♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)  (อ่าน 82466 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2017 16:26:19 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #1 เมื่อ23-11-2016 19:26:35 »







ข้าว - การิน

กราฟิกดีไซน์เนอร์ เป็นอาชีพที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝัน และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
นายการิน พิริยะดิษย์ หรือ ‘ข้าว’ เป็นหนึ่งในกราฟิกดีไซน์เนอร์ของบริษัทผลิตเกมชื่อดัง
แต่ที่มีดีกว่านั้นคือเคยเป็นอดีตเดือนคณะดิจิทัลอาร์ตมาก่อน ถึงหน้าตาจะไม่ได้หล่อคม
แต่หล่อแบบเกาหลีนะใช่ นี่ไม่ได้ชมตัวเอง คนอื่นชมทั้งนั้น ถึงตอนนี้อายุจะล่วงเลยมาจนถึงเบญจเพศ
แล้วแต่ยังไม่มีแฟนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเลย ก็พี่ชายน่ะ หวงเขายิ่งกว่าอะไรดี!





แฮงค์ - ปรานต์

บาร์เทนเดอร์ อาจจะเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นเพียงงาน
อดิเรกที่อยากทำเพื่อหารายได้ใช้จ่ายส่วนตัวในเรื่องฟุ่มเฟือยเท่านั้น ถึงจะเรียนหนักยังไงก็
สามารถเจียดเวลามายืนหล่อชงเหล้าได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าถามถึงแฟนเหรอ ไม่มีหรอก แต่คน
ที่แอบชอบน่ะมีแน่ๆ แต่เขาไม่เคยรู้ตัว อีกอย่างที่ปวดใจคือ แม้จะมีดีกรีเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย
ยังไม่สามารถดึงดูดสายตาของคนๆ นั้นได้เลย ให้ตายเถอะ! อ้อ ลืมบอกไปเลย
ผมชื่อ นายปรานต์ อัศวะชาญชัย เรียกสั้นๆ ว่า ‘แฮงค์’ ก็ได้... ดูเป็นคนคออ่อนฉิบหาย




'แอบชอบ' แต่เขาไม่รู้ตัว
'แอบตีสนิท' แต่เขาไม่คิดอะไร
'แอบรัก' เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีวะ
มอมเหล้าแล้วปล้ำเลยดีไหม?







เข้าไปเวิ่นเว่อกับเราที่เพจได้น้า https://www.facebook.com/Ch0cmint/









เริ่มเมา
• เมาครั้งที่ 1 •
• เมาครั้งที่ 2 •
• เมาครั้งที่ 3 •
• เมาครั้งที่ 4 •
• เมาครั้งที่ 5 •
• เมาครั้งที่ 6 •
• เมาครั้งที่ 7 •
• เมาครั้งที่ 8 •
• เมาครั้งที่ 9 •
• เมาครั้งที่ 10 •
• เมาครั้งที่ 11 •
• เมาครั้งที่ 12 •
• เมาครั้งที่ 13 •
• เมาครั้งที่ 14 •
• เมาครั้งที่ 15 •
• เมาครั้งที่ 16 •
• เมาครั้งที่ 17 •
• เมาครั้งที่ 18 •
• เมาครั้งที่ 19 •
• เมาครั้งที่ 20 •
• เมาครั้งที่ 21 •
• เมาครั้งที่ 21.5 •
• เมาครั้งที่ 22 •
• เมาครั้งที่ 23 •
• เมาครั้งที่ 24 •
• เมาครั้งที่ 25 •
• เมาส่งท้าย •


• ตอนพิเศษ 01 •


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2017 11:27:36 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #2 เมื่อ23-11-2016 20:11:59 »

มาเกริ่น เรียกน้ำย่อยหรอ น่าสน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ได้เลย ตามต่อด้วยคน
นี่เดือน ชน เดือน เลยนะเนี่ย  :mew1: :mew1: :mew1
ลายเส้น Alcohol Addict สีสวยนะ
แต่มีที่ผิด มีตัว o โผล่เพิ่มมาจอยด้วย
เลยเป็น Alocohol Addict
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2016 20:18:52 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เริ่มเมา -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #3 เมื่อ23-11-2016 20:17:02 »

- เริ่มเมา -




ชีวิตที่แสนสุขสบาย ทำงานอยู่ที่บ้านแต่ได้เงินเดือนสวยหรูอย่างที่ใครๆ ต้องอิจฉา แต่สิทธิพิเศษนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่าผมเป็นน้องชายเจ้าของบริษัทผลิตเกมที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ในประเทศ และด้วยความที่ 'พี่ต้น' เป็นโรคขี้หวงเข้าไส้นั่นเองที่ทำให้ 'ข้าว' เหยียบออฟฟิศแค่เดือนละหนึ่งครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่มีประชุม

หน้าที่การงานรับผิดชอบคือ 'Graphic Designer' ออกแบบ Scene, Interface และงาน Art work ต่างๆ ที่จำเป็นในการโปรโมท ดีหน่อยที่เป็นหัวหน้าทีมเลยทำการวางแผนกระจายงานและตรวจงานมากกว่า

ในตอนนี้ผมกำลังนั่งเอกเขนกอยู่ที่ชานบ้านริมสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนั่งเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีมาตลอดทั้งวัน ถ้วยน้ำชาในมือส่งกลิ่นมินท์อ่อนๆ ทำให้อารมณ์ดีขึ้นตามลำดับ

ไม่นานนักเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นพร้อมกับสัตว์สี่เท้าตัวสีขาวสะอาดกระโจนเข้ามาหา ผมรีบวางถ้วยน้ำชาลงแล้วรับมันไว้ในอ้อมกอด เจ้าหมาพันธุ์ซามอยด์ตัวยักษ์นั่นเอง มือเรียวถูกเอื้อมไปลูบหัวมันด้วยความมันเขี้ยว ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และขนฟูทำให้ 'บับเบิ้ล' ดูน่าฟัดเอามากๆ

บับเบิ้ลตะกุยตะกายพยายามขึ้นมานั่งบนตักทำให้ผมต้องยืดตัวหนีเป็นพัลวัน ลิ้นสากสีชมพูเข้มแลบออกมาหมายจะเลียหน้ากัน ไม่ไหวแล้ว... ถ้าจะโถมตัวมาหากันขนาดนี้จะหงายหลังแล้วนะเว้ย

"โอย บับเบิ้ลอยู่นิ่งๆ"
ผมโวยเสียงไม่ดังนักแต่เจ้าหมายักษ์ก็ลดความกระตือรือร้นลงไปมากกลายเป็นใช้หัวนอนหนุนตักกันแล้วส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ ไอ้หมาขี้อ้อนเอ้ย ทำตัวน่ารักจนทำโทษไม่ลงตลอดเลย

"ไอ้ข้าว"
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันไปมองก่อนจะยิ้มทักทายคนมาใหม่อย่างเป็นมิตร 'จุ้น' คือเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทำงานเป็นฝ่าย 'Character Designer' บริษัทเดียวกัน ที่วันนี้มาเหยียบบ้านได้เพราะเป็นวันหยุดพักผ่อนเสาร์และอาทิตย์นั่นเอง

"ว่าไงมึง วันนี้ถ่อมาซะบ่าย"
ผมเอ่ยทักทายมันก่อนจะมองตามบับเบิ้ลเคลื่อนตัวลงไปนอนหลับตาพริ้มข้างๆ เก้าอี้ ไอ้จุ้นทิ้งตัวลงนั่งแล้วเอนหลังพิงพนักอย่างหมดแรง ถ้าเดาไม่ผิดคงเพิ่งผ่านสมรภูมิแก้งานมาแหงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็โดนพี่ต้นที่กำลังจัดสวนอยู่หน้าบ้านใช้งานเอา

"มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว... กว่าจะผ่านด่านพี่ต้นมาได้กูเกือบคลาน เชี่ย"
มันบ่นเสียงไม่ดังนักเพราะประตูกระจกด้านหลังพวกเรายังคงแง้มอยู่ ดวงตาคมเหลือบมองไปรอบๆ สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา และผมเพิ่งสังเกตว่าเพื่อนสนิทมีเหงื่อออกจนแผ่นหลังและเส้นผมเปียกลู่ไปหมด

"โดนใช้จัดสวนอีกอะดิ"
ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างรู้ทัน เพราะวันเสาร์พี่ต้นจะชอบจัดสวนหน้าบ้านเป็นงานอดิเรก และไอ้จุ้นจะดวงซวยทุกครั้งที่มาหากันแล้วโดนใช้งานประจำ มาเวลาไหนไม่มาดันมาเวลาที่พี่ต้นกำลังทำสวน ขนาดเปลี่ยนเวลามาก็ยังซวย คราวหลังผมคงต้องโทรไปรายงานความคืบหน้าก่อนแล้วมั้ง สงสารเพื่อน

ไอ้จุ้นมองผมตาขวางก่อนพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาแล้วคว้าแก้วน้ำเย็นของผมไปดื่มอักๆ ด้วยความกระหาย เห็นแบบนั้นแล้วก็อยากไล่ให้ไปอาบน้ำก่อน แต่ดูท่าทางจะมีเรื่องด่วนมาคุยด้วย

"ทำไมกูซวยได้ทุกอาทิตย์เลยวะ"
มันวางแก้วน้ำลงแล้วใช้หลังมือเช็ดปาก ผมไหวไหล่เพราะไม่สามารถให้คำตอบมันได้ คงต้องพาไปทำบุญล้างซวยบ้างแล้วล่ะ

"เออ วันนี้เฟรนด์ชวนไปกินเหล้าที่ร้าน 'Addict' ว่ะ มึงจะไปปะ"
ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อฟังจบ นานทีปีหนเพื่อนเก่าจะชวนกันไปนั่งร้านเหล้า ไม่ค่อยชอบสถานที่อโคจรสักเท่าไหร่แต่ก็ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เหมือนกัน เรียกว่าดื่มเป็นกะสายก็พอยังไม่ถึงกับเป็นนิสัย แถมยังคอทองแดงอีกด้วย ถ้าดื่มเป็นนิสัยคงเปลืองเงินน่าดู

"คึกอะไรชวนไปกินเหล้าวะ ก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปที่แบบนั้น"
ผมว่าก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง ไอ้จุ้นหันมายิ้มเผล่ให้กันก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆ แล้วส่งมาให้ดู มันเป็นภาพร้านอาหารกึ่งผับที่เพิ่งเปิดใหม่ได้สักสองอาทิตย์ โดยมี 'ยัยเฟรนด์' เป็นหุ้นส่วนของร้านร่วมกับแฟนของมัน เหตุผลง่ายๆ ที่ชวนไปคงเพราะอยากให้ไปนั่นล่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก บรรยากาศร้านเป็นแนวอบอุ่น ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่

"ไปหน่อยน่า เพื่อนจะได้มีกำลังใจ"

สุดท้ายผมก็ตอบตกลงไปง่ายๆ โดยนัดกันไปเจอที่ร้ายตอนหนึ่งทุ่มและบอกเฟรนด์ไว้เรียบร้อย เพราะได้ข่าวมาว่าร้านแน่นขนัดแทบจะทุกคืน... ที่เลวร้ายสุดๆ คือ มีสาวๆ ไปนั่งเฝ้าบาร์เทนเดอร์ร้านมันเป็นโขยง คงหล่อมากมั้งนั่น อดีตเดือนคณะอย่างผมชักอยากเห็นหน้าว่ะ

หลังจากที่จุ้นกลับไปตอนสี่โมงผมก็เดินจากริมสระน้ำกลับเข้าในตัวบ้านโดนที่ไม่ลืมเรียกบับเบิ้ลให้ตามมา พี่ต้นกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก็แหงล่ะ หนังเรื่องโปรดอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังฉายรีรันอยู่พอดี

ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาพร้อมด้วยบับเบิ้ลที่กระโดดขึ้นโซฟาแล้วนั่งตัวตรงมองหน้าจอทีวีอย่างสนอกสนใจ ด้วยความมันเขี้ยวเลยแอบดึงหูมันเบาๆ ให้รำคาญเล่นก่อนที่มันจะทิ้งหัวลงบนตักผมแล้วเอาแต่ถูไถไปมา

"อ้อนจังนะไอ้บับเบิ้ล ทีกับพี่แม่งเมินตลอด"
พี่ต้นหันมาเบ้ปากใส่ไอ้ยักษ์ที่นอนเกยตักผมอย่างสบายใจ มันเหลือบตากลมๆ มองเจ้าของที่แท้จริงก่อนจะเมินใส่ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ก็นี่ล่ะนะ เจ้าของไม่ทะนุถนอมกันเท่าที่ควร หมามันเลยไม่สนใจแบบนี้

"หัวเราะๆ มีความสุขมากหรือไงเรา"
พี่ต้นชี้หน้าคาดโทษกันแล้วส่งมือมายีหัวจนยุ่งเหยิงไปหมด แต่ถึงจะโดนดุก็ไม่หวั่นหรอก ก็เขาน่ะใจดีจะตายไป

"พี่ต้นชอบดุมันนี่หว่า บับเบิ้ลก็เมินดิ"
ผมว่าเสียงกลั้วหัวเราะเลยโดนเขกหัวไปหนึ่งที แต่อย่าหวังว่าจะร้องโอดโอยอะไรนะก็พี่ต้นมือเบาจะตาย รักผมยิ่งกว่าอะไรดี แถมยังห่วงอย่างกับเป็นสาวๆ ใครมาจีบหน่อยก็ไม่ได้เป็นกันท่าทุกทีไป แล้วเมื่อไหร่น้องชายจะมีแฟนหืม...

"แล้วคืนนี้จะไปกินเหล้ากับไอ้จุ้นเหรอ ให้พี่ไปด้วยไหม"
ความหวงน้องชายเริ่มปรากฏอีกแล้ว ผมส่ายหน้ารัวก่อนจะดันมือใหญ่ออกจากหัวแล้วคลี่ยิ้มสดใสส่งไปให้ ไม่ตาพร่าให้มันรู้ไป

"ปล่อยผมไปกับเพื่อนบ้างเหอะน่า ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเว้ย เบญจเพศแล้วเนี่ย"
ผมว่าเสียงทะเล้นแต่โดนพี่ต้นแยกเขี้ยวใส่ เขาก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ยังมองว่าน้องชายยังเหมือนเด็กน้อยที่ต้องได้รับการดูแลอยู่เหมือนเดิม ทั้งที่เราห่างกันแค่สี่ปี... ก็วัยไล่เลี่ยกันปะวะ แถมผมยังเป็นผู้ชายสูงตั้งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ไม่ได้ตัวบางร่างน้อยเลยด้วยซ้ำ จะผู้หญิงหรือเกย์หรือไบเซ็กซ์ชวลเข้ามาจีบก็พร้อมรับมือทั้งนั้นล่ะน่า

"เออๆ อย่ากลับดึกมากล่ะ ถ้าไม่ไหวก็โทรมา พี่ไปรับเอง"

"รับทราบครับคุณการันต์!"
ผมยกมือขึ้นทำท่าตะเบะเหมือนทหาร พี่ต้นหลุดหัวเราะก่อนจะหันกลับไปสนใจแฮร์รี่พอตเตอร์ของเขาต่อ โทรศัพท์มืถือในกระเป๋ากางเกงสั่นรัวจนต้องรีบล้วงมันออกมากดดูแล้วก็เจอเข้ากับแจ้งเตือนข้อความเข้าจากแอพพลิเคชั่นแชทยอดฮิตสีเขียวมะนาวเต็มหน้าจอ

เฟรนด์ดี้
- ไฮ ~ คุณข้าว เย็นนี้แกจะมาร้านฉันใช่ปะ? 17:00
- พอดีว่าฉันไม่ว่างอะ เดี๋ยวให้น้องชายต้อนรับแทนนะ 17:00
- ตอนสองทุ่มจะไปหาที่โต๊ะแล้วกันนะ 17:01

ผมอ่านข้อความจบแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จริงๆ แล้วเลื่อนนัดไปตอนสองทุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่เฟรนด์ส่งน้องชายมาต้อนรับกันนี่... เขาจะรู้จักผมเหรอวะ แล้วน้องชายมันชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงอีกล่ะ

ข้าว
- เฮ้ย เลื่อนนัดก็ได้เฟรนด์ ไม่ต้องลำบากน้องชายแกหรอกเว้ย 17:03

เฟรนด์ดี้
- ลำบากอะไรล่ะ มันเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่ร้าน ขอช่วยนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไปล่ะแก ถือโอกาสแนะนำไปในตัวเลย 17:03

ข้าว
- แนะนำอะไรวะ??? 17:03

ผมส่งข้อความกลับไปด้วยความสงสัย เฟรนด์ต้องการแนะนำน้องชายให้ผมรู้จักเหรอ แต่เพื่ออะไรล่ะ คิดเหตุผลไม่ออกเลยว่ะ เพราะเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เป็นเพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันก็เท่านั้นเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีน้องชายเนี่ย และความเงียบของเธอยิ่งทำให้คิดมากยิ่งขึ้น อ่านแล้วไม่ตอบคืออะไรวะ

ข้าว
- อะไรของแกวะ ถามแล้วเงียบ 17:06

เฟรนด์ดี้
- เอ้อ ไม่มีอะไรหรอกน่า สรุปว่าเดี๋ยวฉันให้น้องต้อนรับแกกับจุ้นนะ ถึงร้านเมื่อไหร่ไลน์มาแล้วกัน 17:06
- ฉันไปทำธุระแล้วนะแก เจอกันๆ 17:06

ผมได้แต่มองหน้าจอสี่เหลี่ยมค้างอยู่แบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้ววางมันลงที่โต๊ะกระจกด้านหน้า จะเจอกับใครก็ช่างเถอะ ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่หลวงหรอก แค่ไม่คุ้นชินกับสถานที่แบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ไอ้คำบอกเล่าว่าน้องชายตัวเองเป็นบาร์เทนเดอร์เนี่ย เผลอคิดไปว่าจะใช่คนเดียวกันกับที่มีกระแสสาวๆ ไปนั่งเฝ้าหรือเปล่าวะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ไม่ได้มั่นหน้าตัวเองว่าหล่อเท่าไหร่หรอก แต่อยากเห็นคนที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนั้นสักครั้ง

"เป็นอะไร เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว ลืมกินยาระงับประสาทเหรอ"
พี่ต้นถามเสียงกลั้วหัวเราะแถมยังทำหน้าทะเล้นใส่กัน ผมหันไปแยกเขี้ยวแล้วต่อยเข้าที่แขนแกร่งโดยไม่พูดไม่จาอะไรก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินขึ้นบันไดไปอาบน้ำ

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น ฟองขาวนุ่มถูกลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายอย่างเบามือ กล้ามเนื้อที่พอจะมีเล็กน้อยทำให้รูปร่างไม่ผอมแห้งมากนัก ถ้าคนอื่นได้เห็นคงบอกว่าเซ็กซี่ ซึ่งฟังแล้วรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ สายน้ำอุ่นๆ ไหลลงมาจากฝักบัวชำระทุกอย่างออกจนหมดจด หยดน้ำเกาะพราวตามตัวถูกกำจัดโดนผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนใหญ่ มันถูกพันรอบเอวไว้ลวกๆ ก่อนที่ผมจะก้าวออกมาจากห้องน้ำและลงมือควานหาเสื้อผ้าในตู้มาใส่

ชุดที่ถูกเลือกวันนี้คือเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำแบบเรียบไม่มีลวดลายกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีดที่มีรอยขาดสไตล์เซอร์เล็กน้อย ทรงผมอันเดอร์คัตถูกจัดจนดูเป็นหนุ่มขี้เล่นพราวเสน่ห์เหมือนตอนสมัยเรียนไม่มีผิด จุดประสงค์หลักๆ คงอยากไปข่มบาร์เทนเดอร์สุดฮอตนั่นด้วยล่ะ

ผมสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคว้าโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์และกุญแจรถคันโปรดลงไปชั้นล่าง ก่อนจะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านก็เจอพี่ต้นยืนกอดอกอยู่ตีนบันได มองสำรวจกันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วขมวดคิ้วแน่น เหตุการณ์ต่อไปคงไม่พ้นการสวดชุดใหญ่เป็นแน่ แค่ไปกินเหล้าแต่งตัวขนาดนี้.. แต่จะให้ไปทั้งเสื้อยืดกางเกงขาสั้นก็ไม่ใช่ปะวะ

"แต่งตัวซะหล่อเลยนะข้าว"
เสียงราบเรียบเอ่ยทักทำให้ผมรีบวิ่งลงบันไดไปเกาะแขนพี่ชายแทบจะทันที ก่อนเอาหน้าขาวใสไร้สิวถูกไถกับต้นแขนแกร่งเพื่อออดอ้อน ไม่อยากโดนบ่นหูชาก่อนไปร้านเหล้า เดี๋ยวอารมณ์ขุ่นๆ จะทำให้มันเสียรสชาติไปหมด

"นานๆ ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนสักที อย่าหวงกันนักเลยพี่ต้น"
ถึงประโยคจะฟังดูแข็งกร้าวแต่ผมใช้น้ำเสียงออดอ้อนแบบน่ารักเต็มสตรีมเลยนะ ช้อนตากลมๆ มองใบหน้าหล่อของพี่ชาย

พี่ต้นเหลือบหางตามองกันเล็กน้อยก่อนจะยกมือดันหัวผมออกแล้วถอนหายใจเบาๆ เขาพยักหน้ายอมปล่อยกันอย่างง่ายดาย แต่สายตากลับส่งแววดุดันมาให้กันอีก จะหวงกันไปถึงไหนวะคนเรา แค่ผมโดนผู้หญิงทิ้งแค่หนเดียวไม่ได้ฝังใจอะไรขนาดนั้นหรอกน่า

"กลับก่อนเที่ยงคืนแล้วกัน"

"โอเคครับผม งั้นไปนะ"
ผมบอกลาก่อนจะรีบหมุนตัวเดินออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว  ไม่สนแม่บ้านที่ยิ้มให้ด้วยซ้ำ เพราะถ้าขืนชักช้าแล้วพี่ต้นเปลี่ยนใจไปด้วยกันจะแย่เอา ยังไม่อยากโดนเพื่อนล้อว่ามีคนมาคุม

ผมเปิดประตูรถ BMW Z4 สีขาวอย่างรวดเร็วและรีบสอดตัวเข้าประจำที่คนขับ ไม่นานนักก็เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และถอยรถออกจากบ้านโดยมีลุงทัชคนสวนเปิดประตูรั้วให้

ถนนยามหกโมงเย็นคราคร่ำไปด้วยยานพาหนะหลายรูปแบบ จราจรติดขัดจนรถขยับได้เหมือนเต่าคลาน เสียงเพลงคลอเบาๆ ไม่ได้ทำให้อารมณ์เย็นลงเลยด้วยซ้ำ เพราะร้าน 'Addict' อยู่ไกลออกไปเกือบยี่สิบกิโลเมตร ไม่ต้องคาดเดาให้ลำบากก็รู้ว่าสายแน่ๆ กว่าจะผ่านสถานการณ์วิกฤตมาได้ก็ปาเข้าไปหนึ่งทุ่มครึ่ง เชื่อเถอะว่าไอ้จุ้นต้องกินหัวผมแน่ๆ

ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินตรงไปยังตัวร้านอาหารกึ่งผับแทบจะทันที ก่อนหน้านี้ได้โทรถามไอ้จุ้นแล้วว่านั่งตรงไหน ซึ่งมันก็เลือกที่ได้ดีเพราะเป็นลานโล่งและมีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา บรรยากาศดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ

"จุ้น"
ผมส่งเสียงเรียกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือ มันผงกหัวมองกัรเล็กน้อยแล้วพยักพเยิดให้นั่งลงฝั่งตรงข้าม

"โทษทีที่มาช้า รถติดว่ะมึง"
ผมเอ่ยขอโทษก่อนจะนั่งลงแล้วเพิ่งได้สังเกตตอนนี้เองว่าบนโต๊ะมีกับแกล้มสองสามอย่างพร้อมทั้งเหล้าและโซดา แสดงว่าไอ้บาร์เทนเดอร์นั่นมาต้อนรับแล้วล่ะสิ มาสายเลยอดเห็นหน้าแม่ง... เสียดาย

ไอ้จุ้นส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรแต่ไม่ยอมพูดจาเอาแต่กดโทรศัพท์อยู่แบบเดิมจนผมสงสัยว่ามันคุยกับใครเลยหยิบถั่วลิสงอบเกลือในจานปาใส่ มันเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาดุๆ ให้กัน

"เล่นอะไรของมึงเนี่ย"

"ก็มึงเอาแต่กดโทรศัพท์ ไม่สนใจกู"

"มึงจะมาขี้น้อยใจตอนนี้ไม่ได้นะไอ้ข้าว พีชแม่งงอแงฉิบหาย"
ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินไอ้จุ้นบ่นถึงพีช หรือว่าจะหวงที่ออกมากินเหล้าวะ

"ไอ้พีชงอแงอะไร"
ผมถามกลับไปก่อนจะหยิบถั่วใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับ จะว่าไปก็ยังไม่ได้แตะข้าวเย็นก่อนออกจากบ้านเลยนี่หว่า คงต้องเรียกพนักงานมารับออเดอร์หน่อยแล้ว ตอนที่กำลังจะอ้าปากนั้นไอ้จุ้นก็ดันพูดแทรกขัดจังหวะกันซะอย่างนั้น

"มันบอกให้กูกลับก่อนสองทุ่ม ไอ้เชี่ย กูเพิ่งถึงร้านตอนทุ่มกว่า"
มันว่าอย่างหัวเสีย แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจริงๆ แล้วถ้ามันอยู่ต่อหน้าพีชจะไม่แสดงอาการอะไรเลยนอกจากส่งยิ้มแหยให้ ไม่ก็ออดอ้อนจนน่าถีบ... พ่อบ้านใจกล้าอะไรไม่มีหรอก มันอยู่สมาคมเกียมัวน่ะ

"ทำไมมันให้มึงรีบกลับขนาดนั้น"
ผมถามอีกครั้งและได้จังหวะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร กำลังจะกวักมือเรียกสาวน้อยคนหนึ่งแต่ไอ้จุ้นดันตีมือผมซะก่อน ไอ้นี่อารมณ์เสียจากเมียแล้วพาลคนอื่นหรือไงวะ

"อะไรของมึงไอ้จุ้น กูจะเรียกพนักงาน"

"ไม่ต้องเรียก จะแดกข้าวใช่ปะ กูสั่งแล้ว เดี๋ยวแฮงค์เอามาเสิร์ฟ"
คือดี เพื่อนรู้ใจสั่งข้าวให้กินเรียบร้อย แต่ไอ้ 'แฮงค์' นี่คือใคร ไปรู้จักกันตอนไหน ปกติไอ้จุ้นก็มนุษยสัมพันธ์โคตรติดลบด้วย แต่มันคงเดาออกว่าเพื่อนกำลังงงเลยวางโทรศัพท์แล้วจ้องหน้ากันก่อนจะอธิบายเป็นฉากๆ

"ไอ้น้องแฮงค์เนี่ย เป็นน้องยัยเฟรนด์เว้ย หล่อสัดๆ"

"เหรอวะ... หล่อกว่ากูอีกเหรอ"
ผมถามอย่างสนใจ คนที่โดนไอ้จุ้นชมมันต้องหล่อลากดินแน่ๆ หล่อชนิดที่เขาเรียกว่า 'หล่อวัวตายควายล้ม' เพราะขนาดอดีตเดือนคณะดิจิตอลอาร์ตอย่างผมมันยังไม่เคยชมเลยสักครั้ง เอาแต่บอกว่าหน้าตาอย่างกับลูกเจ๊กหลงโรง คือกูลูกจีนไงครับ เหี้ยเอ้ย ดีนะที่ได้ตาโตมาจากแม่ ไม่ใช่อาตี๋ที่ตัวขาวตาตีบอะไรแบบนั้น ถ้าดูเผินๆ จะคล้ายหนุ่มเกาหลีมากกว่า

"หล่อดิวะ เดือนมหา'ลัยอะมึง แถมเป็นรุ่นน้องที่คณะเราด้วย"

"จริงอะ อยากเห็นหน้าว่ะ อยากรู้จะหล่อแค่ไหน"

"มึงก็เคยเห็นแล้วนี่"

"ห๊ะ กูจะไปเห็นตอนไหน"

"ก็ไอ้บาร์เทนเดอร์ที่มีสาวๆ มาเฝ้าไงวะ"

"โห ไอ้จุ้น เห็นเชี่ยอะไรของมึง รูปเล็กยิ่งกว่ามด"
มันคงหมายถึงตอนที่เอารูปบรรยากาศร้านให้ผมดูนั่นล่ะ ถึงในจำนวนสิบภาพนั่นจะมีแฮงค์จริงๆ แต่เห็นไม่ชัดหรอก ขอเจอตัวจริงดีกว่า

"เออว่ะ รอสักพักเดี๋ยวมันก็มา วันนี้ไอ้แฮงค์หยุดงานบาร์เทนเดอร์วันนึง จัดอาหารเรียบร้อยก็มานั่งกับเรานั่นล่ะ"

"อ๋อ เออๆ แล้วตกลงว่าไอ้พีชมันเร่งให้มึงกลับทำไม"
ผมถามสิ่งที่คาใจอีกครั้งและทันได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของไอ้จุ้น เดาว่ามันคงเรื่องใหญ่เอาการถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเกี่ยวกับไอ้ดุ๊กดิ๊กแมวยักษ์พันธุ์เมนคูนของไอ้พีชแน่ๆ ก็เพื่อนผมมันไม่ค่อยชอบแมวเท่าไหร่ แต่เมียมันชอบจะขัดอะไรก็ไม่ได้ล่ะนะ เป็นผัวทาสนี่น่าสงสาร... เอ้อ ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง มันเป็นคู่รักชายชายน่ะ

"มันมีนัดกับที่บ้านเว้ย แล้วจะให้กูกลับไปเฝ้าไอ้ดุ๊กดิ๊ก แถมยังกำชับกูว่าห้ามแดกเหล้าอีก ไอ้สัด เอานมกล่องยัดกระเป๋ากางเกงมาให้กูอะ"
มันพูดจบก็ล้วงของกลางออกจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ผมถึงกับอึ้งแล้วหลุดขำออกมาเมื่อมันคือกล่องนมวัวแดงรถจืดแบบพร่องมันเนย เป็นคนรักสุขภาพแบบสุดๆ เลยว่ะ ให้ตายเถอะ เมียดุยิ่งกว่าหมาอีกมั้งเนี่ย

"ขำๆ ระวังเถอะ ถ้ามึงมีเมียบ้างจะขำไม่ออก"
มันเบะปากลงจนเป็นเส้นโค้งแล้วเอื้อมมือคว้ากล้องนมวัวแดงมาเจาะแล้วดูดจ๊วบๆ ด้วยความหงุดหงิด ถึงอารมณ์เสียแต่มันก็ไม่เคยขัดใจไอ้พีชนะ ห้ามกินเหล้าก็คือไม่ทำ สรุปว่าไอ้ของมึนเมาทั้งหลายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็ของผมสินะ แต่วันนี้กระแดะอยากกินค็อกเทลว่ะ

"ชาติหน้าตอนบ่ายๆ มั้งมึง พี่ต้นแทบจะสถาปนาตัวเองเป็นพ่อกูอยู่แล้ว หวงอะไรนักหนาก็ไม่รู้"
ผมว่าก่อนจะหยิบเกี๊ยวทอดขึ้นมาแทะเล่นและเป็นจังหวะเดียวกันที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารใบโต เขาเหลือบสายตามามองกันก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังอึ้ง แต่ไม่นานนักก็ปั้นยิ้มสดใสส่งมาให้กัน ยอมรับว่าแม่งโลกแทบจะหยุดหมุน คนบ้าอะไรหล่ออย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสารดาราประจำสัปดาห์วะ สมแล้วที่ได้ตำแหน่งเดือนมหา'ลัย แถมยังเป็นบาร์เทนเดอร์ที่มีสาวๆ กรี๊ดกร๊าดอีก ยอมใจว่ะ

"สวัสดีครับ"
เขาเอ่ยทักทายผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม อยากจะร้องโอ้โหให้คนได้ยินไปสักสิบกิโลเมตรด้วยความอิจฉา หน้าตาดีไม่พอเสียงยังดีอีก มึงทำบุญมาด้วยอะไรเนี่ยน้องชาย ทำไมถึงเป็นผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟ็คแบบนี้วะ

ผมได้สติแล้วรีบผงกหัวเล็กน้อยรับคำทักทายนั้นทั้งๆ ที่เกี๊ยวทอดยังคาปากอยู่ จะกล่าวคำสวัสดีกลับไปก็ดูจะน่าเกลียดไปหน่อย ก็แม่งของกินยังคาปากเลยส่งยิ้มกลับไปให้แล้วพยักพเยิดหน้าให้เขานั่งลงเมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จ

"ผมชื่อ 'แฮงค์' นะครับ เป็นน้องของพี่เฟรนด์ ยินดีที่ได้รู้จัก"
เขาเอ่ยแนะนำตัวหลังจากนั่งลงข้างไอ้จุ้น... เพื่อนผมก็งานดีเนอะ ขยับก้นตัวเองไปสิงเก้าอี้อีกตัวหนึ่งแล้วปล่อยแฮงค์ให้นั่งเผชิญหน้ากับผม ไม่อยากจะบอกว่าสายตาที่เขาใช้มองกันแทบจะทำให้คนๆ หนึ่งละลายกลายเป็นของเหลวได้ แต่ดีหน่อยที่ผมเป็นผู้ชายเหมือนๆ กันเลยไม่หวั่นสักเท่าไหร่

"พี่ชื่อ 'ข้าว' ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน"
ผมแนะนำตัวกลับไปแล้วส่งยิ้มให้ กำลังจะไปได้สวยอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงเห่ยๆ ของไอ้เพื่อนตัวดีขัดจังหวะขึ้นมา

"แหม... ไอ้แฮงค์ลืมพี่ไปเลยนะมึงพอไอ้ข้าวมาเนี่ย"
โวยวายไม่พอแถมยังทำหน้าตากะลิ่มกะเหลี่ยให้ผมแปลกใจเล่นไปอีก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังโดนเพื่อนแซวว่ะ ส่วนแฮงค์ทำแค่เพียงไหวไหล่ไม่แคร์คำพูดนั้นสักเท่าไหร่และเอาแต่ใช้ดวงตาคมสีดำสนิทมองกันอยู่แบบนั้น ถูกจ้องนานๆ แล้วใครมันจะทนได้วะ

"กินข้าวกันดีกว่าๆ"
ผมตัดบทเอาดื้อๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้าโถข้าวแต่กลับโดนมือเรียวของแฮงค์จับไว้แบบพอดิบพอดี ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายดึงมือกลับซะเอง ไม่ใช่รังเกียจอะไรหรอก แค่ตกใจ อยู่ๆ โดนจับมือไง

"ขอโทษทีครับพี่ข้าว เดี๋ยวผมตักให้ดีกว่าเนอะ"

"โอเคๆ"
ผมตอบรับไปแล้วรอให้แฮงค์จัดการตักข้าวใส่จาน หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมือทานอาหารกันไปชวนคุยกันบ้างตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน ถามไถ่เรื่องเรียนของเขาได้ความว่า เรียนอยู่ปีสามคณะดิจิตอลอาร์ตมหา'ลัยเดียวกันกับผม รับงานบาร์เทนเดอร์หลังเลิกเรียนเพราะเป็นความชอบส่วนตัวและอยากหาเงินใช้เองด้วย ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่น่ารักและนิสัยดีคนหนึ่งเลยล่ะ และที่น่าแปลกคือไอ้จุ้นเอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้กันไม่ขาดสายจนผมอยากจะลุกขึ้นไปต่อยหน้ามันสักทีสองทีโทษฐานกวนเบื้องล่าง

"พี่ข้าวกินเหล้าไหมเดี๋ยวผมชงให้"
แฮงค์ถามขึ้นหลังจากที่มื้ออาหารจบลงและพนักงานคนอื่นเข้ามาเก็บกวาดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมส่ายหัวรัวเพราะอยากลองพวกค็อกเทลมากกว่า อย่าง B52 อะไรแบบนั้น ไม่ได้แตะมานานพอสมควร

"อยากกิน B52"
ผมพูดสิ่งที่ต้องการออกไป คนฟังพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเต็มความสูงให้พวกเรางงเล่น จะไปไหนของเขาน่ะ

"จะไปไหน"
ผมถามออกไปเพราะสงสัย แต่ไอ้จุ้นนี่ดิ มองผมอย่างมีเลศนัยซะอย่างนั้น คือกูไม่ได้ชอบน้องมันสักหน่อย ผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย ยังไม่อุตริเป็นไบเซ็กซ์ชวลเหมือนพวกมัน

"ไปทำ B52 ให้พี่ข้าวไง"
ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ผมเป็นฝ่ายขมวดคิ้วแทน ก็ไหนว่าวันนี้หยุดงานบาร์เทนเดอร์ไม่ใช่เหรอวะ ให้คนอื่นทำแทนก็ได้ไง

"ให้คนอื่นทำก็ได้ นายหยุดไม่ใช่หรือไง"

"ผมอยากทำครับ รอแป๊ปนะ"
เขาตอบก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะปล่อยให้ผมอ้าปากพะงาบๆ กับการตัดสินใจเพียงคนเดียวนั้น ส่วนไอ้จุ้นนั่งยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าหมั่นไส้ จะปล่อยผ่านไปก็ใช่เรื่องเพราะสงสัยการกระทำแปลกๆ ของเพื่อนสนิทมานานแล้ว

"มึงเป็นบ้าอะไรห๊ะ ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ได้"
ผมโวยเสียงไม่ดังนักแล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้มัน แต่มีหรือคนอย่างไอ้จุ้นจะรู้สึกกลัวอะไร นอกจากเมียแล้วมันสู้ตายทั้งนั้นล่ะ กับไอ้ดุ๊กดิ๊กมันยังเคยวางมวยกันมาแล้วแต่สุดท้ายก็แพ้แมวว่ะ เพราะไอ้พีชสั่งให้แพ้ อนาถเหลือเกิน



ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เริ่มเมา -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #4 เมื่อ23-11-2016 20:19:13 »

"ก็ดูไอ้น้องแฮงค์มันกระตือรือร้นตอนเจอมึงจะตาย ทำอย่างกับดีใจมากอย่างนั้นล่ะ"
ไอ้จุ้นเหล่มองกันก่อนจะหยิบนมอีกกล่องขึ้นมาเจาะ ผมเลิกคิ้วขึ้นเพราะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสนิทพยายามสื่อสักเท่าไหร่ แล้วตอนแฮงค์เจอมันไม่มีอาการดีใจหรือไงวะ

"อ่าว แล้วตอนเจอมึงน้องมันทำท่าทางยังไงล่ะ"
ผมย้อนถามกลับไปก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อฟังได้ถนัด ไอ้จุ้นรีบดูดนมกล่องจนบี้แบนแล้วปั้นหน้าบึ้งใส่กันก่อนจะตอบคำถามออกมา

"ทำเหมือนกูเป็นอากาศธาตุ แต่พอรู้ว่ากูเป็นเพื่อนเฟรนด์ก็เข้ามาต้อนรับ แต่แม่งนิ่งมาก ไม่เห็นจะยิ้มห่าเหวอะไรเลย ทีกับมึงนี่ First Impression ดีมาก ลำเอียงสัด"
มันบ่นกระปอดกระแปดตามประสา แต่ผมมองว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ ก็ไอ้จุ้นมนุษยสัมพันธ์โคตรแย่ หน้าตาก็เคร่งขรึม น้องมันคงกล้ายิ้มให้หรอกมั้ง

"คิดมากน่า มึงหน้าเหี้ยมไงน้องคงกลัว"
ผมพูดติดตลกก่อนจะแกล้งปาถั่วใส่มันอีกระลอก ไอ้จุ้นปัดป่ายมือไปทั่วแล้วหันมาแยกเขี้ยวใส่กันอีกรอบ แต่ไม่วายจะจบเรื่องของแฮงค์สักที

"เหี้ยก็บอกเหี้ย ไม่ใช่มาเหี้ยมให้กูใจชื้น"

"กูเป็นคนรักษาน้ำใจเพื่อนอะ"

"ตอแหลนะไอ้ข้าว"

"ทำไม มึงมีปัญหาเหรอ"

"โอย กูไม่กล้ามีปัญหากับมึงหรอก พี่ต้นจะฆ่ากูหมกส้วมเอาได้"

"เออดี ต้องเป็นน้องจุ้นที่เชื่อฟังพี่ข้าวนะครับ"
ผมพูดเสียงทะเล้นก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนสนิทจนมันทำเสียงฟึดฟัดแล้วปัดมือทิ้ง รอยยิ้มปรากฏตรงมุมปากเพราะนึกสนุกตรงที่สามารถแกล้งเพื่อนได้

"ลามปามละไอ้ข้าว กูแก่กว่ามึงตั้งสองเดือน!"
มันโวยวายจนผมหลุดขำเอิ๊กอ๊าก คือไม่รู้ว่ามันรีบพูดเกินไปหรือเมานมกันแน่ เพราะความจริงแล้วไอ้จุ้นอ่อนกว่าผมสองเดือนต่างหาก

"ไอ้จุ้น... มึงควรตั้งสติ แดกนมแล้วเมาเหรอ"
ผมพยายามกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นไปหมด ส่วนไอ้จุ้นดูท่าทางจะเอ๋อไปชั่วขณะและเหมือนจะคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดออกไปเลยส่งยิ้มแหย่มาให้กัน

"เออว่ะ สงสัยเมานมแล้วกู... นมเป็นเต้าอะนะ"
ไม่พูดเปล่าแถมยังทำหน้าหื่น ตานี่เป็นประกายวิบวับจนน่าหมั่นไส้ ผมมองตามทิศทางที่มันกำลังสนใจก็เจอเข้ากับเต้าในตำนาน เชี่ย... ใหญ่กว่าหัวผมอีกมั้งนั่น ศัลยกรรมจนคนไม่ใช่คนแล้ว น่ากลัวว่ะ

"กูจะฟ้องไอ้พีช"
ผมพูดเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ไอ้จุ้นกลับหันขวับมามองกันแล้วรีบยกมือไหว้ปรกๆ ทันที นี่เขาเรียกกลัวเมียขั้นแอดวานซ์ปะวะ

"ข้าว ~ มึงอย่าพูดไป กูขอร้อง"
มันพูดน้ำเสียงออดอ้อน ลดมือลงไปพนมอยู่กลางอกแล้วใช้สายตาหมาหงอยมองกัน มันทำให้ผมคิดถึงไอ้บับเบิ้ลเวลาทำผิดว่ะ แต่ไอ้จุ้นน่าถีบมากกว่าน่าให้อภัย

"เลิกมองนมได้แล้วมึง ของปลอมทั้งนั้น"
ผมบอกให้เพื่อนเลิกมองนะ แต่สายตาตัวเองยังจับโฟกัสที่เดิม ก็แหม... นานๆ ทีจะได้สัมผัสอะไรแบบนี้นี่หว่า ไปประชุมที่บริษัทก็เจอแต่สาวๆ หัวฟู คือมันเซอร์จนเกือบซกมกอาจจะด้วยหน้าที่การงานที่หนักหน่วงด้วยล่ะ หาความสวยไม่เจอเลยทีเดียว

"เออๆ กลับไปมองไข่ไอ้พีชก็ได้ เชอะ"
มันพูดประชดกันได้เรทสิบแปดบวกมาก ผมแทบจะเทกับแกล้มยัดปากมันให้หมดเลยเชียว ไม่ใช่ว่ากระแดะฟังไม่ได้ แต่มันไม่สมควรพูดเรื่องแบบนี้ในร้านอาหารปะวะคนเรา

"ไอ้เชี่ยนี่ พูดอะไรอายปากมั้ง!"
ผมโวยเสียงไม่ดังนัก แต่พอไอ้จุ้นจะโวยกลับมาบ้างก็โดนขัดจังหวะด้วยแก้วใสบรรจุ B52 ที่มีไฟลุกท่วมวางลงตรงหน้าพร้อมกับหลอดดูดสีขาวขนาดมาตรฐาน ซึ่งผมคิดว่าดูดลำบากเหี้ยๆ บางครั้งใช้ดูดน้ำที่มีน้ำแข็งเกล็ดเล็กๆ ก็เสือกตัน เหนื่อยฉิบหาย มันก็ไม่ใช่เรื่องปะวะที่ต้องไฟท์กับหลอดดูดเนี่ย

"บริการดีฉิบหาย พอทีกับกูบอกใช้ชงเหล้าเองเพราะไม่รู้ว่ากินเข้มหรืออ่อน"
ผมชะงักมือที่กำลังจะจิ้มหลอดลงในแก้ว ไอ้จุ้นบ่นงุ้งงิ้งๆ เหมือนเด็กไม่ยอมโต และไอ้คนที่โดนพาดพิงกลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนซะอย่างนั้น แต่จะว่าไป ไอ้น้องแฮงค์ก็มีความลำเอียงจริงๆ นะ เพราะมันเคยจะชงเหล้าให้ผมด้วย เออ แปลกแต่จริง

“พี่จุ้นกวนตีนนี่หว่า ผมไม่ชอบ”

“อะ ไอ้...”

“แต่กับพี่ข้าว... ผมชอบนะ”

ชอบในความหมายไหนของมันวะ



-------------------------------------------------------------

บทนำมาแล้วนะ 5555555555
น้องแฮงค์ทิ้งระเบิดใส่พี่ข้าวตั้งแต่แรกเจอเลยเฮ้ย
แถมพูดไม่เคลียร์อีก แต่มีหรือคนอย่างข้าวจะเก็บไปคิดอะไร

อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #5 เมื่อ23-11-2016 20:24:57 »

มาเกริ่น เรียกน้ำย่อยหรอ น่าสน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ได้เลย ตามต่อด้วยคน
นี่เดือน ชน เดือน เลยนะเนี่ย  :mew1: :mew1: :mew1
ลายเส้น Alcohol Addict สีสวยนะ
แต่มีที่ผิด มีตัว o โผล่เพิ่มมาจอยด้วย
เลยเป็น Alocohol Addict
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เฮ้ยยย เราเพิ่งเห็น 5555 ขอบคุณที่บอกน้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เริ่มเมา -P.1- (23.11.2016)
«ตอบ #6 เมื่อ23-11-2016 20:41:16 »

“พี่จุ้นกวนตีนนี่หว่า ผมไม่ชอบ”
“แต่กับพี่ข้าว... ผมชอบนะ”
ชอบในความหมายไหนของแฮงค์
คนอ่านรู้.....แล้วก็ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แฮงค์ ต้องเคยเห็นข้าว มาก่อน และชอบข้าว ชิมิ
แสดงว่า สาวที่มาเฝ้าแฮงค์ นกและ
แต่แฮงค์ ตรงดีนะ กร๊ากกกกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
«ตอบ #7 เมื่อ25-11-2016 21:28:05 »

เมาครั้งที่ 1





เช้าวันนี้ชีวิตยังเดินไปอย่างเรียบง่ายไม่มีความตื่นเต้นหรือผิดแปลกไปจากเดิมสักเท่าไหร่ งานที่ต้องสะสางก็มีมากจนล้นมือเช่นเคย แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีครีมเข้ามาตกกระทบบนเปลือกตาที่กำลังขยับ มันเปิดออกอย่างยากลำบากเล็กน้อยเมื่อดวงตายังไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก

"หาว ~"
เสียงแรกของวันเปล่งออกมาด้วยการหาวจนปากกว้าง ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงเพราะผ่านการนอนมาอย่างโชกโชน ไม่ใช่คนนอนดิ้นเท่าไหร่ แต่ชอบนอนคนเดียวมากกว่า ถ้ามีใครมานอนด้วยกลัวคนนั้นจะไม่ได้ตายเพราะแก่ อาจจะโดนฟาดหรือทับจนตายก่อนก็ได้

ผมปรือตาอย่างยากลำบากเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนจริงๆ ก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง ไม่ได้ปั่นงานอย่างที่ใครหลายๆ คนเข้าใจ แต่เล่นเกมตัวใหม่ของบริษัทที่กำลัง Open Beta แทน จะว่าไปก็เป็นส่วนหนึ่งของงานนะ ออกแบบกราฟิกในเกมไปแล้วลองเล่นหน่อยจะเป็นอะไรไป

ความพยายามในการลุกจากเตียงดูเหมือนไร้ผลเมื่อบับเบิ้ลกระโดดขึ้นมานอนทับกันซะอย่างนั้น เป็นแบบนี้บ่อยครั้งเมื่อไอ้หมาสีขาวรู้ว่าคนเลี้ยงตื่น ชอบอ้อนออเซาะอย่างกับสาวน้อย ทั้งๆ ที่มันเป็นตัวผู้ สงสัยจะกลายเป็นหมาเกย์ไปซะแล้วมั้ง

"นึกว่าตัวเบานักหรือไงหื้อ"
ผมเอ่ยถามออกไปแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวมันแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ บับเบิ้ลเห่าเบาๆ คล้ายรับคำกล่าวหานั้น ไม่วายยังใช้หัวถูไถซอกคอผมอีกต่างหาก จะหลบเลี่ยงไปทางไหนก็ไม่พ้นอยู่ดี สรุปว่าต้องยอมแพ้อย่างไม่มีทางเลือกสินะ

ผมฟัดอยู่กับบับเบิ้ลราวสิบนาที ประตูห้องนอนก็เปิดออกอย่างไร้มารยาท เพราะคนที่ยืนขวางประตูไม่คิดจะเคาะมันเลยสักนิด แต่จะไปถือสาเขาก็ไม่ได้ เพราะเป็นพี่ชายบังเกิดเกล้าและแทบจะเป็นพ่อคนที่สองอยู่แล้ว

"ไอ้บับเบิ้ล ออกไปๆ"
พี่ต้นโบกมือไล่เจ้าหมาสีขาวด้วยใบหน้าบึ้งตึง มันเห่าใส่เจ้านายที่แท้จริงแล้วทำเมิน ไม่สนใจเลยสักนิดว่าตัวเองจะโดนงดอาหารหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็ไม่มีปัญญาขัดขวางนะเว้ย

"ลงไปๆ พี่หนักแล้วหนู"
ผมออกปากไล่อย่างนุ่มนวลแล้วจุ๊บเหม่งมันไปหนึ่งที บับเบิ้ลดูเหมือนจะเข้าใจและยอมเคลื่อนลงจากตัวอย่างง่ายดาย มันเดินผ่านพี่ต้นไปแบบสบายๆ ราวกับพี่ชายเป็นอากาศธาตุ แล้วลองทายดูสิจะเกิดอะไรขึ้นต่อถ้าไม่ใช่...

"ไอ้หมากาก! เดี๋ยวจะงดข้าว"
นั่นไง... คนโดนเมินใส่อารมณ์ตะโกนไล่หลังหมาไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม แต่ดีหน่อยที่เขาไม่คิดจะเดินตามไปเตะไอ้บับเบิ้ลอย่างที่เคยทำ แต่กลับเบนเข็มเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนแทน

"พี่ไปทะเลาะอะไรกับไอ้บับเบิ้ลมาอีกเนี่ย"
ผมถามด้วยน้ำเสียงปลงๆ เพราะเป็นเรื่องปกติที่หนึ่งคนหนึ่งหมาจะทะเลาะกันรายวัน เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ผิดใจกันเรื่องแย่งของเล่นเป๊ะๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ต้นอายุยี่สิบเก้าปีแล้วด้วยซ้ำ

คนโดนถามถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างกันทั้งๆ ที่ตัวเองใส่สูทผูกไทเตรียมไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ไม่เคยมีความเรียบร้อยในชีวิตกับเขาเลยหรือไงวะ เสื้อผ้ายับหมดแล้วเนี่ย

"ตอนข้าวไปซุปเปอร์มาร์เก็ต พี่จะแปรงขนไอ้บับเบิ้ล เลยวิ่งไล่จับกัน... เท่านั้นล่ะ  โดนงอนเลย"
พี่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เขาเป็นคนที่รักหมามาก ถึงจะเห็นทะเลาะกันทุกวี่ทุกวันก็พยายามเอาใจใส่ให้ได้มากที่สุด แต่เรื่องของเรื่องคือบับเบิ้ลมันติดผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นตอนที่ผมเคยช่วยมันออกมาจากตะกร้าใส่ผ้าตอนที่มันยังเด็กก็เป็นได้... หมาอะไรซนฉิบหาย ลงไปแล้วไม่สามารถขึ้นเองได้เพราะพี่ต้นเอากางเกงยีนส์ใส่ลงไปหลายตัวเพื่อส่งซัก เชื่อว่าเขาคงไม่ทันสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในนั้น

"ใครงอนใครกันแน่ครับ"
ผมถามเสียงติดตลกก่อนพยุงตัวขึ้นนั่งมีเซเล็กน้อยเพราะยังทรงตัวไม่ได้ แต่พี่ต้นดันผลักหัวผมไปอีกทางจนล้มลงนอนอีกครั้ง ตายแน่ๆ ขืนเป็นแบบนี้การงานไม่ต้องทำแล้ว

"พี่ต้น... ผมแม่งโคตรของโคตรง่วงเลย แต่วันนี้ต้องเข้าบริษัท"
ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะยังฝังหน้าอยู่กับผ้านวมผืนนุ่ม สูดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้าปอดทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด แต่จนแล้วจนรอดมันไม่ได้ช่วยให้หนังตาเปิดกว้างขึ้นได้เลย แต่คนที่เด้งตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็วกลับเป็นคนข้างๆ เขาหันขวับมาจ้องมองกันราวกับตะกินเลือดกินเนื้อ... ทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย

"จะไปบริษัททำไม"
น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งอารมณ์ขุ่นมัวจนสัมผัสได้ ถึงเจ้าตัวจะพยายามข่มมันมากแค่ไหนก็ตาม และผมก็พอจะเดาได้ว่าทำไมพี่ชายเป็นแบบนี้ อาการหวงน้องกำเริบแหงๆ คิดได้แบบนั้นก็เผลอเบะปากลงจนเป็นเส้นโค้ง โตจนเลยเข้าวัยผู้ใหญ่แล้วเขาก็ยังไม่เลิกมองว่าผมเป็นเด็กอ่อนต่อโลกสักที ขอพาราฯ สองเม็ดครับ

"ตรวจงานลูกน้องในทีมดิ"
ผมตอบในขณะที่ตะแคงใบหน้ามองคนด้านข้างที่ตีหน้าขรึมไม่เลิก พอได้ยินคำตอบหัวคิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก อยากแซวอยู่หรอกว่ามันแทบจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว แต่ช่วงเช้าสติสัมปชัญญะไม่ค่อยเต็มร้อยกลัวว่าจะตั้งรับการทำร้ายร่างกายไม่ทัน เลี่ยงมีปากเสียงได้มากแค่ไหนยิ่งดี

"ให้ส่งไฟล์งานทางเมล์"

"พี่ต้น... คุยตัวต่อตัวง่ายกว่า"

"ข้าว"
น้ำเสียงดุมาก สายตาที่จับจ้องมาก็ไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด คิดว่าผมจะกลัวเหรอ...

"เฮ้ย นี่ไปทำงานนะครับคุณการันต์ ไม่ได้ไปอ่อยเหยื่อใครนะเว้ย แถมคนที่บริษัทไม่ถูกใจผมสักคน พี่ยังจะหวงอะไรอีก"
ผมบอกน้ำเสียงไม่ได้จริงจังนักก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแทนแล้วใช้มือขยี้หัวตัวเองไปมา เพิ่งสระผมไปเมื่อวานตอนเช้าวันนี้ก็ผมมันแล้วเหรอ เฮ้อ ปัญหาระดับชาติจริงๆ วะ สงสัยต้องสระผมก่อนไปทำงานซะแล้ว

พี่ต้นถอนหายใจเฮือกออกมาจนผมต้องหยุดการกระทำของตัวเองไว้แค่นั้น ดวงตากลมเหลือบมองหน้าพี่ชายแล้วได้แต่ขมวดคิ้วยุ่งเพราะเจอดวงตาคมจ้องกลับมา เหมือนจะออกปากดุกันแต่ก็ยั้งไว้ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางซะอย่างนั้น ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าเป็นอะไรแต่เขากลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ลุกไปอาบน้ำ พี่รอข้างล่าง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่ใช้กับลูกน้องประจำ พี่ต้นเป็นคนที่ดุและจริงจังมากในการทำงานแต่กับผมเขาจะอ่อนโยนด้วยเสมอ เพราะแบบนั้นเลยเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้คนตัวโตกว่ากำลังงอนอยู่ และมันก็เป็นเรื่องไร้สาระอย่างความหวงน้องเกินเหตุของเขานั่นล่ะ ก็ไม่ใช่จะรำคาญอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่มีพี่ชายสนใจกันมากขนาดนี้ แต่อีกแง่หนึ่งคือเขาไม่ปล่อยให้ผมเจริญเติบโตด้วยตัวเองสักที

“เดี๋ยวก่อน พี่ต้นเป็นอะไร”
ผมเรียกชื่อรั้งอีกคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป กุลีกุจอลงจากเตียงแทบหัวทิ่มและไม่ลืมที่จะคว้ารีโมทมาปิดแอร์หลังจากที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว พี่ต้นเหลือบมามองกันเล็กน้อยแต่เขาไม่ยอมหยุดแล้วเดินลงไปหน้าตาเฉย... ความฉิบหายกำลังมาเยือนและผมต้องรีบหาตัวช่วยอย่างด่วน รีบปิดประตูห้องแล้วเดินไปหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวมะนาวทันที มีคนเดียวที่จะปราบพี่ชายจอมขี้งอนได้...

ข้าว
-   แม่ครับ ~ จะกลับไทยเมื่อไหร่อะ 08:22

ไม่ได้เป็นเด็กขี้ฟ้องอะไรนะ แต่พี่ต้นยอมแค่แม่คนเดียว... กับพ่อนี่ไม่ต้องพูดถึงไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลาอาจเป็นเพราะพ่อเข้าข้างผมเรื่องที่โตแล้วแบบโจ่งแจ้ง แต่แม่เป็นประเภทเข้าข้างผมแบบนุ่มนวลและหลอกล่อให้พี่ชายยอมจำนนได้นั่นเอง รอไม่นานนักก็ได้ข้อความตอบกลับจากผู้หญิงคนเดียวในหัวใจ

คนสวย
-   กลับอาทิตย์หน้าค่ะ มีอะไรหรือเปล่า 08:23

ข้าว
-   คิดถึงจังครับ อยากกอด 08:23

คนสวย
-   ค่ะคุณลูก ทำมาปากหวานนะเรา มีปัญหาอะไรรีบบอกแม่มาเลย 08:23

แม่รู้ทันผมตลอดล่ะ เพราะปกติเวลาพวกท่านไปติดต่องานที่ต่างประเทศกันจะไม่มีใครโทรหรือส่งข้อความรบกวนสักคนเดียว แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นแสดงว่าต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ ... จริงๆ ก็แอบเกลียดแม่ที่เป็นคนรู้ทันนะ ฮือ

ข้าว
-   พี่ต้นงอแงอีกแล้วอะแม่ ผมจะเข้าบริษัทแต่คุณชายโรคเก่ากำเริบ 08:24
-   จัดการสุดที่รักของแม่ให้ผมหน่อยน้า ผมต้องไปอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวจะโดนงอนหนักกว่าเดิม 08:24

คนสวย
-   โอเคค่ะ เดี๋ยวแม่จัดการคุณชายต้นให้ 08:24

หลังจากที่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจผมก็ส่งสติ๊กเกอร์บอกรักแม่ไปแล้วรีบคว้าผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำแทบจะทันที ถึงเป็นเจ้าของบริษัทและน้องชายเจ้าของบริษัทก็ไม่ควรไปสายเกินสิบโมงจริงไหม... จัดการอาบน้ำรวมแต่งตัวทั้งหมดใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น มันไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ผมรีบวิ่งลงบันไดพร้อมสัมภาระในกระเป๋าเป้แบบเด็กเซอร์ๆ คนหนึ่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนขาวกับกางเกงยีนส์ คือบริษัทไม่ได้กะเกณฑ์เรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่ ก็รู้กันอยู่ว่ามีแต่พวกติสต์แตกทำงานกันทั้งนั้น

“ไปกันหรือยังครับ”
ผมถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังสีขาวล้วนในห้องรับแขก ใบหน้าหล่อพยักหน้าก่อนจะลุกเดินนำออกไปที่หน้าบ้าน สีหน้าเปลี่ยนไปจากตอนที่คุยกับผมเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วอยู่มาก ดวงตาคมอ่อนแสงแห่งความดุลงไปเยอะ คงโดนแม่เทศนาชุดใหญ่ไปแล้วล่ะ

ภายในรถเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ทำงาน มันน่าอึดอัดจนผมต้องขยับตัวไปมา มือเรียวเอื้อมมือเปิดวิทยุโดยไม่ขออนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รู้จะปริปากชวนคุยเรื่องอะไรในสถานการณ์มาคุแบบนี้วะ เรื่องเมื่อวันเสาร์ที่ไปกินเหล้าแล้วกลับเกินเที่ยงคืนยังโดนคาดโทษไว้อยู่เลย... ก็แบบว่าติดลม คุยกับไอ้จุ้นกับแฮงค์เพลินไปหน่อย แล้วอีกอย่างยัยเฟรนด์ก็ทิ้งผมให้อยู่กับน้องชายของมันทั้งคืน รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้ไปที่ร้านยังไงไม่รู้ว่ะ หรือคิดมากไปเอง

ผมยังคงนั่งขบคิดว่าจะเริ่มประโยคสนทนาอะไรกับพี่ชายดี แต่ดวงตากลมกลับมองภาพเบลอๆ ของถนนหนทางแทน เมื่อรถติดไฟแดงสายตาก็ดันไปปะทะกับรถบิ๊กไบค์ที่ยังตกค้างอยู่ในความทรงจำเมื่อวันเสาร์ คนที่อยู่บนรถคันนั้นต้องเป็นแฮงค์แน่ๆ แต่จะให้ลดกระจกลงแล้วทักทายคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากก็เจ้าตัวใส่หมวกกันน็อกเต็มใบซะขนาดนั้น ดูจากชุดแล้วเดาไม่ยากเท่าไหร่ว่ากำลังจะไปมหา’ลัยแน่นอน

“จ้องอะไร รู้จักเขาเหรอ”
คนรู้ทันข้างๆ เปิดปากพูดผมเลยได้สติกลับมาแล้วรีบหันไปสบตาพี่ชายก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับ ดวงตาคมเหลือบมองแฮงค์อีกครั้งอย่างพิจารณา ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเด็กมหา’ลัยขี่บิ๊กไบค์อีก อย่างว่าล่ะวิญญาณคุณปู่เข้าสิง บนได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหูขวางตาเขานั่นล่ะ สมัยที่ผมอยู่ปีหนึ่งก็เคยงอแงอยากได้มอเตอร์ไซต์คันยักษ์นี่อยู่เหมือนกัน แต่พี่ชายบังเกิดเกล้าบอกว่ามันเป็นหนังหุ้มเหล็ก... ไหนลองเถียงสิ เฮ้อ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเขาเจียดเงินดาวน์ BMW Z4 ให้กันอย่างไม่ถามความสมัครใจ ตอนได้เป็นเจ้าของใหม่ๆ นี่ปฏิเสธหัวชนฝาจะไม่ยอมขับเพราะมันแพงเกินไป แต่จะดื้อได้นานแค่ไหนล่ะในเมื่อมีคนบังคับ

“เขาคือใคร”
คำถามต่อมาทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกที่พี่ต้นจะอยากรู้จักทุกคนในชีวิตผม ก็บอกแล้วว่าเข้าใจในเรื่องความหวง ห่วงน้อง แต่บางครั้งมันก็เยอะไปนะพี่ชาย ไม่มีความเป็นส่วนตัวเองซะเลยชีวิต

“น้องชายของเฟรนด์ไง”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ เพราะไม่ได้ติดใจอะไรที่พี่ชายอยากรู้ไปทุกเรื่อง ด้วยนิสัยที่อะไรยังไงก็ได้เลยทำให้ผมคิดมากแค่ครู่เดียวหลังจากนั้นก็ปล่อยเรื่องราวต่างๆ ให้ผ่านไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นได้ ถือว่าเป็นข้อดีก็แล้วกัน

หลังจากนั้นบรรยากาศน่าอึดอัดก็กลับมาอีกครั้ง แฮงค์ออกตัวรถทันทีเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาแยกไปอีกทางส่วนผมก็ไปอีกทาง จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าพี่ต้นจะงอนอะไรนักหนาหรอกแต่ดูเหมือนเขาจะเครียดๆ เรื่องอื่นมากกว่าล่ะมั้ง ก็เห็นมีสายเรียกเข้ากระหน่ำเข้ามาไม่หยุดหย่อนแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าของเครื่องจะยอมรับเลยสักครั้ง ดวงตาคมเหลือบมองหน้าจอที่สว่างวาบเป็นครั้งคราวแต่สุดท้ายก็เมินเฉยจนผมอยากยื่นหน้าเข้าไปสอดบ้างว่าคนที่พยายามกดโทรศัพท์มาหาพี่ชายเป็นใคร แต่ก็นั้นล่ะ มีคดีติดตัวนิ่งไว้คงปลอดภัยกว่า

“ไม่รับโทรศัพท์เหรอ เขาโทรมาหลายครั้งแล้วนะพี่”
ผมถามขึ้นลอยๆ เผื่อจะได้คำตอบที่น่าฟังกลับมาบ้าง แต่เปล่าเลย ใบหน้าหล่อเหลานั่นเครียดขึงมากกว่าเดิมแล้วเอื้อมมือไปกดปิดเครื่องซะอย่างนั้น เฮ้ย... คืออะไรวะ ไม่เคยเห็นพี่ต้นอารมณ์เสียถึงขนาดตัดขาดการสื่อสารขนาดนี้ ก็ปกติพี่ชายติดโทรศัพท์จะตายไป เรียกได้ว่าเป็นพ่อมดแห่งโซเชี่ยลเลยก็ว่าได้

ผมนั่งตัวเกร็งทันทีเมื่อสายตาคมเหลือบมองกัน เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะส่งมือใหญ่มาวางแปะบนหัวกัน ไม่รู้อารมณ์ไหนกันแน่ ตามไม่ค่อยทันแล้วเนี่ย เบลอจากการนอนไม่เต็มอิ่มยังไม่พอต้องมาเบลอเพราะคนข้างๆ อีก

“เต้ยโทรมาขอคืนดี”
คำสารภาพของพี่ต้นทำให้ผมหันขวับไปมองหน้าเขา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะทันที ไม่เข้าใจเลยว่าพี่เต้ยจะกลับมายุ่งวุ่นวายอะไรกับพี่ชายอีกในเมื่อเหตุผลที่เขาขอเลิกไปนั้นเพราะตกหลุมรักผม ใช่ เธอตกหลุมรักผมที่มีฐานะเป็นน้องชายของแฟนนี่ล่ะ ตลกดีไหมล่ะ ไปบอกพี่ต้นว่า ‘ข้าวเป็นรักแรกพบของเรา’ แล้วในช่วงเวลาที่คบกันมาสองปีนี่คืออะไร คำตอบที่ได้คือ ‘ที่คบกับต้นเพราะอยากหาวิธีเข้าใกล้ข้าวแบบง่ายๆ’ โอ้โห... อเมซซิ่งจนน่ากลัวเลยว่ะ

“คืนดีบ้าอะไรอีกวะ”
ผมหัวเสียจนพูดด้วยน้ำเสียงติดโมโห พี่ต้นเลยออกแรงขยี้หัวกันเบาๆ แล้วผละมือออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทุกข์ร้อนแต่เป็นเพราะรักมากจึงตัดใจยาก เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายต้องทำใจแข็งไม่กดรับสาย ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาตัวเขาคงกลับไปวังวนเดิมๆ อีก รักจนโงหัวไม่ขึ้น

“น่ารำคาญเนอะว่าไหม”
พี่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแต่ผมรู้ว่านั่นคือการฝืนทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด มีอย่างที่ไหนกับคนจริงจังในความรักจะสามารถลืมคนที่รักมากลงได้ในระยะเวลาแค่ครึ่งปี ดูจากแววตาก็รู้แล้วว่ายังฝังใจไม่เลิก นี่อาจจะเป็นเหตุผลให้พี่ต้นหวงผมมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าก็ได้... กลัวโดนหลอกเหมือนกับตัวเอง

“น่ารำคาญจริงๆ เหรอ”

“.....”
เกิดเดตแอร์ขึ้นระหว่างเราสองคน ไม่มีคำตอบก็แสดงว่าที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่เป็นความจริง ลึกๆ แล้วพี่ต้นคงดีใจที่ได้รับการติดต่อกลับมา แต่ว่ากันด้วยการเจ็บแล้วจำนั้น... เลยกลายเป็นว่าตัวเองสับสนและไม่รู้จะจัดการเรื่องราวยุ่งเหยิงของหัวใจตัวเองยังไงดี

นายการันต์ต่างกับนายการินตรงที่เขารักจริงและฝังใจ ส่วนผมรักจริงแต่ถ้าเลิกกันไปแล้วจะกลายเป็นคนที่ตัดขาดได้โดยง่ายไร้การฝังใจใดๆ ทั้งสิ้น อาจจะเป็นเพราะว่าคิดย้อนไปแล้วเสียดายเวลากับคนที่ไม่ได้รักเราจริงมากกว่า มีบ้างที่เสียใจ แต่ไม่เคยฟูมฟายอยากได้คนที่ทิ้งไปแล้วกลับคืนมา ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าที่เราจะอ่านหนังสือเล่มเดิมทั้งๆ ที่รู้ว่าตอนจบมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มุมมองความรักของคนเราต่างกัน และเราก็ไม่มีสิทธ์ไปดูถูกคนอื่นด้วย

ปล่อยให้บรรยากาศน่าอึดอัดผ่านไปราวๆ สิบนาที และสุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้เลยต้องถามย้ำสิ่งที่สงสัยกลับไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันชัดเจนกว่าประโยคเก่าจนเข้าขึ้นร้ายแรงเลยก็ว่าได้

“ยังรักพี่เต้ยอยู่หรือเปล่า”
ผมถามออกไปโดยสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของพี่ชาย เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยความรู้สึกของตัวเอง อันที่จริงไม่จำเป็นต้องถามก็รู้คำตอบได้โดยง่าย

“รักแล้วจะมีประโยชน์อะไรวะ เหตุผลที่มาขอคืนดีก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะข้าวอีกนั่นล่ะ ทำอย่างกับพี่จะยอมโง่ซ้ำซาก”

“อืม... คืนนี้ไปกินเหล้ากัน”

ไม่รู้ว่าพี่ต้นตกลงหรือไม่ตกลงเพราะหลังจากนั้นรถก็เข้ามาจอดใต้อาคารบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ติดอันดับท็อปของประเทศซะแล้ว บทสนทนาจบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่ได้ตั้งตัวเลย ไอ้จะลองถามซ้ำก็กลัวว่าเรื่องพี่เต้ยจะเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจเขาอีกเลยปล่อยเงียบไป แล้วพากันเดินเข้าไปด้านใน

บริษัทของพี่ต้นเป็นอาคารขนาดกลางที่มีทั้งหมดหกชั้น ชั้นแรกจะเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ ติดต่อสอบถามเรื่องต่างๆ ชั้นสองเป็นห้องของฝ่ายบุคคล บัญชีเจ้าหนี้ บัญชีลูกหนี้ หรือแม้กระทั่งห้องอาหารของบริษัท ชั้นสามยกให้ฝ่ายการตลาดไปเลย ชั้นสี่เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่สามารถจุพนักงานทั้งหมดของบริษัทได้อย่างสบายๆ ชั้นห้าเป็นสถานที่สุมหัวของฝ่ายออกแบบทุกด้าน และนักเขียนโปรแกรม มีชื่อเล่นว่า ‘ชั้นสร้างเกม’ และชั้นสุดท้ายเป็นห้องทำงานของผู้บริหารทั้งหลายรวมไปถึงลานโล่งเอาไว้ให้พนักงานพักผ่อนหย่อนใจ มีส่วนหย่อมเล็กๆ และสระน้ำพร้อมกับฟิตเนสขนาดย่อมด้วย

ปกติเวลาที่ผมเข้าบริษัทจะต้องขึ้นไปที่ชั้นหกก่อนเสมอแต่พอดีว่าวันนี้พี่ต้นไม่ค่อยมีอารมณ์มาเคร่งครัดผมสักเท่าไหร่เลยปล่อยให้แยกตัวได้ที่ชั้นห้า พนักงานที่นั่งสุมหัวกันอยู่เริ่มหันมามองบุคคลแปลกหน้าที่กำลังเดินเข้าไป ผมส่งยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตรก่อนที่ไอ้จุ้นจะรีบรามือจากการออกแบบตัวละครในเกมแล้ววิ่งแจ้นมาหากันอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าแต่ละคนจะทำหน้าเหมือนเห็นผีไปทำไมกัน แค่นานๆ ทีจะไม่มีเงาตามตัวเดินมาส่งถึงที่ก็เท่านั้นเอง

“เฮ้ย วันนี้ไม่มีผู้คุมมาส่งถึงที่เหรอวะ”
คำทักทายแรกจากเพื่อนสนิทมาพร้อมแรงโถมตัวเข้ามากอดคอ อยากจะบอกว่าแค่ยืนยังเซซ้ายเซขวาทำแบบนี้ไม่หน้าคะมำก็บุญโขแล้ว ผมยกมือขึ้นตบหัวมันก่อนจะผลักไหล่ออกไปไกลๆ ไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรนะ ก็มาดูผมตอนนี้ดิทั้งกระเป๋าสะพายทั้งมือเช้าที่แวะซื้อจากห้องอาหารชั้นสองอีก พะรุงพะรังจะตายไป

ไอ้จุ้นบุ้ยปากใส่กันแล้วรับของในมือผมไปถือให้ ไม่ใช่อะไรหรอกมันเอาไปสำรวจว่ามีอะไรกินบ้างก็เท่านั้นเอง พอเจอของถูกใจก็คว้าไปกินแบบไม่ขอ เอาจริงๆผมขี้เกียจจะด่ามันแล้วเลยเดินผ่านเข้าไปทักทายคนทั้งชั้นแทน

“สวัสดีครับทุกคน”
ผมโค้งตัวทักทายแทนการไหว้เพราะมันสะดวกกว่ากันเยอะ ไม่ใช่ว่าจะทิ้งวัฒนธรรมไทยอะไรหรอกแต่พนักงานบางคนกำลังติดพันงานตรงหน้าไม่มีเวลาจะยกมือรับไหว้อะไรหรอก แล้วยิ่งพวกสาวๆ นะ... ห้ามนักห้ามหนาเรื่องผมยกมือไหว้พวกเธอที่อายุมากกว่า เธอบอกว่าทำแบบนั้นแล้วรู้สึกตัวเองแก่ยังไงไม่รู้ อยากอายุเท่าๆ น้องข้าวค่ะ จะได้อยู่ในสายตา คือ... มันเกี่ยวกันด้วยเหรอวะ คนไม่ใช่ก็คือคนไม่ใช่นั่นล่ะ พยายามให้ตายก็แค่นั้น

“ว้าย น้องข้าวของพี่ วันนี้เข้าบริษัทได้ด้วยเหรอคะเนี่ย”
พี่เฟียวัยยี่สิบเก้าปี เอาจริงๆ เขาเป็นเพื่อนกับพี่ชายผมนั่นล่ะ เคยพยายามเข้ามาใกล้กันตลอด หยอดบ้างล่ะ หลอกแต๊ะอั๋งบ้างล่ะ หากำไรใส่ตัวเองตลอดทั้งๆ ที่บางครั้งพี่ต้นยืนคุมเชิงอยู่ก็ไม่เว้น จนสุดท้ายโดนขู่ว่าจะโดนตัดโบนัสเท่านั้นล่ะเลยเพลาๆ พฤติกรรมน่ากลัวแบบนั้นลงบ้าง แต่ตอนนี้เข้ามาเกาะแขนกันซะแน่นจนไอ้จุ้นยิ้มล้อเลียนใส่กันอีกแล้ว น่ากระทืบให้จมดิน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้ไอ้ดุ๊กดิ๊กแดกแม่งเข้าไปทั้งตัวเลย น่าหงุดหงิดจริงๆ

“เข้าได้สิครับ นี่มาตรวจงานของพี่เฟียโดนเฉพาะเลยน้า”
ผมพูดเสียงหวานหยดย้อยแถมยิ้มสดใสให้เธอไปด้วย แต่รู้อะไรไหม พี่เฟียปล่อยแขนกันอย่างรวดเร็วแล้วหนีไปยืนเปิดกราฟิกดีไซน์เนอร์คนอื่นที่กำลังพูดคุยกันเรื่องออกแบบฉากในเกมตัวใหม่อยู่ สีหน้าของเธอเหมือนคนกำลังจมน้ำเลยว่ะ... ตลกชะมัด พอพูดถึงเรื่องงานทุกคนจะไม่กล้าเข้ามายุ่งกับผมเลยทีเดียว เพราะตอนตรวจงานจะละเอียดยิบจนบางคนบอกว่าละเอียดเกินไปแล้ว ช่วยไม่ได้นี่เกิดมาเป็นคนหูตาไวก็อย่างนี้ล่ะ

“น้องข้าวพูดไม่เพราะเลยค่ะ! ไม่น่ารักเลย”
เบ้ปากใส่กันไม่พอยังยกนิ้วโป้งส่งให้กันด้วย ผมหลุดหัวเราะแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่มีไอ้จุ้นยืนค้ำโต๊ะแทะแซนวิชทูน่าด้วยหน้าตาสุดฟิน เห็นแบบนั้นก็ยกมือโบกหัวมันไปอีกครั้งแล้วเริ่มรื้อส่วนของตัวเองออกมากินบ้าง สงสัยว่ามันคงเมื่อยเลยเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ กัน เชื่อเถอะว่าหาเรื่องมาคุยอีกแน่ๆ และก็เดาไม่ผิดเพราะหลังจากที่มันยกขวดน้ำเปล่าของผมไปกระดกเสร็จบทสนทนาก็เริ่มขึ้น

“วันนี้แปลกนะ ทำไมพี่ต้นไม่เดินมาส่งมึงเหมือนทุกครั้งวะ”
ผมไม่แปลกใจหรอกที่ใครๆ จะมีท่าทีสงสัยเรื่องที่พี่ต้นไม่มาส่ง ก็บอกไปแล้วว่าปกติเขาจะตามติดมาส่งกันแล้วส่งสายตาอาฆาตใส่ทุกคนให้รู้จักขอบเขตในการเข้าหาผม

“วันนี้แยกกัน”
ผมตอบสั้นๆ เพราะในปากยังมีแซนวิชคาอยู่ ขืนพูดมากมันอาจจะหล่นลงมา แค่คิดก็ซกมกเต็มทนแล้ว

“พี่มึงเป็นไรปะเนี่ย ปกติต้องลงมาขู่พวกพนักงานที่เกาะแกะมึงก่อน”

“พี่กูเป็นคนนะไม่ใช่หมา”
ผมมองตาขวางแล้วคว้าขวดน้ำจากมือมันมากระดกต่อ ไอ้จุ้นยิ้มแห้งๆ ก่อนจะใช้มือหยาบๆ บีบนวดแขนอย่างเอาใจ ให้ตายเถอะ ไม่รู้ไอ้พีชคิดยังไงเอามันเป็นแฟน ทั้งกากทั้งเกรียนแถมยังเลี้ยงหมาเต็มปากอีก เจริญๆ

“โอย กูไม่ได้หมายความอย่างนั้น แล้วตกลงเป็นอะไรวะ”
ยัง... ยังไม่เลิกสงสัยอีก แต่ก็เป็นปกติที่ไอ้จุ้นจะเป็นห่วงพี่ต้นเพราะมันก็เหมือนน้องชายคนหนึ่งของเขาเหมือนกัน บางครั้งยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกอยู่เลย ทั้งสองคนสนิทกันมากกว่าที่ใครหลายๆ คนจะคิดได้อีก

“พี่เต้ยโทรมาขอคืนดี”

“เหี้ย! ยังกล้าอีกเหรอวะ”
ไอ้จุ้นอุทานจนคนอื่นหันมามอง ผมนี่แทบสำลักน้ำเลยทีเดียว จะตกใจอะไรขนาดนั้นวะเฮ้ย ชาวบ้านได้ยินกันทั้งบริษัทแล้วมั้งมึง เก็บความลับบ้างเว้ย

มันก้มหัวออกปากขอโทษขอโพยคนอื่นที่นั่งทำงานด้วยรอยยิ้มแหย่ๆ ก่อนจะหันมาทำตาเหลือกใส่กันด้วยความตกใจที่ยังค้างอยู่ ผมวางขวดนมลงแล้วถอนหายใจออกมา พิงหลังลงกับพนักเก้าอี้แล้วล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้ออกมากดเล่น ไม่อยากจมจ่อมอยู่กับเรื่องพี่เต้ยให้มาก เพราะส่วนลึกก็คิดว่าบางครั้งตัวเองอาจจะมีส่วนผิดด้วยล่ะมั้งที่เขาเลิกกัน ถ้าผมไม่ได้อัธยาศัยดีเกินไปหน่อยคงไม่ทำให้เธอตกหลุมรัก...



ต่อด้านล่างนะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
«ตอบ #8 เมื่อ25-11-2016 21:28:30 »

“กูก็ไม่เข้าใจเขาหรอก แต่พี่ต้นก็ใจแข็งไม่ยอมรับโทรศัพท์นะ”
ผมเล่าไปตามที่ประสบพบเจอมา ถ้าเขาเผลอใจอ่อนรับสายอีกสักครั้งคงถึงคราวบรรลัย มีอยู่สองทางเลือกคือกลับไปเป็นเพื่อนหรือด่าแม่งแล้วตัดขาดทุกการติดต่ออย่างถาวร

“แล้วยังไงต่อวะ”

“แย่ว่ะจุ้น พี่ต้นยังรักพี่เต้ยอยู่ แต่กูรู้ว่าเขาจะไม่ยอมกลับไปเป็นคนโง่อีก”

“เออ พี่ต้นไม่กลับไปในวังวนเดิมๆ หรอก”
ไอ้จุ้นตบไหล่กันเป็นเชิงปลอบใจ ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกแค่กลัวพี่ชายเจ็บซ้ำซากเท่านั้นเอง

“เออ เย็นนี่ว่าจะพาคุณชายไปกินเหล้าสักหน่อย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็อยากให้มันผ่อนคลายบ้าง มึงจะไปด้วยกันปะ”

“ไปร้านไหน”

“Addict”

“ติดใจคนที่นั่นปะวะ ฮิ้ว”

“ฮิ้วพ่อง... เดี๋ยวโบกกบาลแยกเลยมึงนี่ มันอยู่ใกล้คอนโดกูเว้ย”

ทำไมต้องแซวว่าติดใจใครที่นั่นด้วยวะ เท่าที่จำได้ก็รู้จักไอ้น้องแฮงค์คนเดียว

หลังเลิกงานก็ได้รับคำตอบจากพี่ชายบังเกิดเกล้าว่าจะยอมไปกินเหล้าด้วย ผมเลยอาสาขับรถขากลับให้และทำการโทรผ่านไลน์ไปหาเฟรนด์ แต่มันกลับทรยศแล้วยัดเยียดไอดีไลน์น้องชายมาให้แทน ด้วยเหตุผลที่ว่าติดธุระอยู่ ไม่สะดวกคุยกัน เฮ้อ เลยได้แต่ทำใจแล้วนั่งมองตัวอักษรให้หน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาให้ทางข้อความ ‘hangout69’ คือ... ไม่อยากจะคิดลามกแต่มันอดไม่ได้ว่ะ แล้วก่อนที่เฟรนด์จะวางสายไปยังทิ้งประโยคชวนคิดไว้อีกว่า ‘แฮงค์มันเต็มใจให้บริการแกเสมอ’ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง น้องมันก็ทำตามหน้าที่ไง

อาจจะนั่งมองนานเกินไป คนขับรถส่วนตัวเลยสะกิดแขนกันระหว่างรถติดไฟแดง ผมรีบหันไปมองหน้าเขาก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า พี่ต้นเลยชี้มือมาที่หน้าจอสี่เหลี่ยม ผมเลยร้องอ๋อออกมาเบาๆ

“เฟรนด์มันให้ไอดีไลน์น้องชายมาอะ”

“แล้วไง เห็นนั่งมองนานแล้ว”

“กำลังจะแอดนี่ล่ะ แต่คือไอดีมันลามกว่ะพี่ต้น”
ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้เขาดู สีหน้าอึมครึมในตอนแรกกลับไปเป็นยกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วใช้มือผลักหัวกันเบาๆ แล้วนี่ผิดอะไรอีกอะ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยวะเฮ้ย ผมเบ้ปากใส่แล้วดึงโทรศัพท์กลับมาก่อนจะก็อปป้ไอดีไลน์ไปแอดเรียบร้อย

ภาพโปรไฟล์ที่ปรากฏทำให้ผมต้องเบะปากแรง เพราะไม่ได้โชว์หน้าตาอันหล่อเหลาของมันหรอกแต่เป็นแผ่นหลังที่มีกล้ามเนื้อแน่นๆ โคตรอิจฉาเลยว่ะ เคยพยายามเข้าฟิตเนสแล้วแต่ความพยายามคงมีน้อยเกินไป และมีความขี้เกียจสูงลิบลิ่ว อย่าโทษใครให้โทษความสโลว์ไลฟ์ของตัวเอง

“น่าหมั่นไส้”
ผมพึมพำแล้วกดแอดเฟรนด์ไปทันที ตอนแรกก็คิดจะทักไปเลยแต่โดยพี่ต้นเรียกซะก่อนเลยยั้งมืออยู่แค่นั้น

“ข้าวบ่นอะไรงุ้งงิ้ง”

“หมั่นไส้ไอ้น้องแฮงค์”

“หืม อะไรนะ”

“น้องของเฟรนด์ไง ชื่อแฮงค์ พี่ต้นดูรูปโปรไฟล์มันดิ น่าหมั่นไส้มาก”
ผมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้พี่ชายดูอีกครั้ง คราวนี้เขาหลุดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าทำไมน้องชายของตัวเองต้องไปอิจฉาชาวบ้านเขาถึงขนาดบ่นงุ้งงิ้งได้ โอย ยืนยันเลยว่าเกลียดคนรู้ทัน!

“ตลกอะไรนักหนา”
ผมว่าเสียงขุ่นก่อนจะผลักไหล่เขาไปเต็มแรงจนกระแทกกับกระจกด้านข้าง ทำถึงขนาดนั้นแต่ยังไม่หยุดหัวเราะอีก โอ้ย ไม่สนใจแล้วเว้ย คุยกับแฮงค์ก่อนดีกว่า ไม่อยากสนใจเรื่องไร้สาระแล้ว! แต่ก่อนที่จะได้พิมพ์อะไรลงไป แชทของใครบางคนกลับเด้งขึ้นมาซะอย่างนั้น... หึหึ ไวฉิบหาย จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่หรือไงวะ

แฮงค์
-   พี่ข้าว! แอดมาได้ยังไงครับเนี่ย 17:30

ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมน้องมันรู้ว่าเป็นผมก็ทั้งชื่อไลน์ทั้งรูปโปรไฟล์บอกตัวจนได้เป็นอย่างดี และดูเหมือนแฮงค์จะตกใจโอเวอร์มากเพราะมันแถมสติ๊กเกอร์หมีบราวน์ตกใจมาด้วย

ข้าว
-   เฟรนด์ให้ไอดีไลน์เรามา พอดีพี่ว่าจะเข้าไปที่ร้านน่ะ 17:30

แฮงค์
-   โอ้ ได้เลยครับ มาถึงเมื่อไหร่บอกผมนะ เดี๋ยวดูแลเอง 17:30

เชื่อไหมว่าพอพิมพ์ตอบกลับไปมันขึ้นว่าอ่านแล้วมันทีและตอบกลับมาอย่างรวดเร็วด้วย... ไอ้เด็กนี่

ข้าว
-   คงสักอีกหนึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง รถติดมาก 17:31
-   เออ ไม่ต้องมาดูแลหรอก พี่แค่บอกเอาไว้ เราทำงานไปเถอะ 17:31

แฮงค์
-   เอาน่า ผมอยากดูแลพี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องงานหรอก สบายมาก 17:31

เชื่อไหมว่าผมขี้เกียจเถียงกับเด็กเลยปล่อยไป อยากดูแลก็ทำไป ดีซะอีกไม่ต้องชงเหล้าเอง สบายสุดๆ

ข้าว
-   เออๆ จะทำอะไรก็ทำ โดนเฟรนด์ด่าแล้วอย่ามางอแงกับพี่นะเว้ย 17:32

แฮงค์
-   พี่ข้าวน่ารักว่ะ 17:32

เชื่อไหมว่าผมเฝ้าถามตัวเองเป็นร้อยครั้งหลังจากอ่านข้อความของแฮงค์จบว่าตัวเองไปทำอะไรน่ารักใส่มันตอนไหน




---------------------------------------------------------------

คนเราน้อ ชมเขาได้ชมเขาดี... หึหึ
แต่มีหรือที่ไอ้คนถูกชมมันจะเข้าใจ 5555555555

อ่านให้สนุกน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2016 14:44:55 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
«ตอบ #9 เมื่อ25-11-2016 22:17:59 »

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-11-2016 22:17:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
«ตอบ #10 เมื่อ25-11-2016 22:36:24 »

งุ้ยยยยยยยยย

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 1 -P.1- (25.11.2016)
«ตอบ #11 เมื่อ26-11-2016 03:09:50 »

แฮงค์แอบรักข้าวแต่ข้าวไม่รู้แต่เพื่อนรู้สินะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #12 เมื่อ29-11-2016 13:43:06 »

เมาครั้งที่ 2




วันนี้บรรยากาศภายในร้าน Addict ดูคึกครื้นมากกว่าเมื่อหลายวันก่อนอยู่มากทีเดียว อาจจะด้วยเป็นเวลาหลังเลิกงานที่ผู้คนต่างหาข้าวกินก่อนกลับบ้าน ผมกับพี่ต้นถูกแฮงค์พามานั่งที่เดิม ใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ หลอดไฟเล็กๆ ส่องแสงสีส้มนวลตาให้ความรู้สึกอบอุ่น เพลงที่เปิดคลอเป็นสไตล์ฟังสบายๆ ไม่เร่งเร้าหรือเศร้าจนเกินไป อากาศร้อนอบอ้าวเล็กน้อยทำให้ต้องพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อลงอีกเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกขาววับๆ แวมๆ เล็กน้อย พี่ต้นก็ทำไม่ต่างกัน

แฮงค์ทิ้งพวกผมเอาไว้ที่โต๊ะแล้วเดินหายเพื่อไปหยิบเมนูอาหารและเครื่องดื่มมาให้เลือก พี่ต้นดูผ่อนคลายมากกว่าเมื่อเช้าอยู่มากแต่ก็ยังเห็นร่องรอยแห่งความเครียดอยู่บนใบหน้า ด้วยความที่ไม่อยากขัดคนที่กำลังดื่มด่ำบรรยากาศโดยรอบเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไอ้จุ้นที่ยังไม่ให้คำตอบกันว่าจะมาด้วยหรือเปล่า รอไม่นานนักปลายสายก็รับผมเลยกรอกเสียงสบายๆ ลงไป

"ฮัลโหล"

'เออๆ กูไปไม่ได้นะมึง'
ไอ้จุ้นตอบกลับมาอย่างรู้ทันว่าผมมีธุระอะไรด้วย น้ำเสียงที่ได้ยินฟังแล้วให้ความรู้สึกนอยด์ๆ ยังไงไม่รู้

"ทำไมวะ"
ถามออกไปทั้งที่ในใจก็เดาได้ว่าคงไม่พ้นติดเรื่องไอ้พีชแน่ๆ รายนั้นดูไม่ค่อยสนใจกันแต่จริงๆ แล้วขี้หึงขี้หวงมากกว่าใครๆ คนปากไม่ตรงกับใจก็แบบนี้ล่ะนะ แต่เมื่อไหร่ที่โดนกดดันมากๆ มันจะพูดออกมาเอง

'พีชทำโอทีว่ะ ฝากกูเลี้ยงไอ้ดุ๊กดิ๊ก แม่ง ทำอย่างกับมันเป็นเด็กอ่อน'
เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังลอดออกมาจนผมหลุดหัวเราะเบาๆ จะบอกว่าเห็นใจก็คงใช่แต่ตลกมากกว่า เพราะคนหนึ่งปากแข็ง คนหนึ่งไม่ค่อยคิดอะไรมาก

"เออๆ เลี้ยงไปนะมึง นี่... กูว่าควรเปลี่ยนชื่อแมวนะ เรียกแล้วเหมือนไส้เดือนยังไงไม่รู้"
ผมว่าตามความรู้สึก เพราะตอนเรียกชื่อแมวแล้วเผลอคิดถึงไส้เดือนไปซะทุกที อะไรดลบันดาลให้ไอ้พีชตั้งชื่อนี้ก็ไม่รู้

'มึงคิดว่ากูไม่เคยประท้วงเรื่องนี้หรือไง พออ้าปากจะบอกด่ากูเสือกทุกที'
ไอ้จุ้นว่าด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ จนสามารถจินตนาการหน้ามันตอนนี้ได้เลย คงกำลังกรอกตาและเบะปากอยู่แน่ๆ อยากหัวเราะอีกรอบแต่กลัวเพื่อนโกรธ เลยได้แต่พยายามกลั้นเสียงเอาไว้

"กูไปบอกให้เอาปะ"

'หยุดๆๆ ไม่ต้องเข้าใกล้เมียกูเลยนะ มึงเสวนากับไอ้พีชทีไร มันเคลิ้มตลอด เห็นแล้วน่าหมั่นไส้!'
ผมถึงกับปล่อยก๊ากออกมาอย่างไม่อายใครเมื่อฟังไอ้จุ้นพูดจบ จริงอย่างที่มันว่านั่นล่ะ เพราะพีชเป็นแฟนคลับของผมมาก่อนที่จะตกลงปลงใจตกนรกทั้งเป็นกับไอ้จุ้นซะอีก เคยได้ยินมันพูดกับกลุ่มเพื่อนอยู่ครั้งหนึ่งว่าถ้าได้ผมเป็นผัวสักครั้งจะตั้งใจเรียน คือวันนั้นผมไม่เฉียดกายเข้าไปใกล้ไอ้พีชเลย กลัว

"โอย กูปวดท้อง"
ผมพูดเสียงสั่นเพราะหยุดหัวเราะไม่ได้จนพี่ต้นมองกันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรนักหนา และตอนนั้นเองเพิ่งรู้ตัวว่าแฮงค์เอาเมนูมาให้แล้ว สงสัยจะคุยเพลินจนลืมสังเกตสิ่งรอบข้างเหมือนเคย ถือว่าเป็นข้อเสียของผม

เมื่อโดนทั้งสายตาของพี่ต้นและแฮงค์มองมาอย่างสงสัยผมเลยยิ้มกว้างกลับไปโดยไม่ตอบอะไรแล้วพยักพเยิดหน้าเป็นเชิงให้สั่งอาหารไปก่อนเลยจะได้ไม่เสียเวลามากนัก ซึ่งพี่ชายก็เข้าใจและทำตามอย่าง่ายดาย

'หยุดเลยนะมึง เออ กูไปอาบน้ำละ แค่นี้นะเว้ย อย่าดื่มเยอะเดี๋ยวขับรถกับไม่ไหว'

"โอเคๆ บาย"
ผมวางสายหลังจากที่บอกลากันเรียบร้อย รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากเพราะได้รับความห่วงใยจากเพื่อนสนิทมา พอได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศร้านอีกครั้งถึงได้รู้ว่าพี่ต้นกำลังออกปากสั่งอาหารอยู่ โดยมีแฮงค์รับออเดอร์ด้วยอุปกรณ์สี่เหลี่ยม ทันสมัยดีและรวดเร็วอีกต่างหาก

"ข้าวจะสั่งอะไรเพิ่มไหม"
พี่ต้นเงยหน้ามาถามกันก่อนผมจะส่ายหน้าพรืด เพราะเท่าที่ได้ยินนั้นรวมๆ กันก็ประมาณสี่ห้าอย่างเข้าไปแล้ว นี่มากันแค่สองคนนะ สั่งมาถมที่หรือไงวะ แล้วอีกอย่างนะ ไอ้เด็กในชุดนักศึกษาตรงหน้ามันจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรนักหนา หรือหน้าผมติดสกปรกตรงไหนไหม

"ยิ้มอะไรแฮงค์"
ผมถามเขากลับไปแล้วใช้มือลูบตามใบหน้าของตัวเองไปเรื่อย แต่ยิ่งใช้สายตาจ้องคนตรงหน้าเท่าไหร่รอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้นไปอีกเท่าตัว อย่าบอกนะว่าบาร์เทนเดอร์เมาตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่ม

"มีความสุขก็ต้องยิ้มสิครับ ถูกไหม"
แฮงค์ตอบกลับมาทำให้ผมถึงกับเงียบไปชั่วอึดใจ มันก็จริงที่มีความสุขแล้วทำให้คนยิ้มได้ แต่มากไปปะวะ มองหน้ากันแล้วยิ้มเนี่ย รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นสิ่งดีๆ ของเขาไปซะอย่างนั้น ฟุ้งซ่านไปอีก

"มีความสุขตอนมองหน้าพี่หรือไง ยิ้มจนปากจะฉีกแล้ว"
พูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะยักคิ้วกวนๆ ให้ ก็แค่อยากแซวเล่นไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอกน่า ก็เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น อาจจะเจออะไรดีๆ มาก่อนหน้านี้ก็ได้

"หึหึ... ไปดีกว่าครับ พี่ข้าวชวนผมคุยเพลินเดี๋ยวรออาหารนานนะ"
พูดจบก็ทิ้งรอยยิ้มหล่อๆ ไว้พร้อมกับความสงสัยที่ยังไม่จางหาย แต่ด้วยนิสัยที่เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรเลยช่างมันได้อย่างง่ายดายแล้วกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ ดวงตาคมคู่นั้นมองมาอย่างจับผิดกัน สายตาส่อแววคาดคั้นอย่างไม่ปิดบัง ผมได้แต่เลิกคิ้วขึ้นเพราะไม่ค่อยเข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

"สนิทกันเหรอ"
คำถามแบบนี้เกิดขึ้นเสมอเมื่อเขาเห็นว่าผมคุยเล่นกับใครได้อย่างสนิทใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ต้นลืมไปหรือเปล่าว่าน้องชายตัวเองเป็นคนอัธยาศัยดีไม่คิดเล็กคิดน้อย หรืออาจจะเป็นเพราะความขี้หวงบังตา ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับผมเขาจะออกอาการแบบนี้ทั้งนั้น เพราะสมัยนี้เรื่องเพศไม่สำคัญ ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกปลูกฝังโดยพ่อกับแม่ว่า 'ลูกจะรักใครเพศไหนก็ได้แค่ไม่เป็นคนเลวก็พอ'

พี่ต้นมองกันด้วยสายตาคาดคั้นเมื่อผมไม่ได้ตอบคำถามในทันที ก็เพราะมัวแต่คิดว่ากับแฮงค์จะเรียกว่าสนิทกันได้ไหม ถ้านับรวมๆ แล้วรู้จักกันแค่สามวันเอง และได้ขอสรุปเป็นกลางว่า...

"ไม่ได้สนิทหรอกพี่ เพิ่งรู้จักกันเอง แต่น้องมันอัธยาศัยดีไง"
ผมพูดไปตามที่คิดเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่การที่ได้คุยกับแฮงค์ถือเป็นเรื่องราวดีๆ น้องคุยสนุก ไม่ถือตัว แถมยังเอาใจใส่ดูแลลูกค้าดีอีกด้วย แต่ดูเหมือนพี่ต้นไม่คิดแบบนั้น เพราะหัวคิ้วของเขาขมวดแต่แน่นจนเกรงว่าจะคลายไม่ออกเลยทีเดียว ทำไมแต่ละคนต้องมองความเป็นแฮงค์ตรงข้ามกับผมด้วยวะ ไอ้จุ้นก็คนหนึ่งแล้ว

"ตรงไหนที่เรียกว่าอัธยาศัยดี ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ทำหน้าขรึมจะตายไป"
พี่ต้นพูดจบก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ขายาวยกขึ้นไขว่ห้างตามแบบฉบับของเจ้าตัว ดวงตาคมจับจ้องมายังผมที่ขมวดคิ้วแน่นกับคำกล่าวหาของพี่ชาย อีกแล้วเหรอ เหมือนกับไอ้จุ้นเคยพูดไม่มีผิด แล้วรอยยิ้มสดใสที่เพิ่งเห็นไปเมื่อครู่มันคืออะไรล่ะ ยังไม่ได้แตะแอลกอฮอล์สักหยดคงไม่เบลอขนาดมโนเอาเองมั้ง

"ก็เมื่อกี้... น้องยิ้มให้ผม พี่ต้นก็เห็นไม่ใช่หรือไง"

"เห็น และพี่คิดว่ามันแปลก ถ้าไม่ได้สนิทกันมันอาจจะชอบข้าว"
ผมรีบวางแก้วน้ำในมือลงทันที ว่าจะยกขึ้นดื่มแก้กระหายสักหน่อยแต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าตรงหน้า เคยสงสัยอยู่เหมือนกัน ความหมายของคำว่าชอบที่แฮงค์เคยพูด มันคืออะไร แล้วของพี่ต้นล่ะ คือความชอบแบบไหน

"เดี๋ยวๆ ชอบความหมายไหน"
ผมรีบถามต่อแบบไม่เว้นจังหวะให้พี่ชายได้ทันหายใจ และหวังว่าเขาจะอ้าปากตอบได้ทันที แต่เปล่าเลย เพราะร่างสูงของแฮงค์พร้อมกับถาดเสิร์ฟอาหารเดินตรงเข้ามาแล้ว การสนทนาทั้งหมดเลยโดนยุติไป

"ต้องการอะไรเพิ่มเรียกผมได้ครับ อยู่ที่บาร์นะ"
เสิร์ฟอาหารเสร็จแล้วหันมาพูดกับผมพร้อมขยิบตาให้แล้วเดินจากไป พี่ต้นเหลือบมองแฮงค์แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากัน มือเรียวหยุดชะงักทันทีที่โดยพี่ชายจ้อง อะไรอีกล่ะวะ หิวข้าวเนี่ย

"ข้าว พี่ไม่อยากให้แกเข้าใกล้เด็กนั่น"
ผมแทบทำช้อนส้อมหล่นจากมือ ดวงตากลมมองสบพี่ชายด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องออกปากถึงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่แฮงค์ก็ไม่ได้แสดงกริยามารยาทเสียๆ ออกมาซะหน่อย คือไม่ใช่ว่าผมต่อต้าน แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนั้นนี่

"หมายความว่ายังไง"

"มันเป็นตัวอันตราย"

"คืออะไรพี่ต้น น้องมันยังไม่ได้ทำอะไรแย่ๆ เลยนะเว้ย ทำไม่พูดแบบนั้น"
ผมเริ่มหงุดหงิดความขี้ระแวงของพี่ต้น ครั้งนี้มันไร้เหตุผลเอามากๆ ถ้าจะหวงกันขนาดนั้นก็ลามโซ่ผมเก็บไว้ในบ้านเถอะ อย่าปล่อยให้ออกไปไหนมาไหนหรือแม้แต่ทำงานติดต่อกับคนอื่นเลย บางครั้งผมก็อยากย้ายกลับไปอยู่คอนโดเหมือนสมัยเรียน มีอิสระกว่าอยู่บ้านเยอะ

"พี่คิดว่ามันชอบแก"

"ชอบในความหมายไหน"
อีกครั้งที่คำถามเดิมเวียนกลับมา มันโดยปัดทิ้งมาหลายรอบจนผมเกือบปงตกไปแล้ว คราวนี้ได้โอกาสอีกครั้งก็อยากรู้คำตอบสักที ดวงตากลมจ้องพี่ชายเขม็ง หัวใจเต้นถี่ขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังลุ้น เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ และเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"ชอบแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถรู้สึกกับอีกคนหนึ่งได้"

"พี่คิดมากไปปะวะ แต่ถ้าน้องชอบผมจริงก็แล้วไง ตราบใดที่เขาไม่ทำให้อึดอัด ผมชิลล์อยู่แล้ว"
แอบตกใจกับคำตอบของพี่ต้นอยู่เหมือนกัน แต่ก็ตามที่ได้พูดออกไปแล้ว ใครจะชอบใครมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ บังคับไม่ได้หรือเปล่า ถ้าเกิดแฮงค์คิดเกินเลยกับผมจริงๆ ก็แล้วยังไงล่ะ ถ้าไม่ทำให้อึดอัดอะไรๆ มันก็ปกติเหมือนเดิม

"ข้าว"
อีกแล้ว น้ำเสียงกดดันให้ยอมเชื่อฟัง แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะรับคำสั่งงี่เง่านั่น ตราบใดที่แฮงค์ไม่ทำนิสัยแย่ๆ ผมก็จะคุยกับเขาต่อไป

"กินข้าวเถอะ กับข้าวชืดหมดแล้ว"
ผมบอกปัดแล้วลงมือกินข้าวทันที ไม่เปิดช่องว่างให้พี่ชายขี้หวงได้ทำหน้าที่อีก ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ดังลอยมาก่อนที่เสียงช้อนส้อมจะดังขึ้น

หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย เวลาแห่งวงเหล้าก็มาถึงเมื่อแฮงค์เสิร์ฟทั้งเหล้าและโซดา ตามด้วย B52 ของโปรดผมเอง หน้าที่ชงเหล้าเป็นของบาร์เทนเดอร์ที่สละตนเองเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ซะอย่างนั้น ตอนแรกๆ พี่ต้นตาขวางไม่หยุด แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็ไม่แสดงท่าทางเป็นปรปักษ์อีก ก็บอกไปแล้วว่าพี่ต้นน่ะคิดมาก เดือนมหา’ลัยแบบนั้นต้องคู่กับดาวสิวะ เดือนกับเดือนมันคงไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่จริงไหม

พี่ต้นกระดกแก้วเหล้าไม่หยุดหย่อนจนผมได้แต่อ้าปากค้าง เพราะไม่ว่าแฮงค์จะชงไวสักแค่ไหนแต่ก็ไม่ทันพี่ชายผมดื่มสักที แล้วที่สำคัญคือ... เขาคออ่อน ให้ตายเถอะ แล้ววันนี้ผมจะแบกพี่ขึ้นคอนโดยังไงล่ะเนี่ย ไอ้ความสูงร้อยแปดสิบไม่ได้ช่วยคนที่สูงร้อยแปดสิบเจ็ดเลยสักนิด แถมขนาดรูปร่างยังต่างกันลิบลับ คิดแล้วก็อยากตายซะตรงนี้

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่ต้นเคยไปสังสรรค์กับพนักงานในบริษัทเรียกอีกอย่างว่างานสต๊าฟปาร์ตี้ก็ได้ ตอนนั้นคิดว่าผู้ชายอย่างผมคงแบกพี่ชายได้สบายๆ แต่คนเมาแล้วแข้งขาอ่อนทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดมาให้กันคือผมแทบล้ม ไอ้จุ้นต้องมาช่วยกันประคองแล้วลากไปเปิดห้องที่โรงแรมนั้นแบบกะทันหัน คิดแล้วยังสยองอยู่เลย แต่ดีหน่อยที่เขาเมาแล้วจะนิ่งไม่โวยวายเหมือนคนอื่นๆ บางครั้งมีร้องไห้บ้าง หมดสภาพเจ้าของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่กันเลยทีเดียว

“พี่ต้น เบาๆ หน่อย ดื่มมากไปแล้วนะเว้ย”
ผมท้วงและพยายามดึงแก้วเหล้าออกจามือเขา แต่คนเมากลับหลบได้ทันแล้วกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วในครั้งเดียว แฮงค์ซึ่งทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พี่ต้นได้แต่ขมวดคิ้วยุ่ง คงเพราะสงสัยว่าเป็นบ้าอะไรถึงได้เอาแต่ดื่มไม่มีหยุดพักขนาดนั้น มือเรียวที่คอยชงเหล้าให้ก็หยุดชะงักไปเมื่อพี่ชายเริ่มร้องไห้เงียบๆ

“ฉิบหาย... พี่ชายพี่เป็นอะไรเนี่ย”
แฮงค์หันมาทำตาโตใส่กันแล้วกระซิบกระซาบกันเป็นการใหญ่ ผมหัวเราะก่อนจะไหวไหล่ไม่สนใจอะไรเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พี่ต้นจะร้องไห้เวลาเมา แต่ครั้งนี้อาจจะหนักหน่อยเพราะมันพ่วงเรื่องพี่เต้ยเข้าไปด้วย

“เรื่องปกติว่ะ พี่ต้นเมาแล้วจะร้องไห้ แต่วันนี้คงหนักหน่อยเพราะแฟนเก่ามาขอคืนดี”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงราบแล้วยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มบ้างหลังจากที่ซัด B52 ไปแล้ว บางทีก็คิดว่าการเกิดเป็นคนคออ่อนมันก็ดีนะ ไม่เปลืองค่าแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ แต่ผมดันเป็นคนคอแข็งนี่ดิ... จะจนก็เพราะแบบเนี่ย ดื่มแล้วมันติดลม

หลังจากแฮงค์ได้ฟังคำตอบหัวคิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก ดวงตาคมก็เอาแต่มองพี่ต้นสลับกับผม วิเคราะห์จากใบหน้าของเขาแล้วคงคิดว่าแฟนเก่ามาขอคืนดีแล้วมันน่าร้องไห้ตรงไหนประมาณนั้นมั้ง

“พี่ข้าว... อย่าหาว่าผมเสือกเลยนะ แต่แฟนเก่ามาขอคืนดีมันต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ”
แฮงค์ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อน้ำตาของพี่ต้นไหลแบบไม่ขาดสาย ไร้เสียงสะอื้นไร้ซึ่งอาการโวยวายจนดูน่ากลัว แต่เชื่อไหมว่าเขาไม่รับรู้หรอกว่าพวกเราคุยอะไรกันบ้าง ประสาทรับรู้คงปิดตัวและดำดิ่งสู่ห้วงความคิดของตัวเองไปแล้ว เป็นผมเองที่ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้กับน้องมันไปเป็นเชิงบอกว่าไม่ได้เสือกอะไรหรอก เรื่องแค่นี้พูดกันได้สบายมากอะไรทำนองนั้น

“พี่เต้ยเขาเคยนอกใจพี่ต้นน่ะ”

“เฮ้ย จริงดิ แล้วมือที่สามเป็นใครวะพี่ถึงได้ชนะคนอย่างพี่ต้นเนี่ย”
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่แฮงค์จะสงสัยว่ามือที่สามเป็นใคร เพราะพี่ต้นหน้าตาดีกว่าผมเป็นไหนๆ เอาเป็นว่าหล่อเข้มตามสเปคของสาวๆ หลายคนเลยก็ว่าได้ แถมยังดูสุขุมน่าค้นหา แต่กลายเป็นว่าเด็กหน้าตาเกาหลีอย่างผมชนะเขาได้... ตลกดีไหมล่ะ

“พี่เอง... แต่ไม่ใช่มือที่สามหรอกนะ พี่เต้ยเขาชอบพี่น่ะ”

“ชอบพี่ข้าว แต่คบพี่ต้นเหรอ คืออะไรวะ โคตรซับซ้อนเลย”

“เออน่า ขี้สงสัยจริงวะ ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยแล้วกัน”
ผมพยักพเยิดให้แฮงค์ชงเหล้าดื่มเป็นเพื่อน เพราะดูท่าทางพี่ชายผมคงนั่งนิ่งร้องไห้อยู่แบบนั้นทั้งคืนนั่นล่ะ ไม่มีใครช่วยอะไรได้หรอกถ้าเขาอยากกลับไปนอนเดี๋ยวก็เปิดปากบอกกันเองนั่นล่ะ คนอายุน้อยที่สุดในโต๊ะก็ทำตามอย่างไม่อิดออด นั่งเป็นเพื่อนกันจนเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่ม พี่ชายตัวดีเลยอ้าปากบอกว่าง่วงแล้ว ปวดตา... อืม มึงปวดตาเพราะร้องไห้ครับพี่ไม่ใช่เพราะมึงง่วง โอย ชีวิต

หลังจากที่ผมจ่ายค่าเสียหายในราคาลดสิบเปอร์เซ็นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาหามยักษ์กลับคอนโดสักที บ้านก็อยากกลับนะแต่มันไกลเกินเอื้อมสำหรับเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ พี่ต้นยังนั่งนิ่งในขณะที่แฮงค์เตรียมพร้อมจะหิ้วปีกคนเมาแล้ว เราตกลงกันว่าเดี๋ยวน้องจะนั่งรถไปคอนโดแล้วช่วยหามพี่ต้นขึ้นห้องเรียบร้อย ผมจะกลับไปส่งเขาที่ร้านอีกครั้งเพราะเจ้าตัวนักกับเฟรนด์เอาไว้

“เอ้า คนเมาลุก!”
ผมพูดก่อนจะเดินตรงไปหิ้วปีกพี่ชายอีกข้างไว้ ในขณะที่แฮงค์ก็ทำแบบเดียวกัน เชื่อไหมว่าผมแทบหนีเพราะกลิ่นละมุดหึ่งเกินกว่าจะรับไหว จากตัวเองยังไม่เท่าไหร่แต่จากคนอื่นนี่เกินจะบรรยายจริงๆ ให้ตายเถอะ

ระหว่างทางเดินไปที่รถนั้นช่างยากลำบากเพราะพี่ต้นเอาแต่จะทิ้งตัวลงนอนลูกเดียว ลำบากพวกผมต้องคอยยื้อยุดฉุดกระชากจนปวดไหล่ไปหมด กว่าจะเอาเขายัดใส่รถได้ก็เปลืองพลังงานไปเยอะจนท้องเริ่มประท้วงอีกครั้ง เฮ้อ ลำบากลำบนจริงวะ

“คอนโดพี่ข้าวอยู่ที่ไหนครับ”
คนที่นั่งข้างๆ เอ่ยถามเมื่อรถกำลังติดไฟแดงอยู่สี่แยกที่เมื่อเช้าผมเจอกับเขา ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเห็นถึงจะถูก เพราะเจ้าตัวไม่รู้อะไรด้วยสักหน่อย แต่ไม่คิดจะเล่าให้ฟังหรอก เพราะไม่ได้สำคัญอะไร

“คอนโด xxx รู้จักปะ”
ผมถามกลับไปแล้วเหยียบคันเร่งออกรถอีกครั้งเมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏ แฮงค์ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มให้กัน ก็มันอยู่แถวมหา’ลัยเขานี่ คงไม่แปลกที่นักศึกษาของที่นั่นจะรู้จัก

“รู้จักครับ อยู่ชั้นไหนเหรอ”

“ชั้นบนสุด วิวดี แต่ตอนลิฟท์เสียคืออยากตาย”
คิดดูแล้วกันต้องลงบันไดสิบห้าชั้น กว่าจะได้ออกไปไหนคือขาสั่นแล้ว... ตายกันพอดี

   หลังจากหิ้วปีกคนเมามาถึงห้องผมก็ให้แฮงค์นั่งพักดื่มน้ำให้หายเหนื่อยซะก่อนเพราะตัวเองต้องจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับพี่ต้น ขืนให้ผมไปส่งน้องแล้วกลับมาทำทีหลังคงไม่เอาแล้ว

   “ผมช่วยไหม”
   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองบุคคลที่ยื่นหน้าเข้ามาเพียงเสี้ยวเดียวที่ประตู ตอนนี้กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่ต้นและพยายามถอดเสื้อเชิ้ตให้อยู่ แต่เขาไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิดเพราะเจ้าตัวนอนอืดและไม่ยอมขยับตัวไปไหน จะดึงออกไปเลยก็กลัวว่าเสื้อจะขาดคามือผมซะก่อน... จากที่ไม่อยากให้แขกมาช่วยกลับต้องเปลี่ยนใจแล้วพยักหน้าให้แฮงค์เดินเข้ามาในห้องแทน จริงๆ คือผมโคตรง่วงด้วยล่ะเลยไม่มีแรงต่อสู้เท่าที่ควร

   “ช่วยตะแคงตัวพี่ต้นหน่อย จะถอดเสื้อ”

   “โอเคครับ”

   หลังจากนั้นเราก็จัดการเปลื้องเสื้อผ้าคนเมาให้เหลือแต่บ๊อกเซอร์ก่อนที่แฮงค์จะอาสาไปเตรียมน้ำใส่กะละมังให้ ส่วนผมเดินไปรื้อตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเอาสิ่งจำเป็นทุกอย่างที่ต้องการใช้ออกมา รวมทั้งของตัวเองด้วย กลับจากไปส่งแฮงค์จะได้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเลยแบบไม่ต้องเสียเวลา

   ผมเริ่มเช็ดตัวให้พี่ต้นไปเรื่อยๆ ส่วนแฮงค์ก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเล็กในห้องนอนโดยอ้างว่าเผื่อผมต้องการความช่วยเหลือกจะได้ง่ายหน่อย ไม่ต้องตะโกนเรียกอะไรทำนองนั้น ก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้สติที่ควรเต็มร้อยกลับเหลือเพียงแค่หกสิบนิดๆ พอรู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป สมองเลยคิดหาบทสนทนาขึ้นมา

   “เปิดเทอมแล้วเหรอ เห็นใส่ชุดนักศึกษา”
   ถามในขณะที่ตัวเองยังสาละวนกับการเช็ดตัวคนเมา ได้ยินเสียงขยับตัวดังมาจากโซฟาเล็กน้อยทำให้ผมลอบยิ้มได้ไม่ยาก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยิ้มทำไม แต่คงอุ่นใจที่มีอีกคนอยู่ด้วยล่ะมั้ง ถ้าอยู่กับพี่ต้นสองคนผมอาจจะพาลคิดถึงเรื่องของพี่เต้ยอีกก็ได้ เพราะยังสงสัยในเหตุผลที่เธอกลับมาขอคืนดี

   “ยังครับ พอดีว่าไปช่วยไอ้เด็กปีสองมันรับน้องน่ะ”

“อ๋อ สนุกไหมล่ะ”

“ก็ดีครับ สาวๆ สวยๆ เยอะเลยปีนี้”

“หืม เล็งใครไว้บ้างไหมล่ะ”

“ไม่หรอกครับ ผมมีคนที่ชอบแล้วน่ะ”
นั่นไง มีคนที่ชอบแล้วด้วย พ่อเดือนมหา’ลัยคนนี้ก็ใช่ย่อยนะ แต่คนๆ นั้นคงโชคดีมากเลยล่ะ เพราะจากที่ดูรวมๆ แล้ว แฮงค์ก็นิสัยดีอยู่พอตัวเลย ใครได้ไปเป็นแฟนคงน่าอิจฉา

“งั้นเหรอวะ คงน่ารักมากเลยอะดิ”
ผมก็ยังคงถามไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี พยายามใส่เสื้อผ้าให้พี่ต้นอย่างทุลักทุเลจนแฮงค์ต้องเดินเข้ามาช่วยกันซะอย่างนั้น เดือดร้อนคนอื่นอยู่เรื่อยเลยวะไอ้ข้าวเอ้ย

“ก็... น่ารักนะครับ คนที่ผมชอบน่ะ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ตัว”
แฮงค์ตอบแล้วมองสบตาผมราวกับต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่าง น้องระบายยิ้มบางที่ชวนให้สาวๆ ใจเต้น เผลอคิดไปว่างานดีแบบนี้สาวยังไม่สนใจอีกเหรอวะ หรือเจ้าตัวมันเอาแต่อมพะนำไม่กล้าบอกกันแน่เลยได้แต่แอบชอบเขาอยู่แบบนี้

“ทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะ”
ผมละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วจัดแจงเสื้อผ้าของพี่ชายให้เข้าที่ พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยเลยลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อไล่อาการเมื่อยขบ แฮงค์ยังคงใช้ดวงตาคมมองกันเหมือนเดิม แต่มันไม่ได้สร้างความอึดอัดให้ผมเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร และเป็นฝ่ายจ้องเขากลับไป

“ผมคิดว่าถ้าบอกไปตรงๆ อาจจะโดนถีบน่ะครับ”
แฮงค์ว่าเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเล็กน้อย ท่าทางแบบนั้นในสายตาผมดูแล้วมันตลกดีนะ ให้ความรู้สึกเป็นเด็กผู้ชายที่ขี้อายในเรื่องความรัก ไม่ประสีประสาอะไรทำนองนั้น

“งั้นเหรอ ปะๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่ร้าน”
ผมไม่อยากถามต่อแล้วเพราะคิดอะไรไม่ค่อยออก สมองมันเบลอไปหมดเพราะความง่วงที่เริ่มโจมตีหนักขึ้น ปากอ้ากว้างเพราะเกิดหาวขึ้นอย่างฉับพลัน ได้แต่คิดว่าจะส่งแฮงค์ถึงร้านหรือเปล่า แต่ไม่นานคนที่เดินตามกันออกมาก็ใช้มือรั้งไหล่กันเอาไว้ ด้วยความแปลกใจเลยหันไปมอง

“เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ พี่ข้าวพักผ่อนเถอะ”

“จะกลับยังไงวะ ดึกแล้วนะ”

“เอาน่าพี่ ผมกลับได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
แฮงค์ฉีกยิ้มกว้างให้กันแล้วเดินนำผมไปเปิดประตูห้อง น้องว่ายังไงก็ตามนั้นล่ะวะ เพราะตอนนี้ร่างกายมันเรียกร้องหาที่นอนนุ่มๆ จริงๆ

“ถ้างั้นกลับดีๆ ขอบคุณมากที่ช่วยกัน ถึงร้านแล้วไลน์บอกพี่ด้วย”

“โอเคครับ ฝันดีนะพี่ข้าว”

“ครับ ฝันดี”

รู้สึกแปลก ที่มีคนมาบอกฝันดีด้วยรอยยิ้มหล่อๆ ว่ะ




มีต่อด้านล่างน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2016 14:51:23 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #13 เมื่อ29-11-2016 13:44:44 »

หลังจากส่งแฮงค์ให้ไปเผชิญชะตากรรมในการหารถกลับร้านเสร็จผมก็รีบคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำแทบจะทันที เสื้อผ้าชุดทำงานถูกถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ฝักบัวขนาดใหญ่ส่งน้ำอุ่นรินรดร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันให้รู้สึกผ่อนคลาย ความง่วงที่เคยมีถูกขจัดไปแทบจะหมดสิ้น กลิ่นครีมอาบน้ำเปปเปอร์มิ้นท์ช่วยให้สมองลดความตึงเครียดลงได้อย่างน่าประหลาด ฟองนุ่มสีขาวถูกลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งและทุกซอกของร่างกายเพื่อกำจัดคราบเหงื่อไคลที่สะสมมาหลายชั่วโมง

ร่างกายที่มีหยดน้ำเกาะและพันผ้าไว้ที่เอวอย่างหมิ่นเหม่ตอนนี้อยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ในมือเรียวมีแปรงสีฟันที่ผ่านการใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว มองสำรวจตัวเองอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกจากห้องน้ำเพื่อไปแต่งตัวด้านนอก เหลือบมองไปที่เตียงแล้วต้องหลุดยิ้มเพราะคนเมาม้วนตัวกับผ้านวมขดจนเป็นก้อนกลม

“อยากให้พ่อกับแม่มาเห็นท่านอนลูกชายสุดที่รักจริงๆ เลย”
ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วจัดการถ่ายรูปพี่ชายตัวเองแล้วส่งเข้าแชทกรุ๊ปของครอบครัวพร้อมข้อความติดตลกที่ว่า ‘พี่ต้นกลายเป็นหนอนดักแด้แล้วครับ พรุ่งนี้คงกลายเป็นผีเสื้อ’ และก่อนที่ผมจะวางเครื่องมือสื่อสารลงที่เดิมก็เพิ่งคิดได้ว่าคนที่กลับออกไปจากห้องสักพักใหญ่ยังไม่ส่งข้อความกลับมาเลย ไม่รู้ถึงร้านหรือยัง หรือไม่ก็ถึงแล้วแต่งานยุ่งพอดิบพอดี จะทักไปถามก็ดูเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อย ไม่ได้สนิทอะไรกันมากขนาดนั้นนี่หว่า

สุดท้ายก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปใส่เสื้อผ้าแล้วเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองเพื่อไปนอนที่ห้องนอนเล็ก ขืนให้นอนกับพี่ต้น เช้ามาต้องมีคนลงไปกลิ้งเล่นบนพื้นแน่ๆ ก็เล่นนอนดิ้นกันทั้งสองคนขนาดนี้... ผมเดินออกจากห้องนอนใหญ่แล้วปิดประตูลง ทำท่าจะก้าวต่อไปห้องนอนเล็กก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมในมือสั่นขึ้นมา หน้าจอสว่างวาบปรากฏการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นยอดนิยม แต่ต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้ส่งมาจากแฮงค์แต่เป็นเฟรนด์

เฟรนด์ดี้
-   พี่ข้าว นี่ผมแฮงค์เองนะ พอดีว่าแบตฯ มือถือหมดน่ะครับ 23:39
-   ผมถึงร้านแล้วนะ พี่นอนหรือยัง 23:39

อ่านข้อความจบเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะตอนแรกนึกว่าแฮงค์หายไปจนเฟรนด์ต้องไลน์มาตามน้องจากผมอะไรทำนองนั้น จากที่เผลอขมวดคิ้วยุ่งตอนนี้เลยคลี่ยิ้มบางออกไปซะอย่างนั้น

ข้าว
-   ยังหรอก เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หายง่วงไปแล้วด้วย 23:40
ผมตอบกลับไปแล้วปิดแอพพลิเคชั่นลงเพราะหวังจะเปิดโซเชี่ยลอื่นๆ ดู แต่แจ้งเตือนกลับเด้งขึ้นมาจนต้องตัดสินใจกลับเข้าไปตอบข้อความของไอ้เด็กนั่นอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้

เฟรนด์ดี้
-   งั้นเหรอพี่ ดีเลย ช่วยคุยเป็นเพื่อนกันหน่อยดิ เบื่อๆ ว่ะ 23:40


ข้าว
-   เบื่ออะไร แล้วไม่ทำงานหรือไง 23:41

เฟรนด์ดี้
-   ไม่ทำแล้วครับ พี่เฟรนด์ไล่ผมมานั่งหลังร้านแล้วเนี่ย ลูกค้าผู้หญิงเขาเมาแล้วเข้ามาลวนลามผมน่ะ กว่าจะแยกตัวออกมาได้เกือบตาย 23:41

ผมหลุดขำเมื่ออ่านข้อความของแฮงค์จบ สมัยนี้ผู้หญิงเมาแล้วลวนลามผู้ชายนะ น่ากลัวจริงๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะ น้องมันหล่อ สาวๆ ที่ไหนก็อยากแตะต้องเป็นเรื่องธรรมดา สมัยเรียนผมก็เคยมีปัญญาหาคล้ายๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่พอดีว่าพี่ต้นจ้างไอ้จุ้นเป็นไม้กันหมาเลยไม่ค่อยมีใครกล้ารุ่มร่ามใส่เท่าไหร่ แต่ความน่ากลัวมันอยู่ตรงที่มีผู้ชายเข้ามาจีบด้วยนี่สิ เงิบเลยทีเดียว

ข้าว
-   นึกว่าชอบซะอีกมีสาวๆ มารุมล้อมเนี่ย 23:43
พิมพ์ข้อความตอบกลับไปก็ขำตัวเองไป สรุปว่าตอบรับการคุยเป็นเพื่อนกับน้องไปโดยปริยายสินะแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าในไปนอนมองเพดานแล้วเอาแต่คิดเรื่องพี่เต้ยก็แย่เหมือนกัน ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมต้องกังวลเรื่องคนอื่นมากขนาดนี้ ทั้งที่เรื่องของตัวเองนี่ช่างมันได้ตลอดเวลา

เฟรนด์ดี้
-   โห ทุกวันนี้แทบจะใส่หน้ากากอยู่แล้วครับพี่ ถ้าไม่ติดว่าอยากได้เงินใช้ส่วนตัวโดยไม่ต้องขอพ่อแม่ นี่เลิกรับจ๊อบไปนานแล้ว 23:44

เด็กคนนี้แสดงข้อดีของตัวเองออกมาอีกแล้ว... ไม่ใช่เด็กที่คอยถลุงเงินพ่อแม่สินะ พอจะเข้าใจว่าวัยนี้ต้องหมดเงินไปกับสิ่งล่อตาล่อใจมากแค่ไหน ยิ่งเป็นคนที่คลุกคลีกับคณะที่ต้องติดตามเทคโนโลยีอยู่เสมอแล้ว มันเลยมีอัตราว่าจะสูญเงินไปเยอะกว่าปกติ

ข้าว
-   เป็นเด็กดีนะเนี่ย 555 23:44

เฟรนด์ดี้
-   แน่นอนครับ อยากเล่นเกม Final Fantasy XV น่ะ เลยหาเงินซื้อทั้งแผ่น ทั้งเครื่อง Play Station 4 23:45

ผมถึงบางอ้อทันที เพราะเกมที่เขาบอกมานั้นเป็นอะไรที่สุดยอดของสุดยอด การทำกราฟิกถือว่าดีมากเลยล่ะ เพราะถ้าลองไปดูวีดีโอแนะนำแล้วจะร้องว้าวทันที เพราะตัวละครที่ทางนั้นสร้างขึ้นมาเหมือนคนทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ จะว่าไปผมเองก็เสียเงินคือเจ้าเกมนี้ทุกภาคเหมือนกัน...

ข้าว
-   เฮ้ย ชอบเหมือนกันเลยว่ะ พี่ซื้อมาล่นทุกภาคเลยนะ 23:45
พอเจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกันคนเรามักจะคุยติดลมจริงไหม ซึ่งผมก็กำลังเป็นอยู่ล่ะ คุยกันเพลินจนแอบตกลงกันว่าถ้าเก็บเงินซื้อเครื่องเล่นเกมไม่ได้ก็มาเล่นด้วยกันที่บ้านเลยเป็นไง ยินดีจะแบ่งพื้นที่ส่วนตัวให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายได้เฉพาะอีกด้วย ฝ่ายนั้นดูท่าทางจะดีใจมากเพราะส่งสติ๊กเกอร์สารพัดที่แสดงออกถึงความดีใจมารัวจนแทบทำโทรศัพท์ค้างเลยทีเดียว ผมได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ กับความเป็นเด็กสดใสนั่น และก่อนที่จะบอกลากันเพราะง่วงเต็มที่ก็คิดได้ว่ามีเรื่องตลกที่อยากเล่าสู่กันฟังให้อีกคนได้รู้หน่อยเลยพิมพ์ข้อความต่อไป

ข้าว
-   เออ มีเรื่องตลกจะเล่า 00:15

เฟรนด์ดี้
-   ครับ เล่ามาเลย พร้อมรับฟัง! 00:15


ข้าว
-   เมื่อตอนเย็นพี่ต้นบอกว่า แฮงค์อาจจะชอบพี่ เพราะเรายิ้มให้พี่แต่ทำหน้าขรึมใส่พี่ต้น ตลกเนอะว่าไหม 00:15
เชื่อไหมว่าข้อความถูกอ่านในทันทีที่ผมกดส่ง แต่ผ่านมาเป็นนาทีแฮงค์กลับเงียบไม่มีท่าทีว่าจะตอบกันเลย หรือว่าแฮงค์ไม่ชอบให้คนอื่นคิดแบบนั้นกันนะ... หวังว่ามันจะตลกแต่กลายเป็นว่าไม่ตลกหรือนี่ พลาดแล้ว แย่แน่ๆ

ข้าว
-   เฮ้ยแฮงค์ เป็นอะไรหรือเปล่า 00:17

เฟรนด์ดี้
-   มันตลกเหรอครับ 00:17


ข้าว
-   เอ่อ ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า พี่ขอโทษ 00:17

เฟรนด์ดี้
-   เปล่าครับๆ พี่เฟรนด์จะใช้โทรศัพท์แล้ว ฝันดีอีกครั้งนะ 00:18

แฮงค์ไปแล้ว... พร้อมกับคำถามที่คาใจว่าน้องไม่พอใจอะไรหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมาก็น่าจะไม่มีอะไร เขาคงไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นล่ะมั้ง ผมเลยตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วซุกตัวลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะหลับตาลงแล้วปล่อยให้สติจมลงสู่ห้วงนิทราโดยไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วใครอีกคนนั้นรู้สึกยังไง



-------------------------------------------------

มาต่อตอนที่สองแล้วนะ... มันไม่ดราม่าหรอก เชื่อเรา 5555
แฮงค์ไม่ถอดใจง่ายๆ หรอก รอลุ้นกันเนอะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #14 เมื่อ29-11-2016 16:48:32 »

สนุกดีค่ะ ชอบแฮงค์ สงสารพี่ต้นเชียร์ให้เลิกรักคนนิสัยแย่ไวๆ จะให้ดีจัดชายหนุ่มหล่อแรงมารักพี่ต้นหนักๆหน่อย :z1:
ข้าวก็รีบๆรักแฮงค์น้า อยากอ่านต่อแล้วจ้าขอบคุณมากๆนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #15 เมื่อ29-11-2016 23:26:10 »

แฮงค์จะผ่านด่านพี่ต้นได้ยังไงเนี่ย น่าสนุก ฮ่าๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #16 เมื่อ30-11-2016 11:59:30 »

พี่ข้าวมันใสๆ อะน้องแฮงค์

เอาเป็นว่าไปพยายามผ่านด่านพี่ต้นให้ได้ก่อนดีกว่าเนอะ ฮาาาาา

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #17 เมื่อ30-11-2016 12:41:38 »

 :m4: สนุก ปักไว้

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #18 เมื่อ30-11-2016 23:57:52 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
«ตอบ #19 เมื่อ01-12-2016 02:05:04 »

 :o8: :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 2 -P.1- (29.11.2016)
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-12-2016 02:05:04 »





ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #20 เมื่อ01-12-2016 08:59:24 »

เมาครั้งที่ 3



ห้องทำงานของผมภายในบ้านทรงสไตล์โมเดิร์นคือห้องกระจกใสติดกับสวนดอกไม้ที่พี่ต้นเป็นคนลงมือปลูกและจัดเองทั้งหมด มีบ้างที่จะใช้งานไอ้จุ้นเวลามันแวะเข้ามา บรรยากาศร่มรื่นเพราะมีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ช่วยบดบังแสงแดด เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสเปคสูงถูกตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง โซฟาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พร้อมด้วยโต๊ะกระจกขนาดเล็กวางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน ชั้นวางของติดผนังเต็มไปด้วยโมเดลเกมต่างๆ ทั้งที่เป็นของบริษัทและที่เก็บสะสมเอาไว้เอง มีจอโทรทัศน์ติดผนังขนาดห้าสิบนิ้วอีกด้วย เครื่องเล่นเกม Play Station 4 ก็ถูกเก็บอยู่ในตู้อย่างเรียบร้อย แผ่นเกม Final Fantasy ทุกภาคถูกเก็บแยกไว้รวมกันอีกชั้นหนึ่ง ดูๆ ไปไม่มีเค้าของห้องทำงานเลยสักนิดเดียว เหมือนห้องของสะสมบวกผ่อนคลายมากว่า

ผมพาตัวเองพร้อมกับแก้วกาแฟและแซนวิชที่เป็นอาหารเช้าเข้ามาในห้องทำงานแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ไอ้บับเบิ้ลนอนหงายท้องรับลมจากเครื่องปรับอากาศอยู่แทบเท้า สีหน้าบ่งบอกได้ว่ากำลังฟินมากแค่ไหน ด้วยความหมั่นไส้เลยแอบเอาเท่าเขี่ยตัวมันเล่น หมายักษ์เหลือบตาสีน้ำตาลมองกันก่อนจะทำเมินใส่ มันน่านัก!

"เดี๋ยวนี้เมินกันเหรอ"
ผมถามก่อนจะใช้เท้าขยี้พุงนิ่มๆ นั้นเบาๆ เพื่อแกล้งมัน แต่กับต้องผิดหวังเมื่อบับเบิ้ลนอนนิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบรับ... หลับง่ายฉิบหาย

"ชีวิตแม่งน่าอิจฉา กินแล้วก็นอน"
ผมคลี่ยิ้มก่อนจะส่ายหัวไปมากับชีวิตแสนสบายของเจ้าซามอยด์ตัวเขื่องแล้วเริ่มลงมือกินอาหารเช้าโดยไม่ลืมเปิดทีวีรับฟังข่าวสารบ้านเมือง เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยการทำงานของวันนี้จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้ทางบริษัทมีการวางแผนจะตีตลาดเกมโทรศัพท์ เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่กับเครื่องมือสื่อสารมากกว่าคอมพิวเตอร์กันแล้วในยุคสมัยนี้ คอนเซ็ปที่วางไว้เป็นโลกอนาคตในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า เป็นแนวต่อสู้เก็บเลเวลทำภารกิจอะไรทำนองนั้น และที่พิเศษสุดคือจะมีการจัดการประกวดออกแบบตัวละครจากนักเรียนนักศึกษาและบุคคลทั่วไปอีกด้วย ตอนนี้ฝ่ายคาเร็คเตอร์ดีไซน์เลยมีหน้าที่ตั้งโจทย์งาน ฝ่ายกราฟิกต้องลงมือวางแผนปรึกษาการออกแบบฉากเกมและหน้าจอคำสั่งเกม

งานของผมวันนี้คือทบทวนผลการประชุมและวางแผนงานคร่าวๆ ให้กับทีมออกแบบกราฟิก แล้ววันรุ่งขึ้นถึงจะหอบเอกสารไปปรึกษาและแจกแจงรายละเอียดให้กับลูกทีม แบ่งสัดส่วนหน้าที่ตามแต่ละคนถนัดเพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพที่สุด

Rrrrr
เสียงริงโทนทำให้ผมชะงักมือและละสายตาจากคอมพิวเตอร์ หน้าจอขนาดเล็กปรากฏชื่อรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหา'ลัย ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะแปลกใจ ร้อยวันพันปีจะติดต่อกัน คงมีธุระจริงๆ มือเรียวเอื้อมไปกดปุ่มตอบรับแล้วแนบโทรศัพท์ลงกับหูทันที

"สวัสดีครับพี่ปัน"

'เออ สวัสดี เป็นไงบ้างวะข้าว สบายดีปะ'

"สบายดีๆ แล้วพี่เป็นไงบ้างวะ"

'เรื่อยๆ ว่ะ เออ เดือนหน้าพี่แต่งงานนะเว้ย อย่าลืมมา'

"โห ยินดีด้วยๆ เอาการ์ดเชิญมาแล้วผมจะไป"
ผมพูดน้ำเสียงติดตลก แต่จริงๆ แล้วคือเป็นธรรมเนียมของบ้านไปแล้วว่าไม่มีการ์ดเชิญจะไม่ไปร่วมงาน เพราะถือว่าเจ้าของงานเขาไม่อยากให้เราไป

'เออๆ จะเอาไปให้ถึงบ้านเลย อย่าหนีแล้วกัน'
ปลายสายส่งเสียงขู่มาแบบไม่จริงจังนักเลยพากันหัวเราะไปซะอย่างนั้น อยากจะคุยเล่นด้วยอยู่หรอกแต่งานผมล้นมือเกินไปเลยต้องชักชวนอีกคนเข้าสู่จุดประสงค์ที่แท้จริงสักที

"โทรมานี่มีธุระมากกว่าจะบอกเรื่องแต่งงานใช่ไหม"

'รู้ทันว่ะ งั้นพูดแล้วกัน แกพอจะมีเวลาว่างวันจันทร์ไหม'

"หือ ทำไมเหรอพี่ปัน"

'เออ เอาตรงๆ เลยแล้วกัน พอดีว่าอาจารย์สอนวิชาออกแบบตัวละครรถชนว่ะ อาการหนัก หาคนมารับหน้าที่แทนไม่ทัน เลยอยากขอให้แกช่วยมาเป็นอาจารย์พิเศษได้ไหม'

"ห๊ะ ผมเนี่ยนะพี่ปัน ก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าตารางสอนมีวันไหนบ้าง"
ถามไปด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยมีความคิดจะไปสอนใครเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พอคิดว่าการได้เจอรุ่นน้องอาจจะสนุกเลยตอบรับแบบอ้อมๆ ไป มันสามารถเป็นข้ออ้างกับพี่ต้นให้ผมได้ออกไปดูเดือนดูตะวันข้างนอกบ้าง ดีกว่าอุดอู้อยู่ในบ้านทั้งปีทั้งชาติ

'สบายๆ อัดเต็มที่แค่วันจันทร์วันเดียว สามเซค เซคละสามชั่วโมง'
ผมตาเหลือกเมื่อได้ฟังพี่ปันพูดจบ ตรงไหนที่เขาเรียกว่าสบายวะ วันหนึ่งสอนสามเซคนี่แทบทรุด จะได้กับบ้านกี่โมงล่ะคุณเอ้ย

"โห สบายบ้าอะไร สาหัสมาก แล้วเวลาล่ะพี่"
บ่นเสียงไม่จริงจังมากนักจนได้รับเสียงหัวเราะมาจากปลายสาย อยากลอดหัวไปกระทืบมันนักเชียว เห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกของตัวเองตลอด

'เดี๋ยวส่งข้อมูลให้ทางไลน์ รออ่านนะเว้ย'

"เออๆ ได้"

หลังจากนั่นไม่ถึงนาที แจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น ผมรีบขอเวลานอกจากพี่ปันแล้วเปิดดูข้อความทันที

'วิชาออกแบบตัวละคร CD138
วันจันทร์
เซคแรก 08:00 - 11:00
เซคสอง 13:00 - 16:00
เซคสาม 17:00 - 20:00'

"พี่ปัน ยังอยู่ปะวะ"
ผมแนบโทรศัพท์ลงกับหูอีกครั้งเมื่ออ่านรายละเอียดจบ ถือว่ายอมรับเรื่องเวลาได้ และไม่มีปัญหาในการเดินทางเพราะสามารถกลับไปนอนคอนโดได้อย่างสบายใจ

'เออ อยู่ๆ เป็นไงบ้างวะ พอไหวปะ'
เสียงปลายสายนี่ออกอาการลุ้นจนสามารถเดาสีหน้าได้เลย มันต้องตลกมากแน่ๆ

"โอเค ผมรับงานนี้ เปิดเทอมเมื่อไหร่ครับ"

'โอย ขอบคุณแกมากเว้ยไอ้ข้าว เปิดเทอมอาทิตย์หน้า เรื่องเงินเดือนก็ตามอัตราที่รู้ๆ กันนะเว้ย'

"ครับๆ"
หลังจากนั้นเราก็คุยรายละเอียดกันอีกเล็กน้อยก่อนผมจะขอวางสายเพราะต้องจัดการเคลียร์งานหลักของตัวเองให้เสร็จสักที ไม่อยากให้พี่ต้นโวยวายเรื่องทำงานช้า... ปกติก็ส่งงานตรงเวลานั่นล่ะ แต่ช่วงนี้งานเยอะไปหน่อยเลยกลัวจะทำไม่ทัน

เวลาล่วงเลยผ่านเที่ยงวันมาแล้วโดยที่ลืมสนใจกินข้าวไปเลย พอเสร็จงานเท่านั้นล่ะเสียงท้องดังโครกครากประท้วงให้หาอะไรยัดลงท้องทันที ผมลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะออกจากห้องตรงไปยังโต๊ะอาหารทันที แม่บ้านจัดเตรียมทุกอย่างรอไว้หมดแล้วเหมือนเช่นทุกๆ วัน เหงาไหมล่ะนั่งกินข้าวคนเดียวเนี่ย เฮ้อ

"ตอนบ่ายคุณหนูจะออกไปไหนหรือเปล่าคะ"
พี่ส้มเอ่ยถามกันพร้อมด้วยส่งยิ้มหวานมาให้ ผมพยักหน้าเบาๆ ในขณะที่เคี้ยวข้าวเต็มปาก ก็กะว่าจะออกไปเดินห้างผ่อนคลายสักหน่อย และเผื่อเจอไอเดียแปลกใหม่ที่เป็นประโยชน์กับเกมตัวใหม่

"ให้ลุงทัชเตรียมรถเลยเนอะ"

"ครับ เตรียมได้เลย"
ผมตอบก่อนจะส่งรอยยิ้มสดใสไปให้แม่บ้านแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อจนเสร็จเรียบร้อย แล้วพาตัวเองไปหยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์เดินออกจากบ้าน ลุงทัชสางกุญแจมาให้กัน ผมเอ่ยขอบคุณเขาแล้วตรงไปยังรถทันที

ท้องถนนในช่วงเวลาบ่ายสองไม่ได้แน่นขนัดเท่าไหร่ ถือว่าเดินทางคล่องตัวดี อันที่จริงแล้วสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกก่อนออกจากบ้านคือโทรรายงานพี่ต้น แต่วันนี้ขอเป็นเด็กเกเรสักหน่อยแล้วกัน เพราะขี้เกียจกะเวลากลับบ้านที่แน่ชัดน่ะ ใครมันจะไปรู้ว่าตัวเองจะใช้เวลาเดินเตร็ดเตร่เท่าไหร่

ผมถึงห้างสรรพสินค้าในเวลาบ่ายสามไม่ขาดไม่เกิน ผู้คนดูบางตาอย่างเห็นได้ชัด แต่แบบนี้ก็ดีแล้วเพราะไม่มีเสียงดังหนวกหูและสบายตามากกว่าเป็นไหนๆ

สองขาพาผมมาหยุดที่หน้าร้านหนังสือขนาดใหญ่ นอกจากจะเป็นคนชอบเล่นเกมแล้วยังชอบอ่านหนังสือหลากหลายแนวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวน วรรณกรรมเยาวชน หนังสือให้ความรู้ ตำราทำอาหาร บลาๆ จะให้สาธยายจนหมดเกรงว่าหนึ่งหน้ากระดาษคงไม่พอ และอันดับแรกที่ต้องทำเมื่อมาเยือนร้านหนังสือก็คือ สำรวจหนังสือหมวดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ว่ามีอะไรออกใหม่บ้าง

ยังไม่เคยบอกสินะว่าพี่ต้นเรียนจบวิศวะคอมพิวเตอร์ บางครั้งเขายังลงมาช่วยฝ่ายโปรแกรมทำงานเลย ช่างเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถสุดๆ และเขายังเคยผันตัวไปเขียนหนังสือโปรแกรมภาษาซีให้สำนักพิมพ์ของเพื่อนอีกด้วย ก็นั่นล่ะน้าความสามารถของคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง น่าอิจฉาเป็นบ้า สงสัยจะมีสมองเป็นทองคำเพราะมันดีมากจนล้ำค่า

ผมเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ ได้ติดมืออยู่สองสามเล่มที่น่าสนใจ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคยในระยะเวลาสั้นๆ แฮงค์นั่นเอง ขายาวพาตัวเองมาจนหยุดอยู่ข้างๆ เขา ดูเหมือนน้องไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีใครจ้องมองอยู่ นี่ถ้ามีคนคิดจะลอบฆ่าคงทำได้อย่างง่ายดาย

ความรู้สึกแรกที่ได้เข้าใกล้แฮงค์อีกครั้งคือหอม ตัวน้องหอมมาก ถ้าจำไม่ผิดมันคือกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อ Cartier Roadster ที่กลิ่นมิ้นท์หอมเย็น ผมชอบว่ะ ชอบกลิ่นนี้ ยิ่งมาอยู่บนตัวผู้ชายอย่างเขายิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น เป็นบุคคลที่น่าอิจฉาอีกแล้ว

"หวัดดี"
ผมส่งเสียงสดใสทักทายเขาไป แต่เจ้าตัวยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออะไรบางอย่างในมือรางกับไม่ได้ยินอะไรรอบตัว ผมเบ้ปากเล็กน้อยก่อนพยายามทำแบบเดิมอีกครั้ง ถ้ายังไม่รู้ตัวจะยกมือตบหัวแล้วนะเว้ย ข้าวจะไม่ทน!

"แฮงค์!"
คราวนี้เรียกชื่อพร้อมกับเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาอีกเล็กน้อย ไม่สามารถเสียงดังเกินไปในร้านหนังสือได้เลยต้องพึ่งการสะกิดต้นแขนร่างสูงเพิ่ม... จะบอกว่าน่าอิจฉาเขาจริงๆ นะ ตัวสูงพอๆ กับพี่ต้นเลยว่ะ

แฮงค์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตากัน ในตอนนี้เองที่ดวงตาคมเบิกกว้างแล้วทำหนังสือเกือบหลุดมือเลยรีบคว้าเป็นการใหญ่ คือไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องตกใจเหมือนเห็นผีด้วย หรือว่าชุดที่ผมใส่มันจะดูแย่เกินไป แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นคีบเตะแค่นั้นเอง แต่น้องสิจัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้าหล่อเนี้ยบเหมือนพาสาวมาออกเดทเลยว่ะ

"ตกใจอะไรขนาดนั้น"
ผมถามเขาที่หันมายิ้มแหยๆ ให้หลังจากคว้าหนังสือกลับสู่อุ้งมือได้สำเร็จ ดวงตาคมกรอกไปทางซ้ายทีทางขวาทีเหมือนกลัวใครมาเห็นเข้า... หรือหนีสาวๆ มาว่ะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

"ไม่นึกว่าจะเจอพี่ข้าวที่นี่ไง เลยตกใจนิดหน่อย"

"เหรอวะ แล้วนี่มากับใครแต่งตัวซะหล่อเชียว มาเดทเหรอ"
ผมเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่คนฟังกลับทำหน้าตึงใส่แล้วส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ จะว่าไปก็ไม่เห็นมีใครคนไหนทำท่าทีเหมือนรู้จักแฮงค์เลยนี่หว่า หรือจะมาคนเดียวเหมือนกัน

"เปล่าพี่ มากับไอ้กันย์ เอ่อ... เพื่อนน่ะครับ แต่ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหนแล้ว"
แฮงค์ส่งยิ้มให้เล็กน้อยซึ่งผมก็พยักหน้ารับคำตอบนั้น บ่อยครั้งเหมือนกันที่เผลอทำอะไรตามใจตัวเองเพลินๆ แล้วเพื่อนหายหัวโดนไม่บอกกล่าว หาไม่เจอไม่เท่าไหร่ แต่เสือกไม่รับโทรศัพท์ด้วยนี่... น่ากระทืบ

"โดนทิ้งหรือทิ้งเขามาล่ะ"
ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะแอบเหลือบมองหนังสือในมือของแฮงค์ มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำค็อกเทล สงสัยจะมาหาสูตรแปลกๆ ไปทำที่ร้านล่ะมั้ง พอละสายตากลับขึ้นมามองใบหน้าหล่อนั่นอีกครั้งก็ต้องแปลกใจเพราะเพิ่งสังเกตว่าตรงหางคิ้วของเขามีพลาสเตอร์สีใสแปะอยู่ ไปโดนอะไรมาวะ

คนที่เอาแต่คอยืดคอยาวมองหาเพื่อนกลับมาสงบอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้มาตัวเองโดนจ้องอยู่ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่าก่อนจะได้ยินเสียงซี้ดปาก คงเจ็บแผลล่ะมั้ง

"หางคิ้วแตกเหรอ ไปโดนอะไรมา"
ถามออกไปด้วยความอยากรู้ว่าแฮงค์ไปทำอะไรมา แอบหวังเล็กๆ ว่าเขาคงไม่ได้มีเรื่องชกต่อยที่ไหน เพราะไม่ได้เจอกันแค่สองสามวันผ่านไปเอง

"เป็นห่วงเหรอครับ ~"
ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนผมหมั่นไส้เลยเอาสันหนังสือที่ถืออยู่เคาะหัวคนตัวสูงไปหนึ่งครั้งแล้วยักคิ้วกวนให้แถมท้าย แฮงค์เบ้ปากใส่กันเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นลูบตรงตำแหน่งที่เพิ่งโดนทำร้ายไป มันน่าโดนอีกสักทีไหมเนี่ย

"จะให้ตอบตามความจริงหรือโกหก"
ผมถามกลับไปแต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเพราะสายตาดันเหลือบไปเจอหนังสือจำพวกออกแบบที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

"มีงี้ด้วย งั้นเอาตามความจริงแล้วกัน"

"อยากรู้เลยถาม จะตอบได้ยัง"
ผมเหลือบสายตามองคนด้านข้างก่อนจะกลับมาให้ความสนใจหนังสือเล่มตรงหน้า อีกหนึ่งอาทิตย์ก็ไปสอนแล้วไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เอกสารการสอนทั้งหมดจะถูกพี่ปันส่งเมล์ให้เย็นนี้

"นึกว่าเป็นห่วงกันซะอีก เสียใจจัง"
น้ำเสียงที่เคยร่าเริงกับอ่อยลงจนผมต้องหันไปมอง ใบหน้าเปื้อนยิ้มดูหมองลงเช่นเดียวกับแววตา นี่กำลังแสดงละครหรือเปล่าวะ ทำไมดูน่าสงสารขนาดนี้เนี่ย

"เว่อร์น่า แล้วตกลงไปโดนอะไรมา"

"ขวดซ้อมโยนตกใส่น่ะครับ"
แฮงค์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะยกมือข้างที่ว่างขึ้นลูบตำแหน่งแผลเบาๆ ปากสีส้มเม้มเข้าหากันแน่นคงจะเจ็บน่าดู แต่ผมสงสัยคนต้องขมวดคิ้วว่าไอ้ขวดซ้อมโยนที่เขาบอกมันคืออะไร

"คืออะไร"
ผมถามกลับไปหลังจากตัดสินใจหยิบหนังสือว่าด้วยเรื่องการออกแบบตัวละครและฉากต่างๆ มาถือไว้ ถึงมันจะเป็นเพียงสำหรับผู้เริ่มต้นก็เถอะ คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องใช้มันด้วยซ้ำ แต่เตรียมตัวไว้หน่อยคงไม่เสียหาย

"อ่า... ขวดพลาสติกน่ะครับ หนักๆ หน่อย มันใช้ซ้อมโยนแทนกระบอกเชคเกอร์หรือขวดเหล้าจริงน่ะครับ พอดีว่าพี่ที่ร้านเขาอยากให้ผมลองลงประกวดบาร์เทนเดอร์น่ะ"
อ๋อ... พอจะนึกถาพออกเพราะเคยดูคลิปพวกนี้อยู่เหมือนกัน ชงเหล้าแล้วโยนขวดไปทางนั้นทางนี้ เอาจริงๆ โคตรน่าหวาดเสียว ถ้าพลาดแล้วขวดหลุดมือคือไม่เสียหายก็เจ็บตัวกันไปข้างล่ะ ดูอย่างตอนนี้ดิ แฮงค์ก็ได้แผลไปเชยชมแล้ว

"อ๋อ ก็เลยหัดโยนว่างั้น เออ ระวังๆ หน่อยแล้วกัน พี่ไปล่ะนะ"
ผมบอกก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วหมุนตัวเดินออกมา เพราะกลัวว่าพี่ต้นจะโทรมาตามกันแล้วความจะแตกว่าแอบออกมาข้างนอกแล้วไม่รายงาน แต่ไอ้คนที่นึกว่าจะไปหาเพื่อนต่อกลับเดินตามกันมาซะอย่างนั้น อะไรของเขาอีกล่ะเนี่ย

ผมส่งหนังสือและบัตรสมาชิกให้กับพนักงานแคชเชียร์และรอจ่ายเงิน ส่วนแฮงค์ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังกัน

"พี่ข้าว รีบกลับไหมครับ"
เสียงทุ้มเอ่ยถามกัน ผมหันไปสบตาเขาก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา จริงๆ ก็รีบนั่นล่ะ แต่อยากเดินซื้อขนมอีกสักหน่อยควรตอบว่าอะไรดีวะ รีบหรือไม่รีบ

"ก็... ไม่รีบหรอก มีอะไรหรือเปล่า"
ไม่รู้ว่าทำไมเลือกตอบไปแบบนั้น คงเพราะคุยกับแฮงค์แล้วสนุกดีล่ะมั้งเลยเลือกที่จะอยู่ต่ออีกหน่อย นานๆ ทีจะได้เจอรุ่นน้องบ้างอะไรบ้าง ปล่อยแก่หน่อยก็ดีเหมือนกัน

ผมหันไปจ่ายเงินและรับหนังสือกลับมาถือไว้แล้วขยับมายืนรอคำตอบด้านข้าง แฮงค์เข้าไปแทนที่ตรงนั้น แล้ววางหนังสือให้พนักงานคิดเงิน

"จะชวนไปกินบิงซูเป็นเพื่อนหน่อยน่ะครับ พอดีไอ้กันย์มันหนีกลับบ้านไปแล้ว"
แฮงค์ทำหน้าจ๋อยแต่แววตานี่ไม่ได้เศร้าเลยสักนิด ถ้ามองไม่ผิดเหมือนดีใจมากกว่าที่โดนเพื่อนทิ้งล่ะมั้ง ไอ้เด็กนี่ก็แปลกคน เจอกันทีไรต้องแสดงท่าทีดีใจตลอดเลย

"บิงซูเมล่อนปะ พี่อยากกินอยู่พอดี"
ผมก็ใจง่ายว่ะ น้องชวนไปไหนก็ไปซะอย่างนั้น ก็แบบ... อยากกินบิงซูอยู่พอดีแต่จะไปคนเดียวก็ไม่ไหวปะวะ มีเพื่อนกินทั้งทีเลยไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย

"เฮ้ย อยากกินเหมือนกัน ตกลงว่าไปนะ?"
แฮงค์คลี่ยิ้มกว้างให้กัน ผมพยักหน้ารับก่อนจะส่งสัญญาณให้เขาจ่ายเงินและรับหนังสือจากพนักงานมาสักที เชื่อไหมว่าเธอเอาแต่มองหน้าไอ้หล่อนี่แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดีนะที่ไม่มีคนต่อคิว ไม่อย่างนั้นคงโดนด่ากันไปหมดแน่ๆ

เราเดินออกจากร้านหนังสือแล้วตรงไปที่ร้านบิงซูเจ้าดังทันที ต้องยืนรอคิวอีกสองคิวและจากที่คำนวณเวลาคร่าวๆ แล้วคงจ่องยกหูโทรหาพี่ต้นอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อยากมีปัญหากับเขา เดี๋ยวโดนกักบริเวณจะเป็นเรื่องใหญ่อีก ตัดสินใจได้แบบนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วจิ้มรายชื่อที่ต้องการทันที รอสายไม่นานนักก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา

"พี่ต้น..."

'ว่าไงเรา ทำไมเสียงดังจัง'
พี่ต้นพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่พอจะเดาได้ว่าเขาเริ่มตะหงิดที่เสียงฝั่งผมดังเกินควรแล้วล่ะ คงไม่ต้องเกริ่นอะไรมากหรอก โดนจับได้แล้วแน่ๆ

"ออกมาห้างนะ ตอนนี้กำลังรอคิวกินบิงซู"
ตอบเขาไปหมดแล้วเหลือแต่ว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง บางครั้งก็ปล่อย แต่บางครั้งจะเป็นจะตายขึ้นมา แค่น้องชายวัยเบญจเพศออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านนี่มันน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอวะ

'ไม่บอกตอนกลับถึงบ้านเลยล่ะ'
คือ... งานเข้าเต็มๆ ถ้าประชดกันแบบนี้มีหวังโดนซักฟอกหมดเปลือกแน่ๆ ผมได้แต่เบะปากลงเป็นเส้นโค้งแล้วมองหน้าแฮงค์ที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นสูง เหมือนอยากถามว่ามีอะไรหรือเปล่าแต่ยั้งปากไว้ทัน

"ขอโทษครับพี่ต้น แค่ออกมาผ่อนคลายเอง"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนก่อนจะเดินตามแฮงค์เข้าไปในร้านเมื่อโดนเรียกคิว โยนความรับผิดชอบในการสั่งบิงซูให้เขาทั้งหมดเพราะยังคุยกับพี่ต้นไม่จบ ชีวิตหนอชีวิต ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงคงถูกล่ามโซ่ไปแล้วจริงๆ

'อืม วันนี้พี่กลับดึกนะ'

"ทำไม"

'มีธุระ'
ยิ่งตอบสั้นมาแค่ไหนยิ่งมีพิรุธเท่านั้น แถมน้ำเสียงยังสั่นจนผมเริ่มหวั่นใจ กลัวว่าธุระนั้นจะเกี่ยวกับพี่เต้ย

"บอกได้ไหมว่าธุระอะไร"
ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้ แต่ดูจากท่าทางที่แฮงค์มองจ้องกันแล้วคงเครียดน่าดู เผลอๆ หัวคิ้วคงผูกกันเป็นโบว์ได้

'กลับไปจะเล่าให้ฟัง แค่นี้นะ ถึงบ้านเมื่อไหร่ก็ไลน์มาบอกพี่ด้วยแล้วกัน'
สายถูกตัดไปแล้วพร้อมกับความสงสัยที่มีอยู่เต็มสมอง ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลางสังหรณ์มันบอกว่าพี่ต้นต้องไปหาพี่เต้ยแน่ๆ แต่สถานที่นั้น... บ้าเอ้ย ใครจะไปรู้วะ แล้วจะให้แดกบิงซูอร่อยได้ยังไง

แฮงค์คงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่กำลังโรยตัวอยู่รอบๆ เขาใช้ปลายนิ้วแตะลงบนหลังมือของผมเบาๆ ราวกับต้องการปลอบกัน ดวงตาคมสบมามองทำให้ผมต้องส่งยิ้มบางกลับไป แต่การฝืนตัวเองก็ตบตาใครไม่ได้หรอก เฮ้อ

"ทะเลาะกับพี่ต้นเหรอ"
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามกันด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงที่สัมผัสได้ไม่ยาก เขาผละมือออกไปก่อนจะลูบแก้มตัวเองไปมา คงไม่รู้จะปลอบกันยังไงล่ะมั้ง เพราะไม่รู้ว่าผมกำลังเครียดอะไร เพราะจากที่ร่าเริงกลายเป็นเงียบแบบฉับพลัน

"เปล่า แต่วันนี้พี่ต้นจะกลับช้าเพราะติดธุระ"

"อ๋อ..."

"พี่มีลางสังหรณ์ว่าพี่ต้นจะไปหาพี่เต้ยว่ะ ควรทำยังไงดี"

"ใจเย็นๆ นะพี่ข้าว มันอาจจะไม่เป็นแบบที่คิดก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ผมเชื่อว่าพี่ต้นเขาคงตัดสินใจดีแล้ว"
แฮงค์ส่งรอยยิ้มบางมาให้กันหลังพูดจบ ผมลอบถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับความคิดเห็นของน้องไว้ ก็จริงอย่างที่เขาว่า พี่ต้นคงไตร่ตรองดีแล้วก่อนจะลงมือทำอะไร ไม่มีผิดพลาดแน่ๆ และผมควรเชื่อใจพี่ชาย

"หาเรื่องสนุกๆ มาคุยกันดีกว่าครับ จะได้ผ่อนคลายเนอะ"
แฮงค์ดูพยายามอย่างมาที่จะช่วยฉุดอารมณ์ของผมขึ้นจากเหว เด็กคนนี้พึ่งพาได้นะถึงจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม

"โอเคๆ"
ผมตอบรับก่อนจะคลี่ยิ้มบางส่งให้แล้วทิ้งแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้บุนวม ได้นั่งท่านี้แล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะ ลอบมองสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้งก็ได้แต่ชื่นชมในความเป็นตัวเขา จะมุมมองไหนก็ดูดี น่าอิจฉาได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

"พี่ข้าว... มีแฟนหรือยัง"
แฮงค์ถามไม่เต็มเสียงนักแต่ผมได้ยินชัดเจนจนเผลอเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าทำไมคำถามแรกถึงพุ่งตรงเข้าประเด็นนี้ได้ แต่ด้วยความที่ไม่อยากคิดมากและไม่ถือว่าเป็นเรื่องก้าวก่ายอะไรเลยตอบกลับไป

"คิดว่ามีไหมล่ะ ให้ทาย"
ผมนึกสนุกเลยแหย่แฮงค์ไปแบบนั้น อยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงบ้างถ้าเห็นคนหน้าตาที่ถือว่าดีระดับหนึ่งแบบนี้ การมีแฟนหรือไม่มีแฟนจริงๆ แล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอกเลยนะ ดูสิ งานดีเกรดพรีเมี่ยมอย่างน้องมันยังได้แค่แอบชอบเขาเลย กากว่ะ

แฮงค์ดูจะจริงจังกับการทายจนคิ้วขมวด ผมหลุดขำเบาๆ กับท่าทางตลกนั่น ไม่เห็นจำเป็นต้องเครียดขนาดนั้นเลยนี่หว่า ก่อนจะได้แซวอะไรออกไปพนักงานก็ยกบิงซูเมล่อนมาเสิร์ฟ แทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นขนาดของมัน... คือเมล่อนทั้งลูก จะแดกหมดไหมล่ะเนี่ย

"พี่ข้าว... ยังไม่มีแฟนใช่ปะ"
แฮงค์พูดออกมาในที่สุด ทำให้ผมที่กำลังจ้องบิงซูต้องเหลือบสายตามองก่อนพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้เองที่อีกคนเผยรอยยิ้มหล่อออกมาให้เห็นแบบจังๆ เอาซะกูตาพร่าเลยไหมล่ะ รู้แบบนี้หยิบแว่นกันแดดในรถมาใส่ก็ดี อะไรจะออร่าขนาดนั้นวะคนเรา สงสัยตัวเองจะเป็นแค่อดีตเดือนคณะแก่ๆ คนหนึ่งคงหมดความดูดีแบบนั้นไปนานแล้ว คิดไปก็เศร้าขอบิงซูย้อมใจด่วนๆ

"เออ จะมีได้ไงวะ พี่ต้นดุอย่างกับหมา"
ผมพูดเสียงเซ็งๆ ก่อนจะตักเมล่อนก้อนกลมๆ เข้าปาก ความหอมหวานช่ำและเนื้อแน่นๆ ของมันทำให้คำว่าฟินผุดขึ้นในสมองแทบทันที นี่ล่ะน้า สวรรค์ของคนชอบกินเมล่อน

แฮงค์ทำหน้าเหวอเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ไป คงยังไม่รู้ว่าพี่ชายหวงผมมากแค่ไหน ถ้าเขารู้ยังจะเข้าใกล้กันแบบนี้หรือเปล่า ก็พี่ต้นดันตั้งแง่ว่าน้องชอบผมและสั่งห้ามว่าอย่ายุ่งกันอีก... ไร้เหตุผลมากไปจริงๆ

"แบบนี้ก็แย่ดิวะ"
แฮงค์พึมพำอะไรบางอย่างซึ่งผมที่เพิ่งผละมือออกจากเกล็ดน้ำแข็งสีขาวนวลเลยไม่แน่ใจว่าเขาคุยด้วยหรือเปล่าเลยต้องถามย้ำคนที่กำลังลงมือตักเนื้อเมล่อนเข้าปาก

"เมื่อกี้ว่าอะไรนะ พี่ฟังไม่ถนัด"
ผมถามก่อนจะยกแก้วน้ำดื่มที่แฮงค์อุตสาห์อาสาไปเอามาให้จรดริมฝีปาก ความเย็นทำให้รู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยจนเผลอย่นจมูก อ่า... ต้องไปหาหมอฟันแล้วล่ะมั้ง

แฮงค์ส่ายหน้าพรืดแทนคำตอบเพราะในปากยังเต็มไปด้วยของกิน แก้มข้างหนึ่งบวมตุ่ยเพราะมีเมล่อนลูกกลมๆ ดันอยู่ ดูไปดูมาก็น่ารักดีว่ะ ถ้าผมมีน้องชายสักคนคงดี อายุไล่เลี่ยกับแฮงค์คงน่าสนุก แต่พอดีว่าผมเกิดเป็นลูกคนสุดท้องนี่ดิ ความฝันทุกอย่างสลายไปหมด

เราทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาจัดการบิงซูจนเกลี้ยงถ้วย เชื่อไหมว่ามันอิ่มมาก อิ่มจนเหมือนท้องจะแตก รู้สึกว่าตอนขยับตัวแอบได้ยินเสียงน้ำโครงเครงไปมาด้วย... โอย แย่ๆ ปวดท้องฉิบหายเลย

"อิ่มว่ะ"
ผมเดินลูบท้องออกจากร้าน ค่าเสียหายเราออกกันคนละครึ่ง แต่ในตอนแรกแฮงค์จะเลี้ยง แต่ผมบอกให้เขาเก็บเงินส่วนนั้นไปซื้อเกมที่อยากเล่นเถอะ เพราะไหนๆ ก็ช่วยกันกิน ช่วยกันจ่ายด้วยดีกว่า

"มากๆ เลยพี่ แล้วนี่จะกลับหรือยัง"

"ว่าจะกลับแล้ว เราล่ะ กลับเลยไหม"
ผมถามกลับไปในขณะที่เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เพื่อลงสู่ชั้นจอดรถใต้ดิน จริงๆ แล้วถ้าแฮงค์เอาบิ๊กไบค์มาเราควรแยกทางกันแล้วหรือเปล่า แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดเดา บางครั้งเจ้าเด็กนี่อาจจะขับรถมาก็ได้ใครจะไปรู้ ก็ใช่ว่าฐานะจะน้อยหน้ากันซะเมื่อไหร่ เพราะที่บ้านเขาทำธุรกิจอู่ซ่อมรถเนี่ย

"กลับไปทำงานที่ร้านน่ะครับ"
เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่มาน้องน่าจะไม่ได้ขี่บิ๊กไบค์มาแน่ๆ เพราะเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ขาเดฟบวกกับรองเท้าหนังนี่มัน... ไม่เข้ากันอย่างแรง

"กลับยังไงล่ะ"
ผมถามขึ้นอีกครั้งเมื่อขาก้าวผ่านประตูอัตโนมัติสู่ลานจอดรถ โซนซุปเปอร์คาร์นั้นเบาบางจนดูสบายตา ซึ่งรถ BMW Z4 สีขาวก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

แฮงค์ชะงักเท้ากึกเหมือนตัวเองเพิ่งคิดอะไรได้ ก่อนดวงตาคมจะเบิกกว้างขึ้นและกระโดดโหยงเหยง

"ตายๆ จะไปร้านยังไงวะ ผมมากับไอ้กันย์อะ ลืมสนิทเลย เชี่ยเอ้ย"
น้องสบถออกมาแต่ยังไม่หยุดกระโดด ผมเลยหลุดหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปกดไหล่ให้เขาหยุดทำอะไรตลกซะที แล้วมันก็ได้ผลเมื่อเจ้าตัวชะงักกึกอีกครั้ง ใบหน้าคมขึ้นสีระเรื่อคงอายที่เผลอทำอะไรเปิ่นๆ ออกมา

"พี่ขับรถไปส่งที่ร้านก็ได้"
ผมเสนอทางออกให้กับเขา แม้ว่าระยะทางจากที่นี่ไปร้านจะไกลสักหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหาอะไรเพราะเคลียร์กับพี่ต้นเรียบร้อยไปแล้ว แต่แฮงค์ดูอึกอักเล็กน้อยจนผมต้องมัดมือชกลากข้อมืออีกคนตรงไปที่รถทันที คิดจะปฏิเสธก็สายไปแล้วน่า

"ขึ้นรถสิ"
ผมออกคำสั่งก่อนจะสอดตัวเข้าประจำที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถรอ แฮงค์ที่มีท่าทางลังเลเลยรีบเปิดประตูรถเข้ามานั่งข้างๆ กันอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นทำให้ผมลอบยิ้มออกมาง่ายๆ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนขี้เกรงใจก็วันนี้ล่ะ

"พี่ข้าวใจดีกับทุกคนแบบนี้หรือเปล่า"
แฮงค์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตากลับจ้องตรงไปข้างหน้า ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคิดย้อนไปว่าตัวเองเผลอใจดีกับใครแบบนี้หรือเปล่า แต่โดนปกติแล้วเห็นคนรู้จักลำบากก็ต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่หรือไง

"ก็เรื่องปกติปะวะที่จะยื่นมือช่วยคนที่กำลังเดือดร้อน"
พูดออกไปตามที่คิดก่อนจะผลักเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกจากห้างสรรพสินค้า ภายในรถเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมจากเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆ อยากเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเสียงอยู่เหมือนกันแต่ขอใช้สมาธิขับรถก่อน




ต่อด้านล่างนะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #21 เมื่อ01-12-2016 08:59:50 »

แฮงค์เงียบไปเลยหลังจากได้ยินคำตอบนั้น สถานการณ์เหมือนจะปกติแต่ไม่ปกติแน่ๆ เพราะหางตาเห็นอีกคนกำลังทอดสายตาอย่างเหม่อลอยมองออกไปด้านนอก ไม่มีรอยยิ้มหรือร่องรอยแห่งความสุขปรากฏให้เห็น อะไรของมันวะ อยู่ๆ ก็ยิ้มอยู่ๆ ก็เหมือนคนอกหัก ผีเข้าผีออกหรือไงตามไม่ค่อยทัน

"เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า"
ตัดสินใจออกปากถามไปอีกครั่ง คราวนี้ได้รับปฏิกิริยาเป็นการสะดุ้งก่อนเจ้าตัวจะหันมามองกันแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ฉีกยิ้มสดใสแถมมาให้อีกหนึ่งที เออเว้ย อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนผู้หญิงเป็นประจำเดือนเลยว่ะ เด็กสมัยนี้ทำตัวเข้าใจยากจริงๆ

"เปล่าๆ อาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้วว่ะ ขี้เกียจจัง"
บ่นกระปอดกระแปดไม่พอยังเบะปากเหมือนเด็กน้อยอีก บางครั่งแฮงค์ก็ดูเป็นผู้ใหญ่แต่บางครั้งก็ดูเป็นเด็ก มีความหลากหลายในตัวเองจนดูน่าค้นหา คนแบบนี้สาวๆ ชอบนักล่ะที่จะเข้ามาศึกษาและอยากดูใจไปพร้อมๆ กัน ว่าแต่พูดเรื่องเปิดเทอมขึ้นมาผมเลยได้ทีลากเข้าเรื่องของตัวเองบ้าง

"เออ แฮงค์เรียนปีสามปะ"

"ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า"

"พอดีว่าพี่ปัน เอ่อ... อาจารย์ปรินทร์ติดต่อให้พี่ไปสอนวิชาออกแบบตัวละครแทนอาจารย์คนที่เพิ่งโดนรถชนไปน่ะ"

"เฮ้ย! จริงดิพี่ข้าว ผมมีเรียนกับพี่ด้วย โคตรดีใจเลย"
แฮงค์ออกอาการดีใจจนผมเผลอยิ้มตามไปซะอย่างนั้น บางทีการมีคนรู้จักอยู่ในคลาสนั้นๆ ก็ทำให้อาการเกร็งทุเลาลงได้ คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ว่า... มันจะไม่ตกใจหน่อยเหรอที่อาจารย์คนนั้นโดนรถชนน่ะ

"เออ แล้วเราเรียนตอนไหน"
ผมถามขึ้นอีกครั้งในขณะที่รถติดไฟแดง จะว่าไปวันนี้การจราจรติดขัดมากกว่าปกติ เพราะเป็นวันศุกร์ที่ผู้คนมักจะขับรถกลับบ้านต่างจังหวัด เมื่อได้ทีเลยเอื้อมมือเปิดเครื่องเสียงปล่อยเสียงเพลงคลอเบาๆ

"ขอดูตารางเรียนแป๊ปครับ"
แฮงค์บอกก่อนรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูทันที ผมฮัมเพลงรอไม่นานอีกคนก็ยื่นหน้าจอสี่เหลี่ยมมาให้ดู ตารางเรียนลอกเวลาช่วง 17:00 - 20:00 เป็นอะไรที่... ขี้เกียจว่ะเอาจริงๆ ตอนสมัยเรียนถ้ามีตารางเวลานี้เมื่อไหร่เพื่อนๆ จะโอดครวญกันเหมือนโลกจะถล่ม จริงๆ มันควรเป็นเวลากลับไปพักผ่อนด้วยซ้ำ

"พี่สอนทั้งวันเลยว่ะ เซคของแฮงค์สุดท้ายพอดี"

"โหดมาก ตั้งแต่เช้าเลยเหรอครับ"
แฮงค์ดึงโทรศัพท์กลับไปแล้วกดล็อกหน้าจอทันที ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นแจ้งเตือนในหลายๆ แอพพลิเคชั่นเด้งอยู่ตลอดเวลา อย่างว่าล่ะนะ เดือนมหา'ลัยมันฮอต

"ใช่ ไม่รู้ว่าอาจารย์คนนั้นยอมรับตารางสอนได้ยังไง โคตรโหด"
หลังจากบ่นๆ เรื่องในมหา'ลัยกันไปพอหอมปากหอมคอเราทั้งคู่ก็มาถึงร้าน Addict ในเวลาหกโมงกว่าๆ อยากจะลงไปนั่งกินข้าวอยู่หรอกแต่กว่าผมจะตีรถกลับบ้านคงใช้เวลาฝ่ารถติดไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงแน่ๆ เลยต้องตัดใจว่าแค่ส่งแฮงค์ก็พอ

"ขอบคุณที่มาส่งนะครับ ขับรถกลับดีๆ นะ"
แฮงค์ยื่นหน้าเข้ามาบอกทางกระจกที่ลดลง ผมพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มให้ ทำทีจะกดเลื่อนปิดกระจกแต่แฮงค์ร้องห้ามไว้ซะก่อน

"พี่ข้าว..."

"ว่าไง"

"ถ้าถึงบ้านแล้วช่วยไลน์หาผมหน่อยได้ไหม"

"ทำไมวะ"

"เป็นห่วงครับ"
น้ำเสียงของแฮงค์รวมทั้งแววตาแสดงให้รู้ว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง หัวใจของผมกระตุกเล็กน้อยเพราะอยู่ๆ ก็ได้รับความห่วงใยแบบไม่คาดคิดจากคนที่เพิ่งรู้จักกัน มันอาจจะแปลกอยู่สักหน่อยแต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับเขาไป

"โอเค ไว้ถึงแล้วจะไลน์หา ไปนะ"

"ครับผม จะรอนะพี่"
แฮงค์ขยับตัวออกไปแล้วโบกมือให้กัน ผมยิ้มก่อนจะกดปุ่มปิดกระจกแล้วเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นแล้วมุ่งสู่ถนนสายหลักที่มีการจราจรติดขัด

ในระหว่างที่รถติด มือเรียวควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลา แต่แล้วสายตากลับหยุดชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในหน้าโซเชี่ยลของพี่ต้น... พี่เต้ยด่าพี่ชายผมทำไม

'สาระเลว ไม่ยอมคืนดียังมาด่ากันอีก นึกว่าตัวเองดีเลิศเลอมาจากที่ไหนกันวะต้น ที่มาหานี่แค่อยากสมน้ำหน้ากันเหรอ ทุเรศที่สุด!!!!'

ผมเผลอกลั้นหายใจเมื่ออ่านโพสต์ของพี่เต้ยจบ ทำไมต้องว่ากันแรงขนาดนั้น แล้วไอ้ลางสังหรณ์ของผมมันจริงซะด้วย แต่ว่าก็ว่าเถอะ พี่ต้นไปทำอะไรมากันแน่ถึงทำให้เธออาละวาดได้หนักขนาดนี้ มือเรียวพยายามกดโทรออกหาพี่ชาย แต่กลับได้สัญญาณฝากหมายเลขโทรกลับแทน โอย หายหัวไปไหนของแม่งวะเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง บ้าเอ้ย!

Rrrrr
เสียงริงโทนทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบดูหน้าจอทันทีว่าใครโทรเข้า และนั่นทำให้ผมแปลกใจเพราะเป็นเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย

"ฮัลโหล ใครครับ"
ผมตัดสินใจกดรับแล้วกรอกเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุดลงไป

'พี่ข้าว ผมแฮงค์เอง พอดีเจอพี่ต้นที่ร้านครับ'

"เฮ้ย จริงดิ พี่ต้นไปกับใครหรือเปล่า"
ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้และเตรียมตัวตีรถกลับไปที่ร้าน เชื่อเถอะว่าพี่ผมต้องเมาเละอีกแน่ๆ

'มาคนเดียวว่ะ พี่เฟรนด์บอกว่าพี่ต้นเอาแต่ดื่มลูกเดียวเลย ตอนนี้ร้องไห้แล้วครับ ผมเลยพักงานมานั่งดูแลพี่เขาอยู่'

"โอย เออๆ ขอบคุณมาก พี่กำลังกลับไปที่ร้าน"
พี่ต้นแม่ง... อยากเป็นเด็กเกเรเอาตอนแก่หรือยังไง




-----------------------------------------------

ตอนที่ 3 มาแล้ว... น้องข้าวของพี่ต้นก็เกเรอยู่นะเออ แถมใจง่ายอีกด้วย
แบบนี้น่าจะหลอกให้รักง่ายด้วยหรือเปล่าน้อ ตอนหน้าไปลากพี่ต้นกลับบ้านกันนะยู ~

ออฟไลน์ เด็กเลี้ยงแมว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #22 เมื่อ01-12-2016 10:01:32 »

ทำไมไม่รู้มโนไปไปยันพล็อตค้ำคอร์ซะได้ อ่า สัมผัสได้ถึงพลังพี่น้อง :hao6:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #23 เมื่อ01-12-2016 10:44:36 »

พี่ต้นหวงน้องมากๆ เลยง่ะ
ส่วเรื่องพี่เต้ยเนี่ยตัดต้องตัดให้ขาดนะพี่ต้น สู้ๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #24 เมื่อ01-12-2016 11:31:43 »

เมื่อไหร่พี่ข้าวจะรู้ว่าแฮงค์แอบชอบ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #25 เมื่อ01-12-2016 14:01:16 »

 :man1:

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #26 เมื่อ01-12-2016 14:42:54 »

เนื้อคู่พี่ต้นกำลังมาแน่ๆ :hao3:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #27 เมื่อ01-12-2016 14:48:09 »

ตัวละครมีชื่อตัวเองนิอ่านเเล้วแปลกๆดีแฮะ

ตามๆๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #28 เมื่อ01-12-2016 15:15:56 »

พี่เต้ยนิสัยไม่ดีเลย ไม่ชอบอะ


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 3 -P.1- (01.12.2016)
«ตอบ #29 เมื่อ02-12-2016 00:56:48 »

 :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด