ทวงครั้งที่ 29
พิกัดถูกบันทึกลงสมองแบบลวก ๆ ทำให้แสงต้องหมุนพวงมาลัยหาอยู่นาน กว่าจะมาถึงที่เกิดเหตุก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมงกว่า
อุปกรณ์สื่อสารตายสนิทจึงต้องบอกลากูเกิ้ลแมปไปโดยปริยาย จะมองหาสายชาร์จแบตตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะตัวรถแล่นเข้าสู่เขตบ้านอกของกรุงเทพฯ
นี่แหละนะที่เขาว่ารวยกระจุกจนกระจาย สถานีตำรวจประจำเขตอยู่ในย่านธุรกิจขนาดนั้น แต่ขับออกมาชั่วโมงกว่าก็เหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง การแบ่งเขตแขวงของกรุงเทพฯ ช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน
สองข้างทางเป็นบ้านเดี่ยวเก่า ๆ สลับกับต้นไม้รกครึ้ม มีเนินสูงให้รถต้องไต่ขึ้นบ้าง แสงเพิ่งจะผ่านบ้านอดีตลูกความมาเมื่อครู่นี่เอง ถนนเริ่มเป็นหลุมเป็นบ่อจนคนขับโยกเยกไปมา
“โอ๊ย!” แรงสั่นสะเทือนส่งมาถึงแผลบนร่าง แสงสบถอย่างหัวเสียขณะลดความเร็วลง เขาปวดระบมไปทั้งตัว เวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมงแต่เหมือนแก่ขึ้นเป็นสิบปี ยิ่งตรงมุมปากนี่เล่นเอาเจ็บทุกครั้งที่ขยับพูด
จากที่ได้ข้อมูลมาศพถูกพบตรงข้างทางเวลาประมาณหกโมงเช้าหลังฝนตกหนักทั้งคืน ไม่มีการอำพรางราวกับท้าทายให้คนมาเจอ แน่นอนว่าผู้พบศพคนแรกคือชาวบ้านแถวนั้น
ถนนขรุขระทำให้เร่งความเร็วไม่ได้อย่างใจคิด ลำพังปัญหามากมายก็ถล่มใส่หัวอยู่แล้วยังต้องมาเสียเวลาอีก หนุ่มใหญ่จึงตัดสินใจจอดรถตรงข้างทาง เสียบเข้าไประหว่างโคนต้นตีนเป็ดน้ำ มองเผิน ๆ คงไม่เห็นว่ามีรถซ่อนอยู่ตรงนี้ ต่อจากนี้ต้องพึ่งสองเท้าของตัวเองแทน
ใบไม้แห้งกรอบร่วงโรยไปบนพื้นสีเทา แถบนี้ฝนน่าจะหยุดตกตั้งแต่เช้ามืดแล้วผิวหน้าดินจึงแห้งสนิท แสงไต่ขึ้นไหล่ทางไปตามถนน เดินมาร่วมสิบนาทีแล้วแต่ยังไม่เจอรถสวนลงมาสักคัน มันชักจะผิดปกติเกินไปแล้ว
แต่คิดอีกทีตำรวจไทยจะอยู่ในที่เกิดเหตุนานสักกี่ชั่วโมงเชียว แถมกับคดีที่เหมือนจะล็อกตัวคนผิดไว้แล้วด้วย..ไม้ยืนต้นขนาบสองข้างทาง กิ่งก้านของมันเสียดสีกันอยู่เหนือศีรษะชวนให้ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ในตอนนั้นเองที่จังหวะการก้าวเท้าชะงักไปเล็กน้อย
ต้นไม้ซ้ายมือด้านหน้ามีสายริบบิ้นสีเหลืองสลับดำผูกติดกับลำต้น ปลายข้างหนึ่งถูกโยงไปยังต้นถัดไป แสงเดาะลิ้นอย่างร้อนใจก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ หากศพถูกพบตรงนี้จริงก็จัดว่าค่อนข้างอุกอาจเลยทีเดียว
แกร่บ... กิ่งไม้บนพื้นหักตอนที่รองเท้าแตะเหยียบลง แสงข้ามเส้นกั้นเข้าไป เวิ้งที่พบศพอยู่ไม่ห่างจากถนนมากแต่ก็มีสภาพเป็นป่ารกครึ้ม มีรอยพ่นสีหลงเหลืออยู่ที่พื้นนิดหน่อย ให้ตายเถอะ! ใกล้ขนาดนี้อีกนิดก็ลากศพมาโชว์กลางถนนแล้วมั้ง
ตรงนี้แทบไม่มีอะไรพอจะเป็นหลักฐานได้เลย ไม่มีกล้อง มีเพียงรอยเท้าจาง ๆ บนผิวดินอยู่หลายรอย คาดเดาจากเวลาพบศพต้องเป็นของตำรวจไม่ผิดแน่ คนร้ายอาจจะแค่ขับรถมาโยนศพทิ้งแล้วก็จากไปโดยไม่ได้เหยียบบนพื้นสักก้าว
โธ่เว้ย! มาเสียเที่ยวงั้นเหรอ แสงก้าวถอยหลัง ตอนนั้นเองที่เหลือบไปเห็นรอยเท้าบนพื้นที่ลึกเข้าไปจากจุดพบศพราวห้าเมตร
จะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่เป็นรอยลึกราวกับถูกเหยียบย่ำตอนที่ดินยังเป็นโคลนแฉะ แถมยังหันปลายเท้าเข้าหาถนน....
แปลก...แปลกเกินไปแล้ว... ถ้าเป็นรอยเท้าของคนร้ายตอนที่ฝนเพิ่งหยุดตกล่ะ.... แต่มันโยนศพมาจากฝั่งนี้ไม่เห็นต้องเดินเข้าไปลึกขนาดนั้น แถมองศาที่หันหน้าเข้าถนนก็ยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่ หนุ่มใหญ่ก้าวเข้าไปใกล้ รอยเท้าปรากฏอย่างหมิ่นเหม่แค่ 3 ใน 4 เพราะตรงส้นเท้าวางพาดบนหญ้า หืม...เท่ากับว่ารอยเท้าที่เหลือก็อยู่บนพื้นหญ้าอย่างนั้นสิ?
จริงอยู่ว่าขับรถมาทางถนนใหญ่สะดวกกว่า ทั้งในแง่การเดินทางและพบศพ แต่มันเป็นดาบสองคมไม่ใช่เหรอ ถ้ามีคนโผล่เข้ามาเจอหรือบ้านสักหลังมีกล้องวงจรปิดล่ะก็...
นอกเสียจากว่า....มันเข้ามาอีกทาง แสงหยัดตัวขึ้นมองตรงเข้าไปยังพื้นที่รกครึ้มตามทิศทางที่คาดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของรอยเท้า เขาวางเหรียญเดิมพันหมดหน้าตักแล้วมีแต่ต้องไปต่อเท่านั้น
เพราะรองเท้าไม่เหมาะกับลุยป่าเลยถูกหญ้าเสียดจนคันยิบตั้งแต่ก้าวแรก ต้นพืชสีเขียวสูงประมาณครึ่งหน้าแข้งช่วยอำพรางรอยเท้าได้เป็นอย่างดี แสงเดินแหวกมันเข้าไปเรื่อย ๆ ด้านในมีไม้ยืนต้นจำนวนมาก กระนั้นก็ยังเหลือช่องให้เดินผ่านได้สบาย มีร่องรอยขูดตามต้นไม้บอกทิศทางไว้ตลอด ถ้าให้เดาน่าจะเคยเป็นทางเดินประจำของชาวบ้านก่อนตัดถนน
แดดส่องเข้ามาตรงช่องว่างระหว่างใบไม้ช่วยให้แสงระแวดระวังงูได้ง่ายขึ้น เขาเดินเท้าร่วมสิบนาทีกว่าจะไปโผล่อีกฝั่ง สิ้นสุดพื้นที่ป่าครึ้มก็มีทางลาดลงสูงราวสองเมตร แสงก้าวลงต่ออย่างระมัดระวัง
ในเวลานั้นแสงยังไม่รู้ว่าจุดที่เขาถ่อมาถึงนี้ แท้จริงแล้วเป็นถนนส่วนบุคคลที่ถูกสร้างขนานกับถนนเส้นหลักที่เขาแอบจอดรถไว้ ด้วยเพราะบรรยากาศที่เหมือนหลุดออกมาอีกโลก ถ้าถนนฝั่งนั้นว่าบ้านนอกแล้วด้านนี้หนักยิ่งกว่า ถนนไม่ได้ลาดยางด้วยซ้ำ มองจากตรงนี้ไปทางทิศตะวันตกราวยี่สิบเมตรมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ ความหวังสุดท้ายของแสงคงอยู่ที่นั่นแล้ว
รองเท้าแตะ Armani เปื้อนคราบดินจนแสงนึกว่าตัวเองกำลังออกรบอยู่ หลังคาสังกะสีใกล้เข้ามา มันคือบ้านสองชั้นสีส้มแจ๊ด รูปทรงแบบชนบทขนานแท้ มีลานเทคอนกรีตมุงหลังคาด้านหน้า บ่อน้ำ และสุ่มไก่ชน นี่เขาเผลอเข้ารูหนอนหรืออะไรถึงมาโผล่ในที่แบบนี้ได้
อาณาเขตกว้างขวาง ตำแหน่งที่ตั้งห่างไกลเขตชุมชน เจ้าของน่าจะเป็นคนมีเงินในย่านนี้ แต่อยู่โดดเดี่ยวกลางป่าเขาแบบนี้ก็อันตรายแย่ แสงครุ่นคิดขณะสาวเท้าเข้าไปยังลานจอดรถคอนกรีต บ้านรวยแถมไกลปืนเที่ยงแบบนี้มันก็น่าจะมี....
กล้องวงจรปิด! มีจริง ๆ ด้วย! หัวใจเต้นรัวขึ้นเมื่อเห็นหัวกลม ๆ สีขาวที่ฝังตัวอยู่ใต้คาน แสงขยับเข้าไปใกล้ ประมาณความสูงด้วยสายตาน่าจะราวสามเมตรได้ เขาต้องรีบขอเจ้าของบ้านเปิดให้ดูโดยเร็วที่สุด คิดได้ดังนั้นก็ง้างเท้าเตรียมพุ่งตรงไปยังประตูบ้าน
ทว่า....
“เฮ้ย! ใครวะ” เสียงพูดอ้อแอ้อมลิ้นดังมาจากด้านหลังเรียกให้แสงหันขวับ ผู้มาเยือนคือหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างผอมแห้งสไตล์ขี้ยา หัวฟู และสวมเสื้อแขนยาว เดินกางขาเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร
“คุณเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่า” แสงทำใจดีเข้าสู้ “จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิ-----“
“มึงออกไปเลยนะ!” นอกจากไม่ให้ความร่วมมือแล้วยังออกปากไล่ หนุ่มใหญ่เผลอขยับถอยหลังเล็กน้อย ไม่ทันจะเอ่ยคำ ไอ้เด็กขี้ยานั่นก็หยิบหินบนพื้นขึ้นมา...
เปรี้ยง! เร็วกว่ากะพริบตาก้อนหินพุ่งเข้าอัดกล้องด้านบนจนแตกยับเยิน แสงอ้าปากค้าง สัญชาตญาณกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา ‘วิ่ง’
ตุบ ๆ ๆ “หยุดเดี๋ยวนี้นะมึง!” เสียงตะโกนก่นด่าไล่หลังมา แต่แสงไม่อยู่ฟังแล้ว คงไม่มีเจ้าของบ้านคนไหนทำลายข้าวของตัวเองหรอก แม่งเอ๊ย! ดันมาเจอตัวต้นเหตุเสียได้
มันต้องอยู่ในแก๊งไอ้ปรักแน่ ๆ ส่วนจะเป็นคนลงมือเองหรือไม่แสงไม่มีเวลาให้ฉุกคิดแล้ว เขาวิ่งออกมาตรงถนนลูกรัง เห็นมอเตอร์ไซค์ของไอ้เด็กนรกจอดอยู่ก็ถีบเข้าเต็มแรง เจ้าของรถร้องโหยหวนเหมือนโดนน้ำมนต์สาด
จะ ‘มึงตาย!’ หรือ ‘พ่อมึงตาย’ ก็แล้วแต่จะประทานมาให้ ในใจขอให้พรย้อนกลับโดยทั่วกัน หนุ่มใหญ่มองตรงไปด้านหน้าไม่มีบ้านเรือนเลยสักหลัง เขาไม่ควรวิ่งในทางตรงไร้ที่หลบซ่อนเช่นนี้ ถ้ามีคนดักอีกฝั่งต้องถูกจับแน่ วิเคราะห์เสร็จร่างนั้นก็หายผลุบเข้าไปในป่ารกครึ้มข้างทาง
ถึงจะมีต้นไม้ช่วยอำพราง แต่นั่นยิ่งทำให้ต้องออกแรงหลบหลีกมากขึ้น แสงเริ่มหอบ ดูท่าสังขารจะไม่เอื้อเสียแล้ว เขาได้ยินเสียงแหวกหญ้าตามมาด้านหลัง ไม่ได้การแล้วต้องเร็วกว่านี้-----
แคว่ก!“เวรเอ๊ย!” รองเท้าแตะเจ้ากรรมดันทรยศขาดรุ่งริ่งเสียอย่างนั้น ไม่มีทางเลือกแล้ว แสงสละรองเท้าแล้ววิ่งต่อ อะดรีนาลีนหลั่งออกมาเต็มที่ เพียงแค่จินตนาการว่ามีฆาตกรวิ่งไล่อยู่ก็มีแรงเฮือกสุดท้าย เขามองหาต้นไม้ใหญ่ที่พอจะซ่อนตัวได้ นั่นไง! ตรงนั้น...
ผลุบ!แรงกระชากจากด้านข้างมาแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้ไถลลื่นลงไปกับพื้น ขณะไม่มีสติก็ถูกลากถูลู่ถูกังไปเรื่อย ๆ แดดที่ลอดลงมาเลือนหายไปเหลือไว้แต่เพียงเงามืด จมูกได้กลิ่นดินที่เลอะเต็มตัว ตอนนี้เขาอยู่หลังกองไม้ที่สูงท่วมหัว และที่สำคัญ....
“ชู่ว ~”
เส้นผมสีทองแตะลงบนข้างแก้มตอนที่ผู้มาเยือนชะโงกหน้าออกไปอีกฝั่ง ทั้งที่ห้ามตัวเองแล้ว แต่แสงกลับหลุดชื่ออีกฝ่ายออกไป
“เรน....”“อยู่ไหนวะแม่ง!” เสียงจากด้านบนเรียกสติให้กลับคืนมา แสงรูดซิบปาก พยายามหายใจให้เบาที่สุดทั้งที่เหนื่อยหอบ กองไม้ตรงนี้อยู่บนเนินขึ้นมาสักหน่อยจึงยากที่จะสังเกตหากไม่อ้อมมาด้านหลัง
วันนี้มันจะบ้าบอเกินไปแล้ว....
โดนกล่าวหา ไล่ล่า และจบลงที่คนทรยศมาช่วย แสงไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ตอนนี้เขาเหมือนตุ๊กตาโง่ ๆ ที่นั่งมองเหตุการณ์ด้วยสมองว่างเปล่า ทั้งที่ฝีเท้าศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจละสายตาจากนเรนทร์
ไอ้เด็กซ่งอยู่ในชุดเสื้อกล้ามดำ กางเกงลายทหาร และรองเท้าแตะเหมือนอย่างปกติ ใบหน้าของมันซีดลงเล็กน้อย มีหยดเหงื่อผุดเต็มข้างขมับไม่ต่างจากแสง ตอนนั้นเองที่คนเด็กกว่าเผลอประสานสายตาเข้าหา...
แปล๊บ... ความปวดแล่นเข้ามาในอกจนต้องเป็นฝ่ายหลบเสียเอง แสงเบนสายตาออกไปมองสถานการณ์นอกหลุมหลบภัย ไอ้ขี้ยาเจอซากรองเท้าของเขาแล้ว และกำลังเดินตรงมาทางนี้
สองร่างขยับตัวเบียดกันเล็กน้อยเพื่อลดพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการมองเห็น จากนั้นก็ทำได้เพียงเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา...
ตุบ ๆหญ้าถูกรองเท้าบดขยี้ไปเรื่อย ๆ จวบจนมันเงียบสนิทอยู่ด้านหลังของกองไม้ ตอนนั้นเองที่นเรนทร์เผลอบีบแขนเขาแน่นขึ้น ปลายรองเท้าเลอะโคลนด้านหน้าของไอ้เด็กนั่นโผล่มาที่มุมหนึ่ง...
ผลุบ!เสียงบางอย่างเคลื่อนไหวเรียกให้ไอ้ขี้ยาหันขวับ หางตาทันเห็นกิ่งไม้ที่ขยับไหว มันพึมพำสาบานกับตัวเอง
“มึงไม่รอดแน่”
หลังลั่นวาจาเสร็จก็พุ่งตัวออกไปทันที ตรงที่มันวิ่งเข้าไปเป็นทิศทางตรงข้ามกับบ้านเสียด้วย บรรยากาศหลังกองไม้จึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่กระนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่กล้าขยับตัว ความกลัว หวาดระแวงลอยฟุ้งในอากาศจนกระทั่งนเรนทร์ตัดสินใจกระซิบขึ้นก่อน
“ผมจอดรถไว้หลังบ้านเมื่อกี้ เรารีบไปกันก่อนเถอะ”
ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว แสงทำได้แค่พยักหน้าแล้วเดินตามชายหนุ่มไป ทุกย่างก้าวหนักอึ้งกว่าตอนมาเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเสียงไอ้ขี้ยานั่นอาจกลับมาได้ แถมแสงยังเหลือรองเท้าแค่ข้างเดียวอีก
รถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลังบ้านอย่างที่เรนว่า ถ้าทะลุฝั่งนั้นออกไปจะเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ เรนคงเข้ามาทางนั้น ไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้ว แสงรีบโดดขึ้นท้ายรถพร้อมกับเอ่ยสั่ง “ออกไปให้เจอถนนใหญ่ก่อน ฉันจอดรถซ่อนไว้”
คนขับพยักหน้าหงึกหงัก ตัดตรงออกมาไม่ถึงนาทีก็โผล่มาบนถนนยางมะตอย ที่แท้บ้านเศรษฐีนั่นก็ขนานกับเส้นที่แสงขับเข้ามานี่เอง เขาบอกทางต่อได้ในทันที ใช้เวลาไม่นานนักพาหนะสองล้อก็จอดสนิทอยู่หลังรถ Citroen C5 ที่มีกิ่งไม้ช่วยพรางตาไว้
เขาได้ยินเสียงคนขับถอนหายใจตอนที่ก้าวลงจากรถ นเรนทร์เช็ดเหงื่อที่ข้างขมับ รอยยิ้มซื่อ ๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“นึกว่าเฮียจะเดินไม่ไหวซะแล้ว เป็นซินเดอเรลล่าเลย ฮ่า ๆ”
“เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”
“เฮ้อ~ ทำผมลำบากแทบแย่เลย เจ็บตูดไม่หายยังต้องมาวิ่งอีก แบบนี้คงต้องขอรางวัลงาม ๆ”
“แกมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงเรียบเฉยไม่อาจทำให้เรนเอะใจ มันยังพูดจ้อไปตามประสา
“ผมติดต่อเฮียไม่ได้เลยโทรหาเจ๊ซัน ตกใจแทบแย่แหนะ! เจ๊บอกว่าเฮียมาหาหลักฐานคนเดียวอย่างกับพระเอกในหนังสืบสวน ผมเลยยืมรถลุงบุญขับตามมามั่ว ๆ ผ่านบ้านนั้นพอดี กำลังจะเข้าไปทักเฮียแล้วเชียว ไอ้เวรนั่นโผล่มาพังกล้องวงจรปิดเฉยละ----“
“กล้องวงจรปิด!” แสงสะดุ้งโหยงเมื่อพบว่าสิ่งที่ตามหาหายไปต่อหน้าต่อตา “มันต้องกลับไปเก็บกล่องแน่ ๆ”
“เฮียหมายถึงอันนี้ปะ”
ผ่าง! กล่องเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ทรงสี่เหลี่ยมถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าย่าม แสงอ้าปากค้าง...
“นี่มัน...”
“เครื่องบันทึกสัญญาณภาพ” เรนเติมคำในช่องว่างให้ “ไอ้กล้องนั่นมันก็แค่ตัวถ่ายภาพ พังไปก็เท่านั้น ของจริงอยู่ในนี้”
“เรื่องนั้นฉันรู้” แสงกระซิบเสียงดังขึ้น ของแบบนั้นไม่ได้เอามาง่าย ๆ “แต่แกไปเอามาได้ไง”
“แฮะ ๆ” ไอ้เด็กซ่งหลบตาวูบ รีบยัดหลักฐานลงกระเป๋าดังเดิม “ผมเป็นช่างนะ ถึงจะไม่ใช่ช่างไฟก็เถอะ แต่แค่ไล่ดูตำแหน่งที่เดินไฟไว้ก็ตามเจอต้นมันแล้ว ไอ้เวรนั่นคงไม่รู้คิดว่าพังกล้องก็จบแล้วมั้ง แล้วก็เอ่อ...” ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวที่จ้องมาทำนเรนทร์หายใจไม่ทั่วท้อง “กะ...ก็....เดินเข้าหลังบ้านเขานิดหน่อย แหม...บ้านส่วนใหญ่เขาก็ชอบเก็บกล่องไว้แถวนั้นแหละเนอะ ฮะ ๆ”
“แกขโมย?”
“ให้เรียกว่ายืมใช้ตอนฉุกเฉินจะถูกกว่า” เรนแก้ทันควัน “เฮียเอาไปตรวจสอบเสร็จแล้วค่อยคืนเขาไง”
ปวดหัวชะมัด.... ฆ่าคนตายแล้วจะได้ลักทรัพย์เพิ่มอีกกระทงหรือไม่แสงก็ไม่มั่นใจนัก แถมยังไม่รู้ว่าจะมีภาพอะไรพอเป็นหลักฐานได้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยการที่ไอ้ขี้ยานั่นตามมาเช็ดล้างก็แสดงว่ากล้องนี่อยู่ในตำแหน่งสุ่มเสี่ยงไม่น้อย เอาวะ...ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองเดิมพันกับมันสักหน่อย
“เอาล่ะ! รีบไปเถอะ” นเรนทร์ยื่นถุงย่ามให้ “เดี๋ยวมันกลับลงมาจะแย่”
ตอนนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างท่วมทะลักล้นออกมาจากอก….
ทั้งขอบใจและปวดร้าวอัดแน่นอยู่ในนั้น เรนรักตัวเองอย่างมนุษย์โลกทั่วไป จะยอมหักหลังแสงเพื่อเอาตัวรอดก็ไม่แปลก เดิมทีการเจอกันของพวกเขาก็เริ่มจากการหลอกลวงอยู่แล้ว
แต่ในยามนี้....ยามที่มือตรงหน้าสั่นระริก ผิวสีแทนอาบโชกไปด้วยเหงื่อ ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตา จิตใจก็พลันไหววูบ แสงช่างอ่อนแอเหลือเกินที่ยังทำใจกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้...
หนุ่มใหญ่ล้วงกุญแจรถออกมา เปิดประตูและโยนความหวังสุดท้ายลงบนเบาะข้างคนขับ ตอนที่กำลังจะยัดตัวเข้าไปในห้องโดยสารนั่นเอง ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาหันกลับมาอีกครั้ง
เรนเลิกคิ้วสงสัย พอก้มมองตัวเองก็พบว่ามือสั่นระริกอยู่ ไม่สิ...พูดให้ถูกคือทั้งร่างเลยต่างหาก เมื่อครู่เขาแบกความกดดันไว้มากมายจนเครียดถึงขีดสุด เรนไม่เหมือนแสง....ไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้ความตายเช่นนี้
คนแก่กว่ามองใบหน้าบิดเบี้ยวที่ฝืนยิ้มไว้ก่อนจะเอ่ยถาม
“แกทำแบบนี้เพราะอยากทดแทนความผิดงั้นเหรอ?”คำถามคงเหมือนมีดกรีดกลางใจ นเรนทร์ถึงได้เบิกตากว้าง เลิ่กลั่กกลบเกลื่อน
“ผะ...ผมไม่เข้าใจว่าเฮียพูดเรื่องอะไร”
“หึ” แสงหัวเราะขึ้นจมูก “เรื่องคลิปไง”
“คลิป...” ชายหนุ่มพึมพำ “จะว่าไปที่เฮียฝากข้อความไว้ก็พูดถึงคลิป หมายถึง...”
“มันมีอยู่ในมือถือแกที่เดียวนี่”
สีหน้าที่ตื่นตระหนกของเรนทำให้แสงอยากจะแค่นหัวเราะออกมา เสียแต่ว่าตอนนี้เขาขำไม่ออกเลยล่ะ
“มันไปถึงเฮียใหญ่ได้ก็แสดงว่า...”
“ผมไม่รู้เรื่อง!” ผู้ร้ายปากแข็งกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด แสงเดาะลิ้น...ช่างโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย “เฮียใหญ่รู้เรื่องนั้นแล้วเหรอ รู้ได้ยังไง”
“คลิปอยู่ในมือถือแกที่เดียว ถ้ามันหลุดคิดว่ามาจากใครล่ะ”
“ผมไม่....ไม่ได้....”
เสียงทั้งหมดถูกดูดกลืนกลับเข้าไป นเรนทร์เหมือนภาชนะกลวงโบ๋ที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำแก้ตัวใดออกมาได้อีก ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น มองมายังแสงด้วยแววตาเว้าวอนปานจะขาดใจ
หัวใจของแสงบีบรัดจนปวดหนึบ เขาหลบตาวูบ คนเราต้องหัดเรียนรู้จากความเจ็บปวดเสียบ้าง กับชายหนุ่มตรงหน้าเขายังจะสามารถเชื่อใจอะไรได้อีกงั้นเหรอ....
“คำขอโทษครั้งนี้ฉันจะรับไว้ก็แล้วกัน”
นั่นคือความเมตตาอย่างที่สุดที่มอบให้ได้ แสงหันหลังกลับยัดตัวเองลงหลังพวงมาลัย ไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวมองแววตาของคนที่ตนรัก
ใช่....เขา ‘รัก’ เรน ทว่าไม่อาจจะเชื่อใจได้อีกแล้ว... แผลเหวอะหวะที่ปกปิดไว้ปริแตกออกมา และก่อนที่มันจะลุกลามไปทั้งร่างเขาต้องรีบตัดมันออกโดยเร็ว....
“หวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก”
แล้วล้อก็เริ่มหมุน....
TBC
กลับมาแล้วค่ะ ที่หายไปไม่ใช่อะไร แก้เยอะมากค่ะ เขียน ๆ ลบ ๆ หลายรอบมาก เรื่องใช้สมองหน่อยนี่ไม่ถนัดเลย Orz
มาคิดอีกที เฮียแสงนี่ไม่ใช่สายบู้เลยเนอะคะ อย่างภคินตอนโดนกระทืบฮียังพยายามสู้บ้าง แต่อาใช้สมองไงคะ วิ่งเท่านั้น 5555
เจอกันตอนหน้านะคะ จะไม่เลทแล้ว กีสสสสสส
ขอบคุณที่ติดตามค่า
ป.ล.ขายของกันอีกที สิ้นเดือนนี้ (คาบไปเดือนหน้านิดหน่อย) หลง (มา) รัก ปิดจองแล้วนะคะ ใครสนใจดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยจ้า >
https://www.facebook.com/pg/IndigosFiction/photos/?tab=album&album_id=1596878287094544