▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)  (อ่าน 58087 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
«ตอบ #60 เมื่อ15-02-2017 00:32:36 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
«ตอบ #61 เมื่อ15-02-2017 13:51:51 »

555555 น่าร้ากกกกก

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
«ตอบ #62 เมื่อ16-02-2017 09:00:46 »

พี่ณินหวงแรงงงง ออกตัวแรงมากกกก
 :-[

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #63 เมื่อ17-02-2017 19:54:44 »

บทที่ 12

   “วันนี้ขอบคุณคุณณินมากเลยนะคะที่ตอบรับมาร่วมรายการกับทางเรา  แล้วก็... แล้วก็  ขอบคุณสำหรับซีนจัดหนักนะคะ”

   ต้อยตีวิดเดินก้มหน้าก้มตามาขอบคุณธรณินเป็นการใหญ่  แต่ระหว่างพูดคุยด้วยกลับไม่กล้ามองสบตาแม้แต่น้อย  หัวใจยังเต้นตึ้กๆ ไม่หาย  โอย... ตั้งแต่ทำรายการมา  ไม่เคยมีแขกรับเชิญคนไหนจัดให้ขนาดนี้มาก่อน  ธรณินยกมือรับไหว้ขอบคุณส่งยิ้มละลายใจให้หัวใจคนพูดด้วยทำงานหนักกว่าเดิม

   “แล้วก็ฝากขอบคุณน้องกรด้วยนะคะ  หาตัวไม่เจอเลยตั้งแต่ถ่ายทำเสร็จ  นี่พี่ก็อยากขอโทษน้องอีกรอบด้วยที่เมื่อตอนนั้นเผลอตัวเหวี่ยงใส่น้องไป”

   สำเนียงคนพูดมีความรู้สึกผิดอยู่จริงๆ ธรณินจึงรีบเอ่ยปลอบว่าไม่เป็นไร  พวกตนเข้าใจว่าเป็นเพราะอยากให้งานออกมาดีมากกว่า  จึงได้เสียงดังไปบ้าง

   “แต่ถ้าพี่ต้อยตีวิดอยากบอกกับเจ้าตัวอีกรอบก็รอนิดนึงนะครับพี่  ตอนนี้กานต์ไปเข้าห้องน้ำอยู่ครับ  ร้อนทีไรออกอาการขาดน้ำทุกที” ท้ายเสียงกลั้วหัวเราะ

   “แหมๆๆ รู้ทุกความเคลื่อนไหวเลยนะคะ  น้องไปไหน  ทำอะไร  โอ๊ย! พี่ล่ะอิจฉาจริงเชียว  อ้อ! ลืมบอกไป  ตอนคุณณินออกมาปกป้องน้องนะ  คุณณินหล่อมากกก... ที่บ้านยังมีแบบคุณณินเหลืออีกบ้างไหมคะ  พี่อยากได้แบบนี้”

   ยืนคุยกระเซ้าเย้าแหย่กันอีกเป็นพัก  กานต์ก็ยังไม่กลับมา  ส่วนพี่ต้อยตีวิดมีเคลียร์งานต่ออีก  เลยฝากคำขอโทษไว้ที่ธรณินอีกครั้งก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ  ทิ้งให้ธรณินเริ่มกระสับกระส่ายว่ากานต์จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า  หายไปนานสองนานขนาดนี้

   จนกระทั่งรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อ  จึงเห็นเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ยถืออมยิ้มเงยหน้าจ้องมองตัวเองอย่างไม่วางตาอยู่

   “ลุงคะๆ ลุงชื่อลุงณินหรือเปล่าคะ” เด็กหญิงเอียงคอเอ่ยถาม

   แค่กๆ ลุงที่ไหนจะหล่อโฮกขนาดนี้  อย่าให้รู้นะว่าเป็นลูกใคร  พี่จะตามไปโบกคุณพ่อคุณแม่สักทีสองที  ได้แต่นึกเข่นเขี้ยวในใจ  แต่เบื้องหน้ากลับยิ้มแย้มพร้อมลดตัวลงนั่งคุกเข่าให้เสมอตัวเด็กหญิง

   “ครับ  พี่ชื่อพี่ณิน  มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” ย้ำให้ชัดๆ ว่าชื่อ ‘พี่ณิน’ นะ

   “มีพี่ผู้ชายผิวขาวๆ ตัวสูงๆ บอกว่าชื่อกรอะค่ะ  เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม  เลยให้หนูมาตามลุงที่ชื่อณินค่ะ” แม่หนูพูดไปก็เลียอมยิ้มไป  กว่าจะฟังจบประโยคก็รอจนเมื่อย

   “หืม  แล้วพี่เขาอยู่ตรงไหนล่ะ  ไหนคนสวยบอกพี่ณินสิคะ”

   พอได้รับคำชมว่าสวย  เด็กหญิงก็บิดไปบิดมาอีกพักกว่าจะบอกได้ว่าคนฝากข่าวมารออยู่ที่ลานจอดรถ... รู้งี้ไม่ชมก็ดีเขินจนเสียเวลา  ธรณินก้าวเร็วๆ เดินไปทางที่จอดรถอย่างนึกกังวลจนชนโครมเข้ากับหญิงสาวร่างเล็กที่เดินสวนมาอย่างแรง  ตาคมตวัดดุทางสายตาทันทีคนยิ่งรีบๆ อยู่  แต่ปากก็เอ่ยขอโทษออกมาอย่างรักษามารยาท

   “โอ๊ย! ขอโทษค่ะ  เป็นอะไรหรือเปล่าคะ  ต้องขอโทษจริงๆ อุ๊รีบไปหน่อย”

   อุษาละล่ำละลักขอโทษที่เดินไปชนใครก็ไม่รู้เข้าอย่างจัง  จนเงยหน้าสบตาธรณินจึงลอบครางในใจว่าแย่แล้ว  ชนกับใครไม่ชน  แล้วดูตาพ่อสิ  จะกินหัวเราไหมเนี่ย  ฮือๆ วันนี้ตอนออกจากบ้านก้าวเท้าผิดข้างหรือไงวะเรา  ได้แต่ส่งยิ้มแหยนำไปก่อนแล้วค่อยเอ่ยเสียงอ่อยๆ ถาม

   “คุณณิน  จะไปไหนเหรอคะ”

   “พอดีกรเหมือนจะเป็นลม  รอผมอยู่ที่ลานจอดรถ  ถ้ายังไงรบกวนคุณอุ๊บอกพี่ๆ ทีมงานว่าผมขอลากลับก่อนก็แล้วกันนะครับ  ขอบคุณมาก”

   “คุณณินคะ  น้องกร...”

   พูดจบธรณินก็ก้าวยาวๆ จากไปทันที  ไม่ทันจะฟังเสียงเรียกของอุษาว่าตนเจอกับกรที่หน้าห้องน้ำเมื่อสักครู่  ไม่เห็นน้องเป็นอะไรเลย  ยังชวนกันออกไปดูต้นแสงจันทร์ด้านหน้าด้วยซ้ำ  แต่ช่างเถอะ  ให้ออกไปรอเก้อข้างนอกนั่นล่ะ  อยากไม่ฟังเอง  ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ จากสาวสวยนะคะคุณณิน

   ธรณินรีบเดินจนเกือบจะเป็นวิ่งมาจนถึงบริเวณลานจอดรถ  แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการ  เหลียวซ้ายมองขวาสักพักจึงเห็นเงาตะคุ่มๆ แถวๆ ใต้ร่มไม้จึงรีบเดินเข้าไปหา

   “กานต์ๆ เป็นยังไงบ้าง” ธรณินเขย่าเรียกร่างที่นั่งซบศีรษะเอนพิงกับต้นไม้  จนเมื่อคนที่เอนตัวอยู่ลุกขึ้นนั่งตัวตรง  จึงได้รู้ว่าผิดคน

   “ขอโทษครับผมทัก... อื้อ”

   ผ้าขาวถูกยื่นมาโปะปิดครึ่งปากครึ่งจมูกอย่างแม่นยำ  กลิ่นฉุนจัดแผ่กระจายจนแสบไปทั่วทั้งโพรงจมูก  มารู้ตัวว่าถูกหลอกให้ออกมาก็สูดหายใจเอายาสลบเข้าไปเต็มรัก  สำนึกสุดท้ายจึงได้แต่เรียกชื่อคนที่เป็นห่วงอยู่ในใจอย่างแผ่วเบา

   “กานต์”

   “ครับ... พี่อุ๊ว่าอะไรนะครับ”

   อุษาซึ่งกำลังเดินดูต้นไม้อยู่กับกานต์สั่นหัวดิก

   “เปล่านี่  พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย  อ้อ... แต่ก่อนหน้านี้พี่พูดว่าถ้าชอบไม้ดอก  ต้นโมกก็ดีนะกร หอมเย็นๆ ชื่นใจดี”

   “ไม่ใช่ครับพี่... ผมได้ยินเสียงเหมือนใครเรียกชื่อ”

   ที่สำคัญ  เป็นชื่อ ‘กานต์’ ซะด้วย

   “อ๋อ... คุณณินมาตามหาตัวน้องกรรึเปล่าเอ่ย  เมื่อสักครู่พี่เห็นวิ่งไปตามตัวน้องกรที่ลานจอดรถแน่ะ  บอกว่าน้องกรกำลังจะเป็นลม  แต่พี่ยังไม่ทันได้บอกหรอกว่าน้องกรอยู่กับพี่  คุณณินก็เดินลิ่วๆ ไปซะก่อนแล้ว  พี่ไม่เรียกด้วยนะเอ้า! เมื่อเช้าอยากขู่พี่ดีนัก” อุษาพูดไปหัวเราะไปอย่างขำๆ

   “หืม... ผมเนี่ยนะเป็นลม”

   “ใช่ค่ะ  เห็นคุณณินเธอว่าอย่างนั้น”

   “งั้นผมไปดูพี่ณินก่อนดีกว่า  ป่านนี้ไปไล่ตามคว้าลมถึงที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”

   กานต์บอกลาอุษา  เดินมาจนถึงบริเวณลานจอดรถก็ยังไม่มีวี่แววของธรณิน  เดินไปดูที่รถก็ไม่อยู่  กำลังจะตัดสินใจเดินเข้าไปในสตูดิโออีกรอบก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวที่เหน็บไว้กับที่ปัดน้ำฝนเข้าเสียก่อน

   “ถ้าอยากเจอธรณินก็ตามมาที่นี่...”

   เนื้อความบนแผ่นกระดาษเป็นแผนที่ทางไปโรงแรมที่ไหนสักแห่ง  กานต์จับกระดาษในมือโบกไปมา  แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม  ก่อนจะเสกไฟขึ้นเผาทิ้งอย่างไม่ใยดี  ที่อยู่น่ะไม่จำเป็นหรอก  กานต์กำหนดจิตขึ้นมาตามร่องรอยที่ประทับไว้เหนือหน้าอกด้านซ้ายบริเวณหัวใจของธรณิน  พอเห็นว่าปลอดภัยดีก็เริ่มนึกสนุกขึ้นมา  ยิ่งเห็นคนที่นั่งคู่กันกับธรณินยิ่งคึกคักใหญ่

   “โอ๊ะโอ!... งานนี้เจอโจทย์เก่าอีกละ  สงสัยจะยังไม่เข็ด  กล้าจับเด็กป๋าไปเลยน้า หึๆๆ”

   กานต์หมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านในสตูดิโอ  เจอพวกพี่ๆ ช่างแต่งหน้ากำลังนั่งเม้าท์กับอุษาอยู่อย่างเมามัน  จึงคิดจะเดินเลี่ยงไป  แต่อุษาก็ส่งเสียงทักออกมาเสียก่อน

   “อ้าว! น้องกร  ยังไม่กลับเหรอคะ  แล้วเจอคุณณินรึยังเนี่ย”

   “สงสัยงอนเลยหนีกลับไปก่อนแล้วมั้งครับ  นี่ผมกลับเข้ามาเอาของเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับแล้วครับพี่  จะรีบตามไปง้อพี่ณิน”

   พูดจบก็ขยิบตาให้หนึ่งที  กานต์จำต้องกุเรื่องมาโกหก  เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต  แค่เรื่องเล็กๆ อย่างเด็กถูกลักพาตัวไปแค่นี้เอง  ป๋ากานต์จัดการได้  ไม่มีปัญหา

   “แล้วน้องกรคิดวิธีง้อพี่ณินได้รึยังคะ”

   อยู่ๆ ก็มีหนึ่งในกลุ่มสาวๆ โพล่งถามขึ้นมา  งานเลยงอกเห็นๆ ถูกมะรุมมะตุ้มซักถาม  เสร็จสรรพสาวๆ ก็เสนอวิธีใช้ตัวเข้าแลกในการง้อจะได้ผลดีที่สุด

   “พี่ขอเวลา 5 นาทีค่ะ  ไม่ๆ 10 นาทีดีกว่า  เดี๋ยวพวกพี่จัดให้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  เอาให้คุณณินเห็นน้องกรแล้วต้องน้ำลายหก  หายงอนแล้วกลับมาคลอเคลียไม่ห่างเลยนะคะ  มาค่ะๆ มานั่งทางนี้เร็ว”

   “พี่ครับ... ผมรีบอ่า...”

   กานต์บอกเสียงอ่อยแต่ไม่เป็นผล  เมื่อแต่ละนางลงมือจัดการซับมัน  จัดแต่งทรงผม  กุลีกุจอหาเสื้อผ้ามาลองให้อย่างสนุกสนาน  กานต์ได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาให้พี่ๆ จับแต่งตัว  ในใจแอบกำหนดจิตติดตามธรณินไปด้วย  แล้วก็ต้องขอบคุณการจราจรที่ติดหนึบให้ราวกับเป็นใจ  เขาจึงยังสบายใจหายห่วงได้

   “แท้แด... เสร็จแล้วค่า  ไปๆๆ ไปดูกระจกสิน้องกร  ให้รู้ไปว่าถ้าเห็นน้องกรในลุคนี้แล้วคุณณินจะยังใจแข็งโกรธน้องกรได้ลงคออยู่”

   โดนรุนหลังให้ไปยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แล้วก็ต้องตกตะลึงในฝีมือของสาวๆ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีไม่ขาดไม่เกินก็ทำได้ถึงขนาดนี้

   ภาพที่สะท้อนบนกระจกเงาบานโตคือหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก  ผมสีน้ำตาลทองถูกจัดแต่งให้เป็นม้าเต่อทางด้านหน้า (ทรงนี้ถ้าหน้าไม่ได้จริงๆ นี่ตายสนิทนะครับ - ป๋ากานต์ฝากเตือน) เสื้อเชิ้ตยีนส์แขนยาวสีครามถูกจับติดกระดุมตั้งแต่เม็ดบนสุด  ทำให้เห็นชายเสื้อยืดสีขาวเพียงเล็กน้อยจากทางด้านล่าง  กางเกงยีนส์สีซีดขาดเป็นริ้วๆเห็นขาขาววับๆ แวมๆ ยามก้าวเคลื่อนไหว  ที่สำคัญลุคหนุ่มน้อยน่ารักนี่คือเอกลักษณ์ของอิคคิวนี่นา  พี่ๆ นี่อย่างกับมานั่งอยู่กลางใจ  จัดลุคเดียวกัน  แต่ความมีเสน่ห์กินขาดแบบนี้ก็เข้าทางสิครับ

   “ไปค่ะน้องกร  พี่โทรเรียกแท็กซี่ให้แล้ว”

   “ฮะ!!”

   “ก็พวกพี่เห็นน้องรีบ  เลยจัดการโทรตามให้ระหว่างที่แต่งตัวให้น้องกรน่ะค่ะ”

   แต่ละคนถ้าเปรียบเป็นการ์ตูนตาหวานก็เห็นภาพพี่ๆ ตาโตเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ  กำเดาไหลเยิ้มเป็นทาง  กานต์ยกมือไหว้ขอบคุณ  พี่ๆ เข้ามากอดตบหลังตบไหล่เป็นกำลังใจให้ง้อธรณินให้สำเร็จให้ได้  กานต์ได้แต่ยิ้มรับแล้วรีบเดินออกไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่  บอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อยก็เอนตัวพิงเบาะรถเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจเย็น

   จนรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา  จึงหันไปมองพี่คนขับแท็กซี่ด้านข้างก็ได้รับรอยยิ้มกว้างกลับมา  พร้อมกับคำถาม

   “น้องเป็นดารารึเปล่าเนี่ย  พี่ว่าหน้าน้องใช่เลยนะ”

   “ครับ... เอ่อ... ก็มีเคยถ่ายแบบนิดเดียวเองครับพี่  แต่ไม่ได้เป็นดารา” กานต์ยิ้มเขิน

   พี่แท็กซี่ตบเข่าฉาดแล้วชี้ให้ดูป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ด้านข้างทางสองป้ายที่มีนายแบบหน้าตาเหมือนคนบนรถอย่างกับแกะ  ป้ายหนึ่งให้ภาพลักษณ์เหมือนเทวดาในรอยยิ้มกว้างขวางบริสุทธิ์จริงใจ  หากอีกป้ายกลับให้ความรู้สึกเจ้าเล่ห์ร้ายกาจในลุคแบดบอย

   กานต์ไม่ได้สนใจตัวเองในรูปนั่นสักเท่าไหร่  แต่ที่ทำให้อารมณ์ดีจนต้องยิ้มกว้างออกมาก็เพราะภาพด้านหลังของผู้ชายที่ถูกขบหูจนขึ้นสีแดงนั่นต่างหาก  นึกถึงแล้วก็อยากจับพี่ณินมาฟัดๆ ให้หายมันเขี้ยว

   รถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าโรงแรมที่เป็นจุดหมาย  กานต์ส่งธนบัตรใบสีเทาให้โดยไม่ต้องทอน  เพราะพี่แท็กซี่แท้ๆ ที่ทำให้รื่นรมย์ได้ขนาดนี้

   “น้องครับๆ ... พี่ว่าน้องเป็นดาราด้วยจะดีมากเลยนะ  ขนาดพี่เป็นผู้ชายด้วยกัน  เห็นน้องแล้วยังใจเต้นแรงเลย” พี่คนขับบอกกับกานต์ที่กำลังเปิดประตูจะก้าวลงจากรถ

   กานต์หันหน้ามายิ้มแล้วขยิบตาให้ทีนึง

   “แล้วผมจะลองไปสมัครดูนะครับพี่”

   นะ... น่ารัก  แท็กซี่หนุ่มใจเต้นตึกตักจนโดนรถด้านหลังบีบแตรไล่ถึงได้สติสตาร์ทรถออกไปอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  คนอะไรกระพริบตานิดยิ้มอีกหน่อยก็ทำเอาเพ้อแล้ว


   “ก๊อกๆๆ”

   เสียงเคาะประตูห้องที่ดังไม่เร็วไม่ช้าอยู่ด้านนอก  เรียกให้อิคคิวที่กำลังกึ่งลากกึ่งประคองธรณินไปนอนบนที่นอนถึงกับหัวเสีย

   “โว้ย... มาเคาะอะไรตอนนี้  แค่แบกอิพี่ณินมาก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว  ทิปน้อยไปรึไงนะ  คอยดูนะ  ถ้ามาขอทิปเพิ่มจะด่าไม่ซ้ำคำกันเลย”

   อิคคิวเดินฮึดฮัดออกไปเปิดประตูแล้วก็ต้องชะงักตกใจ  เพราะไม่คิดว่ากานต์จะตามมาถึงเร็วขนาดนี้  แล้วดู  ดูเสื้อผ้าหน้าผมมันสิ  ต้องจัดเต็มแบบนี้ไหม

   กานต์ยืนยิ้มรออยู่หน้าห้องอย่างสบายๆ จนประตูเปิดออกก็กล่าวสวัสดี  ก่อนจะเบียดตัวแทรกเข้าไป  เดินผ่านโซนห้องรับแขกตรงกลางไปจนถึงห้องนอนด้านในที่มีธรณินนอนหลับไมรู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงกว้าง

   “กะ... แก  มาได้ยังไง”

   “อ้าว! ก็พี่อิคคิวให้ที่อยู่ผมไว้นี่  ผมก็มาตามคำเชิญ”

   พูดจบกานต์ก็เลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามที่นอน  ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้าง  มือซ้ายยกขึ้นเท้าศีรษะยันไว้อย่างเกียจคร้าน  ส่งยิ้มเย้าออกมายั่วโทสะอิคคิวเล่น

   “พี่อิคคิวทำอะไรพี่ณินเหรอครับ  ถ้าให้เดานะ  พี่คงจะวางยาปลุกเซ็กส์พี่ณินใช่มะ... พอเสร็จเรียบร้อยก็รอผมมาเจอ  แล้วยังไงอีกล่ะ  อ้อ! ผมก็ต้องเสียใจ  ร้องไห้ฟูมฟายวิ่งหนีไปโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใช่ไหม  แล้ว... พี่ทำอะไรกันไปรึยังล่ะ  ผมมาเร็วไปนี่นะ  น่าจะยังไม่ได้เริ่ม  ถ้ายังไง  ผมขอนั่งดูด้วยคนได้ไหมครับ”

   ประกายตาพราวที่ส่งออกมา  ทำให้อิคคิวโกรธจนแทบกระอัก  ไอ้เด็กนี่มันรู้แผนการเราได้ยังไง  อุตส่าห์จับพี่ณินกรอกยาอย่างยากลำบาก  เวลาที่ไอ้เด็กนี่มาเจอมันจะได้ช็อค  ถือเป็นการแก้แค้นที่มันดันมาใส่ไฟเขาไว้จนพวกนักข่าวเล่นข่าวเสียจนผู้ใหญ่ระงับงานเขาเป็นแถว

   “ผมรอนานแล้วนะพี่อิคคิว  เมื่อไหร่จะเริ่มซะทีล่ะครับ” ฝ่ายรอชมเรื่องสนุกนั่งกระดิกเท้ารอ

   “มึง... อย่าคิดว่าแน่  มึงรู้ไหมว่ากูเป็นเด็กใคร” พอโกรธจัดลายก็เริ่มออก

   “จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เพราะเลยนะครับพี่”

   “กูจะไปบอกผู้ใหญ่ทางฝั่งกู  จะทำทุกอย่างไม่ให้มึงมีที่ยืนในวงการอีก  ทีนี้จะได้รู้กันว่าใครเป็นใคร”

   “เฮ้อ!... ผมก็ไม่รู้นะว่าพี่เป็นใคร  ว่าแต่พี่รู้มะ.. ว่าผมเป็นใคร”

   ทันทีที่รอยยิ้มร้ายกาจถูกจุดขึ้น  แสงเงินแสงทองก็ส่องประกายวิบวับไปทั่วห้อง  ลำตัวยาวเหยียดสีขาวกระหวัดพันรอบตัวอิคคิวที่ยืนอ้าปากค้างนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่ให้หนีไปไหนได้  หัวใหญ่โตก้มลงมองผู้อยู่เบื้องล่างด้วยดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำอย่างผู้มีศักดิ์วรรณะสูงมองผู้ที่ต่ำต้อยกว่า  ปากใหญ่อ้ากว้างจนเห็นลิ้นสีแดงสดอยู่ด้านในก่อนจะหัวเราะแผ่วเบาเมื่อเอ่ยถาม

   “คุณรู้ไหม  ว่าผมเป็นใคร”

TBC...

ปล. วันก่อนคุณเจี่ยเจียมาขอความคิดเห็นว่า 'พี่ณินกะน้องกานต์กำลังจะกินกันแล้ว โอ้โลมเสร็จแล้ว เจ้ควรบรรยายต่อละเอียดยิบรึเอาแค่ ผ่านๆ แล้วก็สุขสมไปเลยดี??' เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า 'ละเอียดสิคะ!'

ออฟไลน์ Carnival

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #64 เมื่อ17-02-2017 23:51:31 »

ละเอียดสิคะดี๊ดี เป็นกำลังใจให้คุณเจี่ยเจียค่ะ โฮะๆ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #65 เมื่อ18-02-2017 00:37:09 »

ละเอียดเถอะคะ จะได้เข้าใจความรู้สึกน้องกานต์ ละเอียดเถอะคะ จะได้เข้าใจพี่ณิน ฮ่าาา

อิคคิว บ้ามากอะ ความคิดแต่ละอย่าง หมดคำพูด

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #66 เมื่อ18-02-2017 08:42:27 »

เด็กน้อยไร้ความคิด อิคคิวหนอ หาเรื่องแท้ ๆ

ปล. เรื่องอย่างนี้ปล่อยผ่านไม่ได้นะ มันต้องลงรายละเอียดระดับพิกเซลเลยล่ะ!

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #67 เมื่อ18-02-2017 15:04:54 »

ใสๆ แบบเรา  ต้องขอแบบ "ละเอียดๆ" ค่ะ ละเอียดแบบถี่ๆ ยิบๆ ยิ่งดี แค่กๆ นี่ไม่ได้หื่นนะคะ จริมๆ

 :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #68 เมื่อ18-02-2017 17:40:22 »

 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #69 เมื่อ18-02-2017 20:26:02 »

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
« ตอบ #69 เมื่อ: 18-02-2017 20:26:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #70 เมื่อ18-02-2017 20:32:21 »

จับอิคิวทุ่มเลย

ขอละเอียดสุดๆๆๆ ทุกขั้นตอน สายหื่นต้องมา ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #71 เมื่อ19-02-2017 17:43:23 »

ไหนใครรอเค้ากินกัน รอหน่อยน้าาา มาแน่ๆ คืนนี้ :hao3:
ปล. ถ้าเขียนจบแล้วเรามาทายกันมั้ยว่าคุณเจี่ยเจียใช้กระดาษไปกี่แผ่น

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 12 (17/02/2560)
«ตอบ #72 เมื่อ19-02-2017 18:23:34 »

รอเลยค่า รอวันเค้าได้กัน แค่กๆ

 :z1:

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #73 เมื่อ19-02-2017 21:14:51 »

บทที่ 13

   อิคคิวก้มมองดูผิวเนื้อเรียบลื่นที่พันรัดอยู่รอบตัวด้วยความตกใจ  สองแขนแนบข้างลำตัวกระดิกไม่ได้แม้เพียงสักนิด  ขณะที่เนื้อตัวสั่นกึกๆ ก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ก่อนจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งที่รัดตัวเอง  จากความตกใจ  เพิ่มระดับเป็นความตกใจสุดขีดอย่างรวดเร็ว  ครางเสียงแหบเสียงแห้งหาคุณพระคุณเจ้าแทบไม่ทัน

   “ไงครับพี่อิคคิว  รู้รึยังเอ่ยว่าผมเป็นใคร”

   อิคคิวจ้องมังกรตรงหน้าจนตาค้าง  ปากนั้นอ้ากว้างโชว์เขี้ยวด้านในที่เรียงกันเป็นพรืด  แต่ไม่ได้ขยับพูด  เสียงที่ได้ยินดังขึ้นจากในสมองของเขาเอง  เสียงนั้นช่างชัดเจนจนน่าขนลุก  และที่แน่ๆ เสียงนี้มันเสียง

   “ไอ้กร!!”

   “จุ๊ๆๆ พี่นี่ชอบพูดไม่เพราะเอาซะจริงๆ นะครับเนี่ย  ไม่มีใครสอนเหรอครับ  ว่าการเรียกคนอื่นว่าไอ้ว่าอีนี่มันไม่สมควรทำ  แต่ว่า... คงเป็นสันดาน  เอ๊ย! นิสัยที่แก้ไม่หายอะเนอะ”

   สิ่งมีชีวิตตรงหน้า  พยักหน้า  ส่ายหน้าอยู่ตัวเดียว  และที่แน่ๆ ตามันทั้งเยาะเย้ย  ดูถูก  ถากถาง  ลูกกะตาแบบนี้มีแค่ไอ้กรนี่แหละ

   “มึง  ไอ้กร  มึงเป็นตัวอะไรวะเนี่ย” อิคคิวละล่ำละลักถาม  พยายามดิ้นรนไปด้วยแต่ก็ไร้ผล

   “อ้าว!...” มังกรเบิกตา

   “คือนิสัยไม่ดีแล้วยังปัญญาอ่อนด้วยเหรอเนี่ย  ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นมังกร  จะถามทำไมว่าตัวอะไร  แล้วกรุณาหยุดดิ้นด้วยนะครับ  กระดูกระเดี้ยวหักไป  ผมจะไม่รับผิดชอบนะ  อีกอย่าง  ไอ้การมาดิ้นๆ ถูไถอยู่เนี่ย  ขนลุกมากเลยครับพี่”

   ร่างที่โดนรัดหยุดกึกทันที  แต่ปากยังพึมพำสบถด่าไม่หยุด  กานต์จึงใช้ปลายหางเลื้อยตวัดพันปิดปากไว้ด้วยความรำคาญ

   “รู้จักคำว่าตายบ้างไหมครับ  เคยคิดบ้างไหมว่าเราเป็นมนุษย์ตัวกระจิริด  มาทำตัวดื้อมากๆ แล้วเราจะโดนมังกรที่สูงศักดิ์กว่า  เก่งกว่า  แล้วก็หน้าตาดีกว่าบีบรัดจนกระดูกแตกตาย?”

   สมองของอิคคิวเริ่มประมวลผลเสียทันที... ตายเชียวนะ  ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นๆ อีกแล้ว

   “อ่อ... คิดได้แล้วสินะ  ถ้าอย่างนั้นผมจะเลิกปิดปาก  เราจะได้คุยกันได้ซะที”

   หางที่ตวัดรัดคลายออก  หากลำตัวยังคงรัดแน่นไม่คิดจะปล่อย

   “พี่อิคคิวเป็นคนเก่งนะครับ  ช่วยปลุกอะไรในตัวผมได้หลายอย่าง  อ๊ะ! อย่าทำตาโตแบบนั้น  ยกเว้นเรื่องปลุกอารมณ์ไว้อย่างนึงเถอะ  ปลุกไม่ขึ้นจริงๆ”

   มังกรขาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  ก่อนจะร่ายต่อ

   “ช่วยปลุกให้ผมฮึดสู้  ปลุกให้ใช้มนต์เรียกไฟได้  แต่ที่ไม่ดีเลยคือพี่พยายามวางยาปลุกเซ็กส์พี่ณินของผม”

   ยิ่งพูดเสียงยิ่งหงุงหงิงออดอ้อน  แต่ทำไมอิคคิวถึงไม่รู้สึกถึงความน่ารักเลยล่ะ  รู้สึกแต่ความโกรธกรุ่นที่แฝงมาในน้ำเสียงฉอเลาะนั้น  หางที่ไล้ปัดผ่านก็ช่างแลดูน่าหวาดผวา  ประเดี๋ยวก็ลากผ่าน  ประเดี๋ยวก็ตบแปะๆ เบาๆ ที่ขางแก้ม  นี่มันเล่นสงครามประสาทกันชัดๆ

   “จะเอายังไงก็ว่ามา” อิคคิวเชิดหน้าขึ้นสูง

   “หืม  มีความกล้าหาญดี  แต่ผิดที่ผิดทางไปหน่อยนะครับ  ที่นี่  เวลานี้  ผมใหญ่สุด  เข้าใจ๊”

   ปลายหางที่สะบัดตีหน้าไม่แรงแต่ก็ไม่เบา  ทำให้อิคคิวตัวสั่นขึ้นมาอีกระลอก  น้ำตาจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ  ได้แต่เอ่ยเสียงอ่อน

   “กร  พี่ผิดไปแล้วนะ  ยกโทษให้พี่ด้วย  ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้ว  พี่จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเลย  ขอร้องล่ะ  ปล่อยพี่ไปเถอะนะ”

   “ผมปล่อยพี่แน่ๆ อยู่แล้ว  ไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  แต่ก่อนจะปล่อย  พี่ต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผมกับพี่ณินอีก”

   “สะ... สัญญาเลย”

   ครืน... เสียงฟ้าร้องครืนครางดังแว่วๆ อยู่ทางด้านนอก  แต่ภายในสมองของอิคคิวกลับได้ยินดังลั่นแจ่มชัด  ขนทั่วทั้งตัวพร้อมใจกันลุกเกรียว

   “ลืมเตือนไปว่าคำสัญญากับมังกร  แผ่นฟ้าเบื้องบนเป็นพยาน  ถ้าผิดคำสัญญา... ฟ้าผ่าตายเลยนะครับ”

   อิคคิวเบิกตาโตทันที  ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ  ไอ้มังกรชั่ว  หลอกให้สัญญาก่อน  แล้วค่อยมาบอกข้อแม้อย่างนี้ได้ยังไงวะ  แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนความโมโห  พยักหน้ารับคำสัญญานั้นรัวๆ เพราะอันที่จริงพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมังกรแล้ว  มนุษย์ที่มีแค่สองมือสองเท้าอย่างเขาจะไปสู้มันได้ยังไง

   “ดีมาก” ปลายเสียงลากยาว  พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

   “ทีนี้มาเรื่องสำคัญที่สุดของวันนี้... ยาปลุกที่ให้พี่ณินกินน่ะ  เก็บไว้ที่ไหน  เอาออกมาวางไว้แล้วผมจะปล่อยพี่ไป”

   ลำตัวที่รัดแน่นหนาค่อยๆ คลายออกช้าๆ ประกายแสงเงินแสงทองส่องประกายวิบวิบเจิดจ้าสาดไปทั่วห้องจนเมื่อละอองแสงจางลง  จึงปรากฏร่างของกานต์นั่งเท้าคางไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าเล่นอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

   อิคคิวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง  แข้งขาทรงตัวไม่อยู่  จนเริ่มตั้งสติได้จึงล้วงหยิบยาเม็ดออกมาวางไว้เบื้องหน้า

   “อ้าว! เป็นยาเม็ดเหรอเนี่ย” กานต์ย่นหัวคิ้วสงสัย

   “ตอนผมกำหนดจิตดู  ผมว่าผมเห็นพี่กรอกน้ำใส่ปากพี่ณินนะ”

   อิคคิวหันขวับทันที

   “ก็คนสลบสะลึมสะลืออยู่จะให้กินเข้าไปยังไงล่ะ  ก็ต้องผสมน้ำจับกรอกสิ  กรอกไปก็กระฉอกหกเรี่ยราดไป  จะเข้าปากไปได้สักกี่มากน้อยก็ไม่รู้  แล้วแก  เอ๊ย! กรก็โผล่มาพอดี”

   กานต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ  ก่อนจะจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนอิคคิวผวา  กระถดตัวหนี

   “ยิ้มอะไร  ไหนบอกจะปล่อยไปไง”

   “ก็ไปสิครับ  ไม่มีใครห้าม  แล้วที่ยิ้มอยู่เนี่ยก็เพราะมีเรื่องดีๆ นิดหน่อยน่ะสิครับ  โน่นประตูครับ  เชิญ”

   อิคคิวรวบรวมแรงกายพาขาที่สั่นระริกลากร่างตัวเองไป  ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมีเสียงดังไล่หลังมาว่า

   “ถ้าจะเอาเรื่องที่ผมเป็นมังกรไปบอกนักข่าวก็ได้นะครับ  ผมไม่ว่า” กานต์ยิ้มละไม

   “แต่ฟ้าเบื้องบนจะว่ายังไงบ้าง  อันนี้ผมไม่รู้”

   อิคคิวฟังแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ  สะบัดหน้าพรืดกระชากประตูเปิด  เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที

   กานต์ส่งเสียงหัวเราะไล่หลังไป  ก่อนจะก้าวมาหยิบยาเม็ดเล็กสีขาวนวลบนพื้นที่อิคคิววางไว้ขึ้นมาส่อง  รอยยิ้มที่ค่อยๆ วาดและแต้มบริเวณมุมปากเริ่มขยายออกกลายเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์

   “ผมเกลียดยาเม็ดที่สุดเลยนะพี่ณิน  แต่เพื่อพี่  ผมสู้ตาย!”

   กานต์กลั้นใจโยนยาเม็ดสีขาวใส่ปาก  แล้วรีบคว้าขวดน้ำแถวนั้นยกกระดกขึ้นดื่มตามอั้กๆ ก่อนจะปาดคราบน้ำที่ไหลหยดเป็นทางด้วยหลังมือ  จรดฝีเท้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเตียงธรณินอย่างหมายมาดทันที

   “ตื่นได้แล้วเจ้าชายนิทราของผม”

   ปลายนิ้วเรียวยาวลากไล้ปัดผ่านไล่ตั้งแต่หน้าผากได้รูป  ไล้เรื่อยลงมาที่คิ้วเข้มพาดเฉียง  จมูกโด่งน่าฟัด  แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวลงไปงับเบาๆ ที่ปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว  ปากอิ่มเต็มได้รูปขยับพึมพำเบาๆ หากกานต์อยู่ใกล้แค่นั้นทำไมจะไม่ได้ยิน

   “กานต์”

   “หึ  แล้วจะไม่ให้หลงพี่ณินยังไงไหว  หลับอยู่ยังมีละเมอเรียกหา  นี่ผมใจเต้นหนักมากเลยนะพี่”

   บางสิ่งที่อบอุ่นหยุ่นชื้นค่อยๆ แนบลงบนกลีบปากที่เรียกชื่อเขาอย่างหลงใหล  ขบเม้มเล็กๆ ลงไป  ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสัมผัสลูบกลุ่มผมไปจนถึงต้นคอแกร่ง  นวดคลึงเบาๆ แต่ปลุกเร้าให้อารมณ์โลดขึ้นสูง

   “อืม”

   “ตื่นหรือยังครับคนดี”

   พูดกระซิบชิดแนบปากพลางเลาะเล็มดูดกลืนไปด้วย  เมื่ออีกฝ่ายเผยอปากอ้าขึ้นเพียงเล็กน้อย  จึงสอดลิ้นลงควานหารสชาติหวานหอมที่เคยคุ้นทันที

   คนยังไม่รู้สึกตัวตื่นเต็มที่  กลับได้รับสัมผัสวาบหวานเข้ามากระตุ้นโสตประสาท  เปลือกตาหนากะพริบเปิดอย่างเชื่องช้า  ยังจับโฟกัสสภาพไม่ได้  ตาพร่ามองเห็นเพียงเลือนรางว่าเป็นกานต์  คนที่ตัวเองห่วงหาก่อนจะหมดสติไป  แต่สัมผัสในโพรงปากกลับแจ่มชัด  จนต้องตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดตอบตามการเชิญชวนของฝ่ายตรงข้าม  ดูดกลืนความหวานของกันและกันจนหนำใจ  จึงยันหน้าอกกานต์ไว้  แล้วค่อยๆ เบี่ยงหน้าออกมากอบโกยอากาศเข้าปอด

   “เดี๋ยวๆ กานต์  เรามาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง”

   “หืม  อยู่ที่นี่” กานต์เลียริมฝีปากพลางนึกถึงเรื่องที่ธรณินถาม

   “อ๋อ  พี่ณิน  จุ๊บ  โดยยาสลบครับ  แล้ว  ฟอด  ผมมาช่วย  อืม  อย่าเพิ่งคุยได้ไหมพี่  ต่อเหอะ”

   ปากตอบไปด้วย  แต่ก็พรมจูบไล่ไปทั้งดวงหน้าของธรณินอย่างเมามัน

   “หืม  วันนี้เชิญชวนเองเลยนะ”

   ธรณินใช้ข้อศอกยันกายขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว  เนื่องจากคนบนร่างไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ยังคงตั้งหน้าตั้งตาระดมจูบตามลำคอ  และมือเริ่มลามไปตามกระดุมเสื้อตัวที่ใส่อยู่ได้สองเม็ดแล้ว

   “กานต์  อื้อ  พี่เจ็บ  เบาๆ หน่อย”

   คนด้านบนชะงักกึก  เอ่ยพึมพำขอโทษเสียงแผ่ว  เงยหน้าที่แดงก่ำสองตาคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตา  เพราะอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงขึ้นสบกับธรณิน

   “เฮ้ย! พี่ไม่ได้ว่าเรานะ  แค่เจ็บที่กานต์กัด  อย่าร้องไห้นะ”

   ธรณินโอบร่างกานต์ที่เริ่มสั่นระริกไว้แนบอก  ก่อนจะเอะใจที่อุณหภูมิของอีกฝ่ายสูงผิดปกติ

   “กานต์  เป็นอะไรหรือเปล่า  ตัวร้อนๆ นะเราน่ะ”

   สองมือประคองดวงหน้าที่ขึ้นสีจัด  พลางไล้นิ้วโป้งเช็ดเหงื่อที่ขมับให้แผ่วเบา  คนโดนเช็ดถึงกับสะท้านเฮือก  สัมผัสผะแผ่วแต่สะท้านลึกไปถึงข้างใน  ประสาทสัมผัสทั้งห้าเปิดรับทุกการกระตุ้นเร้าอย่างเต็มที่  ทุกๆ เส้นประสาทในร่างกายราวกับกระหายอยากการเติมเต็มจนแทบทนไม่ไหว

   ธรณินเองก็รู้สึกอึดอัดในอกแปลกๆ แตะต้องกันนิดๆ หน่อยๆ อาการหวามลึกในอกก็ปั่นป่วนคล้ายพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา

   กานต์ส่ายมือเปะปะขึ้นคลำหากระดุมที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้า  แต่ยิ่งแกะยิ่งชักช้า  จึงตัดสินใจกระชากออกทั้งแถบ  เมื่อแผ่นอกเรียบตึงปรากฏขึ้นตรงหน้าก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนประกบลงตรงตุ่มไตที่หดรัดตัวอย่างสมใจ

   “เฮือก  อะ.. กานต์... อืม...”

   หมดคำจะถาม  ธรณินควานมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของกานต์ทันที  แล้วก็ต้องขัดใจเมื่อด้านในแทนที่จะเป็นผิวเนื้อเรียบลื่น  กลับเป็นเสื้อยืดเนื้อบางอีกตัว  กานต์กระชากกระดุมได้  แล้วทำไมธรณินจะกระชากเสื้อยืดไม่ได้?

   ต่างคนต่างช่วยกันดึงทึ้งสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทางเป็นการใหญ่  ฝ่ายหนึ่งลูบ  ฝ่ายหนึ่งคลำ  คนหนึ่งจับ  อีกคนหนึ่งจูบ  พัวพันกันจนไม่รู้ใครเป็นใคร

   “อื้อ... พี่ณิน  ผม  อ๊า...”

   กานต์ร้องเสียงหลง  เมื่อธรณินเป็นฝ่ายรุกกลับ  ครอบครองปากลงบนยอดอกด้านซ้าย  ในขณะที่ด้านขวาก็โดนสะกิดเขี่ยปรนเปรอให้ไม่น้อยหน้ากัน

   “พี่ณินทำไม  หือ  พูดสิ”

   พูดไปก็ตวัดเรียวลิ้นไป  ใช้ฟันค่อยๆ ครูดยอดด้านบนจนกานต์ถึงกับแอ่นตัวโค้ง  ธรณินกดใบหน้าฝังลงให้แนบแน่นลงไปอีก  แล้วใช้มืออ้อมไปประคองโอบด้านหลัง  กดให้กานต์ค่อยๆ เอนร่างลงบนที่นอนอย่างไม่รู้ตัว  ก่อนจะลากปลายลิ้นปราดๆ ลงมาจนถึงแอ่งสะดือ  ไล้วนหยอกเย้าจนคนโดนแกล้งต้องยกศีรษะขึ้นมามองตาขวาง

   “พี่ณิน!!”

   “หืม  เรียกทำไม”

   ตาพราวระยับเหลือบมอง  แต่ปลายลิ้นร้อนยังคงไล้วนเล่นอย่างต่อเนื่อง

   กานต์ยันตัวเองขึ้นมาครึ่งๆ ส่งเสียงคำรามในลำคอ

   “ให้ไวดิพี่”

   “ไม่เสียใจแน่นะ”

   ปากพูด  แต่หน้าเลื่อนลงถึงขอบกางเกงเรียบร้อย  ใช้ปากงับคาบซิปไว้แล้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

   “เอาไงกานต์”

   “คือ  เดี๋ยวผมไปหาเวลานั่งทำวิจัยเองพี่ว่าเรื่องนี้ควรเสียใจไหม  แต่ตอนนี้  เอาเหอะ!”

   ปลายเสียงเหอะยังไม่ทันสิ้นสุดดี  กางเกงก็ลงไปกองที่ปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว  กางเกงยีนส์เนื้อหนายังลงไปกองที่ข้อเท้าได้อย่างรวดเร็ว  แล้วกางเกงชั้นในเนื้อบางหรือจะรอดพ้นชะตากรรม

   “ไง  มังกรน้อย  พร้อมจะเล่นกับพี่ณินหรือยัง”

   ตาคมหรี่ลงสบกับบางสิ่งที่เริ่มแข็งตัวชูชันขึ้นท้าทาย  ไม่รอให้สิ่งที่เชิดขึ้นยั่วเย้าให้เสียเวลา  ธรณินครอบปากลงดูดดุนหนักๆ ทันทีอย่างมันเขี้ยว  กานต์ผวาตัวเฮือกในตอนแรก  หากสัมผัสที่ได้รับชวนให้อารมณ์เตลิดจนต้องสอดนิ้วไปในกลุ่มผมของธรณินแล้วกดลงให้แนบแน่น

   “อึ่ก  พี่ณิน  ผม... ผม”

   บั้นท้ายถูกสองมือของธรณินประคองจนยกลอยสูง  ความรู้สึกวูบวาบแล่นเป็นริ้วไปรวมตัวกันที่จุดไวสัมผัสเพียงแห่งเดียว  ทันทีที่ความรู้สึกโลดสูงจนใกล้แตะขอบฟ้า  ธรณินก็ยกขาของกานต์ขึ้นพาดบ่าแล้วสอดมืออ้อมไปสะกิดตุ่มไตให้เจ้าของร่างที่ถูกรุกรานสะท้านเฮือกปลดปล่อยออกมาจนไหลย้อยมาตามมุมปากเป็นทางยาว

   ธรณินใช้หลังมือยกขึ้นเช็ดคราบขาว  โดยที่ตาไม่ยอมละจากร่างที่นอนหอบระทวยอยู่เบื้องหน้า  เสียงหายใจหอบกระเส่ายังแว่วให้ได้ยินจางๆ แผ่นอกที่สะท้านขึ้นลงเหมือนเชิญชวนให้ลงไปสัมผัส  และธรณินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  เมื่อโน้มตัวลงจุมพิตที่แผงอกเรียบลื่นนั้นอย่างเพลิดเพลิน

   “ต่อเลยไหวไหมกานต์  พี่กลัวเราเจ็บนะ  เสียดายไม่ได้เตรียมตัวช่วยมาเลย”

   “อยู่... แฮ่ก... แฮ่ก  อยู่ในลิ้นชักตรงตู้ข้างเตียง”

   “หืม” ธรณินขมวดคิ้วหยุดตวัดลิ้นทันที

   “กานต์รู้ได้ยังไง”

   กานต์ปรายตามองธรณินอย่างเซ็งจิต

   “คนที่พาพี่มาน่ะเขาเตรียมไว้  แล้วไม่ต้องถามนะว่าใคร  ดูเวลามั่งสิพี่ณิน  เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังหน่อย  จะสงสัยอะไรตอนนี้  ให้ไวเลยนะพี่”

   ร่างสูงโน้มตัวลงคลอเคลียชิดกลีบปากคนช่างบ่น  หัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนถามเสียงพร่า

   “กานต์โมโหพี่ณินทำไม”

   “ผมยังไม่อิ่ม  ชัดป่ะ?”

   “อื้อ”

   ธรณินก้มลงจูบดุดันปิดปากคนใต้ร่างทันทีที่พูดจบ  มือก็ควานหาลิ้นชักตู้ข้างเตียงเปะปะอย่างร้อนรน  กระชากลิ้นชักออกก็พบอุปกรณ์ป้องกันและสารหล่อลื่นเตรียมพร้อม

   “กานต์”

   “ครับ”

   “เย็นนิดนึงนะ”

   อาการพูดไปด้วยบดจูบไปด้วยดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ  ด้านบนไล้เลียดูดดุนลากริมฝีปากขบกัดไล่ดูดผิวขาวบริเวณซอกคอจนขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำๆ แล้วเอียงหน้าขบกระดูกไหปลาร้าจนกานต์ครางเสียงหลง  ในขณะที่เบื้องล่างเริ่มชโลมเจลใสหนืดแล้วนวดคลึงปากทางเข้าจากช้าๆ นวดวนจนคนใต้ร่างแอ่นสะโพกยกลอยตามนิ้วกลางที่เริ่มขยับรุกคืบสะกิดรอยจีบพับให้ตอบรับอย่างย่ามใจ

   เมื่อสิ่งแปลกปลอมพยายามรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย  กานต์ถึงกับผวาสะท้านเยือก  ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างซอกคอว่าให้ผ่อนคลาย  อยากจะสวนกลับว่ามาสลับกันไหมจะได้ผ่อนคลายเอง  แต่แค่อ้าปากก็โดนเลียติ่งหูแล้วดูดดุน  เสียงที่จะต่อว่าจึงกลายเป็นเสียงครางอย่างน่าอายไปแทน

   จนเมื่อนิ้วของธรณินเข้าไปจนสุดความยาวก็หยุดนิ่งเพื่อให้เจ้าของช่องทางอันอบอุ่นได้ปรับตัว  แช่ค้างไว้อย่างนั้นแล้วปรับตำแหน่งใบหน้าที่รุกรานด้านบนไปโจมตีเป้าหมายที่ด้านล่างต่อไป

   เนื้ออ่อนไวสัมผัสที่ต้นขาด้านในถูกโจมตีขบกัดเป็นที่หมายแรก  กานต์ผวาพยายามหนีบขาเข้าหากัน  แต่นิ้วที่หยุดนิ่งแช่ไว้เริ่มขยับนวดภายในสะกิดหาจุดที่ทำให้เจ้าของร่างเพลิดเพลินให้ได้มากที่สุด  นาทีนี้กานต์เลยไม่รู้ว่าจะหุบขาหลบสัมผัสจากลิ้นร้อนหรือจะอ้าขาแอ่นสะโพกรับความรู้สึกเสียวแปลบปลาบดี

   เมื่อเห็นกานต์เริ่มมีการตอบสนองโดยการแอ่นร่างหยัดขึ้นรับแล้ว  ธรณินจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสามในเวลาต่อมา

   “อุ่ก... พ... พี่ณิน”

   “หืม”

   ข้อมือที่ขยับหมุนวนชักเข้าออกจากช้าเริ่มเร็วขึ้นขัดกับเสียงตอบรับยานคาง

   “ช้าหน่อยพี่  อุ่บ”

   “ช้าเหรอ  มังกรดี  ช้าแล้วไม่สนุกนะ” น้ำเสียงล่อลวงกระซิบเสียงพร่าชิดริมหู

   “เอาเถอะ  พี่ตามใจกานต์  ช้าๆ แล้วกันนะ  ยกสะโพกขึ้นอีกนิดสิ”

   นิ้วมือที่ค่อยๆ ถอนออกอย่างเชื่องช้ากลับค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสัดส่วนขึงขังที่มาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อย  ถูไถหยอกเย้าเล็กน้อยแล้วจึงกดลงเนิบช้าตามที่คนใต้ร่างบัญชา

   “อืม... กานต์  อย่ามัวแต่หลับตาสิ  มองหน้าพี่หน่อยคนดี”

   กานต์ปรือตาปรอยมองธรณิน  ปากเผยอหุบๆ อ้าๆ แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงครางหนักๆ ตามการขยับเนิบๆ แต่หนักหน่วง  ขาที่ตั้งชันขึ้นในตอนแรกถูกดันจนชิดแนบอก  ส่งผลให้สะโพกยกลอยเพื่อรองรับการกระแทกให้เต็มที่
   ธรณินคว้าส่วนอ่อนไหวของกานต์ที่มีน้ำเหนียวไหลซึมตรงส่วนปลายผุดออกมาเป็นหยดเล็กๆ ใช้นิ้วโป้งไล้เกลี่ยให้ยิ่งฉ่ำชื้นขึ้น  ตวัดนิ้วชี้สะกิดส่วนขอบหยักจนกานต์ผวาไหล่ห่อบิดตัวท่อนบนไปมาอย่างสะท้อนสะท้าน  รูดรั้งจากส่วนโคนจนสุดปลายเชื่องช้าทว่าหนักแน่น  ฝ่ายควบคุมขยับข้อมือไปจดจ้องร่างขาวที่มีรอยแดงจ้ำกระจายอู่ทั่วแผ่นอกบิดส่ายไหว  พลางจุดยิ้มขึ้นแตะแต้มใบหน้าหล่อร้ายกาจเมื่อได้ยินเสียงร้องขอ

   “อั่ก  พี่... พี่ณิน  ผมไม่ไหวแล้ว  เร็วอีกนิดนึงพี่”

   ประกายตาสมใจผุดวาบขึ้นในตาของธรณิน  สองมือจับหนั่นสะโพกของกานต์แน่นแล้วเดินหน้าเต็มที่  บดขยี้ย้ำๆ ตรงจุดกระสันที่กานต์เผลอครางยามถูกกดกระตุ้นโดน

   “พร้อมกันนะกานต์  อุ่ก  ฮึ่ก”

   “พี่ณิน // กานต์”

   สองเสียงประสานในจังหวะสุดท้ายที่แตะขอบฟ้า  ก่อนจะพรูลมหายใจยาวแล้วซุกซบกอดจูบลึกล้ำต่อไป...
   
TBC...   
● อั๊ยยะ! บทนี้ที่รอคอย ทุกคนดูลุ้นกับฉากนี้มาก อิชั้นก็เช่นกัน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #74 เมื่อ19-02-2017 21:22:53 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #75 เมื่อ19-02-2017 21:59:47 »

มันฮาตรงกานต์เรืงพี่ณินยิก ๆ เนี่ยแหละ

นางพญาแท้ ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #76 เมื่อ19-02-2017 22:08:26 »

มันฮาตรงกานต์เร่งพี่ณินยิก ๆ เนี่ยแหละ

นางพญาแท้ ๆ
นางพญา เจงๆ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #77 เมื่อ20-02-2017 11:31:22 »

ตอนนี้ที่รอคอย ขอผ้าขนหนูซับกำเดาหน่อยค่ะ เอร๊ยยย

 :impress2:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #78 เมื่อ20-02-2017 12:30:09 »

ร้อนแรงจริงๆเชียว

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
«ตอบ #79 เมื่อ27-02-2017 11:04:13 »

รอตอนต่อไปค่า

 :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
« ตอบ #79 เมื่อ: 27-02-2017 11:04:13 »





ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #80 เมื่อ27-02-2017 14:47:55 »

บทที่ 14

   “พี่ณิน”

   “ครับ”

   “ลุกเหอะ”

   “อีกแป๊บนึง  เมื่อกี๊ ‘ลุก’ มานานละ  ขอพักแป๊บเดียวเดี๋ยว ‘รุก’ ต่อ”

   กานต์ปรายตามองธรณินที่นอนตะแคงพันตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างมิดชิด  โดยเอาศีรษะเกยท่อนขาของกานต์ไว้  ในขณะที่กานต์เปลือยท่อนบน  เอาร่างพิงกับพนักหัวเตียง  แขนทั้งสองข้างกางออกวางพาดไปตามขอบโค้งของเตียงอย่างสบายอารมณ์

   ธรณินเงยหน้าขึ้นมองท่าทางของกานต์แล้วกลั้นหัวเราะจนไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน

   “หัวเราะอะไรไม่ทราบครับคุณธรณิน” คนยิ่งปวดเนื้อเมื่อยตัวอยู่นะ  มานอนหนุนตักเขาแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอะไรอีก
 
   “ก็... ท่าทางกานต์เหมือนป๋าที่หลอกอีหนูมาฟันน่ะ  นี่ถ้าพี่นอนร้องไห้กระซิกๆ อีกหน่อยนะใช่เลย” เพียงแต่ว่าไม่รู้ใครหลอกฟันใครกันแน่นะ  ธรณินต่อให้ในใจ

   “แล้วตกลงเรามาสิ้นสุดที่เตียงนอนกันได้ไง  กานต์เล่าให้พี่ฟังได้หรือยัง”

   กานต์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง  เริ่มเล่าแบบยังคงนึกสนุกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

   “คืองี้  ตอนผมกำลังเดินดูต้นไม้กับพี่อุ๊อยู่... โอ๊ย! กัดทำไมพี่ณิน”

   กานต์ลูบต้นขาตัวเองป้อยๆ อยากจะโบกคนงับขาใจจะขาด  แล้วดูทำหน้าเข้า  ทำไมต้องมองตาดุๆ แบบนั้นด้วยวะ

   “ไปสนิทสนมกันเมื่อไหร่  เรียกซะคุ้นเคยกันเลยนะ”

   “อ้าว! ก็พี่เค้าชื่ออุ๊  แล้วอายุก็มากกว่า  ก็เรียกพี่อุ๊ก็ถูกแล้วไง  พี่ณินเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย”

   “ไม่รู้ละ  เมื่อเช้ายังเรียกพี่คนนั้นอยู่เลย”

   กานต์เบะปากให้ทีนึงด้วยความอ่อนใจ

   “แล้วจะฟังต่อไหม” จนเมื่อธรณินพยักหน้ารับถึงได้เล่าเรื่องต่อไปได้

   “ทีนี้พี่อะ... อย่ากัดนะ! พี่คนนั้นเขาก็เล่าให้ฟังว่าเดินชนกับพี่ณินที่ด้านหน้าสตูดิโอ  แล้วพี่ณินก็บอกว่าผมกำลังจะเป็นลมเลยขอลากลับเลย  ทีนี้กานต์เลยเดินไปตามหา  แล้วก็เจอจดหมายบอกทางมาโรงแรมนี้นี่ล่ะ”

   “ใช่  มีเด็กผู้หญิงมาบอกพี่ว่ากานต์จะเป็นลม  พี่ก็เลยรีบออกไป  เจอใครไม่รู้นั่งพิงต้นไม้อยู่  พี่นึกว่าเป็นกานต์  พอเขย่าเรียกปุ๊บโดนโปะยาสลบปั๊บเลย  นี่ยังมึนๆ อยู่เลยนะ”

   พูดจบก็เอาหัวถูไถขาของกานต์เล่น  ลากนิ้วเขี่ยรอยจ้ำแดงที่กระจายตามซอกขาด้านในอย่างมันเขี้ยว

   “นั่นละ  กานต์ลองกำหนดจิตดูก็เห็นว่าเป็นพี่อิคคิวพามาที่นี่แหละ  แถมจับกรอกยาปลุกเซ็กส์อีกต่างหาก”

   ธรณินเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย  ก่อนนึกย้อนดูปฏิกิริยาของตนเองที่โดนแตะนิดก็ทำท่าเหมือนไฟพร้อมจะลุกขึ้นมาตลอดแล้วก็เข้าใจ

   “แล้วกานต์ก็โดนยาด้วยรึเปล่า  โดนด้วยแน่ๆ ตัวเราร้อนขึ้นพี่จำได้  แล้วกานต์เป็นยังไงบ้าง”

   ลุกขึ้นนั่งจับตัวกานต์พลิกซ้ายพลิกขวา  แต่ก็ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรนอกจากรอยที่ตนเองทำไว้ก็โล่งใจ

   “แหม... ระดับป๋ากานต์นะครับหนูณิน  พี่อิคคิวรึจะมาแตะตัวได้  อ้อ! ไม่ได้แตะตัวหรอก  แต่มีรัดกันอยู่พักนึงเอง”

   “ฮะ!!”

   “พี่ณินก็อย่าเพิ่งขัดสิ” กานต์ทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ

   “ก็พอผมมาถึง  พี่อิคคิวก็แว้ดๆๆ ใส่ไม่ยั้ง  แล้วถามว่ารู้ไหมว่าพี่เขาเป็นใคร  ผมก็อยากจะอวดพ่อผมเหมือนกันนะ  แต่กลัวพี่เขาไม่รู้จัก  เลยถามว่ารู้ไหมว่าผมเป็นใคร  แล้วก็คืนร่างมังกรรัดพี่อิคคิวไว้เลย”

   “อิคคิวไม่สลบเหมือดเลยเรอะ  เจอท่านมังกรขาวเข้าไป”

   ธรณินยังจำอารมณ์วันแรกที่ได้พบกานต์ในร่างมังกรได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ความรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกเป็นยังไง  ธรณินรู้ดีที่สุด  ดีที่กานต์ชอบเขานะเลยไม่ได้ทำอะไรรุนแรง  แต่เดี๋ยว! กานต์รัดพันอิคคิวเอาไว้ไม่ใช่ว่าถูกตาต้องใจหรอกนะ  อยู่ๆ ธรณินก็ลุกขึ้นนั่งจับไหล่กานต์เขย่าถามจนกานต์หัวสั่นหัวคลอน

   “ไปรัดอิคคิวไว้อย่างนั้น  ไม่ใช่ว่าถูกใจอิคคิวไปแล้วหรอกนะ”

   “พี่ณินๆ ปล่อยก่อน โอ๊ย! ของขึ้นรึไง  ที่รัดน่ะเพื่อจะขู่ให้กลัว  พี่ก็คิดไปไหนแล้ว”

   กานต์ปัดมือธรณินออกจากหัวไหล่  ใบหน้าบิดเบ้  คนยิ่งกำลังเคล็ดขัดยอกอยู่  มาเขย่าแบบนี้กระดูกร้าวไปจนถึงเชิงกรานเลย

   “งั้นก็แล้วไป” อ้าว! ไม่ขอโทษแล้วยังมาทำเสียงเข้มใส่อีก  นี่เห็นว่าหึงนะเนี่ยยอมปล่อยผ่านก็ได้

   “แล้วผมก็ให้พี่อิคคิวสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก  โดยให้ทำสัญญามังกร  ถ้าผิดคำพูดนี่โดนฟ้าผ่าตายเลยนะพี่ณิน”

   ธรณินพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ว่าเข้าใจ  ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนตักกานต์อีกรอบ  ถามด้วยเสียงเรียบเรื่อย

   “แล้วตกลงกานต์โดนยาของอิคคิวด้วยรึเปล่าน่ะ”

   “พี่ณินอย่าขยับมาก  สงสัยผมกินยาเยอะไป  เวลาผมของพี่ณินถูไถกับหน้าขาอย่างนี้นะ  เสียวปลาบๆ ไปในท้องน้อยเลย”

   พูดจบกานต์ก็ก้มลงมองสบตาเจ้าหนูจำไมที่ถามไม่ได้หยุดมาครู่หนึ่งแล้ว  ธรณินจ้องกลับแล้วค่อยๆ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ พลางเลิกคิ้วถามเป็นทำนองว่าจะถู  มีอะไรป่ะ?

   “นี่  ถ้าพี่ๆ ช่างแต่งหน้ารู้ว่าแต่งหน้าทำผมจัดเต็มมาแล้วง้อสำเร็จพวกพี่ๆ คงภูมิใจน่าดู”

   ได้ผล  ธรณินหยุดขยับแล้วถามเสียงเขียวทันที

   “อะไร  ยังไง  เล่ามาให้หมดเลยกานต์”

   คนนอนกอดอกจ้องเขม็งคาดคั้นขนาดนี้  กานต์ก็ชักเหนื่อยใจ  จากที่ธรณินบอกว่ากานต์เหมือนป๋าเมื่อกี๊  แต่ทำไมกานต์รู้สึกว่าตัวเองเป็นอีหนูแล้วถูกป๋าจับได้ว่าคบชู้วะ

   “คืองี้พี่ณิน” กานต์ถอนหายเฮือกแล้วเริ่มต้นเล่าต่อ

   “คือกานต์ไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวไง  พอหาพี่ณินไม่เจอเลยโกหกพี่ๆ ไปว่าสงสัยพี่ณินงอนเลยกลับไปแล้ว  แล้วผมเนี่ยกำลังจะไปตามง้อ  พี่ๆ เลยเสนอแต่งตัวให้ดูดีจะได้ใช้แผนเอาตัวเข้าแลก  เพื่อให้พี่ณินหายโกรธน่ะครับ  แต่ประเด็นคือพี่ณินหลับ  ตื่นมาได้ก็ฉีกๆ กระชากๆ เหลือแต่เศษผ้ากระจัดกระจายเนี่ย  เห็นมะ”

   ธรณินมองตามพื้นพรมผืนนุ่มที่มีเศษผ้าเกลื่อนกลาดแล้วก็ทำตาพราวระยับ  ใช้นิ้วมือลูบต้นขากานต์แผ่วเบา

   “กานต์... เสื้อผ้าขาดหมดเลย  พี่หนาว  กานต์มานอนกอดกับพี่นะจะได้อุ่นๆ”

   “พอเลยนะพี่ณิน  เลิกลูบ  พี่ณินกินยาไปนิดเดียวนะ  ทำไมหื่นขนาดนี้  ผมนี่กินไปเต็มๆ เม็ดเลย  ยังไม่ขนาดพี่ณินเลยนะ”

   “น้าๆ นะๆ ป๋ากานต์  พี่หนูณิน น้าว  หนาวล่ะ  กอดหน่อยๆ”

   ยิ่งส่ายหน้าก็ยิ่งเลื่อนไปคลุกวงในแถวโคนขา  แล้วเสื้อผ้าไม่มีสักชิ้น  จะมีอะไรปิดบังมังกรน้อยได้ล่ะ จมูกปัดไปโดนนิด  ริมฝีปากปัดไปโดนหน่อย  อะไรที่ควรจะหลับก็ตื่นซะงั้น
 
“โอ๊ะ! ป๋าใจร้าย  คุยด้วยดีๆ ถึงกับต้องดีดแก้มกันด้วยเหรอ”

   กานต์ส่ายหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ให้ถึงที่สุด  เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัว  ตามที่ได้ศึกษามาก็ไม่ควรจะหักโหม

   เสียงทอดถอนใจดังมาจากเบื้องล่าง  เมื่อก้มลงมองก็เห็นธรณินเท้าคางเอียงศีรษะคุยกับมังกรน้อยที่กลายเป็นมังกรใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง

   “คิดถึงเด็กขายดอกไม้คนนั้นจังเลยน้า  คนที่จะจัดให้หลายๆ ดอก  แล้วดอกใหญ่ๆ น่ะ  นั่นไง  กานต์เห็นไหม  น้องชายกานต์ยังพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับพี่เลย”

   เออ... น้องชายไม่รักดี  ไม่ห่วงชีวิตพี่ชายมันบ้าง  ธรณินพูดอะไรก็ผงกหัวตอบรับ  แถมยังทำหน้าแดงๆ  น้ำตาใสๆ เอ่อคลอซะอีก

   “ไม่มีอีกแล้วคนปากดี  ชวนเช้า  ชวนเย็น  เก่งกล้าสามารถคนนั้น  ตอนนี้มีแต่คนไม่จริง  ขี้กลัวหลบหลังผ้าห่ม...”
   ธรณินยังคงร่ายยาวและกานต์ก็เริ่มเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ หวิดจะระเบิดหลายรอบจนทุกอย่างขาดผึงทันทีเมื่อเจอคำพูดสุดท้ายเข้าไป

   “เฮ้อ... ก็เผ่าพันธุ์มังกรอะเนอะก็พอจะเข้าใจ  ให้มาอยู่ในร่างมนุษย์ก็ต้องคุมจิตแย่แล้ว  นี่ต้องมาคุมเกมรักอีก  ก็คงเกินกำลังสินะ  พี่เข้าใจกานต์  พี่เข้าใจ” ธรณินตบบ่ากานต์ปุๆ ทำหน้าทำตาเห็นใจอย่างไม่เนียนที่สุด
   “พี่ณิน”

   ของแบบนี้มันฆ่าได้หยามไม่ได้  ท้าทายกันถึงขนาดนี้มีหรือป๋ากานต์จะยอมโดนสบประมาท  ผลักหน้าอกธรณินลงบนที่นอนอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำจ้องเข้าไปในหน่วยตาคมเรียวยาวของธรณินอย่างไม่ลดละ  โน้มตัวลงฝากจุมพิตแผ่วที่ริมฝีปากก่อนจะกระซิบชิดกลีบปากอย่างหมายมาด

   “ผมน่ะกินยาไป  อารมณ์ความต้องการมีเหลือเฟือ  เรื่องแรงกำลังไม่ต้องพูดถึงผมเต็มที่อยู่แล้ว  พี่ณินเถอะ... อย่ามาร้องโอดครวญก็แล้วกัน”

   กานต์ส่งยิ้มหวาน  วาดปลายนิ้วไล้โครงหน้าธรณินเชื่องช้า  แล้วจับตรึงปลายคางให้อยู่นิ่ง  ขบกัดดูดดุนริมฝีปากของธรณินแล้วพุ่งลิ้นเข้าไปพัวพันทันที  ลากปลายลิ้นเลาะตามแนวฟันควานหาความหวานอย่างคนคุ้นเคยที่ช่ำชองชำนาญการในโพรงปากของคนใต้ร่างเป็นอย่างดี

   ถอนจูบออกมาน้ำใสยังยืดเยิ้มเป็นสายติดปลายลิ้น  กานต์ตวัดเลียลากลิ้นไปตามมุมปาแล้วออกแรงขบเล็กๆ ให้ธรณินสะดุ้งวาบชาบริเวณที่โดยกัด  แต่ก็ปนมาด้วยอารมณ์ที่แล่นปราดๆ ไปรวมกันที่บริเวณท้องน้อยอย่างประหลาด

   ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำของกานต์เข้มขึ้นจนแทบจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งลูกนัยน์ตายามที่อารมณ์ของเจ้าตัวลุกโชนขึ้นสูง  ปลายลิ้นร้อนๆ ยังคงลากอ้อยอิ่งวนเวียนอยู่แถวแก้มและคางของธรณินก่อนจะงับลงไปตรงบริเวณติ่งหูแล้วกระซิบแผ่ว

   “ไหน  ใครกันที่โดนเลียหูแล้วหน้าขึ้นสีแดงจัดคนนั้น  แสดงว่าหูเป็นจุดอ่อนรึเปล่าเอ่ย”

   เสียงลมหายใจหอบกระเส่าที่กระซิบชิดริมใบหูทำเอาธรณินนอนตัวอ่อนระทวยปล่อยให้กานต์ค่อยๆ ใช้ลิ้นตวัดเลียซอกซอนไปจนทั่ว  หน่วยตามคมปรือเยิ้มเมื่อกานต์เป่าลมเข้าไปรินรดใบหูด้านใน  ร่างกายผวาสะท้านเยือก  ขนตามตัวพร้อมใจกันลุกชันด้วยความเสียวสยิว

   ความรู้สึกที่ใบหูโดนกระตุ้นเร้ายังไม่สร่างซา  บริเวณยอดอกก็ถูกมือขวาของกานต์เริ่มบดขยี้รุกรานบีบบี้จนตุ่มไตขดรัดตัวแข็งชัน  ความเสียวกระสันอัดแน่นอยู่ในช่องท้องจนธรณินต้องยกมือขึ้นโอบหลังกานต์  แล้วเริ่มลงมือบีบคลึงฟอนเฟ้นไปตามร่างขาวเนียนอย่างต้องการระบายอารมณ์ให้คนด้านบนร่วมรับรู้ความรู้สึกนี้ไปด้วยกัน

   ยิ่งธรณินบีบเคล้นหนักมือ  กานต์ก็ยิ่งได้ใจ  แสดงว่าตนก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง  ถึงทำให้อีกฝ่ายเตลิดไปได้ขนาดนี้  คิดแล้วกานต์จึงลงมืองับยอดอกอีกข้าง  ในขณะที่มือก็ควานลงไปที่เป้าหมายหลักเบื้องล่าง  กอบกุมและเริ่มคลึงเคล้าต่อไป

   “อุ่ก... ฮึก... กานต์”

   “เรียกทำไมครับพี่ณิน  จะขอถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะครับ”

   มือเรียวขยับรูดรั้งเชื่องช้าจากโคนสู่ปลาย  จนน้ำใสเริ่มผุดซึมออกมา  จึงค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งปาดเกลี่ยจากรูตรงกลางไล้วนจนทั่วบริเวณส่วนหัว  ขยับรูดไล้วนซ้ำๆ จนธรณินต้องเกร็งสะโพกยกขึ้นตามการชักนำ

   “ใคร... อ๊ะ... ใครว่าจะถอนตัว  ค... แค่นี้ยังธรรมดา”

   “โอเคครับ  นี่แค่เริ่มต้นยังธรรมดาอยู่แล้ว  ถ้าแบบนี้ล่ะ”

   กานต์ก้มศีรษะลงชิดส่วนแข็งขึงแล้วอ้าปากครอบลงไปจนชิดส่วนโคน  ดึงรูดขึ้นเบาๆ พลางใช้ลิ้นตวัดเลียไปด้วย  เม้มปากแล้วดูดกลืนจนแก้มตอบ  เล่นเอาสะโพกธรณินยกสูงลอยจากที่นอนเป็นคืบ

   เสียงอู้อี้เพราะมีสิ่งของคาปากอยู่ฟังไม่ชัดนักจับใจความได้ว่าแบบนี้เป็นยังไงบ้าง  ธรณินได้แต่พยักหน้าส่งเสียงครางอืออาแทนคำตอบ  กานต์เหลือบมองสีหน้าธรณินก็ยิ่งย่ามใจ  สองมือซ้ายขวาเร่งปรนเปรอยอดอกทั้งสองข้างจนแข็งคัดไปหมด  ปากก็ขยับรูดเข้าออกเป็นจังหวะจนน้ำลายไหลปะปนกับน้ำใสที่เริ่มซึมออกมามากขึ้นจนแยกไม่ออก

   อยู่ๆ ความอบอุ่นที่ส่วนสงวนก็วาบหาย  ธรณินผงกศีรษะขึ้นมองก็เห็นกานต์ถอนปากออกไปเรียบร้อยแล้ว  ร่างเปลือยเปล่าของมังกรหนุ่มขยับเข้าใช้ส่วนแข็งขึงดุนดันเสียดสีกับส่วนที่เปรอะเปื้อนน้ำลายชโลมไว้ตลอดความยาวของธรณิน  พลางเอื้อมมือคว้าแขนของคนใต้ร่างให้ขยับมารูดรั้งท่อนลำที่แนบชิดติดกัน

   “อยากมันก็รูดเอานะครับพี่ณิน”

   น้ำเสียงหยอกเย้า  แววตาพราวระยับกับท่าทางค่อยๆ ดันสะโพกให้บดเบียดเสียดกันมากยิ่งขึ้น  ทำให้ธรณินแทบคลั่ง  มือกุมส่วนสำคัญของทั้งคู่แล้วจึงขยับข้อมือรูดสาวอย่างซ่านเสียว

   “อืม.. กานต์  ไปฝึกมาจากไหน  ทำไม  อึก  เก่งจริง”

   “อา... มะ... ไม่ได้ฝึกครับพี่ณิน  แค่... ฮึก  แค่ปล่อยอย่างที่ใจอยากทำไปตามธรรมชาติ”

   หยาดน้ำใสไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก  ธรณินเอนตัวครึ่งๆ หน้าท้องเกร็งแน่น  ขยับมือรัวเร็วจนได้ยินเสียงน้ำดังเฉอะแฉะอันหยาบโลน

   “อุ๊บ”

   กานต์โน้มตัวลงมาประคองใบหน้าธรณินพลางบดจูบอย่างเร่าร้อน  ควานหาลิ้นดุนดันแล้วตวัดพันรัดดูดดึงอย่างเมามัน  ก่อนจะเอนกายไปเบื้องหลังแล้วคว้าขวดเจลใสมาเปิดขวดเทราดรดไปบนแก่นกายของทั้งคู่

   เจลใสข้นหนืดยิ่งช่วยทำให้ลื่นมือมากยิ่งขึ้น  ธรณินขยับข้อมือรัวเร็วก่อนจะโดนกานต์คว้าจับข้อมือไว้

   “กานต์... ใช่เวลาเล่นไหมเนี่ย  ปล่อยมือพี่เหอะ”

   “จุ๊ๆๆ” กานต์ส่งเสียงพลางส่ายหน้าว่าไม่ยอมปล่อย  ก่อนจะค่อยๆ ยกสะโพกมนขึ้นครอบทับตัวตนของธรณินอย่างช้าๆ เจลใสช่วยให้คลายความตึงแน่นไปได้มาก  กานต์ค่อยๆ กดสะโพกลงหน้าตาเหยเก  ส่ายหน้าตอบเมื่อธรณินบอกจะจัดการให้  ยังคงดึงดันที่จะค่อยๆ กลืนกินธรณินเข้าไปอย่างช้าๆ

   จนเข้าไปได้จนสุดทาง  จึงหยุดนิ่ง  ปล่อยให้ร่างกายได้ปรับตัวและนำความคุ้นเคยกับส่วนที่เต้นตุบอยู่ภายใน

   “อา... กานต์  ของกานต์  แน่นมาก  อืม”

   ธรณินยันตัวลุกขึ้นนั่ง  ค่อยๆ ประคองสะโพกของกานต์ให้ยกขึ้นแล้วกดลงมาอีกครั้ง

   “เดี๋ยวพี่ณิน... กานต์  อึก... จุก  เดี๋ยวกานต์ขยับเอง  พี่ช่วยกานต์ด้านหน้าดีกว่า”

   ธรณินปล่อยมือจากสะโพกมนแล้วเริ่มขยับรูดรั้งให้กานต์อย่างรู้จังหวะทันที

   “อืม... พี่ณิน... กานต์”

   ด้วยความที่ด้านหน้าถูกกระตุ้นเร้าให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง  ช่องทางด้านหลังจึงเริ่มขมิบรัดและส่ายไหวอย่างเป็นจังหวะตามไปด้วย  กานต์กัดริมฝีปากด้วยแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น  ก่อนแหงนเงยหน้าแอ่นแผ่นอกให้ธรณินที่โน้มตัวมาดูดดื่มยอดอกด้วยความมันเขี้ยว

   “พะ... พี่ณิน  อึก”

   “เร่งอีกนิดกานต์  อืม  กระแทกลงมาอีก”

   ธรณินยึดสะโพกไว้แล้วช่วยส่งตัวเองกระแทกสวนขึ้นไปเมื่อเห็นกานต์ทำท่าจะหมดแรง  เมื่อจุดสิ้นสุดแห่งอารมณ์ใกล้มาถึงกานต์จึงโน้มหน้าไปบดเบียดจุมพิตกับธรณินอย่างรั้งอารมณ์ไม่อยู่  ปลายหางตามีน้ำตาอยู่คลอคลอง  ก่อนจะหยดกลิ้งลงมาพร้อมร่างที่กระตุกเฮือก  ปลดปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของธรณิน  ช่องทางด้านหลังตอดตุบรุนแรงจนธรณินต้องกระแทกตัวเองหนักๆ อีกสามสี่ครั้งเพื่อปล่อยน้ำสีขาวตามกานต์ไปติดๆ

   “แฮ่กๆ กานต์”

   “ครับ”

   กานต์ตอบเสียงอู้อี้  ซบไหล่ธรณินด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “ยั่วขึ้นนะเราเนี่ย”

   กว่าจะพูดเป็นประโยคออกมาได้  ธรณินต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเพื่อปรับจังหวะการหายใจ กานต์พยักหน้ารับกับธรณิน  ฟังเสียงหัวใจที่เต้นตึ้กๆ ถี่ๆ แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

   “ก็รู้อยู่นะพี่ณิน  ว่านี่เป็นข้อเสีย  แต่เวลาใครยั่วทีไร  ผมต้องตอบโต้กลับไปทุกทีสิน่า”

   “อืม  แต่แบบนี้พี่ชอบ”

   ธรณินพูดไปมือก็เกลี่ยเส้นผมที่ปรกระหน้าผากชื้นเหงื่อไปด้วย

   “รอพี่พักเหนื่อยแป๊บ  เดี๋ยวพี่ ‘ยั่ว’ ต่อ  แล้วกานต์ ‘ขึ้น’ เหมือนเดิมนะ”

   “ฮะ!!!”

   “ดีล”


TBC...

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #81 เมื่อ27-02-2017 16:05:29 »

ได้กันแล้ว!!!  :heaven

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #82 เมื่อ28-02-2017 07:31:20 »

อุ๊ย! ได้กันรอบสอง

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #83 เมื่อ01-03-2017 01:53:26 »

เหอๆ มังกรขาว ดูท่าคนชื่อมังกรจะ มีคน เกทับ มังกรนะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #84 เมื่อ01-03-2017 19:54:47 »

กร๊าก  พี่หนูณิน ต๊องไปอีก มังกรน่ารัก โดนยั่วนิดยั่วหน่อย เสร็จพี่หนูณินอีกรอบซะงั้น

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #85 เมื่อ04-03-2017 13:07:30 »

พี่ณินมีความหวงเมียหนักมากกกกกกกกกก แถมยังหื่นมากกกกกกกกก

 :-[

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #86 เมื่อ04-03-2017 14:17:26 »

ฉากที่รอคอยมาแล้ว ขอเลือดสำรองด่วน
แอบฮ่าฉากป๋ากานนอนบนเตียงหนูนินนอนก่อนขา สลับตำแหน่งซะงั้น อิอิ
แบบว่ารอบสองก็ขึ้นเอง สุดยอดอ่ะป๋ากาน คิกๆๆๆ

ออฟไลน์ Carnival

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #87 เมื่อ06-03-2017 14:25:12 »

เป็นการดีลที่วินวินนะเนี่ย  :pighaun:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
«ตอบ #88 เมื่อ13-03-2017 14:59:11 »

รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #89 เมื่อ13-03-2017 16:05:59 »

บทที่ 15

   “เอ่อ... น้องกรคะ ช่วงนี้คุณณินเคยเปรยๆ ว่ามีโปรเจคอะไรใหม่บ้างรึเปล่าคะ”
   สมชายพระซิบกระซาบกานต์ไป ตาก็เหล่มองธรณินที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดรื้อแผ่นงานเก่าๆ ของเด็กในสังกัดมานั่งดูไป ปากก็บ่นพึมพำอะไรไม่หยุด สมชายจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าธรณินจะคร่ำเคร่งกับงาน แต่นี่พ่อคุณเล่นฟาดหัวฟาดหางใส่พนักงานไม่เว้นแต่ละคน ใครถามอะไรก็ดุใส่ ทั้งๆ ที่ปกติจะอธิบายให้ฟังด้วยท่าทางใจเย็นแท้ๆ ที่สำคัญนายท่านเหวี่ยงมาเป็นอาทิตย์แล้ว ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยกเว้นไว้คนเดียวที่ไม่เคยเจอระเบิดยี่ห้อธรณินปาเข้าใส่
   กานต์ส่ายหน้าหวือตอบปฏิเสธ
   “ไม่เห็นพี่ณินพูดอะไรเลยครับพี่ซิสซี่ แต่จริงๆ แล้วพี่ณินก็ไม่ค่อยคุยเรื่องงานกับผมเท่าไหร่นะครับ”
   “คุยกันแต่เรื่อง ‘ส่วนตัว’ ละสิท่า” สมชายค้อนลมค้อนแล้งอย่างหมั่นไส้
   “พี่ล่ะเบื่อพวกมีแฟนจริงจริ๊ง วันๆ คุยกันหนุงหนิงๆ ไม่ต้องมาคอยรับบรรยากาศกดดันแบบคนโสดแถวนี้”
   พอได้คุยเล่นสมชายก็เริ่มผ่อนคลาย พูดคุยหยอกเย้าหัวเราะคิกคักกับกานต์ไม่หยุด จนเสียงเย็นๆ ลอยมาดับอารมณ์
   “ว่างนักรึไงสมชาย มาเอาแฟ้มนี่ไปเก็บหน่อย แล้วช่วยเช็คตารางงานของนายแบบใหม่ให้ผมด้วย รู้สึกจะไปซ้อนกันกับของอีกคนนึง”
   “ซิสซี่เช็คให้แล้วนะคะ งานซ้อนกันจริง แต่เคลียร์คิวกันใหม่เรียบร้อยแล้วไงคะ เมื่อวานคุณณินยังพยักหน้ารับอยู่เลย”
   ใบหน้าคมคายที่ค่อยๆ หันมามองอย่างช้าๆ ตวัดสายตาคมกริบเข้าใส่จนสมชายหนาวเยือกหดคอทันควัน
   “ผมบอกให้เช็คคุณก็เช็คสิ”
   “ค่ะๆ เดี๋ยวซิสซี่ไปเช็คอีกรอบนึงเนาะ”
   “เมื่อธรณินหันหน้ากลับไปก้มลงมองแฟ้มผลงานในมืออีกครั้ง สมชายก็หันไปบุ้ยใบ้กับกานต์ว่าเป็นอย่างที่บอกไหมล่ะ
   “สมชาย!!”
   “ค่าๆ ไปแล้วค่า แหม่... เลือดจะไปลมจะมานี่ก็ลำบากกับผู้คนรอบข้างนะคะคุณณิน ว่างๆ ก็ให้น้องกรพาไปซื้อฮอร์โมนเสริมบ้างนะคะ เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง”
   สมชายเดินบ่นกระปอดกระแปดดึงประตูปิดเปิดเสียงดังเป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัวจนธรณินมองตามตาขุ่นขวางอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน
   “พี่ณิน” เสียงเรียกทอดอ่อนทำให้ธรณินรู้สึกตัวหันมายิ้มบางให้กานต์ทันที
   “มีอะไรครับ”
   ก็ปกติดีนี่ กานต์คิดในใจ แต่อาจจะเครียดเรื่องงานอย่างที่พี่สมชายว่าก็ได้ กานต์เดินไปทิ้งสะโพกลงนั่งบนโต๊ะทำงาน ทำทีเป็นคว้าแฟ้มมาเปิดพลิกดูผ่านๆ ปากก็ถามไปเรื่อยเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าไหร่
   “ช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าพี่ณิน”
   “หืม... ไม่นี่ ก็เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย กานต์ถามทำไม”
   ธรณินวางแฟ้มลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับกานต์ซึ่งหันมาจ้องมองรอคำตอบ กานต์สังเกตเห็นประกายตาวูบไหวแปลกๆ ในดวงตาของธรณินก็นึกรู้ว่าคงมีบางอย่างที่เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของคนตรงหน้า แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากบอกจะไปคาดคั้นให้ได้อะไรขึ้นมา
   “เปล่าหรอกครับพี่ณิน ผมถามดู นึกว่าพี่ยุ่งๆ อยู่ พอดีผมอยากชวนพี่ณินไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าพี่ณินว่างไหม”
   “หือ... กานต์อยากไปเที่ยวเหรอ”
   ท่าทางจะอยากผ่อนคลายจริงๆ แฮะ พอพูดถึงเรื่องเที่ยวแล้วพี่ณินก็คึกคักขึ้นมาทันที กานต์คิดแล้วจึงเพิ่มลูกเล่นส่งสายตาพราวระยับไปให้ ลดเสียงลงเหลือแค่กระซิบแผ่วๆ
   “เผื่อพี่ณินอยาก ‘เปลี่ยนบรรยากาศ’ บ้างไรบ้างน่ะครับ”
   คนพูดคิดหรือเปล่าไม่รู้ แต่คนฟังตาเยิ้มนำไปก่อนแล้ว ธรณินรีบพยักหน้ารับจนคอแทบหัก พูดจาลิ้นพันกันแทบฟังไม่รู้เรื่อง
   “ว่างๆ เดี๋ยวพี่ให้เช็ควันสมชายตารางดูให้”
   กานต์หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังทันทีที่ได้ยินธรณินพูดจนจบประโยค อดเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้
   “พี่ณินนี่ยิ้มแล้วหล่อนะเนี่ย เวลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ดูเท่ดีนะ แต่ยิ้มแบบนี้หล่อกว่านะครับ”
   จบคำพูดของกานต์ หัวใจธรณินก็อุ่นวาบ ลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวไปโอบกอดกานต์เอาไว้แนบอก
   “ขอโทษที่นะกานต์ที่ทำให้เป็นห่วง แต่พี่ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ครับ แล้วก็... ขอบคุณนะสำหรับกำลังใจ เป็นวิธีการเพิ่มกำลังใจที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเลยใช่ไหมเนี่ย”
   ธรณินก้มหน้าลงใช้หน้าผากจรดกับหน้าผากของกานต์ จ้องมองแววตาสีน้ำเงินเหลือบดำที่ดึงดูดคู่นั้นอย่างหลงใหล
   “เอ้าๆๆ ทำงานค่ะทำงาน ไปเช็คมาให้แล้วเจ้าค่ะนายท่าน คำตอบเหมือนเดิมกับเมื่อกี๊ตอนก่อนออกไป มีเพิ่มเติมมาอีกนิ้ดเดียวเอง” สมชายลากเสียงยาวอย่างมีจริต
   “แค่ว่าคำตอบเดียวกันของเมื่อกี๊นี่หน้าเป็นตูด แต่คำตอบเดียวกับเมื่อกี๊ตอนนี้หน้าใสอย่างกับได้กินเด็กมา อ้อ! ว่าไม่ได้นี่น้า มีเด็กมาให้กินจริงๆ นี่เนอะ โลกมันถึงสดใสซาบซ่าขึ้นมาแบบนี้ ไอ้บรรยากาศหนาวเยือกอย่างกับอยู่ขั้วโลกเหนือน่ะ เอาไว้โขกสับใช้กับลูกน้องเนอะคุณณินเนอะ”
   สมชายประชดเข้าใส่ เตรียมตัวตั้งรับอารมณ์เหวี่ยงกลับของธรณินอย่างเต็มที่ ในใจเตรียมเรียบเรียงถ้อยคำประชดไว้เป็นฉากๆ ลองเปิดมาสิ ไม่จิกกลับอย่ามาเรียก สมชาย! เอ๊ย! ซิสซี่!!
   แต่ปฏิกิริยาตอบรับกลับผิดคาด ธรณินหันมามองสมชายด้วยดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม จุดยิ้มมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ส่งให้ ก่อนจะค่อยๆ ดันกานต์ออกจากอ้อมกอด แล้วเปลี่ยนเป็นวางพาดท่อนแขนไว้บนบ่าของคนนั่งอย่างแสดงความเป็นเจ้าของด้วยอารมณ์เบิกบานถึงขีดสุด
   “อ้อ... สมชายมาพอดีเลย เมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ต้องให้ไปเช็คตารางงานซ้ำอีกรอบ ทำให้คุณต้องวุ่นวายหลายครั้งเลย”
   เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาเล่นเอาสมชายถึงกับไปไม่เป็น จากที่เตรียมปะฉะดะเอาไว้เต็มที่ กลายเป็นแทบจะละลายเพราะคำขอโทษที่แสนจะจริงจังนี่เอง
   “คะ... คือ” สมชายอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง
   “ยังไงวันนี้เดี๋ยวงานช่วงบ่ายแทบจะไม่มีอะไรเร่งด่วนแล้วใช่ไหมครับ”
   “ค่ะ.. น่าจะ... มั้งคะ”
   ถ้าเป็นเวลาปกติสมชายต้องโดนเล่นงานอ่วมแน่นอน คำว่าน่าจะ อาจจะ ไม่เคยมีในพจนานุกรมของผู้ชายที่ชื่อธรณิน มีคือมี ไม่คือไม่ แต่... นี่ไม่ใช่เวลาปกติไง
   “ครับ ลองเช็คดูว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า ถ้าไม่มีงานอะไรแล้วคุณกลับบ้านได้เลยนะครับ ทำงานยุ่งมาหลายวัน ควรจะได้รับการพักผ่อนบ้าง”
   แม่เจ้า!! สมชายลอบอุทานในใจ หรือว่าคุณณินจะหาเรื่องไล่เราออกวะ นิ่งคิดได้สักพักจึงเอ่ยปากถามเสียงเครือน้ำตาคลอ
   “คุณ... คุณณินจะให้สมชาย (เรื่องจริงจังขนาดนี้ ซิสซี่ไม่มัวห่วงชื่อแซ่แล้วค่ะ) พักงาน มะ... หมายถึงจะไล่สมชายออกหรือคะ”
   ธรณินเลิกคิ้วสูง หากยังคงยิ้มละไมอยู่เหมือนเดิม หันไปกระซิบกระซาบสั่งให้กานต์เก็บของรอเลยเดี๋ยวจะได้กลับบ้านพร้อมกัน จากนั้นจึงเก้าเท้าสบายๆ ไปโอบไหล่สมชายไว้
   “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นล่ะครับสมชาย ผมแค่อยากให้รางวัลคุณนิดหน่อยเองที่เหนื่อยมาตลอดช่วงอาทิตย์นี้ แล้วก็มีงานให้คุณช่วยอีกนิดหน่อยเอง”
   รอยยิ้มที่ค่อยๆ ฉีกกว้างขึ้นเริ่มสวนทางกับใจที่ค่อยๆ หดเล็กลงของสมชาย
   ธรณินค่อยๆ ใช้มือบีบนวดไปตามหลังไหล่ของสมชายอย่างเบามือ สัมผัสที่ค่อยๆ กดลงมาบนบ่าทำให้ขนที่หลังคอของสมชายค่อยๆ ลุกชัน ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบนลำคอโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำให้สมชายสะดุ้งจนตัวโยน
   “คะ... คุณณินขา” สมชายออดเสียงสั่น
   “ฮือๆ สมชายกลัวแล้ว อย่าเล่นแบบนี้เลย สมชายกลัวจนฉี่จะราดแล้วค่ะ จะให้สมชายทำอะไรก็ยอมแล้ว กลับไปเหวี่ยงแบบเก่ายังดีกว่ามายิ้มเย็นๆ ใจดีแบบแปลกๆ สมชายกลัว ฮือ”
   ธรณินพ่นลมหายใจใส่ข้างหูของสมชายแผ่วเบา “ฟู่” ก่อนจะก้มลงกระซิบริมหูเสียงแผ่ว
   “ช่วยเช็คดูตารางงานของผมแล้วทำให้วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ผมว่างยาวเลยได้ไหมครับ”
   สมชายยืนตัวสั่นพยักหน้ารับรัวๆ เป็นนกหัวขวาน ก่อนเท้าทั้งสองข้างจะถูกตรึงติดแน่นกับพื้น เมื่อฟังประโยคถัดมา อันเป็นสาเหตุของพฤติกรรมสยองขวัญสั่นประสาทของธรณินในขณะนี้
   “อ้อ... คราวหน้าถ้าจะคุยเล่นกับกร... กรุณาอย่ายื่นหน้าหัวร่อต่อกระซิกใกล้ๆ นะครับ ผมไม่ชอบ”
   จบคำธรณินก็ส่งยิ้มชวนขนหัวลุกมาให้อีกดอก
   “ป่ะ กร กลับบ้านกัน พี่สั่งงานสมชายเรียบร้อยแล้ว มีอะไรติดในสงสัยอีกไหมสมชาย” ท้ายประโยคธรณินจ้องหน้าสมชาย ตวัดตาเข้าใส่จนสมชายคิดว่าถ้าสายตาธรณินเป็นมีด ป่านนี้เลือดคงท่วมร่างตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว คมกริบบาดลึกเถือชั้นไขมันขาดกระจุย ได้แต่ส่งเสียงรับคำว่าเข้าใจแล้วค่ะเสียงเบา
   “เอามานี่พี่ถือให้ ไปเปิดประตูให้พี่ละกัน”
   “หือ... แต่ของเยอะนะ ผมช่วยพี่ณินถือไม่ดีกว่าเรอะ”
   ธรณินส่งเสียงจิ๊กจั๊กในคอก่อนบุ้ยใบ้ให้กานต์เดินไปเปิดประตูเถอะ ของทั้งหมดนี่ตนจะถือเอง กานต์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของธรณิน เดินผ่านหน้าสมชายกำลังจะโอบไหล่เพื่อบอกลา หากสมชายที่ยืนรอจังหวะอยู่แล้วกลับบิดตัวก้าวถอยหลังยกมือขึ้นโบกลาทันที ไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัวคุณน้องกรอีกแล้ว เดี๋ยวเจ้าพ่อธรณินประทับทรงขึ้นมา จะกระโดดงับหัวน้อยๆ ของสมชายขาดเอา
   “อะ... อ้าว” กานต์หน้าเหวอ ยกมือโบกลาตอบอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูคอยท่าให้คนใช้กิตติมศักดิ์ลำเลียงของตามมา
   เมื่อมาถึงบริเวณลานจอดรถของบริษัท ธรณินก็ไล่กานต์ขึ้นไปนั่งรอบนรถ ส่วนตัวเองสตาร์ทรถไว้ให้แล้วรีบพุ่งตัวไปเก็บข้าวของไว้ที่หลังรถอย่างรวดเร็ว จนธรณินขึ้นมานั่งบนรถ ปาดเหงื่อออกจากบริเวณหน้าผากเรียบร้อยแล้ว จึงโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กานต์อย่างเอาใจใส่ ในช่วงที่ธรณินกำลังจะออกรถ กานต์จึงแตะมือเข้ากับหลังมือของธรณิน
   “ครับ” ธรณินมองมือของตนเองที่ถูกยึดไว้
   กานต์ขยับตัวนั่งเอียงข้าง ยกมือขึ้นเท้าศีรษะกับคอนโซลรถจ้องหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยจนธรณินเริ่มอึดอัดจึงถามซ้ำอีกครั้ง
   “มีอะไรครับกานต์”
   คราวนี้กานต์พรูลมหายใจยาวออกมาพร้อมกับเรียกชื่อ
   “พี่ณินอ่า...”
   ฝ่ามืออบอุ่นเอื้อมมาลูบหัวคนเรียกชื่อของตนเสียงยานคางอย่างอดมันเขี้ยวไม่ได้
   “เรียกทำไมหือ เป็นอะไรก็บอกพี่สิ เงียบแบบนี้พี่เดาไม่ถูกหรอกนะ”
   “นั่นแหละครับที่ผมจะถาม” กานต์ยิ้มกริ่ม
   “หือ...หมายความว่าไง”
   “ที่พี่ณินเงียบๆ ทำอะไรแปลกๆ จนคนทั้งบริษัทเค้าเครียดเกร็งกันไปหมดน่ะพี่ณินเป็นอะไร มีอะไรก็บอกกันบ้าง เอาแต่เงียบอย่างเดียวผมก็เดาไม่ออกเหมือนกัน”
   กานต์โยนคำถามแบบเดียวกับที่ธรณินถามมากลับไปบ้าง เล่นเอาธรณินถึงกับอึ้ง ก็เข้าใจล่ะน่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาแค่ไหน รู้สึกตั้งแต่ชวนไปนอกสถานที่แล้ว แต่จะให้บอกจริงๆ น่ะหรือ เฮ้อ...
   “ถอนหายใจแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องกลุ้มใจจริงๆ ระบายได้นะพี่ ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ผมช่วยรับฟังได้”
   รอยยิ้มจริงใจที่เจิดจ้าจับตาอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ ทำให้ธรณินใจแกว่ง เริ่มขยับปากสารภาพเสียงเบา
   “พี่... เรื่องกานต์”
   คิ้วกานต์ขมวดฉับเข้าหากันทันที ชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างมันงง
   “เรื่องผม”
   “อืม” ธรณินหลุบตาลงรับคำเสียงต่ำ
   “เล่ามาพี่ พิ่อิคคิวทำปัญหาอีกรึเปล่า เดี๋ยวผมจะได้จัดให้สักหน่อย”
   ท่าทางหาเรื่องของกานต์ทำให้ธรณินหัวเราะ ขยี้ผมของกานต์อย่างหมั่นไส้
   “ไม่ใช่เรื่องอิคคิวหรอกน่า ป๋ากานต์ใจเย็นๆ นะ” เสียงกลั้วหัวเราะของธรณินทำให้กานต์กลับเข้าสู่โหมดแมวน้อยใช้หัวถูไถแขนของอีกฝ่ายที่ลูบหัวเขาอย่างออดอ้อน
   “เรื่องอะไรอ่าพี่ณิน รีบๆ เล่าซิพี่ ทำให้คนทุรนทุรายอยากรู้นี่มันทรมานนะ เล่ามาๆ”
   “คือพี่ว่า... เรื่องของพี่กับกานต์มันข้ามขั้นเร็วเกินไปไหม พอชอบกันแล้วยังไม่ทันได้จีบ ได้คบกันเลย ดันข้ามขั้นไปถึงไหนต่อไหนซะแล้วน่ะ”
   “แล้ว...” กานต์กอดอก เริ่มหรี่ตามองคนคิดมากตรงหน้า
   “เฮ้ย! อย่าเพิ่งโมโหสิ คือพี่รู้สึกผิดอยู่นะ”
   “ผิดอะไรพี่ มาจนถึงขั้นนี้แล้ว พี่ณินจะบอกว่ารู้สึกผิดแล้วอยากเลิกกับกานต์ป่ะ บอกมาตรงๆ กานต์รับได้”
   “ไม่ๆ” ธรณินละล่ำละลักปฏิเสธ รีบปลดเข็มขัด... นิรภัยออก (คิดไปถึงไหนกันน่ะ) เพื่อที่จะได้โอบคนที่เริ่มอารมณ์ขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ลูบหลังลูบไหล่ที่เริ่มเกร็งเครียดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
   “คือพี่รู้สึกผิดที่ยังไม่เคยได้เดินหน้าจีบกานต์อย่างเป็นจริงเป็นจังเลย ช่วงนี้พี่เลยพยายามหาวิธีว่า คนที่เค้าชอบเค้ารักกัน เขามีวิธีจีบกันยังไง เพื่อจะได้เอามาใช้จีบกานต์ นี่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ก็พยายามศึกษาผลงานถ่ายแบบเก่าๆ หัวข้อคู่รักเพื่อเอามาใช้ชดเชยให้กานต์อยู่” ธรณินสารภาพยาวรวดเดียวจบ แต่ร่างในอ้อมกอดยังคงนิ่งขึงจนใจเริ่มไม่ดี
   “กานต์... อย่าเงียบสิ”
   “ตกลง... จะจีบ” กานต์ถามเสียงเบา
   “อืม... พี่ขอจีบกานต์ได้ไหม”
   “ถ้าจีบนี่ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน... เพราะงั้นอะไรๆ ที่คนเป็นแฟนทำกันเราก็ทำไม่ได้ กานต์โอเคนะไม่มีปัญหา ว่าแต่พี่ณินไหวเหรอ” กานต์หรุบตาลงต่ำมอง ‘ตัวตนของธรณิน’ ที่ด้านล่าง
   “พี่... คือ... เอ่อ...”
   กานต์ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นรถกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนที่โอบกอดตนอยู่ ก่อนจะชะโงกหน้าไปกระซิบริมหูเสียงพร่า
   “ถ้างั้นตอนกลางวันพี่ณินจีบกานต์ไป แล้วตอนกลางคืนเราก็เป็นแฟนกันแล้วกันเนอะ”


TBC...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด