♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ Alcohol Addict ♥ แจ้งข่าวเรื่องการตีพิมพ์หนังสือ -P.9- (17.07.2017)  (อ่าน 82738 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #180 เมื่อ09-02-2017 09:04:29 »

ช่ายและ...... คบๆ กันไปเถอะ ไม่ต้องรออะไรแล้วน่า
ต่างคนต่างรักกันขนาดนี้ หึงหวงกันซะ
คนอ่านเขาลุ้นกัน อยากอ่าน nc จะแย่อยู่และ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #181 เมื่อ09-02-2017 21:55:51 »

เห็นแต่โลกของสาววาย คบๆ กันไปเถอะค่า ความรู้สึกมาไกลขนาดนี้แล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 20 -P.6- (08.02.2017)
«ตอบ #182 เมื่อ11-02-2017 23:59:51 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #183 เมื่อ12-02-2017 21:37:44 »

เมาครั้งที่ 21




'ไม่ไหวแล้ว เป็นแฟนกันเถอะ'

'ไม่ไหวแล้ว เป็นแฟนกันนะครับ'


สองเสียงดังขึ้นมาในเวลาเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากประโยคนั้นจบลงแล้วก็เกิดเดตแอร์ทันที ต่างคนต่างเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำของอีกฝ่าย ก็ไม่รู้ว่าจะแข่งกันหน้าแดงไปเพื่ออะไร เหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยตรงที่โดนขอเป็นแฟนในรถแบบเมื่อเดือนก่อนอีกแล้ว ไม่มีความโรแมนติกจริงๆ สินะคู่เราเนี่ย

ผมเหลือบสายตามองสารถีจำเป็นของบ่ายนี้ด้วยความจัดเขิน ควรจะตอบตกลงไปเลยหรือรอให้เขาตอบกลับมาก่อนดีนะ สมองประมวลผลจนชักจะเบลอๆ ยังไงก็ไม่รู้ มือไม้เย็นเฉียบเพราะอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศแน่ๆ ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นเลย... คนซึนมันก็ซึนอยู่วันยันค่ำอย่าถือสากันเลยเนอะ

"เอ่อ... คือว่า"

ผมออกเสียงได้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าควรเริ่มด้วยคำพูดแบบไหน หัวใจเต้นแรงจนต้องใช้มือจับหน้าอกตัวเองเอาไว้เพราะกลัวว่าบางทีมันอาจจะพุ่งทะลุออกมาด้านนอก ยอมรับแบบแมนๆ เลยว่าตอนนี้ไม่กล้ามองหน้าแฮงค์ด้วยซ้ำ เพราะอะไรๆ ในตอนนี้ก็ขัดเขินไปซะทุกอย่าง

"ถือว่าเราเป็นแฟนกันแล้วเนอะ"

แฮงค์รวบรัดตัดความได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วหันมาส่งยิ้มให้กันทั้งๆ ที่ใบหน้าเป็นสีชมพูลามไปถึงหู ผมช้อนตามองเขาก่อนพยักหน้ารับคำเบาๆ เพราะคิดว่าแบบนั้นก็เป็นทางออกที่ดีอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องรอให้ใครตอบรับใครในเมื่อใจตรงกันขนาดนี้ก็คบๆ กันไปเลยเถอะ

"อื้อ... เป็นแฟนกันแล้ว"

ผมตอบเสียงเบากลับไปเพราะรู้สึกว่าไอ้คนข้างตัวขยับเข้ามาใกล้กัน นึกอยากจะด่าสัญญาณไฟจราจรขึ้นดื้อๆ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสักทีวะ อะไรจะเป็นใจให้แฮงค์ทำรุมร่ามแบบนี้กับผมนักหนาล่ะ

"ขะ ขยับเข้ามาทำไมเนี่ย"

ผมถามแล้วเอนตัวพิงแนบไปกับประตูรถของตัวเอง แต่แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึกแล้วถอยกลับไปนั่งให้เป็นที่เป็นทางกลายเป็นว่ายิ่งขยับเข้ามาจนปลายจมูกอยู่ห่างจากแก้มของผมไม่ถึงคืบ อีกนิดเดียวก็หอมกันเลยเถอะ แม่ง!

"อืม... ขอหอมแก้มหน่อยได้ไหมครับแฟน มันเขี้ยวอะ"

หน้าด้าน! คือคำที่ผุดขึ้นในสมองอย่างรวดเร็ว แฮงค์เอ่ยขอด้วยน้ำเสียงทะเล้นและใช้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกดดันกัน ผมไม่กล้าขยับตัวมากนักเพราะระยะห่างชวนให้ใจหาย ถ้าเกิดพลาดไปสักองศาเดียวจากที่ขอหอมแก้มธรรมดาอาจจะกลายเป็นประกบปากจูบก็เป็นได้ ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วแต่อย่าได้ลืมความเจ้าเล่ห์ของเด็กคนนี้เป็นอันขาด ร้ายกาจ!

"หน้าด้านเกินไปปะวะ ขอแบบนี้ใครจะให้ ตอนนี้อยู่บนรถด้วยควรทำหรือไง"

ผมใช้น้ำเสียงดุๆ พูดออกไปแล้วยกมือดันหน้าแฮงค์ให้ขยับห่าง แต่ไอ้เด็กแสบมันทำการอุกอาจโดยการดึงมือไปกดจูบอย่างหน้าตาเฉย ผมสะดุ้งเฮือกและเผลอสะบัดแรงๆ จนฟาดเข้าบนหน้าหล่อๆ อยากจะสงสารอยู่หรอกแต่สมน้ำหน้ามากกว่า

"โอ้ย เจ็บนะพี่"

เขาร้องเสียงหลงแถมยังเบะปากเหมือนเด็กตัวน้อยๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ ให้เชื่อว่าเจ็บมากแล้วหวังว่าผมจะโอ๋อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางหลงกลง่ายๆ หรอก

"สมน้ำหน้า เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาดีนัก"

"ก็มันอยากหอมแก้มแฟนนี่หว่า"

แฮงค์บ่นอุบอิบกลับมาเสียงเบา แต่ทำให้ผมถึงกับถลึงตาใส่คนข้างๆ อะไรมันจะอยากหอมแก้มกันขนาดนั้นวะ เก็บกดเหรอไงกัน
 
"อยู่บนรถ"

ผมพูดเสียงรอดไรฟันแล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้ แฮงค์ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วขยับมาใกล้กอีกครั้งก่อนจะใช้สายตาอ้อนๆ อย่างลูกหมาจ้องกัน เขาชอบทำให้ผมใจเต้นแรงเสมอ และมันน่าหงุดหงิดตัวเองไง อะไรนิดอะไรหน่อยก็พาลแก้มร้อนเนี่ย จะเขินพร่ำเพรื่อมากเกินไปแล้วไหม

ผมยกฝ่ามือดันแก้มแฮงค์ให้ถอยห่างออกไปไกลๆ จนหน้าหงาย เขาแสร้งร้องโอดโอยอีกครั้งแต่ไม่กล้าทำอย่างเดิม เพราะไม่อย่างนั้นผมจะกำหมัดแล้วต่อยให้แทน คราวนี้เดือนมหา'ลัยจะได้เสียโฉมบ้างล่ะ สาวๆ คงไม่สนใจไปสักระยะ หรือจะสนใจมากกว่าเดิมวะ มีแฟนฮอตควรทำไง... เริ่มหนักใจว่ะ

"ถ้าอยู่คอนโดก็หอมได้ใช่ปะ"

น้ำเสียงทะเล้นเอ่ยถามกันอย่างไม่กลัวตาย ไอ้ผมก็เหนื่อยที่จะหาเรื่องมาเถียงด้วยเลยตอบส่งๆ ไปให้จบเรื่องจบราวสักที

"ไอ้นี่... เออ ทำตัวดีๆ สิ จะให้มากกว่าหอมแก้ม"

ตอนพูดก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แต่พอได้ยินอีกคนตอบกลับนี่รู้ว่าตัวเองโคตรพลาด พลาดจนอยากเอาหน้ามุดลงบนเบาะรถ
แล้วหายตัวไปเลย แม่งเอ้ย!

"ยั่วว่ะ"

เชี่ย... อะไรคือยั่วไม่ทราบ ผมแยกเขี้ยวใส่เจ้าของคำพูดแล้วตบฝ่ามือลงบนแก้มเขา แฮงค์รีบขยับตัวหนีแล้วเบะปากใส่กันก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถออกเดินทางต่อ แต่บทสนทนาของเราไม่ได้หยุดลง

"ยั่วบ้าอะไร เพ้อเจ้อว่ะ"

พูดเสียงหงุดหงิดแต่หน้านี่ร้อนอย่างกับจะระเบิด ลืมเปิดแอร์เหรอ!

"ก็พี่บอกจะให้มากกว่าหอมแก้มอะ"

แฮงค์พูดเสียงกระเง้ากระงอดแถมยังทำหน้ายุ่งใส่กันอีก ทำไมชอบงอแงเรื่องลามกแบบนี้ด้วยวะ ทำตัวน่าหมั่นไส้เข้าไปทุกวันแล้วไง

"ก็ใช่ กอดอะไรแบบนั้น"

"อ้าว แค่นั้นเหรอ ผมอุตส่าห์คิดลึก"

ตอบกลับมาจนผมเผลอเบิกตาโตแล้วหันขวับไปมองเขาทันที มันคิดลึกเรื่องลามกแน่ๆ แบบนี้ใครจะนั่งเฉยวะ สับคอสักทีดีไหม เอาให้ตายคารถไปเลย

"ไอ้แฮงค์ หุบปากไปเลย"

ผมกดเสียงต่ำให้ดูน่ากลัว แต่คงจะผิดคาดเพราะเขาไม่มีท่าทางจะหยุดยิ้มทะเล้นใส่กันเลยสักนิด คิดผิดหรือคิดถูกที่ตกลงคบกับมันวะเนี่ย ดูท่าทางฝ่ายผมจะเสียเปรียบเห็นๆ ทำไมวะ คนแก่ชนะเด็กไม่ได้หรือไง

"หูย ขึ้นไอ้แล้วอะแฟน ไม่เอาไม่ดีนะคะ พูดไม่เพราะเลยอ่า"

แฮงค์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่กันในขณะที่เข้าหักพวงมาลัยเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมปรี๊ดแตกหนักกว่าเดิมจนเผลอเอามือฟาดลงไปบนแขนของเขาด้วยความหงุดหงิด หรือเขินวะ สับสนฉิบหายเลยตอนนี้

"อยากปากแตกเหรอไง พูดมากฉิบหาย แล้วไม่ต้องมานะคะด้วย ไม่ใช่ผู้หญิง"

บอกไปด้วยน้ำเสียงฟึดฟัดเล็กน้อยแล้วกระชากคอเสื้ออีกคนไม่แรงนัก แต่ก็ทำให้เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจได้ เรื่องอะไรมาพูดด้วยโดยใช้คำหวานๆ แบบนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดกร๊าดไปแล้ว นี่เป็นผู้ชายเลยรู้สึกขนลุกแถมลางสังหรณ์มันบอกว่าผมคงพ่ายแพ้ไอ้เด็กนี่แม้แต่เรื่องบนเตียง ก็มันแสดงออกชัดเจนนานแล้วว่าอยากอยู่ตำแหน่งไหน

"โอ้ๆ โอเคครับแฟนๆ ไม่กวนแล้ว ปล่อยคอเสื้อผมนะ นะครับ ~"

แฮงค์เอ่ยขอเสียงออดอ้อนแล้วมองกันด้วยสายตาหงอยๆ อย่างสำนึกผิด ผมมองหน้าเขานิ่งก่อนจะปล่อยคอเสื้อออกแล้วอปิดประตูรถเพื่อจะลงไป

"เออ หยุดกวนตีนสักที"


ก่อนลงจากรถผมทิ้งท้ายไม่เพียงเท่านั้นแล้วเดินนำอีกคนเข้าร้านอาหารไป โดยที่แฮงค์ก็รีบตามมาติดๆ ไม่ได้รู้สึกโมโหจริงจังอะไรขนาดนั้นหรอก แค่อยากปรามๆ นิสัยกวนประสาทของเขาบ้างก็เท่านั้นเอง แล้วไอ้คำว่าแฟนที่เขาเรียกแทนชื่อผมเนี่ย ไม่อยากจะบอกว่ามันโคตรมีอิทธิพลทำให้มือไม้อ่อนได้ง่ายๆ

ความเปลี่ยนแปลงหลังจากสถานะระหว่างเราขยับเพิ่มขึ้นไม่ได้มีมากนัก ทุกอย่างยังคงเรียบง่ายเหมือนครั้งที่จีบกัน อาจจะมีการแตะเนื้อต้องตัวสัมผัสเพื่อแสดงความรักมากขึ้นนอกจากการใช้คำพูดเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งมีสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจผมเป็นอย่างมากคือแฮงค์ขี้อ้อนสุดๆ อย่างตอนนี้เขาก็นอนตักกันอยู่ หมอนก็มีทำไมไม่รู้จักใช้ก็ไม่รู้ แถมห้องตัวเองก็ไม่ยอมอยู่อีก แทบจะย้ายสำมะโนครัวมาที่นี่ถาวร

"ลุกขึ้นเหอะน่า พี่จะเดินไปหาขนมกิน"

ผมตบลงบนหน้าผากคนที่นอนดูทีวีสบายๆ อยู่บนตักเบาๆ แฮงค์ช้อนตาขึ้นมองก่อนจะส่ายหัวไปมาเพื่อปฏิเสธแล้วยกมือขึ้นมาดึงแก้มกันซะอย่างนั้น เล่นอะไรของเขาเนี่ย เอะอะจับนั่นจับนี่ตลอด มือไวชะมัด

"ไม่เอาครับ ถ้าพี่ไปเอาขนมแล้วกลับมาคงไม่ยอมให้ผมนอนตักอีก"

แฮงค์บอกกันด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งแล้วทำหน้าหงอยใส่ ผมหมั่นไส้เลยใช้นิ้วดีดลงบนปลายจมูกไม่แรงมากนักแต่ก็ทำให้เขาขมวดคิ้วยุ่ง

"ทำตัวรู้ทันซะทุกเรื่องเลยนะ"

"นี่ใครครับ แฟนพี่ข้าวนะเออ"

จับมือผมไปกดจูบหนักๆ ไม่พอยังจะช้อนตามองหวานเยิ้มอีก ผมเบนสายตาไปมองทีวีเพราะทนไม่ได้กับการถูกจ้อง รู้ว่าเขากำลังจะอ้อนขออะไรบางอย่างแล้วกลัวตัวเองจะใจอ่อนเลยทำเป็นเลี่ยงๆ และหาเรื่องอื่นมาตัดบท... ก็มันยังเขินๆ กันอยู่นี่หว่า

"ปิดเทอมจะเอาแต่นอนอยู่คอนโดหรือไง ไม่กลับบ้านบ้างเหรอ"

ผมถามโดนที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ตอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ด้านหน้า มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวของแฮงค์ ส่วนอีกข้างกำรีโมทไว้แน่นมาก... ไม่ใช่ว่ากลัวมันจะหายนะ แต่ตอนนี้เหน็บชาแดกขาแล้วไง คันยุบยิบฉิบหายเลย

"อยากอยู่ใกล้ๆ แฟนนี่ครับ"

เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมาให้ผมได้สะดุดลมหายใจตัวเองเล่นๆ อุณหภูมิตรงแก้มนี่บอกได้เลยว่าสูงขึ้นจนน่าตกใจและคงห้ามให้มันเปลี่ยนสีไม่ได้ ใครใช้ให้หยอดในระยะประชิดขนาดนี้วะ จริงๆ แล้วถ้าแฮงค์กลับบ้านผมก็กลับบ้านนะ คิดถึงไอ้บับเบิ้ลไง ไม่ได้เหงาอะไรเลย จริงๆ นะ

"ตลก จะห่างกันไม่ได้เลยหรือไง ไม่ใช่ปาท่องโก๋ต้องตัวติดกันตลอดเวลา"

พูดออกไปแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วไอ้การที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมันก็ดีนะ จะให้ห่างมันก็รู้สึกใจหายนั่นล่ะ แต่ด้วยความฟอร์มจัดและอายุที่มากกว่าเลยทำให้ความมีเหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าวันหนึ่งต่างคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองมากขึ้นจนไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆ มันจะได้ชินไง

"ตอนนี้ยังมีเวลาตัวติดกันนะพี่ ผมก็ไม่อยากให้มันเสียไปเปล่าๆ ถ้าผมเรียนจบแล้วทำงานก็คงไม่มีเวลาปาท่องโก๋แล้วล่ะ"

แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมันสามารถทำให้ผมก้มลงไปมองใบหน้าหล่อของเขาได้โดยง่าย ก็จริงที่ว่าต่างคนต่างความคิดต่างมุมมอง แต่จะยอมสักครั้งแล้วกัน กลัวเด็กจะงอแงหรอกน่า ไม่ได้อยากตัวติดกันสักหน่อย

"เข้าใจแล้ว เลิกทำหน้าเป็นหมาหงอยสักทีเถอะ เห็นแล้วอยากจะตั้นหน้า"

ผมบอกไปแบบนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้อยากต่อยหน้าอะไรหรอก แต่เห็นแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ชีวิตมันหงอยๆ

"ใจร้ายว่ะแฟน ไม่รักกันเหรอหืม"

ถามมาแบบนั้นก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประกบแก้มของผมเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเหมือนต้องการกดดันให้ตอบคำถาม ด้วยความที่ไม่อยากบอกรักเพราะเขินเลยโน้มตัวลงไปแล้วประกบปากจูบแทน แฮงค์ดูจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ขบเม้มริมฝีปากผมกลับได้อยากลื่นไหล

"อื้อ พอ"

ผมประท้วงแล้วผละตัวออกมาเพราะแก้มเริ่มร้อนและการรุกล้ำมันเพิ่มขึ้น กลัวว่าตะเกิดอะไรที่เกินความคาดหมาย ใจมันสั่นๆ เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้เริ่มเข้าใจความรู้สึกของกันย์แล้วว่ะ

แฮงค์หัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากัน เขาขยับมาใกล้และกดปลายจมูกลงบนแก้มของผมแรงๆ แล้วผละตัวออกไปแต่ก้มลงกระซิบข้างหูแทน ทำไมเขาต้องเป็นคนรุ่มร่ามแบบนี้ด้วยนะ ฮึย

"ไม่ต้องกลัวว่าผมจะปล้ำพี่หรอกน่า รอได้ครับ"

แฮงค์พูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วผละตัวออกไป ผมหันขวับไปมองอย่างเอาเรื่องก่อนจะง้างมือผลักหัวเขาด้วยความหมั่นไส้ พูดออกมาได้ยังไงเรื่องปล้ำๆ แล้วใครจะยอม รอไปเหอะ รอจนแก่ตายนู่นล่ะ!

"ผลักหัวผมทำไมอะ"

เบะปากใส่กันอีก...

"ไม่ต่อยก็ดีแค่ไหนแล้ว อยากรอก็รอไปเถอะ รอจนแก่ตายไปเลยยิ่งดี"

ผมพูดเสียงดุๆ ใส่แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จังหวะที่กำลังจะก้าวขาออกเดินเพื่อไปหาอะไรเย็นๆ ดับอารมณ์ที่คุกรุ่นก็โดนแขนแกร่งๆ ของแฮงค์รวบเอวเข้าไปกอดอย่างหน้าตาเฉย พอดิ้นแรงรัดก็เพิ่มขึ้นทำให้ผมต้องยืนเฉยๆ และรอว่าเขาจะทำอะไร

"พี่จะใจร้ายกับผมขนาดนั้นได้ลงคอเลยเหรอครับ ถ้าผมมีอารมณ์ขึ้นมาให้ทำยังไงล่ะ"

เสียงกระเง้ากระงอดที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้เข้ากับรูปแบบประโยคเลยสักนิด ผมขบกรามแน่นแล้วกระทุ้งข้อศอกเข้าที่หน้าท้องของคนที่ยืนกอดกันไปเต็มแรงจนเขาปล่อยมือออก ผมรีบก้าวเท้าหนีและหันมาแยกเขี้ยวใส่ พูดเรื่องบ้าอะไรออกมาแบบไม่อายปากอีกแล้วว่ะ นี่แฟนผมเป็นคนหื่นขนาดนั้นเลยเหรอ... ชักกลัวแล้วนะเว้ย สวัสดิภาพของชีวิตเริ่มสั่นคลอน

แฮงค์ร้องเสียงหลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างกุมท้องตัวเองเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาแสนเจ้าเล่ห์บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดเมื่อครู่ที่ได้รับไป ผมมองเขาโดยไร้ความสงสารใดๆ ทั้งสิ้น ไม่คิดจะเข้าไปโอ๋หรือขอโทษอะไรด้วย ก็ดูพูดออกมาแต่ละอย่างสิ ไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนฟังเขารู้สึกยังไง โมโหจนแก้มแดงหูแดงน่ะเข้าใจไหม!

"ก่อนหน้านี้มีอารมณ์แล้วทำยังไงก็ทำแบบเดิมไปนั่นล่ะ อย่าหื่นกามให้มันมากนัก!"

ผมกระแทกเสียงใส่เขาเล็กน้อยแล้วรีบเดินเลี่ยงเข้ามาในห้องครัวเพื่อหาอะไรเย็นๆ กินดับอารมณ์ปั่นป่วน พอเปิดตู้เย็นออกก็เจอเข้ากับไอศกรีมรสมิ้นท์ที่แฮงค์ชอบนักหนาแล้วพาลให้รู้สึกงุ่นง่านยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไมตอนซื้อของเข้าห้องต้องเผลอหยิบอะไรที่อีกคนชอบติดมาด้วยเสมอ ไม่อยากยอมรับเลยว่าตกหลุมรักเขาจนโง่หัวไม่ขึ้นเนี่ย ถ้ารู้เข้าคงลิงโลดยิ่งกว่าหมาได้กินขนมอะบอกเลย

ผมเลือกที่จะมองข้ามไอศกรีมรสมิ้นท์แล้วหยิบน้ำอัดลมสีดำยอดฮิตมาดื่มแทน ขายาวก้าวออกจากบริเวณครัวแล้วพบว่าแฮงค์ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่างอนหรือดูทีวีต่อกันแน่ แต่พอเดินไปใกล้ๆ กลับพบว่าเจ้าตัวหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมหายไปไม่ถึงสิบนาทีเนี่ยนะ... อะไรจะหลับเร็วปานนั้น

"แฮงค์... หลับเหรอ"

ผมนั่งยองๆ ลงกับพื้นแล้วมองใบหน้ายามหลับของเขา ไม่รู้ว่าแกล้งหรือเปล่าเลยลองเอากระป๋องน้ำอัดลมแนบกับแก้ม ผลที่ได้ก็คือเจ้าตัวยังหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าคงเพลียสะสมจากการปั่นงาน ถึงแม้จะปิดเทอมแล้วแต่คณะดิจิทัลอาร์ตก็ยังคงมีงานให้นักศึกษาทำอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ไอ้เวลาที่ให้หยุดพักแค่สองอาทิตย์นี่ลืมไปเถอะ ไม่ต้องมียังจะดีกว่าอีก
ผมวางกระป๋องน้ำอัดลมลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบผ้าห่มจากในห้องนอนมาคลุมตัวแฮงค์ก่อนทิ้งตัวลงนั่งพิงกับโซฟาอยู่ตรงนั้น ในมือขวามีโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่งที่พร้อมหรับการเล่นเกม ส่วนอีกมือเอื้อมไปหยิบรีโมทและดปิดทีวี หางตาเหลือบมองคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว

"หล่อจริงๆ"

ผมพึมพำเบาๆ กับตัวเองก่อนจะหลุดยิ้มออกมา แฮงค์หล่อแม้แต่ยามหลับและรวมถึงช่วงเวลาอื่นๆ ไม่ว่าจะตื่นนอนหัวกะเซอะกะเซิงหรือแม้แต่ทำหน้าตลกก็เถอะ ดูยังไงๆ ก็น่าอิจฉา ถึงตัวเองจะหล่อพอๆ กับเขาก็เถอะ
เวลาช่วงโพล้เพล้เคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมบิดตัวไปทางซ้ายทีขวาทีแล้วลืมตาขึ้นอย่าสะลึมสะลือ ครั้งสุดท้ายก่อนหลับไปจำได้ว่านั่งพิงโซฟาอยู่ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมต้องนี้มานอนอยู่ในห้องได้ล่ะ อย่าบอกนะว่า... แฮงค์ลงทุนอุ้มผม ทั้งๆ ที่ขนาดตัวต่างกันแค่เล็กน้อยเนี่ยนะ หลังเดาะไปหรือยังวะ โคตรสงสัยจนต้องลุกขึ้นแล้วเดินโซเซออกไปหาอีกคนที่คาดว่าคงนั่งดูทีวีอยู่ที่เดิม

เรื่องที่คาดหวังเมื่อครู่จางหายไปเมื่อพบว่าโซฟาหน้าทีวีว่างเปล่าแต่ประตูระเบียงถูกเปิดเอาไว้ ผมก้าวขาไปตรงนั้นด้วยอารมณ์กึ่งโมโหกี่งเป็นห่วง จะมาทำตัวติสถ์ตอนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ตอนฝนเทลงมาแบบนี้ มันน่ากระทืบไหมล่ะ

"แฮงค์ จะไปยืนตากฝนเพื่ออะไร รีบๆ กลับเข้ามาในห้อง"

ผมเรียกคนที่ยืนเงยหน้ามองฟ้าด้วยน้ำเสียงดุๆ อันที่จริงแล้วระเบียงมีกันสาดอย่างดีคงไม่เปียกอะไร แต่กลัวว่าละอองฝนจะทำให้เขาไม่สบายนี่สิ แฮงค์หันมาเลิกคิ้วใส่กันแต่ก็ยอมผละออกจากตรงนั้นแล้วเดินกลับเข้ามาด้านในอย่างว่าง่าย

"ออกไปหาไอเดียอะไรนิดหน่อยครับ"

แฮงค์บอกกันแบบนั้นและผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อเพราะเด็กดิจิทัลอาร์ตส่วนมากก็มีอารมณ์ศิลปินอยู่ในตัวแทบจะทุกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกโอตาคุเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นก็เถอะ

"อืม... แล้วนี่แฮงค์อุ้มพี่เข้าห้องนอนเหรอ"

ถามออกไปตรงๆ ด้วยความอยากรู้ ทั้งๆ ที่คำตอบมันก็ชัดเจนขนาดนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เขาก็คงแปลกแล้วล่ะ ผมจะละเมอเดินเข้าไปเองก็คงไม่ใช่ด้วย

"เปล่าครับ ผมไม่ได้อุ้มนะ ผมลากเอา"

แฮงค์พูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มกันอย่างถือวิสาสะ ผมถลึงตาใส่ด้วยด้วยความหงุดหงิด คนเขาอุตส่าห์จะขอบคุณ แต่ดันแกล้งกันซะอย่างนี้ใครเขาจะอยากพูด

"กล้าทำขนาดนั้นเลยเหรอไง"

ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงดุๆ คราวนี้แฮงค์เป็นฝ่ายหยุดหัวเราะแล้วก้มหัวขอโทษ เออ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครใหญ่

"ขอโทษๆ ผมล้อเล่นครับ อุ้มไปนอนนั่นล่ะ กลัวพี่จะเมื่อยไง นั่งหลับคอพับคออ่อนแบบนั้น"

คำอธิบายยาวยืดหลุดออกมาจากริมฝีปากสีส้มอ่อนนั้น ผมถอนหายใจเบาๆ และพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตากลังจากตื่นนอน แต่ไม่วายที่แฮงค์จะเดินตามมาและยืนพิงกรอบประตูมองกัน เพื่ออะไรเนี่ย หรืออยากเข้าห้องน้ำ
ผมหันไปมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้ว พยักพเยิดหน้าไปทางชักโครกเพื่อเป็นการถามว่าต้องการใช้หรือเปล่า แต่แฮงค์ตอบกลับด้วยการส่ายหัว สรุปว่ามายืนเฝ้ากันล้างหน้าหรือยังไง บางครั้งก็ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำที่ไร้ซึ่งการอธิบายสักเท่าไหร่

"ไม่เข้าห้องน้ำแล้วจะมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ"

ผมถามก่อนจะกันกลับไปล้างหน้าให้เสร็จเรียบร้อยตามเดิม แฮงค์กระแอมออกมาเล็กน้อยแล้วเริ่มเปิดปากบอกจุดประสงค์ของเขาออกมา

"คืนนี้ไปดูหนังกันปะพี่"

"ห๊ะ คืนนี้เนี่ยนะ ทำไมไม่ไปพรุ่งนี้"

ผมหยุดมือที่กำลังเช็ดหน้าแล้วหันไปมองแฮงค์ด้วยความสงสัย นึกสนุกอะไรจะไปดูหนังตอนกลางคืนแบบนี้ แล้วไม่ไปทำงานที่ร้านหรือยังไงกัน

"ไปเดทกันนะ"

เขาไม่ตอบคำถามของผมแต่เปลี่ยนเป็นชวนเดทแทน ไอ้ความสงสัยกลับกลายเป็นความร้อนวูบวาบบนใบหน้า จะว่าไปหลังคบกันก็ไม่ได้ไปเดทอย่างคนเป็นแฟนกันสักที แต่ทำไมต้องไปกลางคืนด้วยวะ เพราะอากาศดีกว่าตอนกลางวันเหรอ

"เออ ไปเดทอะได้ แต่ทำไมเลือกเวลานี้ แล้วแฮงค์ไม่ไปทำงานที่ร้านเหรอ"

ผมถามแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำและยืนเผชิญหน้ากับเขาโดยพิงกรอบประตูอีกด้าน แฮงค์เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะคลี่ยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้แถมยังขยับมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมา ท่าทางเหมือนเหตุผลที่มีจะเป็นเรื่องไร้สาระแน่ๆ

"ก็แบบ... อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ขับรถเปิดประทุนบ้างอะ โรแมนติกดีออกนะแฟน"

ท้ายประโยคใช้เสียงออดอ้อนกันอย่างไม่ปิดบัง ผมถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ยินเหตุผล เอาจริงๆ ซื้อรถมาก็ไม่เคยได้เปิดประทุนแล้วขับรถเล่นอะไรเลยสักครั้ง ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันทำแบบนั้นได้... ก็ดีเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องไปดูหนังปะวะ

“ไปขับรถเฉยๆ ไม่ต้องดูหนังได้ปะ พี่ขี้เกียจ”

ผมพูดออกไปตามความจริงแล้วได้การพยักหน้าตอบรับกลับมา อะไรที่เขาตามใจกันได้ก็จะทำ อันไหนที่ตามใจไม่ได้จริงๆ ก็จะดื้อทำให้ได้


ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งรถเล่นกินลมชมวิวในเวลาสามทุ่มเกือบสี่ทุ่มเพราะจราจรไม่ค่อยติดขัด แฮงค์เป็นคนอาสาขับรถโดยที่ผมบอกให้เขาเบาๆ เท้าที่เหยียบคันเร่งบ้าง สายลมเย็นๆ ที่ปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นอยู่ไม่น้อย แต่สภาพหัวไม่ต้องพูดถึงเลยยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง

“ลมเย็นดีเนอะ”

ผมพูดขึ้นเสียงดังเล็กน้อยเพราะต้องแข่งกับสายลมที่ปะทะเข้ามา รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากแสดงให้เห็นถึงความพอใจของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะคนข้างๆ เป็นส่วนประกอบของความสุขครั้งนี้ด้วยก็เป็นได้ จะว่าไปผมก็ไม่เคยมีโมเม้นท์นั่งรถกินลมชมวิวกับใคร
มาก่อนเลยนะ ถือว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้

แฮงค์หันมามองกันครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง ปากหยักก็ฮัมเพลงรักแสนหวานไปด้วย จากที่คิดว่าลมเย็นแล้วไม่ได้ช่วยให้แก้มหายร้อนได้เลยแต่อย่างใด ทำไมต้องเขินทุกอย่างทุกการกระทำของไอ้เด็กคนนี้ด้วยวะเนี่ย ภูมิคุ้มกันเริ่มบกพร่องแล้วไหมล่ะ ต่อต้านอะไรไม่ได้สักอย่าง เอะอะเขิน เอะอะทำตัวไม่ถูก เหนื่อยเว้ย

“จะมีเพียงเธอ รักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย ~”

“มีความสุขจังนะ”

ผมกระแนะกระแหนด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ แฮงค์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะละมือจากพวงมาลัยมากุมมือกันไว้ พอจะดึงมือตัวเองกลับก็โดนบีบเอาไว้ซะแน่น มันอันตรายไม่รู้หรือไง... อันตรายต่อหัวใจผมเนี่ย เต้นเอาๆ จนจะทะลุออกมาข้างนอกอยู่แล้ว จากที่คิดว่าคนอย่างเขาไม่สามารถหวานกับใครได้คงคิดผิดถนัด ก็การกระทำตอนนี้มันฟ้องนี่หว่า ถึงจะดุเหมือนคู่รักชายหญิงไปหน่อย แต่มันก็ดีอยู่เหมือนกัน

“ก็บรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตแล้วนี่ครับ”

เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข ดวงตาคมเป็นประกายวิบวับยืนยันคำพูดของตัวเองว่าเป็นความจริง ผมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของแฮงค์แล้วเผลอหลุดยิ้มออกมาซะอย่างนั้น เป้าหมายสูงสุดของชีวิตอย่างนั้นเหรอ มันคืออะไรล่ะ แล้วทำไมต้องน่ายินดีจนยิ้มไม่หุบจนเหงือกแห้งขนาดนั้นด้วยนะ

“เป้าหมายอะไรล่ะ”

ถามกลับไปด้วยความอยากรู้แล้วใช้มือข้างที่ว่างเสยผมตัวเองขึ้นแล้วหันกลับไปมองสารถีประจำตัว เห็นผมที่พลิ้วไหวไปตามลมของแฮงค์แล้วอยากจับมันจุกชะมัดคงน่ารักไม่หยอก ถ่ายรูปลงกรุ๊ปหนุ่มฮอตของมหา’ลัยยอดไลค์คงพุ่งกระฉูดแหงๆ แต่ไม่ทำหรอกเพราะผมหวงแฟนน่ะ ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายมากนัก

“ได้เป็นแฟนกับพี่ข้าวครับ”

ตอบออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนเป็นการบอกเล่าชีวิตประจำวันทั่วไปแถมยังหันมาคลี่ยิ้มหล่อๆ ให้กันอีก คิดว่าผมจะต้านทานอะไรได้นอกจากต้องหลบตาและนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นหนักๆ เขาจะทำให้ผมเขินไปถึงไหนถึงจะพอใจ ต้องให้ไข้ขึ้นเลยหรือเปล่านะ สงสัยจนไม่มีแรงจะดึงมือที่โดยเกาะกุมออกแล้ว

“โอเว่อร์ไม่มีใครเกินจริงๆ เลยว่ะ”

ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเบนสายตามองวิวข้างทางทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยด้วยซ้ำ ปากบางค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งและมันเป็นยิ้มที่กว้างพอให้คนอื่นๆ คิดว่าบ้าได้ง่ายๆ ก็มันกลั้นไม่อยู่แล้ว มีความสุขจนล้น คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกคนๆ นี้ให้อยู่ข้างๆ กัน


ผมเคยถามเขาว่าช่วงปิดเทอมไม่กลับบ้านบ้างเหรอแล้ววันนี้ก็ได้คำตอบว่าไปหาพ่อแม่ด้วยกันนะ... สตั้นไปเกือบห้านาทีและขัดขืนอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็โดนลากออกมาจากคอนโดจนได้เพราะลูกอ้อนของแฮงค์นั่นล่ะ บรรยากาศภายในรถตอนนี้ก็สบายๆ ไม่ได้อึดอัดอะไร เสียงเพลงเพราะๆ ดังคลอไปเรื่อยๆ แต่เป็นตัวผมเองที่เอาแต่วิตกกังวลคิดกลับไปกลับมาว่าควรวางตัวยังไงดี คบกับใครก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเราทั้งคู่เป็นผู้ชายกับผู้ชาย ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นเขาจะยอมรับ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกชะตากันหรือเปล่า... เครียดว่ะ ไม่อยากโดนกีดกัน

ไม่รู้ว่าเพราะผมทำหน้าเครียดหรือนั่งเงียบจนเกินไปแฮงค์เลยใช้นิ้วเรียวๆ จิ้มเบาๆ ลงบนแก้มเพื่อเรียกสติ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ขมวดคิ้วแน่นเลยพี่ เครียดเหรอ”

แฮงค์ยิงคำถามที่แทงใจดำจนผมสะอึก ก็เครียดอยู่จริงๆ นั่นล่ะ คิดมากจนสมองแทบแตก ถ้าเป็นสายตาคนอื่นจะไม่แคร์อะไรเลย นี่ต้องเจอสายตาของพ่อกับแม่แฟน... เป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ แล้ว

“อือ เครียดดิ ไปเจอพ่อแม่นะไม่ใช่ไปเจอเพื่อนจะได้เฮฮา”

ผมตอบด้วยน้ำเสียงเครียดๆ แล้วใช้นิ้วมือนวดระหว่างคิ้วของตัวเองไปมาหวังจะผ่อนคลายแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจนแฮงค์ต้องคว้ามือของผมไปกุมไว้

“ไม่เครียดดิพี่ข้าว พ่อกับแม่เขารับเรื่องพวกนี้ได้ ผมรักใครเขาก็พร้อมจะรักด้วยอยู่แล้ว”

แฮงค์พูดปลอบโยนกันแล้วบีบกระชับมือให้แน่นขึ้น ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่ายหน้าเบาๆ มันไม่เสมอไปที่พ่อแม่จะถูกใจแฟนของลูกตัวเองสักหน่อย รับเรื่องพวกนี้ได้ก็ไม่ได้หมายความว่ารับตัวผมได้ อายุก็มากกว่าตั้งหลายปี... เฮ้อ

“พวกท่านอาจจะไม่ชอบพี่...”

ผมพูดเสียงเบาเพราะรู้สึกจุกไปหมด ระยะทางก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนหัวใจจะหยุดทำงานลงตรงนี้

“พี่ข้าว... ถ้าพ่อกับแม่เกิดไม่ชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ ผมก็จะพยายามทุกวิถีทางใช้พวกเขาชอบพี่ให้ได้”

แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้ผมเบาใจไปนิดหน่อย เขาพยายามแล้วผมก็ต้องพยายามเหมือนกัน รักครั้งนี้จะไม่มีทางพังแน่ๆ เอาหัวเป็นประกันเลย

“พี่ก็จะทำให้พวกท่านชอบพี่ให้ได้”





ต่อด้านล่างเนอะ



ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #184 เมื่อ12-02-2017 21:39:07 »

จากที่นั่งสงบจิตสงบใจมาได้ตลอดทางแต่พอรถคันเก่งจอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านจัดสรรชื่อดัง ซึ่งมันไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านผมสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ แข้งขามันพาลจะก้าวไม่ออกซะดื้อๆ ใจหนึ่งอยากลงไปแล้วยกมือไหว้พ่อกับแม่ของแฮงค์ด้วยความเป็นมิตร แต่อีกใจหนึ่งอยากกลับไปคอนโดเพื่อตั้งหลักจะแย่ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและความกังวล ความกลัวได้กลับมาเยือนกันอีกครั้ง... ควรทำยังไงดี

“พี่ข้าว... ลงจากรถกันเถอะครับ พ่อรออยู่ในบ้าน”

ผมหันขวับไปมองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนแล้วเผลอกลั้นหายใจ แฮงค์คลี่ยิ้มบางๆ แล้วโน้มตัวลงมาหอมแก้มเพื่อให้กำลังใจกัน แต่มันใช่เวลาไหมล่ะ คนยิ่งเครียดๆ อยู่นะเว้ย

“อย่าทำแบบนี้ดิวะ แล้วแม่กับเฟรนด์ไม่อยู่เหรอ”

ต้นประโยคเสียงแข็งแต่ปลายประโยคกลับสั่นไหว ถ้าเฟรนด์อยู่อาจจะช่วยให้ผมเบาใจไปอีกเปราะหนึ่งก็ได้ แต่ดุเหมือนความหวังจะริบหรี่ลง และเมื่อแฮงค์ส่ายหน้าแทนคำตอบทุกอย่างก็พังทลายพร้อมกับหัวใจของผม...

“แม่กับเจ้ไปช็อปอะ กลับมาคงเย็นๆ”

“พ่อดุไหม”

ถามกลับไปด้วยเสียงสั่นๆ

“ใจดีมาก”

ตอบกลับมาเสียงนิ่งมาก นิ่งจนกลัวว่าเขาแค่ปลอบใจผมก็เท่านั้น

“แน่เหรอ”

ถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้กำลังใจตัวเองทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีผลอะไร แม่งเอ้ย เครียดยิ่งกว่าตอนสอบไปเรียนต่อป.โทที่ต่างประเทศอีก

“อื้อ ไม่เชื่อผมเหรอ”

ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับดวงตาคมที่จ้องมองกัน

“ก็กลัว”

ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ แล้วก้มหน้าลง ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงผมก็กลัวอยู่ดีล่ะวะ แต่ก้ดีขึ้นกว่าตอนแรกมานิดหน่อยล่ะวะ เพราะตอนนี้ก้าวขาลงจากรถมาเหยียบพื้นดินได้แล้ว

“น่าๆ ไม่มีใครน่ากลัวไปกว่าแฟนพี่แล้วล่ะ”

คำพูดจากคนข้างๆ ทำให้ผมหันขวับไปมองเขาอย่างรวดเร็ว อะไรคือไม่มีใครน่ากลัวกว่าแฟนพี่... นี่มึงจะมาพูดกำกวมตอนนี้ไม่ได้นะ ไม่เล่นเว้ย!

“หมายความว่ายังไง”

ผมถามแล้วมองเขาไม่วางตา แฮงค์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วใช้มือดันบั้นเอวให้ผมออกเดินไปข้างหน้า ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงคอนโดเมื่อไหร่จะกระโดดเตะก้านคอให้สลบจริงๆ ด้วย

“เปล่าๆ เข้าบ้านกันเถอะครับ”

ไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าของผมจะเป็นพ่อของแฮงค์ได้เลย เขาให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายที่อายุมากกว่าน้องชายราวสิบปีก็เท่านั้น เค้าโครงหน้าตานี่เหมือนกันราวกับกด Ctrl+C และ Ctrl+V เลยก็ว่าได้ เราผ่านการทักทายถามสารทุกข์สุขดิบด้วยบรรยากาศสบายๆ เชื่อแล้วว่าเขาใจดีอย่างที่บอกไว้จริงๆ

“ข้าวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะคบคนอย่างไอ้แฮงค์น่ะ พ่อว่ามันเป็นคนที่ไม่เอาไหนเลยนะ”

พ่อหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจังแต่แววตากลับดูขี้เล่น ส่วนไอ้เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำหน้าบูดบึ้งประท้วงซะอย่างนั้น

“เฮ้ยพ่อ ทำไมถามพี่ข้าวแล้วว่าผมแบบนั้นล่ะ”

แฮงค์พูดเสียงกระเง้ากระงอดแล้วเบะปากใส่พ่อของตัวเอง ผมรู้สึกถึงความเป็นเด็กประถมของเขาเข้าอย่างจัง อยากจะหัวเราะให้กรามค้างแต่ทำได้แค่มองการกระทำของคนทั้งสองไปเงียบๆ อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ความไม่เอาไหนมันคืออะไร

“ก็แกมันไอ้ป๊อด แอบรักเขามาตั้งกี่ปีกันหือ กว่าจะมีความกล้า แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าไม่เอาไหนได้ยังไงกัน ดีนะที่ข้าวยังไม่ได้ไปรักคนอื่น”

พ่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเอื้อมมือไปผลักหัวลูกชายอย่างไม่คิดจะถนอมกันสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ คือหน้าหันไปตามแรง... แฮงค์เงียบกริบไม่ยอมเถียงอะไรออกมาสักคำแถมยังนั่งก้มหน้าไม่ยอมสบตาใครอีก นั่นก็เป็นเรื่องที่คาใจผมเหมือนกันนะว่าไปโดนไอ้เด็กคนนี้รักตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เจ้าตัวมันเหยียบความลับของตัวเองได้โคตรดี

“พ่ออะ พอแล้วน่า ผมรู้ตัวว่าห่วย แต่ตอนนี้ก็ได้พี่ข้าวมาเป็นแฟนแล้วไง”

แฮงค์พึมพำแต่กลับได้ยินกันครบถ้วน พ่อส่ายหัวไปมาแต่ก็ยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดูลูกชาย ส่วนผมก็ยังคงขมวดคิ้วเพราะยังคาใจอยู่ต่อไป เมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผยสักทีวะ

“ครับๆ คุณลูกชาย ไอ้ที่ก้มหน้าจนคางชิดอกนี่เขินหรืออายข้าวกันแน่ เงยหน้าครับลูกอยากเป็นสามีที่ดีต้องกล้าหาญ”

“เฮ้ย พ่อพูดอะไร พี่ข้าวรู้ความจริงหมด!”

ไอ้... กูควรเป็นคนตกใจไหมล่ะเฮ้ย อยู่ๆ มีสถานะเมียห้อยคอโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้เนี่ย! อยากโวยวายให้บ้านแตกแต่ทำได้แค่นั่งเบิกตาโตแล้วอ้าปากพะงาบๆ โอย ขออิสรภาพประตูหลังจงคืนกลับมา

“เอ่อ... พี่ข้าว คือว่า อย่าไปฟังพ่อมากนะครับ ไม่ว่าพี่จะให้ผมอยู่ตำแหน่งไหนผมก็รับได้นะ”

ยังจะมีหน้ามาพูดต่ออีก ถ้าไม่เกรงใจพ่อนี่จะถีบยอดหน้าให้หงายหลังไปแล้ว โอย ควรจะโกรธหรือเขินก่อนดี อากาศร้อนเว้ย ร้อนฉิบหายเลยเนี่ย ร้อนแค่หน้าน่ะ!

“หุบปากไปเลย”

ผมกัดฟันพูดกับคนที่นั่งข้างกันแล้วหันไปส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับพ่อของแฮงค์ที่นั่งอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ฝั่งตรงข้าม อยากให้ไอ้เฟรนด์กลับมาจริงๆ นะตอนนี้

“ถึงไอ้แฮงค์มันจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เรื่องหนึ่งที่พ่อมั่นใจคือมันรักข้าวและสามารถดูแลคนที่มันรักได้ดีแน่นอน”

พ่อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแววตาที่มองมามีแต่ความจริงจังและจริงใจปราศขากการอวยลูกชายตัวเอง ผมยิ้มตอบแล้วพยักหน้ารับน้อยๆ เพราะคิดไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ แฮงค์ดูแลกันได้จริงๆ ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าก็เถอะ

“ข้าวไม่ต้องกังวลนะว่าพ่อกับแม่จะไม่ชอบลูก พวกเรารักคนที่แฮงค์รักเสมอ”

ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ความกังวลที่มีทั้งหมดจางหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ก่อนกลับมาที่คอนโดก็มีโอกาสพูดคุยกับแม่ของแฮงค์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงและได้รู้ความลับของไอ้เด็กแสบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างก็คือ... ครั้งแรกที่เขาตกหลุมรักผมคือวันงานโอเพ่นเฮ้าส์ตอนปีสี่ นานมากจริงๆ

“พี่ข้าว จะนอนยังครับ ผมจะได้ปิดไฟ”

เขาถามกันในขณะที่มือก็อยู่บนสวิตซ์ไฟเรียบร้อยแล้ว ส่วนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงและกำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ ดวงตากลมเหลือบมองเขาก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ ยังไม่อยากนอนเพราะยังมีเรื่องอีกมากมายที่สงสัยและอยากได้คำตอบจากเขาอยู่

“มานี่”

ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วกวักมือเรียกเขาให้มานั่งข้างๆ แฮงค์พยักหน้าและเดินมาทิ้งตัวใกล้ๆ กัน

“เล่าเรื่องสามปีที่แอบรักพี่ให้ฟังหน่อยสิ”

ผมพูดออกไปตรงๆ แล้วมองเขาอย่างคาดหวัง หัวใจกำลังเต้นรุงแรงขึ้นทุกขณะเมื่อเจ้าตัวพยักหน้าลงช้าๆ เป็นการตอบรับว่าในที่สุดจะยอมเผยความลับสักที

   “ก็ได้ครับ แต่สัญญากันก่อนได้ไหมว่าฟังแล้วจะรักผมมากเพิ่มขึ้นอีก”

   “ต่อรองนะเรา แค่นี้พี่ยังรักแฮงค์ไม่พออีกเหรอ”

   ถามก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกัดแก้มเจ้าเด็กช่างต่อรอง เขาสะดุ้งเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็รวบตัวผมไปกอดไว้จนแทบหายใจไม่ออก

   “ทั้งใจของพี่ข้าวต้องมีแค่ผมคนเดียว”

   เขาก้มลงมากระซิบแผ่วเบาข้างหูก่อนจะบรรจงฝังจมูกลงบนแก้มที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อของผม บรรยากาศตอนนี้ช่างหวานเลี่ยน แต่ผมก็ชอบล่ะ... มันดีต่อหัวใจจะตายไป

   “ยกให้แฮงค์ไปทั้งใจแล้วน่า เจ้าเด็กน้อยของพี่”




------------------------------------------------

คำเตือน ระวังเบาหวานขึ้นตานะฮะ !!

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #185 เมื่อ12-02-2017 22:01:42 »

บ้านแฮงค์อ่ะผ่านแล้ว แล้วขุ่นพี่ชายของพี่ข้าวล่ะ จะผ่านไหมมมม อิอิ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #186 เมื่อ12-02-2017 22:16:44 »

 :o8:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #187 เมื่อ12-02-2017 22:18:43 »

ง้อวน้ำตาลขึ้นตาเลยทีเดียววววว :impress2: :impress2:
 :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4:

 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #188 เมื่อ12-02-2017 22:51:02 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #189 เมื่อ14-02-2017 15:20:37 »

เมาครั้งที่ 21.5




'วันวาเลนไทน์' สำหรับผมมันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่ได้อินอะไรกับมันสักเท่าไหร่ไม่ว่าจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน เคยโดนคนเก่าๆ ที่คบกันหาว่าเป็นคนไม่มีความโรแมนติกบ้างล่ะ ไม่ใส่ใจบ้างล่ะ ซึ่งตัวผมเองก็ยังเบลอๆ อยู่ว่ามันจำเป็นต้องแสดงความรักแค่ในวันนี้วันเดียวเหรอวะ ดอกกุหลาบช่อโตๆ จะเอาไปทำอะไรเมื่อสักวันมันก็เหี่ยวเฉาไป หรือพวกเธอจะได้อวดเพื่อนๆ ว่าแฟนซื้อให้แบบนั้นน่ะเหรอ โคตรไร้สาระ

ถ้าให้หาว่าความคิดของผมเกินจะรับได้ก็ไม่เป็นไรเพราะถ้าคิดมุมกลับแล้ว ผมอาจจะเป็นผู้ชายที่แย่มากในสายตาผู้หญิงก็เป็นได้ แต่สำหรับผู้ชายด้วยกันแล้วกลับไม่คิดว่ามันแปลกอะไร ก็เป็นเพศที่ไม่ชอบเรื่องจุกจิกอยู่แล้ว

ตอนนี้ผมนั่งเท้าคางมองแฮงค์ที่เดินไปตรงนั้นทีตรงนี้ทีเพื่อทำอาหารฉลองวันวาเลนไทน์ ด้วยความเป็นจริงแล้วตัวเขาเองไม่ถนัดทำอะไรแบบนี้เลยแต่ก็พยายามเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ตบ้าง รายการทีวีบ้าง บางครั้งก็มาสังเกตการณ์ตอนผมทำอาหารบ้าง ก็น่ารักดี... แต่มันลำบากเกินไปหรือเปล่า

"นี่... วาเลนไทน์น่ะ มันสำคัญขนาดที่แฮงค์ต้องพยายามทำสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดด้วยเหรอ"
ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเต็มที่เพราะตัวเองไม่ได้เห็นมันสำคัญอะไร แฮงค์ชะงักฝีเท้าแล้วหันมามองผมหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

"สำหรับผมเหรอ ก็เฉยๆ นะ แต่เห็นเขาฮิตทำอะไรเซอร์ไพร์สแฟนกันวันนี้จัง เลยอยากทำบ้าง"
เขาพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแล้วเริ่มหยิบจับวัตถุดิบต่างๆ บนโต๊ะ ผมเองก็หลุดขำออกมากับความคิดนั้นเหมือนกัน ไม่ใช่รู้สึกไม่ดี แต่เป็นฝ่ายโดนเซอร์ไพร์สก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้

"พูดอย่างกับตัวเองมีแฟนเป็นผู้หญิง"
ผมเหน็บเขาแบบไม่จริงจังนักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดตัวซ้ายทีขวาทีเพื่อไล่ความเมื่อขบสะสม เพิ่งได้ลุกออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อตอนสายๆ นี่ล่ะหลังจากปั่นงานมาแทบทั้งคืน... ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้นอนเลย พอจะหลับก็ดันมาเห็นพ่อครัวหัวป่าที่หิ้วของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือเลยล้มเลิกแล้วมานั่งมองเขาตรงนี้นี่ล่ะ

"คิดมากน่าพี่ข้าว ตอนผมคบกับผู้หญิงผมไม่เคยทำโมเม้นท์แบบนี้หรอก"
พูดไปก็เตรียมอาหารไป ดูท่าทางเขาจะทำไก่คลุกธัญพืชนะ เมนูโปรดผมด้วย

"จะบอกว่าไม่เคยทำเซอร์ไพร์สแฟนเลยว่างั้น"
ประโยคเมื่อครู่ที่ได้ฟังทำให้ผมเลิกคิ้วและถามออกไปแบบนั้น คนอย่างแฮงค์ดูไม่น่าจะพลาดอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่มั้ง ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่คิดว่าวันวาเลนไทน์สำคัญ

"เคยดิ แต่ไม่เต็มใจไง โดนกดดัน โดนไซโคทางอ้อมให้ทำอะไรแบบนั้น"
เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบซึ่งดูเหมือนจะเบื่อๆ เรื่องโดนบังคับพวกนี้แบบเดียวกับผม ถ้าอะไรที่ไม่เต็มใจทำมันจะให้ความรู้สึกแย่ๆ กับเรา

"อ๋อ... แล้วนี่มั่นใจเหรอว่าทำออกมาแล้วจะกินได้"
ผมเปลี่ยนเรื่องด้วยการเอ่ยแซว เพราะเห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ ของแฮงค์ หยิบจับอะไรก็ดูไม่ถนัดไปซะหมด จริงๆ ก็รู้นั่นล่ะว่าเขาพอจะทำอาหารได้อยู่บ้าง แต่ก็นะ... อยากช่วย

"เฮ้ย กินได้ดิพี่ ถึงจะไม่ถนัดแต่ก็ทำอาหารเป็นอยู่นะ"

"เออๆ จะคอยดู แต่ถ้ากินไม่ได้นี่พี่งอนเราไปสามวันเลยดีไหม"
ผมแกล้งเขาด้วยการบอกไปแบบนั้น คนที่ถือน่องไก่อยู่ในมือถึงกับทำมันตกแล้วรีบถลาตัวเข้ามาหากัน มือยังเลอะไข่ไก่อยู่เลยเถอะ ถ้าเอื้อมมือมาจับนะ จะงอนจริงๆ ด้วย

"เดี๋ยวๆ ทำไมต้องงอนวะพี่ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง"
เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนและนั่นทำให้ผมกระตุกยิ้มมุมปากเพราะเหยื่อติดเบ็ดแล้ว ก็แค่อยากทำอะไรด้วยกันบ้าง ไม่อยากให้เขาพยายามอยู่คนเดียวก็เท่านั้น

"ก็ช่วยๆ กันทำไม่ดีกว่าเหรอ เราเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่ ไม่อยากให้แฟนมานั่งเอาใจอยู่ฝ่ายเดียวหรอก"
พูดไปอย่างที่คิดแล้วเอื้อมมือไปหนีบจมูกของเขาแล้วส่ายไปมาด้วยความมันเขี้ยว เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงอะไรแต่ก็ร้องเสียงหลงให้ผมได้หัวเราะออกมา

"ใครจะน่ารักเท่ากับแฟนผมได้อีกไหมเนี่ย"
ถึงจะเจ็บแต่ปากก็ยังหวานเสมอทำให้ผมผละมือออกแล้วเปลี่ยนเป็นดึงแก้มของเขาแทน คนอะไรจีบแฟนตัวเองได้ทุกวี่ทุกวันกันล่ะ แต่ก็มีความสุขดีนะ... มันเหมือนเขาไม่ละเลยที่จะสนใจกัน ไม่ทำให้การคบกันเป็นเรื่องจืดชืด คอยเติมความหวานให้วันละนิดละหน่อยอะไรแบบนั้น

"ลองเห็นใครดีกว่าพี่สิครับแฮงค์ ไม่ตายดีแน่"
ผมพูดขู่แต่ก็หัวเราะไปด้วย รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีวันนอกใจแต่ก็อยากแกล้งนี่หว่า ก็แฟนน่ารักเหมือนหมาซามอยด์ ผิวขาวๆ ตัวโตๆ ถอดแบบกันมาเป๊ะ

"หูย มีแฟนสายโหดแต่แซ่บก็รับได้อะ"
อะไรนะ... อะไรแซ่บไม่ทราบ แล้วไอ้ที่ทำหน้าตากรุ้มกริ่มหมายความว่ายังไงห๊ะ

"แซ่บอะไร เดี๋ยวเอาตะหลิวขว้างใส่แม่ง"
คว้าตะหลิวได้ก็ง้างมือขึ้นจะขว้างจริงๆ มันต้องแอบคิดอกุศลตอนผมถอดและเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าแน่ๆ โอย พลาดครั้งใหญ่หลวง ก็คิดว่าผู้ชายเหมือนกันคงไม่พิศวาส... แต่ลืมไปว่าระหว่างเรามันไม่ธรรมดา

"อย่า! ผมล้อเล่นอะ"
เขายกมือขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้แล้วถอยกรูดไปตั้งหลักซะไกล ผมถอนหายใจแล้ววางตะหลิวลงที่เดิมก่อนจะเดินไปลากแฮงค์กลับมาทำหน้าที่ต่อ เริ่มหิวแล้วเนี่ย

"เออ เงียบๆ ไป แล้วช่วยกันทำอาหารเถอะ หิวแล้วเนี่ย"
ผมบอกแล้วหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ปล่อยให้แฮงค์มันตัวเลอะไปเถอะ

"ครับๆ รับทราบครับคุณแฟน"

หลังจากนั้นเราก็เริ่มลงมือทำอาหารไปด้วยกัน มีหลายครั้งที่แฮงค์พยายามจะกอดจะหอมแก้มในระหว่างที่ผมอยู่หน้าเตาเลยโดนฟาดโดนด่าจนกลายเป็นหมาหงอยที่ยืนพิงเค้าท์เตอร์อยู่ไกลๆ มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ ร่างกายผมยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วยตอนโดนอีกคนสัมผัส ใจมันหวิวแปลกๆ

"พี่ข้าว..."
เสียงอ่อยๆ เรียกกันในขณะที่ผมกำลังจัดจานอาหารอย่างสุดท้าย เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้ พอเจอเข้ากับใบหน้าเศร้าสร้อยแล้วพาลให้ใจอ่อนยวบ ก็ว่าจะดัดนิสัยที่ชอบแต๊ะอั๋งไม่ดูเวลาของเขาสักหน่อย แต่ท่าทางคงทำไม่ได้ตามเคย เฮ้อ มีแฟนเด็กก็ดีแต่เกลียดตรงที่ค้องมาแพ้ลูกอ้อนของมันนี่ล่ะ

"อะไร"
ยังพยายามทำเสียงแข็งเพราะไม่อยากให้อีกคนจับได้ว่าตัวเองนั้นแพ้ลูกอ้อน แฮงค์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปอีก...  แล้วไอ้ท่าทีแบบนี้อยากเป็นสามีจริงๆ เหรอวะ ไหวปะ ผมเป็นแทนได้นะ ทั้งๆ ที่ทำใจยอมเป็นเมียไปแล้วก็เถอะ อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนน่า

"ยังงอนผมอยู่อีกเหรอครับ ขอโทษนะ"

"เปล่า แต่จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีหน่อยสิวะ เข้าใจไหม"
สุดท้ายก็ดุเขาไปอีกรอบจนได้แล้วเอื้อมมือไปยีหัวเพื่อปลอบโยน บอกแล้วว่าผมแพ้แฮงค์จริงๆ นั่นล่ะ เกลียดตัวเองชะมัด

"ครับผม พี่ข้าวรอก่อนนะเดี๋ยวผมมา"
อยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วก้าวฉับๆ ออกไปจากห้อง ผมยืนอ้าปากค้างเพราะจะรั้งก็ไม่ทันแล้ว ในหัวมีแต่ความสงสัยว่าแฮงค์จะไปไหนกันแน่ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยวะ เนื่องจากทำอะไรไม่ได้ก็เลยทิ้งตัวลงนั่งแล้วรอเขากลับมาเงียบๆ จะว่าไปก็ขอกวนตีนไอ้จุ้นหน่อยแล้วกัน เพราะได้ข่าวว่าไอ้พีชหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว

ผมกดโทรศัพท์ติดต่อเลขหมายปลายทาง ไม่ถึงอึดใจอีกคนก็รับพร้อมกับกรอกเสียงอย่างคนหมดแรงกลับมา นี่ล่ะนะสภาพของคนในความสำคัญวันวาเลนไทน์ ยิ่งกว่าแมวหงอยซะอีก

'ว่าไงไอ้ข้าว'

"เสียงเหมือนคนจะตายเลยนะมึง"
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะใส่เพื่อนสนิท แต่ดวงตากลับจ้องมองไปที่ประตูห้องเพื่อรอใครบางคนกลับมา แอบกังวลอยู่เหมือนกันแต่แฮงค์คงมีเหตุผลและมันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เลยรีบร้อนขนาดนั้น

'ไอ้เพื่อนเชี่ย มึงก็รู้ว่าพีชไปต่างประเทศ วาเลนไทน์กูก็ไร้ค่าอะดิ ฮือ เรื่องอะไรต้องไปวันนี้ด้วยวะ เซ็งอะ'
มันบ่นยาวยืดแถมทำเสียงปัญญาอ่อนให้ผมฟังอีก ไอ้สงสารมันก็สงสารอยู่หรอกนะแต่หมั่นไส้มากกว่า วันวาเลนไทน์ไร้ค่าอย่างนั้นเหรอ... มันก็แค่ไม่มีแฟนอยู่ข้างกายก็เท่านั้น ไม่ได้เลิกกันสักหน่อย ตีโพยตีพายไปได้

"มึงก็อย่าโวยวายนักดิวะ พีชไปเที่ยวนะไม่ได้ไปหาผัวใหม่ ก็แค่วาเลนไทน์เอง วันอื่นมึงไม่รักมันหรือไงล่ะ"

'มึงก็พูดได้ดิ ไม่เคยเห็นวันนี้สำคัญอยู่แล้ว อีกอย่างนะไอ้น้องแฮงค์มันก็ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือไงวันนี้น่ะ'
น้ำเสียงกึ่งประชดประชันดังลอดออกมา พอจะจินตนาการหน้ามันออกเลยว่างอง้ำมากแค่ไหน แต่ผมไม่สนใจหรอก อยากจะปราบความงอแงของเพื่อนลงบ้าง บางครั้งก็หนักใจแทนไอ้พีชไง

"งอแงจังวะ วันนี้ลาไม่ใช่หรือไงมึงน่ะ"
ผมถามออกไปเพราะเมื่อเช้าเพื่อนตัวดีตื่นสายจนไม่สามารถออกไปบริษัทได้ ซึ่งมันก็ปั่นงานจนโต้รุ่งเหมือนๆ กัน

'เออดิ นอนเหี่ยวๆ กอดไอ้ดุ๊กดิ๊กอยู่เนี่ย'
ได้ยินเสียงแมวยักษ์ร้องเบาๆ นั่นยิ่งยืนยันว่าอยู่ใกล้กันจริงๆ ผมเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเพราะเพิ่งรู้ว่าเพื่อนกับสัตว์เลี้ยงของแฟนเพื่อนญาติดีกันแล้ว

"มึงสงบศึกกันแล้วหรือไง"

'เออ ทะเลาะไปก็เปล่าประโยชน์ ยังไงพีชก็รักแมวมันมาก ถึงกูจะไม่ชอบก็ต้องทำใจชอบอะ ดูๆ ไปไอ้ดุ๊กดิ๊กมันก็น่ารักดี'
น้ำเสียงที่ตอบกลับมาอ่อนโยนจนทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาพร้อมกับที่บานประตูห้องพักเปิดออก แฮงค์อยู่ในสภาพที่หอบช่อดอกไม้ขนาดกลาง มันไม่ใช่ดอกกุหลาบที่ใครๆ ฮิตให้คนรักในวันวาเลนไทน์ แต่มันคือดอกไม้ที่มีขนาดเล็กมากๆ สีขาว สีม่วง สีบานเย็น... ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักไปอีกคนเรา

"แค่นี้ก่อนนะมึง"

'เฮ้ย เดี๋ยวๆ อะไรของมึง!'

ผมตัดสายแล้ววางโทรศัพท์มือถือลงบรโต๊ะก่อนจะก้าวขาไปหาคนที่กำลังเดินเข้ามาเหมือนกัน เราหยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นก่อนที่ดอกไม้ช่อสวยจะถูกส่งมาตรงหน้ส รอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าอดีตเดือนมหา'ลัยทำให้ผมใจสั่นจนควบคุมไม่ได้ ครั้งในชีวิตที่ได้รับดอกไม้จากคนที่ตัวเองรัก... ทำไมต้องตื่นเต้นอย่างกับถูกหวยสิบล้านด้วยวะ

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่ข้าว"
แฮงค์บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผาก ฉับพลันที่ใบหน้าเกิดความร้อนวูบขึ้นมาจนต้องเฉไฉด้วยการเอื้อมมือไปรับดอกไม้มากอดไว้แล้วเบนหน้าไปทางอื่น ทำไมต้องหาเรื่องทำให้หัวใจเต้นแรงตลอดเลยวะ ความเขินจนตัวจะแตกนี่มันคืออะไรกัน อยากจะดิ้นตายตรงนี้เลยจริงๆ

"อินมากไปไหมแฮงค์ แม่ง..."
บ่นไปอย่างนั้นก่อนจะเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม ไม่ไหวจริงๆ นะ รู้สึกว่าโดนเซอร์ไพร์สอบบนี้แล้วตัวเองก็ไม่ต่างอะไรจากสาวน้อยคนหนึ่ง และคนเป็นแฟนยังเต็มใจทำให้โดยไม่ต้องบังคับฝืนใจอีก รู้สึกดีจนอยากตะโกนจริงๆ

"ก็... นิดหน่อยครับ อยากให้น่ะ ชอบไหม"
เขาถามก่อนจะคว้ามือของผมไปจับและพาไปนั่งลงบนโซฟา แฮงค์นั่งเอียงเพื่อจะมองหน้ากันให้ชัดๆ แต่ผมนั่งหน้าตรงไปทางจอทีวี ใครจะไปกล้าเผชิญหน้าในสถานการณ์สั่นไหวความรู้สึกแบบนี้ล่ะ

"อือ... มันคือดอกอะไร"
ถามออกไปเสียงเบา ดวงตายังคงจ้องเจ้าดอกไม้เล็กๆ ตรงหน้า ไม่กล้าหรอกที่จะมองคนข้างตัว กลัวจะเขินตายเพราะสายตาหวานๆ นั่นซะก่อน ยอมรับเลยว่าแฮงค์เป็นผู้ชายที่อันตรายมากจริงๆ

"ดอกยิปโซครับ ความหมายของมันคือรักแรกพบ... มันเหมาะกับความรู้สึกของผมที่มีให้พี่ดี โรแมนติกปะ"
ท้ายประโยคเขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยแต่มันไม่ได้กวนประสาทแต่อย่างใด ผมตัดสินใจวางช่อดอกไม้ในมือลงแล้วโถมตัวทับแฮงค์จนนอนราบไปกับโซฟา ริมฝีปากของเราทั้งคู่แนบสนิทคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง ต่างคนต่างช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างวาบหวาบ ทั้งดูดเม้มไล่เลียจนเปียกชื้นไปหมด กว่าจะผละออกจากกันได้ก็เกือบขาดอากาศตาย

"ขอบคุณนะครับ"
ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง นึกเอ็นดูแฟนอยู่เหมือนกันที่ทำให้เขาหน้าแดงหูแดงได้ขนาดนี้ น่ารักว่ะ โคตรน่ารัก

"พี่ข้าวแม่ง... น่ารักว่ะ ขอบคุณเหมือนกันครับ"




--------------------------------------------------------

Happy Valentine's Day นะทุกคน ♥



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
« ตอบ #189 เมื่อ: 14-02-2017 15:20:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #190 เมื่อ14-02-2017 19:31:37 »

เราฟินตอนเขาจูบกัน จุ๊บๆ :mew1: :mew1:

 :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21 -P.7- (12.02.2017)
«ตอบ #191 เมื่อ14-02-2017 19:49:21 »

ข้าว เดี๋ยวก็รัก เดี๋ยวก็เขิน เขินรุนแรงซะด้วย
แฮงค์ เพิ่มระดับความออดอ้อน กวน หน้ามึน
พ่อแม่แฮงค์ ยอมรับข้าวเต็มที่
เหลือแต่พี่ขี้หวงของข้าวแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #192 เมื่อ14-02-2017 21:51:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #193 เมื่อ14-02-2017 23:08:32 »

 :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #194 เมื่อ15-02-2017 00:22:25 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #195 เมื่อ15-02-2017 00:26:35 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 21.5 -P.7- (14.02.2017)
«ตอบ #196 เมื่อ15-02-2017 12:25:05 »

พี่ข้าวมีความมุ้งมิ้งในหัวใจแรงมากเลยน้าาาาาาา

 :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #197 เมื่อ17-02-2017 22:52:56 »

เมาครั้งที่ 22





ตอนนี้ผมหลุดพ้นจากการเป็นอาจารย์ในมหา'ลัยมาได้สักระยะแล้ว ถ้าให้ระบุเวลาที่แน่นอนก็พอๆกับแฮงค์เรียนจบปีสามเทอมสองแล้ว ผมกลับมาทุ่มเทกับงานที่บริษัทเกมอย่างเต็มที่ เข้าออฟฟิศบ่อยขึ้นแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ และมีพนักงานใหม่เพิ่มเข้ามาในทีม ดูท่าทางเขาจะติดผมแจเลยว่ะ รู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆ ยังไงไม่รู้ อย่างเช่นตอนนี้เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและเอาแต่มองมาด้วยรอยยิ้มหวานๆ ชวนขนลุก ไม่ต้องถามให้เสียเวลาก็รู้ว่าหนุ่มน้อยตรงหน้าเนี่ยเป็นเกย์รับแน่ๆ อ่อยกันออกนอกหน้าขนาดนี้ เด็กประถมยังจับได้เลย


"ไม่กินข้าวหรือไง นั่งจ้องหน้าพี่ไม่ได้ทำให้อิ่มขึ้นมานะเว้ย"
ผมเหลือบตามองไอ้มายด์แล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป ไม่รู้เวรกรรมอะไรเหมือนกันที่ไอ้จุ้นดันลาป่วยวันนี้พร้อมๆ กับที่พี่ต้นต้องไปคุยงานนอกสถานที่ การขาดไม้กันหมาเป็นอะไรที่ลำบากสุดๆ ส่วนคนอื่นๆ ในทีมน่ะเหรอกล้าร่วมโต๊ะกับน้องชายประธานบริษัทที่ไหนกันล่ะ


"นั่งมองพี่ข้าวผมก็อิ่มแล้วล่ะฮะ"
เสียงใสๆ เหมือนหนุ่มน้อยวัยสิบห้าดังขึ้นทำให้ผมกรอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย ช่วงแรกๆ มายด์ก็ไม่ได้ออกตัวแรงขนาดนี้หรอก แต่พักหลังๆ มานี่เริ่มแสดงความต้องการของตัวเองมากขึ้น คิดจะอ่อยคิดจะจีบนี่ศึกษาผมมาดีหรือยังไม่ทราบ


"มายด์... ถ้าไม่กินข้าวก็กลับไปทำงานไป"
ผมออกปากไล่อย่างไม่แคร์ ขืนพูดหวานๆ ด้วยคงคิดว่าเล่นด้วยแน่ๆ ถามกันสักคำก่อนจีบก็ได้ว่ามีแฟนหรือยัง ไม่ใช่สักว่าจะทำก็ทำ... มายด์เบะปากลงเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ ดูไปดูมาหน้าตามันก็น่ารักนะ สเป็คไอ้จุ้นอะไรประมาณนั้น ตัวเล็กเซ็กซ์จัด เอ้ย เซ็กซี่ๆ


"ใจร้ายอะ ไล่ผมทำไมกัน แค่นั่งมองเฉยๆ เอง"
มายด์พูดเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กๆ โดนขัดใจ มือเรียวสวยยกขึ้นเท้าคางแล้วส่งสายตาเคืองๆ มาให้กัน แก้มขาวๆ อมลมไว้จนเต็ม ก็ดูน่ารักนะแต่บางทีก็อยากต่อยให้ช้ำ... ตื๊อห่าเหวอะไรนักหนาวะเนี่ย


"มันน่าอึดอัด จะมองอะไรนักหนา"
ผมอดไม่ได้ที่จะทำเสียงแข็งใส่ทั้งที่พยายามวางตัวเป็นหัวหน้าทีมที่ดี แต่ถ้าทำให้ความรู้สึกผมแย่ขึ้นมาก็จงรับผลของการกระทำนั้นกลับไปด้วยแล้วกัน


"ก็ผมพี่ชอบนี่นา จีบได้ปะครับ"
แทนที่จะทำหน้าสลดและสำนึกในประโยคส่อแววรำคาญเมื่อครู่ มายด์กลับถามกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแถมยังเปลี่ยนแววตาเป็นพราวระยับแทบจะทันที ดูเหมือนมีความหวังเต็มเปี่ยมทั้งๆ ที่ไม่เคยได้รับอะไรดีๆ ไปจากผมเลย นอกจากการสอนงานให้


"ห๊ะ... ถามพี่ก่อนปะว่ามีแฟนหรือยัง"
ผมร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่ามายด์จะกล้าพูดออกมาตรงๆ ก่อนจะจีบกันเนี่ย ไปสืบให้แน่ใจก่อนไหมว่าคนๆ นั้น มีแฟนหรือมีผัวมีเมียไหม จะได้ไม่พลาดแบบที่มันเป็นอยู่


"ไรอะ อุตส่าห์จะเดินหน้าจีบแบบไม่สนอะไรแล้วนะ ทำไมต้องถามด้วย"
ว่ากันด้วยเสียงงอนๆ ทำปากจู๋จนแถมแตะปลายจมูก ผมรู้สึกคันเท้าขึ้นมาแปลกๆ จากที่มองมันน่ารักกลายเป็นว่าอยากง้างขาถีบให้หงายหลัง มึงจะหน้าด้านเกินไปแล้วนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน เอาแต่ใจฉิบหายแบบนี้ใครเขาจะสนใจ


"เชี่ย คือพี่มีแฟนแล้วเว้ย น้องจะจีบหาสวรรค์วิมารอะไรอีก"
ผมขว้างระเบิดใส่มันอีกหนึ่งลูก กะว่าครั้งนี้เรื่องต้องจบแน่ๆ เพราะบอกไปตรงๆ ว่ามีแฟนแล้ว แต่มายด์กลับไหวไหล่และทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กลับมาให้ วอนโดนตีนแล้วไหมล่ะน้อง... อยากโดนไล่ออกตั้งแต่ยังไม่ผ่านงานใช่ไหม เดี๋ยวพี่จัดให้ก็ได้


"ผู้หญิงหรือผู้ชายอะ แซ่บได้เท่าผมปะล่ะ"
ทำหน้ายียวนก่อนจะถามต่อด้วยประโยคที่ผมแทบสำลักน้ำเปล่าที่กำลังดื่ม อะไรคือแซ่บได้เท่าผมหรือเปล่า คือยังไม่ได้ลองกับแฮงค์แล้วจะรู้ไหม แม่ง... ชักรำคาญแล้วนะ


"ผู้ชาย แซ่บไม่แซ่บไม่รู้แต่แมนกว่ามายด์ร้อยเท่าอะครับ"
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ยักคิ้วกวนๆ ให้เขาด้วย เริ่มหงุดหงิดอยากให้เรื่องมันจบๆ เลยบอกตำแหน่งตัวเองแบบอ้อมๆ แต่ดูไอ้มายด์เบิกตากว้างเหมือนไข่ห่านแล้วส่ายหัวรัวๆ นั่นดิ เรื่องยาวแน่ๆ อยากจะบ้า แล้วไอ้แฮงค์เนี่ยบอกว่าจะเข้ามาคุยเรื่องฝึกงานตอนบ่าย นี่ก็จะบ่ายยังไม่มีโทรมาหาสักแอะ แฟนตัวเองโดนแทะเนื้อจนจะเหลือแต่กระดูกแล้วเว้ย จะรู้บ้างไหม น่าอึดอัดฉิบหาย คนที่ไม่ใช่มานั่งจีบกันนี่น่ารำคาญเนอะ...


"อะไรนะฮะ! หน้าอย่างพี่ข้าวเป็นฝ่ายรับเหรอ ผมไม่เชื่อ อย่ามาหลอกกันนะ ไม่อยากให้ผมจีบก็บอกมาตรงๆ เลย ไม่ต้องหาข้ออ้าง!"
มาเป็นชุดแบบหยุดไม่อยู่ มายด์ตะครุบปากตัวเองเมื่อพูดจบ เหมือนเขาตั้งสติไม่ได้แล้วพ่นทุกสิ่งที่คิดออกมา ผมได้แต่เบิกตากว้างมองน้องอยู่แบบนั้นไม่ใช่เพราะตกใจหรือโมโหแต่มันงงมากกว่าว่าหน้าอย่างนี้เป็นฝ่ายรับไม่ได้เหรอ เอาจริงๆ ใครจะอยู่ตำแหน่งไหนไม่ได้กำหนดจากรูปร่างหน้าตาสักหน่อย มันอยู่ที่ความยินยอมของทั้งสองฝ่าย


"หน้าอย่างพี่เป็นยังไง เอาจริงๆ พี่จะเป็นรับหรือรุกมันก็ไม่ใช่เรื่องที่มายด์จะก้าวก่ายปะวะ แค่รู้ว่าพี่มีแฟนก็ควรจะหยุดแล้วหรือเปล่า ไม่ใช่พูดเล่นไปเรื่อยแบบนี้"
เป็นหัวหน้าทีมให้ไม่พอยังต้องเป็นครูสอนมารยาทอีกเหรอวะ มีลูกน้องขยันทำงานแบบมายด์มันก็ดีหรอกแถมยังหัวไวอีกต่างหาก แต่จะยอมให้มันจีบก็ไม่ใช่เรื่อง น่าอึดอัด ขืนปล่อยเลยตามเลยสุดท้ายก็อาจจะมีปัญหาขึ้นมาถ้าเขารู้สึกกับผมมากขึ้น ดังนั้นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจึงเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้


"แต่ผมชอบพี่จริงๆ นี่นา"
เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าลงจนแทบชิดอก ผมลอบถอนหายใจแล้ววางมือจากการกินข้าวแล้วทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง ถ้าแฮงค์มาเจอสถานการณ์แบบนี้เขาจะทำยังไงวะ


"แล้วยังไง ชอบพี่เฉยๆ ไม่ได้เหรอ อยู่ในที่ของตัวเองไม่ต้องครอบครองทำได้ไหม พี่ไม่ได้ห้ามความรู้สึกของเราเลยนะมายด์ แต่น้องต้องรู้จักว่าอะไรควรหรือไม่ควรด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าอยากได้ก็ต้องได้ คนไม่ใช่สิ่งของที่จะใช้เงินเปย์นะ"
ผมพูดออกไปเพียงหวังว่ามันจะทำให้มายด์ฉุกคิดได้ แต่เหมือนจะเปล่าประโยคในเมื่อคนตรงหน้าช้อนสายตาแข็งกร้างมองกันอย่างไม่ยอมแพ้ ดูก็รู้ว่าอีกไม่นานเรื่องนี้ผมคงควบคุมเองไม่ได้ แฮงค์อาจจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เป็นไร อีกไม่ถึงชั่วโมงเขาก็คงโผล่มาแล้ว... เชื่อว่าอดีตเดือนคงเอาอยู่


"ชอบมากจนอยากได้มาเป็นของตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้พี่เคยมีปะ ผมจะยอมแพ้ก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าแฟนพี่ดีกว่าผมนั่นล่ะ ขอตัวนะฮะ"
มายด์พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินสะบัดก้นออกไป เอาเรื่องน่าปวดหัวมาใส่กันแล้วหนีไปแบบนี้เนี่ยนะ โอย ไล่ออกเลยไหมล่ะ ผมน่ะชิวอยู่หรอกเพราะคิดว่าตัวเองคงไม่หวั่นไหวกับผู้ชายง่ายๆ แต่ที่ทำให้ทนไม่ได้คือการคิดถึงความรู้สึกของแฮงค์ต่างหาก ใครมันจะชอบให้แฟนโดนคนอื่นมาจีบมาอยู่ใกล้แบบคิดไม่ซื่อกันล่ะ...


คิดถึงอยู่ก็มีสายเรียกเข้ามาจากแฮงค์พอดี... ให้มันได้แบบนี้สิครับแฟน ตอนมีเรื่องมึงหายหัวไปไหนล่ะ ตอนเรื่องสงบนี่รีบโผล่หัวมาเชียวครับ น่ารักจริงๆ


"ฮัลโหล"
ผมกรอกเสียงเรียบนิ่งลงไปแล้วลุกไปจ่ายเงินที่หน้าเค้าน์เตอร์ร้านอาหารก่อนจะพาตัวเองเดินกลับบริษัทที่อยู่ข้างๆ


'พี่ข้าวอยู่ไหนครับ ผมอยู่ที่ลานจอดรถแล้ว'
แฮงค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย จากที่ผมคิดนอยด์เขากลายเป็นว่าสอดส่ายสายตาหารถยนต์คันสีขาวแทน ไม่เคยรู้สึกโล่งใจขนาดนี้มาก่อนเลย


"กำลังกลับบริษัท รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวพี่เดินไปหา"
ผมบอกก่อนจะวางสายแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้รถที่ดูคุ้นตา คนด้านในลดกระจกลงแล้วโบกมือทักทายกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้เจอกันเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ ก็เขากลับไปอยู่บ้านก่อนจะเข้ามาฝึกงานตอนปิดเทอมช่วงซัมเมอร์นี่นา แอบคิดถึงอยู่เหมือนกันล่ะ แต่ไม่บอกให้ได้ใจหรอก


"กินอะไรมาหรือยัง"
ผมถามเมื่อเดินมาถึงตัวรถแล้วก้มหน้าลงไปในระดับสายตาของเขา แฮงค์คลี่ยิ้มบางและพยักหน้าตอบกลับมา ถ้ายังไม่กินข้าวมาจะด่าให้เพราะนี่มันบ่ายโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวก็ปวดท้องแย่พอดี นี่ไม่ได้เป็นห่วงเลยเถอะ


"ดีแล้ว งั้นเข้าบริษัทกัน"
ผมผละตัวออกจากรถเพื่อให้เขาเปิดประตูลงมาแล้วเดินเข้าบริษัทพร้อมๆ กัน พนักงานหลายคนมองแฮงค์อย่างสนอกสนใจเพราะเขาอยู่ในชุดนักศึกษามหา'ลัยดังแบบเต็มยศ ความหล่อเหลาปรากฏเด่นชัดจนทำให้ผมเกิดอาการหวงขึ้นมานิดๆ แต่มีความหมั่นไส้มากกว่า ก็สาวๆ แม่งละสายตาจากคนที่เคยเป็นหนึ่งได้ยังไง ตกกระป๋องเหรอ น่าน้อยใจชะมัด


ผมแนะนำตัวแฮงค์ให้ทุกคนรู้จักในฐานะเด็กฝึกงานและสังกัดทีมออกแบบกราฟิก จริงๆ อยากให้เขาลงทีมคาแรกเตอร์ดีไซน์เพราะเจ้าตัวมีความถนัดมากกว่าแต่โดนปฏิเสธด้วยเหตุผลโง่ๆ ว่า 'อยากอยู่กับพี่ข้าว' ไอ้เราก็บ้าจี้ตามน้องใจอ่อนซะอย่างนั้น ก็บอกแล้วไงว่าแพ้ทางเด็กมัน อ้อนอย่างนั้นอ้อนอย่างนี้... บอกว่าเกลียดตัวเองเป็นล้านรอบก็คงไม่พอ


"พี่ข้าว... คนที่นี่ดูแปลกๆ ว่ะ ทำไมจ้องผมกันแบบนั้น"
แฮงค์เอ่ยถามขึ้นเมื่อพวกเราอยู่ในห้องทำงานที่เป็นส่วนตัว นานๆ ครั้งผมจะใช้ห้องนี้ทั้งๆ ที่เป็นของตัวเอง เขานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ กัน แฟ้มเอกสารก็วางแหมะอยู่บนโต๊ะกาแฟ... เดี๋ยวค่อยจัดการแล้วกัน


"หล่อไงเลยกลายเป็นจุดสนใจ"
ผมตอบไปตามความจริงและเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารฝึกงานของแฮงค์ขึ้นมาอ่านเพื่อสำรวจความเรียบร้อย แอบอิจฉาลายมือเขาเหมือนกันนะ เพราะมันโคตรสวยแต่ของผมโคตรห่วย


"โห พี่ข้าว พี่ต้น พี่จุ้นก็หล่อนะ"
น้องพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ได้เสแสร้งแถมยังนั่งจ้องหน้าผมอีก เขินนะเว้ย...


"เก่าแล้วไงเขาคงเบื่อ หน้าใหม่ๆ มาแถมยังดีกรีเดือนมหา'ลัยอีก สาวๆ แทบถวายหัว"
ไม่รู้เลยว่าตัวเองใช้น้ำเสียงแบบไหนพูดประโยคพวกนั้น แต่เห็นแฮงค์ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มว่าให้ถึงรู้ว่าเมื่อครู่พลาดแล้ว คงประชดออกไปเต็มๆ


"แต่ผมก็ถวายตัวและหัวใจให้พี่ไปแล้วเหมือนกันนี่ดิ แย่เลยเนอะ"
แฮงค์พูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้กัน ผมถึงกับเบ้ปากเพราะรู้สึกเลี่ยนกับการหยอดของแฟนตัวเอง แต่แม่ง... แก้มร้อนเพื่ออะไรล่ะ


"พูดมากน่า เดี๋ยวเดินเอาเอกสารไปส่งฝ่ายบุคคล แล้วค่อยกลับมาเรียนงานกับพี่"
ผมบอกก่อนจะโบกมือไล่ให้เขาเอาเอกสารไปส่งฝ่ายบุคคลสักที แฮงค์พยักหน้ารับแล้วโน้มตัวมาหอมแก้มกัน ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวเลยยกมือฟาดแก้มเขาไป... คือไม่ได้ตั้งใจเว้ยแต่ก็สะใจ ทำอะไรไม่ค่อยปรึกษากันก็สมควรเจ็บตัว


"โอย มือหนักอะพี่"
แฮงค์ขยับหนีแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองก่อนจะมองค้อนด้วยอารมณ์งอนๆ ผมไหวไหล่ไม่แคร์แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อกลับไปเคลียร์งานของตัวเอง


"เอ้อ แล้วห้องฝ่ายบุคคลไปทางไหนครับ"
เขาไม่ได้งอแงหรือเซ้าซี้อะไรเรื่องเมื่อครู่แต่ถามทางไปห้องฝ่ายบุคคลแทน ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง ไม่ได้ตั้งใจจะกวนหรอกนะ


"ออกจากห้องไปเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ ก็เจอเอง"


"โอเค จะรีบกลับมาครับ อย่าคิดถึงผมล่ะ"
เขาพูดเสียงทะเล้นแล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับคนชอบแกล้งอยู่แบบนี้ แค่ออกไปส่งเอกสารไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะให้คิดถึงหรือไงวะ ไม่ใช่รักครั้งแรกสักหน่อย... หึ


นั่งเคลียร์งานไปสักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คราวแรกคิดว่าเป็นคนที่เอาเอกสารไปส่งฝ่ายบุคคลแต่ไม่ใช่หรอก เป็นลูกน้องคนใหม่ในทีมนั่นเอง... มาทำไมวะ ลางสังหรณ์เริ่มไม่ดีแล้ว


"ขออนุญาตนะฮะพี่ข้าว"
เขาพูดด้วยเสียงที่นอบน้อมเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แถมยังคลี่ยิ้มสดใสมาให้กันอีก โคตรแปลกแต่ไม่กล้าถาม ผมเลยพยักหน้าเป็นการอนุญาตให้เขาเข้ามา


"มีอะไรเหรอ"
ผมถามทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากกองเอกสารสารพัดของพี่ต้น... พอเขาไม่อยู่ก็ลำบากน้องชายเคลียร์แทนแบบนี้ประจำ มายด์ไม่ได้ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างที่ควรจะเป็นแต่เดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหากันด้านใน


"จะทำอะไร"
ผมถามเสียงแข็งแล้วหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขาที่ยืนค้ำหัวกันอยู่ ในมือมีกระดาษสเก็ตฉากเกมตัวใหม่ เขายิ้มหวานส่วนผมขมวดคิ้วเพราะระยะห่างน่าหวั่นใจ ถ้าเกิดแฮงค์เข้ามาตอนนี้จะมีใครเลือดตกยางออกกันไหม...


"จะมาปรึกษาเรื่องงานฮะ นี่ไงๆ เอาแบบร่างฉากเกมมาให้ดูน่ะ"
มายด์เปลี่ยนท่าทางเป็นกระตือรือร้นแล้ววางกระดาษที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะแล้วขอความคิดเห็นตรงส่วนนั้นส่วนนี้ไปเรื่อย ผมมองเขาอย่างระแวดระวังเมื่อเห็นว่าคงไม่มีอะไรแอบแฝงเลยคล้อยตามยอมช่วยเขาดูแบบร่างฉากโดยไม่ทันตั้งตัวมายด์ขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วและขโมยจุ๊บปากผมอย่างหน้าตาเฉยเป็นจังหวะเดียวกับที่แฮงค์เปิดประตูเข้ามาแบบพอดิบพอดี... เหี้ย


ผมตกใจลุกขึ้นยืนก่อนจะเบี่ยงตัวออกมาจากบริเวณนั้น แฮงค์ไม่มีทีท่าว่าจะโมโหเกรี้ยวกราดแต่ยืนทำหน้าตึงอยู่ที่เดิม เดาได้ไม่ยากหรอกว่ากำลังโกรธเพราะมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น มายด์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมยังคลี่ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย... แม่ง น่าไล่ออกฉิบหาย สร้างปัญหาให้กูจนได้!


"เอ่อแฮงค์ พี่..."
อยากอธิบายใจจะขาดแต่แฮงค์ทำหน้านิ่งจนผมได้แค่เรียกเขาเสียงเบา และยังไม่ทันเริ่มประโยคต่อไปเขาก็ขัดขึ้น


"ค่อยคุยกันที่ห้องครับ"
เสียงนิ่งๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่ ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่สมยอมแต่ผมไม่น่าเผลอให้อีกคนทำแบบนั้นได้เลยด้วยซ้ำ อยากจะถีบมายด์ให้กระเด็นไปไกลๆ แต่ทำได้แค่ยืนมองเขาอย่างคาดโทษ


"มันไม่ใช่อย่างที่..."
ผมพยายามพูดอีกครั้งแต่โดนแฮงค์มองด้วยสายตาจริงจังจนผมต้องรีบหุบปาก ไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อน แต่เกตุการณ์ปัจจุบันร้องบอกว่าถ้าไม่ยอมเขาคงระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ๆ


"พี่ข้าวเรื่องของเราค่อยเคลียร์ครับ ผมขอคุยกับพี่คนนั้นก่อนได้ไหม"
แฮงค์มองไปที่มายด์อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผมเห็นท่าทางไม่ดีเลยใช้มือแตะข้อศอกให้เขาใจเย็นลงหน่อย ไม่ห้ามหรอกถ้าจะคุยกับมายด์เพราะรู้ว่าคนของผมมีเหตุผลพอ แต่อีกคนนี่ดิยืนลอยหน้าลอยตาเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด หมั่นไส้ฉิบหาย ถ้ามีอำนาจไล่ใครออกนะ... หึหึ ไอ้นี่โดนคนแรกแน่ๆ


"ใจเย็นๆ นะแฮงค์"
ผมบอกน้องก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเพื่อดูสถานการณ์ แฮงค์เหลือบมองกันเล็กน้อยก่อนจะตรงเข้าไปหามายด์ที่ยืนอยู่ ดูเหมือนเขาจะไม่เดือดร้อนอะไรที่โดนรังสีทะมึนของอีกคนโอบรอบ อยากจะถามจริงๆ ว่าที่ทำลงไปเนี่ยตั้งใจให้อีกคนเข้ามาเห็นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ชีวิตผมคงอยู่ยากแล้วล่ะ เลี่ยงเข้าบริษัทน่ะง่ายแต่ไอ้เด็กฝึกงานหน้าใหม่นี่ล่ะจะปล่อยให้คนอื่นสอนงานหรือไง ไม่มีทางหรอก


"สวัสดีครับ ผมชื่อแฮงค์นะ จะมาฝึกงานที่นี่ครับ"
แฮงค์แนะนำตัวและยกมือไหว้ มายด์ดูจะงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มตอบกลับไป นี่มันแกล้งโง่หรือไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองกำลังจะโดนฆ่าเนี่ย


"อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ พี่ชื่อมายด์ เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้เดือนเดียวเอง"
มายด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมเป็นประกายจนน่าหลงใหล แต่สำหรับแฮงค์คงน่าหมั่นไส้แน่ๆ ทำไมอยู่ๆ ก็เกิดอาการขนลุกวะ...


"ครับ เรารู้จักกันแล้วเนอะ งั้นผมขอพูดอะไรบางอย่างกับพี่มายด์ได้ไหม"
แฮงค์เข้าโหมดจริงจังอีกครั้งหลังจากแสร้งยิ้มทักทายให้มายด์ตายใจ อีกคนเลิกคิ้วเหมือนไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ผมถึงกับบีบมือตัวเองแน่นเพราะคาดเดาไม่ได้ว่าแฟนจะทำอะไร... ก็ไม่เคยประสบพบเจอช่วงเวลาที่โกรธมาก่อน


"อื้อ จะพูดเรื่องอะไรเหรอ"
เสียงใสตอบรับแล้วเอียงคอมองคู่สนทนาด้วยท่าทีน่ารัก แฮงค์มองอีกคนนิ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเริ่มเปิดประเด็น... เรื่องของผมนี่ล่ะให้ตายเถอะชีวิต


"พี่มายด์ทำแบบนั้นกับพี่ข้าวมันไม่ควรนะครับ"
เปิดประเด็นเป็นกลางสุดๆ แต่ผมรู้ความในแฝงว่าอะไรที่มันไม่ควร ใครจะอยากให้คนอื่นมาลวนลามแฟนตัวเองวะ ไอ้โรคขี้หึงนี่เข้าใจได้นะ ผู้ชายสองคนที่ไหนจะหอมแก้มกันถ้าไม่ได้คิดอะไร แล้วไอ้มายด์เนี่ยไม่เคยอยู่ในสาระบบของแฮงค์ด้วยซ้ำ มาเจอแบบนี้ใครจะวางใจ


"หื้ม ไม่ควรยังไงอะ ก็แค่จุ๊บปากเอง"
อีกคนก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ไม่เลิก ไม่ได้รับรู้ว่าแฮงค์หน้าตึงขนาดไหน แถมยังหันมาคลี่ยิ้มหวานๆ ให้ผมอีก นี่ถ้าเป็นพี่ต้นอาจจะต่อยหน้าเสยคางแตกไปแล้วก็ได้... ไอ้จุ๊บปากนี่เขาใช้คำว่าแค่เหรอวะ


"พี่ถามความสมัครใจคนโดนกระทำแล้วเหรอ"
เสียงแข็งขึ้นแต่หน้าตายังคงเรียบเฉยอยู่เหมือนเดิม ผมว่าจริงๆ แล้วเขาคงใกล้จุดหมดความอดทนเข้าไปทุกที อยากจะเข้าไปขวางนะ ไม่ได้จะปกป้องแต่กลัวแฮงค์จะขาดสติ


"ทำไมต้องถามอะ อยากทำก็ทำเลยสิ"
คำตอบของมายด์เพิ่มความยียวนจนผมต้องลุกขึ้นไปยืนขวางระหว่างทั้งสองคนเอาไว้ คิดว่าการจัดการด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าเพราะแฮงค์เริ่มขบกรามจนเป็นสันนูนแล้ว ทั้งๆ ที่แอร์เย็นนะ แต่รู้สึกว่าผมจะเหงื่อออกว่ะ


"มายด์อย่ากวนตีนแฮงค์"
ผมพูดปรามอีกคนแต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมและโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ก็เข้าใจในส่วนของมายด์เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร


"อ้าว ผมกวนตรงไหนฮะ พี่ยังไม่ว่าอะไรเลยแล้วเด็กนี่เป็นใครมายืนถามผมปาวๆ อะ มีสิทธิ์อะไรเหรอ"
นั่นไง... เชี่ยมาก ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นน้องพี่ต้นนะจะต่อยหน้าให้คว่ำ คำพูดคำจาไม่เกรงใจใครเลยด้วยซ้ำ มีเซ้นส์บ้างหรือเปล่าวะว่าทำไมคนๆ หนึ่งต้องเดือดร้อนจะเป็นจะตายเรื่องผมโดนลวนลามถ้าไม่ได้เป็นคนสำคัญของกันและกันน่ะ


"มายด์ รู้ได้ไงว่าพี่จะไม่ว่าอะไรเรา พี่ไม่ได้เต็มใจ แล้วแฮงค์เขาก็มีสิทธิ์จะทำแบบนี้ด้วย"
ผมไม่ได้ขยายความมากกว่านั้นเพราะแฮงค์เอื้อมมือมาบีบไหล่กันเหมือนส่งสัญญาณว่าให้หยุดพูดแล้วรอดูปฏิกิริยาของมายด์ เขาเอียงคอมองเราทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจและขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์ได้

“สิทธิ์อะไรครับ เป็นแฟนพี่ข้าวเหรอไง”
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกวนโอ้ย ใบหน้าหวานๆ นั่นไม่ได้แสดงความหวาดกลัวคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผมเลยสักนิด ไม่รู้ว่ามายด์หน้าด้านหรือไม่รู้ความหมายที่พวกเราทั้งสองคนกำลังจะสื่อกันแน่ ถ้าเป็นอย่างแรกคนที่ลำบากที่สุดกับเรื่องนี้คงเป็นผม... ถึงจะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มแต่ก็ทำให้แฮงค์ไม่สบายใจอยู่ดี แบบนั้นผมอาจจะเลือกทำงานอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมน่าจะดีกว่า

“ใช่ครับ ผมเป็นแฟนพี่ข้าว ผมไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลอะไรนะครับพี่มายด์ แต่การทำอะไรแบบนั้นกับแฟนคนอื่นมันไม่ควรจริงๆ และผมรับไม่ได้ จะหาว่าผมขี้หวงก็เอาเถอะครับ ผมยอมรับ แต่กรุณาอย่ามายุ่งกับคนของผมอีก”
แฮงค์ขยับตัวมายืนข้างๆ แล้วเอื้อมมือมาจับกันไว้ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบไม่แสดงออกถึงความโมโห แววตาดุดันเท่านั้นที่บ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาไม่ปกติ มายด์อ้าปากค้างแล้วมองผมสลับกับคนข้างตัวอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่... ทำไมวะ ไม่เหมาะสมกันอย่างนั้นเหรอ

“ไม่จริงน่า ไม่อยากจะเชื่อเลย คนแบบพี่ข้าวน่าจะเหมาะกับคนหน้าตาน่ารักมากกว่าสิ ทำไม...”
มายด์เบิกตากว้างแล้วพูดด้วยเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่เชื่อเรื่องที่เพิ่งได้ยินไป แล้วใช้ตรรกะอะไรกำหนดเรื่องแฟนของผมว่าต้องหน้าตาอย่างนั้นอย่างนี้ด้วย หล่อกับหล่อแล้วไง รักกันซะอย่างมันไม่ได้หนักหัวใครนี่

“ถึงผมจะไม่น่ารักแต่ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรักพี่ข้าวได้เท่าที่ผมรักแล้วล่ะครับ”
แฮงค์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วหันมามองผมด้วยแววตาที่สื่อความหมาย อยากจะรวบตัวเขาเข้ามากอดอยู่หรอกแต่ติดที่ไอ้มายด์เบ้ปากใส่กันอย่างหนัก ไอ้เด็กคนนี้มันต้องการอะไรกันแน่ อยากกวนตีนเฉยๆ หรืออยากแย่ง

“โอ้ย เบื่อๆๆๆ ชอบใครก็กินแห้วตลอดอะ แฟนพี่ข้าวหล่อขนาดนี้แล้วคนน่ารักอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้อะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะแฮงค์ที่ทำตัวรุ่มร่าม แต่แก้มพี่ข้าวนุ่มมากเลยนะ ฮึ่ย ติดใจอะ คิก อย่าเผลออีกน้า ไม่รอดแน่ ~”
มายด์ทิ้งระเบิดคำพูดเอาไว้แล้วเดินตัวปลิวผ่านหน้าเราสองคนไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำเอาใบ้แดกกันเลยทีเดียว แต่ก็ดีที่ไอ้เด็กนั้นยอมแพ้ไปง่ายๆ ไม่คิดจะไฟท์อะไรกับแฮงค์ ไม่อย่างนั้นคนกลางอาจจะกระอักเลือดได้

หลังจากที่มายด์ออกไปแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบจนน่ากลัว แฮงค์ไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะหรือคลายสีหน้าเรียบตึงลงเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างแรงแล้วถอนหายใจหนักๆ ออกมา เป็นผมเองที่ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ตอนแรกคิดว่าจะเอาเหตุผลเข้ากล่อมแต่ตอนนี้มันคงใช้ไม่ได้ผลแล้ว... ควรทำไงดีวะ

ผมยืนลังเลอยู่ไม่นานก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างแฮงค์อย่างเงียบเชียบ จะอ้าปากพูดอะไรก็เห็นว่าอีกคนเอนหัวพิงกับพนักโซฟาและหลับตาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปกติผมไม่เคยคิดจะกลัวแฮงค์ระเบิดอารมณ์ใส่เลยสักครั้ง แต่ไม่เคยรู้ว่าตอนหึงเขาเป็นยังไงนี่สิ... ควรวางตัวหรือพูดอะไรดีล่ะ นั่งบีบมือตัวเองจนขึ้นข้อขาวก็แล้วหัวสมองยังว่างเปล่าอยู่เลย กัดปากจนรู้สึกเจ็บก็ยังไม่ได้ช่วยให้หาคำพูดเจอ สถานการณ์มันน่าอึดอัดจัง

“พี่ข้าว... ผมไม่ได้โกรธพี่หรอกนะ แต่ผมพยายามระงับอารมณ์ขี้หึงขี้หวงของตัวเองอยู่ล่ะครับ ขอเวลาสักหน่อยนะ”
แฮงค์ลืมตาหลังจากจบประโยคนั้นและลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเหมือนจะออกไปจากห้อง ผมไม่อยากให้เรื่องมันค้างคาอย่างนี้เลยจับข้อมือของเขาเอาไว้เป็นการรั้งแต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์เมื่อได้รับรอยยิ้มบางกลับมา ทำไมดูห่างเหินชอบกล รู้สึกเกลียดรอยยิ้มแบบนั้นว่ะ

“ผมจะกลับคอนโดแล้วนะครับ ไว้พี่เลิกงานเราค่อยคุยกันก็ได้”
เขาแกะมือออกแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่รอให้ผมพูดอะไรเลยสักคำ ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความปวดหน่วงๆ ที่หัวใจ รู้ว่าที่แฮงค์กำลังทำอยู่ก็เพื่อความสัมพันธ์ของเราสองคนเองด้วยการกลับไปสงบสติอารมณ์ แต่เจ้าตัวไม่รู้หรือยังไงว่าการทำแบบนี้มันไม่ดีเอามากๆ ซึ่งผมเป็นห่วงความรู้สึกของเขา...

ตลอดบ่ายผมทำงานอย่างไรสติและสมาธิอย่างหนักจนไม่สามารถทนไหวเลยผุดลุกออกจากห้องทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน คนอื่นๆ ก็ถามว่ารีบไปไหนแต่หวังเหรอว่าจะยอมหยุดตอบให้เสียเวลาไปเล่นๆ ไม่มีทาง ตอนนี้กำลังรีบ อยากพูดคุย อยากปรับความเข้าใจ รู้ว่าตัวเองไม่ผิดอะไรแต่ก็รู้สึกแย่เหมือนๆ กัน ไอ้มายด์... ถ้ามึงยังทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรืออีกนะกูจะกระทืบให้จมดินแน่ๆ

แต่ระหว่างทางที่ขับรถกลับคอนโดนั้นก็มีเหตุให้ต้องเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพี่ส้มโทรมาบอกว่าไอ้บับเบิ้ลเอาแต่นอนซึมไม่ยอมกินอาหารเลยสงสัยว่ามันจะเป็นไข้ พี่ต้นกว่าจะคุยงานเสร็จก็คงดึกดื่นส่วนลุงทัชไปส่งพ่อกับแม่ที่สนามบินอีก... ทำไมชีวิตต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะเนี่ย เฮ้อ ทำอะไรไม่ได้สักอย่างในตอนนี้คงต้องทำใจอย่างเดียว

กลับถึงบ้านก็อุ้มไอ้ก้อนขนสีขาวขนาดยักษ์ขึ้นรถ บับเบิ้ลผงกหัวมองกันแล้วครางหงิงๆ ใส่ อดไม่ได้ที่จะส่งมือไปลูบหัวเพื่อปลอบประโลมมันก่อนจะออกรถไปโรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้าน แต่ความซวยดันบังเกิดเมื่อมันปิด แม่ง... สุดท้ายก็ต้องถ่อสังขารพามาที่โรงพยาบาลมหา’ลัยอีก

“เป็นไงบ้างหมอ”
ผมถามรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมที่เป็นสัตวแพทย์ของที่นี่ด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายเล็กน้อย กังวลเล็กน้อยเพราะบับเบิ้ลเพิ่งป่วยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา

“ก็ไม่สบายทั่วไปนี่ล่ะ ขอให้เจ้าซามอยด์นอนดูอาการที่นี่สักคืนก็แล้วกัน พรุ่งนี้จะโทรไปหา”
เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไอ้บับเบิ้ลเล่น ผมได้ยินแบบนั้นเลยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่มันไม่ได้เป้นอะไรมากไปกว่าที่ได้คาดเดามาก่อนหน้านี่ แต่ไม่รู้ทำไมว่าไอ้พี่หมอถึงมองกันด้วยสายตาแปลกๆ วะ เผลอทำอะไรโง่ๆ ออกไปโดยไม่รู้ตัวอีกหรือเปล่านะเรา ช่วงนี้ยิ่งสติไม่อยู่กับตัว...

“ข้าว แกมีธุระอะไรปะวะ ท่าทางดูรีบร้อน”
เขาละสายตาจากหมามามองผมด้วยแววตาสงสัยแทน ไอ้ครั้นจะปฏิเสธก็ทำไม่ลงเลยพยักหน้าตอบรับไปตามความจริง ตอนนี้มันก็หกโมงจะหนึ่งทุ่มแล้วเถอะ กว่าจะตีรถกลับไปคอนโดคงเกือบสองทุ่มล่ะ ไม่รู้ว่าอีกคนจะออกไปไหนหรือเข้านอนแล้ว ทำไมต้องอาการหนักขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย รักเขามากสินะ... แม่ง

“อืม ฝากบับเบิ้ลด้วยนะหมอ พรุ่งนี้เจอกัน”
ผมบอกลาแล้วเอื้มมือไปลูบหัวไอ้บับเบิ้ลสองสามทีแล้วรีบเดินออกมา ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงแต่มันอยู่ในมือหมอแล้วผมก็วางใจจะไปทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อยสักที





ต่อด้านล่างนะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #198 เมื่อ17-02-2017 22:53:20 »

ภายในรถเงียบกริบเพราะไม่มีอารมณ์จะเปิดเพลงฟังด้วยซ้ำ จราจรติดขัดจนน่าโมโห ผมนั่งเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยด้วยความเซ็งเพราะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์อะไรได้เลยแม้แต่น้อย ในท้องก็ปั่นป่วนไปหมดจนรู้สึกพะอืดพะอม อาการแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าเครียดลงกระเพาะ ไม่ชอบตัวเองในโหมดคิดมากเลยว่ะ

ใช้เวลาในการเดินทางกลับมาที่คอนโดนานมาก ขายาวๆ ก้าวออกจากลิฟท์อย่างร้อนรน มีจังหวะหนึ่งเกือบสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำด้วยเถอะ ไม่รู้จะรีบอะไรทั้งๆ ที่ประตูห้องของแฮงค์อยู่ไม่ไกลเลย แต่พอมาถึงที่หมายเข้าจริงๆ ก้ได้แต่ยืนเม้มปากอยู่ตรงนั้น ไม่กล้ากดกริ่งไม่กล้าเคาะประตูด้วยซ้ำ... แต่เจ้าตัวทิ้งท้ายไว้ว่าค่อยคุยกันที่คอนโดนนี่ แสดงว่าตอนนี้ก็น่าจะคุยได้แล้วสินะ

ก๊อกๆ

“แฮงค์ เปิดประตูห้องให้พี่หน่อยได้ไหมครับ”
เคาะประตูพร้อมกับเรียกคนในห้องไปด้วย ใช้เสียงดังอยู่พอตัวแต่ไม่แคร์อะไรหรอก ใครจะออกมาด่าก็เอาเถอะ ตอนนี้มันจำเป็นจริงๆ ผมเดินวนไปวนมาหน้าประตูราวๆ สองนาทีแต่เหมือนนานนับสิบนาที เกือบจะกำหมันทุบลงไปอีกครั้งแต่ประตูก็เปิดออกซะก่อนพร้อมกับใบหน้ามึนๆ ของแฮงค์โผล่ออกมา

“กลับดึกจังนะครับ”
คำถามแรกที่เจอหน้ากันนั้นช่างใช้น้ำเสียงราบเรียบจนเสียวสันหลังวาบ ไม่ใช่คิดเองเออเองว่าผมไปกุ๊กกิ๊กอะไรกับมายด์นะ... แบบนั้นโลกแตกกันพอดี ไม่ชอบคนออกตัวแรงโจ่งแจ้งแบบนั้นเว้ย

“พอดีว่าพาไอ้บับเบิ้ลไปหาหมอน่ะ มันไม่สบาย”
ผมบอกไปตามความจริงด้วยน้ำเสียงอ่อน แฮงค์เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจเล็กน้อยแล้วถามกลับมาแทบจะทันที ก็นะ หมากับหมาจะเป็นห่วงเพื่อนตัวเองคงไม่แปลก...

“เป็นอะไรมากไหม แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนครับ”

“ให้พี่เข้าไปข้างในก่อนได้ไหม อยากกินน้ำน่ะ เหนื่อย”
ผมขอร้องเขาทั้งน้ำเสียงและสายตา แฮงค์ดูจะลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมเปิดทางให้เข้าไปด้านใน

“พี่ข้าวนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”
เขาบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในส่วนครัว ผมมองตามไปเล็กน้อยแล้วผละตัวไปนั่งรอเข้าที่โซฟาพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อลงมาสองเม็ดเพราะอากาศมันร้อน... ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องมันอยู่ได้ยังไงกับอุณหภูมิเรื่องปรับอากาศยี่สิบเจ็ดองศา ไม่นานนักเขาก็ถือแก้วน้ำเปล่ามาวางให้กันแล้วทิ้งตัวลงข้างๆ ระยะห่างไกลกว่าที่จินตนาการเอาไว้

“แฮงค์...”

“ดื่มน้ำก่อนสิครับ”
ดักคอกันเหมือนรู้ว่าผมจะพูดอะไร อีกคนอยากให้ดื่มน้ำก็ดื่มไปก่อนแล้วกัน มือเรียวคว้าแก้วน้ำเปล่ามากระดกลงคอจนหมดแต่เพราะรีบไปหน่อยเลยทำให้มันหกเลอะเทอะเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่ แล้วผมเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบใส่เสื้อกล้ามไว้ด้านในด้วยสิ เปียกจนแนบเนื้อไปหมดแล้ว...

“พี่ข้าว... สาบานว่าไม่ได้ยั่วผมอยู่”
แฮงค์พูดขึ้นมาทำให้ผมหันขวับไปมองเขาที่ใช้สายตาจ้องเขม็งมาทางนี้ หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังคิดไม่ซื่อแน่ๆ ตอนแรกก้คิดจะปฏิเสธนั่นล่ะ แต่ไหนๆ ก็เตรียมตัวมาง้อเขาแล้วเลยตามน้ำไปดีกว่า ยั่วก็ยั่วสิวะ วันนี้เป็นไงเป็นกัน

“คิดว่ายั่วก็ยั่ว”
ผมขยับตัวเข้าไปกระซิบข้างใบหูแล้วแกล้งเป่าลมใส่ ทำแบบนี้ไปก็เสี่ยงอยู่เหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าอารมณ์ของเขาอยู่ในทิศทางไหนแต่ดูเหมือนแฮงค์จะตกใจอยู่พอตัวเลยผงะไปเล็กน้อยก่อนจะมองหน้ากันไม่วางตา ตอนแรกก้ไม่ได้เตรียมใจมาทำอะไรแบบนี้หรอก แต่สถานการณ์มันพาไปแล้วจะให้ทำยังไง เคยไม่พร้อมกับเรื่องอย่างว่าแต่ตอนนี้กลับฮึดสู้จนได้... ใครหมั่นไส้ผมที่เป็นสายอ่อยก็ไม่แคร์นะ ก็สายเปยืมันไม่รุ่งนี่หว่า

“พี่ข้าว... อย่าทำแบบนี้ครับถ้าผมปล้ำพี่ขึ้นมาจะโทษกันไม่ได้นะ”
แฮงคืออกปากเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมอยากจะถอยกลับ แต่ด้วยความหัวดื้อที่ก้าวไปข้างหน้าแล้วจะไม่ยอมหันกลับไปจุดเดิมเลยทำได้แค้คลี่ยิ้มหวานๆ ตอบกลับไปแล้วขยับจนลำตัวด้านข้างของเราแนบชิดกัน เชี่ย ตื่นเต้นฉิบหายเลย

“.....”
ผมเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับอะไรไปดี จะบอกว่าเอาเลยสิแบบนี้น่ะเหรอ มันดูจะกล้าบ้าบิ่นไปหน่อยไหม ยังไงๆ ก็ครั้งแรกปะวะ กลัวบ้างอะไรบ้างเถอะ

“พี่ข้าว... ไม่ได้คิดอะไรกับพี่มายด์ใช่ไหม ไม่คิดจะนอกใจผมใช่หรือเปล่าครับ”
เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยแววตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความกังวล ก็ไม่แปลกหรอกที่แฮงค์จะถามออกมาแบบนั้นก็ในเมื่อมายด์อยู่ใกล้ชิดกับผมเหมือนกัน แถมยังหน้าตาน่ารักอีก คนเราถึงจะไว้ใจเชื่อใจกันแค่ไหนก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดีล่ะ ผมหันไปเผชิญหน้ากับเขาแล้วโน้มตัวลงไปประกบปากแทนที่จะตอบคำถามอะไรออกไปตรงๆ

“อย่าถามอะไรแบบนั้นอีก เพราะถ้าพี่คิดจะนอกใจจะมานั่งอ่อยแฮงค์ให้เสียเวลาหรือไง เสี่ยงเสียตัวด้วยเนี่ย”
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยกมือขึ้นยีผมไอ้เด็กน้อยที่นั่งกลั้นยิ้มจนแก้มกลมไปหมด เกิดอาการมันเขี้ยวเลยอ้าปากงับไปเต้มคำทำให้โดยเขาดึงไปกอดไว้ซะแน่น

“น่ารักแบบนี้ไงครับผมเลยหวงพี่มาก ไม่อยากให้ใครมายุ่งเลยว่ะ”
พูดไปก็ซุกไซร้ซอกคอผมไปจนเริ่มขนลุก มันรู้สึกสยิวจนท้องไส้ปั่นป่วนแปลกๆ แบบนี้แย่แล้วล่ะ สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วด้วย จริงๆ ก้อยากจะขัดขืนแต่เคลิ้มมากกว่า

“อื้อ... ขี้หวงว่ะ วันนี้อยากทำอะไรก็ทำ พี่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษแล้วกัน”
ไม่ได้อ่อยจริงๆ นะ... แค่อยากทำให้รู้ว่าทั้งตัวทั้งใจของผมมันยกให้แฮงค์ไปหมดแล้วก็เท่านั้นเอง

“งั้น... ขอให้พี่ข้าวเป็นของผมได้ไหมครับ”
เขาผละตัวออกมาประจันหน้าแล้วอ้อนขอด้วยแววตาเป็นประกาย ผมตกใจเล็กน้อยที่คนตรงหน้าพูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้ แก้มทั้งสองข้างร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาเอาแต่หลุบต่ำเพราะไม่กล้าจริงๆ ที่มองเขา ให้ตายเถอะ ตอนนี้หัวใจเต้นแรงมาก จะตายไหม...

“แม่ง... ตรงเกินไปแล้วนะ แต่ก็เบาๆ หน่อยแล้วกัน”





---------------------------------------------------

ตอนหน้าตัดภาพเข้าโคมไฟฮะ 555555555 /me โดนกระทืบ

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #199 เมื่อ17-02-2017 23:14:20 »

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
« ตอบ #199 เมื่อ: 17-02-2017 23:14:20 »





ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #200 เมื่อ17-02-2017 23:24:44 »

 :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #201 เมื่อ18-02-2017 08:26:08 »

โอ้ยยยยยยย ตอนแรกมีอะไรอยากจะพูดมากมายเลยค่ะ
แต่พอเจอย่อหน้าสุดท้ายปุ๊บ...

ขอตอนต่อไปด่วนจ้าาาา
โคมไฟเจ้ไม่เอานะ เจ้เห็นท่เยอะละ5555555

ปล.พี่ข้าวนี่หลงแฟนมากนะเนี่ย ยอมโดยดุษฎีไปอีกกก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #202 เมื่อ18-02-2017 09:36:25 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #203 เมื่อ18-02-2017 12:01:03 »

 :impress2: :impress2: :impress2:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #204 เมื่อ18-02-2017 20:08:39 »

 :katai1: ม่ายยยยย แพนกล้องกลับมาเดี๊ยวเน้  :katai1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 22 -P.7- (17.02.2017)
«ตอบ #205 เมื่อ18-02-2017 23:03:36 »

ในความยอมแฟนเสมอของพี่ข้าว....ไม่ได้หลงเลยเนอะพี่ข้าวเนอะ

ก็แฟนกัน พอน้องอ้อนอะไร ก็ยอมๆน้องไปเฉยๆเนอะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 23 -P.7- (19.02.2017)
«ตอบ #206 เมื่อ19-02-2017 22:13:48 »

เมาครั้งที่ 23





เสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วเบากว่าเสียลมหายใจหนักๆ ของผมตอนนี้ซะอีก ยามเมื่อโดนอีกคนจูงมือไปที่ห้องนอนแล้วนั่นอยากจะถอนคำพูดที่ออกจากปากไปแล้ว แต่จะให้ขัดขืนตอนนี้ก็คงทำได้ยาก และไม่แน่ว่าอีกคนจะคิดมากไปอีก ที่ยอมก็เพราะรัก ไม่รักใครมันจะไปยอมทำให้ตัวเองเจ็บกันล่ะ เคยได้ยินไอ้พีชบ่นว่าครั้งแรกแม่งเหมือนคนโดนโบยก้นมานับร้อยครั้ง... เห็นภาพเลยกู


ผมถูกแฮงค์กดไหล่ให้นั่งอยู่ตรงปลายเตียงส่วนเขานั่งลงยองๆ ลงด้านหน้าแล้วช้อนสายตาแวววาวมองกัน ริมฝีปากหยักค่อยๆ คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เชื่อว่าไม่มีใครทนต่อการกระทำแบบนี้ได้หรอก ซึ่งผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องเบนสายตาหนีไปทางอื่น หัวใจเต้นแรงเพราะความตื่นเต้นและความกลัวผสมปนเปกันไปหมด


"พี่ข้าวครับ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกชื่อกันก่อนที่สัมผัสอุ่นๆ จะทาบทับลงบนฝ่ามือ ริมฝีปากหยักบรรจงจูบลงไปอย่างรักใคร่เล่นเอาผมต้องดึงสายตากลับมามองเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้... อยากจะตายซะตรงนี้ให้ได้เพราะร่างกายร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว

"อะ อะไร"

ผมตอบกลับไปเสียงตะกุกตะกัก พยายามจ้องมองเขาไม่วางตาแต่ได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็ยอมพ่ายแพ้ แฮงค์เล่นจ้องอยากกับจะกลืนกันลงไปทั้งตัวแบบนั้นใครจะทนไหว... วิ่งหนีตอนนี่จะได้ไหมนะ ป๊อดแล้วอะดิ


"แน่ใจจริงๆ แล้วเหรอครับว่าพร้อมที่จะเป็นของผม"
เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มันแฝงไปด้วยความไม่มั่นใจ ท่าทีขี้เล่นในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้นแถมยังบีบมือกันไว้อีก เป็นผมเองที่ต้องหันกลับมาสบตาเขาอย่างจริงจังก่อนจะชิงกดจูบลงบนริมฝีปากหยักแรงๆ แล้วถอนออกมา


"ถามมากจริงๆ ถ้าไม่ทำพี่จะกลับห้อง คนเขาอุตส่าห์เตรียมใจแล้ว"
ผมบ่นเสียงอู้อี้แล้วดึงมือออกจากการเกาะกุม ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นยืนนั้นแฮงค์กับดันตัวให้ผมเอนกายราบลงกับเตียงแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วขึ้นมาคร่อมด้านบนอย่างรวดเร็ว... อะไรวะ งงไปหมดแล้วเนี่ย


ผมยกมือขึ้นดันแผ่นอกแกร่งด้วยความตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่คนด้านบนฝืนแรงกันแล้วประกบจูบลงมาอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นสีสดไล่เลียไปตามริมฝีปากบางก่อนที่มันจะดุนดันให้เปิดทางเพื่อเข้าไปกักเก็บความหวานภายใน ผมครางเสียงอื้ออึงเพราะโดนรุกล้ำอย่างเร้าร้อน ไม่เคยเป็นฝ่ายโดนกระทำแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องโต้ตอบไปแบบไหน มันดูขัดเขินเงอะๆ งะๆ ไปซะทุกอย่าง อุณหภูมิร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงอย่างน่าประหลาด มันร้อนมาก ร้อนจนอยากปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก


"อึก อื้อ"
เปล่งเสียงได้เพียงแค่นั้นในจังหวะที่แฮงค์ถอนริมฝีปากออกและประกบเข้ามาใหม่อีกครั้ง นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปตามกรอบหน้า ค่อยๆ ไล้ลงมาตามแนวลำคอ ความรู้สึกในตอนนี้ช่างสับสนปั่นป่วนและวาบหวาม ยามเมื่อปลายลิ้นเปียกชื้นเกี่ยวตวัดกักเก็บความหวานมันทำให้แก้มทั้งสองข้างร้อนจนแทบระเบิด เสียงจูบที่แลกน้ำลายกันไปมาช่างหยาบโลนแต่ทำให้หัวสมองแทบโล่ง... น่ากลัวจริงๆ


มือไม้ทั้งสองข้างดูเหมือนจะเกะกะจนไม่มีที่ไว้ที่วาง สุดท้ายผมตัดสินใจที่จะใช้แขนคล้องคอคนที่อยู่บนร่าง แฮงค์ถอนจูบออกเมื่อสังเกตได้ว่าเขาช่วงชิงลมหายใจกันมากเกินไปแล้ว แต่ได้พักเพียงไม่นานใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้อีกครั้งก่อนที่ปลายจมูกโด่งสวยจะซุกไซร้ลงบนซอกคอขาวอย่างอ้อยอิ่ง ปลายเท้าเริ่มจิกกับเตียงเมื่อรับรู้ถึงความสยิวที่ห่างหายไปนานจนจำไม่ได้...


มือหนาเริ่มแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมออกในขณะที่เขายังไม่ยอมละใบหน้าออกจากการซุกไซร้ช่วงลำคอ ริมฝีปากหยักคอยขบเม้มดูดดึงจนรู้สึกเจ็บแปลบแต่มันกลับแฝงความวาบหวามเอาไว้ ลิ้นร้อนแลบเลียไล้ลงต่ำตนมาถึงหน้าอกที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปิดบัง ลมหายใจถี่หอบกระชั้นของเราประสานกันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว หัวใจเต้นโครมครามไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ เพราะโดนสัมผัสมากขึ้นและมากขึ้น


"อ๊ะ"
ผมร้องเสียงหลงเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนครอบครองตุ่มไตสีหวานบนอก อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นคล้ายกับคนเป็นไข้ แฮงค์ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียวเพราะนิ้วเรียวนั้นเค้นคลึงยอดอกอีกข้างจนมันแข็งชูชันอย่างน่าอาย ร่างกายบิดเร่าเพราะความเสียวซ่านก่อนจะกยุดชะงักเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยถาม


"พรุ่งนี้ลางานได้ไหมครับ"


"หะ ห๊ะ ว่าไงนะ"


"ลางานน่ะครับ เผื่อผมติดลมอะไรแบบนั้น"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น สายตาที่มองมาอย่างกับเสือกำลังจะเขมือบลูกแกะ ผมเม้มปากเล็กน้อยเพราะกำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูก ติดลมบ้าอะไรกันเล่า กะจะกดให้จมเตียงไม่มีแรงจะทำอะไรเลยหรือยังไง ว่าแต่... พรุ่งนี้มันวันเสาร์นี่ จะลางานเพื่อ!


"แม่ง... พรุ่งนี้วันเสาร์เว้ย แล้วหยุดพูดเรื่องน่าอายสักทีเถอะน่า"
ผมจิกมือลงบนท้ายทอยของเขาด้วยความหมั่นไส้ แฮงค์หัวเราะออกมาก่อนจะกดจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปาก มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย มันต่ำลงและต่ำลงจนถึงจุดอ่อนไหวภายใต้กางเกงทำงานเนื้อดี ผมสะดุ้งและหนีบขาเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่ดูจะเป็นเรื่องที่พลาดมหันต์แล้วล่ะ...


"เสียวเหรอครับ"
ถามกันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจบก็บรรจงจูบลงที่กลางอกก่อนจะขยับมือลูบส่วนกลางลำตัวของผมผ่านกางเกง เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าผมตัวสั่นมากแค่ไหน... อารมณ์ความต้องการพุ่งสูงจนกลัวว่าจะเป็นฝ่ายเริ่มเอง เลิกเล้าโลมกันสักทีเถอะ จะไม่ไหวแล้วนะ


"บะ บอกให้หยุดพูดเรื่องหน้าอายยังไงเล่า"
ผมโวยเสียงดังก่อนจะรั้งคออีกฝ่ายลงมาจูบ มือทั้งสองข้างปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของอีกฝ่ายออกอย่างไม่รอช้า ไม่อยากโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวสักเท่าไหร่เพราะมันไม่แฟร์เลย ปล้ำมาปล้ำกลับไม่โกงดีไหม


ไม่รู้เหมือนกันว่าเสื้อผ้าของเราทั้งสองคนร่วงลงไปที่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกทีคือเนื้อแนบเนื้อกันไปแล้ว ร่างกายแทบลุกเป็นไฟเมื่อผมโดนเด็กเมื่อวานซืนจับแยกขาออกจากกันแล้วใช้นิ้วสอดใส่ช่องทางด้านหลังเพื่อปรับสภาพให้มันคุ้นชิน ยอมรับว่ามันเจ็บจนแทบกรีดร้องแต่ก็มนกัดฟันต่อไปเพราะทำใจยอมรับไว้แล้ว และมันไม่ใช่การฝืนอะไร


ผมยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะอายเกินกว่าจะเฝ้ามองการกระทำแบบนั้น แต่แฮงค์ไม่ยอมเลยดีงมือกันออกแล้วจับประสานไว้แทน คราวนี้จะหลบเลี่ยงยังไงก็ไม่ได้ มีแต่ต้องมองดูคนตรงหน้าเคลื่อนไหวอยู่ตรงหว่างขา ตัวจะระเบิดอยู่แล้ว อยากเอื้อมมือไปปิดไฟชะมัด น่าอาย น่าอายที่สุด


"พี่ข้าวแม่ง... โคตรน่ารักเลยว่ะ"
เขาเลียริมฝีปากก่อนจะก้มลงใช่ปากแตะลงบนส่วนกลางลำตัว ผมสะดุ้งและหนีบขาเข้าหากันแต่ติดที่ว่าเขานั่งขั้นกลางอยู่ 


"ทะ ทำอะไรน่ะแฮงค์!"
ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พยายามปั้นหน้าดุใส่เขาแต่มันไม่ไหวจริงๆ หัวใจเต้นแรงมากและความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องก็มีมากเกินกว่าจะบอกให้เขาหยุดการกระทำอะไรตอนนี้


"หึหึ"
เขาหัวเราะแทนการตอบคำถามก่อนจะประคองสะโพกของผมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและค่อยๆ สอดใส่เข้ามาอย่างเชื่องช้า ผมแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่พยายามกัดฟันทนให้ถึงที่สุด มือที่สอดประสานกันบีบแน่นจนขึ้นข้อขาวเพื่อระบายอารมณ์บางส่วนออกไป


"เจ็บมากไหม"
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและหยุดการกระทำไว้แค่นั้น ส่วนผมพยักหน้ารับความจริง เพราะมันเจ็บเหมือนร่างจะฉีก แต่การที่เขาค้างคาไว้ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้มันโคตรอึดอัด


"สะ ใส่เข้ามาเถอะ ไหว"
ผมร้องขอก่อนจะยกตัวขึ้นไปประกบปากจูบอีกคน สิ้นคำร้องขอแฮงค์ก็สอดใส่เข้ามาช้าๆ จนสุดและเริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า ยอมรับว่าจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่กัดฟัดเม้มปากเอาไว้แน่นและมองหน้าอีกคนโดยไม่ละสายตา


"อึก อ๊ะ"
ผมร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่เริ่มแทรกขึ้นมาในความเจ็บปวด ร่างกายช่วงล่างเริ่มผ่อนคลายและตอบรับการขยับของแฮงค์ได้ดียิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่กว่าจะเป็นอิสระได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม... ติดใจอะไรนักหนา


"พี่ข้าว"
เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาอยู่ข้างๆ ตามมาด้วยแรงขบเม้มติ่งหูที่พอจะเรียกอารมณ์วาบหวามให้กลับมาอีกครั้ง ผมตวัดสายตามองคนหื่นก่อนจะอ้าปากงับยอดอกด้วยความหมั่นไส้ เหนื่อยจนจะพูดไม่ออกอยู่แล้วยังแกล้งกันอยู่ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บล่ะก็ จะถีบให้กลิ้งตกเตียงไปเลย


"อย่าแกล้ง"
ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้งแล้วซุกตัวเข้ากับอกแกร่งเหมือนเดิมเพราะอากาศหนาวและยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ไม่รู้จะเอาแรงคลานไปหยิบพวกมันมาจากไหน


"เปล่าสักหน่อย ก็ตัวพี่หอมนี่ครับ ผมยังกินไม่อิ่มเลย"
เข้าฝังจมูกลงมาบนกลางกระหม่อมแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ แต่นั่นทำให้ผมหน้าร้อนวูบขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมแฮงค์เป็นคนตะกละแบบนี้ กินไปตั้งสามรอบยังไม่พออีกเหรอ! นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าตอนเช้าจะงัดตัวเองออกจากที่นอนได้ยังไง... แย่มากๆ แต่มันก็มีความสุขดีนะ


"หยุดหื่นสักทีเหอะ พี่ง่วงแล้ว"
ผมพูดเสียงงัวเงียก่อนจะหลับตาลงแล้วกระชับกอดคนข้างตัวให้แน่นขึ้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่เต็มใจสักเท่าไหร่เพราะเขาขยับตัวยุกยิก... อะไรอีกล่ะเนี่ย


"พี่ข้าว... เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้ก่อนดีกว่า"


"ไม่เอา นอนเหอะ ตอนเช้าค่อยตื่นไปอาบน้ำ"
ผมรวบรัดตัดความและไม่ยอมปล่อยให้เขาลุกไปไหนได้อีกแล้ว จะเหนียวเหนอะก็ช่างมันเถอะ ง่วงจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อีกอย่างอากาศมันก็หนาวด้วย ไม่อยากนอนคนเดียวนี่นา


"โอเค งั้นฝันดีนะครับ"
แฮงค์จุมพิตลงบนหน้าผากก่อนจะรั้งตัวผมเข้าไปใกล้มากขึ้น เสียงพึมพำตอบรับว่าฝันดีเหมือนกันคงดังไม่ไม่ถึงคนฟัง ตอนนี้ไม่ไหวแล้วขอนอนก่อนนะ

แสงแดดยามเช้าปลุกให้ผมลืมตาตื่นได้อย่างยากเย็น คิดจะพลิกตัวออกจากอ้อมกอดของอีกคนก็ต้องล้มเลิกเพราะเพียงแค่ขยับก็ปวดร้าวสะโพกไปหมด นี่สินะที่ไอ้พีชบอกว่าเหมือนโดนโบยเป็นร้อยครั้ง อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าตอนนี้โคตรเข้าใจความรู้สึกของมันเลย


"เจ็บ..."
ผมพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะช้อนตามองคนที่ยังหลับตาพริ้มและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิท จมูกโด่งที่รับกับส่วนประกอบต่างๆ ได้อย่างดี ริมฝีปากหยักสีส้มอ่อนดูๆ ไปก็เซ็กซ์ซี่ดี... น่าจูบชะมัด และไวเท่าความคิดที่ผมแอบจุ๊บเบาๆ ลงไป หัวใจเต้นแรงมาก ทำไมผมหลงไอ้เด็กคนนี้ขนาดนี้เนี่ย เป็นเวรกรรมติดจรวดที่ปล่อยให้มันแอบรักมานานหรือเปล่านะ แย่อะ โคตรแย่เลย แพ้ทางเขาไปซะทุกอย่าง


"อือ พี่ข้าวตื่นแล้วเหรอครับ"
อยู่ๆ เสียงทุ้มก็ทักขึ้นทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังไม่ลืมตา ผมสะดุ้งเล็กน้อยและนั่นทำให้อาการปวดร้าวแล่นริ้วไปแทบทุกส่วนของร่างกาย เม้มปากไว้เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป แม่ง... เจ็บเหมือนจะเดินไปไหนไม่ได้เลยว่ะ


"พี่... เจ็บมากเหรอครับ ผมขอโทษนะ เดี๋ยวไปซื้อยาให้"
แฮงค์ลืมตาแล้วมองหน้าผมด้วยความตกใจและรีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน ผมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าเจ็บยิ่งทำให้ใบหน้างัวเงียแสดงความสำนึกผิดไปใหญ่


"อย่าทำหน้างั้นดิแฮงค์ ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า ไปๆ ไปซื้อยาให้หน่อย เดี๋ยวพี่จะลุกไปอาบน้ำ"
ผมพูดพร้อมกับฝืนยิ้มออกไป แล้วไอ้ที่บอกว่าจะไปอาบน้ำนั่น... ขอเวลาสักครึ่งชั่วโมงในการหาทางลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ก่อนเถอะ ยังไม่กล้าขยับตัวออกจากอ้อมแขนอีกคนเลย


"ลุกไหวเหรอพี่ ให้ผมอุ้มไปส่งไหม"
เขาแสดงความมีน้ำใจและความเป็นห่วงเป็นใยออกมาอย่างชัดเจน ผมคลี่ยิ้มให้แล้วยกมือขึ้นยีหัวคนตรงหน้า ทำไมต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้วะ พี่ต้นยอมรับแฮงค์เถอะน่า ไหนๆ น้องมันก็เป็น... สา เอ้ย เป็นของผมแล้ว


"ลุกออกจากเตียงแบบเบาๆ ก็พอเหอะ ที่เหลือพี่จัดการเอง"


หลังจากที่แฮงค์ออกไปแล้วผมก็พยายามจะขยับลุกขึ้นเพื่อเดินไปห้องน้ำ ระหว่างทางแทบจะล้มทั้งยืนเพราะแรงเสียดสีทางด้านหลังทำให้เจ็บมาก น้ำตาแทบจะไหลให้ได้ แต่สุดท้ายก็ฝืนเดินจนถึงและจัดการอาบน้ำ เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้มันน่าหงุดหงิดชะมัด เสื้อยืดตัวโคร่งที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวสั้นที่แทบจะกลืนหายเข้าไป แม่ง... ชอบอะไรแบบนี้สินะไอ้เด็กหื่นกาม


ผมคิดว่าบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกเพราะสุดท้ายก็ไม่มีปัญญาไปรื้อหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ แค่ออกจากห้องน้ำยังต้องสูดลมหายใจเข้าออกนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเดินไปไหนเลยว่ะ ร้าวไปหมด แบบนี้คงต้องงดเรื่องอย่างว่ายาวๆ


แฮงค์กลับมาด้วยสภาพที่ผมยังตกใจ สองมือหิ้วถุงพะรุงพะรังจนน่าสงสัยว่าซื้ออะไรมานักหนา แถมหน้ายังแดงๆ อีก จะว่าไปนี่มันก็ยังเช้าอยู่เลย แดดแรงขนาดนั้นเชียวเหรอวะ ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาได้แต่มองดูอีกคนรื้อของออกมาจัดเข้าที่ อยากไปช่วยนะ แต่ตอนนี้แรงจะช่วยตัวเองยังไม่มี กะว่าจะไปทำอาหารแต่ต้องล้มเลิกเพราะห้องครัวอยู่ไกลเกินฝัน


"ซื้ออะไรมาเยอะแยะ"
ผมตะโกนถามคนที่ขะมักเขม้นจัดของอยู่ในครัว เขาผงกหัวขึ้นแล้วคลี่ยิ้มกว้างให้กันทั้งๆ ที่หน้ายังแดงอยู่ มันน่าจะมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ...


"ซื้อพวกของสด นม รังนก ขนม น้ำหวานน่ะครับ ของใครส่วนตัวนิดหน่อย"


"อ้อ... แล้วนี่ไหวปะ หน้าแดงไม่เลิกเลย นั่งพักก่อนไหม"
ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่คิดเลยว่าแฮงค์จะสำลักออกมาแถมยังยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาอีก อะไรของเขาวะนั่น น่าเป็นห่วงจนต้องเดินเข้าไปหาทั้งๆ ที่ปวดระบมช่วงล่างไปหมด


กว่าจะเดินถึงตัวแฮงค์ได้นั้นอีกฝ่ายก็ลดมือลงจากใบหน้าแล้ว พอเห็นว่าผมชักสีหน้ายุ่งเหยิงก็รีบเข้ามาประคองกันทันทีแถมยังบ่นอะไรงุ้งงิ้งไปด้วย


"เดินมาหาผมทำไมเนี่ย ตัวเองเจ็บอยู่แท้ๆ"
บ่นไม่พอยังทำหน้ามุ่ยใส่กันอีก พอผมจะทิ้งตัวนั่งลง แฮงค์ก็ทำหน้าตาตกใจแล้วรั้งแขนเอาไว้ก่อนจะพูดเสียงดัง


"อย่าเพิ่งนั่งๆ ผมไปเอาเบาะรองก่อน"
แล้วเขาก็รีบตรงดิ่งไปที่โซฟาเพื่อหยิบเบาะรองนั่งที่ตั้งอยู่ตรงนั้นมาให้ ผมหลุดขำเมื่อเห็นแฮงค์แสดงอาการเป็นห่วงกันขนาดนั้น ทำตัวน่ารักไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ แต่ดูท่าทางจะหื่นมากกว่าอะไรทั้งหมดล่ะมั้ง


"นั่งเบาๆ นะครับ ระวังหน่อย"
เขาประคองผมให้นั่งลงหลังจากที่วางเบาะลงบนเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จัดการงานตรงนี้เสร็จก็รีบแกะถุงโจ๊กที่ซื้อติดมือมาด้วยลงถ้วยทันทีแล้วเลื่อนมันมาให้ ผมมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าแฮงค์จะซื้ออะไรมากินอีกอย่างแต่ก็ไม่มี... หมายความว่ายังไง


"แล้วตัวเองจะกินอะไรล่ะ แบ่งโจ๊กไปไหม"
ผมถามแล้วมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น อีกฝ่ายหลบตาแล้วเอามือลูบท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทางเขินๆ แค่ถามว่าจะกินอะไรมันต้องเขินกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ พร่ำเพรื่อเกินไปแล้ว


"อยากกินพี่ข้าวอะครับ"
เขาโน้มตัวลงมากระซิบใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมา ผมถลึงตาใส่แล้วใช้มือหนีบจมูกคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งจะด่าไปในใจว่าชอบหื่นกาม ยังไม่ทันไรก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนซะแล้ว


"โอ้ย พี่อะ ผมล้อเล่นๆ กินแค่กาแฟกับขนมปังทาเนยก็พอแล้วครับ"
แฮงค์ร้องโวยวายหลังจากที่ผมปล่อยจมูกของเขาให้เป็นอิสระ ผมเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้แล้วคว้าเอาช้อนมาตักโจ๊กใส่ปากโดยไม่พูดอะไรอีก หิวจนไส้จะขาดก็เมื่อคืนออกศึกหนักไปหน่อยนี่นา แต่เชื่อไหมว่ากินข้าวด้วยความหวาดระแวงเพราะอีกคนเอาแต่นั่งจ้องมาทางนี้แถมยิ้มกรุ้มกริ่มส่งมาให้จนผมต้องขมวดคิ้วมองกลับไป


"หยุดมองได้แล้ว คนจะกินข้าว"
ผมว่าเสียงดุๆ แล้วจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา แฮงค์ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวแถมยังยกยิ้มมุมปากให้หวั่นใจเล่นๆ คิดอะไรอยู่กันแน่นะ เรื่องหน้าแดงก็ยังไม่เคลียร์ด้วย


"ใส่ชุดนี้แล้วเซ็กซี่ดีนะพี่ ขาโคตรเนียนอะ แถมตอนก้มยังเห็นไปถึงไหนต่อไหนอีก"
ผมแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าร้อนวูบวายขึ้นทันทีทันใดหลังจากฟังจบ ช้อนในมือหล่นลงสู่โต๊ะแบบไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด ช็อกมาก โคตรช็อก นี่วางแผนไว้ใช่ไหมห๊ะ!


"ไอ้เด็กหื่นกาม! เอาชุดนี้ให้ใส่เพราะจะได้ดูนั่นดูนี่ของพี่ใช่ไหม เดี๋ยวกระทืบให้ยับเลย!"
พูดจบก็ลุกขึ้นพรวดเพื่อจะกระชากคอเสื้ออีกคนด้วยความโมโหปนอายแต่ลืมไปว่าช่วงล่างของตัวเองระบมแค่ไหนเลยทำได้เพียงชะงักการกระทำทั้งหมดแล้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวด มันร้าวไปหมดจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ด้วยซ้ำ ไม่ไหวแล้ว อยากลาโลก


แฮงค์มองผมด้วยความคื่นตระหนกก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วช่วยประคองผมให้นั่งลงที่เดิมช้าๆ ในจังหวะนั้นเลยใช้ช่วงชุลมุนต่อยท้องเขาไปด้วยความหมั่นไส้


"โอ้ย ต่อยผมทำไมเนี่ย"


"เจ้าเล่ห์ดีนัก"


"แหม... ก็เมียน่าลวนลามอะ"
เขาพูดเสียงอ่อยแต่ผมกลับได้ยินชัดเจนแล้วแยกเขี้ยวใส่อย่างอดไม่ได้ อยู่ๆ โดนเรียกว่าเมียจะให้ทำหน้ายังไงวะ แล้วนี่เป็นผู้ชาย... เมียบ้าอะไร ถึงความจริงมันจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ แก้มร้อนเฉยเลยว่ะ


"เงียบ! ใครบอกให้เรียกว่าเมีย อยากตายหรือไงเล่า"
ผมโวยเสียงดังแล้วผลักอีกคนออกไปไกลๆ คราวนี้มีแรงฮึดในการลุกหนีเกือบๆ เต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่ร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวยเลยเดินได้แค่ความเร็วเท่ากับหอยทากคลาน จะให้อยู่สู้หน้าคนแบบนั้นก็ทำไม่ไหว โมโหจนหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย


"อย่าโหด... ผมกลัวแล้วครับ ไม่เรียกแล้วถ้าพี่ไม่ชอบ"
แฮงค์เดินตามกันมาแล้วพูดเสียงอ่อย ผมกัดฟันไว้แน่นแล้วฝืนเดินต่อไปจนถึงโซฟาแล้วค่อยๆ นั่งลงอย่างระมัดระวัง พอเงยหน้าขึ้นก็เห้นคนสำนึกผิดยืนคอตกอยู่ตรงหน้า จะด่าก็ด่าไม่ออกไปซะอย่างนั้น เมื่อไหร่ผมจะเลิกแพ้ทางเด็กสักทีวะ เหมือนจะกลายเป็นทาสน้องยังไงไม่รู้ เป็นเมียต้องอยู่เหนือกว่าไม่ใช่หรือไง ไม่ชอบเป็นช้างเท้าหลังหรอก!


"ก็เปล่า... ไม่ใช่แบบนั้น แค่รู้สึกจั๊กจี้ยังไงก็ไม่รู้"
สุดท้ายก็แพ้ แพ้อย่างราบคาบไม่มีข้อโต้แย้ง ความจริงจะเรียกเมียผมก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรสักเท่าไหร่หรอก แต่มันแปลก... ฟังแล้วรู้สึกเขินแปลกๆ ถ้าพูดตอนอยู่ในที่สาธารณะผมก็ไม่โอเคสักเท่าไหร่หรอก มันประเจิดประเจ้อเกินไป


“เขินก็บอกว่าเขินนะพี่ อย่าซึน”
แฮงค์พุดด้วยเสียงหยอกล้อก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าแล้วใช้คางวางลงบนขาอ่อนแล้วถูไถเบาๆ ผมนั่งตัวแข็งทื่อเพราะการโดนกระทำแบบนี้มันรู้สึกหวิวขึ้นมายังไงไม่รู้ ใกล้กันมากไปหลังจากมีอะไรกันนี่มันน่ากลัวจริงๆ ดูเหมือนอารมณ์มันจะเกิดง่ายกว่าปกติอยู่พอตัว

“สรุปว่าจะหยุดหรือไม่หยุดพูด จะให้พี่เอาหมัดยัดปากไหมครับ”
ผมผลักหัวแฮงค์ออกแล้วมองเขาตาขวาง พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด อยากปลดปล่อยแต่ยังเจ็บช่วงล่างไม่หายนี่สิ... เขาเบะปากใส่กันก่อนจะยอมแพ้แล้วขึ้นมานั่งข้างๆ และเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาเล่น ก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอก ไม่มีความลับระหว่างกันอยู่แล้ว


“โหดตลอด นี่สามีนะครับ”
ไม่วายยังล้อกันเรื่องบนเตียงเลยทำให้ผมอ้าปากงับเข้าที่ไหล่ของเขาด้วยความอาย เมื่อไหร่จะเลิกพูดแบบนั้นสักทีวะ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยั่วให้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนยังไงก็ไม่รู้ ภาพการขยับร่างกายของเขายังติดตรึงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน เกือบจะจำทุกสัมผัสได้อีกต่างหาก ขนลุกซู่เลยว่ะ...


“ยังไม่หยุดอีกนะแฮงค์”
ผมว่าเสียงดุแล้วเอื้อมมือไปหยิกแขนด้วยความหมั่นไส้ แฮงค์หันมาทำหน้ายุ่งใส่กันก่อนจะกดจูบแรงๆ ลงมาบนปากของผม พอได้กำไรไปก้ยิ้มซะปากฉีก โอย อยากจับมันเชือดจริงๆ เลย

“นุ่มนิ่มจังเลยแฟนผม”

“อย่ากวนตีนน่า แล้วนี่เล่นอะไรในโทรศัพท์พี่ล่ะ”
ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูก็เห็นว่าแฮงค์กำลังเปิดดูแชทไลนืระหว่างผมกับมายด์อยู่ ถ้าเจ้าของไม่อนุญาตเขาไม่กล้ายุ่มย่ามหรอก ถือว่ามีมารยาทอยู่มากและนั่นเป้นข้อดีของแฟนผม เคารพสิทธิส่วนตัวเสมอ คนอื่นไม่ต้องมาหลงมันนะ ให้ผมหลงคนเดียวก็พอแล้วครับ หวง


“เช็คว่าพี่มายด์ยังยุ่งกับพี่อีกหรือเปล่าน่ะครับ”
เขาตอบแต่สายตายังคงไล่อ่านข้อความที่ผมคุยกับมายด์ไปเรื่อยๆ แต่แทนที่จะหน้าบึ้งกลับค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาเรื่อยๆ หึ... ก็สิ่งที่คุยโต้ตอบกันมีแต่เรื่องคนขี้หวงที่นั่งข้างๆ กันเท่านั้นล่ะ ถึงมายด์จะชอบผมก็จริง แต่พอเจอคนอย่างแฮงค์เข้าไปก็ยอมแพ้ได้ง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะคำยืนยันว่าผมไม่มีทางรักมายด์ก็ได้ และนั่นทำให้น้องพยายามตัดใจ


“แก้มจะแตกแล้ว เก็บอาการดีใจหน่อยก็ดีมั้ง”
อดกระแนะกระแหนไม่ได้หรอก เห้นท่าทางดีใจแบบนั้นแล้วหมั่นไส้น่ะ นี่ถ้าผมคุยเชิงชู้สาวกับมายด์นะ แฮงค์คงทำหน้าหงิกใส่แน่ๆ เด็กหนอเด็ก


“ไม่ให้ยิ้มได้ยังไงวะพี่ ทำตัวน่ารักขนาดนี้ ขอฟัดหน่อยได้ไหมหื้ม”
แฮงค์รีบวางโทรศัพท์แล้วขยับเข้ามาใกล้กันแทบจะทันที ดีหน่อยที่ผมยกมือดันอกของเขาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นจมูกโด่งๆ คงวุกไซร้ลงมาที่ซอกคอแล้ว ตอนนี้จะทำอะไรอย่างอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่การเข้ามาประชิดตัวกันแบบนี้ หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าจะกระเด้งกระดอนออกมาจากอกอยู่แล้ว ไม่รู้บ้างหรือไงว่าการอดกลั้นอดทนตอนมีอารมณ์ขึ้นมามันยากแค่ไหน


“มะ ไม่ได้ พี่ยังเจ็บอยู่เลยนะเว้ย ช่วยทะนุถนอมกันหน่อยไม่ได้หรือไง”


“ล้อเล่นครับๆ จะไปนอนพักหรือเปล่า เดี๋ยวผมช่วยพยุงไปห้องนอน”


“อือ ก็ดีเหมือนกัน”


ผมค่อยๆ เดินไปที่ห้องนอนโดยมีแฮงค์ประคองอยู่ไม่ห่าง จัดการเปิดแอร์จัดที่นอนให้เรียบร้อยจนผมต้องแอบยิ้มกับการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขา มีแฟนดีก็แบบนี้ล่ะนะ ใครอิจฉาก็เป็นเรื่องธรรมดา นี่ไม่ได้อวดแฟนเลย ไม่ได้เห่อด้วย...


ผมนอนลงบนเตียงด้วยร่างกายที่ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงขึ้นคลุมจนถึงหน้าอกโดยฝีมือของแฮงค์ เขาโน้มตัวลงมาจุมพิตลงที่หน้าผากก่อนจะนั่งเฝ้ากันอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน แต่ทำแบบนั้นมันดูจะรบกวนเวลาว่างของเขาเกินไปล่ะมั้ง


“จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องเฝ้ากันหรอก”
ผมบอกก่อนจะคลี่ยิ้มบางส่งไปให้เขา เอื้อมมือไปดึงแก้มอีกคนด้วยความมันเขี้ยวจับใจ จะทำให้หลงกันหัวปักหัวปำไปถึงไหน ถ้าให้คิดว่าวันหนึ่งต้องเลิกกันผมคงเหมือนตายทั้งเป็นล่ะมั้ง


“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ทำอะไรอยู่แล้วล่ะ รอให้พี่หลับก่อนค่อยออกไปเตรียมอาหารเที่ยง”
คำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มนั้นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่น นี่เขาคิดจะทำอาหารให้กันอีกแล้วเหรอ ทั้งๆ ที่มันลำบากตัวเองเนี่ยนะ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นคนเอาใจใส่กันขนาดนี้สักที ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีอะไรหรอก แต่รู้สึกว่าผมจะได้รับสิ่งดีๆ มามากเกินไป กลัวว่านานๆ ไปจะเคยตัว... บอกแล้วไงว่าคนอย่างผมน่ะกลัวการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในชีวิตเลยล่ะ


“จะทำอาหารอีกแล้วเหรอ ซื้อกินเอาก็ได้มั้ง”
ผมเสนอทางออกที่ดีให้กับเขา เพราะไม่อยากให้ลำบากไปมากกว่านี้ เมื่อคืนอย่าคิดว่าไม่รู้นะ เขาลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้กันด้วยเถอะ... บอกแล้วแท้ๆ ว่าจะตื่นมาอาบน้ำทีเดียวเลยก็ไม่เชื่อ แฮงค์ทำหน้ายุ่งแล้วเอาแต่ส่ายหัวไปมาเพื่อปฏิเสธก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แฟนคนเดียวผมดูแลได้น่า”
อืม... หน้าร้อนแบบไม่มีเหตุผลว่ะ พอ เลิกคุย จะนอนแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย ตามสบาย!


ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ต้องตกใจเมื่อทั้งห้องสลัวเกินกว่าจะเป็นเวลาบ่ายหรือเที่ยงวัน ทำไมแฮงค์ไม่ปลุกกันล่ะ บอกว่าจะเตรียมมื้อเที่ยงให้ไม่ใช่หรือยังไง แล้วนี่หมายความว่ายังไง...


ผมพยายามหยัดกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดบรรเทาลงเมื่อก่อนนอนแฮงค์เอายาแก้อักเสบมาให้กิน แถมตอนผมเคลิ้มๆ เขายังเอายามาทาแผลให้อีก โคตรน่าอายเลยว่ะ ที่จริงทำเองก็ได้... แค่คิดก็อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี




ต่อด้านล่างนะ


ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 23 -P.7- (19.02.2017)
«ตอบ #207 เมื่อ19-02-2017 22:15:39 »

“ทำแบบนี้ได้ยังไง”
เสียงที่ดังมาจากด้านนอกชะงักฝีเท้าของผมได้อยู่หมัด ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นเสียงของพี่ต้น... เขามาได้ยังไง แล้วข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยากจะพุ่งออกไปตอนนี้แต่ขอแอบฟังหน่อยก็แล้วกันว่ากำลังคุยเรื่องอะไรอยู่


“ผมไม่ได้ปล้ำพี่ข้าว เราสองคนเต็มใจที่จะทำแบบนั้น”
แฮงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมพอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่เขาคุยกันคือเรื่องอะไร... แต่กว่าจะคุยกันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่าพี่ต้นอัดแฟนผมซะเละเทะนะ


“ข้าวเป็นผู้ชาย นายกำลังทำให้ข้าวเดินทางผิด”
ผมสะอึกกับคำพูดของพี่ต้น มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดลูกบิดประตูค้างอยู่กลางอากาศ อะไรทำให้เขาพล่ามเรื่องแบบนั้นกับแฮงค์ อะไรที่ทำให้เขาคิดว่าผมเดินทางผิด ในเมื่อเรื่องทั้งหมดนั้นผมเป้นคนตัดสินใจทำทั้งหมดเอง โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้บังคับกันเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วทำไม... ทำไมพี่ชายถึงไม่คืนอิสระให้กันสักที


“ผม... ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมรักพี่ข้าวจริงๆ ครับ จะรับผิดชอบและดูแลเขาเป็นอย่างดี”


“ที่ยอมให้คบกันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดว่าจะเกินเลยได้ถึงขนาดนี้ เด็กอย่างนายน่ะคิดว่าจะดูแลข้าวได้หรือยังไง เลิกกันซะ แล้วคืนข้าวมาให้พี่”
จบประโยคนั้นของพี่ต้นลงผมก็พุ่งออกจากห้องโดยไม่เกรงใจใครทันที เรื่องอะไรที่เขาจะมาพูดปาวๆ กล่าวหาคนที่คอยดูแลผมเป็นอย่างดีแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสด้านดีๆ ของเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นคือรอยแผลที่มุมปากของคนรัก มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าคนเป็นพี่ชายลงมือต่อยหน้าแฮงค์ไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ ไหนว่าจะเลิกยุ่งไง แม่ง!


“พี่ต้น! พี่ทำอะไรแฟนผม แล้วมานั่งพูดเองเออเองแบบนี้มันคืออะไรครับ ส่วนเรื่องเมื่อคืนผมเป็นคนเริ่มเอง แฮงค์ไม่ผิด”
ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ แฮงค์โดยไม่สนว่าอีกคนจะใช้สายตาดุดันแค่ไหนมองมา มือเรียวประคองใบหน้าหล่อเหลาที่มีเลือดซึมอยู่ตรงมุมปากแล้วใช่นิ้วเกลี่ยอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม ทำไมเขาต้องเจ็บตัวเพราะผมเป็นต้นเหตุอยู่เรื่อยเลยวะ สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเป็นคนรักหรือตัวนำพาความซวยมาให้เด้กคนนี้กันแน่

“เจ็บมากไหม”
ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและใช้สายตาแสดงความเป็นห่วงมอง แฮงค์ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วฝืนคลี่ยิ้มให้กันทั้งๆ ที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย


“ข้าวจะปกป้องมันไปถึงไหน รักมันมากจนยอมให้มันขนาดนี้เลยเหรอ ดูสภาพตัวเองสิ เหมือนโดนข่มขืน”
พี่ต้นยังใช้ถ้อยคำแสลงหูพูดใส่กัน ผมไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ความโกรธกำลังมาเยือนแล้ว... ถึงจะเป็นพี่ชาย ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอผมก้ไม่เชื่อฟังหรอก


“ทำไมครับ สภาพผมมันน่าสมเพชขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ผมมีความสุขดีนะ เพราะเราสองคนสมยอมกัน ไม่ต้องไปปลุกปล้ำใครเหมือนพี่หรอก”
ผมหันไปพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากเมื่อพูดแทงใจดำของเขา พี่ต้นขมวดคิ้วและทำหน้าเครียดใส่กันแทบจะทันที ดูเหมือนเขาอยากจะลุกมากระชากคอเสื้อผมซะด้วยซ้ำ คนข้างตัวใช้มือแตะที่ข้อศอกเบาๆ เหมือนต้องการบอกให้ใจเย็นลงหน่อย เอาเถอะ... ผมว่าผมควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าพี่ชายตัวเอง


“ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มั่นคง”


“ถ้าพี่ห่วงว่ามันไม่มั่นคงแล้วพี่คบกับกันย์ทำไมครับ แก้เหงาเหรอ หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบ”


“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่รักกันย์ แต่ข้าวกับแฮงค์มัน...”

“เพราะผมอายุเยอะกว่าน้องใช่ไหม เลยคิดว่าแฮงค์จะดูแลผมไม่ได้ ขอบอกเลยนะว่าพี่คิดผิดไปมาก เขาดูแลผมได้ และผมก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่ว่าปีกกล้าขาแข็งอะไร แต่ผมไม่ได้โง่เรื่องการใช้ชีวิตอะไรขนาดนั้นครับ ขอความอิสระเรื่องความรักให้ผมหน่อยเถอะนะ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ได้ และถ้าวันใดวันหนึ่งผมกับแฮงค์ไม่ได้รักกันแล้ว วันนั้นผมจะเดินกลับไปหาพี่ต้นด้วยตัวเอง”
ผมพูดประโยคเหล่านั้นออกไปด้วยสติที่มีครบถ้วนและมันได้ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว คิดว่าครั้งนี้เรื่องน่าปวดหัวระหว่างเราทั้งสามคนจะจบลงสักที จบลงจริงๆ แล้วอีกอย่างคือเขาควรยอมรับว่าแฮงค์เป็นคนดีได้แล้ว


“เฮ้อ... นี่พี่ต้องปล่อยเราจริงๆ ใช่ไหมข้าว รู้ไหมว่ามันไม่ชินเลยที่ต้องส่งน้องชายตัวเองที่ดูแลมาตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาให้ใครอีกคนทำหน้าที่แทนน่ะ”
พี่ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินมายืนค้ำหัวเราทั้งสองคนเอาไว้ ผมเงยหน้าจ้องตาเขาเพื่อจะยืนยันว่าที่พุดไปนั้นคือความต้องการจริงๆ ของตัวเอง ส่วนแฮงค์เอื้อมมือมาจับมือกันไว้เพื่อให้กำลังใจ ผมรู้ว่าเขาอยากช่วยพูดในส่วนของตัวเองบ้าง แต่อย่าขัดจังหวะเลย รอให้เรื่องเคลียร์ก่อนเถอะ อยากพุดอะไรค่อยพุดทีหลังแล้วกัน


“เปลี่ยนคนดูแลไม่ใช่ว่าจะหายไปจากชีวิตสักหน่อยนี่ครับ พี่ก็ยังเป็นพี่ชายของผม ที่อยู่ก็ไม่ได้ย้ายไปไหนสักหน่อย ถึงจะย้ายพี่ก็ตามพวกผมไปได้อยู่ดีนั่นล่ะจริงไหม”
ผมพูดติดตลดในช่วงท้ายประโยคแต่มันคือความจริงที่พี่ต้นสามารถทำได้ ไม่ว่าวันหนึ่งผมกับแฮงค์จะตัดสินใจย้ายที่อยู่หรือไม่ เขาก็จะตามหาจนเจออยู่ดี


พี่ต้นมองพวกเราทั้งสองคนนิ่งๆ ก่อนจะหลุดยิ้มและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นลูบหัวผมกับแฮงค์จนยุ่งเหยิงไปหมด แววตาคมดุแปรเปลี่ยนเป็นความเอ็นดู


“ขอโทษที่ต่อยเรานะแฮงค์ พี่แค่อยากทดสอบว่าเราจะทำยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้น ซึ่งพี่ยอมรับว่าตกใจอยู่นิดหน่อยที่เราใจเย็นมากและไม่ต่อยพี่กลับมา”


“ผมรู้ครับว่าพี่ต้นเป็นห่วงพี่ข้าว แต่ผมยังยืนยันนะครับว่าผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด ไม่นอกใจด้วย”
พูดกับพี่ต้นจบก็หันมายิ้มละมุนให้กับผมซะอย่างนั้น แล้วใครมันจะไปทนมองหน้าระรื่นที่เพิ่งพูดประโยคเลี่ยนๆ ออกไปได้ล่ะ ไอ้อาการแก้มร้อนนี่เมื่อไหร่จะเลิกเป็นสักทีวะ


“ดีมากไอ้น้องเขย อย่าลืมยกขันหมากมาขอน้องชายพี่ด้วยแล้วกัน”
พี่ต้นพูดเสียงกลั้วหัวเราะและเพิ่มแรงขยี้หัวกันมากขึ้นไปอีก ผมปัดป่ายมือหนานั่นออกแล้วค้อนขวับใส่เขาแทบจะทันที เรื่องอะไรที่พูดออกมาว่าให้แฮงค์ยกขันหมากมาขอกันเล่า ผมไม่ใช่ผู้หยิงนะเว้ย บ้าไปแล้ว แม่ง บ้ามากๆ


“เงียบไปเลย ไม่ใช่ผู้หญิงเว้ย จะให้ยกขันหมากมาขอทำไมห๊ะ”
ผมโวยวายเสียงดังลั่นทั้งๆ ที่แก้มร้อนวูบวาบไปหมด สองคนนั้นก็เอาแต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนน่ารำคาญ ไม่รู้ถูกใจอะไรกันนักหนา อยากให้กลับไปเขม่นกันเหมือนเดิมฉิบหายเลยเว้ย โดนรุมคนเดียวแบบนี้มันไม่แฟร์อะ ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าจะเรียกพรรคพวกมารุมให้ยับเลย!




---------------------------------------------

ฉากโคมไฟน้อยไปหน่อยไม่ว่ากันเนอะ 555555555

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 23 -P.7- (19.02.2017)
«ตอบ #208 เมื่อ19-02-2017 23:17:04 »

ฟินยังโลกหน้าาาา
เขาได้กันแล้ว เจ้าข้าเอ๊ยยยยย :jul1: :jul1:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ Alcohol Addict ♥ เมาครั้งที่ 23 -P.7- (19.02.2017)
«ตอบ #209 เมื่อ20-02-2017 00:06:34 »

 :ling1: :ling1: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด