ราเชนทร์ - คีรี Part 2
คีรีเพิ่งเคยเห็นหรัญญ์ตัวจริงก็ตอนที่ราเชนทร์บังคับด้วยสีหน้าสดใสอย่างกับโด๊ปยาให้มาดูผ่านกล้องวงจรปิด
อย่าเพิ่งคิดไกล คีรีไม่ได้ดูฉากเซ็กซ์ของทั้งคู่ ห้องมืดขนาดนั้นจะเปลืองค่าติดกล้องไปทำไมในเมื่อไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว แต่เขาดูกล้องวงจรปิดที่ติดในห้องพักต่างหาก ถึงจะละเมิดความเป็นส่วนตัวไปสักหน่อย แต่คีรีเป็นคนสั่งติดเผื่อสำหรับลูกค้าที่คิดว่าอาจจะมีปัญหา เช่น เข้ามาขโมยของ หรือลากคู่นอนให้ออกมาที่ห้องนี้เพื่อเปิดเผยหน้าตา
แม้ราเชนทร์จะใช้เป็นอุปกรณ์ส่องหนุ่มแทนก็เถอะ
แถมยังชวนเขามาดูด้วยกันอีก
“เป็นไงๆ”
มองคนที่กระเหี้ยนกระหือรือรอความเห็น คีรีก็นวดขมับอย่างพยายามทำความเข้าใจ และมองเมินคนที่ก้มจูบยางรัดผมสกปรกอย่างกับคนบ้า เก็บติดตัวไม่ห่างเหมือนเป็นเครื่องรางของขลัง
“เป็นไงคืออะไร”
“ก็รัญของฉันไง น่ารักใช่มั้ยล่ะ เห็นแล้วหลงรักเลยล่ะสิ ชอบเลยใช่มั้ย”
คีรีหันไปมองคนบนเตียงที่นอนตะแคงหลับปุ๋ย เห็นแค่โคนขารำไรเพราะผ้าห่มปิดหมิ่นเหม่แล้วพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าชอบแล้วก็ไปสมัครสมาชิกคิงส์คลับสิ เดี๋ยวฉันแนะนำให้เอง”
“ไม่หวงแล้วรึไง”
“หวงสิ” ราเชนทร์เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง แฝงความหวงแหนพร้อมจะตามตื้บคนที่บังอาจมาเกาะแกะของรัก “แต่หวงไปถ้าไม่ได้แตะก็เท่านั้น”
สงสัยจะกินยาผิด ไม่ก็ล้มหัวฟาดพื้นสินะคีรีคิดว่าเขาควรจะพาเพื่อน...เอ่อ....ศัตรู? เอ่อ...อะไรก็ตามที่ส่งเสียงกวนหูอยู่ตอนนี้ไปโรงพยาบาล แต่พอหลอกให้ออกมาด้วยกันสำเร็จ เขาก็มารู้ตัวเอาทีหลังว่าเป็นฝ่ายถูกราเชนทร์หลอกให้ไปสมัครสมาชิกบัตรของคิงส์คลับ
เงินที่เสียไปแม้จะไม่กระทบขนหน้าแข้ง แต่ก็ทำเอาท่านประธานบริษัทขมวดคิ้วมุ่นทบทวนว่ามันคุ้มกันแล้วหรือ คีรีไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอย่างราเชนทร์ ไม่ใช่คนติดวัตถุแบรนด์เนมรวมถึงเสพติดการพนันหรือพวกของบันเทิง
เขามักใช้เงินและเวลาไปกับโรงยิมมากกว่า
แต่ในเมื่อจ่ายเงินไปแล้ว และราเชนทร์ตัวต้นเรื่องก็ชิ่งหาย คีรีทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมมาที่คิงส์คลับในช่วงเย็น แม้อีกใจจะนึกอยากเห็นหรัญญ์อยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงทำให้คนอยู่ไม่สุกอย่างราเชนทร์ยอมหยุดและทำทุกอย่างให้ถึงขนาดนี้
“รัมมาตินี่”
“ครับ”
ความประทับใจแรกพบ...ยังคงเป็นความนิ่งสงบที่ไม่ได้ไหวหวั่นอะไร คีรีลอบสังเกตหรัญญ์...คนคนนี้ผมยาวกว่าตอนที่ราเชนทร์เคยแอบถ่าย เวลารวบมัดขึ้นเผยให้เห็นท้ายทอยอย่างนี้ทำให้ดูยวนใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก สายตาของคีรีไล่ตามทุกการเคลื่อนไหว นับตั้งแต่ขานรับและหันไปเตรียมแก้ว ท่าทางลังเลนั้นทำให้เขายิ่งสนใจ และเกือบสะดุ้งเมื่อหรัญญ์หันกลับมายิ้มให้พร้อมเอ่ยแนะนำด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่น่าฟัง
“เพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ ดื่มไซด์คาร์จะช่วยให้กระชุ่มกระชวยมากกว่ามาตินี่ที่มีรสแรงกว่านะครับ”
“ไซด์คาร์?”
เดิมทีคีรีสั่งมาตินี่เพราะเคยเห็นราเชนทร์ดื่ม แต่ถ้าให้ลิ้มลองบอกเลยว่าไม่เคย
“ครับ ไซด์คาร์มีรสของมะนาวทำให้รู้สึกสดชื่น ให้ความรู้สึกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ รับรองคุณต้องชอบแน่นอน” น้ำเสียงเวลาพูดออกจะเนิบช้า สีหน้าท่าทางก็คล้ายไม่ใส่ใจ แต่กลับน่าคล้อยตาม อาจเพราะดวงตาที่จ้องสบไม่ยอมหลบเลี่ยงกึ่งแข็งกร้าวนั่นล่ะมั้งที่ทำให้ต้องยอมตกลง
“งั้นก็เอามาลองดูแล้วกัน”
“ครับ”
หรัญญ์ยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มการค้าที่ไม่ได้น่าดึงดูด แต่การเคลื่อนไหวหลังจากนั้นต่างหากที่ทำให้คีรีมองตามไม่กะพริบ ปลายนิ้วที่หยิบส่วนผสมใส่เชคเกอร์ องศาการวาดแขนและขยับตัว ทุกอย่างเหมือนผ่านการฝึกฝนด้วยความเอาใจใส่มากทีเดียว
คีรีเป็นคนขยันและบ้างาน จึงพอมองออกว่าแม้จะสีหน้าหรัญญ์ออกจะไร้อารมณ์แกมเบื่อหน่ายเวลาประจำบาร์ แต่เวลาผสมเครื่องดื่มกลับแฝงความภาคภูมิใจในอาชีพ แถมยังทำออกมาไร้ที่ติ
“หึ เครื่องดื่มผู้หญิง”
ต้องขอบคุณราเชนทร์ที่แทรกขึ้นกลางคัน ทำให้คีรีรีบถอนสายตามองเหม่อราวกับโดนสะกดได้ทันท่วงที ไม่อย่างนั้นเครื่องดื่มที่หรัญญ์ทำมาให้คงเป็นหมันเพราะคนสั่งเอาแต่สนใจกับบาร์เทนเดอร์
“ไซด์คาร์ไม่ใช่เครื่องดื่มผู้หญิงหรอกครับ ผู้ชายหลายคนก็ชอบดื่มเพราะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าหลังทำงานตลอดวัน...ที่ผมแนะนำเพราะสีหน้าคุณดูเคร่งเครียดอิดโรย หากดื่มมาตินี่ที่มรสชาติแรงแทนที่จะช่วยให้ผ่อนคลายอาจจะรู้สึกง่วงนอนมากกว่า”
“จะบอกว่าฉันไม่ทำงานทำการเอาแต่หาความสำราญงั้นสิ”
คีรีไม่สนใจราเชนทร์ที่กำลังต่อปากกับหรัญญ์ แล้วหันมาลองจิบเครื่องดื่มที่ไม่เคยได้ยินชื่อแทน
รสชาติออกเปรี้ยวมากกว่าหวาน ทำให้ตื่นตัวซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย คีรีไม่ใช่คนคอแข็ง เพราะเขาไม่สันทัดกับเครื่องดื่มประเภทนี้
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ รัมมาตินี่เองก็เหมาะกับคุณราเชนทร์ ให้ภาพลักษณ์ของหนุ่มเจ้าสำราญที่เร่าร้อนเชิญชวน...ค็อกเทลมีหลากหลายใช่ว่าจะเหมาะกับคนทุกคนเสมอใป หน้าที่ที่จะเลือกเครื่องดื่มให้ตรงใจกับคนเหล่านั้นก็คือบาร์เทนเดอร์อย่างพวกผม ใช่มั้ยล่ะครับ”
“เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงชอบนาย หรัญญ์”
“หรัญญ์”
คีรีเผลอทวนชื่อตามคำของราเชนทร์ อย่างที่เคยบอกไป...เขากับราเชนทร์มีรสนิยมตรงกัน สิ่งที่ดึงดูดใจคนเจ้าสำราญได้ ก็ทำให้ท่านประธานเช่นเขานึกชอบ
สเปคของทั้งคู่เป็นยังไงน่ะเหรอ แน่นอนว่าต้องมีเสน่ห์ยวนใจให้อารมณ์กรึ่มๆ อยากมัวเมา จะว่าไปแล้วก็เหมือนเครื่องดื่มในมือพวกเขานั่นแหละ สำหรับราเชนทร์ ต้องเป็นมาตินี่ถึงจะพอให้รู้รส แต่สำหรับคีรี แค่ไซด์คาร์แก้วเดียวพอทำให้เขาเริ่มหลวมตัวแล้ว
“คีรี”
“ครับ?”
“ฉันชื่อคีรี ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณหรัญญ์”
คีรีติดเรียกคู่สนทนาอย่างสุภาพ เพราะเคยชินเวลาเจรจากับคู่ค้าคู่ขาย แต่กลับทำให้หรัญญ์ยิ้มเก้อออกมา ไม่ได้ฝืนปั้นแต่งอย่างที่เคยเห็น
น่ารักและนั่นก็เป็นสัญญาณแรกที่ทำให้คีรีเริ่มเดินตามหลุมกับดักเดียวกับที่ราเชนทร์ตกลงไปแข้งขาหัก
“ว่าไง เอาด้วยมั้ย”
กลับจากคลับมาที่ปริ้นส์รูม ราเชนทร์และคีรีที่ขับรถคนละคันก็มารวมตัวอีกครั้งในห้องชั้นบนสุดของโรงแรม มันคือห้องพักส่วนตัวของพวกเขาเวลาต้องการค้างคืน
“อธิบายทั้งหมดมาก่อน”
ราเชนทร์ส่งเสียงขัดใจ เกาแก้มเก้อแก้ ก่อนจะยอมสารภาพความคิดทั้งหมดออกมา
คีรียอมรับว่าทึ่งจัด
เพราะราเชนทร์บอกให้เขาคบกับหรัญญ์ คบพร้อมกันสามคน!
“แล้วฝ่ายนั้นจะยอมเหรอ”
“ก็จีบสิวะ” ราเชนทร์พูดง่ายราวกับว่าที่ตนตามจีบครึ่งปีเป็นอะไรที่แสนธรรมดา แต่คีรีไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น “เอาน่า รัญน่ะใจอ่อนจะตาย เห็นอย่างนั้นก็แอบเหงาๆ อยู่เหมือนกันล่ะน่า ถ้ามีสุภาพบุรุษอย่างนายไปตามจีบทุกวัน ยังไงก็ต้องตกลง”
“ใจอ่อน?” คีรีเหลือบมองคนที่โดนหักอกดังเปาะแถมยังตามง้อไม่ติด
“...เออน่า ไม่ลองไม่รู้หรอก”
“แล้วถ้าฉันขอคบได้ แต่เป็นแค่สองคนล่ะ”
ราเชนทร์ฉีกยิ้มทันที เป็นรอยยิ้มชั่วร้ายแฝงข่มขู่หวงของ แต่คำพูดราวกับสาปส่ง
“ถ้านายทำได้จริงโดยที่รัญไม่ขอเลิก ฉันก็ยอมหลีกทางให้เลย!”
“ตกลงตามนี้”
“ดีล!”
และนี่คือข้อตกลงของคีรีกับราเชนทร์
พวกเขาจะตามจีบหรัญญ์ โดยที่ต่างคนต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ถ้าคีรีทำสำเร็จและขอหรัญญ์คบได้จริง ราเชนทร์จะไม่มีสิทธิ์ตามหึงหวง แต่ถ้าเกิดไปกันไม่รอดขึ้นมาตามที่ราเชนทร์คาดเดา คีรีก็ต้องยอมทำตามแผนเดิมเพื่อที่จะคบกับหรัญญ์พร้อมกันสามคน
เอาตรงๆ นะ คีรีไม่ได้ชอบราเชนทร์ และก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก
แต่ให้คบคนเดียวกันน่ะขอทีเถอะ!
โชคดีที่ฟ้าฝนเป็นใจ วันนั้นหรัญญ์มาที่ปริ้นส์รูมอีกครั้ง
ราเชนทร์ยิ้มกว้างเตรียมกระโจนเข้าไปตะครุบเหยื่อ แต่คีรียืนขวางและทวงข้อตกลง อ้างว่าถ้าเกิดไปได้สวยจะเผยตัวให้หรัญญ์แปลกใจ น่าจะทำให้คะแนนความพิศวาสเพิ่มขึ้นเร็วปานติดจรวด
ราเชนทร์จำใจยอมรับและกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น แต่ก่อนไปไม่วายเพิ่มข้อตกลงอีกข้อคือห้ามมีสัมพันธ์กับหรัญญ์นอกเหนือไปจากที่ปริ้นส์รูมเด็ดขาด
คีรี...ค่อนข้างตะลึง ถ้าหวงขนาดนั้นแล้วทำไมถึงยื่นข้อเสนอพิลึกๆ ออกมากันล่ะ คนที่ไม่ยอมใครแต่กลับเป็นฝ่ายขอให้เขาไปคบกับหรัญญ์เนี่ยนะ ออกจะบ้าบิ่นไปแล้ว!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะคีรีไม่รู้ว่าราเชนทร์กับหรัญญ์เลิกกันเพราะอะไร เขารู้แค่ว่าทั้งสองคนทะเลาะกันด้วยความไม่เข้าใจ แต่รายละเอียดที่ลงลึกไปกว่านั้น ราเชนทร์ไม่เคยเปิดปาก
ยังไงก็ตาม คีรีถอดแว่นและเตรียมตัวไปหาหรัญญ์ หมายมั่นว่าจะต้องดึงเอายางรัดผมที่ราเชนทร์เอามาเป็นเครื่องปลอบใจบ้าง อย่างน้อยก็ใช้เป็นหลักฐานให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเขาคือคู่นอนในคืนนี้จริงๆ
แต่พอได้เผชิญหน้ากันในความมืด คีรีที่เคยใช้บริการปริ้นส์รูมกลับเป็นฝ่ายรู้สึกเขินอายซะเอง
เขาอ่อนประสบการณ์เรื่องความรัก ถ้าเข้าหาด้วยเซ็กซ์ก็พอไหว แต่อีกฝ่ายดันเป็นคนที่รับปากว่าจะตามจีบแล้วนี่สิ คีรีเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าควรจะแตะตัวหรือทำอะไรก่อนดี จึงเลือกที่จะรั้งร่างนั้นเข้ามากอด
หรัญญ์สูงเลยคางเขามาแค่นิดเดียวเท่านั้น พอจมอยู่ในอ้อมกอดและเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากก็แตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
พวกเขาเริ่มจูบกันในตอนนั้นเอง
จูบที่เริ่มเร่าร้อนและบดเบียดมากขึ้น เร้าอารมณ์คีรีให้ตื่นตัว ก่อนที่จะ...
“โอ๊ย!”
โดนฝ่ายตรงข้ามจิกเล็บเข้าที่ข้างลำคอเต็มรัก คีรีเป็นนักสู้ อย่างน้อยเขาก็คิดว่าถนัดเรื่องนั้นมากกว่ารับมือด้านความรัก พอถูกทำร้ายร่างกายแบบนี้ก็เหมือนปลุกสัญชาตญาณขึ้นมา แม้หรัญญ์จะเบียดตัวเข้าหา สอดปลายนิ้วเข้ามาในกลุ่มผมของเขาและประกบจูบอ่อนหวานใจแทบละลาย แต่คีรีกลับเลือกที่จะดันตัวอีกฝ่ายให้หันหลังเพื่อเริ่มประเดิมสักที
จังหวะสอดใส่ที่เป็นไปอย่างดุดันจนเรียกได้ว่าย้ำถี่ทำให้คีรีเริ่มเตลิด ความคับแน่นคล้ายยังไม่คุ้นชินของหรัญญ์ยิ่งชวนปลุกอารมณ์ให้อยากขย้ำกลืนกิน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายเพื่อเปิดตัวทีหลังแท้ๆ เชียว
พลันคีรีเรียกสติตัวเองได้
ด้วยฝ่าเท้าที่กระทืบลงมาเต็มแรงจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง!
คีรีเพิ่งมารับรู้ถึงร่างผอมบางในอ้อมแขนที่ตัวสั่นน้อยๆ ก็ตอนนี้ เขาพยายามกลั้นใจไม่ให้ตะกละตะกลามมากเกินไป และเริ่มจังหวะครั้งใหม่โดยรอให้หรัญญ์ได้ปรับตัวจนช่องทางเสียดแน่นจนต้องฝืนกระแทกเริ่มโอบอุ้มพอดิบพอดีและตอดหนึบ
เสียงครางหวานที่ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านทำเอาคีรีโหมแรงเต็มตัว ยิ่งหยัดกายเข้าไปลึกและจนร่างนั้นสั่นสะท้านเท่าไหร่ก็ยิ่งยินดี ราวกับตกลงไปในความมัวเมายากถอนตัว แต่ก็พอมีสติสัมปชัญญะให้พอรั้งตัวเองบ้างในบางจังหวะที่อีกฝ่ายหมดเรี่ยวแรง แม้เซ็กซ์ของคีรีจะหนักเกินไปเสมอ แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่คีรียังพอยั้งตัวเองได้ ไม่ว่าจะเพราะร่างกายจดจำถึงรอยข่วนหรือแรงกระทืบเท้าก็ตาม แต่เขาก็ไต่บันไดอารมณ์ไปถึงจุดสูงสุดอย่างสุขล้นโดยไม่ทำให้คู่นอนสลบเหมือดไปซะก่อน
คีรีมองเงาร่างที่เกาะกำแพงกลับห้องอย่างอ่อนแรงและกำยางรัดผมที่ฉวยจังหวะคว้ามาในตอนสุดท้ายช่วงที่หรัญญ์กอดเขาเต็มรักเพราะปลดปล่อยหยาดน้ำคาวออกมาอย่างครุ่นคิดและตัดสินใจ
เขาจะเดินหน้าจีบอย่างเต็มตัว
ไม่ใช่เพราะราเชนทร์บอกให้ทำ แต่คีรีตั้งใจครอบครองอีกฝ่ายไว้เอง!
ความตั้งใจของคีรีส่งผล หรัญญ์เริ่มโอนอ่อนให้มากขึ้นเมื่อเผยตัว อย่างน้อยที่สุดก็ยอมนอนเคียงข้างกัน
ใบหน้ายามหลับนั้นคีรีเคยเห็นมาก่อน ทั้งที่เป็นใบหน้าเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงมองด้วยสายตาที่ต่างออกไปกันนะ
คีรีจับเส้นผมของหรัญญ์ เพราะกลัวว่าถ้าแตะต้องส่วนอื่นจะโดนถีบตกเตียงเอาได้ มีแค่เส้นผมเท่านั้นสัมผัสได้โดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว เขาทบทวนความในใจของตัวเอง พบว่ามันทวีมากขึ้นทุกที
พอใกล้เช้า คีรีที่ไม่ได้ข่มตาหลับก็ก้มจูบปลายเส้นผมนั้นก็จะเดินออกไป
แต่พอไปถึงรถที่จอดไว้ ร่างคุ้นเคยของราเชนทร์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถบีเอ็มสีดำของเจ้าตัวก็สบตาเขานิ่งๆ ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว
ทั้งคู่มองหน้ากัน แต่ไม่ยักพูดทักทายออกมา คีรีรู้ว่าราเชนทร์กำลังสงสัยว่าเขาทำเกินขอบเขตหรือไม่ และกำลังหึงหวงหรัญญ์ แต่ก็พยายามข่มใจไว้จนกลายเป็นความเงียบงัน
ส่วนคีรี พอมองหน้าราเชนทร์ที่เหมือนคนบ้าที่ตกหลุมจนแข้งขาหักแล้วยังไม่เข็ด ก็คล้ายกับเห็นลางในอนาคตตัวเองชอบกล
ราวกับเขากำลังเดินตามรอยของราเชนทร์ยังไงยังงั้น
คืนนั้นคีรีไปที่คลับ มั่นใจว่าหรัญญ์จะต้องสนใจตนมากขึ้น
ใช่ คีรีไม่รู้ว่าหลังที่แยกกันตอนเช้า ราเชนทร์จะแอบย่องเข้าหาหรัญญ์ทับที่นอนของเขาซะได้ ฉะนั้นความคาดหวังของคีรีเป็นต้องพังทลาย เมื่อพบว่าหรัญญ์ที่พยายามหลบหน้าแฟนเก่าเสมอหันไปส่งยิ้มยั่วยวนและสัมผัสราเชนทร์ด้วยท่วงท่าแสลงตาเป็นที่สุด!
คีรีกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน และแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่เมื่อเห็นหรัญญ์โน้มหน้าเหมือนจะจูบ ไม่...หรัญญ์เพียงกัดปลายติ่งหูของราเชนทร์เท่านั้น แม้จะเหมือนทำไปเพื่อลองเชิง หรือลองใจ แต่ก็แทงใจคีรีจนแทบกระอักเลือด ทำไมเขาจะไม่เห็นละว่าทั้งราเชนทร์และหรัญญ์ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่
ความมั่นใจกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ
เขากำลังสู้ในเกมที่ไม่มีวันชนะใช่มั้ย
คีรีเริ่มกลัวเป็นครั้งแรก กลัวว่าราเชนทร์จะแย่งหรัญญ์ไป ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีทาง ทั้งที่รู้ว่าเป็นฝ่ายมาทีหลัง แต่เขาก็หวาดกลัวเมื่อคิดได้ว่า...ความรู้สึกที่หรัญญ์มีให้เขานั้นเทียบกับที่ให้ราเชนทร์ไม่ได้เลย
เพราะไม่อยากสู้หน้าและกลัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ คีรีจึงขอตัวถอยฉากออกมา และตัดสินใจยืนรอจนกว่าหรัญญ์จะเลิกงาน เขากระชากอีกฝ่ายขึ้นรถ และขับออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน รู้เพียงอยากให้หรัญญ์ออกห่างจากราเชนทร์ และสนใจกับความทุ่มเทของเขาบ้าง
แต่คีรีทำเกินไป
เขาทำเกินไปมากๆ ด้วยซ้ำตอนพยายามฝืนจูบหรัญญ์ ความรักทำให้คนตาบอดคงเป็นแบบนี้ และเพราะมีชนักติดหลังเรื่องข้อตกลงที่เพลี้ยพล้ำซะเหลือเกิน เลยยิ่งทำให้คีรีใส่อารมณ์มากกว่าปกติ
ก่อนจะแทบตาสว่างฉับพลันเมื่อโดนกัดลิ้นจนจี๊ดขึ้นสมอง
ตอนแรกคีรีนึกว่าเขาจะลิ้นขาดคาปากหรัญญ์ซะแล้ว เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด เกือบสติหลุดของจริง แต่พอเห็นอีกฝ่ายยื่นหน้าเข้าใกล้ แลบลิ้นใส่คล้ายแกล้งหยอกเอาคืน กลับทำให้ความรู้สึกวาบหวามในอกหวนคืนอีกครั้ง
คีรีเข้าใจแน่แล้วว่าเขารักหรัญญ์
มันอาจเป็นความรักที่เรียกว่าหลงใหล เพราะช่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว แต่แค่ความหลงใหลก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เขาตัดสินใจขอคบหา แสดงความจริงใจทั้งหมดออกมาก่อนที่จะไม่มีโอกาส
และไม่รู้ว่าอะไรดลใจ หรัญญ์ถึงได้ตอบตกลง
ราเชนทร์คือคนแรกที่คีรีแจ้งข่าวดีครั้งนี้
แต่คำพูดจากอีกฝ่ายยังคงเป็นคำสาปแช่ง
“เตรียมนับถอยหลังได้เลย”
ประโยคที่มาพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับทำให้คีรีระแวง และพยายามทำทุกอย่างจนเรียกได้ว่าแทบจะเอาอกเอาใจหรัญญ์จนเกือบจะเทอญเหนือหัวอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่เขาก็พยายามเท่าที่ทำได้ เพื่อให้หรัญญ์รู้สึกอยากอยู่ด้วยกัน และไม่ทิ้งกัน
แต่แล้วเขาก็เห็นปัญหา
ใช่ ปัญหาเดียวกับที่หรัญญ์รู้แจ้งแก่ใจ
มองคนรักที่เริ่มนิ่งเงียบมีขานตอบ คีรีก็รู้แล้วว่าเตรียมนับถอยหลังที่ราเชนทร์พูดหมายถึงอะไร
และเข้าใจแล้วว่าทำไมสองคนนั้นถึงได้เลิกรา
สาเหตุอยู่ที่หรัญญ์...เพราะหรัญญ์ไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ รวมทั้งตัวเขา และราเชนทร์
พอถูกบอกเลิกเข้าจริงๆ คีรีถึงได้นิ่งกว่าที่คิดไว้ ขนาดหรัญญ์เองยังแปลกใจ
ดูสิ ดูคนรักที่พยายามอธิบาย แม้รู้แก่ใจว่ายังไงวันนี้ต้องมาถึง แต่คีรีก็ทนมองภาพนั้นไม่ได้จนต้องรั้งตัวหรัญญ์เข้ามากอดและเผลอหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บช้ำที่ไม่สามารถประคับประคองความสัมพันธ์ได้อย่างที่เคยมาดมั่น
เขาได้แต่มองทุกอย่างถอยหลังราวกับระเบิดเวลาฆ่าตัวตาย
ถึงตอนนี้คีรีก็เริ่มคิดเช่นเดียวกับราเชนทร์
ไม่มีทางซะหรอกหากจะให้มีใครเข้ามาแทรกกลาง แต่ถ้าหาก...ถ้าหากแค่ตัวเขาไม่สามารถรั้งหรัญญ์ให้อยู่ด้วยกันได้ ต่อให้พยายามยังไงก็กลับมาคบกันไม่ได้อีก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาเองก็ยังรัก และหรัญญ์ก็ยังผูกพัน
ถ้าเขาแค่คนเดียวทำไม่ได้ แล้วถ้าเกิด...เป็นเขาและราเชนทร์ล่ะ!?
ทุกอย่างหวนกลับมาสู่ข้อตกลงแรก
แต่กว่าคีรีจะเข้าใจก็ใช้เวลาไม่น้อย ต้องรับรู้และสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วหรัญญ์ล่ะ หรัญญ์จะยอมงั้นเหรอ
ทั้งราเชนทร์และคีรีไม่อยากบังคับหรัญญ์ รู้ดีว่าออกจะยอมรับยากไปสักหน่อย เพราะอย่างนี้พวกเขาถึงไม่เคยพูดถึงการคบหาแบบสามคนมาก่อน
จึงต้องมีการลองใจสุดท้าย
พวกเขาจะให้หรัญญ์เลือกคำตอบด้วยตัวเอง!
หากหรัญญ์เลือกกดปุ่มของคนใดคนหนึ่งก็อาจจะได้เริ่มต้นอีกครั้ง แต่ทั้งคู่รู้ดี ว่าปุ่มนั้นก็ไม่ต่างกับการจุดระเบิดลูกใหม่ แม้ได้เริ่มต้นก็ต้องนับถอยหลังและรอเวลาแหลกเหลว น่าแปลก ที่พวกเขาต่างภาวนาไม่ให้หรัญญ์กดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงขนาดคิดว่าถ้าจะทำจริงก็อย่ากดของตัวเองด้วยซ้ำ พวกเขาไม่อาจแบกรับความผิดหวังและคำพูดว่า ‘เราเลิกกัน’ ในสามวันได้อีกแล้ว
แต่ถ้าเกิดหรัญญ์ไม่กดของใครเลยล่ะ
ถึงตอนนั้น...ทั้งราเชนทร์และคีรีก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน สถานะพิลึกเกินอธิบายต้องได้รับการยินยอมทั้งสามฝ่าย ฝืนไปก็มีแต่ย่ำแย่ และพาลให้หรัญญ์ยิ่งรังเกียจพวกเขามากกว่าเดิม
มีแค่ทางรอดเดียวเท่านั้น
หรัญญ์ต้องเลือกทั้งสองคน
แต่มันเป็นไปได้หรือ
คีรีไม่มั่นใจ ราเชนทร์เองก็ไม่มั่นใจ พวกเขาสองคนที่เคยมาดมั่นมาตลอด กลายเป็นคนขวัญผวาอยู่หลังประตูด้วยอารมณ์เจียนคลั่ง
ไม่สิ ความจริงพวกเขาก็แทบจะคลั่งตายอยู่แล้วตอนที่หรัญญ์ไม่ยอมมาปริ้นส์รูม เตะถ่วงเวลาไปถึงสองอาทิตย์จนราเชนทร์ต้องโทรเรียกกำลังคนให้บุกห้องเอาของติดไม้ติดมือกลับมา คีรีพยายามห้ามแล้ว กลัวว่าหรัญญ์จะยิ่งนึกโกรธ และไม่เลือกทั้งสองคน
แต่ใครเลยจะเชื่อว่าเป็นพวกเขาต่างตกหลุมหรัญญ์เต็มเปา
ตกลงไปทั้งที่แข้งขาหักไปหนึ่งรอบ แต่ก็ยังฝืนที่กระโจนลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“สรุปแล้วแผนพวกคุณคืออย่างนี้ใช่มั้ย อยู่ด้วยกันสามคน? คิดว่าแบบนี้ผมจะไม่บอกเลิกทั้งคู่งั้นเหรอ”
ภาพของหรัญญ์ที่ทั้งกอดตอบราเชนทร์และจับมือกับคีรี เป็นอะไรที่ค่อนข้างพิลึก อย่าว่าแต่คนโดนถามเลย ทั้งเขาและราเชนทร์ รวมทั้งหรัญญ์ต่างก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคบแบบสามคนจะรอดหรือร่วงกว่าเดิม
แต่คีรีกับราเชนทร์แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ถ้างั้นพวกเขาก็ควรจะแทนข้อดีข้อเสียของอีกฝ่ายได้
ส่วนหรัญญ์ที่อยู่ตรงกลางเสมอ ไม่เข้าหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างสุดโต่งก็น่าจะเป็นหลักยึดได้ดี
มันต้องเป็นไปได้สวยสิ“ใครบอกว่าผมรักพวกคุณทั้งสองคนกันครับ”
คีรีที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจชะงักกึก
“ให้ผมเลือกคนใดคนหนึ่งจากทั้งสอง ผมทำไม่ได้หรอก ที่ผมทำ...ก็แค่...เลือกตัวเอง”
“ว่าไงนะ” ราเชนทร์อุทาน
“ผมรักตัวเองที่สุด และผมก็เป็นคนโลภมากๆ ด้วย ผลก็เลยเป็นแบบนี้”
ราเชนทร์หัวเราะลั่น คราวนี้คีรีที่ไม่เคยหัวเราะออกมาดังๆ ก็ยังอดผสมโรงด้วยไม่ได้
มาลองกันสักตั้งสิน่า!------------------------------------------
เอาจริงๆ แล้วคีรีเหมือนถูกราเชนทร์หลอกใช้มาเป็นไม้คานมากกว่าค่ะ (ฮา)
ความสัมพันธ์จะออกแนว ราเชนทร์รู้ว่ายังไงรัญก็รักมากกว่า เลยยอมคบสามคนเพราะคิดว่าเป็นต่อ ส่วนคีรีก็รู้ว่าแม้รัญรักราเชนทร์มากกว่า แต่ในเมื่อเดินตกหลุมตามมาแล้วก็ได้แต่ไปให้ถึงที่สุด ส่วนรัญ...น่ากลัวตรงรัญเนี่ยแหละค่ะ สามคนนี้สุดโต่งไปคนละทาง โดยที่รัญใจแข็งมากที่สุด กล้าลองก็กล้าตัด มาดูกันว่าจะรอดหรือร่วงในตอนหน้านะคะ
เพจนักเขียนที่อดคิดไม่ได้สองคนนี้เป็นมาโซแน่ๆ ชอบให้หรัญญ์ทำร้ายร่างกายและจิตใจ 555