25-...ก็ถ้าพี่มาง้อ ผมก็รออยู่ตรงนี้ไงครับ (1)
(เนื้อหาเหมือนเดิมค่ะ ใครอ่านแล้วข้ามไป 26 ได้เลยน้า)
“กูชอบมัน”...คำตอบง่ายๆ แต่ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้นสักนิด เพราะอะไรล่ะครับ ก็เพราะไอ้ปืนมันยังโกรธ ยังงอน ยังน้อยใจ หรือยังอะไรก็แล้วแต่ของมันอยู่น่ะสิ ซึ่งวันนี้ก็ปาเข้าไปเป็นวันที่สี่แล้วที่ไอ้ปืนมันไม่เข้ามายุ่ง …กับผม แถมมันออกจะทำตัวเกินกว่าปกติและอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษกับทุกคนบนโลก …ยกเว้นผม
"แค่นี้พอรึเปล่าครับ?" เสียงของไอ้คนที่ผมกำลังจะเป็นบ้าเพราะมันดังขึ้นมาจนทำให้ผมหันไปมอง ไอ้ปืนเดินยกถังปูนที่เต็มไปด้วยเนื้อปูนที่ผสมแล้วขึ้นมาตามขั้นบันไดก่อนจะวางลงตรงลานหน้าห้องสมุดที่พวกก่อ 1 กำลังช่วยกันเทพื้นแล้วเดินกลับลงไปตามเสียงเรียกของน้องในคณะผมคนหนึ่งที่บอกให้ไปเอาวัสดุที่ใกล้จะหมดมาเพิ่ม
"ทำมาเป็นแอบมอง" ไอ้ปูนที่แอบมานั่งอู้อยู่ตรงฝ่ายสวนทักขึ้นก่อนจะเบะปากมาให้แล้วทำหน้าล้อเลียนจนผมได้แต่ปรายตาไปมองมันอย่างเซ็งๆ
"กูไม่ได้แอบ กูมองมันตรงๆ เลยเนี่ย แมร่ง! ไม่สนใจกู" ผมพูดเองก็แทบกระอักน้ำลายตัวเองก่อนจะตอกตะปูลงบนไม้หน้าสามตรงหน้าแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์แล้วเหลือบมองไปยังคนที่เดินกลับขึ้นมาอีกรอบพร้อมถังน้ำในมือ
"อย่าใช้สายตาแบบนั้นกับน้องค่ะ เดี๋ยวมันละลาย"
"ช่างหัวมันดิ! กูกะจะมองให้มันระเหยไปเลยเนี่ย หมั่นไส้โว้ยย!”
“ใจเย็น” ไอ้ปูนพูดออกมาก่อนจะหลบลงบนไหล่ผมเบาๆ แล้วส่งตะปูในถังมาให้
“มึงว่ากูเข้าไปแบบตัวตัวเลยดีเปล่าวะ เห็นมันเดินไปเดินมาแบบนี้แล้วกูหงุดหงิดว่ะ" ผมบอกไอ้ปูนก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้ปืนตรงๆ อีกครั้งจนมันหันมาสบตาเข้ากับผมพอดีแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินกลับลงไปอีกรอบ
"อ้าว มึงยังไม่ได้ง้อน้องมันเหรอ?" ไอ้ปูนถามก่อนจะจับหน้าผมให้หันไปสนใจมันอย่างงงๆ
"ง้อแล้ว" ผมยืนยัน
"ยังไง?"
"กูยิ้มให้"
"ตลกละ นั่นเรียกว่าง้อ?" ไอ้ปูนทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าระอาสุดๆ
"เออดิ ก็ถ้ามันยิ้มตอบ กูก็จะถือโอกาสเดินเข้าไปขอโทษมันไง" ผมบอกในสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ออกไปจนไอ้ปูนต้องถามออกมาด้วยความสงสัย
"แล้วทำไมต้องรอ? ก็เดินไปหาแล้วขอโทษมันไปเลยดิวะ"
“หน้ากูมันยังไม่อยากจะมอง ถ้าขืนเข้าไปแล้วมันเดินหนีกูจะทำยังไงวะ?"
"เอ้า! ก็ไม่ทำไมไง น้องมันงอนมึงอยู่ มึงก็ต้องง้อไงคะเพื่อน" ไอ้ปูนพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แบบที่เด็กอนุบาลโกรธกันก็ทำได้อย่างไม่เข้าใจ
"ไม่ได้ว่ะ" ผมบอกมันก่อนจะมองไปยังคนที่ยังคงเดินขึ้นเดินลงระหว่างไซต์ก่อสร้างของห้องสมุดกับลานกว้างที่เป็นที่วางอุปกรณ์ก่อสร้างอยู่ ...โดยที่ไม่ได้สนใจผมสักนิด
"อะไรไม่ได้?"
"กูนี่แหละจะทนไม่ได้” คำพูดของผมทำเอาไอ้ปูนชะงักก่อนจะหันมามองหน้าผมตาโต
“ตอนนี้มันไม่สนใจกูก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าต้องให้กูเข้าหาแล้วมันจะไม่สนใจกูชัดเจนขนาดนั้น …กูว่ากูทนไม่ได้ว่ะ" ผมถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนไอ้ปูนจะยื่นมือมาตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ
...การที่คนเคยรู้จักแล้วมาทำเป็นไม่รู้จักผมก็ว่า 'เจ็บ' แล้ว
...การที่คนเคยสนิทมาทำเป็นเมินใส่ผมว่า 'เจ็บ' ยิ่งกว่า
...แต่การที่โดนคนเคยบอกว่า 'ชอบ' มาเดินหนีไปในตอนที่เราเพิ่งรู้ใจตัวเองนี่ ผมว่า...
"ไอ้กันย์ดูตรงหน้ามึงด้วย ไอ้เชี่ยเอ้ยย มือ!" เสียงของไอ้โฟมดังขึ้นแต่ไม่ทันแล้วครับเพราะแทนที่ค้อนในมือผมจะตอกลงบนหัวตะปูแต่มันกลับมาลงบนนิ้วของผมแทน
"โอ้ย!"
"บอกแล้วให้ระวัง ไหนดูดิ" ไอ้โฟมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับไอ้ปูนที่ดึงมือผมไปดูอย่างตกใจ ผมก้มมองนิ้วโป้งตัวเองที่ตอนนี้เริ่มมีรอยแดงๆ ขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้เจ็บอะไรมากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจพลางเงยหน้าขึ้นไปสบตาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพอดี
"เอ่อ พี่โฟมครับ พี่ซันบอกว่าถ้าตรงนี้เสร็จแล้วรบกวนไปช่วยเทพื้นตรงลานด้านหน้าหน่อยนะครับ" ไอ้ปืนพูดเสร็จก็ปรายตามามองผมแว่บหนึ่งแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับผมสักคำ ...หรือผมต้องลองโดนให้ครบทั้งสิบนิ้วมั้ยครับ? มันถึงจะยอมสนใจผมบ้าง
"เฮ้ย เจ็บมากเหรอวะ?" เสียงไอ้โฟมที่ดังขึ้นทำให้ผมดึงสติกลับมาก่อนจะหันไปมองหน้ามันก่อนจะส่ายหัวอย่างงงๆ
"ก็ไม่นี่"
"เหรอวะ ก็เห็นตาแดงๆ นึกว่าเจ็บมากซะอีก" คำพูดของมันทำให้ผมชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวบริเวณขอบตาก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อกลับไปทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน
...มึงแมร่งอ่อนว่ะ ไอ้กันย์
หลังจากที่งานฝ่ายสวนของวันนี้เสร็จ พวกไอ้โฟมก็ยกโขยงกันไปช่วยพวกไอ้ซันเทพื้นที่เหลือก่อนจะไล่ผมให้ลงมาล้างหน้าล้างตาเพื่อเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างที่ดูห่อเหี่ยวให้สดชื่นขึ้นมา ไหนๆ ก็ไม่มีอารมณ์ทำงานอยู่แล้ว ผมเลยไม่ขัดศรัทธาด้วยการลงมาหากาแฟกินที่โรงอาหารเผื่อกลิ่นกาแฟมันจะช่วยเยียวยาหัวใจผมให้สดชื่นขึ้นมาได้อย่างที่ไอ้โฟมมันต้องการ
"พี่ปูนครับ ผมขอน้ำสักแก้วสิครับ" เสียงของคนที่เข้ามาใหม่ทำให้ผมหันไปมองก่อนจะเจอเข้ากับไอ้ปืนที่ยืนมองผมด้วยสายตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
"รอเดี๋ยวนะ" ผมตอบมันอย่างพยายามที่จะไม่ทำให้บรรยากาศของโรงอาหารอึดอัดเกินไปนักก่อนจะหยุดมือที่กำลังจะเทผงกาแฟสำเร็จรูปลงในแก้วน้ำร้อนของตัวเองแล้วเทน้ำออกครึ่งหนึ่งจากนั้นจึงผสมน้ำที่อุณหภูมิปกติเข้าไปแทนแล้วเดินเอาไปให้มัน
"พอดีไอ้ปูนไม่อยู่ เอานี่ไปก่อนแล้วกัน" ผมบอกมันอย่างแอบคาดหวังว่ามันคงจะไม่ใจร้ายเกินไปจนปฏิเสธน้ำใจของผมที่ยื่นไปให้ มันมองมาที่ผมเล็กน้อยก่อนจะรับแก้วไปแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดคำขอโทษอย่างที่ตั้งใจไว้ ไอ้คนตรงหน้าก็เดินไปที่อ่างล้างจานก่อนจะเทน้ำในแก้วออกแล้วเติมน้ำจากขวดน้ำดื่มเข้าไปแทน
"ขอบคุณครับ แต่ผมอยากกินน้ำธรรมดามากกว่า" ไอ้ปืนพูดขึ้นลอยๆ โดยไม่ได้หันมองหน้าผมก่อนจะแกะยาแก้อักเสบออกจากแผงซึ่งเป็นคนละอันกับที่ผมฝากไอ้ปูนเอาไปให้แล้วกินน้ำตามจากนั้นก็เดินออกไป
ผมมองแก้วเปล่าที่ไอ้ปืนทิ้งไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะเก็บไปล้างแล้วตัดสินใจเดินกลับไปที่ศูนย์ฯ (ซึ่งผมใช้นอนแทนเต็นท์ของไอ้ปืนมาหลายคืน) แทนที่จะเป็นหน้าไซต์ที่ผมพยายามถ่อไปทุกวันถึงแม้บางวันฝ่ายสวนจะไม่มีงานก็ตาม …ก็ใครมันใช้ให้ไอ้ปืนดันจับฉลากได้ฝ่ายก่อแทบทุกวี่ทุกวันกันล่ะครับ
'ไม่เคยจะทำอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่เพราะเธอ แต่เพราะเธอ ฉันจึงยอม...'...พวกมึงแมร่งจะเล่นเพลงเศร้ากันไปไหนวะเนี่ย ผมคิดก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายจนอยากจะหนีกลับศูนย์ฯ เต็มที
"เอาหน่อยมั้ยเอ็ง?" ลุงชาวบ้านคนเดิมที่ยังแวะเวียนมาไม่ขาดโดยเฉพาะวันที่ค่ายมีกิจกรรมรอบกองไฟ และไม่ลืมที่จะพกเหล้าต้มสูตรโคตรพิเศษของลุงแกติดไม้ติดมือมาด้วยก่อนจะรินใส่แก้วแล้วยื่นมาให้ผม
"ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ" ไม่รู้ทำไมแต่แค่เห็นน้ำใสๆ ในแก้วตรงหน้าผมก็ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะหยิบมันขึ้นมาแล้วล่ะครับ ผมจึงได้แต่หันไปยิ้มขอบคุณให้พอเป็นพิธีแล้วเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาแทน
"ปืนกินเหล้ารึเปล่า?" ชื่อของคนที่เวียนเข้าเวียนออกในหัวผมบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ดังขึ้นมาอีกแล้วจนผมต้องเงยหน้าไปมอง ไอ้ปืนเดินมากับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักและเป็นคนรุ่นเดียวกับมัน …ที่ไม่ใช่ผม
"ก็กินได้นะ แต่ปกติไม่ค่อยกินหรอก พายล่ะกินรึเปล่า?" เสียงสนทนาที่ดูสดใสและเป็นธรรมชาติยังดังขึ้นมาโดยไม่มีทีท่าว่าคนพูดจะสังเกตเห็นผมเลยสักนิด ผมมองไปยังคนตรงหน้าที่ยังไม่รู้ตัวก่อนจะคาดคะเนระยะห่างด้วยสายตา ...แค่สิบก้าว ไกลกันขนาดนั้นเชียว?
"ก็นิดหนึ่งอ่ะ เห็นเพื่อนสนุกก็เลยนึกสนุกตามไปด้วย” เด็กปีหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าชื่อ ‘พาย’ พูดขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"เสพบรรยากาศสินะ สมกับเป็นเด็ก'ถาปัตย์จริงๆ"
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ว่าแต่ปืนเคยกินเหล้าต้มรึยัง? ลุงชาวบ้านแกเอามาให้ แรงอยู่แต่เด็ดเลยนะ" คำพูดของคู่สนทนาทำให้ไอ้ปืนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ ไปให้ก่อนจะหันกลับมาแล้วสบตาเข้ากับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันพอดีจนผมอดที่จะยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ ...ก้าวเดียว ต้องใกล้ขนาดนี้ใช่มั้ยวะถึงจะเห็น?
"แต่เราว่าลองหน่อยก็ดีนะ ไหนๆ ก็มาแล้ว" ไอ้ปืนละสายตาแล้วหันไปบอกคนข้างๆ อีกครั้งก่อนทั้งคู่จะหันกลับมาที่ผมเพราะน้องพายทักขึ้นมา
"อ้าวพี่กันย์ จะไปนอนแล้วเหรอคะ?" น้องพายถามออกมาเมื่อเห็นผมเดินมาในทิศทางตรงกันข้ามกับวงรอบกองไฟ
"อืม พอดีปวดหัวนิดหน่อยน่ะ"
"จริงสิคะ พี่กันย์เพิ่งหายไข้นี่นา อากาศยิ่งหนาวๆ อยู่ด้วยนะคะคืนนี้" ผมยิ้มรับในความเป็นห่วงใยก่อนจะเอ่ยลาแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง
"หนาวเหรอครับ เอ่อ พายเอาเสื้อเรามั้ย?” เสียงที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ผมไม่ได้ยินมาหลายวันทำให้ผมอดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้
ภาพที่ไอ้ปืนกำลังถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออกมาแล้วส่งให้กับน้องปีหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวของขอบตาตัวเองอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ตาของผมเริ่มพล่ามัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
…นอกจากจะร้ายแล้ว ยังใจร้ายมากด้วยนะ ไอ้เชี่ยปืน!
ผมเดินหลบเข้ามาในห้องเปิดใจแทนที่จะกลับไปนอนอย่างที่คิดไว้ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่มีซองสีน้ำตาลแปะอยู่แล้วถูกเขียนที่หน้าซองด้วยตัวอักษรโตๆ ด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินว่า 'ปืน ปีหนึ่ง(เกษตร)'
ห้องแห่งความลับคือกิจกรรมหนึ่งของค่ายอาสาที่จะทำให้ชาวค่ายได้พูดคุยและสร้างมิตรภาพระหว่างกันอีกทางหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วห้องนี้คือห้องเรียนเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ส่วนที่ถูกกันเป็นห้องพักสำหรับผู้ชาย โดยเอาโต๊ะนักเรียนมาต่อๆ กันไปรอบห้องเท่าจำนวนของคนที่มาค่าย จากนั้นก็แปะซองเอกสารสีน้ำตาลเอาไว้พร้อมเขียนชื่อกำกับ ส่วนโต๊ะตัวแรกก็มีโพสต์อิทพร้อมปากกาสีหลายๆ ด้ามวางไว้สำหรับเขียนจดหมายถึงกันแล้วเอาไปใส่ไว้ในซองรอให้เจ้าของเขามาเปิด
...และดูเหมือนว่าเจ้าของซองที่ผมเอาจดหมายไปใส่ให้ตลอดสี่วันที่ผ่านจะไม่เคยมาเปิดมันออกดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"เฮ้อออ" ผมถอนหายใจยาวๆ ออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวแรกเพื่อหยิบกระดาษใบหนึ่งขึ้นมาแล้วลงมือเขียนเหมือนทุกๆ วัน จากนั้นก็เอากระดาษยัดใส่ซองไว้ก่อนจะฟุบลงไปกับโต๊ะอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
'ขอโทษ'เผลอแป๊บเดียว อีกสามวันกิจกรรมค่ายอาสาที่พวกเราเตรียมงานกันมาตลอดทั้งปีก็จะหมดลง ผมยืนมองอาคารที่อยู่บนเนินตรงหน้าที่ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยเต็มที
...ความฝันของนักออกแบบนอกจากเราจะได้คิดในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยคิดแล้ว ความฝันอีกอย่างก็คือการที่งานชิ้นนั้นสามารถออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้จริงๆ
ผมมองอาคารตรงหน้าอย่างอดภูมิใจไม่ได้ถึงมันจะไม่ใช่งานที่ได้รับการออกแบบมาอย่างวิจิตรพิศดาร แต่มันเป็นงานที่เราทั้งหมดร่วมแรงร่วมใจกันทำมันขึ้นมาตั้งแต่หาทุนจนกระทั่งจัดหนังสือในชั้น และหวังว่าน้องๆ ที่ได้ใช้มันจะสามารถเติมเต็มตามความต้องการได้จริงๆ อย่างที่พวกผมตั้งใจ
"สุดยอดไปเลยว่ะ" ไอ้กัมป์ที่เดินมายืนข้างๆ พูดขึ้นพลางมองไปยังทิศทางเดียวกัน
"ดีใจด้วยนะครับ ไอ้ประธานค่าย" ผมพูดออกไปอย่างอดดีใจกับมันที่ดูจะพยายามหยักกว่าใครไม่ได้ก่อนเจ้าตัวจะหัวเราะขึ้นมาแล้วเอามือมาพาดคอผม
"นี่มันงานของทุกคนนะเว้ย มาดีใจด้วยกันดิวะ"
"เออ กูดีใจอยู่เนี่ย หรือมึงตาบอด?" ผมบอกมันก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
"กูรู้ครับว่ามึงดีใจ แต่หน้ามึงนี่สุนัขไม่รับประทานสุดๆ อยากให้ผมขนกระจกในห้องน้ำมาให้มึงส่องมั้ย?" คำพูดของไอ้กัมป์ทำให้ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะพยายามยิ้มออกมาจนไอ้คนตรงหน้าได้แต่ยื่นมือมาวางบนหัวผมแล้วโยกเบาๆ
"ไอ้สัด กูปวดหัวโว้ยย" ผมโวยวายก่อนจะแกะมือมันออกอย่างรำคาญ
"ยิ้มได้แล้ว พวกไอ้ทีเป็นห่วงมึงกันหมดแล้วเนี่ย" คำพูดของมันทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ก่อนจะหันไปมองพวกที่เพิ่งเอ่ยถึงไปหยกๆ เดินตามมาสบทบพอดี
"ได้เวลาลาดตระเวนแล้วครับเพื่อน" ไอ้ทีพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลากทั้งผมทั้งไอ้กัมป์ให้ไปด้วยกัน
"ดีนะที่กูเอากล้องติดมาด้วย" ไอ้โฟมพูดขึ้นมาในระหว่างที่พวกผมกำลังยืนอยู่บนยอดดอยซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของดอยแห่งนี้ก่อนจะมองออกไปยังวิวป่าไม้ข้างล่างที่ทอดยาวออกไปผสมกับควันสีขาวๆ ของหมอกที่เริ่มมากขึ้นเพราะความหนาวที่เริ่มมาเยือนในช่วงใกล้สิ้นปี
วันนี้พวกเราทุกคนพร้อมใจกันหยุดกิจกรรมทุกอย่างในช่วงบ่ายเพราะแทบไม่เหลืองานให้ทำแล้วก่อนจะพาพี่ๆ น้องๆ ออกมาทัศนศึกษาหรือพูดง่ายๆ ว่า ‘มาเที่ยว’ รอบๆ หมู่บ้านนั่นเอง
"ถ่ายรูปกันหน่อยครับผม" ไอ้กัมป์ตะโกนบอกทุกคนก่อนไอ้โฟมจะเดินไปตั้งกล้อง DSLR ตัวเก่งของมันบนขาตั้งตรงถนนแล้วให้ทุกคนหันหลังให้วิวเพื่อเป็น Background ก่อนทุกคนจะยิ้มออกมาตามจังหวะที่มันให้เพื่อเก็บไว้เป็นรูปที่ระลึกที่คงจะนึกถึงไปอีกนาน
หนึ่ง สอง สาม แชะ!
ผมเดินตามเจ้าของกล้องไปก่อนจะดูภาพที่มันเปิดให้ดู ผมไล่มองหน้าทุกคนก่อนจะไปหยุดที่คนๆ หนึ่งที่มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนผมอดที่จะยิ้มบางๆ ตามมันไม่ได้ ...อย่างน้อยมันก็มีความสุขกับกิจกรรมที่ผมชวนมา
"ไปนั่งเล่นตรงนั้นกัน" ไอ้ปูนที่เพิ่งเดินเข้ามาชวนก่อนจะลากผมให้ไปตรงบริเวณลานหินที่มีขนาดไม่ใหญ่และมีแท่นหินเรียบๆ วางอยู่สองสามก้อนก่อนจะนั่งลงไป
"ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอวะ?"
"ยังว่ะ มันคงโกรธกูหนักจริงๆ แหละงานนี้" ผมบอกก่อนจะพยายามฝืนยิ้มออกมาแต่ก็รู้ว่าทำได้ไม่ดีนักก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับเข่าตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา
"เอาน่า เดี๋ยวน้องมันก็ดีเองแหละ อย่าคิดมากๆ ให้เวลามันหน่อย" ไอ้ปูนพูดขึ้นก่อนผมจะสัมผัสได้ถึงแรงตบเบาๆ ที่หลัง จากนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เสียบเข้ามาที่หูของผมจนผมต้องเงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย
"อะไรวะ?" ผมถามมันก่อนจะหยิบสิ่งแปลกปลอมออกมาดู มันคือหูฟังสีขาวที่น่าจะเชื่อมไปกับโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อหนาวของไอ้ปูน ผมมองมันที่ส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ผมอีกครั้งก่อนจะมองหูฟังสีขาวในมือ ...อย่าคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย หูฟังยี่ห้อนี้มันก็เป็นแบบนี้ทุกอันนั่นแหละ ผมคิดก่อนจะยัดหูฟังกลับไปเข้าไปในหูแล้วหันไปยิ้มให้มันอย่างขอบคุณก่อนจะฟุบหน้าเข้ากับเข่าอีกครั้ง
'แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย สุดท้ายไม่มีค่าใด
จะทำให้เธอเห็นใจจะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม'"ไอ้กันย์ เฮ้ย! ไอ้กันย์" แรงเขย่าจากคนข้างๆ ทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมาอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองอย่างงงๆ
"อะไร?"
"กูเรียกตั้งนาน มึงนี่มัน.. เดี๋ยวนะ มึงร้องไห้เหรอ?" ไอ้ปูนถามขึ้นอย่างตกใจก่อนจะเอาสองมือมาจับหน้าผมไหวแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนผมต้องเอามือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง ...ทำไมมันเปียกวะ?
"ไม่ได้ร้อง ฟืดดด.. สักหน่อย" ...แล้วทำไมเสียงผมแมร่งแหบอย่างนี้เนี่ย ผมสังเกตตัวเองอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองไอ้ปูนที่กำลังมองผมด้วยสีหน้าอึ้งอย่างสุดๆ
"ไอ้เชี่ยกันย์!" มันสบถออกมาก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผมพลางมองมาอย่างตื่นเต้น …ไอ้ห่า คนกำลังเศร้า
“กูไม่ได้ร้อง ฟืดดด.. กูเป็นหวัด" ผมบอกมันก่อนจะพยายามหลบจากฝ่ามือมันก่อนจะเจอสายตาของไอ้ปูนที่มองมาอย่างกึ่งสงสารกึ่งหัวเราะเยาะ
"เออ เป็นหวัดก็ได้ แต่น้ำมูกบ้านกูไม่ได้ไหลออกทางตานะบอกเลย"
"ไอ้ปูน ไอ้กันย์ถ่ายรูปกัน" ไอ้ทีเดินมาเรียกพวกผมที่นั่งอยู่ก่อนจะยื่นกล้องโพราลอยด์ของมันให้ไอ้เป้ช่วยถ่ายรูปให้
"ปืนถ่ายรูปกัน" เสียงเรียกชื่อไอ้ปืนที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้ไอ้ปูนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมามองผมที่เริ่มจะประสาทเสียเพราะชื่อไอ้ปืนอย่างขำๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่เดินไปตามเสียงเรียก
"กล้องไหนดี" ไอ้ปืนพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชี้ไปที่ทั้งกล้องโทรศัพท์ กล้องโพราลอยด์และกล้อง DSLR ที่ถูกรุ่นน้องร่วมคณะผมยกขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูปคู่มันกับน้องพาย
"สักกล้องเหอะน่า" น้องพายที่ยืนอยู่ข้างมันพูดขึ้นมาก่อนจะหัวเราะ แล้วยิ้มให้กล้อง
"ฮอตสุดๆ" ไอ้ปูนพูดขึ้นก่อนจะตบเข้าที่ไหล่ผมอย่างเห็นใจ
"เออดิ"
"ไม่เอาค่ะกันย์ ไม่หึงน้องนะคะ" มันบอกก่อนจะยิ้มล้อมาให้ผมอีกครั้งจนผมได้แต่หลบสายตามันอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่เอาแต่ถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้อย่างอารมณ์ดี …ทีตอนไปทะเลผมจะถ่ายกับคนอื่นบ้างทำมาเป็นหวง หึ!
"เออไอ้ที" ผมตะโกนเรียกไอ้เพื่อนที่มันยังเที่ยวถ่ายกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วก่อนจะเดินไปหา
"กูขอยืมกล้องหน่อยดิ" ผมบอกก่อนจะชี้ไปที่กล้องโพราลอยด์ในมือมันก่อนเจ้าของจะส่งมาให้ผมอย่างงงๆ
"อือ เอาไปดิ"
"ขอบใจเว้ย"
ผมยืนอยู่หน้าซองเอกสารสีน้ำตาลในห้องแห่งความลับอีกครั้งก่อนจะมองซองตรงหน้าที่เริ่มจะนูนขึ้นมาเพราะกระดาษที่อยู่ข้างในเริ่มเยอะมากขึ้นทุกที จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะตัวแรกเพื่อที่จะหยิบกระดาษอย่างเช่นที่ทำทุกวันก่อนจะมองข้อความในมือที่เขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...อีกสามวัน ไอ้เจ้าของซองนี้ก็คงจะเห็นสิ่งที่ผมพยายามจะบอกมัน ถ้ามันคิดจะเปิดอ่านอ่านะ
ผมคิดก่อนจะยิ้มปลอบใจตัวเองแล้วพับโพสต์อิทที่ผมเขียนให้มันก่อนจะใส่เข้าไป จากนั้นผมก็ล้วงบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
...มันคือรูปโพราลอยด์ที่ผมแอบถ่ายไอ้ปืนไว้ตอนที่อยู่บนยอดดอย
ผมหยิบปากกาเมจิกแบบกันน้ำออกมาก่อนจะเขียนลงไปบนรูปใบนั้นแล้วสอดมันตามเข้าไปในซองสีน้ำตาล
26.10.xx
ค่ายอาสา. กูขอโทษ หลังจากที่พิจารณาด้วยประการทั้งปวง เปลี่ยนแค่ชื่อตอนเท่านั้นค่าา 555555
Re-write มันคืออะไรอย่าไปสนใจใครอ่านไปรอบหนึ่งแล้วก็ต่อตอนที่ 26 ได้เลย
ขอโทษน้าที่ทำให้ตอนมันปั่นป่วนปานกลางถึงมากที่สุด กราบขออภัยอย่างสูงเพราะความนัวของเราเอง TT
แต่อย่าเพิ่งทิ้งพี่กันย์กับน้องปืนไปไหนน้าา มาช่วยกันดันให้พี่น้องคู่นี้ไปถึงฝั่งฝันกันเถอะค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอดมาช่วยอ่าน ช่วยคอมเมนต์ ดีใจมากๆ
ปล.มีตอนพิเศษอันหนึ่งที่เขียนไว้ เราชอบมากเลย ช่วยอยู่ด้วยกันจนกว่าจะได้อ่านมันน้าาา
ขอบคุณมากนะคะ ^_________^
Zenzaii