▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)  (อ่าน 58073 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #90 เมื่อ13-03-2017 18:10:16 »

แหม กานต์แก้ปัญหาได้ดีจริง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #91 เมื่อ13-03-2017 18:49:16 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #92 เมื่อ13-03-2017 21:32:35 »

555 โอ๊ย ยอมใจความน่ารัก เอาเขาไป มังกรน่ารัก

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #93 เมื่อ13-03-2017 22:26:43 »

 :laugh:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #94 เมื่อ14-03-2017 20:16:25 »

 :mew1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #95 เมื่อ14-03-2017 20:42:03 »

เด็กมันยั่ว ป๋าก็ยอม ๆ ไปเถอะ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
«ตอบ #96 เมื่อ17-03-2017 16:02:17 »

 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทที่ 16

   “เพี๊ยะ!”
   เสียงตีมือดังขึ้นภายในห้องโดยสารรถยนต์ส่วนบุคคลที่กำลังเดินทางไปยังรีสอร์ทบริเวณภาคเหนือ  ธรณินหน้าเบ้ชักมือกลับอย่างอ้อยอิ่ง  แต่ก่อนดึงมือกลับยังแอบลูบต้นขาของคนข้างกายอย่างอาลัยอาวรณ์
   “จีบกันนี่  ยังไม่อนุญาตให้จับมือกันนะครับ  ต้องคนเป็นแฟนกันถึงจะมีจับไม้จับมือได้  พี่ณินข้ามขั้นตอนแบบนี้  เวลาไปจีบสาวที่ไหน  ถ้าพี่มือไวไปจับไปลูบแบบนี้นี่อาจโดนตบได้นะครับ  ผมขอเตือน”
   “กานต์อ่า...”
   สีหน้าคนส่งเสียงอ้อนทำให้กานต์หลุดยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่  ก่อนจะหุบยิ้มฉับ  เมื่อได้ยินประโยคถัดมา
   “ทีเมื่อคืนเรายังเป็นแฟนกันอยู่เลย”
   กานต์เบ้หน้าเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถ  ก่อนจะส่งเสียงเยาะเย้ยมาให้
   “ช่วยไม่ได้  นี่ระดับป๋ากานต์ลูกชายคนเดียวของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรนะครับ  ถ้าจีบง่ายๆ ก็แย่น่ะสิ”
   ธรณินเหยียบเบรกทันทีแล้วส่งเสียงโวยวาย
   “โห... ถ้ารู้ว่าจีบยากแบบนี้พี่ไม่จีบแล้ว!!”
   กิริยางอแงของคนข้างกายเรียกรอยยิ้มหวานหยดจากกานต์ได้เป็นอย่างดี  ธรณินใจชื้นเมื่อเห็นยิ้มจากมังกรหนุ่ม  แต่ก็ต้องหลับมาหนักใจอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงลอยตามลมมาเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความสมน้ำหน้าว่า
   “สม!!”
   ฝ่ายหนึ่งขับรถอย่างซังกะตาย  หากอีกฝ่ายมองวิวนอกหน้าต่างรถฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
   “พี่ณินๆ”
   ธรณินค่อยๆ เบือนหน้าไปตามเสียงเรียก  โดยที่ตายังคงจ้องมองถนน  คำว่ามีอะไรยังไม่ทันหลุดจากปากก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่บริเวณผิวแก้มตามมาด้วยเสียงดัง ‘ฟอด’ ใหญ่
   “อื้ม... ชื่นใจเนาะ  ขับรถดีๆ นะครับคุณแฟน”
   ธรณินหันหน้ามองคนพูดนิดหนึ่ง  ก่อนจะตั้งใจหันไปขับรถต่อ  ปากก็ขยับเอ่ยถาม
   “อ้าว! ทีอย่างนี้ทำไมเรียกพี่เป็นแฟนได้ล่ะ  แล้วมีลวนลามด้วยนะ  หอมแก้มนี่มีความผิดร้ายแรงกว่าจับมือไหมล่ะ”
   “ก็พี่ณินเป็นแฟนผม  ผมจะทำอะไร  ยังไง  จะกอด  จูบ  ลูบ  คลำ  ผมก็ทำได้  แต่...”
   คนรับฟังพยักหน้าพลางเลิกคิ้วถาม
   “แต่...”
   “แต่พี่ณินน่ะเพิ่งจะจีบผม  เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ เป็น  ค่อยๆ ไป  เก็ทมะ”
   “สรุปคือ  พี่เป็นแฟนกานต์  กานต์เลยมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวพี่  แต่พี่เพิ่งเริ่มจีบกานต์  พี่เลยควรจะสงบเสงี่ยมเก็บไม้เก็บมือไว้ให้ดี  ได้แต่นอนรอว่าเมื่อไหร่กานต์จะบุกมาให้ความรักความอบอุ่นกับพี่  ถูกไหม”
   “ถูก!!”
   “งั้นคืนนี้กานต์รักพี่หน่อยนะ พี่ขาดความอบอุ่น”
   “ไม่”
   “น่า... นะ  พี่น่ะโหยหาความรักนะ”
   เสียงออดอ้อน  เสียงปฏิเสธดังลั่นรถไปตลอดทาง  ทำให้การเดินทางไม่เงียบเหงา  จนมาถึงปั๊มแห่งหนึ่งกานต์ได้ยินเสียงพึมพำจากคนขับข้างกายว่า
   “พี่เริ่มละนะ” ทันทีที่จอดรถกานต์ก็รู้สึกหนาวเยือกแปลกๆ เมื่อหันไปมองจึงเห็นประกายตาหวานจนเชื่อมจับจ้องตนอยู่
   “พี่เหนื่อยแล้ว  ลงไปหาซื้ออะไรมากินกันดีกว่าเนอะ”
   “ขับรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่นี่นะ  เหนื่อยแล้ว?” กานต์นิ่วหน้า  ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อได้รับคำตอบชวนสะเทือนใจ
   “ก็พี่ต้องขับรถไปด้วย  แล้วก็คอยไปวิ่งเล่นในหัวใจกานต์ไปด้วย... พี่ก็เหนื่อยสิครับ”
   พูดจบก็ไม่รอฟังคำบ่น  ธรณินรีบเปิดประตูรถลงไปหาซื้อน้ำซื้อขนม  เพื่อเอามาพิชิตใจกานต์ทันที  ทิ้งให้คนฟังมุกเสี่ยวนั่งทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ในรถคนเดียว  เมื่อกลับมาถึงก็รีบจัดแจงเปิดกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบบรรจงเสียบหลอดยื่นส่งให้
   “บอกตรงๆ นะพี่ณิน  กานต์ขนลุกอ่ะ”
   ฝ่ายคนปล่อยมุกกลับขยิบตาให้อย่างไม่รู้สึกรู้สา  ก่อนจะเริ่มสตาร์ทรถเตรียมออกเดินทางต่อ  กานต์ไหวไหล่ก้มลงจิบน้ำพลางถาม
   “แล้วพี่ณินไม่กินก่อนเหรอครับ  ไหนว่าเหนื่อย  ซื้อเสร็จก็มาขับต่อเลย”
   “แค่เห็นกานต์อร่อย  พี่ก็ชื่นใจแล้วครับ”
   “โอ๊ยยย!!! กานต์ยกมือกุมหัว  ขนลุกซู่ๆ รับไม่ได้กับธรณินเวอร์ชั่นเสี่ยวแด...
   ธรณินระเบิดหัวเราะเสียงดังก้องรถ  เอื้อมมือไปขยี้ศีรษะกานอย่างมันเขี้ยว
   “ถ้าให้พี่จีบต่อไป  พี่ไม่รับประกันสุขภาพขนแขนกานต์นะ  พี่จะยิงมุกให้กานต์ขนลุกทั้งวันเลยคอยดูสิ...ไหนคราวนี้ลองบอกพี่สิครับ  ว่าไม่ใช่แค่พี่ที่เป็นแฟนกานต์  แต่ ‘เรา’ ต่างหาก  ที่เป็นแฟนกัน”
   กานต์นั่งลูบแขนสงบสติอารมณ์อีกครู่  ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้  จะให้เขาทนรับความสยองขวัญของพี่ณินแบบนี้ต่อไปเหรอ  ตอบได้เลยว่าไม่  เขารับไม่ได้จริงๆ
   “ขอบคุณครับป๋ากานต์  ทีนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วเนอะ  หนูณินดีใจจริงๆ คร้าบ” ธรณินดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่  กานต์ได้แต่เบ้ปากปรายตาใส่ ‘หนู’ ที่ตัวเบ้อเร่อเบ้อร่าอย่างหมั่นไส้
   “ป้อนหน่อยๆ ป๋ากานต์ป้อนหน่อย  หนูณินหิวน้าม”
   กานไม่เคยเข้าถึงคำว่า ‘กลอกตามองบน’ ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต  ได้แต่ส่ายหน้าส่งกระป๋องน้ำอัดลมไปให้ด้วยความรำคาญ  เสียงหัวเราะชอบใจของธรณินดังทุ้มต่ำอยู่ในลำคอ  กานต์กอดอกหลับตาส่งเสียงพึมพำ
   “พี่ณินแม่ง... กวนว่ะ”
   “กานต์ๆ”
   เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับการเขย่าตัวปลุก  กานต์กะพริบตาอย่างง่วงงุน  ยืดตัวนั่งให้ตรงถามไปด้วยเสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่นนอน
   “ถึงแล้วเหรอครับพี่ณิน”
   ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  กานต์หันไปมองธรณินที่นั่งตาค้างหน้าแดงลามไปถึงใบหู  จึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
   “กานต์อย่าไปหลับแบบนี้ต่อหน้าใครนะ  สภาพตอนตื่นนอนกานต์โคตรเซ็กซี่อ่ะ  หัวยุ่งนิดๆ หน้าแดงหน่อยๆ ยิ่งผิวนี่แบบ...”
   ขณะบรรยายไปตาก็เริ่มเยิ้มมากขึ้น  ไม่รู้ว่าเพิ่งตื่นนอนหรือเปล่า  ทำให้กานต์คล้ายเกิดอุปาทานว่าเห็นน้ำลายปริ่มบริเวณมุมปากและทำท่าจะไหลย้อยออกมาทักทายชาวโลกในไม่ช้านี้  จึงได้แต่ส่ายศีรษะเปิดประตูรถออกไปรับอากาศด้านนอก  หลังจากที่อุดอู้อยู่ในรถมานาน  ปล่อยให้ธรณินยังคงพร่ำเพ้อต่อไปอยู่คนเดียว
   ความที่เดินทางกันแบบไม่เร่งร้อน  ทำให้มาถึงรีสอร์ทก็เป็นเวลาเย็นเกือบค่ำแล้ว  สายลมที่โชยมาทำให้กานต์ห่อไหล่ด้วยความเย็น  แต่ก็ยังเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่รับเอาอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเข้าปอด  โพรงจมูกรับเอาไอเย็นเข้าไปเต็มที่จนคันยิบๆ ถึงกับต้องจามออกมา
   “ฮัดชิ่ว”
   แปะ! วัตถุที่มากระทบบริเวณหัวไหล่  ทำให้กานต์ต้องหันไปมอง  ก่อนจะคลายท่อนแขนที่กอดอกเอาไว้  เพื่อรับเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่กำลังจะเลื่อนหลุดลงจากหัวไหล่  เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากทางด้านหลังรถทำให้กานต์ต้องเดินไปหา  ก่อนจะเห็นธรณินกำลังก้มลงหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของที่เตรียมมา
   “พี่ณินว่าอะไรนะครับ”
   “พี่บอกให้ใส่ซะ  อากาศเริ่มเย็นแล้ว  เดี๋ยวจะเป็นหวัด” ตอบคำถามโดยที่มือก็ยังสาละวนกับการยกกระเป๋าอยู่คนเดียว  ดูทรงแล้วตำแหน่งว่าที่พ่อบ้านใจกล้าคงได้มาครองอย่างสบายๆ
   กานต์ยืนยิ้มพลางนึกเล่นเรื่อยเปื่อยว่าเสื้อยี่ห้อนี้นี่ดีจัง  ใส่ที่กายอุ่นไปถึงหัวใจ... ว่าแต่พี่ณินเสี่ยว  เราเองก็เสี่ยวใช้ได้แฮะ
   “ขอบคุณนะครับพี่ณิน  ยุ่งอยู่แท้ๆ ยังอุตส่าห์เดินเอาเสื้อไปใส่ให้”
   “เปล่า”
   กานต์ขมวดคิ้วมุ่น
   “เปล่าอะไรพี่”
   “ก็เปล่าเดินเอาไปให้ไง  พี่ยุ่งขนของอยู่จะเดินไปได้ไง”
   “อ้าว?”
   เห็นกานต์ทำหน้าเหรอหรา  ธรณินจึงอดหัวเราะแล้วเฉลยพร้อมดวงตาพราวระยับและรอยยิ้มกวนตรีน
   “พี่โยนไปให้  ไม่ได้เดินไปให้”
   “โห่...พี่  นี่กำลังซึ้งเลยนะเนี่ย  หมดกัน”
   “ไปๆ ไปซึ้งต่อกันในห้อง”
   ธรณินหิ้วกระเป๋าเดินนำหน้าตัวปลิว  ท่าทางเรื่อง ‘ซึ้งๆ’ ของธรณินคงจะคนละแบบกับที่กานต์คิดแน่  กิริยาจึงออกมากระดี๊กระด๊าขนาดนั้น
   .
   กานต์ตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหลังที่แล่นปราดยามเมื่อพลิกขยับตัว  ได้แต่นอนคว่ำหันหน้าไปหาคนตัวสูงที่เดิมฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี  อยากด่าก็อยาก  แต่คอที่แห้งผากประท้วงให้เจ้าตัวได้แต่เค้นเสียงขอความช่วยเหลือแหบแห้งออกมาได้เพียง
   “พี่ณิน... หิวน้ำ”
   ธรณินหันมาเลิกคิ้วสูง  แล้วยังแสร้งพยักหน้าทำท่าเข้าอกเข้าใจ  ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วเสียบหลอดแล้วบรรจงยื่นให้ชิดติดปาก
   “ป๋ากานต์ท่าจะเหนื่อย  ยังไงเดี๋ยวหนูณินช่วยป้อนนะครับ  ร้องเสียงดังต่อเนื่องกันขนาดนั้นหนูณินล่ะเจ็บคอแทน”
   กานต์ดูดหลอดดื่มน้ำอย่างกระหาย  ก่อนจะพึมพำอุบอิบ
   “ก็พี่ณินทำ ‘ซึ้ง’ ทั้งคืน”
   ธรณินปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นแล้วจึงพยายามแซะเอาตัวคนงอแงไม่ยอมลุกจากที่นอน  ทั้งออด  ทั้งอ้อนก็ไม่ยอมพรากตัวเองออกจากกองผ้าห่มสักที  จนต้องใช้มาตรการเด็ดขาดขู่ว่าจะซึ้งรอบเช้า  กานต์จึงยอมกระเด้งตัววิ่งเข้าห้องน้ำได้
   ออกจากห้องน้ำมาธรณินก็จับมือกานต์มาตลอดทาง  แน่นอนว่ามีสายตาหลากหลายรูปแบบส่งมาให้ ส่วนตัวกานต์เองไม่ได้แคร์อะไรกับสายตาของมนุษย์โลกอยู่แล้ว (เคยบอกไหมนะว่ามังกรน่ะเกล็ดแข็งเละค่อนข้างหนา  ทำให้ผมหน้าค่อนข้างจะหนานิดนึง - กานต์) หลังจากเดินมาได้สักระยะกานต์ก็แอบกระซิบถามธรณิน  คำตอบที่ได้กลายเป็นคำถามกลับมาว่ากานต์อายเหรอ  กานต์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ  ก่อนจะได้รับคำตอบที่แท้จริงว่า
   “ก็ถ้ากานต์ไม่อาย  พี่ก็ไม่แคร์สายตาใครหรอก”
   คำตอบของหนูณินสายมั่นเล่นเอากานต์ยิ้มหน้าบาน  มือที่จับจูงกันไว้บีบกระชับแน่นขึ้นอย่างสุขใจ  แทบจะไม่ต้องเดินไปตรงโซนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า  กานต์ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจแทนข้าวซะแล้ว  กานต์ก้มหน้าลงแล้วก็อดยอมยิ้มไม่ได้  เมื่อบังเอิญสังเกตเห็นจังหวะก้าวเท้าของคนทั้งคู่ที่พร้อมเพรียงกัน  จับมือแล้วเดินไปพร้อมกันแบบนี้ทำไมถึงฟินขนาดนี้ว้า... กำลังจะเงยหน้าไปบอกสิ่งที่ตนเองคิด  ธรณินก็หยุดเดินกะทันหัน  กานต์จึงหันหน้าไปพบกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก  ภายในสวนสีเขียวสดชื่นของรีสอร์ท  มีลูกโป่งสีฟ้าสลับขาวผูกไว้เป็นจุดๆ ถัดจากสวนออกไปเป็นสระว่ายน้ำ  ก็มีผ้าสีฟ้า - ขาว  สีเข้มบ้างอ่อนบ้างโยงสลับทิ้งชายลงมา  ผู้คนเดินกันขวักไขว่  เห็นได้ชัดว่ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดอุปกรณ์เหล่านั้นขนาดไหน
   กานต์หันไปมองสบตาธรณินพลันเบิกตาโต  อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่...
   เพี๊ยะ!
   “โอ๊ย! พี่ณินดีดหน้าผากกานต์ทำไม”
   “ก็ดีดเรียกสติน่ะสิ  แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคิดไปถึงไหน  ตื่นครับป๋า  หนูณินไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ป๋าคิดหรอก”
   กานต์ซี้ดปากลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนจะเห็นทีมงานยกกล้องและอุปกรณ์ในการถ่ายรูปเข้ามาในสวน  โธ่... ถ้าเข้ามาเร็วกว่านี้สักหน่อยก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วแท้ๆ
   “สงสัยจะมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันล่ะมั้ง” ธรณินพยักพเยิดไปทางว่าที่เจ้าสาวร่างท้วมที่มีบรรดาช่างแต่งหน้ากำลังรุมล้อมอยู่
   กานต์หันไปมองก็เห็นสีหน้าของว่าที่เจ้าสาวที่เก็บความตื่นเต้นไว้ไม่มิด  แววดีใจ  กังวล  ตื่นเต้นฉายชัดออกมาบนสีหน้าทั้งหมด
   “พี่ณินหิวหรือยังครับ  ขอผมดูเค้าถ่ายรูปกันก่อนได้มั๊ย”
   “เอาสิ  พี่ก็อยากดูเหมือนกัน”
   ทีมงานช่วยกันประคองว่าที่เจ้าสาวให้มายืนคู่กับว่าที่เจ้าบ่าวใต้ซุ้มลูกโป่ง  ด้วยอารามตื่นเต้น  ว่าที่เจ้าบ่าวจึงเหยียบชายกระโปรงชุดยาวสีขาวของว่าที่เจ้าสาวจนเกือบหงายหลัง  ไม่มีเสียงแห่งความโกรธมีแต่เสียงหัวเราะคิกคักแซวกันไปมาจนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหน้าแดง
   “เป็นไงบ้างครับพี่  ดูการโพสต์ท่าแล้ว  ท่านผู้จัดการว่าใช้ได้ไหมครับ”
   ธรณินโหมดเคร่งขรึมปรายตามองมาทันที
   “การวางมือ  วางท่า  ยังเคอะเขินเกินไป  ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร” ก่อนจะหันมายิ้มแล้วพูดกับกานต์
   “ในแง่การถ่ายแบบยังไงก็ไม่เท่านายแบบ - นางแบบมืออาชีพหรอก  แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่แน่ว่านายแบบ  นางแบบตัวจริงอาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีเท่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้”
   “ความสุขสินะครับ” กานต์พึมพำตอบจากสายตาที่ตัวเองมองเห็น
   ธรณินเอื้อมมือไปขยี้หัวคนด้านข้างอย่างมันเขี้ยว
   “ช่าย  เก่งนะเนี่ยเราอ่ะ” ลากเสียงยาวอย่างยียวน  ก่อนจะถามเหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
   “กานต์... แต่งงานกับพี่ไหม”


TBC...
ปล.ถือโอกาสเปลี่ยนชื่อเรื่องด้วยนะ จาก มังกรขาว เป็น 'มังกรกานต์' ค่ะ o18

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทที่ 17



   “แต่งงานกับผมนะครับ”

   ภาพของธรณินในสูทสีดำเรียบกริบ เซตผมเสยไปด้านหลังเปิดโครงหน้าคมคิ้วเข้มนัยน์ตาพราวระยับ กำลังนั่งตั้งเข่าขึ้นข้างหนึ่ง มือถือกล่องแหวนกำมะหยี่ยื่นส่งให้กานต์ที่ยืนก้มหน้าเล็กน้อย สายตาสบกันหยาดเยิ้มพลางยื่นมือไปรับกล่องแหวนจากธรณินในท่าคุกเข่าขอแต่งงานตามมาตรฐานสากล ทันทีที่มือแตะกล่องแหวน กานต์ก็ส่งยิ้มหวานไปให้ผู้ชายตรงหน้า อ้าปากเตรียมพูดประโยค “ขอบคุณครับ” แต่ก็ไม่ทันเสียงซึ่งตะโกนข้ามห้องมาก่อน

   “เทค!! พักก่อนๆ ยังใช้ไม่ได้ เดี๋ยวค่อยเริ่มถ่ายใหม่ละกัน”

   หลังสิ้นเสียงกานต์ก็หน้าตูม ในขณะที่ธรณินอมยิ้มนิดๆ พลางลุกขึ้นขยับตัวบิดไล่ความเมื่อยขบ หันมองไปทางเฮียใช้คนส่งเสียงเทคเมื่อสักครู่ก็เห็นเฮียอมยิ้มกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อม

   “มันยังไม่ใช่อ่ะกร มันยังไม่ใช่”

   อาการพูดไปหัวเราะไปของทรงชัย ส่งผลให้กานต์ยิ่งหน้างอยิ่งขึ้นกว่าเดิม เดือดร้อนถึงสมชายที่ต้องคอยเดินมาพากานต์ไปนั่งดื่มน้ำกินขนมสงบสติอารมณ์ที่ด้านข้างของสตูดิโอก่อนจะมีสงครามน้ำลายรอบที่ล้านในเช้าวันนี้

   กานต์กัดคุกกี้ในมือไป นึกเข่นเขี้ยวธรณินไป รวมทั้งพาลไปหมดทั้งกองถ่ายนี่แหละ แต่ละคนช่างมีความกระตือรือร้นในหน้าที่ของตัวเองซะเหลือเกิน ไล่มาตั้งแต่แต่งหน้าบรรจงไปไหม เสื้อผ้านี่กริบแล้วกริบอีก ยิ่งเฮียใช้ยิ่งตัวดี พิถีพิถันจริ๊ง แล้วทุกครั้งที่สั่งเทคนี่ เฮียแกก็ดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นด้วยนะ ส่วนทำไมกานต์ถึงได้มานั่งโมโหอยู่ตรงนี้น่ะเหรอ สาเหตุก็มาจากตอนกลับมาจากเที่ยวแล้วน่ะสิ

   เสียงโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังขึ้นมาทำให้มือที่กำลังรุกรานร่างที่นอนสลบไสลอยู่ต้องหยุดชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้ ธรณินควานหาโทรศัพท์ไปจนเจอหล่นอยู่ใต้ที่นอนน่าจะเพราะเมื่อคืนปัดไปโดนร่วงลงมา (ส่วนสาเหตุที่ทำไมมือถึงปัดไปโดน?? แค่กๆ เราจะข้ามไป) นิ้วเรียวยาวเลื่อนหน้าจอปราดๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอเป็นชื่อของเฮียใช้ เฮียมีงานด่วนอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย โทรมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ธรณินกดรับสายพลางไล้มือไปบนแผ่นหลังเนียนลื่นด้วยอารมณ์อยากดูเอ็น เอ๊ย! เอ็นดู ผู้นอนหลับอยู่ตรงหน้า

   “ครับ สวัสดีครับเฮียใช้”

   ปลายนิ้วที่เลื่อนหน้าจอคล่องแคล่วเพียงใด ในขณะที่ลูบไล้แผ่นหลังกลับคล่องแคล่วยิ่งกว่าปากขยับพูดตอบรับคำของทรงชัย มือก็เริ่มพร่างพรมลงบนเส้นโค้งเส้นเว้าตามไลน์กล้ามเนื้อประหนึ่งนักเปียโนระดับโลกกำลังแสดงสดด้วยอารมณ์ชื่นมื่น

   “หืม... ว่าไงนะครับ”

   น้ำเสียงกลั้วหัวเราะส่งผลให้กานต์ซึ่งกำลังสะลึมสะลือรู้สึกแปลกใจ อะไรนะที่ทำให้พี่ณินอารมณ์ดีแต่เช้า ว่าแต่ว่าจะลูบกันอีกนานไหม ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะจะได้โดนบีบโดนขยำแล้วจะไม่รู้สึกอะไร ยิ่งเช้าๆ แบบนี้ด้วยแล้ว... สู้นะครับไม่ใช่ไม่สู้

   “ครับๆ ตกลงรับครับเฮีย”

   นิ้วอุ่นร้อนลากจากเบื้องหลังไปหาตุ่มไตทางด้านหน้าอย่างแผ่วเบา เอนกายตะแคงลงแนบชิดจ้องมองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีนัยน์ตาเชื่อมปรอยอย่างหลงใหล

   “ไม่ต้องถามหรอกครับรายนี้ ผมว่ายอมนะ...”

   นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่รวมพลังกันหมุนวนรอบป้านตุ่มเล็กอย่างสามัคคี กานต์ตาปรอยขยับร่างเบียดเข้าหาเอียงตัวให้อีกฝ่ายรุกรานอย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น ธรณินเสียงพร่าถามเบาๆ โดยไม่ปิดโทรศัพท์เพื่อให้ปลายสายได้ยินด้วย

   “ว่าไง ยอมไหม เราน่ะ”

   “ยอมครับพี่ณิน”

   เสียงสะอื้นฮักยินยอมจากปลายสาย เล่นเอาทรงชัยระเบิดคำด่าใส่ธรณินชุดใหญ่จนต้องยืดแขนออกจนสุดเพื่อไม่ให้เสียงของเฮียใช้ทำลายบรรยากาศหวานเชื่อมยามเช้า จนเมื่อเสียงบ่นเบาลง จึงกรอกเสียงกลั้วหัวเราะลงไปว่า

   “อ้าว! ก็เฮียใช้ถามว่ากรจะยอมรับงานไหม ผมก็ถามให้ แล้วกรก็ตกลงยอมรับแค่นั้นเอง เฮียจะด่าผมทำไมเนี่ย”

   เสียงเจริญพรจากปลายสายบ่นมาอีกชุด

   “เออๆ ถ้าตกลงก็มาแล้วกัน เดี๋ยวเมล์ส่งรายละเอียดไปให้ เฮียไม่คิดเลยว่าณินจะเป็นคนแบบนี้ หูเฮียเสื่อมหมดกะ...”

   คำว่ากันยังไม่ทันพ้นออกจากปากก็ได้ยินเสียง “อ๊า” จากปลายสาย ทรงชัยรีบกดตัดสายทันที ธรณินหัวเราะหึๆ โยนโทรศัพท์ส่งๆ ไปด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่ทำให้สนใจจริงจังได้ในตอนนี้คือยอดซึ่งขึ้นสีสั่นระริกในมือเขามากกว่า

   อ้าปากครอบลงไปก็รู้สึกถึงแรงกระตุกจากเจ้าของร่าง ธรณินตั้งหน้าตั้งตาชิมรสเสียงที่พูดออกมาจึงอู้อี้อยู่บ้าง

   “ตกลงกานต์ยอมรับงานนี้นะครับ”

   “อือ... พี่ณินถามตอนนี้ อะไรๆ กานต์ก็ต้องตกลงล่ะครับ อื้ม” แผ่นอกแอ่นโค้งเพื่อให้ได้รับสัมผัสได้อย่างเต็มที่ เสียงที่ตอบรับจึงขาดๆ หายๆ พอๆ กันกับคนถาม

   “ดีล!! เป็นอันตกลงรับงานนี้นะครับ”

   งานที่ว่าก็คืองานนี้ ถ่ายโฆษณาคู่กันให้เว้ดดิ้งสตูดิโอครบวงจรแห่งหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้กระแสทั้งทางด้านบวกและทางด้านลบของทั้งคู่กำลังมาแรง ทางสตูดิโอจึงรีบใช้โอกาสนี้ใช้ความดังของทั้งสองให้เป็นประโยชน์ ลำพังแค่ถ่ายทำเป็นภาพเคลื่อนไหวก็เกร็งจะแย่แล้ว แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็นเพื่อนร่วมงานนี่แหละ ดูมีความสุขเหมือนมางานมงคลสมรสก็ไม่ปาน โดยเฉพาะธรณิน... ไอ้พี่ณินตัวดีที่ล่อลวงให้รับงานนี้ ยืนฉีกยิ้มหน้าบานเหมือนเจ้าบ่าวรอต้อนรับแขกเข้างานไม่มีผิด ระริกระรี้ช่วยงานในกองทุกอย่างจนน่าสงสัยว่างานนี้คงทำกำไรให้อื้อซ่าซะละมัง ถึงได้กุลีกุจอขนาดนี้ กานต์นึกสรรเสริญธรณินอยู่ในใจเป็นชุด ชนิดที่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงต้องถึงขั้นยกมือไหว้ร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ว่าอาการยินดีที่ธรณินแสดงออกมานั้นมีที่มาที่ไป สาเหตุหลักๆ เลยก็เพราะการถ่ายโฆษณาชุดนี้ก็เหมือนเป็นการประกาศตัวว่ากานต์เป็นของธรณินให้คนทั่วไปได้รับรู้ จะได้ไม่ต้องมีมดแดงที่ไหนมากวนใจให้เสียอารมณ์ และที่สำคัญการประกาศตัวในครั้งนี้ ยังได้ค่าจ้างราคางามกลับมาเป็นของแถมอีกต่างหาก (แค่กๆ) มีแต่ได้กับได้ขนาดนี้จะไม่ให้ธรณินปลื้มปริ่มยังไงไหว

   “กร ณิน มาหาเฮียหน่อยดิ๊ เดี๋ยวเฮียอธิบายให้ฟังอีกรอบ”

   ทรงชัยตะโกนเรียกทั้งคู่มาทำความเข้าใจอารมณ์ของโฆษณาชุดนี้ให้ฟังซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่เทคยับมาตั้งแต่เช้า ดีที่ว่าทีมงานเป็นคนคุ้นเคยกันทั้งหมด อีกอย่างการได้ดูเจ้ากรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในขณะที่ธรณินก็คอยประคับประคองดูแลเอาใจใส่เป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับทุกคน เลยยังอารมณ์ดีหัวเราะคิกคักกันได้อยู่ แต่งานก็ต้องเป็นงาน ยังไงก็ต้องเสร็จให้ทันตามกำหนดคือภายในวันนี้
   กานต์เดินนำหน้ามาด้วยรอยยิ้ม... แหยๆ ในขณะที่คนเดินตามหลังมายิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงใบหู ทรงชัยเห็นเข้าก็ได้แต่ส่ายหน้า น่าจะจับเอามาปั่นรวมกันแล้วหารสองจริงๆ คงได้บุคคลที่ยิ้มได้ปกติออกมาคนหนึ่ง

   “มาๆ กรก็เลิกทำหน้าเป็นตูดได้แล้ว รู้ไหมเฮียมองผ่านมอนิเตอร์แล้วนึกว่าโฆษณายาถ่ายสำหรับคนท้องผูก ยิ้มก็จริงนะ แต่ดูกระอักกระอ่วนยังไงชอบกล... ไม่ต้องมาขำเลยณิน”

   เสียงหัวเราะจากธรณินทำให้ทรงชัยต้องเบนเข็มไปโจมตีเป้าหมายต่อไปทันที

   “เราก็เหมือนกัน จะยิ้มหน้าบานไปไหน อย่างกับโฆษณาส่งฝาชาเขียวชิงโชคชิงรางวัลเงินล้าน...คุณสองคนช่วยแสดงอารมณ์แบบพอดีๆ ได้ไหมครับ นี่ไม่ใช่ละครเวที แอ็คติ้งไม่ต้องเว่อวังขนาดนั้น”

   จากที่ตอนแรกบรรยากาศดูผ่อนคลาย เจอคำว่า “คุณ” ของทรงชัยเข้าไป ทำให้ทั้งคู่ต้องเริ่มสงบเสงี่ยมแล้วยืนฟังเฮียแกร่ายยาวต่อไป ถ้ามึงมาพาโวยถ่ายไปด่าไปนี่รับรองได้ว่าเฮียแกอารมณ์ดี แต่ถ้ายิ่งสุภาพมากเท่าไหร่นี่เตรียมตัวให้ดี อารมณ์แกกำลังขุ่นและพร้อมจะพัดทำลายล้างคนทั้งกองนั่นแหละ

   “พวกคุณฟังผมให้ดีนะ สตูดิโอนี้รับจัดทำทุกอย่าง ทุกเรื่อง เกี่ยวกับงานแต่งงาน เขาต้องการให้คนรับสารรู้ว่าเขาสามารถเนรมิตได้ทุกรูปแบบการจัดงาน แล้วที่เลือกพวกคุณมา โอเค ว่าตอนนี้พวกคุณกำลังอยู่ในกระแสถือเป็นจุดขายได้อย่างหนึ่ง แต่ประเด็นหลักเลยคือคุณคือคู่รักชายรักชาย เขาต้องการนำเสนอว่าไม่ว่าเพศใดก็ตามเมื่อมีความรัก พวกเขาก็สามารถมอบความสุขผ่านการจัดงานแบบมืออาชีพได้ สิ่งที่พวกคุณต้องแสดงออกมาในโฆษณาชุดนี้จริงๆ ไม่ใช่ความหวานจนเลี่ยน แต่เป็นความสุขที่ได้มีความรัก... เข้าใจใช่ไหม?”

   เห็นทั้งธรณินและกานต์ต่างยืนนิ่งรับฟัง ทรงชัยจึงผ่อนลมหายใจยาว ไม่พูดต่อให้มากความ เพราะยิ่งพูดจะยิ่งกลายเป็นความกดดัน แค่บอกหลักใจความสำคัญเสร็จจากนั้นจึงไล่ทั้งคู่ไปนั่งทำอารมณ์ใหม่ พลางนัดแนะว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มงาน แต่ก็ไม่วายขู่สำทับ

   “หวังว่ากลับมาถ่ายอีกครั้งจะโอเคขึ้นนะ”

   “เฮ้อ...”

   กานต์ส่งเสียงถอนหายใจทันทีเมื่อเดินมาลับหลังทรงชัยแล้ว

   “เครียดหน่อยนะกานต์” ธรณินโอบไหล่แล้วตบบ่าแรงๆ เป็นเชิงปลอบ

   “ไม่ได้เครียดพี่ แต่กลัวเฮียใช้ เพิ่งเคยเห็นตอนเฮียแกว่าแบบนิ่งๆ”

   ธรณินเลิกคิ้วหัวเราะหึๆ โยกหัวกานต์ไปมาอย่างอารมณ์ดี

   “ผมเสียทรงหมดแล้วพี่ณิน เดี๋ยวพี่ซิสซี่เห็น กานต์ก็โดนอีกหรอก”

   “ยอมพูดกับพี่แบบดีๆ ได้แล้วเหรอ”

   “อืม... ก็นะ... ตอนนี้ต้องร่วมใจกันถ่ายโฆษณาให้ผ่านไปได้ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปงอนต่อที่บ้าน”

   กานต์หันมายักคิ้วแผล็บให้ธรณินแบบกวนประสาท ก่อนจะหลุดขำออกมา เพราะเสียงโอดครวญจากคนตัวโตที่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยขัดกับขนาดร่างกาย

   “กานต์อ่า... ใจร้าย” ธรณินทอดเสียงยาวก่อนจะหยุดนิ่ง

   “แต่แปลกนะ”

   “ครับ?”

   “ยิ่งกานต์ร้าย ทำไมพี่ยิ่งรัก”

   “ผลัวะ” ทีนี้เสียงทุบไหล่ธรณินดังสนั่น แต่เจ้าตัวก็หาได้แคร์ไม่ กลับยิ้มหัวเราะเสียงดังไป พลางลูบไหล่ตัวเองไปพลางอย่างอารมณ์ดี

   “บอกแล้วใช่ไหมอย่าเล่นมุกเสี่ยว ผมขนลุก” กานต์พูดไปลูบแขนไป

   “พี่ช่วยละลายพฤติกรรมให้ไง เห็นกานต์เครียดๆ”

   “ละลายด้วยวิธีอื่นเหอะพี่ แบบนี้รับไม่ได้จริงๆ”

   ธรณินอมยิ้มมองดูกานต์ลูบแขนป้อยๆ ก่อนเอ่ย

   “กานต์ จำวันที่พี่ขอกานต์แต่งงานได้ไหม”

   กานต์ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องพักส่วนตัวก่อนพยักหน้ารับ

   “อือ จำได้ดิ”

   ธรณินทิ้งสะโพกตามลงไปนั่งหมิ่นๆ บนที่เท้าแขนแล้วเอื้อมมือไปเกลี่ยลูกผมที่รุ่ยร่ายจากการโดนโยกหัวเมื่อสักครู่ให้เข้าที่

   “ตอนนั้นที่พี่ถามว่าแต่งงานกับพี่ไหม กานต์ตอบว่ายังไงนะ”

   “เอาดิ”

   คำตอบที่สวนกลับมาทันควัน ทำให้ธรณินอมยิ้ม ได้ฟังคำตอบเดิมซ้ำๆ ก็ยิ่งชื่นใจ

   “ทำไมกานต์ตอบตกลงเร็วอ่ะ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทบทวนหน่อยเหรอ”

   กานต์ส่ายหน้าหวือ ตอบเสียงดังฟังชัด

   “ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดเลยพี่ณิน พี่คือเนื้อคู่ของผมทางทฤษฎี แล้วก็คือคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากๆ ในทางปฏิบัติ เพราะฉะนั้น พอพี่ถาม ผมถึงเซย์เยสอย่างรวดเร็วไงครับ อ๊ะๆ จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้วนะหนูณิน กินป๋าไปทั้งตัวและหัวใจขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องรับผิดชอบป๋าไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ”

   “คร้าบป๋า หนูณินไม่ปล่อยให้ป๋าหลุดมือไปได้แน่ๆ เพราะถ้าพลาดจากหนูณิน ป๋ากานต์จะไปหาคนดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะครับ”
   กานต์และธรณินมองหน้ากันแล้วต่างก็หัวเราะในความปัญญาอ่อน เอ๊ย! ในความน่ารักของกันและกัน บรรยากาศเคร่งเครียดเมื่อสักครู่หายไปหมด ธรณินจับมือกานต์ขึ้นมาเล่น พูดเรื่อยๆ โดยไม่มองหน้า เพื่อไม่ให้กานต์รู้สึกกดดัน

   “แค่นี้เองกานต์ แค่กานต์แสดงความรู้สึกมีความสุขออกมาก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องคิด ไม่ต้องปรุงแต่ง แค่เอาความสุขในใจที่กานต์ถูกพี่ขอแต่งงานแสดงออกมาให้คนภายนอกรับรู้ก็แค่นั้น”

   พูดจบธรณินก็ดึงมือของกานต์ขึ้นมาแนบแก้ม เอียงหน้าอมยิ้มมองดูฝ่ายตรงข้ามที่ยิ้มตอบรับกลับมาอย่างเข้าใจ

   “นี่” ธรณินในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมคลายความอึดอัดลงสองเม็ด พลางขยับตวัดเสื้อสูทพาดไหล่ ในขณะที่ยืนไขว้ขาทิ้งสะโพกพิงราวบันไดด้วยท่วงท่าสบายๆ ส่งเสียงเรียก

   กานต์ที่กำลังถอดเสื้อสูทพาดบนแขนซ้ายหันหน้ามาทางธรณินพลางเลิกคิ้วถาม

   “มีอะไร”

   ถามเสร็จก็หันไปเท้าแขนบนราวบันได สายตามองเหม่อไปด้านหน้า สายลมที่โชยมาแผ่วๆ ทำให้ลูกผมตรงหน้าปลิวระข้างแก้ม

   “แต่งงานกับพี่ไหม”

   เสียงถามเรียบเรื่อยเหมือนถามสภาพดินฟ้าอากาศจากคนด้านข้าง ทำให้กานต์จุดยิ้มที่มุมปากขึ้นพร้อมๆ กับคำตอบที่พูดสวนออกมาด้วยเสียงไม่หนักไม่เบาแต่มั่นคง

   “อืม... เอาดิ”

   กล้องจับภาพที่ทั้งคู่มองตาอมยิ้มให้กันก่อนจะไล่ลงมาและหยุดภาพแช่ไว้ที่มือหนากุมทับไปบนหลังมือขาวจัดที่มีแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ เรียบง่ายสวมอยู่บนนิ้วนาง ไม่ต้องมีการคุกเข่าขอแต่งงาน ไม่ต้องมีอุปกรณ์ประกอบในการเซอร์ไพรส์ มีเพียงความสุขที่อบอวลฉายชัดผ่านสิ่งที่เรียกว่าความรักเพียงเท่านั้น


TBC...




ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
คนเขียนหายไปนานจนต้องย้อนไปอ่านตอนก่อนเลย
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ป๋านี่็น่ารักเนอะ หายไปนาน อ่านทวนใหม่อีกรอบเลย อ้าแขนคะ ยินดีต้อนรับกลับมาเขียนต่อ ฮ่า ๆๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
นิยายสนุกดี ดีใจที่ได้มาอ่าน

แต่พอดูเวลาอัพ  :mew5: นิยายรายเดือนเหรอเนี่ย  :ling1:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
พี่ณินของน้อง
 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทที่ 18

   “พร้อมไหมพี่ณิน”

   เสียงกานต์ถาม ส่วนธรณินก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ กานต์ค่อยๆ กุมมือสอดประสานนิ้วทั้งสิบของทั้งคู่เข้าด้วยกัน ร่างกายของทั้งสองต่างตะแคงตัวเข้าหากันอยู่บนที่นอนหนานุ่ม ขาเกี่ยวกระหวัดลำตัวแนบชิด

   “มองตาผมไว้นะครับ ไม่ต้องเกร็ง ผ่อนคลายหน่อยพี่ณิน”

   ธรณินสูดหายใจเฮือก พยายามรวบรวมสมาธิจดจ่อไว้ที่ดวงตาของกานต์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ความเจ็บปวดที่ค่อยๆ โอบล้อมเข้ามาก็เกือบทำให้จิตหลุดอยู่เหมือนกัน เม็ดเหงื่อค่อยๆ ซึมที่ขมับ ใบหน้าที่แดงก่ำจากความอดทนต่อความเจ็บปวด ปากที่เม้มแน่นแลดูทรมานจนกานต์ต้องเอ่ยปาก

   “พอก่อนไหมครับพี่ ท่าทางพี่ณินดูแย่มากเลยครับ”   

   กานต์อยากเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่ไรผมให้ธรณินใจจะขาด แต่มือที่กุมกันอยู่ก็ไม่สามารถจะปล่อยจากกันได้

   “อึก... พี่... ไม่ต้องห่วงพี่ ไปต่อได้เลย”

   กานต์ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็จริงอย่างที่ธรณินว่า ควรไปต่อได้เลย ถ้าขืนหยุดกลางคัน คนที่ทรมานน่าจะเป็นธรณินเอง กานต์จึงกัดฟันเดินหน้าให้ถึงที่สุด

   “อ๊า...”

   สำนึกสุดท้ายของธรณิน ได้ยินเพียงเสียงร้องของตนเอง ก่อนความปวดร้าวจะถาโถมเข้าใส่จนเหมือนร่างกายจะฉีกขาด จากนั้นโลกทั้งใบของธรณินก็ดับวูบลง
   .
   .
   .
   “พี่ณิน... พี่ณินครับ เป็นยังไงบ้างพี่”

   เสียงเรียกร้อนรนและสัมผัสเย็นเฉียบบริเวณข้างแก้ม ทำให้ธรณินค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นกระพริบอย่างยากลำบาก พอจะพลิกลำตัวขึ้นปลุกปลอบคนที่กำลังร้องเรียก ร่างกายกลับประท้วงโดยการส่งความรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวมาให้เป็นบรรณาการ

   “โอ๊ย!” ธรณินคิดว่าตัวเองตะโกนร้องโอดโอยออกมาอย่างดัง แต่ความเป็นจริง เสียงที่ผ่านลำคอออกมาแหบแห้งแผ่วเบาเหมือนคนขาดน้ำมานานมากกว่า... น้ำ จริงสิ หิวน้ำชะมัด ทันทีที่รู้สึกจึงเปล่งเสียงขอน้ำอย่างที่ร่างกายต้องการ

   จอกใบเล็กถูกส่งประชิดริมฝีปาก อึกแรกที่ล่วงผ่านกลับสร้างความชุ่มฉ่ำอย่างถึงที่สุด ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าอาการเจ็บแปลบตามเนื้อตัวเหมือนจะบรรเทาไปได้มากกว่าครึ่งเมื่อดื่มน้ำลงไป

   “กานต์...”

   “ครับพี่ณิน”

   “เรามาถึงแล้วใช่ไหม”

   กานต์ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ก่อนจะค่อยๆ ประคองธรณินให้ลุกขึ้นนั่งพิงบ่าของตนแล้วจึงสอดแขนกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมอกพลางเอ่ยเสียงโอ้อวดนิดๆ

   “ยินดีต้อนรับสู่วังมังกรครับพี่ณิน”

   ภาพที่ปรากฏเข้าสู่สายตาของธรณินคือโถงกว้าง เพดานประดับไข่มุกเม็ดเท่ากำปั้น ฝังเรียงอัดแน่นถี่ยิบ ส่งผลให้ห้องสว่างไสว ในส่วนของฝาผนังและพื้นเป็นหินอ่อนประดับทองคำ เฟอร์นิเจอร์ในห้องเน้นสีดำเดินลายทองเป็นหลัก ธรณินหลับตาลงเพื่อพักสายตาจากแสงมลังเมลืองในห้อง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่

   “อลังการไปไหนเนี่ย”

   กานต์หัวเราะ ก่อนจะหันไปหยิบจอกเงิน (แน่นอนว่าฝังอัญมณีแพรวพราย) ส่งให้ธรณินอีกครั้ง

   “ดื่มน้ำอีกนิดนะพี่ณิน พี่จะได้หายเจ็บเนื้อเจ็บตัว นี่เป็นน้ำโลกมังกร ดื่มแล้วช่วยปรับสภาพดวงจิตของพี่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในโลกนี้ได้ง่ายขึ้น”

   ธรณินดื่มน้ำไปอีกจอกก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดหายไปเกือบหมด เหลือแต่ความเมื่อยล้าคล้ายเวลาที่เราวิ่งออกกำลังกายมานานๆ แล้วแขนขาจะดูอ่อนแรงไปบ้างแค่นั้น... นี่ขนาดมาแค่ดวงจิตยังขนาดนี้ ถ้าเอากายเนื้อมาจะขนาดไหน ธรณินนึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ตัวเขาอยากมาวังมังกร ในคืนก่อนที่คุยกับกานต์เรื่องแต่งงานอย่างจริงจัง

   “กานต์ พี่ว่าพี่ควรไปพบพ่อแม่ของกานต์ เพื่อบอกให้พวกท่านรับรู้เรื่องของเรานะ”

   “ห๊ะ!!”

   เห็นกานต์มีสีหน้าตื่นตกใจ ธรณินก็คอตก เดือดร้อนให้กานต์ต้องเดินมาปลอบ

   “อย่าแม้แต่จะคิดน้อยใจใดๆ เลยนะพี่ณิน รู้นะพี่คิดอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพาพี่ไปหาพ่อกับแม่ แต่การเดินทางไปวังมังกรน่ะค่อนข้างพิเศษนิดนึง”

   เออ... เขาก็ลืมคิดไป กานต์เป็นมังกรนี่หว่า (บางครั้งก็คิดว่าน่าจะเป็นแมวมากกว่าอะนะ) ถ้าจะไปพบพ่อกับแม่ของกานต์ก็ต้องไปที่วังมังกรน่ะสิ แล้ว... วังมังกรที่ว่านี่ จองตั๋วที่ไหนได้ล่ะ ควรไปทางเรือใช่ไหม แล่นเรือออกไปกลางทะเลแล้วกดกริ่งบอกให้เรือหยุด จากนั้นก็แบกกระเป๋าพุ่งหลาวลงน้ำไป?

   ก่อนที่จินตนาการของธรณินจะบรรเจิดไปกว่านั้น กานต์ก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนเอาหัวถูไถบ่าของธรณินจนเป็นที่พอใจแล้วจึงเอนตัวลงนอนบนตักของธรณิน เล่าถึงวิธีการเดินทางไปวังมังกร (นี่ไงที่บอกว่าน่าจะเป็นแมว - ธรณิน)

   “เดี๋ยวกานต์เล่าให้พี่ณินฟังก่อนนะว่าที่โลกมังกรเนี่ย อากาศจะหนักกว่าที่โลกมนุษย์นิดนึง เอ่อ... อันที่จริงก็ไม่นิดอะนะพี่ หนักกว่าค่อนข้างมากเลยแหละ สำหรับพวกผมที่เกิดและเติบโตมาที่นั่นแล้วก็เป็นปกติ เวลามาที่โลกมนุษย์ก็ไม่ค่อยลำบาก เราเอาร่างจริงมาได้เลย เพราะอากาศที่นี่เบากว่า กลับกัน ถ้าทางมนุษย์จะไปโลกของผมนี่ ลำบากหน่อย ถ้าเอากายเนื้อไป รับรองอวัยวะภายในโดนกดทับจนเละแน่ ทางที่ดีควรเดินทางเฉพาะดวงจิตโดยให้ดวงตามังกรนำทางเอาจะปลอดภัยกว่าครับ”

   “ดวงตามังกร? แล้วพี่จะไปหามาจากที่ไหนได้ล่ะ”

   สิ้นสุดคำถาม ธรณินก็เห็นกานต์นอนยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ มือชี้เข้าหาตัวเองด้วยท่าทางนำเสนอสุดๆ

   “หมายถึงลูกกะตากานต์เนี่ยนะ”

   “เยสสส...” กานต์ลากเสียงยาว

   “มีมังกรตัวเป็นๆ อยู่กับบ้านแล้วต้องใช้ให้คุ้มสิครับพี่”

   “ต้องควักออกมาต้มทำเป็นยาน้ำดื่มด้วยป่ะเนี่ย”

   กานต์ส่ายหน้าจิกสายตาใส่ธรณินอย่างเอาเป็นเอาตาย ได้แต่ถามว่าพี่ณินใช้อะไรคิดเนี่ย จะเดินทางทีควักลูกกะตากันที ป่านนี้ที่วังมังกร คงมีแต่มังกรตาบอดกันเต็มไปหมด

   “แค่ง่ายๆ พี่ณินมองตาผมไว้ ใช้ร่างกายทุกส่วนสัมผัสกันให้มากที่สุด แล้วผมจะพาพี่เดินทางไปเอง ทางทฤษฎีเหมือนจะง่ายอะนะ แต่ทางปฏิบัตินี่ก็ต้องทนเจ็บเอานิดนึง พี่ณินพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกานต์ละกัน เดี๋ยวกานต์พาไป”

   “งั้นพรุ่งนี้ไปกันเลยก็แล้วกัน พี่ใจร้อน ว่าแต่... เวลาไปบ้านกานต์ เราคงใกล้ชิดกันมากไม่ได้ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดีเนอะ”

   กานต์ยิ้มให้ธรณิน นึกขอบคุณในใจที่อุตส่าห์คิดเพื่อตัวเขา ก่อนรอยยิ้มจะแข็งค้างอยู่บนใบหน้า เพราะประโยคต่อมาของธรณิน

   “งั้นคืนนี้ เรามาทำเผื่อกันไว้เยอะๆ ก็แล้วกันเนอะ สะสมไว้ก่อน!!”

   ธรณินคงยังนั่งเหม่อถึงการ ‘ทำตุนไว้’ ถ้าไม่มีเสียงเรียกจากทางด้านนอกลอยมา

   “นายน้อย... ท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงให้มาเรียนว่า ถ้านายน้อยและแขกของนายน้อยพร้อมแล้ว ให้ไปพบพวกท่านที่ห้องทองคำครับ”

   “อื้ม ขอบใจมาก เดี๋ยวอีกสักพักเราตามไป”

   ธรณินเลิกคิ้วมองกานต์พลางเอ่ยถาม

   “กานต์ไปหาพ่อกับแม่มาแล้วเหรอ”

   กานต์หัวเราะคิกคักส่ายหน้า

   “ยังไม่ได้ไปหรอกพี่ณิน แต่ทันทีที่ผมกลับมาถึง ไอมังกรบนตัวผมก็บอกให้ทุกคนรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมกลับมาแล้ว ว่าแต่หนูณินของป๋าเถอะ หน้าแดงๆ แบบนี้ เขินหรือครับที่ต้องไปพบพ่อกับแม่ของป๋าเนี่ย ไหนๆ มาให้ป๋ากอดให้กำลังใจหน่อยเร้ว... สู้ๆ นะหนูณิน พ่อกับแม่ป๋าไม่ดุหรอก”

   กานต์สวมกอดธรณิน เอาหน้าซบกับอก ได้ยินเสียงใจของธรณินเต้นดังตึ้กๆ แทบจะทะลุออกมานอกอกก็นึกเห็นใจ จึงได้แต่กอดอีกฝ่ายให้แน่นๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน โดยหารู้ไม่ว่าธรณินรู้สึกตื่นเต้นแค่นิดหน่อย แต่ที่หน้าแดง เพราะดันไปนึกถึงเรื่องที่ชวนกานต์ใกล้ชิดกันแบบจัดหนักจัดเต็มก่อนมา นึกแล้วก็ละอายนิดหน่อยล่ะนะ ที่คิดแต่เรื่องพรรค์นี้กับลูกเขาในถิ่นของเขาเนี่ย!! แต่จะให้บอกกับกานต์ได้ยังไงล่ะ เลยได้แต่ตอบรับอ้อมกอดของกานต์ตามน้ำไป ก่อนจะจับจูงกันไปห้องทองคำที่พ่อกับแม่ของกานต์รอพบอยู่



   ถ้าถามว่าการข่มขวัญนี้มีผลกับธรณินไหม ขอบอกเลยว่ามาก!!

   ร่างมังกรขาวที่ส่องแสงเรืองรอง ลำตัวใหญ่ยักษ์พันทบขดไปมาสองตัวตรงหน้า โดยมีฉากหลังเป็นผนังห้องที่ทำด้วยทองคำมลังเมลืองสะท้อนเข้าสู่สายตาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในห้อง ‘ทองคำ’ ซึ่งก็ทองคำสมชื่อ ผนังห้อง เพดาน เครื่องเรือน ทุกสิ่งอย่างล้วนทำมาจากทองคำ ลำพังแค่ร่างจริงของมังกรขาวสองตัวตรงหน้าก็น่าเกรงขามมากพออยู่แล้ว พอบวกเพิ่มออปชั่นเว่อวังเข้าไปยิ่งทำให้ธรณินเริ่มมีอาการขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

   “พ่อ แม่ เลิกโชว์ออฟเหอะ พี่ณินเคยเห็นร่างจริงของกานต์แล้ว พี่เขาไม่กลัวหรอก”

   เสียงของกานต์ช่วยดึงสติของธรณินให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกรอบ อย่างน้อยก็ยังมีกานต์อยู่ตรงนี้ ตรงที่ข้างๆ กัน ว่าแต่... กานต์จะไม่ถามพี่สักหน่อยเหรอว่าพี่กลัวไหม

   หลังแสงเงินแสงทองจางลง (อยู่กับเผ่าพันธุ์นี้มากๆ มีสิทธิ์ตาบอดได้นะเนี่ยเรา เจิดจ้ากันตลอดเวลา - ธรณิน) หนึ่งชายหนึ่งหญิงคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น พ่อของกานต์สีหน้าเฉยชา ท่าทางสง่างามสมกับเป็นผู้นำเผ่ามังกร บุคลิกดูเคร่งขรึมจริงจัง ถ้าไม่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำแว่วๆ มาว่า โห่... ไม่หนุกเลย ตามมาน่ะนะ

   ส่วนแม่ของกานต์นั้นแลดูอ่อนหวาน ผมยาวสยายสีน้ำตาลทองนั้นยิ่งขับให้ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วเหมือนจะเปล่งแสงเรืองๆ ออกมาได้ ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่นแตะแต้มอยู่ตลอดเวลา ธรณินหันไปมองแม่ของกานต์สลับกับกานต์ไปมา จึงได้ข้อสรุปในใจทันที หน้าตาคุณแม่ของกานต์นี่... นี่มันกานต์เวอร์ชั่นผู้หญิงชัดๆ!! ยกเว้นนัยตาอ่ะนะ แววตาสีน้ำเงินเหลือบดำนี่รับมาจากทางพ่อเต็มๆ

   “สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่”

   ธรณินยกมือไหว้ ก้มหัวต่ำ พยายามให้แลดูอ่อนน้อมให้มากที่สุด เพราะจำได้ว่ากานต์เคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเคร่งครัดเรื่องมารยาทมาก ช่วงจังหวะที่เงยหน้าขึ้นก็เหมือนจะเห็นทางหางตาว่าพ่อของกานต์คล้ายจะสะดุดไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ (ใช้คำว่าบัลลังก์น่าจะเหมาะกว่า อลังการซะขนาดนั้น) จึงหันไปแอบกระซิบถามกานต์

   “พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า”

   “ไม่ผิดหรอกพี่ณิน แต่นอกจากผมก็ไม่เคยมีใครเรียกท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงว่าคุณพ่อกับคุณแม่อะนะ” กานต์ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ธรณินจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ กลับไป

   “ถ้าอย่างนั้นพี่เรียกท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงบ้างดีไหม เดี๋ยวท่านจะหาว่าพี่ตีสนิท”

   “อะแฮ่ม!!”

   ทั้งคู่คงจะปรึกษาหารือกันต่อไปอีกนาน หากไม่มีเสียงกระแอมที่ส่งมาเตือนให้รู้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ธรณินเกือบเผลอตัวสะดุ้ง แต่รีบเก็บอาการไว้ทัน รีบสวมบทบาทผู้จัดการหนุ่มมาดขรึมเพื่อเรียกคะแนนทันที

   “พี่ณินครับ นี่พ่อโมกข์กับแม่กีรติของผมครับ”

“พ่อ แม่ นี่พี่ณิน ธรณินครับ ที่กานต์ไปเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์ก็ได้พี่ณินนี่แหละดูแลทุกอย่าง ทั้งที่อยู่ที่กิน” (รวมถึงให้พี่กิน... แค่กๆ อันนี้พูดออกไปไม่ได้)

   “สวัสดีจ้ะ ไหว้สวยเชียวพ่อคุณ เป็นยังไงบ้าง น้องกานต์ไปรบกวนคุณแย่เลย ไม่รู้ไปสร้างความลำบากใจอะไรให้คุณหรือเปล่า” กระแสเสียงอ่อนหวานพูดไม่ดังไม่เบาดูนุ่มนวลอบอุ่นเอ่ยถาม

   “ไม่เลยครับคุณแม่ น้องกานต์น่ารัก นิสัยดี ไปอยู่ด้วยแล้วไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลยครับ คงเป็นเพราะคุณแม่อบรมมาดี ที่นู่นมีแต่คนออกปากชมว่าน้องกานต์กิริยามารยาทเรียบร้อยครับ”

   องค์ผู้จัดการเริ่มประทับ ธรณินก็เริ่มใช้ทักษะในการเจรจาธุรกิจมาพูดคุยกับแม่ของกานต์อย่างคล่องแคล่ว เยินยออย่างไรไม่ให้กลายเป็นประจบจนเกินงาม ชมแค่ไหนถึงจะพอดีดูจริงใจ ทุกเทคนิคถูกธรณินขุดเอามาใช้จนหมดทุกกระบวนท่า คุณแม่ของกานต์ได้แต่อมยิ้มฟังธรณินเล่าเรื่องให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน

   “แต่ เอ๊... เรียกน้องกานต์...”

   “คุณ... จะคุยถามคำถามมารยาทกันอีกนานไหม เข้าเรื่องเลยไม่ดีกว่ารึ เดี๋ยวจะได้เดินทาง”

   สิ้นเสียงคำถามของคุณพ่อ ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายเมื่อสักครู่ก็กลายเป็นความรู้สึกกดดันทันที ไม่ใช่ธรณินนะที่ถูกกดดัน แต่เป็นคุณพ่อของกานต์ที่โดนสายตาหวานตวัดเข้าใส่พร้อมเสียงใสทว่าเย็นเยียบที่เอ่ยถาม

   “คุณรีบเหรอคะ”

   อูย... รีบไม่รีบธรณินไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้คุณพ่อนั่งตัวลีบ ผู้นำเผ่ามังกรตัวจริงน่าจะเป็นผู้หญิงหน้าหวาน คุณแม่ของกานต์คนนี้นี่เอง..เอง...เงง

   “ก็กลัวลูกจะคอยนานนี่คุณ”

   เสียงอ่อยๆ เอ่ยตอบ พอรู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะกลัวลูกรักจะคอยนาน คุณแม่ก็กลับมาเป็นคุณแม่ที่อ่อนหวานเหมือนเดิม

   “จริงสิ ที่แม่กับพ่อเรียกน้องกานต์กับคุณมาพบก็เพื่อจะบอกว่า ทางเผ่าพันธุ์มังกรของเราน่ะ ไม่มีกฎเกณฑ์หยุมหยิมเรื่องคู่รักเพศเดียวกันหรอกนะจ๊ะ คุณสบายใจได้เลย”

   พอคุณแม่พูดจบ กลับเป็นธรณินเสียอีกที่หน้าขึ้นสี รู้สึกเก้อกระดาก ท่าทางสบายๆ ที่คุณแม่พูดออกมานั้น ทำให้ธรณินเห็นว่าโลกมังกรคงจะคิดว่านี่เป็นสิ่งปกติมากๆ แน่นอน ทำให้ใจของเขาชื้นขึ้นเป็นกอง

   “คนที่น้องกานต์เลือกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง พ่อกับแม่ก็เห็นดีด้วยทั้งนั้นละจ้ะ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยเลยคุณ น้องกานต์ส่งข่าวมาบอกว่าจะพาคุณมาเปิดตัวก่อนจะมาถึงที่นี่เสียอีกล่ะจ้ะ”

   ธรณินยิ้มเขินที่คุณแม่คุณแม่ของกานต์ เดาความสงสัยของเขาออก

   “แต่ว่า... เรื่องความต่างระหว่างเผ่าพันธุ์นี่แหละที่มีปัญหา ทางพวกที่มีอายุมากหน่อยรู้ข่าวเข้าถึงกับรับไม่ได้ที่น้องกานต์จะมีคู่เป็นมนุษย์ พากันยื่นคำร้องคัดค้านกันมามากมาย แล้วแม่กับพ่อก็ต้องพาน้องกานต์ไปประชุมมังกรนานาชาติที่ฝรั่งเศสซะด้วย ช่วงสองสามวันที่พวกเราจะไม่อยู่กัน คุณช่วยพิสูจน์ตัวเองกับพวกหัวโบราณ มังกรแก่ๆ พวกนั้นให้รู้ถึงความรักที่คุณมีต่อน้องกานต์ ว่าคุณคู่ควรกับน้องกานต์จริงๆ ได้ใช่ไหมจ๊ะ”

   คุณแม่ยิ้มหวานสดใส เหมือนดวงตะวันอบอุ่น แต่ภายในใจของธรณินกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม เอาวะ อย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่ก็ยอมรับ กะอีแค่พิสูจน์ตัวเอง สู้โว้ยยยยย!

TBC...
เจี่ยเจียจะลบ tag #มังกรกานต์นิยายรายเดือน ได้หรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป...  :m20:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2017 18:35:41 โดย virgo »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เขาจะพิสูจน์ตัวเองกันยังไงหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แค่คิดก็มึนแล้ว  :really2: กล่อมมังกรหัวเก่านี่นะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตะมุตะมิมากกกก

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

ออฟไลน์ virgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทที่ 19

   “พี่ณินอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมครับ”

   ความห่วงใยที่แสดงออกผ่านทางสายตาเป็นกังวลและน้ำเสียงทอดอ่อน ทำให้ธรณินอดเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกแมวตัวโตตรงหน้าอย่างนึกขัน อยากจะบอกกานต์ไปเหมือนกันว่าอยู่ไม่ได้ดูซิ เจ้าตัวจะทำยังไง แต่ก็รู้ว่าที่เพียรถามซ้ำไปซ้ำมาก็เพราะความเป็นห่วงทั้งนั้น ลองถ้าพูดว่า ‘พี่อยู่ไม่ได้หรอก กานต์อย่าไปเลย’ สิ รับรองว่าเจ้าลูกแมวนี่ต้องถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่ยอมไปฝรั่งเศสแน่นอน

   “นี่ใคร ดูซะก่อน นี่หนูณิน เด็กป๋ากานต์นะครับ ใครจะกล้ามาทำอะไร แบ็คหนูแน่นปึ้ก เป็นถึงลูกชายคนเดียวของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเชียวนะครับ”

   พูดจบก็ก็หัวเราะทำหน้าเบิกบานสุดขีด เพื่อไม่ให้กานต์ต้องเป็นห่วง แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อกานต์คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เขย่งปลายเท้าเพื่อแตะริมผีปากบนหน้าผากเด็กในสังกัดแล้วกระซิบเสียงพร่า

   “ทำตัวดีๆ นะ ไม่ต้องไปเครียดเรื่องที่ลุงๆ ผู้อาวุโสของเผ่าท่านคัดค้านกัน กลับมาเดี๋ยวป๋าเคลียร์เอง หนูณินมีหน้าที่นอนรอป๋าอยู่ในห้องก็พอ เข้าใจใช่ไหม หื้ม?”

   อ้อมแขนที่โอบกอดกลับมาแทบทำให้กานต์อยากจะไปยกเลิกการเดินทางไปฝรั่งเศสซะจริงๆ ในใจมันหวิวๆ แปลกๆ ทั้งๆ ที่มีไพ่ตายเอาไว้รับมือตาแก่หัวดื้อพวกนั้นให้ยอมรับธรณินอยู่ในมือแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอดกังวลกับการทิ้งธรณินให้อยู่ในดงมังกรคนเดียวไม่ได้

   ธรณินซบหน้าลงบนซอกคอขาวของคนในอ้อมกอด สูดลมหายใจลึกยาว เพื่อกักเก็บกลิ่นหอมสดชื่นไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดช้าๆ และบอกให้อีกฝ่ายเลิกกังวลแล้วเดินทางได้แล้ว

   จากวันที่ยืนส่งกานต์ไปฝรั่งเศสวันนั้น จนถึงวันนี้ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ธรณินก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาสองสามวันที่คุณแม่ของกานต์บอกจะลากยาวมาเป็นอาทิตย์ขนาดนี้ ไม่มีข่าวคราว ไม่มีการติดต่อใดๆ จากกานต์ทั้งสิ้น ภายในใจของธรณินนึกกังวลไปต่างๆ นาๆ แต่ภายนอกยังคงท่าทีสุภาพเคร่งขรึม เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ได้

   สถานการณ์ภายในวังมังกรสงบราบเรียบ ไม่มีการข่มขู่หรือคุกคามอย่างที่กังวลไว้ในตอนแรก เหล่ามังกรหัวเก่าทั้งหลายต้อนรับขับสู้ธรณินอย่างดี พาเที่ยวชมภายในบริเวณวัง สรรหาของกินแปลกๆ มาให้ลองชิม พูดคุยเล่าเรื่องความสูงส่งของเผ่าพันธุ์มังกรสอดแทรกเป็นระยะ ไม่มีการจิกกัดด่าทอ แค่ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างมังกรกับมนุษย์อย่างเนียนๆ แต่ถ้าธรณินจะอธิบายเรื่องระหว่างตัวเขากับกานต์ทีไร จะมีอันถูกบ่ายเบี่ยงไปคุยเรื่องอื่นทุกที อันนี้ธรณินก็พอเข้าใจได้ว่าท่านๆ ทั้งหลายคงยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง

   จนคงถึงที่สุดของบรรดาผู้อาวุโสมังกรแล้ว ด้วยพยายามชี้แจงความแตกต่างให้ฟังจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู แต่ธรณินยังคงยิ้มแย้มแกล้งไขสือไม่ยอมรับรู้ และไม่มีทีท่าจะยอมจากไปจากวังมังกรเสียที เช้าวันนี้จึงมีมติเปิดห้องนิลกาฬ เพื่อถกปัญหาสำคัญของชาติพันธุ์มังกร ‘นายน้อยจะมีคู่เป็นมนุษย์’

   “เอาล่ะคุณธรณิน ถึงเวลาที่เราต้องมาพูดกันอย่างจริงจังแล้วสินะ”

   เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานที่ดังขึ้นเป็นการข่มขวัญได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ทำให้ธรณินตื่นเต้นมากขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยจากเดิมเท่านั้น เพราะทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้องนิลกาฬ ห้องสีน้ำเงินแก่จัดที่ตกแต่งประดับประดาด้วยแซฟไฟร์ทั้งห้อง ธรณินถูกทำให้ตื่นตะลึงด้วยร่างจริงของมังกร 5 ตนที่แผ่บรรยากาศความแตกต่างทางกายภาพให้เห็นชัดถนัดตา

   ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่ธรณินจะก้าวเท้าเดินอย่างสงบนิ่งฝ่ากลางวงไปนั่งยังเก้าอี้ที่ถูกวางตั้งไว้โดดเด่นกลางห้อง ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพแล้วทรุดตัวลงอย่างเชื่องช้า พลางค่อยๆ เงยหน้าสบตามังกรแต่ละตนเพื่อแสดงความจริงใจในการตอบคำถาม ในขณะที่สบตาก็ลอบสังเกตท่าทางและสีสันของเหล่ามังกรไปพร้อมกัน

   มังกรทั้ง 5 ตน มีสีสันต่างกันไปอย่างกับขบวนการ 5 สี มีทั้งสีดำแกมทองที่ดูท่าทางจะรับมือยากที่สุดซึ่งเป็นเจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่ว่า สีแดงเข้มราวกับเปลวไฟ สีเขียวเหลือบคล้ายสีปีกแมลงทับ สีเทาควันบุหรี่ที่ลำตัวค่อนข้างใหญ่ และสีฟ้าจางๆ คล้ายสีของท้องฟ้าที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบอุ่น

   “อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละคุณธรณิน มังกรก็แบ่งออกเป็นเชื้อสาย แบ่งตามลำดับชั้น ตามความบริสุทธิ์ของสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์ แล้วคุณคิดว่ามังกรขาวควรจัดอยู่ในลำดับชั้นไหนกันดีล่ะคุณ”

   ธรณินก้มหลบสายตาวูบ ได้แต่กลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วค่อยๆ เงยหน้าประสานสายตากับมังกรดำ

   “แต่ผมรักกานต์”

   คำตอบที่ได้กลับมาจุดประกายโทสะวูบขึ้นในดวงตาของเหล่ามังกรอาวุโส หากยังไม่ทันจะเอ่ยคำพูดตอบโต้ ธรณินก็อธิบายเสียงเรียบถึงเหตุผลของตน

   “ผมไม่รู้ว่ามังกรสีไหนจะมีลำดับสูงต่ำยังไง ผมไม่เคยคิด แม้กระทั่งผมเป็นมนุษย์หรือกานต์เป็นมังกรผมรู้ แต่นายธรณินคนนี้รักกับกานต์ ก็แค่นั้น ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีคำว่าเผ่าพันธุ์มาเกี่ยวข้อง ต่อให้ท่านทั้งหลายยกคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นเหตุเป็นผลมากขนาดไหนมาอธิบายกับผมก็ตาม สำหรับผมเหตุผลนั้นช่างไร้สาระเกินไป มีแค่เหตุผลเดียวที่ผมจะยอมไปจากกานต์ คือผมไม่ได้รักกานต์ ซึ่งลืมไปได้เลย เพราะผมบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”

   ธรณินหยุดพูด ก่อนจะปรายตาไปสบมังกรทุกๆ ตัว อย่างไม่กลัวเกรง แล้วจึงเปล่งเสียงช้าชัดทว่าหนักแน่นซ้ำไปอีกครั้ง

   “ผม รัก กานต์”

   เหล่ามังกรอาวุโสแทบจะเส้นเลือดในสมองแตกตาย บอกอะไรไปเท่าไหร่ เจ้าหนุ่มนี่ก็ไม่เคยเข้าใจ ย้ำแต่คำว่ารักๆ อยู่นั่นแหละ ขณะกำลังคิดว่าจะจับร่างกายเล็กจ้อยตรงหน้าฉีกกระชากให้จบๆ ไป แล้วค่อยขอโทษนายน้อยทีหลังเอา มังกรฟ้าพลันส่ายหน้าก่อนจะปรากฏร่างมนุษย์เป็นผู้หญิงผมยาวผิวขาวซีด ใบหน้าเรียวยาว มุมปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตากลมโตจ้องมองธรณิน แต่แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ เธอเดินอย่างแช่มช้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

   “แล้วถ้าความรักนั้นทำร้ายนายน้อย ทำร้ายกานต์ของเธอ เธอจะทำยังไง”

   ธรณินนิ่งอึ้ง ได้แต่ทวนคำถามพึมพำด้วยความมึนงง

   “ทำร้ายกานต์?”

   “ใช่แล้ว ธรณิน ความรักของเธอทำร้ายนายน้อยแน่นอน เพราะอะไรรู้ไหม” เธอหยุดพูดพร้อมกับพรูลมหายใจยาวด้วยความสงสาร

   “เพราะในชั่วชีวิตของมังกรมีคู่ได้เพียงหนึ่งเท่านั้น แล้วรู้ไหมว่าอายุขัยของมังกรยาวนานเท่าไหร่ มนุษย์อย่างเธอคงยากจะจินตนาการออก เธอจะรักและอยู่กับนายน้อยได้อีกกี่ปีกันเชียว เมื่อเธอสิ้นชีวิตไป เธอก็จะนำความรักของนายน้อยติดตามไปกับเธอด้วย แล้วนายน้อยเล่า จะมีชีวิตยืนยาวไปโดยไม่สามารถมีคู่ ไม่สามารถมีความรักได้อีกเลย นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกเราคัดค้านการร่วมคู่ของเธอธรณิน โปรดจงเข้าใจในความหวังดีของพวกเราที่มีให้กับนายน้อยด้วยเถิด และโปรดจงให้อภัยแก่ความเห็นแก่ตัวของพวกเราในการปกปักนายน้อยในครั้งนี้ด้วย”

   เมื่อพูดจนจบ หญิงคนนั้นไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือเร่งเร้าจะเอาคำตอบ หากยืนนิ่งๆ อยู่ตรงหน้าธรณิน รอคอยอย่างสงบต่อการตัดสินใจซึ่งเธอเชื่อว่า ชายหนุ่มตรงหน้ามีความจริงใจให้กับนายน้อยมาก มากพอที่จะเสียสละการร่วมคู่ในครั้งนี้ เพื่อตัวของนายน้อย

   ธรณินมีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเจ็บปวดเพราะต้องเลือกเลิกรัก เป็นความกล้ำกลืนที่ชวนปวดหัวใจ หยาดน้ำที่หางตาคล้ายจะปรากฏให้เห็นรำไร ธรณินสูดลมหายใจเข้าลึก ถามเสียงพร่า

   “ถ้าผมยอมจากไป แล้วกานต์...” ท้ายเสียงสั่นสะท้าน จนไม่สามารถพูดได้จบประโยค

   เหล่ามังกรอาวุโสพอได้ยินประโยคนี้ต่างลดท่าทีโกรธเคืองลง กลายร่างกลับเป็นร่างมนุษย์เดินมาตบบ่าปลอบโยน

   “อย่าห่วงไปเลย ทั้งนายน้อย ทั้งเธอจะไม่มีใครเจ็บปวดจากเหตุการณ์นี้ ขอเพียงเธอตัดสินใจจากไปจริงๆ เราจะใช้มนตราลืมเลือน เธอและนายน้อยจะไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตของอีกฝ่าย ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนตอนก่อนเธอทั้งคู่พบกัน”

   น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งลงมาตามหางตา ไม่มีการตะโกนฟูมฟาย มีเพียงหยดน้ำที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง หัวใจธรณินเหมือนโดนฉีกทึ้ง จะให้ลืมกานต์? ให้ลืมความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน? ธรณินฝืนยิ้ม แม้จะแลดูฝืดเฝือเต็มทน

   “ผมไปจากกานต์ให้ได้ แต่ผมขอร้อง ขอเก็บความทรงจำนี้ติดตัวไปจนกว่าจะตายเถอะ”

   “แต่ถ้าทำอย่างนั้นจะเจ็บปวดมากเลยนะคุณธรณิน หากไม่ใช้มนตราลืมเลือนก่อนเวลาถอนตราประทับที่นายน้อยทำไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของคุณเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในตัวคุณ คุณจะเจ็บปวดทรมานมาก เพราะรอยประทับนั้นร้อยรัดทุกสิ่งทุกอย่างของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน หากลืมเลือนไปก่อนก็จะไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น”

   ธรณินอมยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า

   “ผมจะเก็บความทรงจำนี้ไว้กับตัว พวกท่านจะถอนตราหรือจะไล่ผมไปยังไงก็ได้ แต่เรื่องความทรงจำนี่ผมขอเถอะ”

   ธรณินหลับตาลงคล้ายได้ยินเสียงแว่วที่ริมหู

   “พี่ณินอ่า...” จะให้ลืมเสียงออดอ้อนแบบนี้ได้ยังไง

   “จะถอนตราประทับใช่ไหมครับ ทำเลยตอนนี้เถอะ ถ้ากานต์กลับมาอาจจะยุ่งยากมากขึ้นนะครับ”

   เอื้อมมือไปจับไหล่อีกข้างของตนเองไว้แล้วก็อมยิ้ม ยิ่งหลับตาความทรงจำก็ยิ่งแจ่มชัด กานต์ชอบมาซบไหล่ตรงนี้แล้วเอาหัวถูไถไม่หยุด

   แสงที่เจิดจ้ารอบตัวไม่สามารถทำให้ธรณินลืมตามามองได้แม้แต่น้อย เขายังคงจมจ่อมอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนหวาน

   “พี่ณินใจร้ายยยย เรียกชื่อผมเถอะนะ ผมชอบออก”

   ความเจ็บปวดที่ค่อยๆ คืบคลานช้าๆ ไล่จากปลายเท้าลามไปทั่วทั้งตัวอย่างรวดเร็ว หน้าผากธรณินเริ่มมีเหงื่อไหลซึม ความรู้สึกที่เหมือนค่อยๆ โดนเลาะเนื้อหนังไปทีละชั้นช่างทรมาน แต่แค่หลับตาไว้เท่านั้น กานต์จะยังอยู่กับเขาเสมอ

   “ขอโทษน้าพี่ณิน อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

   แล้วที่พี่จากไปแบบนี้ กานต์จะโกรธพี่ไหม จะยกโทษให้พี่ได้หรือเปล่า แต่กานต์คงลืมพี่ไปหมดจนไม่โกรธพี่หรอก ธรณินได้แต่ปล่อยความคิดให้ไหลไปกับความทรงจำ

   “ไหนหนูณินมาให้ป๋ากานต์กอดให้กำลังใจหน่อยเร็ว”

   ต่อไปใครจะมาเรียกหนูณินๆ กันได้ล่ะ ในโลกนี้คงมีแต่ป๋ากานต์คนเดียวที่เรียกแบบนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ในปากของธรณินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเค็มคาวที่ตีขึ้นมา หยาดเลือดที่ไหลลงมาตามมุมปากก่อให้เกิดเสียงร้องของเหล่ามังกรอาวุโสทันที

   “เฮ้ย! เลือด!” เสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้นร้อนรน

   “จะตะโกนทำไม เนี่ย... ไม่ใช้มนตราลืมเลือนก็ต้องเจ็บปวดมากอยู่แล้ว”

   “ตะ... แต่ เลือดมัน... มัน”

   “มันอะไร เลิกพูดแล้วถอนตราประทับให้เสร็จเสียที จะได้ส่งเจ้าหนุ่มนี่กลับโลกมนุษย์”

   “เลือดของคุณธรณินเป็น ‘สีน้ำเงิน’”

   “อะไรนะ!!”

   เสียงโหวกเหวกโวยวายยังคงดำเนินอยู่รอบตัวธรณิน หากแต่ชายหนุ่มยังคงหลับตาแน่นคิดถึงเพียงเหตุการณ์ที่เขาและกานต์ได้ผ่านมาร่วมกันเท่านั้น หากธรณินลืมตามามองสักนิด จะเห็นเหล่ามังกรทั้ง 5 เลิกทำพิธีถอนตราประทับไปแล้ว แต่ละคนมีสีหน้างุนงงสงสัย ว่าทำไมเลือดของธรณินจึงเป็นสีน้ำเงินไปได้ ทั้งๆ ที่ต้องเป็นเผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้นจึงจะมีเลือดสีนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามหาสาเหตุกัน ทั้ง 5 ตนรีบประคองธรณินขึ้นมาเพื่อเตรียมพาไปรักษาตัวทันที แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกจากห้องนิลกาฬ ก็ได้ยินเสียงกระแอมทักทาย

   “อะแฮ่ม จะรีบไปไหนกันครับท่านมังกรอาวุโส”

   “ฉิบหายละ นายน้อยมา”

   ใบหน้าซีดเผือดหลบสายตาวูบวาบของทั้ง 5 ตน ชวนให้กานต์อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังๆ ติดแต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าเคร่งเครียดเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้ กานต์ยืนกอดอกพิงประตูห้องพลางยิ้มหวานเอ่ยถาม

   “มีปาร์ตี้อะไรกันเหรอครับ แหม... จะจัดงานอะไรทำไมไม่รอผมบ้างล่ะ อ้อ! คงรอไม่ไหวล่ะเนอะ อุตส่าห์ส่งคนไปถ่วงเวลาไว้แล้วแท้ๆ แต่ดูท่าจะซื้อเวลาไว้ไม่ได้ก็เลยเริ่มงานกันเลย ถูกไหมครับ”

   ยิ่งพูดไปรอยยิ้มก็เริ่มขยายกว้างขึ้น แต่ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำกลับเข้มจัดจนสีดำแทบจะเลือนไปหมด มองเห็นแต่ประกายสีน้ำเงินแวววับที่จ้องมองมาอย่างเยียบเย็น ส่งผลให้คนถูกจ้องก้มหน้างุดลงด้วยความรู้สึกเก้อกระดากที่ถูกจับได้

   “ส่งธรณินมา เดี๋ยวผมจะรักษาเขาเอง” เสียงราบเรียบที่เอ่ยช้าๆ ทำให้บรรดาผู้อาวุโสมังกรแทบจะร่ำให้ออกมา ประคองธรณินให้กับกานต์อย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกมา

   “คะ... คือ นายน้อย คุณธรณินบาดเจ็บมาก เอ่อ... ถ้าไงให้พวกเราช่วยกัน น่าจะรักษาได้เร็วขึ้นนะครับ”

   อีก 4 ตนที่เหลือต่างพยักหน้ารับหงึกหงัก ความรู้สึกผิดที่ทำอะไรโดยพลการแล่นพล่าน เหนือสิ่งอื่นใดคือ ดันโดนนายน้อยจับได้คาหนังคาเขาพร้อมหลักฐานที่สลบไสลไม่ได้สติยืนพิงบ่าพวกตนอยู่นี่ด้วย!!

   กานต์ส่งเสียงหึออกมา ก่อนจะประคองธรณินไว้แนบตัว มือเกลี่ยเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากให้อย่างแผ่วเบา สายตาไล่สำรวจใบหน้าซีดขาวของคนตรงหน้าไป ปากก็พูดประชดไป

   “ผมคงรักษาพี่เขาเองได้ครับ ก็ไหนว่ามังกรขาวสูงศักดิ์ที่สุดไม่ใช่เหรอ? อิทธิฤทธิ์เวทมนต์ก็น่าจะมีพอตัวอยู่บ้างแหละครับ ขนาดผม ‘เปลี่ยน’ ให้เลือดพี่ณินกลายเป็นสีน้ำเงินได้ กับแค่บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้ก็คงไม่เกินกำลังผมหรอกนะครับ”

   “นายน้อย!!”

   ห้าเสียงประสานเรียกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มังกรตัวน้อยๆ ที่พวกเขาคอยประคับประคอง คอยช่วยเหลือดูแล เสกอะไรไม่เคยเป็นชิ้นเป็นอัน เติบโตแข็งแกร่งจนถึงขั้นใช้มนตราขั้นสูงได้ขนาดนี้

   “นายน้อยหมายความว่า...”

   “เป็นอย่างที่ทุกท่านคิด ตอนนี้ธรณินถือเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเราแล้ว หวังว่าคงไม่มีปัญหาในการร่วมคู่ของผมอีก”

   พูดจบกานต์หันหลังกลับโอบประคองธรณินไปตามทางเดิน

   “ตะ... แต่ ถ้าต้องใช้มนตราในการทำให้กลายเป็นเผ่ามังกร ก็ต้องใช้เลือดเนื้อของผู้ร่ายมนต์ นายน้อย นายน้อยทำได้ยังไง”

   เสียงละล่ำละลักที่ดังตามหลังมา ทำให้กานต์ผินหน้ากลับมาขยิบตาให้อย่างนึกสนุกที่ได้เห็นหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมังกรหัวดื้อแต่ละตน

   “จะไปยากอะร้ายยย... ก็ใช้ ‘ธาราพิสุทธิ์มังกร’ สิครับ”


TBC... :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แล้วมันคืออะไร  :really2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ญิงว่าญิงเดาได้ ธาราพิุทธิ์ นี่ก็แบบของน้องกานต์ใช่ไหมคะ 5555


น้องกานต์ร้ายกาจ ชอบบบบ


ว่าแต่ว่านู๋ณินน่ารักอะ รักจนยอมถอน ฮึก รักนู๋ณิน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โถถถถถ เอ็นดูน้องกานต์มาก แสบจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด