┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]  (อ่าน 353539 ครั้ง)

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
«ตอบ #630 เมื่อ18-02-2017 00:52:53 »

น้ำตาไหลเลยยย  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
«ตอบ #631 เมื่อ18-02-2017 11:16:36 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
«ตอบ #632 เมื่อ18-02-2017 12:20:52 »

พี่กีล์ของน้อง เข้มแข็งมากๆนะคะ


ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
«ตอบ #633 เมื่อ18-02-2017 19:18:54 »

-30-

 

งานศพแม่ใหญ่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ใหญ่โตมีพิธีอะไรมากมาย คนที่มาร่วมงานก็มีแค่ไม่กี่คน มีชาวบ้านจากบนเขาที่เป็นตัวแทนลงมาร่วมงานสองคน คุณเจย์ที่รีบมาทันทีที่ทราบข่าว และพี่น้องสามคิงที่มาถึงวันที่แม่ใหญ่เสียและเป็นธุระจัดการเรื่องงานศพให้

เผลอแค่วูบเดียวก็ถึงวันเผาแล้ว ผมรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้ร้องไห้อะไรออกมาแม้แต่ครั้งเดียว มันแค่คิดอะไรไม่ออก...เหมือนไร้จุดหมายในชีวิต

ผมใช้เวลาทุกวันไปกับการนั่งอยู่หน้าโรงศพแม่ใหญ่ มองภาพถ่ายขาวดำของท่านเงียบๆ พอตกดึกก็เดินตามสามคิงกับคุณเจย์กลับไปที่พักโดยไม่ได้ว่าอะไร…เพราะรู้ว่าสายตาทุกคนมองมาด้วยความเป็นห่วงผมถึงได้ยิ้มให้พวกเขาเสมอ

โซโล่โทรมาทุกวัน เขาไม่ได้บอกให้ผมเปิดกล้อง แค่คุยเรื่อยเปื่อย ถามว่าผมทำอะไรบ้าง สุดท้ายเราก็เงียบกันไปทั้งคู่โดยไม่ได้วางโทรศัพท์ เขาอาจจะคิดว่าผมหลับไปแล้วถึงไม่ได้พูดอะไร แต่จริงๆผมไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน ตอนที่รู้ข่าวคุณเจย์บอกว่าโซโล่แทบจะทิ้งทุกอย่างมาหาผม ตอนนั้นผมโทรไปหาเขา พูดด้วยน้ำเสียงปกติและหัวเราะเหมือนไม่เป็นไร

‘ถ้ายังไม่ได้สอบแล้วมาพี่จะโกรธนะครับ’

‘พี่ไม่เป็นไร’

‘พี่ทำใจได้แล้วครับ ท่านไปสบายแล้ว’

จำได้ว่าผมบอกเขาไปแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมควรพูดและเลือกที่จะพูดออกไป แต่ไม่รู้ทำไม...

ทุกๆครั้งเวลาอยู่คนเดียว...

โซ...

พี่อยากให้โซอยู่ตรงนี้...

ผมเก็บงำความเห็นแก่ตัวไว้ในใจ กดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ผมจะไม่ยอมให้โซโล่ต้องเสียการเรียนเพราะตัวเองเด็ดขาด

ผมทนได้...

ผมต้องเข้มแข็ง

อีกแค่วันสองวันก็ได้เจอกันแล้ว

"คุณกีล์ครับ"

"ครับคุณเจย์"ผมตอบรับเสียงคุณเจย์ที่ดังมาจากด้านนอกห้อง มองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกอีกครั้ง

ภาพสะท้อนของตัวผมในกระจกคือผู้ชายที่ใส่ชุดสูทสีดำสนิท ผมที่มักปล่อยตามธรรมชาติในวันนี้ถูกเซตเสยเก็บอย่างดี และคงเพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้มองเห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียวและอ่อนล้าราวจะล้มลงได้ทุกเมื่อชัดเจนกว่าทุกวัน

ผมพยายามยกยิ้มให้เหมือนปกติแต่มันกลับดูไม่เหมือนยิ้มเสียที หลังจากยกมือตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติสองสามครั้งผมก็ลองยกยิ้มใหม่อีกครั้ง

พอได้...

"คุณกีล์ โอเคนะครับ"คุณเจย์ถามด้วยความเป็นห่วงทันทีที่ผมก้าวเท้าออกมาจากห้องพักของโรงแรม

"ครับ"ผมยิ้มให้เขาตามที่ซ้อมมา ไม่รู้ว่ามันดูแย่หรือดีเขาถึงได้มองไม่วางตา

"คุณกีล์ดูแปลกตาไปนะครับ"

"ผมก็ว่างั้น"ผมหัวเราะ มือขยับไทด์สีดำของตัวเองให้เข้าที่ "ต้องขอบคุณประมุขที่ช่วยหาชุดมาให้ตามที่ขอ...ผมแค่อยากดูเรียบร้อยที่สุดตอนไปส่งแม่ใหญ่น่ะครับ"

"คุณดูดีมากครับ"คุณเจย์ยิ้มบาง ยกมือบีบไหล่ผมเบาๆเหมือนต้องการให้กำลังใจ "ท่านต้องภูมิใจในตัวคุณ"

ผมเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่อยากสบตาเขา

"ไปเถอะครับ"ผมหันหลังแล้วเดินนำออกมาโดยไม่ทันได้ยินเสียงพึมพำของคุณเจย์

"รีบมาเถอะครับคุณชาย...เขาจะแตกสลายอยู่แล้ว"

 

 

ภาพถ่ายของแม่ใหญ่ดูสดใส รอยยิ้มใจดีของท่านซ้อนทับกับภาพในความทรงจำของผม ผมลูบกรอบรูปที่อยู่หน้าโรงศพเบาๆ เสียงใครสักคนที่อธิบายขั้นตอนพิธีการให้ฟังไม่ได้เข้าหัวแม้แต่น้อย ผมไม่ได้คิดถึงอะไร ในหัวยังคงมีเพียงความว่างเปล่าเช่นเดียวกับทุกวันที่ผ่านมา

"กีล์...ไหวนะ"ฮ่องเต้เดินมานั่งตรงหน้าผม สายตาเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ต่อให้บอกว่าโอเคก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว ผมเลยเลือกถามเขาแทน

"มาดูสิว่าใครมา"ฮ่องเต้ยิ้ม ดึงมือผมให้เดินตามไปด้านหน้า

วูบหนึ่งในใจผมหวังให้เป็นคนที่คิด หัวใจที่เงียบสงบจนผมคิดว่ามันอาจหยุดเต้นไปแล้วเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของจริงที่ไม่ใช่การฝืนปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แต่แล้ววินาทีที่ฮ่องเต้ปล่อยมือ รอยยิ้มของผมก็เริ่มจางหายไปช้าๆ กลายเป็นรอยยิ้มฝืดตามมารยาทที่บรรจงปั้นขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ใช่โซ…

"จำพวกนั้นได้หรือเปล่า"ฮ่องเต้หันมายิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ขึ้น

ผมพิจารณาคนสี่ห้าคนที่ยืนอยู่เป็นกลุ่มเงียบๆ สองคนในนั้นเป็นผู้หญิงผมยาว ส่วนอีกสามคนเป็นผู้ชาย ทั้งห้าคนใส่ชุดนักศึกษาสุภาพเรียบร้อย ดูแล้วน่าจะเด็กกว่าผมกันทุกคน

"พี่กีล์!"น้องผู้หญิงคนหนึ่งหันมาเห็นผม เธอเรียกเสียงดังแล้ววิ่งมาหา ดวงตากลมแดงช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

สี่คนที่เหลือพอหันมาก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กัน พอเดินเข้ามาใกล้จนหมดแล้วผมถึงได้นึกออก

"พริก..."

พวกนี้ล้วนเป็นเด็กๆที่เคยอยู่สถานรับเลี้ยงเดียวกับผมแล้วโดนรับตัวไปอุปการะ ถึงจะโตขึ้นมากแค่ไหนแต่ผมไม่มีทางจำน้องตัวเองไม่ได้

"มากันได้ยังไงครับ"ผมกอดปลอบน้องที่เริ่มร้องไห้กันอย่างหนัก แม้แต่พวกผู้ชายที่คิดว่าโตขึ้นมากแล้วก็ยังเช็ดน้ำตาป้อยๆ มีเพียงคนเดียวที่ยืนตาแดงยังไม่ถึงขั้นร้องออกมา

ผมย้ำกับตัวเองในใจให้เข้มแข็ง ส่งยิ้มปลอบน้องๆทั้งที่เจ็บยิ่งกว่าใคร

"อย่าร้องเลยครับ...ท่านไปสบายแล้ว"

"พี่...ไม่เสียใจเหรอคะ"

เสียใจสิ...

"พี่กีล์เก่งจัง...ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยร้องไห้เลย หนูอยากเข้มแข็งเหมือนพี่"

ไม่เลย...

ผมไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด

ผมก็แค่...

"งั้นก็หยุดร้องนะครับ เดี๋ยวแม่ใหญ่จะไม่สบายใจ"

ผมก็แค่อ่อนแอไม่ได้เท่านั้นเอง

ผมพาน้องไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำ ยังพอมีเวลาจนกว่าพิธีจะเริ่ม ฮ่องเต้พยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจแล้วบอกว่าจะดูตรงนี้ให้ พริกกับขิงร้องไห้กอดผมไม่ยอมปล่อย ส่วนอีกสามคนก็ตาแดงทำท่าจะปล่อยโฮตาม

“ไม่เป็นไร”ผมลูบหัวน้อง บอกทั้งน้องบอกทั้งตัวเอง แต่เราต่างรู้ดีว่ามันไม่มีคำว่าไม่เป็นไร

บางทีคนที่เป็นอะไรที่สุดคงเป็นผม

“หยุดร้องแล้วเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิครับ…พวกเราเป็นยังไงกันบ้าง”ผมพูดเสียงอ่อน พริกกับขิงที่กอดผมไว้ผละตัวออกไปเช็ดน้ำตาอย่างตั้งใจ พยายามสูดหายใจไม่ให้ร้องออกมาอีกครั้ง

ทุกคนยังเชื่อคำพูดของผมเหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อก่อน…

“ครอบครัวของหนึ่งกับสองใจดีมาก ตอนที่คุณพ่อรู้ข่าวจากครูนิดท่านอยู่ต่างประเทศเลยมาไม่ได้ หนึ่งกับสองสอบเสร็จวันนี้แล้วก็รีบมาเลย…”หนึ่งกับสองที่เป็นพี่น้องกันและถูกรับไปเลี้ยงด้วยกันนั่งคุกเข่าตรงหน้าผมแล้วเล่าเสียงใส ผมจำได้ว่าวันที่โดนรับตัวไปน้องร้องไห้กันเสียงดังจนผมกับครูนิดต้องตามไปส่งถึงบ้าน กว่าจะกลับมาได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

“พริกกับขิงอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเลยค่ะพี่กีล์…พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ของพวกเราก็เป็นเพื่อนกันด้วย ขนาดเข้ามหา'ลัยยังมาเจอกันได้เลยค่ะ”พริกกับขิงกอดแขนผมเหมือนที่ตอนเด็กๆชอบทำ จากเด็กน้อยที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกวัน ตอนนี้โตเป็นสาวสวยกันหมดแล้ว

“แล้วกรล่ะครับ”ผมหันไปหาเด็กผู้ชายตัวสูงที่ยืนพิงเสาอยู่เงียบๆมาตั้งแต่ตอนแรก มังกรคือเด็กคนสุดท้ายที่ออกจากสถานรับเลี้ยง เพราะเด็กกว่าผมแค่ปีเดียวเขาจึงเป็นคนที่รู้เรื่องทุกอย่างเหมือนที่ผมรู้

“ก็ดี…”เขาตอบมาสั้นๆ สะบัดหน้าหนีเหมือนไม่ต้องการมองผม

ยังเหมือนเดิมเลย…

ผมลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปหาเด็กผู้ชายที่ตอนนี้สูงตามผมทันแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ชอบเดินตามผมต้อยๆ ปากแข็ง ชอบทำท่าดุ แต่กลับใจดีกับน้องยิ่งกว่าใคร

ผมโน้มหัวมังกรให้ซุกลงที่ช่วงไหล่ตัวเอง เขาตัวแข็งเกร็งแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน

“อยากร้องก็ร้องเถอะครับ…พี่อยู่ตรงนี้”ทันทีที่ผมเอ่ยคำอนุญาตร่างกายของคนที่ตัวเกร็งมาตลอดก็ทิ้งน้ำหนักมาที่ไหล่ผม ความอุ่นชื้นที่เสื้อทำให้ผมรู้ว่าอีกคนกำลังร้องไห้ เสื้อสูทตัวนอกของผมถูกเขากำไว้แน่น เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆจนเด็กๆที่เหลือเริ่มร้องไห้ตามอีกรอบ

ก็ขนาดพี่มังกรคนเก่งของน้องๆยังร้องไห้เลยนี่นะ…

กว่าทุกคนจะหยุดร้องไห้ก็ใช้เวลาพักใหญ่ ผมนั่งมองน้องคุยกันเงียบๆ ถึงจะตาแดงกันจนน่าสงสารแต่ก็ดีแล้วที่ทุกคนยิ้มได้

“แล้วพวกเรารู้ข่าวกันจากไหนล่ะ”ผมหันไปถามน้องเมื่อเห็นว่าพวกนั้นเริ่มเงียบกันไป

“พวกเรารู้จากครูนิดกันหมดเลย”หนึ่งหันมาตอบคำถามผม

ไม่แปลกเท่าไหร่…ปกติครูนิดจะเป็นคนติดต่อกับผู้รับอุปการะ ตอนที่รู้ว่าสถานรับเลี้ยงต้องปิดตัวลงแม่ใหญ่พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้เด็กทุกคนมีที่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ละเลยเรื่องการตรวจสอบ ทุกครอบครัวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้แต่ตอนที่รับตัวไปแล้วก็ยังคอยโทรมาบอกความเป็นอยู่ของเด็กๆอยู่เสมอ ไม่แปลกที่จะรู้จักและติดต่อกับครูนิดได้ ขิงบอกผมว่าคุณแม่น้องแวะไปหาครูนิดอยู่บ่อยๆด้วยซ้ำ

“ครูนิดท่านไม่สบายค่ะ ลูกสาวท่านเลยฝากแสดงความเสียใจมาแล้วขอให้ครูพักผ่อน ขิงกับคุณแม่ไปหาครูมาเมื่อวาน”

“แล้วนี่มากันเองหมดเลยเหรอครับ”ผมถามอย่างแปลกใจเพราะยังไม่เห็นผู้ปกครองของใครสักคน จะบอกว่าให้มากันเองก็ไม่น่าใช่ ถึงสภาพทุกคนจะดูเหมือนรีบมาเพราะใส่ชุดนักศึกษามากันหมดก็เถอะ

“พริกกับขิงมากับคุณแม่ขิงค่ะ เมื่อครู่ที่ไม่เห็นเพราะท่านเดินไปคุยโทรศัพท์”

“หนึ่งกับสองมากับคนดูแลครับ”

“กรมาเอง พ่ออนุญาตแล้วแต่ติดธุระเลยมาด้วยไม่ได้”

ผมพยักหน้า ปล่อยให้น้องคุยกันต่อส่วนตัวเองก็นั่งฟัง การที่ได้เจอกับครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานานทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่ทันทีที่ก้มหน้าลงมองเครื่องแต่งกายตัวเองหรือมองบรรยากาศรอบๆความรู้สึกเดิมๆก็กลับมา

ความว่างเปล่า…

ดูเหมือนน้องๆเองก็สังเกตถึงได้พยายามชวนผมคุยกันทุกคน เดี๋ยวถามนั่นถามนี่ไม่หยุด ผมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ก็ยิ้มนิดๆเพื่อไม่ให้น้องเป็นห่วง…ทั้งที่ใจไม่ได้ยิ้มตาม

“คุณกีล์…ถึงเวลาแล้วครับ”

พอคุณเจย์มาตามสีหน้าของทุกคนที่ดูสดใสก็หม่นหมองลง ผมเดินเข้าไปปลอบพริกที่ดูคล้ายจะร้องไห้อีกรอบ น้องมองหน้าผมแล้วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เก่งมากครับ”



เราเดินกลับมาที่เดิม ผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากเดินตามในขณะที่กำลังเคลื่อนศพเดินรอบเมรุ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมากี่รอบแล้ว คุณเจย์แตะบ่าผมหลายครั้งเหมือนต้องการปลอบ ส่วนคนอื่นก็ส่งกำลังใจมาให้ ผมได้แต่ยิ้มกลับไปน้อยๆเหมือนที่ทำมาทั้งวัน

ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขา…แต่ผมอยากบอกเหลือเกินว่าสายตาหรือคำพูดเหล่านั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมไม่ได้ต้องการความสงสาร เห็นใจ หรือความเป็นห่วง แต่ผมก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองต้องการอะไร ได้แต่ปล่อยให้ถ้อยคำมากมายลอยผ่านหูแล้วส่งรอยยิ้มขอบคุณไปให้

ผมมองภาพทุกคนเดินขึ้นบันไดไปวางดอกไม้จันทน์อย่างไร้ความรู้สึก ทั้งพริกที่เดินกอดกับขิงขึ้นไปด้านบน คุณแม่ของน้องที่กำลังเดินตาม ฮ่องเต้กับประมุขที่ช่วยกันพยุงจักรพรรดิขึ้นไป ชาวบ้านจากบนเขาที่กำลังเช็ดน้ำตา และคุณเจย์ที่มองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง

ผมก้าวเท้าขึ้นไปด้านบนช้าๆ แต่ละก้าวหนักเหมือนมีหินถ่วง คงไม่ต่างจากใจผมที่รู้สึกหนักขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเท้าที่ก้าวเดิน วินาทีที่ยืนอยู่ด้านบนและวางดอกไม้จันทน์ลงผมรู้สึกเหมือนจะล้มลง ความปวดหัวที่สะสมไว้ตีรวนเข้ามาจนตัวเซ ผมจิกเท้าไว้กับพื้นแน่น กดข่มความปวดนั้นลงไปในขณะที่มองไปด้านหน้า

“หลับให้สบายนะครับ…”

กีล์จะไม่ทำให้แม่ใหญ่เป็นห่วง…กีล์จะเข้มแข็ง

ผมไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่เลือกที่จะหันหลังแล้วมองลงไปด้านล่าง ที่ซึ่งสายตาหลายคู่จ้องมองมาเหมือนจะย้ำเตือน ความคาดหวังมากมายเกาะกินอยู่ในใจ การได้เจอน้องๆทำให้ผมต้องบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่าจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นหลักยึดให้ทุกคน

“น้าจะจัดการเรื่องที่เหลือเอง ไปนั่งพักหน่อยเถอะลูก”คุณแม่ของขิงเดินเข้ามาจับมือผม

“ขอบคุณมากนะครับคุณน้า”ผมยกมือไหว้ท่าน ขอบคุณจากใจจริงที่มาและขอบคุณที่จะดูแลเรื่องอัฐิของแม่ใหญ่ให้

ท่านคงรู้ว่าแม้แต่แรงยืนผมก็แทบไม่มีเหลือแล้ว…

“คุณกีล์ไปพักแถวศาลาริมน้ำเถอะครับ”คุณเจย์เดินเข้ามาหาผม ส่งโทรศัพท์ที่ผมลืมไว้ที่รถมาให้

ผมรับโทรศัพท์มาแล้วพยักหน้าขอบคุณเขาโดยไม่พูดอะไร ความรู้สึกเหมือนโดนหินหนักๆถ่วงขายังไม่จางหายไป กลับกันเหมือนมันจะมากขึ้นทุกที ตอนนี้แม้แต่แรงจะพูดก็แทบไม่มีแล้ว

ผมนั่งลงที่ศาลาริมน้ำที่เดิมกับที่พาน้องๆมานั่ง ทอดสายตาไปไกลๆเพราะคิดว่าอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่…

ครืด ครืด

‘โซโล่’

อยู่ๆก็รู้สึกร้อนที่กระบอกตาเมื่อก้มลงมองโทรศัพท์แล้วเห็นชื่อที่ปรากฏบนจอ ผมสูดหายใจ กลืนความรู้สึกทั้งหมดลงไปแล้วยิ้มให้ตัวเองก่อนจะกดรับ

“สวัสดีครับ”

[เป็นไงบ้าง]

ผมหลับตาลงเพื่อกลั้นไม่ให้เผลอแสดงความรู้สึกอะไรออกไป เพราะแค่ได้ยินเสียง…ก็เหมือนกำแพงที่มีแทบจะถล่มลงมา

“ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีครับ”

[กีตาร์…]

“มีน้องๆจากสถานรับเลี้ยงมาร่วมงานด้วยนะครับ พี่ดีใจมากๆเลย ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เล่นเอาจำแทบไม่ได้”ผมแสร้งหัวเราะทั้งที่เสียงสั่นไหว

[กีตาร์…]

“น้องๆร้องไห้กันใหญ่เลย เล่นเอาพี่ทำอะไรไม่ถูกตั้งนาน สงสารน้อง…”

[พอเถอะ…]

“แล้วโซเป็นยังไงบ้างครับ ซ้อมดนตรีไปถึงไหนแล้ว พรุ่งนี้สอบแล้วนี่นา”ผมเงยหน้าทั้งที่ยังหลับตา กลืนความรู้สึกที่หลุดออกมากลับลงไป

[…]

“โซกินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่าครับ…”

[…แล้วกีตาร์กินบ้างหรือเปล่า]

“กินสิครับ พี่กินข้าวทุกมื้อเลยนะ”

[โกหก]

“ไม่ได้โกหก…”

[เรื่องดีใจที่เจอน้องก็โกหก]

“ไม่ได้…”

[เรื่องไม่เป็นไรก็โกหก]

“…”

[ทำใจได้แล้วก็โกหก]

“โซ…”

อย่าพูดอีกเลย…จะทนไม่ไหวแล้ว

จะเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว

[กีตาร์…]

“…”

[จำที่ผมบอกก่อนไปได้ไหม]

ที่บอก…ก่อนไป

[ถ้าทนไม่ไหว…]

‘ถ้ากีตาร์ต้องการ…ขอแค่บอกมา’

‘ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่…’

‘ผมจะไปกอดกีตาร์’

“โซ…”

[ครับ]

“มาหาพี่…”

[…]

ผมซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง พูดสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดออกไปด้วยเสียงรวดร้าว

“มาหาพี่นะครับ”

[…]

“พี่ไม่ไหวแล้ว…”

ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้เสียงร้องของตัวเองดังออกมา

แค่นี้ก็เห็นแก่ตัวพอแล้ว…

โซยังต้องสอบ…อย่าเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้

ผมสูดหายใจเข้าเพื่อเตือนสติตัวเอง พยายามฝืนยิ้มจอมปลอมอีกครั้งและพูดด้วยเสียงที่เหมือนจะหัวเราะทั้งที่มันไม่ตลกแม้แต่น้อย

“พี่พูดเล่น…”

“กีตาร์”

 ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์…

ผมลุกขึ้นแล้วหันไปมองด้านหลัง ไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่หลุดมือไปหรืออาการปวดหัวที่หนักมากขึ้นเรื่อยๆ

วินาทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคย ผมปล่อยให้น้ำตาหยกแรกไหลลงมาโดยไม่คิดกลั้น เท้าก้าวเข้าไปหาคนที่คิดถึงมาตลอดโดยไม่รู้ตัว ผมไม่กล้ากระพริบตาเพราะกลัวว่าจะฝันไป กลัวว่าแค่ไม่ถึงวินาทีที่หลับตาลงเขาจะหายไป

“โซ…”

ราวกับจะตอกย้ำว่าผมไม่ได้คิดไปเอง โซโล่อ้าแขนออก มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน

“ขอโทษที่ให้รอครับ”

กำแพงทุกอย่างที่มีถล่มลงมาทันทีที่เขาพูดจบ ผมโผตัวเข้าหาอ้อมกอดที่อ้ารับอย่างรวดเร็ว ความเข้มแข็งที่หลอกตัวเองว่าต้องมีมาตลอดพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี

“โซ…ฮึก…พี่เจ็บ…พี่เจ็บครับ”ผมกดหน้าลงกับอกกว้าง ร้องไห้โฮไม่อายใครทั้งนั้น ความเจ็บหน่วงที่เก็บสะสมมาหลายวันระเบิดออกมาจนหมด

“ผมอยู่นี่…อยู่ตรงนี้”อ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นราวจะย้ำคำพูดตัวเองไม่ได้ทำให้ผมหยุดร้อง กลับกันมันทำให้ผมร้องหนักกว่าเดิมเสียอีก

รอยจูบปลอบโยนที่หน้าผากยิ่งทำให้ผมกอดเขาแน่น อาการปวดหัวที่มีราวกับจะทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมร้องไห้และเลิกเข้มแข็ง

โซโล่พาผมไปนั่งลงทั้งที่ยังกอดกันไม่ปล่อย ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่กำลังลูบหัวลูบหลังให้ เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรนอกจากบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ซ้ำไปซ้ำราวจะให้ซึมลึกเข้าไปในใจผม…และมันได้ผลเหลือเกิน

“กีตาร์…ตัวร้อนมากเลย กลับกันนะครับ”โซโล่วางมือบนหน้าผากผม ผละตัวออกแต่ผมไม่ยอมปล่อย ยังคงซุกหน้าเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นนั่นเหมือนเดิมราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้าย

“ไม่…”ผมสะอื้น ถึงจะไม่มากเท่าตอนแรกแต่น้ำตาที่ไหลออกมาก็ยังไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ

โซโล่ปล่อยให้ผมร้องจนพอใจ เขาเพียงแค่ปลอบอยู่ข้างๆโดยไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่แค่ความอบอุ่นที่ได้รับก็มากพออยู่แล้ว

“ผมได้คุยกับพวกน้องกีตาร์ก่อนจะเดินมาหา”โซโล่พูดขึ้นช้าๆเมื่อผมเลิกสะอื้น ผมยอมผละตัวออกตามแรงดันของเขาแต่ไม่ยอมปล่อยเสื้อที่กำไว้แน่น เขาเองก็ไม่ได้ดันผมออก แค่ให้พอมองหน้ากันได้ “พวกเขาบอกว่ากีตาร์เข้มแข็ง…”

“…”

“เจย์บอกว่ากีตาร์เหมือนจะแตกสลาย”สัมผัสอ่อนโยนของมือที่ประคองใบหน้าผมไว้ทำให้น้ำตาที่ยังไม่แห้งดีไหลออกมาอีกครั้ง

“…”

“ทุกคนเป็นห่วงกีตาร์ แต่เพราะกีตาร์ทำเป็นเข้มแข็ง พวกเขาถึงไม่รู้ว่าควรทำยังไง”ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน

“…”

“พอเถอะ…กีตาร์ไม่ต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องเป็นหลักยึดให้ใครทั้งนั้น พวกเขามีครอบครัวที่อ่อนโยน มีคนที่รักมากกว่าใครแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่กีตาร์ต้องหาหลักยึดให้ตัวเองเสียที”

“โซ…”

“เป็นผมนะ”

“…”

“ให้ผมเป็นคนที่เห็นกีตาร์อ่อนแอ”

“โซ…”

“ให้ผมเป็นคนดูแลกีตาร์”

“…”

“นะครับ”

ผมจับมือสองข้างที่วางอยู่บนหน้าตัวเองไว้แน่น จ้องมองคนที่ขอดูแลด้วยสายตาพร่ามัว เขาเองก็มองกลับมาราวจะขอคำตอบ

ยอมแล้ว

ทุกอย่างเลย

สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในเวลานี้อยู่ตรงหน้านี่เอง…

“ครับ”

กีล์จะอ่อนแอได้ตอนที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆใช่ไหมครับแม่ใหญ่

----------------------------


 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 15:16:05 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ Nattharikan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #634 เมื่อ18-02-2017 19:45:56 »

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #635 เมื่อ18-02-2017 19:47:59 »

ฮือออออ บรรยายดีมากค่ะ ดีจนน้ำตาตก สู้ๆนะกีล์  :hao5:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #636 เมื่อ18-02-2017 20:10:42 »

กว่าจะมาได้นะโซ  :hao5:  สงสารพี่กีล์ 

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #637 เมื่อ18-02-2017 20:18:50 »

บางคนต้องทำเป็นเข้มแข็ง แต่หารู้ไม่ข้างในอ่อนแอ พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #638 เมื่อ18-02-2017 20:22:22 »

สงสารพี่กีลล์ :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #639 เมื่อ18-02-2017 20:23:27 »

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
« ตอบ #639 เมื่อ: 18-02-2017 20:23:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #640 เมื่อ18-02-2017 20:39:35 »

ฮือออออ โซดูแลพี่กีล์ด้วยยย

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #641 เมื่อ18-02-2017 20:49:35 »

ซึ้งได้อีก!!!!!!!!

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #642 เมื่อ18-02-2017 21:59:06 »

น้ำตาร่วงตอนที่กีล์ร้องไห้

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #643 เมื่อ18-02-2017 23:11:54 »

ว่าจะไม่ร้อง ก็ร้องไห้้ตามจนได้้ :hao5:
หายเศร้าไวๆนะพี่กีล์

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #644 เมื่อ18-02-2017 23:33:36 »

ร้องไปพร้อมกับกีล์เลย ฮืออออ บีบคั้นมาก

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
«ตอบ #645 เมื่อ18-02-2017 23:56:51 »

โซโล่รีบมาปลอบพี่กีล์เร็วๆนะ :monkeysad:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #646 เมื่อ19-02-2017 00:06:54 »

ร้องไห้ตามพี่กีล์เลย  :sad4:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #647 เมื่อ19-02-2017 01:28:21 »

ร้องไห้ตามเลย  :monkeysad:
โซดูแลพี่กีล์ดีๆนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #648 เมื่อ19-02-2017 10:27:28 »

อยากเข้าไปกอดให้กำลังใจพี่กีล์จังเลย โซดูแลพี่กีล์ด้วยนะ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #649 เมื่อ19-02-2017 11:00:32 »

ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
« ตอบ #649 เมื่อ: 19-02-2017 11:00:32 »





ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #650 เมื่อ19-02-2017 14:41:42 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #651 เมื่อ19-02-2017 17:22:16 »

ดีจิงๆ ที่ในที่สุดโซก้อมา
ยิ่งเห็นกีล์แกล้งเข้มแข็ง คนอ่านยิ่งเศร้า ฮืออ TT

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #652 เมื่อ20-02-2017 21:50:59 »

"รีบมาเถอะครับคุณชาย...เขาจะแตกสลายอยู่แล้ว"

ประโยคนี้ทำเอาเราน้ำตาไหลเลยค่ะ คนแต่งเขียนได้ดีมาก
ยิ่งเนื้อเรื่องในตอนนี้คนแต่งบรรยายได้ดีจนทำเราอินมาก ปวดใจไปพร้อมกับกีล์เลยค่ะ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #653 เมื่อ21-02-2017 00:28:48 »

ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งตลอดหรอกนะ อ่อนแอบ้างก็ได้ ร้องไห้บ้างก็ได้  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #654 เมื่อ21-02-2017 05:32:20 »

 :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #655 เมื่อ21-02-2017 18:54:22 »

โอ้ย สงสารพี่กีล์ :hao5:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
«ตอบ #656 เมื่อ21-02-2017 19:01:37 »

-31-

 

ผมตื่นมาด้วยความรู้สึกปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว ความเย็นจากบนหน้าผากช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ หลังจากกระพริบตาติดกันหลายครั้งและตั้งสติได้แล้วถึงรู้ว่าสิ่งที่อยู่บนหน้าผากมันคือแผ่นเจลลดไข้

ผมกวาดสายตาไปรอบด้านแล้วก็พบว่าที่นี่คือห้องพักกว้างขวางซึ่งน่าจะอยู่ในโรงแรม แต่มันไม่ใช่ห้องพักที่ผมเคยอยู่

ความว่างเปล่าของห้องทำให้รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ผมผุดลุกขึ้นยืนทั้งที่ร่างกายโซเซ ความปวดหัวที่พาดผ่านทำให้ต้องหลับตาเพื่อระงับมันเอาไว้ หลังจากฝืนตัววิ่งออกจากห้องนอนแล้วก็พบห้องรับแขกกว้างขวาง ดูจากตราสัญลักษณ์ถึงได้รู้ว่ายังอยู่โรงแรมเดิม ผมเปิดประตูห้องน้ำ ประตูระเบียง แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่ตามหา

ความวูบโหวงเริ่มเกาะกุมจิตใจ รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เพราะน้ำตามันเหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมอยากตะโกนเรียกแต่คอกลับแห้งผากไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาแม้แต่นิดเดียว หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกันกับเรี่ยวแรงที่ใกล้จะหมดลง

โซ…

หายไปไหน...

ราวกับจะตอบคำถามนั้น คนที่ตามหาเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดข้าวในมือ ใบหน้านิ่งดูตกใจเมื่อเราสบตากัน วินาทีต่อมาเขาก็รีบวางถาดข้าวลงแล้วเดินเข้ามาประคองผมไว้

"ทำไมมาอยู่ตรงนี้"เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้เรี่ยวแรงที่มีหายไปจนหมด ผมทิ้งตัวลงในอ้อมแขนกว้าง หัวใจที่สั่นเทาราวกับได้รับการเยียวยา มันค่อยๆกลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง

โซโล่พาผมกลับมาที่เตียงแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ พอได้นั่งพิงอยู่กับที่แล้วอาการปวดหัวก็บรรเทาลงไปมาก เหลือแค่ความรู้สึกหนักๆจนอยากล้มตัวลงนอน

"กินข้าวกินยาก่อนนะ"

ผมยอมพยักหน้าทั้งที่ไม่รู้สึกอยากอาหาร เอาแต่จ้องภาพคนที่ตักข้าวป้อนราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป

ความทรงจำสุดท้ายของเมื่อวานคือตอนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดของโซโล่ที่วัด ผมจำได้ว่าเหนื่อยมากจนตาแทบปิด ได้ยินเสียงคนข้างๆบอกให้พักผ่อน แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวลอยจากพื้น จากนั้นภาพทุกอย่างก็หายไป

"อีกหน่อยนะกีตาร์"โซโล่คะยั้นคะยอจนผมยอมอ้าปากทานอีกสองคำก็ส่ายหน้า

"ไม่ไหวแล้วครับ"

เขาพยักหน้าเข้าใจ วางชามลงข้างๆ ส่งยามาให้ทาน พอเห็นผมทานยาจนครบแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

"กีตาร์?"โซโล่มองหน้าผมอย่างแปลกใจ ก่อนจะไล่สายตามองไปที่ชายเสื้อตัวเอง ผมมองตามแล้วก็ตกใจไม่ต่างกันเมื่อเห็นว่ามือตัวเองกำลังรั้งเสื้อเขาไว้

"ขอโทษครับ"เสียงของผมสั่นเทา แม้แต่มือตัวเองที่ปล่อยจากเสื้อเขาแล้วก็ยังสั่น ผมทำได้แค่ก้มหน้า ตำหนิความงี่เง่าของตัวเองในใจ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนจะรู้สึกถึงแรงยุบข้างตัว

"ไหนดูหน่อยกีตาร์คนเก่งของผมเป็นอะไร..."โซโล่จับคางผมให้หันไปหา วางหน้าผากแนบลงมาเหมือนต้องการวัดไข้ "อืม...รู้แล้วว่าเป็นอะไร"

"เป็นอะไรครับ"

"เป็นคนที่ขาดผมไม่ได้ไง"

ผมหัวเราะกับคำพูดนั้นเบาๆ โซโล่ยิ้มตาม กดจูบเบาๆที่ริมฝีปากแล้วดันตัวผมให้นอนลง ก่อนจะเอนตัวนอนตาม

"นอนได้แล้วครับ...ผมไม่ไปไหนหรอก"คนพูดรวบตัวผมเข้าไปกอด ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้อุ่นวาบไปถึงใจ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หินหนักๆในใจมันค่อยๆหายไป...บางทีอาจจะตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าคนๆนี้

"พี่งี่เง่าหรือเปล่าครับ"ผมซุกตัวเข้าไปหามากขึ้น ต้องการสื่อว่าต่อให้ตอบว่างี่เง่าก็จะไม่ยอมผละออกมาเด็ดขาด

"งี่เง่าตรงไหน ผมดีใจที่กีตาร์อ่อนแอบ้าง..."เขาลูบหัวผมเบาๆ "และดีใจยิ่งกว่าที่ผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็น"

"ขอบคุณนะครับ"

"กีตาร์ดูแลผมมามากแล้ว คราวนี้ตาผมบ้างไง"โซโล่ยิ้มอ่อนโยน ดันหัวผมออกเล็กน้อยให้สบตาเขา "นอนได้แล้วครับ"

ผมพยักหน้า หลับตาลงอย่างว่าง่ายโดยไม่ลืมกำเสื้ออีกคนไว้แน่น วินาทีที่สติกำลังจะหายไปรู้สึกเหมือนมือตัวเองโดนแกะออก ผมเกือบลืมตาขึ้นมอง แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นความอบอุ่นของฝ่ามือคุ้นเคยที่จับมือผมไว้ก็เข้ามาแทนที่เสียก่อน…ซึ่งมันรู้สึกดีกว่าการกำเสื้อเป็นไหนๆ

 

 

เย็น…

เย็น…เอาออกไปที

"กีตาร์…ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะ”

“อือ…”

“ไม่ตื่นกัดนะ”

“ตื่นแล้ว”ผมงึมงำ เสียงอู้อี้จนตัวเองยังจำไม่ได้ ใช้ความพยายามในการลืมตาอยู่นานก็ยังไม่สำเร็จ ยิ่งสัมผัสของผ้าชุบน้ำเย็นๆที่ตามเช็ดหน้าหายไปแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนสติจะหลุดไปอีกรอบ จนกระทั่ง…

“โซ!”ผมเด้งตัวขึ้นจากเตียงแบบลืมความง่วง รีบเอามือกุมจมูกตัวเองไว้แล้วถลึงตามองหมาบ้าที่กัดจมูกผมเสียแรง

“ครับ”คนที่ยื่นหน้าเข้ามารอไว้อยู่แล้วยิ้มอารมณ์ดี ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองทั้งหมดสลายไปแบบไร้สาเหตุ

“กัด…พี่”

“เจ็บเหรอ”

“เจ็บสิครับ!”ผมหน้าบึ้ง พยายามไม่สนใจสายตาวาววับที่จ้องมาเสียใกล้ จะถอยออกก็ตัวแข็งจนขยับไม่ได้อีก

“งั้น…”คนที่ทำตัวเป็นหมาจุ๊บที่ปลายจมูกผมเบาๆแล้วผละออก “หายเจ็บยัง”

“…”ผมอ้าปากค้างกับการกระทำนั้น ยังไม่ทันได้ตอบอะไรหมาตัวโตก็จุ๊บลงมาอีกที

“ยังไม่หายเหรอ”

“หะ…หาย…”ผมรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งไปทั่วใบหน้า แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคคนตรงหน้าก็กดจูบลงมาเบาๆที่ปลายจมูกเสียก่อน

“ทานข้าวก่อนนะครับ”คนขี้แกล้งทำเสียงอ่อนโยน เลื่อนใบหน้าขึ้นกดจมูกลงที่หน้าผากผมแล้ววางทิ้งไว้อย่างนั้น ผมทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยินยอมรับสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้ใจเต้นแรงนั่นไว้

มันรู้สึกเหมือนได้พลังกลับมา…

“ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า”โซโล่ผละออก พอเห็นผมส่ายหน้าก็ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ

ก็มันไม่ปวดแล้วจริงๆ…

“พี่จะปวดหัวแค่ตอนเครียดๆครับ…เวลามีไข้หรือไม่สบายไม่ค่อยปวดหรอก”ผมพูดตามความจริง ปกติก็เป็นคนที่ไม่สบายยากมากอยู่แล้ว เวลาเป็นทีก็ไม่ได้หนักอะไร อย่างมากก็แค่ตัวร้อนหรือหนักหัว

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นหนักขนาดนี้ ถึงจะยังหน่วงๆหรือเพลียๆอยู่แต่ก็ไม่ได้ปวดหนักเท่าเมื่อวานหรือตอนเช้าแล้ว

“เจย์ฟ้องว่ากีตาร์ไม่ยอมทานข้าว”โซโล่ทำหน้าดุ ปากพูดส่วนมือก็ตักข้าวต้มป้อนผมไปด้วย

“พี่ทานไม่ลงจริงๆครับ”

ทั้งเครียด ทั้งอึดอัดใจ ฝืนกินไปก็อ้วกออกมาอยู่ดี

“แต่ตอนนี้กินลงแล้วนี่”

ผมชะงักไปกับคำพูดนั้น เงยหน้ามองแล้วก็เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้อย่างจริงใจ จริงอย่างที่เขาว่า…ตอนนี้ผมกินข้าวลงแล้ว ถึงจะไม่หมดแต่ก็ถือว่ามากกว่าสองสามวันที่ผ่านมารวมกันเสียอีก

“เพราะโซอยู่ตรงนี้ไงครับ”

เพราะโซอยู่ตรงนี้…ทุกอย่างถึงดีขึ้น

“งั้นแสดงว่าถ้าผมอยากให้กีตาร์กินข้าว…”คนพูดลากเสียง วางชามข้าวต้มลงเมื่อผมส่ายหน้าบอกว่ากินไม่ไหวแล้ว “ผมต้องอยู่ตรงนี้ไปตลอดสินะ”

“…”

“ว่าไงครับ”

ผมมองคนที่ยังถามไม่เลิกนิ่งๆ พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอะไรอยู่ แต่สุดท้ายพออีกคนเอานิ้วมาเขี่ยมือเหมือนจะบอกให้ตอบผมก็ยิ้มแล้วพยักหน้ากลับไป

“ครับ…อยู่ตรงนี้ตลอดไปนะ”

คนฟังยิ้มกว้าง ไม่ได้พูดอะไรกลับมาแต่ยื่นยามาให้แทน ผมอมยิ้มเมื่อเห็นหูแดงๆของคนที่หันหน้าหนีไปอีกทาง

หมาเขิน…น่ารัก

“นอนไปเลย”

“ไม่เอา”

“คนป่วยต้องนอนเยอะๆ”

“พี่ไม่ได้ขี้เซาเหมือนโซเลยไม่ต้องนอนเยอะครับ”ผมหัวเราะเมื่อโดนผลักหัวเบาๆจนเซไปอีกทาง คนโดนว่าขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ผมเพิ่งรู้ว่าการได้รับการดูแลจากคนอื่นมันดีอย่างนี้นี่เอง ไม่ต้องขยับตัวไปไหนก็แทบจะมีทุกอย่างที่ต้องการมากองอยู่ตรงหน้า ทั้งที่บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน โซโล่อยู่กับผมตลอดเวลา เขาคอยเช็ดตัว หาข้าวมาให้กิน ทำให้ทุกอย่าง

ผมรู้ดีว่าเขาไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว และการที่เขาชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอดเวลาก็ทำให้ผมไม่คิดมากจริงๆ ไม่ว่าจะแกล้ง จะทำให้เขิน หรือจะงอนอะไร ทุกอย่างเขาทำเพื่อผมทั้งนั้น เพราะอย่างนั้นผมถึงพยายามไม่นึกถึงเรื่องของแม่ใหญ่ ไม่ใช่ไม่คิดถึงท่าน แต่ตอนนี้ผมยังอ่อนแอเกินไป สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือการลืมทุกอย่างแล้วใส่ใจแค่ปัจจุบันของตัวเอง…เพื่อให้คนรอบข้างไม่ต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้

“อยากกินไอติม”ผมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่แตกร้าวให้เจ้าหมาดู เมื่อวานตอนที่ทำหลุดมือมันดันกระแทกกับหินเข้าอย่างจัง ดีที่คุณเจย์เก็บมาให้แล้วยังใช้ได้อยู่

Kao Ashira : โซมันบอกพี่ไม่สบาย หาไอติมกินซะนะจะได้หายดี

นั่นคือข้อความที่ส่งมาพร้อมรูปภาพไอศกรีมหน้าตาน่าทาน จริงๆของพวกนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหิวหรืออยากกินมากมายอยู่แล้ว แต่ที่ยื่นให้คนขี้ห่วงดูก็เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาน่ามองของเขา

“ไอ้เก้า…”โซโล่ขมวดคิ้ว ดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือผมแล้วขว้างไปไว้บนโซฟา “ไม่ต้องเลย…ไม่สบายแล้วจะกินได้ไง”

“หายแล้วครับ”เอาจริงๆให้ลุกขึ้นเดินก็พอไหว ยิ่งถ้าเป็นพรุ่งนี้ผมว่าอาจจะวิ่งได้แล้วด้วยซ้ำ

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้”คนห้ามทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ

“ไม่กินก็ไม่กิน”ผมอมยิ้มจนเจ้าหมาสังเกตเห็น คงรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้งให้ทำท่าทางไม่พอใจถึงได้ยื่นมือมาขยี้หัวผมจนเละเทะ

“หมั่นไส้”

“นี่แก่กว่านะเนี่ย”ผมบ่นไม่จริงจังนัก ยกมือลูบหัวตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง

“ไม่รู้…ก็ตอนนั้นอนุญาตแล้ว”

อืม…เหมือนจะจำได้ลางๆอยู่เหมือนกัน

“แล้วโซมาได้ยังไงครับ ยังสอบไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ”ผมขยับตัวพิงเตียงถามสิ่งที่สงสัยออกไป เมื่อวานตอนที่เจอกันนอกจากรู้สึกเหมือนความอดทนและความเข้มแข็งหายไป ผมก็ไม่ได้สงสัยหรือนึกถึงเหตุผลอะไรอีกเลย

คิดแค่ว่าเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว…จะอะไรก็ช่างมัน

“ผมไปขออาจารย์สอบก่อน”

“ได้ด้วยเหรอครับ”

“มันเป็นสอบปฏิบัติเดี่ยวอยู่แล้วจะตอนไหนก็ไม่ต่างกัน ประเด็นคือตอนผมโทรไปอาจารย์อยู่ต่างจังหวัดผมเลยมาตั้งแต่วันแรกไม่ทัน เมื่อวานพออาจารย์มาผมก็ไปสอบเลย…อาจารย์บอกว่าไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว กำหนดการจริงๆคือกลับเมื่อวาน ที่ตอนแรกนัดสอบวันนั้นก็เพราะเผื่อมีอะไรฉุกเฉินแล้ววันกลับล่าช้าจะได้ไม่กระทบกับการสอบ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ยอมเอนตัวลงตามแรงดันของอีกคนแต่ไม่ยอมหลับตา

ยังอยากคุยอยู่เลย

“แล้วสอบเป็นยังไงบ้างครับ”

คนรู้ทันหรี่ตาจับผิด แต่พอเห็นผมยิ้มให้ก็ลุกจากเก้าอี้มานอนคว่ำข้างๆแล้วเท้าคางมอง

“ยิ้มอ้อนเป็นด้วยเหรอ”ว่าแล้วก็ยื่นมือมาบีบแก้มผมเบาๆ ปล่อยให้ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าไปยิ้มอ้อนตอนไหน…ไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“ไม่ได้อ้อนนะ”

“อืม…คงเพราะตาบวมๆกับปากแดงๆนี่ล่ะมั้ง”โซโล่ยิ้มน้อยๆ มือก็แตะเบาๆไปตามส่วนที่ตัวเองบอก “อีกอย่างไม่อยากนอนไม่ใช่เหรอ…เพราะงั้นถึงได้ยิ้มอ้อนออกมาไม่รู้ตัวไง”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เหตุผลที่สองดูน่าจะเป็นไปได้อยู่

“พี่ไม่อยากนอนครับ อยากคุยกับโซ”

มันสบายใจและรู้สึกดีกว่าการอยู่เงียบๆหรือนอนเฉยๆเป็นไหนๆ

“แล้วยังบอกไม่ได้อ้อนอีก”โซโล่บีบจมูกผมเบาๆ จากนั้นก็ทำหน้าบูด “เรื่องสอบ…ก็น่าจะพอไหว แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ผมไม่ไหวกับดนตรีไทยจริงๆ มันยาก”

“วิชาบังคับเหรอครับ”

“ใช่…ก็ดีแล้วล่ะที่เจอตอนปีหนึ่ง จะได้จบๆไป”

ผมนอนคุยกับโซโล่อย่างสบายใจ เขาเล่าเรื่องตอนที่อยู่คนเดียวให้ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้าง แถมยังฟ้องว่าโดนเก้าถีบตกเก้าอี้ตอนซ้อมดนตรีด้วย

“ก็ไม่ตั้งใจซ้อมนี่ครับ”

“ก็เพราะใครไม่รับโทรศัพท์ล่ะ”

ผมขอโทษเสียงอ่อย หมาหน้าบึ้งงอนได้ครู่เดียวก็หาย เปลี่ยนเป็นบ่นเรื่องเก้าให้ผมฟังแทน หลักๆไม่พ้นเรื่องกินเยอะกับการบังคับให้เจ้าหมาซ้อมดนตรีส่วนตัวเองหนีไปเล่นเกมส์ เขาคงเห็นว่าเวลาพูดเรื่องเก้าแล้วผมจะยิ้มตลอดเวลาถึงได้พูดบ่อย

“เก้าอาจจะเกิดมาเพื่อสร้างความบันเทิงก็ได้นะครับ”ผมหัวเราะ คิดตามที่พูดจริงๆ ทั้งที่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้ตั้งใจแต่ไม่รู้ทำไมเวลาทำอะไรมันถึงได้ดูน่าขำไปหมด

“ผมว่ามันเกิดมาเพื่อสร้างความวิบัติมากกว่า”โซโล่เบะปาก หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าที่พูดออกมานั่นความจริงล้วนๆ

ผ่านไปสักพักเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบลง ผมพอจะเดาได้ว่าเราจะคุยเรื่องอะไรกันต่อ สังเกตจากสีหน้าที่ดูจริงจังและเครียดขึ้นเล็กน้อยของเจ้าหมาก็รู้แล้ว แต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกแย่เหมือนเคยเมื่อรู้ว่าต้องพูดถึงเรื่องนี้

“กีตาร์อยากไปหรือเปล่า”

“ไป?”

ผมอมยิ้มมองคนที่ขยับตัวอย่างอึดอัดเหมือนไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกนั่นแล้วผมรู้สึกอารมณ์ดีแปลกๆ

“ก็…ที่คุณแม่บอก”

“ก็…”

ผมหยุดพูดเมื่อโดนดันคางให้หันไปสบตาคนข้างๆ โซโล่ทำหน้ากังวล คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนคนคิดไม่ตก

“ถ้าไม่อยากไปก็บอก อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้น”

“พี่อยากไปจริงๆครับ”

“เพราะผมไปรับปากไว้หรือเปล่า”

“พี่ต้องขอบคุณที่โซช่วยรับปากให้ด้วยซ้ำ”แค่คิดภาพของท่านตอนนั้นผมก็รู้สึกปวดใจแล้ว ถ้าตอนนั้นโซโล่ไม่ได้รับปากแม่ใหญ่ให้ ผมคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ดื้อด้านไม่ยอมทำตามที่ท่านพูด

ตอนนั้นผมก็แค่ยอมรับไม่ได้ว่าท่านจะไป ถึงได้หลอกตัวเองทุกอย่างเพื่อรั้งให้ท่านอยู่

“งั้นรอให้กีตาร์หายก่อน…ผมคุยกับพวกชาวบ้านไว้แล้ว เขาบอกว่าจะรอพาเราขึ้นไป”โซโล่ยิ้มให้ผม ยื่นมือมาเกลี่ยผมออกจากใบหน้าให้

“ไปวันนี้เลยไม่ได้เหรอครับ”

ผมอยากไปเห็นที่นั่นไวๆ อยากรู้ว่าที่ๆแม่ใหญ่รักเป็นแบบไหน

“รอให้หายก่อน”

“แต่…”

“กีตาร์”โซโล่ทำเสียงดุจนผมหงอ จะเถียงต่อก็เถียงไม่ออก พอเห็นผมเงียบเขาก็ถอนหายใจเบาๆ “พรุ่งนี้...โอเคไหม”

“เช้าๆเลยนะครับ”ผมต่อรองจนคนข้างๆหรี่ตา แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี

“ครับ”

"ขอบคุณครับ"ผมยิ้มจนแก้มตุ่ย คนมองหัวเราะหึหึแล้วยกมือมาบีบแก้มผมเหมือนหมั่นเขี้ยว

"ยิ้มได้ก็ดีแล้ว"

"เพราะโซไง...ขอบคุณนะครับ"

"นี่ขอบคุณกี่รอบแล้วเนี่ย"

"หลายอยู่นะ"นึกๆไปแล้วก็ขอบคุณไปหลายทีอยู่เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่พูดผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พูดไปเฉยๆ

"รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า"

ผมนิ่งไปสักพักกับคำถามนั้น รู้ตัวดีว่ายังไงก็โกหกไม่ได้อยู่แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคงเป็นการบอกไปตามความจริง

"ดีขึ้นครับ...แต่คงไม่ได้เรียกว่าหาย"

"ผมเข้าใจ"โซโล่พยักหน้า "มันต้องใช้เวลา กีตาร์คิดถึงได้…แต่อย่ายึดติด"

"ยึดติด?"

"ยึดติดกับความเสียใจ…ผมผ่านมาแล้ว รู้ดีว่ามันเป็นยังไง"ดวงตาที่มองมาที่ผมสั่นไหววูบหนึ่งแล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว "ตอนนั้นผมยึดติดอยู่กับความเสียใจ แรกๆเจย์อยู่ด้วยยังพอมีคนห้าม แต่พอเจย์ไปผมกลายเป็นเด็กเกเรไปเลย"

"หมายถึง..."

"อืม...หมายถึงตอนที่แม่ผมเสีย"โซโล่ยิ้มให้ผมเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เมื่อผมขยับมือไปจับแขนเขาด้วยความเป็นห่วง "ผมใช้เวลาเกือบสี่ปีถึงจะคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็แค่เลิกยึดติดกับความเสียใจ ใช้ชีวิตต่อไป คิดถึงท่านก็ดูสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ ตอนนั้นมันยากมากแต่ผมก็ผ่านมาได้..."

"..."

"แต่สำหรับกีตาร์ไม่ยากหรอก...เพราะผมอยู่ตรงนี้"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้นโดยไม่ปฏิเสธ รู้ดีที่สุดว่ามันจริงแค่ไหน ผมอาจจะยังเจ็บและเสียใจเพราะเป็นเหตุการณ์สดใหม่ แต่คนเราจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปไม่ได้ สิ่งที่ผมควรทำไม่ใช่การยึดติดอยู่กับความเสียใจ แต่เป็นการใช้ชีวิตที่แม่ใหญ่เลี้ยงดูมาต่อไปให้ดีที่สุด…โดยมีคนๆนี้อยู่ข้างๆ

คนที่ผมเลือกและเขาก็เลือกผม

ถึงเวลาทำจริงจะยากแค่ไหนแต่ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ยากเพราะมีเขาอยู่ ผมก็จะเชื่อตามนั้น

"พี่จะพยายามนะครับ...ช่วยพี่หน่อยนะ"

ถึงตอนนี้จะยังกลับไปยิ้มได้ไม่เต็มที่ แต่แค่ได้ร้องไห้หนักๆโดยมีโซโล่อยู่ข้างๆก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ ผมเชื่อว่าตัวเองจะกลับมายิ้มได้เต็มที่แน่นอน

"รับทราบ"โซโล่ยิ้มมุมปาก ยื่นมือมาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงอก "ถึงเวลานอนแล้ว"

"แต่พี่ไม่ง่วง"ผมเถียง พยายามจะดึงผ้าห่มลงแต่ก็สู้แรงอีกคนไม่ได้ ตอนสบายดีก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนไม่มีแรงแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

"ไม่ง่วงก็ต้องนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงนะ"

"แต่...อื้อ!"ผมขมวดคิ้วเมื่อโดนหมาบีบแก้มจนปากจู๋ ถลึงตาใส่แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย

"ไออ๋า!"ไอ้หมา!

"พูดไรอะ"คนฟังไม่รู้เรื่องหัวเราะหึหึ ผมไม่ต้องเห็นหน้าตัวเองยังรู้เรื่องว่ามันต้องดูตลกมากแค่ไหน

"อ๋าโอ!"หมาโซ!

"ทำไมเด็กชายกีตาร์ดื้อจัง...ไม่นอนผมจูบนะ"

บีบปากกันแบบนี้แล้วยังบอกให้นอนอีก ไอ้หมานี่

"ยังไม่หลับตาอีก..."

"อื้อ!"ผมเบิกตากว้างมองคนฉวยโอกาสที่ก้มหน้าลงมาจูบไวๆแบบไม่ให้ตั้งตัวทั้งที่ยังบีบแก้มผมอยู่

"นอนไม่นอน"

ผมรีบพยักหน้าหงึกหงัก พอคนขู่ปล่อยมือก็หมุนตัวไปอีกทางแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที

น่าอับอายที่สุด...เกลียดจริงๆเวลาไม่มีแรงแบบนี้

หมาบ้า...

"เดี๋ยวหายใจไม่ออก"คนพูดดึงผ้าห่มด้านหลังเบาๆเป็นเชิงบอกให้โผล่หัวออกมา หลังจากยื้อกันไปมาอยู่สักพักผมก็ยอมโผล่หน้าออกมาแต่ไม่หันกลับไป

"พี่จะนอนแล้วครับ"

ไม่ได้จะหลับหนีอาการเขินอะไรจริงๆนะ เพราะยาเริ่มออกฤทธิ์ถึงได้รู้สึกง่วงขึ้นมากะทันหันต่างหาก วินาทีที่ตาจะปิดรู้สึกเหมือนถูกดึงไปกอดไว้จากทางด้านหลัง ความอบอุ่นที่เผื่อแผ่มาทำให้ผมรู้สึกง่วงหนักกว่าเดิมจนฝืนตัวเองไม่ไหวในที่สุด

.

.

ผมรู้สึกเหมือนฝันร้าย…รอบกายมีแต่ความว่างเปล่า และเพราะมันว่างเปล่าทั้งที่เป็นความฝันมันถึงได้น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร มันเป็นความฝันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ใหญ่ แต่ตอกย้ำให้รู้ว่าผมอยู่คนเดียว ไม่มีแสงไฟ ไม่มีอะไรนำทาง มองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายของตัวเอง

ตอนที่ความสิ้นหวังครอบคลุมไปทั่วจิตใจ ผมได้ยินเสียง…

“อย่าร้อง”

ผมรู้สึกตัว ลืมตาจากความว่างเปล่ามาเจอความจริงที่มีคนๆหนึ่งอยู่ข้างๆ เขากำลังเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือและมองมาด้วยสายตาเจ็บปวด

“ผมอยู่ตรงนี้…”เขากระซิบ

ผมหลับตาลง แนบใบหน้าเข้ากับอกกว้าง รับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้น…ทั้งของตัวเองและของคนข้างๆ

ของเรา…

ผมรู้แล้วว่าความว่างเปล่าที่ผมเห็นในความฝันมันคืออะไร

เป็นเพราะผมไร้จุดหมายในชีวิต ไม่มีแม้กระทั่งความฝัน ทุกๆอย่างถึงได้หายไป เพราะแบบนั้นผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว

แม่ใหญ่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม

เพราะท่านจากไปทุกสิ่งทุกอย่างของผมถึงหายไปด้วย

แต่ตอนนี้ผมมองเห็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญและมีค่าไม่แพ้กัน

ท่ามกลางความว่างเปล่า…

มีหมาฮัสกี้ตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น

------------------------------------



ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 20:12:32 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
«ตอบ #657 เมื่อ21-02-2017 19:18:55 »

มีหมาฮัสกี้ตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น.....เขินวุ้ย  :o8:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
«ตอบ #658 เมื่อ21-02-2017 19:20:33 »

จับมือกันไปตลอดนะครับ

ออฟไลน์ Nattharikan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
«ตอบ #659 เมื่อ21-02-2017 19:34:38 »

ดูแลกันไปแบบนี้นานๆเนอะ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด