ตอนที่ 17 : เล่นของ
“รัญจ๋า อย่าไปสนใจแม่ลูกคู่นั้นเลย สัญญาคู่หมั้นก็แค่ปากเปล่า ฉันมีแฟนมาแล้วหลายคน ไม่เคยจะมีปัญหาเลยนี่ รัญเองก็อย่าใส่ใจเลยนะ”
หลังจบเรื่องจบราวส่งแขกสำเร็จ ราเชนทร์พาผมมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่ห้องนอนของเขาบนชั้นสอง คอยกอดหอมปลอบประโลมยกใหญ่ เพิ่งมาเห็นเอาตอนนี้เองว่าที่ไหล่ของเขาโดนผมจิกจนเป็นรอยเลือดซึม แต่เจ้าตัวไม่สนใจ ออกจะหน้าระรื่นตาชื่นบานซะด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมคุณไม่ช่วยพูดแทนผมเลยล่ะครับ”
“ก็แหม...” ราเชนทร์ทำหน้าเขินอายอย่างเสแสร้ง “ฉันอยากเห็นนายหึงนี่ โอ๊ย!”
สมน้ำหน้า! ผมต่อยหมัดใส่ท้องของเขาที่ยังเป็นรอยปานช้ำเต็มแรง นึกยิ้มเยาะในใจว่าถึงตัวคีรีจะไม่อยู่ แต่ก็ทิ้งจุดอ่อนอย่างหนึ่งให้ผมเอาคืนราเชนทร์ได้
มองคุณชายที่จุกจนอ้าปากพะงาบจนต้องควานหาที่นั่งพักแล้วผมก็เริ่มผ่อนอารมณ์ขึ้นมาบ้าง
“คุณหญิงสมใจคือใครครับ แล้วคุณหนูสมจันทร์ทำไมถึงดูสนิทกับคุณและคนในบ้านจัง”
ผมตามไปช่วยเช็ดผมที่ยังชื้นหลังอาบน้ำเสร็จให้ราเชนทร์ เขาเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลัง ราเชนทร์ที่ตอนแรกยังมองค้อนผมหน่อยๆ ตอนนี้กลายเป็นหมาเชื่องๆ ไปแล้ว หลับตาพริ้มปล่อยให้ผมช่วยดูแลอย่างพอใจ
“คุณหญิงเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ฉัน ตั้งแต่แม่เสียเขาก็มาคอยดูแลความเรียบร้อยบ่อยๆ ญาติฉันมีเยอะก็จริง...แต่ที่มีก็ไม่ค่อยจะสนใจกันน่ะ” ราเชนทร์เอ่ยทั้งรอยยิ้มเหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง เพราะเงยหน้าหลับตา เลยไม่รู้ว่าใจเขานั้นยิ้มเหมือนที่แสดงออกรึเปล่า
ผมว่าเขาก็คงไม่รู้ตัวว่าเวลาเอ่ยถึงครอบครัวทีไรมักทำเสียงสดใสกว่าทุกทีจนคนฟังรู้สึกหน่วงชอบกล
ผมคลุมผ้าบนศีรษะของเขา ลูบเปลือกตา ลูบริมฝีปากที่ยกขึ้น...ก่อนจะก้มหน้าจูบเบาๆ
“รัญ?”
ราเชนทร์ลืมตามองอย่างประหลาดใจทันที
“เล่าต่อสิครับ” ผมกลบเกลื่อนโดยการขยี้ศีรษะเต็มแรงจนเจ้าตัวต้องก้มหน้าไปโดยปริยาย ในเมื่อเขาพยายามปกปิดความอ่อนแอในใจ ผมก็จะไม่ถามเซ้าซี้ทำเป็นรู้ทัน คนทุกคนย่อมมีเขตหวงห้ามที่ไม่อยากให้ใครขุดคุ้ยอยู่แล้ว
“ถึงไหนแล้วนะ อ้อ พอคุณหญิงมาเยี่ยมบ่อยๆ จันทร์ก็มาเล่นมาค้างด้วย เด็กผู้หญิงใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ ทุกคนในบ้านเลยเรียกว่าคุณหนู ไม่ต้องห่วงนะรัญ เธอเป็นได้มากสุดแค่น้องสาว ฉันไม่เอาคนประเภทเดียวกันมานอนกกหรอก!”
อ้อ คนประเภทหน้ายิ้มแต่ในใจกลับกลอกสินะ!“แล้ววันนี้พวกเขามาหาคุณเรื่องอะไรเหรอครับ”
เพราะราเชนทร์ให้เกียรติพวกเธอ ผมเลยเอ่ยถึงด้วยน้ำเสียงที่ให้ความเคารพมากขึ้น
“มาขอยืมเครื่องประดับคุณแม่ฉันน่ะ เวลาออกงานคุณหญิงสมใจชอบมายืมอยู่แล้ว แต่ก็เอามาคืนตลอด แล้วดูแลช่วยทำความสะอาดให้ด้วย ของพวกนี้ฉันไม่กล้าขายและก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว เลยเต็มใจให้ยืมเอง” ราเชนทร์อธิบายก่อนจะรีบจับข้อมือผมที่ผละออกหลังช่วยเช็ดผมให้เสร็จจนกระเซอะกระเซิงไปหมด “ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะวางแผนมาแกล้งรัญ ปกติจะนัดก่อนแต่วันนี้มากะทันหัน ส่อพิรุธอยู่แล้วฉันเลยไม่ออกไปพบทันที หึ สงสัยจะมีคนปากโป้งเข้าล่ะมั้ง”
ผมว่าราเชนทร์คงมีคำตอบอยู่แล้วว่าเป็นฝีมือใคร แหม จะเป็นใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่เหล่าคนรับใช้แสนรักของเขา
“ฉันจัดการเอง”
“ยังไงครับ”
“ง่ายจะตาย ทำเป็นโกรธปึงปังก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรแผลงๆ แล้วล่ะ” ราเชนทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องคนในบ้านนี้ฉันคุมได้ ไม่ต้องห่วงนะที่รัก จะไม่มีการเล่นละครไร้สาระแบบนี้อีกแน่นอน”
ผมมองราเชนทร์ที่รับปากอย่างมั่นใจแล้วคิดว่าเขาก็ทำได้จริงนั่นแหละ ทุกคนล้วนเชื่อฟังคุณชายทั้งนั้น แต่ประเด็นคือ...สายตาของคนในบ้านหลังนี้จะมองผมยังไง
พอนึกๆ ดูแล้วก็มีหลายคดีกับพวกเธอเหมือนกัน
ตั้งแต่ตอนคบกันครั้งก่อน ผมก็เป็นคนแรกที่ตะโกนด่าราเชนทร์ซึ่งหน้า แถมยังต่อหน้าต่อตาคนอื่นๆ
สำหรับเหล่าคนที่แค่ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ตอม ขัดใจก็ไม่กล้า การเห็นราเชนทร์โดนผมด่าแล้วสลัดทิ้ง คงเหมือนเห็นลูกชายตัวเองโดนทำร้ายจิตใจอย่างไม่เป็นธรรม บวกกับผมเป็นพวกสันโดษสุดขีด ไม่เคยเข้าหาใครก่อน มาที่บ้านราเชนทร์แต่ละครั้งก็ขลุกแต่กับเขาไม่เคยสนใจคนอื่น ยิ้มทักทายก็ไม่เคยจะมี
แถมพอมาคบกันอีกครั้ง ราเชนทร์ก็ไม่เคยค้างที่บ้านเลย
โผล่หน้ามาอีกทีดันมีรอยช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนถูกซ้อมแสนสาหัสซะนี่
เอ่อ...ถ้ามาคิดดูในแง่พวกเธอแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน
มันคงเป็นความเหงา ที่กลายเป็นความฟุ้งซ่าน ผมพอรู้สึกถึงอาการต่อต้านอยู่เหมือนกัน เพราะพวกเธอเอาแต่ห้อมล้อมราเชนทร์อย่างกับแมลงตอมน้ำหวาน แต่เว้นที่รอบตัวผมยังกะเขตต้องห้าม ไม่ใช่ว่าราเชนทร์ห้ามหรอก ถ้ารู้สึกดีๆ กับผมจริงอย่างน้อยก็น่าจะมีถามไถ่บ้าง แต่ทั้งผมและพวกเธอ เราไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ
กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่
อันที่จริงผมก็ไม่อยากสนใจหรอก ยังไงก็ถือคติต่างคนต่างอยู่อยู่แล้ว แต่จากเจอการเล่นละครฉากใหญ่เข้าไป...มันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการอยู่ตัวคนเดียวในสภาพแวดล้อมแบบนี้มันค่อนข้างน่าหงุดหงิด
คีรียังพอตัดขาดระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ แต่ราเชนทร์มีแค่บ้านหลังนี้ ถ้าเราจะคบกันให้นาน ยังไงผมก็ควรจะปรับตัวสักหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ให้โดนเกลียดขี้หน้าไปมากกว่านี้ล่ะนะ
“รัญจะไปไหนน่ะ”
“คุณแต่งตัวก่อน ผมจะลงไปข้างล่าง”
“จะทิ้งฉันเหรอรัญ” นับวันเขายิ่งเหมือนลูกแหง่ ละสายตาจากผมหน่อยเดียวจะขาดใจซะให้ได้
“ขอมือ”
“รัญ...ฉันไม่ใช่หมานะ” ราเชนทร์กลอกตาประหลับประเหลือก “เอาเถอะ ถ้ารัญจะทำอะไรฉันก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่ารัญไม่ใช่คนงี่เง่าคิดไม่เป็นสักหน่อย”
“ก็รู้ดีนี่ งั้นอย่าลงไปจนกว่าผมจะขึ้นมานะครับ” ผมตบแก้มราเชนทร์เบาๆ กึ่งหยอกก่อนจะเดินลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อหาคนอื่นๆ ในบ้าน ว่าจะลองเป็นเข้าหาก่อนสักหน่อยเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดคุยกับพวกเธอเลย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งกับผมสักเท่าไหร่ เพราะพอลับหลังคุณชาย ก็พากันนั่งจับกลุ่มคุยอยู่ในห้องครัวโดยมีหัวหน้าแม่บ้านที่มีอายุมากสุดยืนกอดอกเหมือนเป็นหัวหอก ราวกับว่ากำลังประชุมเพลิงอยู่ยังไงยังงั้น
“ขนาดคุณหญิงยังทำไม่ได้เหรอเนี่ย” คนที่นั่งรวมตัวกันพูดคุยคล้ายแลกเปลี่ยนความเห็น
“คุณชายเราต้องโดนของแน่ๆ!”
“นั่นสิ ถึงคุณชายจะเหลวไหลบ้าง แต่ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางมาก่อน!”
“เราไม่เคยขัดขวางความรักของคุณชาย แต่เรื่องคบสามคนมันเกินไปจริงๆ! ถึงจะรู้ว่าคุณหญิงสมใจกับคุณหนูสมจันทร์ไม่ใช่คนดีมาก แต่ก็ต้องดีกว่าคนหลายใจนั่นแน่ๆ!”
“ถึงคุณหนูสมจันทร์จะวู่วามผิดแผนไปหน่อย แต่คนนั้นก็ร้ายจริงๆ ถึงดึงความสนใจคุณชายไปได้”
“นึกแล้วก็เจ็บแทนคุณชายเหลือเกิน”
“ต้องมีสัมพันธ์กับคนที่คบพร้อมกันกับอีกคน จะเจ็บปวดขนาดไหนนะ”
ผิดจากที่คิดซะที่ไหนผมยืนหลบออกมาหน่อยระหว่างแอบฟังเสียงพูดที่ไม่เบาของพวกเธอ และพวกเขาที่จับกลุ่มไม่พูดจาหน้าเคร่งเครียด คนรับใช้ชายในบ้านนี้มีไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานอย่างคนขับรถ พ่อครัว และคนสวน นับดูแล้วมีร่วมกว่าสิบชีวิตได้ ดูเหมือนจะรวมมาทั้งบ้านเลยมั้งเนี่ย
“เอาล่ะทุกคน” ในที่สุดแม่บ้านที่อายุมากสุดก็ขัดขึ้น “ระดมสมองกันก่อนดีกว่าว่าเราจะติดต่อใครให้มาช่วยดามหัวใจคุณชายดี ตอนนี้รายชื่อที่เหลือก็มีคุณหนูสมรัตน์ คุณหนูสมเหลือ คุณหนูสมหรู ส่วนฝ่ายชายก็มีคุณสมชายกับสมพอที่เข้าท่าหน่อย คนอื่นไม่ไหว เจ้าชู้เกินไป ไม่เหมาะกับคุณชายของเราหรอก”
“ยังไงฉันก็อยากให้คุณชายคบกับผู้หญิงมากกว่า ดูสมกันและน่าจะรักยืนยาวกว่าเพศเดียวกันเป็นไหนๆ”
“แต่ก็ต้องดูความต้องการของคุณชายเป็นหลักนะ อีกอย่างคุณหนูสมจันทร์อยู่กับคุณชายมาตั้งนานก็ไม่เห็นคุณชายจะหวั่นไหวเลย ลองเปลี่ยนเพศดีมั้ย”
“งั้นก็คุณสมชายกับ...คุณสมพอสินะ”
นั่นสิ...พอได้แล้วมั้ง“ทุกคนอย่าลืมนะว่าคุณหนูสมจันทร์เห็นคุณชายแต่เด็ก อาจจะรู้จักกันดีเกินเลยไม่รู้สึกอะไรก็ได้ ยังไงฉันก็ยังยืนยันว่าจะลองทาบทามผู้หญิงจากตระกูล...”
นี่มันเป็นวาระแห่งชาติรึไงเนี่ย! ถึงจะพอเดาว่าพวกเธอเป็นคนเรียกสองแม่ลูกมาเล่นละครหวังทำให้ผมเป็นตัวร้าย อย่างที่ถูกมองให้เป็น แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะจับกลุ่มกันจริงจังขนาดนี้!!
“หรือเราจะลองเรียกอาจารย์สมยันต์มาดี เห็นว่าเก่งเรื่องเวทมนตร์คาถา เรื่องมนตร์ดำอะไรก็เชี่ยวชาญ”
“ไอเดียนี้เข้าท่า! คุณชายหลงคนคนนั้นหัวปักหัวปำ ขนาดมีมือที่สามมาเอี่ยวก็ยังยอมลงให้ คุณชายไม่ใช่คนแบบนั้นเลย!”
“นั่นสิ คุณชายแสนน่ารักคนนั้นของเราจะทนได้ยังไง นิสัยอย่างคุณชายถ้าได้อะไรก็ต้องได้ พวกเราก็รู้ดี เรื่องแบ่งของชอบของสำคัญให้คนอื่นเนี่ยไม่มีทาง!”
“งั้นตกลงตามนี้ เราจะเรียกอาจารย์สมยันต์มาก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะเรียกคุณหนูหรือคุณชายจากไหนมาดูตัวต่อ”
“ตกลง!”
...อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เกิดมาเพิ่งเคยโดนกล่าวหาว่าเล่นมนตร์ดำก็วันนี้เนี่ยล่ะ!
เรื่องมันลุกลามกว่าที่ผมคิดมากๆ เลยนะเนี่ย จะก้าวเข้าไปชวนคุยตอนนี้ก็ไม่ถูกจังหวะ เผลอๆ จะโดนมองไม่ดีว่าแอบฟังมากกว่า แม้ว่า...ผมจะแอบฟังจริงๆ ก็เถอะ
พอเห็นแต่ละคนเริ่มสรุปกันลงตัวผมเลยรีบถอย ขึ้นบันไดไปยืนหลบแถวหน้าห้องราเชนทร์แต่ยังไม่เปิดประตูเข้าไป
มีบางอย่างติดใจสงสัยอยู่อย่าง
พวกเธอรู้ได้ไงว่าราเชนทร์กับผมคบแบบสามคน ทั้งที่เวลาเรามาที่บ้านก็มาแค่สองคนตลอด และราเชนทร์ไม่เคยพูดถึงคีรีแม้แต่น้อย!?
และไอ้ปฏิกิริยาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็เพิ่งเป็นวันนี้ซะด้วยสิ เมื่อวันก่อนที่ราเชนทร์พามา แม้จะเว้นระยะห่างอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับจงเกลียดจงชังขนาดนี้
แสดงว่าเพิ่งรู้ในเร็วๆ นี้สินะ!?
(( รัญ... ))
เสียงคีรีค่อนข้างเครียดทีเดียวตอนผมโทรหา
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”
(( เอ่อ...เธอคงมีธุระ พูดของเธอมาก่อนเถอะ ))
“ผมอยากให้คุณมากินข้าวเย็นที่บ้านของราเชนทร์ครับ” ผมเอ่ยแม้จะค่อนข้างเกรงใจคีรีอยู่บ้าง กลัวเขาจะนึกน้อยอกน้อยใจไปซะก่อน
(( ได้ ))
แต่อีกฝ่ายดันตอบรับทันทีซะงั้น
ผมเลยนิ่งเงียบ รอฟังว่าทางเขามีเรื่องอะไรกันแน่ถึงยอมให้ขนาดนี้
(( รัญ...ฉันขอโทษนะ ))
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
(( ดูเหมือนธาราธารเอาเรื่องของเราไปบอกกับคนที่บ้านของราเชนทร์...แต่เขาไม่ได้กระจายข่าวไปทั่วหรอก เขากลัวว่าฉันและบริษัทจะเสียหาย ก็เลยแค่พูดกับกลุ่มเล็กๆ เพื่อจงใจบีบพวกเราเท่านั้น ))
“...อ้อ....” ผมไม่รู้จะหาคำตอบรับไหนดีกว่านั้นอีกแล้ว น่าแปลกที่ผมไม่ยักประหลาดใจ
รับปากจะไม่ยุ่งกับผมก็ไปหาภาวิน รับปากจะไม่ยุ่งกับพวกเราก็ไปหาคนอื่นต่อแล้วใส่ไฟ
ซอกแซกเก่งสมเป็นนักธุรกิจจริงๆ(( รัญ ))
“สายตาคนในบ้านหลังนี้เห็นผมเป็นมารร้ายที่หลอกราเชนทร์มาควบสองกับคุณไปแล้ว”
(( ฉันขอโทษ... ))
“คุณบอกว่าจะจัดการกับธาราธาร สองครั้งแล้วนะครับที่บอกว่าทำได้”
(( ฉันขอโทษ... ))
ฟังเสียงสำนึกผิดขนาดนั้นผมก็พยายามข่มอารมณ์ รู้ดีว่าพาลใส่คีรีไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เรื่องครอบครัวจัดการยาก อย่าว่าแต่ใครเลย ตัวเองผมเองกับพ่อกับแม่ยังไม่กล้าจะกลับไปหาด้วยซ้ำ แล้วจะบังคับคนอื่นให้ทำตามใจสั่งได้ยังไง
“ผมอยากให้คุณสงบศึกกับราเชนทร์ อย่างน้อยก็ในบ้านหลังนี้”
(( … ))
“คุณต้องแก้ภาพลักษณ์ของผมว่าพวกเราตกลงคบกันด้วยความเต็มใจทั้งสามฝ่าย”
(( ตกลง ))
“เตรียมชุดมาด้วยนะครับ คืนนี้พวกเราคงค้างที่นี่กัน”
คีรีอึกอักไปครู่ใหญ่ แต่เพราะเห็นว่าปัญหามาจากทางตัวเอง ก็เลยยอมรับปาก
(( ได้ ฉันจะให้เลขาเตรียมไว้ และฉันจะกลับเร็วกว่าปกติ ))
“ไม่ต้องหรอกครับ มันมีพิรุธไป จะโดนจับผิดเปล่าๆ” ผมแย้ง ก่อนจะผ่อนน้ำเสียงลงหน่อย ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ป่านนี้ท่านประธานคงนั่งไม่ติด ทำหน้าหงอยซึมอยู่แน่ “คีรี ผมไม่โกรธคุณหรอกนะครับ”
(( รัญ... ))
“แต่ผมโกรธธาราธารมาก แค่นี้นะครับ”
ผมโกรธจริงๆ นะเนี่ย
ทั้งโมโหและไม่เข้าใจว่าเขาจะตามจองล้างจองผลาญกันทำไม หวงพี่ชายมาก? แต่ก่อนหน้านี้คีรีเคยมีแฟนก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหา หรือเพราะคีรีเปิดตัวนึกจริงจัง? ในเมื่อเจ้าตัวไม่เดือดร้อนแล้วจะวิ่งพล่านทำไม อยากรู้ชะมัดว่าสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจให้ธาราธารต่อต้าน เพราะผมเป็นบาร์เทนเดอร์ หรือเพราะผมคบสามคนกันแน่
สงสัยเป็นบ้าถ้าผมสามารถทำประโยชน์ทางธุรกิจกับคีรีได้ เขาจะยังขัดขวางแบบนี้มั้ย!?
ผมเปิดประตูเข้าไปหาราเชนทร์ที่ยืนส่องกระจกดูรอยจิกเล็บ ให้เวลาแต่งตัวตั้งนานแต่ยังสวมแค่กางเกงตัวเดียวเหมือนเดิม...
“รัญ” ราเชนทร์หันมายิ้มร่า “ทายาให้หน่อยสิ”
ที่แท้ก็รออ้อนอยู่นี่เองผมส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วรับยามาช่วยทาให้ตามคำขอร้อง ไอ้คุณชายนี่มันน่าหมั่นไส้แต่ก็น่าเอ็นดู ผมมองรอยจิกเล็บแล้วก็แอบแปลกใจเพราะมันลึกกว่าที่คิด ผิวของเขาบอบบางสมกับที่โดนทะนุถนอมอย่างดี ไม่เคยใช้แรงงาน ไม่เคยหักโหมร่างกายมาก่อน ถ้าเปลี่ยนเป็นคีรีโดนข่วนแค่นี้คงไม่รู้สึก
ราเชนทร์ฉวยโอกาสที่ผมก้มหน้าก้มตาสนใจกับแผลกอดหมับราวเล็งจังหวะอยู่แล้ว
“เย็นนี้คีรีจะมาทานข้าวด้วยกันที่นี่นะครับ” แต่ผมเองก็ใช่ว่าจะยอมให้ลวนลามง่ายๆ พอพูดประโยคเด็ดออกไป ราเชนทร์ที่กำลังก้มหน้าจะจูบปากก็ผงะทันควัน
“มาทำไม”
ผมเล่าเรื่องที่ไปได้ยินมาจากโรงครัวให้ราเชนทร์ฟัง เล่าไปไอ้บ้านี่ก็ขำไป ไม่ยักจะหัวเสียทั้งที่โดนเข้าใจผิดว่าโดนมนตร์ดำ แถมยังวางแผนจับคู่ให้กับสารพัดสมทั้งหลายเพื่อความเหมาะสม
“ฉันคงจะโดนรัญทำของใส่เข้าจริงๆ ล่ะมั้ง”
“เดี๋ยวผมถีบให้”
“ล้อเล่นน่า...” ราเชนทร์ยิ้มยียวน “ฉันว่าตลกดีออก ปล่อยเป็นแบบนี้สักพักก็ไม่เป็นไรมั้ง ถือว่าสนุกๆ ขำๆ ไง”
“ผมไม่สนุกด้วยนะ” ผมถลึงตาใส่ ช่างเป็นคนไม่รู้ร้อนหนาวอะไรกับเขาเลย แต่พอได้ยินเสียงราเชนทร์หัวเราะไม่รู้ทำผมถึงเบาใจขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้นึกเคืองจนแทบจุกอก หลังคุยกับคนจริงจังอย่างคีรีก็ทำเอาพลอยเครียดไปด้วยจนหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ไม่อยากเจออาจารย์สมยันต์เหรอ”
“เดี๋ยวผมทำยันต์แปะหน้าผากคุณให้เอามั้ย”
“แน่ะ รัญรู้จักล้อเล่นซะด้วย”
บางครั้งไอ้ความขี้เล่นไม่รู้กาลเทศะแสนเอาแต่ใจของราเชนทร์ก็ทำผมฉุนแทบบ้า แต่บางครั้งก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาบ้างเหมือนกัน
“ผมอยากให้คีรีมาให้คนในบ้านเห็นว่าความสัมพันธ์เราเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกเจ้าชู้หลอกตกคุณกับคีรีให้เจ็บปวดใจสักหน่อย”
“รัญเป็นพวกไม่ชอบพูดมากแต่ทำเลยนี่เนอะ” ราเชนทร์เอามือซ้อนหลังท้ายทอย ทิ้งตัวนอนราบกับเตียงดูผ่อนคลาย “แต่ฉันไม่อยากให้ไอ้แว่นมาที่บ้านเลยอ่ะ...รัญจ๋า”
“คุณกับคีรีต้องดีกัน”
“รัญโทรไปบอกหมอนั่นก่อนแล้วค่อยมาบอกฉันล่ะสิ” ราเชนทร์มองอย่างรู้ทัน ผมเล่นชิงลงมือก่อนแบบนี้เขาอิดออดปฏิเสธทำอ้อมค้อมยังไงก็เสียเวลาเปล่า “ก็ได้ๆ นี่เพราะไม่อยากให้รัญลำบากใจหรอกนะ ความจริงฉันไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ ให้พวกเขาทำตามใจไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถอดใจเองแหละ ขำๆ น่า”
แหงสิ เขาเป็นที่รัก ยังไงก็ไม่เสียหายแถมโดนเอาอกเอาใจเหมือนเดิม แต่คนที่โดนลอบแทงข้างหลังมันผมนี่!
“ไหนบอกจะไม่ให้ผมต้องเจอฉากเล่นละครอีกไง”
“โอ๊ะ ฉันลืม” ราเชนทร์ยิ้มก่อนจะดึงแขนผมให้ลงไปนอนข้างๆ กัน “ไม่ต้องคิดมากหรอกที่รัก ฉันบอกแล้วไงจะปกป้องนายเอง ต่อให้โดนเป่าหูดึงคนอื่นมาเกี่ยว ถ้าเห็นว่าฉันยังเกาะติดทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ ก็ไม่มีใครทำอะไรได้อยู่ดี”
ผมมองราเชนทร์ที่พูดอย่างมั่นใจแล้วลอบหมั่นไส้
“ใครจะกล้า?”
“ผมนี่แหละกล้า อยากเห็นผมกล้ามั้ยล่ะ”
พอเห็นผมทำหน้าเอาเรื่องขึ้นมาราเชนทร์ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที
“สรุปแล้ววันนี่ไอ้แว่นต้องค้างที่นี่ด้วยเหรอ แล้วนอนที่ไหน”
“ก็ต้องนอนด้วยกันหมดสิครับ”
“...ฉันไม่ให้มันเข้าห้องส่วนตัวหรอกนะ” ราเชนทร์แยกเขี้ยว ส่วนผมนึกครึ้มอกครึ้มใจ เป็นแบบนี้ก็ดี เผื่อพวกเขาจะเปิดใจและสนิทกันมากขึ้น ไม่ต้องมายึกๆ ยักๆ กั๊กท่าทีให้คนกลางอย่างผมปวดกบาล
“ห้องนี้มีผ้าห่มผืนเดียวพอดีนี่ครับ” ผมทาบมือกับแก้มราเชนทร์พลางยื่นหน้าไปใกล้ ทำทีเหมือนจะจูบแต่ไม่จูบ ริมฝีปากเฉียดไปมาจนอีกฝ่ายลมหายใจขาดห้วงเป็นพักๆ “ผ้าห่มที่คุณชอบ เหมาะจะลองทำกันพอดี”
ราเชนทร์มองผมตาแทบไม่กะพริบ
“มีเซ็กซ์กันจนหลับ ตื่นมาก็กินอาหารอร่อยๆ ที่บ้านของคุณ...ไม่ดีเหรอครับ”
“งั้นเรามาลองมุดโปงกันดูมั้ย” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเบาหวิวพอกัน มือลูบบั้นท้ายผมเป็นนัย แต่จากคำพูดแสดงว่าเลิกคิดเล็กคิดน้อยเรื่องให้คีรีเข้าห้องแล้ว
ภารกิจเสร็จสิ้น ผมตบแก้มราเชนทร์แรงๆ เรียกสติ เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง อารมณ์พิศวาสกระเจิดกระเจิง “แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยครับ”
ผมลุกจากเตียงมายืนห่างๆ เว้นระยะเพื่อความปลอดภัย
“ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะที่โดนเข้าใจผิดว่ารัญใช้มนตร์ดำ” ราเชนทร์พึมพำมองผมที่กลับไปทำหน้าเย็นชาอีกครั้ง “ขนาดฉันยังนึกว่าโดนนายเล่นของเลย”
ผมยิ้ม
“งั้นคืนนี้คุณก็ ‘เล่นผม’ ให้ดีๆ แล้วกัน”
ราเชนทร์หัวเราะลั่น ตบเข่าฉาดอย่างชอบอกชอบใจ
“ฉันรักนายจริงๆ ให้ตาย”
--------------------------------------
คิดถึงสม Family กันมั้ยคะ รอบนี้ยกขบวนมาเพียบ มาแต่ชื่อนะคะ เลยออกมาแบบฮาเต็มที่ 5555
ใครถือป้าย#ทีมคีรี รอตอนหน้าได้เลยค่ะ ท่านประธานจะมาพร้อมฉากผ้าห่มในตำนาน!

เพจนักเขียนที่เฮฮากับการตั้งชื่อเหล่าสมเป็นยิ่งนัก