บทที่ 13
อิคคิวก้มมองดูผิวเนื้อเรียบลื่นที่พันรัดอยู่รอบตัวด้วยความตกใจ สองแขนแนบข้างลำตัวกระดิกไม่ได้แม้เพียงสักนิด ขณะที่เนื้อตัวสั่นกึกๆ ก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งที่รัดตัวเอง จากความตกใจ เพิ่มระดับเป็นความตกใจสุดขีดอย่างรวดเร็ว ครางเสียงแหบเสียงแห้งหาคุณพระคุณเจ้าแทบไม่ทัน
“ไงครับพี่อิคคิว รู้รึยังเอ่ยว่าผมเป็นใคร”
อิคคิวจ้องมังกรตรงหน้าจนตาค้าง ปากนั้นอ้ากว้างโชว์เขี้ยวด้านในที่เรียงกันเป็นพรืด แต่ไม่ได้ขยับพูด เสียงที่ได้ยินดังขึ้นจากในสมองของเขาเอง เสียงนั้นช่างชัดเจนจนน่าขนลุก และที่แน่ๆ เสียงนี้มันเสียง
“ไอ้กร!!”
“จุ๊ๆๆ พี่นี่ชอบพูดไม่เพราะเอาซะจริงๆ นะครับเนี่ย ไม่มีใครสอนเหรอครับ ว่าการเรียกคนอื่นว่าไอ้ว่าอีนี่มันไม่สมควรทำ แต่ว่า... คงเป็นสันดาน เอ๊ย! นิสัยที่แก้ไม่หายอะเนอะ”
สิ่งมีชีวิตตรงหน้า พยักหน้า ส่ายหน้าอยู่ตัวเดียว และที่แน่ๆ ตามันทั้งเยาะเย้ย ดูถูก ถากถาง ลูกกะตาแบบนี้มีแค่ไอ้กรนี่แหละ
“มึง ไอ้กร มึงเป็นตัวอะไรวะเนี่ย” อิคคิวละล่ำละลักถาม พยายามดิ้นรนไปด้วยแต่ก็ไร้ผล
“อ้าว!...” มังกรเบิกตา
“คือนิสัยไม่ดีแล้วยังปัญญาอ่อนด้วยเหรอเนี่ย ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นมังกร จะถามทำไมว่าตัวอะไร แล้วกรุณาหยุดดิ้นด้วยนะครับ กระดูกระเดี้ยวหักไป ผมจะไม่รับผิดชอบนะ อีกอย่าง ไอ้การมาดิ้นๆ ถูไถอยู่เนี่ย ขนลุกมากเลยครับพี่”
ร่างที่โดนรัดหยุดกึกทันที แต่ปากยังพึมพำสบถด่าไม่หยุด กานต์จึงใช้ปลายหางเลื้อยตวัดพันปิดปากไว้ด้วยความรำคาญ
“รู้จักคำว่าตายบ้างไหมครับ เคยคิดบ้างไหมว่าเราเป็นมนุษย์ตัวกระจิริด มาทำตัวดื้อมากๆ แล้วเราจะโดนมังกรที่สูงศักดิ์กว่า เก่งกว่า แล้วก็หน้าตาดีกว่าบีบรัดจนกระดูกแตกตาย?”
สมองของอิคคิวเริ่มประมวลผลเสียทันที... ตายเชียวนะ ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นๆ อีกแล้ว
“อ่อ... คิดได้แล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นผมจะเลิกปิดปาก เราจะได้คุยกันได้ซะที”
หางที่ตวัดรัดคลายออก หากลำตัวยังคงรัดแน่นไม่คิดจะปล่อย
“พี่อิคคิวเป็นคนเก่งนะครับ ช่วยปลุกอะไรในตัวผมได้หลายอย่าง อ๊ะ! อย่าทำตาโตแบบนั้น ยกเว้นเรื่องปลุกอารมณ์ไว้อย่างนึงเถอะ ปลุกไม่ขึ้นจริงๆ”
มังกรขาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะร่ายต่อ
“ช่วยปลุกให้ผมฮึดสู้ ปลุกให้ใช้มนต์เรียกไฟได้ แต่ที่ไม่ดีเลยคือพี่พยายามวางยาปลุกเซ็กส์พี่ณินของผม”
ยิ่งพูดเสียงยิ่งหงุงหงิงออดอ้อน แต่ทำไมอิคคิวถึงไม่รู้สึกถึงความน่ารักเลยล่ะ รู้สึกแต่ความโกรธกรุ่นที่แฝงมาในน้ำเสียงฉอเลาะนั้น หางที่ไล้ปัดผ่านก็ช่างแลดูน่าหวาดผวา ประเดี๋ยวก็ลากผ่าน ประเดี๋ยวก็ตบแปะๆ เบาๆ ที่ขางแก้ม นี่มันเล่นสงครามประสาทกันชัดๆ
“จะเอายังไงก็ว่ามา” อิคคิวเชิดหน้าขึ้นสูง
“หืม มีความกล้าหาญดี แต่ผิดที่ผิดทางไปหน่อยนะครับ ที่นี่ เวลานี้ ผมใหญ่สุด เข้าใจ๊”
ปลายหางที่สะบัดตีหน้าไม่แรงแต่ก็ไม่เบา ทำให้อิคคิวตัวสั่นขึ้นมาอีกระลอก น้ำตาจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ ได้แต่เอ่ยเสียงอ่อน
“กร พี่ผิดไปแล้วนะ ยกโทษให้พี่ด้วย ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเลย ขอร้องล่ะ ปล่อยพี่ไปเถอะนะ”
“ผมปล่อยพี่แน่ๆ อยู่แล้ว ไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ก่อนจะปล่อย พี่ต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผมกับพี่ณินอีก”
“สะ... สัญญาเลย”
ครืน... เสียงฟ้าร้องครืนครางดังแว่วๆ อยู่ทางด้านนอก แต่ภายในสมองของอิคคิวกลับได้ยินดังลั่นแจ่มชัด ขนทั่วทั้งตัวพร้อมใจกันลุกเกรียว
“ลืมเตือนไปว่าคำสัญญากับมังกร แผ่นฟ้าเบื้องบนเป็นพยาน ถ้าผิดคำสัญญา... ฟ้าผ่าตายเลยนะครับ”
อิคคิวเบิกตาโตทันที ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ ไอ้มังกรชั่ว หลอกให้สัญญาก่อน แล้วค่อยมาบอกข้อแม้อย่างนี้ได้ยังไงวะ แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนความโมโห พยักหน้ารับคำสัญญานั้นรัวๆ เพราะอันที่จริงพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมังกรแล้ว มนุษย์ที่มีแค่สองมือสองเท้าอย่างเขาจะไปสู้มันได้ยังไง
“ดีมาก” ปลายเสียงลากยาว พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ทีนี้มาเรื่องสำคัญที่สุดของวันนี้... ยาปลุกที่ให้พี่ณินกินน่ะ เก็บไว้ที่ไหน เอาออกมาวางไว้แล้วผมจะปล่อยพี่ไป”
ลำตัวที่รัดแน่นหนาค่อยๆ คลายออกช้าๆ ประกายแสงเงินแสงทองส่องประกายวิบวิบเจิดจ้าสาดไปทั่วห้องจนเมื่อละอองแสงจางลง จึงปรากฏร่างของกานต์นั่งเท้าคางไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าเล่นอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม
อิคคิวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง แข้งขาทรงตัวไม่อยู่ จนเริ่มตั้งสติได้จึงล้วงหยิบยาเม็ดออกมาวางไว้เบื้องหน้า
“อ้าว! เป็นยาเม็ดเหรอเนี่ย” กานต์ย่นหัวคิ้วสงสัย
“ตอนผมกำหนดจิตดู ผมว่าผมเห็นพี่กรอกน้ำใส่ปากพี่ณินนะ”
อิคคิวหันขวับทันที
“ก็คนสลบสะลึมสะลืออยู่จะให้กินเข้าไปยังไงล่ะ ก็ต้องผสมน้ำจับกรอกสิ กรอกไปก็กระฉอกหกเรี่ยราดไป จะเข้าปากไปได้สักกี่มากน้อยก็ไม่รู้ แล้วแก เอ๊ย! กรก็โผล่มาพอดี”
กานต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนอิคคิวผวา กระถดตัวหนี
“ยิ้มอะไร ไหนบอกจะปล่อยไปไง”
“ก็ไปสิครับ ไม่มีใครห้าม แล้วที่ยิ้มอยู่เนี่ยก็เพราะมีเรื่องดีๆ นิดหน่อยน่ะสิครับ โน่นประตูครับ เชิญ”
อิคคิวรวบรวมแรงกายพาขาที่สั่นระริกลากร่างตัวเองไป ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมีเสียงดังไล่หลังมาว่า
“ถ้าจะเอาเรื่องที่ผมเป็นมังกรไปบอกนักข่าวก็ได้นะครับ ผมไม่ว่า” กานต์ยิ้มละไม
“แต่ฟ้าเบื้องบนจะว่ายังไงบ้าง อันนี้ผมไม่รู้”
อิคคิวฟังแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ สะบัดหน้าพรืดกระชากประตูเปิด เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที
กานต์ส่งเสียงหัวเราะไล่หลังไป ก่อนจะก้าวมาหยิบยาเม็ดเล็กสีขาวนวลบนพื้นที่อิคคิววางไว้ขึ้นมาส่อง รอยยิ้มที่ค่อยๆ วาดและแต้มบริเวณมุมปากเริ่มขยายออกกลายเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์
“ผมเกลียดยาเม็ดที่สุดเลยนะพี่ณิน แต่เพื่อพี่ ผมสู้ตาย!”
กานต์กลั้นใจโยนยาเม็ดสีขาวใส่ปาก แล้วรีบคว้าขวดน้ำแถวนั้นยกกระดกขึ้นดื่มตามอั้กๆ ก่อนจะปาดคราบน้ำที่ไหลหยดเป็นทางด้วยหลังมือ จรดฝีเท้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเตียงธรณินอย่างหมายมาดทันที
“ตื่นได้แล้วเจ้าชายนิทราของผม”
ปลายนิ้วเรียวยาวลากไล้ปัดผ่านไล่ตั้งแต่หน้าผากได้รูป ไล้เรื่อยลงมาที่คิ้วเข้มพาดเฉียง จมูกโด่งน่าฟัด แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวลงไปงับเบาๆ ที่ปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว ปากอิ่มเต็มได้รูปขยับพึมพำเบาๆ หากกานต์อยู่ใกล้แค่นั้นทำไมจะไม่ได้ยิน
“กานต์”
“หึ แล้วจะไม่ให้หลงพี่ณินยังไงไหว หลับอยู่ยังมีละเมอเรียกหา นี่ผมใจเต้นหนักมากเลยนะพี่”
บางสิ่งที่อบอุ่นหยุ่นชื้นค่อยๆ แนบลงบนกลีบปากที่เรียกชื่อเขาอย่างหลงใหล ขบเม้มเล็กๆ ลงไป ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสัมผัสลูบกลุ่มผมไปจนถึงต้นคอแกร่ง นวดคลึงเบาๆ แต่ปลุกเร้าให้อารมณ์โลดขึ้นสูง
“อืม”
“ตื่นหรือยังครับคนดี”
พูดกระซิบชิดแนบปากพลางเลาะเล็มดูดกลืนไปด้วย เมื่ออีกฝ่ายเผยอปากอ้าขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงสอดลิ้นลงควานหารสชาติหวานหอมที่เคยคุ้นทันที
คนยังไม่รู้สึกตัวตื่นเต็มที่ กลับได้รับสัมผัสวาบหวานเข้ามากระตุ้นโสตประสาท เปลือกตาหนากะพริบเปิดอย่างเชื่องช้า ยังจับโฟกัสสภาพไม่ได้ ตาพร่ามองเห็นเพียงเลือนรางว่าเป็นกานต์ คนที่ตัวเองห่วงหาก่อนจะหมดสติไป แต่สัมผัสในโพรงปากกลับแจ่มชัด จนต้องตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดตอบตามการเชิญชวนของฝ่ายตรงข้าม ดูดกลืนความหวานของกันและกันจนหนำใจ จึงยันหน้าอกกานต์ไว้ แล้วค่อยๆ เบี่ยงหน้าออกมากอบโกยอากาศเข้าปอด
“เดี๋ยวๆ กานต์ เรามาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง”
“หืม อยู่ที่นี่” กานต์เลียริมฝีปากพลางนึกถึงเรื่องที่ธรณินถาม
“อ๋อ พี่ณิน จุ๊บ โดยยาสลบครับ แล้ว ฟอด ผมมาช่วย อืม อย่าเพิ่งคุยได้ไหมพี่ ต่อเหอะ”
ปากตอบไปด้วย แต่ก็พรมจูบไล่ไปทั้งดวงหน้าของธรณินอย่างเมามัน
“หืม วันนี้เชิญชวนเองเลยนะ”
ธรณินใช้ข้อศอกยันกายขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว เนื่องจากคนบนร่างไม่ยอมให้ความร่วมมือ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาระดมจูบตามลำคอ และมือเริ่มลามไปตามกระดุมเสื้อตัวที่ใส่อยู่ได้สองเม็ดแล้ว
“กานต์ อื้อ พี่เจ็บ เบาๆ หน่อย”
คนด้านบนชะงักกึก เอ่ยพึมพำขอโทษเสียงแผ่ว เงยหน้าที่แดงก่ำสองตาคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตา เพราะอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงขึ้นสบกับธรณิน
“เฮ้ย! พี่ไม่ได้ว่าเรานะ แค่เจ็บที่กานต์กัด อย่าร้องไห้นะ”
ธรณินโอบร่างกานต์ที่เริ่มสั่นระริกไว้แนบอก ก่อนจะเอะใจที่อุณหภูมิของอีกฝ่ายสูงผิดปกติ
“กานต์ เป็นอะไรหรือเปล่า ตัวร้อนๆ นะเราน่ะ”
สองมือประคองดวงหน้าที่ขึ้นสีจัด พลางไล้นิ้วโป้งเช็ดเหงื่อที่ขมับให้แผ่วเบา คนโดนเช็ดถึงกับสะท้านเฮือก สัมผัสผะแผ่วแต่สะท้านลึกไปถึงข้างใน ประสาทสัมผัสทั้งห้าเปิดรับทุกการกระตุ้นเร้าอย่างเต็มที่ ทุกๆ เส้นประสาทในร่างกายราวกับกระหายอยากการเติมเต็มจนแทบทนไม่ไหว
ธรณินเองก็รู้สึกอึดอัดในอกแปลกๆ แตะต้องกันนิดๆ หน่อยๆ อาการหวามลึกในอกก็ปั่นป่วนคล้ายพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา
กานต์ส่ายมือเปะปะขึ้นคลำหากระดุมที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้า แต่ยิ่งแกะยิ่งชักช้า จึงตัดสินใจกระชากออกทั้งแถบ เมื่อแผ่นอกเรียบตึงปรากฏขึ้นตรงหน้าก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนประกบลงตรงตุ่มไตที่หดรัดตัวอย่างสมใจ
“เฮือก อะ.. กานต์... อืม...”
หมดคำจะถาม ธรณินควานมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของกานต์ทันที แล้วก็ต้องขัดใจเมื่อด้านในแทนที่จะเป็นผิวเนื้อเรียบลื่น กลับเป็นเสื้อยืดเนื้อบางอีกตัว กานต์กระชากกระดุมได้ แล้วทำไมธรณินจะกระชากเสื้อยืดไม่ได้?
ต่างคนต่างช่วยกันดึงทึ้งสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทางเป็นการใหญ่ ฝ่ายหนึ่งลูบ ฝ่ายหนึ่งคลำ คนหนึ่งจับ อีกคนหนึ่งจูบ พัวพันกันจนไม่รู้ใครเป็นใคร
“อื้อ... พี่ณิน ผม อ๊า...”
กานต์ร้องเสียงหลง เมื่อธรณินเป็นฝ่ายรุกกลับ ครอบครองปากลงบนยอดอกด้านซ้าย ในขณะที่ด้านขวาก็โดนสะกิดเขี่ยปรนเปรอให้ไม่น้อยหน้ากัน
“พี่ณินทำไม หือ พูดสิ”
พูดไปก็ตวัดเรียวลิ้นไป ใช้ฟันค่อยๆ ครูดยอดด้านบนจนกานต์ถึงกับแอ่นตัวโค้ง ธรณินกดใบหน้าฝังลงให้แนบแน่นลงไปอีก แล้วใช้มืออ้อมไปประคองโอบด้านหลัง กดให้กานต์ค่อยๆ เอนร่างลงบนที่นอนอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะลากปลายลิ้นปราดๆ ลงมาจนถึงแอ่งสะดือ ไล้วนหยอกเย้าจนคนโดนแกล้งต้องยกศีรษะขึ้นมามองตาขวาง
“พี่ณิน!!”
“หืม เรียกทำไม”
ตาพราวระยับเหลือบมอง แต่ปลายลิ้นร้อนยังคงไล้วนเล่นอย่างต่อเนื่อง
กานต์ยันตัวเองขึ้นมาครึ่งๆ ส่งเสียงคำรามในลำคอ
“ให้ไวดิพี่”
“ไม่เสียใจแน่นะ”
ปากพูด แต่หน้าเลื่อนลงถึงขอบกางเกงเรียบร้อย ใช้ปากงับคาบซิปไว้แล้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“เอาไงกานต์”
“คือ เดี๋ยวผมไปหาเวลานั่งทำวิจัยเองพี่ว่าเรื่องนี้ควรเสียใจไหม แต่ตอนนี้ เอาเหอะ!”
ปลายเสียงเหอะยังไม่ทันสิ้นสุดดี กางเกงก็ลงไปกองที่ปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว กางเกงยีนส์เนื้อหนายังลงไปกองที่ข้อเท้าได้อย่างรวดเร็ว แล้วกางเกงชั้นในเนื้อบางหรือจะรอดพ้นชะตากรรม
“ไง มังกรน้อย พร้อมจะเล่นกับพี่ณินหรือยัง”
ตาคมหรี่ลงสบกับบางสิ่งที่เริ่มแข็งตัวชูชันขึ้นท้าทาย ไม่รอให้สิ่งที่เชิดขึ้นยั่วเย้าให้เสียเวลา ธรณินครอบปากลงดูดดุนหนักๆ ทันทีอย่างมันเขี้ยว กานต์ผวาตัวเฮือกในตอนแรก หากสัมผัสที่ได้รับชวนให้อารมณ์เตลิดจนต้องสอดนิ้วไปในกลุ่มผมของธรณินแล้วกดลงให้แนบแน่น
“อึ่ก พี่ณิน ผม... ผม”
บั้นท้ายถูกสองมือของธรณินประคองจนยกลอยสูง ความรู้สึกวูบวาบแล่นเป็นริ้วไปรวมตัวกันที่จุดไวสัมผัสเพียงแห่งเดียว ทันทีที่ความรู้สึกโลดสูงจนใกล้แตะขอบฟ้า ธรณินก็ยกขาของกานต์ขึ้นพาดบ่าแล้วสอดมืออ้อมไปสะกิดตุ่มไตให้เจ้าของร่างที่ถูกรุกรานสะท้านเฮือกปลดปล่อยออกมาจนไหลย้อยมาตามมุมปากเป็นทางยาว
ธรณินใช้หลังมือยกขึ้นเช็ดคราบขาว โดยที่ตาไม่ยอมละจากร่างที่นอนหอบระทวยอยู่เบื้องหน้า เสียงหายใจหอบกระเส่ายังแว่วให้ได้ยินจางๆ แผ่นอกที่สะท้านขึ้นลงเหมือนเชิญชวนให้ลงไปสัมผัส และธรณินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อโน้มตัวลงจุมพิตที่แผงอกเรียบลื่นนั้นอย่างเพลิดเพลิน
“ต่อเลยไหวไหมกานต์ พี่กลัวเราเจ็บนะ เสียดายไม่ได้เตรียมตัวช่วยมาเลย”
“อยู่... แฮ่ก... แฮ่ก อยู่ในลิ้นชักตรงตู้ข้างเตียง”
“หืม” ธรณินขมวดคิ้วหยุดตวัดลิ้นทันที
“กานต์รู้ได้ยังไง”
กานต์ปรายตามองธรณินอย่างเซ็งจิต
“คนที่พาพี่มาน่ะเขาเตรียมไว้ แล้วไม่ต้องถามนะว่าใคร ดูเวลามั่งสิพี่ณิน เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังหน่อย จะสงสัยอะไรตอนนี้ ให้ไวเลยนะพี่”
ร่างสูงโน้มตัวลงคลอเคลียชิดกลีบปากคนช่างบ่น หัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนถามเสียงพร่า
“กานต์โมโหพี่ณินทำไม”
“ผมยังไม่อิ่ม ชัดป่ะ?”
“อื้อ”
ธรณินก้มลงจูบดุดันปิดปากคนใต้ร่างทันทีที่พูดจบ มือก็ควานหาลิ้นชักตู้ข้างเตียงเปะปะอย่างร้อนรน กระชากลิ้นชักออกก็พบอุปกรณ์ป้องกันและสารหล่อลื่นเตรียมพร้อม
“กานต์”
“ครับ”
“เย็นนิดนึงนะ”
อาการพูดไปด้วยบดจูบไปด้วยดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ด้านบนไล้เลียดูดดุนลากริมฝีปากขบกัดไล่ดูดผิวขาวบริเวณซอกคอจนขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำๆ แล้วเอียงหน้าขบกระดูกไหปลาร้าจนกานต์ครางเสียงหลง ในขณะที่เบื้องล่างเริ่มชโลมเจลใสหนืดแล้วนวดคลึงปากทางเข้าจากช้าๆ นวดวนจนคนใต้ร่างแอ่นสะโพกยกลอยตามนิ้วกลางที่เริ่มขยับรุกคืบสะกิดรอยจีบพับให้ตอบรับอย่างย่ามใจ
เมื่อสิ่งแปลกปลอมพยายามรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย กานต์ถึงกับผวาสะท้านเยือก ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างซอกคอว่าให้ผ่อนคลาย อยากจะสวนกลับว่ามาสลับกันไหมจะได้ผ่อนคลายเอง แต่แค่อ้าปากก็โดนเลียติ่งหูแล้วดูดดุน เสียงที่จะต่อว่าจึงกลายเป็นเสียงครางอย่างน่าอายไปแทน
จนเมื่อนิ้วของธรณินเข้าไปจนสุดความยาวก็หยุดนิ่งเพื่อให้เจ้าของช่องทางอันอบอุ่นได้ปรับตัว แช่ค้างไว้อย่างนั้นแล้วปรับตำแหน่งใบหน้าที่รุกรานด้านบนไปโจมตีเป้าหมายที่ด้านล่างต่อไป
เนื้ออ่อนไวสัมผัสที่ต้นขาด้านในถูกโจมตีขบกัดเป็นที่หมายแรก กานต์ผวาพยายามหนีบขาเข้าหากัน แต่นิ้วที่หยุดนิ่งแช่ไว้เริ่มขยับนวดภายในสะกิดหาจุดที่ทำให้เจ้าของร่างเพลิดเพลินให้ได้มากที่สุด นาทีนี้กานต์เลยไม่รู้ว่าจะหุบขาหลบสัมผัสจากลิ้นร้อนหรือจะอ้าขาแอ่นสะโพกรับความรู้สึกเสียวแปลบปลาบดี
เมื่อเห็นกานต์เริ่มมีการตอบสนองโดยการแอ่นร่างหยัดขึ้นรับแล้ว ธรณินจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสามในเวลาต่อมา
“อุ่ก... พ... พี่ณิน”
“หืม”
ข้อมือที่ขยับหมุนวนชักเข้าออกจากช้าเริ่มเร็วขึ้นขัดกับเสียงตอบรับยานคาง
“ช้าหน่อยพี่ อุ่บ”
“ช้าเหรอ มังกรดี ช้าแล้วไม่สนุกนะ” น้ำเสียงล่อลวงกระซิบเสียงพร่าชิดริมหู
“เอาเถอะ พี่ตามใจกานต์ ช้าๆ แล้วกันนะ ยกสะโพกขึ้นอีกนิดสิ”
นิ้วมือที่ค่อยๆ ถอนออกอย่างเชื่องช้ากลับค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสัดส่วนขึงขังที่มาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อย ถูไถหยอกเย้าเล็กน้อยแล้วจึงกดลงเนิบช้าตามที่คนใต้ร่างบัญชา
“อืม... กานต์ อย่ามัวแต่หลับตาสิ มองหน้าพี่หน่อยคนดี”
กานต์ปรือตาปรอยมองธรณิน ปากเผยอหุบๆ อ้าๆ แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงครางหนักๆ ตามการขยับเนิบๆ แต่หนักหน่วง ขาที่ตั้งชันขึ้นในตอนแรกถูกดันจนชิดแนบอก ส่งผลให้สะโพกยกลอยเพื่อรองรับการกระแทกให้เต็มที่
ธรณินคว้าส่วนอ่อนไหวของกานต์ที่มีน้ำเหนียวไหลซึมตรงส่วนปลายผุดออกมาเป็นหยดเล็กๆ ใช้นิ้วโป้งไล้เกลี่ยให้ยิ่งฉ่ำชื้นขึ้น ตวัดนิ้วชี้สะกิดส่วนขอบหยักจนกานต์ผวาไหล่ห่อบิดตัวท่อนบนไปมาอย่างสะท้อนสะท้าน รูดรั้งจากส่วนโคนจนสุดปลายเชื่องช้าทว่าหนักแน่น ฝ่ายควบคุมขยับข้อมือไปจดจ้องร่างขาวที่มีรอยแดงจ้ำกระจายอู่ทั่วแผ่นอกบิดส่ายไหว พลางจุดยิ้มขึ้นแตะแต้มใบหน้าหล่อร้ายกาจเมื่อได้ยินเสียงร้องขอ
“อั่ก พี่... พี่ณิน ผมไม่ไหวแล้ว เร็วอีกนิดนึงพี่”
ประกายตาสมใจผุดวาบขึ้นในตาของธรณิน สองมือจับหนั่นสะโพกของกานต์แน่นแล้วเดินหน้าเต็มที่ บดขยี้ย้ำๆ ตรงจุดกระสันที่กานต์เผลอครางยามถูกกดกระตุ้นโดน
“พร้อมกันนะกานต์ อุ่ก ฮึ่ก”
“พี่ณิน // กานต์”
สองเสียงประสานในจังหวะสุดท้ายที่แตะขอบฟ้า ก่อนจะพรูลมหายใจยาวแล้วซุกซบกอดจูบลึกล้ำต่อไป...
TBC...
● อั๊ยยะ! บทนี้ที่รอคอย ทุกคนดูลุ้นกับฉากนี้มาก อิชั้นก็เช่นกัน
