอบ ผมต้องการความจริงของเรื่องนี้


“พี่ขอสั่ง ให้บอกมา ถ้ายังนับถือกันเป็นพี่”


แล้วแทนที่มันจะตอบ มันกลับพูดให้ผมงงเข้าไปอีก


“ผมไม่พร้อมจะเสียพี่ไป อย่าบังคับให้ผมพูดเลยนะครับ”


“...”


โว้ยยยย วันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย เสียอะไร ทำไมต้องเสีย ผมหงุดหงิดจนแทบระเบิด พูดแต่เรื่องขัดใจ ทำไมวันนนี้มันไม่ว่าง่ายเหมือทุกวัน ผมลุกออกจากโต๊ะ แล้วเดินไปรอบๆ


“...”


ผมเงียบ บอสก็เงียบ


“แล้วทำไมต้องทำหน้าจะร้องให้แบบนั้นด้วย ทำไมห่ะ คนที่มึงชอบเป็นคนเดียวกับที่กูชอบรึไง กลัวกูแย่งรึไงถึงไม่ยอมบอก จะบอกให้นะ หล่อๆอย่างมึงใครเขาก็ไม่ปฏิเสธหรอก หน้าสวยกว่าผู้หญิงอย่างกูนี่ต้องคิดมาก จีบผู้หญิงเขาก็คิดว่าเป็นเพื่อนสาว เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้ชายส่งสายตาให้ แม่ง น่าหงุดหงิดชิบหาย”


“แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นผมล่ะ?”


“มึงว่าไงนะ?” ผมมองกลับไปด้วยแววตานิ่งขึง รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา


“เปล่าๆๆ ผมล้อเล่นครับ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น”


“มึงเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น เรื่องแบบนี้มันล้อเล่นได้เหรอว่ะ มึงเป็นคนประเภทที่ลองใจคนอื่นด้วยเรื่องนี้เหรอ”


“คือ...”


“เคยบอกแล้วนะ ว่าอย่า อย่าเที่ยวให้ความหวังคนอื่น ถ้าไม่มีใจ” แล้วมึงจะมาให้ความหวังกูซ้ำแล้วซ้ำอีกทำซากอะไร


“พี่เจ”


เหมือนเขามีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา





“โอกาสสุดท้าย มึงชอบกู?” ผมตัดสินใจถามเขาออกไปตรงๆ ก่อนนี้ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่บอสบอกว่าแอบชอบมาตลอด ผมเนี่ยนะที่เขาชอบ? ไม่มีความเป็นไปได้เลย จนเมื่อไม่กี่วินานทีก่อนผมถึงสงสัย ว่าเขาหมายถึงผม คนที่เขาชอบคือผมจริงๆ


ถ้าเป็นอย่างนั้น...


“เอ่อ...” ผมยืนนิ่งมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น เขาค่อยๆ หลบตา ก้มหน้า เกามือตัวเองยุกยิก แถมหูแดงมาก ก่อนจะพยักหน้า แล้วส่งเสียงสั่นๆ ตอบกลับมา “ครับ”




ไอความร้อนพุ่งขึ้นหน้า มึนงงสับสน ผมลุกพรวดขึ้นทันที  ก่อนที่จะคิดอะไรต่อผมจ้ำอ้าวเข้าห้องนอน




“พี่เจ พี่เจครับ”


ผมไม่ตอบ ปิดประตูใส่เขาที่เห็นด้วยหางตาว่ากำลังลุกตามมา


ทำไมเป็นผมล่ะ ทั้งหมดนั้นเขาหมายถึงผมเหรอ?


หลังจากเบบี้ถามผม ผมก็มองเขาใหม่ ไม่สิ มองเขาเปลี่ยนไป แอบคิด แอบจิตนาการว่าถ้าเป็นแฟนกัน วันๆคงไม่น่าเบื่อ มีคนเล่าเรื่องตลกที่เจอแต่ละวันให้ฟัง มีคนที่ฟังเรา และสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง มันคงจะดี


เรื่องคืนนั้นทำให้ผมยิ่งฝังใจว่าจะต้องเป็นเขา แล้วอยู่ๆ เขาก็บอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ชอบมานาน ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน ในตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนคนอกหัก แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาไม่ผิดพร้อมๆกับที่ยอมรับว่าตัวเองเผลอคาดหวังไว้มากจนเกินถอนใจ ได้เวลาหยุดความคิดจินตนาการไร้สาระของตัวเอง แล้วกลับไปเป็นเพื่อนกัน เอาจริงๆตอนนั้นผมถอดใจไปแล้ว รับผิดชอบที่ทำตัวเองรู้สึกแย่ด้วยการปลอบใจตัวเอง


ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ หัวใจผมเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอก ตื่นเต้นจนหน้าร้อน แต่มือกลับเย็นไปหมด








“พี่เจครับ ผมขอโทษ”


บอสเคาะประตูเบาๆ แล้วพูดกับประตู ผมที่ยืนพิงประตูอยู่ ถูกแรงสั่นสะเทือนของประตูเขย่าหัวใจซ้ำอีก


“อย่ารังเกียจผมเลยนะครับ” คนรังเกียจที่ไหนเขาจะหน้าแดงแบบนี้ล่ะ


ไอ้บ้าเอ้ย


“อย่าหลบหน้าผมได้ไหม ผมทนไม่ได้ถ้าไม่ได้เจอไม่ได้คุยกับพี่”


“พี่ครับถ้าพี่ไม่อยากเห็นหน้าผม ผมจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก แต่ขอแค่อย่าบล็อกผม ข้อความถ้าผมส่งมาบ่อยน่ารำคาญนานๆกดอ่านทีก็ได้ ไม่ต้องตอบทุกข้อความหรือทุกวันก็ได้ สองสามวันตอบครั้ง หรือ หรือตอบอาทิตย์ละครั้งก็ได้ นะครับ” เสียงอ่อนอ้อนวอนจนผมแทบทรุด


อะไรจะเยินยอยอมผมหมดทุกอย่างขนาดนี้ มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ!





“บอส”



“คะ ครับ”


“สิ้นเดือน สัญญามัดจำหอจะหมดใช่ไหม”


“เอ่อ ใช่ครับ แต่ผมไม่ย้ายไปไหนนะครับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆพี่ แบบ คือ ถ้าเผื่อพี่มีอะไรให้ผมช่วยจะได้มาได้ทันทีไงครับ ใช้ผมได้ทุกอย่าง อย่า อย่าไล่ผมนะครับ”


“ไม่ย้ายจริงๆ เหรอ”


“ไม่เอาครับ อย่าไล่ผม”


“ให้ย้ายมาที่นี่ก็จะไม่มาเหรอ?”


“เอ๋”


“บอส”


“คะ ครับ”


“มาไหม?”


“มาครับ ย้ายครับย้าย ย้ายวันนี้เลยได้ไหมครับ”


“บ้าเหรอจะรีบไปไหน”


“ก็ กลัวพี่เปลี่ยนใจ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆๆ”


“หัวเราะบ้าอะไรนักหนาเล่า”


“พี่เจ ออกมาหน่อยสิครับ”


“ไม่ออก”


“ยังกินข้าวไม่เสร็จเลยนะ”


“อิ่มแล้ว”


“ผมอยากเห็นหน้า ออกมาหน่อยสิครับ”


“ไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจโว้ย”


“เขาเรียกอ้อนต่างหาก ออกมาหน่อยนะครับ”


“ไม่ ออก โว้ย” ผมตะโกนสุดเสียง


โคตรเขิน พูดออกไปได้ไง แบบนี้มันยิ่งกว่าตอบรับว่าชอบเหมือนกันซะอีก


ชวนเขามาอยู่ด้วยเฉยเลย บ้า มึงต้องบ้าแน่ๆ





แป็บเดียวเขาก็โทรเข้ามา


“ปิดกล้องทำไมครับ ผมอยากเห็นหน้า”


“โว้ยยย เดี๋ยวก็ได้เห็นจนเบื่อ”


“ไม่เบื่อหรอกครับ”


“รู้ได้ไง”


“ดูจากความรักของผมไงครับ” เขาเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน


ถึงผมจะปิดกล้องทางผมก็ตาม แต่ทางไอ้เด็กนั้น มันเปิดกล้องแล้วทำหน้าหล่อใส่กล้องมารัวๆ


เห้อ


กูจะทนเด็กอ้อนได้สักกี่น้ำวะ




กี่น้ำ...




ไม่ ไม่น๊าาาาาาาา








-------------------------------------------------------------------------
จบ.
แฮ่!

----------




ฝากรอตอนพิเศษ >>ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย  กับ >>ความปึ๋งปั๋งของเด็กหนุ่ม

แต่ก็ขอพัก สักพัก 5555 ขอกลับไป "ปั่นมะนาว" ให้ทุกคนดื่มก่อนเนอะ อิอิ

จบไปแล้ว อาจจะไม่ค่อยครบ สมบูรณ์นัก ขอใช้ข้ออ้างว่ามันเป็นเรื่องสั้น 555555 (อย่า อย่าโยนขวดมาที่ฮับ)
ถือว่าชิลๆขั้นเวลาแล้วกันเนอะ

เปิดให้ถามเรื่องที่ยังติดค้าง สงสัย ไม่เคลียร์ของคู่นี้นะคะ นึกอะไรออกทวงมาเลยค่ะ จะได้รวมมาเล่าในตอนพิเศษกันซะเลย ให้พวกนางตอบกันเอง ดีกว่าให้คนเขียนมาอธิบาย มันแห้งแล้งขาดสีสันเนอะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคะแนน และบวกเป็ดจ้าาา


ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนพิเศษ :L2:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
รอด้ายยย รอกินมะนาวด้วยยย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เจ รู้แล้วว่าบอส ชอบตัวเอง
แล้วเอาแต่เขิน เก็บตัว ไม่กล้าออกมา 
อะไรจะเขินขนาดนี้
บอสก็เหลือเกิน อ้ำๆอึ้งๆ ไม่พูดซ้ากที ขัดใจจริงจริ้ง
นี่ถ้าพี่เจ ไม่ถามว่า "มึงชอบกู"
ก็จะไม่พูดออกมาจนแก่ตายไปใช่ม้าย   :ling1: :ling1: :ling1:
อะไรจะไม่กล้าขนาดนี้ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
บอกชอบไม่กล้า แล้วเวลาจะกอดจูบพี่เจ อย่ากล้านะ ฮึ่ม.....
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบเขิล..ลลลลลลลลลลลล รอตอนพิเศษด้วยใจจดจ่อ    :z3:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โอยยย น่าร้ากก อยากอ่านตอนพิเศษด้วยจังค่าา

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :ling1: :ling1:
ทำไมเถียงกันเหมือนคนละเรื่อง แต่น่ารัก 555
ป็อดกว่าบอสคงไม่มีอ่ะ แกกล้าพูดต่อหน้าคนอื่นหน้าตาเฉย แล้วพออยู่กันสองคนทำไมเงียบ!

ทำไมใช้คำว่ารอมาตั้งนาน นี่แกไปแอบเล็งพี่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่สารภาพมาซะดีๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
เฮ้อ ........... กว่าจะเข้าใจกันได้ ปากแข็งกันจริง (แอบอยากให้จบแบบต่างคนต่างไป)


ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
กว่าจะบอกได้ ลุ้นแทบแย่ 555

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
น่ารักมากเลยค่ะ รออ่านตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น่ารักมากค่ะ พี่เจเขินแรงแซงทางโค้งไปเลย
รอลุ้นวันเขาย้ายมาอยู่ด้วยกันแหล่ะ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักมากกกกกกกกกกกก
พี่เจ ชวนมาอยู่ด้วยเลยยย เขินแรงงงง
นึกว่าจะมาม่าซะแล้ว บอสแทรกซึมมาเรื่อยๆ
ถ้าเข้าหาแลบจีบ พี่เจคงถอยแต่แรกแล้วแน่ๆ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :mew1:ชอบมากเลย

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
อ่านแล้วอิจฉาอิเจมากกกกกกก

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป ชอบ

รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มารอตอนพิเศษ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อะหือ... ขนาดอ่านรวดยังรู้สึกหน่วงแรงเลยค่ะ
พี่เจก็สับสน น้องบอสก็ไม่กล้า ดีนะพี่เจยอมเสี่ยงไม่งั้นไม่รู้ใจกันซ้ากกที
รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

- เหงา - ตอนพิเศษ -

- ความจริงที่ถูกเปิดเผย ของบอส -






“ต่อไป มีอะไรก็พูดกันตรงๆ รู้ไหม โตๆ กันแล้ว อย่าโกหกโดยอ้างว่ากลัวพี่จะรับไม่ได้ มันเป็นการดูถูกน้ำใจกัน”







“ผมนึกว่าพี่เขิน ที่ผมบอกชอบพี่ซะอีก”


“เขินเชี่ยไรล่ะ กูคิดว่าเรื่องล้อเล่น ไม่งั้นจะเงียบทั้งวันเหรอ”


“...”





ผมนี่มันโง่ ความรู้สึกช้า แล้วก็ซื้อบื้อชิบหายเลย ชอบเขาแท้ๆ แค่นี้ก็ดูไม่ออก



มาลองคิดดู ตอนนั้นผมพูดในขณะที่คู่สนทนาคือวาวาเลขาผม พี่เจยืนอยู่ไกลออกไปหน่อยแต่ก็มั่นใจว่าเขาจะได้ยินทั้งหมดที่ผมคุยกับวา



“ผมขอโทษครับ ผมควรจะบอกพี่ตรงๆ แต่ ให้สบตาพี่แล้วพูด ผมไม่กล้าจริงๆ เลย ทำเหมือน แบบ ให้พี่ได้ยินเอง”


“กูนึกว่ามึงคิดอะไรไม่ออกก็เลยแกล้งบอกเขาไปงั้นๆเพื่อไล่เขาไปให้พ้นๆ โว้ยยยยย”


ผมอยากเป็นคนเปิดเผย และทำให้เขาเห็นด้วยตาตัวเองไง ว่าผมจะไม่ให้ความหวังใครอีก อย่างที่เพิ่งรับปากกับเขาไว้ในคืนก่อนไปดูหนังนั่นเอง


ผมพูดตรง ผมพูดความจริง ตอนนั้นไม่ได้มีความคิดสักนิดเลยว่าเรื่องมันจะกลับกลายเป็นเขาคิดว่าผมกำลังโกหกเพราะแค่อยากจะตัดรำคาญ ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย


“พี่คิดว่าผมใช้พี่เป็นเครื่องมือ?”


“เออ โกรธมาก แล้วยังทำหน้าระรื่นลอยหน้าลอยตา อยากเตะให้คว่ำ”


“ที่เสียใจมาก เพราะรักผมมากเห็นผมพูดแบบนั้นก็เลยผิดหวังงั้นสินะครับ”


“ไอ้เด็กนี่”


“ฮ่าๆๆๆๆ” ผมลุกขึ้น กระโดดหลบหมอนที่พี่เจปามา


คนอะไร เขินได้ตรงจุด น่ารักที่สุดอ่ะ




ผมจะบรรยาย ‘พี่เจในสายตาของผม’  ให้ฟังนะครับ จะได้เข้าใจว่าทำไมผมถึงรักร้ากกกกรัก


พี่เจสูงประมาณ 170 อยู่ในเกณฑ์เตี้ยถ้าตัวเทียบคือผม ผิวเขาขาวจนแทบจะเรียกว่าซีด แต่ในสายตาผมเขาเปล่งประกายเหมือนมีฟีลเตอร์บางๆ ห่อหุ้มตัวอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าเรียวยาวไม่มีโหนกไม่มีรอยตัดตรงกรามมันเนียนมลไปหมด ตากลมโต คิ้วเข้มแต่เป็นทรงบางเล็กไม่เหมือนคิ้วผู้ชายทั่วไป จมูกรั้นแบบคนดื้อ หน้าเรียวเล็กคางแหลมปากบางกระจับมุมปากหยักเหมือนคนแก้มเยอะๆทั้งที่เขาผอมมาก  ผมตรงทิ้งตัวพลิ้วๆ ถึงจะตัดสั้นทรงพนักงานทั่วไปมันก็ยังดูฟูน่าจะนุ่มมือมากถ้าได้สางมือกับผมเขา เพราะดูใกล้ๆ ผมเขาเส้นบางมาก เวลาต้องแสงแดด มันกลายเป็นประกายสีน้ำตาลอ่อนเหมือนขนโกเด้น 


จนผมล่ะอยากจะกลายร่างเป็นหมาที่กระโจนใส่เขาเมื่อไหร่ก็ได้แบบไม่ต้องมีเหตุผล


นั่นแหละครับ อย่างที่ผมเคยบอก ‘เขาสวยมากในสายตาผม’ แหม ตอนพูดแบบนั้นออกไปต่อหน้าพี่เจผมกลัวแทบแย่ว่าเขาจะจับได้ว่าผมหมายถึงเขาเองนั่นแหละ แต่จากการพูดคุยท่าทีเขาหลังจากนั้น ผมเลยคิดว่าเขาคิดว่าผมพูดถึงคนอื่น!


โอ้ยยยยย จนผมอดที่จะดีใจจนกลั้นความตื่นเต้นแทบไม่ไหว แหม ก็เขาแสดงออกว่านอยชัดเจนเลยนี่นา หลังจากผมเหมือนจะเพ้อถึงนายในฝันให้เขาฟังไงครับ เขาคิดว่าเป็นคนอื่นก็เลยเสียใจ ที่จะสื่อคือเขาอยากให้ผมบรรยายอะไรที่เป็นเขาสินะ


พอคิดอย่างนี้ ตอนนี้ผมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวอีกแล้ว หลังๆมานี้ผมไม่ค่อยเกรงใจ  อยากยิ้มก็ยิ้มเลย





“แต่พี่เหมือนเดิมเลยนะครับ” ผมกำลังจัดของของผม ในห้องของพี่เจ คิดแค่นี้ผมก็ยิ้มอีกแล้ว


วันนี้ เราย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว


เราเป็นแฟนกันๆๆๆ


“เหมือนเดิม อะไร?”


“เวลาโมโหแล้วชอบด่า”  ผมหัวเราะแบบไม่มีเสียง


ไม่รู้เขารู้ตัวไหมนะ แต่ผมจะรู้เลย ถ้าเขาเริ่มขึ้นมึงกู เริ่มมีคำหยาบโพล่มา เริ่มด่ากราด มีสองกรณีคือ โมโห กับกำลังเขิน


“หา?”


“ครั้งแรกที่เราเจอกันไง พี่จำได้ไหม”


“มันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ใช่ตอนนั้นใช่ไหมล่ะ?”


“ไม่ใช่ที่เซเว่นวันนั้นอยู่แล้ว เราเจอกันนานแล้วตอนนั้นพี่อยู่ปีสี่ ผมอยู่ปีหนึ่ง” ผมพูดเรื่อยๆ อยากบอกความประทับใจแรกให้เขารู้มานานแล้ว “พี่กำลังจะไปงานบายเนียร์กับฟรอยเพื่อนสนิทผม งานที่จัดอยู่ไกล ทุกคนดูเหมือนกำลังจะไปงานไม่มีแทคซี่ให้โบกเลยแถวนั้น ฟรอยเห็นผมขับรถผ่านมันจำรถผมได้ก็เลยโบกให้ผมจอด”


“...” พี่เจนิ่งฟัง ขมวดคิ้ว ทำท่านึก ปากบางของเขาเริ่มเม้มเข้าหากัน


ขนาดท่าสงสัยยังสวยเลยทุกคนนนนนน


“พอผมจอด มัน กับพี่ ก็กระโดดขึ้นมาบนรถผมโดยที่ไม่ถามความเห็นผมสักคำ” นึกย้อนกลับไปก็ตลกดี


“...”


“ผมก็ขับของผมปกติ เห็นพี่นั่งนิ่งเงียบตลอดทางผมนึกว่าพี่กลัวสาย เลยเหยียบให้นิ๊ดหน่อย มารู้ทีหลังว่าที่พี่นั่งนิ่งๆเพราะพี่กำลังไม่พอใจวิธีขับรถของผม ฮ่าๆๆๆ เพราะพี่เห็นว่านิสัยการขับรถของผมเป็นยังไง พอใกล้ๆถึง พี่ก็เริ่มด่าผม” นึกถึงตอนนั้นแล้วผมก็ยิ้มออกมาซะเฉยๆ ก่อนจะพูดต่อ


“นี่ชีวิตขับรถแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ คิดบ้างไหมว่าคนอื่นหลบรถมึงเขาอาจจะเบี่ยงไปเหยียบหัวใครเข้าก็ได้ แคร์คนร่วมถนนบ้างไม่ใช่เห็นแก่ตัวคิดว่าตัวเองมีคันเร่งติดตีนแล้วจะขับยังไงก็ได้ รถก็ออกจะแพง พ่อแม่มึงไม่ได้เสียเงินเป็นล้านเพื่อซื้อรถให้มึงใช้เป็นโลงศพเคลื่อนที่ขับไปตายนะเว้ย”


พี่เจเบิ่งตาโตเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง อ้าปากค้างเลยล่ะ


เขายกมือขึ้น ชี้มาที่ผม ผมเลยพูดต่อ


อยากตายเร็วก็ขับเหมือนเดินต่อไปแล้วกัน พี่ทิ้งท้ายแบบนี้ ไม่ขอบใจผมสักคำ ฮ่าๆๆๆ ตอนนั้นผมอึ้งมาก งงเลย”


“เป็นเราเหรอ ตอนนั้น” เหมือนเขาจะนึกออกแล้ว “ทำไม...”


“ครับ ผมเอง รถก็คันเดิม เปลี่ยนก็แค่ป้าย ไม่แดงแล้ว จำไม่ได้จริงๆ เหรอ”


“จำไม่เห็นได้ ไม่เห็นเหมือนตอนนั้นเลย”


“ตอนนั้นผมดัดฟัน” ผมยิงฟันให้ดู จริงๆก็ไม่ใช่แค่ดัดฟันหรอก หน้าผมมีแต่สิว เพราะไม่ค่อยอาบน้ำเล่นแต่เกม กินแต่อาหารขยะ นอนดึกตื่นสาย ชีวิตเด็กหอปีแรกใจแตกสุดๆเลยล่ะ


“ไม่ใช่ เรื่องขับรถ”


“ทุกวันนี้ผมขับรถเหมือนวันนั้นไหมล่ะครับ?”


“ก็ไม่เลยไง ถ้าขับเหมือนเดิมต้องจำได้แน่”


“ฮ่าๆๆๆ เพราะผมรักคำด่าของพี่ไงครับ ตอนแรกก็จะโมโหแล้วแหละ แต่ไอ้ฟรอยตบไหล่แล้วบอกว่า ‘โทษทีนะมึง อย่าคิดมากนะเว้ย พี่กูด่าๆอย่างนั้นแต่จริงๆเพราะเขาเป็นห่วงมึงหรอกนะ ซ้อนมอร์ไซค์กูก็ด่ากูเหมือนกัน อย่าคิดมากมึง เขาพูดเพราะเขารักมึง’ มันพูดงี้”


“ไอ้ฟรอย!” ฟรอยเป็นหลานรหัสของพี่เจครับ มันเป็นเพื่อนสนิทผมตั้งแต่ม.ปลาย จนตอนนี้ก็ยังติดต่อกันตลอด ต้องขอบคุณมันหลายอย่าง ผมติดเลี้ยงเหล้ามันด้วย ความดีความชอบของมันเยอะมากครับ บรรยายไม่ถูก ถ้าไม่มีมัน ผมคงถอดใจไม่กล้าไล่ตาม(นายใน)ฝันมาถึงทุกวันนี้


“ต้องขอบใจมันหลายเรื่องเลยแหละ นี่มันดีใจกว่าผมอีก ตอนที่ผมบอกว่ากำลังจะย้ายมาอยู่กับพี่”


“ห่ะ! มันรู้เรื่อง”


“มันอยู่เบื้องหลังทุกอย่างเลย อย่าง แอบกดรับแอดเฟสผมจากคอมพี่ สืบเรื่องแฟนพี่ หาที่อยู่พี่ให้ผม หรือยุให้ผมทักแชทพี่วันนั้น” เริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมครับว่าไอ้ฟรอยคนนี้เป็นใคร ก็ไอ้ วายุพรรค มนต์ตรา ที่ตามเม้นทุกสเตตัสของผมที่เพ้อถึงพี่มันไงครับ


“แสดงว่าคุยเรื่องแอบชอบผู้ชาย กับเพื่อน?”


“แหะๆ ครับ ก็ช่วยไม่ได้อ่ะ ผมชอบพี่มาก” ตอนผมพูดก็ยังสบตากับเขาตรงๆอยู่หรอก แต่พอคิดได้ว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกไป รวมกับเห็นสายตาพี่เจ ผมก้มหน้ามองไปทางอื่น


“อย่าบอกนะว่า ชอบ...ตั้งแต่ตอนนั้น” เสียงของพี่เจไม่เหมือนคนกำลังโกรธ แต่เหมือนกำลังไล่ต้อนผมอย่างสนุกสนานมากกว่า


โหยยยย อย่าแกล้งผมสิครับ ก็รู้อยู่ว่าพี่คือจุดอ่อนของผมอ่ะ!


“ก็ไม่เชิงหรอกครับ เป็นเหตุผลให้มองพี่บ่อยๆ มากกว่า แต่...สักพักก็ชอบจริงๆ”


พี่เจดูอึ้งไปเลย อ้าปากพะงาบๆ หาเสียงตัวเองไม่เจอสักที


“แล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะทักมาเลย ไม่เคยเจอ ไม่เห็นได้คุย”


“ผมนึกว่าพี่มีแฟนแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าเราห่างกันมาก ถึงผมจะจีบพี่ หรือโชคดีเราอาจจะได้คบกัน ด้วยหลายๆอย่าง เราก็คงไปกันไม่รอด”


“ก็จริง”


“ผมเลยมาอยู่หอนี้ไง ฮ่าๆๆ ผมแอบเห็นพี่ที่เซเว่นตั้งหลายทีกว่าจะกล้าเข้าไปทัก เข้าออกเซเว่นจนพนักงานรู้ว่ามารอพี่ แล้วก็เริ่มมีแบบแซวด้วย”


“เฮ่” จากที่หยิบนั่นหยิบนี่ออกจากกระเป๋าผมอยู่ดีๆ พี่แกชักสีหน้าหันมามองผม ผมเลยทำตาปริบๆ ยิ้มสู้


“ไม่เอานะ ไม่โมโหนะ”


“...” เขามองผมเหมือนกำลังชั่งใจ แล้วสุดท้ายก็ถอนหายใจส่ายหน้า


ได้ที ผมเลยโน้นตัวลง นอนเกือบราบไปกับพื้น อิงหัวลงกลางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของผม เอียงมองคนรักของผมจากมุมต่ำ อยากทำให้เขายิ้มให้ได้


“ขมวดคิ้วบ่อยๆ ตีนกาขึ้นนะครับ”


เขายิ่งย่นคิ้วเชิงท้าทาย แล้วทำท่าทางบอกให้ผมถอย ผมก็ยังดื้อวางหัวแหมะที่เดิม จนสุดท้าย เขาก็ยิ้มให้กับความปัญญาอ่อนของผมจนได้


“เอาหัวออกไปน่า”


“ฮ่าๆๆ”


เหมือนจะยอม แต่ไม่เคยยอมง่ายๆเลย เดาทางยากจริงๆ






“แล้วนี่ ของมีแค่นี้จริงๆเหรอ?”


พี่เจวกถามคำถามเดิมอีกครั้ง จริงๆข้าวของผมมีเยอะกว่านี้ แต่ผมเลือกมาแค่นี้ กระเป๋าใหญ่เสื้อผ้ากับกระเป๋าเล็กพวกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคส่วนตัว โทรศัพท์ ไอแพท คอมกับแม็คบุค เพราะดูแล้วที่นี่ก็มีข้าวของเครื่องใช้ครบถ้วนดีอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้การตกแต่งห้องที่สวยงามของคนรักผมต้องรกเปลี่ยนไปเพราะของใช้ไม่จำเป็นของผม


“เหลืออีกลัง อยู่ที่รถครับ” มีอย่างนึงที่ผมเห็นว่าที่นี่ยังไม่มี และผมใช้เวลาอยู่กันมันเยอะจนรู้สึกผูกพันกับมันไปซะแล้ว เลยอยากให้มาอยู่ด้วยกัน


“เหรอ อะไรล่ะ ลงไปเอาขึ้นมากัน”


“เดี๋ยวตอนไปซุปเปอร์ค่อยเอาขึ้นมาก็ได้ครับ” ผมเกริ่นๆไปก่อนแล้วว่าอยากทำอะไรกินกันเอง เป็นการใช้เวลาด้วยกันด้วย


“นี่มาถึงจะโชว์ฝีมือทำกับข้าวเลยเหรอ?”


“ทำเองจะได้เลือกกินแต่ของที่ชอบไงครับ”


“แล้วจะทำอะไรให้พี่กิน”


“สปาเก็ตตี้ สเต็ก หรือสุกี้ดีครับ”


“มีแต่ของง่ายๆ นี่”


“หรือจะกินพะแนง แกงส้ม ขนมจีนน้ำยา” ผมเว้นวรรค “ส้มตำ ยำวุ้นเส้น หรือ ข้าวไข่เจียว?”


“ทำได้หมดเลยเหรอ ตกลงเรียนเศรษฐศาสตร์หรือเรียนเชพกระทะเหล็กมากันแน่?”


“ฮ่าๆๆๆ ก็ไม่ได้ทำได้ทุกอย่างหรอกครับ แต่ถ้าแฟนผมบอกว่าอยากกิน ไม่ว่าอะไรผมก็จะลองทำ”


“เห้อ เพ้อนะมึงเนี่ย”


“แล้วชอบไหมครับ?” ผมเผลอปากไวตอบกลับไปอย่างใจคิด ลืมนึกไปเลยว่าคนนี้เล่นมากไม่ได้


“...” พี่เจหันมามองผมอึ้งๆ ทำไมวันนี้พี่เขาอึ้งบ่อยจัง


เพราะผมขยันทำเขาประหลาดใจ หรือเราตื่นเต้นกับวันแรกของเราทั้งคู่จนอัลเลิดเกินปกติกันนะ


ผมดึงหน้ายิ้ม รอลุ้นอยู่นาน พี่เจแกไม่พูดอะไรสักที ผมรอฟังให้เขาพูดอะไรสักอย่างอยู่นานจนเริ่มหมดหวัง สุดท้ายก็คอตก ยอมแพ้ลุกเดินไปทางห้องน้ำเอาแปรงสีฟันกับของใช้ในห้องน้ำไปวางเข้าที่


ตอนที่ผมเข้ามาในห้องน้ำ กำลังจดจ้องกับกิจกรรมตรงหน้า มองหาที่ว่างเหมาะๆ ก็มีเสียงสรรค์ลอยตามลมมา


“ถ้าไม่ชอบ แล้วคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มายืนตรงนี้ไหมล่ะ”


เหมือนแสงสว่างสีทองที่สว่างมากๆ ส่องลงมากลางหัว เสียงพิณฝรั่งกรีดกรายลมอ่อนพัดไออุ่นต้องผิวและเสียงนกเล็กๆร้องทักทาย เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ


ถ้าไม่ชอบ?


ถ้าไม่ชอบ แปลว่า ชอบ เอ้ะ หรือยังไง เอ้ะ ผมเข้าใจถูกไหมล่ะเนี่ย


แปลว่าชอบอ่ะดิ โหยยยยย


ผมรีบโยนของในมือทิ้งแล้วโพล่หัวออกมาตรงประตูทันที


“นี่พี่กำลังบอกชอบผมเหรอ?” ผมถามย้ำทันที โอกาสอย่างนี้แหละที่รออยู่ จะรักจะชอบหรืออะไรก็ได้ อยากฟังหมดเลยยยยยยย


แต่สิ่งที่พี่เจพูดอีกครั้งหลังจากเห็นหน้าผมกลับเป็น





“ข้าวไข่เจียว”




“หา”


“จะกินข้าวไข่เจียว”



โหยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไรแว้


มาเปลี่ยนเรื่องง่ายๆแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นนะ ไม่เหลือ





ยังดี้ ที่คนนี้ผมหลงของผมมาก เลยรอดไป


ชิ้





...

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0



ก็นั่นแหละครับ มื้อเย็นเราจัดการง่ายๆ ด้วยข้าวไข่เจียวคนละจาน กับต้มจืดเต้าหู้ร้อนๆ พี่เจเป็นคนไม่กินเผ็ด มาม่ารสต้มยำยังเผ็ดเกินไปสำหรับเขาเลย เรื่องนี้ผมรู้มานานแล้ว แต่ก็อยากถามอยากรู้เรื่องพวกนี้จากพี่เจเองมากกว่ารู้จากไอ้ฟรอยนะ


หนึ่งเดือนมานี้เราเรียนรู้กันมากขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะไม่ต้องห่วงว่าหัวข้อไหนพูดได้พูดไม่ได้ และไม่ต้องกลัวสถานะจะถูกลดถ้าพูดอะไรผิดพลาดไป เขารับได้ทุกอย่างที่ผมบอกจริงๆ ถึงจะโดนมองแรงไปหลายที แต่ผมชอบที่เขาแสดงความรู้สึกทุกๆอย่างออกมาตรงๆ เขาที่เปลี่ยนสีหน้าไปมา มันดีมากๆเลย


เราเรียนรู้กันในฐานะคนรัก เป็นอะไรที่วิเศษเหมือนกำลังอยู่ในฝัน เมื่อวานตอนแพ็คของลงกระเป๋าผมยังคิดว่า เอ้ะ? หรือมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดของผมคนเดียว? จนกระทั้งพี่เจวีดีโอคอลมา แล้วถามคำแรกเลยว่าเก็บของเสร็จยัง แค่นั้นยังไม่พอ ยังถามอีกว่าให้ไปช่วยไหม


อิ อิอิอิอิอิ


ผมแทบจะลอย ยิ้มจนโดนด่าไปอีกรอบว่ายิ้มบ้าอะไรนักหนา





ตัดมาที่ปัจจุบันครับ เพราะไข่เจียวไม่ต้องไปซื้อของเพิ่ม ผมเลยเพิ่งลงไปยกของที่เหลือขึ้นมาหลังมื้อเย็น




“นี่มันกล่องอะไรน่ะ ใหญ่จัง”


พี่เจถามทันที เพราะจากขนาดของกล่องที่ทั้งใหญ่และยาวจนทำให้ผมต้องวาง เปิดประตูค้างไว้ แล้วยกเข้ามาในห้อง แบกกล่องของรักชิ้นสุดท้ายเข้ามาอย่างทุลักทุเลจนต้องใช้เท้าปิดประตู


มันเป็นกล่องสีดำกึ่งโลหะที่ดูทนทาน ทุกมุมทุกขอบมีโลหะหนาๆ ยึดโครงสร้างเพื่อความทนทาน กระโดดเหยียบก็ไม่ยุบ แต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยงทดลองบ้าๆ แบบนั้นหรอกนะครับ ลำพังกล่องอย่างเดียวก็เกือบหมื่นแล้วนะ อย่าให้รวมมูลค่าของข้างใน


“มาดูสิครับ เดี๋ยวผมประกอบเลย” ผมเดินเลยโซฟาไปใกล้ประตูกระจกระเบียง วางกล่องลงแล้วทำการเปิดอวดของรักให้คนรักดู


“หูว กล้องดูดาว”


พี่เจทำตาพราวระยับ ผมดีใจที่เขาชอบ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกเขา เรียกว่าจงใจปิดเลยแหละ ทั้งตอนวีดีโอคอล หรือพูดคุย ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้เขาได้รู้เลย


“ฮ่าๆๆๆ ชอบเหรอครับ”


“อื้ม เอาออกมาตั้งเลยๆ”


“กรุงเทพไม่ค่อยมีดาวให้ส่องหรอกครับ ยาก”


“เอาน่า ประกอบเถอะ”


“ค้าบๆ” ผมจัดการดึงขาตั้งกล้องออกมากางก่อน ใส่ตัวล็อก แล้วค่อยๆประกอบร่างสมบูรณ์ให้ลูกรัก


“ขยายเท่าไหร่”


“500 ครับ” ผมยิ้ม มองเขาที่ก้มๆ เงยๆ พยายามส่องที่เลนส์ตาทันทีทั้งที่ผมยังไม่ได้ปรับอะไรให้เลย


“ไม่เห็นอะไรเลยอ่ะ”


“ก็แน่สิครับ ผมยังไม่ได้ตั้งศูนย์ ไม่ได้ปรับโฟกัสเลย” ผมเดินไปอีกฝั่ง ดึงฝาปิดหน้ากล้องออกบอกถึงสาเหตุที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลยของเขา แน่นอนครับ ผมโดนมองแรงอีกแล้ว ฮ่าๆๆ


“อ้าว ต้องตั้งด้วยเหรอ?” เขาก็ยังก้มๆเงยๆพยายามมองที่เลนส์ตาต่อไป


“ครับ ใช้เวลานานด้วย อยากรู้ไหมครับ ผมจะได้สอนเลย วันหลังถ้าพี่จะเล่นจะได้เต็มที่เลยไง”


“แพงไหมว่ะ ถ้ามันพังคามือพี่อ่ะ”


“มันไม่พังง่ายๆขนาดนั้นหรอก เว้นพี่จะชนมันล้ม”


“โอเค จะไม่เข้าใกล้มันตอนเมา แล้วสรุป แพงไหมอ่ะ?”


ผมกระพริบตาปริบๆ ถ้าบอกความจริง เขาจะว่าผมอีกไหมเนี่ย


“ก็.... ไม่ถึงแสนหรอกครับ”


พี่เจปล่อยมือทันที แล้วถอยออกไปห้าก้าวจนขาติดโซฟา


 นี่ขนาดบอกแค่ราคากล้องมือสอง(ผมซื้อมือหนึ่ง) ไม่รวมขาตั้ง กล่อง แบต อุปกรณ์เสริมบลาๆๆ นะ


“อันเท่านี้แพงขนาดนั้นเลยเหรอ”


“ไม่หรอกครับ นี่ราคากลางๆ”


“มึงนี่รวยจริงๆ ด้วย ขนาดงานอดิเรกยังโคตรคุณหนู”


“ไม่ใช่งานอดิเรกซะหน่อย”


“อ้าว ชอบดูดาวนี่ไม่เรียกงานอดิเรกเหรอ?”


“ผมไม่ได้บอกซะหน่อยว่าผมเอากล้องไว้ส่องดาว”


“อย่าบอกนะ”


“ครับ ผมเอาไว้ส่องพี่”


“เฮ้ย ไอ้สโตรกเกอร์ นี่ไม่ได้ชอบธรรมดา โรคจิตด้วยเหรอเนี่ย”


“ฮ่าๆๆ แล้วพี่ยิ้มให้โรคจิตทำไมครับ ยิ้มแบบนี้โรคจิตก็เข้าข้างตัวเองแย่สิ”


“เอ่อะ แล้วแต่จะคิดเถ้อะ ตั้งกล้องไปเลย ไม่เรียนแล้ว”


“อ้าว”


“วันหลังถ้าอยากดูก็ใช้บอสไง ยากตรงไหน ไม? จะไม่ทำให้รึไง?”


ผมยิ้มสุดใจ ยิ้มจนเรียกได้ว่าปากจะฉีกถึงหูเลยเชียวล่ะ


ทั้งที่พูดเองแต่ดันกลายเป็นพี่เจเองที่ทำตัวไม่ถูก ตอนนี้เลยเดินหันหลังให้ผมไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้เปิดดื่ม ผมทำเป็นจดจ่อกันการตั้งกล้องต่อไปแต่ก็เหลือบมองเขาเป็นระยะ พี่เจมานั่งที่โซฟา แต่หันหน้ามาทางผมดูผมตั้งกล้องอยู่ห่างๆ ไม่พูดอะไรอีก



ผมว่าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองเกินไปนะ หลังจากรู้ใจผมเนี่ยเขาขี้เขินมาก (ที่ก่อนนี้ผมกลัวมากไม่อยากให้เขารู้เพราะกลัวเขาจะไล่ตะเพิดผมออกไปจากชีวิตเขาชั่วกัปชั่วกัลป์น่ะสิ เขาดูเป็นคนแบบนั้นนี่นา) แล้วดูตอนนี้สิ เขินแรงแต่ก็ยังชอบโมโหกลบเกลื่อนอีก แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งเห็นเขาเขินผมก็ยิ่งภาคภูมิใจ กระหยิ่มยิ้มย่อง อยากจะกระโดดหมุนตัวโชว์ แต่ติดตรงมันจะดูน่าเกลียดมากถ้าผู้ชายตัวโตๆ อย่างผมทำเนี่ยแหละ




“คอแห้งป่ะ?”


เสียงหวานของคนรักที่ถามอย่างห่วงใยแบบนี่แหละ ที่ผมเฝ้าใฝ่ฟันถึง


“ป้อนหน่อยสิครับ”


“...”


“กล้องมันไม่ถูกกับความชื้นเอามากๆเลยนี่ครับ ตอนนี้มือผมไม่ควรเปียกอ่ะ”


“อะอะอะ เดินมานี่” พี่เจยกกระป๋องขึ้นยื่นปากหลอดมาทางผม


ผมเดินเข้าไปหาเขาทันทีก่อนเขาเปลี่ยนใจ ดูดไปมองหน้าแฟนไป


ผมเลยโดนกล่าวหา





“ขี้ยั่วนะมึงเนี่ย”



ผมเปล่า ผมแค่มองคนที่ผมชอบอ่ะ ผมผิดตรงไหน





………………………………….




คืนแรกที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกัน มันจะเป็นยังไงนะ?
 


ผมคิดเรื่องนี้มาตลอด


แล้วตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วด้วย เวลาของการนอนที่โคตรจะน่ากลัวสำหรับผม


พี่เจอาบน้ำก่อนผม เขานอนกลิ้งเล่นมือถืออยู่บนเตียง เหมือนๆกับทุกวันที่เราวีดีโอคอลกัน แต่คือวันนี้ทุกอย่างมันเป็น 4D รูปรสกลิ่นเสียง มันชัดเจนเรียกว่าพุ่งชนผมทุกกิริยาของเขาเลย ผมตื่นเต้นมาก ออกจากห้องน้ำมา ทำอะไรไม่ถูกกระทั้งหาที่ตากผ้าเช็ดตัวก็หาไม่เจอ




“เรามีกรอบรูปไม่ใช่เหรอ ไม่เอาออกมาวางล่ะ ปล่อยนอนอยู่ก้นกระเป๋าทำไม”


“จะดีเหรอครับ”


“ทำไม?”


“ก็ในห้องพี่ ยังไม่มีรูปตัวเองเลย ผมจะเอารูปตัวเองมา ไว้ เอิ่ม...”


“เกรงใจ?”


“แฮ่”


พี่เจมองผมเหมือนกำลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเรียกผม “มานั่งนี่มา”


ผมเดินไปนั่งพิงหัวเตียงข้างๆเขา ตรงที่มือเขาวางเมื่อกี้


ถึงเขาจะใส่ชุดนอนแบบเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว แต่ความโคร่งกับความบางของชุดก็ยังมีพิษสงทำร้ายจิตใจผมได้มากมายมหาศาลนะ


“ครับ”


“เราเป็นแฟนกันแล้วถูกไหม?”


“ก็ถ้าพี่รู้ใจผมแล้วยังจะใจร้ายให้ผมเป็นอย่างอื่นล่ะก็...”


“ทีนี้ทำมาปากเก่ง”


“ฮ่าๆๆ”


“ที่จะบอกคือ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรมากมายก็ได้ เรายังวางตัวเหมือนพี่เป็นพี่ ไม่ใช่แฟนอ่ะ”


“ผมคิดอย่างนี้ครับ”


“ว่ามาสิ” พี่เจกุมมือผม แล้วยกไปวางบนหน้าขาเขา เขี่ยเล่นไปมา ผมเริ่มจะไม่มีสมาธิซะแล้ว


“พี่อยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่เรียนจบเลยใช่ไหมล่ะครับ”


“ใช่”


“ผมเลยคิดว่า พี่คงชินกับการอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวในอาณาจักรนี้ ของทุกชิ้นพี่เป็นคนหามาและเลือกเองว่าจะวางไว้ตรงไหน แล้วจู่ๆ มีข้าวของแปลกตาเพิ่มเข้ามาในห้อง มีคนมาวุ้นวายในชีวิตตลอด 24 ชั่วโมงอีก มันอาจจะทำให้พี่รู้สึกผิดหูผิดตาแล้วพาลหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดีเอาน่ะสิครับ”


“อ้าว พูดดักทางซะหมด แบบนี้ถ้าพี่อนุญาต วันหลังจะหงุดหงิดก็ไม่ได้แล้วอ่ะดิเนี่ย นี่เป็นแผนเราให้พี่พูดอนุญาตเองก่อนใช่มะ” พี่เจไม่ได้มีท่าทีโกรธผม เขากลับยกอีกมือขึ้นชี้หน้าแล้วจับผิดผมซะงั้น


“ไม่ใช่เลย ผมกลัวพี่จะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมแคร์พี่มากนะครับ ชอบพี่มาตั้งหลายปี เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่ผมจะจิตนาการคิดโน้นคิดนี่แทนพี่จนกลัวไปหมด”


“...”


“อย่าถือสาผมเลยนะครับ เพราะจริงๆ ผมกะจะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในชีวิตพี่ แบบไม่ให้พี่รู้ตัว”


“เหมือนที่จีบกูไม่ให้กูรู้ตัวใช่มะ”


“ทำไมจู่ๆก็โมโหขึ้นมาล่ะครับ”


“ยังไม่ได้ขึ้นเสียงเลย”


“ฮ่าๆๆ ก็ได้ครับๆ”


“นี่” พี่เจยกมือผมที่เขากุมอยู่นั่นแหละ ทุบกับขาตัวเอง แล้วเรียกผมเสียงห้วน


“ครับ?” คงนึกอะไรขึ้นมาได้แน่ๆ


“วันนั้นน่ะ”


“วันไหนครับ?”


“วันที่เรากินสุกี้กันที่ห้อง” เขาพูดมาถึงตรงนี้ ผมเริ่มเกร็ง ยังดีมือไม่กระตุก ถ้าซูมเข้ามาที่หน้าจะเห็นเหงื่อผุดเป็นเม็ดๆออกมาเลย


“สุกี้... เรากินสุกี้ที่ห้องพี่ตั้งสี่ครั้ง”


“ครั้งแรก ที่พี่เมาหลับ วันนั้นก่อนกลับ ทำอะไรพี่รึเปล่า”


“พี่ถามตรงๆงี้เลยเหรอ ไหนว่าหลับไม่รู้เรื่องไงครับ ทำไมจู่ๆมาถาม”


“ตอบมา ถ้าตอบไม่ดี โดนดีแน่”


ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก


โหดแท้แม่ยอดขมองอิ่ม


ความจริงวันนั้นคือหลังผมอุ้มพี่เจมาที่เตียงด้วยท่าเจ้าหญิง ผมยังนั่งมองหน้าพี่เจต่ออีกเกือบสิบนาที รู้ตัวอีกทีผมก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าพี่เจมากๆ ใกล้จนผมกลัวเขาตื่นเพราะลมหายใจแรงๆของผม ตาผมจ้องแต่ริมฝีปากของเขา เคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์ของจิตนาการตัวเอง


เหมือนตอนนี้ไม่มีผิด!


แต่วันนั้นไม่รู้ทำไมผมเปลี่ยนใจ เหลือแค่แตะเบาๆบนหน้าผากอุ่นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว รู้สึกตัวก็คือตอนที่จูบลงไปแล้วตอนที่สัมผัสยังค้างอยู่ที่ริมฝีปาก หลังจากนั้นผมรีบถอยออกห่าง แล้วหนีกลับทันที!



“จะจ้องปากพี่อีกนานไหม หึ้”


“อ่ะ! ขอโทษครับ” ต้องตอบ ผมต้องตอบอะไรสักอย่าง ก่อนจะโดนดีอย่างที่ว่า “วันนั้นผม คือผมแบกพี่หนักมากเลย ผมเลยคิดค่าแรงไง”


“เหรอออออออ เป็นอะไรนะ”


“จุ๊บหัวล้านครับ”


“ไม่ล้านเว้ย ชิ้ หมดอารมณ์เลย” พี่เจโยนมือผมทิ้งทันที ฮ่าๆๆๆ แต่เขาก็ยังกุมหน้าผากตัวเองทั้งยังทำหน้าบึ้งใส่ผมอีก รู้เลยว่าที่จริงก็เขินผมใช่ย่อย


อยากทำอะไรสักอย่าง กลับไปจับมือนุ่มนิ่มแบบเมื่อกี้ เอียงหน้าไปซบ หอมแก้ม จุ๊บหัวล้านอีกที หรือจับจูบเลย แต่แบบ ไม่รู้จะทำอะไรดี แค่คิดยังคิดไม่ตกเลย เพราะมัวแต่มองความน่ารักของเขาจนค้างอยู่ที่เดิมอีกแล้ว




เอาว่ะ ด้านได้ อายอด อะไรไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่เริ่ม ก็ไม่มีตอนต่อตามมา เพราะฉะนั้น ผมจะเริ่มแล้วนะ...





“แล้ว มีค่าแรงของไข่เจียววันนี้ไหมครับ”



พี่เจจ้องผมจนผมไม่กล้าสู้สายตา ประมาณว่านี่ยังมีหน้ามาขออะไรแบบนี้อีก


“มีก็ได้”


พี่เจยกมือนึงขึ้นจับหัวผม อีกมือวางลงข้างแก้ม ดึงหน้าผมลงไป จูบลงบนหน้าผากของผมอย่างรวดเร็ว มันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกที เขาก็ปล่อยผมเป็นอิสระ ตัวเองเลื่อนตัวลงนอนราบไปกับเตียงแถมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเรียบร้อยเชียว


แต่นั่นแหละครับ ผมก็ยังอึ้งค้างตาโต ยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเองไปพร้อมๆกับมองเขาที่ทำเป็นนอนหลับตาสวยๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้อะไร


แต่ความร้ายของเขาคือทิ้งยิ้มมุมปากไว้บนใบหน้า ทั้งที่รู้ว่าผมมองอยู่







ในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้เพื่อเขา พูดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย







----------------------------------------------------------
จบตอนพิเศษ 1.





กรุณาเรียกผมแค่ บอสคนหลงแฟน  เดี๋ยวพี่เจเขาจะเสียหาย

ชื่อตอนยาวไปเลยต้องตั้งใหม่ เอิ้ม
ความของอิน้องบอสยังค้างอีกหลายเรื่องเลย ไม่มีที่จะยัดแล้ว แง้


นี่ๆ ได้กันทุกเรื่องไม่เบื่อเหรอ? หาเอ็นซีในนิยายกันให้รึ่มนี่คือชีวิตจริงไม่มี(เหมือนกัน)ใช่ไหม ตอบบบบบ T0T
 

เหลือตอนพิเศษอีกตอนนะ รอกันด้วย ความปึ๋งปั๋งของของเด็กหนุ่ม งายยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2018 04:24:01 โดย Brosohub »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอนดำเนินเรื่อง ไม่ยักกะหวานแหว๋วแต๋วจ๋าเหมือนตอนพิเศษ ช๊อบ..บบ ชอบ
ส่วนเรื่อง NC ไม่เบื่อ บ่อยๆยิ่งชอบนะ #สายหื่น บอกเลย   :hao6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ทำไมรู้สึกเหมือน บอสน่ารักกว่าเจ   เป็นเมะที่มุ้งมิ้งมาก  น่ารัก  :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตอนพิเศษก็น่ารัก มุ้งมิ้ง
แต่ตอนหน้าพิเศษใส่ไข่ อิอิ

ออฟไลน์ PaiPo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เด็กบอส มีความเด็กหวั่นไหวง่าย  ตั๊ลล้ากกกกกก
แววกลัวเมียนี่ไม่ต้องพูดถึง ดูออกเลยว่ามาก 555555

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บอสคนหลงแฟนนนน
น่ารักกกกก ซื้อกล้องเป็นแสนเพื่อส่องงง ความพยายามและการลงทุนสูงมากจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด