19-…ก็ถ้าพี่อยากได้มากกว่านั้น
"เชี่ยโว้ยยยย" เสียงที่ร้องขึ้นมาอย่างหัวเสียทำเอาผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะหันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียง
...ตีสามกว่าแล้ว ผมมองไปยังแสงไฟที่ยังลอดออกมาจากห้องนั่งเล่นก่อนจะค่อยๆ ไถตัวลงจากเตียงแล้วเดินออกไปหาคนที่กำลังขยำกระดาษตรงหน้าก่อนจะปาลงถังขยะข้างๆ ตัวไป
"โทษที กูทำมึงตื่นใช่ป่ะ" พี่กันย์บอกอย่างรู้สึกผิดก่อนจะหันไปมองหน้าจอคอมฯ ตั้งโต๊ะสลับกับจอโน๊ตบุ๊คอีกครั้งอย่างเครียดๆ
"ใจเย็นดิครับ" ผมเดินไปหย่อนตัวลงข้างๆ ก่อนก่อนจะเอามือไปลูบหลังพี่กันย์เพื่อให้เจ้าตัวใจเย็นลง
"เครื่องปริ้นแมร่งเจ๊ง" พี่กันย์บอกอย่างเซ็งๆ พลางพยายามหายใจเข้าออกยาวๆ ตามจังหวะมือของผม ...เด็กคณะนี้จะอ่อนไหวเป็นพิเศษในช่วงส่งงานทุกคนจริงๆ ครับ ผมคิดอย่างสงสารพลางนึกถึงพี่ขิงที่เพิ่งโทรเข้าเครื่องพี่กันย์ทันทีที่ผมเอาโทรศัพท์ของคนข้างๆ ไปชาร์จให้ก่อนจะรายงานมาว่าพี่โฟมที่อยู่ทางนั้นก็แทบจะสละกายหยาบไปแล้วเหมือนกัน ความเดือดของทุกคนตอนนี้คือ ...วันนี้เป็นวันพฤหัสครับ พรุ่งนี้ส่งงาน!
ตอนแรกผมตั้งใจแค่ว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่กันย์สักวันสองวัน แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วจนถึงวันนี้ผมก็ยังสิงอยู่ที่นี่ตลอด ทำได้แค่กลับห้องไปขนหนังสือกับอุปกรณ์การเรียนมาแล้วยึดรถเจ้าของห้องที่ไม่มีเวลาได้ใช้มาไว้กับตัวเพื่อทำหน้าที่สารถีคอยส่งข้าวส่งน้ำและอุปกรณ์ที่ต้องการเพิ่มเติมให้อยู่เกือบอาทิตย์ซะงั้น
"มันเป็นอะไรครับ?"
"ปริ้นสีเขียวไม่ออก" พี่กันย์บอกพลางยื่นกระดาษเอสี่ที่มีแปลนลงสีที่สีต้นไม้กลายเป็นสีอื่นไปแล้วมาให้อย่างเซ็งๆ
"เดี๋ยวผมดูให้นะ" ผมบอกก่อนจะลูบหัวคนตรงหน้าที่ฟุบลงไปกับโต๊ะญี่ปุ่นอีกครั้งอย่างหมดแรงก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วเงยขึ้นมาสนใจจอคอมฯ ตรงหน้าต่อ
'กฎข้อที่สี่คือ เวลาพี่กันย์หัวร้อนการสกินชิพจะทำให้เจ้าตัวใจเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ’ ...ซึ่งผมโคตรชอบกฎข้อนี้จริงๆ ครับ ให้ตาย!
ผมลากเครื่องปริ้นให้ออกมาจากกองงานของพี่กันย์ ก่อนจะใช้โทรศัพท์เสิร์จหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาเครื่องปริ้นก่อนจะนั่งซ่อมมันไปเรื่อยๆ ตามขั้นตอน กว่าจะรู้ตัวอีกทีแสงแดดก็ส่องลอดบานประตูกระจกตรงระเบียงเข้ามาแล้ว ผมหันไปมองพี่กันย์ที่นั่งสัปหงกไปทำงานไปอย่างเหนื่อยแทน ไฟนอลจูรี่รอบนี้ที่คนตรงหน้าปั่นมาตลอดสามอาทิตย์ ผมมาอยู่ด้วยไม่ถึงอาทิตย์ยังเห็นพี่กันย์งีบได้ไม่เกินสองสามชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีก่อนจะยกเครื่องปริ้นที่ดูเหมือนจะคืนสู่สภาวะปกติแล้วไปวางให้ตรงหน้า
"ลองปริ้นดูนะครับ" พี่กันย์หันมายิ้มให้บางๆ พลางพูดออกมาแบบไม่มีเสียงว่า 'ขอบใจ' ก่อนผมจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพราะมีเรียนตอนแปดโมง ถึงแม้ว่าผมอยากจะโดดเรียนขนาดไหน แต่เพราะเจ้าของห้องยื่นคำขาดว่า 'ไม่ให้โดด' ผมก็ต้องไปอยู่ดี
"ข้าวผัดหมูไข่ดาวสองกล่องครับ" ผมบอกแม่ค้าร้านประจำที่อยู่ใต้ตึกคณะผมก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาที่เลยเที่ยงมาหน่อยๆ ตั้งแต่เริ่มไปช่วยพี่กันย์นี่ผมกลายเป็นคนติดนาฬิกาไปโดยปริยาย ...ก็พี่กันย์เล่นนับถอยหลังกันเป็นชั่วโมงต่อชั่วโมงจนกว่าเวลาส่งงานจะมาถึง ไม่เพียงเท่านั้น ไทม์ไลน์ในเฟสผมตอนนี้ที่พอมีพี่ๆ เพื่อนๆ เป็นเด็ก'ถาปัตย์อยู่บ้างก็เริ่มอัพสเตตัสนับถอยหลังเพื่อเป็นการระบายความเครียดเหมือนทุกคนเป็นระเบิดเวลา จนผมจะเป็นบ้านับเวลาไปด้วยอีกคนแล้วครับเนี่ย
"เอาไปให้พี่กันย์หรอวะ" ไอ้พีทที่เดินเข้ามาถามขึ้นอย่างเริ่มชินกับกิจวัตรประจำวันของผมช่วงนี้ก่อนจะยื่นขนมถุงใหญ่มาให้
"อะไรวะ?"
"ฝากให้พี่กันย์หน่อย แล้วบอกด้วยว่าเดี๋ยวคืนนี้พวกกูไปช่วย" คำพูดของไอ้พีททำให้ผมหันไปมองมันอย่างอึ้งๆ ...ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเองนี่จะซึ้งใจขนาดไหน
"ขอบใจมากพวกมึง"
"มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะเว้ย!" ไอ้ป้องที่วันนี้พูดได้ดูดีมีสาระขึ้นเป็นครั้งแรกทำเอาผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"เออ เดี๋ยวกูบอกพี่กันย์ให้"
"บอกพี่เขาด้วยว่าไม่ต้องเกรงใจ" ไอ้ธันย์พูดขึ้นก่อนไอ้คนที่ผมเพิ่งจะชมมันในใจจะเดินเข้ามากอดคอผมแล้วพูดต่อ
"เสร็จแล้วค่อยใช้คืนพวกกูทีเดียวละกัน กูไม่รีบ"
"สัด!"
ตอนเย็นผมกับพวกไอ้พีทแยกย้ายกันตอนห้าโมงหลังเลิกเรียนก่อนจะนัดกันที่หอผมอีกครั้งตอนหกโมงเพื่อไปช่วยพี่กันย์อย่างที่พวกมันได้บอกไว้ซึ่งพวกมันก็ทำตัวได้ตรงเวลาดีเยี่ยมมากจนผมแทบจะกราบขอบคุณแทนคนที่ฝากความซาบซึ้งใจมาให้อีกที
"ห้องไหนวะ?" ไอ้ธันย์ถามผมในขณะที่กำลังช่วยกันขนอาหารที่ซื้อมาตุนไว้ขนาดที่จะไม่อดตายไปจนถึงสิบโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ลงมาจากรถ
"ห้องบนหัวมึงอ่ะ ชั้นสี่"
"พี่เขาไม่ได้กำลังจะเผาห้องใช่มั้ย?" เสียงถามขึ้นจากไอ้ป้องทำเอาผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัยก่อนจะเห็นควันที่ลอยออกมาตรงระเบียง
"ควันอะไรวะนั่น" ไอ้พีทถามขึ้นอีกเสียงจนผมได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
"ซองที่เท่าไหร่แล้วนี่ย"
ผมเดินมาถึงหน้าห้องพี่กันย์ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้พวกมันทำตัวให้เงียบที่สุดแล้วไขกุญแจเข้าไป ในห้องนั่งเล่นนั้นยังมีสภาพเป็นสมรภูมิรบเหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อตอนเที่ยงที่ผมแวะมา ขาดก็แต่เจ้าของห้องที่ไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม เลยบอกให้พวกไอ้พีทนั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อนและไม่ลืมย้ำว่า 'อย่าเข้าใกล้งานของพี่กันย์เกิน 1 เมตร' อย่างระวังก่อนจะวางของตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้วเลื่อนประตูกระจกเพื่อออกไปตรงระเบียง
พี่กันย์กำลังนั่งหลับตาเอาตัวพิงฝาผนังอย่างเคร่งเครียดพลางอัดบุหรี่เข้าไปแล้วปล่อยให้ควันลอยออกมาอย่างเหม่อลอย ผมเลยตัดสินใจนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะพี่กันย์เบาๆ ทันทีที่มือผมถูกตัว พี่กันย์ก็ลืมตาขึ้นอย่างตกใจก่อนจะเห็นตาแดงๆ ของเจ้าตัวที่ไม่รู้เป็นเพราะไม่ได้นอนหรือเพราะร้องไห้มากันแน่
"พี่กันย์"
"กูไม่อยากทำแล้วว่ะ" พี่กันย์บอกเสียงสั่นก่อนจะมองหน้าผมเคร่งเครียดอย่างไม่เก็บอาการอีกต่อไป
"พรุ่งนี้ก็ส่งแล้วพี่" ผมบอกเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่ของคนตรงหน้าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนผมต้องเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ในมือของพี่กันย์มาถือไว้แล้วรวบตัวคนตรงหน้ามากอดปลอบเบาๆ
"ไอ้ปืน" เสียงไอ้ธันย์ที่โผล่ออกมาพอดีทำให้ผมหันไปมองมันที่มองหน้าผมด้วยคำถามก่อนจะส่งบุหรี่ให้มันช่วยดับแล้วบอกให้มันเข้าไปนั่งรอข้างใน ผมปล่อยให้เจ้าตัวพิงอยู่กับอกผมอยู่ซักพักก่อนจะรับรู้ได้ถึงแรงหายใจที่สูดเข้าไปลึกๆ ก่อนจะปล่อยออกมา
"โอเค พรุ่งนี้สิบโมง กูจะเป็นอิสระ" พี่กันย์พูดปลอบใจตัวเองก่อนจะขยับออกไปนั่งที่เดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
"ใช่พี่ เสร็จแล้วเราจะได้ไปเที่ยว กินเหล้า เล่นเกมกันให้ชุ่มปอดไปเลย" ผมบอกก่อนจะยื่นมือออกไปลูบหัวคนตรงหน้าอย่างให้กำลังใจ
"เอามาล่อกูอยู่ได้ ไม่ใช่เด็กแล้วเปล่าวะ" คนตรงหน้าพูดออกมาขำๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบหน้าแล้วตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกกำลังใจ
"แล้วได้ผลรึเปล่าครับ?" ผมถามก่อนจะฉุดตัวคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน
"แน่อยู่แล้วดิ กูยังไม่แก่สักหน่อย"
"เที่ยงคืนแล้วโว้ยยยย!" เสียงพี่กันย์ที่ทำหน้าที่ได้พอดีกับนกที่ออกมาจากนาฬิกาดังขึ้นจนทำให้พวกผมที่กำลังช่วยกันประกอบร่างเพลตเอสี่ของพี่กันย์ให้เป็นขนาดเอศูนย์เริ่มลนไปด้วย
"อย่าบิวต์ดิพี่ ผมโคตรตื่นเต้นเลยเนี่ย" ไอ้ป้องพูดขึ้นอย่างติดตลกก่อนจะพยายามควบคุมอาการลนๆ ให้นิ่งลงเพราะมือเริ่มสั่นจนติดกระดาษเบี้ยว
"ใจเย็นดิว้าา จะลนไปทำไม" พี่กันย์พูดออกมาชิลๆ สวนทางกับร่างกายที่เริ่มเดินกุมหัวไปมาเพราะลืมไปแล้วว่าจะต้องทำอะไรต่อ
"เพลตสิบแผ่นปริ้นครบแล้วยังครับ?" ผมที่มาซุกหัวอยู่กับเจ้าตัวอยู่นานจนเริ่มรู้เนื้องานถามขึ้นเพื่อให้เจ้าของงานตัวจริงตั้งสติได้
"เหลือเพลตสุดท้าย กูเรนเดอร์ตีฟอยู่" พี่กันย์หันมาบอกก่อนจะเริ่มเดินไปเดินมาอีกครั้ง
"สไลด์เตรียมแล้วยังครับ?"
"รอบนี้กูไม่ใช้!"
"งั้นโมฯ Surrounding ติดฐานรึยังครับ?" ผมถามถึงโมเดลขนาดใหญ่สุดที่ทำหน้าที่อธิบายบริบทรอบๆ พื้นที่โครงการของพี่กันย์ที่ตัวงานเสร็จตั้งแต่เมื่อตอนค่ำเหลือแค่ยังไม่ได้ติดฐาน
"เออ ยังเลย" พี่กันย์พูดพลางเริ่มมองหาคัตเตอร์ที่ไม่รู้เอาไปวางลืมไว้ตรงไหน
"ผมติดให้อยู่ครับ ผ่านไปเลย" ไอ้พีทตะโกนออกมาจากมุมหนึ่งตรงโซนครัวก่อนจะมุดตัวกลับไปนั่งทำงานต่อ
"โมฯ Concept ล่ะครับ?"
"เชี่ย กูยังไม่ทำ" พี่กันย์หันมาบอกผมอย่างอึ้งๆ จนผมต้องเดินไปหาคนตรงหน้าแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างไว้
"พี่บอกผมว่าโมฯ อันนี้ 'ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้' ตอนนี้เรามีเวลาอีก... 10 ชั่วโมง ไม่สิ ตัดเวลาขับรถไปคณะ ติดเพลต ตรวจความเรียบร้อย ผมให้ 6 ชั่วโมง คิดว่าทันมั้ยครับ?" พี่กันย์มองหน้าผมก่อนจะหลับตาแล้วเริ่มพึมพำอะไรบางอย่าง
"ตัดฐาน ตัดอาคาร ไซส์เอสามก็พอ ขึงเชือก ปักหมุด... ทัน!"
"ดีครับ งั้นแบ่งงานเลย" ผมบอกก่อนพี่กันย์จะเดินไปหน้าโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้ใช้เรนเดอร์งานอยู่ก่อนจะปริ้นไอดะแกรมต่างๆ ที่จะใช้ออกมา
"เชี่ยยย 8.45 แล้ว" พี่กันย์ตะโกนขึ้นอีกครั้งก่อนจะรีบม้วนเพลตทั้งหมดที่เสร็จแล้วก่อนจะยัดลงถุงพลาสติกแล้วหยิบโมฯ ขึ้นมาส่งให้ผมตัวหนึ่งก่อนตัวเองจะหยิบตัวที่เหลือขึ้นมาแล้วรีบออกมาจากห้อง
"กูไม่ล็อคนะ เฝ้าห้องให้กูด้วย" พี่กันย์ตะโกนบอกพวกไอ้ธันย์ที่นอนแผ่อยู่กับพื้นอย่างหมดแรงก่อนพวกมันจะยกมือขึ้นมาโบกว่ารับทราบแล้ว
"9 โมงแล้ววว!" คนข้างๆ ยังคงจดจ่ออยู่กับเวลาบนนาฬิกาข้อมือพลางมองถนนตรงหน้าที่ไม่ได้ไกลจากมหา'ลัยมากนัก แต่รถโคตรติดมหาประลัยจนผมต้องเอื้อมมือไปแตะบนข้อมือที่สวมนาฬิกาให้ใจเย็น
"อีกตั้งหนึ่งชั่วโมงพี่"
"โอเค อีกตั้งหนึ่งชั่วโมง"
"ไอ้กันย์มาแล้วเว้ย" เสียงพี่ทีตะโกนขึ้นมาทันทีที่ผมจอดรถเทียบหน้าคณะก่อนพวกเพื่อนๆ ที่เหลือของพี่กันย์ที่ส่วนใหญ่ขนงานมาทำที่คณะตั้งแต่เมื่อคืนจะรีบวิ่งมาก่อนรับเอาของลงไปแล้วพากันวิ่งไปยังห้องส่งงาน
'ตึ้ง ตึง' เสียงโปรแกรมไลน์ที่แจ้งเตือนข้อความของไอ้พีทเด้งขึ้นมาทันทีที่ผมวนเอารถมาจอดที่ลานจอดรถข้างตึกคณะสถาปัตย์พอดี
Pete : ถึงยังวะ?
Bpuen : ถึงแล้ว พี่กันย์เอาขึ้นไปส่งอยู่
Pete : เชี่ยย กูนี่ตื่นเต้นยิ่งกว่างานตัวเอง
Pete : คณะนี่แมร่งโหดฉิบหาย
Bpuen : จริงมึง แค่เห็นกูยังเครียดแทนเลย
Pete : เออ ขับรถกลับมาดีๆ ล่ะ มึงก็ไม่ได้นอนเหมือนกันนี่
Bpuen : เออ เดี๋ยวเจอกัน
ผมตอบมันไปก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเมื่อเห็นคนที่เพิ่งเอางานไปส่งเดินกลับลงมา
"เรียบร้อยมั้ยครับ?"
"เรียบร้อยดิ นี่ใคร นี่กันย์นะครับผม" พี่กันย์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีที่สุดในรอบสามอาทิตย์ที่ผ่านมาจนผมอดยิ้มตามกับคนตรงหน้าไปด้วยไม่ได้
"ยินดีด้วยครับ พี่ได้รับอิสรภาพแล้ว" ผมพูดขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขำๆ เมื่อคนตรงหน้ากำมือชูขึ้นฟ้าเหมือนได้รับชัยชนะในสงคราม
"เออมึง!" พี่กันย์พูดขึ้นมาในตอนที่ผมกำลังจะออกรถจนต้องชะงักมือไว้แล้วหันไปมองอย่างงงๆ
"ครับ?"
"มานี่ดิ" พี่กันย์พูดขึ้นพลางอ้าแขนทั้งสองข้างมาข้างหน้าจนผมได้แต่มองอย่างคาดไม่ถึง
"อะไรครับ?" ผมถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่พลางมองคนข้างหน้าที่เอาแต่เม้มปากอย่างสงสัย
"ขอกอดหน่อย" คำพูดที่พูดออกมาทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย รู้ตัวอีกทีผมก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้าจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วเอื้อมมือไปกอดตอบ
"ขอบคุณมาก รอบนี้กูแมร่งโคตรโชคดีที่มีมึง" พี่กันย์พูดขึ้นพลางเอากำปั้นตีที่หลังผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมออกมาแล้วยิ้มให้
“แล้วพี่อยากโชคดีตลอดไปมั้ยครับ?” คำถามของผมทำเอาพี่กันย์ได้แต่หรี่ตามองมาอย่างไม่ไว้ใจ
“อยากก็ได้ แล้วกูต้องทำไงวะ?”
“มีผมตลอดไปสิ”
“ยังไง?” ผมมองคนตรงหน้าก่อนจะเอนตัวเข้าไปหาแล้วแกล้งก้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของคนที่ที่มองอยู่
“เป็น-แฟน-กัน”
"ได้ทีละเอาใหญ่เลยนะมึง" พี่กันย์อึ้งไปพักหนึ่งแล้วทำเสียงดุขึ้นมาแล้วหันไปสนใจกับเข็มขัดนิรภัยข้างตัวแทน
"ไม่สนจริงๆ หรอครับ?” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงแผ่นบังแสงลงมาเพราะเห็นว่าคนข้างๆ กำลังจะหนีนอน
“ไม่ว่ะ” พี่กันย์ตอบพลางรับหมอนแมวที่ผมหยิบมาจากเบาะหลังส่งไปให้
“สวัสดิการดีนะ"
"สวัสดิการอะไร?" พี่กันย์ถามขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะปรับเบาะให้เอนลง
"อืมม.. ซ่อมเครื่องปริ้นได้ ขับรถให้ ปลอบใจเป็น" คำตอบของผมทำเอาพี่กันย์ถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเหล่สายตามามองผม
"งั้นกูขอผ่าน"
"ทำไมล่ะครับ?" ผมพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ก่อนจะแกล้งหันไปค้อนคนข้างๆ อย่างงอนๆ จนพี่กันย์ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างขำๆ อีกรอบ
"ก็ขนาดทุกวันนี้ยังไม่ได้เป็นแฟน”
“…”
“กูยังได้มากกว่านั้นอีกอ่ะดิ!”