ทวงครั้งที่ 19
ตอนเรนกลับมาที่โต๊ะบรรยากาศเหมือนเพิ่งผ่านสงครามโลก
โหวกเหวกโวยวาย หุ้นส่วนเจ๊ซันคนหนึ่งปีนขึ้นมาเต้นบนโต๊ะจนโดนพนักงานลากไปเก็บหลังร้านเพื่อความเรียบร้อย นักร้องบนเวทีถึงกับลืมเนื้อไปเลยทีเดียว เกิดเดธแอร์นานร่วมสิบนาทีก่อนทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
นเรนทร์ทำตัวลีบไต่ไปตามกำแพงจวบจนมาทิ้งตัวนั่งได้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สบายได้ไม่ทันไรก็โดนคว้าหมับบนบ่า
“มาแล้ว ๆ” ซันแกว่งไกวขวดในมือ น่ากลัวจะพลาดท่าฟาดหัวเรนเข้า “แก้วเดียวสลบคบไม่ได้นะคะ มา ๆ อีกแก้วเนอะ”
“ผมไม่ค่อยดื่มไวน์นะเจ๊”
“โอ๊ย! งั้นยิ่งต้องจัดหนัก ของดีไม่ได้มีให้ดื่มบ่อย ๆ” เป็นงั้นไปอีก! ไอ้เรนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ได้แต่มองแก้วอันว่างเปล่าของตัวเองค่อย ๆ ปริ่มด้วยน้ำหมักองุ่น “เชียร์ส!”
แก๊ง! ขอบแก้วกระทบกันเบา ๆ หมดสิ้นหนทางหลบหนีนเรนทร์จำเป็นต้องฉีกยิ้มรับไมตรี
“เชียร์สครับ” อีกนิดก็จะเพี้ยนเป็นคำอื่นแล้ว มันยกขอบแก้วขึ้นจรดแล้วกรอกลงคอไปรวดเดียวเหมือนเหล้าขาว หมายมั่นไว้ว่าหมดแก้วนี้ต้องหาทางชิ่งให้ได้
“เรนรีบ ๆ ล้างหนี้นะ ไว้เจ๊จะเลี้ยง...”
“เจ๊ครับ!” ยังไม่ทันจบประโยคลูกจ้างก็มายืนกระซิบข้าง ๆ “เจ๊กี้ลุกขึ้นเต้นไม่หยุดเลย ทำท่าจะออกมาตรงเวทีให้ได้ ทำไงดีครับ”
“นังกี้เมาทีไรเรื้อนทุกที! เฮ้อ~” หล่อนวางแก้วในมือลง “ฉันไปจัดการมันเอง เรนอย่าเพิ่งไปไหนนะ เดี๋ยวเจ๊กลับมาชนแก้วนะ”
“คร้าบ~ ฮะ ๆ ๆ”
ไม่ไปก็โง่แล้ว...
ขวับ! มันหันโดยพลัน...
“เฮีย! เรารีบปะ...”
“อื้อ” เดี๋ยวนะ...ตาลุงหมดสภาพนี่มันอะไรกัน ผมที่เสยเซตไว้ตกกระเซอะกระเซิง ตาปรือแทบปิด ใบหน้าขึ้นสีแดงแปลงร่างเป็นลุงขี้เมาตามวงเหล้าโดยสมบูรณ์...
“เฮีย...” เรนเรียกย้ำเพื่อความมั่นใจพร้อมกับชูสองนิ้ว “นี่กี่นิ้ว”
ตาหรี่ลงจนแทบปิด เรนไม่มั่นใจนักว่าเพราะเมาหรือสายตายาว “สอง”
“โอเค ยังไหวอยู่” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ผมก็ว่าฉี่ไม่นานนะ ทำไม่ออกมาสภาพย่อยยับขนาดนี้”
เพราะถูกเจ๊ซันซักจนขาวไงเล่า!
แสงสบถในใจด้วยสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ ระยะเวลาที่นเรนทร์ไปห้องน้ำเขาต้องต่อสู้กับสกิลสอบสวนของเจ๊ซัน เล่นเอาประสาทเสียสุด ๆ นี่อาจจะเป็นบาปกรรมที่ชอบรีดไถความลับลูกหนี้ก็เป็นได้ แน่นอนว่าวิธีหุบปากที่ดีที่สุดก็คือการดื่ม ดื่มมันเข้าไปให้ปากไม่ว่าง ผลก็เป็นอย่างที่เห็น...
“เดินไหวไหมเฮีย” มือกร้านตบลงบนบ่า “ต้องรีบไปแล้วล่ะ เกิดเจ๊ซันกลับมามีหวังผมเมาไปด้วยอีกคนแน่ ๆ”
แสงหลับตารอให้พลุในนั้นดับวาบแล้วจึงเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น เขาพยักหน้า “เดินไหว”
“งั้นไปกันเถอะ” มันยื่นมือมาซึ่งเวลานี้แสงจำต้องยอมรับในสังขารตัวเอง เขาคว้าหมับแล้วใช้มันยันขึ้นมาจากเก้าอี้ โลกหมุนวูบหนึ่งก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ “ถ้าเฮียไม่ไหวก็คว้าผมเลยนะ”
“ฉันไม่ได้เมาขนาดนั้น” เห็นปากแข็งโต้ตอบแบบนี้ได้เรนก็สบายใจหน่อย “แกขับรถไหวไหม?”
“หา!? ให้ผมขับ?”
“หรืออยากจะลงยมโลกทั้งคู่ล่ะ” ด่าไปมือก็ควานหาของในกระเป๋ากางเกงมายัดใส่มืออีกฝ่าย “เอ้า! กุญแจ”
“ครับ ๆ”
ด้วยกลัวว่าองค์แม่จะกลับมามอมเหล้าเด็กต่อจึงต้องรีบอพยพโดยด่วน ไว้ไปยืนเถียงกันข้างรถก็แล้วกัน คิดได้ดังนั้นก็เดินโขยกเขยกออกไปตามช่องว่างระหว่างโต๊ะ แสงเผลอเอาขาไปกระแทกใส่ราวสองสามครั้งแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งไว้ด้วยกลัวเด็กข้างหลังมันล้อเลียน
เรนเห็นแขกที่โต๊ะมองพวกเขาจนสุดสายตาแต่ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมัวแต่โฟกัสท่าเดินของเฮียแสงนั่นแหละ ดูท่าจะเป็นห่วงเก้อเสียแล้ว ตอนนี้ไต่ออกมาถึงหน้าประตูได้โดยสวัสดิภาพ กระดูกแข็งสมเป็นอดีตนักท่องราตรี
ชายหนุ่มปล่อยให้คนเมากว่าเดินนำไปยังรถ โชคดีที่จอดไว้ไม่ไกลจากประตูร้านนัก เจ้าของยานพาหนะเอนตัวพิงมันอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมออกปากสั่ง
“เปิดรถ”
แน่นอนว่าขี้ข้าทำตามบัญชา ทันทีที่เปิดประตูได้แสงก็ทิ้งตัวลงตรงเบาะข้างคนขับอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปิดเปลือกตาพ่นกลิ่นละมุดออกมาฟืดใหญ่จนเหม็นคลุ้งไปทั้งรถ ดีที่เรนเองก็เหม็นตัวเองอยู่แล้วเลยไม่เป็นปัญหา
สารถีจำเป็นคาดเข็มขัดนิรภัยให้แสงเสร็จก็ยังไม่วายหันมาถามย้ำ “เฮียแน่ใจเหรอว่าจะให้ผมขับ”
“เออ ขับไปเถอะน่า”
เมื่อเจ้าของว่าแบบนั้นเรนก็ยกมือสาธุไหว้แม่ย่านางขออย่าให้เอาซีตรองไปทิ่มไปตำใส่อะไรเลย แค่นี้ชีวิตก็หนี้สินท่วมหัวพอแล้ว พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยก็สตาร์ทรถออกไป
เรนไม่ได้ขับรถมาร่วมปีแล้วต้องรื้อฟื้นสกิลอยู่ครู่หนึ่ง ดีที่รถเฮียแสงเป็นเกียร์ออโต้จึงคล่องมือกว่าที่คิด พาหนะสีเทาเข้มเคลื่อนไปช้า ๆ แม้ถนนจะโล่งโจ้ง ตัวคนขับเองก็มึนหัวนิดหน่อยทางที่ดีต้องปลอดภัยไว้ก่อน
เสียงกรนดังแข่งกับแอร์เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพ่อตุ๊กตาหน้ารถได้เฝ้าพระอินทร์ไปเป็นที่เรียบร้อย นเรนทร์ส่ายหัวปลง ๆ กับสภาพยับเยิน ไม่รู้ไปโดนเจ๊ซันมอมเหล้าอีท่าไหน นี่ถ้าเขาไม่ไปด้วยก็ไม่รู้ว่าจะกลับห้องยังไง
หรืออาจจะไม่กลับเลยก็ได้....
นั่นสินะ เสน่ห์แรงปานนั้นจะหิ้วใครไปนอนโรงแรมแถวนั้นก็ได้ พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ปลงตกในชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
แพทเทิร์นดอกฟ้ากับหมาวัดย้อนกลับมาอีกครั้ง ชอบใครเขาก็อยู่สูงกว่าไปหมดเลยแฮะ ดวงตาเรียวเหลือบมองเสี้ยวหน้าของแสงก็จะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดไป
.................................................
.............................
...............
........
“เฮีย! เดินดี ๆ สิ”
“อื้อ”
“อะไรเนี่ย! ไหนว่าไม่เมาไง” ชายหนุ่มก้มมองแข้งขาอีกฝ่ายที่ก้าวสะเปะสะปะลำดับการเคลื่อนไหวไม่ถูก “ใจเย็นนะเฮีย ผมจะนับซ้ายขวาซ้ายให้”
“ไม่ต้องโว้ย ไม่ใช่ลูกเสือสวนสนาม”
สภาพแบบนี้ยังด่าได้อีกนะ!
ไอ้เรนยอมใจคนแก่ขี้บ่นจริง ๆ ที่จะเสนอตัวอุ้มให้ไหมเป็นอันต้องหุบปาก ถามไปมีหวังโดนถีบตกตึกแน่ ตอนนี้มันยืนค้างอยู่หน้าประตูห้องมือข้างหนึ่งล้วงหากุญแจสำรองในกระเป๋า ส่วนอีกข้างคว้าร่างเฮียแสงที่พาดอยู่บนบ่าครึ่งตัวไว้ให้มั่น แม่งวันนี้เสือกเปรี้ยวใส่กางเกงขาเดฟมา จกแล้วจกอีกจนกระดูกนิ้วจะแหลกแล้ว
นาทีที่ประตูเปิดผัวะเข้าไปขุนรกก็ได้สิ้นสุดลง เรนควานมือจนจุดดวงโคมตรงห้องนั่งเล่นได้สำเร็จ เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายดันร่างแสงขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายคือห้องนอนด้านในสุด
“เฮีย อาบน้ำไหวไหม”
“ไม่อาบ”
“งั้นก็นอนเลยเนอะ”
ครืดดดดดด
ประตูบานเลื่อนไถลไปจนสุดราง ขยับเดินเพียงสองสามก้าวก็เหวี่ยงร่างคนเมาหล่นตุบบนเตียงได้สำเร็จ แสงขยับตัวกระสับกระส่าย เริ่มจะสร่างเมาเพราะหลับในรถงีบหนึ่ง เขายกมือคลึงตรงหัวคิ้ว
“แม่งเอ๊ย ไวน์นี่มันเมาง่ายจริง ๆ”
“ผมโดนไปสองแก้วก็เกือบจะไม่รอดเหมือนกัน” ปลายจมูกยังร้อน ๆ อยู่เลย เรนยกมือถูมันไปมา “ไม่มียาแก้แฮงค์ด้วยอะ”
“ช่างเหอะ” เสียงที่ตอบกลับมาแหบพร่า “แกเอาผ้าชุบน้ำให้หน่อย ฉันจะเช็ดหน้า”
“แป๊บนะครับ”
คนเมาใช้งานคนมึนนี่มันเตี้ยอุ้มค่อมชัด ๆ นเรนทร์วิ่งไปคว้ากะละมังมาเติมน้ำอุ่น รีบร้อนจนเกือบลื่นหัวฟาดพื้น มันเหน็บภาชนะเข้าข้างเอวกลับเข้าไปในห้องเพื่อพบว่าเฮียแสงพยายามปลดกระดุมเสื้อตัวเองจนมาถึงเม็ดสุดท้ายพอดี
ลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงถูกเปิดออกก่อนผ้าขนหนูจะหล่นจ๋อมลงกะละมัง เรนบิดมันพอหมาดขณะขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง ยื่นให้แสงด้วยหน้าร้อนวูบ
“เอาเสื้อให้ฉันเปลี่ยนหน่อย” แสงงึมงำในลำคอ กระนั้นเรนก็ยังจับใจความได้ มันเอื้อมไปหยิบเสื้อยืดมาตัวหนึ่ง หันกลับมาอีกทีก็เห็นตาลุงคนหนึ่งเสื้อติดแขนเป็นที่อเนจอนาถใจ
“ค่อย ๆ ถอดสิครับ” ชายหนุ่มจับแขนข้างที่ดิ้นแด่ก ๆ เป็นปลาไว้ก่อนจะแกะแขนเสื้อที่ม้วนเป็นก้อนออก “เหวี่ยงแบบนั้นเดี๋ยวก็เสื้อขาดพอดี”
“เฮ้อ~” ทางนั้นพ่นกลิ่นละมุดใส่หน้า “ผ้าล่ะ”
“เฮียนอนเฉย ๆ เหอะ เดี๋ยวผมเช็ดให้เอง”
แสงไม่ได้เถียงอะไร เขาทิ้งตัวนอนราบบนเตียงแต่โดยดี ดวงตาดุผ่อนคลายลงยามจดจ้องการเคลื่อนไหวของนเรนทร์ ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูจากเตียงแล้วแนบมันลงไปบนใบหน้าเป็นอย่างแรก
“อื้อ...” หนุ่มใหญ่ครางเสียงต่ำเมื่อถูกสัมผัสจากผ้าแนบลงข้างแก้ม และนั่นเป็นการจุดไฟบางอย่างในกาย เขามองไปยังเด็กแซ่ซ่งไม่วางตา
นเรนทร์สบตากับเขาแว้บหนึ่งก่อนจะเสลงมองผ้าขนหนูในมือ มันลากไล้ผ่านหน้าผาก สันจมูก สองข้างแก้ม กระแสไฟฟ้าแล่นแปล๊บทุกจุดสัมผัส
แสงเมากลับห้องบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีคนเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ คิดแล้วก็พาลใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผ้าขนหนูไต่ลงมาที่ซอกคอปาดเอาเหงื่อและฝุ่นออกจากร่างช่วยให้สร่างเมาขึ้นเยอะ
ทั้งที่คิดอย่างนั้น...แต่ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนล่องลอยในอากาศ...
แตะ....ไล้ลาก...ผละออก... ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความห่วงใย จะไม่สบายตัวไหม จะนอนหลับหรือเปล่า คำถามนั้นส่งออกมาทางแววตาของนเรนทร์อย่างปิดไม่มิด รวมไปถึงเสียงตึกตักที่ดังจนหนวกหูนั่นด้วย ขณะจะอ้าปากบอกว่าช่วยเบาลงหน่อยได้ไหมก็เพิ่งรู้ตัว...
มันดังมาจากเขาเหมือนกัน...
อาจจะหลอกตัวเองได้ว่าเป็นอาการกล้ามเนื้อหัวใจกระตุกเพราะใกล้วัยทอง ทว่าความจริงก็คือความจริง ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายของแสงบีบตัวส่งเสียงดังพอประสานเข้ากับนเรนทร์เลยกลายเป็นบทเพลงที่น่ารำคาญที่สุดในโลก
คนด้านบนนิ่งค้างเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งที่ควรจะผละตัวออกทว่าสีหน้าของแสงทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว ชั่วขณะหนึ่งในห้วงที่มีเพียงเสียงของหัวใจ ใบหน้าของคนด้านล่างก็ขยับเข้ามาพร้อมกับสอดปลายนิ้วเข้ากับเส้นผมสีทองที่ท้ายทอย
จูบ....
ไม่ใช่เพียงแตะริมฝีปาก มันจาบจ้วงกว่านั้นอยู่มาก...
“อื้อ” เรนครางเสียงต่ำในลำคอเมื่อรสไวน์ในโพรงปากเข้มข้นขึ้นเพราะใครอีกคน เขาถูกรุกรานด้วยปลายลิ้น กวาดต้อนราวกับวิ่งไล่จับ ด้วยประสบการณ์ที่ต่างกันทำเอาคนไม่ประสาถึงกับสะท้านเฮือก “เฮีย...ผมว่า...อือ”
ไม่อยากรับฟังหรือรับรู้อะไร แสงหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ ออกแรงกดโน้มตัวคนด้านบนลงมาอีกเพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หัวสมองว่างเปล่า ทั้งที่คิดว่าตัวเองสร่างเมาแล้วกลับยังยินดีจะทำเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้ รุกรานตะกรุมตะกรามหมายจะกลืนกินทุกหยาดหยด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พลิกกดร่างนั้นลงบนเตียงทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ละจากกัน
นเรนทร์หอบหายใจ กลิ่นแอลกอฮอล์จากทั้งสองร่างฟุ้งติดปลายจมูก แม้ว่าจะพยายามจูบตอบอย่างไรก็พ่ายแพ้เป็นฝ่ายถูกกินกลืนอยู่ร่ำไป ดวงตาปรือปรอยไปด้วยหยดน้ำช้อนขึ้นมองคนด้านบนในจังหวะที่ผละออกเพื่อถอดเสื้อให้เขา
เศษผ้าถูกโยนลงบนพื้นเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่า แสงไม่เสียเวลาชื่นชมกายวิภาค เขาประกบจูบลงมาอีกครั้งในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม
“อ๊ะ!” ชายหนุ่มหวีดร้องเมื่อถูกดูดเข้าที่ซอกคอโดยไม่ทันตั้งตัว คงเป็นรอยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ทันจะเอ่ยคำก็ถูกเพิ่มลงไปอีกจูบ “มันเป็นรอยนะครับ”
“ก็ไม่ต้องมัดผมสิ” คนไม่รับผิดชอบตอบหน้าตาเฉย ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมสีทองที่ต้นคอไปมา คีบมันขึ้นแล้วประทับจูบลงไปอีกรอย
“อื้อ...มะ...ไม่ไหวแล้ว”
“หมายถึงนี่น่ะเหรอ?” ไม่ว่าเปล่ายังควานมือลงต่ำ สัมผัสส่วนกลางลำตัวอย่างไม่มีเขินอาย
“อ๊า!” ผู้ถูกกระทำสั่นสะท้าน คนกินผู้ชายเป็นงานอดิเรกอย่างแสงคงไม่คิดอะไร แต่เด็กชายใสซื่ออย่างเขาไม่เหมือนกันนี่นา “เฮียจับคล่องมือเชียวนะ”
“เออ” คำชมที่เหมือนด่านี่มันอะไรกันวะ แสงขบลงบนหัวไหล่เป็นการลงโทษมัน
“โอ๊ย!” นเรนทร์กระตุกตัวหลบ ช้อนตามองตาแก่ลามก ผิวขาวของแสงขึ้นสีแดงเรื่อ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความต้องการอย่างปิดไม่มิด “เฮีย...”
“อื้อ”
“เมาเหรอ?”
คำถามเหมือนโยนหินถามทางทำให้แสงชะงักไป สารภาพว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะครบถ้วนดี แม้จะตัดสินใจช้าหรือมึนหัวไปบ้าง แต่ก็รับรู้สิ่งรอบตัวได้ทุกอย่าง แล้วเขากำลังจะทำอะไร? มีเซ็กซ์กับเรนน่ะเหรอ?
...กับเด็กนรกที่แบล็กเมล์เขา กับเด็กชายที่กอดเขาในวันที่เหนื่อยล้า...
สมองไม่อยากทำงานแล้ว ช่วยปิดตายตัวเองที ปล่อยให้ความต้องการในจิตใจยึดครองร่างกาย ได้โปรดทำให้เขาเมามายจริง ๆ เสียที....
“คงจะอย่างนั้น”
และตราชั่งด้านเหตุผลก็พังทลายลงพร้อมกับรอยประทับจูบตรงหน้าท้อง ชายหนุ่มใต้ร่างสั่นสะท้านทว่าไม่ได้เอ่ยห้ามอะไร นเรนทร์สอดปลายนิ้วเข้ากับเส้นผมสีดำดึงรั้งขึ้นเล็กน้อยเพื่อระบายอาการเสียววูบในท้อง
เสียงจูบเฉอะแฉะดังตามร่องรอยที่ริมฝีปากบางทิ้งเอาไว้ นเรนทร์เกร็งตัวจนเห็นกล้ามเนื้อสวยตรงหน้าท้องเมื่อปลายลิ้นนั้นกำลังหยอกเย้าบนรอยนูนของเชิงกราน
กางเกงถูกดึงรั้งมากองที่ต้นขา ชั้นในสีขาวเปียกซึมเป็นรอยบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าข้างในคุกรุ่นขนาดไหน แสงขยับตัวขึ้นขบงับบนใบหูอีกฝ่ายขณะเกี่ยวชั้นในลงให้ส่วนนั้นเปิดเผยต่อสายตา
“อา...” นเรนทร์หมดเรี่ยวแรง แม้แต่จะยกมือปิดให้สมกับเป็นคนธรรมดาก็ยังทำไม่ได้ เลือดในร่างกายสูบฉีดแรงขึ้น ร้อนเสียจนมึนหัว แอลกอฮอล์อาจจะเพิ่งซึมเข้าเส้นเลือดก็เป็นได้...
ฟันขาวกัดลงบนต่างหูที่ร้อยคร่อมกระดูกอ่อนออกแรงดึงเบา ๆ หยอกเอินให้เสียวซ่าน และเมื่อฝ่ามือร้อนกอบกุมส่วนนั้นชายหนุ่มก็สะท้านเฮือก
“อ๊ะ! อื้อ....เฮีย....” เรนครางไม่ได้ศัพท์ ส่วนไวต่อสัมผัสถูกรูดรั้งอย่างหยาบโลน มันตอบสนองกับฝ่ามือของแสงด้วยความซื่อสัตย์
“อย่ากัดปาก” เขาออกคำสั่งพร้อมกับใช้มืออีกข้างบีบปลายคางไว้ “อ้าซิ”
เรนทำตามอย่างว่าง่าย เขามีหน้าที่แค่รับการปรนเปรอเท่านั้น นิ้วเรียวยาวสอดเข้ามาโพรงปากกดลงบนลิ้นเป็นการกระตุ้นท้าทาย แล้วเหยื่อก็ตะครุบเบ็ดทันที ปลายลิ้นตอบสนองรุกไล่คืน จินตนาการว่านั่นคือจูบจากแสง
ลมหายใจร้อนรดใบหู แสงฝังใบหน้าลงข้างขมับย้ำจูบซ้ำ ๆ เขาไม่ชอบคนเจาะหูเพราะมันไม่สุภาพ ทว่ากลับละสายตาจากสัญลักษณ์แห่งความขบถนี้ไม่ได้ เกลียดผมสีฉูดฉาด แต่นาทีนี้เขากลับจูบมันอย่างไม่อิดออด
ทำไมกับเรนถึงได้มีข้อยกเว้นเยอะแยะ...
“อื้อ” คนแก่กว่าครางเสียงต่ำเมื่อนเรนทร์ยกเข่าขึ้นมาโดนส่วนนั้นของเขาโดยบังเอิญ หนุ่มใหญ่ผละตัวออกมองผลงานของตัวเองให้เต็มตา
ผิวสีแทนแดงเรื่อไปทั้งตัว ดวงตาปรือปรอยเป็นหมาจิ้งจอกสิ้นเล่ห์เหลี่ยม หยาดน้ำใสเยิ้มติดปลายนิ้วยามที่เขาชักมือออก ช่างเป็นภาพที่ปลุกปั่นให้ส่วนนั้นตื่นตัวขึ้นกว่าเดิม
เข่าที่เสียดโดนชะงักไป กระดูกคล้ายจะละลาย ราวกับเส้นประสาททั้งหมดไปรวมกันในอุ้งมือของแสง ชายหนุ่มมองไปยังกางเกงของอีกฝ่ายที่ปูดขึ้นอย่างชัดเจน
จะเข้ามาใช่ไหม ส่วนนั้น....ในตัวเขา...
ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ก่อนหน้านั้นก็รู้สึกดีอยู่ แต่มันเทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลย ตาดำเหลือบขึ้นมองเพดาน ภาพที่เห็นขาวโพลนไปหมด เขาโดนแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเล่นงานเสียแล้ว ปั่นป่วนในช่องท้องเมื่อฝ่ายนั้นเร่งจังหวะมือ
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่หมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะร้องคราง เสียงของเหลวเสียดกับมือฟังดูหยาบโลนทุกขณะ และเมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด นิ้วเท้าจิกเกร็งลงกับผืนผ้าในตอนที่ปล่อยของเหลวสีขาวออกมาเปรอะเต็มหน้าท้องและมือของแสง
ลมร้อนเป่าที่ข้างหู “ฉัน...ไม่ไหวแล้ว..”
“ผมก็ไม่ไหวแล้ว” นเรนทร์ตอบกลับมาด้วยเสียงที่ ‘ไม่ไหว’ อย่างปากว่า
“ให้ฉันหยิบถุงยางก่อนนะ”
หมับ! คนด้านล่างคีบขอบกางเกงไว้ เรียกให้แสงหันกลับมา
“เฮีย...ผม...” ดวงตาปรือปรอยลง พยายามขยับเพื่อเปล่งเสียงสุดท้ายออกไป...
ง่วง....
คร่อกกกกกกก
สวิทช์ปิดฉับลงพร้อมกับซากศพที่แน่นิ่งไม่ไหวติง ชายผู้หลงเหลือในซากกามอารมณ์ยกมือค้างกลางอากาศ
มะ...ไม่จริงใช่ไหมวะ....
“เรน....” พยายามใช้เสียงสองเรียกเพื่อจุดไฟสวาทให้โชติช่วงอีกครา ทว่าร่างด้านล่างก็ยังไม่ให้ความร่วมมือ เขาเขย่าตัวมัน “เรน....แกคงจะไม่...”
คร่อกกกกกกก
ลมหายใจพ่นออกมาฟืดใหญ่เป็นการตบหน้าให้แสงยอมรับความจริงอันโหดร้าย หนุ่มใหญ่มองเด็กชายแซ่ซ่งที่นอนแผ่เป็นเขียดเสียบไม้ ก่อนจะก้มดูมือชุ่มน้ำลายของตัวเองแล้วแค่นหัวเราะออกมา....
“ฮะ ฮะ ฮะ”
ไอ้-เด็ก-ซ่ง-ติง!
แม่งเอ๊ย! สถานการณ์ระยำระดับสิบเป็นรองการโรลเพลย์มาเฟียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สาบานได้ว่าไม่เคยมีประสบการณ์คู่ขาหลับคาเตียงมาก่อน ไอ้เรนจะเปิดประสบการณ์ใหม่ในทุกด้านแบบนี้ไม่ได้!
คร่อก....ฟี้....
โดนกรนทับถมกันไปอีก อีสภาพแบบนี้เมาหลับแน่นอนจะล้วงแคะแกะเกายังไงก็คงไม่ฟื้นคืนจากความตาย ไม่รู้ว่าเจ๊ซันมันใส่ยาสลบช้างลงไปหรือเปล่า
แสงพลิกตัวนอนแผ่ข้าง ๆ ศพ ปวดหัวแปล๊บกับสภาพสารร่างตอนนี้ ก้มมองตัวเองก็เห็นเป้ากางเกงชี้โด่เด่ ทว่าอารมณ์จะช่วยตัวเองยังไม่มีเลย มนุษย์เราสามารถปลงกับชีวิตได้ขนาดนี้เชียวหรือ....
ท่อนบนเปลือยเปล่าท่อนล่างตึงเครียดทำเอาสับสนไปหมด รู้แต่ว่าเขาจะนอนทั้งแบบนี้ไม่ได้ เหม็นเหล้าแถมชั้นในยังเปียกอีก นึกได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง พ่นลมหายใจกลิ่นละมุดราวกับกระทิงตกมัน
สารรูปไอ้เรนก็ไม่ต่างกัน มีเส้นบาง ๆ ระหว่างเซ็กซี่กับสกปรก มันแผ่หลากางแขนขา ใบหน้ายามหลับช่างใสซื่อ ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เด็กนี่แหละที่ปั่นหัวคนมากประสบการณ์เสียจนละเอียดย่อยยับประหนึ่งเข้าเครื่องมูลิเน็กซ์ ร่างเกือบเปลือยมีคราบจากกิจกรรมเมื่อครู่เปรอะเต็มหน้าท้อง สีของมันตัดกับผิวโดยสิ้นเชิง
สภาพแบบนั้นก็ยังนอนเข้าไปได้....
พวกบ้านนอกไม่เคยดื่มไวน์คงจะเมาง่าย ก็นะ...ดื่มรวดเดียวขนาดนั้นขนาดเขาค่อย ๆ จิบยังมึนหัวเลย เห็นมันกินข้าวรองท้องไปเยอะคิดว่าจะไม่เมาแล้ว ที่ไหนได้มาดีเลย์ในจังหวะที่เลวร้ายที่สุด
ตอนนี้แสงสร่างเมาแบบ 100% ไปเรียบร้อย ให้ลุกขึ้นมากระโดดตบก็ยังไหว ดังนั้นอีกะแค่เดินไปอาบน้ำหรือเอาอะไรในตัวออกก็สบายมาก เขาหยัดกายขึ้นยืนก้าวไปคว้าผ้าเช็ดตัวมุ่งตรงเข้าห้องน้ำไป ส่วนไอ้เรนน่ะเหรอ ปล่อยให้แห้งตายไปทั้งอย่างนั้นแหละ
ปัง...
ประตูเลื่อนปิดลงทิ้งให้ห้องนอนตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบ มีเพียงเสียงกรนคร่อก ๆ จากร่างของนเรนทร์เท่านั้น อากาศร้อนในห้องส่งผลให้เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้า ขณะที่ชายหนุ่มขยับตัวงุ่นง่านอยู่นั้นเอง...
ครืดดดดด...
บานกระจกเลื่อนออกอีกครั้ง ปรากฏใบหน้าหงิกงอของหนุ่มใหญ่ เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับกระแทกกะละมังลงโต๊ะข้างเตียงดังตึง มือคว้าเอาผ้าขนหนูมาชุบน้ำแล้วบิดอย่างเกรี้ยวกราดหมายจะให้แหลกลาญคามือ...
ก็แค่ทุเรศลูกกะตาเท่านั้นแหละ!
.........................................................
..................................
..............
.....