อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ  (อ่าน 53024 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0  ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0  ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่   


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่   
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ     เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ   
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ   
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว   
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน   
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง       
7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด       
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ       
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).   
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ   
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป   
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว  บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป   12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด   
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ   
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ   
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ 
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง     (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)   

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                          วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย   
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




                                               เรื่องสั้นร่วมประกวดในเว็บสายไสยไตวาย
                                                           
                                  จุดประสงค์เพื่อทำบุญ
 
                                  หัวข้อ รักจริงหลังฟัน

                                      ได้ที่ 2 นะจ๊ะ

                                  เชิญทัศนาบัดเดี๋ยวนี้

                                           



                                                               :L1: :L1: :L1: :L1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2019 14:49:10 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #1 เมื่อ05-11-2016 21:55:55 »



                                                     อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                     บทที่ 1
               
              เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ ตัวละครและสถานที่ในเรื่องผู้แต่งจับแพะมาชนแกะนะจ๊ะ


               เสียงพึมพำเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วอยู่ในโสตประสาท ระดับเสียงขึ้นลงเป็นประโยคที่จับใจความไม่ได้ด้วยเพราะไม่ใช่

ภาษาที่คุ้นเคย หากแต่เลอสรรกลับรับรู้ได้ว่ามันคือเสียงสวดมนต์ที่ต่อเนื่องและยาวนานราวกับไม่คิดจะหยุดพัก เขาพลิกกายไปมา

อย่างกระสับกระส่าย อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างโถมทับอยู่บนร่างกายจนขยับเขยื้อนไม่ได้

               อยากจะลืมตาขึ้นมองแต่เปลือกตาหนักอึ้งจนไม่สามารถกระทำตามที่ใจต้องการ เสียงสวดมนต์นั่นแม้จะไม่ได้เร่งความเร็ว

แต่มันกลับเร่งความรู้สึกบางอย่างให้สูงขึ้นจนร่างกายของเลอสรรเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมเหนอะหนะ ความรู้สึกที่ว่าช่างชวนให้

ทรมานอยู่ในช่องท้องคล้ายกับกระแสน้ำวนเชี่ยวกรากกำลังโบกพัดรุนแรง ความอึดอัดบนร่างกายขยับขยายลงต่ำพ้นจากทรวงอกเพียง

พอให้เลอสรรผวางับอากาศหอบหายใจหนัก หากแต่มันกลับทำให้ช่วงล่างนิ่งงันราวกับเขากำลังเป็นอัมพาต


               “อยะ อย่า ปล่อย”


               ได้ยินเสียงตนเองแผ่วเบาแหบพร่า อยากที่จะผลักไสให้มันหลุดพ้นไปจากตัวแต่ท่อนแขนกลับแข็งเหมือนท่อนไม้ ความ

อึดอัดนั้นทาบทับลงไปบนกระแสน้ำวนในช่องท้องและทันใดนั้นก็ราวกับมีท่อนซุงใหญ่กระแทกกระทั้นเรือลำน้อยจนแทบจะอับปาง


               “อ๊า!”


               ความเจ็บแปลบแวบเข้ามาในความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น เลอสรรรู้สึกถึงร่างกายที่กำลังปริแยกเพราะถูกล่วงล้ำ เสียงสวดมนต์

กระหึ่มดังขึ้นทุกขณะพาให้เขาลืมเลือนและเตลิดไปกับทำนองขึ้นลงจนกระทั่งปล่อยให้ความแข็งแรงของท่อนซุงนั้นทะลวงรอยแยก

ของโขดหินเข้ามาจนหมดลำ


               “ได้โปรด ช่วยด้วย ทรมานเหลือเกิน”


               กลายเป็นเลอสรรที่ต้องร้องขอ เขากลายเป็นสายน้ำวนที่ต้องการให้ซุงหนักกระแทกกระทั้นให้หนำใจ ท่อนซุงนั้นเหมือนจะรู้

มันลอดตัวผ่านรอยแยกก่อนจะพุ่งวาบเข้าหาน้ำวนครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลอสรรสะท้านไปทั้งตัว


               “อา...อีกนิด ได้โปรด”


               ซุงหนักออกแรงกระแทกสนั่นจนเลอสรรผวา สายน้ำวนแตกกระจายสาดซัดเป็นวงกว้างก่อนจะค่อยๆสงบลงจนเหลือเพียง

ระลอกคลื่นพัดพาให้ท่อนซุงล่องลอยจากไปจนเลอสรรใจหาย


               “อย่าเพิ่งไป ได้ไหม”


               ละเมอร้องเรียกพร้อมกับเสียงสวดมนต์ที่ค่อยๆเบาลง และเงียบสนิทพร้อมกับที่ท่อนซุงลอยหายไปลับตา







               เสียงหาวหวอดของเลอสรรทำให้เพื่อนสนิทหันมามอง จองชัยดูแปลกใจกับความง่วงงุนของเขาแต่เลอสรรก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ
เขาหาวจนน้ำตาเล็ดแพขนตาเปียกชื้นไปหมด


               “เป็นเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้คนสามหาว ง่วงอะไรนักหนาวะ มึงดูบอลคู่ดึกหรือไงไอ้สรร”


               “ดูบอลเหี้ยไรล่ะ ทีมที่กูเชียร์แพ้รอบรองไปแล้ว”


               เลอสรรหน้าง้ำพลางนึกหาข้อแก้ตัวกับคำถามของจองชัยเพื่อนสนิทที่กำลังช่วยกันแบกแผ่นไม้ใหญ่ไปสร้างเวทีการแสดง

จะให้บอกว่าสาเหตุของการนอนไม่พอเพราะมัวแต่ฝันเปียกงั้นเหรอ ไม่มีทาง!

               ห่างหายจากฝันเปียกไปตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นใหม่ๆแล้ว เลอสรรแปลกใจที่อยู่ๆมันก็เกิดขึ้นใหม่ในยามดึกที่ผ่านมาเมื่ออยู่ๆ

เขาก็สะดุ้งตื่นเพื่อที่จะเห็นว่าบอกเซอร์ที่ใส่นอนเปียกชื้นเป็นวงกว้างพร้อมกับร่างกายเบาหวิวที่ได้ปลดปล่อย จะว่าเขาหมกมุ่นก็ไม่ใช่

ในชีวิตวัยหนุ่มเลอสรรก็ระบายออกกับกีฬาและสาวน้อยทั้งห้าของเขาเป็นประจำ แต่ทำไมค่ำคืนที่ผ่านมาเขาถึงกับฝันเป็นตุเป็นตะ หาก

แต่ในฝันกลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่างนอกจากได้ยินเสียงสวดมนต์เท่านั้น


               “มัวแต่ถามมาก ยกดีๆมองทางด้วยไอ้เหี้ยชัย”


               เลอสรรเลือกที่จะไม่ตอบ เขาเบนความสนใจของจองชัยด้วยเวทีการแสดงที่เพื่อนๆในคณะกำลังร่วมแรงกันสร้างเพื่องาน

ประเพณีในค่ำคืนนี้ ป้ายโฟมที่ติดอยู่กลางเวทีบอกให้รู้ว่าเวทีสร้างขึ้นเพื่องานลอยกระทงของคณะโบราณคดีที่เลอสรรศึกษาอยู่ในปี

สุดท้ายของมหาวิทยาลัย เหลืออีกแค่ไม่กี่วิชารวมถึงงานค้นคว้าชิ้นสุดท้ายที่เขาเตรียมส่งเลอสรรก็จะกลายเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดง


                “เออ ธีสีสของมึงเป็นไงบ้าง มึงทำหัวข้ออะไรนะ ทำไมกูได้ข่าวว่าพวกอาจารย์เขาฮือฮากันมาก”


                จองชัยถามขึ้นมา เลอสรรจึงตอบข้อข้องใจให้เพื่อน


                 “ความเป็นไปได้ในรสนิยมรักร่วมเพศของกษัตริย์ขอม”


                เพื่อนสนิทเบิกตากว้าง ทั้งคู่วางแผ่นกระดานที่ใช้สร้างเวทีลงกับพื้นดินแล้วจองชัยจึงได้หันกลับมาถามต่อ


               “องค์ไหนวะ แล้วมึงไปสืบค้นข้อมูลมาจากไหน”


              “พระองค์ชื่อรุทรชัยวรมันที่หนึ่ง อยู่ในยุคต้นๆของอาณาจักรเจนละของขอม ช่วงที่กำลังใกล้จะบูมสุดๆน่ะ กษัตริย์องค์นี้ทำให้

บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นและวางรากฐานความเจริญหลายๆอย่าง ทำให้หลังจากนั้นขอมรุ่งเรืองจนไม่มีใครกล้าแหยม”


                เลอสรรอธิบายให้จองชัยฟัง เขาเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดีที่มุ่งความสนใจไปที่อารยธรรมของลุ่มน้ำสุวรรณภูมิและลุ่มน้ำ

โขงตั้งแต่ยุคอาณาจักรฟูนัน เจนละ ทวารวดี ศรีวิชัย


               “ส่วนหลักฐานก็จากศิลาจารึกที่เพิ่งจะค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ไง ที่มีชื่อเอกอัครชายาของพระเจ้ารุทรชัยวรมันโผล่มาด้วย มันน่า

แปลกไหมล่ะที่ชื่อนั้นใช้ว่าพระเจ้าสรัลจันทรมันตรา อ่านยังไงมันก็ชื่อผู้ชายชัดๆ”


              “เออ จริงด้วย เฮ้ย ถ้ามึงทำธีสีสเรื่องนี้ผ่านนะ มึงต้องดังแน่เลยไอ้สรร มึงคิดดูดิถ้ากษัตริย์ของขอมเป็นเกย์นะแม่นางอัปสรา

นางในทั้งหลายต้องช้ำใจแน่เลย แต่ว่าเป็นกษัตริย์มันก็ต้องมีทายาทไม่ใช่หรือไง ถ้าทรงเป็นเกย์แล้วจะมีผู้สืบสกุลได้ไง”


                “ถ้ามึงจะเป็นเมียกษัตริย์มึงต้องทำใจเรื่องเมียน้อยว่ะ” เลอสรรยักไหล่ “ยิ่งสมัยโน้นนะมึง ใครๆก็อยากให้ลูกสาวได้เป็นสนม

นางในทั้งนั้นไอ้เรื่องมีลูกน่ะไม่ต้องห่วงถ้าไม่เป็นหมัน แต่คนจะขึ้นเป็นเอกอัครชายาน่ะมีได้แค่คนเดียว กษัตริย์ก็ต้องมั่นใจจริงๆว่าคนจะ

เป็นที่หนึ่งต้องเหมาะสม”


                 “แหม กูละอยากเห็นหน้าพระเจ้าสรัลอะไรของมึงเหลือเกินว่ะ ถึงขนาดได้เป็นอัครชายานี่มันต้องเด็ดขนาดไหน”

จองชัยกรอกตาขึ้นบนพลางทำหน้าเคลิ้มจนเลอสรรต้องยกมือผลักหน้าเพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้


              “เว่อไปแล้วไอ้เหี้ยชัย โน่น ไปทำคบไฟเลยมึง”


               เลอสรรลากจองชัยให้ไปทำคบไฟเพื่อปักไว้ตามทางเดิน คณะโบราณคดีจะจัดงานวันลอยกระทงเป็นประเพณีทุกปีโดยจัดที่

สระน้ำเล็กๆหน้าคณะ และนักศึกษาทุกคนที่มาร่วมงานจะต้องแต่งตัวด้วยชุดโบราณยุคไหนก็ได้ งานเลี้ยงมีการแสดงต่างๆของแต่ละชั้น

ปีจนกระทั่งใกล้ถึงเที่ยงคืนทุกคนก็จะลอยกระทงในสระน้ำร่วมกันก่อนงานเลิก


                  “เตรียมชุดอะไรไว้วะ”


                   จองชัยถามเลอสรรเมื่อกลับมาอาบน้ำที่หอพักในยามเย็นเมื่อช่วยกันสร้างเวทีและประดับประดาบริเวณงานเสร็จแล้ว เลอ

สรรจึงคว้าเครื่องแต่งกายที่เขาเตรียมไว้ขึ้นมาให้เพื่อนดู


                “ปีสุดท้ายแล้ว ขอจบด้วยชุดขอมโว้ย”


                “เหมาะกับมึงดีว่ะ ทำธีสิสก็ขอมชุดงานลอยกระทงปีสุดท้ายแม่งก็ขอม กูไปแต่งตัวมั่งดีกว่าเดี๋ยวไปไม่ทันงานเริ่ม”


                จองชัยออกจากห้องไปแล้วเลอสรรจึงได้เริ่มแต่งตัว เมื่อเรียบร้อยเขาจึงมองตนเองจากกระจกเงาที่สะท้อนภาพชายหนุ่มสูง

ร้อยเจ็ดสิบห้ารูปร่างพอดีกับส่วนสูง เลอสรรมีกล้ามเนื้อซิกแพ็คอยู่บ้างแม้จะไม่มากถึงขั้นเป็นลอนขนาดคนเล่นเวท ผิวสีน้ำผึ้งกลับ

ทำให้เขาดูดีอย่างคนสุขภาพดี และตอนนี้เลอสรรนุ่งผ้าทอเป็นโจงยกรั้งเหนือเข่า ศีรษะครอบด้วยเทริด ([เซิด]เครื่องประดับศีรษะ รูปเหมือน


มงกุฎเตี้ย มีกรอบหน้า :ผู้แต่ง) สีทอง เขาเปลือยท่อนบนลำคอมีกรองคอแบบเรียบสวมอยู่ ต้นแขนและข้อเท้าทั้งสองข้างใส่กำไลสีทอง ทั้งหมดทำให้เลอสรรกลายเป็นบุรุษ


ในยุคโบราณไปในค่ำคืนนี้





                  สองฝั่งของทางเดินไปยังสระน้ำมีคบไฟจุดให้แสงสว่างห่างกันเป็นระยะ เวทีตั้งอยู่กลางสระน้ำและมีทางเดินยกสูงให้เดิน

ไปยังเวที ซุ้มอาหารตั้งอยู่เรียงรายรอบสระและนักศึกษาของคณะโบราณคดีที่มีอยู่ไม่มากเท่าคณะอื่นนั่งเป็นกลุ่มอยู่บนเสื่อที่ปูไว้รอบๆ

สระน้ำ เลอสรรนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนในชั้นปีเดียวกัน จองชัยมาในชุดโรมันและยังมีเพื่อนคนอื่นในชุดโบราณต่างๆ ทุกคนจับจ้องไปยัง

พิธีกรบนเวที


                 “ปีนี้ท้องฟ้าแจ่มใสพระจันทร์ดวงใหญ่เท่ากระด้ง”


                 เลอสรรเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผืนพรมสีดำสนิทไร้หมู่เมฆมาบดบังแสงดาวระยิบระยับ กลางท้องฟ้าพระจันทร์

เต็มดวงทรงกลดส่องแสงรัศมีสว่างสดใส เลอสรรนึกแปลกใจที่อยู่ๆหัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงขึ้นมาเมื่อจ้องมองพระจันทร์ดวงโต


               “วันนี้เป็นวันอมาวสี แกไม่รู้หรือไงไอ้สรร”


                แก้วกาญจน์เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้าดูดวงเข้าขั้นคลั่งไคล้พูดขึ้นมาทำให้เลอสรรหันมามองอย่างสนใจ


               “วันอมาวสี วันอะไรวะแก้ว”


                 “วันพระจันทร์ดับ”


               “ดับอะไร ก็เห็นสว่างจ้าเต็มดวงขนาดนี้”


                จองชัยเอ่ยขัดคอ แก้วกาญจน์ฟาดมือตีดังเผียะก่อนจะยืดอกทำหน้าอย่างทรงภูมิความรู้แล้วอธิบายให้เพื่อนฟัง


               “วันพระจันทร์ดับหรือนิวมูน มันไม่ได้หมายถึงวันข้างแรมโว้ย แต่มันคือวันที่พระจันทร์กับพระอาทิตย์ทำมุมทับองศากันพอดี

ต่างหาก หรือแกจะเรียกว่าวันไหว้ขอเงินจากพระจันทร์อย่างที่ชาวบ้านเขาชอบเรียกกันก็ได้ วันนี้น่ะ โบราณเขาบอกว่าประตูฟ้า ประตู

โลก ประตูนรกจะเปิดพร้อมกัน ถือเป็นวันดีที่พลังทั้งหลายจากท้องฟ้าจะส่องมาบนโลกมนุษย์เดือนละครั้ง แต่ในวันนี้มันดีเป็นพิเศษใน

รอบพันๆปีเชียวนะแกที่มันบังเอิญมาเกิดในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองพอดี”


                    “แล้วมันต้องทำอะไรบ้างล่ะไอ้วันดีๆอย่างวันนี้”


                    เพื่อนหญิงอีกคนถามขึ้น แก้วกาญจน์ก็ให้คำตอบอย่างไม่ขัดศรัทธา


                  “อยากขออะไรก็ขอสิ ขอเงิน ขอทอง ขอหวย ขอความก้าวหน้า หรือแกจะขอแฟนก็ได้นะ”


                   เลอสรรละสายตาจากเพื่อนๆที่กำลังหัวเราะกันคิกคักขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้า มันทำให้เขานึกถึงคำกลอนที่ทุกคน

ท่องจนขึ้นใจมาตั้งแต่เด็ก


                   "จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง ขอ

เตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง.....


                  คำอธิษฐานขอพรจากพระจันทร์งั้นหรือ


                  หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วกลับยิ่งไหวระรัวหนักจนต้องยกฝ่ามือไปกดไว้เพราะเลอสรรกลัวว่ามันจะเด้งออกมานอกทรวงอก

เสียก่อน มันเกิดขึ้นเมื่อเขาแหงนหน้ามองพระจันทร์อีกครั้ง

                เขาควรจะขออะไรจากพระจันทร์บนท้องฟ้าที่สองแสงสกาวราวกับรอคำอธิษฐานอยู่นั้นเล่า


                เลอสรรนึกไม่ออกในเมื่อด้านการเงินแม้จะไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนจนต้องขอให้ถูกล็อตเตอร์รี่

รางวัลที่หนึ่ง เรื่องการเรียนแม้จะไม่ถึงเกียรตินิยมแต่เลอสรรก็มีผลการเรียนในอันดับต้นๆ แล้วยังมีเรื่องใดที่เลอสรรยังไม่มีอีกเล่า

อยู่ๆก็เจ็บจี๊ดไปตามเนื้อตัวเหมือนมีเข็มเล็กๆทิ่มแทงเข้าไปตามผิวหนัง ดวงตาที่จ้องมองพระจันทร์สีเหลืองนวลก็พร่าเลือนจนต้อง

หลับตาลง เสียงเจื้อยแจ้วของพิธีกรบนเวทีพลันหายไปกลับกลายเป็นเสียงพึมพำแผ่วเบา เบาจนแทบจะจับใจความไม่ได้

               เสียงอะไร!


               เสียงนั้นลอยมาตามลมเข้าใกล้ใบหูช้าๆ มันคลับคล้ายคลับคลาจนเลอสรรตื่นเต้น ทำนองขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอยิ่งพาให้

ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย


               “ไอ้สรร”


                 เฮือกกก


                “มึงจะนั่งเข้าฌานอีกนานไหม เขาจะไปลอยกระทงกันแล้ว”


                 เสียงของจองชัยเรียกสติของเลอสรรกลับคืนมา ชายหนุ่มลืมตาเหลียวมองรอบกายจึงเห็นว่านักศึกษาที่อยู่ในงานกำลัง

ทยอยเดินไปที่ทางเดินเชื่อมไปยังเวทีกลางสระน้ำที่จัดไว้ให้ทุกคนลอยกระทงพร้อมกัน


                “เออๆไปแล้ว”


                 เลอสรรลุกขึ้นยืนเหยียดแข้งเหยียดขาก่อนจะคว้ากระทงของตัวเองที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นและเดินไปพร้อมกับจองชัย เขา

สะบัดหัวไปมาขับไล่ความมึนงงจนกระทั่งได้ที่เหมาะเลอสรรจึงได้ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าจุดธูปเทียนในกระทง


                   “อธิษฐานอะไรดีวะ” จองชัยเอ่ยถามไม่จริงจังนัก เพื่อนสนิทกรอกตาไปมาแล้วจึงยกกระทงขึ้นเหนือหัว


                  “แม่คงคาจ๋า พระจันทร์จ๋า เรียนจบไปปุ๊บขอให้ลูกได้เมียปั๊บเลยนะจ๊ะ”


                    จองชัยโน้มตัวลงไปปล่อยกระทงลงกับผิวน้ำพลางใช้มือวักน้ำไล่เบาๆ เลอสรรเหม่อมองแสงจากธูปเทียนที่วูบวาบอยู่

เต็มสระน้ำ เขามองเห็นแสงสะท้อนของพระจันทร์ดวงโตราวกับมีพระจันทร์ดวงที่สอง

                    เลอสรรยกระทงขึ้นที่กลางหน้าผาก

                    แค่ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเลอสรร

                    เขาโน้มกายลงไปวางกระทงไว้บนผิวน้ำ พลันเสียงสวดมนต์คุ้นหูลอยมาอีกครั้ง

                    เลอสรรรู้สึกว่าร่างกายของเขากับผิวน้ำนั้นใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆใกล้จนร่างของเขาจมหายลงไปกับเงาสะท้อนของดวง

จันทร์ เขาดำดิ่งลงไปกับความมืดสนิทและหนาวเย็นจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแตกกระจายของผิวน้ำและเสียงเอะอะโวยวายด้วยความ

ตกใจของนักศึกษาอื่นๆที่มาในงานลอยกระทงคืนนี้
 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 22:19:42 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #2 เมื่อ05-11-2016 22:22:26 »



                                                               อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                             บทที่ 2


               มืด เงียบ และเหน็บหนาว

               เบาหวิวราวกับร่างกายของเลอสรรไร้น้ำหนักและกำลังล่องลอยไปตามกระแสแห่งกาลเวลา ความคิดและระบบสั่งการหยุด

นิ่งดังเช่นหลับใหลเหลือเพียงหัวใจและหลอดเลือดที่ยังหล่อเลี้ยงให้ร่างกายมีชีวิต

               จวบจนกระทั่งความเงียบถูกทำลายด้วยเสียง

               เสียงนั้น ท่วงทำนองอันแสนคุ้นหู จากแผ่วเบามันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดมันก็ชัดเจนจนปลุกเลอสรรให้ตื่นจากหลับ

ใหล แพขนตาหนาหนักกะพริบถี่ก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยความงงงัน สมองที่ถูกปิดกั้นกำลังทำงานเพื่อทบทวนความทรงจำแบบด่วนจี๋

เขาอยู่ในงานลอยกระทงที่คณะโบราณคดีจัดขึ้น เลอสรรกำลังลอยกระทงแต่จู่ๆเขาก็ร่วงลงไปในสระน้ำ

               ถ้ามีใครช่วยเขาขึ้นมาจากสระน้ำเล็กๆหน้าคณะ ตอนนี้เขาก็ควรจะนอนอยู่ตรงไหนสักแห่งใกล้ๆบริเวณจัดงาน เลอสรรควรจะ

ลืมตามองเห็นจองชัยแก้วกาญจน์หรือเพื่อนคนอื่นยืนออห้อมล้อมด้วยสีหน้าตกใจ เนื้อตัวควรจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ

               หากแต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่ควรจะเป็นแม้แต่อย่างเดียว

               ลืมตาตื่นในสภาพนอนหงายอยู่บนแท่นยกสูงจากพื้นขนาดใกล้เคียงกับเตียงนอนในหอพักหากแต่แข็งกระด้างแผ่นหลัง สิ่ง

แรกที่ดวงตามองเห็นคือหลังคาของสิ่งก่อสร้างจากอิฐดินเผา เพดานด้านบนเปิดเป็นช่องว่างให้มองเห็นพระจันทร์ดวงโตส่องแสง

ทรงกลดไม่ต่างจากที่เลอสรรจ้องมองในงานลอยกระทง ชายหนุ่มกรอกตาไปมาพลางผงกหัวทีละนิดพร้อมกับที่ใบหูสดับรับฟังเสียง

สวดมนต์ที่แสนจะชัดเจนพอกับระบบดอลบี้ในโรงภาพยนตร์ คราวนี้ชัดเจนแม้กระทั่งเสียงเกราะกรับและเสียงฆ้องที่ตีให้จังหวะ


               แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือมนุษย์!


               บุรุษชาติชายอาชาไนยยืนหยัดสง่าอยู่ตรงฝั่งปลายเท้าของเลอสรร ดวงตาคมปลาบจ้องมองเขาเบิกกว้างไปชั่วครู่ด้วยความ

ประหลาดใจหากแต่เพียงพริบตามันกลับเปล่งแสงวาววับราวกับสะท้อนแสงจากหมู่ดาว ภายใต้ความมืดมิดผิดแปลกจากเมืองหลวงที่

เลอสรรคุ้นเคยเหมือนสถานที่นี้สิ้นไร้แสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง แต่เลอสรรกลับมองเห็นเขาคนนั้นชัดเจนเหลือเกิน

               บุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ปลายเท้าสูงกว่าเลอสรรแน่ๆเมื่อคำนวนด้วยสายตา ผิวกายสีดำแดงอยู่ในความมืด เขามีเรือนร่างอุดมไป

ด้วยมัดกล้ามแน่นหนา สันกรามคมชัดจมูกโด่งละม้ายคล้ายพระเอกหนังอินเดียหล่อรวมเข้ากับชาวลุ่มน้ำโขงส่งผลให้ดูดีจนเรียกได้ว่า

ถึงขั้นหล่อเหลาปานเทพบุตร ร่างกายแสนจะสมบูรณ์แบบแต่งกายคล้ายกับที่เลอสรรกำลังแต่งอยู่ หากแต่เทริดที่ครอบอยู่บนศีรษะนั้น

ลวดลายสลักเสลางดงามอ่อนช้อยยิ่งกว่า และดูออกในทันทีว่ามันเป็นทองคำแท้ๆหาใช่ทองชุบอย่างที่เลอสรรสวมใส่

               และเมื่อลดระดับมองที่กรองคอนั้นเล่า แผ่นทองฉลุลายแผ่นหนาแผ่เป็นวงกว้างประดับด้วยอัญมณีเม็ดใหญ่อยู่บนท่อนบน

เปลือยเปล่าเผยให้เห็นลำตัวแข็งแกร่ง ท่อนล่างเป็นโจงผ้าทอเนื้อดีผสานกับเส้นใยขลิบทองและเข็มขัดยกรั้งอวดต้นขาล่ำ กำไลทอง

หัวพญานาครัดแน่นอยู่บนต้นแขนล่ำสันจนเลอสรรเกรงว่ามันจะปริแตก หากประเมินด้วยสายตาแล้วเลอสรรกำลังคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้น่า

จะคอสเพลย์ถึงระดับเจ้าผู้ครองนครในขณะที่เขาทำได้แค่โลว์คอสรากหญ้าเท่านั้น

               ที่นี่คือที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับเขา แล้วผู้ชายตรงหน้าคือใคร?

               หัวใจของเลอสรรเต้นรัวด้วยความสับสน หวาดวิตก เมื่อพอจะรวบรวมสติได้แล้วเขาจึงรีบยันศอกดันร่าง หากแต่ความ

ตระหนกก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อบุรุษตรงหน้าเริ่มขยับเคลื่อนไหวด้วยการโน้มกายลงมาบนแท่นสูงที่เลอสรรนอนอยู่ ร่างสูงใหญ่

คืบกายขึ้นมากระทั่งคร่อมอยู่บนร่างของเลอสรรในที่สุด


               “ดะ เดี๋ยว คะ คุณเป็นใคร นี่จะทำอะไร...”


               คิดจะขยับถอยหนี หากเขาคนนี้กลับกระแทกข้อมือลงข้างหูของเลอสรรจนไม่สามารถกระทำดั่งใจคิด ขนที่หลังคอของเลอ

สรรลุกชันเมื่อเห็นนัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและกระหายยามสบตา มันมองเลื่อนลงไปตามจมูกและปากของเลอสรร ความ

ตกใจสุดขีดพลันบังเกิดเมื่ออยู่ๆผู้ชายที่เลอสรรยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็จู่โจมบดเบียดริมฝีปากลงมาทาบทับ เลอสรรดิ้นรนหากแต่กลับถูก

ตรึงข้อมือทั้งสองไว้เหนือหัวจนดิ้นไม่หลุด


               “ปละ ปล่อย ปล่อยสิโว้ย กูเป็นผู้ชายเหมือนกับมึงนะ อย่า อึก”


               ลิ้นร้อนสอดลึกทีเผลอ ริมฝีปากถูกดูดรั้งจนเจ็บแสบไปหมด ร่างกายอันเต็มไปด้วยพลกำลังกดหนักลงมาทับไว้แทน

พันธนาการ และในขณะที่เลอสรรกำลังผวาหนักพลันเสียงสวดมนต์ก็เร่งจังหวะราวกับจะเร่งเร้าอะไรบางอย่าง มันเสียดลึกเข้าไปใน

กระดูกค้อนทั่งโกลนภายในหูตามที่เลอสรรเคยเรียนผ่านเข้าไปในสมอง เสียงทำนองขึ้นลงนั้นปิดกั้นความคิดทั้งหมดของเลอสรรลง

โดยฉับพลัน

               สติของเลอสรรเหลือเพียงดวงตาที่มองข้ามไหล่กว้างไปยังพระจันทร์เบื้องบนที่ยิ่งสุกสว่างอยู่กลางหาว และมีเสียงสวดมน

ตราแทนเสียงเห่กล่อมให้เคลิบเคลิ้มจนแรงดิ้นรนลดน้อยถอยลงจนกระทั่งสงบนิ่ง ดวงตาของเขาลอยคว้างยามสบตากลับกับนัยน์ตาคม

ที่จับจ้องอย่างพอใจก่อนที่ใบหน้านั้นจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆและลดระดับต่ำลงไปง้างงับอยู่ตรงซอกคอของเลอสรร


               “อึก อือ อื้มมม”


               ร่างสูงใหญ่โถมทับน้ำหนักลงมาจนอึดอัด หากแต่ความอึดอัดนั้นสร้างความรู้สึกทรมานราวกับมีกระแสน้ำวนอยู่ในช่องท้อง

เมื่อเขาเลื่อนกายลงทีละนิด ลากปากเปลี่ยนที่ขบเม้มตามมาอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะมาหยุดแตะไล้ลิ้นหยุ่นลงไปกับยอดอกเม็ดเล็กสีเนื้อ

สุกปลั่ง เขาแตะเล็มมันก่อนจะครอบเม้มริมฝีปากตามลงไปและดึงมันขึ้นมาจนเนื้อหนังแดงฉ่ำเปียกชื้น เลอสรรได้ยินเสียงพึมพำผะแผ่ว

หลุดลอดออกมาจากปากเขาแข่งกับเสียงสวดมนต์กระหึ่มโดยรอบ เหมือนกับว่าเขาเองก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่เฝ้าพร่ำคำสวดอันยาวนาน

เหล่านั้นด้วย


               “อยะ อย่า ปล่อย”


               ได้ยินเสียงเสียงตนเองแผ่วเบาแหบพร่า ใจคิดอยากจะผลักไสแต่ท่อนแขนกลับหมดเรี่ยวแรงเหมือนเป็นอัมพาต ความรู้สึก

เย็นวาบสัมผัสกับช่วงล่างเมื่อผ้าทอเนื้อหยาบที่เลอสรรใส่อยู่ถูกกระชากออกจากเอวเหลือเพียงกางเกงชั้นในที่สวมใส่อยู่ ดูเหมือนเขา

คนนั้นจะชะงักงันไปกับมันหากแต่ไม่นานนักปราการด่านสุดท้ายของเลอสรรก็ถูกดึงออกพ้นปลายขา จนในที่สุดเลอสรรก็ไม่มีสิ่งใดที่จะ

ปิดกั้นจากนัยน์ตาวาววามคู่นั้น


               “ไม่ คุณจะทำอะไร...”


               เลอสรรคิดว่าเขาตะโกนเสียงดัง แต่แท้จริงแล้วมันแทบจะไม่ได้หลุดออกจากลำคอเลยสักนิดเมื่อใบหน้าคมจัดก้มหน้าลงไป

และค่อยๆกลืนความเป็นชายของเลอสรรทีละนิด การกระทำนั้นยิ่งกระตุ้นกระแสน้ำเชี่ยวในช่องท้องของเลอสรรให้ยิ่งหมุนวนจนเลอสรร

ต้องบิดกายไปมาด้วยความทรมาน ชายหนุ่มกัดฟันใบหน้าเหยเกเมื่อปลายยอดของท่อนเนื้อถูกกระตุ้นอย่างที่เขาไม่สามารถปัดป้อง

เลอสรรยกขาตั้งชันอัตโนมัติโดยไม่รู้เลยว่ายิ่งทำให้คนที่กำลังเคลื่อนไหวส่งเสียงทุ้มต่ำอย่างพอใจที่การกระทำนั้นเปิดทางให้เขามอง

เห็นช่องทางที่ขยับเปิดรออยู่


               “อ๊า!”


               ความเจ็บแปลบพุ่งวาบเข้ามาในความรู้สึกของร่างกายที่ถูกล่วงล้ำ เลอสรรสะดุ้งเฮือกแขนขาเกร็งผวาเข้ากอดก่ายคนกระทำ

พร้อมกับเปล่งเสียงแห่งความเจ็บปวดจนกังวานก้องไปทั่วสิ่งก่อสร้างด้วยอิฐดินเผา และราวกับต้นเสียงสวดแห่งมนตราทั้งหลายจะรับรู้

เสียงสวดนั้นก็ยิ่งเร่งเร้าไปรอบทิศทาง มาถึงตอนนี้เลอสรรคิดอะไรไม่ออกอีกแล้วเมื่อเขามองเห็นเพียงใบหน้าของคนที่กำลังกระแทก

กายเข้ามาในร่างกายของเลอสรรและแสงจากจันทราเบื้องบนที่ฉายชัดเป็นฉากหลังของบุรุษที่เต็มไปด้วยพลัง

               กระแสน้ำวนในช่องท้องตีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เลอสรรบังเกิดความต้องการให้ความแข็งแกร่งราวกับซุงหนักที่เคลื่อนที่ผ่าน

รอยแยกของช่องแคบกระหน่ำเข้ามาจนต้องขยับยกเอวจนลอยคว้าง ซุงหนักนั้นช่างรู้ใจเมื่อมันบดเบียดกระแทกกระทั้นไปตามซอก

หลืบปลุกเร้าจนร่างกายของเลอสรรร้อนระอุและฉ่ำชื้นไปด้วยสายน้ำที่ล้นกระฉอก


               “ได้โปรด ช่วยด้วย ทรมานเหลือเกิน”


               ร้องขอเพราะไม่อาจสกัดกั้นพายุเชี่ยวกรากนั้นได้ เลอสรรทรมานจนถึงกับจิกปลายเล็บไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อ บุรุษผู้

แข็งแกร่งช้อนแขนเข้าใต้เอวของเลอสรรเหนี่ยวยกร่างของเขาให้ขึ้นมานั่งทับอยู่บนตักที่รองรับ เอวของเลอสรรถูกมือใหญ่ยึดตรึงไว้

แน่นยามที่เขากดเอวของเลอสรรลงมาขณะที่เขากระแทกหน้าขาสวนกลับ


               “อา... อีกนิด ได้โปรด”


               เลอสรรผวากอดเกี่ยวศีรษะนั้นไว้แน่นเมื่อเขาครอบปากลงไปดูดดุนแผ่นอกอีกครั้งอย่างติดใจ ขาทั้งสองของเลอสรรเกี่ยวรัด

เอวแกร่งไว้ยามที่ท่อนซุงหนักเร่งกระแทกอยู่ในสายน้ำวนไม่หยุดยั้ง ร่างกายของเลอสรรบิดเกร็งจนกระทั่งดวงตาเรียวเบิกกว้าง เขาเงย

หน้าจ้องมองพระจันทร์ดวงโตที่เริ่มเคลื่อนคล้อยและเปล่งเสียงแห่งความสุขสมพร้อมกับปลดปล่อยรินรดอยู่บนหน้าท้องของอีกฝ่ายที่ก็

เงยหน้าคำรามต่ำพลันสาวเอวอีกแค่ไม่กี่ครั้ง ช่องทางที่ยังบีบรัดของเลอสรรก็รับรู้ถึงแรงอัดฉีดอันแสนร้อนรุ่มจนรินไหลลงมา

               เสียงแห่งการพร่ำสวดเบาบางลงไปจนแทบไม่ได้ยิน เหลือเพียงเสียงหอบหายใจทั้งหนักและถี่ของร่างกายที่ยังหยุดนิ่งกอด

ก่ายอยู่ด้วยกัน ดวงจันทร์เคลื่อนต่ำจนถูกหลังคาแห่งสิ่งก่อสร้างบดบังจนช่องว่างนั้นมีเพียงสีดำสนิทของผืนฟ้า และตอนนี้เองที่

สติสัมปชัญญะทั้งมวลเพิ่งจะกลับคืนมาสู่เลอสรร ตอนนี้เลอสรรรู้ตัวแล้วว่ามันหาใช่ความฝันเมื่อท่อนลำนั้นยังฝังตัวอยู่ในร่างของเขา


               “ไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะ มึงปล้ำกูทำไม”


               เจ็บใจจนน้ำตาเจียนไหลเมื่อเสียเชิงชายให้แก่คนแปลกหน้า เลอสรรทุบตีผลักไสไปที่ไหล่กว้างแต่ข้อมือของเขากลับถูก

คว้าไว้ให้หยุด เลอสรรเม้มปากแน่นเมื่อเห็นนัยน์ตาดุนั้น และแค่เพียงหน้าขาขยับเลอสรรก็ปวดระบมท่อนล่างเหลือเกิน

               เอวของเลอสรรถูกมือใหญ่จับยึดแล้วยกขึ้นจนท่อนลำนั้นค่อยๆผลุบออก เลอสรรกัดฟันไปกับความเจ็บแปลบจากช่องทางที่

ถูกล่วงล้ำเป็นคราแรกจนกระทั่งมันหลุดออกหมดทิ้งไว้เพียงความโหวงว่าง เขาหมดเรี่ยวแรงจนต้องปล่อยให้บุรุษแปลกหน้านั่งตระกอง

กอดอยู่บนแท่นสูงที่เลอสรรเพิ่งจะมีโอกาสได้เหลียวหน้าเหลียวหลังมองไปรอบๆห้องที่ไม่ได้กว้างมากนักและภายในมีเพียงแท่นสูงที่

เขาเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

               ดวงตาเรียวเบิกกว้าง เลอสรรจ้องมองเสาแต่ละต้น รวมถึงซุ้มประตูทางออก เก็จด้านข้างประดับรูปวิมานลอยคล้ายบุษบกซึ่ง

ทั้งหมดที่เขาเห็นมันคือการก่อสร้างปราสาทหินที่เขาคุ้นตาจากการออกภาคสนามเพียงแต่ตอนนี้มันงดงามสมบูรณ์แบบอย่างยิ่งหาใช่

ซากปรักหักพังรายล้อมไปด้วยเถาวัลย์อย่างที่เขาเคยเห็น

               ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุกในอาณาจักรขอมยุคเจนละ!

               ไม่จริง!

               เลอสรรอยู่ในกรุงเทพมหานครในปี2559 ไม่มีปราสาทหินแห่งไหนที่จะใหม่หมดจดจนได้กลิ่นดินขนาดนี้

               ชายหนุ่มหันขวับไปมองบุรุษข้างกายที่ยังคงนั่งนิ่งคล้ายรูปปั้นผิดกับตอนที่ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายของเลอสรรราวฟ้ากับ

เหว หัวคิ้วของเลอสรรย่นจนเกือบจะชนกันขณะเขากลั้นใจเอ่ยถามเสียงเบาหวิวคล้ายจะเป็นลมเมื่อความสังหรณ์บางอย่างแวบเข้ามา


               “คุณเป็นใคร”


               อีกฝ่ายเพ่งมองด้วยความสงบ เลอสรรรอคำตอบจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง พักใหญ่กว่าบุรุษผู้นั้นจะเอ่ยนาม

ออกมาด้วยสำเนียงแปร่งแต่แปลกที่เลอสรรกลับฟังออกและเข้าใจมันได้


               “ข้า นาม รุทร”


               รุทรไหน?


               “รุทรชัยวรมัน”


               ไม่ผิดเพี้ยน ชัดเจน แจ่มแจ้ง


               เลอสรรอ้าปากค้างเมื่อสมองของเขาบอกว่า เขาตกน้ำในสระหน้าคณะแต่มาโผล่ที่แผ่นดินขอมในยุคสมัยที่เลอสรรกำลังหา

ข้อมูลเพื่อยืนยันว่ากษัตริย์พระองค์นี้เป็นเกย์

               ข้อมูลยืนยันได้ด้วยร่างกายของเลอสรรเอง เขาถูกพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งพรากซิงไปแล้ว


                “ไม่จริง นี่ผมมาที่นี่ได้ยังไง”


               สีหน้าของเลอสรรคงดูตระหนกมากนัก กษัตริย์หนุ่มจึงได้ทอดพระเนตรด้วยนัยน์ตาที่อ่อนแสงลงคล้ายจะปลอบโยนให้เลอ

สรรลดความตกใจลงบ้าง


               “เอ็งมาเพราะพรจากจันทรา”


               อยากจะหัวเราะเป็นภาษาโปรตุเกส


               แต่ตอนนี้ใบหน้าของเลอสรรคงจะเฝื่อนเต็มทีกับสิ่งที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันกำลังตรัสให้เขาฟังอยู่


               “ข้าเร่งทำพิธีสวดมนตรา ด้วยพลังแห่งจันทราให้ส่งเมียมาให้ข้าได้ครองคู่”


               “ชิบหายละ”


               เลอสรรครางหนัก ใบหน้าของเขาซีดเผือด


                “กูเนี่ยนะจะเป็นเมียเจ้า”


               พระพักตร์จริงจังของพระเจ้ารุทรชัยวรมันใช้แทนคำยืนยันได้เป็นอย่างดี เลอสรรอยากจะหลับตาลงไปแล้วลืมขึ้นมาใหม่เพื่อ

พบว่าเขายังอยู่ในงานลอยกระทงของคณะ หากแต่เมื่อลองทำเช่นนั้นแล้วเลอสรรก็ยังเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันจ้องมองเขาอยู่ไม่วางตา

               แค่ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเลอสรร

               ฤานี่จะเป็นพรจากพระจันทร์ในคืนอมาวสีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบพันปี คืนที่ประตูทั้งสามภพจะเปิดออกพร้อมกัน!








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 22:25:35 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #3 เมื่อ05-11-2016 22:27:47 »



                                                                      อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                                      บทที่ 3
 

              อย่าเพิ่งคิดหาเหตุผลหรืออะไรในตอนนี้เลยเหอะไอ้สรร มึงควรคิดว่านับจากวินาทีถัดจากนี้จะทำอย่างไรกับชีวิตมากกว่า


               เลอสรรจำเป็นต้องตั้งสติให้ได้ เขาต้องยอมรับความจริงว่าเขาย้อนเวลากลับมาในอดีตอันไกลโพ้น และตอนนี้ร่างกายของ

เขาตกเป็นของผู้ชายตรงหน้าไปเสียแล้ว ผู้ชายที่ได้ชื่อว่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเจนละ ผู้ชายที่กำลังมองเขาอย่างสำรวจตรวจ

ตราก่อนจะยกปลายนิ้วเชยคางเขาขึ้นมา


               “เอ็งมีนามว่ากระไร”


               “ผม เอ่อ ชื่อเลอสรร”


               “ลา สรัล”


               บุรุษผู้ยิ่งใหญ่พยายามที่จะกล่าวตาม เลอสรรรู้ว่าชื่อของเขานั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาเขมรว่า “สรัล” และพระเจ้ารุทรชัย

รมันคงจะออกเสียงเช่นชาวขอม เขาจึงไม่ได้เอ่ยแก้ไขชื่อของตนเอง


               “นามเอ็งหมายถึงกระไร”


               “ชื่อของผมแปลว่า ผู้เป็นเลิศจากการคัดเลือก”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงมีกิริยา “โปรด” ในชื่อของเขา ความเงียบเข้าครอบงำจนได้แต่มองหน้ากันไปมา ในที่สุดเลอสรรจึง

เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบลง


               “พระองค์ เอ่อ ทรง โอ๊ย ราชาศัพท์เขาใช้อะไรวะ”


               เช่นไรอีกฝ่ายก็ทรงเป็นกษัตริย์ และตอนนี้สมองของเลอสรรก็ทำงานช้าจนนึกไม่ออกว่าควรจะพูดเช่นไรดี     พระเจ้ารุทรชัย

รมันจึงได้แย้มสรวลและตรัสกับเขาเสียงนุ่ม


               “เรียกข้าว่ารุทร”


               รอยยิ้มแค่เพียงเล็กน้อยในความมืด หากแต่ช่างสว่างไสวในความรู้สึกจนตาพร่าเมื่อมันบังเกิดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม เลอสรร

ด่าตัวเองอยู่ในใจที่ดันเผลอไผลมองรอยยิ้มนั้นและหัวใจกลับเต้นรัว


               บ้า ไอ้บ้าสรร มึงเสือกหวั่นไหวไปกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันและฟันมึงจนเสียซิงในครั้งแรกทั้งที่ยังไม่รู้จักกันได้ยังไง


               “ต้องการถามสิ่งใดจงเอ่ยออกมาเถิด พูดกับข้าเยี่ยงคนธรรมดา”


               ปลายนิ้วสากปล่อยปลายคางของเลอสรร แต่กลับเลื่อนไปปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่พ้นจากเทริดลงมาปรกหน้าผากอย่างอ่อน

โยน การกระทำนั้นเรียกเลือดมาเลี้ยงบนใบหน้าของเลอสรรจนร้อนฉ่าไปหมด


               “เอ่อ...ที่บอกว่าผมมาที่นี่เพราะพรจากพระจันทร์มันหมายถึงอะไร”


               “ข้าซึ่งเป็นใหญ่เหนือแผ่นดินเจนละ แต่กลับไม่มีเมียเพราะไม่ปองรักหญิงใด”


                เสียงทุ้มต่ำยามเอื้อนเอ่ยใกล้หูชวนให้เลอสรรต้องนิ่งฟังโดยไม่กล้าขัด เขาปล่อยให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันเล่าเรื่องราวออกมา

และไม่กล้าขยับตัวเมื่อทรงเลื่อนองค์เข้าใกล้เรื่อยๆ


               “ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างเป็นห่วงเนื่องด้วยบัดนี้มีจอมขมังเวทเลวร้ายคุกคามเมือง เหล่าโหราจารย์จับยามสามตาแล้วต่างเอ่ย

พ้องต้องกันว่า จะมีใครบางคนจากแดนไกลมาช่วยเหลือให้ข้าทำลายจอมเวทนั้นได้ และคนจากแดนไกลจะกลายเป็นคู่ชีวิตของข้า

เหล่าประชาจึงร่วมแรงกันสวดภาวนาพิธีขอพรจากจันทราในวันฟ้าเปิด”


               “พิธีขอพรจากดวงจันทร์”


               เลอสรรครางอย่างเหลือเชื่อ ถ้าเช่นนั้นเสียงสวดมนต์ที่เขาได้ยินตลอดทั้งวันและคืนนั่นก็คงเป็นเพราะพลังของพิธีดังกล่าว


               “ใช่เช่นนั้น ดวงจันทราส่งเอ็งมาให้ข้า”


                “อย่างนั้นก็เถอะ ถึงพระจันทร์จะส่งผมมาที่นี่ แต่มันใช่เรื่องที่คุณจะต้องปล้ำผมทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันไหม”


                เลือดร้อนซู่วิ่งมาวนเวียนกันอยู่บนใบหน้า เลอสรรตวัดสายตามองอย่างขัดเคือง แต่อีกฝ่ายก็ยังใจเย็นพอที่จะตอบคำถาม

ด้วยน้ำเสียงนุ่มดังเช่นเดิม


                  “มนต์จันทราแลเสียงสวดบูชาก่อให้เกิดความใคร่ ข้าเองก็ตกอยู่ในบ่วงแห่งมนต์จนมิอาจหักห้ามความกำหนัดได้”


                  เลอสรรเคยศึกษาเรื่องที่ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อระดับของเหลวบนโลกทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง และจังหวะทางชีววิทยาบาง

อย่างของสิ่งมีชีวิตก็ขึ้นอยู่กับดวงจันทร์โดยเฉพาะการสืบพันธุ์ของคน ส่วนการสวดมนต์นั้นท่วงทำนองสม่ำเสมอจะมีผลต่อคลื่นสมอง

คล้ายๆกับการสะกดจิต รวมกันแล้วมันจึงทำให้ทั้งเลอสรรและพระเจ้ารุทรชัยวรมันตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนาจนหลงลืมแม้แต่

ความเป็นตัวตนไปหมดสิ้น


                  “อย่ากลัวไปเลยสรัล เอ็งเป็นเมียข้าแล้ว และยังเป็นคนจากแดนไกลที่ฟ้าส่งมา ข้าจะเลี้ยงดูและเชิดชูเอ็งเป็นอย่างดี”


                “ใครเป็นเมียคุณ ยกย่องอะไรอย่ามาทำเป็นพูดดี...”


                 เดี๋ยวนะ!


                 เลอสรรชะงัก นึกถึงข้อมูลที่หามาทำงานค้นคว้าชิ้นสุดท้ายเรื่องความสัมพันธ์รักร่วมเพศของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน ศิลาจารึก

ค้นพบพระนามของเอกอัครชายาว่า พระเจ้าสรัลจันทรมันตรา คำว่าจันทรมันตราแปลว่ามนตราจากพระจันทร์ และเมื่อสักครู่พระเจ้ารุทร

ชัยวรมันตรัสออกเสียงเรียกชื่อของเขาว่าสรัล หากผนวกรวมกันแล้วนั้น

                 อย่าบอกนะว่าตัวเขานั้นคือพระจ้าสรัลจันทรมันตรา เอกอัครชายาในพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งแห่งอาณาจักรเจนละ

                 เลอสรรยกมือกุมขมับเมื่อรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา


               “คุณจะเอาผมเป็นเมียได้ไง ผมเป็นผู้ชาย เข้าใจไหมผู้ชายน่ะ ผมมีไอ้จู๋เหมือนคุณนะ”


                เลื่อนมือไปดีดมะกอกมังกรยักษ์ที่เริ่มจะคลายตัวลงหลังการพ่นพิษอยู่ในถ้ำของเขา พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงนิ่วพระพักตร์

ก่อนจะทรงคว้ามือของเลอสรรมากุมไว้ สายพระเนตรนั้นวาววามจนเลอสรรชักแหยง


              “เพียงเอ็งหยอกข้าเช่นนี้อีกนิด ข้าจะไม่ปรานีเอ็ง”


               “จะบ้าเหรอ ตูดผมยังไม่หายเจ็บยังคิดทะลึ่งอีก”


                   เลอสรรหลุดปากออกไปแล้วก็ต้องรีบหุบปากตัวเองที่หาญกล้าต่อว่าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ ดีไม่ดีพระเจ้ารุทรชัย

วรมันอาจจะสั่งฝังเขาทั้งเป็นก่อนที่จะหาหนทางกลับบ้านตัวเองก็ได้

               เห็นท่าทางพยศของเลอสรรแล้ว กษัตริย์หนุ่มจึงลอบแย้มสรวล แม้จะยังนึกประหลาดพระทัยกับการปรากฏกายของเลอสรร

หากแต่ผู้ชายที่ดวงจันทราประทานมาให้ช่างตรึงตาตรึงใจนัก  ทรงพิศใบหน้าของชายหนุ่มไล่ตั้งแต่ดวงตาโตเรียวเหนือจมูกโด่งมน

และปากกระจับอิ่มสีแดงราวกับทาชาด เส้นผมเบื้องหลังเทริดทองปลอมตัดสั้นหาได้เหมือนบุรุษในแผ่นดินที่นิยมไว้ยาวและมัดเป็นมวย

บนกลางศีรษะเช่นเดียวกับพระองค์ รูปร่างนั้นเล่าแม้จะไม่ผอมแห้งหากแต่ก็ยังบางกว่าพระองค์อยู่บ้าง ผิวกายสีน้ำผึ้งช่างนวลเนียนและ

หอมกรุ่นผิดจากผู้อื่น มันช่างเย้ายวนยามที่ได้ดอมดมและชิมรสด้วยปลายลิ้น

                    ทรงยอมรับกับองค์เองว่าแม้บัดนี้ดวงจันทราจะเคลื่อนคล้อยไปตามราตรีกาลรวมทั้งไม่มีบทสวดเร่งเร้าให้เกิดความใคร่

หากแต่เมื่อได้พิศชมเลอสรรตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว พระองค์มิได้ทรงรังเกียจเดียดฉันท์ ซ้ำยังอยากจะประทับรอยลงไปกับร่างกายนี้อีก

สักครั้ง แต่ก็ต้องทรงยั้งพระประสงค์เนื่องด้วยเลอสรรนั้นบอบช้ำไปไม่น้อยจากครั้งแรกที่พระองค์ประทานให้


              “เอ็งมาจากบนสวรรค์รึสรัลเมียข้า”


              ถึงจะแสลงหูกับคำว่าเมีย แต่เลอสรรก็ตอบกลับเสียงแห้งโดยไม่อาจปฏิเสธคำนั้น


               “ผมมาจากกรุงเทพ”


                “กรุงเทพ ก็มิใช่เมืองสวรรค์รึ”


                  เออ ก็ใช่ กรุงเทพ มันแปลว่าเมืองเทวดาซึ่งก็คือสวรรค์นี่หว่า


                “ช่างเถอะ ผมจะมาจากไหนก็ช่างผม เอาเป็นว่ามันห่างไกลจากที่นี่มากก็แล้วกัน”


                 ตอบอย่างปลงกับโชคชะตาที่เล่นตลก ใบหน้าของเลอสรรจึงเหี่ยวแห้งจนพระเจ้ารุทรชัยวรมันเอียงพระศอมองอย่างปรานี


                 “เอ็งคงจะกลัวที่จากถิ่นมา ไว้ใจข้าเถิด ข้าพูดแล้วว่าจะดูแลเอ็งข้าก็ต้องทำเช่นนั้นมิผิดคำสัตย์”


                  เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ทรงดึงมือของเลอสรรทั้งคู่มากอบกุมไว้แนบอกกว้าง


                 “ฟ้าประทานเอ็งมาให้ข้า ต้องเป็นเพราะท่านพรหมเบื้องบนลิขิตแล้ว แม้ว่าเอ็งจะเป็นชายเฉกเช่นข้า แต่ข้าก็จะยอมรับ

บัญชาจากสวรรค์ อยู่กับข้าเถอะนะสรัล”


                ตรัสเสียงนุ่มแผ่วเบาอยู่ข้างหูจนเลอสรรใจสั่น เขาช้อนสายตาสบกับดวงตาดำดุที่ทอดมองอย่างจริงใจ สายตานั้นทำให้เขา

มิอาจกล่าวคำปฏิเสธ


                “แล้วจะให้ผมหนีไปไหนได้ล่ะ ที่นี่คือที่ไหนผมยังไม่รู้เลย”


                 “ปราสาทกัมโพชสรี”


                 ได้ยินคำตอบแล้วเลอสรรก็อ้าปากค้างเสียอีกรอบ ปราสาทหินกัมโพชสรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังบริเวณรอยต่อ

จังหวัดสระแก้วและประเทศเพื่อนบ้านที่เลอสรรเองก็เคยมาศึกษา ปราสาทหินในยุคสมโบร์ไพรกุกที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่กาล

เวลาพันกว่าปีจะรักษาไว้ได้

                    พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงช่วยนุ่งผ้าโจงกลับคืนให้เลอสรรก่อนจะทรงจัดการวรกายของพระองค์ จากนั้นก็ทรงช้อนพระกร

เข้าใต้ศอกและเข่าของเลอสรรแล้วยกร่างขึ้นมาแนบอกจนเลอสรรตกใจ


               “คุณจะทำอะไร อุ้มผมทำไม”


                 “พาเอ็งกลับวัง”


             ตรัสจบก็ก้าวพระบาทราวกับไม่รู้สึกหนักสักนิดที่ต้องทรงอุ้มเลอสรรไปด้วย เลอสรรผวาคล้องพระศอของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน

ไว้มั่นขณะที่สายตาสอดส่ายมองสภาพโดยรอบอย่างตื่นตา

                แม้จะอยู่ในราตรีกาลดึกคล้อย หากแต่ความยิ่งใหญ่ของปราสาทหินกัมโพชสรีก็ยังอลังการ ความสูงของตัวปราสาทมี

มากกว่าที่เลอสรรคาดไว้ ยอดสูงที่สุดก็คือห้องเล็กที่เขาเพิ่งจากมา ประตูทางออกสี่ทิศมีบันไดให้ก้าวลงมายังหน้ามุข ขอบทางด้าน

นอกประดับด้วยพญานาคตามความเชื่อรวมทั้งทับหลังและหน้าบันที่แกะสลักตามความเชื่อศาสนาฮินดู ตัวปราสาทล้อมไปด้วยสระน้ำที่

ขุดเป็นรูปสี่แหลี่ยมจัตุรัสกว้างออกไปจากตัวปราสาทราวสี่วาประดับทางเดินด้วยคบไฟเป็นแนวยาวให้แสงสว่างท่ามกลางความมืด

และที่ทำให้เลอสรรตกใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นถัดจากสระน้ำนั้นกลับคราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากนั่งหมอบอยู่เต็มทุกด้าน ด้านในชิด

ขอบสระสวมใส่ชุดพราหมณ์สีขาว ถัดออกไปเป็นชนชั้นขุนนางราชสำนักและไกลออกไปคือพสกนิกรจนเต็มลานกว้าง และครั้นทุกคน

มองเห็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก้าวออกมาจากด้านในตัวปราสาทพร้อมทั้งอุ้มใครบางคนออกมาพร้อมกันด้วย เสียงไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้อง

สะเทือนไปทั้งเทือกเขาโดยรอบ

                เสียงแห่งความยินดีนั้นดังไม่หยุดจนกระทั่งพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงก้าวพระบาทมาถึงชั้นล่างสุดที่มีทางเดินเล็กๆเชื่อมจาก

ปราสาทผ่านสระน้ำมายังด้านหน้า เสียงแซ่ซ้องยินดีนั้นจึงเริ่มบางเบาและกลับกลายเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจด้วยความแปลกใจที่คนใน

อ้อมพระกรนั้นมองอย่างไรก็เป็นบุรุษเพศแทนที่จะเป็นสตรีอ่อนช้อย


                 “เหตุใดพ่ออยู่หัวจึงอุ้มบุรุษออกมาจากปราสาทเล่า”


                 คำถามนั้นอึงอลออกไปทั้งลาน สีหน้าผู้คนพากันแตกตื่น เลอสรรเองก็อดใจเสียไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น หากแต่อ้อมแขนที่

โอบอุ้มยิ่งกระชับแน่นแทนคำให้กำลังใจก็พอจะบรรเทาความวิตกลงได้ เสียงเซ็งแซ่ค่อยๆเงียบลงเพื่อรอกระแสรับสั่งจากกษัตริย์ของ

พวกเขาที่พาเลอสรรมาหยุดยืนบนแท่นพิธี


                    “เพราะแรงอธิษฐานที่พวกเราร่วมกันภาวนาถึงสามวันสามคืน บัดนี้ดวงจันทราได้ส่งคู่ของข้ามาในวันฟ้าเปิด”


                  “ขอเดชะพ่ออยู่หัว แต่เหตุไฉนผู้มีบุญญากลับเป็นบุรุษเล่า”


                  บุรุษวัยชราท่าทีองอาจผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นแทนข้อสงสัยของทุกคน พระเจ้ารุทรชัยวรมันยืดวรกายสง่าผ่าเผยพลางยื่นหัตถ์ไปกุม

มือเลอสรรและดึงมาเคียงข้างต่อหน้าสายตาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน


                   “จะบุรุษหรือสตรีก็หาสำคัญไม่ เพราะข้าเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องส่งคนดีแลเหมาะสมมอบแด่ข้า ข้าขอประกาศให้รู้กันทั่ว

เจนละ คนผู้นี้ต่อจากนี้ไปจะเป็นเอกอัครชายาของข้าอันมีนามว่าสรัลจันทรมันตรา”


                  สิ้นเสียงกระแสรับสั่งเหล่าพสกนิกรต่างส่งเสียงสรรเสริญ แม้ว่าจะยังกังขาอยู่บ้างที่เอกอัครชายาเป็นชาย หากแต่พวกเขา

เชื่อมั่นในองค์กษัตริย์และพรหมลิขิตจากเบื้องบน


                พระเจ้ารุทรชัยวรมันหันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรเลอสรร พระหัตถ์กอบกุมกระชับฝ่ามือพลางดึงให้เลอสรรก้าวตามไป

ประทับบนเสลี่ยงคานหาม เลอสรรได้แต่นั่งตัวลีบยิ้มเฝื่อนเมื่อเสลี่ยงนั้นถูกยกลอยและเคลื่อนที่ไปท่ามกลางเสียงโห่ร้อง


                “อย่ากลัวสรัล ต่อจากนี้เอ็งคือเมียของข้า เอ็งคือผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินรองจากข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

แทนที่คำปลอบนั้นจะบรรเทาความกลัว แต่มันกลับยิ่งสร้างความวิตกให้เลอสรรเสียมากกว่า เขานึกไม่ออกเลยว่าเขาจะทำตัวเช่นไรกับ

ความยิ่งใหญ่ที่เข้ามาในชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว


                   นึกขึ้นมาได้ถึงคำกล่าวบนยอดปราสาทหินถึงจุดหมายหลักที่ทำให้ต้องมีพิธีของพร เลอสรรจึงถามด้วยความสงสัย


                “คุณบอกว่า...”


                 “พี่รุทร” ทรงตรัสแก้ให้


                  “เอ่อ พี่รุทรบอกว่าที่นี่มีจอมขมังเวทอาละวาดใช่ไหมครับ”


                 “ถูกแล้ว” พระพักตร์ขรึมเครียดลงยามตรัสถึงจอมวายร้าย


                 “มันเป็นหมอผีมากวิชาอาคมมีนามว่าเวคิน สามารถเรียกลมเรียกฝนพายุฟ้าผ่าแลรวมถึงปลุกวิญญาญผีพรายทั้งหลาย หาก

เป็นศึกรบกับข้าศึกที่มารุกรานข้ามิเคยวิตก แต่ด้วยมันใช้กฤติยาคมทำให้ชาวบ้านหวาดผวา แม้แต่บรรดาโหราจารย์มากฝีมือในวังยัง

ไม่มีใครต่อกรกับมันได้”


                      “โอ้โห ถ้ามันเก่งอย่างนั้นแล้วผมจะไปมีปัญญาปราบมันได้ไง ผมก็แค่คนธรรมดา”


                   เลอสรรยิ่งหนักใจมากขึ้นไปอีกเพราะรู้ว่าทุกคนต้องฝากความหวังไว้ที่เขาเป็นแน่ ทั้งที่เลอสรรเองก็รู้เพียงแค่บทสวด

มนต์ง่ายๆเท่านั้น พระเจ้ารุทรชัยวรมันหันมาทอดพระเนตรด้วยความมั่นพระทัย


                     “ข้ามั่นใจในตัวเอ็งนักสรัล เอ็งคือคนที่ฟ้าส่งมา ข้าเชื่อว่าเอ็งจะนำความสงบสุขคืนสู่เจนละ อ้าว สรัล”


                    แย้มสรวลเมื่อเห็นเลอสรรหลับพับไปกับพนักพิงหลัง พระเจ้ารุทรชัยวรมันโน้มกายให้ชายาหมาดๆเอนพิงอยู่กับพระอังสะ

ให้สบายขึ้น ลมเย็นแห่งป่าเขายามราตรีพัดผ่านจนพระองค์ต้องโอบกอดเลอสรรไว้เพื่อประทานความอบอุ่นขณะที่เสลี่ยงคานหามและ

เหล่าข้าราชบริพารเดินทางกลับคืนสู่พระราชวัง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 22:36:50 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #4 เมื่อ05-11-2016 22:39:38 »



                                                        อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                 บทที่ 4


               “สรัล สรัล ตื่นเถิด”


               เสียงทุ้มดังแว่วเข้าหูปลุกให้เลอสรรลืมตาตื่น เมื่อเปลือกตาเปิดเขาก็เห็นใบหน้าหล่อคมอยู่ใกล้เพียงไม่กี่นิ้ว เลอสรรจึงนึก

ขึ้นได้ว่าเขาหลงมาในกาลอดีตพันกว่าปีจากปัจจุบันของเขา


               “ถึงวังแล้วเหรอครับ”


               งัวเงียลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวหน้าไปมองรอบตัวอย่างตื่นตากับความงดงามของพระราชวังที่แม้เห็นแค่เพียงห้องกว้างของ

พระเจ้าแผ่นดินก็รู้ว่าสร้างอย่างวิจิตรบรรจงแค่ไหน แสดงให้เห็นถึงความเจริญอย่างที่คนรุ่นหลังเช่นเขาจินตนาการไม่ถูก


               “เอ็งคงอ่อนเพลียนักถึงได้หลับตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตปราสาทกัมโพชสรีจนกระทั่งข้าอุ้มเอ็งมาถึงเตียงก็ยังมิรู้สึก”


               ใช่สิวะ ลองถูกปล้ำดูบ้างไหมเล่า จะได้รู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหน


               ได้แต่รำพึงอยู่ในใจและมองอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันมองกลับด้วยเนตรพราว แต่ก่อนที่จะพูดจากันมากไป

กว่านั้นทั้งคู่ก็ชะงักเนื่องด้วยเหล่านางอัปสรางดงามหมู่หนึ่งเดินนวยนาดเข้ามาในห้องพระบรรทมพลางยอบกายหมอบกราบลงกับพื้น


               “เอิ่ม มาทำอะไรกันเหรอครับ”


               กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อแต่ละนางอรชรอ้อนแอ้น สวมผ้านุ่งจีบหน้านางและท่อนบนมีเพียงกรองคอฉลุลายดอกไม้อยู่บน

ทรวงอกเปลือยเปล่าอวดปทุมถันของความเป็นหญิง ก็เคยเรียนมาว่าในอดีตสาวๆในวังจะเปลือยท่อนบนเช่นนี้ แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตา

ตัวเองแล้วเลอสรรก็รู้สึกแปลกตาและกลายเป็นฝ่ายเขินเสียเองจนต้องเบือนหน้าหลบ


               เบนสายตาหนีสาวแต่ก็ไปปะทะกับหนุ่มที่นั่งมองอยู่ เลอสรรยิ้มแห้งๆส่งให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่มองนางอัปสราอย่าง

เฉยเมยและชินชาก่อนออกคำสั่ง


                “จงช่วยกันล้างเนื้อล้างตัวให้แก่เมียข้า”


               ฉับพลันจนเลอสรรสะดุ้งเมื่อเหล่านางอัปราลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพากันกรูเข้ามาหาเลอสรรพลางเร่งถอดเครื่องประดับทั้ง

หลายออกจากตัวเขา เลอสรรตาเหลือกได้แต่ปัดป้องแต่ก็ไม่ทันบรรดามือนุ่มที่หยิบโน่นฉวยนี่ไม่มีหยุด


               “เฮ้ย! เดี๋ยวสิจ๊ะสาวๆ อย่าเพิ่งแย่งกันถอด จ๊าก ตรงนั้นไม่ได้”


               สะดุ้งโหยงเมื่อผ้าโจงเนื้อหยาบถูกดึงออกจากต้นขา กางเกงชั้นในอันเป็นปราการด่านสุดท้ายของเลอสรรถูกโยนทิ้งไว้ที่

ยอดปราสาทกัมโพชสรีโดยที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันก็มิได้จะสนใจเก็บกลับมาให้และบัดนี้เลอสรรก็เปลือยกายล่อนจ้อนท่ามกลางสาวๆ

และผู้ชายอีกคนที่จ้องตาเป็นมัน


               “อ๋อย ทำไมทำกับพี่อย่างนี้ล่ะจ๊ะ”


               หน้าแดงก่ำพลางใช้มือปิดน้องชายตัวเองจากสายตาคนในห้อง เลอสรรยิ่งตกใจหนักเมื่อนางอัปสราของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน

พากันใช้ผ้าผืนนุ่มชุบน้ำหมาดเช็ดไปตามเนื้อตัวเสียทุกซอกทุกมุมมิเว้นแม้แต่บริเวณที่เขาเฝ้าระวังโดยที่เขาปัดป้องไม่ได้ ส่วนเจ้าของ

ห้องขยับยืนอยู่ปลายเตียงอมยิ้มมองนัยน์ตาวิบวับและมีเพียงนางอัปรานางหนึ่งถวายการดูแลถอดเครื่องทรงออกจากวรกาย


               “เสร็จแล้วจงออกไปกันเสียให้หมด ข้าจะอยู่กับเมียข้า”


               เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆจากแม่พวกนางในที่พากันเดินนวยนาดออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้เลอสรรอยู่เพียงลำพังกับพระเจ้า

รุทรชัยวรมัน

               เหี้ยเอ๊ย แม่ง ล่ำ กล้ามเป็นมัด สูงพอๆกับนายแบบฝรั่งแต่มีกล้ามแน่นปึ๋งแถมหน้าหล่ออย่างกับพระเอกหนังแขก เท่ชิบหาย

แล้วไอ้นั่นมันอะไรวะท่อนข้าวหลามหนองมนรึไง

                เต็มสองตากับร่างอันสมบูรณ์แบบที่ยืนสง่าอย่างไม่นึกอาย แสงจากคบไฟแม้จะไม่สว่างเท่าแสงนีออน แต่มันก็ชัดเจนกว่า

ความมืดที่ปราสาทกำโพชสรี และยิ่งใกล้ถึงเวลาย่ำรุ่งดวงอาทิตย์จะเริ่มแตะขอบฟ้าความสว่างก็มากขึ้นทำให้เลอสรรมองภาพนั้นอย่าง

ตะลึงลาน และภาพนั้นก็เคลื่อนที่เข้ามาเอนกายลงนอนตะแคงเคียงข้างเลอสรรอยู่บนแท่นพระบรรทม


               “เหตุใดจึงนอนตัวแข็งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเช่นนี้เล่าเมียข้า”


               กูตกใจไง ไม่นึกว่าจะเบ้อเริ่ม มิน่าเจ็บตูดชิบหาย


               “เอ่อ คือว่า...”


               “ยังไม่หายหวาดกลัวข้าอีกรึสรัล”


               โน้มพักตร์ลงไปประทับโอษฐ์กับแก้มนุ่มใสของคนที่ยังนอนตัวแข็ง วางพระชงฆ์(เข่า)ลงไปบนต้นขาของเลอสรรพระ

พาหา(ท่อนแขนส่วนบน)ข้างหนึ่งพาดไว้ตรงเอวแล้วดึงเข้าหาองค์


               “หรือว่าขัดเขินนางพวกนั้นจนกระทั่งตัวแข็งแม้กระทั่งตรงนี้”


               “โอ๊ย พี่รุทร อย่าสิ”


               สะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบคว้าหมับที่น้องชายของเลอสรรแล้วบีบเบาๆ ความร้อนและสากสัมผัสกับเนื้อหนังจนเลอสรรผวา ร่าง

แกร่งยิ่งเบียดชิดสนิทแนบจนซุงใหญ่ดีดผึงใส่อยู่ตรงสีข้าง พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงคว้ามือของเลอสรรให้มากอบกุมท่อนเนื้อของ

พระองค์สลับกัน


               “ทำความรู้จักกันไว้ เอ็งจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต”


               กระซิบเสียงทุ้มแหบพร่าอยู่ข้างหูจนเลอสรรสั่นไปทั้งตัว มือของเขาถูกบังคับให้กำอยู่โดยรอบซุงใหญ่แทบไม่มิด ส่วนเจ้า

น้องชายของเลอสรรก็อยู่ในความดูแลของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่กำลังมองเขาตาเชื่อม


               “จะ จะให้ผมทำอะไร อื้อ...”


               ท่อนเนื้อเหมาะมือของเลอสรรกำลังถูกอีกฝ่ายทักทายอยู่ตรงยอดมน เลอสรรหันไปสบตาคมที่มองกลับและรู้ได้ว่าพระ

ประสงค์นั้นคือสิ่งใด


               เอาก็เอาวะ เลยตามเลย ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว


                เมื่อตกลงใจปลงใจได้เลอสรรจึงค่อยๆสาวมือ เขานวดปลายนิ้วลงไปอย่างที่เคยทำให้ตัวเองบ่อยๆ พระพักตร์ของพระเจ้ารุ

ทรชัยวรมันดูพอพระทัยยามที่เลอสรรเค้นแรงลงไป


               “มากกว่านี้สรัลเมียข้า”


               ดึงมือของเลอสรรให้โอบอุ้มทั้งของตัวเองและของพระองค์เข้าไว้ด้วยกัน เลอสรรต้องใช้ถึงสองมือเพื่อจะพรมนิ้วลงไปได้

พร้อมกัน สัมผัสของท่อนลำเสียดสีเปียกชื้นจนเลอสรรเองก็เริ่มหายใจแรงขึ้น และในที่สุดพระเจ้ารุทรชัยวรมันก็หมดความอดทน  ทรง

พลิกองค์ขึ้นไปคร่อมอยู่เบื้องบนและบดจูบลงไปบนริมฝีปากแดงอิ่มตามธรรมชาติของเลอสรร

               เม้มเรียวโอษฐ์เข้ามา หลอกล่อจนเลอสรรเผลอไผลจึงได้ส่งพระชิวหาเข้าไปในโพรงปากฉ่ำชื้น เลอสรรหลงไปกับพายุจูบ

จนต้องคล้องแขนไปรอบพระศอและเหนี่ยวรั้งให้ยิ่งตวัดลิ้นร้อนใส่กันจนน้ำใสไหลรินอยู่ที่มุมปาก เนื้อตัวกอดก่ายกันไปมาเปลี่ยนทิศอยู่

บนเตียงกว้าง ท่อนซุงใหญ่ยักษ์ลดระดับลงต่ำเมื่อทรงรับรู้ว่าตอนนี้เลอสรรพร้อมแล้ว


               “อึก เบาๆครับพี่รุทร”


               ประท้วงเมื่อสามเหลี่ยมปลายมนเปิดทางแคบเข้าไปช้าๆ น้ำปริ่มยอดช่วยให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันดันองค์เข้าไปง่ายกว่าครั้ง

แรก ทรงยกวรกายขึ้นทอดพระเนตรแผ่นอกสีน้ำผึ้งเนียนตาอย่างถูกพระทัยก่อนจะโน้มลงไปชิมรสยอดอ่อนจนมันตั้งชันชุ่มฉ่ำแดงเรื่อ


               “หวานเหลือเกินเมียข้า”


                 ติดพระทัยในรสกายนี้เสียแล้ว ความหนั่นแน่นของบุรุษช่างทนแรงมือได้ดีกว่าสตรีเป็นไหนๆ ไม่ว่าจะทรงบีบเค้นลงแรงด้วย

ไฟแห่งราคะยามขยับเข้าใส่ ความรัดรึงตอดถี่ในช่องทางหยุ่นชื้นก็แสนจะเร่งเร้าให้ร่างกายตื่นเต้นจนเผลอปล่อยสุรเสียงออกมาเสีย

หลายคราว และไม่ว่าจะผาดโผนท่าใดเลอสรรก็ตอบรับได้ดีเหลือเชื่อ


                 “ขึ้นมาสิสรัล ข้ารอเอ็งอยู่”


               “อื้อ พี่รุทร ท่านี้มัน อ๊า...”


               ทรงพลิกกายที่บางกว่าให้ขยับขึ้นมานอนหงายทับอยู่บนวรกายแข็งแกร่งดังม้าศึก พญานาคราชย้อนเกล็ดขึ้นมาเข้าถ้ำเบื้อง

บนพลันเลื้อยเข้าออกอยู่ในโพรงล้ำลึก พระบาทเกาะเกี่ยวไปกับท่อนขาของเลอสรรแทนหลักให้ยึดยามที่เบื้องบนขยับรับเหมาะเจาะ

เสียงครางระงมก้องสะท้อนกลับไปมาจนเลอสรรนึกอายตัวเองหากแต่เขาก็กลั้นไม่อยู่จริงๆเมื่อจุดอ่อนไหวถูกกระแทกกระทั้น


                  “ซี้ดดด พี่รุทร ผมจะทนไม่ไหว อีกนิด...”


                  ดิ้นพล่านอย่างทุรนทุรายอยู่บนวรกายแน่นหนา ทรงใช้ข้อพระหัตถ์ช่วยกอดเกี่ยวเอวของเลอสรรไว้อีกข้างก็คว้าท่อนลำ

แล้วรูดรั้งช่วยเหลือ พระเจ้ารุทรชัยวรมันยกบั้นพระองค์พลางออกแรงไม่มีหยุดยั้งจนกระทั่งเลอสรรถึงกับเบิกตากว้างเมื่อร่างกายบิด

เกร็งโดยเฉพาะท้องน้อยและปลดปล่อยน้ำคาวขาวขุ่นอยู่เต็มอุ้งพระหัตถ์


                   “ข้าเองก็จะอดทนแทบไม่ไหว กายของเอ็งกำลังทำให้ข้าใกล้จะบ้า”


                 พึมพำด้วยเสียงกระเส่าสั่นพร่า ทรงดึงใบหน้าของเลอสรรที่ยังไม่เลิกหอบให้หันหน้ามารับจุมพิตหนักหน่วง บั้นพระองค์

ทำงานอย่างหนักในโถงถ้ำร้อนระอุ นาคราชยักษ์อหังการ์จนกระทั่งพ่นพิษออกมาอยู่เต็มถ้ำน้อย

                ทรงหยุดนิ่งเพื่อซึมซับความสุขสมปล่อยให้ร่างกายของเลอสรรตอดรัดพักใหญ่กว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นพระเจ้ารุทรชัย

วรมันจึงค่อยๆถอดถอนกายออกมา ของเหลวจากการกระทำหลั่งไหลติดตามเปรอะเปื้อนอยู่ตรงต้นขาแต่เลอสรรก็ไม่ได้สนใจเพราะสติ

ของเขายังเตลิดไปกับบทรักที่ไม่เคยพานพบ

                พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงประคองให้เลอสรรลงจากบนวรกายมานอนหงายหายใจรวยรินอยู่กลางเตียง นัยน์ตาสีดำขลับยังคง

ลอยคว้างแม้ว่าจะถูกสวมกอดจากร่างสูงใหญ่ที่ตะแคงกายนอนเคียงข้าง ทรงปลุกปลอบด้วยจูบที่ขมับเรียกสติกลับคืนมาให้เลอสรร


                 “ขอบคุณสวรรค์นักที่ส่งเอ็งมาให้ เมียรักของข้า”


                เลอสรรไม่ทันฟัง ความเหน็ดเหนื่อยจากบทรักทำให้เขาผล็อยหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดอบอุ่น แม้ว่าเพลานี้แสงสว่างจาก

ดวงอาทิตย์ยามอรุโณทัยกำลังฉายแสงแดงเรื่ออยู่บนขอบฟ้าก็ตาม





           “พี่รุทร พี่รุทร”


              ทรงลืมเนตรช้าๆเมื่อถูกปลุกจากร่างเปลือยที่มีผ้าผวยผืนบางปิดคลุมท่อนล่างไว้กันหนาว สีหน้าของเลอสรรดูยุ่งยากขณะ

สะกิดพระองค์ยิกๆ


              “มีเหตุใดรึสรัล ข้ายังคิดจะหลับต่อสักพัก”


              “คือว่า...”


              เลอสรรยิ้มเจื่อนก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ตั้งใจฟัง และเมื่อเลอสรรพูดจบก็ทรงมองราวกับขำขันเต็ม

ประดา


                  “เรื่องนี้เองรึ ข้านึกว่าจะมีเรื่องอื่นที่มากกว่านี้เสียอีก”


                  พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีผ้าม่านกางกั้นไว้ เลอสรรมองตามแล้วจึงรีบเดินกระย่องกระแย่งไปยัง

ส่วนนั้น เขาชะโงกหน้าไปมองพร้อมกับสีหน้าเลิ่กลั่ก


                “พี่รุทร นี่มัน ใช่หรือ”


                คนถูกเรียกผงกเศียรขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ทรงใช้พระหัตถ์ดันเศียรไว้ยามที่มองตามเลอสรรไป


              “มิผิดหรอกเอ็ง”


                “แต่นี่มันกระโถน” 


               “กระโถนก็ถูกต้องแล้ว หากเอ็งมิเยี่ยวลงกระโถนแล้วจะเยี่ยวที่ใด”


               “แล้วถ้าผมปวดอึ เอ๊ย ปวดหนักล่ะ” เลอสรรยังมีสีหน้าหันรีหันขวางพลางยืนบิดตัวเป็นเกลียว


               “ปวดหนักเอ็งก็ปล่อยตรงนั้น แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเก็บให้”


                แล้วไงอะมึงไอ้สรร ฉี่จะราด ของหนักก็มารออยู่หน้าถ้ำ แถมยังเจ็บตูดจากการถูกเบิ้ลไปอีก แต่ถ้ามึงไม่ปล่อยมึงได้

ลอะเทอะกว่านี้แน่

             จำใจต้องปลดปล่อยออกมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน เลอสรรพยายามดึงผ้าม่านมาบัง รวมทั้งเก็บกลิ่นอย่างที่สุด ดีที่มุมนี้เป็นมุม

โปร่งกลิ่นไม่พึงประสงค์จึงไม่ได้ลอยไปกระทบจมูกเจ้าของห้องมากนัก ลืมไปว่ายุคนี้ไม่มีห้องน้ำ เลอสรรคิดวางแผนว่าเขาจะแนะนำให้

พระเจ้ารุทรชัยวรมันสร้างส้วมหลุมให้เป็นที่เป็นทาง จะได้ป้องกันโรคระบาดด้วยในตัว เมื่อเห็นเลอสรรจัดการตัวเองเรียบร้อยพระเจ้า

รุทรก็ตบพระหัตถ์เบาๆ เพียงไม่นานบรรดานางอัปสราหน้าจิ้มลิ้มก็กรูกันเข้ามาในห้องเช่นเมื่อก่อนรุ่งสาง เลอสรรยืนมองสาวๆที่กำลัง

สาละวนเตรียมงานอย่างละลานตา นางหนึ่งเดินนวยนาดเข้ามาดึงแขนของเขา


               “สรงน้ำเพคะแม่อยู่หัว”


              ใครวะ แม่อยู่หัว


                 “เสด็จเถิดเพคะ เดี๋ยวองค์พ่ออยู่หัวจะทรงกริ้วหากช้า”


              “เอ๊ะ แต่ว่า ผมเพิ่งจะ...”


               เพิ่งจะปลดทุกข์กองมหึมาในกระโถน นางนั้นยิ้มหวานใส่เลอสรร

               “เรื่องนั้นเดี๋ยวพวกหม่อมฉันจัดการเอง เสด็จทางนี้เถิดเพคะ”

             ถูกลากแขนให้เดินตามไปยังห้องเล็กที่เชื่อมอยู่ด้านหลังของห้องพระบรรทม เลอสรรเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงเบิกบานอยู่

ในถังไม้ทรงกลมใหญ่โดยมีนางอัปสราขัดสีฉวีวรรณให้


              “มาแล้วรึเมียข้า มานี่สิสรัล”


                 กวักพระหัตถ์เรียกให้เลอสรรก้าวเข้าไปหา นางอัปสรารุนหลังให้เขาลงไปยังถังไม้บรรจุน้ำอุ่นกำลังดีไว้ เลอสรรได้แต่นั่ง

นิ่งให้นางอัปสราขัดโน่นถูนี่จนกระทั่งพวกนางพอใจจึงได้ยอมรามือ


           “มาหาข้าสิ”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 22:59:34 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #5 เมื่อ05-11-2016 23:02:11 »



                                                          อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                          บทที่ 5


                       พระเจ้ารุทรชัยวรมันกางพระอังสาออกกว้างให้เลอสรรขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง พลางวางท่อนพระพาหาพาดอยู่บนไหล่

ของเลอสรร


                “หายตกใจหรือยัง”


                “ตกใจเรื่องอะไรครับ เรื่องที่ผมทะลุมิติมาที่นี่ใช่ไหม”


              เลอสรรหันหน้าไปมองอย่างฉงนกับคำถาม พระเจ้ารุทรชัยวรมันขยับพักตร์รับ


              “ใช่ รวมถึงเรื่องที่เอ็งตกเป็นเมียของข้า”


               อย่าพูดบ่อยได้ไหม อายนะเว้ยที่เสียเชิงชาย เดี๋ยวจับกดแม่ง


               แต่ดูจากขนาดลำตัวแล้ว ถ้าคิดจะจับอีกฝ่ายกดเลอสรรคงต้องออกแรงขย่มน่าดู  ความคิดที่ว่าจึงยกเลิกโดยทันที


                “ก็พอจะทำใจได้แล้ว แต่ผมกำลังคิดว่าผมจะกลับไปสมัยของผมยังไง”


                สีพระพักตร์แปรเปลี่ยน พระหัตถ์ที่วางอยู่บนต้นแขนของเลอสรรบีบกระชับจนเขารับรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มจะ “ไม่ทรงโปรด” ในคำ

พูดของเขา


                “เป็นเมียข้าแล้ว เหตุใดต้องคิดกลับบ้าน บ้านของผัวก็เสมือนบ้านของเมียเช่นกัน รึว่าเอ็งมีใครที่บ้านของเอ็ง”


              มีใครงั้นหรือ ไม่มีหรอก เลอสรรเป็นเด็กกำพร้าโตมาในวัด และเพราะความใฝ่เรียนทำให้เลอสรรได้รับทุนการศึกษามาตลอด

ประกอบกับเวลาว่างเลอสรรก็จะรับจ๊อบทำงานพิเศษไม่มีเกี่ยงเขาจึงพอมีเงินใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่เดือดร้อน เรื่องความรักยิ่งไม่มี

ใหญ่ในเมื่อในแต่ละวันเลอสรรได้แต่เข้าห้องสมุดหรือออกไปสำรวจตามแหล่งอารยธรรมเก่ามากกว่าจะฟุ้งซ่านเรื่องหัวใจ


                    “ผมไม่ได้มีใคร แต่ผมยังเรียนไม่จบเลย เหลืออีกไม่กี่วิชาเอง”


                  บ่นอย่างเสียดายปริญญาที่กำลังจะได้รับ แต่พระเจ้ารุทรชัยวรมันกลับสนพระทัยเพียงแค่เลอสรรไม่มีพันธะ


                  “ดีแล้วสรัล เมื่อเอ็งไม่มีใครก็จงอยู่กับข้า เป็นเมียข้า ช่วยข้าดูแลแผ่นดินกว้างใหญ่นี้เถิด ในเมื่อสวรรค์ส่งเอ็งมาข้าก็จะถือ

เสียว่าเอ็งเป็นเนื้อคู่ เพียงข้าได้พบเอ็งแค่ราตรีเดียวข้าก็ไม่อยากให้เอ็งจากไป ฤาว่าข้าจะรักเอ็งเสียแล้ว”


                 “ใจง่าย” เลอสรรค่อนขอดพลางตวัดสายตาใส่


                “คนอะไรเจอแค่วันเดียวก็หลงรัก”


               “เอ็งรู้จักท่านพรหมไหม”


               เลอสรรกะพริบตาปริบๆพลางทบทวนความรู้จึงนึกขึ้นได้ว่าอาณาจักรขอมนั้นนับถือศาสนาฮินดูที่เผยแผ่มาจากชมพูทวีป

ท่านพรหมของพระเจ้ารุทรชัยวรมันคงจะหมายถึงพระพรหมนั่นเอง เลอสรรจึงพยักหน้ารับ


                  “ท่านพรหมส่งเอ็งมา ท่านลิขิตเอ็งให้ข้า ข้าจึงรักเอ็งแม้ว่าเราจะเพิ่งพบกัน”


                  ทรงเชยคางให้เลอสรรเงยหน้าขึ้นมา สายพระเนตรฉ่ำหวานจนเลอสรรเขินจัด


                  “อยู่กับข้านะสรัล”


                “ก็...”


               ยังไงดีวะไอ้สรร


               “ก็ได้”


               อยากจะกัดปากตัวเองเมื่อตอบรับไปโดยง่าย แต่เลอสรรก็ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ความล้ำลึกของความ

รู้สึกที่ทรงสื่อสารมาทำให้หัวใจของเลอสรรเต้นรัวจนแทบจะหลุดมานอกทรวงอก และอย่างยิ่งตอนนี้ที่ทรงแนบพักตร์ลงมาประทาน

จุมพิตเป็นรางวัลที่เขาตอบรับ เลอสรรกำลังคิดว่าเขาอาจตกเป็นเมียของพระเจ้ารุทรชัยวรมันเสียอีกรอบในอ่างสรงนี่เองถ้าภายนอกห้อง

สรงจะไม่มีเสียงขอเข้าเฝ้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

               พระเจ้ารุทรชัยวรมันถอนโอษฐ์ออกพร้อมกับพระพักตร์กริ้ว ทรงก้าวออกจากอ่างสรงอย่างรวดเร็วจนเลอสรรต้องรีบลุกตาม

และเพียงเขาก้าวไปยืนอยู่บนพื้น บรรดานางอัปสราที่รออยู่แล้วก็กระวีกระวาดมาเช็ดตัวแต่งองค์ทรงเครื่องให้เลอสรรอย่างชำนาญ และ

เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพลงแล้วเลอสรรก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่

               ตอนนี้เลอสรรแปลงร่างเป็นบุรุษแห่งเจนละอย่างเต็มตัวยกเว้นผมที่ยังสั้น เทริดที่สวมอยู่บนศีรษะมีน้ำหนักกว่าของเก่าที่เขา

ใส่มาจากอนาคต กรองคอที่ใส่อยู่บนแผ่นอกเปลือยเล่นลายฉลุอ่อนช้อยรวมถึงกำไลต้นแขนและกำไลข้อเท้ารูปพญานาค ทั้งหมด

งดงามแวววาวเพราะมันคือทองคำแท้ๆ ผ้านุ่งโจงยกรั้งถึงต้นขาทอด้วยไหมสอดดิ้นทองลานตา

               ส่วนพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนสง่าอยู่เคียงข้าง วรกายสูงแกร่งด้วยความสมบูรณ์เต็มที่ เกศายาวถึงกลางหลังมัดรวบเป็น

มวยเหนือเศียรปล่อยชายระพระศอ เครื่องประทับและพระภูษายิ่งงดงามกว่าที่เคยเห็นจนเลอสรรตะลึง ครั้นเมื่อทรงหันมาหาพลางคลี่

โอษฐ์แย้มสรวลน้อยๆประทานให้นั้นส่งให้พระองค์สง่างามยิ่งกว่าเทพบุตรมาจุติ


               “มาเถิดสรัล ได้เวลาที่ข้าจะต้องประชุมงานแล้ว”


               “ผมต้องไปด้วยหรือครับ”


               กลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยื่นพระหัตถ์มาให้เลอสรรได้

กุมไว้เพื่อเป็นแรงใจและพาให้เขาก้าวตามออกสู่เบื้องนอกห้องพระบรรทม เลอสรรถึงกับอ้าปากค้างในความโอ่อ่าหรูหรา เท้าทั้งสอง

แทบจะขัดกันจนล้มเมื่อเดินไปตามลาดพระบาทแล้วมีแต่คนหมอบกราบถวายบังคม

               กษัตริย์แห่งเจนละก้าวขึ้นสู่พระราชอาสน์ ส่วนเลอสรรนั้นนั่งอยู่บนตั่งเคียงอยู่ด้านฝั่งขวา ต่ำลงไปกลางโถงกว้างของท้อง

พระโรงฝั่งหนึ่งเป็นบรรดาขุนนางอีกฝั่งหนึ่งบรรดาเป็นพราหมณ์นั่งเผชิญหน้าเพื่อประชุมงาน แต่ละคนหมอบกราบหากแต่ก็แอบเหลือบ

ตามองมายังเลอสรรด้วยเพราะอยากรู้ว่าคนจากบนฟ้าที่ส่งมาเป็นคู่เคียงเขนยแด่พ่ออยู่หัวนั้นจะมีหน้าตาเช่นไร


               “มีเหตุใดเป็นเรื่องด่วนจนถึงกับต้องตามข้ามาในเวลาเช่นนี้”


               ยามประทับบนบัลลังก์เหนือแผ่นดินทรงจริงจังและเคร่งขรึมผิดจากยามประทับอยู่เคียงข้างบนแท่นพระบรรทมลิบลับ เลอ

สรรได้แต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้นพลางเหลือบตาไปทางพระเจ้ารุทรชัยวรมันบ้างเหล่าขุนนางบ้าง เขาเคยจินตนาการไว้ถึงการว่าราชการใน

ท้องพระโรงว่าจะเหมือนในหนังหรือไม่ เลอสรรไม่นึกว่าเขาจะได้มานั่งอยู่ในเหตุการณ์จริงเช่นนี้


               “ทูลพ่ออยู่หัว บัดนี้อ้ายจอมขมังเวทเวคินมันออกฤทธิ์อีกคราแล้ว ครานี้มันบังอาจเรียกฟ้าให้ผ่าที่ท้ายหมู่บ้านตรงปลายน้ำ

ให้ชาวบ้านมอบสิ่งของมีค่าให้มัน มิเช่นนั้นมันจะเรียกฟ้าให้ผ่าลงมากลางหมู่บ้านอีก”


               พระขนงดกดำเป็นปื้นเหนือพระเนตรคมของพระเจ้ารุทรชัยวรมันย่นเข้าหากันทันที ความเดือดร้อนของไพร่ฟ้าใต้การ

ปกครองสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้ครองนครเช่นพระองค์มากมายนัก ยังทรงนึกแปลกพระทัยกับความสามารถของจอมขมังเวทเวคินที่

ชื่อเสียงเรื่องความร้ายกาจของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและนับวันยิ่งทวีความเลวจนยากจะต่อกรแม้ว่าจะพระองค์จะมีทั้ง

พราหมณ์และผู้มีอาคมอยู่ใต้อาณัติจำนวนมาก หากแต่ไม่มีใครที่จะปราบเวคินลงได้


               “เจ็บใจนัก นี่ไม่มีใครทำอะไรมันได้เลยใช่ไหม”


               สุรเสียงโกรธกริ้วทำให้คนในท้องพระโรงหัวหดไปตามๆกัน ทรงยืนด้วยวรกายสูงสง่าและกวาดพระเนตรไปถ้วนทั่วแต่กลับ

ไม่มีใครเงยหน้ามาช่วยแก้ไขได้แม้แต่ผู้เดียว


               “ดีล่ะ ข้าจะไปดูทีรึว่ามันจะทำร้ายข้าได้หรือไม่ จงจัดขบวนม้าเร็วบัดเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปยังหมู่บ้านที่ไอ้เวคินมาอาละวาด”


               พระราชโองการจากพระเจ้ารุทรชัยวรมันมีผลทำให้เหล่าข้าราชบริพารกระวีกระวาดทำตามทันที ทรงหันพักตร์ไปหาเลอสรร

ที่ยังนั่งนิ่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีให้ลุกเดินมายังพระองค์


               “ตามข้ามาเถิด เราจะไปยังหมู่บ้านปลายน้ำเพื่อไปดูฤทธิ์ของไอ้เวคิน”


               เลอสรรติดตามเบื้องพระปฤษฎางค์ไปด้วยความตื่นเต้น ได้ยินพระเจ้ารุทรชัยวรมันตรัสถึงจอมขมังเวทเวคินให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง

ตั้งแต่พลัดถิ่นมา เลอสรรจึงอย่างจะรู้นักว่า บุคคลนามเวคินผู้นี้จะเก่งกล้าแค่ไหน


               “อะ เอ่อ ผมขี่ม้าไม่เป็น”


               เลอสรรหน้าซีดเมื่อเห็นม้าตัวใหญ่สีดำนิลขัดผิวมันขลับมาหยุดลงตรงหน้าเขา สีหน้าเลิกลั่กทำให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันแย้ม

สรวลด้วยความเอ็นดู


               “ข้ารู้ ต่อไปข้าจะหัดให้เอ็งขี่ม้าคล่อง แต่บัดนี้เอ็งขึ้นม้าไปพร้อมข้าเถิด”


               ทรงกระโดดขึ้นหลังอาชาประจำพระองค์อย่างคล่องแคล่วและส่งหัตถ์มาให้เลอสรรจับไว้ เขาจดๆจ้องๆพักหนึ่งจึงขึ้นตามไป

นั่งด้านหลังของพระเจ้ารุทรชัยวรมันด้วยความช่วยเหลือของทหาร หลังจากนั้นไม่นานขบวนของกษัตริย์ผู้ครองนครและทหารอีกราวสิบ

คนจึงมุ่งหน้าไปที่จุดหมาย


               เพราะเป็นม้าเร็วที่ฝึกมาอย่างชำนาญ ไม่นานนักขบวนม้าของพระเจ้ารุทรชัยวรมันจึงมาถึงหมู่บ้านที่แจ้งว่าเวคินมาสร้าง

ความเดือดร้อน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำที่ไหลผ่านไปยังที่ลุ่ม ครั้นเมื่อชาวบ้านเห็นพ่ออยู่หัวของตนเสด็จ

ลงมาจึงรีบมาหมอบกราบ ผู้นำของชาวบ้านจึงรีบเล่าเรื่องจอมขมังเวทเวคินให้พระองค์ทรงรับฟัง


               “มันมาพร้อมกับลมฝนและพายุบ้าคลั่ง ไอ้เวคินมันประกาศให้ชาวบ้านมอบทรัพย์สินและเสบียงให้มัน และพอมีคนขัดขืน

เพียงไม่นานมันก็ให้คนของมันมาจับตัวคนขัดขืนไปมัดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน จากนั้นมันก็เรียกลมเรียกฝนจนท้องฟ้าดำมืด เสียง

ฟ้าร้องฟ้าผ่าดังลั่น และฟ้าก็ผ่าลงมากลางต้นไม้จนกระทั่งคนที่มันจับไว้ตัวไหม้แกรียมตายในทันที พวกชาวบ้านหวาดกลัวมากจนต้อง

พากันมอบของมีค่าให้กับมันไป”


               ยิ่งฟังเหตุการณ์พระพักตร์ของพระเจ้ารุทรชัยวรมันก็ยิ่งบึ้งตึง แต่เลอสรรกลับรู้สึกแปลกใจ เขาเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น

ที่มีร่องรอยแตกหักของกิ่งไม้ ความสะกิดใจจากข้อมูลและความสงสัยทำให้เลอสรรเงยหน้ามองผ่านความหนาแน่นของใบไม้ขึ้นไปบน

ยอด พลันสายตาของเลอสรรก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง


               “พี่ครับ พี่ทหาร”


               เลอสรรเดินเข้าไปหาทหารคนหนึ่งที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเลอสรรสะกิดที่หัวไหล่และรีบทรุดตัวลงนั่งอย่างนอบน้อมทันที


               “แม่อยู่หัวมีรับสั่งประการใด”


               เลอสรรยิ้มเฝื่อน สงสัยว่าเขาจะต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะชินกับธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้ เลอสรรชี้ไปยังต้นไม้ต้นนั้น


               “พี่ทหารช่วยปีนขึ้นไปบนยอดไม้แล้วช่วยดูว่ามันมีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า ถ้ามีก็หยิบติดมือมาด้วยนะครับ”


               เมื่อกล่าวจบทหารคนนั้นก็รีบปีกขึ้นต้นไม้อย่างชำนาญ และใช้เวลาเพียงครู่เดียวเขาก็ปีนกลับลงมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง

แล้วรีบนำมาให้เลอสรร พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนมีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านทั้งหลายทอดพระเนตรอย่างแปลกพระทัยและรีบเสด็จมาหาเลอสรรทันที


               “มีอะไรรึสรัล”


               เลอสรรชูสิ่งที่อยู่ในมือให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงทอดพระเนตร


               “นี่มันแร่ทองแดงไม่ใช่รึ”


               แท่งยาวราวสองศอกปลายแฉก แน่นอนว่าทุกคนรู้จักดีเพราะพวกเขาใช้มันหล่อรวมกับทองเป็นเครื่องประดับที่เรียกว่า นาค


               “ทำไมมันจึงขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ได้”


               เลอสรรเองก็งงเหมือนกัน ถึงแม้ว่าบ้านเมืองในยุคเจนละจะเจริญในทุกๆด้าน หากแต่บางเรื่องก็ยังขาดความรู้อยู่บ้างอาทิ

เช่นเรื่องนี้ ถ้าเลอสรรอยู่ในยุคปัจจุบันของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “สายล่อฟ้า” และการที่เจ้าแท่งทองแดงนี้ขึ้นไปอยู่บน

ยอดไม้จนกระทั่งฟ้าผ่าอย่างแรงนั้นมันไม่ใช่มนตราอะไรทั้งสิ้น มันคือ “วิทยาศาสตร์” ชัดๆ


               สายลมพัดกรูพร้อมกับหอบผิวดินขึ้นมาจนกระจายคลุ้ง แดดยามบ่ายจัดมืดลงด้วยพยับเมฆดำทะมึน ความชื้นแผ่ปกคลุม

สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก พระเจ้ารุทรชัยวรมันเหลียวพักตร์ทอดพระเนตรจึงเห็นร่างของบุรุษผู้หนึ่ง

ปรากฏกายขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นดินคละคลุ้ง ชาวบ้านที่หมอบกราบพากันตัวสั่น จะหนีก็ไม่กล้าเพราะมีพระจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนอยู่ด้วย

               บุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาช้าๆ ด้านหลังมีลูกน้องตัวสูงใหญ่อีกหลายคนยืนอยู่เบื้องหลัง เขาคนนั้นเป็นชายวัยกลางคน ศีรษะเถิก

ไปครึ่งหัวและลงพุงเล็กน้อย เขาสวมใส่ผ้าพันรอบกายตล้ายวรรณะพราหมณ์แต่เป็นผ้าสีดำ ผมยาวมีสีดอกเลามัดเป็นมวยเหนือ

ท้ายทอย ดวงตาของเขาดูหลุกหลิกพิกล สีหน้าประสงค์ร้ายทำให้ทหารรีบรุดกันมาคุ้มกันพระเจ้ารุทรชัยวรมันทันที


               “เอ็งคือเวคินงั้นรึ”


               ตรัสเสียงเย็นพร้อมกับทอดพระเนตรอย่างประเมินความสามารถของอีกฝ่าย ดูทีแล้วพระองค์ยังมองไม่เห็นถึงความอหังการ์

อย่างผู้มีพลังในเวทจากชายตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว จะมีก็แต่ความยะโสโอหังเท่านั้น


               “ใช่แล้วพ่ออยู่หัว ข้านี่แหละเวคิน”


               ยืดอกแสดงความผึ่งผายแต่ไม่ได้น่ากลัวสักนิดสำหรับเลอสรรที่ยืนอยู่ไกลออกไปโดยที่ไม่มีใครสนใจนัก อาจเป็นเพราะเขา

เป็นคนแปลกหน้า แต่ก็ส่งผลดีกับการที่เขาจะเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างระแวดระวัง


               “เอ็งเป็นหมอผีที่เลวทรามต่ำช้า”


                 ทรงยกข้อพระหัตถ์ชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมตรัสบริภาษ เวคินแค่นหัวเราะอย่างไม่นึกเกรงอาญา


               “คนอ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด ในเมื่อพวกมันสู้ไม่ได้ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของข้า”



              “สามานย์นัก”


              พระเจ้ารุทรชัยวรมันพลันชักดาบคมออกจากฝักที่เหน็บอยู่ตรงบั้นพระองค์แล้วยกขึ้นชี้ไปที่เวคิน พระพักตร์เต็มไปด้วยความ

กริ้วโกรธา


              “ข้าจะกำจัดเอ็งเพื่อความสงบสุขของเจนละ”


            สิ้นเสียงของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน ทหารของพระองค์ก็กรูเข้าต่อสู้กับลูกน้องของเวคิน ส่วนเจ้านายทั้งสองฝ่ายจ้องมองห้ำหั่น

กันด้วยสายตา ดวงตาหลุกหลิกของเวคินกรอกไปมาก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นฟ้าเบื้องบนที่มีแต่เมฆครึ้มสีดำลอยต่ำปกคลุม ลมฝนพัด

แรงจนแสบตาจากนั้นจึงโปรยหยาดฝนเม็ดหนาลงมาบนผืนดิน เลอสรรมองเห็นเวคินยกยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

               เลอสรรจ้องมองเวคินพึมพำอะไรบางอย่าง ลมพายุพัดแรงจนแทบจะหอบข้าวของบนพื้นดินให้ลอยคว้าง เสียงฟ้าร้องและ

แสงสว่างแวบจากท้องฟ้าสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวบ้านที่จับกลุ่มกันให้ยิ่งขยับเข้าหากันด้วยความหวาดกลัว จอมขมังเวท

ยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างได้ใจพลันยกมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวก่อนจะเหวี่ยงแขนไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 23:07:09 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #6 เมื่อ05-11-2016 23:08:09 »



                                                               อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                           บทที่ 6


               ครืนนนน

               ฟ้าผ่าลงมาดังสะเทือนแก้วหู ผู้อยู่ในเหตุการณ์บ้างก็เอะอะบ้างก็กรีดร้องด้วยความตกใจ แต่เมื่อแสงและเสียงนั้นเลือนหาย

ไปรอยยิ้มของเวคินที่มองไปยังต้นไม้ต้นใหญ่กลางลานหมู่บ้านก็พลันจางหายไปด้วย เขาจ้องไปยังยอดไม้ด้วยความตระหนกที่มันยัง

ปลอดภัยจากฟ้าผ่า


                “มองหาไอ้นี่อยู่ใช่ไหม”


               เลอสรรชูแท่งแร่ทองแดงในมือขึ้นมาเรียกความสนใจจากเวคิน ดวงตาหลุกหลิกดังงูพิษเบิกกว้างขึ้นมาทันที


             “มันไปอยู่ที่มึงได้ยังไง แล้วมึงเป็นใคร”


               สำเนียงผิดเพี้ยนไปจากชาวเจนละที่หลุดออกมาพร้อมกับประโยคคำถามของเวคินเวลาลืมตัวยิ่งทำให้เลอสรรผิดสังเกตมาก

ขึ้นไปอีก แต่ในวินาทีวิกฤตินี้เขาจะมัวแต่สงสัยมากไม่ได้


               “ทำไม หวงเหรอ เพราะของคุณมาอยู่ในมือผมใช่ไหม ฟ้ามันถึงไม่ผ่าลงมาสร้างอภินิหารให้คุณ”


              เลอสรรกวนกลับอย่างย่ามใจ ถึงอย่างไรพระเจ้ารุทรชัยวรมันและทหารทั้งหลายก็ต้องคุ้มครองเขาอยู่แล้ว เลอสรรจึงลอย

หน้าลอยตายั่วเย้าอย่างไม่นึกกลัวเท่าใดนัก


               “สรัล ที่เอ็งพูดมานั้น เอ็งหมายถึงกระไร”


                พระเจ้ารุทรชัยวรมันรุดมายืนเคียงข้างและตรัสอย่างข้องพระทัย เลอสรรยักไหล่และหันไปโปรยยิ้มให้เวคิน


                “ก็หมายความว่า เขาเป็นแค่หมอผีเก๊ไงล่ะครับ อ้อ! เก๊แปลว่าไม่ใช่ของจริงน่ะครับพี่รุทร ที่ฟ้าผ่าลงมาบนยอดไม้ก็เพราะว่ามี

ทองแดงมัดอยู่บนยอด และแท่งทองแดงที่แหละที่เป็นตัวล่อให้ฟ้าผ่าลงมา ไม่ใช่เพราะวิชาอาคมอะไรเลย”


                 เสียงฮือฮาดังขึ้นแข่งกับเสียงสายฝนจากชาวบ้านที่ออกันเฝ้ามองเหตุการณ์ บ้างก็เชื่อที่เลอสรรพูดบ้างก็ยังครั่นคร้ามใน

ฤทธิ์เดชเวคิน ความอลหม่านนั้นทำให้เวคินกระสับกระส่ายหนักขึ้น


                     “ไอ้เด็กเลว มึงพูดอะไรของมึง กูนี่แหละเฮ้ย จอมขมังเวทเวคินผู้เรียกลมเรียกฝนได้”


                      “เหรอลุง งั้นก็ลองทำให้ฟ้าผ่าดูอีกรอบสิแล้วผมจะเชื่อ”


                ลมพายุเริ่มเข้าสู่ความสงบแล้ว พยับเมฆสีดำมืดเคลื่อนคล้อยไปจนเหลือเพียงเมฆหนาปกคลุมผืนฟ้าและโปรยปรายสายฝน

บางเบาไม่เหลือเค้าว่าท้องฟ้าจะแปรปรวนอีกครั้ง  เวคินกัดฟันแน่นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนมา เขาหันหาลูกน้อง

และออกคำสั่งทันที


                 “จัดการพวกมัน”


                ทหารของพระเจ้ารุทรชัยวรมันรอจังหวะอยู่แล้ว ทั้งสองฝั่งกรูเข้าหาปะทะห้ำหั่นด้วยคมดาบ ชาวบ้านที่ยังคงจับกลุ่มส่งเสียง

โห่ร้องจนเวคินหน้าซีดลงเรื่อยๆ เขาค่อยๆสืบเท้าก้าวถอยหลังทีละนิดเมื่อเห็นลูกน้องของตนเสียท่าเหล่าทหารไปทีละคน


                   “หยุด เอ็งจะหนีไปที่ใดไม่ได้ไอ้คนชั่ว”


                 พระเจ้ารุทรชัยวรมันประกาศกร้าว ทรงพุ่งองค์เข้าหาด้วยดาบประจำพระองค์แต่เวคินก็ชักดาบมาสู้ เหล็กกล้ากระทบกันเกิด

เป็นประกายไฟจนเลอสรรที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับใจเต้นรัวด้วยความเป็นห่วงพระเจ้ารุทรชัยวรมัน หากแต่เพราะปรีชาสามารถล้ำเลิศ ไม่นาน

เวคินก็อ่อนแรง ดวงตาหลุกหลิกเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหวาดกลัวและหาทางเอาตัวรอด  เขาตัดสินใจรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายยกดาบ

รับแรงกดจากพระเจ้ารุทรชัยวรมันก่อนจะปัดออกจนพ้นตัวและพุ่งเข้าหาเลอสรรทันที


                  “เหี้ย จะทำอะไรกู”


              หัวใจของเลอสรรหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเวคินตรงเข้ามาล็อคคอของเขาจากด้านหลังและจ่อด้านคมเข้าหาลำคอ พระเจ้ารุทร

ชัยวรมันสีพระพักตร์แดงก่ำด้วยความกริ้ว


                “ปล่อยสรัลเดี๋ยวนี้!”


                 เวคินแสยะยิ้มเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาคาดการไว้นั้นถูกต้องแล้ว เพราะการแสดงออกถึงความห่วงใยที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันมีต่อไอ้

หนุ่มหน้าตาดีคนนี้ทำให้เวคินรู้ว่าคนที่เขากำลังใช้เป็นตัวประกันนั้นคือบุคคลสำคัญของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน


             ได้ยินข่าวลือมาว่าทรงจัดพิธีขอพรจากดวงจันทร์เพื่อขอผู้มีบุญบารมีร่วมกันมาเป็นคู่ครองและเพื่อปราบตัวเขาเอง หากแต่

เวคินไม่นึกเท่านั้นว่าดวงจันทร์จะส่งผู้ชายมาให้กษัตริย์แห่งเจนละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาแปลกใจ เวคินส่งเสียงขู่ออกไปทันที


                “หลีกทาง ไม่อย่างนั้นข้าจะเชือดคอไอ้หนุ่มคนนี้ให้ตายคาดาบของข้า”


               “เลวชิบหาย พี่รุทรอย่าห่วงผม ฆ่ามันเลย”


               แม้ว่าเลอสรรจะตะโกนมาเช่นนั้น แต่เมื่อพระเจ้ารุทรชัยวรมันทอดพระเนตรคมดาบที่จ่อแนบลำคอของเลอสรรแล้วก็ทรงไม่

กล้ากระทำการบุ่มบ่าม ทรงยกหัตถ์ห้ามเมื่อทหารของพระองค์ทำท่าจะเข้าไปจัดการกับเวคิน


                “ถ้าสรัลบาดเจ็บแค่เพียงรอยเล็บข่วน ข้าจะฆ่าเอ็งทิ้งแล้วโยนศพให้แร้งกาแทะกิน”


                มีหรือที่เวคินจะสนคำขู่ เขาลากให้เลอสรรเดินถอยหลังมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงม้าตัวที่ใกล้ที่สุดโดยที่พระเจ้ารุทรมิกล้าบุก

เข้าหาเพราะเกรงภัยจะตกแก่เลอสรร เวคินบังคับให้เลอสรรขึ้นไปบนหลังม้าสีดำปลอดอันเป็นม้าประจำพระองค์ก่อนที่เขาจะกระโดด

ตามขึ้นไปซ้อนหลังและกระตุกบังเหียนให้ม้าควบออกไปทันที


               “สรัล!!”


              ทรงตะโกนก้องด้วยความเจ็บพระทัยที่เลอสรรถูกจับเป็นตัวประกัน พระเจ้ารุทรชัยวรมันรีบกระโจนขึ้นหลังม้าตัวอื่นและใช้ส้น

พระบาทกระแทกไปที่ลำตัวของม้าให้มันออกวิ่งติดตามเวคิน แต่เป็นเพราะเวคินได้ม้าของพระองค์ที่ได้ชื่อว่าเป็นม้าฝีเท้าเร็วที่สุดไป

พระองค์จึงได้แต่ทอดพระเนตรเวคินพาเลอสรรห่างไปเรื่อยๆ ทรงกัดโอษฐ์อย่างเจ็บพระทัยแต่ก็ไม่ย่อท้อที่จะติดตามไปช่วยเลอสรร




                เลอสรรตกใจและหวาดกลัวแต่เขาก็พยายามควบคุมสติตลอดระยะเวลาที่เวคินควบม้าหลบหนีการจับกุม มือหนึ่งของเวคิน

จับบังเหียนส่วนอีกมือหนึ่งก็ใช้คมดาบจ่อคอหอยของเลอสรรจนหวาดเสียวว่าจะเชือดเสียหลายครั้ง เวคินพาเขามาในหนทางกลางป่า

ลึกและตะวันก็คล้อยต่ำลงเรื่อยๆจนเห็นเพียงแสงสีส้มเย็นอยู่เหนือยอดไม้และกำลังจะลับหายไปในไม่ช้า


                “ปล่อยผมเถอะและยอมมอบตัวกับพี่รุทร เผื่อเขาจะยอมปล่อยคุณไป”


               ตัดใจจากความหวาดกลัวและเอ่ยหว่านล้อมออกไปให้คนเบื้องหลังได้ยินโดยไม่รู้เลยว่าเวคินกำลังย่นหัวคิ้วเข้าหากันเมื่อได้

ฟังคำพูดจาของเลอสรร เวคินกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างขณะที่ม้าประจำพระองค์พาทั้งคู่วิ่งผ่านป่าใหญ่เข้าสู่ลานกว้างและมีศาสน

สถานตั้งอยู่ เลอสรรจ้องมองพร้อมกับเบิกตากว้าง

              ปราสาทหินกำโพชสรี!


               จำได้ติดตาเมื่อเห็นสระน้ำกว้างและปราสาทหินที่ตั้งอยู่กลางน้ำ เวคินบังคับให้ม้าสีดำปลอดหยุดนิ่งหน้าบันไดพญานาคและ

บังคับให้เลอสรรกระโดดลงจากม้า เวคินยังคงแนบคมดาบลงไปที่ลำคอและผลักให้เลอสรรเดินนำขึ้นไปบนยอดของปราสาทหิน


              “โอ๊ย!”


                 ถูกผลักให้เซถลาเข้าหาแท่นหินกลางยอดของปราสาทหินที่เลอสรรคุ้นเคย หัวเข่าของเลอสรรกระแทกเข้ากับแท่นหินจน

เขาต้องร้องลั่นก่อนจะหันไปหาเวคิน


                “พี่รุทรจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆถ้าผมเป็นอะไรไป”


               “อย่ามาขู่กูไอ้เด็กเมื่อวานซืน”


                  เวคินดึงผ้าผืนยาวที่ใช้ห่มท่อนบนของเขาออกและใช้มันมัดมือทั้งสองของเลอสรรไว้ด้วยกัน เขาบังคับให้เลอสรรขึ้นไป

อยู่บนแท่นหิน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นจนเลอสรรผวา


               “มึงคิดว่ากูกลัวจนเยี่ยวขึ้นสมองแล้วสิ หือ ไอ้หน้าอ่อน”


               เวคินขยับตามขึ้นมาบนแท่นหินด้วยกิริยาคุกคาม เขาคลานเข่าขึ้นคร่อมไปอยู่บนร่างของเลอสรรที่ถูกผลักให้หงายหลังลง

ไป เลอสรรจำเป็นต้องหยุดนิ่งเมื่อดาบในมือของเวคินกลับมาจ่อที่คออีกครั้ง


               “คุณเป็นใครกันแน่”


               เลอสรรเค้นเสียงถาม เขาสบตากับเวคินที่กำลังมองกลับด้วยนัยน์ตาหื่นกระหาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์แค่นยิ้มจนหัวใจของเลอสรร

เต้นเร็วด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง


               “แล้วมึงคิดว่ากูเป็นใคร”


                  เวคินเลิกคิ้วถามกลับ ความยะโสโอหังกลับมาเยือนบนใบหน้าของเวคินทันที


                “ถ้าเดาไม่ผิด มึงต้องเป็นคนที่มาที่นี่ในวันทำพิธีขอพรจากดวงจันทร์ใช่ไหม สรุปก็คือ มึงเป็นเมียของไอ้รุทรที่มาจาก

กรุงเทพล่ะสิ”


                      เลอสรรเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเวคินพูดถึงกรุงเทพ เขาพยายามดิ้นรนแต่ก็ถูกเวคินกดทับน้ำหนักลงมา
   

                    “ทำไมถึงรู้จักกรุงเทพ บอกผมว่าคุณเป็นใครกันแน่”


                       “ก็เป็นคนที่มาจากที่เดียวกับมึงไง”  เวคินตะคอกใส่หน้า


                     “มึงคิดว่ามึงเป็นคนเดียวที่หลุดทะลุมิติมารึไง”


                     เลอสรรอ้าปากค้าง เขาจ้องมองเวคินอย่างเหลือเชื่อ


                   “มิน่าล่ะ คนที่นี่ไม่มีใครใช้ทองแดงเป็นสายล่อฟ้าอย่างที่คุณทำเพื่อหลอกลวงคนอื่นหรอก”


                    “มึงจะรู้อะไร” เวคินตวาด


                  “มึงไม่เข้าใจหรอกว่าคนที่ตั้งใจจะกระโดดสะพานตายในวันลอยกระทงอย่างกู แต่เสือกมาโผล่กลางสถานที่แปลกประ

หลาดน่ะจะรู้สึกยังไง”


                  เลอสรรสบตากับเวคิน ดวงตาของเวคินเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำเมื่อเผลอระบายความในใจออกมา


                  “กูเจ็บที่เมียทิ้งกู คนอย่างกูแม่งเป็นถึงดอกเตอร์นะโว้ยชีวิตกูทำไมต้องมาตกต่ำเพราะอีเมียดอกทอง กูทั้งเจ็บทั้งอาย

ไม่มีทางไหนที่จะทำให้มันหายไปได้นอกจากตายไปให้มันพ้นจากสายตาดูถูก กูกระโดดจากสะพานลงไปในแม่น้ำในวันลอยกระทงแต่

พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นตัวเองอยู่ในป่าเมื่อสิบสองปีที่แล้ว กูต้องหาทางเอาตัวรอดให้มีชีวิตอยู่และเรียนรู้ที่จะหาประโยชน์จากไอ้พวกโง่

เง่า ในที่สุดกูก็รู้ว่าควรจะทำอะไร”


                “สิบสองปีมานี้กูใช้ความรู้ที่กูมีให้เป็นประโยชน์ กูหลอกให้พวกมันหวาดกลัวด้วยสิ่งที่พวกมันไม่เคยเจอ ยกตัวอย่างก็แค่ไอ้

ทองแดงที่มึงเห็นนี่แหละและยังมีอย่างอื่นอีกเยอะ กูสั่งสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆจนกลายเป็นจอมขมังเวท ในโลกเก่ากูมันแค่ไอ้ขี้แพ้แต่ที่นี่

กูคือผู้ยิ่งใหญ่ โลกใบเก่ากูมีแต่หนี้ มีแต่คนปอกลอกไม่จริงใจ แต่ที่นี่กูมีสมบัติแก้วแหวนเงินทองผู้หญิงมาปรนเปรอ ทั้งหมดเป็นเพราะกูต้องการเอาตัว


รอดมันผิดตรงไหน”


                  “ผิด!”


                เลอสรรจำได้แล้วว่าเมื่อสิบสองปีก่อนมีข่าวว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งผิดหวังจากความรักที่ถูกภรรยาสวมเขาและ

หลอกเงินไปจนหมดตัว จึงได้กระโดดสะพานลงไปในแม่น้ำสายหนึ่ง แต่ทว่าไม่มีใครหาศพเจอและกลายเป็นบุคคลสาบสูญในที่สุด เลอ

สรรคิดว่าเวคินน่าจะเป็นคนเดียวกับเหตุการณ์นั้น


                 “การเอาตัวรอดของคุณไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสียหาย”


                 “ช่างกูเหอะ อยู่ที่นี่ขี้ยังเป็นทอง เรื่องอะไรกูจะกลับให้โง่ ว่าแต่ทำไมมึงไม่มาช่วยกูฮึ เราจะได้รวยไปพร้อมกัน”


                 เลอสรรหนาวสะท้านไปทั้งตัวเมื่อดวงตาของเวคินส่อแววกลับกลอก เขาวางดาบไว้ข้างลำตัวก่อนจะใช้มือบีบคางของเลอ

สรรไว้


                 “ไม่ ผมไม่ร่วมมือกับคุณ”


             เลอสรรโต้ตอบพลางดิ้นรนขัดขืน หากแต่ผ้าห่มกายฝืนใหญ่รัดข้อมือจนดิ้นไม่หลุด เขาเริ่มรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงที่กำลัง

คืบคลานเข้ามา


            “ปล่อยผม ปล่อยกูสิโว้ย”


                “หน้าตามึงก็ดีนี่หว่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้รุทรมันหลงมึงเพียงแค่ไม่กี่วันที่ได้เจอกัน ไหนๆแล้ว ขอให้กูลองหน่อยได้ไหม

ว่าจะดีจริงสมกับตำแหน่งแม่อยู่หัวหรือเปล่า”


            “เหี้ย อย่านะ”


              เลอสรรร้องลั่นอย่างขยะแขยงเมื่อเวคินก้มต่ำลงมาหา หัวไหล่ของเลอสรรถูกเวคินกัดจนเป็นรอย แขนทั้งสองที่ถูกมัดไว้โดน

รวบไว้เหนือหัว เวคินก้มหน้าลงไปอ้าปากครอบลานนมและครูดฟันเข้ามาจนเกิดรอยสีแดงก่ำน่ากลัว

               ผ้านุ่งถูกกระชากออกเผยให้เห็นเนื้อเนียนอยู่ภายใน เวคินใช้หัวเข่ากดลงไปตรงลิ้นปี่ของเลอสรรจนไม่อาจต่อกรได้


             “ผิวมึงนี่เนียนชิบหาย เห็นแล้วมันน่านัก ยอมให้กูเป็นผัวอีกสักคนก็แล้วกันนะ”


              ดวงตาเรียวเบิกกว้าง มือทั้งสองขยับดิ้นรนหากแต่มันก็ไม่หลุด เลอสรรพยายามต่อสู้เต็มที่ทั้งที่แทบจะมองไม่เห็นโอกาส

เวคินสบถอย่างเดือดดาลที่เลอสรรไม่ยอมละความพยศ เขาใช้กำปั้นชกลงมาเหนือหน้าท้องของเลอสรรจนกระทั่งเลอสรรหมดเรี่ยวแรง

เพราะความเจ็บปวด


               “พี่รุทร ช่วยด้วย”


                พึมพำเบาๆด้วยความอดสู ในเมื่อตกเป็นเมียของพระเจ้ารุทรชัยวรมันแล้ว เลอสรรก็ไม่ต้องการเป็นของใครอีก แต่ตอนนี้

เวคินกำลังจะทำให้เลอสรรหมดคุณค่าแปดเปื้อนราคี


              “ใครจะมาช่วยมึงได้วะ มานี่ มาให้กูเอาเสียดีๆ ทำตัวง่ายๆหน่อยจะได้ไม่เจ็บตัว”


              ต้นขาถูกแยกออกจากกัน เวคินปลดผ้านุ่งของตนออกและจ่อท่อนลำเข้าหาประตูเร้นลับทันที


             พี่รุทร ผมขอโทษที่ไม่อาจรักษาตัวให้พี่คนเดียวได้


                 หลับตาลงด้วยความปวดร้าว พร้อมกับเกร็งหนีการบุกจู่โจม เลอสรรกัดฟันจนห้อเลือดเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกข่มเหงจาก

คนเลวที่มาจากอนาคตเช่นเดียวกับเขา

              พลักกกก

               “โอ๊ย!!”


            เสียงอะไรบางอย่างดังแว่วเข้าหู พร้อมกับที่ความอึดอัดเพราะถูกกดทับบนลำตัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง เลอสรรรีบลืมตาแล้วกวาด

สายตาไปรอบๆทันที         






   
               
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 23:20:09 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #7 เมื่อ05-11-2016 23:21:13 »



                                                              อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                           บทที่ 7
 

              เวคินร่วงจากแท่นหินไปล้มคว่ำอยู่บนพื้น หัวใจของเลอสรรเต้นรัวด้วยความดีใจเมื่อเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนทอด

พระเนตรชายโฉดอย่างเอาเรื่อง และยังไม่ทันที่เวคินจะตั้งตัวก็ทรงกระทืบพระบาทใส่แผ่นหลังของเวคินแล้วเหยียบไว้กับพื้น เสียงร้อง

ลั่นดังขึ้นจากเวคินเมื่อลำตัวถูกกดเหยียบด้วยพระบาทใหญ่โต


               “พี่รุทร”


               เลอสรรพยายามจะลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะข้อมือยังถูกมัดติดกันและยังไม่หายจุกเสียดที่ถูกเวคินทำร้าย

พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงหันมาทอดพระเนตรด้วยความเป็นห่วง


               “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่สรัล หากเอ็งเจ็บมากกว่านี้ ข้าจะจับมันกุดหัวเสียให้สิ้น”


               เลอสรรส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาโล่งใจที่ตนเองยังไม่แปดเปื้อนราคีจากเวคิน พระเจ้ารุทรชัยวรมันยื่นหัตถ์ไปคลายปมผ้าที่

มัดมือให้เลอสรร แต่วินาทีนั้นเองที่เวคินฉวยโอกาสทีเผลอพลิกตัวกลับและยกเท้าถีบไปที่พระนาภีจนเสียหลัก ชายโฉดรีบลุกขึ้นและ

ถลาไปคว้าดาบของตนเองที่วางไว้บนแท่นก่อนจะกวัดแกว่งดาบใส่พระเจ้ารุทรชัยวรมัน


               “พี่รุทร ระวัง!!”


               เพิ่งสังเกตว่าพระเจ้ารุทรชัยวรมันมิได้ทรงถือดาบมาด้วย อาจจะเพราะรีบร้อนหรืออย่างอื่นเลอสรรก็สุดจะคาดเดา แต่ตอนนี้

เวคินกำลังได้เปรียบ ใบหน้าโฉดแค่นยิ้มอย่างได้ใจขณะจ้วงดาบเข้าใส่พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ได้แต่หลบคมดาบอย่างน่าหวาดเสียว


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันใช้สายพระเนตรแหลมคมจ้องมองการเคลื่อนไหวของเวคินจนกระทั่งหาจังหวะได้ ทรงพุ่งองค์เข้าใส่

แล้วยึดข้อมือแย่งชิงดาบจากเวคินที่ก็ยื้อยุดไม่ยอมแพ้ เลอสรรกัดปากด้วยความตื่นเต้น เขาเหลียวซ้ายแลขวาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้

เพื่อหาทางช่วย และแล้วดวงตาเรียวของเลอสรรก็โตขึ้นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกองอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นเขาจึงถลาไปคว้ามาทันที

               ชั่วเสี้ยววินาทีที่เวคินหมดความสนใจในตัวเขาเพราะกำลังต่อสู้กับพระเจ้ารุทรชัยวรมัน เลอสรรก้าวไปยังเบื้องหลังของเวคิน

และใช้สิ่งที่อยู่ในมือครอบลงไปบนศีรษะเถิกก่อนจะดึงจนกระทั่งมันรัดไปรอบลำคอของเวคิน พระเจ้ารุทรชัยวรมันรีบแย่งดาบมาจาก

เวคินทันที


               “อึก อะ อะไร มึงทำอะไรกู”


               “สำหรับคนเหี้ยๆอย่างมึงไง อยากปล้ำกูนักไม่ใช่เหรอ เอากางเกงในกูไปดมก่อนเถอะมึง”


               เลอสรรออกแรงดึงจนเวคินสำลักอากาศ แต่แล้วเวคินก็ยกข้อศอกแทงกลับมาด้านหลังใส่เลอสรรจนสะดุ้งสุดตัว พระเจ้ารุทร

ชัยวรมันเห็นดังนั้นก็ทรงเงื้อดาบขึ้นและฟันฉับไปที่ลำคอของเวคินเพียงดาบเดียว หัวของเวคินก็หลุดออกจากบ่า โลหิตสีแดงฉานพุ่ง

ออกมาราวกับสายน้ำก่อนที่ร่างไร้ศีรษะจะล้มไปกองกับพื้น

               เลอสรรอ้าปากค้าง เขาตระหนกตกใจกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นกับภาพหวาดเสียวตรงหน้า ใบหน้าของเลอสรรซีดเผือด

ราวกับกระดาษขณะจ้องมองหัวของเวคินที่ยังมีกางเกงในของเขาสวมอยู่กลิ้งหลุนๆอยู่บนพื้น ความตกใจกลัวทำให้เขาหน้ามืดและหมด

สติลงไปทันที







               “สรัล สรัล”


                เสียงอ่อนโยนชวนให้ใจสั่นดังอยู่แถวๆใบหูนี่เอง เสียงนั้นปลุกเลอสรรให้ตื่นขึ้นมา หากแต่เมื่อใกล้จะลืมตาตื่น ภาพน่ากลัวก็

พลันปรากฏในมโนสำนึกจนผวาเฮือก


               “โอย อย่ามาหลอกหลอนกูเลย”

               “สรัล สงบใจก่อนเถิด”


                  อ้อมกอดจากพระพาหาช่วยปลอบโยนให้เลอสรรคลายความกลัว แต่เขาก็ยังใจสั่นเมื่อนึกถึงภาพที่เวคินถูกพระเจ้ารุทรชัย

รมันฟันคอขาดกระเด็นต่อหน้าต่อตา ความหวาดหวั่นบนสีหน้าของเลอสรรทำให้พระเจ้ารุทรชัยวรทอดพระเนตรด้วยความสงสาร


            “ขวัญมาอยู่แต่ตัวนะเมียข้า บัดนี้เรื่องเลวร้ายแห่งเจนละจบสิ้นลงแล้ว ความสุขสงบของแผ่นดินกลับคืนมาเพราะเอ็งโดยแท้”


               เมื่อตั้งสติได้เลอสรรจึงค่อยคลายความกลัวลงและกล้าเงยหน้าสบตาเนตรคมของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน


               “มันตายแล้วใช่ไหมพี่รุทร ตายแน่ๆใช่ไหม มันจะไม่ลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ เอ๊ย ผีมาหลอกผมใช่ไหม”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันแย้มสรวลอย่างเอ็นดูกับกิริยาท่าทางของเลอสรร ทรงเชยคางมนไว้ในอุ้งหัตถ์ของพระองค์


               “มันตายแล้วสรัล แลหากมันจะลุกขึ้นมาเป็นผีสางมันก็คงจะมองไม่เห็นทางเพราะสิ่งที่เอ็งฝากไว้บนหัวมันได้บดบังเสียสิ้น

หรือว่าเอ็งอยากจะได้มันคืน”


               เลอสรรส่ายหน้าพรืด เขาไม่นึกเสียดายกางเกงในที่ครอบอยู่บนหัวของเวคินแม้แต่นิดเดียว นึกดีใจที่ในคืนวันนั้นพระเจ้ารุทร

ชัยวรมันทรงถอดมันออกและโยนทิ้งไว้บนพื้น จนกระทั่งเขากลับมาใช้ประโยชน์จากมันได้


               “เอ็งกลัวแลตกใจจนสิ้นสติ” ทรงเล่าประทานให้ฟัง


                “ข้าต้องแบกเอ็งขึ้นม้ากลับมายังวัง ปลุกเท่าใดก็ไม่ตื่นแม้แต่ยามที่นางอัปสรามาล้างกายให้ก็ยังหลับ”


               เลอสรรเพิ่งจะมีสติก้มไปสำรวจร่างกายตนเอง ตอนนี้เขาสะอาดหมดจดอยู่บนพระราชบรรจถรณ์(ที่นอน)  มีเพียงผ้าผืนบาง

ห่มคลุมท่อนล่างไว้หลวมๆ แต่ก็ยังเห็นร่องรอยที่เวคินทำร้ายร่างกายอยู่บนไหล่และเหนือราวนม พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ทรงมองตามถึง

กับกัดพระทนต์กรอดพลางเอื้อมหัตถ์ลูบไล้ไปตามร่องรอยนั้นอย่างเจ็บพระทัย


            “เห็นแล้วยิ่งแค้นนัก ข้านึกอยากจะไปลากซากของมันจากสระน้ำที่ปราสาทกัมโพชสรีขึ้นมาโบยด้วยแส้อีกสักพันครั้งที่มัน

บังอาจข่มเหงเอ็ง”


               สีพระพักตร์โกรธกริ้วแค้นเคืองทำให้เลอสรรยิ้มออกมาได้ เขาซุกตัวเข้าหาแผ่นอกแข็งแรงอย่างไม่นึกกระดากใจอีกแล้ว

พระเจ้ารุทรชัยวรมันแสดงให้เลอสรรรู้แล้วว่าทรงรักและพร้อมจะปกป้องเขาจากเหตุร้ายทั้งปวง และทำให้เลอสรรอยากจะฝากชีวิตอัน

โดดเดี่ยวของเขาให้บุรุษสูงศักดิ์ดูแลตลอดไป


               “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว พี่รุทรสบายใจเถอะ พี่ไปช่วยผมทันจากไอ้เลวที่มาจากที่เดียวกับผม”


               เลอสรรเล่าให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันฟังถึงที่มาของเวคิน ทรงสดับรับฟังอย่างตั้งพระทัยจนกระทั่งเลอสรรเล่าจบ


               “หากจะกล่าวไปแล้ว คงเป็นเพราะท่านพรหมส่งมันมาเช่นกัน เป็นเพราะมันหลุดมาจากเวลาของเอ็งเพื่อมาสร้างความเดือด

ร้อน ข้าจึงต้องขอพรจากท่านพรหมจนได้เอ็งมาช่วยปราบมัน หากไม่มีเอ็ง ใครจะรู้ถึงความฉ้อฉลของมันเล่า ขอบใจนะสรัล”


               ทรงกดพระโอษฐ์ลงไปที่กลางหน้าผากของเลอสรรอย่างอ่อนโยน เลอสรรซึมซับมันไว้จากบุรุษที่ภายนอกดูเข้มแข็งดุดันแต่

กลับปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเลิศ เลอสรรยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเขาตกหลุมรักพระเจ้ารุทรชัยวรมันเข้าเสียแล้ว


               “ไม่มีรางวัลให้ผมบ้างเหรอ”


               “เอ็งอยากได้สิ่งใดเล่าสรัล บนแผ่นดินเจนละข้าจักหามาให้เอ็งทุกอย่างที่เอ็งประสงค์”


               เลอสรรยกแขนคล้องไปรอบพระศอแล้วจึงช้อนสายตามอง นัยน์ตาของเขาฉ่ำไปด้วยความในใจที่ฉายออกมา


               “ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากพี่รุทรคนเดียวเท่านั้นครับ”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันสรวลออกมาอย่างถูกพระทัย ทรงยกเลอสรรให้ขึ้นมานั่งอยู่บนบนตักพร้อมกับทอดพระเนตรหวานตอบ

กลับจนเลอสรรชักจะเขินที่กล้าพูดความในใจออกไป


               “พูดดีเหลือเกินเมียข้า ต่อให้เอ็งไม่ขอข้าก็คิดจะยัดเยียดตัวข้าให้เอ็งอยู่แล้ว”


               ปลายข้อพระหัตถ์แตะไล้อยู่ตรงแก้มนุ่ม ทรงประทานจุมพิตลงไปกับเรียวปากอิ่มช่างเจรจา กลีบปากล่างของเลอสรรถูกดูด

เม้มทีละนิดก่อนจะครอบครองไว้จนหมด เมื่อพอพระทัยแล้วก็ถึงยอมปล่อยแต่กลับล่วงล้ำแทนด้วยพระชิวหาที่สอดเข้าไปช้าๆในโพรง

ปากหวาน


               “อื้อ อืมมม”


               เลอสรรเอียงหน้ารับ มือที่คล้องอยู่รอบพระศอโอบรัดเหนี่ยวรั้งให้จูบนั้นยิ่งล้ำลึก เขาตวัดลิ้นอุ่นชื้นที่แทรกซึมอย่างไม่ยอม

แพ้ เนื้อตัวร้อนรุ่มไปด้วยเลือดลมพลุ่งพล่านจนต้องเป็นฝ่ายผลักให้วรกายแข็งแกร่งเอนลงไปกับพระบรรจถรณ์  เลอสรรโน้มตัวลงไป

เบียดแนบแน่นพลางขยับต้นขาคร่อมไปกับพระโสณี(สะโพก)กว้างแกร่งและเบียดให้ความเป็นชายได้ทักทายกัน

               ผ้าพันกายหลุดลุ่ยจนไม่เหลือสิ่งใดขวางกั้น ปลายดาบถูไถจนเกิดไอร้อนฉ่ำชื้น เลอสรรที่อยู่ด้านบนขยับกายขึ้นให้


แผ่นอกเนียนเรียบของเขาอยู่พอดีกับโอษฐ์ของพระเจ้ารุทรชัยวรมันได้แตะปลายชิวหาลงบนยอดสีน้ำตาลและละเลงพระ

เขฬะ(น้ำลาย)ลงไปจนเปียกชุ่ม ยอดอกพุ่งชันตามแรงปรารถนาจนเลอสรรได้แต่จิกนิ้วลงไปในเส้นเกศาจนพระโมลี(มวยผม)หลุดลุ่ย


               “อา ดีเหลือเกินครับพี่รุทร”


               รำพึงรำพันจนต้องห่อปากไว้  เลอสรรขยับเอวตนเองบดเบียดไปกับท่อนขาหนั่นแน่น ปากทางสัมผัสอยู่กับถุงเนื้อแฝดของ

พระเจ้ารุทรชัยวรมันเริ่มอุ่นระอุเร่งเร้าให้เลอสรรเปิดทางรับงูใหญ่ให้เลื้อยเข้าถ้ำ


               “อืม แน่นมากเมียข้า”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันพึมพำอยู่กับแผ่นอกที่ยังไม่เลิกดูดดุนอย่างติดพระทัย ทรงวางหัตถ์ทั้งสองแนบไปกับแก้มก้นนุ่มมือของ

เลอสรรและขยายมันออกเพื่อให้งูยักษ์ขยับเข้าถ้ำได้โดยสะดวก ถ้ำน้อยคับแน่นแต่ก็ฉ่ำชื้นให้พระองค์ลอดผ่านเข้าไปได้ไม่ยากเย็นนัก

โถงถ้ำขยับตอดรัดไปรอบงูยักษ์จนอดไม่ได้ที่จะพุ่งพรวดเข้าไปเพราะอยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้


               “อื้อ พี่รุทร เสียวครับ”


               เลอสรรสูดปากเมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นที่ทะลวงเข้ามา เขากดเอวรับพญางูให้เข้ามาในถ้ำน้อยได้จนหมดทั้งตัว งูยักษ์ขยับ

ส่ายหัวเสาะหาของดีอยู่ในถ้ำจนกระทั่งพบเจอเหยื่อ งูยักษ์ไม่รอช้ามันพุ่งเข้าฉกโดยพลัน


               “โอย ไม่ทนแล้วโว้ย”


               เลอสรรร้องลั่น เขาดีดตัวเด้งผึงขึ้นมาทรงตัวอยู่บนพระโสณีของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน เลอสรรกดเอวลงไปแล้วหมุนวนให้

ความเป็นชายภายในกายนั้นได้ควงสว่านไปทุกส่วน เขากดกายย้ำลงไปกับจุดอ่อนไหวที่ทำให้แอ่งน้ำภายในไหลรินเปียกชื้นเพิ่มความ

ต้องการจนหน้ามืด


               “สรัล ข้าจะไม่ไหว ต้องการเอ็งเหลือเกิน จะทำอะไรก็ทำเถิดเมียข้า”


               ทรงกัดโอษฐ์เมื่อไฟราคะจุดติด พระเจ้ารุทรชัยวรมันยื่นหัตถ์ไปกอบกุมบีบเค้นยอดอกที่เต่งตึงชูชัน เลอสรรพริ้มตาจือปาก

พร้อมกันกับที่เขาเริ่มขย่มเอวลงไปเป็นจังหวะบนพระโสณีที่ขยับรุกอย่างไม่ยอมแพ้


               เสียงความฉ่ำชื้นกระฉอกสะท้อนอยู่รอบห้อง เลอสรรกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอเมื่อท่อนเนื้อกระแทกจุดอ่อนไหวต่อ

สัมผัส เลอสรรสะดุ้งเฮือกกับแรงสั่นสะเทือนจนต้องเกร็งท้องน้อยไว้ น้ำเมือกขาวขุ่นพุ่งพรวดออกมาจากแก่นกายของเขารดใส่อยู่เต็ม

พระนาภีของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่เม้มโอษฐ์แน่นเมื่อโถงถ้ำกำลังบีบรัดจนงูยักษ์ผวา


               ทรงเด้งองค์ขึ้นมาจากท่านอนและกอดรัดร่างเหนียวหนับด้วยเหงื่อของเลอสรรไว้ ก่อนจะฝังพระทนต์ลงไปที่ซอกคอของ

เลอสรร บั้นพระองค์ทำงานอย่างหนักขณะเร่งระบายความต้องการของพระองค์จนเลอสรรหัวสั่นคลอนอยู่ในอ้อมกอด แม้จะเพิ่งปลด

ปล่อยออกไปแต่เมื่อเจอพายุแห่งอารมณ์โหมใส่เลอสรรก็ถึงกับเตลิดไปอีกครั้ง มือหนึ่งคล้องพระศอไว้เป็นหลักยึดส่วนอีกมือก็คว้า

ความเป็นชายของตัวเองไว้และนวดเฟ้นไปพร้อมกับที่ถูกโจมตีในถ้ำน้อยเปียกชื้น


               “พะ พี่รุทร โอย มันจะแตก อีกรอบแล้ว”


               ครางลั่นเสียงกระเส่าแหบพร่า พระเจ้ารุทรส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะยันองค์ทรงยืนอยู่บนพระแท่นบรรทม ท่อนพระพาหาโอบ

รัดร่างของเลอสรรที่กอดเกี่ยวท่อนขาของเขาไว้กับบั้นพระองค์(เอว)ยามที่ถูกกดให้ทางลับถูกกระแทกด้วยแรงจากท่อนลำที่ร้อนไปด้วย

ไฟ


               “สรัล เมียข้า เอ็งนี่คือสวรรค์สำหรับข้าโดยแท้ ไปพร้อมกันกับข้าเถอะนะ”


               กระซิบเสียงแหบต่ำ ทรงจุมพิตเร่าร้อนจนปากของเลอสรรเปียกชื้น เสียงครางถูกดูดกลืนซึ่งกันและกันเหลือไว้เพียงเสียง

เนื้อกระทบกันดังลั่น พระวรกายร้อนฉ่าปวดร้าวไปหมดยามเมื่อเร่งเร้าให้ถึงสวรรค์


               “พี่รุทร อื้มม”


               “สรัลเมียรัก ข้า...”


               พรวดดด


               พญานาคพ่นพิษใส่โถงถ้ำพร้อมกับลาวาจากเลอสรรที่พุ่งในพระนาภีของพระเจ้ารุทรชัยวรมันอีกครั้ง  ทรงหยุดนิ่งค้างไว้เพื่อ

ให้ความสุขสมแทรกซึมได้อย่างเต็มที่ เสียงลมหายใจหนักหน่วงดังจากนาสิกแม้ว่ายังไม่เลิกจุมพิตด้วยเสน่หาจากบุรุษที่พระจันทร์ส่ง

มา


               “สรัล ข้ารักเอ็ง”


               “ผมก็รักพี่รุทรครับ”


               กระซิบบอกรักก่อนที่เลอสรรจะซบหน้าลงไปบนพระอังสา เขากอดรัดพระเจ้ารุทรชัยวรมันไว้ราวกับจะถวายชีวิตให้แด่

พระองค์ตลอดไป


               
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 23:27:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
«ตอบ #8 เมื่อ05-11-2016 23:27:58 »



                                                              อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ

                                                                      บทที่ 8 (ส่งท้าย)



                เลอสรรมองเงาที่สะท้อนอยู่ในพระฉาย(กระจก) เขาแทบจำตนเองไม่ได้เมื่อวันนี้เขาถูกแม่นางอัปสราทั้งหลายขัดสีฉวีวรรณ

จนผิวสีน้ำผึ้งยิ่งเนียนจนน่าสัมผัส และยังถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องครบครันตั้งแต่หัวจรดเท้า

               เทริดบนศีรษะในวันนี้อันโตกว่าวันไหนๆ อัญมณีเม็ดเขื่องประดับอยู่บนยอดส่องแสงแวววาวจนแสบตา กรองคอแผ่นใหญ่ฉลุ

ลวดลายจนแทบจะปิดมาถึงหน้าท้อง  ผ้านุ่งโจงยกรั้งอวดท่อนขางามทอสอดดิ้นทอง กำไลต้นแขนและกำไลข้อเท้าเป็นรูปพญานาค

ตั้งแต่หัวจรดหาง เลอสรรประเมินค่าไม่ถูกว่าตอนนี้ทั่วทั้งตัวประกอบด้วยทองคำทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่

               บานทวารถูกเปิดออก ปรากฏวรกายสง่างามราวกับเทพบุตรของพระเจ้ารุทรชัยวรมันก้าวเข้ามา นางอัปสราต่างยอบกาย

ถวายบังคมและหลีกทางให้กษัคริย์แห่งเจนละทรงยืนเคียงเลอสรร


               “หล่อจังพี่รุทร”


               คำชมเรียกรอยแย้มสรวลจนพระปรางปริ วันนี้พระเจ้ารุทรชัยวรมันก็ทรงเครื่องครบตามแบบขัตติยะประเพณี  พระเนตรคมที่

แสนดุยามมองผู้อื่น แต่เมื่อผู้นั้นคือเลอสรรพระเนตรนั้นทั้งอบอุ่นและหวานล้ำเสมอ


               “เอ็งก็งามนักสรัล”


               “จะชมกันเองอีกนานไหมครับ”


               เลอสรรหัวเราะชอบใจ ใบหน้านั้นยิ่งกระจ่างใสจนอดไม่ได้ที่จะต้องจุมพิต พระเจ้ารุทรชัยวรมันกุมมือของเลอสรรไว้แล้วตรัส

เสียงนุ่ม


               “พร้อมหรือยังสรัลเมียข้า”


               เลอสรรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อบรรเทาความตื่นเต้น ฝ่ามือเย็นกุมกระชับอยู่ในหัตถ์อุ่นเพื่อสร้างความมั่นใจ


               “พร้อมแล้วครับพี่รุทร”


               “ข้าดีใจที่มีวันนี้”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงจูงมือของเลอสรรให้ก้าวตาม หนทางจนถึงท้องพระโรงดูสั้นนักในความรู้สึกของเลอสรร และเมื่อ

ใกล้ถึงเสียงเป่าแตรและฆ้องชัยก็ดังกึกก้องไปทั่วพระราชวัง


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงปล่อยมือของเลอสรรให้นั่งลงบนตั่งด้านข้างก่อนที่พระองค์จะก้าวขึ้นไปสู่พระราชอาสน์ของเจ้าแผ่น

ดิน ประมุขแห่งพราหมณ์วัยชราก้าวมาด้านหน้าและถือสาส์นในมือเปิดอ่านเสียงดังทั่วท้องพระโรง


               “พระบรมราชโองการให้แต่งตั้งเอกอัครชายาในพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งผู้ปกครองเจนละอันยิ่งใหญ่ ทรงพระราชทาน

พระนามแด่เอกอัครชายาว่า พระเจ้าสรัลจันทรมันตรา อันหมายถึงผู้ได้รับการเลือกด้วยมนตราจากจันทรา ขอให้ทั้งพ่ออยู่หัวและแม่อยู่

หัวเคียงคู่กันชั่วกาลนานเทอญ”


               สิ้นเสียงประกาศ เสียงปี่แตรและฆ้องชัยก็โหมโรงประโคมอีกครั้งรวมถึงเสียงสวดมนต์อวยพระพรจากบรรดาเหล่าพราหมณ์

ที่มาร่วมในงานพิธีอภิเษกและเฉลิมพระยศ พระเจ้าสรัลจันทรมันตราทรงยืนและก้าวพระบาทไปยอบองค์หน้าพระที่นั่ง ทรงค้อมเศียรให้

พระเจ้ารุทรชัยวรมันรดน้ำจากพระสังข์ลงบนพระเกษาและเอื้อมหัตถ์ไปรับแผ่นทองจารึกพระสุพรรณบัฎจากพระเจ้าแผ่นดิน

                กษัตริย์แห่งเจนละก้าวพระบาทเคียงคู่เอกอัครชายาไปตามลาดพระบาทออกสู่ลานกว้างเบื้องหน้าพระราชวังซึ่งบัดนี้คับแคบ

ลงด้วยไพร่ฟ้าแห่งเจนละมารวมตัวกันเพื่อชื่นชมพระบารมี  พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงจูงพระหัตถ์พระชายาหมาดๆให้ก้าวขึ้นสู่แท่นพิธียก

สูง ทรงกวาดพระเนตรมองผู้คนทั่วหล้าที่หลั่งไหลมาวันนี้


               “ข้าดีใจที่มีวันนี้ สรัล”


               เลอสรรหรือพระเจ้าสรัลจันทรมันตราส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่ฝูงชนที่กำลังโห่ร้องแสดงความยินดี จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้แด่

พระสวามีที่วันนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข


               “พี่รุทรรู้ไหมว่าผมขออะไรจากพระจันทร์”


               เมื่อพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงส่ายพักตร์ เลอสรรจึงได้เฉลยให้ฟัง


               “ผมขอแค่ใครคนหนึ่ง ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ผม ขอบคุณเหลือเกินที่พี่รุทรคือของขวัญจากพระจันทร์”


               พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงกุมมือของเลอสรรไว้ ถึงแม้ว่าพระองต์กับเลอสรรจะพบกันด้วยอภินิหารแห่งมนตรา แต่สิ่งที่สะกดใจ

ของทั้งคู่ไว้ด้วยกันก็คือความรัก

               ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมพระบารมี พระเจ้ารุทรชัยวรมันจึงพระราชทานความสุขให้แก่ไพร่ฟ้าด้วยการจุมพิตเอกอัครชายา

ทรงเชยพระหนุ(คาง)ของพระเจ้าสรัลจันทรมันตราและแนบโอษฐ์ลงไป แม้จะขัดเขินที่ต้องแสดงความรักต่อหน้าผู้คนมากมายแต่พระ

เจ้าสรัลจันทรมันตราก็ทรงจุมพิตตอบกลับอย่างเต็มพระทัย ทรงสัญญากับองค์เองว่าจะรักและมอบชีวิตให้แผ่นดินเจนละตลอดไป




                                                  จบบริบูรณ์



                                :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ สนุกดี ถ้ายาวกว่านี้อีกหน่อยจะอินกว่านี้อีก
คนเขียนจะแต่งตอนพิเศษเพิ่มไหมคะ
(ถ้าจะกรุณา อยากอ่านความเป็นไปในยุคปัจจุบันหลังจากเลอสรรตกน้ำ
แล้วก็การพัฒนาความเป็นอยู่ยุคขอมโบราณโดยแม่อยู่หัวยุคสองพัน 55
แล้วเรื่องผู้สืบราชสมบัติล่ะคะ)

 :pig4:  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่เคยอ่านเรื่องที่เป็นคําราชาศัพท์แบบนี้เลย
เพราะอ่านไม่เก่ง แต่ก็ตั้งใจอ่านจนจบ
อยากจะบอกว่าสุดยอดมาก เขียนได้ดีมากๆ
การบรรยายในทุกๆฉากลื่นไหล และทำให้รู้ว่า
ความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ถึงจะได้พบเจอกันไม่กี่วัน
แต่ก็สามารถรักได้เต็มหัวใจ และสามารถฝากชีวิตไว้ได้
ขอบคุณที่แบ่งปั่น

 :กอด1:


ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ปกติไม่ค่อยชอบนิยายแนวโบราณแบบนี้นะ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ บรรยายได้ดีมากค่ะแบบนึกภาพออกเลย ส่วนตัวเราอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงวรรณคดีเรื่องอิเหนานะคิดว่าบรรยากาศน่าจะคล้ายๆกัน ตอนแรกก็คิดว่าตอนจบเลอสรรจะกลับมาซะอีกแต่ก็เปล่า แปลว่าอยู่ที่นั่นตลอดเลยสินะ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยย
เขียนภาษาดีจัง
ชอบๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สุดยอดเช่นเคย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพิ่งได้อ่าน สนุกๆๆๆ
แอบอยากรู้เหมือนกันว่าแล้วที่โลกปัจจุบัน เพื่อนๆ ทำไงกับเลอสรรคที่หายไป

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ทรงพระร้อนแรงยิ่งนัก :pighaun:

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
สนุกมากกกกค่ะ ชอบๆๆๆ
แต่พี่รุทรหื่นมากกกกกนะคะ อิอิ :hao7:
ครองคู่กันไปนานๆนะพี่รุทร สรัล~~

ปล..มีตอนพิเศษหลังจากนี้มั้ยคะ? ช่วงฮันนีมูนไรงี้~~ :hao6:

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกดีค่ะ สรรน่ารักดี

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ชอบๆ อ่านแล้วเพลินมากอ่ะ  :katai2-1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ katekay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:สุดยอดๆๆๆ ชอบมากๆ ภาษาสวย คือดีงามมมมม ชอบๆๆๆ :mew1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เลอสรรลืมธีสีสที่ยังทำไม่เสร็จไปล่ะมั๊ง ฮ่าๆๆๆ

ขอบพระใจคนเขียนมากๆ

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ขอสารภาพว่าอ่านฉากเปิดเรื่องไม่เข้าใจ แหะๆ อ่านไปถึงฝันเปียก ห๊ะ ฝันเปียกอะไร กลับไปอ่านใหม่ อ้ออออ มันคือฉากมุดถ้ำนี่เอง  :o8:

สนุกดีค่ะ เขียนเป็นเรื่องยาวได้เลย เล่าถึงชีวิตคู่ที่จำเป็นต้องมีสนมมีลูก ช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ได้จารึกในประวัติศาสตร์ จนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน(ที่ไม่มีนายเอกแล้ว)

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
สนุกมากค่ะ แอบอยากให้เป็นเรื่องยาว

ออฟไลน์ noonit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกค่ะ ภาษาสวยยยย สนใจแต่งเรื่องแนวนี้เป็นเรื่องยาวไหมคะ
น่าอ่าน

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบยุคนี้มากๆเลย แต่งได้สนุกและน่ารักมาก
อยากอ่านต่อๆ :ling1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เขินนนน

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
ทำคนอ่านสูบฉีดกันดีจริงๆเลยค่ะ 555555555
ทำไมเรื่องนี้ พอใช้ เอ็ง ข้า กู มึง แล้วมันดูกิ๊วก๊าว มาเมียคงเมียข้า โอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด