Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)  (อ่าน 107949 ครั้ง)

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017
«ตอบ #60 เมื่อ03-02-2017 22:19:41 »


   “ฉันว่าเราต้องไล่แม่บ้านคนนั้นออก” คนเป็นภรรยาเสนอความเห็นสามีตัวเอง

   “เรายังไม่รู้เรื่องที่แท้จริงนะคุณ” อีกฝ่ายบอก

   “แต่เด็กคนนั้นกุเรื่องให้ครูที่โรงเรียนผิดใจกับแม่เด็กเลยนะคุณ ถ้าเอาไว้มันจะเสื่อมเสียหรือเปล่า”

   “ไม่หรอกมั้ง…”

   “เชื่อฉันเถอะค่ะ” ฝ่ายหญิงจับที่ไหล่ของสามีเป็นการขอร้อง “ฉันไม่อยากให้เด็กคนนั้นอยู่ใกล้ปั๊มด้วย”

   “เฮ้อ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นน่ะนะ”

   “เป็นทางดีที่สุดค่ะคุณ”

   “ก็ได้ ผมจะคุยกับแม่บ้านคนนั้นดู”

   “ปั๊ม” คนเป็นแม่เรียกลูกชายตนเอง เด็กชายวัยสิบขวบซึ่งกำลังนั่งเล่นของเล่นออยู่หันหน้าไปมอง “อย่าริจะเป็นขโมยนะลูก ไม่มีใครเขาอยากคบค้าสมาคมด้วยนะ”

   “ครับ” เด็กชายพยักหน้าและหันไปสนใจของเล่นต่อ

   ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลย ว่ากำลังจะเสียคนที่คุ้นหน้าไปอีกหนึ่งคน…



   “ปั๊มคิดว่ายังไงลูก” อยู่ๆ ลุงวินัยก็มาจับแขน ทำให้ผมสะดุ้งหลุดออกมาจากการเหม่อลอย ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมบอร์ดบริหารกำลังมองผมเป็นตาเดียว

   ฉิบหาย ไม่ได้ฟังสักประโยคตั้งแต่เริ่มประชุมมาเลยครับ ทำไงดีเนี่ย

   “เอ่อ เรื่องอะไรนะครับ”

   “เรื่องงบประมาณที่เราขาดทุนไปไง” เพชรซึ่งนั่งถัดออกไปพูด

   “ขาดทุน? ขาดทุนเรื่องอะไรครับ” ผมยังคงถาม จนตรองที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดเพื่อตอบข้อสงสัย

   “ก็เรื่องที่มีคนจับได้ว่ามีแผนกไหนก็ไม่รู้ใช้งบประมาณเกินจริงน่ะครับ” เลขาผมว่า

   “เอ่อ… ตรวจสอบฝ่ายบัญชีหรือยังครับ” ผมพูด

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ ฝ่ายบัญชีไม่มีการหมดเม็ดใดๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เอ๊า เรื่องแบบนี้มันก็ต้องถามฝ่ายบัญชีก่อนปะวะ

   “เราเลยกังวลกันถึงโปรเจ็กต์เรื่องโรงอาหารกับสวัสดิการช่างของปั๊มกับการโฆนาประชาสัมพันธ์ของเพชร” ลุงวินัยชี้แจง “พวกเราเลยอยากให้ทั้งสองฝ่ายลองทำบัญชีรายจ่ายมาให้บอร์ดฯ ตรวจสอบกันหน่อยได้มั้ยครับ”

   “ได้ครับพ่อ” เพชรชิงพูดก่อน ไม่มีท่าทีไม่สบายใจแต่อย่างใด

   “ของผมไม่น่าจะมีปัญหานะครับ ผมเป็นคนเซ็นต์อนุมัติเองทุกอย่าง ผมตรวจสอบแล้ว” ผมชี้แจงบ้าง

   “แค่เอามาให้พวกเราดูเฉยๆ น่ะปั๊ม ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นไร” ลุงวินัยปรามเพราะเห็นว่าผมเริ่มมีน้ำเสียงแล้ว

   “ก็ได้ครับ ผมจะให้ตรองทำมาให้” ผมบอกทุกคน

   “ดีเลย งั้นจบการประชุมแค่นี้นะทุกคน” ลุงวินัยพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกไปคนแรก

   เพชรเดินเข้ามาหาผมซึ่งกำลังเก็บเอกสารส่วนตัวอยู่

   “กินข้าวยัง” เขายิ้มถาม

   “ไม่”

   “ไม่หิว?”

   “ไม่มีอารมณ์ …ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วมองเขา

   “ว่าจะชวนไปกินอาหารญี่ปุ่น”

   “พอเหอะเพชร มุกเก่าแล้ว” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอือมระอา เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกูสักทีวะ

   “ก็ได้ คราวหน้าจะหามุกใหม่ๆ มา ไม่พลาดแน่” มันหัวเราะ “มีผู้ช่วยแล้วรู้สึกยังไงบ้างตรอง สบายเลยอะดิ”

   ผมนิ่วหน้าเมื่อเพชรใช้คำพูดกระแทกเสียงแบบนั้น เอาจริงนะ ถึงยังไงตรองก็แก่กว่ามันเยอะปะวะ แต่กับผมเป็นหัวหน้าโดยตรงเราจะพูดกันยังไงก็ได้ และความสนิทของเรามันก็ทำให้การใช้คำพูดต่างๆ ราบรื่น แต่มันเป็นใคร คิดว่าตัวเองเหนือมากจากไหน ก็แค่ฝ่ายการตลาด

   “เอ่อ ก็ดีครับ” ตรองตอบทั้งๆ ที่หลบสายตา

   “ได้ยินมาว่ามิ้นตั้งใจทำงานดีเลยนิ”

   “ใช่” คราวนี้ผมตอบเอง “แต่จริงๆ เรายังไม่ค่อยสั่งงานอะไรมิ้นเลยนะ ไปเอามาจากไหนเหรอว่าทำงานดี”

   “ก็เขาช่วยเราจับตาดูปั๊มไง …ดีเชียวแหละ” เพชรยิ้มร้าย เฮ้อ นี่มึงจะมาไม้ไหนก็แสดงออกมาให้หมดเลยได้หรือเปล่าวะ เห็นแล้วหงุดหงิด

   “ฉันไปดีกว่า… อ้อ!” จู่ๆ มันก็ก้มลงคุกเข้ากับพื้นและผูกเชือกรองเท้าที่หลุดลุ่ยให้ผมใหม่ “เจอกี่ทีเชือกผูกรองเท้าหลุดตลอด”

   “พอดีไม่ชอบใส่รองเท้าหนัง ถ้าทำให้ลำบากก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”

   “ไม่ลำบากเลย ฉันผูกให้ได้ตลอดแหละ” เพชรลุกขึ้นมาหลังจากจัดการเสร็จแล้ว “อืม… ไอ้กัปตันมันทำให้ปั๊มแบบนี้หรือเปล่า”

   โอ๊ย จะพูดทำเหี้ยอะไรวะเนี่ย

   “แล้วเจอกันเพชร” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมอย่างหงุดหงิด ไอ้กัปตันอีกแล้วเหรอ แค่ได้ยินชื่อก็อารมณ์เสียแล้ว ห่าเอ๊ย


“คุณปั๊มครับ” ตรองเรียกผมขณะที่เรากำลังเดินออกจากลิฟต์

   “หือ?”

   “วันนี้ผมขอลาได้มั้ยครับ”

   “อ้าว? จะไปไหนล่ะ”

   “พอดีน้องสาวผมรับปริญญา ผมเลยจะขอไปหาสักหน่อยครับ… แต่ถ้าคุณปั๊มไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมอยู่ทำรายงานงบประมาณต่อเลยก็ได้”

   “ถามจริง นี่เห็นฉันเป็นพวกใจร้ายเหรอ” ผมกอดอกมองเลขา

   “เอ่อ… ก็ไม่นะครับ”

   “เออ! ก็ไปสิ ไม่ต้องมาพูดไร้สาระว่าถ้าไม่พอใจเดี๋ยวอยู่ต่ออะไรก็ได้นะ ฟังแล้วเหมือนฉันเป็นพวกกักกันทาสเลย ไม่ว่าอะไรหรอกน่า” ผมพูดพลางเหร่ตามองมิ้นซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกมองอยู่

   “เดี๋ยวให้มิ้นทำแทน”

   “อะไรนะครับ!?” ตรองเบิกตากว้าง “แต่ว่า…”

   “ฉันว่าเขาน่าจะทำได้นะ” ผมเดินเข้าไปยังโต๊ะของคนที่ถูกพูดชื่อ “มิ้น”

   “ครับ” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนทันที

   “วันๆ มิ้นทำอะไรบ้างเหรอ”

   “เอ่อ…” คนที่ถูกถามถึงกับทำท่าทางไม่ถูก

   “คุณปั๊ม…” ตรองเขย่าแขนผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง ทำไม ต้องพูดดีด้วยทุกครั้งเลยหรือไง

   แต่ผมไม่สนใจหรอก!

   “เราไม่รู้นะว่ามิ้นโดนคนอื่นสั่งมาว่ายังไง แต่มิ้นมาทำงานกับเรามิ้นต้องเป็นคนของเรา เข้าใจที่เราพูดใช่มั้ย!?”

   “ครับผม” มิ้นพยักหน้า

   “วันนี้ตรองจะลา เราอยากให้มิ้นทำรายงานงบประมาณของโปรเจ็กต์ที่เราทำไปหน่อย ถามได้จากตรองนะว่ามีอะไรบ้าง เอาเท่าที่ได้นะ ตรองจะได้มาทำต่อเองพรุ่งนี้”

   “ได้เลยครับ”

   “ส่วนตรอง” ผมหันไปบอกเลขา “ถ้าจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วก็ไปเลยนะ น้องสาวเรียนจบมีแค่ครั้งเดียว ถ้าฉันมีพี่ฉันก็อยากให้พี่มาหานะ”

   “ขอบคุณครับคุณปั๊ม” ตรองยกมือไหว้ แต่สายตายังคงวิตกกังวลอยู่

   “ไม่ต้องคิดมาก” ผมว่า “เลิกคิดเรื่องนั้นไปนานแล้ว”

   ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน

   เฮ้อ กัปตันไม่ได้ติดต่อมาหลายวันแล้ว และผมก็ไม่ได้ใจกล้าถึงขนาดถามหาเขากับมิ้นด้วย ยอมรับครับว่าการเห็นแฟนเก่ากัปตันมานั่งอยู่ใกล้ๆ ห้องทำงานไม่ใช่เรื่องดีเลย ยิ่งเป็นแฟนเก่าที่อยู่ด้วยกันแบบนี้มันเห็นแล้วหงุดหงิดใจไปหมด มิ้นไม่ได้ผิดนะ คนที่ผิดก็คงจะเห็นเป็นตัวกัปตันเองนั่นแหละ คนห่าอะไรชอบให้ความหวังแล้วก็ทิ้งไปดื้อๆ เนี่ย! แค่นึกถึงแค่นี้ก็หงุดหงิดแล้ว!

   ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาโดยหวังว่าจะได้เห็นข้อความอะไรจากกัปตันบ้าง แต่มันก็ไม่มี อืม…ความหวังลมๆ แล้งๆ จริงๆ

   
   ‘คิดถึง…’


   ผมพิมพ์มันค้างไว้แต่ชั่งใจลบมันออก โอเค ถ้าเขาไม่สนใจผมก็ไม่ต้องไปใส่ใจใช่หรือเปล่าล่ะครับ

   ผมเปลี่ยนใจต่อสายหาไอ้ไวน์ทันที

   [ว่าไงมึง] มันรับทันทีหลังจากดังไม่กี่ครั้ง นี่สิ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่กูยังสำคัญกับเขาอยู่ล่ะวะ

   “กูไม่ได้รักมัน”

   [แค่นี้นะ]

   “ไอ้เหี้ย! กูไม่ได้รักมันมึงเข้าใจมั้ย!!”

   [กูไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่… มึงรักมันแน่นอนปั๊ม] เสียงไอ้ไวน์ตอบกลับมา

   “มันไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเขาไม่ได้สนใจกูเปล่าวะ?”

   [นี่มึงเศร้าเหรอเนี่ย]

   “กูเป็นแบบนี้คงร่าเริงมั้งไอ้ห่า” ผมกุมขมับตัวเอง “ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย”

   [กูก็ไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้ กูขอโทษที่กวนตีนนะ]

   “นี่แหละที่กูรู้สึหงุดหงิด มันทำให้กูพังพินาศแบบนี้กูล่ะอยากถีบมันตกเครื่องบินให้สาสม”

   [มึงกำลังทำให้กูกลัวแล้วนะปั๊ม ใจเย็นๆ ก่อนมั้ย]

   “ถ้ามึงไม่อยากช่วยกูก็ไม่เป็นไร” ผมถอนหายใจ “เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง”

   [คิดเยอะๆ นะมึง]

   “คิดมาเยอะแล้ว คิดมานานพอแล้วด้วย กูจะหยุดแล้ว กูจะต้องไม่ใช่คนแพ้ มึงคอยดูแล้วกัน”

   ติ๊ด!

   ผมตัดสายเพื่อนรัก ผมจะไม่ยอมให้ใครมาตัดสินใจอะไรแทนอีกแล้ว

   “ตรอง” ผมเปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้าที่เริงร่า “ฉันว่าวันนี้ออกไปพร้อมกันดีกว่า ฉันเบื่ออะ”

   “เอ่อ… เหรอครับ” ตรองทำสีหน้าเหมือนจับได้ว่ากำลังจะเจอเรื่องไม่ชอบมาพากล

   “เดี๋ยวแวะไปส่งที่มหาลัยน้องสาวนายแล้วกันนะ” ผมพูดต่อ จากนั้นก็หันไปมองมิ้นที่กำลังทำหน้าสงสัย “มิ้น เรื่องรายงาน ฉันเปลี่ยนใจแล้ง ฉันขอเสร็จสมบูรณ์พรุ่งนี้เช้านะ” ผมยิ้มทิ้งท้าย

   “ครับผม” มิ้นพยักหน้าตอบรับ

   “ทำได้ใช่มั้ย!?”

   “แน่นอนอยู่แล้วครับ”

   “ดี งั้นฉันฝากด้วยนะ” ผมพูดก่อนจะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าออกมาจากห้องทำงานและจัดการโทรหาไอ้ไวน์อีกครั้ง

   [ฆ่าใครตายไปแล้วบ้าง] มันรับสายทันที

   “ยัง! ไอ้ห่ากูไม่ใช่ฆาตรกร” ผมพูดขณะที่เดินผ่านโต๊ะของมิ้นพร้อมกับพงกหัวให้ตรองเดินตามมาเพื่อเข้าไปในลิฟต์

   “ตอนนี้มึงว่างมั้ย” ผมถามคนในสาย

   [ตอนนี้? ว่าง ทำไมวะ?]

   “ไปกินเบียร์ทองหล่อกันเหอะ”

   [ฮะ!? แต่หัววันเลยเหรอวะ?]

   “กูเลี้ยง”

   [เออ กูอ่านเจอร้านนึงแม่งน่าโดนมาก เดี๋ยวกูพาไป] น้ำเสียงมันเปลี่ยนไปทันที ไอ้นรก ตามเคยครับ ไอ้นี่พูดถึงของฟรีนี่ไม่ได้เลย

   “แค่นี้แหละ อีกสิบนาทีเจอกัน” ผมตัดสาย เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกและผมกับเลขาก็เดินเข้าไป


   Rrrrrrrrrr.

   โอยยยย ใครมันโทรมาเวลานี้วะ

   ฮือออ ปวดหัวชะมัด เมื่อวานกว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบตีสอง ชีวิตแม่งไปไม่ถูกเลยครับ ไอ้ไวน์แม่งยิ่งบ้าพลังกับพวกของมึนเมาแบบนี้อยู่แล้วด้วย กับผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง ด้วยความหนักใจสะสมที่ผ่านมาทำให้ดื่มด่ำยามค่ำคืนได้ดีขึ้นไปอีก สรุปเมาเป็นหมาทั้งคู่ จำได้ว่าโดนสาวๆ จับถอดเสื้อถ่ายรูปกันด้วย ไม่รู้ภาพพวกนั้นส่งต่อไปไหนถึงไหนแล้วบ้าง เสียภาพลักษณ์หมดเลยกู

   ผมขมวดคิ้วมองชื่อที่โทรมาอย่างยากลำบาก ไอ้ห่าเอ้ย เมาค้างที่แท้จริง

   “ว่าไงตรอง” ผมรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

   [คุณปั๊มอยู่ไหนครับ] ปลายสายถามด้วยความร้อนรน

   “อยู่ในลิฟต์แล้ว สายนิดสายหน่อยหน่า” ผมพูดทั้งๆ ที่เพิ่งกดลิฟต์ สันดานชาวมาสายชัดๆ

   [ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่คือผมจะบอกว่าคุณปั๊มอย่าเพิ่งเข้ามาก็ได้นะครับ]

   “ทำไมล่ะ” ผมใช้หัวพิงผนังลิฟต์เพราะมันปวดหัวเหลือเกิน กลัวจะล้มเอา

   [ตอนนี้มีเรื่องแล้วครับ คุณปั๊มกดลิฟต์ไปชั้นอื่นก่อนก็ได้นะครับ]

   “อะไรของมึงเนี่ย มีอะไรก็พูดมายิ่งปวดหัวอยู่นะ!!”

   [คุณปั๊มต้องเชื่อผมนะครับ ไม่อย่างนั้น…]

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียงที่เงียบไปของตรอง ผมเห็นเลขาตัวดีกำลังแอบอยู่ที่มุมหน้าห้องน้ำซึ่งไกลจากห้องทำของผมพอดู สีหน้าดูวิตกกังวลมากเหมือนชีวิตมีปัญหารุมเร้า ผมหรี่ตามองด้วยความแฮงค์แต่ก็ไม่ได้สนใจนัก ตอนนี้แค่ต้องการงีบบนโซฟานุ่มๆ ในห้องทำงานเท่านั้นเอง

   แต่…

   ใครคนหนึ่งซึ่งตัวสูงใหญ่และมีไหล่กว้างยืนขวางทางเดินอยู่ เมื่อเขารู้ตัวว่ามีคนกำลังมองก็เลยหันหลังกลับมาหา และผมก็เห็น…กัปตันธีร์ซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักบินกำลังกอดอกมองผมอย่าง… ไม่รู้สิ ผมอธิบายไม่ถูก แต่ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากเลยสำหรับผม

   ถึงไม่อยากยอมรับ แต่ผมก็ขอบอกเลยว่าผมดีใจชะมัดเลยที่เห็นเขาอีกครั้ง

   สัส! แต่เหนืออื่นใด มาเจอกันตอนสภาพเมาค้างด้วยเหอะ

   “มาแล้วเหรอ” เขาถาม พูดด้วยความเย็นชา

[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #61 เมื่อ03-02-2017 22:22:26 »

[ต่อ]

“เอ่อ…มีอะไรเหรอ” ผมตัดสินใจคุยกับเขา

   “งานที่กำลังทำมันต้องเสร็จเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรือไง” กัปตันเดินเข้ามาหา เล่นเอาผมถอยกรูดแทบไม่ทัน

   “คุณเป็นอะไรเนี่ย”

   เออ! ไม่คิดจะทักทายกันด้วยซ้ำ!

   “ฉันไม่เป็นหรอก แต่มิ้นเป็น” เขาพูดพร้อมกับถอยออกไปทำให้ผมเห็นคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านหลังหลัง

   มิ้นตาโหลและขอบตาคล้ำขึ้นจนผมตกใจ ยังไม่นับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและท่าทางที่อิดโรยเหมือนคนกำลังไม่สบาย บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มต่างๆ ที่กระจัดการจายไม่เป็นที่เป็นทาง มิ้นไม่กล้าสบตาผม ทั้งๆ ที่มือกำลังเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างไม่ว่างมือ

   เชี่ย อย่าบอกนะว่าอยู่ทำงานทั้งคืน

   “ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อเช้ามืด ตั้งใจจะโทรบอกมิ้นให้ลงมาเปิดประตูเพราะลืมกุญแจไว้ในห้อง แต่มิ้นบอกว่าไม่ได้อยู่ที่คอนโด” กัปตันเริ่มพูด

   “อือ ผมสั่งงานมิ้นไว้เอง”

   “ใช่ บอกว่าขอเสร็จพรุ่งนี้ใช่มั้ยล่ะ”

   “คุณมีปัญหาอะไรหรือกัปตัน ผมใช้งานแฟนคุณไม่ได้เลยหรือยังไง” ผมสู้พร้อมกับเดินเข้าไปประจันหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว

   “แต่ตัวเองหนีไปเที่ยวจนเมาค้างแบบนี้น่ะเหรอ”

   “แล้วมันจะมีลูกน้องไว้ทำไมไม่ทราบ”

   “อย่ามากวนฉันนะ”

   “ผมไม่ได้กวนตีนคุณเลย” ผมกอดอกบ้าง “เป็นห่วงกันขนาดนี้ทำไมไม่ช่วยแฟนทำล่ะ”

   “อย่ามาไร้สาระ และเลิกพูดคำหยาบด้วย!”

   “เสือกเหี้ยไรด้วยล่ะ” ผมยิ้มอย่างกวนตีน

   “อย่ายั่วฉัน” กัปตันเดินเข้ามาใกล้จนเราเกือบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว “เห็นมั้ยว่ามิ้นกำลังไม่สบาย”

   “กับผมคุณเคยเป็นห่วงขนาดนี้มั้ยเนี่ย…” ผมกระซิบ

   “ว่าไงนะ” แววตาเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ช่างเถอะ ผมขี้เกียจใส่ใจ

   “จริงคุณก็คงเคยเป็นห่วงผมเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ขนาดนี้เลยจริงๆ”

   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ย”

   “ผมก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน เพราะคุณคงไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไงอยู่แล้ว”

   “…”

   “ถึงผมไม่ได้ป่วยกายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสบายดีนะ” เสียงผมสั่นพร่า บ้าเอ๊ย! “แต่ถ้าจะพูดเรื่องนี้ต่อ ผมก็ขอยืนยันว่าผมมีสิทธิ์ใช้ลูกน้องทำอะไรก็ได้”

   หมับ!!

   จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือผมไว้จนแน่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สะบัดไม่ออกแล้ว

   “ปล่อย!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา

   “ไม่!” เขาส่งแววตาดุร้ายนั่นให้ผมอย่างไม่ลดละ “จริงๆ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาหาเธออยู่แล้ว แต่ถ้าเธองี่เง่าแบบนี้ฉันก็คงไม่มีเรื่องพูดกับเธออีก”

   “ก็ไม่ต้องพูดสิ!” ผมพยายามสะบัดหนีอีกครั้ง “ปล่อย”

   “ทำไมเหรอปั๊ม ทำไมมันจะต้องร้ายกับเขาด้วย ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร”

   “คุณมันคนตอแหล! ที่คุณทำน่ะมันตรงข้ามกับที่บอกหมดเลยรู้ตัวหรือเปล่า!!”

   “อย่าพูดกับฉันแบบนี้นะ ฉันมีเหตุผล”

   “เหตุผล!? เฮอะ! ก็แค่พวกเห็นแก่ตัวอีกคนนั่นแหละ ในใจจะเอากี่คนละครับกัปตัน ต้องได้กี่คนถึงจะพอใจ!”

   “ปั๊ม!!”

   พลั่ก!

   ผมต่อยไปที่แขนของกัปตันอย่างแรงจนเซ เขามองผมด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อตัวเอง

   พลั่ก!!

   “อย่าทำแบบนี้ปั๊ม”

   “ปล่อย!!”

   พลั่ก!!

   ผมต่อยเขาอีกรอบ ตอนนี้เราทั้งคู่ยื้อกันไปมา กลายเป็นว่ากัปตันต้องใช้มืออีกข้างเพื่อป้องกันแรงหมัดของผม

   แต่ทว่า…

   “โอ๊ย!” ผมเซตามแรงเหวี่ยงของกำปั้นจนล้มลงกับพื้น ไม่รู้ว่ากัปตันทำผมหลุดมือหรือตั้งใจปล่อยกันแน่ ความเจ็บปวดไล่มาตั้งแต่สะโพกจนถึงต้นขา สีหน้ากัปตันดูตกใจไม่แพ้กัน

   “ปั๊ม…” เขายื่นมือเข้ามาช่วย

   “ออกไป!!” ผมตะโกนลั่นจนกัปตันสะดุ้ง

   “ฉันขอโทษ”

   “อย่ามายุ่งกับกู!!” ไอ้ห่าเอ๊ย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะน่าสมเพศได้ขนาดนี้

   “ปั๊ม…”

   “เออ! กูผิดเอง!! พอใจมั้ย” ผมมองหน้าเขาอย่างเดือดดาล

   “ลุกขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องได้มั้ย”

   “บอกว่าอย่ายุ่งไง!” ผมสะบัดตัวหนีเมื่อเห็นว่ากัปตันยื่นมือมาให้อีกรอบ

   “คุณปั๊มครับ” คราวนี้เป็นตรองที่เดินเข้ามาช่วยพยุง สีหน้าเหมือนจะร้องไห้และก็ดูไม่พอใจเมื่อมองกัปตัน

   “พากูออกไปจากที่นี่ที” ผมพูดอย่างขอร้อง

   “ได้ครับ ค่อยๆ ลุกนะครับ” เราสองคนทุลักทุเลกว่าจะยืนขึ้นได้

   “ปั๊ม…” เสียงกัปตันธีร์ยังคงไล่หลังมา

   “ขอโทษที่คิดไปเอง” ผมบอกเขาขณะที่กำลังก้มหน้าต่ำเพื่อควบคุมแววตาของตัวเองไม่ให้รู้สึกจุกจนน้ำตาไหลออกมามากกว่านี้

   “…”

   “ผมมันคนอ่อนไหวอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ขอโทษด้วยนะมิ้น”

   “…”

   “คนอ่อนแอมันก็คือคนขี้แพ้อยู่แล้วนี่นะ” ผมทิ้งท้ายก่อนจะส่งสัญญาณให้ตรองพาออกไป

   หึ ช่างหัวแม่ง ผมแพ้แล้วครับ แพ้แม้กระทั่งไม่ได้เริ่มเล่นอะไรด้วยซ้ำ


   “ปั๊ม!!! ตื่น! ถึงบ้านแล้ว” ไอ้ไวน์พูดพร้อมกับใช้มือตบแก้มผม ไอ้ห่าเอ๊ย เจ็บนะโว้ย

   “คุณปั๊มครับ ลุกไหวหรือเปล่า” ตรองก็ช่วยดึงสติอีกแรงนึง มีเพื่อนดีจริงๆ เลยกู

   หลังจากที่เกิดเรื่องไม่น่าจำที่ออฟฟิศผมก็ไม่เข้าไปอีก จัดการโทรหาไวน์ให้มารับไปแดกเหล้าต่อตั้งแต่ยังไม่เที่ยง และแน่นอน ตรองที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็ต้องไปไหนไปกัน กลายเป็นว่าเราเป็นหัวหน้าลูกน้องที่พากันหนีงานอย่างนิสัยไม่ดีมากๆ เอ่อ…แต่จำได้ว่าทุกคนก็เมาไม่ใช่หรอวะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นกูคนเดียวที่สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ฮือ

   “แดกแม่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก แถวเมื่อวานก็เมาค้าง ไม่ตายห่าก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย” ไอ้ไวน์บ่นอุบ

   “ฮือออ มึงจะเกลียดกูอีกคนเหรอไวน์” ผมบ่นงึมงำ โอ๊ย รู้สึกสมองจะไหล

   “จะไม่ให้พวกกูเข้าไปส่งในบ้านจริงๆ เหรอวะ”

   “เอออออ เดี๋ยวลุงเอกแม่งด่ากูตายยยยย มีหวังนะ แม่งตีกูเหมือนตอนเด็กๆ อีกกูว่า”

   “เออๆ เรื่องของมึง ลงไปจากรถกูได้แล้ว” ไอ้ไวน์ไล่ แหม่ ไม่คิดจะลงจากฝั่งคนขับมาส่งกูหน่อยเหรอวะ

   “ค่อยๆ นะครับคุณปั๊ม” มีแต่ตรองที่เปิดประตูเดินตามผมลงมา

   “เอออออ ส่งตรงงงงงงนี้แหละ กลับไปได้แล้ว… ไอ้ไวน์ไปส่งเลขากูด้วย!”

   “เออ จะโวยวายทำเหี้ยอะไรเนี่ย เข้าบ้านไปได้แล้ว”

   “เดินเข้าไปเองได้ใช่มั้ยครับ” ตรองถามเพื่อความแน่ใจ

   ผมยกนิ้วทำสัญลักษณ์โอเคเป็นการตอบแทน ถ้าพูดมากกว่านี้มีหวังอ้วกครับ

   “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

   “กูเมาเป็นนนนนหมาขนาดดดดนี้มึงงงยังให้กูไปทำงานนนอีกหรออออ”

   “เอ่อ งั้นพักผ่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องงานเอง”

   “ฮือออ มึงนี่ดีจริงๆ เลยไอ้ห่า มาให้กูกอดทีนึง”

   “เอ่อ… ผมว่าผมรีบกลับดีกว่านะครับ เจอกันครับ” ไอ้ตรองหันตัวหนีพร้อมกับกระโดดขึ้นรถอย่างไม่ใยดี เออดีจริงๆ เพื่อนพ้องลูกน้องกูแต่ละคน

   ผมยืนตั้งสติที่หน้าประตูรั้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาหาคีย์การ์ด แต่ให้ตาย แม่งไม่เจอเลย ไม่รู้ว่ามันหายหรือมืออ่อนเปลี้ยจนควานหาไม่เจอ ฮืออออ นี่ขนาดกุญแจบ้านยังจะหนีกูอีกคนเลยเหรอวะ ชีวิตบัดซบครบสูตรโดยแท้

   “ปั๊ม”

   “เชี่ยยยยย!!!” ผมร้องลั่นเมื่อใครก็ไม่รู้มาโผล่ข้างหลังผม แต่เมื่อหันไปพบว่าเป็นใครผมถึงกับอยากจะอ้วกจนสลบให้ตายคาตีนตัวเองซะทันที ไอ้ห่าเอ๊ย จะมาให้กูเจอหน้าอีกทำไมเนี่ย

   ใช่ครับ กัปตันธีร์…

   กัปตันที่ไม่ได้อยู่ในยูนิฟอร์มอีกต่อไป และที่สำคัญดูไม่บ้าคลั่งเหมือนเป็นคนละคนกับที่ผมเจอวันนี้

   “นี่คุณเป็นผีใช่มั้ยยยยยฮ้า!?” ผมชี้นิ้วใส่เขา

   “ทำไมต้องเมาขนาดนี้ด้วย”

   “ทำไมอ่ะเหรอ อืมมมมม” ผมกระแดะทำท่าครุ่นคิดกวนตีนเขา “นึกออกแล้ว ก็เพราะคุณไง!!”

   พลั่ก!!

   ผมผลักอกเขาอย่างแรงจนอีกฝ่ายตัวเซ แต่กูนี่สิอีห่าแทบจะล้ม ดีนะจับประตูรั้วไว้ได้ทัน

   “พอใจหรือยัง”

   “ยัง!”

   พลั่ก!!!

   ผมผลักเขาอีกรอบ

   พลั่ก!!!

   อีกรอบ

   พลั่กกกกก!

   แล้วก็อีกรอบ

   แต่เขาไม่มีทีท่าหงุดหงิดหรือรำคาญใจแต่อย่างใด เขายังคงมองด้วยแววตาแบบเดิม แววตาที่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร

   “ฮึ่ยยยยยยยยยย” ผมถึงกับปรี๊ดแตก “ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะที่ต้องมาเสียสติแบบนี้เนี่ย”

   “เธอโกรธอะไรฉันเหรอ”

   “ฮะ!? กัปตันนี่มึงถามจริงๆ หรือมึงกวนตีน” ผมแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมึงทั้งนั้นแหละ!!”

   “ปั๊ม พูดกันดีๆ นะ” กัปตันเดินเข้ามาหาผม เล่นเอาผมถอยหนีแทบไม่ทัน ซึ่งไม่ทันจริงๆ ครับ ผมเอนตัวมากเกินไปจนลื่นและจะล้ม กัปตันใช้มือข้างหนึ่งคว้าเอวผมไว้ได้ทันและรั้งไปแนบชิดกับตัวเอง

   “แบบนี้ไง” ผมพูด

   “ฮะ!?” กัปตันยังคงสับสน

   “คุณเห็นคนอื่นเป็นของเล่นเหรอกัปตัน” ผมพยายามดันหน้าอกเขาออก “ผมมีหัวใจเหมือนกันนะ”

   “ปั๊ม…”

   “คุณอาจจะไม่คิดอะไร แต่ที่คุณพยายามหยอดพยายามถึงเนื้อถึงตัวพยายามแอ๊วมาทั้งหมดมันโดนผมเต็มๆ เลย” ผมพูดเบาจนเกือบจะเป็นเสียงครางจากลำคอ

   “ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นเลยนะ” เขาพูด พยายามเชยคางผมเพื่อให้เงยหน้าขึ้นมอง

   “แต่ที่คุณทำมันเป็นแบบนั้น!” ผมสะบัดหน้าหนี “ทำท่าทางเหมือนจะจีบผม แต่ก็ยังมีใครอีกคนให้ดูแล ถ้าไม่จริงจังก็อย่ามาให้ความหวังคนอื่นสิวะ!!”

   จากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบ กัปตันไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่กระชับเอวผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แววตาที่มองมาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกแพ้อีกแล้ว ผมแพ้ทางผู้ชายคนนี้จริงๆ

   “ฉันขอโทษ” กัปตันเป็นคนเปิดประเด็นอีกครั้ง “แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”

   “…”

   ตอนนั้นเองที่ผมกำลังจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกครั้ง…

   แต่…

   ผมทำมันต่อไปไม่ได้จริงๆ

   คนเราไม่ได้มีโอกาสเยอะขนาดนั้น

   “คุณชอบผมจริงๆ เหรอ” ผมถามเสียงเรียบ

   “จริง”

   “ถ้าอย่างนั้น แสดงออกมาให้เห็นสิ”

   “…”

   “ถ้าคุณจริงจัง ผมก็จะจริงจังกับคุณด้วย”

   กัปตันเอนตัวออกเพื่อมองหน้าผม เขาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจอยู่แค่ครู่หนึ่ง มันเหมือนกับว่าการสงสัยสำหรับเขานั้นก็แค่…ทำไม ทำไมมันถึงง่ายขนาดนี้ …ง่ายเหมือนทุกครั้ง!

   “เธอ…”

   “แต่ผมจะยังไม่จูบคุณหรอกนะ” ผมดึงตัวเองออกจากมือที่กระชับเอวไว้ “ปากเหม็นแน่ๆ พอดีแดกเหล้ามาเยอะ”

   กัปตันดูไม่พอใจที่ผมพูดคำหยาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

   “กลับบ้านได้แล้ว น้องมิ้นเหงาจะแย่อยู่แล้วนะ”

   “ฉันอยากอยู่กับเธอ” กัปตันกระซิบเสียงแผ่ว

   “ถ้าอย่างนั้นกัปตันต้องเลือกแล้วล่ะ” ผมเอียงคอตั้งใจยั่วคนตรงหน้า

   ติ๊ดดดดดด

   เสียงลำโพงใกล้ๆ กล้องวงจรปิดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคย

   “จะเข้าบ้านเลยหรือเปล่าครับผมจะได้เปิดประตูให้ ดูเหมือนคุณปั๊มจะทำกุญแจบ้านหาย”

   มาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ลุงเอกเอ๊ย

   “เปิดประตูให้หน่อยยยย” ผมพูดเสียงยานคาง เออ เกือบลืมไปเลยว่าเมา

   “แล้วคุณธีร์จะค้างที่นี่มั้ยครับ ผมอนุญาตให้นอนห้องคุณปั๊มวันนึง แต่ผมจะจัดเตียงเสริมให้นะ”

   กัปตันกับผมมองหน้ากัน สำหรับผมนั้นเพราะต้องการรู้คำตอบ ส่วนอีกฝ่ายเหมือนกำลังชั่งใจ

   “วันนี้ผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณมากครับลุงเอก” เขาพูดตอบอีกฝ่ายไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูรั้วกำลังเลื่อนเปิด

   “กลับ?” ผมมองหน้าเขา

   “อื่อ เดี๋ยวไปนอนโรงแรมเอา”

   “…”

   “พรุ่งนี้มีบินเช้าด้วยแหละ”

   “อ้อ กลับดีๆ นะครับ” ผมโบกมือ ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านแต่เขาดันคว้าข้อมือผมไปได้ซะก่อน

   “อะไรเหรอ” ผมเลิกคิ้ว

   “ฉันทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอนะ” กัปตันจ้องหน้าผม ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยประกายความแน่วแน่ “เธออยากให้ฉันทำไรอะไรฉันก็จะทำ เธออยากได้อะไรมากแค่ไหนฉันก็พร้อมจะให้ รวมทั้งนี่…”

   กัปตันคว้ามือผมไปทาบบนหน้าอกของเขา ฝ่ามือนั้นสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจซึ่งกำลังทำหน้าสูบฉีดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงทุกอย่างในร่างกาย แต่มันเร็ว…และถี่กว่าปกติ เหมือนเขากำลังบอกว่า มันเป็นเพราะเธอ

   “ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้ไว้ว่าฉันจริงจัง” กัปตันคลี่ยิ้มที่นานๆ ทีจะเห็นสักครั้ง

   “…”

   “จริงจังมานานแล้ว”

   จากนั้นเขาก็ปล่อยมือผมและเดินออกไปขึ้นรถโดยไม่ลืมหันกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย

   ผมแสร้งยิ้ม จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้ามาในบ้าน สมองก็พลันคิดอะไรไปต่างๆ นานา

   ท่าทีที่แปลกไปหลังจากพูดคำว่า ‘จริงจัง’ แบบนั้นคืออะไรนะ...

   แต่ช่างเถอะ มันสายไปแล้วจริงๆ ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องมาบ้าแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ผมจะไม่มอบโอกาสให้เขาอีกหนแน่ ความไว้ใจของผมไม่เหลืออีกแล้ว มันถึงเวลาแล้ว

   หรือบางที นี่คงถึงเวลาเล่นเกมจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ

จบตอน


 :z1: :z1: :z1:
มาบูฮายยย เล้าเป็ดครับ
แหมมมม นี่มันกระแสน้องน้ำตาลนี่นา 5555

เสียใจทำไมมีคนเกลียดคุณธีร์ เค้าอาจจะแสดงออกไม่เก่งนา
แต่ก็รู้สึกดีใจมาก ที่ทุกคนอินแล้วรู้สึกว่านี่แหละที่นักเขียนเคยเป็นฮะ 555555

โดยตอนนี้เดินทางมาเกือบครึ่งทางแล้ว (หรือเปล่าวะ /กลอกตาคิด)
และน้องปั๊มจะกลับมาแซ่บแน่นอนฮะ แหม่ เด็กมีปัญหาก็ต้องมีไขว้เขวเหมือนกันฮะ

ไม่มีคนเกลียดมิ้นหรอ นี่เกลียดมิ้นมาก เกลียดอีกคนนี่ก็ไวน์เลยนะ
ไวน์เป็นคนเสี้ยมให้ปั๊มเป็นคนแบบนี้นะ แต่พอโตมานี่งงมาไปเรียนต่อหรือไปบวช

แล้วเจอกันตอนหน้าฮะ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
แวะมาทักทายกันที่ https://www.facebook.com/thene0classic/ เหมือนเดิมฮะ

#firemetothemoon

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #62 เมื่อ04-02-2017 00:35:58 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #63 เมื่อ04-02-2017 01:51:51 »

เลิกเล่นได่แล้ว จริงจังสักที

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #64 เมื่อ04-02-2017 02:56:20 »

โอ้ย เพิ่งได้อ่าน ชอบมาก >< น้องปั๊มของเจ้ มีความสับสนชีวิต

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #65 เมื่อ04-02-2017 03:21:48 »

อินมาก อินจนน้ำตาไหล
กัปตันใจร้ายมาก ตบหัวแล้วก็มาลูบหลังกันดื้อๆ
ยิ่งรู้ว่าปั๊มมีใจให้ ยิ่งใส่ความรู้สึกลงมามากกว่าเดิม
จนตอนนี้คนอ่านแยกไม่ออกแล้ว อะไรจริงอะไรเล่น!

แล้วมันจะยังไงต่อเนี่ย น้องปั๊มก็ดูจะพลิกมาร้ายอีก
โอ๊ยยยยยย เครียดโว้ยยยยยยยย!!

 :katai4:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
9
ครั้งสุดท้าย



https://www.instagram.com/skawngur/

ผมชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่าโต๊ะของมิ้นว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งคอมที่เขาใช้ทำงาน

   “ตรอง มิ้นล่ะ?” ผมหันไปถามเลขาที่อยู่โต๊ะถัดไป

   “เอ่อ… มิ้นไปแล้วครับ”

   “ฮะ!?”

   “มิ้นยื่นเรื่องลาออกกับฝ่ายบุคคลมาเมื่อวาน ผมเห็นคุณปั๊มลาก็เลยไม่อยากโทรแจ้ง ขอโทษด้วยนะครับ” ตรองทำหน้ารู้สึกผิด แต่ผมจะไม่ว่าอะไรหรอก บางทีการเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?

   “มีคนส่งของมาให้คุณปั๊ม ผมเอาไปไว้ในห้องให้แล้วนะครับ” ตรองรายงานอีกครั้ง

   “ใครเหรอ?”

   “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แมสเซ็นเจอร์ส่งมา”

   ผมพยักหน้าให้เลขาก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป และสายตาก็พลันไปเห็นดอกไม้ช่อใหญ่พร้อมกับกล่องกระดาษวางอยู่บนโต๊ะ ผมหยิบมันขึ้นมาสำรวจทันที มีข้อความบางอย่างอยู่บนดอกไม้


   ‘เธอคงรู้เรื่องมิ้นแล้ว เรื่องนี้เธอไม่ผิด เขาตัดสินใจไปเอง…’


   ผมเบ้ปากทั้งๆ ที่ยังไม่อ่านจบประโยค


   ‘แต่ฉันส่งของมาให้เพราะอยากให้จริงๆ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตอบแทนเรื่องเนกไทที่เธอขว้างใส่หัว จะบอกให้ หลังๆ มานี้มันเป็นเส้นโปรดของฉันเลย’


   สิ่งที่แนบมาด้วยกันคือรูปโพรารอยด์สีซีดๆ …มันเป็นภาพกัปตันกำลังเอนตัวให้คนถ่ายซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นนักบินผู้ช่วยขณะเท้าแขนกับแผงควบคุม ใต้ปกเสื้อด้านในมีเนคไทสีเทาถูกสวมอยู่ ผมไม่เคยเห็นเขาใส่แว่นแบบนี้เลย น่าแปลกที่แว่นทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ใครใส่แว่นแบบนี้มันต้องแก่หง่อมเลยไม่ใช่หรือไงนะ

   ผมไม่ได้สนใจช่อดอกไม้ แค่ดึงกระดาษกับรูปที่แนบออกมาจากนั้นโยนมันลงไปในถังขยะอย่างไม่สนใจ

   โอเคทีนี้ก็กล่อง…

   ผมจัดการแกะอย่างไม่ค่อยบรรจงนัก พบว่ามันคือ…

   หน้ากากสไปเดอร์แมน…

   อะไรของเขาวะ เห็นกูปัญญาอ่อนล่ะสิเนี่ย

   ผมกำลังจะขว้างมันลงถังขยะตามช่อดอกไม้ไป แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับชะงักขึ้นมาดื้อๆ อืม…อาจจะโหดร้ายเกินไป โอเค ผมขอแค่โยนมันไปไกลๆ ให้พ้นสายตาก่อนแล้วกัน

   แค่เริ่มต้นวันก็ไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย


“คุณหนูปั๊มครับช่วงนี้คุณดูเงียบผิดปกตินะ” ลุงเอกบอกขณะยกแก้วชามาให้

   “ยังไงอะ จะให้โวยวายเป็นคนบ้าเหรอ” มู้ดนั้นก็ทำได้นะ อยากดูจริงหรา

   “ผมอยู่กับคุณปั๊มมานาน ดูก็รู้ครับว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ”

   “ก็คงไม่สบายใจอยู่จริงๆ ล่ะมั้ง”

   “มันเหมือนตอนที่คุณผู้หญิงกับคุณท่านเสียใหม่ๆ ผมไม่ชอบเลย”

   ผมถึงกับชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น

   “จริงอะ? ดูเศร้าเหรอ?”

   “อาจจะไม่เศร้า แค่ไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้”

   “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ผมสดใสล่ะ ไม่เข้าใจเลย”

   “นั่นสิครับ บางทีอาจจะเป็นเพราะคุณธีร์…”

   พรวด!!

   ผมนี่ถึงกับสำลักน้ำชาเลยครับ อะไรของลุงงงงงง

   “แค่กๆๆๆ ว่าไงนะ แค่ก”

   ลุงเอกยืนหน้าตายอยู่มุมห้อง “ก็พอคุณธีร์เข้ามา คุณปั๊มเหมือนกำลังมีความรักเลย”

   “ลุงอยากโดนไล่ออกเหรอ”

   “กล้าเหรอครับ…”

   “เออไม่กล้า พูดไปแบบนั้นแหละ” ใครมันจะกล้าไล่ แค่โมโหโว๊ยยยยย

   “แล้วเรื่องระหว่างคุณสองคนไปถึงไหนแล้วล่ะครับ”

   “อะไรถึงไหน” ผมขมวดคิ้ว

   “ดูจากสายตาที่มองกันหน้าประตูรั้วเมื่อวันก่อนก็รู้แล้วครับว่ามีความสัมพันธ์กัน” ลุงเอกยิ้มมุมปาก จัดการคว้าผ้ามาเช็ดน้ำที่หกบนโต๊ะ น้ำที่กระเด็นออกมาจากปากกูนี่แหละ ฮืออออ

   “ลุงทะลึ่ง! ความสัมพันธ์อะไรกันเล่า”

   “ผมไม่ใช่พ่อแม่คุณปั๊มที่อาจจะบอกว่าให้เลิกซะแล้วไปหาคนที่คู่ควรกว่า” ลุงเอกเหลือบตามอง “แต่ผมจะบอกคุณปั๊มแค่ว่า คุณธีร์แกก็ดูเป็นเด็กดีนะครับ”

   “เด็กดีของลุงเล่นผมซะแสบเลยล่ะ” ผมบุ้ยปาก เฮอะ!  ไม่อยากนึกถึง นี่ก็หายไปหลายวันแล้วเนี่ย ไม่รู้ไปตามเมียเก่ากลับบ้านหรือเปล่า หงุดหงิดๆๆๆ

   “คุณปั๊มแค่ยังเด็กนักเลยตามใครไม่ค่อยทัน” ลุงเอกยิ้มอีกรอบ “บางทีคนเราก็แสดงออกเรื่องความรักต่างกันนะ”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ก็สำหรับกัปตัน การแสดงออกของแกอาจจะทำให้คุณปั๊มหงุดหงิดไปหน่อย”

   “หงุดหงิดมากเลยล่ะครับ”

   “แต่คนที่ผ่านมาค่อนชีวิตแบบผมเนี่ยบอกได้เลยนะครับว่าคุณธีร์กำลังหลงคุณปั๊มหัวปักหัวปำ”

   “เอาอะไรมายืนยัน” ผมถาม ยอมรับครับว่าพอได้ยินแล้วรู้สึกภูมิใจอยู่บ้าง ดูเหนือยังไงก็ไม่รู้

   “สายตาครับ”

   “ฮะ?”

   “สายตาท่าทางโกหกไม่ได้หรอกครับ ยิ่งสายตายิ่งโกหกยากเลยล่ะ”

   “แค่สายตาเนี่ยนะ…”

   “ใช่ครับ สายตาที่คุณธีร์มองคุณใครดูก็รู้ว่าเขาคิดยังไง ไหนจะสิ่งที่เขาทำอีก มีแต่คุณปั๊มที่…”

   “ถ้าพูดว่าโง่ผมจะราดชาบนพรหมเดี๋ยวนี้แหละ”

   “ผมจะบอกว่า ‘ตามไม่ทัน’ น่ะครับ” ลุงเอกชำเลืองมองพรหมสีน้ำตาลอายุหลายสิบปี คงจะไม่อยากทำความสะอาดสินะ

   “แค่นี้พิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”

   “ได้สิครับ ตอนนี้ผมก็กำลังพิสูจน์อยู่” ลุงเอกเข้ามาเก็บชุดชาเตรียมไปทำความสะอาด

   “ฮะ!?”

   “อย่างคุณปั๊ม ถ้าไม่รักเขาจริง เวลาพูดถึงเขาคงจะไม่กระวนกระวายใจตาเป็นประกายแบบนี้หรอก” ว่าแล้วเขาก็ขยิบตาให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่ผมที่นั่งตัวเกร็งเหมือนหยุดเวลาแบบจังหวะละครซิทคอม

   เฮ้ย คุณลุง มึ้งงงงงงงงงงงงงง


ผมนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าหลุมศพพ่อกับแม่ นั่งเรื่อยเปื่อยแบบนี้มาชั่วโมงกว่าๆ แล้ว คิดในใจว่าถ้านานกว่านี้จะเอาข้าวมาทานมองต้นไม้ใบหญ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เฮ้อ ไม่รู้ทำไมวันนี้มันฟุ้งซ่านจัง พอได้มานั่งกับป๊าแม่แบบนี้แล้วมันสบายใจบอกไม่ถูก คงยิ่งใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วด้วยแหละ วันเกิดก็ต้องนึกถึงพ่อแม่ตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ

   “ไง” ผมไม่รู้ว่ามีคนเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหันไปตามเสียงที่โผล่งขึ้นด้านหลัง แน่นอนครับว่าเสียงนั้นหนุ่มเกินกว่าจะเป็นเสียงพ่อบ้านตัวดีที่วันนี้สั่งสอนผมมาชุดใหญ่ …กัปตันธีร์นั่นเอง ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนตามสไตล์วันสบายๆ ของเขา ยอมรับว่าเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่พร้อมกันนั้นก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอาจจะคิดถึงเขาไปหน่อย บางทีอาจจะแสดงออกนอกหน้าไปนิดด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนว่าทันทีที่เขาเห็นผมก็หลุดยิ้มขึ้นมาทันที

   “มาได้ยังไงเนี่ย” ผมถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ กัน

   “มีคนตามฉันมา” เขาชะโงกมองไปยังประตูห้องครัวที่เชื่อมกับสวนหลังบ้าน ลุงเอกยืนสอดแนมอยู่ริมวงกบ พอเห็นว่าพวกเรารู้จึงเดินกลับเข้าไปในเงามืดเหมือนทุกครั้งที่ทำ

   “คิดอะไรอยู่” เขามองตาผม เล่นเอาซะผมต้องหันหน้าหนีเลย

   “เปล่า” ผมโบกมือ

   “ลุงเอกบอกฉันว่าเธอเครียด”

   “…”

   “เรื่องฉันหรือเปล่า” กัปตันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ผมจะเครียดเรื่องคุณให้ขาดทุนชีวิตทำไม” ผมมองหน้าเขาทันที วินาทีต้องสู้แล้วครับ “สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “ถึงว่าสินะเย็นชาทิ้งของที่คนอื่นให้อย่างไม่ใยดีเลย”
   “ฮะ?” ผมหน้ามุ่ยเพราะงงกับสิ่งที่เขาพูด
   กัปตันแค่หัวเราะก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการเปิดโปรแกรมแชทและส่งมันมาให้
   มันเป็นรูปดอกไม้ช่อหนึ่งถูกทิ้งแหมะในถังขยะตามมาด้วยข้อความอีกนิดหน่อย

   TRONG:
   ‘ผมเก็บมาให้แล้วนะพี่’

   piloT:
   ‘ไม่ต้องเก็บมาก็ได้นะตรอง พี่เข้าใจ’

   TRONG:
   ‘ไม่ใช่ไรพี่ เดี๋ยวนี้บอสผีเข้าผีออก ถ้าเกิดอยู่ดีๆ ถามหาดอกไม้ที่เผลอทิ้งไปขึ้นมาไม่เจอแล้วจะยิ่งยุ่ง ลำบากผมอีกอะ’
   ‘โกรธพี่ก็จริง แต่ผมก็เชียร์เจ้านายผมกับพี่อะ’


   เดี๋ยว… ไอ้ตรองมึงเป็นเลขากูนะ แบบนี้ฆ่าทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย อ๊ากกกกก

   “สงสัยต้องหาเลขาใหม่” ผมยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ

   “ตรองเป็นเด็กดี”

   “มิ้นล่ะ”

   “เนี่ย เธอคงไม่เคยมีแฟนจริงๆ สินะ” กัปตันส่ายหัว “มันมีประโยชน์อะไรเหรอเวลาพูดเรื่องที่ทำให้สองฝ่ายไม่สบายใจแบบนี้”

   “ผมคงผ่านโลกไม่เยอะเท่าคุณหรอก ขอโทษที”

   แค่อยากแหย่เล่นเท่านั้นเอง ไม่เข้าใจหรือไงนะ…

   “ทำไมชอบชวนทะเลาะจังเลยฮะ เฮ้อ” กัปตันฝังหน้าลงกับหัวไหล่ของผม เล่นเอาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เชี่ยยยยกัปตันมึงงงง ข้างหน้านี่พ่อแม่กูนอนมองอยู่ รู้ใช่มั้ยยยยย

   “ออกไปปปปปป” ผมผลักหัวเขาออก แต่เขาดันรวมมือทั้งสองผมไว้ก่อนเงยหน้า

   ยิ้ม…

   ยิ้มเหี้ยอะไรเนี่ยยยยยย

   “มีอะไรตลกเหรอ”

   “เธอไง”

   “ฮะ!?”

   “ไหนลองเรียกพี่ธีร์สิ”

   “ฝันไปเหอะ”

   “เร็วๆ ลองเรียกหน่อย แค่ลอง”

   “ไม่! ปล่อยๆๆๆ”

   “ถ้าเรียกพี่ธีร์เดี๋ยวปล่อยเลย” เขาทำหน้าอ้อน จะมาไม้ไหนอีกวะเนี่ย

   “ฮึ่ยยยยย” ผมร้อง “พี่ธีร์! พอใจยัง”

   “ฮ่าๆ ปล่อยๆ” แล้วเขาก็เอามือออกจากแขนผม ทำหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มมองจนผมต้องหันหลังกลับไปทางหลุมศพพ่อแม่ตัวเอง ห่าเอ๊ย มาทำแบบนี้อีกแล้วนะ

   “คิดถึงพ่อกับแม่มั้ย” เสียงทุ้มถามที่ด้านหลัง

   “ไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว พ่อแม่นะเว้ย”

   “Language!”

   “คิดว่าเป็นกัปตันอเมริการึไง” ผมศอกไปโดนเขา

   “อยากให้พูดเพราะๆ” เขาว่า ฟังจากทิศทางเสียงแล้วเหมือนเขากำลังเขยิบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ท่าจะไม่ดีแล้วครับ

   “น้องมิ้นคงพูดหวานๆ ทั้งวันเลยสินะ”

   “โธ่เว้ย!!!” จู่ๆ เขาก็สบถลั่นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ด้วยความตกใจผมจึงหันไปมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พบว่าเขากำลังยืนทะมึนทำท่าทางหัวเสียอยู่ ฉิบหายแล้วไง…

   “ฉันกลับบ้านแล้วนะ”

   “หะ?”

   “ถ้าจะเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำๆ วันนี้ทั้งวันก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง!!!”

   เอ๊า แล้วทำไมโกรธขนาดนี้วะ…

   “นี่ฉันตั้งใจมาหาเธอนะ เธออยากไล่ฉันกลับจริงๆ ใช่มั้ย!?” เขามองอย่างเอาเรื่อง แต่ก็ดูหงุดหงิดตัวเองที่ระเบิดอารมณ์แบบนั้น “เธอไม่แคร์ฉันบ้างเลยหรือไง”

   “เอ่อ…”

   “งั้นฉันพอแล้ว ไว้เจอกันนะ” แล้วเขาก็โบกมือให้ทำท่าจะเดินออกไป แต่…

   อยู่ๆ ร่างใหญ่ของกัปตันก็ล้มลงกับพื้น ผมถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ใช่แค่สะดุดก้อนหิน ไม่ใช่แค่สะดุดเท้าตัวเอง แต่เขาล้ม!! ล้มแบบหมดสติ ผมอ้าปากค้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทิ้งตัวนั่งเขย่าตัวเขา สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ…

   “เหี้ยยยยยยยย กัปตันผมขอโทษ ผมแค่แหย่เล่นอะ”

   “หึ” แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นแค่… เสียงหัวเราะ?

   นี่มึงแกล้งกูเหรอกัปตัน!!!

[อ่านต่อด้านล่าง]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 22:35:42 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #67 เมื่อ04-02-2017 22:32:54 »

[ต่อ]

“นึกว่าจะไม่สนใจซะแล้ว” เขานอนยิ้มพริ้มอยู่บนผืนหญ้า

   “โอ๊ย!! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!!” ผมตั้งท่าจะเดินหนีทันที แต่กัปตันคว้าข้อมือผมไว้ได้ จากนั้นก็เอนตัวขึ้นมาพร้อมกับตบพื้นให้ผมนั่งตรงข้ามกัน

   “นั่งเร็ว”

   “ไม่เอา! โมโห!!”

   “เร็วหนูปั๊ม พี่บอกให้นั่ง นี่คือการเอาคืนนะ มาคุยกันดีๆ จะได้หายค้างคาสักที”

   เออ นั่งก็ได้ ผมทำตามอย่างที่เขาสั่ง

   “เป็นอะไร ขี้หึงเหรอ”

   “บ้า ใครจะหึงคุณ”

   “ไม่ใช่ ฉันกำลังถามว่าเธอเป็นคนขี้หึงหรือเปล่า”

   “จะไปรู้มั้ยล่ะครับ เกิดมาไม่เคยหึงใครเลย”

   “ก็เนี่ย ฟังพี่นะ หนูเป็นคนขี้หึงครับ”

   “หา!?” ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยครับ กัปตันยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าผมกำลังคิดทบทวนตัวเอง

   “ฟังนะ” เขาเท้าคาง ฉันไล่มิ้นออกจากห้องไปแล้ว”

   “เฮ้ย!?” ผมถึงกับช็อคอีกระรอก ถึงผมจะไม่ค่อยชอบมิ้น แต่นี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือเปล่าวะ

   “แรงไปมั้ยกัปตัน” ผมพูดจากใจจริง “แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนอะ”

   คนข้างๆ ส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” เขามองหน้าผม “ทำไมเหรอ”

   “ไม่รู้ดิ แบบ…”

   “ฉันเลือกเธอไง ฉันทำแบบนี้เธอควรสบายใจขึ้นนะ”

   “แต่ผมไม่อยากให้ร้ายกับคนอื่นนี่”

   “ฉันยอมร้ายกับคนอื่นเพื่อให้คนที่ฉันแคร์รู้ว่าฉันรักเขาแค่คนเดียวนะ” กัปตันยิ้ม “แต่เอาจริงๆ ถึงใช้คำว่าไล่ แต่เราจากกันด้วยดี ไม่มีใครมีปัญหา ฉันแค่ขอให้เขาออกไปอยู่ที่อื่น แล้วเขาก็เข้าใจ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว นึกว่าถือปืนขู่”

   “ปีนน่ะเอาไว้ขู่เธอคนเดียวพอ” แล้วเขาก็ทำมือเป็นรูปปืนพร้อมกับยิงปิ้วๆ มาทางนี้

   “ผมรู้ว่าคนลามกอย่างคุณหมายถึงอะไร”

   “ฮ่าๆ ทำไมซีเรียสจัง เครียดอะไรเหรอปั๊ม” กัปตันกระชับมือผมแน่นขึ้น “หรือว่าเธอเกลียดฉันแล้ว บอกมาได้เลยนะ ขอแค่พูดความจริง”

   “ไม่ใช่!” ฉิบหาย ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบกลับไปเร็วขนาดนั้น เสียภาพเลยกู

   “แล้ว?”

   “ผมยังเด็ก แล้วก็สับสน…” ผมครุ่นคิด

   “อย่ากัดปาก”

   “ฮะ!?”

   กัปตันขมวดคิ้วพร้อมกับเอนตัวตรงขยับท่านั่งให้ถนัดกว่าเดิม อะไรของเขาวะ

   “เล่าต่อเลย แต่อย่ากดปาก” กัปตันยิ้มพร้อมกับชี้มาที่ริมฝีปากของผม

   “ก็นั่นแหละ… ผมเบื่ออะกัปตัน ไม่อยากหงุดหงิดเลย ผมเครียดจนจะโดดน้ำอยู่แล้วด้วยนะ”

   “แล้วตอนนี้สบายใจขึ้นยัง”

   “ก็…” เออ ตอนนี้กูสบายใจขึ้นยังวะ “มั้ง”

   “จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว สัญญาเลย”

   “คุณก็พูดได้สิกัปตัน คนน่ะเจ็บไม่เท่าผมด้วยซ้ำ”

   “คราวนี้จริงๆ สัญญาเลย จะไม่ทำให้ไม่สบายใจอีกแล้ว ฉันมองหน้าเธอแล้วเครียด อยากเป็นเหมือนตอนจีบใหม่ๆ ตอนนั้นน่ารักสมวัย ฮ่าๆ”

   “เงียบน่ะ” ไม่ใช่ไรครับ แอบเขิน…

   “เธอเครียดกับงานแล้ว เธอจะมาเครียดกับฉันอีกเหรอมิ้น”

   “…ผมปั๊ม”

   “เออปั๊ม เวรละ ฮ่าๆๆๆๆ ขอโทษๆๆ พูดผิด”

   “เฮอะ”

   “ขอโทษษษษษษ” เขาก้มซุกไหล่ผม “พูดผิดจริงๆ”

   “เนี่ย แล้วอย่างนี้จะให้มั่นใจได้ยังไง” ผมพูดผ่านไหล่เขา “ผมเกือบจะแก้เผ็ดคุณแล้วนะกัปตัน”

   “เธอจะทำยังไงเหรอ”

   “ผมจะหลอกให้คุณรัก รักมากๆๆๆๆๆๆ แล้วก็เชือดทิ้งทีเดียว”

   “ถ้าอย่างนั้นเธอทำไม่ได้หรอก”

   “รู้ได้ยังไง ผมเล่นเกมเก่งจะตาย”

   “ฉันรู้ว่าเธอเก่ง” เขาเท้าคางมอง “แต่เธอจะทำได้ยังไง ฉันชอบเธอมากก็จริงนะ แต่เธอชอบฉันมากกว่าซะอีก”

   “พ…พูดอะไรเนี่ย”

   “ฉันดูก็รู้ เธอสติแตกเหมือนเป็นเมียฉันแล้วด้วยซ้ำ”

   “โอ๊ยยยย ไปกันใหญ่แล้ว”

   “เมียครับ รักนะ” เขาเอียงคอมอง เล่นเอาผมหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันหนีอีกรอบ ลืมไปว่าไอ้นี่มันแก่ มันผ่านมาเยอะ อ่านเกมออกทุกอย่างเลย ฮืออออออ เสียเซลฟ์แล้ววววววว

   “อย่าหนีสิ” เขาฉุดเอวผมไว้

   “กัปตัน อุจาดน่ะ นี่มันสนามหลังบ้านเลยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”

   “เล่นกับแฟนไม่ได้เหรอ”

   “เลิกมัดมือชกกันสักที” ฮืออออ ผมจะร้องไห้

   “โอเคๆ พอแล้ว” เขาปล่อยมือพร้อมชูสองแขนเหมือนคนมอบตัว “ทีนี้สบายใจขึ้นยัง”

   “อื้อ”

   “อย่าคิดจะเล่นอะไรแผลงๆ ด้วยนะ”

   “ผมให้โอกาสแค่ครั้งนี้นะ”

   “รู้แล้วน่า ก็บอกแล้วไงว่าสัญญา” เขาจับมือผมอีกครั้ง

   เฮ้อ แพ้ทางอีกแล้วสินะกู เอาวะ อีกสักครั้ง ก็ดีที่ไม่ต้องลังเลใจอีกต่อไป หมายถึง… ถ้าเขาคิดจะจริงจังกับผมจริงๆ น่ะนะ

   “นี่ ถ้าพ่อแม่เธอเห็นเราเขาจะว่ายังไง” กัปตันถาม

   “หือ ป๊ากับแม่อะเหรอ” ผมมองไปยังหลุมศพที่เคียงข้างกันนั้น “ถ้าเป็นป๊าคงจะไม่ต้องรอให้พูด ผมว่าด่าเปิงไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลย”

   “ฮ่าๆ ฉันพอเดาท่านประธานออก” กัปตันหัวเราะพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย

   “แต่ถ้าแม่… ไม่รู้สิเดาใจยากจัง” ผมพูดความจริง แม่อะเรื่องมากเสมอ “บางทีอาจจะถามว่ากัปตันเป็นลูกใคร เงินเดือนเท่าไหร่ ขับรถอะไรล่ะมั้ง”

   “ตัวเธอเคลือบทองหรือไงถึงต้องแลกเปลี่ยนขนาดนั้น”

   “ลูกชายคนเดียวอะครับขอโทษที” ผมยิ้มแป้น จนเขายิ้มตาม วันนี้เขายิ้มเกินไปแล้วนะ ไม่ชอบ! (พร้อมก้มหน้างุดแก้เขิน)

   “ดูท่ามีแต่ลุงเอกแล้วสินะที่ต้องกังวล”

   “รายนั้นคงใส่พานถวายเลยล่ะ ให้ท้ายกันขนาดนี้” ผมบอก ยังนึกหงุดหงิดเรื่องยุ่งไม่เข้าท่าของพ่อบ้าน

   “ถ้างั้นก็หมดห่วง ต่อไปนี้จะเดินหน้าแล้วนะ” เขาพูดพร้อมกับเอนตัวนอนหนุนที่ตักผม

   “นี่ลุกเลยนะ ออกไปๆๆๆ” ผมดันหัวกัปตันให้หลุด แต่ตัวเขาหนักชะมัด

   “อืม…สบายจัง” เขาคราง น้ำเสียงที่อ่อนลงแบบนั้นทำให้ผมชะงักมือและเปลี่ยนมาเป็นลูบผมดำขลับที่นุ่มนวลนั้นแทน เขาดูมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น แต่ตาก็ยังจ้องมองผมเขม็งเหมือนกำลังสังเกตท่าทีว่าผมจะฟาดเข้าให้เมื่อไหร่

   “เหมือนหมาเลย” ผมแลบลิ้นใส่เขา เลียแผลบๆ เหมือนฟิลเตอร์ใน snapchat

   “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะเหมือนเข้าใจท่าทางที่ผมสื่อ “หมาน้อย”

   “น้อยอะไร คุณตัวบะเร้อ”

   “ไม่ ฉันหมายถึงเธอ” เขาเอื้อมมือขึ้นมาจับคางผมอย่างดื้อๆ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

   “เฮ้อ ปั๊ม” กัปตันถอนหายใจก่อนจะหลับตา “คนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างฉัน เธอจะรู้ว่ารักคือการที่แค่เราอยู่กับใครแล้วสบายใจก็พอแล้ว”

   เขาเงียบไปทั้งๆ ที่ผมยังคงลูบหัวเขาอยู่เหมือนเดิม ผมใช้เวลานี้คิดกับตัวเอง

   แล้วตอนนี้กูสบายใจบ้างหรือยังวะ

   ผมมองคนตรงที่นอนอยู่อีกครั้ง หึ ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ไม่เล่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมทุกอย่างได้ทันทีนะเว้ยยยยยยย

   

   piloT:
   ‘กำลังจะกลับจากญี่ปุ่นจะเอาอะไรมั้ย?’
   

   Pumpkin:
   ‘sex toy’
   *สติ๊กเกอร์ทำหน้าหล่อ


   PiloT:
   ถ้างั้นไม่ซื้อนะ พกติดตัวอยู่แล้ว
   *สติกเกอร์ชูนิ้วโป้ง


   Pumpkin:
   ขอบล็อคนะครับ



   ผมนั่งอ่านแชทที่ส่งค้างไว้เมื่อเช้า กัปตันไม่ตอบมาอีกเลย สงสัยกำลังบินอยู่แหงๆ แต่เครื่องจากญี่ปุ่นมันก็น่าจะแลนดิ้งเวลาประมาณนี้แล้วนี่นา แล้วนี่กูเป็นอะไรเนี่ย ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจังเลย

   “ถ้าอย่างนั้นแปลว่ามีเงินรั่วไหล” ลุงวินัยสรุปในห้องประชุม ใช่ครับ ประชุมอีกแล้ว น่าแปลกเนอะที่การนั่งคุยกันในห้องแอร์เย็นๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากนักแต่ทำไมมันกลับทำให้ผมเหนื่อยขนาดนี้วะ

   “ต้องตั้งกรรมการสอบสวนหรือเปล่าครับ” ผมถาม

   “ก็อาจจะต้องเป็นอย่างนั้นนะ” ลุงวินัยวางรายงบประมาณของผมกับเพชรลงบนโต๊ะ “ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ๆ”

   “ใช่ครับ ไม่ดีแน่ๆ” ผมพูด ใครวะอย่าให้รู้เชียว ใจเย็นเด้อ บริษัทกูเด้อ อย่าโกงกันสิว้า

   “แต่ปั๊มเก่งนะที่จัดการเงินได้ในงบประมาณเป๊ะๆ” ลุงวินัยเอ่ยปากชม

   “แหมพ่อ ไม่ชมผมบ้างเลยนะ” ไอ้เพชรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้อง โปรเจ็กต์ของเพชรก็ใช้เงินไม่ถึงงบด้วยซ้ำ ถือว่าก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งใช้ได้

   “เอาเถอะ วันนี้เลิกประชุมแค่นี้ก่อนดีกว่า ขอบคุณทั้งสองคนมากเลยนะ”

   “ขอบคุณครับ”

   “ขอบคุณครับพ่อ”

   ขณะที่ทุกคนเตรียมเก็บ อยู่ๆ ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดเข้ามาในห้องประชุมจนเราทั้งสามคนประหลาดใจ ตรองตาลีตาเหลือกวิ่งตรงมาหาผมอย่างไม่คิดชีวิต

   “อะไรตรอง ลมบ้าหมูแดกเหรอ” ผมถาม ชักไม่แน่ใจอาการที่เลขาเป็นอยู่ตอนนี้

   “เครื่องบิน…” เสียงพูดของเลขาขาดช่วงเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง ผมพยายามลูบแขนเขาเพื่อให้สงบสติตัวเอง

   “อะไร? เครื่องบินอะไร?” เพชรที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยถาม

   “เครื่อง FAR 410 ของเราโดนฟ้าผ่า ขาดการติดต่อและหายไปจากจอเรดาร์ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วครับ”

   เพชรที่ทำหน้าตากวนตีนในตอนแรกสลดไปทันที รวมถึงลุงวินัยที่ตกใจจนมือกดโทรศัพท์โทรหาใครสักคนก่อนจะออกไปจากห้องอย่างไม่รีรอ เพชรกุลีกุจอตามพ่อออกไป เหลือไว้แค่ผมกับเลขาซึ่งยังคงอยู่ในห้องกันสองคน

   “ใจเย็นๆ นะตรอง เราต้องจัดการเรื่องนี้นะ ยังไม่มีสื่อรู้ใช่มั้ย” ผมพยายามใจเย็นมากที่สุด

   “ครับ ยังไม่มีใครรู้ ตอนนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุหรือว่าโดนไฮแจ็คใดๆ” น้ำเสียงตรองขาดช่วง แต่จากนั้นเขาจับมือผมไว้แน่น เหมือนต้องการให้ผมฟังในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้ “แต่คุณปั๊มครับ”

   เชี่ย ไม่ใช่อยากที่กูคิดใช่มั้ย...

   “ตรอง ไม่เอานะ…”

   อีกฝ่ายแค่พยักหน้า “ครับ ผมไม่อยากพูดเลย”

   “พูดมา!”

   “คนขับ…” เสียงตรองขาดช่วง “คนขับคือพี่ธีร์ครับ”

   อยู่ๆ ผมก็รู้สึกวูบวาบเหมือนตกลงมาจากที่สูง รู้ตัวอีกทีก็นั่งกองลงไปกับพื้นแล้ว

จบตอน


กัปตันตายแล้ว!!!!!!!

ล้อเล่น  :z1:

 :o8:  :o8: :o8:
ไม่ขอพูดอะไรมาก วันนี้นึกคึกมากๆ ครับ เอาตอน 9 ไป
ฝากดูหนูปั๊มไว้วันนึงนะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบู๊ต่อ รักน้าาา

แวะมาทักทายได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะครับ

#firemetothemoon


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
อะ อะไรยังไง ดราม่าไปอีก
พอจะดีๆ กันก็มีการฟ้าผ่าเครื่องอีก
งงมาก ขยันดราม่ามาก จะเอายังไงต่อเนี่ยยยยย!!!
 :katai4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ปั๊มอย่าเครียด เพราะเราเครียดแทนไปแล้ว   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:


ปล.ตอนนี้กัปตันหน้ารักมากกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
มิ้นตอนแรกมาดีใช่มั้ย จะรีเทินร้ายรึเปล่า โดนแบบนั้นก้น่าสงสาร แต่ก็เพราะกีปตันนั่นแหละ
ฟ้าผ่าเครื่อง ขอแค่ผ่าตัวสัญญาเสีย อย่าให้ใครเป็นอะไรเลย
ดราม่าต่อไปอีกกกก

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
10
จากใจ Pilot

/กัปตันธีร์



https://www.instagram.com/weir19/

   ผมรู้ว่าเขาร้าย…

   รู้มาตลอด รู้มาตั้งแต่ไม่เคยได้ใกล้ชิดด้วยซ้ำ

   วันหนึ่ง ในไฟลท์ที่ยาวนานซึ่งสายการบินเราได้เปิดรูทใหม่ไปยังประเทศสวีเดน เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องขับทั้งไปและกลับ ได้ยินมาว่าสาเหตุที่เราไปที่นี่เพราะประเทศเป็นประเทศที่ลูกชายท่านประธานไปเรียนต่อ ได้ยินมาอีกด้วยว่าเด็กคนนั้นจะโดยสารขากลับในวันรุ่งขึ้น นึกรำคาญใจที่ต้องมารับรู้ความใจปล้ำของมหาเศรษฐีเพียงเพื่อลูกชายคนเดียว คนที่ใครต่อใครต่างบอกว่านิสัยเสียน่าขยาดนัก

   แล้วผมก็เจอเขา

   เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งหน้างอในห้องรับรองของสายการบิน ผมแอบเห็นว่าเขากำลังมีปากเสียงกับพ่อแม่เรื่องการกลับประเทศ เหมือนกับว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะกลับไปไทยตอนปิดเทอม เขายืนกรานว่าที่นี่มีกิจกรรมอะไรที่สนุกกว่าที่บ้านตั้งเยอะเยอะ

   แล้วเขาก็เหลือบตามองผม ปากที่กำลังเปล่งวาจาหยุดชะงัก เขาสำรวจผม และผมก็ยินดียืนนิ่งให้เขามองเหมือนต้องมนตร์สะกด แม้ว่าเขาจะหันกลับไปสนใจบุพการีตัวเองต่อ แต่สำหรับผม สายตานั้นทำให้ผมหมกมุ่นไปอีกนาน

   ไม่กี่เดือนต่อมา ท่านประธานและภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังคงเป็นปริศนา ข่าวแพร่สะพัดออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง พูดกันไปมั่วๆ ว่าสายการบินเราจะปิดตัวลงบ้าง หรือล้มละลายบ้าง แต่คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยให้พ้นวิกฤตินี้ก็คือคุณวินัยซึ่งเป็นมือขวาของท่านประธาน แต่ผมไม่เคยชอบเขาเลย เขาคือนักธุรกิจ แต่สำหรับสองคนที่เพิ่งเสียชีวิตไปพวกเขาเป็นมากกว่านั้น ในฐานะที่ทำงานมาตั้งแต่เริ่มต้น ผมยืนยันได้เลยว่าท่านประธานและภรรยาเห็นพวกเราเป็นครอบครัว


   เวลาผ่านไปภายใต้การดูแลของผู้รักษาการคนใหม่ ความคลางแคลงใจของพนักงานทุกคนยังคงมีอยู่ พวกเราไม่ใช่ครอบครัวกันเหมือนเมื่อก่อน ผมคิดว่าเดือนหน้าจะลาออกไปอยู่กับสายการบินอื่น ถึงแม้ตัวผมจะค่อนข้างเบื่องานนี้ไปบ้าง แต่ยังไงก็ไม่อยากไปทำอย่างอื่นตอนนี้

   ผมเจอกับลูกชายท่านประธานอีกครั้ง คราวนี้เขาโตขึ้นกว่าเดิมจนผมประหลาดใจ รูปร่างยืดขึ้นและเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ผมยังนึกชมว่าเด็กคนนี้หน้าตาดีจัง แถมยังทำตัวดีกว่าครั้งล่าสุดที่เจออีกด้วย ไม่รู้ว่าการสูญเสียพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขานิ่งสุขุมเหมือนคนคิดอะไรตลอดเวลานั้นหรือไม่ แต่มันกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมยังอยู่ที่นี่ต่อ เด็กคนนี้มีแพชชั่น บางทีการเปลี่ยนแปลงอาจจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

   ในงานศพท่านประธานเราเจอกันอีกครั้ง ขณะที่ผมกำลังนึกขำเรื่องการฝังศพในสวนหลังบ้าน อยู่ๆ เขาก็เดินตัดหน้าผมไป มีพ่อบ้านวัยชราเดินตามคอยรับใช้ ระหว่างพิธีเรายืนตรงข้ามกันแต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นผม สีหน้าของเขาเรียบสนิท ไม่มีการแสดงออกใดๆ ถึงความเศร้า แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อจบพิธีและทุกคนกำลังแยกย้าย ผมเห็นเขากอดคอร้องไห้กับเพื่อนสนิทตัวเอง

   ไม่นานนักพวกเราทั้งบริษัทถูกเรียกให้เข้าประชุมพร้อมกันในห้องประชุมใหญ่ที่พวกเรามักเอาไว้ใช้แข่งขันกีฬาประจำปี ทุกคนพร้อมอยู่แล้วขาดแต่คนที่คุณวินัยเรียกมาเข้าพบ ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของพนักงานที่คุยถึงตารางเวลาที่ล่วงเลย ประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้น ผมเห็นโคลนนิ่งของท่านประธานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเลขาคนเก่าที่ท่านเคยใช้ ผมรู้จักตรองดี ยอมรับว่าเคยจีบกัน แต่เวลาพิสูจน์แล้วว่าเราควรเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า และตรองก็อ่อนเกินไปกว่าที่ผมจะรู้สึกดีด้วยจริงๆ

   หลังจากฟังการฟาดฟันคารมกัน ลูกชายท่านประธานก็ยืนขึ้นอย่างหัวเสียและเตรียมจะเดินออกไปจากที่นี่ วินาทีนั้นผมโมโหที่มองเห็นรังสีความพ่ายแพ้ ไร้ความหวัง การต่อสู้ใดๆ จากเด็กคนนี้ ผมคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดี ผมขอทางคนข้างหน้าแล้วเดินออกไปขวางเขาไว้ด้วยคำพูด ผมเห็นเด็กตัวเล็กที่เคยงอแงตอนอยู่กับพ่อแม่ผ่านแววตาเขา และผมรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน


   [พี่ธีร์ครับ พี่มีแฟนหรือยัง] ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากปลายสาย จริงๆ ก็สงสัยตั้งแต่เห็นชื่อแล้วล่ะว่าตรองจะโทรมาทำไม

   “ยังครับ ทำไม? จะเปลี่ยนใจเหรอ?”

   [ไม่ใช่พี่ ผมอยากถามอะไรนิดหน่อย]

   “ถามไปทำไม”

   [คุณปั๊มให้ถามอะพี่]


   นั่นไง ตรองคนซื่อ เป็นแบบนี้สม่ำเสมอไม่เคยเปลี่ยน

   “อืม ถามมา”

   [จริงๆ พวกประวัติส่วนตัวผมรู้หมดแล้วพี่ อยากได้เรื่องลงไปลึกกว่านั้นหน่อย]


   “เรื่องแฟนเนี่ยนะ!? อืม…” ผมคิดเรื่องโกหก “ไม่คิดจะมีแล้วอะ คู่หมั้นพี่เพิ่งตายไปปีที่แล้ว ยังทำใจไม่ได้เลย”

   [พี่มีคู่หมั้นด้วยเหรอเนี่ยทำไมเพิ่งรู้ เสียใจด้วยนะพี่]


   ผมยิ้มจากปลายสาย คิดไว้ว่ามันจะต้องสนุกแน่นอน


   หลังจากที่ผมปรามาสเขาไปในวันนั้น อีกไม่นานปั๊มก็ติดสอยห้อยตามมาที่สนามบินด้วย แต่เกิดเหตุขัดข้องจนทำให้เขาต้องติดแหงกบนเครื่องจนต้องอยู่กัวลาลัมเปอร์กับผม เขางอแงขอความช่วยเหลือกับเลขาจนผมรู้สึกหงุดหงิด ผมเลยตัดสินใจให้เขามานอนด้วยกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเห็นการใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนั้นก็โอเคแล้ว ผมเคยมีปัญหาเรื่องปากท้องมาก่อน เข้าใจเรื่องการใช้เงินดี และผมก็ชอบจะเตือนคนอื่นด้วย

   ดูเหมือนการอยู่ด้วยกันของเราไปไม่ได้สวยเท่าไหร่ ปั๊มงอแงเรื่องน้ำดื่มจนผมรู้สึกผิดและต้องเป็นฝ่ายที่วิ่งไปหาซื้อให้เขาแทน ตอนนั้นเองที่ผมเข้าใจแล้วว่าบางทีจุดความอดทนของคนเราไม่เท่ากัน บางทีการกินน้ำสะอาดอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาก็ได้ ปั๊มกำลังสอนผมอย่างนั้น

   การร่วมเตียงของเราดูราบรื่น แน่สิเพราะเขาหลับไปซะดื้อๆ ถึงผมจะเงียบแต่ไม่ได้หมายความว่าฝันไปแล้วนะ ผมนอนมองจมูกโด่งๆ ของเขาอย่างชื่นชม ถ้ามีลูก ขอแค่ลูกหน้าตาน่ารักได้สักครึ่งหนึ่งของคนที่นอนอยู่ข้างๆ นี้ก็ยังดี


   ดูเหมือนเราจะสนิทกันมากขึ้นและผมก็เริ่มแน่ใจขึ้นแล้วว่า

   ผมชอบเขา

   ผมยังจำวันที่แผ่นหลังเล็กๆ นั้นเอนมาหนุนหน้าอกบนดาดฟ้าโรงซ่อมได้อยู่เลย ผมสูดกลิ่นไอแห่งความสดใสที่ฟุ้งกระจายรอบตัวเขาอย่างเต็มปอด อะไรต่อมิอะไรกระเจิดกระเจิงไปหมด เขาตั้งใจยั่วผมด้วยการเบียดตัวเข้ามาหา ผมพยายามใช้มือกั้นส่วนที่ไม่สมควรโดนเขา เด็กคนนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ ทั้งความคิดและร่างกาย แต่ให้ตายเถอะ ยิ่งต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองมากเท่าไหร่ ผมยิ่งหลงเขาหัวปักหัวปำมากขึ้นเท่านั้น ผมนึกถึงความรู้สึกแบบนี้…นี่คืออารมณ์ที่รู้สึกเมื่อผมมีรักแรกซึ่งมันผ่านมานานแสนนาน และผมก็ปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าครั้งนี้จะต้องรุกอย่างจริงจัง


   เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงในกลางดึกคืนหนึ่ง แม่ของมิ้นหนึ่งในแฟนเก่าที่ผมรักมากที่สุดโทรมาหา เธออ้อนวอนขอให้ผมหางานให้ลูกเธอทำ ผมทำท่าจะบ่ายเบี่ยงแต่เธออ้างถึงความรักสมัยที่ผมกับมิ้นตัวติดกันมากให้ฟัง ยอมรับครับว่าตอนนั้นผมไปต่อไม่ถูก มิ้นเคยสำคัญกับผม และครอบครัวของเขาก็ดีกับผมมาก ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะอ้างเพื่อบ่ายเบี่ยงที่จะไม่ช่วยเหลือ วันรุ่งขึ้นนั้นเองที่ผมไปรับมิ้นที่สนามบิน ไม่ได้อ่านข้อความที่ปั๊มส่งมาให้เลยหลังออกจากเกต ผมกลัวจะมีปัญหา ผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า และเรื่องแค่นี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรด้วย

   แต่ผมคิดผิดครับ เรื่องหนักกว่าเดิมชนิดที่ผมเองทำอะไรไม่ถูก หลังจากตีกันแทบตายผมตัดสินใจปีนระเบียงบ้านของปั๊มมันซะเลย เกิดนึกคึกอยากเป็นพระเอกหนังฝรั่งขึ้นมาซะอย่างนั้น ถึงมันจะน้ำเน่าแต่ผมก็อยากแสดงถึงความจริงใจนะ

   “ผมเหงา” สายตาเหมือนลูกแมวที่กำลังทอดมามองนั้นทำให้กางเกงผมอึดอัดไปหมด ให้ตาย! ผมพยายามควบคุมสติตัวเองแล้วนะ แต่เด็กคนนี้ทำให้ผมไม่เป็นตัวเอง ทุกๆ ตารางนิ้วของร่างกายเขาชวนให้ผมเสพติดชะมัดเลย

   แต่เหมือนจะโชคร้ายที่พ่อบ้านของปั๊มโผล่มาซะก่อน ตอนนั้นเองที่สติผมกลับมาและรู้ตัวว่ากำลังทำเกินเลยไป แต่สิ่งที่ผมควรกังวลมากกว่าก็คือสภาพตัวเองนุ่งกางเกงในตัวเดียวนี่แหละ

   “เจ้านายผมค่อนข้างซนไปนิด ขอโทษด้วยนะครับกัปตัน” ลุงเอกพูดขณะที่พาผมไปห้องรับรองแขก

   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ พร้อมกับคิดในใจว่า อืม…เหมือนคนที่ซนจะเป็นผมนะครับ


   ตื่นเช้ามาผมเจอปั๊มกับเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อไวน์กำลังคุยกัน เรื่องของผม…

   แล้วผมก็รู้ว่าแผนการของสองคนนี้คืออะไร ตอนแรกผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่พอได้ยินว่า

   “… มึงต้องตอบให้ได้ก่อนว่ามึงชอบมันหรือเปล่า”

   “เอ่อ ให้ตอบตอนไหน”

   “เอ๊า ตอนนี้สิอีเหี้ย ตอบมา!”

   “อ่า ขอเวลาหน่อยได้ปะ”

   “อ้าวไอ้สัด นี่มึงลังเลหรอ ไหนบอกไม่ได้ชอบ”

   “ไม่แน่ใจอะ ขอเวลาคิดหน่อย นะๆๆ”


   ผมกลับยิ้มไม่หุบ แล้วผมก็รู้สึกดีสุดๆ ที่ไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว


   เรื่องของมิ้นกลับมาทำให้ผมกังวลใจอีกระรอก ดูเหมือนอะไรๆ มันก็ยุ่งยากไปหมด แม่ของมิ้นโทรมาด่าผมเรื่องที่ไม่ค่อยได้กลับห้องไปดูแลน้อง แต่ขอโทษนะครับ ผมเป็นนักบินนะ แค่เวลาส่วนตัวยังแทบจะไม่มีเลย นี่จะเอาอะไรกับผมอีก หลังๆ มานี้ผมเลยเลือกที่จะไปนอนโรงแรมเอาดีกว่า และพยายามไม่รับสายแม่ของมิ้นด้วยถ้าไม่จำเป็น

   แต่วันนั้นเป็นวันที่ผมจะต้องไปเอาของที่ลืมไว้ที่คอนโดจริงๆ และผมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าทิ้งกุญแจไปไว้ที่ไหน ผมจัดการต่อสายหามิ้นเพราะคิดว่าเช้าแบบนี้เขาคงกำลังแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงาน แล้วก็พบว่า

   [พี่ธีร์… มิ้นยังไม่ได้กลับบ้านเลย]

   วินาทีนั้นผมพุ่งไปยังออฟฟิศใหญ่ทันที เจอมิ้นที่กำลังทำเอกสารเกี่ยวกับงบประมาณอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ ตอนนั้นผมโมโหมาก อยากจะคุยกับปั๊มให้รู้เรื่อง คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าปั๊มคงจะงอแงที่ผมห่วงมิ้นมากเกินไป แต่จะทำยังไงได้ครับก็แม่เขาฝากผมไว้ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ก็ต้องผมสิ

   ผมโมโหมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเขาเมาค้าง รวมทั้งโมโหที่ตัวเขาทำแบบนั้นและโมโหตัวเองที่เป็นสาเหตุ และเหมือนเดิม เขาวิ่งหนีผมไปอีกครั้ง

   คืนนั้นผมดักรอเขาที่หน้าประตูบ้าน ตั้งใจจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาได้แต่พร่ำเพ้อถึงความโลเลของผม ซึ่งมันไม่จริงเลย ปั๊มบอกว่าผมเห็นเขาเป็นของเล่น มันไร้สาระมาก ถ้าผมเห็นเขาเป็นของเล่นผมคงจะเอาแล้วทิ้งไปนานแล้ว แต่ไม่…กลับหวงเพื่อรอจนถึงเวลาสมควรด้วยซ้ำ แต่อย่างว่าแหละ น้องยังเด็ก และผมก็ผิดเองที่สร้างภาพลักษณ์หนุ่มใจดีคุยง่ายเทคแคร์ทุกคนแบบนี้เอง ใครเขาจะไม่เกลียด แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า ไม่มีใครที่ผมรู้สึกดีเหมือนปั๊ม ทั้งอดีตที่ผ่านมา และก็ยืนยันว่าไม่รู้ในอนาคตจะเจออีกหรือเปล่า

   “ฉันอยากให้รู้ว่าฉันจริงจังนะ” ผมพูดออกมาจากหัวใจ แต่ตอนนั้นผมจำเป็นต้องถอยออกมาก่อนจริงๆ ผมจะรอให้เขาสงบลงก่อน เรื่องแบบนี้ผมรอได้ ความรู้สึกมันละเอียดอ่อนอยู่แล้ว...ผมเข้าใจ


   คืนนั้นผมกลับคอนโดไปแพ็คของเพราะตั้งใจจะย้ายออกไปอยู่โรงแรมที่ไหนก็ได้สักพัก มิ้นยังหลับอยู่และผมจัดการเขียนโน้ตทิ้งไว้แล้ว เพื่อความสบายใจของปั๊มผมยอมทำได้หมด ตอนนี้คนที่ควรจะแคร์คือเด็กคนนั้นคนเดียว ผมจะพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีตอนไหนเลยที่ผมไม่จริงใจ

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมได้รับข้อความจากมิ้นว่าลาออกจากงานแล้วเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่ยังขออยู่คอนโดต่อไปจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่รวมถึงงานใหม่ได้ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที ตั้งใจจะยกหูโทรหาแต่ก็มีใครโทรสวนมาซะก่อน

   “มาหานายน้อยของผมหน่อยมั้ยครับ เฉาเป็นผักต้มเลย”

   ผมหัวเราะกับเสียงลุงเอก พ่อบ้านคนนี้มีมุกแปลกๆ มาเสิร์ฟเสมอ จากนั้นก็ไม่รีรอขับรถไปหาปั๊มทันที เมื่อเจอกันผมบอกเขาว่าผมไล่มิ้นออกจากห้องไปแล้วโดยไม่ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นผมเองต่างหากที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่กลายเป็นว่าพอได้ยินอย่างนั้นปั๊มกลับทำหน้าสลดใจเหมือนรู้สึกผิด อืม…บางทีเขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นจริงๆ นะ

“คนที่เจออะไรมาเยอะอย่างฉัน เธอจะรู้ว่ารักคือการที่แค่อยู่กับใครแล้วสบายใจก็พอแล้ว” ผมพูดขณะที่นอนหนุนตักให้อีกฝ่ายเล่นหัวพร้อมกับรับรู้ถึงพลังงานความสุขบางอย่างที่ออกมารอบตัวเขา


“กัปตัน ลุกเถอะผมหนัก” ปั๊มผลักหัวผมออกหลังจากที่เวลาผ่านมายาวนาน ผมไม่รู้ตัวเลยว่านอนไปนานเท่าไหร่ แต่ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปอย่างตาสัมผัสได้

“หิวยัง” ผมถามขณะเอนตัวขึ้น

“อื่อ นิดหน่อย” เขาบิดขี้เกียจ ร้องโอดครวญระหว่างนวดขาตัวเองไปด้วย

“ออกไปหาอะไรกันกันมั้ย” ผมเอ่ยปากชวน

“ไม่ต้องหรอก ดูโน่น…” เขาชี้ไปยังสนามใกล้สระว่ายน้ำซึ่งไม่ไกลออกไปนัก ลุงเอกยืนรออยู่ก่อนแล้ว ข้างๆ เป็นโต๊ะเล็กๆ สำหรับสองคนซึ่งด้านบนมีอาหารและเทียนแท่งสวยวางรอไว้

“โรแมนติกกว่าที่ฉันคิดจะพาไปอีกนะเนี่ย” ผมเกาหัวแก้เก้อ ว่าจะพาปั๊มไปทำอะไรทำนองนี้แหละครับ

“ไม่ต้องฝืนให้ตัวเองหวานมากก็ได้นะกัปตัน” คนตัวเล็กว่าพลางเดินนำผมไปหาพ่อบ้านของเขา “ผมรู้ว่าคุณเป็นพวกฮาร์ดคอร์”

“จริงๆ แล้วฉันก็มีมุมให้หวานนะ”

“หน้าอย่างกับหมาเอาอะไรมาหวาน” ปั๊มจ้องมองพร้อมกับหัวเราะขำขัน เออดี ตลกกันเข้าไป รู้ตัวครับว่าหน้าโหด ฮ่าๆ

ผมจัดการกอดคอคนตัวเตี้ยกว่าและขโมยหอมเส้นผมไปฟอดใหญ่ ตามเคย… ไอ้ตัวเล็กฟาดเข้าให้ที่ไหล่ผมอย่างแรงจนตัวบิด แต่ผมไม่ละทิ้งความพยายามที่จะพาดแขนไปครั้งที่สอง คราวนี้อีกฝ่ายไม่ขัดขืน ผมรอจนแน่ใจว่าปลอดภัยจึงจัดการใช้ปลายนิ้วจับไหล่เขาเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปหอมอีกครั้งโดยไม่ได้โดนตีกลับมา

“เอาไว้ไปเดทกันสองคนคราวหน้านะ”

“อื่อ” ปั๊มส่งเสียงในลำคอ ผมจะคิดซะว่านั่นคือการตอบตกลงแล้วกัน

“แค่เรียกให้มาทานข้าว กรุณาเดินห่างๆ กันหน่อยครับ” เสียงลุงเอกดังทะลุมาแต่ไกลจนเราสองคนสะดุ้งแยกจากกันเหมือนใครฉีกปาท่องโก๋ ต่างฝ่ายต่างหลบหน้าพ่อบ้านเหมือนวัยรุ่นหนีความผิดจนกระทั้งได้นั่งบนเก้าอี้


“ฝันดีนะ” ผมบอกลา ปั๊มมาส่งผมที่รถด้วยแหละ

“ไม่นอนนี่จริงๆ เหรอ” น้ำเสียงอีกฝ่ายยานคางอาจจะเพราะความง่วง เอ๊ะ หรือจริงๆ จะอ้อนกันแน่นวะ

“ชวนฉันนอนด้วย?” ผมเลิกคิ้วมองผ่านบานกระจกที่เลื่อนลง

“บ้า เห็นมันดึกแล้วเหอะ” คนด้านนอกทำหน้าเหมือนหงุดหงิดตัวเอง

“ฉันกลับดีกว่า ได้นอนก็นอนคนละห้องกันอยู่ดี ไม่ชอบเลย ถ้านอนด้วยกันค่อยคุยกันได้หน่อย”

“หยุดเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด! ไม่มีทาง!” ปั๊มถอยออกไป “กลับไปได้แล้ว วันนี้ผมใช้ชีวิตกับคุณมากกว่าเพื่อนพ้องญาติพี่น้องอีกนะ”

“ฝึกไว้ เดี๋ยวได้อยู่กันอีกยาว” ผมหยอด

“ให้มันยาวแล้วค่อยมาอวดนะจ๊ะ บายครับ” ปั๊มโบกมือก่อนจะเดินทิ้งขาอย่างเหนื่อยอ่อนเข้าไปในบ้าน

ผมมองขาเนียนๆ ที่โผล่ออกมานอกกางเกงขาสั้นแล้วก็ยิ้มพิมพ์ใจ คนอะไรมันน่ารักขนาดนี้นะ สำหรับปั๊มแล้ว เขาเหมือนของขวัญที่ผมไม่เคยมี ความรู้สึกอยากครอบครองมันเอ่อล้นไปหมดเลย


piloT:
‘กำลังจะกลับจากญี่ปุ่นจะเอาอะไรมั้ย?’


ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์ของปั๊ม ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมอยู่ในห้องขับบนเครื่องบินเรียบร้อยแล้วครับ จริงๆ ผมซื้อของไว้ให้เขาแล้วล่ะ แค่อยากจะหาเรื่องคุยเท่านั้นเอง
   
Pumpkin:
‘sex toy’
*สติ๊กเกอร์ทำหน้าหล่อ


ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นข้อความที่ตอบกลับ นักบินผู้ช่วยถึงกับมองผมอย่างไม่แน่ใจเหมือนจะถามว่าอะไรมันจะตลกขนาดนั้น
ทะลึ่งมาทะลึ่งกลับละวะ!

PiloT:
ถ้างั้นไม่ซื้อนะ มีพกติดตัวอยู่แล้ว
*สติกเกอร์ชูนิ้วโป้ง

หึหึ ผมมันเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้ว ปั๊มก็ชอบบอกอยู่บ่อยๆ นี่

Pumpkin:
ขอบล็อคนะครับ


ผมกำลังจะพิมพ์ตอบแต่เสียงเตือนความพร้อมดังขึ้นซะก่อน ผมจึงจัดการปิดโทรศัพท์และนั่งประจำที่เพื่อเตรียมจะบิน
อยากกลับไปเจอหน้าปั๊มจะตายอยู่แล้ว

ผมหยิบไมค์ขึ้นมาก่อนจะส่งเสียง

“สวัสดีครับ ผมกัปตันธีรดล ประดับแก้ว ทำหน้าที่ขับอากาศยานเที่ยวบินที่ FAR  410 ซึ่งมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยการเดินทางจะใช้เวลาสี่ชั่วโมงโดยประมาณ ทั้งนี้ทางสายการบินต้องขออภัยสำหรับความล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ขอบคุณครับ…”


จบตอน


 :really2:  :really2: :really2:

เป็นสัปดาห์ที่ Reality มากๆ เพราะอัพวันละตอน 3 ตอนติด งิงิ
จริงๆตอนนี้เป็นบทที่แทรกมาระหว่างที่รีไรท์ครับ และพออ่านฟีดแบคเพื่อนๆ บวกกับกัปตันต้องมีกระบอกเสียงหน่อย ก็เลยเออเอามาโผล่ก่อน
ซึ่งจริงๆ กัปตันจะมีบทของตัวเองท้ายๆ เรื่องโน่น เพราะฉะนั้นบทนี้จึงเป็นบทที่ timeline ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ จะมีอะไรเฉลยทีหลังท้ายเรื่องนะฮะ

ครึ่งทางแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา
ผมไม่เคยคิดว่านิยายเขียนขำขำบำบัดตัวเองจะมีคนอ่านเยอะขนาดนี้ (4k แล้วเย่ๆๆๆๆ)
แต่ยังไงก็อยากให้ติดตามกัปตันกับน้องปั๊มไปจนถึงบทสรุปนะครับ

ฝากแสดงความคิดเห็น ฝาก+ ฝากแชร์หากคุณชื่นชอบนะ

ไว้เจอกันใหม่ครับ <3
แวะมาทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic เหมือนเดิมเด้อ

#firemetothemoon
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 21:47:20 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นพระเอกนิ คงไม่ตายง่ายๆหรอกเนอะ :hao3: ต้องปลอดภัยสิ  :call:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ที่แท้ กัปตันธีร์ก็ชอบปั๊มมาตั้งนานแล้วนี้เอง
อยากกินเด็กสินะ
หวังว่ากัปตันจะไม่เป็นไร

 :hao5:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
แสดงว่าบางส่วนเกี่ยวกัยกัปตันนี่ก็เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นหน่ะสิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอให้กัปตันและทุกคนบนเครื่องบินปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ค้างง มาต่อเถอะค่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #79 เมื่อ09-02-2017 19:54:52 »

Part II
หวานเย็น

11
ไอ้เป๋



“เราจะเจอกันอีกมั้ยพี่”
“เจอสิ ยังไงพี่ก็จะวนเวียนอยู่กับเรา ไม่ไปไหนอยู่แล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กัน…



   ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โอ้ยย เมื่อกี้เหมือนมีใครเอาไม้มาทุบหัวเลย แถมก็ฝันแปลกมาก ฝันว่าเครื่องบินที่กัปตันธีร์ขับโดนฟ้าผ่า เหมือนจริงชะมัด

   ฮืออออ กูจะตลกแดกทำไมเนี่ย มันไม่ใช่ฝัน! ทั้งหมดเกิดขึ้นจริงโว้ย!!

   “คุณปั๊มเป็นยังไงบ้างครับ” ตรองเป็นคนแรกที่วิ่งมาหา

   “ได้ข่าวอะไรบ้างหรือยัง” ผมถามอย่างไม่รีรอ

   แต่ตรองกลับเอาแต่ส่ายหัว…

   ชิททททท นี่มันอะไรกันวะเนี่ยยยย

   “มึงไม่คิดจะทักทายกูที่เป็นตัวละครใหม่หน่อยเหรอวะ” ไอ้ไวน์ที่ผมเพิ่งเห็นว่ามันนั่งอยู่ข้างๆ โบกมือเรียก อ้าว ก็กูไม่เห็นจริงๆ

   ผมคงไม่ได้สติไปนานจนไม่ทันได้รู้ตัวว่าทุกคนในบอร์ดบริหารมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทุกคนกำลังเคร่งเครียด มีแต่ไอ้ไวน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ประหลาดกว่าชาวบ้านเขา การแต่งตัวแตกมู้ดกว่าคนอื่นเหมือนหลุดมาคนละโลก ว่าแต่…ใครตามมันมาวะครับ?

   “เฮ้ย!! รายงานจากสนามบินบอกว่ามีเครื่องที่ไม่เห็นในเรดาร์กำลังขอลงจอดครับพ่อ!” ไอ้เพชรตะโกนลั่น “เครื่องของเราครับ! เครื่องของเราครับทุกคน!!”

   ทุกคนเฮลั่น ลุงวินัยมีท่าทีสบายใจอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนรวมถึงผมด้วย…

นี่แปลว่าทุกอย่างโอเคแล้วใช่มั้ย? โอ๊ยยยยย หวังว่ากัปตันจะไม่เป็นอะไรนะ

เชี่ย ทำไมรู้สึกเป็นห่วงเขามากขนาดนี้วะ ไอ้หมา

   “ใจเย็นมึง ไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง” ไอ้ไวน์ปราม คงเพราะเห็นว่าผมนั่งเขย่าขาลุกลี้ลุกลนนานแล้ว แถมตอนพูดมันมองหน้าเหมือนจะขำอีกต่างหาก

   “ขำห่าอะไรเนี่ย กูยิ่งเครียดๆ อยู่”

   “เปล่าๆ ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังแล้วกัน” มันว่าทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่

   “ปั๊ม!!” เพชรตะโกนเรียกจากอีกมุมห้อง

   ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ ตะโกนห่าไรดังขนาดนั้น

   “เราจะไปสนามบิน จะไปกับเรามั้ย” เพชรทำท่าเก็บข้าวของ

   “ไป!!” ครับ ตอบอย่างไม่ต้องลีลา ผมเห็นไอ้ไวน์กับตรองมองหน้ากันก่อนจะเดินตามมาติดๆ


   เกิดความโกลาหลขึ้นที่สนามบิน ดูเหมือนว่าจะเราจะปิดนักข่าวไม่อยู่ซะแล้ว ไอ้เพชรดูหัวเสียมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมประหลาดใจสุดๆ ไปเลย ก็ไม่เคยเห็นเวลามันทำงานจริงๆ จังๆ นี่เนอะ เรื่องพวกนี้มันเป็นงานของเพชรอีกต่างหากที่จะต้องจัดการจำกัดวงสื่อมันก็คงสติแตกเป็นธรรมดา ผมเห็นมันโวยวายด้วยคำหยาบนานาก่อนจะขอตัวแยกออกไปเพื่อสะสางงานที่ต้องรับผิดชอบ

   โอเค เห็นมันตั้งใจแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

   ที่ห้องรับรองสายการบิน บรรดาญาติๆ ผู้โดยสารต่างก็กำลังโวยวายและขอเจอคนของตัวเอง ผมช่วยพวกพนักงานภาคพื้นจัดการความวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่งจนสังเกตเห็นว่าเริ่มมีการทยอยพาผู้โดยสารที่ลงจากเครื่องเข้ามาในห้องนี้บ้างแล้ว แต่ผมก็ยังไม่หายเครียด เพราะไม่เห็นพวกลูกเรือตามเข้ามาสักคน ด้วยความกังวลผมจึงขอแยกตัวออกไป

   ผมมองออกไปยังรันเวย์ผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องที่เอาไว้สูบบุหรี่ ผมเห็นผู้คนต่างวิ่งกรูกันไปที่เครื่องบินของเรา ผมชะเง้อเพื่อมองว่าบรรดาลูกเรือได้ลงมาจากเครื่องบ้างมั้ย แต่ไม่… เอาล่ะ ผมเริ่มสติแตกครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ฮือออออออ


   ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’



   เอ๊า ปิดเครื่องทำบ้าอะไรเนี่ยกัปตัน โอ๊ยยยย กูเครียด!

   “อยู่นี่เองนะมึง!!” ไอ้ไวน์ตะโกนดังเข้ามาในห้องสูบบุหรี่ เดาจากเสียงเหนื่อยๆ นั้นมันคงวิ่งตามหาผมมาสักพักแล้วล่ะ

   “ตรอง! เราสามารถเข้าไปด้านในนั้นได้มั้ย” ผมหันไปถามเลขาที่อยู่ด้านหลังเพื่อนสนิทซึ่งหอบไม่พอกับคนหน้า

   “เอ่อ… เราต้องมีป้ายแขวนคอครับ”

   “ไปเอามา!!”

   “โอ้ ใจเย็นนะปั๊ม กูว่าคงไม่มีอะไรแล้วนะ มึงจะเดือดไปไหนเนี่ย” ไอ้ไวน์ยกมือห้าม

   “โอ๊ยยยย มึงอย่ามาขัดกูตอนนี้ได้มั้ย กูอยากเข้าไปดู!!!”

   ปักๆๆๆๆๆๆ!

   ผมทุบกระจกด้วยความเดือดดาลจนเจ็บมือ ไอ้ห่าเอ๊ย

   แต่ดูเหมือนว่าเสียงเคาะกระจกนั้นจะทำให้คนอีกฝั่งได้ยิน ช่างจากสายการบินของเราคนหนึ่งซึ่งกำลังจะวิ่งไปที่เกิดเหตุกลับชะงักพราะดันหันมาเห็นทางนี้ซะก่อน เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหรี่ตาพินิจพวกเราสามคน

   “คุณปั๊ม!?” ช่างคนนั้นเบิกตาโพลงก่อนจะวิ่งไปตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่สนามบินให้มาเปิดประตูฉุกเฉินที่อยู่ข้างกันให้

   เออ! จำได้แล้วว่าใคร นี่คือกันหัวหน้าช่างคนปัจจุบันที่ผมเคยเจอนี่

   “คุณปั๊มจะเข้าไปดูเครื่องเหรอครับ” เขาถามอย่างใจร้อนเมื่อพวกเราเดินผ่านประตูเข้าไป

   “คือ…ผมมาหาพวกลูกเรือน่ะครับ”

   เหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังสื่อ หัวหน้าช่างเพียงพยักหน้าก่อนจะเรียกให้ขึ้นรถไปด้วยกัน

   “เดี๋ยวผมขับไปส่งครับ”

   พวกเรานั่งรถข้ามไปยังอีกฝั่งจากที่อยู่ในตอนแรก รถฉุกเฉินและรถพยาบาลจอดเรียงกันเป็นตับ หัวหน้าช่างปล่อยผมลงก่อนจะขอตัวไปดูเครื่องต่อ

   “ใจเย็นๆ นะมึง” ไอ้ไวน์เขย่าไหล่ผม ส่วนผมแค่พยักหน้าให้แทนคำตอบ

   ฮึ่ยยย มึงอยู่ไหนนะกัปตัน ถ้ากูเจอกูจะเตะๆๆๆๆๆๆๆ ให้ร้องเอ๋งเป็นหมาเลย โทรหาก็ไม่ติด แล้วไม่คิดจะมีฟีดแบคมาสักนิดเลยหรือไงนะ คงคิดว่ากูจะไม่เป็นห่วงเลยล่ะสิ

   “คุณปั๊มครับ” ตรองเรียกพร้อมกับสะกิดให้มองไปยังเต็นท์สีขาวซึ่งมีลูกเรือเดินออกมาจากที่นั่น ผมเดินเข้าไปอย่างไม่ต้องคิด

   ทันทีที่ผมสะบัดผ้าที่กั้นออก ผมก็เห็นเขา…

   กัปตันธีร์กำลังตื่นตระหนกแต่ก็ดูเหนื่อยล้าไปพร้อมกัน เขากำลังนั่งก้มหน้าหลับตาเหมือนต้องการความผ่อนคลาย เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไปฟัดกับสัตว์สักตัวมา ผมเผ้าตกประหน้าเห็นแล้วรำคาญตา แต่พวกนั้นไม่ได้ทำให้ผมกังวลเท่ากับผ้าพันแผลที่หัวและแท่งเหล็กซึ่งกำลังใช้ดามขาเขาอยู่เลย

   เหมือนเขารับรู้ได้ว่าผมมา ใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนนั้นยกเงยพร้อมกับลืมตา เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นผมเองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา …ห่างกับเขาไม่ถึงเมตร

   หึ ขอกูระเบิดหน่อยเหอะ!!

   “นี่ไม่คิดจะทำอะไรเลยใช่มั้ย!!! ปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรทำไมไม่คิดจะหาทางบอกล่ะ!! โทรหาก็ไม่ติด ไม่คิดว่า… อุก!”

   ยังไม่พูดไม่ทันจบประโยคกัปตันก็กระโดดด้วยขาข้างเดียวเข้ามาจูบผม…

   ใช่ครับ จูบ!

   และด้วยความที่ผมตาค้างเพราะตกใจจึงเห็นว่าใบหน้าเขาเครียดมาก คิ้วย่นเข้าหากัน ที่สำคัญเขาหลับตาขณะที่จูบผมด้วย กลายเป็นว่าเป็นผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ท่วมท้นมาจากร่างกายเขาเต็มๆ นั่นก็เพราะเขาจู่โจมทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแท้ๆ ไงล่ะ

   แล้วเขาก็ถอนปากออก ใบหน้าที่เห็นตอนนี้ทำให้ผมสงสัยว่าแท้จริงแล้วกัปตันคือใคร ผมไม่เคยสัมผัสเขาในอารมณ์นี้เลย
 
   “คือ…” ผมหลบตาอย่างเขินอาย

   “อย่าเพิ่งพูดอะไรได้มั้ย” เขาขอร้อง พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบแก้มของผมอย่างทะนุถนอมเหมือนเจอของรักที่ไม่ได้เห็นกันมาแสนนาน

   ผมรู้ว่าเขากำลังช็อคก็เลยพยักหน้าไป

   “ฉันสาบานกับตัวเองว่าจะทำอย่างนั้นถ้ารอดชีวิตไปได้”  เขาพูดขณะที่ก้มลงมาซุกไหล่ อิริยาบถที่หลังๆ เขาชอบทำเป็นประจำ

   “นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันแล้ว ไม่อยากตายตอนที่ยังไม่ชัดเจนแบบนี้” เขาคราง

   “ก็อยู่นี่แล้วไง” ผมตั้งใจจะปลอบเขา เออ ปลอบไงดีวะ เอางี้ ลูบหลังไปเรื่อยๆ แล้วกัน

   “รู้แล้วๆ ใจเย็นๆ น่า” ผมเอนหัวพิงอีกฝ่าย “ขอโทษที่ทำให้กังวลใจด้วยนะ… พี่ธีร์”

   เมื่อได้ยินผมพูดชื่อเขาก็กระชับกอดผมแน่น ผมรู้สึกมวนท้องเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยกำลังบินอยู่ด้านใน

   สำหรับวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กัปตันอีก และก็ทำให้ผมรู้ตัวเองด้วยว่า… ความรู้สึกที่มีให้เขามันแน่นอน ไม่เคยเปลี่ยน...ซึ่งผมจะยังไม่บอกเขา

   เพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนี้กับผมก่อน มันคงเป็นผมที่งอแงและกระโดดไปกอดเขาเอง


   กว่าเรื่องทั้งหมดจะซาก็เกือบห้าทุ่ม หน้าที่แถลงข่าวผมส่งให้ลุงวินัยกับเพชรสองพ่อลูกเป็นคนจัดการ จากการสอบสวนได้ความว่าเครื่องถูกฟ้าฝ่าทำให้เรดาร์เสีย ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเครื่องขัดข้องไปสามนาที สามนาที! แม้ได้ยินตอนแรกรู้สึกว่ามันจะน้อยแต่ผมได้รู้จากคนอื่นๆ ว่ามันคือเวลาความเป็นความตาย นับเป็นปาฏิหารย์ที่กัปตันใช้วิชาช่างเบื้องต้นกู้เครื่องกลับมาได้อีกครั้ง แต่ระหว่างนั้นเครื่องตกหลุมอากาศจนหัวและขาของเขากระแทกกับแผงควบคุมอย่างแรง พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก นึกไม่ออกเลยว่าถ้ากัปตันไม่มีความรู้พวกนั้นจะเกิดอะไรขึ้นแทน

   แต่กัปตันก็ได้รับเสียงชื่นชมใหญ่เลยนะที่สามารถกู้เครื่องขับแบบอนาลอคมาถึงไทยเองได้ แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจคำชมพวกนั้นเลย เขาเพียงแต่เกาะผมแจเหมือนเด็กกลัวหลง ผมได้แต่ทำหน้าจืดๆ เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ในองค์กรมองมาอย่างจับผิด

   “โอ๊ยยยย หิวสัดดดด ไปหาไรแดกกันมั้ย” ไวน์โพล่งขึ้นมาหลังจากนั่งเล่นมือถืออยู่พักใหญ่ ใช่ครับ ตอนนี้ผม ไวน์ ตรองอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่กัปตันธีร์โดนส่งมานอนหลังจากที่ให้หมอใส่เฝือกอ่อน แถมโดนกำชับให้นอนดูอาการจากแผลที่หัวด้วย กัปตันได้รับการอนุมัติให้ลางานสองสัปดาห์ กลายเป็นว่านี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้หยุดปีใหม่เหมือนกับคนอื่นบ้าง

   “หิวปะคุณ” ผมหันไปถามคนบนเตียง

   “ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” เขาตอบ ดูนิ่งไปถนัดตาไม่เหมือนเคย

   “เออดีว่ะ กูถามมึงมึงไม่ตอบ ไปถามผัวต่อเลย” ไอ้ไวน์กอดอกแซว

   ไอ้ห่านี่! พูดอะไรของมัน เล่นอะไรไม่รู้เรื่องงงงงง ตั้งแต่ตอนที่ผมกอดกับกัปตันและครับ กำลังซึ้งๆ แม่งดันไปเห็นมันชูนิ้วโป้งพร้อมกับขยิบตาให้เหมือนชื่นชม เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลย จะซึ้งก็ไม่เต็มที่

   “ผมคงต้องกลับแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ตรองโพล่งขึ้นพร้อมยกมือไหว้คนบนเตียง สภาพไม่ต่างอะไรจากคนป่วยเลย น่าสงสาร วันหลังจะพาไปทานข้าวนะ เฮ้อ วิ่งตามทั้งวันเลยเลขากู

   “เดี๋ยวพี่” ไอ้ไวน์ลุกขึ้นบ้าง “พี่หิวปะ?”

   ตรองเหมือนครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ก็หิวนะ”

   “เออไปกินข้าวกันมั้ยพี่แล้วค่อยกลับพร้อมกัน เดี๋ยวผมไปส่ง”

   “เอ่อ…”

   “เออไปกินด้วยกันนั่นแหละ ฝากด้วยนะไวน์” ผมบอกทั้งคู่

   “ไม่ต้องพูดมาก มึงได้เจอกูคืนกำไรแน่ ลาก่อน หวัดดีครับกัปตัน” มันหันมาลาจากนั้นก็ผลักหลังเลขาผมให้เดินนำออกไป

   “เธอไม่หิวเหรอ” หลังจากที่ประตูปิดลงคนบนเตียงก็กลับมาพูดบ้าง ฮ่าๆ เป็นแบบนี้ก็ดีนะ พูดน้อยลงดี ไอ้แก่พูดมากหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อย่ากลับมาอีกเลย (ในเร็วๆ นี้)

   “ไม่อะ” ผมบอก เหยียดตัวนอนกับโซฟา “ไม่รู้สึกอะไรเลย”

   “ปั๊ม” เขาเรียก

   “หือ?”

   “มานอนนี่มา” กัปตันเขยิบตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้เกิดพื้นที่ว่างข้างๆ ตัว

   “บ้า! เดี๋ยวหมอด่า”

   “ตามใจหน่อยสิ” น้ำเสียงเขาออดอ้อน แต่ไม่เท่าใบหน้าที่เว้าวอนอย่างคาดหวัง

   “เฮ้อ” ถอนหายใจไปอย่างนั้นแหละครับ ผมยอมกระโดดขึ้นไปเหยียดตัวข้างๆ เขาแต่โดยดี แต่อยู่ในสภาพเหมือนศพ ตัวแข็งทื่อ ตาค้าง ไม่เคยตั้งใจมองเพดานที่ไหนเท่านี้เลย

   “อือ ทีนี้จะได้นอนสบายๆ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง

   อ้าว!? นี่เรียกกูขึ้นมาแค่นี้เหรอ

   “อะไรของเขาวะ” ผมบ่นงึมงำ

   “หือ?” เขาพลิกตัวกลับมาอีกรอบพร้อมกับเลิกคิ้วมองอย่างขบขัน “คิดว่าจะมีอะไรมากว่านี้หรือไง?”

   “เฮอะ!” ผมเบี่ยงตัวหนี ฮึ่ยยย อารมณ์เสีย

   “มานี่มา” เขาสอดแขนเข้ามาใต้หัวผมและจัดการจับพลิกหันไปหาได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังหนุนแขนพร้อมกับมองตาของเต็มๆ

   “คุณดูโทรมมากเลย” ผมโผล่งออกมาหลังจากสำรวจใบหน้าเขา โทรมแบบไม่มีแววความหล่อเลยอะ

   “แต่เธอดูสดใสมากเลยนะ” เขาม้วนผมของผมเล่น “มีความรักเหรอ?”

   “เปล่า ผมดูดพลังมาจากกัปตันต่างหาก”

   “สงสัยจะจริง” เขาหัวเราะออกมา

   “ผมว่าผมต้องกลับบ้าน เดี๋ยวลุงเอกจะว่าเอา” ผมทำท่าจะลุกแต่เขากดผมไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

   “ไม่กลับไม่ได้เหรอ” เขาว่า “อยู่เป็นเพื่อนหน่อย”

   “ผมก็อยากนะกัปตัน…แต่ว่า” ยังพูดไม่ทันจบเขาก็ปิดปากผมซะก่อน

   ปิดด้วยปาก…

   เชี่ยยยยย มึงฉวยโอกาสกูอีกแล้วนะเนี่ยยยยย

   “อื้ม” คราวนี้ผมลองหลับตาและปล่อยใจไปกับมัน และผมก็ยอมรับว่าลวดลายของเขาสุดยอดมาก ผมเต็มใจหลับตากำซาบอารมณ์มาเต็มๆ

   “หวานจัง” เขาพูดหลังจากที่เราผละออกจากกัน

   “แต่ตอนเช้าๆ ปากเหม็นนะ” ผมพูดกวนเพราะความเขิน

   “ใครๆ ก็เหม็นหรือเปล่าฮะ” เขาส่ายหัวกับความไม่ได้เรื่องของผม “สรุปยังไง จะอยู่ด้วยกันมั้ย”

   “อือ ถ้าลุงเอกอาละวาดก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน”

   “ถึงเวลานั้นค่อยคิด ตื่นเต้นชะมัดเลยได้นอนด้วยกันสักที”

   “มั่วเปล่า ครั้งที่สองแล้วเหอะ” เขาลืมตอนที่ไปมาเลเซียได้ยังไงฮะ เดี๊ยะๆๆๆ

   “ก็มันคนละความรู้สึกกันนี่” เขาหาว “นอนเถอะ ฉันเพลียมากเลย”

   “อื่อ” ผมหาวบ้าง โอ้ หาวนี่มันโรคติดต่อชัดๆ “ฝันดีลูกพี่”

   “ขอบใจนะ สำหรับทุกอย่าง” เสียงกัปตันอู้อี้อยู่บนหัว

   “เงียบๆ ได้แล้วหมา ไหนบอกง่วงไม่ใช่ไง?”

   แล้วเราทั้งคู่ก็เงียบไปพักใหญ่ ด้วยความเพลียผมก็ลองหลับตาลงบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมมันนอนไม่หลับเลย ฮืออออ

   “กัปตันนนน ไฟแยงตาอะ ปิดให้หน่อย” ผมคราง ไม่ได้ลืมตามามองด้วยซ้ำ

   “หึๆ ปั๊ม…” ผมรู้สึกว่ากัปตันเอนตัวมากระซิบข้างๆ หู “เธอลืมไปหรือเปล่าว่าฉันใส่เฝือกอยู่นะ”

จบตอน



 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
แว้บเจ้านายมาลง /มองซ้ายมองขวา
ตอนนี้เข้าสู่ era หวานเย็นแล้ว หวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อิอิ พอดีคิดถึงน้องปั๊มเลยขอหน่อยฮะ เดี๋ยวมาต่ออีกใน weekend นี้น้า

คุยกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะฮะ

รักนะ /ชูมินิฮาร์ต
#firemetothemoon

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
« ตอบ #79 เมื่อ: 09-02-2017 19:54:52 »





ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #80 เมื่อ09-02-2017 20:17:15 »

สวีทกันไปอีกกกกก   :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #81 เมื่อ09-02-2017 21:38:25 »

ไม่ใช่คนรู้ทั้งบริษัทแล้วเหรอ จูบกันอย่างนั้น  :z1:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #82 เมื่อ10-02-2017 00:20:06 »

หมั่นความสวีตอะ!
หวานเย็นอะไรอย่างงี้
แต่ชักรู้สึกว่ากลัวใจ
เพราะหวานๆ ทีไรก็คลื่นใต้น้ำทุกที!

กัปตันธีร์เก่งมาก
ช่วยชีวิตคนได้ทั้งลำ เริ่ด!

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #83 เมื่อ10-02-2017 07:36:54 »

เฮ้ออออออ ปลอดภัย แต่ชื่อตอนนี่ กัปตันเป๋หรอ?

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #84 เมื่อ10-02-2017 20:19:43 »

หวานกันจังเลย  :oni1:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
«ตอบ #85 เมื่อ10-02-2017 20:45:52 »

เห็นคนเขียนมาอัพรีบมาอ่าน กะว่าจะมาด่ากัปตันธีร์สักหน่อย แต่นางดีขึ้นวุ้ยย น้องนายเอกของเราหลงผู้มากลูกเอ้ยยยยย โนคอมเม้นเลย นางรักนางหลงของนางมากจริมๆ    :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
12
เลขาหน้ามน
(คนเคยเอ๋อ)

/ตรอง



https://www.instagram.com/teng1



   เสียงโทรศัพท์ดังจนผมตื่นขึ้นมากลางดึก ทั้งๆ ที่หลับลึกฝันไปถึงวันหยุดยาวตอนปีใหม่ล่วงหน้าไปแล้วแท้ๆ ผมงัวเงียขยี้ตาก่อนจะไปคว้ามือถือขึ้นมาดู …ตีสอง!!! โอ้โห แต่ที่พีคกว่านั้นคือคนที่โทรมาครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้านายของผมนั่นเอง คุณปั๊มมีปัญหาอะไรเวลานี้นะ

   “ครับคุณปั๊ม” ผมส่งเสียง พยายามทำตัวให้ดูตื่น

   [นี่ๆๆ คุยเป็นเพื่อนหน่อยดิ] คุณปั๊มพูดกลับมา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   [กำลังยืนรอแท็คซี่หน้าโรงแรม คุยเป็นเพื่อนหน่อยๆๆ]

   “อ้าวทำไมไม่เรียกอูเบอร์ล่ะครับ!” ผมตื่นเต็มตาจริงๆ แล้วครับ โอ๊ย เจ้านายผมหาเรื่องให้เป็นห่วงทุกวันเลยแฮะ

   [เรียกแล้วไม่มีใครมาเลย เนี่ยๆ เห็นคันว่างมาแล้ว]

   “ผมนึกว่าคุณปั๊มจะค้างกับพี่ธีร์ซะอีก”

   [ตอนแรกจะค้างแต่เห็นเขานอนไม่ถนัด กลัวทำขากัปตันเจ็บอะ] โธ่ เจ้านายผม เหตุผลน่ารักเชียว

   “ได้รถหรือยังครับ”

   [เนี่ยๆ โบกแล้ว ขอบใจมากนะ เดี๋ยวถึงแล้วไลน์บอก]

   “กลับดีๆ นะครับคุณปั๊ม”

   [โอเค]

   แล้วเจ้านายก็วางสายไป โอเคสบายใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็เลือกโทรมาไม่ปล่อยให้รู้ทีหลังจนเป็นห่วงก็ไม่ทันแล้ว น่ารักจริงๆ

   แต่… จากนั้นก็เกิดปัญหา ผมก็นอนไม่หลับเลยครับ เฮ้อ ถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดแต่ผมก็อยากนอนเต็มอิ่มนะ

   ผมนอนสไลท์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนสักพักคุณปั๊มก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว

   หลังจากพิมพ์ตอบรับเจ้านายไปก็ตั้งใจจะข่มตานอนต่อทันที แต่สายตาดันไปเห็นการแจ้งเตือนสีเขียวแสดงข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่านซะก่อน


   ‘กลับบ้านยังพี่’


   ใครวะ?

   ผมกดเข้าไปดู… ชื่อไลน์ว่า Y แถมดิสเพลย์ก็เป็นสีดำอีก จะรู้มั้ย
   

   Strong:
   ใครอะครับ?

   Y:
   ไม่บอก



   เอ๊า กวนตีนปะเนี่ย
   

   Y:
   อะไรพี่ จะมีคนคนบ้าที่ไหนทักไลน์มาถามว่าถึงบ้านหรือยัง

   Strong:
   คนโรคจิตไง!
   ขอลบนะ

   Y:
   เฮ้ยยย พี่ ผมเอง
 ไวน์เพื่อนไอ้ปั๊ม
   นึกว่าเจอกันบ่อยแล้วจะจำได้
   เฮ้ย
   บล็อคยัง
   โหลๆ



   อีกฝ่ายส่งข้อความมาเป็นชุด

   อ้าว น้องไวน์เหรอ? ก็นึกใครนี่นา คนเรามันก็ต้องระวังตัวสิครับ สมัยนี้คนไม่ดีเยอะนะ


   Strong:
   ยังๆ
ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าใคร

   Y:
   ก็นึกว่าพี่จะจำได้
   ผม add มาจากเบอร์พี่
   อยากรู้ว่าถึงบ้านยัง

   Strong:
   มาส่งหน้าคอนโดขนาดนั้นยังจะต้องเช็คอีกเหรอ
   แค่เดินเข้ามาก็ปลอดภัยแล้วมั้ยน้อง

   Y:
   อ่อๆ นั่นดิ
   ขอโทษทีพี่ เท่านี้แหละ


   ผมเปิดหน้าแชทค้างไว้ ไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อ ก็อีกฝ่ายเขาปิดประโยคแล้วนี่ครับ

   ผมทำท่าจะกดปิดปุ่มหน้าจอ แต่…มันติดลมแล้วอ่ะ ไหนๆ เด็กมันทักมาแล้วผมขอหาเพื่อนคุยหน่อยเหอะ


   Strong:
   อืม



   เยี่ยม เป็นการหาเรื่องคุยที่ปัญญาอ่อนที่สุดเลยครับ ฮือออ ผมมันโง่เหมือนที่ใครต่อใครชอบบอกจริงๆ


   Y:
   ถ้าหญิงพิมพ์แบบนี้กลับมาผมขับรถออกไปจับปล้ำให้หายหงุดหงิดไปแล้วนะ



   เอ่อ…


   Y:
   ผมล้อเล่นพี่



   ล้อเล่นได้นรกมาก ผมเป็นพี่เขาเกือบสิบปีเลยนะ!!


   Strong:
   ไม่เล่น

   Y:
   Shit
   Sorry krub

   Strong:
   เป็นลูกครึ่งเหรอ

   Y:
   เฮ้ย นึกว่าจะโกรธจริงๆ
   เปล่า คนไทย ทำไมอะพี่?

   Strong:
   เหมือนคนญี่ปุ่น
   โกรธจริงๆ

   Y:
   อย่าโกรธผมเลย
   ผมคนไทยแต่ไปเรียนญี่ปุ่นอะพี่
   เหมือนเหรอ? แค่สไตล์การแต่งตัวหรือเปล่า?

   Strong:
   อืมๆ

   Y:
   ผมขอได้มั้ยพี่
   *สติกเกอร์ยกมือไหว้
   อย่าตอบอืมเลย ผมสับสนว่าต้องคุยอะไรต่อ

   Strong:
   อ่า…

   Y:
   …



   Rrrrrrrrrr.

   โทรศัพท์ผมดังขึ้นก่อนที่ผมจะได้พิมพ์ตอบอะไรอีกฝ่าย ตอนแรกกะว่าจะไม่รับเพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก แต่ถือค้างมืออยู่เลยตัดสินใจรับไป

   “ฮัลโหลครับ”

   [อะ คราวนี้อืมไม่ได้แล้วว่ะพี่ ฮี่ๆ] ทันทีที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะก็รู้เลยว่าใคร

   “ถึงขนาดโทรมาเลยเหรอ!?”

   [เออดิพี่ เห็นคำว่าอืมแล้วมันหงุดหงิด] อีกฝ่ายว่า [ยังไม่นอนอีกเหรอพี่]

   “อือ”

   [ยังหนีไม่พ้นจนได้สินะ…] อีกฝ่ายถอนหายใจ [ทำไมยังไม่นอนล่ะครับ]

   “เซ้าซี้จัง”

   [เอ๊า ก็เห็นว่าเจอคนไม่นอนเหมือนกันเลยจะคุยด้วย]

   “พอดีคุณปั๊มโทรมาบอกว่าเพิ่งจะกลับบ้าน พอวางสายก็นอนไม่หลับเลย”

   [ฮะ!? มันกลับเวลานี้อะนะ ทำไมมันไม่โทรหามากูวะเนี่ย] ประโยคหลังเหมือนพึมพำกับตัวเอง

   “ถึงบ้านแล้ว เมื่อกี้ไลน์มาบอก”

   [ถ้างั้นก็ค่อยยังชั่ว พักหลังมันทำให้ผมเป็นหมาหัวเน่าอยู่เรื่อย ตั้งแต่มีไอ้ห่า…] เสียงเขาขาดช่วง [เอ่อ…กัปตันธีร์เข้ามาวุ่นวายเนี่ย]

   “หาอะไรทำแก้เซ็งสิ” ผมแนะนำ ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ครับ มันคนละ Gen แล้วจริงๆ เรื่องบางอย่างผมก็ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้เหมือนกันว่าต้องการอะไร

   [นั่นดิ ทำไรดีอะพี่] เขาคิด [พรุ่งนี้ไปโยนโบว์กันมั้ย]

   “ไม่ไป” ผมตอบไม่คิด บ้าหรือเปล่าใครมันจะไปด้วย สนิทก็ไม่สนิท “สมัยนี้เขายังมีคนโยนโบว์ลิ่งกันอีกเหรอ”

   [ฮ่าๆๆ อ้าวเหรอพี่ คนญี่ปุ่นเขาทำกันอะ] อีกฝ่ายแก้ตัว [ทำไมอะพี่ ไปดิ ที่นี่เขาทำอะไรกันอะ พาผมไปแนะนำหน่อย]

   “กินเหล้า”

   [เราเคยไปกินเหล้ากันแล้วนี่] เขาพูดถึงครั้งก่อนที่คุณปั๊มเมาจนตัวย้วยเป็นปลาหมึก [เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เจอกันก่อน จะไปไหนผมขับไปเอง ดีมั้ย]

   “มัดมือชักกันหรือเปล่า ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป”

   [เอาหน่าพี่ เดี๋ยวนี้เจ้านายก็ไม่สนใจพี่เหมือนกัน เรามันหัวอกเดียวกัน]

   เหรอ…

ผมลองนึก เออ ก็จริงแฮะ พักหลังคุณปั๊มไม่ค่อยสั่งงานเยอะ ไม่ค่อยด่า ไม่ค่อยเรียกใช้ จะนับว่าเป็นเรื่องดีมั้ยเนี่ย ไม่ได้น้อยใจนะครับ แค่เป็นห่วงห่างๆ มากกว่า แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณปั๊มมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเดี๋ยวจะจัดการให้เอง ทำหน้าที่ให้เต็มกำลัง ก็เป็นเลขาเขานี่ครับ

อืม…ถ้างั้นที่ไอ้เด็กมันพูดก็จริงแฮะ

   สรุปว่าผมต้องไปกับมันใช่มั้ยครับ?

   “กี่โมง” ก็ได้…วะ

   [เจอกันบ่ายสามมั้ยพี่]

   “อืม”

   [ง่ะอืมอีกแล้ว… เออเอาเหอะ นอนได้แล้วนะพี่]

   “อือ”

   [โอ๊ยยยยยยย]



   ผมยืนรอคนที่นัดอยู่ในร้านขายของที่ระลึก วันนี้ห้างคนเยอะผมขี้เกียจอยู่ในที่พลุกพล่านก็เลยแวะเข้าร้านแบบนี้ดีกว่า นึกขึ้นได้ด้วยว่าวันสิ้นปีก็เป็นวันเกิดคุณปั๊มแล้ว ว่าจะแวะมาดูของเผื่อจะซื้ออะไรเป็นของขวัญ แต่ปัญหาคือผมจะซื้ออะไรให้เป็นสิ่งที่เขายังไม่มีได้ล่ะครับ อย่าคุณปั๊มรวยล้นฟ้าขนาดนั้น มีทุกอย่างแม้กระทั่งเคสไอโฟนทองคำ ผมยังจะต้องหาอะไรให้อีก เศร้า…

   แต่ลองคิดกลับกัน ถ้าเป็นพี่ธีร์ให้อะไรคุณปั๊มก็คงชอบไปหมด แม้ของมันจะเล็กยิบย่อยอย่างพวกกระดาษทิชชู่หรือกรรไกรตัดเล็บก็คงเก็บใส่กล่องนอนกอดทุกคืน คิดแล้วมันน้อยใจมั้ยล่ะเนี่ย บางทีเจ้านายก็ไม่แฟร์กับผม ฮือออ

   “หวัดดีพี่” เสียงทุ้มนุ่มเกินเด็กดังอยู่ข้างหน้า ตรงข้ามชั้นวางการ์ดอวยพรมีหัวไวน์โผล่ออกมาพร้อมกับใบหน้าทะเล้น โห มันสูงขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “มาช้า เด็กวัยรุ่นนี่มันจริงๆ เล้ย” ผมบ่น เออแต่ว่าจะบ่นทำไมวะ จะมาช้ามาสายก็เรื่องของมันสิ เนี่ย วิญญาณชายชราเริ่มเข้าสิ่งตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบเลยครับ

   “โอ๊ยขอโทษพี่ กว่าจะหาที่จอดรถได้” ไอ้เด็กฝั่งตรงข้ามแก้ตัว ไวน์สังเกตเห็นกล่องโมเดลเครื่องบินในอ้อมกอดของผมเลยถามต่อ “ซื้อให้ใครอะพี่”

   “คุณปั๊ม” ผมบอก “อะไรกัน จำวันเกิดเพื่อนตัวเองไม่ได้หรือไง”

   “จำไม่ได้พี่”

   อ้าว งั้นกูผิดเองที่ถาม

   “พี่ไม่คิดว่ามันมีเป็นร้อยตัวแล้วเหรอไอ้โมเดลเครื่องบินเนี่ย”

   “ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้”

   “ก็ไม่ต้องซื้อสิพี่ วันเกิดตัวเองก็ไม่ใช่”

   “คิดแบบนี้โตมากับสังคมยังไงเนี่ย” ผมถึงกับย่นคิ้วมอง ไอ้เด็กบ้านี่คงเสพแต่หนังโป๊ญี่ปุ่นมากเกินไป พ่อแม่ส่งไปเรียนนะสือนะโว้ย

   “อิๆ แค่พาไอ้ปั๊มมันไปกินเหล้าก็พอแล้วมั้งพี่” มันพูดก่อนจะเดินอ้อมมายืนข้างๆ วันนี้ไอ้เด็กนี่แต่งตัวอย่างกับหลุดมาจากถนนฮาราจุกุ (เคยไปนะครับ แหม่) ผิดกลับผม ดูผมสิครับ ใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางเกงขายาว แถมยังใส่แว่นอีกต่างหากเพราะอยากพักดวงตาจากการใส่คอนแท็กเลนซ์ หนุ่มจืดที่แท้จริง

   “กินเป็นแต่เหล้าหรือไงฮะ” ผมเดินหนี ไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยครับกลัวดับ

   “งั้นพี่ก็หาอะไรใหญ่ๆ ห่อให้มันสิ”

   “เช่นอะไรล่ะ”

   “อสังหาริมทรัพย์”

   ไอ้เด็กนี่ก็ตลกแดกเหมือนกันนะ

   “เล่นมุกแบบนี้คนญี่ปุ่นไม่ยิงตายตั้งแต่เดือนแรกที่ไปเรียนเลยเหรอ” ผมกลอกตา

   “ฮ่าๆ ไอ้ปั๊มมันชอบบ่นว่าพี่เอ๋อพี่โง่ พี่ไม่เห็นโชว์โง่กับผมเลย”

   “มันเจอเด็กที่ปัญญาอ่อนกว่าละมั้ง”

   เออก็จริงครับ รู้สึกว่าอยู่กับไอ้นี่แล้วสมองมันบีบบังคับให้ผมลดความเอ๋อลงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ มันคงรู้มั้งว่าถ้าไม่ปรับตัวมีหวังประสาทแดกแน่ๆ

   “ก็ดีแล้วฮะ” มันพูดยิ้มๆ “แล้วก็แต่งตัวแบบนี้ดูดีกว่าใส่สูทโง่ๆ ตอนเป็นเลขาอีก”

   “ก็มันเป็นหน้าที่การงานมั้ยเล่า!!”

   “พี่ดูเด็กลงสักสิบปีได้มั้ง… เออๆ ว่าแต่พี่อายุเท่าไหร่นะ เท่ากัปตันธีร์เปล่า?”

   “บ้าเรอะ เด็กกว่านั้นโว้ย”

   “อ๋อ แล้วไป นึกว่าผมจะปีนเกลียว”

   “จริงๆ มึง… เอ่อ นายก็กำลังปีนอยู่นะ”

   “ฮ่าๆ ใช้มึงก็ได้พี่ ถ้าพี่ยังอายุไม่ถึงสามสิบผมนับว่าอยู่ในชุดเลขเดียวกัน ผมไม่ถือ แบบพวกฝรั่งไง”

   ประสาท ความคิดอะไรของมันวะ

   “แล้วจะเอายังไง จะซื้ออะไรให้คุณปั๊มดีเนี่ย”

   “ผมรู้แล้ว มาเล่นเกมกันเหอะพี่”

   “ฮะ!?”

   “เกมไงดี ผมคิดเกมเก่ง ไอ้ปั๊มสนุกแน่”

   “เกมอะไร?”

   “เกมเซอร์ไพร์สวันเกิดไงฮะ ปีนี้มันอายุครบยี่สิบ มันต้องยิ่งใหญ่มากๆ”

   “กูไม่มีเงินหรอกนะ”

   “ไม่ใช้เงินเลยพี่ ไอ้ปั๊มมันรวย ใช้เงินมันนั่นแหละ ซื้อของให้ทำไมไร้สาระ” ไอ้ไวน์ดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ จนผมชักไม่แน่ใจ

   “เอ่อ…”

   “สนใจมั้ยพี่” มันเค้นเอาคำตอบ

   “เออ ก็ได้ แล้วต้องทำยังไงบ้าง”

   “เดี๋ยวไปคุยกันตอนกินข้าวดีกว่าพี่ ตอนนี้หิวแล้ว” มันว่าพลางลูบท้องตัวเอง “ไปเหอะ”

   Rrrrrrrrrr.

   ผมกำลังบ้าจี้เดินตามไปอยู่แล้วถ้าไม่มีใครโทรเข้ามาซะก่อน จริงๆ ก็ไม่อยากรับหรอกครับถ้าไม่ใช่เบอร์ของคุณปั๊ม เจ้านายผมเอง จะสั่งงานวันเสาร์หรือเปล่านะ

   “ว่าไงครับคุณปั๊ม” ผมกรอกเสียง อาจจะเบาจนไอ้เด็กนั่นไม่ได้ยิน เขาเดินนำไปไกลมากแล้ว

   [อยู่ไหนอะตรอง] เสียงเนือยๆ อันคุ้นเคยกลับมาแล้ว

   “เอ่อ ข้างนอกครับ” ผมบอก “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับคุณปั๊ม”

   [ไม่ใช่งานๆ …เหงาอะ ไปกินเซนิคุเทนกันเหอะ]

   “เอ่อ…” เวรแล้วครับ

   [ไม่รู้จะชวนใคร ไปนะๆ ไปเดินเล่นกันด้วย เลี้ยงคืนโทษฐานที่เมื่อวานเหนื่อยกันมาทั้งวัน] คุณปั๊มอธิบาย โถ่เจ้านายครับ ผมรู้นะว่ากัปตันกำลังใส่เฝือกเจ้านายเลยไม่รู้จะไปไหนกับใคร

   “คือผม…”

   “ทำไมไม่เดินตามมาละพี่!!” อยู่ๆ เสียงไอ้เด็กไวน์ก็โผล่งมาทางด้านหลัง ดังชนิดที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเข้าไปที่หูคนปลายสายหรือเปล่า

   [เอ๊า อยู่กับคนอื่นเหรอ]

   “ครับ”

   [ใครอะ]

   “เอ่อ น้องชายครับ” ผมพูดทั้งๆ ที่กำลังชี้หน้าไวน์ให้เงียบ

   [เหรออออออ แต่รู้สึกคุ้นๆ นะ] เสียงคุณปั๊มยานแบบกวนๆ [งั้นรอแปบ]

   ตึงตึงตึ่งตึ๊ง

   เสียงพักสายครับ

   Rrrrrrrrrrr

   โทรศัพท์ของไอ้เด็กไวน์ดังขึ้นบ้าง กว่าผมจะบอกมันว่าใครก็ไม่ทันแล้ว ไวน์ยกมือถือขึ้นมาคุยหน้าตาเฉย

   “ว่าไงมึง” แต่พอรับสาย ไวน์ดูตกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นหน้าผม คงจะประติดประต่อเรื่องได้แล้วสินะ “เปิดลำโพงเหรอ… เออๆ”

   ตื๊ด!

   [สวัสดีจ้าตรอง] เสียงคุณปั๊มดังออกมา

   เฮ้อ แพ้แล้วครับ ฮืออออ

   “คะ…ครับๆ”

   [ไม่ได้โง่นะจ๊า แอบไปเที่ยวกันไม่ชวนกูคืออะไรเอ่ย]

   ผมกับไอ้เด็กมองหน้ากัน ความรู้สึกเหมือนถูกฝ่ายปกครองจับได้ว่าหนีเรียนตอนม.ปลายเลยครับ

   [รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา จำไว้เลยนะพวกใจร้าย]

   ว่าแล้วก็วางสายไป…

   ผมกับไอ้เด็กมองหน้ากันสักพักแบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“พี่…”

“เออ ตามนั้น”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ตั้งใจจะทำขรึม แต่กลายเป็นว่าจากนั้นเราสองคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันเลยครับ ตลกมาก

   จริงๆ บางทีคุณปั๊มอาจจะไม่อยากได้เซอร์ไพร์สอะไรหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ?

   เพราะคุณปั๊มเองนั่นแหละที่เซอร์ไพร์สเก่งฉิบเป๋งเลยฮะ ฮ่าๆๆๆ


จบตอน


 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

สวัสดีครับผมกัปตัน theneoclassic จะนำพาพวกทั่นเดินทางไปกับรูทใหม่ เพื่อนเจ้านาย - เลขา
หวังว่าพวกท่านจะอิ่มเอมใจไม่แพ้กัน

บ้า คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก/ เสียงซอล

แค่มาเตรียมแผนเซอร์ไพร์สวันเกิดให้น้องปั๊มเฉยๆ 20 ขวบแล้ว
บริษัทใกล้จะกลับมาเป็นของเราแล้วอุวะฮ่าๆๆๆๆๆ เอ้าเป่าเทียนลูกกกก

แล้วเจอกันต่อนะฮะ ขอบคุณที่ติดตาม มีอะไรพิมพ์มาได้เลยเน้ออออ

ทักทายได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/thene0classic เหมือนเดิมฮ้าฟ
#firemetothemoon
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2017 21:20:51 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กัปตันนอนเจ็บตัวเองมาหล่อยเที่ยวหรือปั๊ป

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ปั้มเก่งทุกเรื่องยกเว้นเล่นเกม กับกัปตัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด