ทวงครั้งที่ 27
แปล๊บ...
เส้นประสาทช่วงเอวแล่นเข้าไขสันหลังส่งตรงสู่สมอง ตบเรียกให้คนขี้เซาตื่นจากนิทรา แสงสะดุ้งเหมือนตกจากที่สูง ดวงตาเบิกโพลงมองเพดานเปื้อนรา ต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ถึงจะเรียกความทรงจำเมื่อคืนกลับมาได้
ฝั่งซ้ายชาไปทั้งแถบเหมือนเป็นอัมพาตครึ่งซีก สาเหตุจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากซากศพไร้ญาติที่พาดตัวขึ้นมาทับ แสงใช้อีกซีกที่เหลืออยู่บรรจงดันมันลงไป จากที่นอนหงายไอ้เด็กซ่งก็กลิ้งพลิกไปตะแคงด้านข้างแทน
บานหน้าต่างเหนือศีรษะสว่างจ้า โชคดีที่องศาแดดไม่ตรงกับหน้าต่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจนอนอืดตื่นสายเช่นนี้ได้ แสงค่อย ๆ ยันตัวขึ้นจากฟูกเอนหลังพิงกำแพงไว้ และซึมซาบอาการปวดแปล๊บ ๆ ของกล้ามเนื้อ
อายุก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นแค่ร้างสังเวียนไปนานเท่านั้นแหละน่า เขายกมือลูบเอวป้อย ๆ ลองขยับนั่งหลังตรงขึ้นอีกนิด เมื่อยขนาดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กซ์ น่าจะรวมกับตอนวิ่งหนีแก๊งหมวกกันน็อคด้วย ชีวิตจะสมบุกสมบันเกินไปแล้ว
“อื้อ...” ดูเหมือนแรงผลักไสเมื่อครู่จะปลุกผีขึ้นมาจากขุมนรก นเรนทร์ถึงได้ส่งเสียงแหบแห้งทักทาย “เฮียตื่นแล้วเหรอ”
“อืม”
“ตื่นเช้าจัง”
“สายแล้วต่างหาก”
“สายแล้วเหรอ” เรนงึมงำก่อนจะล้วงมือเข้าไปตรงซอกระหว่างผนังกับฟูก ควานหามือถือขึ้นมากดดูเวลา “แย่ละ ห้องผมไม่มีอะไรให้กินด้วย”
ดูเหมือนเลือดคนรับใช้ที่ไหลเวียนในกายจะทำให้สมองคิดเรื่องอื่นไม่เป็น แสงถึงกับหันขวับไปถาม “แกลุกไหวแล้วหรือไง จะทำอาหารเนี่ย”
“โธ่! สบายมาก ฮึบ!” เดี๋ยวจะหาว่าคุยไอ้เรนเลยดีดตัวขึ้นมานั่งข้าง ๆ ตอนนั้นเองที่อาการแล่นแว้บขึ้นสมอง “อูย...เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย”
“ทำเป็นอวดเก่ง”
“ก็นะ....เหมือนเอาอะไรสักอย่างยัดเข้าไป” มันลูบคาง “ขนาดน่าจะประมาณ----“
“แกไม่ต้องพยายามเปรียบเทียบก็ได้” แสงรีบเตะขัดขาก่อนที่มันจะพ่นอะไรทุเรศ ๆ ออกมาทำลายบรรยากาศ มันไม่อายแต่เขาอาย!
“แหม คนจะชมแท้ ๆ” หน้าด้านยังน้อยไป อยากจะย้อนภาพเมื่อคืนนักว่าใครมันเขินจนหูแดง แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ ตัวเขาเองก็แดงไม่แพ้กัน
ดูเหมือนเซ็กซ์เมื่อคืนจะเปิดเผยความรู้สึกในจิตใจมากไปหน่อย วันนี้ถึงได้มีบรรยากาศแปลก ๆ เหมือนดอกไม้บานลอยฟุ้งในอากาศ พวกเขาทำตัวเหมือนคู่รักนั่งเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียว จังหวะที่เผลอคิดอย่างนั้นนเรนทร์ก็เอนหัววางตุบลงมาบนไหล่
เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ องค์ประกอบเหล่านั้นทำให้ไม่สบายตัวแท้ ๆ แต่ไอ้เด็กซ่งกลับหัวเราะแหะ ๆ ไถศีรษะเข้าออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยทั้งที่โตเป็นควายแล้ว
“เฮีย~”
แสงพ่ายแพ้ต่อเสียงนั้น และรอบนี้เขาเลิกที่จะกัดปากกลั้นยิ้ม “มีอะไร”
“แฮะ ๆ” หมุดต่างหูเย็น ๆ ไถไปตามไหล่กว้าง “มีความสุข”
“หึ” คนขรึมเผลอหลุดขำ “ตอบอะไรของแก”
ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมสีฟางตรงไหล่ไปมา เงี่ยหูฟังเสียงตึกตักของหัวใจ ทั้งที่เคยคิดว่ามันน่ารำคาญแท้ ๆ แต่วันนี้เขากลับปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ปิดบังอะไร
กว่าจะลุกจากเตียงก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า สาเหตุมาจากเสียงท้องร้องโครกครากของแสงนั่นแหละ ไอ้เด็กซ่งแสยะยิ้มล้อเลียนก่อนจะคลานลงจากฟูกอย่างอ้อยอิ่ง ร่างเปลือยเปล่านั่งยอง ๆ กวาดกองทิชชูซากอารยะธรรมด้วยมือเปล่า พลางเอ่ยบอกอย่างเจ้าบ้านที่ดี
“เฮียอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวผมเก็บเอง”
“อืม” เพราะเป็นคุณชายบนหอคอยงาช้างมานานจึงไม่รู้สึกว่าการใช้แรงงานเด็กเป็นความผิดแต่อย่างใด แสงตลบผ้าออก เดินไปคว้าเสื้อผ้าบนพื้น พวกเขาดูเหมือนชีเปลือยในเมืองใหญ่ “ผ้าเช็ดตัวอยู่ไหน”
“อ๊ะ! ลืมไปเลย” เรนเอี้ยวตัวไปรื้อชั้นพลาสติกอันเล็กด้านข้าง การขยับตัวของมันทำให้แสงต้องเบนสายตาขึ้นมาโฟกัสที่หน้าแทน ก่นด่าตัวเองที่เหมือนตาแก่ลามกเข้าไปทุกที “นี่ครับเฮีย”
หลังแสงชำระกายเสร็จก็ถึงทีของไอ้เด็กซ่ง มันคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่า เดินเฉียดไหล่คนแก่กว่าไปเล็กน้อย แสงมองตามมันจนประตูใกล้จะปิดลงถึงเพิ่งนึกบางอย่างออก
“เรน”
“หือ?” มันชะโงกหน้าออกมา
“คือแกต้อง...” คนพูดเกาหัว กระดากปากชอบกล แต่เรื่องอย่างนี้จำเป็นต้องบอก “ต้อง...เอ่อ...ล้างข้างในด้วยนะ”
“อ้อ!” เด็กซ่งพยักหน้าหงึก ๆ “เคยอ่านมาแล้ว”
“หา!?”
“เฮียไม่รู้หรอกว่าระหว่างบวชอยู่ผมเตรียมตัวมาดีแค่ไหน” มันยักคิ้ว “ไม่อย่างนั้นใครจะกล้าชวน”
ปัง... แล้วประตูก็งับลงท่ามกลางความสงสัย...
มันหลอกด่าอยู่หรือเปล่าวะ....
.................................................
.................................
............
......
“มาแล้ว ๆ” แป๊ะ! สวิตช์ปลั๊กสามตาถูกปิดลง ตามมาด้วยเสียงส้อมขูดก๊องแก๊ง “อร่อยที่สุดในสามโลก”
แสงขี้คร้านเถียงเลยทำเพียงวางมือถือไว้บนฟูก กอดอกเอนหลังรอขี้ข้ายกอาหารมาบำรุงบำเรอให้ถึงที่ โต๊ะญี่ปุ่นถูกปูรองด้วยกระดาษโบรชัวร์ของโลตัส สาดสเปคตรัมแดงเขียวไปทั่วสารทิศ กว่าเรนจะยกหม้อกระทะไฟฟ้าลงมาวางทับลงไปแสงก็ตาแทบบอดแล้ว
มาม่ารสต้มยำกุ้งบิ๊กแพ็คสามซองถ้วนคืออาหารเช้าของวันนี้ ไม่มีสารอาหารเพิ่มเติมใด ๆ นอกจากผงชูรส กระนั้นท้องคนหิวก็ส่งเสียงเรียกร้องไม่หยุด เรนยื่นอาวุธให้ก่อนจะลงมือคีบเส้นในหม้อขึ้นมาเป่า
“ไม่มีเครื่องนะเฮีย” ฟู่~ ลมโดนที่ข้างแก้มแสง “เห็นหน้าซองมันเขียนว่ามีธาตุเหล็กและวิตามินเอ เราคงไม่ต้องเพิ่มอะไรแล้ว”
“ข้อแก้ตัวของคนจนเรอะ” แสงม้วนเส้นขึ้นมาบ้าง เพราะยกสูงเกินไปน้ำซุปเลยกระเด็นใส่เสื้อ อ้า...ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยซัก พอเย็นขึ้นก็รีบยัดใส่ปากด้วยความหิวโหย ไอ้เด็กซ่งลวกเส้นกำลังดีเลย ไม่เละหรือแข็งเกินไป
“ระวังมันร้อนนะครับ” พ่อครัวว่าพลางเป่าก้อนบะหมี่ที่ปลายตะเกียบ “กินที่ผมดีกว่า อ้าม~”
“ฉันไม่ใช่ลูกแกนะ” แสงเมินน้ำใจที่มันหยิบยื่นมาให้ แถมยังคีบกินเอง “แล้วนี่ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“ไปไหวที่ไหนล่ะ” เมื่ออ่อยเก้อเรนเลยยัดบะหมี่เข้าปากตัวเอง “เฮียพังประตูหลังผมซะยับเยิน จะลุกออกจากฟูกยังต้องคลาน”
“น้อย ๆ หน่อย ถึกเป็นควายจนลุกขึ้นมาเก็บขยะต้มมาม่าได้ไม่ใช่เรอะ”
“แหม จะล้มหมอนนอนเสื่อก็เสียชื่อหมดสิ” มันยักไหล่ “แต่ให้ทำงานก็หนักไปหน่อย ตอนเฮียอาบน้ำผมเลยโทรไปลากับลุงแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ”
“โดนบ่นจนหูชาเลย คนแก่เป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า”
“ไม่ต้องมองหน้าฉันเลยนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เพราะกินจากหม้อใบเดียวกันหน้าเลยอยู่ห่างเพียงคืบเดียว บางจังหวะที่ก้มลงไปศีรษะก็ชนกันเล็กน้อย แสงว่ามันเป็นเรื่องโง่สิ้นดี มนุษย์ประดิษฐ์เครื่องชามรามไหมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช้งาน จากตรงนี้เขามองเห็นชั้นวางภาชนะด้านหลัง มันมีครบครันทั้งถ้วยจาน หรือแก้วน้ำก็ยังได้
“ซู้ดดดดด” ไอ้เรนสูดเส้นจนน้ำกระเซ็นติดข้างแก้มเขา หนุ่มใหญ่สะดุ้งก่อนจะแยกเขี้ยวขู่
“ไอ้เรน...”
“แฮะ ๆ” คนผิดรีบดึงทิชชูออกจากกล่อง ซับเข้าบนน้ำซุปเผ็ดร้อน “ผิดไปแล้วคร้าบ~ เกือบทำเฮียตาบอดแล้วไหมล่ะ”
“กินให้มันดี ๆ หน่อย”
“งั้นเฮียก็ป้อนผมสิ”
“เป็นง่อยหรือไง”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ช่างเถอะ กินแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน....
เขายอมเสี่ยงตาบอด นั่งเอาหัวสุมกันอยู่เหนือหม้อ สัมผัสเส้นผมที่คลอเคลียกันนิดหน่อย เรนมัดผมขึ้นเลยเห็นรอยจูบที่หลังคออย่างชัดเจน ช่างเป็นคนไม่ระวังตัวเอาเสียเลย แสงส่ายหัวปลง ๆ แต่ก็นั่งมองต้นคอเลอะจูบไม่วางตา
ตะเกียบถูกรวบไว้ที่ขอบหม้อ แสงดื่มน้ำจนหมดแก้ว มองออกไปนอกหน้าต่างดวงอาทิตย์น่าจะลอยสูงขึ้นไปใกล้เที่ยงเต็มที วันนี้เขามีนัดกับพี่นกตอนบ่ายสอง สายขนาดนี้แล้วถ้าโทรไปเลื่อนคงน่าเกลียด แม้จะอยากนอนโง่ ๆ ซึมซับบรรยากาศอบอวลในอกอีกสักหน่อยก็เถอะ...
“ฉันมีนัดกับลูกค้า” แสงจ้องหน้าอีกฝ่าย “ต้องไปแล้วล่ะ”
“เหรอ” มันมองตาละห้อย “ออกไปจะโดนตื้บอีกไหมเนี่ย”
“กลางวันแสก ๆ ใครจะกล้า” หนุ่มใหญ่ยืนขึ้นยัดกระเป๋าสตางค์กับกุญแจลงกางเกง ก่อนอื่นต้องไปที่รถก่อนสินะ ไม่มีมือถือแล้วชีวิตมันยุ่งยากเหลือเกิน “ไปก่อนล่ะ”
เด็กซ่งมองตามตาละห้อยไปถึงประตู แผ่นหลังกว้างกำลังจะหายไปหลังบานประตูอยู่แล้ว จู่ ๆ คุณลุงวัยทองก็หันหลังกลับเดินฉับ ๆ มายังซากศพ
“อื้อ”
เส้นผมถูกขยี้จนยุ่งเหยิงเป็นรังนก นเรนทร์เหลือบขึ้นมองทันจังหวะที่มุมปากนั้นแสยะขึ้นพอดี
“แกก็นอนเยอะ ๆ ล่ะ”
...................................................
..............................
................
........
ทุกอย่างอยู่ในสภาวะ ‘เกือบ’ ปกติ
Citroen C5 จอดแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไร้รอยขีดข่วนใด ๆ อย่างน้อยแก๊งหมวกกันน็อคก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้างสินะ ไม่สิ...ตรงนี้มันหน้ามินิมาร์ทพอดีคงกลัวกล้องจับภาพได้มากกว่า
ภายในห้องโดยสารทรัพย์สินวางอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง แสงคว้ามือถือขึ้นมา และนั่นเป็นสิ่งแรกที่ไม่ปกติ
‘เฮียใหญ่’
สายไม่ได้รับ 13 สาย
ไม่คิดว่ามันมากไปงั้นเหรอ? จริงอยู่เฮียใหม่ไม่ค่อยเกรงใจลูกจ้าง แต่การโทรจิกไม่ใช่วิสัยของแก ดูเหมือนจะเริ่มติดต่อเขาตั้งแต่แปดโมงเช้าเรื่อยมาถึงยี่สิบนาทีที่แล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นมีเพิ่มอีกสายเขาจึงกดโทรกลับไปทันที
“ฮัลโหล โทษทีครับเฮียพอดีผมมีเรื่องนิดหน่อย”
“พี่แสง!” ทว่าแสงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เจ้าของมือถือ แสงพยายามวิเคราะห์ว่าเสียงคนพี่หรือน้อง ก่อนจะโยนหินถามทาง
“หมายเหรอ เฮียใหญ่อยู่ไหม”
“โอ๊ย! พี่โทรมาก็ดีแล้วครับ” ดูเหมือนเขาจะเดาเสียงถูก เพราะไอ้หมายรัวกลับไม่หยุด “ตอนนี้ที่บริษัทวุ่นวายกันไปหมดเลย เฮียก็ออกไปคุยกับทีมอยู่ บอกว่าถ้าพี่แสงโทรมาให้ผมรับแทน พี่แสงครับ! พี่ต้องรีบมาโดยด่วนเลยนะครับ”
แสงยกมือขึ้นคลึงปลายนิ้วบนขมับ การคุยครั้งนี้ต้องแปลไทยเป็นไทยจึงใช้สมองมากกว่าปกติ ‘ทีม’ ที่ว่าน่าจะหมายถึงพวกตำรวจที่คอยรับใช้จัดการเรื่องนอกกฎหมายให้เฮีย ไม่บ่อยครั้งนักที่จะถูกเรียกมา ดูท่าคราวนี้จะหนักหนาจริง ๆ
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้ปรักหนีไปจากโกดังแล้วครับ”
“หา!?” แสงขมวดคิ้ว “หนีไปได้ยังไง แกมัดไม่ดีเหรอ อย่างไอ้ปรักไม่น่าจะแกะเชือกได้”
“ผมก็ไม่รู้” ปลายสายร้อนลนจนแทบบ้า “พี่แสงรีบมาเถอะครับ!”
“อ่า...ฉันติดลูกค้าเสียด้วย”
“ระ...รีบมาไม่ได้เหรอครับ”
“บอกเฮียด้วย เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบไป”
แสงตัดสายทันทีไม่รอฟังคำคร่ำครวญใด ๆ เขาเลทมากพอแล้ว การให้ลูกค้าชั้นดีอย่างพี่นกรอไม่ใช่เรื่องดีนัก รถสีเทาเข้มพุ่งออกไปทันทีที่ติดเครื่อง
ไอ้หมายคงลนลานตามปกติ คนใจปลาซิวอย่างมันเลือดออกตามไรฟันยังว่าเรื่องใหญ่เลย อีกอย่างเฮียเรียก ‘ทีม’ มาช่วยแบบนี้อาจจะไม่ต้องถึงมือเขาแล้วก็ได้ คิดได้ดังนั้นแสงก็กดมือถือโทรออกหาเพื่อนทนาย
อาชีพพวกเขาคอนเนคชั่นถือว่าสำคัญมาก แสงมีผลประโยชน์ให้มัน และมันมีให้เขา เท่านี้ก็กินเหล้าด้วยกันคล่องปากแล้ว ยิ่งถ้าตำแหน่งใหญ่โตเข้าถึงข่าวมากเท่าไหร่ยิ่งดี ตอนหลานชายมีปัญหาก็ให้ช่วยสืบจนคลี่คลายได้
แสงขอให้มันช่วยสืบเรื่องนายฤทธิ์พี่ชายไอ้เดช ทั้งเรื่องแก๊งและเส้นสายในกรุงเทพฯ เขาต้องรีบจบเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้เสียที เพราะปัญหาอื่นมาจ่อรอให้สางอีกเพียบ
หลังวางสายแสงก่นด่าในใจไม่หยุด อยากจะสืบไปให้ถึงหลุมศพพ่อแม่มันเลยทีเดียว จะได้ตามไปด่าว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงทะเลาะกันแล้วทำคนอื่นฉิบหายไปด้วย
....................................................
..............................
................
........
เวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่ม รถของแสงเพิ่งจะมาถึง แถมยังต้องจอดเสียไกลเพราะไม่มีที่ ไม่ได้ตั้งใจจะมาช้า เขาติดธุระแถมการจราจรยังไม่เป็นใจ แสงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้สำนักงานที่ด้านในมืดสนิท
กึก... เมื่อลองผลักประตูก็พบว่ามันถูกล็อกไว้ เขาเดาะลิ้นไม่พอใจแล้วถอยหลังกลับมา แม้แต่ชั้นสองก็มืดสนิทแบบนี้เท่ากับว่าไม่มีคนอยู่งั้นเหรอ
แสงตัดสินใจลัดเลาะไปด้านข้าง พุ่มไม้ให้ร่มเย็นในตอนกลางวันก็จริง แต่ดึกดื่นเช่นนี้กลับน่ากลัวอย่างประหลาด รั้วไม้เรียงไปตามอาคารจนจรดกับช่องด้านหลังของตึก แน่นอนว่าประตูนี้ก็ถูกล็อกเช่นกัน
ทางเดินในซอกตึกอวลกลิ่นอับของท่อระบายน้ำเรียกให้แสงสาวเท้าเร็วขึ้น หากไม่อยู่ที่ตึกหลักก็เหลือเพียงโกดังอันเป็นจุดเกิดเหตุเท่านั้น ทางเดินยาวร่วมยี่สิบเมตรทะลุออกมาที่ลานกว้าง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคืออาคารชั้นเดียวมุงหลังคาสังกะสีเก่าคร่ำครึ ดูจากภายนอกก็แค่โกดังเก็บของเท่านั้น
หน้าต่างมีแสงสว่างจากด้านในเป็นตัวบ่งบอกว่าเขามาถูกที่แล้ว เสียงพูดคุยแว่วออกมาแต่จับใจความไม่ได้มากนัก แสงคว้าเข้าที่ราวจับขึ้นสนิม ออกแรงลากบานเลื่อนอันฝืดเคืองไปด้านข้าง
ครืด...
“สวัสดีครับเฮีย”
ทว่าไร้เสียงตอบรับ...
บทสนทนาเมื่อครู่เงียบหายไปพร้อมกับล้อเลื่อนของประตู ด้านในมีเพียงบุรุษสามคนอันประกอบไปด้วยเฮียใหญ่ มั่นและหมาย ทั้งสามสายตาพุ่งเขม็งมายังเขา สัญชาตญาณบอกแสงว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่เขายังทำใจดีสู้เสือ คลี่ยิ้มตามมารยาทพร้อมกับค้อมศีรษะลง
“ขอโทษที่มาช้านะครับ”
เฮียใหญ่หันไปสบตาฝาแฝด แว้บหนึ่งที่ชายแก่พยักหน้า แสงรู้ทันทีว่าสัญญาณบางอย่างได้ถูกส่งออกไปแล้ว และเขาช้าไปก้าวหนึ่ง…
“ขอโทษนะครับพี่แสง!”
หมับ! สองแขนถูกแฝดล็อกไว้คนละข้าง แสงขืนตัวออกตามปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ ทว่าการสู้แรงชายฉกรรจ์สองคนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้พวกมันจะเตี้ยกว่า แต่เรี่ยวแรงมากกว่าสายบุ๋นอย่างเขา เมื่อตั้งสติได้แสงจึงยืนนิ่งเฉยปล่อยให้พวกมันจับแต่โดยดี
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับเฮีย”
“หึ” นายใหญ่ยิ้มเหี้ยมเกรียม “แกคิดว่าฉันโง่เหรอแสง”
หรือว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่จะมีการป้ายความผิดอะไรเกิดขึ้น แสงขมวดคิ้ว “มีคนบอกว่าผมเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไอ้ปรักหนีไปงั้นเหรอครับ”
“ไม่เลย มันกลายเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับสิ่งที่แกทำ” ร่างท้วมเดินเข้ามา แสงเห็นแววตาที่ลุกโชนด้วยความโกรธ และก่อนจะทันได้คิดอะไรกำปั้นก็พุ่งเข้าใส่หน้าตรงรอยช้ำเดิมที่ยังไม่ทันจาง….
ผัวะ!!
“ไอ้เกย์น่ารังเกียจ!”
ประโยคนั้นก้องในหู นิ้วอูมยกขึ้นชี้หน้าลูกจ้าง “แกหลอกฉันมากี่ปีแล้วแสง คิดว่าฉันโง่มากเลยสินะ”
สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดเมื่อถูกจับได้ในเรื่องไม่คาดฝัน แสงได้แต่ยืนนิ่งฟังค่าต่อว่าราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์
“ไอ้พวกลักเพศ แกหลอกเข้ามาทำงานกับฉันเสียนานเชียวนะ ทั้งที่แกก็รู้ว่าฉันเกลียดพวกแกยิ่งกว่าอะไรดี” เฮียใหญ่ลูบหลังมือที่ขึ้นสีแดงเรื่อ “เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์ไว้ใจแกมาตลอด”
แสงเห็นความผิดหวังในแววตานั้น แต่ก็ไม่มากไปกว่าแรงโทสะที่เต็มเปี่ยม เจ้าพ่อเงินกู้อย่างเฮียใหญ่ยอมเชื่อใจลูกน้องสักคน แต่มันกลับหลอกลวงเขามาตลอด ไม่ต่างกับการถูกหักหลังเลยสักนิด และคนที่คิดจะลองดีกับเฮียใหญ่คงรู้ว่าจุดจบจะเป็นยังไง
“ผม...ขอโทษครับ” แสงค้อมศีรษะลง เขาทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้เพราะถูกล็อกแขนไว้ “เรื่องที่โกหกเฮียมาตลอด”
“.........”
“แต่เรื่องที่ผมเป็นเกย์ คงขอโทษไม่ได้จริง ๆ ครับ”
เพราะมันไม่ใช่ความผิด...
เพี๊ยะ!
ทั้งที่เจ็บแทบแย่ แต่เฮียใหญ่ยอมที่จะหวดฝ่ามือตบลงบนแก้มขวาของเขาเต็มแรง ใบหน้าชาวาบไปทั้งแถบกระนั้นแสงก็ยังจ้องหน้าอีกฝ่ายราวกับจะยืนยันคำเดิม
เฮียใหญ่โกรธจนตัวสั่น ทว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะลงมือเองแล้ว ชายแก่หันไปสั่ง “สั่งสอนมันหน่อย!!”
เสียงเนื้อถูกหวดด้วยกำปั้นและฝ่าเท้าดังก้องไปทั้งโกดัง แสงกลายเป็นเป้านิ่งเมื่อไม่สามารถสู้แรงนักทวงหนี้มืออาชีพได้ ท้องถูกต่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอปล่อยตัวทรุดลงกับพื้นจากมือก็เปลี่ยนเป็นเท้าแทน
ใบหน้าไถไปตามพื้นสกปรกเลอะฝุ่น และไม่ว่าแสงจะพยายามปัดป้องกี่ครั้งร่างของเขาก็ถูกขยี้ราวกับหมาตัวหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าในยุคสมัยเช่นนี้การเป็นเกย์จะถูกลงโทษราวกับต้องความผิดร้ายแรง ที่นี่ไม่ใช่ตะวันออกกลางหรือรัสเซียสักหน่อย
เฮียใหญ่ยืนกอดอกมองร่างอันบอบช้ำของลูกน้องเงียบ ๆ เห็นมันแค่นยิ้มอวดดีแล้วอยากจะออกแรงอีกสักที แต่การเล่นงานหนักจนถึงตายไม่ใช่เรื่องพึงกระทำ
“พอแล้ว เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน” เสียงแหบแห้งสั่ง “มัดมันไว้กับเก้าอี้”
มั่นฉุดแสงขึ้นมาจากพื้น โยนลงบนเก้าอี้ไม้ผุ ๆ น่าขันสิ้นดีที่พบว่ามันเคยเป็นที่นั่งของไอ้ปรักมาก่อน นักโทษคนใหม่ถูกมัดเท้าและมือไพล่หลังไว้ด้วยเชือกที่หยาบกระด้างเสียดเข้าไปถึงผิวเนื้อ
แสงยังเห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน นั่นเท่ากับว่าศีรษะของเขาไม่ถูกกระแทก กฎการทำร้ายร่างกายไม่ให้ถึงแก่ชีวิตเบื้องต้นคือห้ามเล่นงานที่หัว ดูเหมือนเฮียใหญ่จะปรานีแสงอยู่บ้าง
เขาระบมไปทั้งหน้า ปากแตก แต่ไม่ถูกต่อยที่เบ้าตาก็ถือว่าไม่ร้ายแรง ท้องถูกถีบจนจุก แผ่นหลังก็เช่นกัน ถ้าเดาไม่ผิดเสื้อน่าจะขาดด้วย ภาวนาให้มือถือในกระเป๋ากางเกงยังไม่พังก็แล้วกัน
เฮียใหญ่ส่งสัญญาณให้ไอ้หมายที่ยืนอยู่ด้านข้างกระชากผมแสงขึ้นมาสบตาด้วย ยามปกติก็เป็นตาแก่ธรรมดา แต่หากปราศจากเขี้ยวเล็บมีหรือจะยิ่งใหญ่ได้อย่างตอนนี้ แสงได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองแล้ว
“แกคงไม่คิดว่าการหลอกฉันมันจะจบด้วยการไล่ออกง่าย ๆ ใช่ไหมแสง”
“ผมทราบครับ”
“งั้นก็ดี” มุมปากเหยียดขึ้น “คืนนี้แกก็นอนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”
ร่างท้วมก้าวถอยหลัง บาดแผลไม่มากมายขนาดฆ่าใครตายนี่นา ไว้ลองคิดสักหน่อยดีกว่าว่าจะจัดการกับมันยังไง เขาหันไปสั่งลูกน้อง “พวกแกเก็บของใช้มัน อุดปากไว้ เสร็จแล้วปิดไฟโกดังด้วยล่ะ”
รองเท้าหนังย่ำทับรอยเลือดบนพื้น ลากมันไปตามทางราวกับของสกปรกที่ไม่อยากให้ติดกลับไป มืออวบอูมคว้าที่มือจับเขรอะสนิมก่อนเสียงเลื่อนของบานประตูจะดังก้องไปทั้งโกดัง
“อ้อ” เฮียใหญ่หันหลังกลับมา “คลิปแกกับไอ้เด็กหัวทองนั่นน่ะ....”
ลมหายใจคนฟังชะงักในทันที...
“สนุกกับลูกหนี้น่าดูเลยนี่ แกคงทำแบบนี้หลายคนแล้วล่ะสิ”
ชายแก่แสยะยิ้ม
“น่าขยะแขยง”
ในตอนนั้นความเจ็บปวดบนร่างกายก็พลันหายไป
เพราะมันไปรวมอยู่ที่อกซ้ายแทนแล้ว....
แสงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยที่สมองปิดตายทุกอย่าง เบื้องหน้ามีเพียงแสงไฟจากหลอดตะเกียบด้านบนเท่านั้น ราวกับคนป่วยที่ค่อย ๆ ตายลงจากโรคที่ไม่อาจรักษาได้ เขาปล่อยให้มันลุกลามไปตามเส้นเลือด จำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะถูกเอาผ้ายัดปาก หรือไฟโกดังจะดับลงไหม ทุกอย่างดูไร้ความหมายไปเสียแล้ว...
“พี่แสง!” กระทั่งเสียงเรียกที่ข้างหูในยามนี้ก็เช่นกัน “พี่แสงไหวไหมครับ”
เพราะไม่ได้รับการตอบสนอง หมายจึงเขย่าตัวคนบนเก้าอี้แรงขึ้น “พี่แสงครับ...ไอ้มั่น! พี่แสงจะตายไหมวะ”
“แค่ก ๆ” แรงสะเทือนนั้นทำให้แสงสำลักน้ำลายออกมา สติอันเลือนรางเริ่มกลับคืนมา “พวกแก..”
ตุบ...
ก่อนจะทันได้พูดอะไรเชือกเส้นใหญ่ก็ร่วงลงบนพื้น แสงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสองมือได้อิสระมาอย่างไม่ทันตั้งตัว และตกใจยิ่งกว่าเมื่อไอ้มั่นแกะเชือกที่ข้อเท้าให้
“เฮียใหญ่กลับไปแล้ว พี่รีบหนีเถอะครับ!” แฝดพี่เอ่ยบอกด้วยสีหน้าปั้นยาก สมแล้วที่ใจปลาซิว
“ทำแบบนี้พวกแกจะไม่โดนเล่นงานหรือไง”
“โธ่! พี่แสงห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ” หมายว่าพลางรุนหลังให้ร่างสะบักสะบอมนั่นลุกขึ้น “พวกผมมันโง่ทำงานพลาดบ่อยอยู่แล้ว พลาดอีกสักครั้งจะเป็นไร”
“ใช่ครับ!” มั่นเข้ามาช่วยเสริม มันคว้าแขนของอดีตลูกพี่ขึ้นพาดบ่าทั้งที่แสงก็เดินไหวแท้ ๆ
พวกมันแค่เด็กสลัมโง่ ๆ ที่มีดีแต่ใช้แรงงาน หากไม่ได้แสงช่วยชี้นำคงไม่อาจทำงานนี้ได้ อาจจะเย็นชาไปบ้าง แต่พี่แสงก็ไม่เคยทิ้งลูกน้องไว้ข้างหลังนี่นา จริงอยู่ว่าเฮียใหญ่มีบุญคุณ แต่พี่แสงเองก็มีไม่แพ้กัน
“รอบนี้เฮียทำเกินไปจริง ๆ” มั่นส่ายหน้า “เพราะงั้นพี่แสงหนีไปให้เฮียอารมณ์เย็นก่อนเถอะครับ”
“เชือกน่ะ”
“ครับ?”
“กรีดมันไว้” แสงสั่งเสียงเรียบ “บอกว่าพวกแกออกจากโกดังไปแล้ว ดูเหมือนฉันจะซ่อนมีดไว้เลยหนีออกไปได้”
“พี่แสง...” ทั้งสองตาเป็นประกาย ลูกพี่สุดเท่ของพวกเขากลับมาแล้ว
“คงไม่มีเวลาพูดมากกันแล้ว” แสงดึงม้วนผ้าจากมือไอ้หมาย ถุยน้ำลายและเลือดใส่ให้เหมือนกับว่ามันเคยถูกใช้อุดปากเขาแล้วโยนลงพื้น “พวกแกออกไปทางปกติ ฉันจะหนีออกไปด้านหลังหลบกล้องวงจรปิดไปที่รถ”
“ระ...รับทราบครับ!”
“หลังจากนี้ฉันอาจจะทำให้พวกแกลำบาก ต้องขอโทษด้วย” แสงยกมือที่ช่วยพยุงออก ก่อนร่างสูงสง่าจะเดินตรงไปยังสวิตช์ไฟที่ข้างประตู ส่งทุกอย่างเข้าสู่ความมืดมิด....
“ขอบใจมากจริง ๆ”
.................................................
.................................
...............
.......