ตอนที่ 20 : เรวันต์
ผมว่าวินาทีแรกที่ราเชนทร์รู้ว่าผมเจอแฟนเก่า เขาคงอยากจะหึง แต่พอเห็นสีหน้าผมไร้ซึ่งความพิศวาสโดยสิ้นเชิงเลยหึงไม่ออก
ขนาดตอนคีรีมารับยังเห็นถึงความผิดปกติจนทักขึ้นมา และเมื่อผมเล่าว่าเจอเรวันต์ เขาก็ทำหน้าเหมือนจะหึงตามรอยราเชนทร์
แต่ก็นั่นแหละ...พอผมเล่าว่าในอดีตแยกจากเขายังไง โดนทิ้งแบบไหนด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กำหมัดแน่นเหมือนอยากจะต่อยหน้าคน คีรีก็สลัดพิษรักลมหึงทิ้งแล้วถามว่าผมอยากจะชกมวยกับเขามั้ย
ราเชนทร์ร้องเฮ้ย ส่วนผมตอบว่าอยาก คีรีเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากปริ้นส์รูมเป็นคอนโดส่วนตัวของเขาที่นับเป็นหนึ่งในผู้ลงทุน เลยไม่แปลกที่จะใช้อำนาจให้พนักงานมาเปิดห้องออกกำลังกายเอาตอนตีสามย่างตีสี่
“รัญ...ฉันง่วงแล้วนะ”
“งั้นนอนตรงนั้นก่อนแล้วกันครับ” ผมชี้ไปที่เบาะนอนสำหรับยกน้ำหนัก สมกับเป็นคอนโดมีชื่อ ห้องออกกำลังกายมีแบ่งเป็นสัดส่วนเพิ่มระดับตามความต้องการของคีรี กึ่งๆ จะเป็นยิมขนาดย่อมเยา
ผมไม่เคยเล่นต่อยมวยมาก่อนเลยใส่นวมงงๆ จนคีรีต้องเข้ามาช่วยจับให้แน่ใจว่าถ้าผมออกหมัดนวมจะไม่ลอยกระเด็นออกมา จากนั้นท่านประธานในชุดนอนผ้าไหมก็สวมเป้าล่อมือ ท่าทางทะมัดทะแมงขึ้นมาทันที
“ต่อยมาได้เลย”
มีผู้เชี่ยวชาญสนับสนุนขนาดนี้ผมก็จัดสิครับจะรออะไร
ผมต่อยเพื่อต้องการระบายอารมณ์หงุดหงิดล้วนๆ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไมถูกพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอแฟนเก่าเอาตอนนี้ แถมยังมีหน้ามาทักทายเหมือนไม่เคยทำอะไรผิดอีกต่างหาก ยิ่งคิดผมก็ยิ่งโมโห คิดว่าเป้าล่อเป็นหน้าของเรวันต์แล้วออกหมัดไม่ยั้ง
“...หน่วยก้านเธอใช้ได้นะ”
“คงเพราะผมเห็นในคลับบ่อยๆ มั้งครับ” ผมตอบคีรีที่อุตส่าห์ชมเชยขณะที่ราเชนทร์เอามือลูบหน้าปอยๆ เหมือนเสียวไส้เวลาได้ยินเสียงหมัดกระแทกกับเป้าล่อดังปักๆ
“...นี่เธอโกรธแฟนเก่าขนาดนั้นเลยเหรอ”
“โดนทิ้งโดยไม่บอกอะไรสักคำมันเหมือนให้ความหวังนี่ครับ” ผมพูดพร้อมออกหมัดขวา คีรีรับได้อย่างไม่สะท้านแถมยังให้คำแนะนำว่าผมควรจะบิดเอวเพิ่มแรงขึ้นไปอีก “ถึงจะรู้ว่าถูกทิ้ง แต่ในใจลึกๆ ผมก็คิดว่าเขาอาจจะกลับมา แล้วดูเขาสิ หายไปจากชีวิตผมห้าปี พอเจอกันอีกครั้งดันทักทายว่า ‘เห็นเราสบายดีพี่ก็เบาใจ’ ถ้าเป็นคุณคุณไม่โมโหเหรอ”
“นั่นสินะ” คีรีเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะถ้าเป็นราเชนทร์คงพูดจ้อไปเรื่อยไม่นึกเอามาใส่ใจเป็นจริงเป็นจังนัก “ว่าแต่เธอหมดรักเขาแล้วใช่มั้ย”
แถมยังมาทำเนียนล้วงข้อมูลอีกต่างหาก
ผมลอบมองท่านประธานที่ออกจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษแล้วเพิ่งนึกได้ว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมยอมเปิดปากเล่าอดีตของตัวเอง
“ผมหมดรักเขาตั้งแต่โดนทิ้งในสามเดือนแรกแล้วครับ และคิดว่าต่อให้กลับมาก็จะไม่ยกโทษให้แน่นอน ผมไม่ให้โอกาสคนที่คิดว่าหมดหวังไปแล้วหรอก”
“งั้นแสดงว่าพวกฉันก็มีหวังสินะ” ราเชนทร์แทรกขึ้นหน้าตาชื่นบาน ผมบิดตัวน้อยๆ พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปสุดแรง ปะทะกับเป้าล่อดังเป็นพิเศษจนคุณชายสะดุ้งโหยง
“พวกคุณก็อย่าทำให้ผมตัดสินใจผิดแล้วกัน” พอออกแรงแล้วอารมณ์ก็เริ่มดีขึ้น ผมมองคีรีอย่างชื่นชมที่เขาไม่เป็นอะไรเลยทั้งที่คนออกแรงอย่างผมแขนสั่นหงึกหงัก สมชื่อภูเขาจริงๆ
“พักก่อนมั้ย”
“ก็ดีครับ” คีรีช่วยถอดนวมให้ผมแล้วหาผ้ามาช่วยซับเหงื่อเพราะออกแรงจนเหนื่อยหอบ ราเชนทร์ซึ่งนอนเอกเขนกกับเบาะนอนขยับตัวไปเล็กน้อยเพื่อเว้นที่ให้ผมนั่ง
“เห็นรัญฉุนขนาดนี้ฉันหึงไม่ออกเลย”
“หึงผมกับเรวันต์ สู้หึงผมกับแมนยังดีกว่า” วันนี้ผมชักจะพูดมากไปแล้วแฮะ สงสัยเพราะเจอกับแฟนเก่าทำให้ใจเย็นต่อไม่ไหว เหมือนกับมีใครเอาอดีตมากระแทกหน้าอย่างจัง
“ทำไม” คีรีถาม เขาบริการดีขนาดหาน้ำให้ผมดื่มด้วย แม้จะเป็นผู้ลงทุนหลักแต่คีรีก็วางเงินค่าน้ำสำหรับขายให้โดยไม่คิดใช้สิทธิ์งุบงิบค่าใช้จ่าย
“...แมนเป็นแฟนเก่าคนที่สองของผม”
“ฉันว่าแล้ว!” ราเชนทร์เด้งตัวขึ้นมาทันที เขามองผมเหมือนไม่พอใจที่แอบปิดบังมานาน
“เธอเป็นคนบอกเลิก?”
“ครับ”
“แมนกับเธอน่าจะเข้ากันได้ดีมาก ทำงานด้วยกันมีเวลาให้กัน นิสัยก็ไม่เป็นปัญหาไม่งั้นเธอคงไม่คบเป็นเพื่อนสนิทและเชื่อใจขนาดนั้นหรอก ทำไมถึงได้เลิกกันล่ะ”
คีรีนะคีรีผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อถูกท่านประธานวิเคราะห์ละเอียดยิบ ราเชนทร์เองก็ให้ความร่วมมือดี เพราะถ้าเขาซักเองมีหวังฟังดูหาเรื่องประชดประชันมากกว่าสอบถามอย่างประเมินด้วยความละมุนละม่อม
สงสัยวันนี้คงรอดยาก เพราะดันเป็นฝ่ายหลุดปากออกมาเอง
“แมนชอบผู้หญิงน่ะครับ”
ชื่อเขาก็บอกชัดขนาดนั้น ไม่เห็นน่าแปลกใจตรงไหน
“แต่เขาตกลงคบกับเธอนี่ หรือว่าเขาเพิ่งรู้ตัวทีหลัง อืม...”
...ใครก็ได้ช่วยเอาท่านประธานไปเก็บที ทำไมเขาถึงได้ขี้สงสัยขนาดนี้นะ ยังดีที่น้ำเสียงของเขาฟังอบอุ่นไม่ได้บีบเค้นมาก แต่ไอ้ท่าทางที่เหมือนจะคิดเองเออเองมันทำให้ผมต้องอธิบายออกมาเพื่อไม่ให้ถูกเข้าใจผิด
“แมนรู้จักผมตอนที่คบกับเรวันต์นานแล้วล่ะครับ เขาคอยให้ความช่วยเหลือผมบ่อยๆ ตอนที่ผมเพิ่งเลิกกับเรวันต์ก็ไปอาศัยอยู่กับเขาชั่วคราว ตอนนั้นผมไม่อยากเป็นภาระ พยายามดิ้นรนหาที่อยู่ใหม่ แมนคงเป็นห่วงเพราะผมค่อนข้างเคว้งเลยบอกว่าถ้าไม่อยากคิดมากก็ถือว่าคบกันเป็นคนรักก็ได้ ผมจะได้อยู่กับเขาโดยไม่ลำบากใจ เพราะถ้าเป็นแฟนกันจะอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลก”
“แมนมาก...” ราเชนทร์พึมพำด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แหงล่ะ พวกสุดโต่งทำดีกับใครไม่ค่อยเป็นอย่างคุณชายท่านนี้คงเห็นว่าแมนเป็นตัวละครในนิยายที่ดีเกินไป
ทักษะบาร์เทนเดอร์ของผมก็ได้มาตอนเป็นแฟนกันนั่นแหละ
“พวกเราไม่เคยมีอะไรกันเพราะห้องของแมนมีน้องชายกับน้องสาวอยู่ด้วย มากสุดแค่กอดจูบ แมนพยายามเป็นคนรักที่ดีให้ผม แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มีรสนิยมด้านนี้ เลยบอกเลิก...” พูดจบก็เผลอเสยผมอย่างงุ่นง่าน เอาตรงๆ เลยมั้ยว่าที่ไม่เคยพูดเรื่องแฟนเก่าคนที่สองมาก่อนก็เพราะว่ามันเป็นอะไรที่...อธิบายยาก เหมือนผมเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียวแม้ว่าแมนจะเป็นคนเสนอเองก็เถอะ
ถ้าถามว่าแล้วผมไม่รู้สึกหวั่นไหวกับความดีของแมนเลยเหรอ...ก็ต้องบอกว่าหวั่นไหวสิ อย่างที่คีรีบอกนั่นแหละ นิสัยผมกับแมนเข้ากันได้ เราไม่มีความแตกต่างทางฐานะการเงิน แมนไม่ใช่คนโลภมากหรือปันใจง่ายเพราะอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ การทำงานก็คล้ายกัน คอยช่วยเหลือค้ำจุนตลอด
แต่กับคนที่ไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่
หมายถึงตัวแมนเองน่ะนะ ผมรู้ว่าเขาพยายามแล้ว และอาจจะหวั่นไหวกับผมด้วยก็ได้ แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ก้าวข้ามมากไปกว่านั้น กลายเป็นเพื่อนสนิท กลายเป็นเหมือนพี่น้อง แม้จะแปลกๆ ไปบ้างแต่สถานะแบบนี้กลับทำให้เราคบกันอย่างสนิทใจกว่าเดิม
“งั้นคนนี้ฉันก็ไม่ต้องหึงสินะ” คีรีถามยิ้มๆ ทำให้ผมที่กำลังประหม่าเพราะนึกถึงความหลังพลอยยิ้มตามไปด้วย
“ครับ ผมกับแมนยังไงก็เป็นคนรักกันไม่ได้หรอก”
พอบอกออกไปตามตรงก็โล่งดีเหมือนกัน ที่ไม่เคยพูดก็เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจและทำให้การทำงานในคลับของผมยุ่งยากกว่าเดิม
“แต่ยังไงเธอก็อย่าเอาหน้าไปใกล้แมนมากนักล่ะ”
“ครับ”
ผมเกาะเกี่ยวปลายนิ้วหยอกเล่นกับคีรีอย่าสบายใจ เขาเป็นคนมีเหตุผลและคุยง่ายมาก ผิดกับ...ราเชนทร์ที่หาจังหวะแทรกไม่ได้สักที จึงฉีกยิ้มหวานเหมือนรอให้ผมหันมาเห็นเอง
“คุณง่วงนี่ครับเชนทร์ นอนก่อนได้นะ”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากฟังต่อ”
ราเชนทร์คิ้วกระตุกเมื่อเห็นผมไม่ยักถามความเห็นเขาเลย
“ถ้าไม่นับฉันกับราเชนทร์ เธอมีแฟนทั้งหมดกี่คน”
...บางทีผมควรจะหันไปคุยเล่นกับเขาบ้างสินะ เพราะท่านประธานเห็นนิ่งๆ แต่ดันกัดไม่ปล่อย อย่างกับว่าวันนี้จะรีดข้อมูลแฟนเก่าผมให้ครบถ้วนกระบวนความ
“สามคนครับ” ผมตอบ ไม่รู้จะอิดออดไปทำไมเหมือนกัน แม้จะไม่ค่อยอยากพูดถึงนักก็เถอะ “แต่คนที่สามไม่มีอะไรมาก พวกเราคบกันแค่สามวันเอง”
“ฉันก็สามวัน” ราเชนทร์รีบแทรก สมเป็นไอ้ตัวการคบสามวันที่สร้างเรื่องมากที่สุด
“เอาเป็นว่าคนนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ พวกเราเลิกกันเพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว”
“อยากชกมวยอีกสักนิดมั้ย”
“ครับ” ผมลุกขึ้นไปใส่นวมอีกครั้ง ทำเมินเสียงร้องประท้วงของราเชนทร์ที่อยากเข้านอนเต็มแก่ หรือไม่ก็อยากจะทำอะไรใต้ผ้าห่ม แต่โทษเถอะ เขายังติดทัณฑ์บนหนึ่งอาทิตย์อยู่นะ!
ได้ออกกำลังกายแบบเต็มเหนี่ยวแล้วรู้สึกดีไม่เลว ความหื่นความเครียดก็โดนระบายออกไปหมด ผมชักเข้าใจว่าทำไมคีรีถึงชอบเข้ายิมเวลาเก็บกดหนักๆ
“ถ้าเธอชอบจะพามาบ่อยๆ”
“ดีครับ” ผมยิ้มกับคีรี มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปตีห้าเข้าไปแล้ว ดีนะพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ไม่งั้นขืนให้ท่านประธานต้องอดหลับอดนอนไปทำงานเพราะมาเป็นคู่ซ้อมให้ผมคงรู้สึกผิดแย่ “งั้นคืนนี้ค้างที่นี่เลยแล้วกัน”
ราเชนทร์อยากจะประท้วงอยู่หรอก แต่เพราะผมกับคีรีตกลงกันเองแถมรถที่ขับมาก็เป็นของท่านประธาน เขาเลยไม่มีสิทธิ์มีเสียงสักเท่าไหร่
“นายจะใจร้ายกับฉันไปหน่อยแล้วนะรัญ” คนโดนทิ้งเริ่มโวยวายขณะเดินตามออกจากห้องออกกำลังกาย เขาพาดแขนโอบรอบบ่าผมอย่างแสดงตัวเป็นเจ้าของ
“แต่คุณก็รักผมนี่”
“วันนี้ร้ายนักนะ”
ผมหัวเราะ พอได้เปิดใจก็รู้สึกกล้าพูดกล้าเล่นกับพวกเขามากกว่าเคย เห็นอย่างนั้นราเชนทร์ก็โวยวายต่อไม่ออก มองผมด้วยแววตารักใคร่หลงใหลแล้วกดจูบข้างขมับแรงๆ เป็นการเอาคืน
พวกเราพากันขึ้นไปห้องพักชั้นบนสุดของท่านประธาน
ห้องของคีรีแตกต่างกับห้องราเชนทร์ชัดเจนมาก สีขาวตัดดำในโทนเรียบหรูไฮโซ ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดเนี้ยบ เอ่อ ห้องของราเชนทร์ก็สะอาดสะอ้านอยู่หรอก แต่จะว่ายังไงดี การจัดเก็บของในห้องนี้เป็นสัดส่วนกว่า เลยทำให้ดูใช้เนื้อที่ได้ประหยัดและมีประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ
“เธออาบน้ำก่อนเถอะ”
ปกติแล้วราเชนทร์จะเป็นคนแรกที่ได้ใช้ห้องน้ำ แต่ในเมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากขนาดนี้ อีกฝ่ายเลยได้แต่มองผมเปิดประตูเข้าห้องน้ำไปอย่างคุ้นชินด้วยตาปริบๆ เพราะไม่เคยเหยียบที่นี่มาก่อน จะหยิบจะจับจะใช้อะไรก็ออกจะมึนงงอยู่บ้าง
ห้องของคีรีไม่มีอ่างน้ำขนาดใหญ่แต่เป็นฝักบัวในห้องกระจก เน้นใช้พื้นที่น้อยเน้นความกว้างของห้องให้ดูสบายตาไม่แออัด
พอจัดการตัวเองเสร็จผมที่ตอนแรกยังตื่นตัวก็เริ่มจะง่วงขึ้นมาเหมือนกัน
“เธอนอนก่อนได้เลยนะ” คีรีเพิ่มหมอน แม้เตียงจะไม่ใหญ่นอนสามคนกลิ้งไปมาแบบสบายๆ เท่าที่ปริ้นส์รูมหรือบ้านของราเชนทร์ แต่ถ้านอนกอดกันคงอบอุ่นดี
“วันนี้ไม่ทำกันเหรอครับ”
“ยังไม่ครบหนึ่งอาทิตย์เลยนี่ ไม่ทำหรอก”
เห็นคีรีน่ารักขนาดนี้ผมก็โน้มศีรษะเขาลงมาจูบปากเป็นรางวัล พวกเราคลอเคลียโลมเลียกันอยู่อย่างนั้นจนเกือบจะไฟติดขึ้นมาจริงๆ เลยพากันผละออก คีรีช่วยห่มผ้าให้ผม กล่าวราตรีสวัสดิ์
“ราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมเอ่ยกับคนรักแสนดีแล้วเผลอหลับไปแม้ตั้งใจจะถ่างตารอราเชนทร์ก็ตาม
แม้จะนึกโล่งที่ได้สารภาพเรื่องรักๆ ในอดีต แต่ในใจยังนึกกังวลไม่น้อย...
เรวันต์มาทำอะไรที่คิงส์คลับกันแน่นะ
(( ก็ต้องมากู้เงินบอสน่ะสิ ))
วันหยุดแสนสุขสันต์ ผม ราเชนทร์ และคีรี ขลุกตัวอยู่ในห้องออกกำลังกายที่คอนโด ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงพักหลังคีรีช่วยสอนมวยติดกันร่วมสองชั่วโมง ราเชนทร์คงนึกเบื่ออยากหาเรื่องออกแรงขึ้นมาเลยใส่นวมต่อยใส่คีรีที่สวมเป้าล่อดังปักๆ ทั้งเตะทั้งต่อยเหมือนถือโอกาสระบายอารมณ์ แต่คีรียืนตั้งรับไม่สะท้าน
“มึงเห็นเขาเข้าออกห้องบอสเหรอ”
คิงส์คลับมีบริการหลากหลาย ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องผิดกฎหมายรวมทั้งการกู้เงินดอกเบี้ยแพงมหาโหด กิจการที่เงินไหลเวียนฟุ้งเฟ้อขนาดนั้นย่อมมีเงินก้อนจัดสรรให้เป็นจำนวนมาก ถ้าไม่นับเรื่องติดต่อธุรกิจแล้วก็มีแค่การกู้เงินเท่านั้นที่ต้องเข้าไปหาบอสในออฟฟิศโดยตรง
(( ใช่ เรวันต์เข้าออกห้องบอสไม่สนใจบาร์หรือการพนันเลย คนที่ไม่อยากเสียเงินกับความบันเทิงก็มีแต่พวกขาดเงินจนต้องมาขอกู้ไม่ใช่รึไง ))
ฟังเข้าท่า
(( มันเห็นมึงแล้ว ระวังตัวหน่อยก็ดีนะรัญ ดูเหมือนว่าการเจรจากับบอสจะไม่ค่อยได้เรื่อง มันถึงได้มาคิงส์คลับบ่อยๆ เทียวเข้าเทียวออกอย่างนี้))
“กูเป็นแค่เบี้ย”
(( แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคิงส์คลับ ))
“...”
(( ปัญหาส่วนใหญ่เวลากู้เงินคือไม่มีคนช่วยค้ำประกัน ถ้าเป็นคนมีธุรกิจอยู่แล้วก็ไม่เท่าไหร่เพราะตามได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรเลยจะขอกู้เงินต้องมีอีกคนช่วยรับผิดชอบป้องกันไม่ให้หอบเงินหนีหายไปเฉยๆ เมื่อวานมันดูดีใจมากนี่ที่เห็นมึง อย่าใจอ่อนโดนมันกล่อมจนช่วยค้ำเอาล่ะ ))
“กูไม่โง่ขนาดหาเรื่องใส่ตัวหรอกน่า” ผมพูดพลางนึกฉุนขึ้นมาอีกระลอก ว่าแล้วเชียวแฟนเก่าที่หายหัวไปห้าปีจู่ๆ จะมาทักทายสนิทสนมทำไม ที่แท้ก็กะหลอกใช้
(( มึงไม่ใช่คนใจแข็งอย่างที่คิดหรอกนะรัญ ไม่งั้นมึงคงไม่รีบตัดความสัมพันธ์ที่แล้วมาหรอก มึงกลัวว่ายิ่งถลำลึกจะตัดไม่ขาดต่างหาก ))
แทงใจดำชะมัด แอบนึกตัดพ้อว่าก็เพราะแมนที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่มีทางสมหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเคร่งกับตัวเองมาก รู้ตัวว่ายิ่งยื้อก็ยิ่งเสียเวลาเปล่า เขาเป็นคนมอบบทเรียนนี้ให้ผมเอง
ผมไม่ใช่คนใจแข็ง แต่ข้อดีคือผมเป็นคนที่หากตัดสินใจอะไรแล้วจะทำทันทีโดยไม่คิดละล้าละลังประวิงเวลา จนกลายเป็นเด็ดขาดเกินไป
“รัญ”
ผมวางสายแล้วเงยหน้ามองราเชนทร์ที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนระหว่างที่ผมโทรหาแมนสองหนุ่มจะวางมวยกันไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งยก ไม่งั้นสภาพคุณชายคงไม่โทรมเหงื่อขนาดนี้
“คุณตกน้ำมาเหรอครับ” ผมอดแซวไม่ได้จริงๆ
“ขึ้นห้องกันเถอะ” ราเชนทร์เปลี่ยนเรื่อง ดึงผมที่กำลังนั่งพักให้ลุกขึ้น ส่วนคีรีหลังเอาอุปกรณ์ไปเก็บแล้วก็ตามหลังมา วันนี้ท่านประธานอยู่ในลุคดิบเถื่อนเร้าใจสุดๆ เขาไม่ได้เสยผมขึ้นแถมไม่ได้สวมแว่นเวลาออกกำลัง สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนสบายๆ เผยให้เห็นรูปร่างเย้ายวนใจ
ความจริงราเชนทร์เองก็ไม่ได้น้อยหน้า เพราะไม่มีเสื้อจะใส่คุณชายเลยเดินเปลือยอกกับกางเกงวอร์มที่เพิ่งซื้อใหม่สดๆ ร้อนๆ ที่หน้าห้องออกกำลังกาย วันนี้สองหนุ่มเผ็ดเข็ดฟันสุดๆ ไปเลย
ส่วนตัวผมเองยืมชุดของคีรีมาใส่ ทำให้ออกจะหลวมๆ อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคเท่าไหร่
วันอาทิตย์ช่วงกลางวันแบบนี้มีคนเข้ามาใช้บริการอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะออร่าของคีรีดูดีเกินไปรึเปล่า เลยไม่ค่อยมีใครเข้ามาในพื้นที่เตะต่อยของพวกเราเท่าไหร่นัก
ไม่รู้ว่าตอนคุยกับแมน สองหนุ่มไปตกลงอะไรกันไว้ พอถึงห้องเลยพากันลากผมเข้าห้องน้ำอัดเข้ามาในตู้กระจกพร้อมกันทีเดียวสามคน
“หนึ่งอาทิตย์นะครับ” ผมย้ำคำเมื่อเห็นบรรยากาศไม่สู้ดีเท่าไหร่ ราเชนทร์ประกบหน้า คีรีประกบหลัง แถมหนึ่งในนั้นยังเปิดฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำเย็นไหลรดพวกเราจนหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก
“อาบน้ำด้วยกันไง” ราเชนทร์ไม่ว่าเปล่ายังถลกกางเกงวอร์มโยนทิ้ง และยังอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยผมถอดกางเกงด้วย
พวกเราเคยอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ ที่ปริ้นสรูม แต่เป็นอ่างน้ำนอนแช่สบายๆ ไม่ใช่มายืนเบียดกันใต้ฝักบัวแบบนี้ จะขยับตัวทำอะไรทีก็แตะโดนตัวอีกฝ่ายตลอดจนชวนขนลุกเป็นช่วงๆ
พอท่อนล่างผมโดนจัดการ คีรีก็ถลกช่วยถอดท่อนบนผมทิ้ง พร้อมกับแนบร่างเข้ามาชิดจนรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของร่างกายแม้น้ำจะเย็นมากก็ตาม
“พวกเราไม่เข้าไปในตัวเธอหรอก” คีรีกระซิบข้างหูผม ดึงอารมณ์วาบหวามให้ยิ่งพุ่งสูง “แต่ถ้าแค่เสียดสีภายนอกคงได้ใช่มั้ย”
ในสถานการณ์ที่โดนประกบหน้าหลังผมจะตอบอะไรได้ล่ะนอกจากพยักหน้าหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอนตัวพิงกับคีรีในสภาพอ่อนระทวยเมื่อโดนจับส่วนอ่อนไหวเข้าถูไถกับของราเชนทร์
เสียงครางดังแผ่วสะท้อนก้องในห้องอาบน้ำ ผมยืนขาสั่นเมื่อโดนปรนเปรอจากคนรักจนปลดปล่อยติดๆ กันสองครั้ง โดนจับหันหน้าหันหลังสลับกันไป จนครั้งที่สามสองหนุ่มก็ดันตัวผมให้พิงกับกำแพง พวกเขาหันหน้าเข้ามาพร้อมกับเอาส่วนแข็งขืนเข้ามาใกล้
ผมมองคีรีและราเชนทร์อย่างประหลาดใจ ยอมรับว่าค่อนข้างตกตะลึงเมื่อเห็นท่อนลำสามแท่งโดนจับรวบไว้ด้วยกัน ปกติแล้วสองคนนี้ออกจะแสดงท่าทีกึ่งรังเกียจนิดๆ ด้วยซ้ำเวลาโดนตัวอีกฝ่าย เลยต้องสลับกันคนละรอบตลอด
“อืม...” ผมครางแผ่ว มือเกาะบ่าราเชนทร์และคีรีที่หันหน้าเข้าหาคอยประกบจูบคลอเคลียไม่ห่างด้วยความรู้สึกเสียวปนสุขอย่างบอกไม่ถูก ส่วนอ่อนไหวโดนบดเบียดและกอบกุมด้วยสองมือของผู้ชายสองคนที่ดูจะตื่นเต้นไม่ต่างกัน
ไม่นานพวกเราก็หลั่งออกมาพร้อมกัน เปรอะเต็มมือและถูกชะล้างด้วยสายน้ำเย็นฉ่ำ ผมมองพวกเขาทั้งคู่ที่หอบน้อยๆ แล้วยิ้มอย่างพอใจ...เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เราเสร็จพร้อมกันด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้เรียกว่าหื่นกระหาย แต่คล้ายจะพยายามจูนเข้าหาโดยใช้สัญชาตญาณทางเพศชักนำ
“จะทำก็ทำได้นี่หว่า...” ราเชนทร์เอ่ยออกมาปนทึ่งคนแรก
“นั่นสิ” คีรีเองก็ดูจะมึนๆ งงๆ พอกัน นี่พวกเขาตกลงลองทำโดยที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จรึเปล่าเหรอเนี่ย ผมว่าที่พวกเขาคิดพิเรนทร์แบบนี้อาจเพราะตอนลองกันบนเตียงค่อนข้างราบรื่นกว่าที่คิดจนน่าท้าพิสูจน์ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กำแพงทิฐิกั้นกลางระหว่างทั้งสองดูจะลดลงมาเรื่อยๆ โดยที่พวกเขาเองก็ไม่ทันรู้ตัว
“รัญชอบมั้ย” ราเชนทร์ลูบแก้มผมถามด้วยแววตารักใคร่
“...ชอบครับ...” ผมเอ่ยเสียงพร่าพลางเอียงศีรษะน้อยๆ จนเส้นผมเปียกลู่ตามแนวใบหน้าลำคอ เห็นทั้งคู่เลิกมึนตึงใส่กันผมที่เป็นคนกลางก็แสนจะปลาบปลื้มสุดแสนจนยิ้มไปทั้งตาทั้งปาก
คล้ายจะได้ยินเสียงพวกเขาสูดหายใจเกือบจะพร้อมกัน
“ถ้ารัญชอบงั้นเรามาลองแบบดับเบิ้ลเพเน---“
“ผมหิวแล้ว รีบอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินกันเถอะครับ” ผมรีบตัดบทดันตัวสองหนุ่มออกห่างพร้อมเว้นระยะห่างป้องกันไม่ให้หน้ามืดตามัวทำอะไรมากไปกว่านี้ ราเชนทร์ออกจะหงอยไปสักหน่อยแต่ก็ยอมตามน้ำ ส่วนคีรีแม้จะไม่ได้แสดงออกชัด แต่ผมว่าเขาก็คงคิดไม่ต่างกับคุณชายจอมทะลึ่งนักหรอก
...แค่นึกว่าพวกเขาจะเข้ามาพร้อมกันสองคนผมก็สยองแล้ว ไอ้เราก็คบแบบทีละคนมาตลอด เลยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเซ็กซ์แบบมหัศจรรย์พันลึกมาก่อน ไอ้คิดก็เคยคิดบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้ประสบพบเจอเร็วขนาดนี้
สรุปแล้วมันดีหรือแย่กันนะที่คีรีกับราเชนทร์ปรับตัวได้ไวเกินไป
คำตอบคือ...มันดีกับพวกเขา แต่สำหรับผมเนี่ย...ท่าทางจะเจอศึกหนักซะแล้วสิ!
---------------------------
เรื่องใต้สะดือโปรดไว้ใจเชื้อรา ส่วนคีรีขันก็เอาด้วยกับเขาทุกรอบไม่เคยปฏิเสธ ลำบากรัญแล้วนะ 555
สำหรับสาววายใสๆ ที่อาจไม่รู้ว่าราเชนทร์หมายถึงอะไร...แนะนำให้ลองเสิร์ชคำว่า Double Penetration ค่ะ //อั๊ย เขิน
ส่วนสาววายไสยๆ เราจะไม่พูดถึง 555
สำหรับพี่คิงน้องนิลตอนแรกว่าจะให้ออกเลย แต่ท่าทางจะยาวเลยขอยกยอดไปตอนหน้าแทนค่ะ
เพจนักเขียนไสยๆ >///<