ตอนที่ 2 : คนสามคน
หกโมงคือเวลาเข้างานของผม หลังเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบและทำความสะอาดเคาน์เตอร์บาร์เรียบร้อย ลูกค้ารายแรกก็ทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่เคาะโต๊ะเบาๆ คล้ายโอ้อวดนาฬิกาเรือนใหม่รุ่นลิมิตเต็ดฝังเพชรที่คงจะไปประมูลได้มาอีกตามเคย
ผมกับแมนลอบสบตาอย่างรู้กัน
ไอ้ตัวปัญหามาอีกแล้ว“ไปเถอะรัญ กูจัดการเอง”
“ใจว่ะ” ผมตบบ่าเพื่อนซี้ที่ช่วยสลับตำแหน่งรับหน้า แต่คุณลูกค้าไม่วายตะโกนข้ามหัวแมนทักทายผมจนได้
“เปลี่ยนยางรัดผมทำไมล่ะรัญ”
ผมชะงัก เผลอลูบหนังยางเส้นใหม่ที่หยิบมาใช้ลวกๆ อย่างไม่ตั้งใจ...หนังยางเส้นเก่าของผมเป็นยางเส้นใหญ่สีน้ำตาล สวมเป็นกำไลข้อมือได้ แต่อันใหม่เป็นหนังยางวงเล็กเหมือนมัดถุงแกง แม้จะเห็นความแตกต่าง ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่มีทางรู้เด็ดขาด
แล้วนึกอุตริอะไรมาสังเกตหนังยาง ถ้าไม่ใช่ว่า...
ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน นึกถึงความเป็นไปได้ มองหน้าลูกค้าตัวปัญหา ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างเชื่อมั่น
ผมเคยมีเซ็กซ์กับหมอนี่มาแล้ว แน่ยิ่งกว่าแน่ว่าไม่ใช่คนเมื่อคืนแน่นอน!
ครับ คู่นอนที่ผมเคยควงจนเกิดปัญหาตามมาจนเข็ดขยาดไม่กล้าสุงสิงกับลูกค้าในคลับอีก ก็คือนาย ‘ราเชนทร์’ ที่นั่งหน้ายิ้มแถมยังโบกมือทักทายนั่นแหละ!
ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน แต่ลูกค้าที่สามารถนั่งหน้าสล๋อนในคลับได้เกือบทุกคืนอย่างเขาก็การันตีแล้วว่ากระเป๋าเงินหนักใช่ย่อย แม้ส่วนใหญ่จะคลุกกับบาร์ชั้นสอง แต่บางครั้งเบื่อๆ เขาก็ลงไปถลุงเงินเล่นที่ชั้นหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งการพนัน แล้วขึ้นมาโอดครวญกับผมบ้าง ไม่ก็กระแซะให้ผมแสดงความยินดีกับเขาบ้าง
ราเชนทร์เป็นคนขยันแจกขนมจีบอย่างสม่ำเสมอ พอได้กินนานวันเข้าก็เลยตอบตกลงก่อนจะสำลักตายซะก่อน แต่ผมทนได้แค่สามวันเท่านั้นแหละ เพราะพอเขยิบสถานะขึ้น ไอ้ท่าทางสบายๆ เหมือนกินลมชมวิวก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งหึงทั้งหวง แล้วยังบีบบังคับให้ผมตามใจเอาใจสารพัด เรื่องบนเตียงยิ่งไม่ราบรื่น เพราะเขายึดตัวเองเป็นศูนย์กลางและคิดว่าแน่ซะเหลือเกิน
พอผมบอกเลิก ราเชนทร์ฉุนจัดขนาดให้คนมาขู่ทำร้ายผม จนต้องขอหยุดงานชั่วคราวเพราะไม่กล้าออกไปไหน
ไม่รู้ว่าผีบ้าออกจากร่างหรือใครมาเรียกสติ หลังจากนั้นไม่นานราเชนทร์ก็มาขอโทษขอโพย อย่างกับหนังคนละม้วนชนิดที่ผมปฏิญาณกับตัวเองดังๆ ว่าไม่มีวันลดตัวไปคบกับหมอนี่อีกแน่นอน!
...นั่นเป็นเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
แต่ขอโทษเถอะ หลังจากราเชนทร์เค้นให้ผมพูดคำว่ายกโทษให้ในครั้งนั้นแล้ว เขาก็มานั่งเล่นกินลมชมวิวในคลับอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น แถมยังคอยแซวคอยหยอกผมเป็นระยะ เล่นเอาหงุดหงิดอยากจะปาแก้วเหล้าใส่ทุกที
“รัมมาตินี่”
“ครับ”
ผมหันไปรับลูกค้าที่ทิ้งตัวนั่งห่างจากราเชนทร์สามช่วงตัว นึกแปลกใจเพราะไม่คุ้นหน้ามาก่อน แถมมาถึงก็มุ่งมั่นสั่งค็อกเทลแบบเข้มข้นซะด้วย ผมลอบมองลูกค้าแม้จะรู้ว่าเสียมารยาท แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าคนหน้าเครียดสวมแว่นกรอบเหลี่ยมสุดแสนไร้ความบันเทิงกระทั่งผมยังหวีเรียบไม่กระดิกแถมไม่เคยทำสีมาก่อนแบบนี้ถ้าดื่มเข้าไปแล้วจะน็อกจนต้องเรียกให้คนมาหามหรือเปล่า
บาร์เทนเดอร์ที่ดีต้องรู้จักสังเกตลูกค้า ถ้าเห็นท่าว่าไม่ไหวก็ควรห้ามปราม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีมีคนจ่ายค่าเครื่องดื่มเอาได้
มือที่เอื้อมไปหยิบแก้วค็อกเทลแช่แข็งสำหรับมาตินี่ลังเลเล็กน้อย ผมตัดสินใจหันมายิ้มหวานให้กับลูกค้าหน้าใหม่
“เพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ ดื่มไซด์คาร์จะช่วยให้กระชุ่มกระชวยมากกว่ามาตินี่ที่มีรสแรงกว่านะครับ”
“ไซด์คาร์?”
ชัดเลย หน้าใหม่ไม่พอยังใหม่สำหรับค็อกเทลอีกด้วย ผมเจอมาหลายคนแล้วที่มาถึงก็สั่งมาตินี่เพราะมักถูกพูดถึงในหนังบ่อยๆ ฟังแล้วดูเท่ น่าลอง หารู้ไม่ว่ามีหลายรายเหลือเกินอ้วกแตกเพราะเครื่องดื่มที่ว่ามาแล้ว
“ครับ ไซด์คาร์มีรสของมะนาวทำให้รู้สึกสดชื่น ให้ความรู้สึกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ รับรองคุณต้องชอบแน่นอน” การตบท้ายด้วยการพูดเป็นเชิงบวก ร้อยทั้งร้อยพวกลูกค้าที่เพิ่งเคยเข้าคลับและกลัวเสียหน้ามักจะหลงติดกับอย่างง่ายดาย
“งั้นก็เอามาลองดูแล้วกัน”
“ครับ” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปจัดการกับค็อกเทล บาร์เทนเดอร์ทุกคนล้วนถูกฝึกให้มีบุคลิกที่สง่าผ่าเผยหลังเหยียดตรง ทุกองศาในการหยิบจับอุปกรณ์หรือเขย่าเชคเกอร์นั้นต้องผ่านการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หน้ากระจก เรียกได้ว่าผสมผิดส่วนนิดหน่อยไม่ว่า แต่ขอท่าสวยไว้ก่อนเป็นดี
ถ้าเป็นลูกค้าผู้หญิงผมจะใช้น้ำตาลโรยรอบปากแก้ว แต่สำหรับผู้ชายอย่างลูกค้าหน้าใหม่ที่สวมแว่นเคร่งเครียดปานพนักงานกินเงินเดือนที่อดได้โบนัส ผมคิดว่าการตกแต่งเครื่องดื่มให้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กออกจะเป็นการหยามหน้าซะมากกว่า
“หึ เครื่องดื่มผู้หญิง”
...ไอ้ตัวปัญหาราเชนทร์ไม่วายระรานมาถึงฝั่งนี้
ลูกค้าหน้าใหม่ถึงกับไม่กล้ายกดื่มเมื่อโดนดูถูก ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเป็นอะไรที่น่าปวดหัว แต่ใช่ว่าผมจะไม่เคยเจอความกระอักกระอ่วนนี้มาก่อน
“ไซด์คาร์ไม่ใช่เครื่องดื่มผู้หญิงหรอกครับ ผู้ชายหลายคนก็ชอบดื่มเพราะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าหลังทำงานตลอดวัน...ที่ผมแนะนำเพราะสีหน้าคุณดูเคร่งเครียดอิดโรย หากดื่มมาตินี่ที่มีรสชาติแรงแทนที่จะช่วยให้ผ่อนคลายอาจจะรู้สึกง่วงนอนมากกว่า” ผมคลี่ยิ้มพลางเอ่ยอย่างสุภาพ บาร์เทนเดอร์นอกจากจะท่าสวยแล้วต้องมีทักษะการพูดโน้มน้าวที่ดี แม้ผมจะไม่ช่างพูดช่างคุยมีอัธยาศัยดีเท่าแมน แต่เรื่องการหว่านล้อมเรียกทิปนั้นถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของคลับเลยทีเดียว
“จะบอกว่าฉันไม่ทำงานทำการเอาแต่หาความสำราญงั้นสิ” ราเชนทร์พยายามไล่ต้อนให้จนมุม
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ รัมมาตินี่เองก็เหมาะกับคุณราเชนทร์ ให้ภาพลักษณ์ของหนุ่มเจ้าสำราญที่เร่าร้อนเชิญชวน” พูดไปก็ชักกระดากปาก ผมเลยเลี่ยงสายตากลับมาหาคุณลูกค้าหน้าใหม่ที่ดูเหมือนจะติดใจไซด์คาร์อย่างที่คิด “ค็อกเทลมีหลากหลายใช่ว่าจะเหมาะกับคนทุกคนเสมอใป หน้าที่ที่จะเลือกเครื่องดื่มให้ตรงใจกับคนเหล่านั้นก็คือบาร์เทนเดอร์อย่างพวกผม ใช่มั้ยล่ะครับ”
“เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงชอบนาย หรัญญ์”
ผมได้แต่ยิ้มค้างอย่างเคยชิน ทุกวันมานี้ฟังคำหยอกเย้าของราเชนทร์จนมีภูมิต้านทานขึ้นมาก แม้เท้าจะแอบกระตุกเป็นระยะบ้างก็ตาม
“หรัญญ์”“ครับ?” ผมขานรับอัตโนมัติเมื่อถูกเรียกชื่อ พอเจอกับสายตาวาวระยับใต้แว่นกรอบเหลี่ยมก็เล่นเอารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ผมไม่ค่อยบอกชื่อจริงตัวเองกับลูกค้าเท่าไหร่ หากถูกถามก็จะบอกแค่ให้เรียกว่า ‘รัญ’ เท่านั้น สำหรับราเชนทร์เป็นกรณีพิเศษที่คิดว่าพอจะคาดเดากันได้ แต่ลูกค้ารายใหม่ที่ไม่ถูกกับคลับอาจจะมีความนัยมากกว่าที่คิด
ไม่สิ เป็นผมเองที่ตื้นเขิน ควรจะรู้อยู่แล้วเชียวว่าลูกค้าทุกคนที่ผ่านระบบคัดกรองมาเป็นสมาชิกของคลับล้วนไม่ธรรมดา
รวมถึงพนักงานเงินเดือนที่ดูจะทำงานหนักจนแก่กว่าวัยตรงหน้าผมก็ด้วย
“คีรี”
“ครับ?”
“ฉันชื่อคีรี ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณหรัญญ์”
“ครับ...” ผมยิ้มเก้อ บาร์เทนเดอร์ที่ดีไม่ควรชักสีหน้าใส่ลูกค้า แม้สังหรณ์กำลังบอกเตือนว่าโดนจีบ ‘อีกแล้ว’
แมนเข้ามาศอกใส่ผมอย่างรู้กัน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่อาจเพราะท่าทางสุภาพอย่างไว้ตัวของผมเป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าพอสมควร ผิดกับแมนที่มักมีคนเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิต หรือบอกเล่าเรื่องราวร้อยละเก้าสิบ ส่วนคนที่เข้าหาผมมักจะหวังอย่างอื่นมากกว่า
แถมมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นผู้ชายซะด้วยสิ
ไม่รู้ว่าการที่ผมชอบเพศเดียวกันนั้นดูออกง่ายมาก หรือเพราะการไว้ผมยาวทำให้ดูไปในแง่นั้น แต่ผมแสนจะระอาใจเหลือเกินเมื่อต้องคุยกับลูกค้าที่รู้เต็มอกว่าคิดไม่ซื่อ
มันทำให้การทำงานเป็นไปอย่างน่ารำคาญ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้มองความตั้งใจในการคัดเลือกเครื่องดื่ม หรือท่าเขย่าเชคเกอร์ที่ซุ่มซ้อมแทบตายของผม แต่มัวเมียงมองหาโอกาส สร้างโอกาส และยังแย่งผมพูดในบางครั้งรวมทั้งตัดโอกาสลูกค้าคนอื่นอีกต่างหาก
ปวดกระดองใจเหลือเกิน หรัญญ์เอ๊ย
ราวกับว่าวันนี้มาลองเชิง หลังดื่มไซด์คาร์และชวนผมคุยเป็นระยะ นายคีรีก็ขอตัวกลับเอาตอนสี่ทุ่มในช่วงที่คลับเริ่มวุ่นวาย ดูจากสีหน้าคิ้วขมวดของเขา คงจะไม่ชินกับที่แห่งนี้อย่างมาก
ผมมองนามบัตรที่สอดมาใต้ทิปห้าพันแล้วถึงกับมือสั่น
ประธานบริษัทอหังสาริมทรัพย์ ABC...นั่นมันบริษัทติดอันดับในประเทศไม่ใช่รึไง! ผมตกได้ปลาตัวใหญ่รึเปล่าเนี่ย ตอนแรกที่ได้ผมคิดจะทิ้ง แต่พออ่านตำแหน่งไม่รู้ทำไมมือเจ้ากรรมถึงได้เก็บนามบัตรไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างดี...
ความโลภเป็นเรื่องปกติของคน และผมเองก็ใช่ว่าจะร่ำรวย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องก้มหน้าก้มตายอมทำงานกลางคืนชงเหล้าชงเครื่องดื่มคอยยิ้มให้ลูกค้า ที่มีทั้งเข้ามาจีบ ทั้งชวนหาเรื่อง แล้วยังกินกันเองให้ดูจนแทบจะเป็นตากุ้งยิงหรอก
แน่นอนว่าผมยังคงยึดคำปฏิญาณที่ว่าจะไม่คบลูกค้าถือเป็นอันดับหนึ่ง แต่ใช่ว่าจะคุยเล่นแบบมิตรภาพลูกผู้ชายไม่ได้สักหน่อยนี่ เจอกันวันแรกนายคีรีก็ใจป้ำให้ผมมาห้าพัน ถ้างวดหน้าทำเป็นแกล้งแตะมือโดนตัวบ้าง อาจจะเพิ่มขึ้นมาหน่อยก็ได้
อย่าเพิ่งกล่าวหากันเลย ผมไม่ได้ขายตัว อันนี้น่าจะเรียกว่า...อืม...มอบความสุขให้เล็กๆ น้อยๆ ส่วนคนจ่ายจะให้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับความพึงใจ!
เอาน่า ถ้าคิดในแง่การถูกทารุณกรรมทางจิตใจของผมที่ต้องอดทนฝืนยิ้มจนบอบช้ำแทบกระอักเลือด ก็นับเป็นค่าตอบแทนที่เหมาะสมแล้วไม่ใช่รึไง
ใช่ ใช่แล้ว ใช่แน่นอนที่สุด
ในเมื่อการเทคแคร์ลูกค้าเป็นพิเศษจนอาจเสียโอกาสที่จะบริการลูกค้าคนอื่น เขาก็ควรจะให้ผมมากเป็นพิเศษเพื่อชดเชยในค่าที่ควรจะได้ของผมสิ!
คิดอีกก็ถูกอีก“รัญ ยืนนิ่งทำอะไรน่ะ ลูกค้าทยอยมาเยอะแล้วนะ หันมาได้แล้ว”
“โทษที” ผมหันมาพูดหน้านิ่งโดยไม่เผยซึ่งความคิดอกุศลแม้แต่น้อย ทักษะแสดงสีหน้านั้นพวกเราล้วนถูกฝึกฝนพอๆ กับการเขย่าเชคเกอร์ แม้โดนลูกค้าอ้วกใส่ก็ห้ามคิ้วกระตุกแม้แต่นิดเดียว!
ถ้าจะถามถึงความแตกต่างระหว่างคีรีกับราเชนทร์ นอกจากนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วแล้ว ภาพลักษณ์ก็เรียกได้ว่า ‘ฟ้ากับเหว’ ราเชนทร์เป็นลูกครึ่ง...ครึ่งอะไรสักอย่างแต่ไม่ใช่ไทยแท้เพราะผมมีสีน้ำตาลทองธรรมชาติ ดวงตาก็สีอ่อนกว่าปกติ รูปร่างสูงมีกล้ามเนื้อแบบชาวตะวันตก และนั่นทำให้เจ้าตัวมีความมั่นใจในตัวเองมากจนน่ากระทืบเป็นระยะ แถมยังชอบใส่ของแบรนด์เนมอวดรวยและคิดว่าตัวเองดึงดูดสายตาชื่นชมอิจฉา หารู้ไม่ว่าเป็นสายตาของการมองตัวประหลาดซะมากกว่า
ราเชนทร์เป็นหนุ่มที่ไม่ทำอะไรก็มีเงินตกลงมาจากฟ้า ทำให้ดูเจ้าสำราญและค่อนข้างใจใหญ่ แต่สำหรับคนที่เคยคบกันแล้วผมบอกเลยว่า ไอ้หมอนี่แม่งใจแคบมากต่างหาก!
ผิดกับคีรี รายนี้สมเป็นท่านประธานบริษัทติดอันดับของประเทศ การแต่งกายเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า เสยผมเรียบไม่กระดิกวางมาดสุขุม หน้าตาเคร่งเครียดดูจริงจังกับทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนท่ามากเท่าราเชนทร์ เพราะตอนผมแนะนำเครื่องดื่มก็ยอมโอนอ่อนง่าย พูดน้อยแต่เข้าประเด็น ไม่ใช่พล่ามถึงดินฟ้าอากาศหมาตดแมวหาย และไม่ฝืนทำเกินตัว หรือฝืนใจรุกเกินขอบเขต นับว่าพอคบหาได้...อืม ไม่ใช่เพราะว่าตำแหน่งหรือทิปห้าพันหรอกนะที่ทำให้ผมคิดว่าเขาคบหาได้น่ะ
แต่ถ้าให้เลือกกันจริงๆ ผมขอไม่เลือกใครสักคน ราเชนทร์บ้าเกินไป ส่วนคีรีก็จริงจังกันไป ทั้งสองต่างกันสุดขั้ว และผมไม่ชอบที่จะเป็นคนปรับจูนอยู่ตรงกลางซะด้วยสิ แค่เรื่องตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว ถ้าคบแล้วยุ่งสู้อย่าสานต่อจะดีกว่า
“ไอ้ตัวปัญหาล่ะ” ผมกระซิบถามถึงราเชนท์ที่ไม่รู้หายหัวไปไหน
“ลงไปชั้นหนึ่งน่ะ เดี๋ยวก็ขึ้นมาแล้ว ไม่ต้องรีบคิดถึงหรอก”
ผมแอบตบหลังแมนที่กล้าแซวมาได้ อย่าว่าคิดถึงเลย แค่นึกหน้าราเชนทร์ก็ทำเอาผมขนลุกเกรียวอย่างเข็ดขยาดแล้ว
บาร์เทนเดอร์ประจำบาร์มีทั้งหมดสามคน ค่อนข้างสนิทสนมกันพอประมาณเพราะต้องช่วยกันในกรณีที่หากคนใดคนหนึ่งเผลอหลุดหรือโดนลูกค้าต่อว่าด้วยความมึนเมาไร้เหตุผลแล้วดันใส่อารมณ์กลับ ทำให้พวกเราค่อนข้างเข้าอกเข้าใจกันดี โดยเฉพาะเวลามีลูกค้าสะกิดขอซื้อถุงยางแทนเครื่องดื่ม ครับ คิงส์คลับแห่งนี้นอกจากเครื่องแล้วยังมีสินค้าสารพัดอย่างให้เลือกสรร ซึ่งขอเว้นไว้ไม่อธิบายลงลึกเพื่อความปลอดภัย
แต่ถ้านอกเวลางาน หรือลูกค้าเริ่มหันไปสนใจกันเอง คนบางคนก็จะขว้างความสามัคคีทิ้งลงถังขยะ
“คู่ขานายล่ะ”
และกลายเป็นชวนหาเรื่อง
ทักษะการแสดงสีหน้าถูกดึงมาใช้แม้กระทั่งกับเพื่อนรวมงาน แม้ความจริงอยากจะกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายมากกว่าก็ตาม
“สนลูกค้านายเถอะ” ผมเอ่ยอย่างเย็นชาแล้วหันมาทำความสะอาดแก้วเหมือนยุ่งเป็นนักหนา วาจาอันลื่นหูไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยให้เปลืองน้ำลายกับคนที่ไม่มีวันให้ทิปตอบแทน แม้ยิ่งดึกลูกค้าจะยิ่งเยอะ แต่ค็อกเทลเลิศหรูอลังการที่ต้องใช้ทักษะนั้นแทบไม่เคยได้เผยโฉม เนื่องจากลูกค้าในช่วงนี้ไม่ได้ตั้งใจละเลียดชิมรสชาติอันหอมหวานของเครื่องดื่ม แต่เป็นการหาอะไรเทลงท้องให้คึกคักซะมากกว่า น้อยนักจะหลงมาสักคนสองคน ซึ่งถือว่ามีจุดประสงค์อย่างอื่นแบบที่พอรู้กันดี ที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือการกันขวดแอลกอฮอล์ที่เรียงรายทั้งหลายให้ห่างมือลูกค้า เพราะหากมีเรื่องขึ้นมา ขวดเหล้ามักจะเป็นอย่างแรกที่ถูกใช้เป็นอุปกรณ์วิวาท บาร์เทนเดอร์อย่างพวกเราล่ะแสนจะไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ยกโต๊ะทุ่มขว้างเก้าอี้ใส่กันไปเลย
“ไอ้วินมันหาเรื่องอีกแล้วเหรอ”
“อืม”
ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ การต่อปากกับเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็พอๆ กับทำหูทวนลมคำพูดของราเชนทร์นั่นแหละ
ในเมื่อผมยังทนให้ตัวปัญหาลอยหน้าลอยตาได้ แล้วกับแค่ลมปากที่เหมือนมดคันไฟกัด ทำไมจะทนไม่ได้
“มันคงเซ็งเพราะมึงเล่นดึงลูกค้ารวยๆ ไปหมด”
“ถ้ายกให้ได้ก็ทำไปแล้ว แต่ในเมื่อให้ไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไง” ผมว่าอย่างกลัดกลุ้มทั้งที่ทำหน้าตาย
“...กวนตีนนะมึง”
ผมอมยิ้ม ดึงหนังยางแล้วรวบผมใหม่เพราะรู้สึกตึงๆ ตามขอบหน้าผาก สงสัยพรุ่งนี้ต้องไปซื้อหนังยางใหม่ซะแล้ว ยางวงเล็กแบบนี้รัดเน้นเกินไป คล้ายเลือดจะไม่เดินชอบกล
จู่ๆ หนังยางเส้นใหญ่สีน้ำตาลก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม
เล่นเอาลอบสะดุ้งเพราะนึกว่าเป็นเส้นที่ทำหาย พอมองดีๆ ค่อยสังเกตว่าเส้นนี้ใหม่กว่ามาก เหมือนยังไม่เคยได้ใช้เลยด้วยซ้ำ
“...ต้องทำอะไรตอบแทนรึเปล่า” ผมถามอย่างระแวง เพราะคนที่ยื่นมาดันเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชอบเขม่นผมอย่าง ‘ภาวิน’ ซะนี่
“ไม่ต้องหรอกน่า” ภาวินชักเสียงหงุดหงิด ยื่นหนังยางแทบจะกระแทกหน้าผม “ก็แค่หนังยางเส้นเดียว”
นั่นน่ะสิ ก็แค่หนังยาวเส้นเดียว แต่...
“แล้วนายพกทำไม”
นอกจากผมแล้วบาร์เทนเดอร์และพนักงานส่วนใหญ่มักไว้ผมสั้นเพื่อไม่ให้เกะกะในการทำงาน มันน่าแปลกมั้ยล่ะที่หนึ่งในนั้นจะพกหนังยางแบบเดียวกับที่ผมใช้ติดตัวไว้ตลอด
“จะเอาไม่เอา”
“เอาสิ” ในเมื่อคนเต็มใจให้ผมก็ยินดีน้อมรับ ไม่อยากจะขัดน้ำใจของฟรีนักหรอก
น่าแปลก พอให้แล้วภาวินก็ยังยืนข้างผม ชวนคุยอย่างหาได้ยาก
“เส้นเก่าไปทำหายที่ไหนล่ะ”
ใจกระตุกอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่เพราะโดนจี้ใจดำ
“รู้ได้ไงว่าทำหาย” ผมถามเสียงเบาขณะแอบสังเกตภาวิน หมอนี่อายุเท่ากับผมคือยี่สิบห้า รูปร่างสูงกว่าเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลทองย้อมสั้นระตันคอเซ็ทเป็นทรงเท่ๆ เปลี่ยนไปตามอารมณ์และกระแสศิลปินในช่วงนั้นๆ ความจริงหมอนี่ก็หน้าตาดี แต่ที่ไม่ค่อยมีลูกค้าติดพันก็เพราะควบคุมปากไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอะอะก็เคยจะถลาไปต่อยลูกค้าที่แอบลวนลามผู้หญิงต่อหน้าด้วยซ้ำ เรื่องแบบนี้พูดกล่อมเอาก็ได้ แต่ดันเลือดร้อนจนโดนอัศวินคุมชั้นสองเรียกไปตำหนิหลายหน
“หรือจะบอกว่าทำขาดกันล่ะ? ยางเส้นใหญ่ขนาดนั้นให้กระชากตรงๆ ยังยากเลย”
“ก็จริง” ผมพึมพำคล้อยตาม ตัดข้อสงสัยเรื่องภาวินเป็นคู่นอนในคืนนั้นไปได้ ไม่รู้ทำไมทั้งที่ควรจะสลัดเรื่องปริ้นส์รูมไปได้แล้ว แต่เวลาเจออะไรมากระทบให้เข้าหน่อยก็พลอยย้อนนึกถึงเซ็กซ์อันยอดเยี่ยมทุกที
คงเพราะในใจลึกๆ แล้วผมก็อยากรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
แต่ก็แอบกลัวไม่น้อยว่าถ้าเป็นคนที่ชังขี้หน้าขึ้นมาจะกลายเป็นความทรงจำอันเลวร้ายแทน
ควรพอได้แล้วสินะ
“คืนนี้ไปปริ้นส์รูมอีกรอบมั้ย” แมนหันมากระซิบหลังภาวินเดินผละออกไป
“เอาสิ” ผมตอบกลับโดยไม่ต้องคิด
อย่า อย่าเพิ่งมองอย่างตำหนิเชียว...ผมหยุดอย่างที่ตั้งใจแล้วนะ แต่การไปพิสูจน์อีกครั้งก็เป็นวิธีตัดขาดที่ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดเจอคู่นอนคนใหม่ ก็ยิ่งเตือนใจว่าการจะงมหาคนที่ไม่รู้หน้าคาตาเพราะมัวแต่คลำกันในความมืดนั้นเป็นเรื่องเกินจริง
ดับฝันตัวเองซะด้วยการเดินหน้าลุยเอาโต้งๆ
ก็นับว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดดี...ละมั้งนะ
---------
หรัญญ์เอ๊ย หนูมีความแถมากเลยลูกเอ๊ย 555
หรัญญ์เป็นนายเอกแนวไม่เรื่องมากค่ะ เป็นประเภทคิดอะไรก็ทำเลย รู้สึกยังไงก็บอกไปเลย ไม่ปิดบังยึกยัก ไม่มานั่งลังเลชั่งใจซ้ำไปซ้ำมา กลัวก็บอกกลัว โลภก็บอกโลภ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ลุยก็คือลุย ฉะนั้นคำบรรยายจะไม่วกวนสักเท่าไหร่ ออกจะทื่อๆ ตรงๆ ซะด้วย เป็นเด็กดีมีวินัยมากๆ น่ารักน่าเลี้ยง แต่ใครจะได้ไปนั้น...เตรียมเล็งได้เลยค่ะ
ไฟเขียวเปิดตอนหน้า อย่าลืมพกทิชชู่กันไว้ด้วยนะคะ!
เพจนักเขียนที่เตรียมตั้งกล้องอินฟราเรดในมุมมืด 3 2 1 พร้อม!