ตอนที่ 6 : พลิกตลบ
‘ถ้าคิดถึงฉันเมื่อไหร่ มาหาที่ปริ้นส์รูมแล้วกัน’
ประโยคนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่นะ
กับคีรียังพอเข้าใจได้ว่าเป็นหุ้นส่วน ขนาดข้อมูลผมยังเอาไปดูได้ กับแค่เรียกห้องที่จับคู่กับผมทำไมจะทำไม่ได้ แต่ราเชนทร์นี่สิ เขาทำยังไงถึงมั่นใจได้ว่าจะเจอผมกันล่ะ
หรือเรื่องที่ทั้งคู่ตกลงกันจะเป็นเรื่องนี้ แต่ต่อหน้าผม ทั้งราเชนทร์และคีรีจะไม่ชวนคุยกันเลย ราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน
พวกเขากำลังเล่นละครงั้นเหรอ
“พี่แว่นครับ”
ก่อนเข้างานตอนหกโมง ผมที่มาก่อนเวลาตัดสินใจเดินเข้าหาบิชอปคนเก่งประจำคลับ ที่เรียกว่าประจำคลับก็เพราะว่าแม้บิชอปจะมีสองคน แต่ไม่ได้คุมชั้นหนึ่งชั้นสองอย่างอัศวิน คลับน่ะมีแต่เรื่องวุ่นวาย แต่ตำแหน่งเลขาดูแลจัดการภาพรวมอย่างบิชอปนั้นแบ่งออกเป็นคลับกับผับ
บิชอปฝั่งคลับเป็นคนแปลก ที่แปลกไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นเด็กเรียนหรอกนะ เพราะการที่ผมลังเลแล้วลังเลอีกกว่าจะเข้ามาคุยกับเขาได้ เป็นเพราะบิชอปที่ชื่อ ‘แว่น’ และสวม ‘แว่น’ คนนี้แทบไม่เคยเปิดปากพูดเลยต่างหาก!
‘มีอะไรเหรอ’
การสื่อสารส่วนใหญ่มักพิมพ์ผ่านไอแพด ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงต้องเว้นระยะห่างกับเบี้ยตัวน้อยๆ อย่างผมขนาดนี้ หรือแค่ขี้เกียจกันแน่ เพราะถ้าเป็นบอสหรือควีน ผมก็เห็นเขาพูดได้ตามปกติไม่ได้เป็นใบ้อะไร
“ผมขอสอบถามข้อมูลลูกค้าได้มั้ยครับ” ผมว่าพลางหยิบนามบัตรของคีรีส่งให้ “ผมเข้าใจว่าเป็นความลับ แต่คนคนนี้เป็นคนรู้จักผมเอง และผมไม่ได้จะขอดูข้อมูลทั้งหมด อยากถามแค่สองคำถามเท่านั้น”
พี่แว่นพยักหน้า บิชอปคนนี้แม้จะเข้มงวดมาก แต่ก็ใจดีหากกล้าเข้าหา
“เขาสมัครสมาชิกวันไหนและด้วยวิธีอะไรเหรอครับ”
การสมัครสมาชิกเข้าคิงส์คลับมีสองวิธีแบ่งตามระดับ อย่างแรกคือระดับสามัญธรรมดา จะต้องจ่ายค่าแลกเข้าและกรอกข้อมูลให้ตรวจสอบ จากนั้นจึงจะได้รับคำตอบกลับว่าอนุมัติหรือมั้ยภายในสามวันหรือหนึ่งอาทิตย์ ที่ต้องเข้มงวดเพราะเป็นคลับผิดกฎหมาย และมีกฎระเบียบที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด หากไม่คัดกรองหรือตรวจว่าประวัติที่ให้มานั้นถูกต้อง เกรงว่าจะเจอสายตำรวจหรือผู้ไม่หวังดีจากที่อื่นแจ้งจับเอาได้
อย่างที่สองคือระดับวีไอพี ถ้าจะให้เปรียบเปรยในภาษาของคิงส์คลับก็คงอารมณ์ชั้นขุนนาง วิธีนี้จะต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกมากเป็นพิเศษเพื่อซื้อความเชื่อใจ แม้จะต้องกรอกข้อมูลทั้งหมดเหมือนกันแต่การอนุมัติบัตรสมาชิกจะได้ภายในวันเดียว กรณีพิเศษอย่างนี้มักจะเป็นพวกประธานบริษัทที่สามารถโชว์หลักฐานทรัพย์สินได้ว่าไม่มีผลประโยชน์อื่นข้องเกี่ยว เพราะหากทำอะไรพลาดพลั้งขึ้นมาชื่อเสียงก็อาจจะโดนดึงไปด้วย เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย
พี่แว่นก้มลงตรวจสอบข้อมูลในไอแพดที่เข้ารหัสพิเศษสำหรับเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า ก่อนจะเปิดหน้าใหม่แล้วพิมพ์ตอบผม
‘สามวันก่อน วิธีวีไอพี’
“ขอบคุณครับ”
สามวันก่อน ก็คือวันแรกหลังจากผมไปปริ้นส์รูม วันเดียวกับที่เจอคีรีในคลับ
ยืนยันทฤษฎีที่คิดไว้ตอนแรก แต่ออกจะน่างุนงงว่าถ้าเขารู้จักกับราเชนทร์...มาก่อน แล้วทำไมถึงเพิ่งมาทำความรู้จักกับผมล่ะ หุ้นส่วนของปริ้นส์รูมน่าจะหาคู่ขาได้ไม่ยากหากต้องการ ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวออกมาเลย แล้วเขาทำแบบนี้ทำไม เพราะชอบผม? ตลกล่ะ ถึงแม้เซ็กซ์ในวันแรกจะยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ถึงกับติดอกติดใจขนาดก่อเกิดความรักจนมานั่งเฝ้าผมได้ทุกวี่วันเป็นคนว่างงานเหมือนราเชนทร์หรอก
คีรีมีบริษัทต้องดูแล ทุกวันนี้ก็ไปทำงานและเจียดเวลามาหาผมตอนดึกดื่น ดูจากตอนเช้าวันนี้สิ เขาออกไปก่อนที่ราเชนทร์จะมาหาผมช่วงสาย แสดงว่าเขาต้องตื่นเช้าเพื่อเข้าบริษัทก่อนแน่ๆ เพราะผมกับราเชนทร์น่ะใช้เวลาแบบมนุษย์กลางคืน นอนช้าตื่นสายเป็นประจำ
หากพวกเขาสองคนรู้จักกันจริงๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองคืนนั้นเป็นแผนที่ทั้งคู่คิดไว้เพื่อแกล้งผมเล่น แล้วมันประจวบเหมาะเกินไปรึเปล่าที่คีรีจะลงบันไดมาเจอผม ชวนไปกินข้าวด้วยกันแล้วรุกหนักถึงขนาดมาหาที่หอพัก แถมราเชนทร์ก็ทำตัวแปลกๆ ส่อพิรุธอยู่เห็นๆ
ถ้านึกในแง่ดี คือทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ผมคิดมากไปเอง
แต่ถ้านึกในทางเลวร้าย...พวกเขากำลังเล่นเกมโดยใช้ผมเป็นรางวัล!?
เข้าข้างตัวเองไปรึเปล่านะ บาร์เทนเดอร์ธรรมดาอย่างผม แถมยังเป็นคนน่าเบื่อขี้งกขนาดนี้ จะเป็นของรางวัลล้ำค่าให้พวกเขาทุ่มเทขนาดนี้เลยเหรอ หรือความจริงแล้วพวกเขาก็แค่หาอะไรเล่นฆ่าเวลา ถ้าใครจีบติดจริงๆ ขึ้นมาก็ลุ้นเอาว่าใครจะเบื่อใครก่อนแล้วค่อยเลิกกันทีหลัง
เสียทั้งเวลาเสียทั้งความรู้สึก
นึกถึงหน้าแดงๆ หูแดงๆ ของคีรีแล้วไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเล่นละครหลอกผม เพราะมันเป็นธรรมชาติเกินไป แต่ภาพของเขาที่ยืนยิ้มตอนถอดแว่นแล้วยืนจังก้าถือขวดเหล้าอาละวาดอยู่หน้าบาร์ ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าบางทีไม่ควรเชื่ออย่างตาเห็น
ส่วนราเชนทร์...ราเชนทร์เป็นเศรษฐีกินมรดกที่มีเงินปันผลต่อปีเป็นล้านๆ ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด จึงไม่จำเป็นต้องทำงานและหาความสำราญอย่างเดียว แต่น่าแปลกตรงที่เขาดันไม่ใช่คนเจ้าชู้ ก่อนหน้าจะเจอกับผมก็ควงทีละคนตลอด อันนี้ผมถามมาจากแมนที่ทำงานในคลับมาแล้วหลายปีน่ะนะ
แม้ไม่ใช่คนเจ้าชู้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดี ราเชนทร์เอาแต่ใจเกินไป เข้าข้างตัวเองเกินไป โลกหมุนรอบตัวไม่ฟังใครและไม่ยอมลงให้ก่อนเวลาทะเลาะกันด้วยซ้ำ เขามักจะยิ้มทำหน้าตายแล้วเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นเสมอ จะว่าไปเขาเองก็มีมุมมืดที่ผมคาดไม่ถึง อย่างตอนเลิกกันให้ขู่ว่าจะให้คนมาทำร้ายนั่นไง ตอนนั้นผมไม่กล้าไปไปไหนเพราะมีคนของราเชนทร์เฝ้าอยู่หน้าหอพักตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
สรุปแล้วทั้งคู่มีข้อและข้อเสีย จากตอนแรกที่ผมคิดว่าพวกเขาต่างกันราวฟ้ากับเหว พอมานึกเอาตอนนี้ก็เริ่มพูดได้เต็มปากว่าสมเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ว่าการที่แมนชวนผมไปปริ้นส์รูมจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากที่นั่นก็ถือเป็นเรื่องจริง
คู่นอนของผมถูกคีรีกับราเชนทร์กำหนดแต่แรก
งั้นถ้าลองนึกอีกแบบหนึ่งล่ะ...สมมติว่าราเชนทร์ยังผูกใจเจ็บที่โดนผมทิ้งหลังคบกันสามวันจนรู้สึกเสียหน้าขนาดหนัก เลยอยากทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมาแล้วชวนคีรีร่วมด้วย เพราะยังไงซะคีรีกับผมก็มีอะไรกันไปแล้วในวันแรก พอมาแจมในวันที่สองก็ไปเริ่มได้สวย แกล้งทำให้ผมสับสน ระหว่างนั้นก็แสร้งทำตัวดีให้ผมตายใจว่าเขาคิดอยากคืนดี
มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว
แต่...ราเชนทร์ก็ทำตัวเหมือนปกติตั้งแต่ตอนมาขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ขู่ทำร้ายร่างกายกันอีกแล้ว ก่อนหน้าที่ผมจะเซ็งจัดจนไปปริ้นส์รูมซะอีก
ไทม์ไลน์ไม่ตรงกัน
งั้นเอาใหม่ ราเชนทร์นั้นอยากคืนดีกับผมจริงๆ แต่เพราะคิดว่ายังไงก็เปลี่ยนตัวเองเผื่อผมไม่ได้ก็เลยวางแผนเอาคืนโดยลากคีรีมาเอี่ยว?
ชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่
“มายืนทำอะไรตรงนี้ ไม่รู้รึไงว่าขวางทางคนอื่น”
“โทษที” ผมรีบหลบทางให้ภาวินที่เพิ่งมาถึงเข้าไปเปลี่ยนชุดเครื่องแบบ เผลอยกมือนวดขมับเพราะใช้ความคิดมากเกินไป แถมยังไม่ได้ข้อสรุปที่ดีพอ
“ยาง...”
“หืม?”
“ยางที่ฉันให้หาเจอแล้วเหรอ”
“ว่าไงนะ”
ผมเพิ่งสังเกตอีกครั้ง ยางที่ข้อมือของผมตอนนี้มีสองเส้น สีน้ำตาลและสีเขียวเข้ม สีน้ำตาลย่อมเป็นของที่คีรีเอามาให้ผม แต่นั่นเป็นยางที่ผมทำหายในวันแรก ไม่ใช่ของที่ภาวินเอามาให้
เดี๋ยวก่อนผมมาฉุกใจคิดเอาตอนนี้เอง ยางสีน้ำตาลเป็นเส้นใหม่ ผ่านการใช้งานแค่ครั้งสองครั้ง ไม่มีทางเป็นยางรัดผมที่ใช้ประจำไปได้
ถ้าอย่างนั้น...ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าคีรีคือคนที่มีอะไรด้วยในคืนแรก ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นคืนที่สองงั้นเหรอ!?
ทฤษฎีทั้งหมดพลิกกลับตาลปัตรผมยังไม่อยากเชื่อ คิดว่าบางทีคีรีกับราเชนทร์แอบไปแลกหนังยางกันลับหลังเพื่อปั่นประสาทผมซะด้วยซ้ำ
จะเป็นไปได้ยังไง...เซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยมจากการที่คนสองคนยอมผ่อนจังหวะให้ไปพร้อมกันอย่างไม่เร่งร้อน นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างราเชนทร์ทำได้
และจะเป็นไปได้ยังไง...เซ็กซ์แสนจะเอาแต่ใจสักแต่โหมแรงเข้าหา จะมาจากคนขี้อายอย่างคีรี
อย่าหาว่าผมหมกมุ่นเลย แต่มันออกจะน่าเหลือเชื่อไม่ใช่รึไง นี่มันน่าสงสัยยิ่งกว่าการกระทำลับๆ ล่อๆ ของทั้งคู่ซะอีก! แต่ก็มีอีกวิธีที่ผมจะพิสูจน์ได้โดยไม่ต้องเปลืองตัวและกลับไปที่ปริ้นส์รูมอีกครั้ง เพราะทั้งสองคืนผมได้ฝากรอยรักอย่างลึกซึ้งไว้
ก่อนหน้านี้ที่ตัดคีรีทิ้งเพราะผมจิกเล็บข่วนบ่าเขาจนเลือดซิบ แต่เมื่อคืนทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นพวกหนังหนา ขนาดเศษแก้วบาดยังเหลือแค่รอยจางแทบมองไม่เห็นเวลาเช็ดเลือดออก ฉะนั้นรอยข่วนของผมที่ตอนนั้นมองแค่พริบตาอาจจะมีจริงก็ได้
จะให้ลองแบะอกเสื้อคีรีอีกรอบคงไม่เวิร์ค วิธีที่น่าลองคือหารอยกัดที่คอของราเชนทร์
ครับ คืนแรกผมฉุนจัดเลยกัดเข้าให้เต็มแรง รอยฟันน่าจะลึกกว่ารอยจิกเล็บอยู่แล้ว มานึกดูดีๆ นั่นก็คล้ายนิสัยเอาแต่ใจของแฟนเก่าอยู่เหมือนกัน เพียงแต่หลังจากนั้นออกจะยอมอ่อนข้อให้เกินไปจนเชื่อไม่ลง
“แมน วันนี้กูจัดการเอง”
“จะดีเหรอ”
“ไม่ต้องห่วง” ผมตบบ่าเพื่อนที่มักรับหน้าที่เป็นหนังหน้าไฟคอยจัดการตัวปัญหา ก่อนจะหันไปยิ้มการค้าให้กับราเชนทร์ที่ยกแก้วขึ้นชนอากาศราวแสดงความยินดีที่วันนี้ผมยอมเผชิญหน้ากับเขาสักที
“ลมอะไรหอบมากันเนี่ย หรือจะเป็นลมความรัก”
“หยุดเล่นสักวันไม่ได้รึไงครับ”
“ก็ชีวิตมีไว้เพื่อหาความสำราญนี่นา” ราเชนทร์ยังยึดติดกับตรระกะอันแสนจะเป็นอิสระของตัวเอง “ถ้าต้องนั่งจริงจังไปซะทุกเรื่องคงเส้นเลือดในสมองแตกก่อนพอดี”
คีรีที่นั่งห่างออกไปเหมือนรู้ตัวว่าถูกกระทบกระเทียบ แอบชำเลืองมองน้อยๆ ก่อนจะหันไปอีกทางไม่สนใจ
...ทำไมบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เหมือนจะเป็นศัตรูกันมากกว่ามิตรภาพนะผมปัดข้อสงสัยทิ้งแล้วหันมาปั้นยิ้มให้ราเชนทร์
“หลับตาสิครับ ผมมีอะไรจะให้”
“ว้าว นายทำเซอร์ไพรส์เป็นด้วยเหรอเนี่ย วันนี้พายุเข้ารึเปล่า”
ผมคิ้วกระตุก
“ล้อเล่นน่า ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ฉันก็ปฏิเสธคำขอของแฟนเก่าสุดที่รักไม่ได้หรอก” ราเชนทร์หันมายิ้มปลอบผมก่อนจะยื่นหน้าหลับตาแล้วทำปากจู๋ “เอาล่ะ มาสิจ๊ะ”
เอากับเขาเลยพ่อคนนี้ ผมมองเมินปากที่ยื่นมาข้างหน้าแล้วแนบมือประกบข้างแก้มของราเชนทร์ ทำเอาเขาเกร็งตัวอย่างตกใจ อะไรกัน ทำเป็นเก่งแต่ความจริงก็คาดไม่ถึงไม่ใช่รึไง ผมหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าแฟนเก่าท่ามากคนนี้บางทีก็พูดไร้สาระโดยไม่เจียมตัว ก่อนจะค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วลงจากแก้มทั้งสองเป็นข้างลำคอ ซุกซนหายไปในคอเสื้อ
เปลือกตาของราเชนทร์กระตุกทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแย้มยิ้มกว้างชอบพอ
“นายนี่ทำฉันแปลกใจได้ตลอดเลยนะ”
ผมไม่ตอบ เพราะตั้งอกตั้งใจที่จะแหวกสาบเสื้อของเขาโดยทำทีเป็นลูบไล้ยั่วยวน ภาวินถึงกับมองมาตาค้างอ้าปากเตรียมจะด่าที่ผมทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่ทำงาน แต่ก็โดนแมนลากไปหลบมุม เพื่อนรักของผมรู้ว่าผมไม่ลงทุนทั้งที่ไม่หวังผล ส่วนคีรี...
จากตอนแรกที่ชำเลืองมอง ตอนนี้เขาหันมามองอย่างเต็มตัว
ดวงตาใต้กรอบแว่นเข้มขึ้นเรื่อยๆ คล้ายไม่พอใจ
ผมหันไปสบตากับคีรีอย่างท้าทาย ชักอยากรู้ว่าเขาจะกล้าทำอะไรผิดข้อตกลงรึเปล่า ถึงจะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นการทำเป็นไม่รู้จักกันในคลับหรือขัดขวางเวลาใครคนหนึ่งเข้าหาผมหรือผมเข้าหาพวกเขาแน่นอน
ถ้าหากทำให้เขาแตกกันเองล่ะก็...ผมโน้มหน้าเข้าใกล้ราเชนทร์ แสร้งให้ลมหายใจสัมผัสโดนเป็นระยะจนชวนเสียดเสียว ราเชนทร์ถึงกับนั่งกำมือแน่นคล้ายพยายามระงับตัวเองไม่ให้ลืมตาแล้วทำเสียเรื่อง มันทำให้ผมอยากแกล้งขึ้นมาลึกๆ จนเผลอกัดติ่งหูเขาเบาๆ
“รัญ...” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อดกลั้นทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาแกมกระเซ้า ก่อนจะทำตามขั้นตอนที่วางไว้โดยการฉวยจังหวะที่ราเชนทร์เผลอเคลิบเคลิ้มค่อยๆ ไล่ปลายนิ้วไปตามตำแหน่งในความทรงจำ...เหมือนจะเจอกับรอยบุ๋มเล็กๆ เป็นแนวยาว ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ เลยใช้ปากกัดคอเสื้อทำเป็นเปิดอ้า ก่อนจะตะลึงเมื่อเห็นรอยจางเรียงแถวเป็นรูปวงกลมในระยะประชิด
ผมผละตัวออกห่างทันที
“รัญ?” ราเชนทร์ลืมตาเมื่อสัมผัสวาบหวิวทั้งหมดหายไปโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาที่มองผมนั้นแฝงแววหยาดเยิ้มระคนสงสัย
ให้ตายเถอะ!“คุณนี่...ก็ทำให้ผมแปลกใจได้เสมอเหมือนกันนะ” ผมนึกประโยคอื่นนอกเหนือจากนั้นไม่ได้จริงๆ เมื่อหันไปมองคีรีก็พบว่าเขากำแก้วในมือจนแตกละเอียด ร้อนให้ภาวินกับแมนต้องรีบเข้าไปทำความสะอาด
ถ้าเกิดราเชนทร์คือคนในคืนแรก และคีรีคือคนในคืนที่สอง งั้นทฤษฎีก่อนหน้านี้ที่ผมคิดไว้หมายความว่ายังไงล่ะ
ทั้งที่พอจับจุดได้แล้วแท้ๆ สุดท้ายกลับไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว!
แถมยัง...
“รู้สึกเสียท่ายังไงไม่รู้สิ” ราเชนทร์หัวเราะเบาๆ ขณะลูบลำคอ แต่สายตาไม่ยักเล่นด้วย ส่วนคีรีนั้นไม่ต้องพูดถึง การกระทำของเขาทำเอาผมหวาดกลัวจับใจ
ซวยของจริงแล้วไง หรัญญ์เอ๊ย-------
ตอนนี้สั้นหน่อยเพราะตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่ส่วนสำคัญค่ะ นี่ยังแค่เกริ่นอยู่เลย เรื่องยังเพิ่งเริ่มต้น อย่าเพิ่งนับศพทหารนะคะ!
แต่สองคนที่เข้ารอบตอนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ส่วนภาวินเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีบทบาทหรอกนะคะ อันนี้กระซิบไว้ก่อน แล้วมีอย่างหนึ่งเราชอบมาก...คุณนักอ่านตั้งฉายาได้สุดยอดจริงๆ อ่านแล้วขำก๊าก ฉะนั้นตอนนี้เลยแยกเป็นสองทีมนะคะ
#ทีมคีรีขัน กับ #ทีมเชื้อรา 5555
เพจนักเขียนทีมรัญดะอิจิ เพราะไม่นกแน่นอน!