ทวงครั้งที่ 18
บางอย่างเริ่มเปลี่ยนไป…
ไม่ใช่ ‘มัน’ แต่เป็นส่วนลึกในใจของแสงต่างหาก
“พี่แสง พี่แสงครับ!”
เฮือก! เจ้าของชื่อกระตุกเล็กน้อยก่อนจะปรับโฟกัสกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ภาพตรงหน้าคือลังปลากระป๋องที่ส่งกลิ่นเหม็นหืน ถัดไปจากนั้นคือขอบอาคารเขรอะคราบรา ตรอกเล็ก ๆ แห่งนี้คือที่ซุ่มโจมตีของแก๊งเฮียใหญ่
ไอ้หมายแฝดน้องมองลูกพี่อย่างเป็นห่วง “พี่แสงไหวไหมครับ วันนี้ดูเหม่อลอยชอบกล”
“เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย” หนุ่มใหญ่แก้ตัวทั้งที่หลับตั้งแต่สามทุ่ม
“มั่นก็ดันไม่สบายอีกเลยต้องลำบากพี่แสงเลย” หมายมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ปกติก็ใจปลาซิวอยู่แล้ว รอบนี้แฝดพี่ก็ดันไม่มา พลังหมาหมู่เป็นอันต้องสั่นคลอน บุญล้นพ้นที่ยังมีพี่แสงมาด้วย ถึงจะไม่ใช่สายบู๊ แต่พอจะชี้นำให้มันทำตามได้ ยิ่งมองใบหน้าดุดันยิ่งเบาใจ “แล้วนี่มันจะออกมาจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
“ตามที่หมอนสืบมาก็น่าจะใช่แหละ”
“แล้วถ้ามันไม่โผล่มาจะทำไงดีครับพี่แสง ต้องโดนเฮียใหญ่ด่าแน่เลย”
บ๊ะ! ไอ้เวรนี่วอแวน่ารำคาญจริง
แสงยกนิ้วก้อยแคะหูแสร้งไม่สนคำถามเหมือนเด็กปัญญาอ่อนนั่น ถามอะไรโง่ ๆ ไม่เจอก็ต้องไปหาให้เจอสิวะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เฮียใหญ่ไม่เคยสนวิธีการอยู่แล้ว ขอแค่ผลลัพธ์ก็พอ
ยิ่งหัวหน้าไม่ตอบโต้หมายยิ่งใจเสีย เกร็งแขนจนกล้ามขึ้นเป็นมัด ๆ เพื่อเช็ดเหงื่อตรงขมับ ช่างขัดกันเสียจริง หมายทนความเงียบไม่ได้จึงชวนคุยเรื่องอื่นแทน “ตอนนี้ลูกหนี้ใหญ่เหลือแค่ห้าคนแล้วนะครับ พี่แสงเคลียร์ได้เกินครึ่งแล้ว สุดยอดเลย!”
พอถูกยกยอกลายเป็นเหงื่อไหลตามมัน แสงทำหน้าตายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉันก็แค่เก็บไปเรื่อย ๆ”
“อีกไม่นานต้องเก็บไปถึงคนสุดท้ายได้แน่ ๆ เลยครับ”
อึก... แสงกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อภาพไอ้ ‘คนสุดท้าย’ ลอยวาบเข้ามา มัวแต่หาหนี้คนอื่นไปโปะจนลืมนึกไปว่ายิ่งเก็บได้เร็วเท่าไหร่ชีวิตไอ้เรนก็สั้นลงเท่านั้น หนี้เฮียอู๋ก็ยังปิดไม่ได้จะโดนเฮียใหญ่ตามมาหายใจรดต้นคออีก ชีวิตบัดซบเหลือเกิน
เย็นนี้กลับไปต้องไล่บี้ถามมันแล้วว่ายังเก็บเงินที่ไหนไม่ได้อีกจะได้ให้คำแนะนำพร้อมเทศน์สักกัณฑ์หนึ่ง....
พอคิดมาถึงตรงนี้ก็เผลอใจกระตุกวาบ ยิ่งตอกย้ำความจริงว่าเขาคิดกับนเรนทร์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เขาทนดูมันโดนยำตีนไม่ได้แล้ว...
แสงอายุมากแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ ต่อให้โกหกตัวเองอย่างไรก็หนีความจริงไม่พ้น ใช่..เขายอมรับแล้วว่ารู้สึกดีกับเรนมากกว่าที่ควร มันไม่ใช่แค่ ‘ไอ้เด็กนรกที่เป็นหนี้และมาแบล็กเมล์’ อีกต่อไป ดันมีคำอื่นอีกสองสามประโยคพ่วงตามหลังมาอีก
เกลียดตัวเองที่รสนิยมต่ำลงเรื่อย ๆ ถ้าแฟนเก่ามาเห็นคงตลกพิลึก ทำไมต้องมารู้สึกดีกับเด็กคราวลูกแถมสารร่างพังยับเยินแบบนั้น นิสัยรึก็ประหลาด คาดเดาการกระทำยากยิ่งกว่าสัตว์ป่า สมองถั่ว ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่กลับสนุกเวลาอยู่กับมัน
หัวเราะกับความโง่ เถียงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เติมเต็มด้านอารมณ์ให้เท่าเหตุผล แล้วก็....
“พี่แสง!!” ไอ้หมายโพล่งเข้ามาตบแสงในทุ่งลาเวนเดอร์แล้วลากกลับออกมา “นั่นใช่เป้าหมายของเราหรือเปล่า”
“หือ?”
บุรุษปริศนาปรากฏกายที่ช่องว่างระหว่างซอกตึก แสงขยับตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าแนบเข้ากับลังปลากระป๋องเหม็น ๆ ไม่ผิดแน่....ตาลุงพุงพลุ้ยสักรูปปลามังกรที่น่องคงมีไม่กี่คนบนโลกใบนี้ เขาคือ ‘ปรัก’ ลูกหนี้ห้าล้านของเฮียใหญ่
แสงพยักหน้าพร้อมส่งสัญญาณมือให้หมายนิ่งไว้ เห็นแบบนี้ไอ้ปรักร้ายใช่เล่น ระดับที่หนีเฮียใหญ่มากบดานถึงที่นี่ได้ เป็นนักเลงพระห้อยทองหยองเต็มคอ แต่ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ เดือนก่อนทวงด้วยปากเปล่าไปแล้วดันไหวตัวหนีไปหน้าตายเฉย เป็นตาลุงที่รับมือยากโคตร
ชื่อ ‘ปรัก’ แปลว่าเงิน แต่ดูสภาพแล้ว ‘จมปลัก’ ชัด ๆ
“เล่นมันเลยไหมครับพี่แสง” ไอ้หมายม้วนแขนเสื้อขึ้น การใช้กำลังคืองานถนัดเพียงอย่างเดียวของมัน นาทีนี้ขอแค่พี่แสงโบกมือหมายจะพุ่งไปแบบไม่คิดชีวิต
“เดี๋ยวก่อน” ทว่าหัวหน้ากลับยกมือห้าม “เราไม่รู้ว่าย่านนี้มันรู้จักใครบ้าง เกิดหนีเข้าบ้านคนอื่นไปแล้วจะตามลำบาก รอบนี้เฮียสั่งให้ขังไว้ที่โกดังสักพักด้วย”
“งะ...งั้นทำไงดีครับ แย่แน่เลย” แสงก้มหน้าแอบด่าความใจปลาซิวของมัน “เราโทรเรียกพี่มั่นดีไหมครับ”
“สาบานว่าแกพูดจริง ๆ” ในที่สุดก็เจอคนโง่กว่าไอ้เรนแล้ว ระดับนี้ซอมบี้ยังเดินผ่านเพราะไม่มีสมองให้กิน แสงตบลงบนพื้นเหมือนดุหมา “ฟังนะหมาย”
“ครับพี่!”
“เราจะแยกเป็นสองฝั่งแล้วต้อนมันมาตรงกลางซอย แกจำตอนเข้ามาได้ไหม มันจะมีช่วงหนึ่งที่เป็นรั้วเมทัลชีทล้วน ๆ ไม่มีประตู เราจะรอจนเป้าหมายเดินไปถึงล็อกนั้น ฉันซ้าย แกขวา”
“ดะ...เดี๋ยวนะครับ ขออีกรอบ”
แสงถอนหายใจ “แกไปยืนตรงที่ฉันชี้นะ ถ้าโบกมือก็ออกมาจับมันเลย”
“อ๋อ!” หมายพยักหน้า “สบายมากครับพี่แสง”
แต่กูไม่สบายเลยสักนิด...
ในเมื่อมาถึงจุดนี้ก็ต้องไปต่อ เขาส่งสัญญาณมือให้ไอ้หมายตามหลังออกไปถนนอีกด้านที่ขนานกัน ข้อดีของชุมชนแอดอัดคือมีช่องว่างให้พรางตัวเยอะ เหยื่อจะไม่เห็นจนกว่าเขาจะพุ่งเข้าหา
ปกติแล้วแสงไม่เคยออกงานภาคสนามหนักขนาดนี้ เขามีหน้าที่แค่ชักใยให้ไอ้แฝดนรกลงมือเอง ถ้าไม่ติดว่าไอ้มั่นไม่สบายอย่างวันนี้ เอาวะ...ถึงจะโง่ แต่ไอ้หมายก็เปี่ยมด้วยประสบการณ์
จังหวะที่ปรักแวะชะโงกตรงแผงหวยปฏิบัติการก็เริ่มต้นทันที แสงพยายามลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุด กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบนถนนแคบ ๆ วันนี้ดันสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคมาขยับตัวไม่ค่อยถนัดเลย กระนั้นก็ยังวิ่งไปยังจุดหมายได้ก่อนปรัก เขาชี้นิ้วสั่งให้ไอ้หมายไปรอที่จุดตัดที่ถัดไป พอเห็นหน้างานไอ้หมายก็ร้องอ๋อ ในที่สุดก็เข้าใจแผนสักที
ร่างสูงแนบตัวลงกับแนวรั้วเมทัลชีท จากการคาดเดายังไงปรักก็ต้องเดินกลับทางนี้ ดวงตาดุจเหยี่ยวจับจ้องไปตรงช่องว่างของถนนไม่วางตา ทันใดนั้นเอง...
พรึ่บ..
เหยื่อมาแล้ว....
มือขวาโบกวูบ หมายผู้รอจังหวะนี้อยู่นานพุ่งตัวออกไปพร้อมกับแสง
“เฮ้ย!” เหยื่อตัวอ้วนพีสบถลั่น “นี่มันอะไรกันวะ”
“หึ...” พอมีลูกพี่อยู่ไอ้หมายก็กระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับกางมือออกราวกับโกลผู้ไม่ยอมให้ใครทำประตูได้
“นายปรัก” แสงพูดด้วยน้ำเสียงแบบยมบาลอ่านสมุดหนังหมา “คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
ไม่ต้องอธิบายให้มากความ โจทก์จำเลยก็หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น ปรักหน้าซีดเผือดหันซ้ายทีขวาที ฝั่งหนึ่งก็ตัวสูง อีกฝั่งก็ล่ำบึก คิดไม่ตกเลยว่าจะรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ยังไงนอกจากหายตัว
“วันนี้ใส่ทองเส้นใหญ่เชียวนะ” แสงกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม “ท่าทางสบายดีนี่”
รังสีชั่วร้ายแผ่ซ่านไปทั้งร่างทำไอ้ปรักขวัญหนีดีฝ่อขยับถอยหลัง แล้วก็เป็นอันต้องชะงักเมื่อพบว่าท่อนแขนล่ำเหมือนคีมเหล็กกำลังง้างขึ้น
หมับ!
“อ้ากกกกกกกกกก!”
วินาทีนั้นปรักก็ได้เห็น....
รอยยิ้มของซาตาน
....................................................
.............................
..............
.......
“นอกจากทองฉันก็ไม่มีสมบัติที่ไหนแล้ว ถึงแกจะฆ่าฉันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“ใจเย็นซี่....” มือที่กำสร้อยทองพลิกดูตรงจี้ไปมา “ฉันไม่ใช่เซียนพระก็จริง แต่ระดับแกคงไม่บูชารุ่นสมัครเล่นหรอกมั้ง”
“ไม่! ไม่! ไม่! แกไม่รู้หรอกว่ารุ่นนั้นหาเช่ายากแค่ไหน”
“ไอ้หมาย” แสงเรียกลูกมือที่ถือท่อนไม้ “ดูแลแขกด้วย ฉันจะไปคุยกับเฮีย”
“ครับพี่แสง!”
ปัง! ประตูโกดังถูกกระแทกปิดก่อนเสียงกรีดร้องของเหยื่อจะเล็ดลอดออกมาได้ ขั้นแรกของการรีดไถคือทำให้มันกลัวด้วยเสียงก่อน ท่อนไม้นั่นจะถูกฟาดไปรอบ ๆ เก้าอี้ บีบให้มันเสียสติจนต้องคายความลับออกมา ในกรณีที่เหยื่อปากแข็งค่อยเลื่อนไปขั้นที่สอง ดูท่าปรักจะเป็นแบบนั้น จากข้อมูลที่ได้มามันคงมีประสบการณ์โดนอุ้มมาบ้างแล้วล่ะ งานนี้รับมือยากชะมัด
เรื่องนั้นช่างมันก่อน รอดูกันว่าพระในมือจะราคาเท่าไหร่กัน สองขาวก้าวไปตามช่องแคบ ๆ ของอาคารจวบจนผลักประตูกระจกเข้าไป...
“อ้าว! เรียบร้อยแล้วเหรอคะพี่แสง”
เจ้าของชื่อชะงักไป ไม่ใช่เพราะสายสมรที่เอ่ยทัก ดวงตามองผ่านเข้าไปยังมีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น....
ซันไชน์ฉีกยิ้มอ้าปากจะทัก แต่เพิ่งนึกขึ้นได้จึงหุบปากลง แสงขมวดคิ้วกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่ทันจะขอคำอธิบายใดหล่อนก็ขยับปาก ‘ฉันรอข้างหน้านะ’
จะบอกว่าไม่ต้องรอก็ไม่ได้ การคุยกันด้วยสายตานี่ยุ่งยากจริง ซันเชิ่ดหน้าแกว่งปราด้าพร้อมควักแว่นกันแดดเรย์แบนออกมาสวม จิกตาใส่สายสมรหนึ่งครั้งถ้วนแล้วผลักประตูกระจกออกไป
“แหม ใช้หนี้แล้วเชิ่ดใส่เลยนะยะ” สาวทึนทึกเบ้ปาก “ตอนทวงล่ะแทบจะกราบไหว้ฉัน!”
“เขามาใช้หนี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” หมอนกระแทกนิ้วลงคีย์บอร์ดเพื่อลบชื่อลูกหนี้ออกจากลิสต์ “ปิดหนี้แล้วหมดเวรหมดกรรมสักที”
“อ้อ...”
“รายนี้ไม่อยู่ในลิสต์พี่แสง ไม่มีค่าคอมฯ นะคะ”
“รู้แล้วน่า”
ความมนุษย์ป้านี่น่ารำคาญชะมัด ไม่ได้ทวงสักคำยังมาพูดดักคอให้หงุดหงิดเล่น แสงตัดรำคาญด้วยการพุ่งตรงไปยังห้องด้านในสุด เคาะลงสองสามทีแล้วผลักเข้าไป กลิ่นพิมเสนตีเข้าหน้าก่อนเป็นอย่างแรกอีกเช่นเคย
“สวัสดีครับเฮีย”
“อ้าว! แสง” นิ้วสั้นอูมยกขึ้นรับไหว้ “หนูในโกดังเป็นไงบ้างล่ะ?”
“กัดเจ็บกว่าที่คิดครับ” พูดอย่างนั้นแต่ในมือดันชูสร้อยทองเส้นเบ้อเร่อ “เฮียพอจะรู้จักเซียนพระไหมครับ”
“ไม่เคยกลับมามือเปล่าสมเป็นแก” อาเสี่ยยิ้มอย่างพึงใจพร้อมกับแบมือขอของกลางมาส่องกับแสงไฟ “แค่สร้อยก็เยอะแล้ว แต่พระนี่สิไม่รู้ว่าเท่าไหร่”
“นายปรักน่าจะสมบัติเยอะแหละครับ ผมว่าเบื้องหลังก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน” ดูเอาเถอะลูกค้าเฮียใหญ่แต่ละคนไม่รู้ปล่อยเงินไปได้ไง “น่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดหลายอย่าง”
“ก็แค่ลูกกระจ๊อก” เฮียใหญ่ไหวไหล่ไม่กลัวเกรง “นี่ก็เย็นแล้วแกกลับไปเถอะ ในโกดังให้ไอ้หมายจัดการไปก่อน”
“ครับเฮีย” ลูกน้องยกมือไหว้ “ผมลานะครับ”
หนุ่มใหญ่รีบสาวเท้ากลับออกมาก่อนจะเป็นลมเพราะกลิ่นพิมเสนหรือถูกโมบายกระจกกันเสนียดฟาดหน้า สายสมรที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เอ่ยบอกลาเสียงใส ดูท่ากำลังจะเก็บของกลับบ้านเช่นกัน ดังนั้นเขาต้องรีบออกไปเจอเจ๊ซันก่อนจะมีคนจับได้
ไอร้อนจากแดดปะทะใบหน้าทันทีที่ผลักประตูออกไป แสงหันซ้ายขวาก็ไม่เห็นเป้าหมายจึงตัดใจ ล้วงกระเป๋าเดินย้อนออกไปทางที่รถตัวเองจอดอยู่ ทว่าจู่ ๆ ก็มีรถอีกคันวิ่งมาเทียบด้านข้าง แนบชิดแทบจะสอยร่างไปด้วย
“เฮ้ย!” แสงร้องลั่น “นี่จะคุยหรือจะฆ่ากัน”
“โธ่! แกก็รู้ว่าฉันขับรถไม่คล่อง” ซันปิดปากเขินอาย ไม่มีขอโทษสักคำ “เหยียบแรงไปหน่อยกลัวแกกลับก่อน”
“แล้วนี่มีอะไรจะคุยกับผม”
“ขับไปร้านฉัน”
“หา!?”
“อย่าลีลา แกจะให้ยืนคุยตรงนี้เดี๋ยวเฮียใหญ่ก็จับได้พอดี” ว่าแล้วก็หรี่เสียงลง “ยิ่งยัยสายสมรจอมสอดรู้นั่งอยู่ด้วย มีหวังโดนแหกแน่นอน”
“สำคัญขนาดโทรคุยไม่ได้เลยเหรอ”
“เออน่า!” ซันชี้หน้าสั่ง “ไปสตาร์ทรถ เจอกันที่ร้าน”
เป็นคนไม่ฟังใครเหมือนเคยเลย แสงยกมือเกาหัวอย่างหน่ายใจมองรถคันงามหายวับไปตรงหัวมุม จะโทรบอกไอ้เรนว่าไม่ต้องทำข้าวเย็นให้ก็ไม่อยากเปิดมือถือ
เขายังไม่ได้เคลียร์กับฉานให้รู้เรื่องเลย...
ทั้งปิดมือถือ บอกว่าติดงาน สารพัดข้ออ้างจะยกมาเอ่ย แสงไม่มีอารมณ์มาฟังคำขอโทษซาบซึ้งน้ำเน่าแบบนั้น ได้แต่หวังให้ฉานมันงานยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไปเสียที
ในเมื่อเปิดมือถือไม่ได้ก็ไปมันทั้งแบบนั้นเลยก็แล้วกัน ข้าวเย็นน่ะเอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ก็ได้...
............................................
...............................
............
......