#บทนางเอก ❤ บทที่ยี่สิบ..เปิดม่านการแสดง [The End] : อัพเดท : 12/05/2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #บทนางเอก ❤ บทที่ยี่สิบ..เปิดม่านการแสดง [The End] : อัพเดท : 12/05/2016  (อ่าน 16912 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ก่อนเปิดม่านครั้งที่สิบห้า
ไกลแค่ไหนคือใกล้


"พี่ปิดไฟนะ :)"
   
"อะ...อื้ม -_-"
   
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง… เมื่อผมนั่งอยู่ที่เตียงเพื่อเตรียมนอน ในขณะที่พี่กัปตันเองก็เพิ่งจะขอปิดไฟ แล้วเดินมานอนอีกฝั่งหนึ่งอย่างสบายใจเฉิบ ต่างจากผมที่รู้สึกเกร็งจนไม่กล้าล้มตัวลงนอน >_<
   
"อ้าว ทำไมไม่นอนล่ะ นั่งอยู่ทำไม?" พี่กัปตันถามด้วยความสงสัย คงเพราะเห็นว่าปิดไฟตั้งนานแล้ว ทำไมผมถึงยังไม่นอนอีก
   
ก็แหม นี่ผมกำลังจะล้มตัวลงนอนเตียงเดียวกับพี่กัปตันโดยไม่มีหมอนกอดคั่นเลยนะ ขอทำใจหน่อยดิ -^-!
   
"กำลังจะนอนนี่ไง"
   
แต่เพื่อความเนียน... ผมก็ค่อยๆ สอดตัวเข้าไปในใต้ผ้าห่ม แล้วล้มตัวลงนอนซะ ซึ่งตอนนี้พี่กัปตันกำลังนอนหันมาทางฝั่งผมอยู่ ผมเลยตัดสินใจหันมาอีกทางนึง เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ... หันหลังให้นี่มันจะเสี่ยงเปล่าวะ!??
   
แล้วผมกับพี่กัปตันเงียบกันไปสักพัก แต่ไม่นานนักคนตัวใหญ่ก็เริ่มชวนผมคุยจนได้ (._.)
   
"ฟาง หลับแล้วหรอ?"
   
"ยังหรอก แต่ก็ใกล้แล้วแหละ" ผมโกหก เพราะในความเป็นจริงคือผมคงจะหลับลงแน่ๆ จนกว่าพี่กัปตันจะหลับก่อนน่ะ
   
"อย่าเพิ่งนอนดิ หันมาคุยกันก่อน"
   
"ไม่เอา จะนอนแล้ว"
   
"น่านะ :)"
   
ผมสาบานได้เลยว่าตัวเองพยายามที่จะขัดขืนแล้วนะ แต่แค่พี่กัปตันออกแรงนิดเดียวก็สามารถทำให้ผมหันไปหาพี่เขาได้แล้ว แรงเยอะจริงๆ!
   
"แล้วจะคุยเรื่องอะไร?" ผมถาม เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืด และเห็นว่าพี่กัปตันเอาแต่ยิ้ม ไม่ยอมพูดอะไรสักที?
   
"อืม... เรื่องเพลงดีมะ?"
   
"เพลง?"
   
"ใช่ คุยเรื่องเพลงกัน :)"
   
"แล้วทำไมอยู่ๆ ต้องคุยเรื่องเพลงด้วย?"
   
ผมงงนะ ที่จู่ๆ พี่กัปตันก็เปิดประเด็นว่าต้องการให้ผมคุยกับพี่เขา ก่อนจะเสนอประเด็นเรื่อง 'เพลง' ขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไปซะอย่างงั้น =_=
   
"ไม่มีไรหรอก พี่แค่คิดว่าคุยเรื่องเพลงกันบ้างก็ดี เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เรายังไม่เคยคุยเรื่องเพลงกันเลย :)"
   
เอ?... นั่นสินะ แล้ว?
   
"แล้วจะคุยอะไรเกี่ยวกับเพลงอะ?"
   
"ก็อย่างเช่น... ฟางชอบเพลงแนวไหน มีศิลปินในดวงใจมั้ย อะไรแบบเนี้ย :)"
   
"อ๋อๆ งั้นผมตอบเลยนะ อืม... อันที่จริงผมก็ฟังได้หมดนะ ขอแค่ฟังแล้วรู้สึกเพราะก็ฟัง ไม่มีนักร้องคนโปรดเหมือนคนอื่นเขาหรอก แล้วพี่กัปตันอะ?" พอผมตอบเสร็จ ก็โยนคำถามกลับไปที่พี่กัปตันบ้าง เพราะชักอยากจะรู้แล้วว่าคนหน้าดุอย่างพี่เขาจะชอบฟังเพลงแนวไหน?
   
"พี่หรอ พี่ชอบฟังเพลงไทย แนวไหนก็ได้เลย ขอแค่ฟังแล้วเพราะก็ฟังหมด แต่พี่ก็มีศิลปินคนโปรดนะ :)"
   
"ใครอะ?"
   
"Bodyslam :)"
   
"โห~ นี่มันสายร็อคนี่นา ฮ่าๆๆๆ~" ผมหัวเราะชอบใจใหญ่ เพราะแอบคิดอยู่ในใจเหมือนกันว่าหน้าตาแบบพี่กัปตันต้องฟังแนวร็อคแน่ แล้วก็ดันเป็นร็อคจริงๆ ด้วย >O<
   
"ฮะฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว เอ้อ แล้วฟางชอบร้องเพลงปะ?"
   
"ไม่เลยพี่" ผมสายหน้าปฏิเสธอย่างแรง "เรื่องร้องเพลงนี่ผมไม่เอาไหนจริงๆ"
   
"จริงดิ ไหนลองร้องให้ฟังทีดิ๊ :)"
   
"จะบ้าหรอพี่! ก็บอกไปแล้วไงว่าร้องไม่ได้เรื่อง ยังจะให้ร้องอีก -^- ว่าแต่พี่ล่ะ ชอบร้องเพลงรึเปล่า?"
   
พี่กัปตันพยักหน้ารับ "ชอบสิ ชอบมากเลย ด้วย เห็นแบบนี้พี่ร้องเพลงเพราะมากเลยน้า :)"
   
"แน่ะ อย่ามาโม้ดีกว่า อย่างพี่เนี่ยนะร้องเพลงเพราะ จ้างให้ก็ไม่เชื่อ!"
   
ผมแกล้งทำเป็นสบประมาทพี่กัปตัน เพื่อหวังว่าพี่จะบ้าจี้ร้องเพลงให้ผมฟัง ก็แหม ผมอยากรู้นี่นาว่าหน้าตาแบบพี่กัปตันจะร้องเพลงได้เรื่องจริงรึเปล่า?
   
"งั้นพี่ร้องให้ฟังเอามะ?" นั่นไง พี่เขาบ้าจี้ตามผมจริงๆ ด้วย >O<
   
"เอาดิ แต่ถ้าฟังไม่ได้ผมปิดหูเลยนะ"
   
“โธ่ ไม่มีปิดหูแน่ :)
   
"งั้นจัดมาเลย"
   
พอผมพูดจบ พี่กัปตันก็แกล้งทำเสียงกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มร้องเพลงที่ผมเคยฟัง...
   
"พยายามจะทำวิธีต่างต่างให้เธอนั้นรักฉัน~"
   
O_O โห~ นี่มันเพลง 'ไกลแค่ไหนคือใกล้' ของวง 'Getsanova' นี่!? แค่ท่อนแรกมาก็เพราะแล้วอะ! เรียกว่าพี่กัปตันเขาร้องระดับมืออาชีพเลยนะ ทำเอาผมต้องปิดปากเงียบเพื่อตั้งใจฟังอย่างจริงจัง...
   
"..."
   
"พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ~"
   
"..."
   
"เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ~"
   
"..."
   
"ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้~"
   
"..."
   
"แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที~ แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป~ อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร~"
   
"..."
   
เดี๋ยวนะ...
   
"อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที~ อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที~ มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด~"
   
"..."
   
"บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความ~"
   
"..."
   
"..."
   
...ผมคิดว่าพี่กัปตันกำลังสื่อบางอย่างผ่านเพลงที่กำลังร้อง แต่ก็ยังไม่แน่ใจ จนกระทั่งจู่ๆ พี่กัปตันก็หยุดเงียบไป... แล้วจ้องตาผม!
   
…แสดงว่าเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ สินะ ที่พี่เขาเกริ่นมาซะยืดยาวก็เพื่อที่จะต้องการถามผมผ่านเพลงว่า 'อีกไกลแค่ไหน กว่าที่พี่เขาจะใกล้เข้าเส้นชัยในการจีบผมครั้งนี้' ซึ่งผมเอง... ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน จึงรีบพลิกตัวหันหลังให้ทันที!
   
แต่ทำไม... ทำไมหัวใจผมต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ...
   
"ฟาง..." พี่กัปตันเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ ก่อนจะค่อยๆ ดึงผมให้หันกลับไปหา... แล้วคว้าผมเข้าไปกอด!! "ขอกอดหน่อยนะ สัญญาว่าแค่กอดเท่านั้นจริงๆ"
   
"..."
   
...ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของพี่กัปตันจนหน้าแนบไปกับหน้าอกของพี่เขา... จริงๆ ก็อยากจะขัดขืนน่ะนะ แต่พอรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงมากจากอกด้านซ้ายของพี่กัปตัน... ผมก็รู้สึกว่าร่างกายมันยอมแพ้ไปหมดแล้ว...
   
...ไม่มีทางสู้พี่กัปตันได้เลย!

จบบทที่ 15

แฮมสเตอร์ : ขอบคุณที่อ่านนะครับ ถ้าหากชอบ หรืออยากพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์
ฝากรบกวน #บทนางเอก ด้วยนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2016 18:08:35 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

ก่อนเปิดม่านครั้งที่สิบหก
ถ่ายโปสเตอร์

วันต่อมา
   
วันนี้เป็นวันที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมจริงๆ นะ เพราะนอกจากจะเป็นวันศุกร์หรรษาแล้ว ยังเป็นวันถ่ายโปสเตอร์ละครอีกด้วย!!
   
เชื่อมั้ย ว่าผมแทบจะไม่มีกะจิตกะใจเรียนหนังสือเลย เพราะวันถ่ายโปสเตอร์เตอร์ละคร ก็ต้องหมายถึงวันที่ผมแปลงโฉมเป็นผู้หญิงครั้งแรกด้วย! นี่ผมคิดไปร้อยแปดเลยนะว่าสุดท้ายแล้วมันจะออกมารอดมั้ย? แล้วถ้าเกิดว่าตัวผมไม่สามารถแต่งออกมาให้เหมือนผู้หญิงได้อย่างที่หลายคนคิด ผมควรจะทำยังไงต่อไป? ไม่สิ พี่กัปตันน่ะจะทำยังไงต่อไป? … เห้ออออ~ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แล้วก็ไม่ได้คำตอบเสียที เพราะฉะนั้น ทันทีที่เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น ผมก็รีบมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อให้ฝ่ายเมคอัพละเลงหน้าให้ในทันที >O<
   
“สวัสดีค่ะน้องฟาง พี่ชื่อพี่อายนะคะ วันนี้จะรับหน้าที่เป็นคนแปลงโฉมให้น้องฟางเองค่ะ ^-^” หลังจากที่นั่งรอในห้องแต่งตัวอยู่สักพัก ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสวยคนนึงเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะแนะนำตัว แล้วจัดแจงให้ผมหมุนเก้าอี้กลับหลังหันให้กระจกซะ เพราะว่า… “ยังไงน้องฟางก็ช่วยหมุนเก้าอี้กลับหลังหันให้กระจกด้วยนะคะ เพราะพี่ตั้งใจว่าจะให้น้องฟางเห็นหลังจากที่พี่แต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วนะค่ะ”
   
อ๋อ~ ต้องการจะเซอร์ไพรส์นี่เอง >_<!!
   
“ได้ครับพี่” ผมรีบเปลี่ยนทิศทางเก้าอี้ตามที่พี่อายบอก ก่อนจะนั่งลงอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นที่เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ
   
“ไม่ต้องเกร็งนะคะ สบายๆ ดูจากโครงหน้าน้องฟางแล้ว พี่ว่าน่าจะใช้เวลาไม่มาก เติมโน่นนิด ฟาดนี่หน่อย เดี๋ยวก็สวยแล้วแหละจ้ะ”
   
พอฟังจบ ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้พี่อาย เพราะรู้สึกว่าคำว่า ‘สวย’ มันจะดูประหลาดไปหน่อยในความรู้สึกของผมตอนนี้ เหมือนแบบ… พี่เขาคิดว่าผมต้องการที่จะสวยอะไรแบบนั้นเลย ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นแค่เรื่องของงานเท่านั้น แต่ก็นะ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหากพี่อายเขาจะคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะคงจะมีผู้ชาย (แท้) ไม่กี่คนที่อยากจะมาแสดงเป็นผู้หญิงน่ะ =_=;;
   
ตอนแรกผมก็กำลังมองดูพี่อายจัดเตรียมอุปกรณ์อยู่เพลินๆ น่ะนะ แต่แล้วจู่ๆ พี่เขาก็หยิบเครื่องสำอางตัวแรกมาลงมือแต่งหน้าให้ผมอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว! ... ซึ่งในระหว่างที่แต่งหน้าไป พี่อายก็พยายามจะบอกชื่อและสรรพคุณบวกยี่ห้อของสิ่งต่างๆ ที่ใช้ให้ผมทราบ แต่ผมขอยอมรับความจริงเลยว่าผมจำไม่ได้ครับ แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจฟังเท่าไหร่ด้วย ได้แต่พยักหน้าตามไปอย่างงั้น T__T เพราะโดยปกติผมไม่ใช่คนแต่งหน้าอยู่แล้วไง เนื่องจากว่าเป็นคนที่ผิวหน้าปกติ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากมาย (สิวยังไม่มีเลย!) แค่ทาครีมบำรุง ทาแป้ง แล้วก็ทาลิปมันอีกนิดหน่อย ผมก็ออกจากบ้านได้แล้ว -..-
   
อีกอย่างที่ทำให้ผมสนใจฟังช่างแต่งหน้าน้อยลง ก็เพราะสังเกตว่าตอนนี้คนในห้องแต่งตัวเริ่มหันมาสนใจการแปลงโฉมของผมกันมากขึ้น บ้างก็ถึงขั้นลุกมายืนดูกันเลยทีเดียว เล่นเอาผมรู้สึกแปลกๆ แฮะ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตมาก่อนจริงๆ ไอ้การที่มีคนมายืนดูผมแต่งเนี่ย =_=;;
   
แต่ก็คงจะเป็นเรื่องปกติอีกนั่นแหละ ในเมื่อการเนรมิตชายให้เป็นหญิงนี่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่นะ ถ้าเกิดว่าผมเป็นคนอื่น ผมก็คงมายืนดูตัวเองแปลงโฉมเหมือนกันนั่นแหละ
   
ซึ่งพอหลังจากที่ได้ทำการละเลงหน้าอยู่เกือบยี่สิบนาที พี่อายก็ถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะยืนกอดอกมองหน้าผมด้วยใบหน้าปลื้มปริ่มระคนสุขใจ ราวกับว่าพี่เขากำลังได้เห็นผลงานชิ้นเอกของตัวเองอยู่ตรงหน้า
   
ผมรู้ได้ในทันทีว่าการแปลงโฉมครั้งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว >_< จึงตั้งท่าจะหันไปดูกระจก แต่ว่า...
"หยุดก่อนค่ะน้องฟาง ยังเหลืออีกหนึ่งอย่าง ... น้องแก้ม~ หยิบวิกผมเจ้าหญิงคางุยะให้พี่ที~" พี่อายกดผมให้นั่งลงตามเดิม ก่อนจะหันไปใช้งานรุ่นน้องในฝ่ายให้หยิบ 'อีกอย่างหนึ่ง' ที่ผมยังขาดไป
   
พอแก้ม (รุ่นเดียวกับผม) เอาวิกยาวมาให้ตามคำขอของพี่อายแล้ว พี่เขาก็จัดการติดวิกบนหัวผมแน่น ชนิดที่พี่อายคอนเฟิร์มมาว่าต่อให้กระโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน พอถึงพื้นวิกก็ยังคงจะไม่หลุดน่ะนะ ... =__=;;
   
อา... แล้วก็มาถึงเวลาสำคัญจนได้... ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่พี่อายอนุญาตให้ผมหันไปหากระจกได้ในที่สุด... เอาจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรตื่นเต้นที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองครั้งแรก และพอได้เห็น...
   
...มันก็ทำให้ผมตกใจ!!
   
O__O!! เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครอีกคนที่ผมทั้งรู้จักและไม่รู้จัก... ใบหน้าของ 'เธอ' ยังคงเป็นสีผิวธรรมชาติแบบที่ผมเคยมี แต่ส่วนอื่นๆ บนใบหน้าถูกแต่งแต้มให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะขนตาปลอมที่ทำเอาผมเกือบจำตัวเองไม่ได้!! แล้วไหนจะอายไลเนอร์ที่ทำให้คนตรงหน้าดูมีพลังอำนาจมากยิ่งขึ้น วิกผมตรงสวยยาวปิดก้น และริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มจนกลายเป็นสีชมพูเข้มนี่อีก นี่ผม... กลายเป็น 'เธอ' ไปแล้วจริงๆ สินะ!? งดงามทว่าแฝงไปด้วยพลังอำนาจแบบนี้มีแต่เธอเท่านั้นแหละ... เจ้าหญิงคางุยะ!
   
"เป็นไง สวยเหมือนผู้หญิงมั้ย?" พี่อายถาม น้ำเสียงเจือความตื่นเต้น หลังจากที่พี่เขาเห็นผมเงียบไปนาน
   
"ยอดเยี่ยมมากเลยครับพี่ ^-^" ผมชมด้วยความจริงใจ ก่อนที่พี่อายและผมจะพากันกระโดดโลดเต้นที่ในที่สุดผลงานการแปลงโฉมในครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จในที่สุด >_< แบบนี้ก็ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรให้ปวดหัวอีกแล้วสินะ ฮะฮ่า~!!
   
"เฮ้ย!!! นี่น้องฟางจริงๆ หรอเนี่ย!!?" และเพื่อเป็นการเช็ตเรตติ้งตามที่พี่อายบอก พี่เขาเลยจูงมือพาผมมาโชว์ให้นักแสดงชายคนอื่นๆ ได้ดู โดยเริ่มจากพี่ตะวันเป็นคนแรก
   
"ก็ใช่น่ะสิครับ" ผมยิ้มเขิน เมื่อพี่ตะวันยังคงตาโตมองผมไม่หยุดเสียที
   
"สวยมากเลย เนี่ยแหละเจ้าหญิงคางุยะตัวจริง เฮ้ยไอ้อาร์ท มาดูลูกสาวมึงเร็ว~"
   
พี่ตะวันหันไปเรียกพี่อาร์ทที่เพิ่งจะแต่งหน้าเป็นชายแก่ตัดไผ่เสร็จเมื่อกี้นี้เอง แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากพี่อาร์ทแล้ว เจ้าชายทั้งห้าพระองค์ก็เดินตามมารุมล้อมผมเอาไว้ด้วย เอ่อ... นี่มันคือการรุมดูของแปลกสินะ ฮ่าๆๆๆ~
   
"ไหนขอสามคำซิจ๊ะหนุ่มๆ" แล้วแทนที่จะแค่ยืนดูกันเฉยๆ พี่อายดันตัดสินใจขอ 'สามคำ' จากรุ่นพี่คนอื่นๆ ซะงั้น ทำเอาผมไม่กล้าสบตาใครเลย (._.)
   
"สวย สุด สุด" (พี่ตะวัน)
   
"ลูก สาว พ่อ!!" (พี่อาร์ท)
   
"น่า รัก อะ!" (พี่ภพ)
   
"ผู้ หญิง ชัวร์" (พี่จักร)
   
"สวย จัง ครับ" (พี่มะตูม)
   
"ยก นิ้ว ให้" (พี่ไม้)
   
ซึ่งทุกคนก็พากันชมไปตามปกติ จนกระทั่งมาถึง 'สามคำ' ของเจ้าชายอีกองค์ที่กำลังยืนคิดอยู่สักพัก แล้วก็ตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ...
   
"ชุด ไม่ เข้า!"
   
...เงิบ! -O-;; บอกได้คำเดียวเลยว่าทุกคนเงิบมาก!! ก่อนจะพากันมองหน้าที่ถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางของผมสลับกับชุดนักเรียนชายของโรงเรียนเรา เอ่อ... มันไม่เข้ากันจริงๆ ด้วยสินะ T___T
"เพราะแบบนี้ไง ถึงต้องมีฝ่ายคอสตูม ^^" แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกแหวกอากาศมา จนคนทั้งหมดหันไปมองเป็นตาเดียว
   
และตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นพี่ตอง เดินยิ้มแย้มมาพร้อมกับชุดกิโมโนสีชมผู้หวานลายดอกซากุระสุดอลังการ!!
   
ผมรับชุดของเจ้าหญิงคางุยะมาถือไว้ ก่อนจะรู้สึกว่าความงดงามของมันเป็นไปอย่างที่ผมคิด *O* จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นผลงานของนักเรียน ม.ปลาย เท่านั้น! แต่ก็คงไม่แปลกหรอก นักเรียนสมัยนี้มีความสามารถกันทั้งนั้น ยิ่งโรงเรียนผมเป็นโรงเรียนคนรวยแล้วด้วย อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะทุกคนมีงบส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น
   
แต่ก็ไม่ใช่ว่าพี่ตองเขาจะเสียเงินไปฟรีๆ นะ เพราะทุกชุดทุกแบบที่เป็นผลงานของพี่เขา ก็จะกลายเป็นผลงานในการยื่นสอบตรงเข้ามหา'ลัยแทบทั้งนั้น เรียกได้ว่านอกจากจะทำงานในชมรมแล้ว ยังสามารถนำเอาผลงานไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในอนาคตได้อีกด้วย เยี่ยมจริงๆ!
   
เอาล่ะ ผมว่าผมพูดเยอะไปละ งั้นเดี๋ยวขอตัวไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกันนะครับ :)
   
...
   
หลังจากที่ผมแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในห้องแต่งตัวก็มารุมขอถ่ายรูปกับผมใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ใช้ไอโฟนตัวเองถ่ายรูป selfie กับนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะพี่ตะวันที่แต่งตัวเป็นจักรพรรดิมิคาโดะได้อย่างดูดีสุดๆ ไปเลย!
   
พอถ่ายรูปได้ประมาณห้านาที ก็มีคนมาตามผมกับพี่ตะวันให้ไปที่ห้องซ้อม ... ดูเหมือนว่าวันนี้พี่กัปตันจะยุ่งกับการถ่ายจนไม่มีเวลามาดูผมแต่งหน้าแต่งตัวเลยสินะ แต่ก็เอาเถอะ นี่ผมก็กำลังจะเดินไปหาพี่กัปตันอยู่นี่ไง :)
   
การเดินไปที่ห้องซ้อมของผมเป็นอะไรที่ลำบากมาก เพราะนอกจากจะต้องเดินเรียบร้อยอยู่ในชุดกิโมโนแล้ว พี่ตองยังเพิ่มไอเท็มเสริมให้กับผม โดยการทำชุดคลุมยาวสีแดงตัดกับกิโมโนสีชมพูเพื่อเพิ่มความอลังการและความยากลำบากให้ผมเข้าไปอีก แต่ก็นะ พอเดินมาได้สักพักมันก็เริ่มชิน จนในที่สุดก็มาถึงห้องซ้อมจนได้
   
ทันทีที่เปิดเข้ามาในห้องซ้อม ทุกคนต่างก็พากันหันมามองผมกับพี่ตะวันแบบอึ้งๆ ก่อนจะหันไปซุบซิบกันยกใหญ่ (ซึ่งก็น่าจะเป็นไปในทางที่ดีน่ะนะ) โดยเฉพาะพี่กัปตันที่ถึงกับต้องหยุดคุยงานกับตากล้องเลยทีเดียว (.///.)
   
ผมกับพี่กัปตันยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะพี่ตากล้องบอกให้ผมเข้าไปในเซ็ตเพื่อเตรียมตัว ... เซ็ตที่ว่านี้เป็นเซ็ตที่ถูกทำขึ้นชั่วคราว โดยมีฉากหลังเป็นสีขาวเพื่อให้ง่ายต่อการนำภาพไปตัดต่อ และไฟส่องแบบมืออาชีพ
   
การถ่ายโปสเตอร์เริ่มขึ้นในตอนนั้น... ผมคิดว่ามันเป็นงานถ่ายภาพนิ่งที่ค่อนข้างยากนะ เพราะจะต้องสื่ออารมณ์ตามที่ตากล้องบอกด้วย แล้วก็ต้องคิดไปด้วยว่าจะสื่ออารมณ์ออกมายังไงให้ออกมาดูดี เพราะเวลาที่เล่นละครจริง มันไม่ต้องสนใจนี่ว่าแต่ละช็อตจะออกมาสวยมั้ย ในเมื่อมันเป็นภาพเคลื่อนไหว แต่นี่มันเป็นภาพนิ่งไง ก็เลยต้องพยายามมากขึ้นไปอีกเพื่อให้งานออกมาดูดีน่ะ
   
ซึ่งนอกจากที่จะถ่ายเดี่ยวคนเดียวโดดๆ แล้ว ก็จะต้องถ่ายร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นพี่แบมแบมที่แต่งตัวเป็นสาวสูงวัยได้สวยมาก! จนพี่กัปตันกล่าวชมอยู่หลายรอบ ในขณะที่ยังไม่มีการชมผมเลยสักคำเดียว -^- หึ! มันน่าน้อยใจนัก!!
   
"เอาล่ะครับน้องฟาง ส่วนของน้องฟางเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ" พี่ตากล้องลดกล้องลง ก่อนจะยิ้มบอกผมว่าการถ่ายโปสเตอร์ของผมจบลงแล้ว แต่ว่า...
   
"เดี๋ยวก่อนๆ ขอกูถ่ายกับฟางก่อน"
   
...ในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากเซ็ต พี่กัปตันก็รีบบอกตากล้อง แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามายืนข้างๆ ผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถือวิสาสะโอบเอวผมอย่างแนบชิด O_O นี่!! คนอื่นเขาซุบซิบกันใหญ่แล้วนะ!!
พี่ตากล้องได้แต่ยิ้มเอือมๆ ในความใจกล้าของพี่กัปตัน ก่อนจะถ่ายรูปคู่ให้ตามที่คนตัวใหญ่ต้องการ แต่ก่อนที่จะเดินออกจากเซ็ต พี่กัปตันตันก็กระซิบข้างหูผมแบบที่ให้ได้ยินกันแค่สองคน...
   
"สวยจัง นี่ฟางกะจะสวยจนพี่เปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงเลยใช่มะ :)"
   
อา... ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคำชมว่า 'สวย' ที่ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ กลับทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าได้ เมื่อมันออกมาจากปากของพี่กัปตันนะ (.///.)
   
ผมแกล้งศอกพี่กัปตันไปทีนึง ก่อนจะเดินหนีไปหาไอ้กบที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยปล่อยให้พี่กัปตันเขาทำงานของตัวเองต่อไป
   
ผมรู้สึกอึ้งนิดหน่อยที่เพิ่งจะสังเกตว่าวันนี้ไอ้กบอยู่ในชุดทหารขององค์จักรพรรดิมิคาโดะ
   
"โห~ แต่งตัวหล่อจังเลยเว้ยเพื่อนกู" ผมชม
   
"มึงเองก็สวยนะ ตอนเห็นครั้งแรกกูยังตกใจเลย"
   
"พอๆ เลิกยอกันได้แล้ว กูว่าเรามาถ่ายรูปกันดีกว่า"
   
"เออ เอาดิ"
   
พอพูดเสร็จ ทั้งผมและไอ้กบก็ selfie กันไปเกือบยี่สิบรูป ก่อนที่มันจะเริ่มหันมาแกล้งผมตามประสาคนขี้เล่น
   
"มึงยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงไอ้กบ" ผมอดระแวงไม่ได้ เมื่อจู่ๆ ไอ้กบก็หันมามองผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์!!
   
"กูว่าวันนี้มึงสวยดีนะ ไหนขอจูบทีนึงดึง -3-"
   
"ไอ้เชี่ย~"
   
ไอ้กบทำปากจู๋แบบโอเวอร์ ก่อนจะแกล้งทำเป็นจะจูบผม จนผมต้องพยายามยกแขนกันมันเอาไว้ด้วยความขนลุก แต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังเล่นไม่เลิก แถมยังมีการจี้เอวเพื่อให้ผมลดมือลงอีก จนกระทั่ง...!
   
พลั่ก!!
   
มีใครคนนึงเดินตรงเข้ามา ก่อนจะผลักไอ้กบเต็มแรง จนมันกระเด็นล้มลงไปกับพื้นห้อง!!
   
"พี่กัปตัน!!" ใช่แล้วครับ เป็นพี่กัปตันนั่นเองที่ทำแบบนั้น ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นใบหน้าเหยเกของไอ้กบ เพราะว่าเมื่อกี้มันล้มลงไปกับพื้นแรงมาก!!
   
"มึงทำอะไรวะกบ!?"
   
"เปล่านะพี่ ผมแค่..."
   
"ไม่ต้องพูดกบ ให้กูเป็นคนพูดเอง!"
   
"..."
   
พี่กัปตันหันมามองผมอึ้งๆ เมื่อเห็นว่าผมเข้าไปขวางระหว่างพี่เขากับไอ้กบซะก่อน แถมผมยังทำหน้าไม่พอใจแบบสุดๆ เลยด้วย!!
   
"ทำไมพี่ต้องทำเพื่อนผมด้วย!?" ผมเริ่มเปิดฉาก
   
สังเกตได้ว่าตอนนี้ทุกคนในห้องเงียบกันไปหมดแล้ว...
   
"ก็กบมันทำท่าเหมือนจะจูบฟางนี่"
   
"แล้วไง ก็แค่ 'ทำท่าเหมือน' จะจูบ แล้วมันจูบยัง?"
   
"มันไม่เกี่ยวกับว่าจูบหรือไม่จูบ แต่มันเกี่ยวกับว่าพี่ไม่ชอบให้มันทำแบบนี้กับฟาง!"
   
พี่กัปตันเริ่มเสียงดังใส่ผมบ้าง คงจะรู้สึกไม่พอใจที่ผมเข้าข้างไอ้กบสินะ แต่นี่พี่เขาไม่รู้เลยหรือไงว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดน่ะ!!
   
"แต่ไอ้กบมันเป็นเพื่อนผมนะพี่!"
   
"แล้วไง เพื่อนกันจูบปากกันได้หรอ!?"
   
"ใจเย็นนะพี่กัปตัน เรื่องนี้..."
   
"มึงน่ะเงียบปากไปเลย!!"
   
"..."
   
ไอ้กบถึงกับรีบหุบปากก้มหน้านิ่ง เมื่อพี่กัปตันออกคำสั่งเหมือนพวกบ้าอำนาจ จนผมเองเริ่มจะควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ คนอะไรกัน นอกจากจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองผิดแล้ว ยังกล้าไปด่าคนที่ตัวเองทำผิดด้วยอีก!!
   
"ทำไมจะทำไม่ได้ ขนาดพี่เป็นแค่รุ่นพี่ที่ผมรู้จัก ผมยังยอมให้พี่จูบเลย!" ผมตวาดใส่พี่กัปตันอย่างเหลืออด ไม่สนใจอีกแล้วว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ตอนนี้ผมโมโหมากจริงๆ!!
   
"นี่ฟาง..." แววตาของพี่กัปตันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด... "นี่ฟางมองว่าพี่เป็นแค่รุ่นพี่ที่รู้จักเท่านั้นเองหรอ?" ...แถมเสียงก็ยังอ่อนลงมากกว่าเดิมเยอะเลยด้วย
   
"ใช่ เพราะฉะนั้นพี่ไม่มีสิทธิ์มาทำกับเพื่อนผมแบบนี้!"
   
ผมหันไปช่วยพยุงไอ้กบขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว จึงอยากจะออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าพี่กัปตันเขาไม่ยอมจบน่ะสิ...
   
"จะเป็นไปได้ยังไงฟาง ทำไมในสายตาฟางพี่ถึงเป็นได้แค่นั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเรายังนอนด้วยกันอยู่เลย!!"
   
ผมหันขวับไปหาพี่กัปตันที่ยืนตัวสั่นอยู่ เพราะสิ่งที่พี่เขาพูดออกมา ทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทากันยกใหญ่ แม้แต่ไอ้กบเองก็ยังมองผมอย่างอึ้งๆ จนความโกรธของผมพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด และระเบิดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป...!
   
"งั้นก็ให้รู้ไว้ซะ ว่าที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงแค่ความต้องการของพี่เพียงคนเดียว และที่ผมยอมให้พี่ทั้งกอด ทั้งจูบ แถมยัง 'นอน' ด้วยกันเมื่อคืน ก็เพราะ... เพราะผมคิดว่าพี่เป็นคนดี! ดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้!! เพราะว่าในความจริงแล้ว... ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เกินคำว่าพี่น้องเลย!!!"
   
"..."
   
พูดจบ ผมก็พาไอ้กบออกจากห้องในทันที ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา... พร้อมๆ กับใครอีกคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง...
   
แต่แล้วทำไมกันนะ... ทั้งๆ ที่คิดว่าได้พูดความจริงที่อยู่ในใจไปหมดแล้ว แต่ทำไม... ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดและสับสนกับสิ่งที่พูดออกไปมากถึงขนาดนี้...!!?


จบบทที่ 16

แฮมสเตอร์ : ขอบคุณที่อ่านนะครับ ถ้าหากชอบ หรืออยากพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์
ฝากรบกวน #บทนางเอก ด้วยนะครับ


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

ก่อนเปิดม่านครั้งที่สิบเจ็ด
อาจเป็นเพราะเขานั้นคงจะเมารัก


หลังจากที่ทำการล้างเครื่องสำอาง และเปลี่ยนชุดกลับมาเป็น 'ไอ้ฟาง' คนเดิมแล้ว ผมก็รีบกลับบ้านในทันที โดยที่วันนี้... เป็นวันแรกในรอบหลายอาทิตย์ที่ไม่มีพี่กัปตันนั่งรถแท็กซี่กลับไปด้วย ซึ่งก็... ทำให้ผมรู้สึกใจหายแปลกๆ แต่ก็นะ จะกลับมาคนเดียว หรือกลับมากับใคร สุดท้ายก็คือถึงบ้านเหมือนกันนั่นแหละ...
   
นี่ดีนะที่พี่ฟิล์มไม่อยู่บ้าน เห็นว่ามีงานที่แม่ฮ่องสอนสามสี่วัน เพราะถ้าเกิดว่าพี่เขาอยู่บ้านตอนนี้ จะต้องจับความผิดปกติของผมได้แน่ๆ ซึ่งผมขอบอกเลยว่ายังไม่พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังตอนนี้... ดังนั้นผมจึงตัดสินใจปิดบ้านให้มิดชิด แล้วขึ้นไปหมกตัวอยู่บนห้องนอนแทน...
   
ทีแรกก็กะว่าจะนอนบนเตียงให้หลับไป... แต่สมองมันดันคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่กัปตันซะงั้น เป็นเหตุให้ความรู้สึกสับสนมากมายก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ จนกระทั่งกลายเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไหลอาบสองข้างแก้ม!
   
ฮึก... ฮือออ... ทะ...ทำไมนะ... ทำไมผมถึงได้เสียใจและเจ็บปวดมากขนาดนี้... ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าผมจะรู้สึกดีกับพี่กัปตันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ภายในใจผมก็ยังคงปฏิเสธผู้ชายคนนี้มาโดยตลอด...
   
ผมน่ะ พยายามคิดเสมอว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความต้องการของพี่กัปตันฝ่ายเดียว แต่ทำไมพอพูดสิ่งที่คิดออกไป... ทำไมส่วนลึกสุดภายในจิตใจกลับกระตุ้นให้ผมรู้สึกปวดร้าวได้มากถึงเพียงนี้... ฮึก... ฮือออ... ยะ...ยิ่งผมคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปจะต้องทำให้พี่เขาเสียใจ ผมก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้นไปอีก...
   
แต่เมื่อยิ่งคิด... ฮึก... กะ...ก็ยิ่งรู้สึกสับสน... รู้สึกว่าตัวเองหาทางออกไม่ได้... ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกนั้น... จนกระทั่งเผลอหลับไปทั้งน้ำตา...

* * * * * * *

เช้าวันเสาร์
   
"ตื่นได้แล้วฟาง เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำใช่มั้ยเนี่ย!" เสียงปลุกที่แสนจะคุ้นเคยทำให้ผมยอมลืมตาตื่นขึ้นมาดู แล้วก็พบว่าเป็นพี่ฟิล์มจริงๆ!
   
"อ้าว ไหนว่าไปแม่ฮ่องสอนสามสี่วันไงพี่ฟิล์ม!?"
   
"จริงๆ ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ แต่พอดีมีเรื่องผิดแผนนิดหน่อย ก็เลยบินกลับมาเลย ว่าแต่เราเหอะ เป็นอะไรไป ปกติไม่เคยตื่นสายขนาดนี้เลยนะ แถมยังอยู่ในชุดนักเรียนด้วย นี่ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานเลยหรอเนี่ย??"
   
พี่กัปตันทำหน้าสงสัย ส่วนผมเองที่ลุกขึ้นนั่งแล้ว ก็เริ่มทบทวนถึงสิ่งที่ทำให้หลับยาวข้ามวันข้ามคืนขนาดนี้ แล้วมันก็ทำให้ผมนึกออก... นี่ผมร้องไห้จนหลับไปเลยสินะ... แถมพอเริ่มกลับไปคิดถึงมัน ความรู้สึกแย่ๆ ก็หวนกลับคืนมาอีก...
   
"เพลียๆ นิดหน่อยน่ะพี่ฟิล์ม งั้นเดี๋ยวฟางไปอาบน้ำก่อนนะ" ผมตอบพี่ฟิล์มกลับไปโดยไม่สบตา ก่อนจะลุกเข้าไปอาบน้ำในทันที เพราะกลัวว่าพี่ฟิล์มจะจับความผิดปกติได้...
   
...พอหลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินลงมาข้างล่าง ซึ่งพอเห็นว่าพี่ฟิล์มกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ เลยรีบวิ่งเข้ามาช่วย
   
"ไม่เป็นไรหรอก นั่งเถอะ แค่นี้พี่จัดการได้"
   
ผมเลยนั่งลงตามคำสั่งของพี่ฟิล์ม ก่อนจะเห็นว่าวันนี้พี่ฟิล์มซื้อบะหมี่เป็ดเจ้าดังที่ผมชอบกินมาเป็นมื้อกลางวันให้ด้วย ก่อนที่พี่ฟิล์มจะนั่งลงตรงข้ามเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
   
"น่ากินจัง" ผมมองบะหมี่เป็ดตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น เพราะรู้ดีว่ารสชาติของมันอร่อยล้ำแค่ไหน แต่ในขณะที่กำลังจะลงมือกิน จู่ๆ เสียงสะท้อนของพี่กัปตันก็ลอยมาซะอย่างงั้น...!

'จริงๆ พี่ไม่ชอบกินเป็ดเลยนะ แต่เห็นว่าฟางชอบ พี่เลยยอมกินด้วย :)'

...ผมชะงัก! ก่อนจะลดระดับตะเกียบที่กำลังจะเข้าปากลง... เพราะจำได้ว่าตอนนั้นผมชวนพี่กัปตันไปกินบะหมี่เป็ดที่ร้านนี้ แล้วพี่กัปตันก็กินช้ามากๆ ก่อนจะสารภาพออกมาว่าไม่ชอบเป็ด แต่เพราะว่าผมดันไปบอกว่าชอบ พี่เขาก็เลยไม่อยากขัดใจ... ทำไมเขาถึงทำต้องเพื่อผมขนาดนั้นนะ ผมมันมีค่ามากขนาดนั้นเลยหรอ?
   
"เป็นอะไรไปฟาง?"
   
ผมสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ พี่ฟิล์มก็ทักขึ้น...
   
"เปล่าพี่" ผมปฏิเสธ แต่ก็ยังเขี่ยเส้นในชามต่อไป...
   
"ไม่ต้องมาโกหกพี่ ดูก็รู้ว่าฟางไม่ปกติ ตั้งแต่เรื่องไม่อาบน้ำแล้วนอนตื่นสายละ อีกอย่าง อย่าคิดว่าพี่ดูไม่ออกนะว่าเราตาบวมๆ น่ะ ร้องไห้ใช่มั้ย?" ผมที่ก้มเขี่ยเส้นอยู่ถึงกับชะงัก... ก่อนจะค่อยๆ เงยขึ้นมาสู้หน้ากับพี่ชายตัวเอง ... ซึ่งพอเห็นว่าใบหน้าของพี่ฟิล์มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมก็พยักหน้าเป็นเชิงให้รู้ว่าตัวเองกำลัง 'ผิดปกติ' จริงๆ "นั่นไง พี่ว่าแล้ว เห้ออออ~ นี่ถ้าให้เดานะ เรื่องไอ้กัปตันใช่มั้ย?"
   
"ทำไมพี่ฟิล์มรู้!?" ผมตกใจ
   
"ทำไมจะไม่ล่ะ เพราะถ้ายังดีกันอยู่ ป่านนี้มันลากฟางไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่ปล่อยให้พี่ได้เจอหน้าฟางในวันหยุดแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ฟางก็คบกับมันอยู่แค่คนเดียวด้วย"
   
"ไม่ได้คบซะหน่อย!" ผมโวย เพราะว่าไม่ได้คบกันอยากที่พี่ฟิล์มพูด แต่เอาเข้าจริงเรื่องที่ว่าถ้ายังดีกันอยู่ ป่านนี้พี่กัปตันคงมาลากผมออกจากบ้านแล้วนี่มันเรื่องจริงนะ เพราะตอนนี้ ขนาดโทรมา... ยังไม่มีเลย...
   
"โอเค ไม่ได้คบก็ไม่ได้คบ งั้นเล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?" พี่ฟิล์มถามอย่างใจเย็น จนผมเองเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองโวยวายออกไป
   
"คืองี้พี่..."
   
ผมเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่กัปตัน ตั้งแต่เรื่องที่ผมยอมให้เขาทำตามความต้องการของตัวเอง ทั้งที่ในใจก็คอยปฏิเสธพี่เขามาโดยตลอดว่าถึงยังไงซะ... พี่เขาก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมา... ก่อนจะเล่าถึงเรื่องที่มีปากเสียงกัน และสิ่งที่ผมได้พูดออกไป... แต่กลับไม่เข้าใจตัวเองเลยซักนิด ว่าในเมื่อพูดสิ่งที่ใจคิด แต่ทำไมถึงกลับรู้สึกเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้... นี่ผมเป็นอะไรกันแน่...??
   
"โอเค จากที่พี่ฟังมาทั้งหมด พี่ขอสรุปเลยว่า... ฟางมีใจให้ไอ้กัปตัน แล้วก็ชอบมันมากๆ ด้วย :)"
   
"ปะ...เป็นไปไม่ได้หรอกพี่ฟิล์ม! ก็ฟางบอกแล้วไงว่าใจฟางคอยแต่จะปฏิเสธพี่กัปตันมาโดยตลอด ที่ยอมใกล้ชิดกับพี่เขา ก็เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งดีๆ ที่เขามอบให้เท่านั้น..." ผมพยายามอธิบาย แต่ในใจกลับเจ็บจี๊ดในสิ่งที่ตัวเองพูด... นี่ผมเป็นอะไรกันแน่วะเนี่ย!?
   
"งั้นหรอ แต่สำหรับพี่ พี่คิดว่าฟางกำลังโกหกตัวเองอยู่นะ :)"
   
"ไม่..."
   
"ฟางรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าสิ่งที่ฟางพูดออกมาจริงหรือไม่ ฟางอาจจะโกหกไอ้หน้าดุนั่นได้ โกหกพี่ชายตัวเองได้ แต่สุดท้ายแล้วฟางจะโกหกตัวเองต่อไปไม่ได้อีก ถ้าไอ้กัปตันมันเดินออกไปจากชีวิตของฟาง"
   
"..."
   
คำว่า 'เดินออกไปจากชีวิต' ทำเอาใจผมหายไปเลย... รู้สึกราวกับว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง ผมจะต้องเสียใจมากกว่านี้แน่ ไม่สิ... ผมจะต้องไปวิ่งตามพี่เขากลับมาด้วย...
   
ให้ตายเถอะไอ้ฟาง! นี่แกมีใจให้พี่กัปตันจริงๆ สินะ!!!
   
แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังติดอยู่อีกเรื่องนึง...
   
"แต่ว่า... ฟางเป็นผู้ชายนะพี่ ฟางจะชอบผู้ชายด้วยกันได้ยัง..." นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมยังติดอยู่ในใจมาโดยตลอด ในเมื่อผมเองก็ยังไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย...
   
"นี่เองหรอที่ทำให้ฟางปิดกั้นตัวเองได้ถึงขนาดนี้? เอาล่ะ ฟังพี่ให้ดีนะฟาง พี่คิดว่าบนโลกใบนี้... อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นนั่นแหละ ในเมื่อโลกมันก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน แล้วทำไมคนบนโลกจะไม่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย" พี่ฟิล์มเว้นจังหวะเล็กน้อย "ดูอย่างครอบครัวเราสิ เมื่อก่อนนี้เราก็มีกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าวันนึง... เราก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องแบบนี้... ซึ่งมันก็ทำให้พี่คิดได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมันได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง :)"
   
"แล้วพี่ฟิล์มรับเรื่องที่ฟางชอบพี่กัปตันได้มากแค่ไหนกัน?"
   
เมื่อเริ่มเข้าใจในสิ่งที่พี่ฟิล์มพูด ผมก็ตัดสินใจถามออกไปในทันที เพราะว่าผมแคร์พี่ชายของผมมาก ถ้าพี่ฟิล์มบอกว่า 'รับไม่ได้' ผมก็จะขอหยุดทุกสิ่งทุกอย่างลงแค่นี้ ต่อให้ต้องเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม...
   
"พี่จะรับมันได้มาก ก็ต่อเมื่อฟางตัดสินใจทำตามหัวใจของตัวเองจริงๆ :)"
   
ราวกับสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว... ผมรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงมากขึ้นด้วยความรู้สึกมากมายที่มีต่อทั้งพี่ฟิล์ม และพี่กัปตัน และทำให้ผมกล้ามากขึ้นที่จะคิดว่า... ต่อจากนี้ไป ผมจะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ทำตามหัวใจของตัวเองให้เต็มที่ ขอเพียงแค่ไม่เดือดร้อนใครก็พอแล้ว!
"ขอบคุณนะพี่ฟิล์ม ฟางรักพี่ฟิล์มที่สุดในโลกเลย ❤"

* * * * * * *

คืนนั้น

ผมตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อไอโฟนที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงกรีดร้องขึ้น เห้ออออ~ ให้ตายเถอะ! นี่ผมลืมปิดเสียงหรอเนี่ย =_= แล้วใครกันที่โทรมาดึกดื่นขนาดนี้...?

'ไอ้หน้าดุ!'

ผม 'ตื่น' เลย เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมาดึกดื่นขนาดนี้ พี่กัปตัน... โทรมาทำไมนะ?
   
ใช้เวลาตัดสินใจอยู่ไม่นาน ในที่สุดผมก็ตัดสินใจรับสายด้วยความตื่นเต้น!
   
"ฮัลโหล" พยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้
   
(ฮัลโหลลลลลลล~ ฟางใช่มั้ย? ฟางงงงง~)
   
แต่เมื่อได้ยินปลายสายที่ตอบกลับมาด้วยเสียงเหมือนคนเมา ก็ทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น -*-
   
"นี่พี่เมาหรอ?"
   
(เปล๊าาาาา~ ไม่ได้เมาาาาา~ พี่อยากคุยกัปฟางงงง อย่าาาา อย่าวางสายพี่น้าาาาา~)
   
เนี่ยนะเรียกว่าไม่ได้เมา เห้ออออ~ =__=;;
   
"มีอะไรล่ะพี่?" ผมถามอย่างใจเย็น
   
(พี่ขอโทษ~ พี่ขอโทษน้าาาา~ พี่ผิดไปแล้ว พี่... พี่รักฟางน้าาาา...)
   
กริ๊ก!
   
O__O เฮ้ย!! เดี๋ยวนะ นี่คือพี่เขาโทรมาพูดแค่นี้แล้วก็วางหรอ!? เพียงเพื่อที่จะขอโทษ แล้วก็... บอกรักเนี่ยนะ!?
   
ผมวางไอโฟนกลับที่เดิม ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะคิดขึ้นมาได้เพียงแค่ว่า... นี่เป็นการบอกรักที่เมาสุดๆ ไปเลย!!

จบบทที่ 17

แฮมสเตอร์ : ขอบคุณที่อ่านนะครับ ถ้าหากชอบ หรืออยากพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์
ฝากรบกวน #บทนางเอก ด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2


ก่อนเปิดม่านครั้งที่สิบแปด
ท่านมงคล



วันจันทร์
   
ในที่สุดก็กลับมาสู่เช้าวันจันทร์อีกครั้ง หลังจากที่ผมใช้เวลาหยุดเสาร์และอาทิตย์ไปกับการนอนอ่านหนังสือธรรมะ เพราะรู้สึกว่าภายในจิตใจมันช่างวุ่นวายเหลือเกิน เหมือนกับตอนนี้... ที่รู้สึกใจหายเมื่อเห็นว่าพี่กัปตันไม่ได้มารับที่หน้าเหมือนเคย... นี่คงจะจริงอย่างที่เนื้อเพลงเขาร้องว่า 'เจ็บกว่าการไม่มี ก็คือเคยได้มี~' สินะ (.__.)
   
แต่ผมก็คิดเอาไว้แล้วแหละ ว่าถ้าเจอกันวันนี้ ก็อยากที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะส่วนตัวนั้น ผมมี 'แผนการ' ในใจอยู่แล้ว
   
พอมาถึงโรงเรียน ยังไม่ทันที่ผมจะได้มองหาพี่กัปตันเลยด้วยซ้ำ กลับกลายเป็นว่ามีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกันเข้ามาทักทายผมกันเยอะมาก เพื่อพูดคุยถึงโปสเตอร์ละครเวที Kaguya-Hime ที่ถูกนำมาแปะไปทั่วโรงเรียนแล้ว พร้อมๆ กับโปสเตอร์ของ The Little Mermaid นั่นแหละ ซึ่งทุกคนต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกันว่า 'ผมสวยเหมือนผู้หญิงมาก' และสัญญาว่าจะซื้อบัตรมาดูให้ได้ จนผมถึงกับยิ้มแก้มปริ เพราะนั่นหมายความว่าผลงานการเขียนบทและกำกับการแสดงโดยฝีมือของพี่กัปตันก็จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน :)
   
แล้วพี่เขาก็จะได้เข้ามหา'ลัยที่ตัวเองต้องการ เพื่อให้คุ้มค่าเหนื่อยกับการที่ต้องมาทนกับคนอย่างผมน่ะนะ
   
แต่แน่นอนว่ามีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด เพราะว่าก็มีหลายคนในโรงเรียนเหมือนกันที่ไม่พอใจกับการที่นำผู้ชายมาแสดงเป็นผู้หญิง แล้วไหนจะข่าวลือที่ว่าผมเอาตัวเข้าแลกบทก่อนหน้านี้อีก ทำให้วันนี้ทั้งวัน ผมได้รับทั้งคำชมและคำด่าตั้งแต่เริ่มเรียนจนกระทั่งเลิกเรียนเลยทีเดียว แต่ก็นะ ใครจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ ผมขอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอละ :)
   
พอโรงเรียนเลิก ผมก็หิ้วจาคอปไปที่ตึกชมรมการแสดงเหมือนเคย เพราะว่าวันนี้มีซ้อม แต่ในระหว่างที่เดินกันมาจนเกือบจะถึงอยู่แล้ว แฟนของไอ้กบก็ดันโทรมาตามให้ไปหาซะก่อน ผมก็เลยต้องขึ้นไปที่ห้องซ้อมคนเดียว
   
แต่ก็เป็นอันต้องตกใจ...! เมื่อเห็นว่าพี่กัปตันกำลังนั่งอ่านบทอยู่ที่ห้องซ้อมเพียงลำพัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะว่าพี่เขาไม่ค่อยจะมาถึงห้องซ้อมเป็นคนแรกบ่อยนัก ถือเป็นเรื่องบังเอิญสุดๆ ไปเลยที่ได้มาเจอกันแบบนี้...
   
พี่กัปตันเงยหน้าขึ้นมามองนิดนึง พอพี่เขาเห็นว่าเป็นผมก็ทำท่าตกใจเช่นกัน ก่อนจะก้มหน้าลงจดจ่อกับบทต่อไป... ผมอยากจะเดินออกไปจากห้องซ้อมอยู่เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นสถานการณ์ที่ 'ยาก' สำหรับผม แต่พอคิดว่าวันนี้ยังไงก็คงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ผมก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ พี่กัปตัน
   
พอนั่งลงแล้ว พี่กัปตันก็ถึงกับหยุดชะงักไปเลย ก่อนจะค่อยๆ หันมามองหน้าผม ซึ่งผมเองก็ได้แต่ทำหน้ากวนๆ กลับไป แล้วแกล้งแซว...
   
"รู้ตัวมั้ยว่าวันนั้นเมาแล้วโทรมาน่ะ?"
   
พี่กัปตันถึงขั้นทำหน้าสลด ก่อนจะเริ่มพูดออกมาบ้าง "ก็เพิ่งจะรู้หลังจากที่สร่างเมานั่นแหละ ขอโทษนะฟาง ต่อจากนี้ไปพี่จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับฟางอีกแล้ว"
   
คำว่า 'ไม่ยุ่งวุ่นวาย' ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่พี่ฟิล์มพูด ว่าผมจะรู้ใจตัวเองก็ต่อเมื่อพี่กัปตันเดินออกไปจากชีวิตผม และมันก็จริงมากๆ เมื่อพี่กัปตันฟังสิ่งที่ผมพูดไปในตอนนั้น แล้วตั้งใจว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมอีก มันทำให้ผม... รู้สึกเจ็บปวดเสียเหลือเกิน...
   
"เห็นมั้ย... สุดท้ายพี่ก็อยู่ได้โดยไม่มีผม" ผมตั้งท่าจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกหนีซะ ไม่ใช่เพื่อเดินจากไปจริงๆ แต่เพื่อทดสอบให้รู้ว่าพี่กัปตันยังเหมือนเดิมมั้ย? แล้วก็...
   
"เดี๋ยวก่อน!"
   
...เป็นไปอย่างที่ผมคิด :)
   
พี่กัปตันคว้ามือผมเอาไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่าพี่กัปตันยังไม่ได้ตัดใจจากผม และผมก็ดีใจที่มันเป็นเช่นนั้น ^-^
   
"อะไร?" ผมยอมนั่งลงตามแรงยึดของพี่กัปตัน ก่อนจะถามหาเหตุผลของการรั้งตัวเอาไว้ในครั้งนี้
   
"ใครบอกว่าอยู่ได้ ... พี่แค่คิดว่าถ้าอยู่ใกล้ๆ แล้วโดนฟางเกลียด สู้พี่อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ยังจะดีซะกว่า" หน้าตาของพี่กัปตันยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด นี่พี่เขาเข้าใจผิดคิดว่าผมเกลียดเขาไปแล้วหรอเนี่ย!? ไม่ได้การละ...
   
"แล้วอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนเดิม โดยที่ผมไม่เกลียดพี่มั้ย?"
   
พี่กัปตันรีบจ้องตาผม ก่อนจะตอบอย่างกระตือรือร้น "อยากสิ!"
   
"ถ้าอยากล่ะก็ พี่กัปตันต้องสัญญากับผมก่อนว่าจะไม่ทำนิสัยแย่ๆ แบบวันนั้นอีก ผมรู้นะว่าพี่หึง แต่สิ่งที่พี่ทำกับกบมันมากเกินไป และผมก็รับไม่ได้ เพราะมันเป็นเพื่อนผม และอีกอย่างมันก็มีแฟนแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องหึงหรอก โอเคมั้ย?"
   
"ได้สิ พี่สัญญา" พี่กัปตันค่อยๆ เผยร้อยยิ้มทีละนิด ก่อนจะกลายเป็นยิ้มกว้างด้วยความสุขใจ "ส่วนเรื่องที่พี่ทำกบ ฟางไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพราะว่าพี่ขอโทษมันเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ทำความเข้าใจกับมันแล้วด้วย วันนั้นที่พี่เมาแล้วโทรไป ก็กินอยู่กับไอ้ตะวันแล้วก็ไอ้กบนั่นแหละ"
   
อ้าว!? แล้วทำไมไอ้กบไม่เห็นจะเล่าให้ผมฟังเลย หรือเพราะว่ามันคิดว่าผมเกลียดพี่กัปตันเหมือนกันนะ?
   
"ก็ดี ส่วนนอกนั้นก็เหมือนเดิม อยากทำอะไรก็ทำตามใจพี่เลย ผมไม่ว่าพี่หรอก ผมเต็มใจ"
   
พี่กัปตันเปลี่ยนจากใบหน้ายิ้มแย้มไปเป็นใบหน้าจริงจัง "พี่รู้ว่าฟางไม่ได้คิดกับพี่ เหมือนที่พี่คิดกับฟาง แต่พี่สัญญาว่าต่อจากนี้จะดูแลฟางให้ดีที่สุด ก่อนจะถึงวันที่ฟางเป็นฝ่ายเดินจากพี่ไป"
   
"อื้ม" ผมพยักหน้ารับ พยายามเออออไปกับสิ่งที่พี่กัปตันพูด จนคนตัวใหญ่คว้ามือผมไปกุมไว้ แล้วอมยิ้ม
   
ไม่จริงหรอกพี่กัปตัน... พี่คงยังไม่รู้ว่าตอนนี้สิ่งที่ผมคิดกับพี่มันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว และตอนนี้ความคิดในใจเราก็ตรงกันสุดๆ เลยด้วย แต่ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ว่าผมมี 'แผนการ' และนั่นคือการไม่บอกความจริงพี่กัปตันจนกว่าจะถึงเวลาที่ผมขีดเส้นตายไว้ ซึ่งก็คือหลังจากที่ละครเวทีเรื่องนี้ปิดม่านการแสดงลง เพราะในความคิดของผมนะ เวลาผมจะคบใครก็อยากที่จะคบกันไปนานๆ ดังนั้น ผมอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ศึกษาพี่กัปตันต่ออีกสักนิด เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วคือคนนี้ไม่ผิดแน่ที่ผมจะเลือก :)
   
แต่เอาเข้าจริงเป็นแบบนี้ก็ดีมากเลยนะ พอผมยอมรับความรู้สึกของตัวเอง มันก็ทำให้ความรู้สึกนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้น คล้ายกับโทรทัศน์ที่รับสัญญาณมาดีจนฉายภาพคมชัดนั่นแหละ ^-^
   
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว ผมก็คุยนั่นคุยนี่กับพี่กัปตันไปเรื่อยเปื่อย เพื่อรอให้คนมากันจนครบ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนที่เริ่มทยอยเข้ามาต่างก็ดูจะแปลกใจกับการที่ผมคืนดีกับพี่กัปตันแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อครั้งล่าสุดยังทะเลาะกันอยู่เลย โดยเฉพาะไอ้กบที่ถึงกับทำท่าสำลักน้ำอัดลมให้เห็น =_=;; แต่ก็นะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมานั่งอธิบายอยู่แล้วนี่
   
แต่ยังไม่ทันที่คนจะมากันจนครบ จู่ๆ ประตูห้องซ้อมก็ถูกเปิดออก พร้อมกับอาจารย์วารุณีที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ จนผมกับพี่กัปตันต้องรีบลุกไปหาในทันที
   
"มีอะไรรึเปล่าครับอาจารย์?" พี่กัปตันถามออกไปด้วยความกังวลใจ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามาฟังความใกล้ๆ เช่นกัน จนตอนนี้เกิดเป็นวงล้อมหลายชั้นอยู่รอบตัวอาจารย์วารุณี
   
"คืองี้นะกัปตัน ครูมีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกให้รู้ คือ... ปกติเราจะเชิญนักแสดงซึ่งเป็นศิษย์เก่ามาเป็นผู้ชมกิตติมศักดิ์ของเรา แต่ในปีนี้มันค่อนข้างที่จะต่างออกไป เพราะผู้อำนวยการดันไปกล่าวเชิญ 'ท่านมงคล' มาเป็นผู้ชมกิตติมศักดิ์ แทน แล้วท่านก็ดันตอบรับซะด้วย"
   
ทุกคนถึงกับทำท่าตกใจกันยกใหญ่เมื่อได้ยินชื่อของ 'ผู้ชมกิตติมศักดิ์' จากปากของอาจารย์วารุณี ในขณะที่ผมยังงงอยู่ว่า 'ท่านมงคล' คือใครกัน =_=?
   
"อาจารย์หมายถึงท่านมงคล นายทหารใหญ่ที่มีชื่อเสียงเรื่องเกลียดเพศที่สามน่ะหรอคะ!?"
   
แต่พอได้ยินรายละเอียดจากปากของพี่แบมแบม ผมก็ถึงบางอ้อในทันที!
   
"ใช่แล้ว ท่านมงคลคนนั้นนั่นแหละ และเพราะแบบนี้ไง ครูถึงได้ร้อนใจรีบมาคุยกับกัปตันก่อน เพราะ Kaguya-Hime เป็นละครเวทีที่ใช้นักแสดงชายมาเล่นเป็นนักแสดงหญิง ครูก็เลยกลัวว่าอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชมกิตติมศักดิ์ของเรา" อาจารย์วารุณีเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาหาผมบ้าง "และคนที่จะโดนหนักที่สุดก็คือฟาง เห้ออออออ~ ครูยอมรับว่าครูเองก็เครียดกับเรื่องนี้มากอยู่เหมือนกัน จนครูมีความคิดว่าอยากจะเปลี่ยนตัวนักแสดงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่พอคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับฟางที่ซ้อมมานาน ครูเองก็เลยไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ดี" แล้วหันกลับไปหาพี่กัปตัน "และกัปตันล่ะคิดว่าไง ควรเปลี่ยนนักแสดงมั้ย หรือว่าเสี่ยงเล่นไปตามนี้เลย?"
   
คำถามของอาจารย์วารุณีทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป เพราะว่าตอนนี้คนที่เคยเป็น 'ตัวสำคัญ' อย่างผม กลับกลายเป็น 'ตัวฉุด' ไปซะได้ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์วารุณีที่ทำหน้าเครียดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมจึงตัดสินใจว่าจะต้องพูดอะไรสักอย่างกับอาจารย์ แต่แล้ว... ผมก็หยุดความคิดของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น... เมื่อหันไปเห็นว่าคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มีสีหน้าและแววตาแบบใด...
   
...สีหน้าของพี่กัปตันดูจะเครียดมากพอๆ กับอาจารย์วารุณี ในขณะที่ตาคู่นั้นฉายแวว 'ลังเล' ชัดเจน! จนผมรู้สึกแปลกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น... นี่ผมหวังอะไรนะ? หวังว่าพี่กัปตันจะต้องยืนยันหนักแน่นว่า 'ถึงยังไง ผมก็จะให้ฟางแสดงบทเจ้าหญิงคางุยะครับ' อย่างงั้นหรอ? ... ก็ใช่น่ะสิ... ก็ในเมื่อพี่กัปตันเป็นคนยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่าผมคือคนที่เหมาะสมกับบทนี้ แต่ทำไมพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถึงได้กลายเป็นคน 'ลังเล' ขึ้นมาได้ นี่หรือว่า... พี่เขาอยากที่จะให้ผลงานออกมาดีไม่มีปัญหา จนถึงขนาดลืมไปแล้วว่าเคย 'เชื่อมัน' ในตัวผมมากแค่ไหน...!??
   
ไม่สิ พี่ต้องไปใช่คนแบบนั้นสิพี่กัปตัน พี่ต้องยืนยันหนักแน่นว่าจะให้ผมแสดงต่อไปสิ!!!
   
ทว่าสุดท้าย... พี่กัปตันก็ตัดสินใจบอกกับอาจารย์วารุณีในสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอีกเลย...

"ผมขอกลับไปคิดคืนนึงนะครับอาจารย์"

จบบทที่ 18

แฮมสเตอร์ : ขอบคุณที่อ่านนะครับ ถ้าหากชอบ หรืออยากพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์
ฝากรบกวน #บทนางเอก ด้วยนะครับ


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2


ก่อนเปิดม่านครั้งที่สิบเก้า
พี่ยังเชื่อมั่นในตัวผมมั้ย?


สุดท้าย วันนี้ก็ยกเลิกการซ้อม...
   
อาจารย์วารุณีตัดสินใจประกาศยกเลิกเพื่อให้ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อน ในขณะที่พี่กัปตันเองก็จะได้มีเวลาคิดทบทวนถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับบทเจ้าหญิงคางุยะด้วย
   
จริงๆ ผมอยากจะโวยวายใส่พี่กัปตันนะ เรื่องที่พี่เขาไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด... แต่แล้วผมก็บอกกับตัวเองว่า 'อย่าเลย' แค่นี้พี่กัปตันเองก็คงเครียดมากพออยู่แล้ว ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสินจะดีกว่า ถ้าสุดท้ายแล้วเขาตัดสินใจให้ผมแสดงต่อ ผมก็จะยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แต่ถ้าพี่เขาเลือกที่จะเปลี่ยนตัวนักแสดง ผมก็จะไป โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก เพราะผมจะถือว่า... ผมยังไม่รู้จักพี่เขาดีพอ...
   
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจแยกทางกับพี่กัปตันในวันนี้ เพื่อให้พี่เขาได้อยู่กับตัวเอง และทบทวนไปซะ เพราะตั้งแต่อาจารย์วารุณีประกาศยกเลิกการซ้อมจนถึงตอนนี้ พี่กัปตันยังไม่พูดอะไรกับผมสักคำ...
   
"วันนี้ผมขอไม่ไปคอนโดพี่นะ ผมอยากกลับบ้าน" ผมบอกคนข้างๆ เมื่อเดินมาจนถึงถนนใหญ่แล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปโบกแท็กซี่ พี่กัปตันกลับดึงมือผมให้หันไปคุยกับเขาซะก่อน
   
"ฟาง วันนี้ไปคอนโดพี่เถอะนะ พี่อยากให้ฟางอยู่ด้วย"
   
"แต่ว่า..."
   
"ขอร้อง"
   
"..."
   
ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก... ลืมความอยากกลับบ้านไปจนหมดสิ้น ได้แต่พยักหน้ารับกับคำขอของพี่กัปตัน เมื่อพี่เขาพูดมันออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าเขาต้องการให้ผมไปอยู่ที่คอนโดด้วยจริงๆ และถ้าผมปฏิเสธ พี่เขาจะต้องเสียใจมาก...
   
แต่แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่ผมคิด ว่าการมาคอนโดพี่กัปตันในครั้งนี้จะต้องแตกต่างไปจากเดิม... เพราะพี่กัปตันเอาแต่เงียบ เงียบ! และเงียบ!! ไม่ยอมพูดไม่ยอมจาเหมือนครั้งก่อนๆ ถามคำก็ตอบมาคำ แถมหน้าตายังแสดงออกถึงความกังวลชัดเจนด้วย จนผมเองไม่อยากที่จะถามอะไรอีก นี่ขนาดว่านั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ พี่กัปตันยังเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งที่โทรทัศน์ฉายให้ดูเลย
   
นี่พี่เขากังวลมากเลยสินะ... อาจจะอยากเปลี่ยนตัวนักแสดง แต่ไม่กล้าบอกผม เพราะกลัวว่าจะเสียผมไปหรือเปล่า?
   
ผมพยายามอดทนอยู่กับความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา แต่สุดท้าย... ผมก็ไม่อาจจะทนได้อีก ถ้าจะชวนมาคอนโด เพียงเพื่อนั่งเงียบใส่กัน สู้ให้ผมกลับไปอยู่คุยกับพี่ฟิล์มที่บ้านดีกว่า!!
   
"พี่...!/ฟาง...!"
   
O_O ทั้งผมและพี่กัปตันถึงกับชะงัก! เมื่อจู่ๆ เราสองคนก็ตัดสินใจหันหน้ามาคุยกับอีกฝ่ายในจังหวะเดียวกัน แถมยังใช้น้ำเสียงที่จริงจังทั้งคู่เลยด้วย!
   
"เอ่อ... พี่พูดก่อนสิ"
   
"ไม่เป็นไร ฟางพูดก่อนเถอะ"
   
"พี่นั่นแหละ ผมรอให้พี่พูดนานแล้ว"
   
"แต่ว่า..."
   
"พูดมาเถอะน่า!"
   
ผมตัดสินใจโวยกลับไป เพื่อให้พี่กัปตันพูดในสิ่งที่จะพูดเสียที เพราะสิ่งที่ผมจะพูดคือ 'พี่กัปตัน ผมจะกลับบ้าน!' เนื่องจากผมทนอยู่กับความอึดอัดจากความเงียบของพี่กัปตันไม่ไหวอีกแล้ว แต่ในเมื่อพี่เขากำลังจะพูด ผมก็พร้อมที่จะฟัง!
   
"โอเค" พี่กัปตันยกมือยอมแพ้ ก่อนจะคว้ามือผมไปกุมไว้ ท่าทางจริงจังจนผมเผลอใจเต้นแรง "พี่อยากจะคุยเรื่องบทเจ้าหญิงคางุยะ คือ..."
   
"..."
   "พี่รู้ว่าตลอดเวลาพี่ทำให้ฟางเจอกับเรื่องแย่ๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่พี่โยนบทเจ้าหญิงคางุยะไปให้ฟาง ทั้งเรื่องที่ไอ้ทีมชกหน้าฟาง โดนหลายคนนินทาว่าเอาตัวเข้าแลกบท โดนพราวทำร้าย ไหนจะมาเรื่องท่านมงคลนี่อีก"
   
"..."
   
"พี่คิดว่าฟางต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย ทั้งๆ ที่พี่สัญญาแล้วว่าจะทำให้ฟางมีความสุข"
   
"..."
   
"ยิ่งมามีเรื่องท่านมงคลอีก พี่ก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เพราะถ้าเกิดว่าท่านมงคลไม่ชอบฟางขึ้นมา ละครเรื่องนี้ก็จะต้องพังลง แล้ว..."
   
"แล้วพี่ก็ล้มเหลวใช่มั้ย?"
   
"อะไรนะ!?"
   
"ถ้าเกิดว่าท่านมงคลไม่ชอบที่นำนักแสดงชายมาเล่นเป็นหญิง ละครก็อาจจะล้มเหลว แล้วพี่เองก็จะเสียเครดิตตรงนี้ไปด้วย เพราะฉะนั้น พี่จึงลังเลที่จะให้ผมแสดง แต่พอคิดว่าถ้าต้องเปลี่ยน พี่ก็อาจจะเสียผมไปใช่มั้ยล่ะ!"
   
ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามาก ที่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดออกไปโดยที่ไม่ยอมฟังพี่กัปตันให้จบ แต่ผมกลัวนี่... กลัวว่าถ้าได้ฟังมันจากปากพี่กัปตัน ผมจะต้องเสียใจมากกว่านี้... ผมกลัวจริงๆ นะ!
   
"ใครว่าล่ะฟาง! พี่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นเลยนะ!!"
   
"แล้วพี่มีความคิดยังไงล่ะ!?"
   
"มีความคิดที่ว่าพี่เป็นห่วงฟางน่ะสิ!!"
   
"..."
   
"พี่ยอมรับว่าพี่ลังเลที่จะให้ฟางแสดงดีมั้ย แต่นั่นมันไม่ได้เกี่ยวกับความสำเร็จของละครเลย ทั้งหมดที่พี่คิด คือพี่กลัวว่าถ้าพี่ยังเห็นแก่ตัว ดึงดันให้ฟางเล่น แล้วเกิดท่านมงคลไม่ชอบขึ้นมา คนที่โดนเล่นงานหนักที่สุดก็คือฟาง เพราะทุกคนจะเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของฟาง ซึ่งนั่นหมายถึง..." พี่กัปตันเม้มริมฝีปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด... "พี่จะเป็นคนทำให้ฟางต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ อีก และพี่ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นเลย!!!"
   
"..."
   
ผมอึ้ง... รู้สึกเหมือนถูกมือใหญ่ๆ ตบหน้าให้ได้สติ... นี่...นี่ผมเข้าใจผิดเองสินะ... ที่แท้ที่พี่กัปตันลังเล ก็เพราะกลัวว่าหากทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ผมก็คือคนที่จะถูกกล่าวโทษมากที่สุด... ทำไมนะ? ทั้งๆ ที่พี่กัปตันแคร์ผมมากขนาดนี้ แต่ผมยังคิดไม่ดีกับพี่เขาได้ ผมนี่มัน... แย่ที่สุดเลย!!!
   
"พี่ก็เลยตัดสินใจขอเวลาจากอาจารย์วารุณี เพื่อที่ต้องการถามให้แน่ใจว่าฟางยังต้องการที่จะเล่นอยู่มั้ย ในเมื่อปลายทางมันอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่ฟางคิด เพราะพี่เอง... ก็ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว จนต้องทำร้ายจิตใจคนที่พี่รักอีกแล้ว"
   
ผมตัดสินใจโผเข้ากอดพี่กัปตันแน่นๆ ในทันทีเมื่อเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดีแล้ว ก่อนที่คนตัวใหญ่จะกอดตอบกลับมาเช่นเดียวกัน ... ผมดีใจนะ ดีใจจริงๆ ที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ไม่เสียแรงเลยที่ทนไร้หัวใจมาได้นานถึงขนาดนี้...
   
"ผมขอโทษนะพี่กัปตัน ที่เข้าใจพี่ผิด" ผมกล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
   
"ไม่เป็นไร พี่เองก็ผิดที่ทำให้ฟางสับสนแบบนี้ แล้ว... สรุปฟางจะยังเล่นอยู่มั้ย?"
   
"แล้ว พี่ล่ะ พี่ยังเชื่อมั่นในตัวผมอยู่มั้ย?"
   
พี่กัปตันหัวเราะ เมื่อได้ยินคำถามที่ผมสวนกลับไป ก่อนจะตอบ...
   
"พี่ไม่เคยไม่เชื่อมั่นในตัวฟางเลยนะ" พี่กัปตันกอดผมแน่นขึ้น
   
"งั้นผมก็จะสู้ไปพร้อมกับพี่ โดยไม่สนว่าสุดท้ายแล้วจะต้องเจอกับอะไร :)"
   
พูดจบแค่นั้น ผมก็ซุกหน้าลงบนไหล่พี่กัปตันอย่างสุขใจ...

* * * * * * * *
   
วันต่อมา
   
หลังจากที่ฟังคำตัดสินใจจากผมแล้ว พี่กัปตันก็ประกาศกับทุกคนในทีม รวมถึงอาจารย์วารุณีว่าบทเจ้าหญิงคางุยะจะยังเป็นของผมเช่นเดิม เพราะเชื่อว่าความสามารถทางการแสดงของผมจะต้องทำให้ท่านมงคลมองข้ามเรื่องเพศไปได้อย่างแน่นอน
   
ตอนแรกอาจารย์วารุณีเองก็ยังคงเป็นกังวลอยู่นะครับ แต่พอทุกคนในชมรมเออออไปกับพี่กัปตันด้วย อาจารย์ก็ตัดสินใจไฟเขียว ซึ่งนั่นทำให้ผมดีใจมาก เพราะไม่มีใครในทีมออกมาคัดค้านเลย แม้แต่พี่แบมแบมเองที่มีโอกาสจะคว้าบทเจ้าหญิงคางุยะไป ก็ยังคงเชียร์ให้ผมแสดงต่อ มันทำให้ผม... ดีใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลย...
   
แต่เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ อาจารย์วารุณีจึงออกไอเดียว่า ไม่ต้องใส่คำนำหน้าของชื่อนักแสดงลงใน 'สูจิบัตร' (เป็นเล่มข้อมูลเกี่ยวกับละครเวทีที่จัดแสดง โดยจะแจกให้กับผู้ชมก่อนเข้าโรงละคร) แล้วก็ไม่ต้องกล่าวคำนำหน้าตอนประกาศชื่อนักแสดงในตอนจบด้วย เพราะว่า Kaguya-Hime จะต้องแสดงก่อน The Little Mermaid (เพราะถ้าดูเจ้าหญิงเงือกก่อน เจ้าหญิงคางุยะจะดูจืดไปเลย) ถ้าเกิดว่าท่านมงคลไม่พอใจตั้งแต่เรื่องแรก อาจจะพาลกระทบเรื่องที่สองได้ ซึ่งก็นับว่าไอเดียของอาจารย์เป็นการป้องกันที่น่าจะได้ผลดีทีเดียว
   
พอหลังจากที่ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ คือเราทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมละครเวทีกันต่อ หลังจากที่เมื่อวานยกเลิกการซ้อมไปแล้วหนึ่งวัน โดยที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องท่านมงคลขึ้นมาอีก จนกระทั่ง...
   
"สวัสดีทุกคน"
   
...พี่พราวเปิดประตูห้องซ้อมเข้ามา!
   
ผมหลุดออกจากบทเจ้าหญิงคางุยะในทันที เพื่อหันไปมองการมาอย่างงงๆ ของพี่พราว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าทุกคนเองก็ดูจะมีความเห็นเดียวกัน
   
"มาทำไมพราว?" พี่กัปตันเป็นคนแรกที่ถามออกไปด้วยความหงุดหงิด เพราะต่อให้ดูยังไง ก็เหมือนพี่พราวจงใจมาป่วนการซ้อมชัดๆ!
   
"อย่าทำหน้าตาดุแบบนั้นสิคะพี่กัปตัน พราวมาหาพี่ด้วยความหวังดีนะคะ :)"
   
"หวังดีอะไรของเธอ?"
   
พี่พราวหัวเราะชั่วร้าย ก่อนจะยิ้มหวานอาบยาพิษ!
   
"ก็แหม พอดีพราวได้ยินมาว่าผู้ชมกิตติมศักดิ์ในปีนี้เป็นท่านมงคลที่ไม่ค่อยจะชอบเพศที่สาม พราวก็เลยอดเป็นห่วงไม่ได้น่ะค่ะ ว่าการแสดงเรื่อง Kaguya-Hime อาจจะล่มไม่เป็นท่า :)"
   
"นี่...!"
   
"อ๊ะ อย่าเพิ่งโมโหสิคะ พราวเองก็รักพี่น้องในชมรมของพราวนะ ไม่อยากให้ 'คนนอก' มาสร้างความล้มเหลวให้กับชมรมการแสดงที่อยู่กันมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น เพราะฉะนั้น พราวยินดีนะคะ ถ้าพี่กัปตันจะขอร้องให้พราวมาเล่นแทนฟางน่ะ :)"
   
ดูก็รู้ว่าพี่กัปตันไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับคนอื่นๆ ที่มองพี่พราวด้วยสายตาผิดหวัง คงไม่คิดว่าคนในชมรมที่อยู่ด้วยกันมา จะร้ายได้ขนาดนี้!!
   
แต่ยังไม่ทันที่พี่กัปตันจะตอบโต้กลับไป ผมก็รีบยกมือห้าม แล้วตัดสินใจพูดซะเองเลย!
   
"หยุดพล่ามได้แล้วพี่พราว!"
   
"นี่แกว่าไงนะ!?" พี่พราวหันมามองผมตาขวาง หึ! แต่ผมไม่กลัวหรอก!!
   
"ผมบอกให้พี่หยุดพล่ามได้แล้ว!!!"
   
ผมตวาดสุดเสียง รู้สึกโมโหจนตัวสั่นไปหมดแล้ว! ที่ต้องมาทนฟังคำพูดเน่าๆ ของผู้หญิงคนนี้น่ะ!!
   
"กะ...แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้!?"
   
"แล้วทำไมผมจะไม่กล้า! ในเมื่อผมไม่จำเป็นที่จะต้องมาพูดดีกับคนที่ทำร้ายผมอยู่แล้วนี่!"
   
"งั้นก็ดี ฉันเองก็จะได้ไม่ต้องพูดดีกับแกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็รู้เอาไว้ซะด้วย ว่าแกกำลังจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพียงเพราะว่าความเห็นแก่ตัวที่ไม่ปล่อยบทเจ้าหญิงคางุยะให้คนอื่นน่ะ!"
   
"หึ! ใช่ ผมมันเห็นแกตัว แต่แล้วทำไมล่ะ ทำไมผมจะต้องยกบทนี้ให้ใครง่ายๆ ในเมื่อผมได้มันมาด้วยความสามารถ ผมพยายามเพื่อมัน เจอเรื่องราวทั้งร้ายและดีก็เพราะมัน แถมยังเหนื่อยกับมันมาตั้งนาน ผมก็ควรที่จะได้รับมันสิ หรือมีใครจะเถียง!!?" ผมระบายความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจทั้งหมดออกไปเหมือนคนบ้า คือคิดว่าถ้าใครคัดค้านอะไรขึ้นมาตอนนี้ ผมได้ด่าสวนกลับไปแน่ แต่ก็ไม่มี... ทุกคนได้แต่เงียบอึ้ง บ้างก็ถึงกับหลบตาผมเลย "ถ้าไม่มี งั้นก็เชิญพี่พราวออกไปจากห้องซ้อมนี้ได้แล้วครับ ผมต้องการจะซ้อมต่อ ส่วนพี่พราวเองก็ควรจะซ้อมฉากเดียวของพี่ให้ดีล่ะ เดี๋ยวคนจะไม่ทันสังเกต!"
   
"นี่แก...!" พี่พราวดิ้นใหญ่เลย เหมือนอยากจะเถียงอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็กลืนมันลงคอไป
   
"เออ!! ฉันไปแน่ แล้วมาดูกันว่าพอถึงวันจริงแกจะรอดมั้ย!?"
   
"ผมรอดแน่ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก" ผมแสยะยิ้มให้พี่พราวหนึ่งที ก่อนจะหันหลังให้ เป็นการตัดบทสนทนา
   
"เออ!!" ก่อนที่นางมารร้ายจะกระทืบเท้าปึงปังออกจากห้องไป
   
ผมหันกลับมามองทุกคนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพี่พราวออกไปแล้ว ทว่าทุกคนก็ยังไม่ยอมขยับตัว เอาแต่มองผมอึ้งๆ อยู่นั่นแหละ โดยเฉพาะพี่กัปกันนี่ถึงกับหน้าเหวอแบบนี้เลย >> -O- ผมก็เลยต้องตัดสินใจช่วยกระตุ้นกันเล็กน้อย
   
"ยืนอึ้งอะไรกันอยู่ทำไม ซ้อมต่อสิครับ!"
   
ก่อนที่ทุกคนจะรีบขยับตัวเพื่อซ้อมกันต่อ...

จบบทที่ 19

แฮมสเตอร์ : ขอบคุณที่อ่านนะครับ ถ้าหากชอบ หรืออยากพูดคุยถึงเรื่องนี้ในทวิตเตอร์
ฝากรบกวน #บทนางเอก ด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
เปิดม่านการแสดง


เวลาเดินไปไวเหมือนโกหก อีกแค่เพียงอาทิตย์เดียวก็จะถึงวันแสดงจริงแล้ว บัตรก็ขายไปจนหมดทั้งสองเรื่องแล้วด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มทั้งกำลังใจ และความตื่นเต้นให้กับชมรมเป็นอย่างมาก >_< แต่ด้วยความที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ก็เลยไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงอีก
   
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่กัปตัน... อืม... ก็เหมือนเดิมนะ -///- เพราะผมเองก็ยังไม่ได้บอกความจริงที่ว่าผมมีใจให้พี่กัปตันออกไป ทำให้ทุกๆ ครั้งที่พี่เขาฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งผม เป็นต้องงงใหญ่ เพราะผมดัน 'ลืมขัดขืน' น่ะนะ แต่ก็ยังไม่เกินเลยไปถึง 'ขั้นนั้น' หรอก มากสุดก็... จูบนั่นแหละ >///<
   
จนหลายๆ ครั้ง พี่กัปตันถึงขั้นถามออกมาตรงๆ เลยว่าทำไมถึงยอมพี่เขามากขนาดนี้ ผมก็ต้องตีเนียนทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ ทั้งที่ในใจนี่คือเต้นรัวยิ่งกว่ากลองในเพลงเร็วของวง Bodyslam อีกกกก! แต่ก็นะ ผมเคยบอกไปแล้วนี่ว่าผมขีดเส้นตายไว้แล้วว่าหลังจากการแสดง Kaguya-Hime ปิดม่านการแสดงลง ดังนั้น ตอนนี้ก็ขออยู่แบบไม่มีคำนิยามใดๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เอาไว้ถึงเวลา ผมจะบอกทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ แล้วตอนนั้นพี่กัปตันเขาอยากจะใช้คำว่าอะไร ก็ตามใจพี่เขาเลย :)

* * * * * * *
   
วันแสดงจริง
   
และแล้ว... วันแสดงจริงก็มาถึงงงง!!!!
   
ผมตื่นเต้นมาก >O< เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ก็เลยต้องนอนคุยกับพี่กัปตัน (ที่ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน) ไปเรื่อยๆ เพราะว่ามาค้างที่ห้องพี่เขา จะได้มาถึงโรงเรียนแต่เช้าพร้อมกัน โดนที่พี่เขาไม่ต้องตื่นเช้ากว่าเพื่อไปรับผมอีก
   
เราทั้งสองคนมาถึงโรงเรียนกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อที่จะได้ซ้อมกันอีกหนึ่งรอบ และพอทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทุกคนก็แยกย้ายกันไปแต่งหน้าแต่งตัวตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ
   
ยิ่งใกล้เวลาแสดงมากเท่าไหร่ ความวุ่นวายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะพี่กัปตันที่ต้องตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกอย่าง จนกระทั่ง...
   
"ทุกคน ท่านมงคลมาแล้ว มาดูกันเร็ว!" พี่แบมแบมเปิดเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดงชายด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ทุกคนจะแห่กันไปดู ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงผมด้วย
   
...ท่านมงคลกำลังยืนคุยกับอาจารย์วารุณีอยู่ที่ด้านหน้าตึกชมรมการแสดง โดยที่วันนี้ท่านแต่งเครื่องแบบทหารมาซะเต็มยศ แถมยังหวีผมซะเรียบแปล้ ดูเด็กลงไปห้าปีเลยนะเนี่ย :)
   
"โห~ ทำไมหน้าดูดุๆ จัง สงสัยต้องโหดสมชื่อแน่ ฟางเองก็ต้องระวังไว้ อย่าให้ท่านจับได้นะ" พี่แบมแบมหันมาบอกผมด้วยความเป็นห่วง
   
"ครับ" ผมตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
   
หน้าดุงั้นหรอ? ผมว่าลุงแกดูขี้เก๊กมากกว่านะ ฮ่าๆๆๆ~ :D
   
"มาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวอีก!!!"
   
แต่แล้วจู่ๆ คนที่ดุแบบตัวจริงเสียงจริงอย่าง 'พี่กัปตัน' กลับมาโผล่ที่ด้านหลัง ทำเอาทุกคนแตกกระจายกันไปหมดเลย ยกเว้นผม
   
"ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวอีก" พี่กัปตันพูด ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
   
"เตรียมตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้เตรียมใจเลย"
   
"แล้วจะให้พี่ทำไงล่ะ พี่ไม่มีเวลามาช่วยบิ๊วอารมณ์ให้นะ เพราะเดี๋ยวพี่ต้องรีบไปเช็คเวทีต่อนะ"
   
"ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยิ้มให้ผมก็พอ :)"
   
ดูเหมือนพี่กัปตันจะเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำหน้าเครียดอยู่ พอเห็นว่าผมจงใจทำให้พี่เขายิ้ม ก็เลยยอมยิ้มออกมาจนได้
   
"ขอบคุณนะฟาง ตอนนี้พี่สติแตกไปหมดแล้ว กลัวมันจะออกมาไม่ดี"
   
"ไม่เอาน่าพี่" ผมแกล้งยกมือขึ้นบีบจมูกพี่กัปตันเบาๆ "เครียดมากเดี๋ยวหน้าแก่นะ"
   
"เดี๋ยวเหอะ" พี่กัปตันแกล้งทำเสียงดุ ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วขอตัวแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ส่วนผมก็กลับไปเตรียมพร้อมในส่วนของตัวเองเช่นกัน
   
...
   
หลังเวทียังคงวุ่นวายเหมือนเดิม ยิ่งม่านใกล้จะเปิด ความวุ่นวายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ จนกระทั่ง... นาฬิกาบอกเวลาสิบโมง และผู้ชมก็เต็มโรงละครแล้ว พี่กัปตันเลยสั่งให้แบ็คสเตจดับไฟลง ก่อนที่พี่เขาจะเป็นคนประกาศกติกามารยาทในการรับชมละครเวทีไปตามเรื่อง และ...
   
"ขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime ได้ ณ บัดนี้~"
   
สิ้นเสียงของพี่กัปตัน ม่านการแสดงก็เปิดออกในทันที พร้อมกับที่ผมบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า... ฉันคือเจ้าหญิงคางุยะ!
   
...
   
ม่านเปิดออกพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ชมจำนวนมากที่ตั้งตารอชมมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเหล่าบรรดาศิษย์เก่าของชมรมการแสดงที่ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงกันเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังคงกลับมาชมละครของโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในอาชีพของพวกเขา
   
ฉากแรกที่ทุกคนได้เห็น คือป่าไผ่ที่มีความงดงามในยามค่ำคืน ก่อนที่ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ (พี่อาร์ท) จะเดินแบกต้นไผ่ที่ตัดออกมา และตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ ปล้องไผ่ปล้องหนึ่งส่องแสงเรืองรองออกมา ทำให้ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ ตัดสินใจวางต้นไผ่ที่แบกลง แล้วเดินไปตัดปล้องไผ่นั้นออกดูด้วยความสงสัย ปรากฏว่า...! พบเด็กสาวขนาดเท่าหัวแม่มือ (เป็นตุ๊กตา) หลับอยู่ในนั้น ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะดีใจใหญ่ ก่อนจะชูเด็กสาวให้ผู้ชมทุกคนได้ดู
   
"นับเป็นโชคดีของข้า ที่ได้มาพบกับเด็กน้อยผู้นี้ ข้าจะนำเขากลับไปเลี้ยง และตั้งชื่อให้ว่า คางุยะ-ฮิเมะ"
   
หลังจากตะเกะโตริ โนะ โอะกินะกล่าวกับผู้ชมเสร็จ ก็ประคองเด็กน้อยไว้ด้วยมือข้างนึง แล้วแบกไผ่ขึ้นบ่าอีกข้างนึง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฉาก
   
ม่านปิดลงครั้งนึง ก่อนจะเปิดอีกครั้งด้วยฉากบ้านของตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ เสียงบรรยายเล่าให้ฟังถึงการเติบโตของคางุยะ-ฮิเมะที่เติบโตและมีขนาดเท่ากับเด็กทั่วไป ในขณะที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าตะเกะโตริ โนะ โอะกินะจะตัดไผ่กี่ครั้ง ก็จะพบทองอยู่ในนั้น จนกลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมา
   
คางุยะ-ฮิเมะวัยเด็ก (น้องจันทร์เจ้า) ปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น ด้วยการวิ่งเล่นและมีวีรกรรมสุดป่วนมากมาย จนเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นแม่ (พี่แบมแบม) ได้อยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้มากเลยด้วย
   
หลังจากที่ฉากความสนุกสนานอันยาวนานของคางุยะ-ฮิเมะวัยเด็กจบลง ... ทุกคนออกไปจากฉากจนหมด เหลือเพียงคางุยะ-ฮิเมะวัยเด็กที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในประตูห้องนอนของเธอ
   
แม่ของคางุยะ-ฮิเมะเดินออกมาจากฉากอีกครั้ง เพื่อหอบผ้าที่ตากไว้จนแห้งมาพับ ก่อนที่ฉันจะเปิดประตูออกมาอย่าร่าเริง พร้อมกับชุดกิโมโนตัวใหม่ลายดอกซากุระที่แม่ตัดให้ ทั้งฉันและแม่มีความสุขที่ได้ชื่นชมมัน ก่อนที่ท่านพ่อจะกลับมาชื่นชมมันกับฉันด้วย ^-^
   
ก่อนที่เสียงบรรยายจะเล่าถึงการที่ท่านพ่อพยายามเก็บฉันเอาไว้ในบ้าน เพื่อไม่ให้ผู้ใดได้พบ แต่สุดท้ายความงามของฉันก็เลื่องลือไปทั่ว จนไปเข้าหูเจ้าชายทั้งห้าพระองค์
แต่ฉันไม่ชอบเจ้าชายทั้งห้าพระองค์นี่ เพราะฉะนั้นจึงเสนอบททดสอบออกไป โดยการให้เจ้าชายแต่ละพระองค์ไปนำสิ่งของที่พวกเขาไม่มีวันหาได้มาให้กับฉัน
   
คืนนั้น ฉันจึงให้ท่านพ่อไปทูลเจ้าชายแต่ละพระองค์ถึงสิ่งต่างๆ ที่ฉันต้องการให้นำกลับมา หากใครนำกลับมาได้ ฉันก็จะยอมเลือกเจ้าชายองค์นั้น โดยเจ้าชายองค์แรก (พี่ภพ) ต้องไปทรงนำบาตรหินของพระโคตมพุทธเจ้ามาจากอินเดียกลับมาให้ องค์ที่สอง (พี่ไม้) ต้องทรงนำกิ่งไม้ประดับอัญมณีจากเกาะเพ็งกลาอิในประเทศจีนมาให้ องค์ที่สาม (พี่วิทย์) ต้องทรงไปนำเสื้อคลุมของหนูไฟจากเมืองจีนกลับมาให้ องค์ที่สี่ (พี่จักร) ต้องทรงไปถอดอัญมณีจากคอมังกรมาให้ และองค์ที่ห้า (พี่มะตูม) ต้องทรงไปหาหอยมีค่าของนกนกนางแอ่นกลับมา ... แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเจ้าชายพระองค์ใดทรงทำสำเร็จ...
   
หลังจากนั้น ฉันก็ได้พบกับจักรพรรดิมิคาโดะ (พี่ตะวัน) จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นที่ทรงมาเพื่อทอดพระเนตรความงดงามอันลือเลื่องของฉัน ก่อนที่พระองค์จะตกหลุมรักฉัน และทรงขอฉันแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้ว... ฉันเองก็แอบมีใจให้พระองค์เช่นกัน... (ตามบทที่พี่กัปตันเขียน) แต่ก็ต้องกราบทูลไปว่า...
   
"ขอประทานอภัยด้วยเพคะ แต่ว่าหม่อมฉันเป็นสตรีผู้มาจากแดนไกล ทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าไปในพระราชฐานของพระองค์ได้"
   
ฉันทูลจักรพรรดิมิคาโดะไปตามความสัตย์จริง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังทรงติดต่อกันเรื่อยมา และฉันก็ยังคงปฏิเสธคำขอของพระองค์มาโดยตลอด
   
จนวันหนึ่งในฤดูร้อง ฉันเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เมื่อเห็นพระจันทร์เต็มดวง เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนของมนุษยโลก และอีกไม่นานจะต้องกลับไปยังจันทรประเทศที่จากมา จึงได้ตัดสินใจสารภาพความจริงกับท่านพ่อและท่านแม่ด้วยความโศกเศร้า
   
เมื่อถึงวันที่จะต้องกลับไปจริงๆ ... จักพรรดิมิคาโดะทรงส่งทหารมาล้อมบ้านของฉันไว้ แต่เมื่อทูตจากสรวงสวรรค์ลงมารับตัว ทหารทุกคนต่างก็ตาบอดเพราะความแรงของแสงที่ส่องสว่างจากขบวนทูตสวรรค์ (แสงสปอร์ตไลท์)
   
ฉันตัดสินใจประกาศให้ทุกคน รวมถึงผู้ชมได้ทราบว่า...
   
"แม้ว่าตัวฉันจะมีความรักเพื่อนหลายคนบนมนุษยโลก แต่ก็จำต้องเดินทางกลับไปยังจันทรประเทศซึ่งเป็นบ้านเมืองที่แท้จริงของตนเอง"
   
ก่อนจาก ฉันมอบจดหมายเพื่อขอโทษท่านพ่อและท่านแม่ พร้อมกับมอบเสื้อคลุมให้ท่านเป็นของที่ละลึก และยังฝากจดหมายไปส่งให้กับจักรพรรดิมิคาโดะ โดยที่มีผอบยาอายุวัฒนะแนบไปกับจดหมายด้วย
   
ทันทีที่ฉันเอาเสื้อคลุมขนนกพาดไหล่ ความคิดถึงและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับมนุษยโลกก็หายไปจนหมดสิ้น ก่อนจะกลับไปยังจัทรประเทศ พร้อมกับขบวนทูตสวรรค์ ทิ้งท่านพ่อและท่านแม่ไว้กับความโศกเศร้าจนในที่สุดก็ล้มเจ็บ
   
ม่านปิดลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดออกด้วยฉากพระราชวังที่ทำเอาผู้ชมตื่นตาตื่นใจในความงดงามของมัน ... ทันทีที่ได้อ่านจดหมาย จักรพรรดิมิคาโดะก็ทรงสั่งการกับบรรดาทหาร (มีไอ้กบรวมอยู่ด้วย) ให้ตามหาภูเขาลูกใดที่สูงที่สุดที่ใกล้สรวงสวรรค์ที่สุด แล้วนำจดหมายของคางุยะ-ฮิเมะไปเผา เพื่อที่ว่าความคิดถึงจะล่องลอยไปยังสรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งให้นำผอบยาอายุวัฒนะไปเผาด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่า...
   
"ข้าไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล โดยปราศจากคางุยะ-ฮิเมะ"
   
และแล้วม่านการแสดงก็ปิดลง... ก่อนจะเปิดขึ้นมาให้ผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง กับฉากผู้เขาไฟฟูจิที่มีควันลอยขึ้นมาจากยอด เพื่อเล่าด้วยภาพให้ผู้ชมได้รู้ว่า 'ภูเขาที่สูงที่สุดที่ใกล้สรวงสวรรค์ที่สุด' ก็คือ 'ภูเขาไฟฟูจิ' นั่นเอง
   
ก่อนที่ม่านการแสดงของละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime จะปิดฉากลงอย่างสวยงาม ❤
   
...
   
ในที่สุด ละครก็จบลงอย่างสวยงาม!!
   
ทุกคนในทีม Kaguya-Hime ดีใจกันยกใหญ่ที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยที่แม้ว่าม่านการแสดงจะปิดลงแล้ว แต่ผู้ชมด้านนอกก็ยังปรบมือกันไม่เลิก
   
แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจกันอยู่นั้น จู่ๆ พี่พราวที่อยู่ในชุดนางเงือกก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังเวที พร้อมกับสคริปและไมค์ในมือ รวมถึงรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าด้วย!
   
"มาทำไมพราว แล้วเหมยล่ะ!?" พี่กัปตันตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่อง แต่ผมดึงแขนห้ามเอาไว้ก่อน เพราะทุกคนในทีมยังจะต้องออกไปปรากฏตัวหน้าม่านอีกครั้ง ยังไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันตอนนี้
   
"ใจเย็นสิคะพี่กัปตัน พราวมาดีนะคะ พอดีชุดเงือกของพี่เหมยมีปัญหา ต้องรีบซ่อมด่วน พราวก็เลยมาเป็นพิธีกรกล่าวชื่อให้เองน่ะค่ะ แต่ก่อนจะออกไป ขอแสดงความยินดีกับละครด้วยนะคะ ที่ได้จบลงอย่างสวยงาม ท่านมงคลลุกขึ้นปรบมือใหญ่เลย :)" พี่พราวยิ้มหวาน ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มชั่วร้ายให้ผมอีกหนึ่งที แล้วเดินออกไปหน้าม่าน
   
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน 'พราวฟ้า วิมานเมฆ' จะมาทำหน้าที่กล่าวชื่อนะคะ เริ่มจาก หัวหน้าฝ่ายอาร์ท..."
   
พี่พราวเริ่มกล่าวชื่อของทีมงานเบื้องหลัง เพื่อให้ออกไปโชว์ตัวให้ผู้ชมได้เห็นกันหน้าม่าน ซึ่งก็ได้รับเสียงปรบมือกันยกใหญ่ โดยเฉพาะฝ่ายอาร์ทที่สามารถทำฉากพระราชวังออกมาได้อย่างงดงาม
   
"ต่อไปเป็นทีมนักแสดงนะคะ เริ่มจากเจ้าชายห้าพระองค์ ได้แก่..."
   
และเนี่ยแหละคือสิ่งที่ทุกคนกำลังเป็นกังวล... เพราะแม้ว่าการกล่าวชื่อที่ผ่านๆ มาของพี่พราวจะไม่มี 'คำนำหน้า' ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจยัยนางมารได้มากน้อยแค่ไหน...
   
"นี่ยัยพราวมันจะเล่นแง่อะไรมั้ยเนี่ย!?" พี่แบมแบมพูด แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ พี่เขาก็ถูกขานชื่อให้ออกไปซะก่อน
   
ซึ่งถ้าเป็นไปตามคิว ต่อไปก็จะเป็นพี่อาร์ท เป็นพี่ตะวัน แล้วก็ผม ก่อนที่จะปิดด้วยพี่กัปตันเป็นคนสุดท้าย...
   
"ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ รับบทโดย วัสพล" พี่อาร์ทเดินออกไป
   
"จักรพรรดิมิคาโดะ รับบทโดย ตะวัน" พี่ตะวันเดินออกไป
   
คราวนี้ก็ตาผมแล้วสินะ :)
   
"คางุยะ-ฮิเมะ รับบทโดย... 'นาย' สุทธิยา :)"
   
พี่กัปตันทุบกำปั้นลงกับมือเต็มแรง! เพราะในที่สุดพี่พราวก็เล่นงานผมจนได้ หึ! แต่ผมไม่กลัวหรอก ^_^ ผมยิ้มให้พี่กัปตัน ก่อนจะเดินออกมานอกฉากด้วยรอยยิ้มนั้น
   
และสิ่งแรกที่ผมเห็นคือใบหน้าที่อึ้งค้างไปเลยของท่านมงคลที่กำลังยืนปรบมืออยู่แถวหน้าสุด โดยที่สายตาคู่นั้นจ้องมาที่ผมไม่วางตา :)
   
"และสุดท้าย คนเขียนบทและผู้กำกับคนเก่งของเรา อัครเทพ~!"
   
พี่กัปตันเดินออกมายืนข้างผมด้วยใบหน้านิ่ง ไม่ยิ้มไม่แย้มเหมือนคนอื่นๆ จนผมต้องแอบกระซิบว่าให้พี่แกยิ้มนั่นแหละ ถึงจะยอมยิ้มออกมาได้
   
อาจารย์วารุณีลุกเดินมาหาพวกเราจนติดขอบเวที "ขอบคุณพวกเราทุกคนนะ ละครสนุกมาก ต่อจากนี้ไม่ต้องไปสนใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" อาจารย์มอบช่อดอกไม้ให้กับพี่กัปตัน ก่อนจะหันไปส่งสายตาคาดโทษให้พี่พราวที่จงใจพูดคำว่า 'นาย' ออกมา แล้วเดินกลับไปนั่งที่
   
"เอ่อ... ต่อไปนะคะ... ขอกราบเรียนเชิญ ท่านมงคล ผู้ชมกิตติมศักดิ์ของเรา ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย สำหรับละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime ค่ะ"
   
พอพี่พราวกล่าวเชิญเสร็จเรียบร้อย ท่านมงคลก็ลุกขึ้นเดินมาบนเวที โดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะกำลังโบกไม้โบกมือให้กับพี่ฟิล์มที่นั่งยิ้มภูมิใจอยู่ตรงแถวสาม
   
"สวัสดีครับทุกท่าน" ท่านมงคลเริ่มกล่าวทักทายเมื่อขึ้นมายืนอยู่ด้านหน้านักแสดงทุกคน "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสดูละครเวทีกับเขาบ้าง ทั้งๆ ที่อายุก็จวนจะปูนนี้แล้ว แต่ก็ต้องขอบอกเลยว่า นับเป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิตที่สนุกสนาน สวยงาม และติดตาผมได้ดีจริงๆ จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือละครเวทีของเด็กนักเรียนมัธยม นับว่า เยาวชนของเรานี่เก่งมากจริงๆ" ผู้ชมด้านล่างพากันปรบมือเห็นด้วยเป็นการใหญ่ ทำเอาท่านมงคลเริ่มยิ้มออก และกล่าวต่อ...
   
"โดยเฉพาะผู้กำกับของเรื่อง" หันไปทางพี่กัปตัน "เห็นว่าเขียนบทด้วยใช่มั้ย ดีๆ ถือว่ายิ่งเก่งเข้าไปใหญ่" ท่านมงคลปรบมือให้พี่กัปตัน ก่อนที่จะเดินมาโอบไหล่ผม แล้วพามายื่นด้วยกันข้างๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน... "และที่สำคัญที่สุด ขอเสียงปรบมือให้กับ 'หลานชาย' ของผม สุทธิยา หรือ ฟาง ที่รับบทคางุยะ-ฮิเมะได้อย่างยอดเยี่ยม" เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง "จนผมลืมไปเลยนะครับเนี่ย ว่านี่เป็นหลานชายโผมมม~" ท่านมงคล หรือก็คือ 'ลุงมงคล' พี่ชายแม่ กล่าวอย่างภูมิใจที่ได้รู้ว่าหลานชายของตัวเองรับบทนำของเรื่อง ก่อนจะปล่อยให้ผมเดินกลับไปยืนข้างๆ พี่กัปตันเหมือนเดิม
   
"อ้อ! แล้วอีกอย่างนึงที่ผมอยากจะแก้ข่าวก่อนจากกันวันนี้ คือ... ผมไม่ได้เป็นนายทหารที่รังเกียจเพศที่สามนะครับ ฮ่าๆๆๆ~ เห็นลือกันหนาหูเหลือเกิน เพราะว่าผมชอบทุกเพศนั่นแหละครับ ขอให้เป็นคนดีของสังคมก็พอ แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี รับรองเจอผมแน่ ... ขอบคุณครับ :)"
   
ทันทีที่ลุงมงคลกล่าวจบ ก็ส่งไมค์คืนให้กับพี่พราวที่ตอนนี้กึ่งปกติกึ่งช็อกไปแล้วที่สุดท้ายผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ... ก่อนที่เราทั้งหมดจะร่วมกันถ่ายรูป โดยมีรอยยิ้มจากคนบนเวทีเกือบทุกคนส่งมาให้ผม ยกเว้น...พี่กัปตัน อ้าว!?

* * * * * * *
   
ห้องซ้อมหมายเลขหนึ่ง
   
"มานี่เลย!"
   
พี่กัปตันแอบลากผมมาที่ห้องซ้อมกันสองคน หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนเหงือกแห้งแล้ว นี่คงไม่พอใจเรื่องที่ผมปิดบังเรื่องลุงมงคลสินะ :)
   
"อะไรกัน ทำไมต้องลากมาแบบนี้ด้วย"
   
"ไม่ต้องมาพูดเลยนะ ยังจะมายิ้มอีก! รู้ตัวมั้ยว่าทำให้พี่โกรธแค่ไหน ที่โกหกเรื่องท่านมงคลน่ะ!"
   
แม้ว่าเสียงของพี่กัปตันจะดัง แต่จากที่รู้จักกันมานาน ก็ทำให้รู้ว่าพี่กัปตันน่ะเขาไม่ได้โกรธจริงๆ หรอก แต่แค่งอนเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น น่าจะง้อได้ง่ายๆ :)
   
"ผมขอโทษ~" ผมเดินเข้าไปเกาะแขนของพี่กัปตันเอาไว้อย่างออดอ้อน "ผมแค่อยากจะเซอร์ไพรส์ทุกๆ คนเท่านั้นเอง อย่าโกรธเลยน้า น้าาาา~"
   
แล้วมีหรอที่อ้อนขนาดนี้แล้วจะไม่หายงอนน่ะ :)
   
"เซอร์ไพรส์กับผีน่ะสิ" นั่นไง เริ่มเสียงอ่อนลงแล้ว "นี่พี่เตรียมตัวคุกเข่าขอร้องท่านมงคล ในกรณีที่ท่านไม่พอใจแล้วนะเนี่ย -^-" ก่อนจะดันหัวผมเบาๆ หนึ่งทีเป็นการลงโทษ
   
"โห~ รู้งี้เตี๊ยมกับลุงดีกว่า จะได้เห็นพี่กัปตันคุกเข่าด้วย ฮะฮ่า!!"
   
"ยังจะมาพูดอีก!" ผมก็เลยโดนพี่กัปตันดันหัวอีกทีนึง -..-
   
"เอาน่าๆ เลิกงอนกันดีกว่านะ ถึงเวลานี้ต้องยิ้มเข้าไว้สิ ละครเวทีที่พี่กัปตันกำกับประสบความสำเร็จแล้วนะ :)"
   
พี่กัปตันค่อยๆ คลายหน้างอน ก่อนจะเผยรอยยิ้มดีใจออกมาในที่สุด
   
"จริงด้วย เห้ออออออ~ ในที่สุดก็สำเร็จสักที!!" ก่อนจะชกมือขึ้นฟ้าเพื่อแสดงความดีใจ จนผมเผลอมองการกระทำนั้นอย่างเพลิดเพลิน
   
"ดีใจด้วยนะพี่" ผมหันหน้าเข้าหาพี่กัปตัน "พี่นี่เก่งจริงๆ เลย :)"
   
"ไม่หรอก ถ้าพี่ไม่ได้ฟางมารับบทนำนะ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ก็ได้"
   
"ใครว่าล่ะ พี่กัปตันนั่นแหละที่เก่งกว่า ถึงได้กำกับจนผมออกมาเป็นเจ้าหญิงคางุยะที่สมบูรณ์แบบได้ อ้อ แล้วอีกอย่าง พี่กัปตันยังเป็นผู้กำกับที่หน้าตาดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลยนะ"
   
"เฮ้ย! มีชมว่าหล่อด้วยหรอเนี่ย!? แหมๆๆๆ ปากหวานขนาดนี้ เดี๋ยวก็จูบให้หรอก :)"
   
แหมๆๆ ผมแค่พูดความจริงนี่ ทำไมถึงได้โยงมาเรื่องจูบซะได้ แล้วมีหรอที่ผมจะยอมแพ้ หึ!
   
"งั้นก็จูบดิ" ผมทำยักคิ้วท้าทาย
   
ทำให้คนที่กล้ากว่าอย่างพี่กัปตันโน้มหน้าลงมาหมายจะจูบผม แต่ผมดันออกเต็มแรง!
   
"อ้าว!?" พี่กัปตันทำหน้างง
   
"ผมเปลี่ยนใจละ" ทีนี้ถึงตาผมเอาคืนบ้าง "ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ยอมให้พี่แต๊ะอั๋งผมอีก เพราะว่าผมจะเก็บไว้ทำกับแฟนในอนาคตของผมเท่านั้น!" ผมทำหน้าจริงจัง ทำเอาพี่กัปตันที่ได้ยินคำว่า 'แฟนในอนาคต' ถึงกับหน้าเสียไปเลย จนผมต้องรีบพูดต่อ เพราะแกล้งแล้วก็สงสารเอง -^- "แต่ถ้าพี่อยากทำ ก็ต้องมาเป็นแฟนผมก่อนนะ :)"
   
"อะไรนะ!?" พี่กัปตันถึงขั้นขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงง
   
โอเค นี่ก็พ้นเส้นตายแล้ว ถึงเวลาพูดความจริงได้แล้วสินะ :)
   
"พี่กัปตัน" ผมพูดด้วยเสียงจริงจังที่สุดในชีวิต "ผมรู้ ว่าผมเคยทำร้ายจิตใจพี่ โดยที่บอกว่าตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเป็นเพียงแต่ความต้องการของพี่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลย"
   
"..."
   
"แต่พอผมพูดแบบนั้นออกไป มันก็ทำให้ผมได้รู้ใจตัวเองว่า ที่จริงแล้วผมเองก็มีใจให้พี่เหมือนกัน"
   
"..."
   
"โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ถึงได้แตกต่างจากคนอื่น จนสามารถเข้ามาอยู่ในใจผมได้ แต่ที่แน่ๆ คือพี่เป็นคนที่ดีกับผมมาก พอๆ กับพี่ชายแท้ๆ ของผมเลย ดังนั้น ผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไปเด็ดขาด"
   
"..."
   
"เพราะถ้าวันไหนพี่จากผมไปจริงๆ ผมก็คงเสียใจมาก เพราะว่า..."
   
"..."
   
"ผมคิดว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พี่ มันเกินกว่าคำว่า 'ชอบ' ไปแล้ว"
   
"..."
   
"ขอโทษที่บอกช้า แต่ก็บอกแล้วนะ :)"
   
ไม่ต้องรอให้ผมพูดจนจบเลยด้วยซ้ำ พี่กัปตันก็ยิ้มกว้างไปเรียบร้อยแล้ว จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เช่นกัน ก็นะ เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็ย่อมจะต้องมีความสุขตามเป็นธรรมดา ^___^
   
"พี่ดีใจมากเลยนะรู้มั้ย อยากกอดฟางจนใจจะขาดแล้วเนี่ย!" ไม่พูดเปล่า พี่กัปตันก็ตั้งท่าจะกอดผม แต่ผมผลักออกเหมือนเดิม หึ!
   
"ถ้าอยากกอด ก็ขอเป็นแฟนก่อนดิ -^-" ผมแกล้งทำหน้างอน ที่พี่กัปตันไม่ยอมขอผมเป็นแฟนสักที
   
"ขอน่ะขอได้ แต่จะให้ขอในชุดเจ้าหญิงคางุยะแบบนี้เนี่ยนะ?"
   
"แหม~ ยังจะมาสนใจเรื่องพวกนี้อีก ทีเมื่อกี้ยังจะเข้ามาจูบอยู่เลย -^-"
   
"งั้นก็ได้ :)" พี่กัปตันคว้ามือผมไปกุมไว้แน่น ดูท่าทางดีใจที่จะได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาสักที "ฟางครับ เป็นแฟนกับพี่นะ?"
   
ผมแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นนิดนึง แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะไม่อาจที่จะแกล้งพี่กัปตันต่อไปได้อีกแล้ว
   
"ได้เลย ไม่มีปัญหา :)"
   
"ฮ่าๆๆๆ"
   
พูดจบแค่นั้น ผมก็โผเข้ากอดพี่กัปตันซะเองเลย ทำเอาคนตัวใหญ่หัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ แล้วกอดตอบกลับมาแน่นๆ จนผมรู้สึกได้ถึง... หัวใจสองดวงที่เต้นแรงไปพร้อมๆ กัน
   
รักนะ ไอ้หน้าดุ ❤

THE  END
ปิดม่านการแสดงอย่างเป็นทางการ : )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2016 18:25:48 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โอ้โห ลงทีเดียวจบเลยหรือนี่
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุ่นี้น่าร้ากกกก  :-[
จบซะแล้ว อยากอ่านตอนพิเศษ อยากเห็พี่กับตันกินน้องฟางงง  :hao7:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ฟิลกู๊ด......

อ่านเพลิน

ชิวๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อยากอ่านตอนพิเศษ ให้หวานกันอีกสักนิด  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ ค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆคับ ไม่สะดุดอ่านรวดเดียวจบ ขอบคุณนะคับที่เขียนเรื่องสนุกเรื่องนี้มาให้อ่าน

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อ่านจนจบในรอบเดียว ^^

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สนุกมากค่ะ อ่านเพลินเลย
ขอบคุณนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ในที่สุดก็เป็นแฟนกันนนน คนอื่นเค้าอ่านกันรวดเดียว แต่เราอ่านหลายวันเลย งานยุ่งมากก แต่ก็อดหลับอดนอนมาอ่านเรื่องนี้ สนุกน้า อ่านแล้วติดเลย ขอบคุณน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ของคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ miwmiwza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โห เรื่องแรกเลยที่จบไวขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ารักๆแบบนี้ เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่อยๆค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พระเจ้าช่วย กล้วยตาก มันยอดมากกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
อ่านรวดเดียวจบเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่กัปตัน น่ารัก อบอุ่นมาก ดูแลคนรักดีมาก
เป็นคนที่ชัดเจนมาก งานเป็นงาน ทำเต็มที่
เวลาจีบก็เต็มที่ หยอดได้ทุกเวลา รับส่งถึงที่ตลอด
ใครได้เป็นคนรักพี่กัปตันโชคดีจริงๆ /อิจมาก
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด