♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)  (อ่าน 82742 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #150 เมื่อ28-01-2017 19:27:55 »

โทรศัพท์มือถือสั่นครืดอยู่ในมือขณะที่ผมกำลังนอนอ่านอะไรเพลินๆ อยู่ ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอคือชื่อของเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้คงทำงานอยู่ที่บริษัทเป็นแน่ ให้เดาคงโทรมาทวงของฝากล่ะมั้ง... เบื่อมันจริงๆ เลยเว้ย

"มีอะไรวะ คนจะหลับจะนอน"
ผมแกล้งทำเสียงหงุดหงิดใส่ทั้งๆ ที่แอบคิดถึงมันอยู่เหมือนกัน ไม่ได้อยากนอนอะไรหรอกเพราะไม่เคยใช้เวลากลางวันทำเรื่องแบบนั้นเลยสักครั้ง ปลายสายจิ๊ปากเบาๆ คงจะทำหน้าบึ้งใส่อยู่แน่ๆ

'นี่เพื่อน ลืมไปแล้วเหรอมึง'
ไอ้จุ้นตอบกลับมาด้วยเสียงงอนๆ และนั่นทำให้ผมเผลอหลุดขำออกมาแบบไร้เสียง แกล้งเพื่อนนี่มันสนุกแบบนี้เองสินะ มีความสุขจังเลย

"ไม่เห็นจะจำได้ว่ามีเพื่อนแบบมึง"
ผมยังคงแกล้งมันต่อไปอย่างสนุกสนาน ชอบปฏิกิริยาตอบกลับของไอ้จุ้นมาก เพราะจะกลายเป็นคนขี้น้อยใจและนิสัยง้องแง้งขึ้นมาทันตาเห็น บางมุมให้ความรู้สึกเป็นเมียอย่างบอกไม่ถูกว่ะ... ไม่ใช่ว่าสลับฝั่งกับไอ้พีชไปแล้วนะ

'มึงอะ! กูเสียใจนะ ฮือ อุตส่าห์คิดถึงเลยโทรไปหา ฮึกๆ'
ดูมันทำเสียงสิ ผมอยากไปบริษัทเดี๋ยวนี้เลยไง แต่ไม่ได้ซึ้งที่มันบอกว่าคิดถึงหรอกนะ อยากไปเตะก้นมากกว่า คนอะไรร้องไห้ได้ตอแหลสุดๆ

"ตอแหล โทรมาทวงของฝากก็บอกมาตรงๆ"
ผมตอบกลับไปอย่างรู้ทันเพราะไอ้จุ้นเป็นคนที่ไม่บอกคิดถึงใครง่ายๆ แบบนี้แต่ยกเว้นกับไอ้พีชคนเดียว แค่โทรมาหากันหลังจากที่เครื่องแลนด์ดิ้งไม่ถึงสองชั่วโมงนี่มีอยู่เหตุผลเดียวคือทวงของฝากจากญี่ปุ่นแน่ๆ

‘เกลียดคนรู้ทันฉิบหาย แล้วมีอะไรมาฝากกูบ้างเนี่ย ไม่ใช่ว่าซื้อมาฝากแต่ไอ้น้องแฮงค์นะ ถ้าเป็นแบบนั้นกูน้อยใจตายแน่ๆ’
น้ำเสียงของมันช่างจริงจังเหลือเกินจนผมเผลอถอนหายใจออกมากับความคิดของมัน ผู้ชายอะไรวะขี้น้อยใจฉิบหาย จะยุให้ไอ้พีชจับมันทำเมียแล้วจริงๆ นะเนี่ย

“ตายไปเลยคนอย่างมึงเนี่ย ผู้ชายห่าอะไรขี้น้อยใจชะมัด”

‘พูดงี้มึงไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากกูใช่ไหม บอกมา!’
เริ่มขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้รู้เลยว่าต้องทำหน้าบึ้งหรือทำปากเบะใส่โทรศัพท์อยู่แน่ๆ คิดแล้วก็ตลกว่ะ ถ้าเป็นแฟนผมนะจะเตะให้ก้นช้ำข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้

“คิดว่ากูเป็นคนแล้งน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอไง กูอุตส่าห์ซื้อของที่มึงชอบมาฝากนะเนี่ย”
ผมพูดจบก็พลิกตัวนอนคว่ำแล้วคว้าไอแพดมาเปิดเล่นเกมที่ไม่ได้แตะมาร่วมอาทิตย์ไปด้วย ได้ยินปลายสายทำเสียงว้าวกลับมาด้วยความตื่นเต้น แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังจะโดนแกล้งอีกรอบ หึหึ

‘ว้าวๆๆๆ ซื้ออะไรมาฝากเนี่ย ตื่นเต้นว่ะ’
ทำเสียงได้น่าหมั่นไส้มากๆ แบบนี้ต้องแกล้งกลับไปแรงๆ ให้เข็ด ผมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยกเรื่องโกหกมาพูดให้มันฟัง อยากรู้ว่ามันจะตอบกลับมายังไง

“ซื้อจิ๋มกระป๋องมาฝาก ถูกใจปะมึง”
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะพลิกตัวไปกอดหมอนข้างเอาไว้ อยากจะลุกไปปรับอุณหภูมิแอร์ใจจะขาดแต่ขี้เกียจเลยหาเครื่องบรรเทาความหนาวไปเรื่อย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนคงอุ่นกว่านี้ล่ะมั้ง

‘ไอ้เชี่ย! ซื้อห่าอะไรมาฝากกูเนี่ย มึงอยากให้ไอ้พีชเอามีดไล่แทงกูหรือไง เดี๋ยวก็โดนหาว่าอยากกลับไปมีอะไรกับผู้หญิงอีก’
เสียงไอ้จุ้นทำให้ผมถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาอย่างไม่เกรงใจมันสักนิดหน้าท้องปวดไปหมด น้ำเสียงสั่นๆ หวาดๆ คงจะกลัวไอ้พีชจริงๆ นั่นล่ะ เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วเพื่อนผมไม่ได้เป็นเกย์ ยังคงเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงตามสังคมนิยม บางครั้งมันก็แอบเหล่สาวๆ ไปบ้างเลยทำให้เมียระแวงก็สมควรโดนแล้ว

‘ไอ้ข้าว มึงแกล้งกูอะ สัด!’
พอรู้ตัวว่าโดนผมอำก็ด่ากันเป็นสัตว์เลยเชียว ดีนะเนี่ยที่ไม่ด่าว่าเหี้ย... พอดีอยากเป็นกระต่าย แบ๊วไปปะวะ

“โอ๋เอ๋นะมึง กูซื้อขนมมาฝาก พอใจยัง”
ผมพูดมันเสียงอ่อนเพื่อปรับอารมณ์เพื่อนสนิทให้หายหงุดหงิดไปด้วย มันทำเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูดีกว่าเมื่อครู่อยู่มากโข โกรธง่ายหายเร็วเป็นเรื่องดีๆ ของมันล่ะนะ ผมก็เลยชอบแกล้งไอ้จุ้นเล่นประจำ นิสัยเสียเนอะ

‘เออๆ แล้วมึงซื้ออะไรฝากไอ้น้องแฮงค์วะ อย่าบอกว่าเป็นเซ็กซ์ทอยสักชิ้นแล้วแปะโน้ตประมาณว่า ใช้แล้วคิดถึงหน้าพี่ด้วยนะ ไรงี้ปะ’
มันพูดก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจที่สามารถเอาคืนกันได้ ผมถึงกับหน้าร้อนวาบเมื่อฟังประโยคนั้นจบ ใครมันจะบ้าทำอะไรแบบนั้นล่ะวะ ไม่ได้เป็นคนโรคจิตนะเว้ย!! เอาจริงๆ คือกูหน้าบางมากอะ ใจก็บาง

“เหี้ย! ความคิดแม่งสัปดนมากนะมึง”
ด่ามันกลับไปด้วยน้ำเสียงกึ่งตะโกนก่อนจะเหลือบไปเห็นหน้าตัวเองในกระจกติดตู้เสื้อผ้าและพบว่ามันแดงเถือกไปซะหมด นี่เพราะโมโหหรือคิดจะทำตามที่ไอ้จุ้นบอกกันแน่วะ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ซื้อเซ็กซ์ทอยกลับมาจริงๆ สักหน่อย เฮ้ย ไม่ใช่สิ บ้าไปแล้ว เลิกคิดๆ !! ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเผื่อจะลดสีบนใบหน้าลงไปบ้างเห็นแล้วท้อใจกับตัวเองจริงๆ เพราะนับวันไอ้เด็กนั่นจะมีอิทธิพลต่อหัวใจมากเกินไปแล้ว

‘กูเอาคืนอะ หึหึ ไปทำงานต่อแล้ว พี่ต้นแม่งยืนกดดันอยู่ แค่นี้นะ’

“เออๆ ตั้งใจทำงานไปนะมึง”
ผมพูดจบและกำลังจะตัดสายแต่เสียงไอ้จุ้นกลับเรียกชื่อกันไว้ซะก่อนเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้

‘ข้าวๆ จะบอกว่าผลงานที่ไอ้น้องแฮงค์มันส่งมาประกวดน่ะ... โคตรเจ๋งเลยว่ะมึง’
น้ำเสียงไอ้จุ้นดูตื่นเต้นจนทำให้ผมอยากเห็นผลงานของแฮงค์บ้าง พรุ่งนี้คงต้องเข้าไปดูที่บริษัทสักหน่อยแล้วล่ะว่าจะดีอย่างที่เพื่อนสนิทคุยไว้หรือเปล่า

“เออ เด็กกูเจ๋งอยู่แล้วล่ะน่า”
ผมพูดออกไปด้วยความภูมิใจแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นประเด็นให้ไอ้จุ้นล้อกลับมา อยากบุกไปต่อยปากมันฉิบหาย

‘ว้าย เดี๋ยวนี้มีเด็กกงเด็กกู นี่เพื่อนจะมีผัวแล้วเหรอ อรั้ย เชียร์อยู่นะคะ’

“ไอ้สัด!! ไปทำงานเลยไป ไร้สาระฉิบหาย”
ผมด่ามันก่อนจะวางสายแล้วขว้างโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงห่างออกไปจากตัวเองก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วตะโกนโวยวายไม่เป็นภาษา ไม่คิดว่าคำพูดง่ายๆ สบายๆ แบบนั้นจะทำให้โดนแซวหนักแบบนี้ แล้วใครว่าผมจะยอมเป็นเมียล่ะ เรื่องแบบนี้มันต้องเป่ายิงฉุบเว้ย ใครชนะได้เป็นผัว แต่ถ้าผมแพ้ก็ขอเล่นจนชนะอะบอกเลย ไม่ยอมเสียเอกราชความเป็นชายง่ายๆ หรอกน่า แต่ถ้าอารมณ์และการเล้าโลมมันพาไปก็ไม่แน่นะ...

วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวออกไปคอนโดเพราะวันจันทร์ต้องไปสอนที่มหา’ลัยเหมือนเดิม และมีนัดกินข้าวกับเจ้าเด็กที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้วด้วย ของฝากก็ยังไม่ได้เอาไปให้ทั้งๆ ที่กันย์ก็มาที่บ้าน พูดง่ายๆ คืออยากให้ด้วยมือตัวเอง พี่ต้นมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อตอนที่ผมไม่เชื่อฟัง บ่ายเบี่ยงทุกวิธีทางที่จะไม่ฝากของไปกับแฟนของเขา เนี่ย... ก็ไหนบอกว่าจะไม่ขัดขวางแล้วไง ขี้จุ๊ทั้งนั้นอะคนเรา

พี่ต้นนั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาเงยหน้าขึ้นมองกันก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง ผมขยับตัวไปทางซ้ายทีทางขวาทีแต่ก็ไม่หลุดโฟกัสของเขา ไม่เข้าใจว่ามีอะไรผิดปกตินักหนา ก็แต่งตัวธรรมด๊า ธรรมดาขนาดนี้ เสื้อเชิ้ตสีชมพูพาสเทลกับกางเกงผ้าสีขาวขายาว เซ็ตผมนิดหน่อย... อืม ปกติมาก

“มองอะไรครับ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ผมถามขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อกินข้าวต้มหมูร้อนๆ ที่ยังมีควันลอยอบอวล ดวงตาคมไม่ละไปไหนแม้แต่น้อย ขนมปังปิ้งยังคาอยู่ในปากอย่างนั้น เห็นท่าทางแบบนี้แล้วก็เผลอขมวดคิ้วมองเขากลับไปเพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแปลกๆ

“พี่ต้น...”
ผมเรียกชื่อเขาขึ้นมาเสียงดังพอควร พี่ต้นขยับตัวเล็กน้อยแล้วปล่อยขนมปังออกจากปากก่อนจะยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มลงคอจนหมด เขายกมือขึ้นก่อนจะจิ้มหน้าผากผมเบาๆ ใบหน้าหล่อนั่นแสดงอาการหมั่นไส้ออกมาแบบไม่ปิดบัง... โดนด่าเรื่องแต่งตัวแน่ๆ ถ้าเดาไม่ผิดล่ะนะ

“แต่งตัวเต็มยศขนาดนี้ไม่มากไปหน่อยเหรอหืม แค่ไปคอนโดไม่ใช่เหรอ”
ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยการจับผิดล้วนๆ แต่ไม่ได้จริงจังอย่างแต่ก่อน คงอาจจะเป็นเพราะคำที่เขาเคยพูดออกมาว่าจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของผมกับแฮงค์อีก

“ก็... ออกจากบ้านแต่งตัวให้ดูดีหน่อยเถอะครับ จะให้ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเหรอ”
ผมตอบกลับไปโดยไม่มองหน้าของเขาแล้วก้มลงกินข้าวต้มหมูไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ เดาว่าเขาคงรู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดนานแล้วแต่ไม่ยอมถามออกมาเพราะอยากให้สารภาพเองจากปากมากกว่า แต่ใครจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้กันเล่า ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย

“ปกติก็ใส่แบบนั้นนี่”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นทำให้ผมหยุดชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวต้มใส่ปากแล้วช้อนตามองคนตรงหน้า พี่ต้นเลิกคิ้วขึ้นแล้วกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย มันโคตรจะให้ความรู้สึกประมาณว่าเมียแอบไปมีกิ๊กแล้วผัวจับได้อะไรประมาณนั้นเลย

“โธ่ พี่ต้นอะ น้องก็อยากหล่อบ้างอะไรบ้าง”

“ข้าว”
เสียงแข็งมาเชียว ยอมแพ้ก็ได้วะ

“ครับๆ บอกก็ได้ มีนัดกินข้าวกับแฮงค์”

“ก็แค่นั้น จะปิดบังพี่ทำไม แล้วจำเป็นต้องแต่งตัวน่ารักแบบนี้ด้วยเหรอ”
พี่ต้นเหล่ตามองกันอีกครั้งเหมือนกับเขาจะไม่พอใจในการแต่งตัวของผมสักเท่าไหร่ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คงเป็นเพราะว่าเขาหวงน้องชายนั่นล่ะ แต่ผมตกใจเว้ย อยู่ๆ มาชมว่าน่ารักอีกแล้ว...

“ห๊ะ พี่มองยังไงว่าผมน่ารัก ก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแนวปกตินะ”
ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงประหลาดใจแล้วมองตัวเองตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจรดด้านบนเท่าที่สายตาจะมองเห็นแล้วขมวดคิ้วแน่น นี่เหรอน่ารัก ก็ธรรมดาปกตินี่หว่า

“โทนสีของเสื้อผ้ามันทำให้ดูน่ารัก เข้าใจหรือยัง”
อ้อ... ถึงบางอ้อโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเลยว่ะ ได้แต่นั่งมึนๆ เบลอๆ ทำอะไรไม่ถูกไปแบบนั้น

“อ่า...”
ไปไม่ถูกเลยกู เพิ่งรู้ว่าโทนสีเปลี่ยนคนหล่อให้กลายเป็นคนน่ารักได้ แต่ปกติผมใส่สีเข้มไอ้น้องแฮงค์ก็บอกว่า... เออ นั่นล่ะ โอย ตาพวกมึงๆ ทั้งหลายมีปัญหากันหรือไง ข้าวล่ะกลุ้มใจจริงๆ เลย ไปเปลี่ยนชุดดีปะวะ

ถ้าโดนแฮงค์ชมว่าน่ารักหลังจากที่ผมมีความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้วจะเป็นยังไงกันนะ



---------------------------------------------

ตอนที่ 17 มาพร้อมกับพี่ข้าวคนขี้แกล้ง... และพี่ต้นที่ลดความหวงน้องลงแค่จึ๋งเดียว 55555
ตอนนี้จริงๆ หาสาระไม่ค่อยได้เลย ฮือ อ่านกันแล้วช่วยคอมเม้นท์หน่อยเนอะ แค่อยากรู้ว่าทุกคนชอบหรือเปล่า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #151 เมื่อ28-01-2017 21:19:47 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #152 เมื่อ28-01-2017 21:58:19 »

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #153 เมื่อ28-01-2017 22:49:45 »

พี่ต้น อะไรจะหวงน้องขนาดนี้
หวงเวอร์วังมากกกกก
ขำข้าว แกล้งเพื่อนเรื่องซื้อของฝาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #154 เมื่อ29-01-2017 07:04:33 »

พี่ต้นหวงน้องมากกกกก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #155 เมื่อ29-01-2017 11:03:53 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 17 -P.5- (28.01.2017)
«ตอบ #156 เมื่อ29-01-2017 11:47:54 »

ง้อวววววพี่จ้าวน่ารักอิอิ :-[ :impress2:
 :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #157 เมื่อ30-01-2017 17:37:21 »

เมาครั้งที่ 18



รถที่เอาไปซ่อมเมื่อสองอาทิตย์ก่อนจอดอยู่ในโรงรถเรียบร้อย ตอนที่ผมอยู่ญี่ปุ่นเจ้าเด็กนั่นแอบเอามาส่งให้ถึงที่บ้านแถมเรื่องค่าซ่อมก็ไม่ยอมทวงกันอีก ไม่รู้เพราะว่าลืมหรือจงใจไม่คิดเงิน ไว้ค่อยถามเองก็ได้

ผมรีบขับรถออกมาหลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยโดยมีพี่ต้นที่ออกมาส่งด้วยใบหน้าบึ้งตึง โรคขี้หวงนี่เขามีที่ไหนรับบำบัดบ้างไหม หรือผมต้องยุยงให้กันย์มีกิ๊กนะ เขาจะได้รู้ตัวสักทีว่าควรปฏิบัติตัวแบบนั้นกับใครกันแน่ แต่ถ้าทำแบบนั้นไปแล้วโดนจับได้ทีหลัง ผมคงโดนพี่ชายสั่งกักบริเวณแน่ๆ อย่าเสี่ยงจะดีกว่า

บนถนนในวันอาทิตย์ก็ยังคงเหมือนปกติ จราจรติดจัดจนเกินจะเยียวยา ถ้าเลือกได้ผมคงไม่อยากอยู่กลางเมืองหลวงแบบนี้สักเท่าไหร่ ไปไหนมาได้ก็ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ แต่ดีหน่อยที่แฮงค์ติดธุระช่วงเช้า ประชุมเรื่องกิจกรรมกีฬามหา'ลัย ขนาดอยู่ปีสามอาจารย์ก็ยังไม่วายโยนงานมาให้ แล้วเด็กมันจะเรียนรู้เรื่องไหมล่ะ ก็ได้แค่คิดในใจไม่มีสิทธิ์มีเสียงตะไปพูดให้ใครหน้าไหนฟังหรอก

การฝ่าจราจรแออัดสิ้นสุดลงเมื่อผมขับรถเข้ามาจอดภายในตัวมหา'ลัยเพื่อรอรับแฮงค์ วันนี้เขามาแปลกเล็กน้อยตรงที่ไม่ยอมขี่บิ๊กไบค์มาเองแต่ให้เฟรนด์มาส่ง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ...

Rrrrr

เสียงริงโทนเรียกผมให้หลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง สายตากวาดมองหาเครื่องมือสื่อสารเครื่องเก่งที่โดนละความสนใจตั้งแต่ขึ้นรถ มือเรียวคว้ามันออกมาจากเบาะด้านข้างตัวแล้วกดรับทันทีที่เห็นชื่อบนหน้าจอ

"ฮัลโหลพี่ปัน"
ผมกรอกเสียงลงไปอย่างประหลาดใจ ถึงจะทำงานด้วยกันมาได้สองสามเดือนแล้วแต่พี่ปันไม่ค่อยจะโทรหาหรอก วันนี้มาแปลก

'แกจอดรถอยู่ใต้ต้นไม้ที่ลานคณะใช่ไหมข้าว'
น้ำเสียงของพี่ปันฟังดูร้อนรนจนผมได้แต่ขมวดคิ้วยุ่ง ไอ้ที่โทรมาหากันแถมยังระบุพิกัดที่ผมอยู่ได้ขนาดนี้ มันต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ชักหวั่นใจแล้วสิ

"ใช่ พี่อยู่ไหนเนี่ย เป็นสต็อกเกอร์หรือไง ออกมาเลยนะ"
ผมพูดติดตลกแต่ความจริงคือนั่งหันซ้ายหันขวาหาตัวพี่ปันให้วุ่น ทำไมมีแต่คนทำตัวแปลกประหลาดจังวะวันนี้ ท้องฟ้าที่เคยสดใสตอนนี้ก็มืดครึ้มเหมือนฝนจะตกอีกด้วย... หรือมีใครที่ไม่บริสุทธิ์เผลอไปปักตะไคร้

'ไอ้ข้าว ไม่ตลกนะ แกรีบมาที่ห้องประชุมคณะเดี๋ยวนี้เลย'
น้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งสั่งดังลอดออกมาพร้อมเสียงใครหลายๆ คนกำลังโวยวายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เหมือนคนกำลังทะเลาะกัน พี่ปันกะจะให้ผมไปห้ามทัพคนตีกันเหรอวะ จะโดนลูกหลงจนสลบไปก่อนไหมล่ะชีวิต! แค่เทควันโดสายดำเอาชนะคนกำลังโมโหไม่ได้หรอกเว้ย

"ไม่ๆ เกิดอะไรขึ้นวะพี่ ขอคำอธิบายก่อนได้ไหม อยู่ๆ เรียกไปแบบนี้ใจคอไม่ดีเลย"
ผมยืนกรานเสียงแข็งว่าให้พี่ปันเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นให้ฟังก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมดับเครื่องยนต์แล้วก้าวขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตายแน่ๆ ยังอยากกินข้าวด้วยตัวเอง ไม่ใช่นอนนิ่งๆ ให้คนอื่นหยอดน้ำข้าวต้ม

'พี่ตุลย์มาหาเรื่องแฮงค์ถึงห้องประชุม คราวนี้แกจะรีบวิ่งลงมาได้หรือยังวะ!'
ไอ้ฉิบหายเอ้ย บอกตั้งแต่แรกแบบนี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือไงวะ ผมรีบดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ คนที่เข้าเฝือกหาเรื่องคนที่ปกติทุกประการนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ แม่งเอ้ย พี่ตุลย์นี่ยังไง จ้องจะเอากูให้ได้เลยใช่ไหม ก็ได้เดี๋ยวจัดชุดใหญ่ให้เดินไม่รอดเลยคอยดู ถึงใจแน่ๆ !!

ผมก้าวขายาวๆ ด้วยความเป็นห่วงว่าแฮงค์จะขาดสติแล้วทำร้ายพี่ตุลย์หรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ ข้อหาทำร้ายคนไม่มีทางสู้แล้วอีกอย่างอาจจะโดนไล่ออกจากมหา'ลัยก็ได้ เพราะพ่อของหมอน่ะ เป็นอธิการบดีที่นี่ แต่พอมือเรียวผลักประตูห้องประชุมเข้าไปสิ่งที่พบคือ...

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ บ้านพี่เขาใช้ไม้ค้ำตีคนอื่นแบบนั้นเหรอวะ!"
ผมตะโกนเสียงดังจนทุกคนที่อยู่ในห้องหันมามองเป็นตาเดียว แฮงค์อยู่ในสภาพที่หน้าฟกช้ำ ตามเนื้อตัวมีรอยโดนฟาดแดงไปหมด พี่ตุลย์ยกมือที่จับไม้ค้ำค้างไว้กลางอากาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์โมโหและจริงจัง กันย์มีสภาพเละเทะน้อยกว่าใครแต่ก็เจ็บตัว ส่วนพี่พายที่พยายามเข้าไปจับตัวคนอาละวาดนั้นเบ้าตาเขียวเป็นปื้น นี่มันอะไรกันวะ!

"ข้าว..."
เสียงพี่พายร้องเรียกชื่อของผมด้วยความตะลึง

"ไอ้ข้าว!"
เสียงพี่ปันเรียกชื่อผมด้วยความโล่งใจ เดาว่าเขาคงไปหลบมุมโทรตามอธิการบดีมาที่นี่

"พี่ข้าว..."
เสียงแฮงค์เรียกชื่อผมด้วยความอ่อนล้าและในที่สุดเขาก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง พี่ตุลย์เลยใช้โอกาสนั้นจะฟาดไม้ค้ำลงอีกครั้ง แต่ใครจะยอมให้ทำแบบนั้นล่ะ ผมวิ่งเข้าไปขวางแล้วออกแรงผลักเขาจนเซไปด้านหลัง ดีแค่ไหนที่พี่พายขยับเข้ามารับตัวได้ทัน บอกไว้ก่อนว่าผมไม่มีวันสงสารคนแบบนั้น

"เป็นหมาบ้าเหรอครับพี่ตุลย์ เจ็บขนาดนี้ยังจะมาหาเรื่องคนอื่นอีกหรือไง"
ผมพูดก่อนจะนั่งลงเพื่อพยุงแฮงค์ให้ลุกขึ้นยืนโดยมีกันย์ที่เข้ามาช่วยอีกแรง พี่ปันยืนขวางตรงกลางระหว่างพวกเรากับพี่ตุลย์เอาไว้เพราะดูท่าทางคนบ้านั่นอาจจะลงมืออีกเมื่อไหร่ก็ได้

"มันแย่งข้าวไป พี่แค่จะเอากลับมา"
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเครียดแค้น ดวงตาคมจ้องมองแฮงค์อย่างไม่ลดละ นี่มันอะไรนักหนา เพราะผมอย่างนั้นเหรอ แม่งเอ้ย! มีอะไรดีนักหนาล่ะกูเนี่ย

"ผมว่าผมพูดกับพี่ตุลย์เคลียร์ไปแล้วนะ ว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย แค่ความเป็นพี่น้องผมยังไม่อยากมีให้เลย รู้ไหม"
ผมพูดเสียงเย็นแล้วส่งสัญญาณให้กันย์กับพี่ปันพาแฮงค์ออกไปก่อน ไม่อยากพูดเรื่องแย่ๆ ต่อหน้าคนอื่นไปมากกว่านี้ เพียงเพื่อจะรักษาหน้าตาของคุณหมอและลูกชายอธิการบดีเอาไว้เท่านั้น

"ทำไม... ทุกอย่างก็เพราะมันใช่ไหม เพราะมันเข้ามาในชีวิต ข้าวก็เลยพูดทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้"
พี่ตุลย์กัดฟันกรอดแล้วพยายามสะบัดพี่พายที่ช่วยพยุงตัวเองเอาไว้ ผมไม่เคยคิดสงสารใครที่มีนิสัยแย่แบบนี้ อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้นเหรอ คำนี้ขอยกให้กับสิ่งของที่สามารถใช้เงินซื้อได้ก็แล้วกันเพราะคนอย่างผมมันใช้ของแบบนั้นหลอกล่อไม่ได้หรอก

"เพราะพี่ครับ มันเพราะเรื่องเหี้ยๆ ที่พี่เคยทำกับผมไงครับ ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนั้นเป็นยังไง"
วันที่เขาพยายามปล้ำผม วันที่ผมร้องไห้อ้อนวอนขอให้พี่ตุลย์ปล่อยผมไป วันที่พี่ต้นโกรธที่สุดในชีวิต วันที่พี่พายร้องไห้จนแทบจะขาดใจที่เห็นสภาพเขาหลังจากผ่านการรุมกระทืบมา ผมยังจำได้ดี ไม่เคยลืม แล้วทำไม...

"เพราะพี่ชอบข้าว... ชอบมาก อยากได้ ให้โอกาสพี่เถอะนะ พี่สัญญาว่าจะทำตัวดีๆ"
เขาพูดเสียงสั่นและพยายามเดินเข้ามาหาทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำ พี่พายเม้มปากแน่นและได้แต่พยุงพี่ตุลย์ แต่เป็นผมเองที่เดินถอยหลัง และนั่นทำให้ทั้งสองคนชะงักฝีเท้าทันที

"ผมคิดว่าถ้าพี่จะเป็นคนดีเพียงแค่ให้ผมเปิดโอกาสนั้น ไม่มีประโยชน์ครับ พี่เคยได้ยินไหม ที่ใครๆ มักจะบอกว่า คนไม่ใช่ทำดีให้ตายเขาก็ไม่สนใจน่ะ มันเป็นเรื่องจริงนะ และผมรู้สึกแบบนั้นกับพี่"

"ข้าว... พี่ขอล่ะ อย่าพูดแบบนั้นกับตุลย์"
พี่พายพูดเสียงแข็งแล้วส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้ผมหยุดพูดทำร้ายจิตใจพี่ตุลย์สักที แต่ถ้าขืนทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ เรื่องมันจะไม่จบลงในวันนี้ ซึ่งผมไม่ต้องการอะไรที่รบกวนการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกแล้ว

"พี่พายจะปกป้องคนที่รักผมไม่ว่าอะไรนะครับ แต่มันต้องไม่กระทบความรู้สึกของคนอื่น"
ผมไม่ได้อยากจะสอนคนที่ผ่านโลกมามากกว่า แต่บางครั้งก็ต้องเตือนสติกันบ้าง ไม่อยากปล่อยให้เขาใช้ความรักในทางที่ผิด สถานการณ์ตอนนี้ทำให้พี่ตุลย์มองพี่พายอย่างไม่เข้าใจ มองด้วยสายตาเคลือบแคลง

"พี่พายรักพี่ตุลย์ หันมองคนข้างๆ ตัวบ้างสิครับ"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนแล้วมองดูปฏิกิริยาของเขาทั้งสองคน พี่พายเบิกตาค้างเพราะเขาไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้กับใคร ส่วนพี่ตุลย์หันขวับไปมองเพื่อนสนิทด้วยแววตาเยาะเย้ย ทำไมล่ะ... ทำไมต้องใช้สายตาแบบนั้นมองคนที่รักตัวเอง

"มึงรักกูเหรอพาย คนอย่างมึงน่ะถึงจะแก้ผ้าต่อหน้า กูก็ไม่เอาหรอก"
พี่ตุลย์พูดก่อนแสยะยิ้มแล้วผลักพี่พายออกจนล้มลงกับพื้น ผมรีบวิ่งไปพยุงตัวเขาแล้วรวบตัวกอดเอาไว้ ไม่อยากเห็นคนดีๆ ต้องเสียน้ำตาเพราะคนเลวอย่างนั้น คำพูดแทงใจแบบนี้ใครจะรับไหว ผมอยากรู้ว่าที่ผ่านมาตลอดหลายปีที่เขาเป็นเพื่อนกัน เคยมีความจริงใจบ้างไหมหรือหวังแค่ผลประโยชน์

"ตุลย์... ไม่รักกันก็ไม่ว่าสักคำ ฮึก แต่ที่มึงพูดออกมาทำให้กูพอแล้วจริงๆ ทั้งความเป็นเพื่อนทั้งความรัก ต่อจากนี้ไปมึงจะเป็นจะตายก็เรื่องของมึง กูไม่สนใจแล้ว"
พี่พายหัวเราะทั้งน้ำตา เขาไม่ยอมเงยหน้ามองพี่ตุลย์เลยด้วยซ้ำ ผมไม่รู้หรอกว่าการตัดความสัมพันธ์ครั้งนี้มันยากเย็นหรือทรมานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คนที่เจ็บเจียนตายคงเป็นคนในอ้อมกอดของตัวเอง ทั้งๆ ที่รักแต่จำเป็นต้องตัดใจมันแย่ขนาดไหนกันนะ

ผมกระชับกอดพี่พายไว้แน่นปล่อยให้เขาร้องไห้ไปเงียบๆ แล้วใช้สายตาช้อนมองพี่ตุลย์ที่เอาแต่ยืนนิ่งๆ มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน มือที่สั่นเทายกขึ้นถูใบหน้าของตัวเองอย่างแรงจนแดงไปหมด ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาเป็นแบบไหนกันแน่ที่อยู่ๆ ต้องเสียเพื่อนสนิทและผมไปในเวลาเดียวกัน

"มึงมันไร้ค่าในสายตากูมานานแล้วพาย... ตั้งแต่มึงยอมขึ้นเตียงแล้วนอนครางใต้ตัวกู มึงมันง่ายเองนะ กูไม่เกี่ยว"
ผมอึ้งในสิ่งที่เพิ่งได้ยินผ่านหูไปเมื่อครู่และรับรู้ว่าแรงกระชับกอดหนักขึ้นอีกเท่าตัว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่พายทำอะไรอย่างนั้นลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นช่วงที่ผมไปต่อป.โทต่างประเทศ พี่ตุลย์เป็นคนที่ร้ายกาจอย่างเหลือเชื่อ เกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ

"Pie You... Just Friend with Benefit. I hope that you will Understand me."
พี่ตุลย์พูดออกมาได้อย่างหน้าตายทำให้ผมผละพี่พายออกจากอ้อมแขนอยากต่อยหน้าเขาหลายๆ ครั้งด้วยความโมโห อยากกระทืบซ้ำให้ปากที่พร่ำคำเห็นแก่ตัวสงบลงสักที เรื่องนี้ยอมรับว่าพี่พายก็มีส่วนผิด แต่มันไม่ถูกต้องที่พี่ตุลย์ทำแบบนี้ ความเป็นเพื่อนพังทลายไปตั้งแต่ตอนไหนกันนะ

"หยุดพูดสักทีได้ไหม พอแล้ว พอเถอะนะ กู... ฮึก ไม่ไหวแล้ว พอที"
พี่พายเอ่ยขอร้องด้วยเสียงที่สั่นเครือและดวงตาที่แดงก่ำ น้ำตายังคงไหลลงมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหยุดสักที เขาขยับเข้ามาใกล้วแล้วคว้าตัวของผมไปกอดอีกครั้ง ราวกับรู้ว่าเส้นสติของนายการินกำลังจะขาด

ผมยอมนั่งนิ่งๆ ให้พี่พายกอดไว้แบบนั้น เพราะเห็นแก่เขาก็เลยพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ ไม่ได้ถึงกับเย็นลงแต่พอที่จะทำให้ผมไม่ใจร้อนเดินจ้ำอ้าวไปต่อยพี่ตุลย์ได้ แต่คนที่ร้ายกาจก็ยังคงทำหน้าที่เหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดไรอย่างไร้ที่ติ

"มึงจะให้กูหยุดพูดเหี้ยอะไร ในเมื่อข้าวยังทำได้กูก็ทำกับมึงได้เหมือนกัน เข้าใจไหม!"
พี่ตุลย์ตะโกนดังลั่นคล้ายคนขาดสติสัมปชัญญะไปแล้ว และผมไม่คิดว่าวันนี้จะได้เห็นเขาร้องไห้ แต่จะให้เข้าไปปลอบนั้นคงทำไม่ได้ มันก็เหมือนการเดินเข้าไปและทิ้งความหวังให้กับเขานั่นล่ะ อยู่นิ่งๆ ข้างพี่พายยังจะดีซะมากกว่า แต่คำพูดแบบนั้นก็ทำให้ผมทนไม่ได้จนต้องโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวไม่แพ้กัน

"แม่งเอ้ย ขอสักทีเหอะ ที่ผมต้องพูดแรงๆ ใส่เพราะพี่มันดื้อด้านไม่รู้จักฟังสักทียังไงล่ะ ผมไม่ได้ชอบไม่ได้รักพี่ตุลย์จะให้ย้ำสักกี่ครั้งถึงพอใจวะ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับชีวิตผมสักที ผมเหนื่อย ผมเบื่อ ผมอยากจบเรื่องเหี้ยๆ พวกนี้สักที พี่ทำให้ผมได้ปะ"

"ไม่... พี่ทำไม่ได้ ทำไมวะ ทำไมคนๆ นั้นถึงไม่เป็นพี่!"
เขาตะโกนแล้วพยายามขยับเข้ามาหากัน แต่ใครคนหนึ่งที่พวกเราทั้งมหาวิทยาลัยรู้จักดีใช้มือรั้งต้นแขนเอาไว้... อธิการบดีทำหน้าขรึมจนผมหวาดๆ ในใจ


"ตุลย์ทำไม่ได้ แต่ลุงทำได้"
จบเรื่องด้วยการที่อธิการบดีจะส่งพี่ตุลย์ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกกับญาติๆ ไม่ได้ให้อิสระอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นการกักบริเวณอย่างเลือดเย็น ให้ไปกลับได้แค่บ้านและโรงพยาบาลเท่านั้น ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมเมื่อคนเป็นพ่ออย่างเขาต้องการดัดนิสัยลูกชายตัวเอง และให้อยู่ห่างๆ ผมเพื่อตัดใจ คนที่แย่ที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้คงเป็นพี่พาย... คนที่นั่งตาแดงก่ำและเอาแต่ร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้น

ผมฝากพี่ปันให้พาพี่พายไปส่งที่บ้านและลางานให้เสร็จสรรพทั้งที่ไม่ควรทำแบบนี้ อาชีพหมอทำให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่ง่ายสักเท่าไหร่ เวลาส่วนมากอุทิศให้คนไข้มากกว่าดูแลตัวเอง แต่สภาพเหมือนซอมบี้ขนาดนั้นจะให้ไปทำงาน คงไม่ได้หรอก

รถยนต์ขันเก่งทะยานออกจากลานคณะอย่างรวดเร็วเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลของมหา'ลัย ผมก้าวขายาวๆ เข้าสู่เขตห้องฉุกเฉินแล้วเปิดประตูเข้าไป มองซ้ายมองขวาอยู่สักครู่ก็เจอคนที่ตามหานั่งหน้าจ๋อยให้พยาบาลทำแผลอยู่โดยมีกันย์ยืนทำหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ เห็นสภาพเขาแล้วรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์สิ้นดี ปกป้องใครไม่ได้แถมยังเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

ผมก้าวขายาวๆ เข้าไปแต่ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินคำถามจากกันย์ มันฟังแล้วให้ความรู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้า

"ทำไมมึงไม่ตอบโต้ไอ้หมอนั่นบ้างวะ ปล่อยให้มันต่อยมันตีอยู่ได้"

"มึงก็เห็นสภาพพี่ตุลย์จะให้กูทำร้ายเขางั้นเหรอ"

"มึงมันพ่อพระ ไอ้คนดี ช้ำไปทั้งตัวแบบนี้เพราะเห็นใจคนอื่นไง"
กันย์ว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายแต่ก็คลี่ยิ้มบางให้เพื่อนสนิทพร้อมกับยกมือขยี้หัวแฮงค์จนยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าที่เคยหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำแถมยังบึ้งตึงอีกด้วย มือไม้ปัดป่ายไปทั่ว น่าจะรำคาญกันย์...

"แฮงค์ เป็นยังไงบ้าง"
ผมก้าวเข้าไปหาเขาแล้วรีบถามอาการทันที แฮงค์ดูตกใจอยู่เล็กน้อยแต่ก็รีบปั้นยิ้มส่งให้กันทั้งที่มันลำบากแท้ๆ ซี้ดเลยไหมล่ะ มุมปากแตกขนาดนั้น กันย์หันมามองด้วยสายตากรุ้มกริ่มก่อนจะขอตัวกลับบ้านซะอย่างนั้น ทิ้งให้เราอยู่กันตามลำพัง พยาบาลยังหนีอะ...

"ก็อย่างที่เห็นครับ ระบมไปทั้งตัวเลย"
แฮงค์บอกเสียงหงอยๆ แล้วพยายามขยับตัวเพื่อลงจากเตียง ได้ยินเสียงซี้ดปากเป็นระยะๆ จนผมต้องสอดตัวเข้าไปพยุงเขา ไม่อยากให้เสียหลักแล้วเอาร่างกายไปชนกับอะไรอีกมันจะเจ็บมากกว่าเดิมน่ะสิ

"อย่ารีบร้อนสิ เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวเพิ่มหรอก โดนพี่ตุลย์ยำซะเละแบบนี้ ต่อยกลับไปบ้างสักทีสองทีก็ดีนะ"
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะเพราะไม่อยากให้แฮงค์เครียด แต่จริงๆ แล้วก็อยากให้เขาตอบโต้กลับไปนะถึงมันจะไม่ดีเลย เขามุ่ยหน้าลงแล้วเอนตัวพิงผมมากขึ้นกว่าเดิม จะรู้ไหมว่าน้ำหนักที่ถ่ายลงมานั้นมันเยอะน่ะ

"อยากเป็นคนดีในสายตาพี่ข้าว ไม่อยากตอบโต้คนไม่มีทางสู้แบบนั้น"

"ครับๆ พ่อคนดี"
ผมว่าเหน็บเขาไปแล้วพยุงไปที่รถเพื่อจะกลับคอนโด ไม่ต้องเดทกันแล้วล่ะสภาพยับเยินแบบนี้ แค่แวะซื้อข้าวที่ร้านใกล้ๆ ไปนั่งกินด้วยกันก็พอแล้ว

ผมแวะซื้อข้าวต้มให้แฮงค์ แต่กว่าจะได้ก็ฟาดงวงฟาดงาใส่เด็กดื้ออยู่นาน ก็มันงอแงจะกินผัดกะเพรา... โคตรไม่เจียมตัวเลย ส่วนของผมเหรอก็ข้าวต้มเหมือนกันนั่นล่ะ ถ้าไม่อิ่มค่อยต่อด้วยมาม่าแล้วกัน

ถ้วยข้าวต้มร้อนๆ วางลงตรงหน้าเจ้าของห้อง ดวงตาคมมองมันด้วยสายตาไม่ชอบใจ ผมจ้องเขาแล้วพยักพเยิดให้ลงมือจัดการมันสักทีจะได้กินยาคลายเส้นแล้วนอนพักผ่อน แต่แฮงค์กลับนั่งนิ่งจนน่าหงุดหงิด ประท้วงอะไรอีกเนี่ย

"จะนั่งมองให้มันลอยเข้าปากเองเหรอหืม"
ผมแกว่งช้อนไปมาตรงหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วมอง แฮงค์เบะปากลงเหมือนเด็กกำลังจะงอแง ดูๆ ไปแล้วก็น่าเอ็นดูว่ะ แต่ผมอยากแกล้งนี่นา

"มันจืด..."
พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแล้วเม้มปากแน่น เหมือนเด็กกำลังทำผิดจนผมไม่กล้าแกล้งต่อเลยว่ะ แต่ก็ต้องบังคับให้กินเข้าไปล่ะนะเพื่อจะได้กินยา

"ถึงมันจะจืดก็กินเข้าไปเถอะ จะได้กินยาแล้วนอนพัก พี่เป็นห่วง เข้าใจไหม"
เปลี่ยนเป็นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วส่งสายตาขอร้องไปให้ เจ้าเด็กดื้อยอมปล่อยปากออกแล้วพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะลงมือตักข้าวต้มกินด้วยความเร็วเท่าหอยทากคลาน ผมหลุดยิ้มน้อยๆ แล้วจัดการอาหารของตัวเองไปพร้อมๆ กัน จะว่าไปแล้วเดทกันในห้องก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่หรอก

“พี่ข้าว”
แฮงค์เรียกชื่อผมหลังจากที่เรานั่งดูทีวีได้สักพัก ไล่ให้ไปนอนก็ไม่ยอมไปอ้างว่าปวดตรงนั้นบ้างล่ะปวดตรงนี้บ้างล่ะจนผมยอมใจอ่อนนั่งเป็นเพื่อนอยู่แบบนี้ จริงๆ แล้วโดยพลังเด็กโข่งอ้อนด้วยการทำสายตาละห้อยใส่ด้วยล่ะเลยกลายเป็นแบบนี้ ว่าจะกลับไปเล่นเกมสักหน่อยไว้ทีหลังก็ได้วะ นี่ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมันเลยจริงๆ นะ

ผมหันไปมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แฮงค์ขยับตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อยแล้วเอาหัวทุยๆ เอนมาซบไหล่กัน ทำตัวแบบนี้แล้วจะให้ใจร้ายใส่ได้ยังไงกันวะ

“อ้อนเหรอเจ้าเด็กโข่ง ไปนอนดีๆ ไป พิงแบบนี้เดี๋ยวก็เมื่อยตัวแย่”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเขาอย่างแผ่วเบา แฮงค์ส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะช้อนตามองกันให้ผมใส่สั่นเล่นๆ สถานการณ์แบบนี้อยากหนีไปไกลๆ เพราะกลัวตัวเองเสียการควบคุม แก้มร้อนผ่าวจนจะไหม้อยู่แล้ว

“อยากอาบน้ำจังครับ”
อยากอาบน้ำก็ไปอาบสิวะ จะบอกกันทำไม...

“ก็ไปอาบดิ บอกพี่ทำไมล่ะ”

“ถอดเสื้อไม่ได้ พี่ข้าวช่วยหน่อยได้ไหม”
เขาผละออกแล้วมองหน้าผมนิ่ง ถ้าไม่ติดว่าไอ้มุมปากที่แตกเป็นแผลมันเผลอกระตุกยิ้มล่ะก็ผมคงหลงกลแฮงค์ไปแล้ว เจ็บตัวแท้ๆ ยังไม่ละทิ้งความเจ้าเล่ห์อีก ซัดใส่สักหมัดได้ไหม เอาให้ร้ายไม่ออกไปเลย

“อย่าทำตัวเจ้าเล่ห์ จะอาบน้ำก็ไปอาบ”
ผมว่าเสียงดุๆ จนแฮงค์ยอมยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วขอตัวไปอาบน้ำ ด้วยความเหนื่อยล้าจากการสู้รบกับพี่ตุลย์ทำให้ความง่วงกำลังคืบคลานเข้ามาและห้วงนิทราก็ชิงสติทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมๆ ใกล้ๆ จมูก ดวงตากลมปรือขึ้นอย่างยากลำบากเพราะยังนอนไม่เต็มอิ่ม แต่เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นแฮงค์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและเปลือยท่อนบนยืนคร่อมกันอยู่ ท่าทางมันล่อแหลมจนผมต้องขยับตัวและเบือนสายตาหนี ใกล้เกินไปจนหัวใจเต้นแรง มันใกล้เกินไปจนอยากสัมผัส... อ่า

“ตอนพี่หลับนี่... น่ารักดีนะครับ”
เขากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะคลี่ยิ้มละมุนส่งมาให้ ผมผลักหน้าอกแกร่งนั่นให้ออกไปไกลๆ แล้วขยับตัวนั่งให้ดีๆ ได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆ แล้วน่าหงุดหงิดชะมัด

“หุบปากไปเลย พี่จะกลับห้องแล้ว ง่วง”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่จังหวะที่จะก้าวขานั้นแฮงค์กลับคว้าข้อมือรั้งกันไว้ได้อย่างแม่นยำ ต้องการอะไรอีกวะ แค่นี้ยังทำให้ผมเขินไม่พออีกหรือไง

“อย่าเพิ่งกลับสิครับ ทายาให้ก่อนได้หรือเปล่า คราวนี้ไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ แต่ผมมองไม่เห็นแผลจริงๆ”
แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกแล้ว ผมหันขวับไปแยกเขี้ยวใส่แล้วสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมนั้น แต่ก็ยอมหยิบหลอดยาที่ตั้งบนโต๊ะมาถือไว้แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม จะให้ทำยังไงได้ล่ะวะ ถ้าผมไม่ทาให้ใครที่ไหนจะมาทา ให้พวกแฟนคลับทำแทนเหรอ ฝันไปเถอะ

“ด้านหน้าทาเองไป พี่ทาให้แค่ด้านหลัง”
ออกคำสั่งอย่างจริงจังแล้วรีบทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้นสักที ไม่อยากอยู่ใกล้เขาสักเท่าไหร่เพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปทำให้หัวใจเต้นแรง อาการที่แสดงออกต่อหน้าเขามันจะเริ่มชัดเจนจนน่ากลัว ถ้าอยู่ๆ ผมอดใจไม่ไหวแล้วรุกเขาก่อนจะทำยังไงล่ะวะ เสียภาพพจน์หมดแน่ๆ

ผมกลับมาที่ห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง พยายามข่มตาหลับอย่างสุดชีวิตแต่ทำไม่ได้ แล้วทำไมตอนอยู่กับแฮงค์ถึงหลับได้ง่ายๆ วะ วางใจน้องมันขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ โคตรแปลกใจตัวเองเลย สุดท้ายแล้วผมก็ลุกขึ้นมานั่งเล่นเกมฆ่าเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ เพราะตอนเย็นอาสาว่าจะออกไปซื้อข้าวให้ไอ้เด็กโข่งนั่นกิน ก็อยากทำหน้าที่พี่ที่ดีเท่านั้นล่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกน่า

ตอนเย็นไอ้จุ้นโทรมาบอกว่าอีกหนึ่งอาทิตย์จะมีการประกาศผลประกวดออกแบบตัวละครเกม ซึ่งมีแนวโน้มว่านายปรานต์จะชนะอีกด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจนะ ก็เขาพยายามทำมันจนไม่ได้หลับได้นอนนี่นา

เกือบหนึ่งทุ่มผมก็ออกจากห้องของตัวเองเพื่อไปหาแฮงค์เพื่อถามว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น เด็กนั่นออกมาเปิดประตูให้ด้วยท่าทางสะลึมสะลือจนอดขำใส่ไม่ได้ และผมก็ได้ฟาดงวงฟาดยาใส่มันอีกรอบเพราะเจ้าตัวดีบอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เมื่อไหร่มันจะเข้าใจคำว่ากินไม่ได้บ้างวะ มุมปากแตก กระพุ้งแก้มก็เป็นแผล เอาแต่ใจชะมัด

“อยากกินแต่ของเผ็ด เดี๋ยวก็แสบแผล หายเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากคนตรงหน้าไปสองสามครั้งด้วยความหมั่นไส้ แฮงค์ส่งยิ้มแหยให้กันแต่ก็ฉวยโอกาสคว้ามือผมไปจับเอาไว้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากแทบจะทันที ทำไมต้องเผลอชอบคนแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

“อยากให้ผมหายไวๆ เหรอ”
ถามด้วยน้ำเสียงทะเล้น แววตาเป็นประกายจนชวนคนลุก ผมเหล่มองเขาอย่างระแวงแล้วตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนักเพราะไม่รู้ว่าจะได้ตอบอะไรกลับมาอีก บรรยากาศมันชวนให้รู้สึกถึงอันตรายยังไงไม่รู้

“เออ หายเร็วๆ มันก็ดีไม่ใช่หรือไง”
ผมบอกก่อนจะสะบัดมือตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาแล้วก้าวถอยไปด้านหลังด้วยความระแวง แฮงค์โน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน ไอ้การจะขยับตัวหนีอีกครั้งกลายเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เพราะเขายึดไหล่กันเอาไว้

“จูบผมสักครั้งสิ หายดีเป็นปลิดทิ้งแน่นอนเลย”
ขยับเข้ามากระซิบข้างหูจนผมรู้สึกขนลุกไปหมด แก้มร้อนผ่าวจนกลัวว่าจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ สายตาเบนหลบไม่กล้ามองคนตรงหน้าเลยสักนิด รู้ว่าคำพูดนั้นทีเล่นทีจริง ได้จริงๆ ก็ดีอะไรประมาณนั้น แต่ใครจะไปทำเล่า!!

“ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะ เจ็บตายไปเลยไป!!!”
   ผมโวยใส่น้องแล้วเดินจ้ำอ้าวออกมาทันที ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่ที่โดนหลอกให้จูบแบบนั้น กว่าจะสงบสติได้ก็ตอนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเดินมาร้านข้าวซะไกล ปกติจะขับรถเอา... สติหายไปไหนหมดวะเนี่ย แพ้ทางเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ เกลียดตัวเองที่สุดเลยเว้ย ต่อไปมีแววว่าจะตามใจแฟนทุกอย่างแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ แย่ๆ




ต่อด้านล่างนะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #158 เมื่อ30-01-2017 17:37:46 »

   ก่อนจะเกิดเรื่องผมตั้งใจว่าจะนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแฮงค์แล้วรอใส่ยาให้อีกรอบ แต่ตอนนี้ผมทำแค่เคาะประตูแล้วแขวนข้าวกับต้มจืดไว้ให้ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเอง ใครจะไปกล้าอยู่กับไอ้เด็กนั่นสองต่อสองเล่า หัวใจยิ่งหวั่นๆ อยู่ด้วย คนแพ้ลูกอ้อนเด็กๆ มันก็ลำบากนะ สุดท้ายผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้อยู่ดี ก็ขายาวๆ ไม่รักดีพาร่างกายมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของแฮงค์พร้อมด้วยกุญแจหนึ่งดอกที่เจ้าของมันยัดใส่มือไว้ให้ อ่อยกันฉิบหายแบบนี้ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ผมจับปล้ำไปแล้วมั้ง แต่พอดีว่าน้องเป็นผู้ชายที่มีโอกาสจับผมกดซะเองนี่สิ ใครจะอยากเสี่ยงวะ

   “กลับหรือว่าจะเข้าไปดีวะ”
   ยืนพึมพำกับตัวเองอยู่หน้าห้อง ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปเพราะเป็นห่วง แต่ใจหนึ่งอยากกลับเพราะกลัวว่าเข้าไปแล้วจะทำตัวไม่ถูก ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูขัดเขินมายิ่งขึ้นกับคำพูดทีเล่นทีจริงของแฮงค์ซะอย่างนั้น เอาไงดีวะเนี่ย

   “พี่ข้าว ยืนคุยกับประตูห้องทำไมครับเนี่ย”
   ผมสะดุ้งโหยงเมื่อมีคนเปิดประตูออกมาจากห้อง กันย์หัวเราะเสียงใสใส่กันอย่างอารมณ์ดีทั้งที่ใบหน้าก็ฟกช้ำ ถ้าพี่ต้นเห็นสภาพเขาตอนนี้นะ คงเอาเรื่องพี่ตุลย์หนักแน่ๆ

   “คนบ้าอะไรจะคุยกับประตูล่ะ แล้วนี่มาเยี่ยมแฮงค์เหรอ”
   ผมถามน้องกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น กันย์เหล่มองก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

   “ครับ กำลังจะกลับแล้วล่ะ พี่เข้าไปสิ ไม่ต้องสองจิตสองใจแล้วน่า เป็นห่วงก็เข้าไปดูมันหน่อย”
   พูดอย่างกับแอบฟังมานานอย่างนั้นล่ะ ผมอ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะเถียงหรือปฏิเสธออกไปยังไงและกันย์ไม่สนใจท่าทีอึกอักอะไรนี่ด้วย เขาเอาแต่ดันหลังผมให้เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตามหลังให้เรียบร้อย เรียกว่าส่งคนไปตายในถ้ำเสือชัดๆ หรือว่าผมจะเป็นเสือซะเองวะ

   ผมหันซ้ายหันขวาหาเจ้าของห้องแล้วกลับพบว่ามันว่างเปล่า ขายาวพาไปที่ส่วนของห้องนอนเพราะเดาไว้ว่าแฮงค์น่าจะอยู่ข้างในนั้น ผมหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่รออยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงต้องถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไป พบว่าเขานอนห่มผ้าหลับสนิทไปแล้ว...

   ย่องเข้าไปด้านในแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของเขา ใบหน้ายามหลับเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ที่ไร้พิษสงค์ใดๆ ทั้งสิ้น ดูน่ารักน่าหยิกอยู่เหมือนกัน สายตามองไล่ไปบนกรอบหน้าคมคายไล่ตั้งแต่หน้าผากลงมาจรดปลายคาง ปากสีส้มอ่อนๆ ดูนุ่มนิ่มน่าจูบอยู่พอตัว ถ้าลองทำตามที่แฮงค์บอกจะเป็นยังไงนะ

   เหมือนสติสัมปชัญญะกำลังล่องลอยไปไกล ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนที่นอนหลับอยู่อย่างช้าๆ สายตาจับจ้องริมฝีปากสีส้มอ่อนนั่นอย่างหลงใหล และเพียงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความหวานที่ค่อยๆ กระจายตัวออกมา มันนุ่มนิ่มและมันให้ความรู้สึกวาบหวามแปลกๆ จนต้องรีบถอนริมฝีปากออกก่อนจะถลำลึกไปมากกว่านี้

   “ไม่ไหว ตายแน่ๆ”
   ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเบือนหน้าหนีคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ ใบหน้าร้อนผ่าวจนยากจะควบคุม นี่ผมเผลอทำอะไรลงไปวะเนี่ย รุกจูบเขาตอนหลับเนี่ยนะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นอะ เผลอๆ โดนล้อเป็นปีเป็นชาติอีก โอ้ย ไม่น่าเลย!

   ผมเดินกลับห้องตัวเองด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงไม่หยุด ภาวนาแล้วภาวนาอีกว่าแฮงค์จะไม่รับรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ขายาวพาร่างกายร้อนผ่าวก้าวเข้าสู่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย นานนับชั่วโมงที่ผมหมกตัวอยู่ในนั้นเพื่อคิดทบทวนเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไป ความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นคงมาก มากจนที่จะทำให้ผมใจอ่อนถ้าเขาเอ่ยคำขอเป็นแฟนแล้วล่ะมั้ง...



: แฮงค์ :

อยากจะบอกว่าตอนที่พี่ข้าวเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนนั้นผมรู้สึกตัวตื่นพอดีแต่ไม่ได้ลืมตาเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้างและผลที่ออกมาทำให้ผมแทบช็อก โอย หัวใจจะวายตอนริมฝีปากอุ่นๆ แตะจูบลงมา ใครจะไปคิดว่าพี่ข้าวจะรุกจูบกันแบบนั้นล่ะวะ อยากรั้งท้ายทอยแล้วบดจูบแทบบ้าแต่ต้องแกล้งหลับ ไม่รู้หรือไงว่ามันทรมานแค่ไหน!

“อย่าเผลอนะครับ ผมจะจับพี่จูบแล้วขยี้ให้ปากเจ่อเลยคอยดูเถอะ”




----------------------------------------

พี่ข้าวคนจริงฮะตอนนี้ จัดหนักและจัดเต็มทุกเรื่อง อืม...
โอย อิจฉาไอ้น้องแฮงค์สุดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2017 21:49:31 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #159 เมื่อ30-01-2017 17:46:17 »

 :-[ พี่ข้าวววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
« ตอบ #159 เมื่อ: 30-01-2017 17:46:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #160 เมื่อ30-01-2017 18:37:49 »

งื้อเขินนนนนนนนนนนน :o8: :-[ :impress2:
 :katai5: :katai5:
 :pig4:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #161 เมื่อ30-01-2017 18:52:46 »

ตุลย์นี่เหี้ยเกินจะบรรยาย ขอตอนพิเศษไอ้หมอนี้หน่อยนะคับ อยากเห็นมันเจ็บ เหอๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #162 เมื่อ30-01-2017 20:13:27 »

อยากเห็นตุลย์โดนยำอ่ะ เรื่องอะไรมาฟาดคนอื่น ฟาดเอาฟาดเอา อายุสมองตุลย์มันกี่ขวบกันฟะ

คนแบบนี้สมควรไม่เหลือใคร  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #163 เมื่อ30-01-2017 21:01:38 »

รอ ใจจดใจจ่อ กับฉากนี้  :ling1: :ling1: :ling1:
พี่ตุลย์ เกินเยียวยา
ถ้ามีคนมาจีบพี่พาย
พี่ตุลย์ จะรู้สึกว่าเสียของรักหรือเปล่านะ
จะร้อนรน ทุรนทุรายมั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #164 เมื่อ30-01-2017 21:25:55 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #165 เมื่อ30-01-2017 22:05:41 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #166 เมื่อ31-01-2017 00:29:58 »

 o13

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 18 -P.6- (30.01.2017)
«ตอบ #167 เมื่อ02-02-2017 09:41:14 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #168 เมื่อ05-02-2017 16:52:46 »

เมาครั้งที่ 19





แค่จูบเบาๆ เท่านั้น ทำเอาฉันสั่นไปถึงหัวใจ ตอนที่เธอจูบฉันดวงใจไหวหวั่นล่องลอยแสนไกล ~

เสียงเพลงที่เปิดจากเว็บไซต์ยูทูปทำให้ผมหยุดชะงักมือที่กำลังทำอาหารเช้า เหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในสมอง ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ สัมผัสอุ่นร้อนและนุ่มหยุ่นยังให้ความรู้สึกติดอยู่ตรงริมฝีปากจนต้องยกนิ้วมือขึ้นแตะ ในตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เวลาหยุดนิ่ง มันแสนจะวาบหวามและน่าตื่นเต้น... ไม่เคยรู้สึกดีจากการจูบใครได้เท่านี้มาก่อนเลยในชีวิตหรือมันมาจากความชอบพอที่มากขึ้นๆ กันแน่นะ

ฟุ้งซ่านมากเกินไปเลยเผลอหลุดยิ้มขำให้กับตัวเอง คงจะตกหลุมที่เจ้าเด็กนั่นขุดเอาไว้แล้วล่ะ และดูท่าทางจะชอบเอามากซะด้วย เพราะช่วงนี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้เห็นกันเพียงเสี้ยวนาทีหรือใกล้กันหัวใจจะเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่สักที นี่ล่ะนะคือความรู้สึกที่หล่อหลอมให้คนเราอ่อนโยนลงได้ มันดีในยามมีความสุขและมันแย่ในยามทุกข์ แต่ไม่ว่ายังไงความรู้สึกรักและรู้สึกชอบมันก็ยังคงสวยงามอยู่เสมอ

ผมกลับมาตั้งสมาธิกับการทำไข่กวนสำหรับมื้อเช้าให้เสร็จ เครื่องทำขนมปังปิ้งร้องเตือนเมื่อมันทำหน้าที่เสร็จ ซอสมะเขือเทศถูกบีบลงบนอาหารเป็นรูปยิ้มที่ดูแล้วรู้สึกสดใส อยากทำไปเผื่อคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าสู้หน้าเพราะมีคดีติดตัวและไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนนั้นเรื่องจูบจะเป็นความลับอยู่หรือเปล่า... บางทีก็เริ่มคิดมากจนคิดว่าอายุเริ่มมากแล้วเหรอถึงได้นิสัยเปลี่ยนแบบนี้หรือเพราะว่าเริ่มกังวลเรื่องของอีกคนเพิ่มขึ้นกันแน่

"ช่างแม่ง กินดีกว่า"
สุดท้ายก็ปลงตกว่าไม่ควรเก็บเรื่องอะไรก็ตามมาคิดมาก ถึงแฮงค์จะรู้หรือไม่รู้เรื่องโดนขโมยจูบก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะผมตั้งใจทำเอง ยังไงๆ ก็ยอมรับอยู่แล้วถ้าโดนจับได้ แค่เขินเท่านั้นล่ะ จู่โจมเขาก่อนซะอย่างนั้น มือตักอาหารเข้าปากไปเรื่อยๆ แต่สายตากลับจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมที่มีข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์แจ้งเตือนขึ้นมา มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะที่จะส่งมาเช้าขนาดนี้... ดีต่อใจจริงๆ เลยสินะ

ข้อความที่ส่งเข้ามาพอจะจับใจความได้ว่าวันนี้เขาจะออกไปซื้อของที่ห้างใกล้ๆ เพื่อเอากลับมาทำรายงานและจะนั่งรถเมล์ไปเพราะตัวเองไม่สามารถจริงๆ ก็เล่นช้ำระบมไปทั้งตัวขนาดนั้น ผมอ่านจบก็เริ่มขมวดคิ้วแน่นและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินไปที่ระเบียงห้อง ท้องฟ้ามือครึ้มปรากฏต่อสายตาจนต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ

ตอนแรกก็อยากนอนกลิ้งสบายๆ ในวันหยุดอยู่หรอก แต่ตอนนี้อยากไปเดินเล่นที่ห้างแล้วว่ะ ไม่ผิดใช่ปะ

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่พาตัวเองที่เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้วรีบกดลิฟท์ลงมาจากห้อง สายตาสบเข้ากับแผ่นหลังที่คุ้นเคยตรงหน้าประตูกระจกของคอนโด ความโล่งใจผุดขึ้นในขณะนั้น คงเป็นเพราะฝนที่กำลังเทลงมาอย่างหนักเลยทำให้แฮงค์ยังคงไม่ไปไหน ผมก้มลงมองสภาพตัวเองและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินด้วยท่วงท่าสบายๆ เข้าไปหาเขา โดยทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไรจากข้อความไลน์สักอย่าง เนียนไปอีกสิคนเรา... ไม่อย่างนั้นตอนที่เรียนอยู่ปีสองคงไม่ได้เป็นพี่เนียนในหมู่น้องปีหนึ่งหรอก

"มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ"
ผมแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแฮงค์กำลังจะไปไหน เขาดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มสดใสมาให้กัน แต่เพราะเจ็บแผลที่มุมปากเลยกลายเป็นว่าได้เสียงซี๊ดตามมาด้วย น่าสงสารจริงๆ

"อ่า... กำลังจะออกไปซื้อของที่ห้างครับ"
แฮงค์ตอบกลับมาและเหมือนเขาอยากจะถามต่อว่าผมยังไม่ได้อ่านไลน์เหรออะไรทำนองนั้น แต่เขากลับเงียบและยกโทรศัพท์ขึ้นมากดแทน คงได้คำตอบไปแล้วเพราะผมอ่านแค่แจ้งเตือนบนหน้าจอนี่หว่า ข้อดีของไอโฟนเขาล่ะ...

"อ๋อ พี่ก็กำลังจะไปห้างเหมือนกันนะ ไปด้วยกันสิ"
เนียนได้อีก... ใครว่าผมเป็นคนไม่เจ้าเล่ห์คงคิดผิดถนัดล่ะ เพราะไม่ค่อยได้ชอบใครสักเท่าไหร่เลยไม่จำเป็นต้องใช้นิสัยอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้อยากจีบน้องมันคืนบ้างไง คงสนุกดี จะหาว่าอ่อยก็ไม่ปฏิเสธ

แฮงค์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหล่มองกันอย่างมีเลสนัย แต่ผมกลับทำท่าว่าสนใจสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาตรงหน้านักหนาเขาเลยตัดใจจะถามซอกแซกวุ่นวายเป็นตอบรับด้วยความเต็มใจแทน

"โอเคครับ งั้นรบกวนด้วยนะ สภาพตอนนี้ผมขับรถไปเองไม่ไหว แต่ว่า... ผมน่าจะไปเปลี่ยนชุดหรือเปล่าวะ"
ประโยคท้ายๆ เหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับผม เพราะตัวเขาในตอนนี้ใส่ชุดแข่งบอลของมหา'ลัยทั้งชุด แต่ผมกลับใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงผ้าขาสามส่วน

"จะเปลี่ยนเพื่ออะไรวะ ใส่ชุดอะไรไปเดินห้างก็ได้ ขอแค่ในกระเป๋ามีเงินจ่ายก็พอ"
ผมพูดไปตามความจริงเพราะไม่ค่อยแคร์สายตาคนนอกสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ เคยใส่ชุดแบบแฮงค์ไปเดินพารากอนเหมือนกัน ยอมรับว่าโดนตกเป็นเป้าสายตาสุดๆ อาจจะด้วยหน้าตาหรือเพราะชุดที่ใส่ก็ไม่รู้ พนักงานห้างนี่มองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า พอเห็นกุญแจรถในมือเท่านั้นล่ะ สายตาเปลี่ยนราวฟ้ากับเหว ก็กูขับ BMW Z4... เงิบไปดิ ไม่ได้จะอวดรวย แต่หมั่นไส้เขาที่ชอบดูถูกคนอื่นจากการแต่งตัวก็เท่านั้น

"ถ้าเป็นผู้หญิงคงบอกให้ผมกลับไปเปลี่ยนชุดแน่ๆ ภูมิใจจริงๆ ที่ผมชอบพี่ข้าว"
แฮงค์หันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้กันจนผมต้องเสหลบสายตาที่เผลอสบกันพอดี ไม่ใช่ว่าจะเขินคำหยอดหวานๆ อะไรเมื่อครู่ แต่ภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองพุ่งไปจูบเขสตอนหลับมันผุดขึ้นในสมองพอดี ไม่รู้ว่าเขาจะจับสังเกตความผิดปกติอะไรได้บ้างไหม แต่ผมน่ะรู้ตัวว่าเผลอเม้มปากไปแล้ว ไม่น่าแอบทำอะไรแบบนั้นเลยว่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลุกลี้ลุนลนแบบนี้!

"พูดมากตลอด ไปลานจอดรถกันได้แล้ว"
ผมพูดรัวแล้วหันหลังเดินไปที่ลานจอดรถแทบทันทีเพราะมุมปากมันกระตุกเป็นรอยยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ตัวเอง ไม่อยากให้แฮงค์ได้เห็นว่าการจีบของเขามีผลต่อใจของผมเข้าให้แล้วแบบเต็มๆ ไม่ใช่ว่าเล่นตัวอะไร แต่ช่วงเวลานี้มันสนุกดีก็เท่านั้นเอง ไม่นานเกินรอหรอกที่ผมจะสารภาพความในใจกลับไป

บรรยากาศภายในรถนับว่าไม่เลวร้ายอะไรนัก เพลงที่เปิดอยู่ล้วนแล้วแต่เหมาะสำหรับคนอกหัก สายฝนที่กำลังโปรยปรายนั่นยิ่งทำให้ท่วงทำนองลึกซึ้ง มากยิ่งขึ้น แต่ไอ้คนที่กำลังอยู่ในรัศมีสีชมพูอมม่วงนี่กำลังฮัมเพลงด้วยรอยยิ้มซะอย่างนั้น อืม... น่าหมั่นไส้

"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่เจ็บแผลแล้วหรือไง"
ผมเหล่สายตามองคนข้างตัวเล็กน้อยแล้วเห็นว่าเขาหันมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มันทำให้ใจสั่นได้ง่ายๆ จนกลัวว่าแฮงค์จะรับรู้อะไรบางอย่างโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ

"แค่เห็นหน้าพี่ข้าวก็เหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ"
หยอดตลอด... พ่อเคยเป็นคนขายขนมครกหรือยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมเจ็บใจตัวเองที่เผลอยิ้มออกมา ให้ตายเถอะ โดนเด็กมันจีบจนหน้าบางลงทุกวัน อะไรนิดอะไรหน่อยก็เขินก็อาย รู้สึกว่าเลือดจะสูบฉีดมากเกินไปแล้ว

"พูดมากอีกแล้ว"
ผมว่าเสียงดุๆ แต่แฮงค์กลับหัวเราะออกมาอย่างหน้าตาเฉย แถมยังถือวิสาสะเอื้อมมือมาจิ้มแก้มกันให้สะดุ้งอีก ไม่หักพวงมาลัยเข้าข้างทางก็ดีเท่าไหร่แล้ววะ เล่นอะไรไม่ยอมดูสถานการณ์กันบ้างเลยแม่ง เขินจนหน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย ถ้าโดนถามว่าทำไมแก้มแดงจะหาข้อแก้ตัวยังไงล่ะ

“เขินก็บอกว่าเขินสิครับพี่ข้าว ไม่ใช่บอกว่าผมพูดมากแบบนี้”
เขาพูดด้วยเสียงหยอกล้อจนผมต้องหันไปทำตาขวางใส่แล้วอ้าปากแกล้งจะงับมือ แฮงค์ทำหน้าตื่นเล็กน้อยเพราะรถยังคงเคลื่อนไปบนถนน เขาหดมือกลับแล้วบอกกันรัวๆ แถบจะฟังไม่เป็นภาษาคนว่าให้ผมตั้งใจขับรถไป ชัยชนะเล็กๆ กลับมาเยือนกันอีกครั้ง และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก ความจริงที่ผมชอบบอกว่าเขาพูดมากก็เพราะว่าตอนโดนพูดคำหวานใส่แบบนั้นหัวใจมันพาลเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อยไปหมดไง... ไม่ชอบเลย แก้มร้อนด้วย

ห้างสรรพสินค้าในวันหยุดไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานของผมสักเท่าไหร่ เพราะคนจำนวนมหาศาลที่เบียดเสียดกันไปมานั้นช่างน่ากลัว ยิ่งเป็นช่วงต้นเดือนด้วยแล้วแทบจะแย่งกันกินกันซื้อเลยก็ว่าได้ แฮงค์เดินอยู่เคียงข้างกันโดยไม่แสดงท่าทีอะไรที่ดูเป็นการไม่ชอบใจ สงสัยว่าจะชินกับการอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ

“คนเยอะเนอะ”
ผมพูดลอยๆ เพื่อจะดูปฏิกิริยาตอบกลับของเขา แฮงค์หันมาเลิกคิ้วใส่กันเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางออกมาแล้วก้มหน้าลงน้อยๆ เพื่อกระซิบอะไรบางอย่างข้างหู เล่นเอาผมต้องหดคออย่างช่วยไม่ได้ ก็มันไม่ชินนี่หว่า หัวใจก็เต้นแรงจนน่ารำคาญไปหมดแล้วด้วย คนมีคดีติดตัวก็แบบนี้ล่ะ ระแวงไปหมดทุกเรื่องทุกการกระทำของคนอื่น

“ไม่ชอบสินะครับ คนเยอะๆ”
พูดแค่นี้ไม่จำเป็นต้องกระซิบปะวะ ผมผละตัวออกก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ โดยไม่พูดอะไร แล้วนี่เราจะไปทางไหนกันล่ะเดินวนเวียนอยู่โซนร้านอาหารเพื่ออะไรเนี่ย

“จะไปซื้ออะไรก็เดินนำสิ”
ผมพูดออกไปแบบนั้นแล้วต้องหุบปากลงทันทีเพราะลืมไปแล้วว่าตัวเองบอกน้องว่าอยากมาเดินห้างเหมือนกัน แล้วนี่อะไรบอกให้เขาหาจุดหมายแล้วเดินไปสักที ผิดปกติมากไปแล้วกู เริ่มไม่เนียนแล้วไง ต้องกลับไปเรียนมาใหม่หรือเปล่าเนี่ย ลุกลี้ลุกลนจนต้องเป็นฝ่ายรีบจ้ำอ้าวออกมาซะอย่างนั้น ดูแฮงค์จะงงๆ เล็กน้อยแต่ก็ยอมตามมา หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนข้างกายแล้วชักหงุดหงิด จับไต๋ผมได้แล้วแน่ๆ โอ้ย ชีวิต คิดจะเจ้าเล่ห์ใส่เขากลับทำพังซะทุกอย่าง

“ถามจริง นี่พี่ตั้งใจจะมาเดินเล่นหรือมาเป็นเพื่อนผมกันแน่ครับ”
น้องถามด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนผมต้องหันไปถลึงตาใส่แล้วรีบจ้ำอ้าวก้าวยาวๆ หนีคนที่รู้ทันกันแบบนั้น ปากบางเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าตัวเองเนียนแล้วนะ แต่ไม่รอดพ้นสายตาคมกริบของแฮงค์เลยสักครั้ง แบบนี้มันแย่มากๆ แย่จนไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาแล้วเนี่ย กลัวหัวใจจะวายตายก่อนแก่ตายนะสิ

“พี่ข้าวครับ รอผมด้วยสิ จะทิ้งกันแล้วเหรอ”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเล็กๆ นั้นทำให้ผมหยุดชะงักเท้า ใครจะไปกล้าทิ้งเขาเอาไว้กลางห้างแบบนี้ล่ะ ถึงสภาพจะดูเละเทะเหมือนซอมบี้อยู่ก็ตาม แต่หน้าตาดีขนาดนั้นสาวๆ จะได้เข้ามารุมทึ้งน่ะสิ ใครจะไปยอมให้เป็นแบบนั้นล่ะวะ

แฮงค์รีบก้าวมาอยู่เคียงข้างกันก่อนจะถือวิสาสะคว้าต้นแขนผมเบาๆ ดูท่าทางคงไม่ยอมให้หนีไปไหนอีกแล้ว อยากสะบัดตัวออกจากการสัมผัสของเขาอยู่หรอกแต่ดูเหมือนว่าความคิดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่เมื่อตรงหน้ามีหญิงสาวน่าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทางนี้ ผมน่ะไม่รู้จักเธอแน่ๆ แต่คนคนข้างๆ นี่สิกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้มทักทายเธอไปซะอย่างนั้น ซัมติงชัดๆ เลยว่ะ

“แฮงค์ ~”
เสียงใสๆ เรียกชื่อของเขาอย่างร่าเริง เธอคลี่ยิ้มหวานในแบบฉบับสาวน่ารักส่งกลับมาให้กัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ลังเลที่จะทำความรู้จัก แต่ในสถานการณ์แบบนี้รู้สึกกังวลกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มากกว่า แค่เพื่อนหรือแฟนเก่า

“นาว สวยขึ้นนะเนี่ย”
แฮงค์ปล่อยมือจากท่อนแขนผมทันทีแล้วคลี่ยิ้มให้กับเธอ ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินเลยพยายามจะปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น แต่น้องไม่ยอมเพราะหันมาเห็นกันพอดีตอนที่กำลังจะก้าวขา มือข้างเดิมเลยคว้าข้อมือกันไว้อีกครั้งและทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาคู่สวยของเธอทั้งหมด

“แหม อย่าชมกันแบบนี้สินาวเขินนะเนี่ย แฮงค์ก็หล่อขึ้นเยอะเลย”
เธอละสายตาจากจุดโฟกัสเดิมและทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า นาวยิ้มอายๆ แถมยังช้อนตามองแฮงค์ด้วยท่าทางขวยเขินยังไงชอบกล ผมพอจะรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่แฟนเก่าก็เป็นคนที่แอบชอบไอ้เดือนมหา’ลัยที่ยืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ แล้วทำไมผมต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วยวะ หวงเหรอ ไม่ใช่มั้ง หรือว่าหึง... ช่างแม่งเถอะ ปวดหัว

“มาเดินคนเดียวเหรอ”

“อ๋อ ใช่ๆ ก็นาวไม่มีแฟนนี่นา”
เดี๋ยวนะๆ แฮงค์ถามว่ามาเดินคนเดียวเหรอ แล้วเธอตอบกลับว่าไม่มีแฟนนี่นามันเกี่ยวกันด้วยเหรอวะ แล้วทำหน้าตาหงอยๆ แบบนั้นต้องการอะไร จะให้เขาไปเดินเป็นเพื่อนอย่างนั้นเหรอ ผมพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แต่เขายิ่งจับมันแน่นขึ้นแล้วหันมาสบตากันด้วยความอ้อนวอน อย่าบอกนะว่าจะใช้เป็นไม้กันหมา... เหอะๆ ยอมก็ได้วะ

“งั้นเหรอ เราขอตัวก่อนนะพอดีว่าหิวแล้วน่ะ”
แฮงค์ตัดบทซะอย่างนั้นแล้วกระตุกข้อมือให้ผมเป็นสัญญาณว่าเราจะออกไปจากตรงนี้ด้วยกัน แต่นาวไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นด้วยการเบียดตัวเข้ามาระหว่างกลาง ใช้แขนเล็กๆ คล้องเขากับแขนของแฮงค์ นั่นทำให้ผมได้เป็นอิสระแบบที่ไม่ต้องการ อะไรของเธออีกวะนั่น เห็นกันเป็นศัตรูอย่างนั้นเหรอ

“อย่าเพิ่งหนีกันสิ นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน นาวคิดถึง”
น้ำเสียงหวานออดอ้อนกันอย่างหนักหน่วง แฮงค์มีสีหน้าไม่สู้ดีนักและแอบมองผมเป็นระยะๆ ด้วยสายตาเป็นกังวล แล้วคนที่กลายเป็นส่วนเกินแบบนี้จะทำอะไรได้นอกจากขยับถอยออกมาจากตรงนั้น ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป แต่หัวใจกลับบีบตัวจนเจ็บไปหมด เพราะไม่ได้เป็นอะไรกันเลยไม่มีสิทธิ์พูดใดๆ ทั้งสิ้น รู้สึกอะไรก็ต้องเก็บไว้ จะให้งอแงแบบเด็กๆ หรือผู้หญิงคงเป็นไปไม่ได้หรอก

“นาวปล่อยเราเถอะนะ”

“ไม่เอาอะ นาวคิดถึงแฮงค์นะ กลับมาคบกันไม่ได้เหรอ”

“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะนาว และตอนนี้เราก็รักคนใหม่ไปแล้วด้วย”
ผมไม่ได้เดินไปไหนไกลหรอกก็แค่ขยับห่างออกมาก็เท่านั้นเอง อยากรู้เหมือนกันว่าแฮงค์จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้เด็ดขาดแค่ไหน จะยอมเป็นคนนิสัยเสียเพื่อทำให้เธอตัดใจหรือไม่ อย่างที่ผมเคยทำกับพี่ตุลย์ ก็ยอมรับตรงๆ ว่ามันแย่มากแต่เรื่องจบเร็วไม่คาราคาซังทำให้คนที่คุยอยู่ด้วยต้องคิดมาก การที่คนเราอยากรักษาความสัมพันธ์ของคนนั้นคนนี้ไว้ทุกทางนับเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัว มีได้ก็ต้องมีเสียเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์โลกจงพึงจำใส่ใจเอาไว้

“ผู้ชายคนนั้นเหรอ แฮงค์เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอไง”
เธอดูจะหงุดหงิดอยู่มากในตอนที่หันมามองผมด้วยสายตาโกรธเกลียด แฮงค์ค่อยๆ แกะมือของนาวออกแล้วขยับตัวถอยห่างออกมา ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ผ่านไปผ่านมาคงคิดว่าคนเป็นแฟนกันผิดใจกันอยู่แน่ๆ ก็สายตาคนนอกคงเห็นว่าคนทั้งคู่เหมาะสมกัน หนุ่มหล่อสาวสวยนี่เนอะ

“เปล่า แต่เราเป็นของเราแบบนี้มานานแล้ว จะผู้หญิงหรือผู้ชายเราไม่ได้สนใจอะไร ขอแค่เรารักเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง”

“บ้า นี่มันบ้าแน่ๆ นาวจะบอกที่บ้านของแฮงค์!”
ผมรู้สึกใจหายวาบเมื่อได้ยินว่านาวจะฟ้องเรื่องนี้กับทางบ้านของแฮงค์ ถ้าพ่อแม่ของเขารู้เรื่องขึ้นมาอะไรๆ จะเป็นไปในทางที่เลวร้ายหรือเปล่า อยากจะเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด แต่ปากมันหนักจนพูดไม่ออก ทำยังไงดี...

“นาวฟังนะ ที่บ้านเรารู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เขาไม่ได้ห้ามอะไร และนาวไม่มีสิทธิ์จะยุ่งกับครอบครัวของเราอีกแล้ว ขอตัวนะ”
แฮงค์พูดจบก็ปลีกตัวมาหากันแล้วคว้าข้อมือผมให้เดินตามไปโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนรอบด้านเลยแม้แต่น้อย คำพูดเมื่อสักครู่ยังทำให้อดตกใจไม่ได้ พอจะรู้อยู่หรอกว่าเฟรนด์มันสนับสนุนน้อง ช่างที่อู่ก็แซวเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วพ่อแม่ล่ะ... เขาคิดยังไงกับเรื่องนี้

“แฮงค์ จะลากพี่ไปไหน”
แฮงค์ที่กำลังก้าวยาวๆ หยุดชะงักกึกในทันทีทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับแผ่นหลังเต็มๆ จมูกรู้สึกเจ็บจนต้องยกมือขึ้นมาลูบไปมา จริงๆ ไม่น่าทักน้องมันเลยว่ะ เจ็บตัวซะเองเลย


"เฮ้ย เจ็บมากไหมพี่ข้าว ผมขอโทษ"
แฮงค์รีบหันกลับมามองผมที่ยังยืนลูบจมูกตัวเองอยู่ มืออีกข้างยังโดนคนตรงหน้าเกาะกุมอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย เขาโน้มกน้าลงมาใกล้แล้วมองสำรวจกัน ระยะห่างแค่ไม่ถึงคืบนั่นทำให้ผมต้องเบนสายตาหลบและขยับตัวออกห่าง จากที่แดงแค่จมูกตอนนี้ลามไปทั้งหน้าแล้ว! ใครใช้ให้มาหายใจรดกันแบบนี้ไม่ทราบครับคุณ

"ไม่เป็นอะไร พี่ซุ่มซ่ามเอง ว่าแต่เราเถอะจะลากพี่ไปไหน ไม่ซื้อของแล้วเหรอ"
ผมถามออกไปและพยายามดึงมือกลับ แต่แฮงค์กระชับการจับให้มากขึ้นจนต้องยอมแพ้และปล่อยให้เขาได้ทำตามใจอยู่แบบนั้น รู้สึกว่าตัวเองจะใจอ่อนกับเจ้าเด็กคนนี้มากไปแล้ว สักวันคงกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ

"ซื้อ... แต่ไม่อยากให้พี่รู้สึกแย่"
เขาพูดไม่เต็มเสียงนักแล้วมองกันด้วยสายตาที่มีแต่ความกังวล ผมไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของแฮงค์เพราะรู้สึกตามนั้นจริงๆ มันแย่ตรงที่นาวคิดจะทำลายแฮงค์และผมด้วยวิธีบ้าๆ ถึงอยากจะให้แฟนเก่ากลับไปหาตัวเองมากแค่ไหนก็ไม่ควรทำตัวอย่างนั้น

"แฟนเก่าเหรอ"
ผมถามออกไปตรงๆ และช้อนสายตามองอย่างรอคำตอบ แฮงค์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ สีหน้าเครียดขึงลงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่ชินเลย... มันไม่เหมือนผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ผมเคยรู้จัก

"แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วนะ เลิกกันไปตั้งหลายปี ไม่คิดว่าจะโดนนาวพูดแบบนั้นใส่"
"อืม... ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้ต่อ"
จริงๆ ก็ไม่ได้หิวอะไร แต่พอจะเดาได้ว่าแฮงค์คงยังไม่ได้กินอะไรมา ก็เล่นส่งไลน์มาบอกว่าเพิ่งตื่นและออกมาข้างนอกเลยแบบนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปหยิบจับอาหารเช้ากันล่ะ

ผมเป็นฝ่ายลากเขาเข้ามาในร้านอาหารสไตล์เกาหลีโดยไม่ถามไถ่ความต้องการ ก็อยากกินไก่ทอด อย่าหาว่าเอาแต่ใจเลย อยากหาอะไรที่ทำให้ตัวเองเลิกหงุดหงิดกับเรื่องของนาวสักที คิดไปคิดมาก็รู้แล้วล่ะว่าตัวเองเป็นอะไร... ทั้งหึงทั้งหวงแฮงค์เลยว่ะ

"พี่ข้าว..."
แฮงค์เรียกกันในขณะที่ผมเคี้ยวไก่ทอดอย่างเอร็ดอร่อย จะว่าไปตั้งแต่เข้ามาในร้านยังไม่ได้ปริปากคุยกันสักคำเพราะต่างคนต่างเงียบและจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาจากตรงไหน อยากบอกว่าเมื่อครู่หึงหวงเขาจนแทบบ้าก็ดูจะหนักเกินไป เฮ้อ

"หือ"
ผมครางรับในลำคอเบาๆ แต่ยังไม่ละทิ้งไก่ในมือ ไม่อยากทำเป็นสนใจคนตรงหน้าให้มากเกินไปสักเท่าไหร่ ไอ้เรื่องที่บอกว่าไม่หิวลืมไปซะเถอะ ตอนนี้การกินคือสิ่งเดียวที่ทำให้ลดความหงุดหงิดลงได้

"อย่าคิดมากเรื่องนาวนะครับ ไม่มีอะไรจริงๆ"
แฮงค์เหมือนพยายามจะย้ำให้ผมมั่นใจให้ตัวเขา ดวงตาคมมองกันอย่างไม่ลดละ มันแฝงไปด้วยความเว้าวอนและแน่วแน่ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่ควรเล่นสนุกกับความรู้สึกของเขาแล้วใช่ไหม ควรจะบอกสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกและกำลังคิดให้รับรู้สินะ เอาวะ เก็บไว้ทำไมให้อึดอัดล่ะ บอกๆ ไปก็สิ้นเรื่อง

ผมวางไก่ลงและหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือให้สะอาดก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาดื่ม สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเป็นการเตรียมตัว เอาล่ะ! จะสารภาพบาปแล้วนะ บาทหลวงควรฟัง...

"แฮงค์... เมื่อกี้พี่โคตรหึงเลยว่ะ"
ผมพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นหรอกแต่มันเขินแปลกๆ ก็เลยทำได้แต่นั้น ไม่ใช่ไม่มั่นใจอะไร แต่เพราะว่ามั่นใจเกินร้อยน่ะสิ มันเป็นเรื่องยากเสมอเมื่อต้องสารภาพความรู้สึกกับคนที่ตัวเองชอบเนี่ย

พูดจบก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแต่แฮงค์กลับเลิกคิ้วเหมือนตั้งคำถามว่าเมื่อครู่ผมบ่นอะไรออกไป ตัวเองยังได้ยินแผ่วๆ คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะไปได้ยินเหรอ แต่จะให้สาธยายออกไปใหม่ก็กระดากปาก... เหี้ยเอ้ย เขินว่ะ!

"พี่ข้าว... เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ ขอใหม่อีกรอบ"
แฮงค์ถามกลับมาด้วยใบหน้าสงสัย ตอนแรกคิดว่าจะไม่ยอมพูดย้ำเป็นรอบที่สอง แต่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะบอกความรู้สึกที่มี ยอมทำใจและบอกให้มันจบๆ ซะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคงเกิดอาการขัดเขินไม่หยุดหย่อนแน่ๆ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งก่อนจะเงยหน้าเพื่อสบตาคู่สนทนา ฮึบ... เอาล่ะนะ

"บอกว่าเมื่อกี้น่ะ โคตรหึงเลยว่ะ! ชัดพอยัง"
พูดจบก็หยิบไก่ทอดเกาหลีขึ้นมาแทะแก้เขินอย่างรวดเร็วโดนไม่ยอมมองหน้าแฮงค์สักนิด แก้มร้อนวูบวาบจนอยากจะเอาหัวจุ่มน้ำให้รู้แล้วรู้รอด อยากตบปากตัวเองสักสิบครั้งที่กล้าพูดอะไรหน้าอายออกไป หมดสิ้นกันพี่ข้าวคนแมน แพ้ทางเด็กผู้ชายจนราบคาบแบบนี้

"พี่ข้าว เหี้ยแม่ง โคตร..."
แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนผมเผลอเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลานั่นว่าแสดงอาการยังไง รอยยิ้มกว้างที่ปรากฎต่อหน้านั่นทำให้รู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าเขาสามารถกอดผมได้ตอนนี้คงพุ่งเข้ามาหาแล้วแน่ๆ

"โคตรอะไรวะ ด่าพี่ว่าเหี้ยเหรอห๊ะ"
ผมแกล้งโมโหใส่แล้วเบนสายตาไปทางอื่นเพราะเกลียดดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับนั่น มันช่างอันตราย... เหมือนเสือที่รอขย้ำเหยื่อในกับดักของตัวเองไม่มีผิด

"โคตรน่าจับมาขยี้ปากให้เจ่อ น่ารักว่ะ น่ารักมากๆ ผม... โอย เหี้ย ชอบผมแล้วเหรอ!"
แฮงค์พูดแทบไม่เป็นภาษาแต่ยังรักษาระดับเสียงให้ได้ยินแค่สองคนอยู่ ผมเม้มปากแน่นเพราะคำถามตรงๆ ของเขา เด็กนี่มันโง่หรือยังไงวะ ไม่ชอบจะไปหึงทำซากอะไร! คนดีที่ไหนเขาทำแบบนั้นกัน เดี๋ยวๆ แล้วไอ้ที่ทำหน้าตามันเขี้ยวกันซะเต็มประดากับเลียปากเนี่ย จะขยี้กันจริงๆ ดิ...

ผมขยับตัวขยุกขยิกแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงินซะอย่างนั้น ไม่พร้อมจะตอบตอนนี้ กลัวว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วธุระของแฮงค์จะกลายเป็นโมฆะไปง่ายๆ ประมาณว่าดีใจจนลืมทุกอย่างไปซะสนิทน่ะสิ เคลียร์เรื่องค่าอาหารเรียบร้อยผมก็รีบก้าวขายาวๆ ไปทางโซนร้านหนังสือทันทีโดยไม่รอช้า เขาจะตามหรือไม่ตามมานั่นอีกเรื่องเว้ย ไม่สนใจแล้ว แต่อย่างหวังว่าคนอย่างเด็กนั่นจะปล่อยเหยื่อให้หนีได้ง่ายๆ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามมาติดๆ

"พี่ข้าวครับ อย่าหนีกันดิ"
แฮงค์พูดพร้อมกับคว้าไหล่ของผมเอาไว้ พยายามเบี่ยงตัวหลบแต่คนยืนหันหลังจะไปมีปัญญาหนีคนที่ใช้ตามองกันได้ยังไง

"ใครหนี จะไปซื้อของก็รีบๆ ดิ"
ผมพูดด้วยเสียงดุๆ แล้วเอามือปัดป่ายการเกาะกุมของอีกคน แต่มีเหรอว่าเขาจะปล่อยกันไปง่ายๆ ยิ่งส่าเหมือนยิ่งยุ บีบไหล่แน่นขึ้นไปอีก ถ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะมองนี่หันไปต่อยท้องแล้ว

"ไม่เอาครับ หันมาคุยกันก่อน เมื่อกี้ไม่เคลียร์อะ"
แสดงความดื้อออกมาอย่างชัดเจน ทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทาง ผมกลับไปเพื่อจะด่าเขา แต่ก็ต้องหุบปากเพราะสายตาอ้อนๆ เหมือนหมาตัวใหญ่ แพ้อีกแล้วไอ้ข้าวเอ้ย อนาคตคงหนีไอ้เด็กบ้านี่ไปไหนไม่ได้จริงๆ จะติดกันเป็นตังเมอย่างที่เคยคิดเอาไว้ชัวร์ อยากจับแฮงค์มาชำแหละจริงๆ ว่ามีอะไรดี ทำให้คนอย่างผมตกหลุมกับดักที่ขุดไว้ได้ทั้งๆ ที่เป็นคนระวังตัวขั้นแอดวานซ์ขนาดนี้ เหนือฟ้ายังมีฟ้าสินะ

"สมองก็มี คิดเอาเองดิว่าความหึงมันเกิดจากเหตุผลอะไร เพราะชอบไม่ใช่หรือไง คนเกลียดกันเขาจะหึงกันทำไมล่ะ!"

จบสิ้นชีวิต... พูดออกไปจนหมดเปลือก

ซื้อของที่ต้องการเสร็จก็กลับขึ้นรถด้วยหน้าตาที่ต่างกันออกไป แฮงค์ยิ้มหน้าบานตลอดทาง ส่วนผมเอาแต่ทำหน้าเครียด ไม่ใช่อะไรหรอก โดนจ้องไม่วางตาขนาดนี้มันน่าอึดอัดไม่ใช่เหรอไง จะพูดอะไรก็ไม่พูด บ้าบอ!

"จะมองอีกนานปะแฮงค์ มันน่าอึดอัด"
ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดเล็กน้อย ความจริงคือกลบเกลื่อนอาการเขินเรี่ยราดของตัวเองนี่ล่ะ แฮงค์คลี่ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมแถมยังขยับเข้ามาใกล้กันอีก อยากลงไปนอนข้างทางใช่ไหม ได้! เดี๋ยวจัดให้ เสียสมาธิชะมัด
"มองแฟนผิดตรงไหนครับ"

"ขี้ตู่! ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเว้ย"
ผมโวยวายเสียงดังแทบจะเหยียบเบรกหยุดรถแล้วกระหน่ำต่อยไอ้คนขี้มโนให้น่วม แต่ทำได้แค่คิดเพราะรถกำลังติดได้ที่ จะให้หักพวงมาลัยจอดข้างทางมันยากมาก

"อ่าว ผมชอบพี่ส่วนพี่ก็ชอบผม แบบนี้ก็เป็นแฟนกันได้แล้วนะ"
แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น ซึ่งรู้ได้ทันทีว่าเขาแกล้งผม แกล้งแหย่ให้เขินจนหน้าแดงหูแดง ดูท่าทางจะสนุกมาก อยากจะต่อยให้เสียโฉมไปเลย หมั่นไส้ ผมได้แต่หันไปแยกเขี้ยวแล้วตะโกนใส่อย่างเหลืออด

"ขอหรือยังเถอะ!"
เหี้ย... ผิดประเด็น ไม่ใช่แบบนี้เลย ผมกำลังจะบอกว่าอย่าแกล้งกันจะได้ไหม แล้วเมื่อครู่คืออะไร ไปเร่งให้เขาขอตัวเองคบซะอย่างนั้น สติเว้ยสติ! อายจนต้องหันกลับไปมองถนนตาเขม็ง ในใจนี่ว้าวุ่นจนนั่งแทบไม่ติด ไฟแดงจะเสือกมาอะไรตอนนี้เนี่ย!

"ยังเลย... งั้นเป็นแฟนกันไหมครับ"
แฮงค์พูดขอกันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมพร้อมจะตอบตกลงทุกเมื่อแต่มีอะไรบางอย่างทำให้ต้องปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้

"ไม่"
ตอบกลับแบบชัดถ้อยชัดคำจนทำให้อีกคนทำหน้าเหวอกลับมา ดวงตาแสดงความสับสนอย่างไม่ปิดบัง หัวคิ้วขมวดกันแน่นจนผมนึกสงสารเลยเอื้อมมือไปแตะต้นขาของเขาไว้

"อ้าว... ทำไมอะ"
ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงงอแงแล้วทาบมือทับลงที่ตำแหน่งเดียวกัน ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยแววตาอ่อนโยนและตัดใจพูดอีกครั้ง และหวังว่าแฮงค์จะไม่เสียใจ





ต่อด้านล่างน้า




ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #169 เมื่อ05-02-2017 16:53:09 »

"รอไปก่อน ยังไม่พร้อม"

"อ่า..."
เขาตอบกลับมาแค่นั้น สีหน้าดูแย่ลงไปมาก ผมบีบมือเขาเพื่อปลอบโยน แต่ดูเหมือนคำพูดนั้นเริ่มมีผลต่อความรู้สึกของคนตรงหน้า ต้องอธิบายต่อแล้วล่ะ ไม่อยากให้ค้างคา

"ไม่ใช่ว่าไม่อยากคบด้วยนะ แต่อาจารย์กับนักศึกษามันไม่เหมาะ รอก่อนได้หรือเปล่าล่ะ"
ผมพูดเหตุผลออกไปและนั่นทำให้ไอ้เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เหอะ แบบนี้ละดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่เลยนะมึง น่าหมั่นไส้ กัดจมูกโด่งๆ นั่นให้แหว่งซะดีไหม

"รอมาตั้งนานแล้ว รอต่อไปอีกหน่อยจะเป็นไรไป แต่ว่า... ขอมัดจำไว้ก่อนได้ไหม"
แฮงค์มองกันด้วยดวงตาที่เป็นประกาย มือผมถูกกระตุกเพื่อให้ระยะห่างของเราทั้งสองคนสั้นลง ลมหายใจที่รดลงบนใบหน้าบอกกันได้ดีว่าอยู่ใกล้กันมากเพียงใด ใกล้ถึงขนาดได้ยินเสียงหัวใจของอีกคน ใกล้จนเห็นหน้าอกกะเพื่อมขึ้นลงแรงๆ เพราะหัวใจเต้นถี่

"มะ มัดจำอะไร"
ผมถามเสียงตะกุกตะกัก สายตาพยายามหลบไปมา ไม่อยากมองตรงๆ กลัวจะเผลอทำอะไรที่หน้าอายลงไป อย่างเช่นพุ่งเข้าไปกอด...

"จูบมัดจำไว้ พี่จะได้ไม่เผลอใจไปชอบคนอื่น"
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินข้อมัดจำขอฃเขาชัดเจนเต็มสองรูหู จูบมัดจำเหี้ยอะไรวะ ผมจะเผลอใจไปชอบคนอื่นได้ยังไงในเมื่อทั้งใจก็มีแฮงค์อยู่คนเดียวเนี่ย มันน่าโมโหไหมล่ะ

"ไอ้บ้า เห็นพี่เป็นคนยังไงวะ แล้วจะให้จูบเหรอ ไม่มีทาง!"
ผมโวยเสียงดังแล้วผละตัวออกทันที อยู่ใกล้ก็มีแต่จะพาลลุกลี้ลุกลนไปกันใหญ่ ทั้งเขินทั้งอายทั้งโมโห ไม่รู้แล้วว่าควรแสดงท่าทางแบบไหนออกไป เผลอๆ ลืมวิธีขับรถด้วยซ้ำ

"อืม... แล้วที่พี่จูบผมเมื่อคืนหมายความว่ายังไงครับ"
แฮงค์ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ผมถึงกลับหันขวับไปมองหน้าเขาแล้วอัทานเสียงดัง เอาให้หูแตกกันไปข้าง ก็คนมันตกใจที่ความลับรั่วไหล!

"เหี้ย!! รู้ได้ยังไง"
ด่าแม่งเลย ตัวนี่แม่งจะร้อนไปไหน แดงเหมือนโดนแดดเผาไปอีก!!!

"ก็... ไม่ได้หลับ รู้ปะ ใจผมแม่งโคตรเต้นแรง อยากจับพี่บดจูบจะแย่"
ตอบกลับไม่ว่า แต่ไอ้เลียปากพร้อมส่งสายตาหื่นๆ มาให้นี่มันเป็นเรื่องที่โคตรบ้า ผมใช้มือผลักหัวมันไปแรงๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี โวยวายตามไปอีกเพื่อยุติบทสนทนานี้

"พอเลย หยุดพูดเรื่องนี้!"
แล้วก็หยุดพูดกันจริงๆ กลายเป็นเงียบตลอดทางจนถึงคอนโด ความรู้สึกขัดเขินลดลงจนแทบปกติ ผมก็เลยแวะที่ก็เลยแวะที่ห้องของแฮงค์เพื่อทำอาหารเย็นให้เขาก่อน อีกอย่างน้องสารภาพว่าเมื่อเช้าไม่ได้ทายาที่ด้านหลัง... น่ากระทืบซ้ำไหมล่ะ

ผมจัดการทำอาหารง่ายๆ อย่าสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาซีฟู้ดเสร็จเรียบร้อยก็นั่งดูทีวีฆ่าเวลาไปเรื่อยเพราะเจ้าของห้องไปอาบน้ำ  จะว่าไปไอ้ที่ขอมัดจำกันแบบนั้นน่ะ ก็อยากทำให้อยู่หรอก แต่... ไม่หน้าด้านพอ

คิดฟุ้งซ่านอยู่ได้ไม่นานคนที่หายไปจัดการตัวเองก็กลับมาพร้อมกางเกงขาสั้นสีเข้ม ด้านบนเปลือยเปล่าเพราะต้องทายาก่อนใส่เสื้อ ผมเผลอลอบมองกล้ามเนื้อลอนสวยอยู่หลายครั้ง เมื่อก่อนไม่เคยพิสวาสด้วยซ้ำเพราะมันก็มีเหมือนๆ กัน แต่ทำไมตอนนี้มองแล้วเกิดอาการโหวงๆ ในท้องชอบกล ไม่ดีแน่ๆ

"หอมจังครับ พี่ข้าวทำอะไรให้ผมกินเหรอ"
เขายิ้มและเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ กัน ผมพยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะอาหารแล้วตอบกลับไป

"สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล"

"อ๋อ น่ากินจัง แต่ว่า... พี่ข้าวน่ากินกว่า"
แฮงค์ขยับเข้ามากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ผมกระเด้งตัวหนีด้วยความตกใจก่อนจะง้างมือฟาดลงบนแผ่นหลังกว้างแบบไม่ออมแรง เขาร้องโอดโอยแทบจะขาดใจ ตอนแรกก็นึกว่าแกล้ง แต่ผมเพิ่งคิดได้ว่าพลาดแล้ว ตีลงบนแผลเต็มๆ
"เฮ้ย พี่ขอโทษๆ เจ็บมาไหม"
ผมขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือลูบเบาๆ ตรงตำแหน่งที่โดนฟาดไป แฮงค์พนักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมาคว้ามือของผมไปกุมเอาไว้ อยากจะขืนตัวออกอยู่หรอกแต่โดยสายตาหมาอ้อนอีกแล้ว เกลียดจริงๆ เลย

"ผม... รักพี่นะครับ รักจริงๆ นะ"
อยู่ๆ มาบอกรักกันต้องการอะไรวะไม่คิดว่าจะเขินบ้างหรือไงเล่า เล่นจู่โจมกันแบบนี้จะให้ทำยังไง กระโดดจูบเลยไหม แม่ง!

"พะ พูดมากอีกแล้ว"
อืม... ติดอ่างเพื่อ ประหม่าเพื่อ สติ!

"แค่อยากบอก"

"รู้แล้วน่า"

"อื้อ แล้วพี่ล่ะครับ บอกให้ผมฟังชัดๆ ได้ไหม"
ก้มหน้าลงหอมแก้มกันซะอย่างนั้น ผมตัวแข็งทื่อเพราะไม่คิดว่าแฮงค์จะทำอะไรแบบนี้ เขิน เขินจนตัวจะแตก หาอะไรทำแก้เขินบ้างดีกว่า!

"....."
คิดเหรอว่าผมจะพูด แต่ขยับกน้าเข้าไปใกล้แล้วโน้มคออีกฝ่ายลงมากดจูบก่อนจะถอนออกช้าๆ เอาแต่นี้ไปก่อนแล้วกัน เป็นแฟนเมื่อไหร่จะให้มากกว่านี้

"เอามัดจำไป ชัดกว่าคำพูดอีก"
เด็ดไหมล่ะ นับถือความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองจริงๆ ไปจูบเด็กมันก่อนอีกแล้ว! อยากจะเป็นคนแก่สายเปย์แต่ดูท่าทางสายอ่อยคงรุ่งกว่า... ไม่น่าเลยกู




----------------------------------------------

สายอ่อยรุ่งกว่าจริงๆ เชื่อเราเถอะข้าว... แ​ฮงค์มันสามารถเปย์ตัวเองได้เชื่อสิ 555555
หวานๆ แบบเนียนๆ ซึนๆ อึนๆ กันไปเนอะตอนนี้ อิจฉาเขาบอกชอบกันว่ะเฮ้ย ฮือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
« ตอบ #169 เมื่อ: 05-02-2017 16:53:09 »





ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #170 เมื่อ05-02-2017 23:08:29 »

นาวไม่มีมุกอื่นแล้วหรอ แต่ก็นะ ยังไงแฮงค์ก็ไม่สนอยู่แล้ว เพราะเจอพี่ข้าวทำเสน่ห์ใส่ขนาดนั้น อิอิ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #171 เมื่อ05-02-2017 23:23:26 »

พี่ข้าวอ่อยแรงมากกกกกกก

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #172 เมื่อ05-02-2017 23:38:38 »

 :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #173 เมื่อ06-02-2017 00:23:12 »

 o13



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #174 เมื่อ06-02-2017 12:48:59 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 19 -P.6- (05.02.2017)
«ตอบ #175 เมื่อ06-02-2017 15:02:18 »

พี่ข้าว ขายอ้อย
แฮงค์ โคตรมีความสุข ขอเป้นแฟนได้แล้ว
ชะนีแฟนเก่าแฮงค์ ตลก
มาขอคบใหม่ มาแทรกกลางสองคนเฉยเลย
ส่งสายตาโกรธแค้นให้ข้าว
แถมมีหน้าจะไปบอกครอบครัวแฮงค์
ไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย มีสิทธิ์ไรเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #176 เมื่อ08-02-2017 23:00:00 »

เมาครั้งที่ 20





ชีวิตหลังจากที่ได้รู้จักกับแฮงค์นั้นทำให้ต้องวนเวียนอยู่กับร้านเหล้าบ่อยมาก ทั้งที่แต่ก่อนไม่ชอบไปเลย แต่ตอนนี้เต็มใจจะออกมานั่งดริ๊งค์เบาๆ แทบทุกคืน ไม่ใช่จะมาเฝ้าอะไรนะ ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ จะให้พูดตรงๆ กับเจ้าตัวคงไม่มีทางซะหรอก ซึนๆ อึนๆ คือนิสัยที่แสดงออกเวลาจะคบกับใครสักคนเป็นแฟน ก็เพราะเขินนั่นล่ะเลยชอบบ่ายเบี่ยงความเป็นจริงอยู่เรื่อย

บรรยากาศร้าน Addict ยังคงดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เสียงเพลงร้องสดเพราะจนทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามามีทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่เพราะมีโซนร้านอาหารอยู่ด้วย ผมนั่งอยู่หน้าบาร์ฝั่งร้านเหล้า ที่จริงก็อยากไปนั่งโต๊ะสบายๆ แต่ไอ้เด็กบาร์เทนเดอร์หน้าเป็นนั่นขอร้องกันเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่า 'ไม่อยากให้ใครเข้ามาจีบพี่ข้าว' ถึงจะหน้าตาดีก็ไม่ได้เป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนั้นปะวะ เขาน่ะควรระวังตัวเองมากกว่า สาวๆ ที่นั่งอยู่นั่นส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ไม่ขาด ยอมรับว่าลึกๆ เกิดอาการหวงแต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่เลยทำให้ข่มอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ได้ 

"พี่ข้าว... จ้องไอ้แฮงค์จนจะพรุนแล้วมั้งครับ"
กันย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยแซวขึ้นมาทำให้ผมรู้ตัวว่าเผลอมองแฮงค์นานเกินไป ก็คนมันหวงจะให้ทำยังไง ยิ่งเห็นเจ้าตัวยิ้มแย้มให้คนอื่นแบบนั้นก็ยิ่งหงุดหงิด แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมันคืองาน ลูกค้าคือพระเจ้า... โคตรเกลียดคำนี้เลยว่ะ

"ก็... เปล่าสักหน่อย เราเถอะ ทำไม่หนีมานั่งดื่มได้ล่ะวันนี้ พี่ต้นไม่ดุหรือไง"
ผมถามแล้วเหล่มองคนที่นั่งกระดกแก้ววอดก้าเข้าปาก กันย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในขณะที่วางแก้วในมือลง เขาไหวไหล่แล้วเอนตัวเข้ามาใกล้และใช้หัวทุยๆ พิงลงมาที่ไหล่ ถ้าให้เดาคงมีเรื่องผิดใจกันหรือเปล่านะ

"ดุอะไรล่ะ นั่งหน้างอเป็นปลาทูคอหักเพราะผมไม่ยอมมีเซ็กซ์ด้วย พี่คิดดูดิ คนไม่เคยใครจะยอมง่ายๆ กันล่ะ"
ผมเหวอไปเล็กน้อยที่กันย์สามารถรอดตัวจากการโดนพี่ต้นลากขึ้นเตียงมาได้นานขนาดนี้ ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ไวต่อเรื่องเซ็กซ์มากนะ แต่อย่างที่น้องพูดก็มีเหตุผล คนไม่เคยจะให้ยอมเสียประตูหลังง่ายๆ ได้ยังไงกัน

"อืม... เดี๋ยวพี่ต้นก็หายงอนน่า คงอารมณ์ชั่ววูบล่ะมั้ง แล้วกันย์ล่ะโกรธเขาหรือเปล่า"
ผมยกมือขึ้นลูบหัวน้องเป็นการปลอบใจ สายตาเหลือบเห็นแฮงค์ยืนทำหน้าบึ้งอยู่ไกลๆ แล้วอดยิ้มทะเล้นใส่ไม่ได้ แค่เพื่อนสนิทนั่งพิงไหล่กันแค่นี้ยังจะหวงอีก เด็กหนอเด็ก

"หึ โกรธดิ รอให้พร้อมหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมต้องพยายามปล้ำผมด้วยวะ"
เสียงน้องสั่นเครือจนกลัวว่าเขาจะร้องไห้ แต่กันย์ไม่ใช่คนอ่อนแออะไรขนาดนั้นหรอก คงแค่กำลังข่มอารมณ์โกรธเอาไว้

"พี่ถามตรงๆ นะ ที่กันย์ไม่ยอมเพราะอะไร"
ผมไม่ได้จะเข้าข้างพี่ชายของตัวเองหรอก แต่ต่างคนต่างมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น อย่างพี่ต้นเนี่ยเพราะความใคร่ผสมความรักก็น้องมันน่ารักขนาดนี้ใครจะอดใจไหวล่ะ ถ้าเป็นผมเองอาจจะทำแบบเขาก็เป็นได้

กันย์ผละตัวออกแล้วเบ้ปากใส่ผมซะอย่างนั้น แถมยกมือขึ้นมาดึงแก้มจนยืดไปหมด นี่ผมเป็นพี่มันนะไม่ใช่เพื่อน เล่นกันแบบนี้เลยเหรอไง แต่ยอมๆ ไปก่อนเพราะเห็นว่าน้องอารมณ์ไม่ได้ แล้วอีกอย่างการกระทำแบบนี้กวนประสาทแฮงค์ใช่ย่อย ถือว่าสนุกอยู่พอตัว

"ผมกลัวเจ็บนี่หว่า หน้าอย่างพี่ต้นจะอ่อนโยนกับใครเขาได้ล่ะ"
กันย์ตอบเสียงอู้อี้พร้อมทั้งเสมองไปทางอื่นในขณะที่ลดมือลงแล้วกลับไปกระดกวอดก้าอีกหนึ่งชอตเข้าปาก ผมคลี่ยิ้มบางออกมาด้วยความเอ็นดู หน้าอย่างพี่ต้นอ่อนโยนกับใครไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ ก็คงจริงอย่างที่น้องว่านั้นล่ะ ออกแนวโหดเถื่อนซะขนาดนั้นจะกลัวก็ไม่แปลก

"เหตุผลแค่นี้ใช่ไหม"
ผมถามกันย์กลับไปและได้คำตอบเป็นการพยักหน้ารับแกนๆ นิ้วมือเรียวสวยของน้องไล้ไปตามแก้วชอต คงกำลังคิดไม่ตกเรื่องนี้สินะ จริงๆ แล้วถ้าย้อนถามผม คงตอบได้ว่าใครดีใครได้ มีทักษะมากกว่าก็ได้อยู่บนอะไรประมาณนี้มั้ง

"เชื่อใจพี่ต้นแล้วทุกอย่างจะดีเอง"
ผมพูดปลอบใจเขาเพราะเชื่อว่าพี่ต้นคงไม่ทำอะไรรุนแรงกับกันย์หรอก คนรักกันต้องพูดคุยกันได้อยู่แล้วล่ะ

"อือ... จะลองไปคุยกันดู แต่วันนี้ขอไปนอนด้วยนะ"
น้องพูดด้วยเสียงสบายๆ ก่อนจะยกแก้วค็อกเทลของผมไปดื่มหน้าตาเฉย อยากจะตีมืออยู่หรอกแต่เพราะเจ้าของมันยังไม่ได้ดื่มเลยช่างมันไปแล้ว แต่เรื่องอะไรจะไปนอนที่ห้องล่ะ... พี่ต้นแม่งฆ่าผมหมกส้วมแน่ๆ เดี๋ยวนี้ขี้หึงขี้หวงแฟนอย่างกับอะไรดี

"หือ ได้ไง เดี๋ยวพี่ต้นก็แหกอกพี่หรอก"
ผมว่าติดตลกก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวน้องจนยุ่งเหยิงไปหมด แอบหมั่นไส้เล็กน้อยที่เขายังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย หนีพี่ต้นออกมาทั้งสภาพแบบนี้เนี่ยนะ ฝ่ายนั้นไม่โวยวายบ้านแตกหรือยังไง

พี่ต้นลากกันย์ไปอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วล่ะ ส่วนผมก็อ้อนพ่อกับแม่ออกมาอยู่คอนโดคนเดียวจนได้ เขาก็ฮึดฮัดๆ อยู่นั้นล่ะในตอนแรก แต่ต้องยอมสิโรราบด้วยเหตุผลที่ว่า 'ต้นจะเลี้ยงน้องเป็นไข่ในหินไปตลอดชีวิตหรือยังไง'

"ช่างเขาสิ ถ้าจะหึงแม้กระทั่งน้องตัวเอง"
กันย์เบะปากเหมือนเด็กน้อยกำลังจะร้องไห้ทำให้ผมยิ่งเอ็นดูแฟนพี่ชายเข้าไปใหญ่ ฝ่ามือที่กำลังขยี้หัวเลื่อนลงมาดึงแก้มขาวด้วยความมันเขี้ยว น้องไม่ได้สะบัดหน้าหนีแต่ย่นจมูกใส่ น่าฟัดว่ะ... แต่ไม่ใช่ในทางลามกอะไรนะ ผมยังมีจิตสำนึกมากพอว่าเขาเป็นแฟนพี่ต้น

สายตาเหลือบไปเห็นคนที่ตีหน้ายักษ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ในมือของเขาถือกระบอกเชคเกอร์เอาไว้ จังหวะเขย่านั้นรุนแรงจนสามารถเดาอารมณ์ของแฮงค์ได้เลยล่ะ นี่ก็อีกคนที่ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง และนั่นยิ่งทำให้ผมอยากแกล้ง... หึหึ

"แฮงค์ยังหึงกันย์เลยเถอะ ดูนู่นสิ"
ผมก้มลงกระซิบข้างหูของกันย์แล้วชี้ชวนให้ดูหน้าของเพื่อนสนิทที่งอง้ำอย่างกับจวัก น้องเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะแสยะยิ้มออกมา เดาไม่ยากหรอกว่าคงอยากแกล้งแฮงค์แน่ๆ การงานไม่ต้องทำแล้วล่ะ

"แกล้งมันกันดีกว่าพี่ข้าว เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ"

"พี่ก็อยากแกล้งนะ แต่ดูเหมือนแฮงค์พร้อมจะทิ้งงานมากินหัวเราทุกเวลาเลยว่ะ"
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วผละตัวออกจากกันย์ก่อนจะหันไปยักคิ้วกวนๆ ให้กับแฮงค์ที่ยังคงปั้นหน้าบึ้งตึงใส่กันอยู่ ดวงตาคมจ้องกันอย่างไม่ลดละ... หลังจากนี้ผมอาจจะน่วม แต่ด้วยวิธีแบบไหนนั้นไม่อยากจะคิดหรอก แอบขนลุกว่ะ

"เออ ผมก็ว่างั้น ยังไม่อยากโดนมันบ่นจนหูชาอะ"
หลังจากนั้นเราก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศของแสงไฟและเสียงดนตรีไปเรื่อยๆ เพื่อรอแฮงค์เลิกงานตอนเที่ยงคืน ผมกับกันย์มีพูดคุยเรื่องสัพเพเหระบ้างประปราย และที่ทำให้ระทึกสุดๆ คือพี่ต้นโทรมาตามแฟนกลับบ้านโดยอ้างว่าบับเบิ้ลคิดถึง... คือเรื่องบ้าอะไรเอาหมามาเป็นแพะเฉยๆ เนี่ย น้องก็เสือกเชื่อไง นี่ล่ะนะสภาวะคนรักกัน ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้

พี่ต้นจะมารับกันที่ร้านภายในหนึ่งชั่วโมงโดยที่ให้ผมนั่งเฝ้าน้องเอาไว้ เพราะกลัวว่าที่เมียจะโดนคนอื่นจีบ คือแบบพูดไม่ออกบกไม่ถูก นิสัยแฮงค์กับนิสัยของเขานี่ไม่ได้ต่างกันตรงไหนเลย ระแวงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่รู้หรือไงว่าการชอบผู้ชายสักคนมันโคตรลึกซึ้งแค่ไหน จะให้ไปหวั่นไหวกับคนอื่นง่ายๆ มันเป็นไปได้ยาก

"กันย์... แฮงค์ไม่ไปแข่งบาร์เทนเดอร์แล้วเหรอ เห็นไม่พูดอะไรเลย"
ผมถามขึ้นเมื่อคิดได้ถึงเรื่องที่แฮงค์เกริ่นไว้เมื่อนานมาแล้ว กันย์กันมาเลิกคิ้วใส่เล็กน้อยก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆ

"อ๋อ ไม่ล่ะพี่ มันขี้เกียจน่ะ เอาเวลาไปทุ่มกับงานออกแบบที่ส่งประกวดหมดแล้ว"
กันย์หันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่จนผมต้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาทุ่มเวลาไปกับงานพวกนั้นก็เพราะผม...

"เหรอ..."
ผมถามกลับไปแค่นั้นแล้วมองไปที่แฮงค์ เขายังคงขมักเขม้นทำงานอย่างแข็งขัน สาวๆ พวกนั้นก็ยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายตัวเองไปไหนสักที ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว บางคนพยายามขอเบอร์ บางคนพยายามจีบ มันก็มีหึงมีหวงกันบ้างแต่ตลกมากกว่าเมื่อเขาทำหน้าเรียบเฉยใส่แล้วบ่ายเบี่ยงนั่นนี่กับลูกค้าไปซะอย่างนั้น ก็ดีที่เป็นคนปฏิเสธได้ง่ายๆ ถ้าเป็นประเภทอะไรก็ยอมไปซะทุกอย่างผมคงปวดหัวแย่

"นี่... พี่ข้าวน่ะ ชอบเพื่อนผมมากหรือเปล่า"
น้ำเสียงของกันย์ช่างราบเรียบเหมือนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่วไป แต่ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อคำถามทำให้ใจเต้นแรงขึ้นซะเฉยๆ จิตใจทำด้วยอะไรถึงโจมตีกันตรงๆ แบบนี้ ไม่ทันตั้งตัวเลยได้แต่เบนสายตาหันไปมองโต๊ะหรือเก้าอี้แทนหน้าน้อง

"นี่... จะไม่ตอบหน่อยเหรอ"
กันย์ถามด้วยเสียงทะเล้นแถมยังใช้ไหล่กระแซะลำตัวผมอีก จะบ่ายเบี่ยงต่อไปก็ดูแปลก แต่จะให้ตอบตรงๆ มันก็ยังไงๆ อยู่ กระดากปากกับคำตอบในใจของตัวเองว่ะ แทนความรู้สึกด้วยคำว่าเขินก็คงใช่

"ตอบอะไรล่ะหืม ถามอะไรพี่ครับน้องกันย์"
ผมแกล้งทำเสียงหล่อๆ ใส่เขาแล้วขยับหน้าไปใกล้เพื่อแกล้ง แต่กันย์ไม่ได้หนีแต่อย่างใดแถมยังจ้องมาดวงดวงตาวิบวับ ไอ้เพื่อนสนิทคู่นี้อันตรายเกินไปแล้ว

"พี่ต้นมาข้างหลังอะ"
กันย์ยักคิ้วกวนๆ ใส่ ส่วนผมผงะถอยออกอย่างรวดเร็วเพราะโดนมือของใครบางคนบีบไหล่ไว้ซะแน่น พอหันไปมองก็เจอเข้ากับสายตาเย็นยะเยือกของคนเป็นพี่ชาย อะไรจะมาได้จังหวะขนาดนี้ แต่ก็ดีที่ผมไม่ต้องตอบคำถามชวนแก้มร้อนนั้นอีก

"แค่คุยจำเป็นต้องใกล้ขนาดหายใจรดกันเลยเหรอหืม"
พี่ต้นว่าเสียงเข้มพร้อมกับส่งสายตาดุๆ มาให้กัน ถ้าผมไม่เกรงใจว่าแฮงค์ก็ยืนมองสถานการณ์อยู่จะจับแฟนพี่ชายหอมแก้มซะให้เข็ด เพราะบางทีก็หมั่นไส้ไอ้ความขี้หวงขี้หึงไม่เข้าเรื่อง แต่อย่าคิดว่าเขาจะเลิกยุ่งวุ่นวายกับน้องชายตัวเองนะ... ไม่มีทางหรอก
"เปล่าซะหน่อยนี่ มารับกันย์กลับบ้านใช่ไหม"
ผมถามออกไปก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้กับพี่ต้น หางตาเหลือบไปเห็นแฮงค์ยกมือไว้ปรกๆ ก็อดขำไม่ได้ ทำท่าอย่างกับเจอผีอย่างนั้นล่ะ

"อืม ข้าวก็น่าจะกลับด้วยกันนะ"
พี่ต้นพูดกับผมแต่สายตาเหลือบมองแฮงค์ไม่ลดละ น้องได้แต่ตาลีตาเหลือกเดินเร็วๆ เข้าหลังร้านไปซะอย่างนั้นคงไม่ได้กลัวหรอกแค่ถึงเวลาเลิกงานแล้วก็เท่านั้น

ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชายด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าจะให้กลับไปด้วยทำไม ออกมาอยู่คอนโดได้แค่เดือนกว่าๆ เอง เมื่อต้นอาทิตย์ก็เพิ่งกลับบ้านไป ไม่ใช่ว่าพอเห็นผมกับแฮงค์ต้องกลับด้วยกันแล้วเกิดอาการแบบเดิมขึ้นมาอีก ต้องได้เสียกันก่อนไหมถึงจะเลิกกีดกันเนี่ย

"เพิ่งกลับไปเมื่อต้นอาทิตย์เองพี่ต้น พรุ่งนี้ผมมีงานด่วนที่มหา'ลัยด้วย"
พูดด้วยเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กกำลังงอนพี่ชาย จริงๆ ไอ้งานด่วนที่มหา'ลัยน่ะโกหกทั้งเพ แค่แฮงค์มีแข่งบาสฯ กับคณะวิศวะก็เท่านั่นล่ะ กระชับมิตรอะไรของมันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปให้กำลังใจหน่อยก็น่าจะดี

"เหรอ งานอะไรล่ะ"
ผมเบิกตาโตเพราะคิดไม่ทันว่าจะอ้างเป็นงานอะไรดี ขืนบอกไปตามตรงคงมีการน้อยอกน้อยใจกันเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะตอนที่พี่ต้นมีแข่งกีฬาหรือทำกิจกรรมอะไรตอนเรียนผมไม่เคยไปดูเลย เหตุผลข้อเดียวคือขี้เกียจ... เป็นน้องที่แย่เนอะ

ด้วยความที่ผมเงียบไปนานพี่ต้นก็เลยเพิ่มความกดดันโดยการเอื้อมมือมาแตะไหล่ แต่กันย์คงอยากช่วยคนอย่างผมก็เลยออกปากชวนแฟนตัวเองกลับบ้านซะง่ายๆ โดยไม่สนว่าจะขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า

"กลับบ้านกันเถอะพี่ต้น ดึกมากแล้วเนี่ย ผมง่วง"
กันย์ยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองไปมาเพื่อแสดงความง่วงแถมยังเอนตัวซบลงกับอกแกร่งของพี่ต้นก่อนจะขยิบตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ ร้ายนักนะน้องสะใภ้(?)เนี่ย แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้เขาเบนความสนใจไปจากผม ฟู่ ~

"โอเค กลับก็กลับ งั้นพี่ไปก่อนนะข้าว เราก็ดูแลตัวเองดีๆ"
ท้ายประโยคหันมาพูดกับผมพร้อมกับจับข้อมือกันย์ให้ลุกขึ้น แต่สายตากลับมองทะลุไปด้านหลังในตำแหน่งที่แฮงค์เพิ่งโผล่ออกมาจากหลังร้านด้วยชุดนักศึกษาที่ปลดสัญลักษณ์ของมหา'ลัยออกจนเกลี้ยง เขาหยุดอยู่แค่ตรงนั้นเพราะสายตาดุๆ ของพี่ต้นบังคับไว้

"ครับๆ ไปเถอะ ฝันดีนะ"
แล้วผมก็รีบตัดบทก่อนจะลงจากเก้าอี้บาร์ตัวสูงแล้วโบกมือลาเชิงไล่พวกเขาให้กลับไปซะที พี่ต้นยังคงลังเลแต่ก็ยอมออกเดินในที่สุดเมื่อกันย์กระทุ้งซอกใส่สีข้างจนเขาเบ้ปาก ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าทั้งคู่รักกันด้วยลำแข้งหรือเปล่า เอะอะๆ เจ็บตัวตลอด

"พี่ข้าว... กลับกันเถอะครับ"
เสียงกระซิบข้างหูทำให้ผมสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนห่างออกไปไกลพอประมาณจะเดินมาถึงตัวได้ไวขนาดนี้ ใบหน้าหล่อเหลานั่นยิ้มแย้มและดวงตาคมหวานช่ำจนผิดปกติ และในขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากเขา นี่ดื่มเข้าไปเองหรือโดนลูกค้าบังคับวะ แม้ว่าผมจะนั่งอยู่ตรงเค้าน์เตอร์บาร์ก็จริงแต่ไม่ได้จับตามองแฮงค์ตลอดนี่หว่า โดนสาวๆ ลวนลามอะไรไปบ้างก็ไม่รู้
ผมผละตัวออกห่างแล้วมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้การทรงตัวนับว่าดีจนจับไม่ได้ว่าเมาหรือไม่เมา แต่ไอ้ตาเยิ้มๆ หน้าแดงๆ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะว่าเจ้าตัวคงกรึ่มๆ ซะแล้ว แฮงค์ไม่ได้คออ่อนอะไรหรอก แต่คงโดนดื่มเหล้าไปหลายชนิด

"ดื่มมาเหรอ กลิ่นละมุดหึ่งเลย"
ผมถามออกไปทำให้แฮงค์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบกลับมา ไม่ปฏิเสธแบบนี้คงต้องยิงคำถามที่อยากรู้ต่อไปอีกสักหน่อยแล้วล่ะ

"ดื่มเองหรือโดนลูกค้าบังคับ"

"อ่า... ทั้งคู่ครับ"
เขาตอบเสียงอ้อมแอ้มพลางหลบสายตา จริงๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เขาดื่ม แต่ไอ้การรับเหล้าของลูกค้ามาดื่มเนี่ยมันสมควรเหรอ ถึงจะปฏิเสธเรื่องโดนจีบโดนขอเบอร์โทรได้แล้วทำไมเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ล่ะวะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีแข่งบาสฯ ผมจะไม่ว่าอะไรเลย ปล่อยให้เมาเป็นหมายังได้

"ทีหลังปฏิเสธลูกค้าเรื่องดื่มบ้างก็ได้"
ผมว่าก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าต้นแขนให้แฮงค์เดินตามออกจากร้าน ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่หรอกเหตุผลที่ดื่ม แต่เป็นห่วงสภาพร่างกายของเขามากกว่า ขืนแข่งๆ อยู่ล้มลงกลางสนามก็แย่สิ

ภายในรถเงียบกริบจนน่าวังเวง ผมเอาแต่สนใจถนนตรงหน้าโดยไม่ยอมปริปากพูดอะไร จะบอกว่าไม่พอใจอยู่ลึกๆ ก็คงใช่ ส่วนแฮงค์เอาแต่นั่งมองกันอยู่แบบนั้น เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ไม่กล้าสักที สถานการณ์แบบนี้มันน่าอึดอัดสุดๆ ไม่เข้าใจหรือยังไงวะ สุดท้ายคนที่แพ้สงครามเดตแอร์ก็เป็นตัวผมเองล่ะ

"มองอะไร"
ผมถามเสียงแข็งแล้วพยายามตั้งสมาธิขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่คนข้างๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนกระทบลงบนแก้ม สติจะแตกเพราะแบบนี้เนี่ยล่ะ ถีบให้มันกลิ้งตกรถซะดีไหมแล้วค่อยเรียกกู้ภัยหรือรถพยาบาลมาเก็บทีหลัง

"มองว่าที่แฟนครับ"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นชิดริมใบหู ผมผละตัวออกแทบจะทันทีแล้วหันไปถลึงตาใส่คนขี้แกล้ง กีหน่อยที่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนทำให้เขาไม่เห็นแก้มที่คิดว่าแดงจัดของผมเข้าให้ อยู่ๆ มาบอกกันแบบนั้นใครจะตั้งตัวรับทันล่ะ

"มองทำไมล่ะ มันน่าอึดอัด"
ผมพูดออกไปตรงๆ แบบไม่ปิดบังแต่แค่ไม่ครบตามความจริงก็เท่านั้น ไอ้ความอึดอัดมันก็แค่สามสิบเปอร์เซ็นที่เหลือคือเขินล้วนๆ คนบ้าอะไรนั่งจ้องกันแบบตาไม่กระพริบวะ แล้วสมาธิการขับรถนี่มันกระเจิดกระเจิงไปไหนหมด ถ้าแฮงค์ไม่กรึ่มๆ ผมคงเปลี่ยนตัวคนขับไปแล้ว

"ก็พี่ข้าวน่ามองนี่ครับ ยิ่งมองยิ่งอยาก... ฟัด"
เกลียดการเว้นวรรคคำพูดของเขาที่ทำให้ผมใจเต้นแรง เหี้ยสุดๆ ก็ตรงที่มันจ้องจะฟัดกันนี่ล่ะ จิตใจทำด้วยอะไรวะ ถ้าเป็นแฟนกันนี่ผมไม่น่วมไปทั้งตัวหรือไง เดี๋ยวจะฟัดมาฟัดกลับไม่โกง หึ!

"พอ! อย่ากวนสมาธิกันได้ไหมเนี่ย เห็นปะว่าขับรถอยู่"
ผมกัดฟันพูดแล้วรีบบึ่งรถหักเลี้ยวเข้าลาดจอดของคอนโดทันที ได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจากคนข้างตัวแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชอบกลเลยง้างหมัดต่อยเข้าที่ต้นแขนไปเต็มๆ อีกฝ่ายร้องเสียงหลงพร้อมกับลูบตรงตำแหน่งที่เจ็บไปด้วย สมน้ำหน้าจริงๆ เล่นอะไรไม่รู้เวลา

"โหย มือหนักนะเนี่ยพี่ข้าว"
แฮงค์บ่นกระปอดกระแปดในจังหวะที่เข้าก้าวลงจากรถและออกเดินไปพร้อมๆ กัน ผมเหล่สายตามองแล้วเบ้ปากใส่ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ก้านคอเข้าให้ อย่าลืมสิว่าผมเป็นนักกีฬาเทควันโดเก่า

"ถ้าพูดมากจะอัดให้น่วม"
ผมหันไปส่งสายตาดุให้เขาแล้วรีบก้าวไปกดลิฟท์ทันที ไม่อยากเสียเวลาพักผ่อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว อยู่กับแฮงค์ก็มีแต่จะเมื่อยแก้มเพราะไม่รู้ว่าจะแก้อาการอยากยิ้มพร่ำเพรื่อได้ยังไง เม้มปากก็แล้ว พยายามทำหน้าเฉยก็แล้ว แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงอยู่ดี ถ้าเขามาแนวหวานๆ ไม่กวนตีนกันแบบนี้ผมเดาไม่ออกเลยว่าตัวเองจะแย่สักแค่ไหน

ถึงหน้าห้องแฮงค์แล้วผมก็ตั้งใจจะเดินผ่านไปเลยเพราะขี้เกียจแวะ แต่เขาดันรั้งข้อมือกันเอาไว้และลากผมไปยืนคาตรงกรอบประตูจนได้ ต้องการอะไรอีกเนี่ย แสบตาไปหมดแล้ว คนเขาง่วงนอนจะตาย

"อะไรอีก พี่ง่วงแล้ว ปล่อย"
ผมบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมแล้วตีสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้า แฮงค์ไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำใดๆ เอาแต่คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ มันน่าแจกมะเหงกให้สักทีสองทีไหมล่ะ

"ไม่มีกู๊ดไนท์คิสให้ผมบ้างเหรอครับ"
แฮงค์พูดด้วยใบหน้าทะเล้นแล้วยื่นหน้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ผมผละตัวถอยหลังไปหลายก้าวแต่ก็โดนแฮงค์จับและกระตุกข้อมือให้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม มันคือเรื่องบ้าอะไรที่มาทวงกู๊ดไนท์คิส ผมเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่า กับแฟนเก่าที่เป็นผู้หญิงยังไม่เคยเลย

"กู๊ดไนท์คิสบ้าอะไร เพ้อเจ้อน่า ถ้ายังไม่ปล่อยพรุ่งนี้จะไม่ไปดูแข่งบาสฯ นะ"
ผมต่อรองแบบเด็กๆ แต่มันก็ได้ผลดีทีเดียวเพราะแฮงค์รีบปล่อยข้อมือแล้วคลี่ยิ้มกว้างมาให้ พูดง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย แต่เผลอแค่ครู่เดียวเจ้าตัวก็โน้มหน้าลงมาก่อนจะประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของผมอย่างรวดเร็ว

แฮงค์ถอยหลังหนีทันทีที่ผมง้างหมัดขึ้นเตรียมต่อย ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบจนอยากจะหาน้ำมาสาดใส่ เขาทำอะไรไม่เคยปรึกษาหัวใจกันเลยไง มันจะวายจนกยุดเต้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สงสารกันสักนิดสักหน่อยก็ไม่ได้

"ไอ้... !!"
ผมพูดเสียงรอดไรฟันแล้วชี้หน้าคาดโทษเขา ไม่กล้าจะก้าวเข้าไปเอาเรื่องเพราะอีกฝ่ายตั้งท่ารอจะลวนลามกันอีกรอบ ไอ้เด็กคนนี้แม่งเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ!

"หึหึ กู๊ดไนท์นะครับพี่ข้าว พรุ่งนี้เจอกันน้า ~"
ลากเสียงยาวใส่กันจบก็ปิดประตูใส่หน้ากันซะเฉยๆ ปล่อยให้ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะฮึดฮัดอยู่คนเดียว กว่าจะก้าวขาออกมาได้ก็เสียงเวลายืนด่ามันแบบไร้เสียงไปเกือบสองนาที คนบ้าอะไรชอบฉวยโอกาสฉิบหาย เจอผมทำแบบนั้นใส่บ้างอย่าหาว่าไม่เตือนนะเออ จะเอาให้หนักกว่าเป็นสองเท่าเลย แต่... แม่งเหมือนไปยั่วเขาว่ะ โอย ทำไมๆๆ

ผมกลับเข้าห้องแล้วรีบจัดการอาบน้ำเป็นอันดับแรกเพราะเพลียเกินกว่าจะทำอะไรอย่างอื่น ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อสายน้ำเย็นกระทบลงบนผิวกาย ยืนกัดปากตัวเองบรรเทาความหนาวอยู่สักครู่แล้วเอื้อมมือไปกดสบู่เหลวกลิ่นหอม ฟองสีขาวเนียนถูกลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายทุกซอกทุกมุม ไม่นานนักผมก็ก้าวออกจากห้องน้ำพร้อมกับชุดนอนสบายๆ

ที่นอนนุ่มๆ ตรงหน้าทำให้ผมทิ้งตัวลงไปอย่างไม่ลังเล ร่างกายผ่อนคลายเมื่อได้นอนนิ่งๆ อยู่แบบนั้น ยามเมื่อหลับตาลงภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่กลับผุดขึ้นมาในหัวให้แก้มร้อนวูบวาบเล่นๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของแฮงค์ในตอนนั้นทำให้หัวใจเต้นโครมครามอย่างน่ากลัว สัมผัสนุ่มละมุนตรงหน้าผากยังคงติดตรึงมาจนถึงตอนนี้ มือเรียวยกขึ้นลูบตำแหน่งที่โดนประทับจูบอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขได้อย่างง่ายดาย เพราะคนที่อยู่ข้างๆ กันตอนนี้ทำให้ผมเข้าใจคำว่าชอบได้มากขึ้นและอาจจะรวมไปถึงคำว่ารักด้วย




ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #177 เมื่อ08-02-2017 23:00:21 »

แสงแดดยามเช้าปลุกให้ทุกสรรพสิ่งที่หลับใหลตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ ผมลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพสะลึมสะลือเล็กน้อยเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นแต่ดันเป็นคนโทรผิดมา จะให้นอนต่อก็ทำไม่ได้อีกแล้วเลยพาตัวเองออกไปที่ริมระเบียงเพื่อรับอากาศเย็นๆ สายลมยามพระอาทิตย์กำลังขึ้นทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ กำลังบิดตัวเพื่อไล่ความขี้เกียจสายตาก็สะดุดเข้ากับหน้าของเครื่องมือสื่อสารที่เผลอหยิบติดมาด้วย มันแสดงแจ้งเตือนข้อความจากใครบางคนระบุเวลาส่งเมื่อครู่และไล่ลงไปคือของเมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งผมไม่ได้เปิดอ่าน... สภาพในตอนนั้นมีแรงอาบน้ำก็บุญเท่าไหร่แล้วล่ะ

แฮงค์
- คืนนี้ฝันดีนะครับพี่ข้าว 01:30
- หวังว่าผมจะได้กู๊ดไนท์คิสหรือมอร์นิ่งคิสกลับมาบ้างน้า 01:30
- อรุณสวัสดิ์ครับผม หิวจังเลย ~ พี่ข้าวตื่นหรือยัง 06:18


ผมอ่านข้อความจบก็แทบจะพุ่งไปบีบคอแฮงค์ให้ตายคาห้องพักจริงๆ ทำให้คนอื่นเขาหน้าร้อนตั้งแต่เช้าทั้งๆ ที่อากาศเย็นแทบมือจะแข็งแบบนี้ ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นไม่รู้ว่าเพราะกลั้นความโกรธหรือกลั้นยิ้มกันแน่ ตอนนี้ความรู้สึกมันขัดแย้งจนหัวแทบระเบิด ไอ้ชอบเขาน่ะมันชัดเจนมากถึงมากที่สุด แต่ความที่วางมาดไว้เยอะเลยปฏิเสธอยู่บ่อยครั้งว่าไม่อยากเขินให้ไอ้เด็กแสบได้ใจ ผมจรดนิ้วลงบนหน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อตอบกลับเขาทีละประโยค

ข้าว
- ไม่ฝันอะไรเลย เพราะโดยกู๊ดไนท์คิสแบบไม่ทันตั้งตัวนี่ล่ะ 06:20
- ฝันไปก่อนเถอะ แฟนก็ยังไม่ได้เป็น อย่าหวังสูง เข้าใจ๊? 06:21
- ตื่นแล้วไง ที่บ่นว่าหิวเนี่ยกำลังอ้อนให้ทำอาหารให้กินอยู่หรือเปล่า? 06:21

แฮงค์
- โธ่ อีกไม่กี่อาทิตย์พี่ก็หมดหน้าที่อาจารย์แล้วนะครับ ผมรอจะขอพี่เป็นแฟนไม่ไหวแล้วเนี่ย 06:22
- อืม พี่ข้าวรู้ใจกันจังเลยครับ แบบนี้คงตกหลุมรักผมเข้าแล้วมั้ง ~ 06:22


กวนตีน!! ผมไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกว่าตกหลุมรักคนอย่างแฮงค์น่ะ

ตอนนี้ผมกับแฮงค์มีแซนวิชไข่ดาวกับแฮมอยู่ในปากคนละหนึ่งคู่แถมด้วยนมกล่องคนละกล่อง ที่ต้องรีบขนาดนี้เพราะเพื่อนของเขาโทรมาตามให้ไปซ้อมก่อนแข่งจริง รถ BMW Z4 วิ่งไปตามถนนมุ่งสู่มหาวิทยาลัยโดยการขับของเจ้าเด็กแสบด้วยความเร็วที่น่าใจหาย ไม่คิดว่าจะตีนผีได้ขนาดเหยียบคันเร่งทะลุแปดสิบในสภาพจารจรติดขัดขนาดนี้

“ช้าๆ หน่อย รถติดนะแฮงค์”
ผมเอ่ยปากปรามน้องแล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้ในขณะที่เขาส่งยิ้มกว้างมาให้กันแล้วหัวเราะแห้งๆ ใส่ ถ้าอยู่ชานเมืองหรือที่ที่จราจรไม่ติดขัดแบบนี้ผมจะไม่ว่าอะไรสักคำเลยไง

“ขอโทษครับ นานๆ ทีจะได้ขับรถแรงแบบนี้ลืมตัวไปหน่อย”

“เออ ระวังๆ หน่อยแล้วกัน”

การแข่งบาสฯ เริ่มต้นขึ้นโดยวิศวะเป็นฝ่ายนำและฝ่ายดิจิทัลอาร์ตเป็นฝ่ายตาม แฮงค์มีความคล่องตัวจนผมแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเล่นได้เก่งขนาดนี้ ปกติไม่เห็นเจ้าเด็กนี่จะพูดถึงกีฬาสักเท่าไหร่ วันๆ ก็เห็นแต่เล่นเกม หัดทำค็อกเทลสูตรใหม่ๆ ออกแบบกราฟฟิกนั่นนี่เต็มไปหมด

กองเชียร์เฮเสียงดังลั่นเมื่อคณะดิจิทัลอาร์ตเป็นฝ่ายนำบ้าง สาวๆ ที่เป็นเชียร์หลีดเดอร์ออกท่าทางได้อย่างสวยงามจนผมเผลอมองอยู่นานสองนาน ชุดที่พวกเธอใส่นี่เรียกได้ว่าล่อเสือล่อตะเข้ได้เป็นอย่างดี แต่เพราะเป็นกีฬาภายในมหา’ลัย ความเสี่ยงในเรื่องจะโดนลวนลามเลยลดลงไปเยอะ ผมละสายตาจากของสวยงามไปที่ชายหนุ่มที่เหงื่อเปียกโชกที่กลางสนาม เห็นเขาส่งสายตาดุๆ มาให้กัน ตอนแรกก็ยังเบลอๆ ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่พอลองคิดย้อนดูแล้วเลยได้คำตอบว่า ‘เมื่อกี้แอบดูสาวๆ เต้นนานเกินไป’ แหม... ก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งนี่นา แต่สาบานได้ว่าไม่ได้พิศวาสพวกเธอนะ แค่มองเฉยๆ ก็เท่านั้นเอง

ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับไปให้ เขาเดินเข้ามาหากันเพราะเป็นช่วงเวลาพักครึ่งห้านาที เมื่อเจ้าตัวมาถึงก็ทรุดนั่งลงข้างๆ และนั่นเรียกสายตาจากบรรดากองเชียร์กับเชียร์หลีดเดอร์ได้ไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่พวกเราก็ไม่ได้แคร์สายตาใครมากนักหรอก ผู้ชายสองคนอยู่ใกล้กันแปลกตรงไหน

“มองตาเป็นมันเลยนะครับพี่ข้าว”
แฮงค์พูดด้วยเสียงประชดประชันเล็กน้อยก่อนจะเหล่สายตามองกันแล้วกระดกขวดน้ำเปล่าในมือขึ้นดื่ม ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ ก็แค่มองไม่ใช่ว่าอยากได้ใครมาไว้ในครอบครองสักหน่อยนี่นา

“เรื่องธรรมดาน่าแฮงค์ ก็แค่มองตามประสาผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วเหลือบมองคนที่นั่งข้างกันว่าแสดงปฏิกิริยาแบบไหนออกมา เขาส่งสายตาดุๆ มาให้ก่อนจะวางขวดน้ำลงแล้วพุ่งมาล็อกคอกันอย่างหน้าตาเฉย สายตาคนรอบข้างยิ่งให้ความสนใจเรามากขึ้นจนผมต้องขืนตัวออกแล้วพยักพเยิดให้เขามองดูคนอื่นบ้าง ไอ้ที่ไม่แคร์ในตอนแรกน่ะลืมมันไปซะเถิดเพราะเรายังอยู่ในฐานะอาจารย์กับนักศึกษาอยู่ ไอ้การที่จะถึงเนื้อถึงตัวเล่นแบบนี้มันก็ดูจะมากไป

“ฝากไว้ก่อนเถอะครับพี่ข้าว ถ้าจับได้ว่ามองสาวๆ อีกผมจะหาวิธีลงโทษพี่ให้เข็ดเลยคอยดู”
เขากระซิบเสียงรอดไรฟันก่อนจะเดินลงจากอัศจรรย์เพื่อไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่นและทำการแข่งขันต่อไป

เกมการแข่งขันยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีท่าทีว่าต่างฝ่ายต่างงัดกลเม็ดเด็ดมาสู้กันอย่างไม่ลดละ คะแนนสูสีจนน่ากลัว และในขณะที่ผมลุ้นจนตัวโก่งก็มีนักศึกษาสาวๆ ในคณะดิจิตัลอาร์ตเดินเข้ามาประมาณสามสี่คน พวกเธอหัวเราะคิกคักแล้วชี้ไปที่ผู้ชายกลางสนามด้วยหน้าตาสดใสก่อนจะหันมาเห็นผมนั่งหัวโด่อยู่คนเดียว... ภาวนาแทบตายว่าให้พวกเธอมองข้าม แต่สุดท้ายไม่เป็นผลเมื่อหนึ่งในนั้นเดินตรงเข้ามาและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กันอย่างถือวิสาสะ

“สวัสดีค่ะอาจารย์การิน”
เธอทักทายด้วยน้ำเสียงใสกังวาน ผมยิ้มกลับไปแล้วพยักหน้าเป็นเชิงรับ

“สวัสดีครับ”

“อาจารย์มาเชียร์ใครเหรอคะ”
คำถามตรงไปตรงมาทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ นี่เธอไม่คิดจะถามอย่างอื่นบ้างเหรอ ประมาณว่าอาจารย์สบายดีไหมอะไรทำนองนั้น...

“ก็... มาเชียร์เพื่อนๆ คุณทุกคนนั่นล่ะ”
ผมตอบส่งๆ ไปเพื่อให้ตัวเองดูดี เรื่องอะไรจะทำให้ตัวเองตกเป็นประเด็นสนทนาของนักศึกษากันล่ะ เธอยิ้มรับคำก่อนจะมองตรงไปที่นักบาสฯ หลายสิบชีวิตกลางสนามและเริ่มชี้ไม้ชี้มือไปยังพวกเขาเหมือนจะเชื้อเชิญให้มองตาม ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นจริงๆ

“ส่วนหนูมาเชียร์แฮงค์ค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้น ก็ไม่แปลกอะไรหรอกที่จะมาเชียร์แฮงค์ แต่ไอ้เสียงแซวจากเพื่อนๆ และใบหน้าที่ค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อนี่สิ มันชักตะหงิดๆ แปลกๆ ไม่ใช่ว่าเธอ... ชอบเขาเหรอ

“อืม ปรานต์เขาก็เล่นบาสฯ เก่งดีนะ”

“ใช่เลยค่ะ หนูนะชอบเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วล่ะค่ะ เป็นคนที่เพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่างเลย”
เธอทำหน้าเคลิ้มฝันจนเพื่อนๆ เอาแต่โหแซวเสียงดังไม่ขาดสาย ผมได้แต่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงนั้นเพราะต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ ความหวงค่อยๆ ผุดขึ้นในใจแต่ทำอะไรไม่ได้มันก็ต้องเก็บไว้แบบนี้และยอมฟังเธอพูดต่อ

“แฮงค์น่ะ ไม่ยอมมองใครเลยนี่สิคะ อาจารย์ดูท่าทางสนิทกับเขานะคะ”

“.....”
ไม่สนิทหรอก แค่รักกันเฉยๆ อยากตอกหน้ากลับไปแบบนั้นแต่ทำได้แค่แสร้งตั้งใจฟัง จะพล่ามอีกนานไหมเรื่องส่วนตัวเนี่ย ควรเก็บไว้บ้างหรือเปล่า อยู่ๆ มาเล่าให้คนอื่นฟังมันจะได้ประโยชน์อะไรครับคุณ

“แก... จะถามอาจารย์เขาทำไมเนี่ย”
เสียงเพื่อนของเธอดังแทรกการสนทนาของเรา ซึ่งผมอยากจะเออออด้วยว่าจะมาถามอะไรกันทำไมวะ แต่ด้วยภาพลักษณ์อาจารย์ที่ดีไง สงบปากสงบคำรอนักศึกษาถาม

“ก็อยากรู้อะ แกก็อย่ายุ่งน่า”
เธอหันไปพูดกับเพื่อนแล้วหันมาคลี่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง อยากจะบอกว่ามารยาทกับความเกรงใจมีบ้างไหม อยากรู้เรื่องเขาแต่ถามเอาจากคนอื่นมันไม่ดีหรอก สู้ถามเจ้าตัวเองจะดีกว่าไหมเนี่ย

“อาจารย์คะ หนูมีคำถามค่ะ”

“อืม... ถามมาสิ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ”

“แฮงค์เขามีคนที่ชอบหรือยังคะ อาจารย์พอจะรู้ไหม”
ผมเผลอกลั้นหายใจไปหนึ่งจังหวะเพราะคำถามของเธอ มันต้องรู้อยู่แล้วสิว่าแฮงค์ชอบใคร แต่จะให้ตอบยังไงเล่าว่าเป็นผมเอง ได้ดังไปทั้งมหา’ลัยภายในวันเดียวโดยไม่ต้องอาศัยตำแหน่งเดือนของใครทั้งนั้น

“เอ่อ... อยากรู้เรื่องแบบนี้ผมว่าควรไปถามเจ้าตัวเอาเองดีกว่านะครับ”

“เคยถามไปแล้วค่ะ แต่แฮงค์ไม่ตอบ อาจารย์ช่วยหนูหน่อยได้หรือเปล่า”
ผมว่าอีกไม่นานเรื่องแย่ๆ ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เลยว่ะ... แล้วไอ้การที่ตั้งใจมาดูแข่งบาสฯ เนี่ยหายไปไหนหมด เกมเขาไปถึงไหนกันแล้ว ไม่รู้เรื่องเลยเว้ย!

“อยากให้ผมช่วยอะไรครับ”

“ช่วยบอกให้เขาไปเจอหนูที่หน้าโรงยิมหลังจากแข่งบาสฯ จบได้ไหมคะ”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้องกัน แต่ผมกลับไม่มีความเห็นใจเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะคนที่จะโดนนัดนั้นได้ชื่อว่าเป็นคนของผม ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนแต่เขาก็มอบหัวใจให้ผมแล้ว ฉะนั้นจะไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายได้ง่ายๆ หรอก

“เพื่ออะไรครับ”
น้ำเสียงของผมที่ใช้ถามกลับไปนั้นเริ่มแข็งกร้าว พยายามแล้วที่จะไม่แสดงอาการอะไรที่ผิดปกติออกไปแต่ความรู้สึกมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเกินไปที่จะควบคุมมันอย่างต้องการ

“หนู... อยากสารภาพรักกับเขาน่ะค่ะ”

“ชอบเขาได้ แค่สารภาพรักก็ต้องทำเองได้สิครับ”

ทุกอย่างจบด้วยการที่เธอมองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าหมองและลากเพื่อนสนิท ให้ออกจากบริเวณนั้น ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ว่าคนที่อยากสารภาพรักกับคนที่ชอบแล้วขอความช่วยเหลือจากคนอื่นทำไม ตอนชอบก็ชอบด้วยตัวเอง ตอนจะบอกความรู้สึกก็ควรจะทำเองไม่ใช่หรือไง เรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนแค่สองคนอาจจะมีเพื่อนๆ คอยสนับสนุนก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาแล้วก็ควรจัดการทุกอย่างเองได้นี่

การแข่งขันจบลงด้วยฝ่ายดิจิทัลอาร์ตชนะ แฮงค์เดินมาหากันด้วยใบหน้าบึ้งตึงจนผมสงสัยว่าเขาไม่ดีใจเหรอ แต่พอขึ้นรถก็ได้คำตอบในสิ่งที่คาใจทันที ‘พี่ข้าวแอบคุยกับคนอื่นบนอัศจรรย์’ อยากจะบอกเหลือเกินว่าก็คุยเรื่องของมึงนั่นล่ะ ยังจะมาหึงหวงกันไม่เข้าเรื่องอีก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ทำให้ผมตระหนักว่าตัวเองนั้นรู้สึกกับไอ้เด็กแสบที่กำลังขับรถกลับคอนโดมากแค่ไหน ทั้งหวงทั้งหึงและอยากแสดงตัวเป็นเจ้าของให้มันชัดเจนไปเลย ขืนปล่อยไปเรื่อยๆ แบบนี้สักวันคนผมคงประสาทกินตายซะก่อน

ทนไม่ไหวแล้ว จะไม่รอให้มันเหมาะสมอีกแล้ว... ผมก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่กำลังมีความรัก

“ไม่ไหวแล้ว เป็นแฟนกันเถอะ / ไม่ไหวแล้ว เป็นแฟนกันนะครับ”

ผิดคาดว่ะที่เราต่างคนต่างก็คิดเหมือนกัน...



------------------------------------------------

คบๆ กันไปเถอะ ไม่ต้องรออะไรแล้วน่า ต่างคนต่างรักกันขนาดนี้ หึหึ
คนอ่านเขาลุ้นกันจะตายแล้ว!!

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #178 เมื่อ09-02-2017 00:09:14 »

 :mc4:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #179 เมื่อ09-02-2017 00:13:32 »

อร้ายยยยยยยยยยยย ฟินนนนนนนนนนนน
ขอเป็นแฟนพร้อมกันเลยยยยย
 :impress2: :impress2: :impress2:

 :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด