Chapter 16 : หึงหลังจากการเดินทางเกือบสองวันผ่านไป ลอร์ดหนุ่มกลับมาถึงปราสาทแห่งแบร์กไฮม์ในที่สุด ตลอดการเดินทางนั้น เขานึกถึงแต่ลูคัส อยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าต่อขานมากมายขนาดไหนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานหลายวัน อยากจะเห็นใบหน้าและรอยยิ้มน่ารักแทบแย่ เขาส่งม้าเร็วเข้าไปแจ้งข่าวที่ปราสาทล่วงหน้าเพื่อให้พวกสาวใช้ได้ตระเตรียมอาหารและห้องอาบน้ำไว้ แล้วหวังว่าเมื่อมาถึงปราสาทเด็กหนุ่มคงจะปราดออกมาหาในทันที
หากเมื่อมาถึงกลับพบแต่พวกสาวใช้กับทหารออกันอยู่ที่ห้องโถงของปราสาท ทุกคนมีสีหน้าเป็นกังวล เดินวนไปวนมากันพัลวัน
“ท่านลอร์ด” พวกทหารและสาวใช้รีบทำความเคารพ
คาร์ลขมวดคิ้ว “ลูคัสอยู่ที่ไหน”
“ไปดูกังหันน้ำที่ในเมืองขอรับ”
ลอร์ดหนุ่มชักสีหน้า รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขารีบเดินทางกลับมาก่อนกำหนด จนไม่ได้หยุดพักเลยเช่นนี้ แทนที่เด็กหนุ่มจะอยู่รอ กลับเข้าไปในเมืองเสียอย่างนั้น ทั้งที่เขาสั่งให้อยู่รอที่นี่แท้ๆ
“ท่านลูคัสออกไปก่อนที่ม้าเร็วจะเข้ามาแจ้งขอรับ” นายทหารรีบรายงาน
“ออกไปนานแล้วหรือยัง นี่ตะวันจะตกดินแล้ว ทำไมยังไม่กลับมา”
“เอ่อ ตั้งแต่ฝึกซ้อมธนูเสร็จเมื่อบ่ายขอรับ”
คาร์ลพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างอารมณ์เสีย “ไปเตรียมม้าให้ข้า”
องครักษ์ทั้งสองเบิกตากว้าง “ท่านคาร์ลจะไปไหนขอรับ ท่านเพิ่งจะเดินทางมาถึง...”
“ข้าจะไปตามลูคัส”
“ให้ข้าไป...” เออร์วินต่อรอง หากผู้เป็นนายไม่ฟังเสียง
“ไปเตรียมม้าให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ลอร์ดหนุ่มและองครักษ์ขี่ม้าออกไปจากปราสาทอีกครั้งด้วยความเร็วสูง วิ่งตัดสายลมเย็นเยียบตรงไปยังบ้านของครอบครัวมารี เขาพอจะเดาได้ไม่ยากนักว่าถ้าหากลูคัสจะเข้าไปในเมืองละก็ จะไปหาใคร
ไม่นานเจ้าม้าก็พาผู้เป็นนายไปถึงที่ริมแม่น้ำ ดวงอาทิตย์ใกล้จะมุดหายลงไปใต้ผืนน้ำแล้ว หากแม้ในแสงสลัวก็ยังพอมองเห็นกลุ่มคนที่ริมแม่น้ำได้
คาร์ลกระโดดลงจากหลังม้า จากนั้นจึงสาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ทันที
ส่วนพวกทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังลูคัสนั้น พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันขวับ มือเตรียมพร้อมคว้าอาวุธ หากก็ต้องชะงักพร้อมกับเบิกตาโพลง “ท่าน!”
ลอร์ดหนุ่มไม่ใส่ใจ เขาตรงเข้าไปหาลูคัส ทว่าต้องหยุดกึกเมื่อได้ยินคำถามจากเลนเข้าเสียก่อน
“คิดถึงบ้านใช่ไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วก้มลง ส่วนคนถามก็ยกมือขึ้นคล้ายจะโอบไหล่เพื่อปลอบโยน “เวลาเหงาก็มาหาข้า...”
คาร์ลคว้าแขนเลนไว้ทันที “เจ้าจะทำอะไร”
“ท่านลอร์ด!” เลนตกใจเสียจนหน้าซีด รีบถอยออกห่างจากลอร์ดหนุ่มทันที เขาค้อมศีรษะลงต่ำ
ลูคัสเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง “ท่านลอร์ด กลับมาแล้วหรือ”
“ข้าสั่งเจ้าไว้ว่าอย่างไร!” คาร์ลพูดเสียงดุ “ทำไมไม่อยู่รอข้าที่ปราสาท”
เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง เขาไม่นึกว่าจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียถึงขนาดนี้ “ผมแค่ออกมาดูกังหันน้ำ แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำนี่”
“กลับเดี๋ยวนี้” มือกร้านคว้าแขนเรียวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินกลับไปยังม้าที่องครักษ์หนุ่มถือบังเหียนรออยู่
“โอ๊ย ช้าๆ หน่อยก็ได้ครับ ผมเจ็บนะ!” ลูคัสยื้อแขนตัวเองไว้ ส่งผลให้อีกฝ่ายยิ่งฉุนเฉียว หากเด็กหนุ่มก็ยังรั้นหันกลับไปบอกลาเลน “เอาไว้จะมาใหม่นะ”
“ลูคัส” เลนมองตามเด็กหนุ่มไปอย่างเป็นห่วง ก็ดูท่าทางของท่านลอร์ดสิ อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ท่านลอร์ด ปล่อยเถอะ ผมเดินเองก็ได้!”
คอนราดก้าวเข้าไปกล่อมผู้เป็นนาย “ท่านคาร์ล ใจเย็นเถอะขอรับ ลูคัสไม่ได้หนีไปที่ไหน”
หากคาร์ลอารมณ์พลุ่งพล่าน การที่เห็นเด็กหนุ่มอยู่กับชายอื่นแล้วปล่อยให้จับเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ เช่นนั้น ทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าการที่อีกฝ่ายไม่อยู่รอเขาในปราสาทเสียอีก
ลอร์ดหนุ่มกระชากลากถูเด็กหนุ่มไปจนถึงม้าของตนที่เออร์วินจูงไว้ “ไปขึ้นม้า”
“แต่ผมขี่ม้ามา” ลูคัสเถียง
“ข้าบอกให้เจ้าขึ้นม้า!”
น้ำเสียงดุดันส่งผลให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เขาหันไปสบสายตากับเออร์วิน ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำบุ้ยใบ้บอกให้รีบขึ้นม้าตามคำสั่ง เขาจึงจำใจต้องทำตาม เพื่อไม่ให้ลอร์ดหนุ่มอารมณ์เสียไปมากกว่านี้อีก
ม้าตัวเขื่องพุ่งตัววิ่งฝ่าสายลมหนาวเหน็บในยามค่ำคืนไปอย่างรวดเร็ว สองมือนุ่มขยุ้มขนแผงคอเจ้าม้าไว้แน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ หลังจากวิ่งไปได้ครึ่งทางเด็กหนุ่มก็หมดความอดทน เขาตะโกนเสียงดัง “คุณจะรีบไปแข่งม้าที่ไหน! เดี๋ยวผมก็ตกลงไปตายพอดี! มือผมชาไปหมดแล้วนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลอร์ดหนุ่มจึงกระตุกบังเหียนม้าเบาๆ เพื่อให้มันลดความเร็วลง
ลูคัสหันไปมองใบหน้าคมสันภายใต้หมวกเสื้อคลุมที่ดูนิ่งเฉย จากนั้นจึงหันกลับมามองทางพลางถอนหายใจ ลอร์ดหนุ่มกระฟัดกระเฟียดเสียจนเขารู้สึกว่าตัวเองทำความผิดมหันต์ “ขอบคุณครับ” หากอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนกลับไปถึงปราสาท
ทันทีที่ไปถึง คาร์ลก็ออกคำสั่งกับพวกสาวใช้เสียงเข้ม “พาเขากลับห้องไปซะ” แล้วสาวเท้าเดินออกไป
พวกสาวใช้วิ่งหน้าตาตื่น “ท่านลอร์ดจะอาบน้ำหรือรับอาหารก่อนเจ้าคะ”
“อาบน้ำ พวกเจ้าเตรียมน้ำไวรึยัง”
“เตรียมแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูคัสก็เดินเข้าไปคว้าแขนแกร่งไว้อย่างรวดเร็ว “ท่านลอร์ด” เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสบสายตากับนัยน์ตาที่ดุดันราวกับตาเสือ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ไม่มีรอยยิ้มให้เขาเหมือนเคย เขาจึงรีบดึงมือกลับ อ้ำอึ้งเล็กน้อยแล้วพูดออกไปเสียงเบา “เอ่อ กินมื้อเย็นด้วยกันนะครับ”
คาร์ลไม่ตอบอะไร หากรีบรุดเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ลูคัสจึงได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ
หญิงสาวใช้แตะแก้มนิ่มสีระเรื่ออย่างแผ่วเบา “ท่านลูคัสรีบไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ เนื้อตัวท่านเย็นเจี๊ยบเลย เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เด็กหนุ่มพยักหน้า “อืม ไปก็ไป”
ดวงจันทร์เจิดจริสบนท้องนภายามรัตติกาล สายลมพัดพาเอาความหนาวเย็นให้แผ่กระจายไปครอบคลุมทุกหนแห่ง พวกสาวใช้ผลัดเปลี่ยนเวรกันมาเติมฟืนในเตาผิงตามจุดต่างๆ ภายในปราสาทไว้ให้สำหรับพวกทหารเฝ้ายาม และคอยจุดเทียนให้ความสว่างในโคมไฟบนเพดานกันตั้งแต่ย่ำค่ำ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ คาร์ลก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ
“ท่านคาร์ล”
“ยังอยู่กันอีกรึ” ลอร์ดหนุ่มเอ่ยกับองครักษ์ทั้งสองคน
“ข้าบอกให้พวกสาวใช้นำมื้อเย็นของท่านไปที่ห้องของลูคัส”
“เจ้าจุ้นจ้านเกินไปแล้วนะ เออร์วิน” คาร์ลดุเสียงเข้ม
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกให้พวกหล่อนนำอาหารมาให้ท่านใหม่ก็ได้ แล้วข้าจะไปกินกับลูคัสเอง”
“เจ้า!”
คอนราดยิ้มมุมปาก “ลูคัสไม่ได้พบท่านมาหลายวัน ถ้าหากไม่คิดถึงท่านคงไม่ชวนกินมื้อเย็นด้วยกัน จริงไหมขอรับ”
ลอร์ดหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ
คิดถึงเขาอย่างนั้นหรือ พอเขาไม่อยู่ก็รี่ไปที่หมู่บ้านนั่น
“ท่านคาร์ลจะรับอาหารที่ไหนดีขอรับ” เออร์วินทวงถามอีกครั้ง
“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว!”
พอองครักษ์ทั้งสองออกจากห้องไปได้สักพัก คาร์ลนั่งสงบใจอยู่อีกครู่หนึ่งจึงค่อยลุกเดินออกจากห้อง เขาก้าวไปตามทางเดินในปราสาท ตรงไปยังห้องของเด็กหนุ่มที่ชั้นสองในปราสาทฝั่งขวา เมื่อไปถึงพวกทหารที่ยืนเฝ้าหน้าห้องก็ค้อมศีรษะทำความเคารพแล้วรีบเปิดประตูให้
“ท่านลอร์ด” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องหันขวับ เสื้อตัวที่เขาสวมอยู่ยังไม่ทันได้ติดกระดุม เส้นผมก็ยังเปียกชื้น มีหยดน้ำร่วงหล่นลงมา เนื่องจากพอเขาได้ยินพวกสาวใช้บอกว่าลอร์ดหนุ่มจะมาร่วมรับประทานอาหารที่ห้องด้วยจึงรีบออกมาจากห้องอาบน้ำทันทีที่อาบเสร็จ
พวกสาวใช้ที่ถือผ้าเช็ดเช็ดตัวรายล้อมเด็กหนุ่มอยู่รีบถอยออกไปหลบตรงมุมห้อง
“ใส่เสื้อผ้าให้เสร็จเรียบร้อยเถอะ” คาร์ลเดินไปนั่งลงบนโซฟา เขาเท้าแขนลงบนที่วางแขนแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง
เมื่อแต่งตัวให้ลูคัสเสร็จแล้วพวกสาวใช้จึงทยอยออกจากห้องไป เป็นผลให้ภายในห้องเงียบกริบลงทันที
เด็กหนุ่มเดินไปนั่งลงบนโซฟาอีกตัว “ท่านลอร์ด”
“กินสิ เดี๋ยวจะชืดเสียหมด”
มือเรียวเอื้อมไปหยิบขนมปังมากัดแล้วเคี้ยวช้าๆ ขณะที่ลอบมองลอร์ดหนุ่มไปด้วย เขาไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดเช่นนี้เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดไปมากมายจนอีกฝ่ายโกรธเอาขนาดนี้
สถานการณ์หลังเสร็จจากมื้ออาหารก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เขาลอบถอนหายใจเบาๆ
“คุณไปไหนมาตั้งหลายวันหรือครับ”
“ไปธุระต่างเมือง”
นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองต่ำ การตอบคำถามของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ให้ความกระจ่างใดๆ เลยแม้แต่น้อย ใจกลัวว่าจะเป็นอย่างที่กังวล บางทีลอร์ดหนุ่มอาจจะไปหาเลดี้บาธิลดา คนที่ส่งจดหมายมาเมื่อตอนนั้น
ปวดแปลบในอกอีกแล้ว
“ธุระเรื่องเลดี้บาธิลดาคนนั้นสินะครับ”
ลอร์ดหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องใส่ใจ แต่จะว่าใช่ก็ได้”
ลูคัสชะงัก รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งติดค้างอยู่ในลำคอ คำตอบที่ได้ยินมาส่งผลให้เขาทั้งเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก ปลายนิ้วเย็นเยียบ ร่างกายราวกับกำลังจมลงสู่ก้นแม่น้ำที่มืดสนิทและหนาวยะเยือก แววตาใสค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขุ่นมัว
นี่ตัวเขา... พลั้งใจให้ท่านลอร์ดไปแล้วอย่างนั้นใช่ไหม ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ความรู้สึกของเขาคงจะยิ่งถลำลึกจนถอนตัวได้ลำบาก
เขาจะต้องรีบหยุดความรู้สึกนี้ให้ได้เสียแล้ว
“เจ้าคิดอะไรอยู่”
“ผม... ผมแค่สงสัยว่าตัวเองจะได้กลับไปยังที่ที่จากมาหรือไม่”
ลอร์ดหนุ่มถามเสียงขรึม “เจ้ายังคิดเรื่องจะกลับบ้านอีกหรือ”
“ผมควรจะกลับ” ลูคัสถอนหายใจ สายตาจ้องมองไปที่พื้นห้องสักพัก ก่อนจะเปรยเบาๆ “ผมมาถึงที่ห้องหนังสือ บางทีถ้าจะกลับก็ต้อง...” เขายังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้น
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปที่นั่น”
ลูคัสเงยหน้าขึ้นทันที “ท่านลอร์ด”
“ในห้องนั้นมีเอกสารสำคัญมากมาย ครั้งแรกที่เจ้าหลงเข้าไป ข้ายกโทษให้ แต่จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง”
แวบแรกเด็กหนุ่มหลงคิดไปว่าอีกฝ่ายต้องการจะรั้งเขาไว้ แต่มันก็คงเป็นได้เพียงแค่การคิดเข้าข้างตัวเองเท่านั้น แท้จริงแล้วท่านลอร์ดก็ไม่ได้ไว้ใจเขาอย่างที่เคยพูดเลย
ไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว พอกันที
“แต่ผมไม่ใช่คนของที่นี่ อีกอย่าง ผมก็บอกคุณไปแล้วว่าเมื่อจับโจรพวกนั้นได้ ผมจะกลับ”
“ข้าไม่ให้กลับ”
“ผมไม่ใช่คนของคุณนะ” ลูคัสเถียงกลับไปทันที นัยน์ตาฉายแววแข็งกร้าว “คุณอาจจะเป็นเจ้าชีวิตของทุกคนที่นี่ แต่ไม่ใช่ผม!”
ลอร์ดหนุ่มลุกขึ้นพรวด มือหยาบคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วดึงเข้าหาตัว “ลูคัส! เจ้า!”
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันนิ่ง หากภายในหัวใจหวั่นไหว เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้กับสายตาคมกริบดุดันของอีกฝ่าย เขาหลงคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป นัยน์ตาสีฟ้าคู่นี้ ไม่ได้มีความรู้สึก รัก ให้เขาเลยแม้แต่น้อย... สำหรับคนที่แบกรับตำแหน่งใหญ่โตอยู่บนบ่า ความรับผิดชอบย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ ที่เขามีโอกาสได้อยู่เคียงข้างท่านลอร์ดก็เพียงเพราะว่าตัวเขาพอที่จะเป็นประโยชน์กับชาวเมืองแบร์กไฮม์ได้บ้างก็เท่านั้น อีกฝ่ายไม่ได้...
รักนั่นสินะ นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาได้เข้ามาอยู่ในปราสาททุกวันนี้ ที่จริงตั้งแต่พบกันมา ตัวเขากับท่านลอร์ดก็ไม่เคยคุยกันเรื่องอื่นเลย นอกจากเรื่องที่จะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองเท่านั้น
ที่อีกฝ่ายอยากให้อยู่ที่นี่ต่อไป... ก็เพราะยังพอใช้ประโยชน์ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งที่ตัวเขาหมดประโยชน์ ส่วนท่านลอร์ดก็มีครอบครัวและ... เลดี้ วันนั้นตัวเขาจะเป็นเช่นไร
เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดเสียงดัง “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!”
“เจ้ากล้าสั่งข้ารึ!”
ลูคัสผลักคนตรงหน้าออกจากตัวอย่างแรง “ทำไมผมถึงจะไม่กล้า ต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้งว่าผมไม่ใช่คนของคุณ แล้วก็ไม่ใช่ทาส! คุณไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม!”
“ก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น!” มือหยาบขยุ้มหัวไหล่ของเด็กหนุ่มอย่างแรงแล้วเหวี่ยงไปที่เตียงนอน จากนั้นจึงขยับขึ้นไปคร่อมทับพร้อมกับกดข้อมือตรึงไว้กับผืนเตียง “ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้า!”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลง เพียงเพื่อจะเก็บตัวเขาไว้ใช้ประโยชน์ จะต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ “ไม่! ปล่อยผม!”
ลอร์ดหนุ่มโน้มตัวลงหมายฉกจูบริมฝีปากสีแดง ทว่าคนใต้ร่างหันหน้าหนีไปเสียก่อน เขาจึงเปลี่ยนมากดจูบตรงซอกคอพร้อมกับกระชากเสื้อของเด็กหนุ่มออกอย่างแรงจนขาดวิ่น
เมื่อมือเรียวเป็นอิสระก็ทั้งทุบทั้งผลักคนบนร่างออก แต่พอดิ้นมากเข้าอีกฝ่ายก็ใช้เศษผ้าจากเสื้อที่ฉีกออกมามัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน “ผมเจ็บ อย่าทำแบบนี้ ท่านลอร์ด ผมขอร้อง” ลูคัสร้องลั่น เจ็บที่หัวใจยังไม่พอ หากแต่บนร่างกายที่ลอร์ดหนุ่มเคลื่อนริมฝีปากผ่านเช่นกัน
คาร์ลขบจูบบนผิวขาวเนียนอย่างแรงราวกับจะเสือร้ายที่กำลังขย้ำเหยื่อ ยิ่งเด็กหนุ่มดิ้นสู้ เขาก็ยิ่งบันดาลโทสะ มือหยาบกดลำคอขาวตรึงไว้กับเตียง
“ฮึก...” ทั้งเจ็บและหายใจไม่ออก เขาสู้แรงท่านลอร์ดไม่ได้... ปฏิเสธความจริงตรงหน้าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าชีวิตของเขา ตัวเขาไม่ต่างกับเป็นทาสเลยจริงๆ
หยดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา ก่อนจะรินไหลผ่านผิวแก้มสีแดงเรื่อไปอย่างเชื่องช้า ลงไปหยุดอยู่ที่บนฝ่ามือที่กอบกุมลำคอระหง
สัมผัสของน้ำอุ่นๆ บนมือกร้านทำให้ลอร์ดหนุ่มชะงัก เขาค่อยๆ ดึงมือออก นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองร่องรอยสีแดงช้ำที่เขาทิ้งไว้บนลำคออีกฝ่าย
คาร์ลพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป
บานประตูถูกผลักให้ปิดลงอย่างแรงส่งเสียงดังกึงก้อง ทว่าร่างโปร่งบนเตียงยังคงนิ่งไม่ขยับไปไหน มีเพียงหยดน้ำตาที่หลั่งไหลพรั่งพรู
นอนนิ่งอยู่นานเท่าไหร่เด็กหนุ่มไม่อาจรู้ได้ หากพอได้ยินเสียงเคาะประตูห้องกับเสียงของพวกสาวใช้ เขาจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น
“ท่านลูคัส ท่านลูคัสเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้น!”
“อย่าเข้ามานะ!” ลูคัสตะโกนลั่น เขาไม่อาจปล่อยให้ใครมาเห็นตัวเองในสภาพนี้ได้ ทั้งเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ข้อมือที่ถูกมัด แล้วยังร่องรอยบนเนื้อตัวเช่นนี้ ไม่ต่างกับถูกข่มขืนเลยแม้แต่น้อย “ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ท่านลูคัส...”
“ผมไม่เป็นอะไร ไม่เป็นไรจริงๆ” เด็กหนุ่มพูดย้ำราวกับกำลังบอกกับตัวเองอยู่ด้วย “ผมง่วง จะนอนแล้ว... ราตรีสวัสดิ์”
เมื่อตอบไปแบบนั้นสาวใช้จึงยอมถอยกลับไปได้ ภายในห้องจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
*~TBC~*กรีซซซซ
สงสารน้องลู ไร่อ้อยเหี่ยวหมดก็คราวนี้ ฮือๆๆๆ
ทั่นหลอดนี่แย่จิม ทำอะไรไม่เคลียร์น้องก็คิดมากน่ะสิ แถมปล้ำก็ไม่เสร็จอีก ครั้งหน้าอย่าให้พลาดนะ เอ๊ย!
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร่า~ ชุ๊ฟ ชุ๊ฟ 