บทที่ 28 คำขอของพ่อตา
สี่เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก จากพี่เจิดก็กลายมาเป็นพ่อเจิดแทน และพ่อเจิดคนนี้ก็กำลังทำเพื่อไอ้ตัวเล็ก มือใหญ่ถือเสียมพลางขุดหลุมหลังบ้านเตรียมจะเอาหน่อกล้วยน้ำว้าที่ไปขุดมาจากนาลงหลุมกับไอ้มิ่งสองคน กว่ากล้วยจะออกเครือไอ้ตัวเล็กลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคงจะกินข้าวกับกล้วยได้พอดี คิดแล้วก็ยิ้มย่องกระหย่องใจ
ถึงไอ้ตัวเล็กจะขัดความสุขเวลาพี่เจิดจะจัดชุดใหญ่ให้เมียอยู่บ้าง แต่แค่ได้เห็นเหงือกแดงๆยิ้มร่าพี่เจิดก็มีความสุขแล้ว
“พี่เจิดมัวทำอะไรอยู่ จะได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วนะ”เสียงน้องมะลิเรียกมาแต่ไกล ไม่นานก็โผล่มาพร้อมกับอุ้มไอ้ตัวเล็กเดินมาทางหลังบ้าน
เห็นเมียปุ๊บพี่เจิดก็ทิ้งจอบทิ้งเสียมปั๊บ เดินเข้าไปหาลูกเมีย
“พี่เจิดกำลังปลูกกล้วยให้เอาไว้ให้ไอ้ตัวเล็กน่ะจ้ะ ออกเครือคงโตกินกล้วยได้พอดี”ว่าแล้วก็ชะโงกหน้าไปหอมไอ้ตัวเล็กกับน้องมะลิไปคนละที ได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบอกชอบใจของไอ้ตัวเล็ก
“ทำอะไรน่ะพี่เจิด!! กลางวันแสกๆ”
ต่อให้ดุเป็นร้อยรอบพี่เจิดก็ไม่เคยสนหรอก กลางวันแสกๆตะวันตรงหัวก็ช่างมันเถอะ อย่างพี่เจิดซะอย่าง ไม่เลือกเวลาอยู่แล้ว
“ว่าแต่ได้เวลากินข้าวแล้วเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพี่เจิดตามเข้าไปนะ น้องลิพาไอ้ตัวเล็กเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า แดดร้อนๆเดี๋ยวจะพากันไม่สบายเอา”แดดก็ไม่ร้อนเท่าไรหรอกวันนี้ ออกจะแดดร่มลมตก แต่พี่เจิดห่วงลูกห่วงเมียกลัวจะไม่สบายเอามากกว่า
“มันก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นหรอกน่า ให้ลูกเจอแดดเจอลมบ้างก็ได้ แล้วก็ไปล้างมือล้างไม้กินข้าวกันได้แล้วเดี๋ยวค่อยมาทำต่อ พ่อมุ่ยรอกินข้าวอยู่”
“จ้าๆ เดี๋ยวพี่เจิดตามไปนะจ๊ะ”
“อ้อ เห็นพ่อบอกว่าอยากจะเจอพี่เจิด ตอนบ่ายๆไปหาพ่อด้วยกันล่ะ”
“ได้จ้า เดี๋ยวตอนบ่ายพี่เจิดจะไปหาพ่อตากับน้องลิด้วยกัน”เมียว่าไงก็ว่าตามหมด ทุกอย่างแหละวะ ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ เขาเรียกว่าตามใจเมียต่างหากล่ะ
ว่าแต่ไอ้ที่นั่งเบ้หน้าทำปากมุบมิบถือต้นกล้วยนั่นมันอะไรวะ ทำท่ากระแนะกระแหนน่าถีบนักเชียว
“อิจฉากูสิท่า”พี่เจิดกอดอดทำท่ายืดใส่ไอ้มิ่ง
“แหม กลางวันแสกๆยังกอดยังหอมขนาดนี้ กลางคืนจะขนาดไหนกันล่ะจ๊ะ”
“พูดเรื่องบนเตียงไปสาวๆบริสุทธิ์อย่างมึงไม่รู้หรอก กูเองก็ไม่อยากจะคุย เดี๋ยวมึงจะน้อยใจ”
โสดๆซิงๆอย่างไอ้มิ่งก็ดีแต่ปากนั่นแหละ เวลากรึ๊บยาดองไปทีก็ตามน้ำกับพวกไอ้ดำพวกวงยาดองไป แต่จริงๆแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย
“แหม่ พี่ไม่ต้องคุยอวดฉันก็ได้ยินน่า ออกจะเสียงดังขนาดนั้น”ทำเป็นบ่นอุบแล้วโกยดินกลบหลุมต้นกล้วยเพราะลูกพี่ของมันเอาแต่คุยโวน่าหมั่นไส้
“ช่วยไม่ได้ ก็มึงเสือกมาอยู่ห้องข้างๆกูเอง”คุยอวดพลางยักไหล่ “รดน้ำให้กูด้วยล่ะ กูจะเข้าไปกินข้าวกับลูกเมีย”
“แต่ฉันก็ต้องกินเหมือนกันนะ มีลูกมีเมียล่ะก็ไม่เคยเห็นหัวฉันเชียว”
“รึมึงจะให้กูทำ เร็วเข้า อย่าชักช้า แล้วก็รีบตามมา”พี่เจิดบอกทิ้งท้ายก่อนจะทิ้งให้ลูกสมุนมือขวามันรดน้ำต้นกล้วยตามเวรตามกรรม
---------------------------------------------------------------
ไม่รู้หรอกว่ากำนันแม้นเรียกมาเพราะเรื่องอะไร แต่กินข้าวเสร็จก็พาลูกเมียเดินข้ามคลองมาที่บ้านพ่อตา
“ว่าไงล่ะหนูพิกุลของตา”
แต่พอมาถึงพ่อตาก็ไม่ทักลูกเขยสักคำ ทักแต่หลานแถมแย่งเอาไปอุ้มอีกต่างหาก ตกลงอยากเจอลูกเขยอย่างพี่เจิดหรืออยากเจอหลานกันแน่ พี่เจิดเริ่มเซ็ง
“ตกลงพ่อกำนันอยากเจอฉันหรืออยากเจอไอ้ตัวเล็กล่ะจ๊ะ”ทนไม่ไหวเลยถามออกไป
เพราะพี่เจิดยืนรออยู่นานสองนานแล้วแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากพ่อตาเลย นี่ก็อุตส่าห์เอามะม่วงน้ำดอกไม้รอบแรกที่เก็บมาจากไร่เอามาฝาก กะว่าพรุ่งนี้จะให้ป้าช้อยทำข้าวเหนียวมะม่วงแล้วเอามาฝากพ่อตาสักหน่อย เห็นแบบนี้คงไม่ต้องแล้วล่ะมั้ง
“รอนิดรอหน่อยไม่ได้เหรอวะไอ้ลูกเขย ข้ากำลังคุยกับหนูพิกุลอยู่ ไม่เห็นรึไง เดี๋ยวก็ไล่กลับบ้านกลับช่องซะนี่ซะนี่”
“ก็แหม ไม่เห็นทักทายฉันเลย ฉันก็นึกว่าไม่ได้อยากเจอฉัน”
“เรื่องมากนักนะเอ็งนี่”ปากก็ว่าเถอะ แต่จมูกก็ฟัดเอาแก้มหลานจนจะช้ำอยู่รอมร่อ จำได้ว่าเมื่อวานก็เจอกับไอ้ตัวเล็กแล้ว แต่ทำอย่างกับไม่ได้เจอมาเป็นชาติอย่างงั้นแหละ เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้พ่อตาไม่ได้
“แล้วพ่อกำนันมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอจ๊ะ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนักหรอก ข้ากับพวกผู้ใหญ่บ้านแล้วก็อบต.กำพลลงความเห็นว่าอยากจะขอให้เอ็งช่วยอะไรชาวบ้านเขาสักหน่อยน่ะ แต่ถ้าเอ็งจะปฏิเสธข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ข้าเข้าใจว่างานเอ็งน่ะเยอะ ไหนจะต้องมาเลี้ยงลูกอีก”
“ช่วยอะไรเหรอจ๊ะ ถ้าฉันช่วยได้ก็จะช่วย”
มันก็จริงนั่นแหละที่ว่างานพี่เจิดเยอะน่ะ ก็ช่วงนี้มะม่วงในสวนก็กำลังออกดอกออกผลรับหน้าร้อนกันยกใหญ่ ต้องคอยดูกลัวจะถูกแมลงกินเอาก่อนจะได้เก็บไปขาย ไหนจะโรงเลี้ยงเป็ดที่เพิ่งจะเอาเป็ดมาลง ต้องรอให้อะไรเข้าที่เข้าทางอีกตั้งหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย เรื่องนี้สำคัญนักเชียว
“ก็เห็นว่าไร่นาของเอ็งไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงแถมยังออกดอกออกผลดกอีก เลยอยากจะให้เอ็งช่วยแนะนำชาวบ้านเขาหน่อย”
“ได้สิจ๊ะ ไม่มีปัญหา ฉันยินดีสอนชาวบ้านทุกอย่างถ้าพวกชาวบ้านอยากเขาจะรู้จริงๆ”
เพราะพี่เจิดภูมิใจที่พี่เจิดเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง แล้วยิ่งดีใจที่ได้สอนความรู้ที่เรียนมาให้ชาวบ้านเลยทำให้พี่เจิดไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาสักเท่าไร
“แต่ชาวบ้านไม่ใช่น้อยๆเอ็งจะไหวเรอะ ข้าไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเอ็งจะปฏิเสธน่ะ ไม่ใช่ว่าเอ็งตอบรับเพราะว่าเป็นลูกเขยข้าหรอกนะ”
“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกจ้ะ ฉันออกจะเต็มใจ”พี่เจิดยิ้ม
ก็แค่เสียสละเวลาอยู่กับลูกเมียนิดหน่อยไปให้ความรู้ชาวบ้าน ชาวบ้านจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ ถึงจะเสียดายอยู่บ้างก็เถอะ แต่พี่เจิดก็เต็มใจ
“แล้วเอ็งล่ะไอ้ลิ จะว่าอะไรไหมถ้าผัวเอ็งเอาเวลาเลี้ยงลูกไปสอนชาวบ้านน่ะ”ถามพลางยื่นไอ้ตัวเล็กคืนให้น้องมะลิ
“ไม่หรอกจ๊ะ ฉันเองก็เป็นครูนะพ่อ ฉันก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว”น้องมะลิส่ายหน้าแล้วหันมายิ้มหวานให้พี่เจิดได้ชื่นใจ
อย่างนี้พี่เจิดค่อยมีกำลังใจหน่อย ว่าแต่ว่าตั้งนานตั้งเนทำไมชาวบ้านถึงไม่มาถามมาไถ่ว่าพี่เจิดทำไร่ทำนายังไง ทำไมพึ่งจะมาถามเอาป่านนี้ได้ซะได้
“ว่าแต่ว่าฉันขอถามอะไรพ่อกำนันหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“ถามอะไรล่ะ ว่ามาสิ”
“ก็ตั้งนานตั้งเนไม่เห็นมีใครจะมาสนใจถามไถ่วิธีทำไร่ทำนาจากฉันเลยสักคำ แต่พอมาตอนนี้กลับหากันสนอกสนใจได้ล่ะ”
“เฮ้อ!! พูดแล้วมันก็ขึ้น”กำนันแม้นถอนหายใจยาวยืดก่อนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาชันเข่าแล้วส่ายหน้า
“ขึ้นอะไรเหรอจ๊ะพ่อกำนัน”
“ก็พวกชาวบ้านน่ะสิ ใช้แต่ปุ๋ยเคมีใช้แต่ยาฆ่าแมลง แล้วไอ้ของพวกนี้มันก็ราคาแพง พอไม่มีตังซื้อก็ไปเชื่อไปเซ็นกันเอาไว้ ทีนี้พอเกี่ยวข้าวได้ออกมาราคาก็ไม่ดี ตังก็ไม่พอไปจ่ายค่าปงค่าปุ๋ยที่ไปค้างเขา พอเสร็จแล้วไม่มีเงินไปจ่ายร้านขายปุ๋ยเขาก็มัดมือชกจับเซ็นสัญญาเงินกู้ซะอย่างนั้น แถมดอกก็ขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้าน ปุ๋ยก็ขายแพงอยู่แล้วยังจะมาเก็บดอกเบี้ยแพงอีก”
“อย่างนั้นมันไม่ถูกนี่จ๊ะ จู่ๆจะมาจับเซ็นสัญญาเงินกู้ได้ยังไงกัน”
เสี่ยมุ่ยพ่อของพี่เจิดน่ะปล่อยเงินกู้เหมือนกัน แต่เก็บดอกไม่แพงเพราะคิดว่าเงินเหลืออยู่เฉยๆก็ไม่ได้ช่วยอะไร สู้ให้ชาวบ้านที่เขาเดือดร้อนกู้ไปทำไร่ทำนาแล้วค่อยมาคืนยังจะดีกว่า
ก็ถึงว่าทำไมช่วงนี้บ้านพี่เจิดถึงหัวบันไดบ้านไม่ค่อยจะแห้งนัก แถมช่วงนี้พ่อของพี่เจิดก็บ่นเอาบ่อยๆว่าลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายดอก เพราะชาวบ้านไม่มีเงินมาคืนนี่เอง
“ก็นั่นแหละที่เป็นปัญหา ก็ชาวบ้านพวกนั้นเขาไม่รู้หนังสือกันไงล่ะ ก็เลยถูกหลอกให้เซ็นสัญญากัน รู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้ดอกแพงไอ้พวกร้านขายปุ๋ยมันแล้ว”
“ว่าแต่ร้านขายปุ๋ยที่ไหนเหรอจ๊ะพ่อกำนันที่มันจับชาวบ้านเซ็นสัญญาเงินกู้”
“จะร้านไหนซะได้ล่ะ มันก็มีอยู่ร้านเดียวนั่นล่ะ ร้านของไอ้หนุ่มน่ะ ขายก็แพงแถมยังจะมาทำชั่วๆแบบนี้อีก”
พี่เจิดก็นึกว่าไอ้หนุ่มไหน ที่แท้ก็ไอ้หนุ่มที่มันเป็นหัวโจกไม้เบื่อไม้เมากับพี่เจิดตอนอนุบาลนี่เอง ไอ้หนุ่มมันชอบมาจีบน้องสร้อยทองแข่งกับพี่เจิด แต่ก็โดนน้องมะลิกันท่าไม่แพ้กับพี่เจิดนั่นแหละ แต่พอขึ้นปอหนึ่งไอ้หนุ่มมันก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นพี่เจิดก็เลยไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตามันสักเท่าไร
“ก็แล้วในเมื่อรู้ว่าขายแพงทำไมชาวบ้านถึงไม่เข้าไปซื้อในเมืองล่ะจ๊ะ”
“ค่ารถน้ำมันรถไปมามันก็แพงเอาเรื่อง แล้วอีกอย่างตำบลนี้ก็มีร้านขายปุ๋ยแค่ร้านไอ้หนุ่มมันร้านเดียว เลยช่วยไม่ได้ที่ชาวบ้านจะไปซื้อกับมัน”
“ฉันเข้าใจแล้ว”พี่เจิดพยักหน้า “แล้วจะให้ฉันไปสอนชาวบ้านเมื่อไรล่ะจ๊ะ”
“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยเอ็งจะว่ายังไง เวลาก็เริ่มสอนช่วงบ่ายๆหลังชาวบ้านเขาทำไร่ทำนาเสร็จ ส่วนสถานที่อบต.กำพลเขาให้ใช้ศาลาที่เทศบาลตำบลเอา”
“พรุ่งนี้เลยเหรอจ๊ะ แล้วฉันต้องสอนประมานกี่คนล่ะจ๊ะพ่อกำนัน”
“ก็กะว่าจะให้เอ็งช่วยสอนชาวบ้านไปทีละหมู่บ้าน เอ็งก็นับไปสิว่าตำบลบ้านดอนของเรามีกี่หมู่บ้าน นั่นแหละ ชาวบ้านที่เอ็งต้องสอน”
“หมดตำบลเลยเหรอจ๊ะพ่อกำนัน!! นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะจ๊ะ”
พี่เจิดก็คิดว่าแค่หมู่บ้านดอนไฟไหม้ที่พี่เจิดอยู่หมู่บ้านเดียวซะอีกเลยรับปากกำนันแม้นไป แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นทั้งตำบลไปซะได้ แล้วอีกอย่างความรู้ทีพี่เจิดต้องสอนชาวบ้านก็ไม่ใช่สอนวันสองวันจบ ตำบลนี้มีสิบหมู่บ้าน หมู่บ้านหนึ่งก็ต้องสอนหลายรอบหลายวัน แล้วอย่างนี้พี่เจิดจะมีเวลาเหลือให้กับลูกกับเมียไหมล่ะนั่น แต่ว่าตอนนี้ก็ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว อีกอย่างพี่เจิดก็รับไม่ได้ที่ชาวบ้านถูกหลอกให้เซ็นสัญญาเงินกู้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ดูเหมือนเรื่องนี้พี่เจิดจะต้องจัดการด้วยตัวเองซะแล้ว
-------------------------------------------------------------------
วันรุ่งขึ้นพี่เจิดฝากลูกไว้กับพ่อของพี่เจิดแล้วรีบไปดูไร่ดูนา สั่งงานให้พวกไอ้ดำมันเอาน้ำหมักชีวภาพที่หมักเอาไว้มาฉีดพ่นใส่ดอกใส่ลูกพลหมากรากไม้ที่กำลังออกดอกในไร่ กว่าจะเสร็จก็ตะวันตรงหัวพอดิบพอดี ถ้าเป็นปกติแล้วพี่เจิดจะห่อข้าวมากินกับพวกคนงานในไร่เลย แต่ตั้งแต่มีลูกมีเมียพี่เจิดก็กลับไปกินที่บ้านตลอด
ถึงบางครั้งจะกลับไปถึงแล้วเจอว่าไอ้ตัวเล็กมันอิ่มนมหลับไปแล้วก็ตาม แต่แค่ได้เห็นหน้าลูกพ่อเจิดคนนี้ก็มีความสุขแล้ว
พี่เจิดกับไอ้มิ่งขับรถพากันกลับมากินข้าวที่บ้าน พอมาถึงก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้ๆของไอ้ตัวเล็กกับลังส่งเสียงคุยกับปู่สนุกเชียว
“มากันแล้วเรอะ แม่ช้อยพึงจะตั้งสำรับเสร็จเมื่อตะกี้พอดีเชียว”เสี่ยมุ่ยออกปากถาม ปรายตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแวบเดียวก่อนจะหันไปสนใจหนูพิกุลต่อ พอได้หลานลูกชายอย่างพี่เจิดก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเชียวล่ะ
“ลูกฉันได้นอนบ้างรึยังจ๊ะพ่อ”ถามแล้วเดินเข้าไปหาเพราะเห็นว่าไอ้ตัวเล็กกำลังยิ้มเหงือกบานดูร่าเริงเชียว
“นอนไปเมื่อตะกี้นี้แล้ว นี่ก็พึ่งจะตื่น ตื่นมาก็ชวนคุยเชียวล่ะ ว่าแต่ไอ้หนู เอ็งไปทำอะไรมาตัวเหม็นเชียว ไปไป๊ ไปอาบน้ำอาบท่า อย่ามาเข้าใกล้พ่อกับหนูพิกุล”ดูพ่อของพี่เจิดไล่พี่เจิดอย่างกับหมูกับหมา
พี่เจิดลองก้มดมแขนเสื้อของตัวเอง แต่ก็เหม็นจริงๆนั่นแหละ สงสัยจะเหม็นมาจากน้ำหมักชีวภาพที่ฉีดพ่นกันแมลง
“ขอฉันหอมลูกนิดเดียวไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“นิดเดียวอะไรของเอ็ง หน้าตาไปเปื้อนอะไรมาบ้างพ่อก็ไม่รู้ จะปล่อยให้เอ็งของหลานของพ่อไม่ได้หรอก ถ้าจะหอมหนูพิกุลเอ็งก็ต้องไปอาบน้ำต่อ”
“แต่แหม เดี๋ยวฉันก็ต้องไปสอนชาวบ้านหมักน้ำหมักที่ศาลาเทศบาลต่อ อาบไปก็เปลืองน้ำเปล่าๆ”พี่เจิดเถียง มองไอ้ตัวเล็กยิ้มเหงือกแดงตาละห้อย มือไม้ยื่นไปยื่นมาเหมือนจะดีใจที่พี่เจิดกลับมา
“ไม่ได้หรอกไอ้หนู ถ้าเอ็งอยากหอมหนูพิกุลเอ็งก็ต้องไปอาบน้ำมาก่อน”
“แต่นั่นลูกฉันนะพ่อ”
“นี่ก็หลานพ่อเหมือนกัน”
หมดคำพูดกันเลยกับพ่อของพี่เจิด พี่เจิดเลยต้องเดินสะบัดตูดพาตัวเหม็นๆขึ้นมาอาบน้ำเพื่อที่จะได้กอดได้หอมลูกก่อนจะไปสอนชาวบ้านต่อ
แต่กว่าจะอาบน้ำเสร็จแล้วลงมาอีกทีก็จวนเจียนจะได้เวลาไปสอนชาวบ้านแล้ว เลยได้แค่หอมไอ้ตัวเล็กนิดๆหน่อยๆแล้วรีบกินข้าวกินปลา
“เดี๋ยวพ่อเจิดไปทำงานก่อนนะไอ้ตัวเล็ก”พี่เจิดบอกก่อนจะฟอมแก้มกลมๆไปฟอดใหญ่
“เอิ๊ก เอิ๊ก บู่ว บู่ว”ไอ้ตัวเล็กยิ้มเหมือนจะรู้เรื่องรู้ราว ไม่พอแค่นั้น แต่ยังพ่นน้ำลายใส่หน้าพ่อเจิดอีกต่างหาก
“รักพ่อเจิดมากเลยใช่ไหมไอ้ตัวเล็ก น้ำลายเต็มหน้าพ่อเชียว”
“บู่ว บู่ว ปู๊ดดด”พ่นน้ำลายไปพ่นน้ำลายมา สุดท้ายทำไมกลายเป็นตดไปซะได้ แถมตดเหม็นอีกต่างหาก
ดูท่าจะไม่ใช่ตดธรรมดาซะแล้วเมื่อมือที่ประครองตูดของไอ้ตัวเล็กเอาไว้รู้สึกอุ่นๆร้อนๆยังไงไม่รู้
“ไม่ได้ขี้ใช่ไหมไอ้หนู”เสี่ยมุ่ยพ่อของพี่เจิดถาม
“จะเหลือเหรอจ๊ะ”ไอ้มิ่งส่ายหน้า โบกไม้โบกมือปัดจมูกยกใหญ่
“แสบนักนะไอ้ตัวเล็ก ไอ้แม่ลิกลับมาพ่อเจิดจะฟ้องแม่ลิ”พี่เจิดย่นจมูกใส่ แต่ได้ตัวเล็กก็ยังยิ้มเหงือกบานแถมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจที่คนอื่นพากันโบกไม้โบกมือย่นจมูกใส่
“เอิ๊กๆ อ๊ายยยย ยัยๆ ยา”
“รีบไปสองชาวบ้านไม่ใช่เรอะ ส่งมาสิ เดี๋ยวพ่อเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หนูพิกุลเอง”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้เอง อบต.แค่นี้ ขับรถแปบเดียวก็ถึง”จะได้อยู่กับลูกต่ออีกหน่อยด้วย
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้ตัวเล็กของพี่เจิดนี่ตดเหม็นจริงๆ น้ำหมักชีวภาพของพี่เจิดยังไม่ได้เท่านี้เลย
---------------------------------------------------------------
“พี่เจิดจ๊ะพี่เจิด”ระหว่างที่กำลังขับรถไปศาลากลางเทศบาลตำบลบ้านดอนไอ้มิ่งก็เรียกให้พี่เจิดหันไปมอง
“เรียกทำไมวะ กูขับรุอยู่ไม่เห็นเรอะไอ้นี่”
“พี่เจิดแวะบ้านน้องจันทร์หน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“จะแวะทำไมวะ”
“เมื่อตอนเช้าฉันเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้จะเอามาฝากน้องจันทร์น่ะจ้ะ”
แหมไอ้นี่ จะจีบสาวทั้งทีก็ไม่ลงทุน แอบไปเก็บมะม่วงในไร่ของพี่เจิดมาจีบสาวเนี่ยนะ แล้วกับน้องจันทร์เจ้าพี่เจิดก็ถือเห็นน้องสาว สำหรับไอ้มิ่งแล้วน้องจันทร์เจ้าจะเป็นนางฟ้าหรือไม่ก็ดอกฟ้าล่ะมั้ง แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้มิ่งมันมีความสุขก็ปล่อยให้มันเพ้อไป ไม่ต่างอะไรกับตอนที่พี่เจิดเพ้อถึงน้องสร้อยทองหรอก
ขับรถมาแปบเดียวก็เลี้ยวมาจอดหน้าบ้านหลังสวยของป้ามาป้าของพี่เจิด
“จะเอาไปให้ก็ลงไปสิวะ กูไม่ลงไปนะ เดี๋ยวทักทายกับพี่แจ่มยาวแล้วไปสอนชาวบ้านช้าอีก”
“พะ พี่เจิดเอาลงไปให้น้องจันทร์แทนฉันหน่อยสิจ๊ะ”
“เอ้า!! ก็แล้วทำไมมึงไม่ลงเอาไปให้เองล่ะวะ”
“ก็ฉันไม่อยากเจอไอ้แจ่มมันนี่”
“พี่แจ่มเขาไม่กัดมึงหรอกน่า”ไม่รู้มันจะกลัวพี่แจ่มอะไรนักหนา พี่แจ่มออกจะใจดี
“แต่ว่า”
“มึงจะลงไปไม่ลงไป ถ้ามึงไม่ลงไปกูออกรถนะ”ต้องให้พี่เจิดขู่อยู่เรื่อย
“ก็ได้จ้ะ ฉันลงไปก็ได้”ไอ้มิ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างกับเตรียมใจไปตาย พี่เจิดได้แต่ส่ายหน้ามองลูกสมุนย่องเข้าไปในรั้วบ้านอย่างกับพวกย่องเบา
จะจีบสาวแต่ก็ดันปอดแหก สู้พี่เจิดก็ไม่ได้ ปีนขึ้นบ้านปลุกปล้ำมันซะเลย ถึงจะปล้ำผิดคนก็เถอะ แล้วเป็นยังไงล่ะ ปัจจุบันรักเมียหลงเมียจนออกนอกหน้า คิดแล้วก็นึกถึงหน้าลูกหน้าเมีย อยากทำธุระเสร็จไวไว จะได้ไปรับเมียกลับบ้าน
ปึง!!!
กำลังคิดถึงลูกถึงเมียอยู่เลยเชียว ประตูรถข้างคนขับก็ปิดดังปึงให้ได้ตกใจ หันไปมองก็เห็นว่าไอ้มิ่งกระโดดขึ้นรถ หน้าตาตื่นตูมอย่างกับหนีอะไรมา
“ออกรถเลยจ๊ะพี่เจิด ออกรถเลย”
“อะไรของมึงวะ”มาถึงก็ละล่ำละลักบอกให้ออกรถอย่างกับเจออะไรไล่มา
มองไปทางบ้านก็เห็นว่าพี่แจ่มลูกพี่ลูกน้องของพี่เจิดเดินออกมาจากบ้านพอดี แถมยังอุ้มน้องส้มจี๊ดแล้วโบกไม้โบกมือทักทายพี่เจิด เลยยิ้มตอบไป
“ฉันบอกให้ออกรถไงพี่”
“จะรีบไปไหนวะ พี่แจ่มออกมาแล้ว เดี๋ยวกูทักทายพี่แจ่มสักหน่อย หมุนกระจกลงสิวะ”
“ไม่เอา!! ออกรถเลยจ้ะพี่เจิด เดี๋ยวจะไปสายเอานะจ๊ะ”
อะไรของมันวะ เอาเข้าจริงพี่เจิดก็มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่แจ่มอยู่พอดีเกี่ยวกับเรื่องที่ชาวบ้านถูกจับเซ็นสัญญาเงินกู้ดอกแพงเผื่อว่าพี่แจ่มจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ไอ้มิ่งก็ดันมาจับแขนเขย่าเร่งซะได้
“อะไรของมึงวะเนี่ย”ก็พี่แจ่มเดินมาถึงประตูรถฝั่งมันแล้ว จะให้พี่เจิดออกรถตอนนี้ก็เสียมารยาทตายห่า
“ทำไม…พี่ไม่ออกรถล่ะ”
“ก็กูบอกว่ากูจะทักทายพี่แจ่มสักหน่อย ลดกระจกลงสิวะ”
ก๊อก ก๊อก
นั่นไงพี่แจ่มเคาะกระจกเรียกแล้ว แถมน้องส้มจี๊ดลูกชายของพี่แจ่มก็ยิ้มให้กับพี่เจิดอีก แล้วจะให้พี่เจิดขับรถหนีหลานได้ยังไงวะ
“แต่ว่า”
“มึงจะมาตงมาแต่อะไรนักหนา ลดกระจกลงสิโว้ย”
สุดท้ายมันก็ลดกระจกลงจนได้ พอรถกระจกลงเสร็จมันก็ขยับเข้ามาทางฝั่งพี่เจิดจนแทบจะนั่งคร่อมเกียร์รถแหนะ
“หวัดดีจ้ะพี่แจ่ม”
“กำลังจะไปสอนชาวบ้านกับน้องมิ่งเหรอพ่อเจิด”
“จ้ะ ฉันกำลังจะไปสอนชาวบ้านอยู่พอดี”
“หวัดดีน้าเจิดสิครับน้องจี๊ด”พี่แจ่มบอก
“สวัสดีครับน้าเจิด”น้องจี๊ดยกมือไหว้ท่าทางน่ารัก สงสัยว่าวันหลังพี่เจิดคงต้องพาไอ้ตัวเล็กมาเล่นกับน้องจี๊ดสักหน่อยแล้วสิ
“ขอบคุณนะครับน้องมิ่งที่อุตส่าห์เอามะม่วงน้ำดอกไม้มาฝากพี่แจ่ม”หันไปบอกไอ้มิ่งพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ไว้เดี๋ยวเย็นๆพี่แจ่มจะแวะไปคุยเรื่องชาวบ้านกับพ่อเจิดให้เป็นเรื่องเป็นราวนะ ตอนนี้คงคงจะรีบไหมสอนชาวบ้านใช่ไหมล่ะ”
“จ๊ะ ฉันต้องไปสอนชาวบ้าน งั้นฉันลาเลยนะจ๊ะ”
“ครับ ขับรถดีดีล่ะ ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับน้องมิ่ง เดี๋ยวพี่แจ่มพาน้องจี๊ดไปด้วย”พูดจบก็จับมือน้องส้มจี๊ดให้โบกมือลาทั้งพี่เจิดทั้งไอ้มิ่ง
พี่เจิดเลยได้ออกรถไปที่ศาลาอบต.สักที เกือบจะมาสายอยู่เลยเชียว
-----------------------------------------------------------------
พี่เจิดเริ่มจะรู้ซึ้งแล้วว่าการมีภาระหน้าที่เยอะมันเป็นยังไง ปลื้มใจอยู่หรอกที่ชาวบ้านตระเตรียมอุปกรณ์มาอย่างดิบดีและสนใจที่จะเรียนรู้ขั้นตอนตามที่พี่เจิดกับไอ้มิ่งสอน แต่ว่ามันเสียอยู่อย่างเดียวก็คือพี่เจิดไปรับเมียกลับบ้านไม่ทันเนี่ยแหละ ต้องสั่งให้ไอ้มิ่งขับรถไปรับน้องมะลิที่โรงเรียนแทน
ตอนนี้พี่เจิดกำลังสอนชาวบ้านทำน้ำหมักชีวภาพเอาไว้ฉีดพ่นกันแมลงไปกินพืชผลกินข้าว แถมทีทีท่าว่ากว่าจะเสร็จก็คงจะมืดๆนั่นแหละ ระหว่างยืนคุมชาวบ้านจัดการกับถังน้ำหมักพี่เจิดก็เหลือบไปเห็นรถกระบะกันโก้ขับมาจอดพอดี
แต่พี่เจิดก็ต้องยิ้มปากบานเมื่อประตูข้างคนขับเปิดออกมา ตามลงมาด้วยน้องมะลิในชุดข้าราชการครู เห็นแล้วพี่เจิดล่ะอยากจับถอดชุดข้าราชการครูแล้วจัดชุดใหญ่ให้เชียว ในมือก็ถือปิ่นโตข้าวเถาใหญ่เดินมาทางพี่เจิด
“น้องลิมาทำไมเหรอจ๊ะ ที่นี่เหม็นมากเลยนะ”ไม่ต้องรอให้เมียเดินมาหรอก พี่เจิดหรี่เข้าไปหาเมียเองเลย
“เห็นพี่มิ่งบอกว่าพี่เจิดไม่กลับ มะลิเลยเอาข้าวใส่ปิ่นโตมากินด้วยกัน”
“ไปสิ พี่เจิดกำลังหิวข้าวพอดีเลย ใต้ต้นจามจุรีมีม้านั่งอยู่ เราไปกินข้าวกันตรงนั้นดีกว่า”พูดจบก็พาดแขนเกี่ยวกับกับเอวเมียแล้วพากันเดินออกจากศาลาไปทางใต้ต้นจามจุรี
อันที่จริงพี่เจิดก็ไม่ได้หิวอะไรมากมายหรอก แต่พี่เจิดเห็นว่าไอ้อริเก่าอย่างไอ้อบต.กำพลมันกำลังจะเดินเข้ามาหาน้องมะลิของพี่เจิด ยังจำได้ดีว่ามันแอบมองนมเมียพี่เจิดในวันลอยกระทงแต่ก็ต้องทำใจร่วมงานกับมัน
“วันนี้มีอะไรกินเหรอจ๊ะน้องลิจ๋า”พี่เจิดถาม ลูบมือเข้ากับบั้นเอวของมัยไปมาอวดสายตาชาวบ้านที่มองตามกันเป็นสิบ
เพี๊ยะ!!
“อย่ามาทะลึ่งนะ!! เอามืออกไปเลย วันนี้มีแกงเทโพกับน้ำพริกปลาย่างแล้วก็ผักลวก ป้าช้อยเขาทำเอาไว้น่ะ”ตีมือพี่เจิดยังไม่พอ แถมหันมาถลึงตาใส่อีก แต่อย่างว่าแหละ เมียหันมาดุก็ต้องหยุดลวนลามไปตามยถากรรม ว่าแต่…
“นี่มึงไม่ได้กินข้าวมาจากบ้านเหรอวะ”
“กินเกินอะไรกันล่ะจ๊ะ ฉันก็รอกินพร้อมพี่ไง”
“แล้วทำไมมึงต้องมากินพร้อมกูวะ”
“มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านไงล่ะจ๊ะ พี่อยู่ไหนฉันก็อยู่นั่น”
ก็เข้าใจว่าโตมาด้วยกันกระโดดน้ำลงคลองหน้าบ้านด้วยกันมาตั้งแต่เจี๊ยวยังเท่านิ้วก้อย แต่นี่พี่เจิดมีเมียแล้วไม่ใช่รึไงวะ ใจคอมันจะไม่ให้พี่เจิดสวีทกับเมียเลยรึไง พี่เจิดล่ะหมดคำพูดกับไอ้มิ่งจริงๆ เลยเลิกสนใจมันแล้วหันไปอ้อนเมียอวดชาวบ้านดีกว่า
“ป้อนพี่เจิดหน่อยสิจ๊ะน้องลิจ๋า”
“กินเองสิ ไม่ใช่เด็กสักหน่อยจะได้มานั่งป้อน”ปากของเมียเนี่ย ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนสักเท่าไรเลย แต่หน้าเนี่ยแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว
เป็นอย่างนี้จะไม่ต้องให้พี่เจิดกินข้าวก็ได้ แค่มองหน้าเมียก็รู้สึกอิ่มจนมีแรงทำงานต่อแล้วล่ะวะ นั่งมองเมียตักกับข้าวใส่จานให้ มีความสุขดีจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------
รักเมียต้องอวดเมียต่อหน้าชาวบ้าน 555 ตามสไตล์ของพี่เจิดเขาแหละ