┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]  (อ่าน 353473 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
«ตอบ #720 เมื่อ04-03-2017 12:12:43 »

พ่อโซมาแล้ว ว่าแต่ลินดาคือใครอ่ะ

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
«ตอบ #721 เมื่อ04-03-2017 17:25:59 »

ฮืออออออออออ
น้ำตาคลอตลอดเวลาเลย
รักน้องมูนจัง ทำไมอ่อนโยนแบบนี้

แล้วคุณพ่อมาแล้ว ยังไงดี ยังไงงงงงง

มีความลุ้นมากเลยค่ะตอนนี้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
«ตอบ #722 เมื่อ04-03-2017 19:50:06 »

หวังว่าจะไม่ต้องถึงชีวิตกันนะครับ

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
«ตอบ #723 เมื่อ05-03-2017 00:45:08 »

 :ling1: :katai1: :ling2:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
«ตอบ #724 เมื่อ07-03-2017 21:11:20 »

-35-

 

หลังจากพวกชาวบ้านแยกย้ายไปแล้ว ผม โซโล่ คุณเจย์ รวมถึงคนของพ่อเขาก็เดินกลับมาคุยกันที่บ้าน โดยมีน้องมูนที่ร้องไห้งอแงเพราะเห็นครูหล่อเจ็บตามติดมาด้วย คราวนี้โซโล่อุ้มน้องแล้วลูบหัวปลอบต่างจากทุกที พวกเราเข้ามานั่งคุยกันอยู่ในบ้าน ดีที่คนของพ่อเขารออยู่ด้านนอกไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

"น้องมูน...ให้พี่ทำแผลให้ครูหล่อก่อนนะครับ"ผมแตะแขนน้องที่กอดคอโซโล่ไว้ น้องมูนหันมามอง พยักหน้าหงึกหงักแล้วผละออกมานั่งกอดพี่จันทร์อยู่ข้างๆ

ผมทำแผลให้โซโล่โดยใช้ยาที่ชาวบ้านเอามาให้ ดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปากแตกกับแก้มช้ำ

"ไม่เจ็บหรอก"โซโล่ยกมือโคลงหัวผมเบาๆ คงเพราะผมเผลอแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกไปเขาถึงพูดแบบนั้น ผมพยักหน้าเหมือนจะรับรู้ แต่ก็ยังเจ็บแทนทุกครั้งที่แตะยาลงไปบนแผลของคนที่นั่งนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร

พอจัดการเรื่องแผลเสร็จแล้วเราก็หันกลับมามองคุณเจย์ที่นั่งเหม่ออยู่ ผมสบตากับโซโล่ เขาขมวดคิ้ว ดูท่าทางเป็นห่วงคุณเจย์ไม่แพ้กัน

"เจย์"

"ครับ"คุณเจย์ตอบรับ ส่งยิ้มอ่อนล้ามาให้

ตั้งแต่กลับขึ้นมาที่นี่ครั้งนี้เขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นคุณเจย์คนเดิม เป็นคนที่ดูยิ้มไม่สุด เหมือนแค่ฝืนยิ้มเพื่อปิดบังตัวเองไว้ ดูเหมือนกับคิดอะไรตลอดเวลา หรือบางที...อาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรครูเฮียที่ร่าเริงของเด็กๆถึงเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเดาไม่ผิดคงเพราะ...

"ไม่ต้องสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก"โซโล่พูดเสียงเรียบ "ก็แค่ผู้หญิงง่ายๆที่พ่อควงนานกว่าคนอื่น"

ผมมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ พอจะเดาได้จากคำพูดโซโล่ว่าผู้หญิงที่ชื่อลินดาเป็นใครแต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด และคงเพราะคุณเจย์ไม่ยอมตอบอะไรโซโล่เลยหันมาอธิบายให้ผมฟังแทน

"เป็นเรื่องธรรมดาที่คนระดับพ่อจะมีคนนั้นคนนี้มาเกาะแกะเยอะ ลินดาเป็นหนึ่งในนั้น"โซโล่เหลือบตามองคุณเจย์เมื่อเห็นว่าเขาหันหน้าหนี "เรียกว่าคู่ควงก็คงได้...ถึงผมจะไม่ได้เจอพ่อเท่าไหร่แต่ก็ได้ยินมาเยอะว่าพ่อเปลี่ยนคู่ควงบ่อยขนาดไหน แต่ผู้หญิงคนนี้พ่อควงมาหลายเดือนแล้ว...น่าจะตั้งแต่ผมบินมาไทย"

และถึงกับพามาไทยด้วย มิน่าคุณเจย์ถึงดูเจ็บปวดแบบนั้น

"แล้วโซ..."ผมหันไปมองโซโล่อย่างเป็นห่วง แต่เจ้าตัวแค่หันมายิ้มแล้วส่ายหน้าให้

"ผมไม่เป็นไรหรอก กีตาร์ก็รู้ว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับพ่อไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เขาจะเอาใครมาแทนที่แม่ก็เรื่องของเขา คนที่น่าเป็นห่วงอยู่นั่นต่างหาก"โซโล่หันไปมองคุณเจย์ สุดท้ายพอไม่มีใครพูดอะไรออกมาเขาก็ถอนหายใจ "พ่อรู้หรือเปล่า"

"รู้อะไรครับ"คุณเจย์เงยหน้าขึ้นมาถาม

"รู้ว่าเจย์รัก"

"คุณชาย!"คุณเจย์พูดด้วยความตกใจ รีบยกมือปิดปากโซโล่ไว้ "เบาๆสิครับ"

โซโล่แกะมือเขาออก ขมวดคิ้วเมื่อคุณเจย์ไม่ยอมตอบ

"ว่าไง"

"ผม...ไม่แน่ใจ"

"ไม่เคยบอกสินะ"

"ครับ"

พอเห็นหน้าคุณเจย์สลดลงผมก็แอบตีขาหมาหน้านิ่งเบาๆ โซโล่หันมามองแล้วทำหน้าบึ้ง แถมยังพาลไปดึงพี่จันทร์ของน้องมูนออกมาอีก เจ้าตัวเล็กก็คิดว่าจะเล่นด้วย รีบขยับตัวจะเอาพี่จันทร์คืนแล้วหัวเราะยกใหญ่

"เรื่องของผมช่างมันเถอะครับ เอาเรื่องของพวกคุณก่อนดีกว่า"คุณเจย์เปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจัง โซโล่เองก็หยุดเล่นกับน้องมูน ส่งพี่จันทร์คืนน้องแต่โดยดี

"เล่ามาสิ"

"ตอนเข้าเมืองผมไปเจอพวกนั้น เห็นว่าเพราะติดต่อเราไม่ได้คุณท่านเลยส่งคนตามหา"คุณเจย์ทำหน้าเครียด กำมือแน่น "พวกนั้นบอกว่าคุณท่านต้องการเจอคุณชาย"

"เหอะ...ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจ พอจะใช้งานก็จิกหัวเรียก"โซโล่แค่นเสียง ใบหน้าเย็นชาจนผมต้องแตะหลังมือเขาไว้

"คุณชาย..."คุณเจย์ถอนหายใจ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนเรื่อง "ผมจะถ่วงเวลาไว้ให้"

"ถ่วงเวลา?"ผมทวนคำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือการถ่วงเวลา

"ครับ...ถ้าท่านต้องการจะเจอ มันหมายความว่าท่านต้องเจอเดี๋ยวนั้น นี่พวกนั้นก็คงส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเจอผมแล้ว ถ้ายังไม่ยอมไปเจอท่านอีก ท่านคงสั่งให้คนบังคับพาไปแทน"คุณเจย์มองออกไปทางช่องหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ผมมองตาม เห็นว่าคนพวกนั้นกำลังเดินสำรวจรอบบ้าน เหมือนกลัวว่าพวกเราจะหนี

"ผมจะกลับอาทิตย์หน้า"โซโล่พูดเสียงแข็ง คิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจ

"คุณชายคงไม่อยากให้คุณกีล์เดือดร้อนไปด้วยนะครับ"

ผมสบตากับโซโล่ เห็นความกังวลใจของเขา จริงๆก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แต่ผมคิดว่าที่คุณเจย์พูดก็เพื่อให้เขาหยุดดื้อมากกว่าเลยไม่พูดอะไรออกไป

"ผมยังไม่อยากกลับ"

"เพราะงั้นผมถึงบอกว่าจะถ่วงเวลาให้ไงครับ"คุณเจย์ยิ้มบาง ยื่นมือมาลูบหัวโซโล่ด้วยความเอ็นดู เหมือนกับกำลังปลอบเด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่ง "ผมจะกลับไปก่อน เรื่องคนพวกนั้นกับคุณท่านผมจะจัดการให้เอง"

"คุณเจย์จะไม่เป็นไรเหรอครับ"ผมถามด้วยความเป็นห่วง ถึงจะไม่เคยเจอพ่อโซโล่แต่ก็พอเดาได้ว่าท่านเป็นคนแบบไหน

"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมอยากให้พวกคุณพักผ่อนก่อน อีกแค่สามวันก็สิ้นปีแล้วด้วย"เขามองผมด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนรู้ทัน

อีกสามวันก็สิ้นปีแล้ว...และเป็นวันเกิดโซโล่ด้วย

"ตอนนี้คุณท่านไปดูงานที่ภูเก็ต ผมจะทำให้ท่านอยู่ที่นั่นให้ได้สามวัน แต่หลังจากนั้นคุณชายคงเลี่ยงไม่ได้อีก"

หมายความว่าเรามีเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่สามวันสินะ

"แต่กำหนดกลับ..."

"โซ"ผมพูดแทรกคนที่กำลังหัวเสีย "กลับไวกว่าเดิมไม่กี่วันเอง ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาไว้มีเวลาค่อยมาใหม่ก็ได้"

ถึงจะไม่รู้ว่าจะมีเวลาอีกตอนไหนก็เถอะ

โซโล่ถอนหายใจ มองหน้าผมอยู่สักพักแล้วก็ยอมพยักหน้า

"เรื่องธุระที่คุยกันผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะครับ"

"ธุระอะไรกันครับคุณเจย์"

"เรื่องนี้ผมว่าให้คุณชายอธิบายดีกว่า"

ผมหันไปหาโซโล่อย่างต้องการคำตอบ เขาวางมือลงบนหัวน้องมูนที่นั่งเงียบๆมาตั้งแต่แรกแล้วโคลงไปมา

"เรื่องที่ผมเข้าไปคุยกับป้าจิต"

"อ่า...ที่โซบอกว่าจะบอกพี่"

"อืม...ผมรู้มาว่าคุณแม่ของกีตาร์เคยส่งหนังสือเกี่ยวกับที่นี่เข้าไปในเมือง เรื่องรับครูอาสา น่าจะส่งไปตั้งแต่ท่านรู้ว่าตัวเองป่วย"

ผมพยักหน้า เข้าใจว่าท่านคงส่งเรื่องไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่สอนเด็กๆได้นานแค่ไหน

"ผมให้เจย์ไปจัดการให้ เพราะลำพังแค่จดหมายฉบับเดียวคงไม่มีใครสนใจ เผลอๆจะไม่ถูกเปิดอ่านด้วยซ้ำ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรมีอยู่มากก็จริง แต่พื้นที่ที่ขาดการดูแลก็เยอะพอกัน แล้วก็มีบางองค์กรที่อยากช่วยเหลือแต่ไม่มีทุน ผมเลย...ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้นิดหน่อย"โซโล่ยิ้มขณะที่มองน้องมูน แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม "เขาจะเริ่มเปิดรับอาสาสมัครอาทิตย์นี้ อาจต้องใช้เวลาหน่อยแต่ก็มั่นใจได้ว่าเด็กๆจะได้เรียนแน่นอน"

ผมนั่งนิ่งเป็นหินอยู่ครู่หนึ่ง เพราะสมองประมวลผลตามคำพูดของเขาไม่ทัน แต่หลังจากเข้าใจจนกระจ่างรอยยิ้มกว้างจากใจก็ปรากฎออกมาแทบจะทันที

เอาอีกแล้ว...หมาตัวนี้

ผมมองหน้าโซโล่ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ที่ชัดเจนคงเป็นความตื้นตัน ในใจอัดแน่นไปด้วยคำพูดมากมายที่อยากจะบอกให้ฟัง

"ขอบคุณนะครับ"สุดท้ายก็ได้แต่พูดคำสั้นๆที่พูดเท่าไหร่ก็คงไม่สมกับสิ่งที่เขาทำให้ โซโล่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยื่นมือมาจับมือผมไว้แทนคำตอบ

ไม่รู้ว่าจะทำให้ความรู้สึกของผมมากขึ้นขนาดไหนเจ้าตัวถึงจะพอใจ...แค่นี้ก็มากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่กรุงเทพ"คุณเจย์ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไปนอกบ้าน

ผมพับเรื่องที่คิดทั้งหมดเก็บไว้แล้วเดินออกมาส่งคุณเจย์หน้าบ้าน เขาเดินเข้าไปคุยกับคนพวกนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันมาทางเรา กลุ่มคนพวกนั้นหันมาค้อมหัวให้โซโล่อย่างนอบน้อม

ผมเพิ่งสังเกตว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ตอนแรกผมคิดว่าพวกเขาจะต้องใส่สูทสีดำกับแว่นกันแดดสีดำเหมือนกันหมดเสียอีก...นี่ถ้าเจ้าหมารู้ว่าผมคิดแบบนี้สงสัยโดนขำตายแน่ๆ

"ผมคงไปลาเด็กๆไม่ได้ ฝากด้วยนะครับ บอกพวกเขาว่าผมจะมาหาใหม่"

"ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณเจย์"

"อย่าลืมบอกเรื่องนั้นนะครับคุณชาย"คุณเจย์หันมาตะโกน โบกมือให้อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หมาหน้าบึ้งยืนบ่นอุบอิบอยู่ข้างผม

"บอกว่าอย่าเพิ่งบอกไง"

"บอกเรื่องอะไรเหรอครับ"

โซโล่เมินคำถามผม หันไปอุ้มน้องมูนที่เกาะขาอยู่ขึ้นมาแทน

"โซ บอกเรื่องอะ..."

"ครูเฮียไปไหนเหรอครับ"

ผมชะงัก หันไปสบตากับโซโล่ ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามน้องแบบไหน

"กลับไปแล้ว ถ้าว่างจะมาหาใหม่"โซโล่ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ผมรีบมองน้องมูนเพราะกลัวน้องร้องไห้ แต่น่าแปลกที่น้องแค่พยักหน้าเข้าใจ

"อีกสามวันครูก็จะกลับเหมือนกันใช่ไหมครับ"

"น้องมูน?"

"น้องมูนฟังไม่รู้เรื่อง แต่รู้ว่าอีกสามวันครูต้องกลับแล้ว น้องมูนไม่เป็นไรหรอกครับ"เด็กน้อยที่บอกว่าไม่เป็นไรกอดพี่จันทร์ไว้แน่น ตาแดงก่ำจนดูน่าสงสาร

"เอาไว้ถ้ามีโอกาสพี่จะมาหาอีกนะครับ"ผมรีบพูดแล้วยื่นมือไปลูบหัวน้องเบาๆ

"ครับ น้อง..."

"อยากไปอยู่ด้วยกันไหม"เสียงนิ่งๆตามแบบฉบับดังแทรกคำพูดของน้องมูน ผมหันไปมองหน้าโซโล่อย่างตกใจกับประโยคที่เขาเพิ่งพูดขึ้นมา "ที่จะบอกกีตาร์ก็คือเรื่องนี้ ไปหมู่บ้านกันก่อนเถอะ ทุกคนคงรออยู่แล้ว ผมจะพูดต่อหน้าทุกคน"

โซโล่เดินนำไปทางหมู่บ้านเหมือนยังไม่อยากให้ถามอะไร ผมรีบเดินตามไป พอเดินมาจนใกล้ถึงแล้วถึงได้เห็นว่าตอนนี้พวกชาวบ้านยังรวมตัวกันอยู่ ไม่ได้แยกย้ายกันไปแล้วแบบที่ผมคิด แม้แต่เด็กๆก็นั่งอยู่กับพื้นดูเรียบร้อยกว่าทุกที คงยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่น้อย

"ครู!เป็นไงบ้างครับ"ลุงมั่นรีบเดินเข้ามาหา แล้วมองสำรวจโซโล่อย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร เรียกคนอื่นมาฟังเถอะ"

ผมรับน้องมูนมาอุ้มไว้เองแล้วมายืนฟังอยู่ข้างๆชาวบ้านกับเด็กๆที่ล้อมวงเข้ามา

"วันก่อนผมไปเดินสำรวจพื้นที่บริเวณนี้มา เห็นว่ามีพื้นที่หลายจุดที่เหมือนมีการเตรียมการเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ใช้งานอะไรใช่ไหม"

"ครับครู ครูใหญ่เคยคุยกับพวกเราเรื่องการปรับปรุงที่ดินทำกินของเราทั้งหมดใหม่ให้เหมาะสมกว่าเดิม เผื่อวันหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวหรือใครขึ้นมาเราจะได้มีพื้นที่รองรับเขามากขึ้น แล้วก็มีพื้นที่ทำงานอย่างอื่นเพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังไม่ทันได้คุยรายละเอียดมากกว่านั้นครูใหญ่ก็ป่วยเสียก่อนพวกผมเลยไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ"ลุงมั่นอธิบาย

"บางเรื่องพวกคุณไม่ต้องใช้ผู้รู้หรอก อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาก็พอแล้ว"โซโล่ไม่ได้บอกแค่กับลุงมั่น แต่เขามองไปที่ชาวบ้านทุกคน

"แต่ถ้าเราพลาดไปมันอาจจะส่งผลเสียไปหมดเลยนะครับครู"

"ผมหมายถึงในกรณีที่ไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา ยังไงก็ต้องพึ่งกันเอง ลองทำดูดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ใช่เหรอ ผมดูก็รู้ว่าแค่การขายผักพวกนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของคนทั้งหมู่บ้าน"โซโล่พูดเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านที่มีสีหน้าสลดลง ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดสักคำ "ตอนนี้อาจพอถูไถไปได้ แต่วันต่อไปที่ต้องมีรายจ่ายเยอะขึ้น ลำพังของพวกนั้นยังไงก็ไม่พอ ถ้าพวกคุณมัวแต่ทำสิ่งที่ครูใหญ่นำทางไว้ให้อย่างเดียวโดยไม่คิดขวนขวายเพิ่ม พวกคุณนั่นล่ะที่จะลำบาก"

"โซ..."ผมเรียกเสียงค่อย กังวลว่าคำพูดของเขาจะทำให้พวกชาวบ้านรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า แต่พอโซโล่หันมายิ้มผมก็นิ่งไป เพราะนึกได้ว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นเพราะเขาหวังดีจริงๆ

"ผมแค่อยากให้พวกคุณพึ่งพาตัวเอง แต่เอาเถอะ...ตอนนี้ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านนี้เหมือนกัน เพราะงั้น...ในเมื่อพวกคุณมีประสบการณ์การทำงาน ส่วนผมรู้หลักการบริหารงาน แล้วเราก็มีว่าที่วิศวกรคนเก่งอยู่ด้วยอีกคน"โซโล่สบตาผมแล้วยกยิ้ม "ผมว่าเราน่าจะช่วยกันวางแผนได้"

มาถึงตอนนี้ผมคิดว่าเจ้าหมาที่ผมคิดว่าเขาเป็นเด็กมาตลอด บางทีอาจจะไม่ใช่เด็กอย่างที่คิด สิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย

"ผมอาจจะอยู่ช่วยไม่ได้เพราะอยู่ที่นี่ได้อีกแค่สามวัน แต่จะช่วยหาของจำเป็นส่งมาให้ พวกคุณเห็นด้วยหรือเปล่าครับ"โซโล่หันไปถามชาวบ้าน พวกเขามองไปที่เจ้าหมาของผมอย่างซึ้งใจ พากันพยักหน้าเป็นทิวแถว

"แล้วก็อีกเรื่อง...ผมช่วยจัดการเรื่องจดหมายครูใหญ่ให้แล้ว อีกไม่นานจะมีครูอาสาขึ้นมาสอนเด็กๆตามที่ครูใหญ่ต้องการ"

"จริงเหรอครับครู!"

"จริงเหรอครับ!"

เด็กๆที่นั่งงงส่งเสียงโหวกเหวกทันทีที่ได้ยินคำว่าครู พวกเขาดูตื่นเต้นดีใจไม่ต่างจากตอนเจอผมครั้งแรก

"อืม...อาจจะต้องรอสักพักแต่จะมีมาแน่"

"เย้!"

"เรื่องสุดท้าย..."โซโล่เงียบไปแล้วขยับให้ป้าจิตเดินมายืนแทนที่

"สองสามวันมานี้ฉันได้คุยกับครูมาตลอด ครูมาปรึกษาเรื่องการให้ทุนกับเด็กที่นี่ ฉันเองไม่มีปัญหาเพราะอยากให้พวกมันได้เรียนสูงๆกันอยู่แล้ว ลูกใครก็ถามความสมัครใจแล้วตัดสินใจกันเอาเองก็แล้วกัน"

ผมเบิกตากว้าง หันไปมองโซโล่ด้วยความแปลกใจ เขาเองก็มองกลับมาแล้วยกมุมปากนิดๆเป็นรอยยิ้ม

"ผมจะให้เด็กๆกับครอบครัวตัดสินใจเอง ถ้าอยากเข้าไปเรียนในเมืองผมจะส่งเสียเรื่องค่าเรียนให้ แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ เมื่อไหร่ที่มีงานทำมีเงินใช้จะต้องหาเงินมาคืน เป็นเหมือนการใช้ทุน หรือถ้ายังไม่ต้องการตอนนี้ อยากเข้าเรียนเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา ผมจะช่วย"

พวกชาวบ้านหันไปคุยกันเสียงดัง แต่ผมไม่ได้สนใจที่พวกเขาคุยกันเท่าไหร่ ตอนนี้สายตาของผมจับจ้องไปที่คนๆเดียว...คนที่เป็นที่พึ่งให้มาตลอด

เขาแก้ปัญหาให้ทุกอย่างและช่วยเหลือคนที่นี่อย่างจริงใจ เหมือนรู้ว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมจะคิดหรือช่วยเหลือใคร ถึงได้คอยคิดและทำแทนทุกเรื่อง เขาแสดงออกให้เห็นว่าเขารักที่นี่เหมือนที่แม่ใหญ่รัก...เหมือนที่ผมรัก

ให้พูดว่าขอบคุณอีกกี่ล้านครั้งก็คงไม่พอ

ไม่ใช่แค่เอ็นดูน้องมูนคนเดียว แต่เขาเผื่อแผ่โอกาสที่หาได้ยากให้กับเด็กๆทุกคน

"เขาเรียกว่าใช้ความรวยให้เป็นประโยชน์"โซโล่กระซิบ ผมหัวเราะเสียงดัง แอบตีแขนคนขี้อวดด้วยความหมั่นไส้

"โซรู้เรื่องการบริหารด้วยเหรอครับ"ผมถามด้วยความสงสัย รู้ว่าเขาต้องศึกษางานของครอบครัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะศึกษามาแล้ว ตอนที่คุยงานกับพนักงานที่คอนโด หรือตอนไปดูงานกับคุณเจย์ ผมคิดว่าเขาเพิ่งเริ่มเรียนรู้เสียอีก

"ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ ผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้มานานมากแล้ว พ่อส่งคนมาสอนน่ะ"โซโล่พูดเสียงเรียบเหมือนตอบเรื่องทั่วไป แต่ผมพอจะมองออกว่าเขาไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ

พวกชาวบ้านปล่อยให้เด็กๆไปวิ่งเล่น ส่วนพวกเราก็ล้อมวงกันคุยเรื่องการวางแผนจัดการพื้นที่ใช้สอยของที่นี่ ผมรับหน้าที่วาดรูป พยายามวาดให้เข้าใจและเขียนคำกำกับสั้นๆกับตัวเลข เพราะคนที่นี่อ่านหนังสือกันไม่ค่อยออก เผลอๆคงต้องให้เด็กๆอ่านให้ฟัง

"พื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรอยู่ไกลไปนะครับ สัตว์ต้องได้รับการดูแล เอาไว้ใกล้กว่านี้น่าจะดี แถมพื้นที่ที่ใช้อยู่ก็ใหญ่เกินไปสำหรับจำนวนสัตว์ที่มีอยู่ด้วย"ผมชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของที่นี่ในกระดาษอีกใบที่ชาวบ้านช่วยกันวาดขึ้นมา เป็นเหมือนภาพจำลองที่ที่เราอยู่ตอนนี้

"เรามีพื้นที่ว่างพอควรอยู่หลังบ้านผมครับครู"

"เราน่าจะย้ายได้ ไก่ไม่ได้ย้ายลำบากอยู่แล้ว"

"พื้นที่เดิมทำเลน่าจะเหมาะกับการเพาะปลูก เราปลูกผักเพิ่มดีไหม"

"ครูใหญ่เคยบอกว่าเราน่าจะลงทุนปลูกผลไม้นี่ เอาตรงนั้นเป็นที่ปลูกดีไหม"

"ต้องศึกษาด้วยว่าควรปลูกอะไรดี อะไรปลูกง่ายขึ้นง่ายมีประโยชน์"

"ผมเคยเห็นหนังสือบริจาคที่อยู่ที่ห้องเรียนเด็กๆมีเรื่องพวกนี้อยู่นะครับ ลองให้เด็กๆอ่านให้ฟังก็ได้ ทุกคนจะได้ถือโอกาสเรียนรู้ไปด้วยเลย"ผมให้คำแนะนำ พอทุกคนตกลงก็เรียกเด็กๆมาพาไปที่ห้องเรียน แล้วค่อยๆถอยออกมาจากกลุ่มช้าๆ

ผมคุยกับโซโล่แล้วว่าพวกเราจะช่วยแค่แนะนำกับวางแผนเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกชาวบ้านต้องเรียนรู้กันเอง พึ่งพากันเอง ต้องลองคิดสร้างสิ่งใหม่ๆบ้าง ผมไม่ได้กังวลเท่าไหร่เพราะคิดว่าพวกเขามีสิ่งสำคัญที่เรียกว่าประสบการณ์อยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ก็เท่านั้น

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่

"น้องมูนไปอยู่กับครูได้เหรอครับ"

"อืม"

ผมละสายตาจากพวกชาวบ้าน หันกลับมามองพ่อหมากับลูกหมาที่เกาะติดกันไม่เลิกแทน

"ได้จริงเหรอ"

"อืม"

"ทำไมถึงได้ล่ะ"เจ้าตัวเล็กเอียงหัวสงสัย แต่ดูเหมือนพ่อหมาจะขี้เกียจตอบแล้วถึงได้หันหน้าหนี

"เพราะครูหล่อใจดีไงครับ"ผมเดินเข้าไปหา น้องมูนหันมามองแล้วเดินมาเกาะขาผมแทน คงเพราะรู้ว่าถามผมแล้วน่าจะได้คำตอบมากกว่า

"คนอื่นจะไปด้วยหรือเปล่าครับ"

"ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาครับ"ผมนั่งยองๆแล้วยิ้มให้น้อง "แต่ถ้าไปที่นั่นน้องมูนจะไม่ค่อยได้เจอคนที่นี่แล้วนะ จะทนได้หรือเปล่าครับ"

"ถ้าไปแล้วน้องมูนได้เรียนหนังสือดีๆ มีเงินเยอะๆมาให้ทุกคน น้องมูนก็ทนได้ครับ ครูหล่อบอกว่าเป็นผู้ชายต้องอดทน"น้องทำหน้ามุ่งมั่นจนแก้มพอง ผมเลยหอมแก้มน่าฟัดนั่นไปทีจนเจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคัก

"ถ้ายังยุ่งกับกีตาร์จะไม่พาไปแล้ว"เจ้าหมาที่กำลังยืนกอดอกพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หน้านบูดกว่าปกติประมาณสิบเท่า

"พาลอะ"ผมแซว

"หมั่นไส้"

แม้แต่เด็กก็ด้วยเหรอเนี่ย

"โซ ถ้ามีแค่น้องมูนที่อยากไปคนเดียวจะทำยังไงครับ"ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนอีกคนจะหน้าบูดหนักกว่าเดิม โซโล่เหลือบตามองแล้วทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่พอผมส่งยิ้มให้เขาก็ยอมตอบด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ

"ตอนแรกคิดไว้ว่าโรงเรียนประจำน่าจะสะดวกถ้าเด็กหลายคน หรือไม่ก็หาที่ให้อยู่ด้วยกันแล้วหาคนมาดูแล แต่ถ้ามีแค่เด็กพระจันทร์นี่คนเดียว...ผมคิดว่าเลี้ยงไหว"

เด็กพระจันทร์ที่ว่าเงยหน้ามาสบตาแล้วเดินไปกอดขาคนพูดอ้อนๆ ส่วนคนที่พาลอยู่เมื่อครู่ก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่มือนี่ลูบหัวน้องไม่หยุด

"จะให้น้องไปอยู่กับโซเหรอครับ"

"เปล่า..."โซโล่ปฏิเสธ เดินเข้ามาจับมือผมแล้วมองด้วยสายตาจริงจัง "จะให้มาอยู่กับเราต่างหาก"

ผมอมยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถึงจะยังกังวลเรื่องพ่อเขาอยู่บ้างแต่ผมก็ตัดสินใจไปนานแล้ว ตอนนี้ก็กำลังพยายามไม่นึกถึงเรื่องแย่ๆ หรือมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปอยู่

ผมแค่อยากคิดถึงแต่ความสุขที่มีอยู่ตอนนี้ก่อน เพราะหลังจากกลับจากที่นี่คงมีเวลาให้กังวลอีกเยอะ

"ถ้ามีแค่เด็กพระจันทร์นี่คนเดียวจริงๆ ผมจะให้กีตาร์ฝึกงานกลับมาก่อนค่อยให้คนมารับเด็กนี่ ไม่มีคนช่วยห้าม ถ้าดื้อขึ้นมาผมคงโยนออกนอกระเบียงเข้าสักวัน"โซโล่แกล้งขู่ แต่นอกจากน้องมูนจะไม่กลัวแล้วยังส่ายหัวดุ๊กดิ๊กอีก

"น้องมูนไม่ดื้อนะ"

"เหรอ"

ผมหัวเราะกับน้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อของเจ้าหมา ส่วนน้องมูนก็พยักหน้ายืนยันอย่างขันแข็ง

เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆตามทาง พอผ่านแปลงผักเจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปดูผักของตัวเองอย่างร่าเริง แถมยังคุยจ้อกับผักตัวเองไม่เลิก ไม่สนใจพวกผมที่ยืนมองอยู่สักนิด

"ป้าจิตบอกว่าเมื่อก่อนเด็กนี่เงียบมาก"โซโล่พูดด้วยเสียงเบาๆเหมือนไม่อยากให้น้องมูนได้ยิน "กว่าเด็กคนอื่นจะช่วยกันทำให้เปิดปากได้ก็ใช้เวลามากพอควร เห็นว่าเคยโดนแม่ตัวเองทำร้ายร่างกายมาก่อนเลยกลัวคนอื่นๆไปหมด พอคุณแม่ของกีตาร์มาดูแลถึงยอมเปิดใจ กลายเป็นเหมือนเด็กทั่วไป"

แบบนี้นี่เอง...

"ที่มาอยู่ใกล้ๆแล้วติดพวกเราขนาดนี้ คงเพราะกีตาร์เหมือนคุณแม่มาก"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้น เรื่องเหมือนแม่ใหญ่ก็อาจจะจริงอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องติด...

"พี่ว่าน้องมูนติดโซมากกว่านะครับ"

"ไม่เห็นอยากให้ติดเลย"

"ปากแข็งอะ"ผมแกล้งแซว แต่นอกจากจะไม่รู้สึกอะไรแล้วคนปากแข็งยังหัวเราะหึหึอีก

"ก็ไม่แข็งนะ..."โซโล่ยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิดหน้าผม "กีตาร์ก็เคยชิมไม่ใช่เหรอ"

"ไอ้หมานี่!"ผมรีบผลักหน้าคนขี้แกล้งออกห่าง ดีที่เจ้าตัวยอมถอยไปหัวเราะแต่โดยดีผมเลยไม่ต้องอายมากไปกว่านี้

"หน้าแดง..."

"น้องมูน ไปเดินเล่นกันดีกว่าครับ"ผมอ้าแขนรับน้องมูนที่เดินเข้ามาหาแล้วอุ้มขึ้นมา โดยพยายามไม่สนใจคนที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง

"ตั้งหกขวบแล้ว เดินเองก็ได้มั้ง"คนขี้อิจฉาหยุดหัวเราะแล้วบ่นเสียงงุ้งงิ้ง

"โซอุ้มบ่อยกว่าพี่อีกนะรู้สึก"พอผมพูดจบคนขี้อิจฉาก็เงียบไป แน่นอนว่าเพราะเถียงไม่ได้

"น้องมูนเดินเองก็ได้นะครับ"เจ้าตัวเล็กพูดอย่างไร้เดียวสา ผมหันไปมองคนที่เดินมาอยู่ข้างๆดุๆจนอีกฝ่ายหน้าหงิก

"ไม่เป็นไรครับ น้องมูนตัวนิดเดียวเอง พอตัวโตขึ้นพี่ก็อุ้มไม่ได้แล้ว ตอนที่ยังอุ้มได้ก็อุ้มไปก่อนเนอะ"

น้องมูนตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันพอสมควร เวลาอุ้มผมเลยไม่รู้สึกหนักเลยสักนิก ยิ่งประกอบกับผิวขาวๆเหมือนจะเรืองแสงได้กับแก้มแดงๆเหมือนมะเขือเทศยิ่งทำให้น้องดูน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ 

"ถ้ากีตาร์รักเด็กพระจันทร์หน้าตาน่าเกลียดนี่มากกว่าเมื่อไหร่ ผมเอาไปปล่อยข้างถนนแน่"เสียงคนบ่นอุบอิบดังมาจากด้านหลัง คือทำเหมือนจะบ่นคนเดียวนะ แต่จงใจให้ได้ยินชัดๆ

"พาลสุดๆเลยเนอะน้องมูน"ผมก้มลงถามเจ้าตัวเล็กที่มองมาตาแป๋ว

"ครูหล่อดื้อ"น้องว่าแล้วหัวเราะคิกคัก

"เดี๋ยวโดน"โซโล่หรี่ตาแล้วทำท่าจะเข้ามาดึงน้องมูนไปจากแขนผม

"ห้ามทำน้องนะโซ!"ผมหมุนตัวหนีก่อนที่มือเจ้าหมาจะจับโดนน้อง ส่วนคนที่จะโดนทำอะไรก็ไม่รู้นี่ก็หัวเราะไม่ยอมหยุดเหมือนกำลังสนุก

ไม่รู้นานแค่ไหนที่เรายืนเล่นกันอยู่ตรงนั้น หมุนไปหมุนมาเหมือนคนไม่มีอะไรทำ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข

"งั้นเอาแบบนี้ก็ได้ครับ"ผมหยุดสงครามเอาไว้ด้วยการหันหน้าเข้าหาโซโล่ ส่งน้องมูนให้เขาอุ้ม แล้วเปลี่ยนไปจับแขนเสื้อเขาไว้ "โอเคไหม"

โซโล่มองงงๆอยู่ครู่หนึ่ง พอผ่านไปสักพักก็ก้มหน้าลงมองแขนเสื้อตัวเองที่ผมจับไว้แล้วเผยรอยยิ้มพอใจ

"โอเคก็ได้"

เส้นทางที่เราเดินผ่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากสามวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น

แต่ตอนนี้ความรักของผม...คงไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป

เพราะตอนนี้นอกจากเราสองคนแล้วยังมีลูกหมาอีกตัวติดมาด้วย

และลูกหมาตัวนี้คงจะเป็นเชือกเส้นหนา...ที่จะมัดผมกับโซโล่เอาไว้ด้วยกันให้แน่นกว่าเดิม

-------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 20:17:42 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #725 เมื่อ07-03-2017 21:47:02 »

อื้อหือออ ใช้ความรวยให้เป็นประโยชน์เนอะเจ้าหมาเนอะ

ทำดีๆ ยกกีต้าร์ให้ไปนอนกอดเลยอ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #726 เมื่อ07-03-2017 21:54:26 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #727 เมื่อ07-03-2017 22:07:05 »

คิดไม่ผิดว่าโซต้องรับน้องมูนไปอยู่ด้วยย ชอบน้องมูนนน เด็กแก้มพองตั้ลล้ากกก

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #728 เมื่อ07-03-2017 22:08:06 »

ดีแล้วครับ ที่ใช้ความรวยให้เกิดประโยชน์กับทุกๆ คน จะได้มีที่ทำกิน หารายได้กัน

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #729 เมื่อ07-03-2017 22:53:11 »

ไม่ทันไรกีล์มีลูกโต 6 ขวบซะละ
เหมือนครอบครัว น่ารักกก  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
« ตอบ #729 เมื่อ: 07-03-2017 22:53:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #730 เมื่อ07-03-2017 23:34:18 »

เป็นพระเอกหล่อรวยที่มีหัวคิด o13
แล้วต่อไปก็จะมีพ่อหมา ลูกหมา และแม่หมาสินะ
น่ารักอ่ะ
ปล.ข้ามเรื่องพ่อไปก่อน อิอิ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #731 เมื่อ08-03-2017 00:14:25 »

น้องมูล น่าร้ากกกก!!

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #732 เมื่อ08-03-2017 00:27:52 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #733 เมื่อ08-03-2017 07:41:41 »

ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

ออฟไลน์ Nattharikan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #734 เมื่อ08-03-2017 09:27:43 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
โซก็มีมุมหล่อเท่เหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่โหมดมึนอ้อนพี่กีล์อย่างเดียว 5555
เด็กพระจันทร์ดูเขาเรียกชื่อดิ พ่อคนซึน อยู่ด้วยกันแล่วน่ารักมากกก
 :katai1: แอบหมั่นไส้พ่อพระเอกหล่อรวย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #735 เมื่อ08-03-2017 10:12:33 »

 o13

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #736 เมื่อ08-03-2017 11:17:44 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ ตัวไหมอ้วนกลม

  • สาว Y ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นแล้วรักษาไม่หายนะคะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #737 เมื่อ08-03-2017 16:41:41 »

ครอบครัวเล็ก ๆ น่ารักจัง  โซโล่*กีล์*น้องมูน  :mew1:  :mew1:  :mew1:

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #738 เมื่อ09-03-2017 06:07:05 »

 :pig4: :L1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #739 เมื่อ09-03-2017 14:43:11 »

 :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
« ตอบ #739 เมื่อ: 09-03-2017 14:43:11 »





ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #740 เมื่อ10-03-2017 13:14:20 »

น้องมูนน่าร๊าาาาากกกกกกกกกก  :mew1:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #741 เมื่อ11-03-2017 17:43:26 »

-36-

 

ผมตื่นไวกว่าปกตินิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ นอกจากจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่แล้ว วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของปีด้วย

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น...วันนี้เป็นวันเกิดของหมาตัวโตที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

ผมขยับตัวลุกออกจากที่นอนอย่างเงียบเชียบ พยายามอย่างยิ่งไม่ให้โซโล่รู้ตัว เพราะรู้ดียิ่งกว่าใครว่าเจ้าหมานี่ความรู้สึกไวขนาดไหน โชคดีที่เมื่อวานเราคุยงานกับชาวบ้านจนดึกเขาถึงได้เพลียกว่าปกติ

ปกติคนที่นี่ตื่นเช้ามาก แค่เดินออกมาด้านนอกเข้าไปทางหมู่บ้านก็จะได้ยินเสียงคนทำนั่นทำนี่ แต่วันนี้กลับเงียบกริบ เหมือนกับยังไม่มีใครตื่นทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมเดินไปที่บ้านป้าจิตซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

"เวลาถึงวันปีใหม่คนในเมืองเขาทำอะไรกันเหรอยาย"

"เขาไปฉลองกัน..."

ผมยืนฟังเสียงพูดคุยอยู่นาน ได้ยินเสียงเด็กๆหลายคนถามคำถามป้าจิตกันไม่หยุด แอบมองเข้าไปก็เห็นว่าเด็กๆกำลังนั่งล้อมวงช่วยกันทำอะไรสักอย่างอยู่

"ทำอะไรกันครับ"ผมโผล่หน้าเข้าไปมองแต่ไม่ได้เดินเข้าไป เด็กๆหันมาทักทายกันเป็นแถวก่อนจะตั้งหน้าตั้งหน้าขยับมือกันต่อ ที่แท้ก็กำลังช่วยกันคัดแยกผักอยู่

"ครูอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ"ป้าจิตหันมายิ้มใจดีให้ผมแล้วชี้ไปที่บรรดาวัตถุดิบทำอาหารที่แลดูเยอะกว่าทุกวัน

"ไม่หรอกครับ ตามสะดวกเลยดีกว่า ป้ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"

"ไม่มีหรอกจ้ะครู แค่พวกเด็กๆพวกนี้ก็พอแล้ว มีกับข้าวอีกหลายอย่างที่บ้านอื่นช่วยกันทำอยู่ ครูไปเดินเล่นก่อนก็ได้จ้ะ"

ผมพยักหน้า โบกมือลาเด็กๆแล้วเดินออกมา ป้าจิตบอกว่าพวกเขาจะมีวันหยุดกันปีละครั้งก็คือวันปีใหม่ และปกติก็จะจัดเลี้ยงกันตอนวันที่สามสิบเอ็ด ถึงจะบอกว่าจัดเลี้ยงแต่จริงๆก็เป็นแค่การเอากับข้าวมาแบ่งทานพร้อมกันเฉยๆ

พวกชาวบ้านบอกผมกับโซโล่เมื่อวานว่าถ้าเรียบร้อยแล้วจะมาปลุกให้ไปทานด้วยกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตื่นแต่เช้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากมาช่วย และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ...

ผมมีเรื่องที่ต้องทำ...ถ้าไม่ใช่ตอนเช้าก็คงปลีกตัวมาจากเจ้าหมาไม่ได้แน่ๆ

ที่ที่ผมเคยมานั่งดูพระจันทร์กับโซโล่แล้วก็น้องมูนคือจุดหมาย ที่ตรงนั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่แยกตัวออกจากต้นไม้ต้นอื่นๆ ผมหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ตั้งแต่อยู่กรุงเทพออกมาจากกระเป๋าสะพาย ร้อยกระดาษทุกใบเข้ากับเชือกที่เตรียมไว้ เอาไปมัดห้อยไว้ตามจุดต่างๆของต้นไม้

มันก็ไม่ใช่อะไรที่ลำบากหรือพิเศษนัก แต่ผมก็หวังว่าเขาจะดีใจ

หลังจากยืนยิ้มกับผลงานอยู่สักพักผมก็หันหลังเดินกลับมา ป้าจิตบอกว่าวันนี้ทุกคนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันยันเที่ยงคืน แล้วปกติทางนี้ก็ไม่ค่อยมีใครมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะมีใครเดินผ่านมาเจอสิ่งที่ผมเตรียมไว้

วันนี้อากาศดีมากเป็นพิเศษ อาจเพราะผมเริ่มชินกับอากาศแบบนี้แล้วเลยมองว่ามันสบายแทนที่จะหนาวเหมือนวันก่อนๆ หรือคงเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษอะไรๆมันถึงได้ดีไปหมดก็ไม่รู้

ยืนขำกับความคิดตัวเองได้สักพักผมก็เดินกลับไปทางหมู่บ้าน

"เจอไหม!"

"ไม่เจอเลยยาย!"

ผมมองสถานการณ์ในหมู่บ้านด้วยความประหลาดใจ ผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงเด็กๆกำลังวิ่งวุ่นกันไปหมด แถมยังตะโกนเสียงดังกันไม่หยุด จับใจความแล้วเหมือนจะมีแค่สองประโยคคือเจอไหมกับไม่เจอวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

ผมคว้าแขนน้องเสาที่กำลังจะวิ่งผ่านหน้าไปเอาไว้ น้องหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดรัวๆด้วยความกังวล

"อย่าขวางสิ หาครูยิ้มอยู่!"

ผมกระพริบตาปริบๆมองน้องที่วิ่งไปอีกทางด้วยสายตางงๆ ครูยิ้มที่ว่านั่นมันผมไม่ใช่เหรอ

"กีตาร์!"เสียงตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจดังมาไกลๆ ผมกำลังจะหันไปขานแต่ก็พบว่าคนเรียกกำลังหันซ้ายหันขวาอยู่อีกทาง ดูเหมือนจะยังไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ แต่กำลังตะโกนเพื่อตามหาอยู่

ผมเดินเข้าไปหาโซโล่ที่กำลังดูตื่นตระหนก เหมือนคนอื่นๆจะเริ่มเห็นแล้วถึงได้หยุดวิ่งวุ่นวายแล้วหันมามอง แต่คนที่กำลังร้อนรนที่สุดกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

"โซ..."ผมวางมือลงบนบ่ากว้างของคนที่หันหลังอยู่ วินาทีที่เขาหันมาผมรู้สึกเหมือนกำลังมองหมาฮัสกี้ตัวน้อยๆที่ตัวสั่นเทาเพราะความกลัว "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

ผมยื่นมือไปหา จะแตะใบหน้าของคนที่ยืนนิ่งให้รู้สึกตัว แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นทั้งร่างก็ถูกกระชากเข้าไปกอดไว้แน่น

"หายไปไหนมา"เสียงกระซิบของคนที่กอดผมไว้สั่นเทาจนรู้สึกได้ "ผมคิดว่าใครมาแยกกีตาร์ไปจากผม"

ถึงใครที่เขาว่าอาจจะหมายถึงใครก็ได้ แต่ผมเข้าใจดีว่าโซโล่หมายถึงใคร

"พี่ไปเดินเล่นมาครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอก"ผมยกมือกอดตอบด้วยความรู้สึกผิด โซโล่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เขากอดผมนิ่งๆอยู่พักหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะผละตัวออก

"อย่าหายไปโดยไม่บอกใครแบบนี้อีก"โซโล่พูดเสียงดุ แถมด้วยการหยิกแก้มผมเบาๆเหมือนจะเอาคืนที่ทำให้เป็นห่วงอีกที

"ครับผม"ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรีบหันไปขอโทษพวกชาวบ้านที่ทำให้วุ่นวาย พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหัวเราะคิกคักก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปที่บ้านตัวเอง

เหลือแต่ผมกับหมาหนึ่งตัว...

"โกรธเหรอ"ผมสะกิดแขนคนที่กลับมาดูนิ่งเหมือนปกติ…หรืออาจจะนิ่งกว่าปกตินิดหน่อย เอาเป็นว่าขนาดน้องมูนที่ทำท่าจะเดินมาหายังเลือกเดินหนีกลับบ้านไปกับป้าจิตแทนที่จะเดินมาเกาะแกะแล้วกัน

"เปล่า"

เปล่า...แต่เสียงนี่ไปแล้วเรียบร้อย มีความประชดและสะบัดแรงมาก

"ขอโทษครับ"ผมง้อด้วยการส่งยิ้มไปให้เหมือนที่เคยได้ผลมาทุกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้...

"ไม่ได้โกรธ...แต่เป็นห่วง"

ย่อมได้ผลเหมือนเดิม

ยืนยันได้จากคำพูดกับแขนอุ่นๆที่เอื้อมมากอดไหล่ผมไว้

เราเดินไปรวมกับคนอื่นๆที่กำลังถือของขึ้นไปที่ห้องเรียนซึ่งเป็นจุดรวมคนของวันนี้ จริงๆนอกจากอาหารมากมายหลากหลายจากทุกครอบครัวที่จะเอามาแบ่งกันแล้วก็ไม่มีอะไรอีก

บนห้องเรียนมีพวกผู้ชายยืนรออยู่ก่อนแล้ว ผมกับโซโล่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้พวกชาวบ้านกับเด็กๆกำลังยืนเรียงกันแล้วส่งยิ้มมาให้

"นี่มันอะไรกันครับ"ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาที่บังทางเข้าห้องเรียนไว้

"พรุ่งนี้ครูก็จะกลับแล้วใช่ไหมครับ"ลุงมั่นเดินออกมาด้านหน้า ส่งยิ้มมาให้

"ครับ"

"พวกเราไม่รู้ว่าจะตอบแทนครูยังไงดี...ก็เลยทำให้ได้แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้"

พวกเขาเปิดทางออก ปล่อยให้ผมกับโซโล่เดินเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่สะดุดตาคือสภาพของห้องเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป โต๊ะไม้ของเด็กๆถูกเอาไปวางต่อกันเป็นโต๊ะใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง ห้องเรียนที่ไม่มีแม้แต่ผนังตอนนี้มีแผ่นไม้วางตั้งไว้รอบๆ บนนั้นมีภาพวาดความฝันของเด็กๆแปะเอาไว้จนทั่ว พื้นห้องที่เคยว่างเปล่าตอนนี้มีต้นไม้เล็กๆประดับอยู่จนดูสบายตากว่าทุกที บนกระดานที่เคยวางเปล่าเพราะผมจะทำความสะอาดทุกครั้งหลังเลิกเรียนถูกขีดเขียนด้วยลายมือหยึกหยักมากมายหลายสิบลายมือ

'ขอบคุณ'

'ผมรักครู'

'มาอีกนะครับ'

'ความฝันของผมอยู่ที่นี่'

ผมยืนยิ้มอ่านข้อความบนกระดานอยู่นาน มารู้ตัวก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาจากทางด้านหลัง

"ทุกคนคิดว่าอยากจะอยู่ช่วยที่นี่มากกว่าจ้ะครู"ป้าจิตเดินมายืนข้างๆผม จ้องมองกระดานด้วยรอยยิ้ม "เจ้ามูนมันยังเด็ก มันยังฝันได้อีกไกล ป้าเองก็อยากให้มันมีอนาคตที่ดี ฝากครูด้วยนะจ๊ะ"

"ครับ"ผมรับคำด้วยความหนักแน่น อยากให้ป้าจิตสบายใจว่าผมจะดูแลน้องเป็นอย่างดี

ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆแต่ท่านก็เลี้ยงน้องมาตั้งหลายปี ความห่วงใยย่อมไม่ต่างจากคนในครอบครัว ถ้าน้องมูนโตกว่านี้อีกนิดก็คงตัดสินใจเหมือนคนอื่น แต่เพราะน้องยังเด็ก และป้าจิตก็หวังดีกับน้องถึงได้ยอมให้น้องมากับผม มันคงเป็นความรักในแบบของท่าน

"ถ้าพร้อมแล้วผมจะให้คนมารับเด็กนั่น"โซโล่หันมาพูดกับป้าจิต หลังจากยืนนิ่งมองกระดานอยู่นานไม่ต่างจากผม "ขอเวลาให้ผมจัดการเรื่องที่นั่นให้พร้อมก่อน"

ป้าจิตพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทุกคนนั่งลง กับข้าวที่ทำไว้ถูกวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ

"ทานเยอะๆนะจ๊ะครู"

"กลับไปไม่มีอาหารแบบนี้แล้วนะ"

ผมหัวเราะกับคำพูดของพวกเขา เราเริ่มทานข้าวกันไปพูดคุยกันไป หลักๆหนีไม่พ้นการตอบคำถามเรื่องวันปีใหม่ของเด็กๆที่ช่างสงสัยเสียเหลือเกิน ผมทานทุกอย่างจนรู้สึกแน่น ท่าทางโซโล่เองก็แน่นไม่แพ้กันถึงได้ทำหน้าเบ้ขนาดนั้น

ผมใช้เวลากับพวกชาวบ้านตั้งแต่เช้ายันค่ำ พอถึงเวลาทานข้าวกลางวันหรือข้าวเย็นก็กลับหมู่บ้านไปช่วยทำอาหารแล้วก็มานั่งทานด้วยกัน บรรยากาศทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุขจนรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน พอถึงเวลาที่ฟ้ามืดทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันกลับ เพราะลำพังแสงจากตะเกียงคงไม่เพียงพอ ไหนจะแมลงอะไรอีก

ผมลาชาวบ้านและเด็กหลายๆคนที่เดินมากอด พวกเขาคงรู้ว่าผมจะกลับแต่เช้า บางทีอาจจะไม่ได้เจอกันพรุ่งนี้แล้วถึงได้ทำแบบนี้ ซึ่งมันก็ถูก...ผมคุยกับโซโล่ว่าเราจะลาทุกคนกันที่นี่แล้วจะออกเดินทางกลับพรุ่งนี้เช้าเงียบๆ ผมไม่ชอบการจากลา และไม่อยากเห็นช่วงเวลาแบบนั้นเท่าไหร่ ผมอาจทนได้เพราะโตแล้ว แต่กับเด็กๆพวกนี้ถ้าผมเห็นพวกเขาร้องไห้ตอนจะไป ผมคงทำใจเดินหันหลังไปไม่ลง

"น้องมูนต้องเป็นเด็กดีนะครับ"ผมลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายโดยมีน้องจายืนรออยู่ไม่ไกล น้องมูนเม้มปากกลั้นน้ำตา พยักหน้าหงึกหงักแล้วกอดพี่จันทร์แน่น "ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพี่จะมารับ ระหว่างนี้ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เข้าใจไหมครับ"

"ครับ"น้องว่าแล้วกอดผมแน่น หลังจากกระพริบตากลั้นน้ำตาอยู่หลายทีก็เดินไปกอดโซโล่โดยไม่พูดอะไร รายนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากลูบหัวน้องเบาๆแล้วผละออก

น้องมูนเดินกลับไปพร้อมกับน้องจาแล้ว ตอนนี้ที่นี่จึงเหลือเพียงผมกับโซโล่ที่ยังยืนอยู่ ตะเกียงที่เขาถือไว้เป็นเพียงแสงสว่างเดียวที่เหลืออยู่ของเรา

"เราก็กลับกันเถอะ"โซโล่เดินมาจับมือผม ทำท่าจะพาเดินกลับบ้าน แต่ผมรั้งมือเขาไว้ก่อน

"ไปเดินเล่นกันครับ"

“เดินเล่น?”

“ครับ เดินเล่นแถวนี้นี่ล่ะ…ไปนะ”ผมยืนนิ่งรอฟังคำตอบจากคนที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจ พอเห็นผมยังไม่ขยับเขาก็พยักหน้าเป็นอันตกลง

ผมพาโซโล่เดินตัดมาอีกทางเพื่อให้ไปถึงที่ที่เป็นจุดหมายไวขึ้น เจ้าหมานี่ก็เดินตามแรงจูงมาโดยไม่ถามอะไรสักคำ นี่ถ้าผมจะพาไปหมกป่าก็คงทำได้ง่ายๆ

"โซถือตะเกียงไว้นะครับ"ผมปล่อยมือออกจากมือเจ้าหมาที่ลากมาตลอดทาง ก่อนจะเดินไปอยู่ด้านหลังแล้วยกมือปิดตาเขาไว้

"กีตาร์?"

"เดินตรงไปเลยครับ"

คนโดนปิดตาที่ควรจะสงสัยไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เดินตรงไปเรื่อยๆตามที่ผมบอก ดีที่พื้นตรงนี้เป็นบริเวณพื้นที่ราบเลยไม่มีอะไรให้สะดุด ต้นไม้ที่ดูแปลกตากว่าต้นอื่นๆอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จวบจนเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นไม้แล้วผมก็ปล่อยมือออกช้าๆ

ผมไม่แน่ใจว่าโซโล่ทำหน้าแบบไหนอยู่เพราะตัวเองยืนอยู่ด้านหลัง แต่เขายิ่งนิ่งอยู่นานมากจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

ต้นไม้ที่ไม่ได้ใหญ่นักมีเชือกเส้นยาวพันอยู่จากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่งและพันไปทั่วลำต้น ตามเส้นเชือกมีภาพถ่ายที่ผมแอบถ่ายโซโล่เอาไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแขวนอยู่ เป็นภาพที่ผมส่งให้ไอ้โนว์ช่วยจัดการให้และพกติดตัวไว้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่ ตอนที่มันเห็นนี่ผมโดนล้อจนแทบมุดดิน ดีที่ตอนไปเอามีซันคอยช่วยห้ามผมถึงไม่โดนแซวจนเละมาก

"โซ..."ผมเรียกเบาๆ ขยับไปยืนข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อตะเกียงที่เขาถือไว้ก็ถูกปล่อยลงพื้นจนกลิ้งไปไกล รอบกายของเรามีเพียงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวล้อมรอบ

ผมสบตากับเจ้าของดวงตาเป็นประกายตรงหน้า กำลังคิดจะถามว่าทำไมถึงปล่อยตะเกียงลงพื้น แต่ยังไม่ทันได้ถามผมก็ได้คำตอบ...เมื่อหมาตัวโตขยับตัวมากอดผมไว้

"ขอบคุณครับ"

ไม่ได้แน่น...แต่กลับมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหน

"สุขสันต์วันเกิดครับ"ผมยกมือกอดตอบ รู้สึกอบอุ่นใจจนอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ

อยากขอโทษที่ทำให้ได้แค่นี้ แต่เชื่อว่าถ้าพูดไปคงโดยปฏิเสธกลับมา

โซโล่ผละออกไปจับมือผมไว้แทน เขาเดินไปใกล้ๆต้นไม้ มองดูรูปตัวเองในอิริยาบถต่างๆด้วยรอยยิ้มกว้าง

"แอบถ่ายตอนไหนเนี่ย"

"ตอนไหนโซเผลอพี่ก็ถ่ายครับ"โดยเฉพาะเวลานอนนี่น่าจะเป็นร้อยรูป

“หึหึ”

“เอาไว้ไปแปะในห้องโซไง”

“อืม…รูปกีตาร์ก็ด้วย”

“อะไรนะครับ”

“เปล่า”

ผมขมวดคิ้วเพราะได้ยินไม่ชัด พอจะถามว่าพูดอะไรอีกคนก็หันหน้าหนีไปดูรูปตัวเองอย่างสบายใจ ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ถามอะไรอีก สุดท้ายก็ได้แต่ยอมปล่อยไปเพราะคงไม่ได้คำถามอยู่ดี

หลังจากยืนดูรูปอยู่นานเราก็เปลี่ยนมานั่งคุยกันแทน ผมมองออกไปทางท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวประดับประดาอยู่มากมาย อยากซึมซับบรรยากาศอันหาได้ยากเหล่านี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำแสนสำคัญที่มีต่อแม่ใหญ่และคนที่นี่

ตอนแรกผมคิดว่าผมคงทำตามความฝันอันยิ่งใหญ่ของแม่ใหญ่ให้สำเร็จไม่ได้ แต่มาตอนนี้ผมรู้แล้ว...ท่านคงไม่ได้อยากให้ผมสร้างหรือทำอะไรให้คนที่นี่ ท่านเพียงแค่อยากให้คนที่นี่พึ่งพาตัวเองได้เมื่อไม่มีคนชี้นำ

และอยากให้ของขวัญกับผม...ให้ผมได้มาเรียนรู้ ได้ดูการมีความสุขในอีกมุมมองที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเลย

มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริงๆ

"ตั้งแต่จำความได้ ผมก็มีแค่แม่ที่สำคัญที่สุด..."

ผมหยุดคิดเรื่องในหัว หันไปมองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ โซโล่หันมายิ้มน้อยๆแล้วทอดสายตากลับไปมองฟ้า

เขาไม่เคยพูดเรื่องคุณแม่ให้ผมฟังเลยสักครั้งและผมก็ไม่เคยคิดถาม เพราะเขาจะดูเจ็บปวดทุกครั้งที่พูดถึง

"แม่ผมทำงานเป็นนักดนตรีในผับที่ตัวเองเป็นเจ้าของ แม่เป็นผู้หญิงสวย มีเสน่ห์ ทำอาหารอร่อย ถึงจะไม่ได้รวยมากแต่ก็พอมีฐานะ แม่บอกว่าทุกสิ่งในชีวิตของแม่มันสมบูรณ์แบบไปหมด สิ่งเดียวที่แม่ไม่มีคือคนรัก..."น้ำเสียงที่ดูมีความสุขของเขาทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย แต่ไม่นานนักมันก็กลายเป็นเสียงที่นิ่งขึ้นเรื่อยๆ "ความผิดพลาดเดียวในชีวิตของแม่...คงเป็นการที่แม่รักพ่อ"

ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิมแล้วจับมือเขาไว้

"แม่แก่กว่าพ่อหลายปี ตอนที่แม่ตั้งท้องผม…ตอนนั้นพ่อก็อายุแค่18 ต่อให้แม่ไม่ยอมเล่ารายละเอียด ผมก็รู้ดีว่าพ่อไม่ได้รักแม่สักนิด ทุกอย่างมันคือความผิดพลาด"โซโล่พูดเสียงแข็ง ใบหน้านิ่งดูน่ากลัวกว่าปกติจนผมต้องลูบมือเขาเบาๆให้ใจเย็นลง "จำที่ผมบอกว่ามีสองเหตุผลที่ยังไม่อยากให้เราคบกันแค่เพราะคำว่าชอบได้ไหม..."

ผมพยักหน้า จำได้ว่าตอนนั้นเขาบอกว่าเหตุผลแรกคืออยากให้โอกาสถ้าผมต้องการจะเดินหนีไป ส่วนอีกเหตุผลคือเรื่องของแม่

"อีกเหตุผลก็เพราะพ่อผมคบกับแม่ทั้งที่ไม่ได้รัก เขาก็แค่ถูกใจแม่ เลือกแม่แค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่มันเลยเถิดก็แค่เพราะแม่ท้องผมก็เท่านั้น…ตอนนั้นคนใช้ปากเปราะที่เอามาพูดให้ผมฟังโดนแม่ไล่ออกแทบจะทันทีเลย”โซโล่แค่นเสียงเหมือนจะเย้ยหยันตัวเอง “ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น…ผมกลัวว่าถ้ากีตาร์ไม่จริงจัง สุดท้ายจะมีแค่ผมที่เสียใจ"

"พี่ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นนะครับ"ผมรีบบอกคนที่กำลังทำหน้าเศร้า

"ครับ...รู้แล้ว"โซโล่พยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ

“รู้แล้วแน่นะ”

“แน่…”

“ดีมาก”ผมให้รางวัลโดยการยกมือลูบหัวหมาหน้านิ่งเบาๆ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มพูดต่อ

"ผมอยู่กับแม่สองคนก็มีความสุขดี แม่สอนผมเล่นกีตาร์ สอนให้ทำทุกอย่าง ตอนเจย์เข้ามาก็ยิ่งมีความสุขเพราะรู้สึกเหมือนมีเพื่อน มีพี่ชายเพิ่มเข้ามาอีกคน แต่แล้ววันหนึ่งแม่ก็เข้าโรงพยาบาล ท่านประสบอุบัติเหตุต้องนอนอยู่ในนั้นหลายเดือน ผมไปหาแม่ทุกวัน ไม่เคยหมดหวัง ตลอดเวลาที่แม่เข้าโรงพยาบาลผมไม่เคยเจอพ่อเลยสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปผมก็เจอพ่อยืนอยู่ข้างๆแม่ ประโยคแรกที่ผมได้ยินแม่พูด...คือการขอให้ผมได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองต้องการ"

"โซ ถ้าไม่อยากเล่า…"ผมเรียกเขาเบาๆ เขย่ามือให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้ โซโล่ส่ายหน้า เหม่อมองไปที่ท้องฟ้าแล้วพูดต่อ

"ผมไปเรียนทุกวันเพราะแม่ขอไว้ แต่แล้วตอนที่ต้องไปเข้าค่ายแม่ก็จากไป ไม่มีใครบอกความจริงกับผมสักคน ทั้งแม่บ้าน คนสวน ทุกๆคนเอาแต่โกหกบอกว่าแม่หลับอยู่ แม้แต่ตอนที่ผมกลับไปแล้วพวกเขายังโกหกอยู่เลย ตอนที่ผมรู้ความจริง มันเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงไปตรงหน้า"

เหมือนกับตอนที่แม่ใหญ่จากไป...นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้ผมโกหกน้องมูน

"ผมเองก็เคยเจอกับการจากลาที่แสนเจ็บปวดมาแล้วเหมือนกัน ผมเคยเคว้งคว้าง เคยรู้สึกแบบที่กีตาร์รู้สึก ที่ผมเล่าก็เพราะอยากให้รู้ว่าผมเข้าใจ แล้วก็อยากให้กีตาร์รู้ทุกเรื่องของผม"

"..."

"ผมก็แค่เด็กเกเรมีปัญหาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตไปวันๆไม่มีจุดหมาย ไม่มีความสุข...จนได้มาเจอกีตาร์"โซโล่หันมาสบตา แล้วยกมือเกลี่ยแก้มผมเบาๆ "ผมเคยบอกว่ากีตาร์คือความสุขของผม แต่ไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกกีตาร์ว่ากีตาร์ เหตุผลที่ผมเรียกแบบนี้ก็เพราะกีตาร์เป็นสิ่งเดียวที่พอจะทำให้ผมยิ้มได้อยู่ เป็นความสุขอย่างเดียวที่แม่เหลือไว้ให้"

นี่ก็คือ…คำตอบของคำถามที่ผมสงสัยมาตลอด ที่เรียกผมว่ากีตาร์ เป็นเพราะผมคือความสุขของเขา เป็นเหมือนกับกีตาร์ของเขา

"อีกเหตุผลคือผมไม่อยากเหมือนใคร"เจ้าหมายักไหล่ท่าทางน่าตีจนเกือบหมดความซึ้ง ผมหัวเราะเสียงดัง โซโล่เองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

"แม่ผมชอบกีตาร์มาก"โซโล่พูดช้าๆตอนที่เสียงหัวเราะของเราเงียบลง

"แม่ลูกเหมือนกันเลยนะครับ"

"ไม่เหมือนหรอก"

"หืม"ผมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ กำลังจะถามต่อ แต่ก็ต้องหยุดคำพูดไปเมื่อโซโล่ขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม

"ผมไม่ได้ชอบกีตาร์เหมือนแม่"

"..."

"แต่ผมรักกีตาร์"

"!!!"

"ไม่ว่าจะตอนยิ้ม ตอนโกรธ ตอนหน้ามุ่ย ตอนเสียใจ จะตอนไหนๆ...ก็รัก"

"..."
.
.
.
[มีต่อด้านล่าง]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 15:34:29 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
«ตอบ #742 เมื่อ11-03-2017 17:44:52 »

"กีตาร์?"

"..."

"กีตาร์...สติไปไหนแล้ว"คำพูดเจือเสียงหัวเราะกับมือที่ยื่นมาบีบแก้มเบาๆทำให้ผมรู้สึกตัว

คือได้ยินนะแต่เรียบเรียงคำพูดออกมาเป็นคำไม่ได้ ง่ายๆเลยคือผมพูดไม่ออก พอรู้สึกตัว…ทีนี้หัวใจที่เมื่อครู่เหมือนจะหยุดเต้นไปเลยกลับมาเต้นระรัวเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน

"สติหายจริงๆสินะ"คนอารมณ์ดีหัวเราะแล้วแซวไม่หยุด ผมรีบเอามือกุมอกตัวเองไว้แล้วหันหน้าหนีด้วยความหมั่นไส้

ขี้โกงจริงๆ...ทั้งที่ผมเตรียมการมาก่อนแท้ๆ

โซโล่ไม่ได้พูดอะไรให้ผมเขินไปมากกว่านั้น เราหันกลับไปมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

ผมมีเรื่องที่อยากบอกเขามากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนดี

'ผมรักกีตาร์'

เป็นคำที่มีอิทธิพลมากจริงๆ แค่คิดก็เหมือนสมองว่างเปล่าไปหมด

"ไม่รู้ว่าจะขึ้นปีใหม่ไปหรือยัง"

ผมสะดุ้งไปทั้งตัวจนโซโล่ที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมาอีกรอบ มือใหญ่ๆนั่นลูบหัวผมเบาๆเหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลังเสียขวัญ

"น่าจะยังนะครับ ถ้าขึ้นปีใหม่แล้วเราน่าจะเห็นพลุบ้าง"ผมตอบตามความจริง พยายามไม่สนใจสายตาล้อเลียนของอีกคน

"เป็นวันปีใหม่และวันเกิดที่ผมมีความสุขมาก"โซโล่หยุดหัวเราะ เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มจริงจังมาให้แทน "เพราะผมมีกีตาร์"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้น รู้สึกหน้าร้อนขึ้นอีกสองเท่าจากที่ตอนแรกก็ร้อนมากอยู่แล้ว ต้องขอบคุณที่มันมืดเกินกว่าจะมองเห็น ไม่งั้นคงได้โดนแซวหนักกว่าเดิม

นี่ก็คงใกล้พ้นวันนี้ไปทุกทีแล้ว…น่าจะถึงเวลาสำหรับสิ่งที่ผมเตรียมไว้เสียที

"จริงๆ...พี่มีของขวัญอีกอย่างจะให้โซครับ"

"จริงเหรอ"โซโล่เบิกตาน้อยๆ ท่าทางคาดหวัง แต่ผมนี่รู้สึกเหมือนใจแป้วล่วงหน้าไปแล้วเรียบร้อย แต่ก่อนจะต้องทำอะไรน่าขายหน้า ผมมีสิ่งที่ต้องบอกเขาก่อน

สิ่งที่เก็บไว้ในใจมาหลายวัน

"ก่อนอื่นพี่อยากจะขอบคุณโซอีกครั้งสำหรับทุกอย่างที่โซทำให้..."คำพูดดูทางการไปนิดหรือเปล่านะ เอ่อ…น่าจะไม่นิดแล้ว เพราะตอนนี้คนฟังกำลังกลั้นขำสุดความสามารถ

"ไม่เป็นไร"

ผมสูดหายใจลึก ปัดความกังวลทุกอย่างทิ้งไปแล้วมองหน้าโซโล่ด้วยสายตาจริงจัง

"แม่ใหญ่เคยเป็นทุกอย่างของพี่ครับ...ทุกความฝัน ความหวัง อนาคต ทุกๆอย่างพี่ทำเพื่อท่านมาตลอด"

เป็นที่พักพิงอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณที่สำคัญที่สุดในชีวิต

"ตอนพี่เจอโซ ได้คบกัน ชอบกัน พี่คิดว่าตัวเองเจออีกสิ่งที่สำคัญ คิดว่าตอนนี้พี่มีสองสิ่งแล้วที่อยากปกป้อง อยากให้ความสำคัญ แต่แล้วแม่ใหญ่ก็จากไป...ความฝันทุกอย่างของพี่เหมือนจะพังทลาย พี่ฝืนเข้มแข็งเพราะตัวเองต้องเป็นหลักยึดให้คนอื่น…"

ไม่อยากร้องไห้ให้น้องๆเศร้าไปมากกว่าเดิม ไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วง

"แล้วโซก็มา...บอกว่าจะเป็นหลักให้พี่ ทำทุกอย่างให้พี่ยิ้มได้ ทำเพื่อพี่ เพื่อคนที่นี่ เพื่อแม่ใหญ่ ทำในสิ่งที่พี่ทำไม่ได้"ผมยิ้มอย่างมีความสุข ยื่นมือไปแตะแก้มที่เย็นจัดเพราะอากาศหนาวของเขาเบาๆ "ที่โซเคยถามความหมายของคำว่ารัก...พี่คิดว่าพี่ตอบได้แล้ว"

ที่ผมให้เก้าช่วยตอนแรก ก็แค่อยากให้วันเกิดของเขาพิเศษ อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะทุกสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนี้มันเต็มไปด้วยความหมายที่แฝงไว้ เป็นการร้องเพลงที่ผมเลือกจะเปลี่ยนเพลงในวินาทีสุดท้าย

"วันที่ไม่มีใคร
ในวันที่โลกมันเปลี่ยนจนฉันไม่เหลืออะไร
ในวันที่ดาวและดวงอาทิตย์ก็มืดลงไป
ไม่เหลือแม้แสงใดๆที่ส่องทาง"
ผมมองดวงตาเป็นประกายของคนที่กำลังฟังด้วยสายตาอ่อนโยน อยากให้เขารับรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไร

"ร้อนหรือหนาวเพียงใด
มีมือของเธอที่จับมือฉันให้ก้าวเดินไป
เพียงเธอผู้เดียวที่อยู่ข้างฉันไม่ทิ้งกันไป
จะทุกข์หรือท้อเพียงใดก็พร้อมอยู่เคียงข้างฉัน"

'ถ้าทนไม่ไหว ถ้ากีตาร์ต้องการ ขอแค่บอกมา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ผมจะไปกอดกีตาร์'

"จากหนึ่งหัวใจ รักของเธอช่วยต่อลมหายใจ
วันนี้แม้ต้องผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกล
จะไม่กลัวนับจากนี้
แค่หนึ่งหัวใจ ก็พอทดแทนทุกอย่างที่หายไป
เพียงแค่เธอยังอยู่ตรงนี้ที่ข้างๆใจ
จะอยู่เพื่อเธอ ด้วยทั้งหัวใจ"

อุปสรรคบนทางที่เราเลือกคงจะไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็กำลังจะมาถึง แต่ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ ตราบเท่าที่เรายังจับมือกันไว้แบบนี้

"ชีวิตไม่เคยแน่นอน
ไม่ใช่ทุกตอนที่เราจะยิ้มได้เหมือนดังใจ
แต่แม้เรื่องราวจะดีจะร้ายสักเท่าไร
ก็รู้ว่าจะมีใครที่พร้อมอยู่เคียงข้างฉัน"

ผมอาจต้องเสียใจแบบที่เขานึกกลัวในตอนแรก แต่ผมจะไม่มีทางเสียใจ...ที่เลือกอยู่ตรงนี้

"จากหนึ่งหัวใจ รักของเธอช่วยต่อลมหายใจ
วันนี้แม้ต้องผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกล
จะไม่กลัวนับจากนี้
แค่หนึ่งหัวใจ ก็พอทดแทนทุกอย่างที่หายไป
เพียงแค่เธอยังอยู่ตรงนี้ที่ข้างๆใจ
จะอยู่เพื่อเธอ ด้วยทั้งหัวใจ
จะตอบแทนเธอ หมดทั้งหัวใจ"

[หนึ่งหัวใจ : โดม จารุวัฒน์]

ผมส่งยิ้มแทนความรู้สึกทุกอย่างไปให้ แต่ไม่ได้เลือกที่จะให้เขาเข้าใจเอง เพราะในบางครั้ง…คำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำ

"ตอนที่โซเดินมาอยู่ข้างๆพี่ในเวลาที่ความฝันของพี่หายไป มันทำให้พี่รู้ว่าตัวเองยังมีอีกสิ่งหนึ่งเหลืออยู่"ผมกำมือเขาแน่นขึ้นเพื่อบอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร "ตอนนี้จะอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ความฝันจะหายไป อะไรจะหายไปก็ช่าง เพราะตอนนี้..."

"..."

"โซคือทุกอย่างของพี่"

"..."

"คือความฝัน ความหวัง คือทุกสิ่ง และมันรวมถึงความรักด้วย"

"ความรัก?"

ผมพยักหน้า ยกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกำลังไม่เข้าใจของเขา

"ครับ"

ความรักสำหรับผม...

"พี่รักโซ"

หมายถึงผู้ชายที่ชื่อโซโล่

"!!!"โซโล่เบิกตากว้าง ท่าทางตกใจและอึ้งยิ่งกว่าตอนโดนบอกว่าชอบเสียอีก

"สติครับสติ"ผมแกล้งแซวกลับ เหมือนเป็นการแก้แค้นที่เขาแซวผมตอนแรก แต่จริงๆที่ทำนี่เพราะเขินอยู่

โซโล่นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ยกมือเราที่กุมกันไว้แต่แรกขึ้นมา กดจูบเบาๆที่หลังมือผมแทนคำพูดทุกอย่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

ในดวงตาคู่นั้นมีความรู้สึกมากมายซ่อนอยู่...และผมเองก็คงมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน

เสียงพลุที่ดังมาจากที่ไกลๆทำให้ผมกับโซโล่ละสายตาออกจากกัน เราหันไปมองทางที่มีพลุถูกจุดขึ้นฟ้า ถึงจะไกลแต่ก็ยังพอมองเห็น มันทำให้ผมรู้ว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปจะเป็นเวลาของปีใหม่แล้ว

มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายในปีที่ผ่านมา ทั้งสุข เศร้า เสียใจ ร้องไห้ หัวเราะ ผมจะเก็บทุกเรื่องราวดีๆเอาไว้เป็นความทรงจำ และหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี

“สวัสดีปีใหม่กีตาร์”โซโล่กระชับมือที่เราจับกันไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม และผมเอง…ก็จับมือเขาเอาไว้แน่นเช่นเดียวกัน

เมื่อปีก่อนผมกับโซโล่จับมือกันไว้ และพากันก้าวข้ามผ่านสิ่งต่างๆมาได้มากมาย

และตอนนี้เรา…ก็ยังคงจับมือกันแน่นเหมือนปีที่ผ่านมา

"ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับโซ"

"ทุกปีเลยก็ได้"

----------------------------------------------

แถม

CC: เก้า เพลงที่พี่กีล์มาฝึกร้องกับแกเป็นอาทิตย์นี่เพลงไรอะ
เก้า: ร้องไปแล้วเหรอ
CC: ใช่แล้ว แต่เหมือนจะเปลี่ยนเพลงกะทันหันอะ
เก้า: อ่าวเหรอ ดีแล้ว...ตอนแรกผมก็ถามอยู่ว่าจะเอาเพลงนี้จริงดิ พี่แกบอกว่ายากกว่านี้คงไม่ไหว กลัวโดนขำแทนที่จะซึ้ง
CC: แล้วตอนแรกเพลงไรอ่ะ
เก้า: happy birthday
CC: ...แล้วเพลงนี้มันซึ้งตรงไหน...

---------------



 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 20:22:01 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #743 เมื่อ11-03-2017 18:55:44 »

เป็นการบอกรักที่ซึ้งมากค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #744 เมื่อ11-03-2017 19:06:08 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nattharikan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #745 เมื่อ11-03-2017 19:11:41 »

เกือบซึ้งไปกับการบอกรักของโซกับพี่กีล์แล้วนะ
นังเก้าแกมาเบรคอารมณ์ฉันด้วยการเฉลยว่าพี่กีล์ฝึกร้องเพลง  happy birthday เนี่ยนะ  :a5:

หมดกันความละมุน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #746 เมื่อ11-03-2017 20:58:15 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #747 เมื่อ11-03-2017 21:04:23 »

กำลังจะซึ้งแล้วพอมาอ่านพาร์ทนังเก้านี่แหละ สติฉันหายไปจริงจัง55555

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #748 เมื่อ11-03-2017 21:13:59 »

มดไต่โทรศัพท์เลย หว๊านนนนน หวานนนน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
«ตอบ #749 เมื่อ11-03-2017 22:38:20 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกก
บรรยากาศโคตรโรแมนติกอ่ะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด