ตอนที่ 12 : ล้ำขอบเขต
ผมโทรเรียกราเชนทร์ให้เจอกันที่รถ ตอนแรกเขายังไม่รู้เรื่องอะไร แต่พอเห็นผมนั่งกอดตัวเองเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่เบาะหลังก็ร้องลั่นอย่างกับโดนเหยียบเท้า
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ผมตกน้ำนิดหน่อย...” ไม่อยากจะเล่าเลยให้ตาย ขายหน้าชะมัด “เดี๋ยวคีรีมาแล้วกลับกันเถอะครับ ผมอยากอาบน้ำ”
“แล้วไอ้คีรีมันไปไหน”
“ไปดูกล้องวงจรปิด หาว่าคนที่ผลักผมตกสระคือใคร”
“นี่นายโดนผลักตกสระงั้นเหรอ!”
“ครับ” ผมตอบหน้าตาย พยายามไม่เผยพิรุธว่าไปตีลังกาตะเกียกตะกายอยู่ข้างสระอยู่นานกว่าคีรีจะมาช่วย เกือบขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง บาร์เทนเดอร์ผู้โง่เขลาจมน้ำอยู่ข้างขอบสระแล้วมั้ยล่ะ
ราเชนทร์เห็นผมตัวสั่นก็เพิ่งนึกได้ว่าเสื้อเปียกเนื้อแนบเนื้อเลยจับปอกเปลือก ยังดีที่พวกเราอยู่ในรถเลยไม่มีใครเห็น พอแก้ผ้าผมเสร็จเขาก็เอาเสื้อสูทตัวเองคลุมให้ ส่วนสูทของคีรีน่ะเหรอ...โดนโยนทิ้งไปตรงที่วางเท้าแทนแล้ว!
“ถอดชั้นในด้วยดีมั้ย”
“ผมโล่งไข่กันพอดี”
ราเชนทร์ยิ้ม ยอมละเว้นกางเกงในแนบเนื้อตัวบางของผมก่อนจะดึงเข้าไปกอด ลูบศีรษะที่ยังชื้นเบาๆ คล้ายปลอบโยน
“ฉันจะปกป้องนายเอง”
ผมซุกหน้ากับอกเขากึ่งออดอ้อน บางครั้งคนไม่ได้เรื่องอย่างราเชนทร์ก็ทำตัวเป็นผู้นำได้เหมือนกัน
ไม่นานคีรีก็เข้ามาเคาะกระจกรถ ราเชนทร์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะยอมปลดล็อกประตู แต่ยังคงกอดผมไว้ไม่ยอมไปนั่งข้างหน้าเหมือนตอนขามา
คีรีไม่ว่าอะไร เขาเห็นแล้วว่าผมเหลือแค่ชั้นในกับสูทตัวเดียวคลุมอยู่ มีคนกอดดีกว่านั่งหนาวๆ อยู่คนเดียวที่เบาะหลัง
“ใครทำ” ราเชนทร์ถามทำทันที
“ธาราธาร”
ผิดจากที่คิดซะที่ไหนล่ะ ผมแอบเงยหน้าจากอกราเชนทร์ เหลือบตามองคีรีที่ก้มเก็บเสื้อสูทมาวางไว้กับเบาะข้างๆ
“ให้ฉันจัดการหรือนายจัดการ”
“ฉันจัดการเอง”
พวกเขาสรุปกันง่ายๆ โดยไม่ถามความเห็นกันเลย
“นี่” ผมแทรก “แล้วไม่มีตัวเลือกให้ผมบ้างเหรอ”
“มี” คีรีตอบ “ไปลงเรียนคอร์สว่ายน้ำซะ”
“...”
“อะไรนะ นี่รัญว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ”
“...”
“งั้นเมื่อกี้ก็ตกใจแย่สิ โธ่ ขวัญเอ๊ยขวัญมา ป๋าจะสอนให้เองนะ คอร์สอะไรไม่ต้องไปลงหรอก”
“...”
ผมก้มหน้างุดไม่ขานตอบ ได้แต่คิดในใจว่าไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลยหรัญญ์เอ๊ย!
วันต่อมาผมถูกพามาที่บ้านของราเชนทร์
เพราะเคยมาแล้วผมเลยไม่ค่อยประหลาดใจกับบ้านสองชั้นที่หลังใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียวหลังนี้ หัวหน้าแม่บ้านของราเชนทร์ออกมาต้อนรับอย่างดี บรรดาคนรับใช้ก็เรียกคุณชายคอยตามดูแลไม่ห่าง พอถูกเอาอกเอาใจมากๆ ราเชนทร์ก็หน้าบานเป็นกระด้ง เข้าใจแล้วใช่มั้ยล่ะว่าทำไมเขาถึงชอบทำเหมือนโลกหมุนตัวเอง ก็เวลาอยู่ที่นี่เขาเหมือนเป็นเจ้าชายเลยนี่นา
ส่วนที่ต้องมาบ้านเขาก็เพราะว่าที่ปริ้นส์รูมไม่มีสระว่ายน้ำ...แหงล่ะ โรงแรมกึ่งม่านรูดที่เน้นวันไนท์สแตนคงไม่จำเป็นต้องสร้างพวกกิจกรรมเอ้าท์ดอร์หรอก
ก่อนจะมาถึงผมโทรคุยกับคีรีแล้ว เขาเองก็บอกให้ผมรีบๆ หัดว่ายน้ำซะ
“ยี่สิบห้าแล้วแล้วยังตีขาไม่รอด รัญ...นายโตมายังไงเนี่ย”
ผมก้มหน้างุดปริ่มขอบสระ โดนคนอย่างราเชนทร์ถามด้วยรอยยิ้มประหลาดใจเป็นล้นพ้นแล้วรู้สึกอับอายเกินจะกล่าวจริงๆ
“พอดีครอบครัวผมค่อนข้างเข้มงวดน่ะ” ผมตอบข้างๆ คูๆ เพราะครอบครัวผมไม่ใช่แค่เข้มงวดธรรมดา แต่เข้มงวดเอามากๆ เลยด้วย พ่อของผมเป็นหมอ ส่วนแม่เป็นคุณครู ไม่บอกก็คงรู้ใช่มั้ยล่ะว่าผมแทบจะถูกกำหนดอนาคตมาแล้ว พวกกิจกรรมนอกบ้านไม่เคยได้รับการสนับสนุนหรอก วันๆ ผมต้องนั่งอ่านหนังสือ คอยทำข้อสอบฝึกหัดเพื่อเตรียมตัวเป็นว่าที่แพทย์ในอนาคต
เพราะอย่างนี้ผมเลยค่อนข้างคิดเยอะเป็นขั้นเป็นตอนละมั้ง รวมทั้งเรียกร้องอิสระให้ตัวเองมากเป็นพิเศษ ส่วนสาเหตุที่ผมไม่ยอมกลับบ้านสักที ก็เพราะรู้ดีว่ายังไงพ่อกับแม่ก็คงรับชีวิตตอนนี้ของผมไม่ได้ จากอนาคตนายแพทย์รุ่งโรจน์...มาเป็นบาร์เทนเดอร์ในคลับ ถ้าเล่าให้คนอื่นฟังคงโดนหาว่าโง่ฉิบหาย แต่ใครจะเชื่อล่ะว่าผมชอบตัวเองในตอนนี้มากกว่าตอนเด็กมากแค่ไหน
“ตีขาช้าๆ....ช้าๆ หน่อยรัญ”
ตอนแรกราเชนทร์คงคิดว่าแค่สอนว่ายน้ำไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่พอเห็นผมเกาะขอบสระ พยายามตีขาในสภาพจมเอาๆ เขาก็เริ่มดุ
“ช้ากว่านี้ผมก็จมอยู่ดี”
“แต่นายเล่นตีขารัวขนาดนี้ก็จมเหมือนกัน เอาให้ช้ากว่านี้หน่อย...แบบพอพยุงตัวเองได้น่ะ”
พูดน่ะพูดง่าย แต่มันทำได้จริงซะที่ไหน! สุดท้ายราเชนทร์ก็ช่วยประคองสะโพกให้ตัวผมนอนลอยระนาบเดียวกับผิวน้ำ ปล่อยผมตีขาไปเรื่อยๆ จนหมดแรง
ไม่รู้ทำไม พอก้มหน้ามองน้ำผมก็เผลอลนทุกที
หลังขอเวลานอกนั่งพัก สาวใช้ เอ่อ...ก็ไม่สาวเท่าไหร่ เอาเป็นว่าแม่บ้านคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ ก็รีบเข้ามาช่วยเสิร์ฟน้ำผลไม้เย็นๆ ชื่นใจพร้อมกับคุ๊กกี้สอดไส้อัลมอนด์กรุบกรอบเพิ่งออกมาจากเตา ราเชนทร์นอนแผ่กับเก้าอี้ผ้าใบในร่มข้างๆ ผม ยกแขนให้แม่บ้านอีกคนช่วยทาครีมกันแดดให้ใหม่
ผมชินกันภาพสุดโอเวอร์พวกนี้แล้ว คิดซะว่าก็สะดวกสบายดี อีกอย่างถ้าไม่ใช่ราเชนทร์บอกหรือสั่งอะไรเป็นพิเศษ คนในบ้านจะไม่กล้าเข้าใกล้ผมในรัศมีหนึ่งเมตร ดูความหวงของเขาสิ ช่างน่าเหนื่อยใจและน่ารักชะมัด
“คุณชาย ของที่สั่งไว้เตรียมพร้อมแล้ว จะให้นำมาเลยมั้ยคะ”
“อืม เอามาเลย”
“ค่ะ”
ผมซึ่งโดนราเชนทร์รั้งไปนั่งอยู่บนหน้าขาหยิบชามคุกกี้ติดมือมาด้วย สิ่งเดียวที่ผมชอบที่สุดในบ้านเขาก็คือพวกอาหารการกินที่ไม่เคยขาดเนี่ยล่ะ แถมยังระดับพรีเมี่ยมไร้ผงชูรสหรือของค้างคืน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารตะวันตกก็เถอะ
“คุณสั่งอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวก็รู้” ราเชนทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจูบ โลมเลียริมฝีปากไปทั่วทุกตารางนิ้ว “หวาน”
“ก็เป็นคุกกี้รสวานิลานี่ครับ”
“เวลานายทำตัวว่าง่ายแบบนี้น่ารักจัง” ราเชนทร์ซุกหน้ากับพุงผม ดูพออกพอใจมากๆ ที่ได้ยกตนข่มท่านอย่างเต็มที่ เพราะปกติเวลาเขาออกคำสั่งให้ทำนู่นทำนี่ผมไม่ค่อยจะทำตามสักเท่าไหร่หรอก
“แค่วันนี้เท่านั้นแหละ” ผมหยิกไหล่คนที่เริ่มจะมือซน ลูบตามขอบกางเกงว่ายน้ำตัวใหม่ที่เขาเลือกให้เองกับมือและเหมือนจะล้วงเข้ามา เป็นกางเกงสามเหลี่ยมสุดวาบหวิวนั่นแหละครับ...ใส่แล้วรัดเป้าเห็นไปถึงไหนต่อไหน ให้ตายสิ...
ไม่นานของที่ราเชนทร์สั่งก็มาถึง
ผมเห็นแล้วถึงกับเบ้ปากเมื่อเห็นว่าเป็นห่วงยางลายโลมา
“ถ้าไม่ใช้วันนี้พวกเราก็คงไปไม่พ้นขอบสระกันหรอก” ราเชนทร์หัวเราะ นานครั้งจะเห็นผมแสดงสีหน้าขัดใจ ก่อนจะจับลงสระอีกรอบ “มาๆ ตีขานะครับที่รัก”
ราเชนทร์จับมือผมแล้วลากเข้ากลางสระช้าๆ โดยให้ผมคอยตีขาทั้งที่ก้นโด่งเพราะมีห่วงยางสวมเอว ครั้งนี้ผมตั้งใจมาก ไม่อยากให้เขาสบประมาทอีก แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าความตั้งใจแค่อย่างเดียวทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้ โลกคงไม่โหดร้ายกับผมขนาดนี้
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ผมก็ยังตีขาไม่รอด
“เพราะห่วงยางรึเปล่านะ” ราเชนทร์เริ่มฉุกคิด เพราะพอมีของช่วยทำให้ตัวลอย ผมก็ตีขามั่วไปเรื่อยไม่กลัวจม กลายเป็นสอนเท่าไหร่ก็ไม่คืบหน้า
“อย่านะ” ผมจับห่วงยางแน่น จากตอนแรกนึกรังเกียจแต่ตอนนี้ผมรักเจ้าโลมาสุดหัวใจ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเซฟตัวเองเวลาสำลักน้ำแล้วตกใจจนลืมตีขาได้
“ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ต้องไม้แข็งกันล่ะ อย่าดื้อสิครับเด็กดี”
ใครเด็กวะ! ผมอยากจะตะโกนใส่หน้าราเชนทร์ที่อายุยี่สิบแปด ห่างกับผมแค่สามปี แต่ไม่ทันโวยวายคนมือไวก็แย่งโลมาของผมโยนขึ้นบกเรียบร้อย จะตามไปเอาคืนก็ไม่ได้เพราะผมอยู่กลางสระ พอไม่มีของช่วยพยุงตัวเองก็เริ่มผวา กอดคอราเชนทร์แน่นเพราะพื้นสระลึกจนยืนไม่ถึง
“อย่าเพิ่งกลัวสิรัญ ใจเย็นๆ ไหนลองตีขาใหม่นะ” ราเชนทร์พยายามแกะมือผมออกเพื่อจะจับลากเหมือนเคย แต่พอไม่มีห่วงยางแล้วก้นผมก็เอาแต่จมน้ำ อย่าว่าแต่ตีขาเลย แค่จะเอาตัวเองให้นอนระนาบกับสระผมยังทำไม่ได้ ผมจับมือราเชนทร์เกร็งแน่นไปทั้งตัว ยิ่งพยายามก็ยิ่งจม ไปๆ มาๆ ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าต้องฝึกตีขา เพราะมัวแต่ตะเกียกตะกายเงยหน้าหาอากาศหายใจ
“รา...แคก...”
ผมว่าผมต้องเป็นพวกกลัวน้ำแน่ๆ!
ไม่งั้นเวลาเผลอจมไปไม่กี่ทีทำไมถึงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ด้วย สมองผมว่างโล่งทุกทีที่ก้มหน้ามุดดำลงไป แรงดันอากาศที่อัดแน่นและความพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจนทำให้ยิ่งตัวสั่น ต่อให้ราเชนทร์จะพยายามบอกวิธีลอยตัวแค่ไหนผมก็เกิดอาการต่อต้าน ฝืนถ่วงจนร่างกายจมลงจมลงเรื่อยๆ
“พอแล้ว” ราเชนทร์คงทนมองไม่ไหวรีบรั้งเอวผมขึ้นมากอด ช่วยพาร่างที่เริ่มหมดแรงจะตะกายตัวขึ้นมาเหนือน้ำทันท่วงที ผมหอบหายใจถี่ หัวใจเต้นแรงอย่างกับจะตายให้ได้ พอมีหลักยึดก็กอดคอราเชนทร์แน่น ซุกหน้ากับไหล่ของเขาไม่ยอมปล่อย
ราเชนทร์ลูบหลังเอ่ยเสียงอ่อนโยน พาผมกลับขอบสระเหมือนเดิม
“ครั้งแรกเลยนะที่นายเป็นฝ่ายเกาะฉันหนึบขนาดนี้”
ยังจะมาหยอกกันอีก!เพราะยังต้องพึ่งพาเขาผมเลยไม่ตอบกลับ แต่ก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่กดจูบข้างศีรษะเป็นระยะ
พอถึงขอบสระที่ขาแตะถึงพื้น ผมก็เริ่มสงบลง ปล่อยแขนจากคอราเชนทร์พลางช้อนตาพูดอย่างไม่มั่นใจ
“ผมว่าผมคงฝึกว่ายน้ำไม่ไหวหรอก”
ราเชนทร์ช่วยเกลี่ยเส้นผมที่แนบแก้มและสางบางส่วนที่เป็นกระจุกให้ไม่ยอมตอบคำ
“เชนทร์ วันนี้พอ...”
แล้วเขาก็จูบผม
มันใช่เวลาหื่นมั้ยเนี่ย!ผมเงื้อมือหมายจะทุบเขาสักสองตุบให้รู้สถานการณ์ แต่ราเชนทร์กลับช้อนเอวผมขึ้นจนร่างกายเกือบลื่นไถลจมไปกับสระ ผมผวาตกใจอย่างรุนแรงรีบเกาะคอเขาทันที และนั่นก็ทำให้ราเชนทร์แนบจูบได้สะดวกสบายขึ้น แถมยังจับขาผมไปเกี่ยวเอวเขาอีกต่างหาก
“วันนี้นายน่ารักมาก...”
ราเชนทร์เอ่ยกระซิบข้างหู ดันตัวผมให้เอนพิงกับขอบสระ บดเบียดส่วนร้อนผ่าวใต้กางเกงว่ายน้ำให้ชิดใกล้
“ปกตินายก็น่ารักอยู่แล้วนะรัญ แต่วันนี้นายทำฉันทนไม่ไหวแล้ว”
“ราเช...” โดนจูบปิดปากอีกแล้ว ผมจะเอื้อมมือทุบเขาก็ไม่กล้าเพราะยังกลัวจมน้ำ เลยได้แต่ปล่อยให้เขามอบจูบเร่าร้อนเต็มไปด้วยอารมณ์หื่นกระหายอย่างไม่รู้จะทำยังไง มือที่ช้อนเอวผมค่อยๆ รั้งขอบกางเกงว่ายน้ำลงมา พร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปควานคว้านและสะกิดจุดกระสันจนกระตุกตัวเป็นระยะ
ผมกลั้นใจ รู้ว่าคงห้ามเขาไม่ได้แน่
ตอนคบกันผมก็แทบจะยั้งเขาไม่เคยได้ เวลาอยู่บ้านราเชนทร์มักกลืนกินผมอย่างเอาแต่ใจ ไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลาจนโดนผมตวาดอย่างอดกลั้นมาแล้ว หากก่อนหน้านี้พลาดพลั้งโดนเขาจับกินไปมากแค่ไหน สภาพผมในตอนนี้บอกเลยว่ายิ่งไม่มีทางต่อกร การฝึกว่ายน้ำติดต่อกันหลายชั่วโมงทำให้ผมหมดแรงจะขัดขืนกว่าปกติ แถมยังโดนจูบปิดปากอย่างรู้ทัน ยิ่งโดนช้อนตัวขึ้นมาในสภาพไม่ปลอดภัย ผมยิ่งไม่กล้าปล่อยมือ
คีรี
ผมนึกถึงคีรี ถ้ามีเขาอยู่อย่างน้อยก็พอห้ามได้ แต่นี่เป็นบ้านของราเชนทร์ เป็นอาณาเขตของเขา
ส่วนอุ่นร้อนดุนดันเข้ามาในช่วงที่ผมกำลังหวนนึกถึงผู้ชายอีกคน ราเชนทร์รั้งเอวผมแนบชิด ใช้ปลายลิ้นสะกดเสียงครางประท้วงอย่างอยู่หมัด แล้วยังสวนเอวเข้าลึกจนผมนิ่วหน้า ไม่น่าเชื่อว่าการทำกันในสระว่ายน้ำกลับทำให้ทุกอย่างง่ายดายและไม่เจ็บเสียดอย่างเคยแม้จะไม่มีเจลหล่อลื่น เพราะไม่ทันไรราเชนทร์ก็เข้ามาได้ทั้งตัวแล้ว
“อา...สุดยอดเลย”
ราเชนทร์ยอมปล่อยปากผมเป็นอิสระในที่สุด แต่โวยวายเอาตอนนี้ก็ไม่ทัน เพราะเขาเริ่มขยับเอวจนผมได้แต่เกาะคออีกฝ่ายแน่น เกร็งไปหมดทั้งตัวเพราะรู้สึกหวิวๆ เวลามีมวลน้ำอยู่รอบตัว
“รัญจ๋า สุดยอดไปเลย”
ราเชนทร์พร่ำเรียกชื่อและจูบไปทั่วขณะเร่งจังหวะกระชั้นถี่ ผมเองก็พยายามกลั้นเสียงครางไม่ให้ดังเกินไปเพราะในบ้านหลังนี้มีแต่คนของเขาเต็มไปหมด ร่างกายถูกปรนเปรอจนฉุดอารมณ์ให้พุ่งสูง แม้จะยังรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ห้ามสัญชาตญาณไม่ให้ตัวเองรู้สึกดีไม่ได้
โดยเฉพาะกับราเชนทร์ที่รู้จักทุกซอกทุกมุมของผม
การทำกันในน้ำช่วยลดน้ำหนักตัวเวลาอุ้มกระเตง และก็ทำให้เขาสวนเอวได้ถนัดถนี่กว่าเดิม ผมรู้สึกอึดอัดเพราะไม่ได้มีแค่ส่วนนั้นของเขาเข้ารุกราน เวลาถอนตัวออกและสอดใส่ไป จะมีแรงดันน้ำที่ล้ำเข้ามาและทะลักออกยามผมโดนเติมเต็มจนแน่นหนึบ
ราเชนทร์ร้องเรียกชื่อผมไม่หยุด จนใกล้จะถึงฝั่ง ผมก็รีบจับหน้าเขาบังคับจูบ ปิดเสียงครางยาวไม่ให้ใครได้ยิน
เพิ่งรู้เอาก็ตอนรู้สึกถึงน้ำอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาภายในว่าเขาเสียบสด
ผมไม่เคยกังวลเพราะปกติราเชนทร์กับคีรีมักเตรียมตัวเสมอ ใช่ ฝ่ายรุกควรจะเตรียมพร้อม แต่ผมคงลืมไปว่านี่เป็นข้างสระน้ำ แล้วใครจะไปพกถุงยางตอนที่เหลือกางเกงแค่ตัวเดียวกันล่ะ
ราเชนทร์ยังแนบส่วนนั้นที่ค่อยๆ ลดขนาดลงพลางกอดผมแน่น ดูสุขสมเกินบรรยาย
แต่ผมกลับรู้สึกตื้อในอกอย่างบอกไม่ถูก
มันเป็นความรู้สึกผิดที่มาพร้อมกับความไม่พอใจ
พวกเราเพิ่งคบกันไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ และอยู่ในช่วงประคับประคองความสัมพันธ์
การคบกันสองว่าหนักแล้ว พอคบกันสามคนยิ่งต้องคอยคุมหางเสือให้ดี หากปล่อยให้ล้ำไปทางใดทางหนึ่งมากกว่ากัน เกรงว่าจะยิ่งรั้งให้เรือเอนเอียงจนล่มจมไปหมด
ราเชนทร์คือคนล้ำหน้าคนนั้น
ผมไปทำงานด้วยสภาพเหม่อลอย
แม้จะเพิ่งมีเซ็กซ์มาไม่นานแต่ก็ไม่ได้เจ็บจุกมากมาย อาจเพราะน้ำช่วยลดแรงเสียดสีไปได้มาก แต่ถึงอย่างนั้นตอนผมเข้าไปทำความสะอาดร่างกายตัวเอง ล้วงเอาน้ำของราเชนทร์ออกมา ก็เป็นอะไรที่ก่ำกึ่งในความรู้สึกซะเหลือเกิน
ยิ่งตอนเย็นไปเจอหน้าคีรี ทานข้าวด้วยกันและโดนถามถึงเรื่องว่ายน้ำด้วยแล้ว...
เป็นครั้งแรกที่ผมหลบตาเขาเพราะไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะอธิบายยังไง
แต่ราเชนทร์ไม่รู้สำนึกเลย เขายังเป็นเขา คนที่แม้จะโดนผมตวาดด่าเข้าไปก็ยังยิ้มสู้ไม่รู้สา แถมยังออกจะภูมิใจซะด้วยซ้ำที่ได้ทำกับผมโดยปิดเป็นความลับกับคีรี
ซึ่งผมคงทำแบบนั้นไม่ได้
หลังเลิกงาน คีรีเป็นคนมารับพวกเราโดยราเชนทร์นั่งหน้า จึงยังไม่ใช่โอกาสพูดคุยเพราะผมนั่งกำมืออยู่เบาะหลัง ภาพที่พวกเขายอมนั่งรถคันเดียวกันทำให้รู้สึกดีอยู่หรอก แต่จัดการปัญหาตรงนี้ได้ไม่ทันไร ปัญหาใหม่ก็เข้ามา
ในรถเงียบผิดปกติจนผมกระสับกระสายแทบแย่
พอถึงห้อง ราเชนทร์ก็ทำตัวเป็นเจ้าชายยึดครองห้องน้ำไม่สนใจใครเหมือนเดิม ผมถือโอกาสนี้เข้าไปหาคีรี แตะไหล่ให้เขาหันเก้าอี้มานั่งคุยกันตรงๆ
“เครียดอะไรหืม”
คีรีคงจับอาการผมได้ ถึงได้ทักขึ้นมาก่อน
“ห่วงเรื่องธาราธารเหรอ ไม่ต้องห่วงนะ วันนี้ฉันเตือนเขาแล้ว เขารับปากว่าจะไม่ยุ่งกับเธออีก”
แถมยังเอ่ยประโยคที่ฆ่าผมให้ตายทั้งเป็นกันชัดๆ
บ้าเอ๊ย...ถึงว่าคีรีไม่ทันฉุกใจคิดว่าทำไมผมเงียบผิดปกติ ที่แท้ก็นึกว่าเป็นเรื่องธาราธารนี่เองบอกตามตรงว่าผมลืมเรื่องนั้นซะสนิท!
“ไม่ใช่ครับ” เห็นเขาห่วงใยขนาดนี้ผมก็เลิกโลเล กลั้นใจสารภาพออกมาทีเดียว “คีรี วันนี้ผมมีเซ็กซ์กับราเชนทร์”
ดวงตาใต้กรอบแว่นที่เพิ่งมองผมอย่างรักใคร่เป็นห่วงประกายแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ผมลอบสะดุ้งกับสายตาน่ากลัวนั้น ใครจะยอมรับได้กันล่ะหากคนรักมีอะไรกับคนอื่นลับหลัง แม้จะเป็นหนึ่งในคนที่ตกลงคบกันด้วยสายสัมพันธ์พิลึกก็ตาม แต่ก็เพราะมันพิลึกมากนั่นแหละ ถึงยิ่งละเอียดอ่อน และมีข้อเปรียบเทียบสูงจนน่าน้อยใจ
คีรีมักวางตัวกับผมดีเสมอ แม้รู้ว่าผมรักราเชนทร์ก็คอยห่วงใยไม่ห่าง ทำให้ผมซาบซึ้งใจมาก
แต่ราเชนทร์กับผมแอบไปมีอะไรกันในช่วงที่เขาไปจัดการเรื่องน้องชายเพื่อผม มันจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดขนาดไหน ทั้งที่เขายอมเปิดเผย และยอมกระทั่งขัดแย้งกับครอบครัวตัวเอง
“ผมขอโทษ”
ความจริงอยากจะเข้าไปกระชากประตูห้องน้ำแล้วลากตัวราเชนทร์มาพูดคำนี้เองด้วยซ้ำ แต่หมอนั่นพูดขอโทษเป็นที่ไหน อย่าว่าแต่พูดกับคีรีเลย ขนาดผมยังไม่เคยได้ยินคำนั้นจากปากเขา ถ้าไม่นับตอนที่รู้ตัวว่าทำผิดจริงๆ ช่วงขู่ทำร้ายผมตอนเลิกกันใหม่ๆ น่ะนะ
คีรียังคงนิ่งจนน่าใจหาย ผมเองก็ขบปากตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก
อยากสูบบุหรี่จังแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ในตอนที่ผมโดนคีรีจ้องเขม็งกดดันจนอยากจะจมหายไปกับเตียง
“เขาบังคับเธอรึเปล่า”
“ก็...กึ่งๆ ครับ” ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะพูดเสียงเบาหวิวได้ขนาดนี้ ปกติแล้วผมไม่เคยเป็นฝ่ายทำตัวงี่เง่ากับคนรักจนต้องมานั่งสารภาพบาปมาก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้สึกผิดจุกอกไปหมด ราเชนทร์บังคับผมมั้ย ในทางทฤษฎีถือว่าใช่ แต่การที่ผมยอมให้เขาทำ ก็ถือว่าใช่เหมือนกัน
“ขอบคุณมากที่บอกตามตรง”
“เพราะผมไม่อยากให้พวกเราแคลงใจกันตั้งแต่เริ่ม มันมีแต่ผลเสีย และผมก็ไม่ชอบซุกความผิด” ผมพูดโพล่งออกมา แต่ยิ่งเอ่ยก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น เหมือนตัวเองเลวมากชอบกล เพราะทำไปทั้งที่รู้ว่าผิด แล้วค่อยมาแก้ตัวเอาตอนหลัง “ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับคุณเลย แต่ผมจะทำให้ถูกต้องขึ้น”
“ยังไง”
“คืนนี้ผมจะไม่นอนกับราเชนทร์” ผมเอ่ยพลางเกี่ยวคอเสื้อเขาเบาๆ จนคีรีต้องโน้มตัวเข้ามาจนเกือบอยู่บนเตียงเดียวกัน “ผมจะนอนกับคุณคนเดียว”
“จะให้ฉันกอดเธอต่อหลังจากที่เธอไปทำกับราเชนทร์ลับหลังน่ะเหรอ”มือของผมยกค้าง วินาทีนั้นรู้สึกขยะแขยงตัวเองมากจนอยากจะหายตัวซะให้ได้
เป็นยิ่งกว่าน้ำท่วมปาก เป็นความผิดที่ไม่รู้จะชดเชยยังไง ผมมองคีรีด้วยสายตาสั่นไหว พูดอะไรต่อไม่ออกแม้แต่คำเดียว
พลันคีรีถอนหายใจเฮือก สายตาแข็งกร้าวใต้กรอบแว่นอ่อนลง เขาเข้ามานั่งเตียงเดียวกับผม ก่อนจะลูบศีรษะเบาๆ
“ทำตามที่เธอคิดเถอะ”
ไม่ทันถามเพิ่มเติมว่าเขาหมายความว่ายังไง ตัวต้นเรื่องอย่างราเชนทร์ก็ยิ้มร่าออกจากห้องน้ำทันที อันที่จริงเมื่อคืนพวกเราไม่ได้ทำกันเพราะผมเพิ่งโดนผลักตกน้ำ คีรีกับราเชนทร์เห็นผมตัวอุ่นๆ เลยนอนกอดก่ายกันสามคน เท่ากับว่าหลังจากวันนั้นพวกเราเพิ่งทำกันแค่แบบสามคนแค่ครั้งเดียวในห้องมืด
“รัญจ๋า” ราเชนทร์ยิ้มร่าไม่รู้สถานการณ์ เขาปราดเข้ามาหมายจะซุกไซร้ขอความรัก แต่ก็ถูกผมผลักออกไป
“วันนี้คุณหมดโควต้าแล้ว”
“อะไรนะ”
“วันนี้คุณทำกับผมไปแล้ว หมดโควต้าแล้วครับ รบกวนออกจากห้องด้วย ผมจะอยู่กับคีรี”
“นี่นาย...บอกมันงั้นเหรอ” ราเชนทร์มองผมกับคีรีที่นั่งจับมือกันอยู่บนเตียงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ แต่เขาก็ยังคงยิ้ม ยิ้มมีเลศนัยอย่างที่ไม่เคยเดาความคิดถูก “ไหนพูดใหม่อีกครั้งสิ เพราะฉันกอดนาย เลยโดนไล่ให้ไปนอนนอกห้องรึไง ล้อเล่นกันเหรอรัญ”
“ครับ” ผมไม่ขำไปกับเขาด้วย
“ฉันกอดคนที่ฉันรัก มันผิดรึไง”
...โอ๊ย อย่ามาปวดใจกับคำตัดพ้อนั่นเอาตอนนี้จะได้มั้ยผมรักราเชนทร์ และที่ยอมเขาในวันนี้ก็เพราะความจริงข้อนั้นด้วย
พลันคีรีบีบมือผมแน่น เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความโกรธ หรือความรู้สึกแย่ๆ แบบไหนก็ตาม แต่ยังไงซะผมก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ
“ตอนนี้พวกเราคบกันสามคนนะเชนทร์ คุณจะทำอะไรอย่างที่อยากทำเหมือนเดิมไม่ได้ ตอนนั้นผมก็เตือนคุณไปแล้วไง ผมเคยบอกเลิกคุณเพราะสาเหตุนี้ไปแล้ว แต่ในเมื่อคุณสร้างโอกาส ดึงเราสองคนให้มาอยู่ในวังวนเดียวกัน คุณก็ต้องยอมรับด้วยว่าจะทำตามใจชอบอย่างนั้นไม่ได้อีก”
“หมายความว่าฉันอยากจะมีอะไรกับเธอแต่ละครั้ง จะต้องรอมันทุกครั้งเลยรึไง”
“งั้นถ้าผมทำกับคีรีตอนคุณไม่อยู่บ้าง คุณยอมรับได้มั้ยล่ะ”
ราเชนทร์สะอึก แต่ความเงียบที่มาพร้อมกับการเดินหนี ปิดประตูดังปังก็เป็นคำตอบยืนยันอย่างดีว่าเขาไม่พอใจแค่ไหน
“เธอไม่เป็นอะไรนะ” พอเหลือแค่สองคน คีรีก็จับศีรษะผมให้ซบไหล่
“ไม่หรอกครับ ดัดนิสัยเขาบ้างก็ดี” ผมเอ่ยเสียงเรียบ พยายามจะทำเหมือนไม่รู้สา แต่ความจริงแล้วแอบเสียใจอยู่ลึกๆ เมื่อก่อนเวลาผมทะเลาะกับราเชนทร์ก็มักมาพร้อมความปวดใจและไม่เข้าใจเสมอ เหมือนกับตอนผมบอกเลิกนั่นแหละ เห็นพูดได้ป่าวๆ ได้ขนาดนั้น แต่ลับหลังก็แอบไปร้องไห้คนเดียวตลอด
“เธอรักราเชนทร์มากสินะ”
“...”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน”
คีรีกอดปลอบผม ไม่ได้ล่วงเกินหรือทำอะไรมากไปกว่านั้น แม้ว่าผมพูดออกมาเองว่ายอมทุกอย่างก็ตาม
‘จะให้ฉันกอดเธอต่อหลังจากที่เธอไปทำกับราเชนทร์ลับหลังน่ะเหรอ’ผมขบปากเบาๆ ขณะตะแคงข้างเข้าหาคีรี นอนนิ่งทำตัวว่าง่ายในอ้อมกอดนั้นตลอดคืน
วันนี้ได้รับบทเรียนที่สำคัญที่สุด
....เซ็กซ์สามารถทำให้เขาสองคนดีกันได้...
...แต่ก็ทำให้พวกเขาแตกคอได้เหมือนกัน...
-----------------------------------------------------------------
มาอธิบายเรื่องกลัวน้ำสักนิด คือถ้าทำท่าว่ายตีขา ยืนตัวปริ่มๆ หรือเล่นน้ำ เล่นทะเลธรรมดานั้นได้ตามปกติ แต่ถ้าหน้าจมใต้น้ำเมื่อไหร่ อาการจะมาทันที ไม่ว่าจะตื้นจะลึก แต่ถ้าหน้าจม สติเตลิดค่ะ รัญก็เป็นแบบนั้นแล
แต่พักเรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะตอนนี้สามหนุ่มมีปัญหากันอีกแล้ว
ความจริงคำถามตอนท้ายของคีรีมีความหมายนะคะ เพราะเป็นราเชนทร์ รัญเลยก่ำกึ่งยินยอม ถึงจะอ้างเรื่องกลัวน้ำ แต่ความจริงรัญก็พอฝืนได้แหละ เถ้าลองเปลี่ยนเป็นคีรีบังคับในสถานเดียวกัน ปฏิกิริยาจะต่างออกไปทันที อาจมีคนลิ้นขาดก็เป็นได้ (ฮา)
เพราะอย่างนี้คีรีเลยถามพูดว่ารัญรักราเชนทร์มาก แต่ก็คีรีเองก็รักรัญมาก เลยไม่เค้นคอในเรื่องนี้และนอนกอดกันเฉยๆ
ในที่สุดเส้นแบ่งของทั้งสามก็มีคนก้าวล้ำมาก่อนแล้ว คนนั้นคือเชื้อราที่ขึ้นได้ทุกที่นั่นเอง!
เพจนักเขียนที่หายารักษาเชื้อราแจกคนละกระปุก