กับดักพิศวาส
บทที่27
ขนมนั่งลงบนโซฟาในห้องแดนไท เขามองไปที่แดนไทที่เดินไปในห้องพร้อมหยิบผ้าขนหนูมาให้เขา
“ไปอาบน้ำ” แดนไทพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง นิ่งทั้งท่าทางและแววตา
“ขอบคุณพี่แดนมากนะครับที่มาช่วยขนม” ขนมพูดด้วยรอยยิ้มหวาน เขาแสร้งบีบน้ำตาให้น้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่พี่ก็ช่วยขนมไม่ทัน” แดนไทพูดพร้อมหันไปมองทางอื่นไม่สบตาเขา
ขนมยืนขึ้นปล่อยให้ผ้าที่ห่อตัวเขาหลุด เขายืนเปลือยเปล่าต่อหน้าแดนไทอย่างไม่รู้สึกเขินอาย
“แค่พี่แดนมาช่วยขนม ขนมก็ดีใจแล้วครับ” ขนมพูดจบสวมกอดแดนไทแน่น
แดนไทกอดตอบพร้อมลูบหัวขนมเบาๆ “ฉันเสียใจที่ปกป้องนายไม่ได้อีกแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นขนมกระตุกยิ้มทันที ก็จะเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าเหมือนเดิม
“ขนมกลัว” ขนมพูดพร้อมเสียงสั่นเครือ บีบน้ำตาที่คลออยู่ให้มันไหลลงมา
“กลัวอะไร” แดนไทผละออกจากขนมพร้อมประจันหน้ากับอีกฝ่าย
“กลัวพี่แดนจะรังเกียจขนม ฮืออออ” ขนมพูดจบปล่อยโฮออกมาทันที
แดนไทได้ยินอย่างนั้นเขารีบกอดขนมอย่างปลอบประโลม เขาไม่ชอบเลยเวลาขนมร้องไห้
“พี่ไม่มีวันรังเกียจขนม ”
“แต่ขนมโดนพี่ดินข่มขืน ขนมไม่ใช่ของพี่แดนคนเดียวอีกแล้ว ขนมขอโทษ ฮือออ อึก”
“อย่าคิดมากไปเลยขนม ลืมมันซะ คิดซะว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย”
แดนไทพูดจบผละออกจากขนมพร้อมลูบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
แดนไทจรดริมฝีปากลงบนหน้าฝากของขนมเบาๆ พร้อมกระซิบคำที่มั่นสัญญาที่เขาต้องทำให้ได้
“พี่จะไม่มีวันให้ใครทำร้ายขนมอีกแล้ว”
ขนมหลับตา เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึก แววตา ท่าทาง คำพูดของแดนไททุกอย่าง ความรู้สึกห่วงใยที่มีคนอย่างจะปกป้องเขามันเป็นความรู้สึกที่วิเศษที่สุด แต่ช่างน่าเสียดาย
เสียดายเหลือเกินที่คนๆนั้นเป็นแดนไท เขาไม่ควรจะได้รับความรู้สึกดีๆแบบนี้
เขามันเลวเกินไป
ขนมดึงความรู้สึกตัวเองกลับบ้านพร้อมเบ้ปากเบาๆ แดนไทตกหลุมกับดักเขาเต็มเปาแล้วละ
ขนมยืนอาบน้ำพร้อมแดนไทที่ช่วยขัด ทำความสะอาด แดนไททำความสะอาดเขาเหมือนอยากให้ร่างกายกลับมาสะอาดดังเดิม เหมือนก่อนที่จะโดนดินย่ำยี
ขนมนอนซบลงบนอกแดนไทบนเตียง เขาทั้งสองคนไม่พูดอะไร ปล่อยความคิดของทั้งคู่ให้ล่องลอยไปตามความรู้สึก
“ขนมรู้จักกับพี่ดินได้ยังไง” แดนไทพูดขึ้นในสิ่งที่เขาสงสัย
“พี่ดินเข้ามาจีบขนม คอยตื้อขนม แต่ขนมไม่เล่นด้วย ขนมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่ดินจะทำแบบนี้” ขนมพูดเสียงอ่อย ตามบทที่เขาคิดไว้
“ขนมไม่รู้เหรอว่าพี่ดินเป็นพี่ของพี่” แดนไทถามต่อ
“ขนมไม่รู้หรอก ขนไม่สนใจพี่ดินด้วยซ้ำ พี่ดินคอยตื้อขนมตลอดจน จนพี่ดินมาเห็นข่าวของเราสองคน พี่ดินเลยโกรธมากเหมือนที่พี่แดนได้ยินในโทรศัพท์” ขนมพูดต่อพร้อมลอบยิ้ม
แดนไทถอนหายใจเบาๆ เขาไม่เคยคิดว่าเขาสามคนพี่น้องต้องมาแตกหักเพราะแย่งคนรักกัน
“พี่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ดิน ถ้าเป็นพี่ดอนพี่จะไม่แปลกใจเลย แต่เป็นพี่ดิน พี่ไม่คิดว่าพี่ดินจะชอบผู้ชาย”
“ขนมไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้” ขนมพูดเสียงเศร้าพร้อมสะอื้นขึ้นอย่างมีจริต
แดนไทเห็นแบบนั้นเลยเลิกซัก แม้ว่าเขาจะยังมีคำถามมากมายในหัว
“นอนเถอะ” แดนไทพูดพร้อมกระชับขนมให้แน่นมากขึ้น
ขนมเงยหน้าแดนไทพร้อมถามคำถามนึงที่เขาค้างคาใจ
“ขนมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” แดไทพยักหน้าให้
“ที่พี่แดนบอกว่าจะไม่มีวันรังเกียจขนม จริงใช่มั้ยครับ” ขนมถามนิ่งพร้อมจ้องหน้าแดนไทอย่างต้องการคำตอบ
“จริงสิ” แดนไทตอบเสียงหนักแน่นพร้อมลูบหัวขนมเบาๆ เวลานั้นเขาไม่อยากให้ขนมคิดมากเลยเลยตอบเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ
ขนมยิ้มตอบพร้อมซบลงบนอกแดนไท ขนมถอนหายใจเบาๆพลางคิดในใจ
แล้วจะคอยดูเมื่อถึงเวลานั้นจะยังไม่รังเกียจเขาอยู่มั้ย
ขนมตื่นมาในตอนเช้าแดนไทก็ไม่อยู่บนเตียงแล้ว ขนมกวาดสายตามองรอบๆห้องก็ไม่เจอ เขาลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันออกมาเจอแดนไทที่กำลังจัดอาหารอยู่บนโต๊ะกินข้าว
“มาพอดีเลย อาหารเสร็จพอดี” แดนไทพูดด้วยรอยยิ้ม
ขนมยิ้มตอบพร้อมเดินเข้าไปในนั่งทานอาหารตรงข้ามแดนไท
“พี่แดนคิดไงตื่นมาเตรียมอาหารให้ขนม” ขนมถามอย่างแปลกใจ ปกติแดนไทไม่เคยทำแบบนี้
แดนไทยิ้มน้อยๆก่อนพูดขึ้น “พี่แค่อยากทำ”
“ขอบคุณพี่แดนมากนะครับ” ขนมตอบ แม้เขาจะรู้ว่าอาหารทุกอย่างแดนไทสั่งมาก็เถอะ แต่เขาก็ขอบคุรที่อีกฝ่ายมาเตรียมให้
“กินเลยๆ ร้านนี้อร่อยมาก”
ขนมยิ้มตอบพร้อมลงมือทานอาหาร
เป็นอาหารมื้อแรกที่เขาทานกับแดนไทแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ขนมมองอาหารในจานแล้วกลืนน้ำลายพยายามสกัดความรู้สึกที่ตีขึ้นมา พยายามจะไม่ร้องไห้ พยายามฝืนยิ้มให้แดนไท
ขนมทานอาหารไปเงียบๆ เขามองแดนไทที่นั่งทานตรงข้ามพร้อมยิ้มน้อยๆ เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากการเสแสร้งใดๆ
หลังจากมื้อนี้เป็นต้นไปเขาอาจะไม่มีโอกาสได้ทานอาหารที่อบอุ่นแบบนี้แล้ว
ขนมพยายามกดความรู้สึกที่ตีรวนขึ้นมา แต่เขาไม่ไหวแล้ว
“ขนมขอไปห้องน้ำแปปนึงนะครับ”
ขนมพูดจบลุกขึ้นทันที ขนมเข้าไปในห้องน้ำพร้อมปิดปาก ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ
ชีวิตเขานี่แปลก เวลาอยากร้องไห้กลับร้องไม่ได้ แต่เวลาที่ไม่อยากร้องกลับต้องร้องเพื่อเสแสร้ง
ขนมล้างหน้ามองตัวเองในกระจกก่อนจะดึงความรู้สึกกลับมา เขาจะไม่มีวันหวั่นไหวอีกแล้ว เพราะเขารู้ว่ามันเป็นไปไมได้!
ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ขนมสั่นรัว
“สวัสดีครับ”
“ขนมนี่ยายเองนะลูก”
ขนมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงยาย
“ทำไมยายไม่ใช้เบอร์โทรเองโทรมาละครับ”
“พอดียายแบตหมดลูก ยังไม่ได้ชาร์ตเลย ยายเพิ่งออกจากวัดในป่า ไม่มีสัญญาณเลย ยายเป็นห่วงขนม สบายดีมั้ยลูก”
“สบายดีครับ ยายละเป็นไงบ้าง”
“ยายสบายดี จิตใจสงบมากเลยลูก ยายทำบุญเผื่อขนมแล้วนะ”
“ขอบคุณครับ”
“อีกสองวันยายจะกลับแล้ว เจอกันนะลูก”
ขนมนิ่งไปทันที เขาไม่อยากให้ยายกลับมา ไม่อยากให้ยายเป็นอันตราย
“ครับ เจอกันครับ”
ขนมตอบ แต่สีหน้ากลับเป็นกังวล เขาจะทำยังไงดี กลับมายายต้องรู้ข่าวต่างๆนาๆแน่ๆ
“ขนม เดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกแปปนึงนะ อย่าออกไปไหนนะ เดี๋ยวพี่กลับมา”
แดนไทตะโกรออกมาจากในห้อง ขนมรีบเดินเข้าไปในห้องมองแดนไทที่มาท่าทีรีบร้อนจนอดถามไม่ได้
“พี่แดนรีบไปไหนครับ”
“พี่มีธุระนิดหน่อย” แดนไทตอบแค่นั้นหยิบกุญแจรถแล้วรีบออกไปทันที
ขนมมองแดนไทที่เดินออกไปอย่างสงสัย แดนไทไม่มีทางทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในเหตุการณ์แบบนี้เด็ดขาด แดนไทกำลังไปไหน แล้วทำไมเอาเขาไปด้วยไม่ได้!!
ขนมนั่งลงบนโซฟาอย่างวิตกกังวล ทั้งเรื่องยาย เรื่องแดนไทเข้ามาประดังในสมอง ขนมเริ่มรู้สึกมือชา และเริ่มปวดหัวเบาๆ ขนมมองไปรอบห้องแดนอย่างหวั่นวิตก
“ยา ยา” ขนมพึมพำออกมาเบาๆพร้อมเดินเข้าไปในห้องค้นในกระเป๋าตัวเองอย่างรีบร้อน เขาพยายมสะกดตัวเองให้มือไม่สั่น
“บ้าฉิบ!!” ขนมสบถออกมาเสียงดัง
ตอนออกจากบ้านเขารีบจนลืมยาสำคัญได้ยังไง นี่เขาขาดยามากี่วันแล้ว เขามัวแต่วางแผนแก้แค้นจนลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง บ้าจริง!!!
แดนไทลงลิฟต์อย่างร้อนรน เขาได้รับโทรศัพท์จากเลขาส่วนตัวของพ่อที่เขาให้สืบเรื่องขนม อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมบอกว่าได้ข้อมูลมาเยอะพอสมควร
เขาตื่นเต้นมากจนรีบออกมาตามนัด เขารู้ว่าทิ้งขนมไว้คนเดียวไม่ดี แต่ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องของขนมมากที่สุด
“ได้เรื่องอะไรมาบ้างครับ”แดนไทถามเลขาพ่อของเขาที่นั่งตรงข้ามเขา
กร ยื่นซองเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดให้แดนไทพร้อมพูดขึ้น
“ขนม เป็นลูกคนเดียวของนางบงกช เอรางกูร ซึ่งนางบงกชเสียชีวิตตั้งแต่ขนมอายุ13ปี ถ้าคุณแดนสังเกตดีๆจะเห็นว่าขนมใช้นามสกุลของแม่” กรหยุดพูดเพื่อให้แดนไทเงยหน้าขึ้นมาสนใจเขา
“แล้วไงต่อพี่กร พ่อขนมละ”
“พ่อของขนมชื่อ นายมนัส พานิชกุล นายมนัส มีครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่ และไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวขนมเลยตั้งแต่เกิด”
“เขาส่งเสียอะไรขนมบ้างมั้ย หรือเคยมาเจอขนมบ้างรึเปล่า”
“เท่าที่ได้ข้อมูล ไม่มีครับ นอกจากรายชื่อรับรองความเป็นพ่อก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเลย”
“ไม่แปลกที่ขนมจะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ”
“ที่น่าสนใจคือ เราสืบได้ว่าคุณบงกชมีประวัติการรักษาทางจิตเวช”
“ยังไงอะพี่กร”
“คุณบงกชมีอาการของโรคไบโพลาร์ครับ เธอเคยเป็นหนักถึงขนาดต้องเอามารักษาที่โรงพยาบาลหลายปี แต่หลังๆอาการดีขึ้นเลยให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน” กรหยุดพูดก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ “และสาเหตุการตายของเธอคือ ผูกคอตายครับ”
คำพูดของกรทำเอาแดนไทเบิกตากว้าง
กรบอกว่าแม่ของขนมตายตอนอายุ13 แบบนี้ขนมก็ต้องรู้ว่าแม่ตัวเองผูกคอตาย แบบนี้ขนมจะเจ็บปวดขนาดไหน เด็กคนนั้นต้องแบกอะไรไว้บ้าง แดนไทยิ่งคิดยิ่งสงสารขนม
________________________________________________________
มาต่อแล้วครับ ตอนต่อไปจะมาหลังสงกรานต์นะครับ
ตอนนี้ปมหลายๆอย่างเริ่มคลี่คลาย หลายๆคนอาจจะพอเดาออก รึเปล่า ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ