Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)  (อ่าน 107951 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คู่ไวน์ตรงก็น่ารักไม่แพ้กันอ่ะ ไวน์มีความกวน พอพี่ตรองอยู่กับไวน์นี่ก็เป็นอีกลุคนึงเลย ชอบๆๆ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
13
วันเกิด

(ถ้าฉันเป็นเธอได้)



https://www.instagram.com/skawngur/

“ตรอง” ผมเรียกเลขา

   “ครับ?” เลขาเงยหน้าขึ้นมา

   “ทำไมเดี๋ยวนี้ดูฉลาดคล่องแคล่วขึ้นวะ ไปหาหมอมาเหรอ”

   “แต่ก่อนผมผิดปกติเหรอครับ”

   “ก็ไม่ละมุนตุ้นแบบนี้”

   “ละมุนตุ้นคืออะไรครับ”

   “แบบ เออดูดีขึ้น รวมถึงการแต่งตัวก็ดี คำพูด คำจา ความคิด”

   “แล้วมันเป็นยังไงครับ?”

   “เอ่อ ไปซื้อกาแฟให้กูทีนะ” ผมไม่ขอพูดอะไรต่อแล้วกันครับ กลัวจะไปรื้อฟื้นความเอ๋อกลับมาอีก ผมแค่วางเงินไว้ให้จากนั้นก็พุ่งเข้าห้องเลย

   นอกจากวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานก่อนวันหยุดปีใหม่แล้ว มันยังเป็นวันที่กัปตันจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านด้วย ยอมรับว่าผมก็ดีใจ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? เพราะว่าหมอกับพยาบาลจะได้ไม่ต้องมาดุผมอีกแล้ว เพราะทุกทีเวลาที่ไปเยี่ยม กัปตันก็ชอบหาเรื่องให้ผมโวยวาย แถมยังชอบฉวยโอกาสอีกต่างหาก พอหมอรู้ก็ดุใหญ่เลยบอกว่าเดี๋ยวแผลจะไม่หาย แหม เพราะใครกันล่ะหมอ คนไข้ของหมอเองหรือเปล่าที่ดื้อ

   แต่เขาบอกให้ผมทำงานไม่ต้องไป แถมบอกอีกด้วยว่าเดี๋ยวกลับเองได้ จะส่งคนขับรถไปช่วยก็ไม่เอา ไม่รู้มีความลับอะไรหรือเปล่า หึๆๆ ไอ้หมา อย่าให้รู้แล้วกัน

   และท้ายที่สุดและสำคัญที่สุดเลย พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผมแล้วครับ! ตื่นเต้นชะมัด จะได้อายุยี่สิบกับเขาสักที หึๆๆๆๆ

   Rrrrrrrrr.

   “อะรายยยยย” ผมรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ดึงเชิงเหวี่ยงๆ ไปก่อนครับ

   [เสียงไม่น่าคุยด้วยเลย]

   “เหรอ งั้นแค่นี้นะ”

   [ทำเสียงให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย โกรธอะไรกันอีกอะ ฟังแล้วมันเหนื่อยใจ]

   “ขอโทษด้วยแล้วกันนะ”

   [เฮ้อ] กัปตันถอนหายใจ [เป็นอะไร]

   “อยากเจออ่ะ”

   [รู้]

   “แล้วไปหาไม่ได้เหรอ”

   [เธอทำงานอยู่]

   “ทำไมทำตัวแก่อย่างนี้ฮะ!” ผมขึ้นเสียง “ถ้าบอกว่าคิดถึงจะไม่ดีใจเลยใช่มั้ย”

   [ดีใจสิ] เขาว่า

   “งั้นเลิกงานไปหาได้ปะ?”

   [อืม… ที่จริงแล้วฉันมีเรื่องจะบอก]

   “อะไร!?”

   [ฉันต้องไปหาแม่]

   “…”

   [อาจจะไม่ได้อยู่กับเธอในพรุ่งนี้ ขอโทษด้วยนะ]

   “ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยกัปตัน ผมจะทำงานแล้ว”

   [ขอโทษจริงๆ นะ]

   “จริงๆ ผมอยากด่าว่าขาก็หักยังจะดันทุรังไปไหนอีก” ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ทั้งๆ ที่ในใจเดือดยิ่งกว่านรกแล้ว “แต่ถ้าแม่คุณอยากเจอ ก็ไปเถอะ”

   [ฉันขอโทษ]

   “มันก็แค่วันๆ หนึ่งเท่านั้นแหละกัปตัน”

   แล้วผมก็วางสายไป…

   โอเคผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามเขาอยู่แล้ว เขาโชคดีแค่ไหนที่ยังมีแม่อยู่ แค่วันเกิดผมคงไม่ได้สำคัญกว่าเท่าไหร่หรอก

   “ตรอง…” ผมเดินออกไปนอกห้องกะว่าจะไปสั่งงานเลขา แต่กลับพบว่าโต๊ะว่างเปล่า มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้


‘ผมขอลางานครึ่งวันนะครับ พอดีมีธุระกะทันหัน เห็นคุณปั๊มติดสายอยู่เลยไม่อยากแจ้ง
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ

ปล.หากาแฟทานเองนะครับ’



   เออดี หนีกูไปกันให้หมดเลยครับ ดูเหมือนความหวังสุดท้ายของผมจะเป็นไอ้ไวน์ซะแล้ว

   ‘หมายเลขที่ท่าเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

   ฮะ!? เกิดอะไรขึ้นกันวะ ไอ้ไวน์ก็อีกคนเหรอเนี่ย เวรเอ๊ย

   เจ๊ง! เจ๊งหมดแล้วครับ ไม่ต้องมีแล้ววันกงวันเกิด กะว่าจะพาพวกมันไปเลี้ยงหรูๆ สักหน่อย แต่ช่างเหอะ กูขอนอนให้มันพ้นๆ ไปแล้วกัน


   เศร้านะเนี่ย แต่ไม่แสดงออก ห่าเอ๊ยยยยยยย


ผมเดินลากกะเป๋าสะพายเข้ามาในบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำตามันจะไหลออกมาทุกเมื่อเลยครับ ด้วยความเศร้าผมเลยแวะไปนั่งที่บาร์ใกล้ๆ ตึก สั่งไวน์ไปตั้งสามแก้ว เริ่มมึนๆ หัวแต่มันก็รู้สึกดีชะมัด มันทำให้ผมเริ่มลืมเรื่องบ้าๆ ไปได้บ้าง แฮลกอฮอล์นี่มันช่วยมนุษย์ได้เยอะจริงๆ ให้ตายสิ ติดลมจนกลับมาบ้านเกือบจะเที่ยงคืนเลยครับ

   วันเกิดมันแค่อีกวันเนอะ

   “ลุงเอก” ผมส่งเสียงเมื่อเห็นว่าในบ้านมืดสนิท

   อ้าว ไปไหนของเขาวะ หรือว่านอนแล้ว?

   “ลุงเอก!”

   เงียบ…

   อะไรกันเนี่ย ไม่มีใครได้ดั่งใจเลยโว้ยยยยยยย

   จะร้องไห้ ฮือออออออ ผมขอถอนคำพูดครับ วันเกิดนะเว้ย! มันคือวันสำคัญมากๆ วันนึงเลยนะ ทำไมทุกคนทำกับผมแบบนี้ ใจร้ายยยยยย

   เพล้ง!

   ผมสะดุ้งตื่นหลังจากที่ทิ้งตัวลงจมกับโซฟาเพราะความเครียด เฮ้ย เมื่อกี้เสียงอะไรวะ เสียงเหมือนของแตก

   “ใครครับ!” ผมตะโกนเข้าไปในห้องครัวซึ่งเปิดไฟมืด ฉลาดจังกู ถ้าเป็นโจรขึ้นมามันจะรู้มั้ยเล่าว่ามึงจะอยู่ตรงนี้!!

   ผมจัดการก้มมุดลงใต้โต๊ะรับแขก ขดตัวยิ่งกว่าเต่าอีกครับ ไม่เกินนาทีก็ปรากฏร่างของบุคคลปริศนาสองคน ทั้งคู่ใส่หมวกไหมพรหมสีดำและสวมถุงน่องคลุมหน้าตา เชี่ยยยยย โจรจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย

   “อยู่ไหนวะ” หนึ่งในโจรถาม เสียงมันใหญ่แหบน่ากลัวมาก!!!!!

   “ได้ยินเสียงแถวนี้นี่หว่า” โจรอีกคนตอบ นี่ก็เสียงแหบน่ากลัวไม่แพ้กันเลย

   เอาล่ะครับ นาทีชีวิต ผมจะมาโดนฆ่าตายก่อนวันเกิดแบบนี้ไม่ได้ ช่วยด้วยยยยย ไอ้พวกยามไม่ได้ยินอะไรเลยหรือยังไงวะ

   จริงดิต้องแจ้งตำรวจ!!

   “นี่ไงโทรศัพท์มัน” หนึ่งในโจรชุดดำหยิบไอโฟนของผมขึ้นมาจากขอบโซฟา

   ฉิบหายยยย กูลืมไว้ได้ยังไงเนี่ยยยยยยย ดีจังเลยกู คงต้องยอมรับความตายที่อยู่แค่เอื้อมจริงๆ

   แต่เฮ้ย นี่กูลูกผู้ชายนะ กูจะมางอแงทำห่าอะไรเนี่ย ต้องเป็นกูนี่แหละที่ต้องจัดการพวกมัน!

   ว่าแล้วก็ต้องออกจากใต้โต๊ะนี่ซะก่อน

   โป๊ก!

   โอ๊ยยย เชี่ย หัวโขกอย่างแรง ความจำเสื่อมแล้วมั้งกู

   เฮ้ย ไม่ใช่ดิ! พวกมันสิที่จะได้ยินกูเนี่ย!!!

   “ฮ่าๆ อยู่นี่เอง” เชี่ยยย ไอ้โจรคนนึงสังเกตเห็นแล้ว!!

   “ปล่อยกูๆๆๆ” ผมสะบัดตัวให้หลุดเมื่อเห็นว่าพวกมันมาดึงขาผมให้ออกจากโต๊ะ กลายเป็นว่าตอนนี้ตัวผมครืดมากับพรหมอย่างกับตะกวดที่กำลังจะโดนจับกลับเข้าป่า โอ๊ยยยย

   “เงียบ! ถ้ามึงไม่อยากตาย!!” ตะโกนทำเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้ห่า

   “พวกมึงเป็นใคร!!” ผมตะคอกลั่นหลังจากมันจบผมพลิกขึ้นมา

   “กูคือโจรไงไอ้เหี้ย” ไอ้โจรคนนี้แม่งแย่งอีกคนพูดตลอด สงสัยมือโปร

   “กูรู้แล้วไอ้ห่า แต่มึงจะทำอะไรกู!!”

   “หึๆ เดี๋ยวมึงก็รู้… เฮ้ย มัดมันไว้!”

   โจรอีกคนคว้าเชือกออกมามัดมือผมไว้

…ด้วยเงื่อนพิรอด

เฮ้ย นี่เอาจริงดิ -_-

   “ผูกดีๆ ดิ!”

   “มึงมาผูกเองมั้ย!!”

   “กูขู่มันอยู่”

   ครับ… นี่คือผลของการทำงานไม่เป็นทีม เถียงกันต่อไปเหอะ กูขอหนีก่อนแล้วกัน

   “เฮ้ย จับมันไว้!!” พวกมันตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าผมวิ่งออกไปสนามหลังบ้าน

   “ใช้กระสอบแม่งเลย!”

   ฮะ!? กระสอบ!? กูไม่ใช่งูเหลือมนะไอ้พวกเหี้ย

   พรึบ!!

   เชี่ยยยย หนีไม่ทันครับ มันใช้กระสอบสีน้ำตาลคลุมผมจนล้มกลิ้งหลุนๆ ลงเนินไปแล้ว

   “เฮ้ยจับมันไว้!”

   อ๊ากกกกกกก จะอ้วก อย่างกับเล่นรถไฟเหาะ มึนหัวไปหมดแล้วสัส

   “เฮ้ย มันหลุดอีกแล้ว!! จับมัน!”

   เออดิ จะอยู่รอประธานมาถวายผ้าอาบน้ำฝนงานศพกูเหรอ บายครับ!

   ผมจัดการวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ เชี่ยยยย จะหนีไปทางไหนอีกได้วะ

   แล้วสายตาของผมก็พลันไปเห็น… จอบ…ไอ้บ้าเอ๊ย คนดูแลสวนมันชุ่ยอีกแล้ว บอกว่าให้เก็บไว้ให้ดีๆ เดี๋ยวมันอันตราย…
เอ๊ะ? …อ่า ความชุ่ยของคนดูแลสวนก็ดูท่าจะสำคัญก็วันนี้แหละครับ

   ผมจัดการถือจอบขึ้นมาแล้วเดินตรงเข้าไปยังพวกมันสองคนอย่างกับหนังล้างโคตรซอมบี้

   “ไอ้เหี้ย มันใช้อาวุธ!!”

   “เออดิ กูหาลูกซองพ่อไม่เจอ เอานี่ไปแดกก่อนแล้วกัน” ผมวิ่งเข้าไปยังโจรตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ มันเข้ามาทำท่าจะแย่งจอบไปแต่ผมหลบได้ทันเลยตั้งใจจะฟาดมันไปอย่างแรงแต่พลาด เชี่ยยยย โจรอีกคนมันวิ่งเข้ามาแย่งจอบด้านหลังผมแล้วครับ

   “ปล่อย!!” มันสั่ง

   “เป็นพ่อกูเหรอมาสั่ง ออกไปจากบ้านกู!!”

   โป๊ก!!!

   “อ๊ากกกกกกกก”

   นั่นไงครับเพราะความยื้อยุดด้ามไม้ของเสียมเลยกระแทกไปที่หัวของมันอย่างแรง กะบาลแตกแน่มึง!!

   “เชี่ยยยย เลือดออก!” มันร้องโวยวาย “ใช้แผนสอง!!”

   “ฮะ…อะไรวะแผนสะ…” ยังไม่ทันหายสงสัย ผ้าผืนเล็กๆ พร้อมกับสารเคมีบางอย่างก็โปะเข้าให้ที่จมูกอย่างแรง มันเข้มข้นมากจนผมตาพร่ามัวทันที อ๋อยยยยยยย

   แล้วผมก็สลบเหมือดไปกับพื้นหญ้า…


ผมสะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่หัวตัวเองโขกเข้ากับอะไรบางอย่าง พอลืมตามาก็พบว่ากำลังอยู่บนรถซึ่งกำลังแล่นเข้ามายัง… สนามบิน? เฮ้ย นี่กูจะโดนเอาไปขายแล้วใช่มั้ยเนี่ย

   “ตื่นแล้วเหรอมึง” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นทางด้านคนขับ ไอ้ไวน์นั่นเอง เชี่ยยยย มึงมาช่วยกูแล้วไอ้เพื่อนรัก!

   “มึง กูจะโดนโจรฆ่า กูกลัวมากกกก” ผมเขย่าแขนพร้อมกับเล่าเรื่องราวให้มันฟังทันที

   “เหรอ มึงจะโดนโจรฆ่าจริงๆ อะ มึงดูนี่” อยู่ๆ มันก็หันหัวอีกฝั่งมาให้ดู เชี่ยยยย เลือดเต็มเลย

   “พวกมันทำร้ายมึงด้วยเหรอวะ!! เล่นมึงหัวแตกเลย!!”

   “ไม่ใช่พวกมัน มึงนั่นแหละเอาจอบกระทุ้งหัวกู”

   “ฮะ!?”

   “พวกกูสองคนนี่แหละโจร” มันชี้ตัวเองพร้อมกับชี้ไปด้านหลัง อ้าว ตรองก็มาอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอเนี่ย

   “หมายความยังไงวะ”

   “พวกกูจะเซอร์ไพร์สวันเกิดมึง”

   “แล้วป้ามึงสั่งให้แต่งตัวเป็นโจรหรอ!!” ผมถึงโมโหเลยครับ “มึงอะไม่เท่าไหร่… ตรอง!!”

   “ครับ…”

   “มึงมาเล่นอะไรกับเขาด้วยเนี่ย”

   “ตามน้ำไปครับ”

   “แล้วมันสนุกมั้ย”

   “ตอนแรกก็สนุกดีครับ ตอนนี้ไม่สนุกแล้ว” เลขาตอบเสียงหงอย

   “พวกมึงนี่นะ!” โอ๊ยยย ไม่รู้จะด่าอะไรดีครับ “แล้วจะพากูไปไหน”

   “พามึงไปเจอของขวัญไง”

   “ของขวัญ?”

   “เออ เดี๋ยวมึงก็รู้”

   แล้วรถของเราก็จอดที่รันเวย์ ข้างๆ กันมีเครื่องบินพลเรือนลำเล็กจอดแน่นิ่งอยู่ ผมจะไม่ตกใจอะไรต่อถ้าเกิดคนที่มาเปิดประตูให้ผมลงจากรถไม่ใช่… ลุงเอก

   “อย่าบอกนะลุงก็อยู่ในแผนด้วย” ผมมองหน้าตาย

   “เอ่อ… ไม่สนุกเหรอครับ”

   ผมส่ายหัว

   “ถ้างั้นก็แย่เลย เชิญลงมาก่อนครับคุณปั๊ม” ผมทำตามอย่างที่ลุงเอกว่า

   “พาผมมาที่นี่ทำไมอะลุง” ผมถามพ่อบ้าน

   “มาฉลองวันเกิดน่ะครับ”

   “แล้วทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย”

   “กูเห็นมึงอายุยี่สิบแล้วก็เลยอยากให้อะไรบิ๊กๆ หน่อย” ไอ้ไวน์ตอบแทน

   “แล้วไหนอะของขวัญวันเกิด”

   “เดี๋ยวก่อนสิ เป่าเทียนก่อน”

   “ฮะ?”

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู…” แล้วจากนั้นเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ดังระงมอย่างกับประสานเสียง ทุกคนที่ผมรู้จัก ทั้งคนงานที่บ้าน พวกแม่บ้านและคนทำงานที่ตึกซึ่งผมเคยเห็นหน้า รวมถึงพวกช่างของสายการบินเดินตามมากันเป็นขบวน ด้วยความไม่ทันสังเกต ตรองโผล่มาพร้อมกับเค้กที่ไปจัดการมาตอนไหนก็ไม่รู้ ทุกคนล้อมวงพร้อมกับร้องและปรบมือจนจบเพลง โอ้ เซอร์ไพร์สมากเลยจริงๆ ครับ

   “อธิษฐานก่อนเป่าด้วยนะครับ” เลขาของผมกระซิบ

   อธิษฐานเหรอ…

   อืม ผมอยากได้อะไรนะ

   “ไม่รู้ว่าจะขออะไรอะ” ผมพูดความจริง

   “เอาที่ใจคุณปั๊มต้องการเลยครับ” ตรองฉีกยิ้ม

   “ขอบคุณมากนะตรอง …ขอบใจมากนะมึง” ผมหันไปขอบคุณไวน์ต่อ พ่อบ้านก็เช่นกัน “ขอบคุณนะลุงเอก”

   “คุณปั๊มครับ” ตรองทำท่าจะพูด

   “เออน่ะ จริงๆ ก็ไม่อยากพูดซึ้งๆ ให้เลี่ยนหรอก”

   “ครับแต่…”

   “ขอบใจนะ”

   “ครับคุณปั๊ม ช่วยเป่าเทียนทีได้มั้ยครับ มันจะลวกมือผม”

   “อ้าวเฮ้ย โอเค้!”

   ผมหลับตา

   ขอให้โตกว่านี้ ก็แล้วกันเนอะ

   ฟู่!

   เทียนทั้งหมดดับลงในลมหายใจเดียว ทุกคนปรบมือโห่ร้องอย่างยิ่งใหญ่ ทำอย่างกับงานมหรศพไปได้

   เอาจริงครับ ผมมีความสุขมาก

   ขาดอย่างเดียว

   ผมคิดถึงเขา…

   พวกคุณเข้าใจผมใช่มั้ย

   “คุณปั๊มร้องไห้เหรอ” ตรองพยายามมอง

   “เปล่า เทียนมันร้อน”

   “เฮ้ย ไม่เอาอย่าขี้แยน่า” อยู่ๆ ไอ้ไวน์ก็เข้ามาอุ้มผมพาดกับไหล่อย่างกับเด็กๆ เลยครับ

   “เชี่ยยย ปล่อยกูลง!”

   “ฮ่าๆ มากอดหน่อย” มันทิ้งตัวผมก่อนจะสวมกอดอย่างแน่นจนตัวผมจะระเบิด “ขอบคุณที่โตมาด้วยกันนะเว้ย”

   เชี่ยยย มึงนี่แหละที่จะทำให้กูร้องไห้มากกว่าเดิม ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย

   “เพื่อนร่วมอุดมการณ์อะเหรอ” ผมลูบหลังมัน อันนี้เป็นเรื่องราวที่รู้กันสองคนครับ

   “ขอโทษที่สั่งสอนให้มึงเลว” มันว่า “แต่มึงเชื่อกูเหอะ มึงโตเกินกว่าที่จะทำตามใครแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วนะมึง”

   “ฟวย”

   “เอ๊า ด่ากูทำไม”

   “มันเป็นคำอุทาน” ผมหัวเราะ “ขอบใจมาก เลิกเอาดะได้แล้ว มีเมียได้แล้วนะมึง”

   “พูดเหี้ยไรเนี่ย ไปๆ ไปหาลุงเอกได้แล้ว”

   มันผลักผมไปด้านหลังเพื่อไปหาคนที่ว่า ลุงเอกกำลังมองผมอย่างกับมองลูกเข้าโรงเรียนวันแรกแหนะ

   “ไม่ต้องกอดผมนะครับ ผมไม่ชอบให้ใครโดนตัว” เขายกมือห้าม

   โอ๊ยลุง ทำเสียอารมณ์หมดเลย

   “สุขสันต์วันเกิดครับ” จู่ๆ ลุงก็ชูกุญแจอะไรไม่รู้ขึ้นมา

   “อะไรครับ?”

   “กุญแจบ้านพักบนเกาะส่วนตัวที่ใต้” เขาว่า “ถึงเวลาที่ต้องยกให้คุณแล้วล่ะครับ”

   อ๊ากกกกกกกกกกกก อย่าบอกนะคือบ้านที่อยู่บนเขาในเกาะส่วนตัวที่ไม่มีใครเลยนอกจากบ้านหลังนั้น ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ไปกับพ่อแม่บ่อย มันสวยมากกก และมันก็ส่วนตัวมาก เคยคิดจะไปเองหลายครั้งแล้วแต่ลุงเอกก็ไม่อนุญาต ไม่อยากเชื่อเลย ผมได้มันมาครอบครองแล้วจริงๆๆ

   “ขอบคุณมากนะลุงงงงงงง” คราวนี้เขาห้ามไม่ได้แล้วครับ ผมกระโดดกอดเขาอย่างแรงโดยไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน

   “เอ่อ…” ลุงเอกดูขัดเขิน “จริงๆ ยังมีอีกอย่างด้วยครับ”

   “ฮะ?” ผมทำหน้างงทันที อะไรกัน นี่ยังใหญ่ไม่พออีกเหรอ “อะไรล่ะลุง”

   “นี่ครับ” แล้วลุงเอกก็เพยิดหน้าไปทาง…เครื่องบิน

   “เดี๋ยวนะลุง…” ผมกำลังสับสนแล้วครับ

   “ครับผม นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของพ่อคุณ ผมเก็บไว้ให้ ตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้ว”

   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมแทบจะกรี๊ดเลยครับ

   เครื่องบิน เครื่องบินเลยนะเว้ยยยยย!

   โอ๊ยยยย อยากดิ้นนนนนน

   “ชอบก็เข้าไปดูเลยมึง” ไอ้ไวน์ผลักผมให้เดินเข้าไป

   อ๊ากกกกก ตื่นเต้นโว้ย

   “ขอบคุณมากนะลุงงงงงงง” ผมจะร้องไห้จริงๆ แล้วนะเนี่ยยยย

   “มันเป็นของคุณปั๊มอยู่แล้วครับ” ลุงเอกพูดแค่นั้นก่อนผายมือให้ผมวิ่งเข้าไป

   ถ้างั้นไม่เกรงใจแม่งแล้วนะโว้ย เย้!

   โอ๊ววววว ข้างในกว้างขวาง หรูหรา แถมยังตกแต่งแบบคลาสสิกสุดๆ คิดถึงพ่อกับแม่จังเลย อยากนั่งไปเที่ยวด้วยกันเหมือนตอนเด็กอีก ผมนี่ถึงกับกอดหมอนนอนกระโดดไปบนเบาะเลยครับ

   แคร่ก!

   เอ๋? ผมเลิกคิ้วมองเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ ประตูก็ถูกปิดลงอย่างดื้อๆ แต่ไม่ทันจะได้เดินไปดูเครื่องยนต์ก็สตาร์จขึ้นมากระทันหัน เล่นเอาผมตัวติดเบาะทีเดียว

   โอ๊ยจะเซอร์ไพร์สกันไปถึงไหน

   ผมชะโงกออกไปนอกหน้าต่างเห็นบรรดาแขกในงานวันเกิดโบกมือให้พร้อมกับโห่ร้องดีใจ เฮ้ยยยย นี่เตรียมกันมาก่อนแล้วใช่มั้ยเนี่ย กูว่าแล้วววววววว

   ฮืออออ จะพากูไปไหนวะเนี่ยยยยย

   “สวัสดีครับ”

   แล้วอยู่ๆ เสียงอันคุ้นเคยก็ทำให้ผมประหลาดใจ ผมมองลำโพงบนเพดานอย่างจดจ่อ เพราะอยากรู้ที่มาของเสียง และกำลังคิดอยู่ว่า ใช่เขามั้ย?

   “…ผม กัปตันธีรดล ประดับแก้ว ทำหน้าที่ขับอากาศยานพลเรือนขนาดเล็ก ซึ่งมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย โดยการเดินทางจะใช้เวลาสองชั่วโมงโดยประมาณ แขกกิตติมศักดิ์ประจำเที่ยวบินนี้คือคนที่สำคัญสำหรับผมอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้ผมมีเรื่องจะทำนิดหน่อยก่อนที่เราจะออกเดินทางครับ”

   กัปตันเหรอ?

   เชี่ยเอ๊ยยยยย เล่นอะไรเนี่ย

   ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มีเสียงกีตาร์ก็ดังออกมาจากลำโพง ตามมาด้วยเสียงทุ้มที่น่าหลงไหลอย่างเหลือเชื่อ…


“ทำก็ทำอยู่ ทำสิ่งดีให้เธอทุกๆ อย่าง
พยายามอยู่ พยายามทำตัวเป็นตัวอย่าง
คนที่อุทิศชีวิตเพื่อเธอ”



   เฮ้ยยยย นี่เสียงกัปตัน เหรอวะ!? เชี่ยยย เพราะอ่า


***“ดูก็ดูอยู่ ดูแลเธอปรนเปรอไม่เคยขาด
รอก็รออยู่ รอให้เธอเปิดใจให้โอกาส
แต่เธอก็เหมือนจะยังไม่มอง

สิ่งที่ฉันทำทุกอย่าง
ไม่มีทางที่เธอจะพบจากใคร”



   เอ่อ แต่กูว่าเนื้อเพลงมันทะแม่งๆ แฮะ
   นี่มึงบอกรักกูเหรอกัปตัน!!


“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็จะรักฉัน
ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะบอกรักฉันทุกวัน
ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะคิดถึงฉันทุกวัน
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ

ถ้าฉันเป็นเธอนะ ถ้าฉันเป็นเธอได้
ฉันจะไม่เสียเวลา ฉันจะรีบตัดสินใจ
ฉันจะจับมือฉัน ฉันจะบอกรักฉัน
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ”



   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

   ตายอย่างสงบครับ เชี่ยยย ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครร้องเพลงให้มาก่อน ผมนิพพานแล้ว ใครก็ได้ฉุดวิญญาณผมไว้ไม่ให้ลอยออกไปที ฮือออออ

   ผมถึงกับเอามือกุมขมับ ไม่ใช่เพราะไม่อยากฟังนะครับ เพราะเขิน!!! เวรเอ๊ยยยยยย

   แล้วเสียงกีตาร์ก็เงียบหายไป จากนั้นเครื่องยนต์ก็กระชากตัวเพื่อเคลื่อนออกจากรันเวย์

   “ปั๊ม”

   เสียงกัปตันดังออกมาจากลำโพงอีกรอบขณะเครื่องบินกำลังตั้งลำตรงเพื่อเตรียมขึ้นสู่น่านฟ้า

   ผมมองลำโพงแบบเขินๆ อย่างกับเป็นมันเองที่ร้องเพลงเมื่อกี้นี้

   “สุขสันต์วันเกิดครับ”

   ผมพยายามกัดผ้าห่มไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องออกไปก่อนจะสะบัดผ้าคลุมโปงตัวเองทันที โอ๊ยยย ทำอย่างไอ้คนในห้องนั่นมันจะมาเห็นมึงอย่างนั้นแหละปั๊ม

   เขินโว้ยยยย!!

   แต่เดี๋ยวนะ…

   ผมเอาหัวออกจากผ้าห่ม

   ไอ้นั่นมันใส่เฝือกอยู่ไม่ใช่หรือไง =_=

*** เพลงถ้าฉันเป็นเธอ : บอล จารุเลิฟ



 :a5: :a5: :a5:




ตื่นมาพร้อมกับเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนอ่าน 5k แล้ววว
เยเย่ ฉลองงงงงงงง (รูปไม่เกี่ยวหรือบอกไบ้อะไรนะฮะ ทำมาขอบคุณเฉยๆ 555)

บทนี้เขียนไปม้วนต้วนไปมากๆ แบบเฮ้ยยยยเขินอะ
เติมเต็มความฝันวัยเด็กอยากให้คนขับเครื่อบินอวยพรวันเกิดให้มากๆๆๆ 55555 (เนิร์ดอะ)

สาเหตุที่เลือกเพลงบอกรักนี้คือ มันเป็นชื่อพี่เทคสมัยเรียนมหาลัยผมเองครับ
ไม่เคยได้ยินมาก่อน อยากรู้เลยไปเสิร์ชดู แบบบติดมาก จริงๆ เกือบลืมไปแล้ว ไม่รู้ทำไมนึกถึงขึ้นมา
ว่างๆ ต้องโทรไปนัดเฮียแกไปเดทแล้ว คิดถึงมากกก

หวานๆ ต้อนรับวาเลนไทน์นะฮะ ไอ้แก่มันร้องเพลงเก่าหน่อยอย่าไปถือสามันเลย 5555

แวะมาคุยกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะฮะ
หรือใครชอบอะไรตรงไหน ติดแฮชแท็ค #firemetothemoon ได้น้า ในทวิตมีกันสามสี่คน เหงาๆ เหมือนครอบครัวเล็กๆ 555

ปล. ขอโทษที่ลงยาวทีเดียวเลยนะฮะ ผมไม่อยากโพสสองรอบ นอนอืดอยู่บนเตียง (แหมะ จะบ่นว่าขี้เกียจล่ะสิ)

ปล.2 สุขสันต์วันหยุดยาวฮะ
แล้วก็อวยพรวันเกิดน้องปั๊มได้ที่นี่นะ V

โตไวๆ นะปั๊มมม กูรักมึงนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2017 18:34:25 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยยย นังน้องปั๊มน่ารักกกกกก เอ็นดูเหลือเกิน สุขสันต์วันเกิดนะ  :a13:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
โอ๊ยยยยยย เป็นตอนที่ฮามาก  น่ารักมากกก  และเขินมากกก
 :laugh: :mew3: :o8:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บิ๊กเซอร์ไพรส์  ~~~~  เล่นเอาเขิน จิกหมอนไปหมดเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
โอ้ยยย มันดีต่อใจ ตอนเเรกเปิดมา นึกว่าจะโหดๆ มาหลังๆนิมุ้งมิ้งเชียว ชอบบบบ

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ไม่ชอบนิสัยปั๊มเลยกับคนโตกว่าพูดจาไม่มีหางเสียงไม่มีความเคารพอะไรเลย  ส่วนธีร์ก็ไม่ชอบหมาหยอกไก่

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
surprise แบบhard core เบาๆ ได้เลือดเลยทีเดียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชินจังไม่กินหัวหอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สุขสันต์วันเกิดนะหนูปั๊ม

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยชอบไวน์ ก็เลยเหมือนจะส่งผลในการให้ไม่ชอบคู่รองไปด้วย
และเราชอบตรองในสายตาของปั๊มมากกว่า เลยไม่ค่อยอินเวลาที่ได้เห็นมุมมองของตรองจริงๆ
เลยคิดว่าขอเชียร์คู่หลังต่อดีกว่า

 :z10:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิจฉาปั๊มอะ
ืทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกิดกับเราบ้าง!
เขินมาก เขินแบบว่ากว่านะอ่านบรรทัดต่อบรรทัดได้ ต้องเอามือปิดหน้าแล้วปิดหน้าอีก
ร้องอ๊ากๆ เป็นบ้าเป็นหลัง
แถมพอเปิดเพลง 'ถ้าฉันเป็นเธอ' คลอไป คือยิ่งเขินไปอีก
งื้ออออออออออออออออ ดีอะ
บทนี้เป็นบทที่ดีต่อใจที่สุดตั้งแต่อ่านมา
รักกัปตันขึ้นทุกวันเลยอะ ขอโทษที่เคยด่ากัปตันไปในบทก่อน

สุดท้ายนี้... สุขสันต์วันเกิดนะปั๊มนะ (กัดฟันพูด อิจฉามานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!)

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
กัปตันกับปั๊มน่ารักอ่ะ  o13 แต่ฉันรักลุงเอก 5555555 ฮาได้ใจจริงๆ :laugh: :m20:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
«ตอบ #104 เมื่อ17-02-2017 21:31:01 »

14
อัศจรรย์



https://www.instagram.com/weir19


   ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็สมุยเลยครับ ขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว ผมงัวเงียมองไปนอนหน้าต่าง สัมผัสได้ว่าเครื่องบินค่อยๆ ลดความเร็วและท้ายที่สุดเครื่องก็แน่นิ่งยังลานจอดของอากาศยานส่วนบุคคล ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมนั่งเครื่องที่กัปตันขับ ฝีมือดีไม่มีตกทีเดียว

   และเมื่อเครื่องยนต์แน่นิ่ง…ประตูห้องนักบินก็เปิดออก

   กัปตันอยู่ในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำสบายๆ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแนบรัดลำตัว และแน่นอนก็ต้องตามมาด้วยกางเกงยีนสีฟอกขาประจำ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลพีคตรงที่เขาใส่เนกไท

และที่สำคัญ…

มันเป็นเส้นที่ผมซื้อให้!!!! 

หลังจากเก็บอาการดีดดิ้นผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เฝือกอีกแล้ว อ้าว ไหนเขาบอกผมว่ากำหนดการถอดเฝือกมันตั้งหลังปีใหม่เลยไม่ใช่หรือไงนะ

   “มองอะไร” เขาถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังสำรวจร่างกายอยู่

   “ทำไมไม่ใส่เฝือกแล้วอะ”

   “หมอเอาออกให้”

   “ฮะ!?”

   “เขาบอกว่าแผลสมานแล้ว ขาฉันไม่ได้หักเป็นท่อนๆ นะ แค่ซ้นอย่างแรง”

   “เดี๋ยวแผลก็ช้ำหรอก”

   “หมอสอนฉันมาอย่างดีแล้วน่า” เขาถกขากางเกงขึ้น ข้างในยังเป็นผ้าหนาๆ พันไว้โดยรอบอยู่

   “ก็นึกว่าขาหัก”

   “เธอก็กระโตกกระตากไปเรื่อย” เขาว่า ใช้ไม้ค้ำเดินเข้ามาหาผม โอ๊ย ทุลักทุเลจังวะ นี่มาทรมานตัวเองหรือเปล่ากัปตัน

   “เซอร์ไพร์สมั้ย” เขายิ้มหรา

   “ไหนบอกไปหาแม่ไง”

   “ไปมาแล้ว แต่ก็รีบกลับมาหาเธอ” เขาว่า “เอาล่ะ วันเกิดนี้จะทำอะไรดี”

   “อ้าว ก็คุณพามาสมุยแล้วนี่ จะเอาอะไรอีกอะ” ผมงง

   “ไม่ใช่ ก็ก่อนจะไปบ้านพักตากอากาศของเธอเราจะทำอะไรดี เราต้องเตรียมอะไรบ้าง ได้ข่าวว่าไม่มีอะไรนอกจากทะเลเลยไม่ใช่เหรอ”

   ผมนึกภาพ จริงๆ เกาะนั้นมันเหมือนเกาะร้างครับ มีบ้านหลายหลังก็จริง (บ้านของผมอยู่ในมุมที่ดีที่สุด) แต่นอกจากสิ่งก่อสร้างไว้สำหรับการพักตากอากาศมันก็ไม่มีอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าบ้านหลังอื่นเขาจะมากันหรือเปล่าด้วย แต่จริงๆ จำได้ว่ามียามซึ่งเขาคงไม่ได้มายุ่งอะไรเท่าไหร่ พ่อกับแม่ส่งคนไปทำความสะอาดเดือนละครั้ง ถ้าปีไหนไม่มีเจ้าของไปพักก็คือเกาะผีหลอกดีๆ นี่เอง

   “เราต้องซื้ออาหารจากฝั่งไป แล้วก็ของใช้จำเป็น” ผมเสนอ “แต่ปัญหาคือเราจะหาอะไรทานนี่สิ ผมทำอาหารไม่เป็นเลย”

   “กลัวอะไรเธออยู่กับฉัน” เขาว่า “ฉันอยู่คนเดียว ทำอาหารกินเองออกจะบ่อย”

   “โอ้โหจะเก่งเกินไปมั้ยคุณ” ผมแซว “อ๋อ เราต้องจ้างคนขับเรือไปส่งด้วยนะ”

   “จ้างทำไมฉันขับเป็น” เขาทำหน้าเหมือนกับผมโง่มาก “เธอมีเรืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สบายมาก”

   อะไรมันจะสารพัดช่างขนาดนั้นวะ ผมนี่ถึงกับเบ้ปากในความสามารถร้อยล้านอย่างของคนตรงหน้าเลยครับ จากนั้นก็จัดการลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอกตัวเครื่อง

   อูยยยยย หนาวฉิบหาย คิดถูกหรือเปล่าวะที่มาเที่ยวทะเลช่วงปีใหม่แบบนี้ โดนน้ำทีไม่แข็งเป็นไอติมยักษ์คู่เลยเหรอ

   “ปั๊ม”

   “หือ” ผมหันไปตามเสียงเรียก

   “ช่วยพยุงหน่อย”

   อ้าว เวร ลืมไปว่าคนเจ็บมาด้วย ปัญหาหนักเลย

   ฮ่าๆ แต่น่าสงสารอะ กัปตันทำหน้าสมเพชตัวเองสุดๆ เหมือนคนที่เคยเดินเหินได้สะดวกแต่ต้องมาลำบากคนอื่นให้ลำบากใจ เป็นผมผมก็ไม่ชินอะ

   “คิดถูกหรือเปล่าวะที่มา” เขาบ่นพึมพำ

   ห้าๆๆๆ กัปตัน คุณคิดเหมือนผมเป๊ะเลยครับ


   ประมาณหกโมงเช้าเราได้ของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด เครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ มาจนครบ คนที่ทำหน้าที่แบกไม่ใช่ใครครับ ผมเอง! เกิดมาไม่เคยถือของหนักขนาดนี้เลย เวรกรรมมันคงตามทัน แต่ก่อนใช้ลุงเอกแกเยอะครับ ฮึ่ยยยย

   “ขาดอะไรอีกมั้ยเนี่ย” ผมสำรวจของหลังจากที่เราเหมารถมาลงที่ท่าเรือ

   “คิดว่าจะอยู่กี่วันเชียว” กัปตันคว้าถุงอาหารทะเลไปช่วยถือทั้งๆ ที่ตัวเองต้องแบกกีตาร์อยู่เช่นกัน นี่ผมไม่ได้ทรมานเขาใช่มั้ย เอ่อ…จะห้ามก็ไม่ทันแล้วอะครับ

   “เอาจริงก็ไม่รู้” ผมว่า “คุณอยากอยู่กี่วันอะ”

   “ปีนึง”

   “ปีนึง!? อยู่ไปคนเดียวเหอะ” ผมตะโกนใส่หน้ากวนๆ ของคนข้างๆ บ้าแล้ว! ใครมันจะอยากติดเกาะเป็นปี

   “งั้นแล้วแต่เธอ”

   “กลับหลังวันปีใหม่แล้วกัน” ผมคำนวณดูแล้ว สามวันสองคืน… กำลังดีเลยครับ

   “อือ” เขายิ้ม

   “ยิ้มอะไร” ผมถึงกับหยุดเดินแล้วถามเลยฮะ

   “เปล่า แค่เหมือนเห็นคนกำลังตื่นเต้น”

   “ก็มาเที่ยวมั้ยล่ะกัปตัน” ผมปรายตามอง

   “ก็ดี สดใสดี”

   พูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย

   “สวัสดีครับ คุณปั๊มใช่มั้ยครับ” คุณลุงคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาพวกเรา ท่าทางจะเป็นคนดูแลเรือที่เราจ้างไว้

   “ครับผม”

   “คุณเอกโทรมาบอกผมให้เตรียมเรือให้พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” ลุงแกว่าก่อนจะมาคว้าของในมือผมไปช่วยถือ

   “มีบ้านหลังอื่นมากันบ้างหรือเปล่าครับ” ผมถามแกต่อ

   “มีครับ เพิ่งกลับไปเมื่อวานนี้เอง พวกแกบอกว่าหนาวแถมยังวังเวง อยู่กันไม่ไหว”

   อ้าว สรรพคุณที่กูไม่ต้องการทั้งสิ้น หรือว่ากลับตอนนี้ดีวะ อาหารในมือก็ปล่อยกลับลงทะเลไปแล้วกัน

   “เป็นอะไร กังวลเหรอ” กัปตันสะกิด

   “อยู่กันบนเกาะสองคน คุณว่าดีหรือไง”

   “ดีสิ ส่วนตัวดี”

   “คุณน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมดเลยล่ะจะบอกให้” ผมเดินหนีอีกฝ่าย

   แล้วเราก็บอกลาคุณลุงผู้ดูแลเรือ แกอธิบายเส้นทางให้กับกัปตันอยู่นานแต่ดูท่าแล้วคงจะไม่คณามือเขาเท่าไหร่ กัปตันจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์ จากนั้นเรือก็แล่นออกจากฝั่งทันที ภาพตอนนี้สวยมากจนผมต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ทะเลกับแสงอ่อนๆ ยามเช้า เจ๋งชะมัดเลยครับ

   “คุณไปหัดขับเรือมาจากไหน” ผมหันไปถาม

   “เกมตู้” กัปตันยิ้มกวน

   “ฮะ!? เอาจริงอะ” ผมไม่ตลกด้วยนะคร้าบบบบ

   “มีเพื่อนที่มีเรือเหมือนกันมันเคยสอนขับ เรือแบบเดียวกับเธอเป๊ะเลย”

   “อ๋อ ก็พูดมาตรงๆ สิ ทำตลกอยู่นั่นแหละ”

   “ไม่ชอบคนตลกเหรอ?”

   “ไม่”

   “งั้นก็จะจริงจังเดี๋ยวนี้” กัปตันหุบยิ้ม ทำหน้าตาดุดันโฟกัสแต่ทะเลเบื้องหน้า คล้ายกับว่าจะลืมเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น

   อะไรของเขา ผมล่ะเบื่อ เล่นมุกแต่ละทีโบราณทั้งนั้น

   
   “แน่ใจเหรอว่าไม่มีคนอยู่มาเป็นปีแล้ว” กัปตันเอ่ยปากเมื่อเราเดินเข้ามาในบ้าน คงเพราะเห็นถึงความสะอาดซึ่งเกิดจากการดูแลเอาใจใส่นั่นเอง ผมยังชื่นชมเลยครับ

   “ลุงเอกเคยบอกว่ามีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์” ผมว่า “แต่ก็ดีแล้วมั้ยล่ะ อยากมาอยู่ในสภาพบ้านรกร้างหรือไง”

   “เฮ้ย มีเปียโนด้วย” กัปตันใช้นิ้วดีดเครื่องดนตรีที่ว่า ก่อนจะหันมาขมวดคิ้วถาม “ใครเล่น?”

   “อ้าว ก็ต้องผมปะล่ะ?”

   “เลือกเล่นเครื่องดนตรียังคุณหนูเลย” เขายิ้มเหมือนจะแหย่

   ผมเหล่มองคนที่พูดก่อนจะเดินไปสำรวจตู้เย็น โอเค… เสียบปลั๊กพร้อมแถมยังมีเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ แช่รอไว้แล้ว แม่บ้านคงทำการบ้านมาดี

   “เราจะทำอะไรกันก่อนดีวันนี้” กัปตันถอดเสื้อนอกออก

   “นอน” ผมพูด จริงๆ นะครับ ก็ผมง่วงอะ

   “ไร้สาระ”

   “อยากทำอะไรก็ไปทำสิ” ผมทิ้งตัวลงกับโซฟาพร้อมกับคว้ารีโมทเพื่อเปิดทีวี

   “อืม อยากทำอะไรงั้นเหรอ…”

“…” เสียงกัปตันเย็นยะเยือกสุดๆ จนผมต้องหันหน้าไปมอง

   เวรแล้วไง!



   ตู้ม!!!
   “อ๊ากกกกก กัปตันโยนผมลงมาทำไมเนี่ย!!” ผมร้องลั่นเมื่อทั้งตัวจมลงไปกับทะเล ใช่ครับ เขาหิ้วผมลงมาที่ชายหาดและจัดการโยนโครมเหมือนทิ้งถุงขยะ โอ๊ยยยย เปียกไปยันกางเกงในแล้ว

   “มาทะเลก็ต้องเล่นน้ำสิ” กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม

   “แต่นี่คุณเล่นโยนผมมาทั้งๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะ!!” แค่กๆ เค็มปากไปหมดแล้ว

   “อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวฉันซักผ้าให้”

   ยังไม่ทันจะได้ด่าต่อ อยู่ๆ กัปตันก็ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมได้แต่อ้าปากค้างทานน้ำเค็มด้วยความตกใจเสมือนกับมันเป็นของหวาน ระหว่างนั้นกัปตันก็โยนเสื้อที่เพิ่งถอดทิ้งไว้บนหาด และเมื่อเขาทำท่าจะถอดกางเกง…

   เฮ้ย ไม่ได้ดิ!

   “เดี๋ยว!”

   “หืม?”

   “จะทำอะไร!?”

   “ก็จะถอดกางเกงเล่นน้ำไง” กัปตันมองมาเหมือนกำลังคุยกับคนที่โง่มาก

   “ข้างในเป็นอะไร”

   “กางเกงใน” เขาตอบหน้าตาย

   “สีอะไร!?”

   “สีขาว…” คนพูดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

   “หยุด! อย่าคิดจะถอดเลยนะ เอามือออก” ผมชี้นิ้ว “ลงมาทั้งอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวผมซักให้เอง”

   แล้วกัปตันทำสีหน้าท่าทางพอใจเหมือนเป็นผู้ชนะ เวรแล้วววววววว วินาทีที่เขาเดินลงน้ำมาอย่างกับพวกนายแบบในนิตยสารเลยครับ แต่ด้วยอายุ น่าจะเป็นพวกนิตยสารเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอะนะ อิๆ

   “มองอะไร” กัปตันส่งเสียง เล่นเอาผมรู้สึกตัวขึ้นมาทันที

   “ทำไมดูแลตัวเองดีจัง” อันนี้ผมถามจริงๆ นะ เพราะรูปร่างของเขามันน่านับถือชะมัด ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอายุอย่างเขาจะหุ่นดีได้ขนาดนี้

   “มีวินัยไง” เขาว่า “เธอมีบ้างหรือเปล่า?”

   “ขี้เกียจ” ผมตอบ

   “ไม่ต้องตอบก็เดาได้แล้ว” สิ้นเสียง กัปตันก็ควักน้ำสาดใส่ผมโครมใหญ่ โอ๊ยยย อย่างกับคลื่นสึนามิ เข้าตาเข้าปากไปหมด

   “แค่กๆ อย่าเล่น มันแสบตา!!” ผมผลักเขาให้ถอยออกไป

   “ก็มันเป็นน้ำทะเล” เขายังสาดไม่เลิก

   “หยุดเดี๋ยวนี้ อ๊ากกกกกกก” ผมทนไม่ไหวแล้วครับ หลังจากตั้งลำได้ผมก็กระโดดขี่คอเขาอย่างกับหน่วยจู่โจม ดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะตกใจอยู่เหมือนกัน เขาพยายามทรงตัวแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเราล้มลงไปทั้งคู่

   “เล่นอะไรเนี่ย!” กัปตันร้องเมื่อเราพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกัน

   “เอ๊า ก็ชอบไม่ใช่หรือไง ฮ่าๆๆ” ผมแหย่คนตรงหน้า สายตาดุๆ นั้นส่งสัญญาณมาว่าจะเอาจริงแล้วเหมือนกัน

   “ได้!” แล้วเขาก็เข้ามาชาร์จผมบ้าง ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ถึงเวลาก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน ด้วยสัดส่วนที่ต่างกัน การที่เขาพุ่งเข้ามาแบบนั้นทำให้เราทั้งคู่จมลงไปในทะเลอีกหน

   ท่ามกลางน้ำเค็มที่แสบตา ผมพุ่งตัวขึ้นมาได้คนแรก ตั้งใจว่าจะมองหาอีกคนเพื่อจะแก้แค้นอีกรอบ แต่…

   อ้าว กัปตันหายไปไหนอะ?

   แผ่นน้ำกลับมาเงียบสนิท ไม่มีท่าทีว่ากัปตันจะโผล่ออกมา

   แย่แล้ว เป็นตะคริวหรือเปล่าวะ!?

   “กัปตัน!” ผมดำลงไปในทะเลพร้อมกับพยายามลืมตาท่ามกลางความแสบเพื่อหาคนที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ เอาละครับ เริ่มใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย

   “แค่กๆ” ผมพุ่งตัวขึ้นมาอีกรอบ ตั้งใจจะดำลงไปอีก แต่…

   กัปตันที่ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนมาเข้าชาร์จที่ด้านหลัง เขาล็อคเอวผมไว้ด้วยแขนข้างเดียวแล้วลากกลับไปยังเขตน้ำตื้นอีกครั้ง

   “เล่นอะไรของของคุณเนี่ย!?” ผมแทบจะศอกใส่หน้าเขาเลยจริงๆ อะไรวะ!!

   “ทำไม? เป็นห่วงฉันเหรอ” เสียงเขาอยู่เหนือหัว

   “เออดิ” ผมดีดตัวออกจากแขนเขา “ขาก็ยังไม่ดีอยู่ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นยังไง!”

   “ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้คิดมาก” ใบหน้าของกัปตันหดลงสองนิ้วเห็นจะได้

   เขาคงเห็นว่าผมยังโมโหอยู่เลยว่ายเข้ามาใกล้ๆ

   “ไปเล่นตรงน้ำลึกกันมั้ย”

   “ไม่ไป” ผมตั้งท่าจะว่ายน้ำหนีแต่เขาดึงแขนผมไว้ซะก่อน

   “ขอโทษ”

   ฮึ่ยยยยยยย ใจอ่อนกับเขามันซะทุกที

   “เออ” ผมคราง “พาไปหน่อยดิ”

   “…”

   “เอาแบบไกลๆ จนขาผมไม่ถึงเลย”

   คนตรงหน้ายิ้มเหมือนพอใจในคำตอบมาก เขาจัดการหันหลังให้ทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าควรทำอะไร ผมกระโดดเกาะแผ่นหลังกว้างของเขาไปแต่โดยดี

   “เหวอออ” ผมส่งเสียงเมื่อกัปตันออกแรงว่าย ฮ่าๆๆๆ โคตรตื่นเต้นอะ ทำตัวโคตรนู้บ

   “ลึกกว่านี้อีกมั้ย”

   “อีก!”

   แล้วเขาก็ว่ายต่อ และมันก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงจุดที่จะพ้นจากความสูงของกัปตันแล้วเช่นกัน

   “ลองมายืนข้างๆ ดู”

   “เฮ้ย ไม่เอาเดี๋ยวจม” ถึงผมว่ายน้ำเป็นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเทพแบบนักกีฬาทีมชาตินะครับ

   “เดี๋ยวฉันประคองให้”

   จะดีเหรอวะ…

   ไม่รู้ว่าเอาความไว้ใจมาจากไหน ผมค่อยๆ ปล่อยมือออกจากคอกัปตัน พยายามทรงตัวในน้ำด้วยท่าหมาระหว่างที่คนข้างๆ หันหน้ามาเจอกันพร้อมกับใช้มือสองข้างประคองเอวผมไว้

   “อย่าปล่อยเชียวนะ” ผมส่งสายตาอาฆาต

   “ฉันไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก” กัปตันหัวเราะเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกอย่างนั้นแหละ

   ผมสังเกตเห็นสร้อยคอที่ห้อยอยู่กลางอกเขา มันยังเป็นจี้รูปเครื่องบินอันเดิมที่ผมเคยเห็น

   “สร้อยคุณสวยนะ” ว่าจะบอกหลายทีแล้วครับ ผมเอ่ยปากชม “เครื่องบินน้อย”

   “มันอยู่กับฉันมานานแล้ว” เขาก้มลงมองเช่นกัน “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพักหลังฉันใส่มันบ่อย”

   “แฟนให้ล่ะสิ”

   “ไม่ใช่และ” เขาส่ายหัว โอ๊ย จะหันหน้าไปทางอื่นบ้างได้มั้ย มองกันแบบนี้มันกระอักกระอ่วนนะโว้ยยยย

   “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอเปียกน้ำนะ” เขาพูดต่อ

   “มันสำคัญด้วยเหรอ”

   “สำคัญสิ เวลาเราใกล้ชิดกับใครบ่อยๆ เราจะตื่นเต้นเวลาที่เห็นเขาทำอะไรกับเราครั้งแรกไม่ใช่เหรอ” คนตรงหน้าผมอธิบาย “กินข้าวด้วยกันครั้งแรก นอนด้วยกันครั้งแรก หรือเห็นตัวเปียกด้วยกันครั้งแรก”

   “คุณแม่งโคตรย้ำคิดย้ำทำเลย” ผมถึงกับส่ายหัวในความไม่ได้เรื่อง

   “เขาเรียกว่าใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ”

   “ผมสำคัญขนาดนั้นเลย?”

   “ถ้าไม่สำคัญฉันคงไม่จับเธอไว้ตลอดเวลาแบบนี้หรอก” กัปตันพูดขณะที่กระชับมือให้ถนัดกว่าเดิม ส่วนผมเหรอครับ…ได้ยินแล้วก็เอ๋อแดกเลยสิ

   “เล่นน้ำแล้ว ทีนี้ทำอะไรต่อ” คำถามของกัปตันทำให้ผมได้สติอีกหน

   “ไม่รู้สิ แล้วแต่คุณเลย”

   “อืม…” สาบานเลยครับว่ากัปตันแสร้งทำเป็นคิดได้กวนตีนที่สุดในโลก “เธอเล่นเปียโนเป็นไม่ใช่เหรอ ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”

   “ผมร้องเพลงไม่เป็น”

   “คนเล่นเปียโนเขาร้องเพลงเป็นทั้งนั้นแหละ”

   “แล้วเรื่องอะไรต้องร้องให้ฟังด้วย”

   “ฉันร้องเพลงให้เธอแล้ว เธอร้องเพลงให้ฉันบ้างสิ” เขาเลิกคิ้ว “เอาให้ซึ้งกว่าที่ฉันบอกรักเลยนะ”

   “สรุปที่ร้องบนเครื่องคือบอกรัก?”

   “ไม่รู้เหรอถามจริง?” ใบหน้ากัปตันดูกังวล เหมือนกับว่ากลัวตัวเองได้ทำอะไรผิดพลาดไป

   พอเห็นหน้าเขาเป็นแบบนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงยิ้มออกไปและตอบคำถามนั้นด้วยเสียงกระซิบ

   “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว”


[อ่านต่อด้านล่าง]


ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
«ตอบ #105 เมื่อ17-02-2017 21:44:51 »


[ต่อ]


“จะเอาเพลงอะไรอะ” ผมถามขณะที่เราเข้ามาในบ้านและผมนั่งอยู่หน้าเปียโน โดยมีกัปตันยืนเท้าคางมองผมอยู่อีกด้านของเครื่องดนตรี

   “อะไรก็ได้” เขาตอบ ยังคงไม่สวมเสื้อเหมือนตอนเล่นน้ำ อันที่จริงเราทั้งคู่ยังอยู่ชุดเดิมแหละครับ แค่เช็ดตัวให้มาดๆ แล้วมาทำซึ้งกันอยู่ตรงนี้ต่อแหละ

   “งั้นจะร้องเพลงช้างนะ”

   “อย่ากวน อยากร้องอะไรก็ร้องเลย”

   “ก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไร”

   “ถ้าใจมันอยากร้องเพลงอะไรเดี๋ยวมันก็คิดได้เองแหละ” กัปตันว่า “เหมือนที่ฉันเป็น”

   หืม… เพลงที่ออกมาจากใจอย่างนั้นสินะ

   ยอมรับเลยครับว่าวินาทีนั้นหัวมันตื้อไปหมด พยายามขนกรุเพลงที่อยู่ในสมองออกมาแล้วแต่ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร แถมไอ้คนที่เท้าคางอยู่ตรงหน้าก็ส่งสายตาคาดคั้นมาเหลือเกิน

   ผมวอร์มนิ้วไปพลางๆ ด้วยตัวโน้ตพื้นฐาน มันไม่เป็นเพลงหรอกครับ แต่มันก็ช่วยต่อเวลาให้ผมเลือกเพลงที่ดีที่สุดออกมาให้ได้ อืม…ผมฟังแต่เพลงสากล แถมดูท่าว่ากัปตันคงไม่อินกับ Ed Sheran หรือ Babe Rexha แน่ ยิ่งพวกสายอินดี้ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่ผมชอบฟังนี่ลืมไปได้เลย เพราะฉะนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ… เพลงไทย

   ความรู้สึกที่มีต่อเขางั้นเหรอ? เอ…เอาที่สั่งสมมาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้เลยแล้วกันนะ

   ท่าทีของกัปตันดูเปลี่ยนไปเมื่อผมเริ่มเปลี่ยนตัวโน้ตและอ้าปากร้อง


“***อยากให้เธอรู้ ว่าคิดถึงเธออยู่
เมื่อเพลงนี้เริ่มขึ้นมา ภาพเธอนั้นได้เข้ามา ทุกๆ ที”



   เหมือนทุกอย่างรอบตัวเงียบไปถนัดตา มีเพียงเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งเท่านั้นที่ได้ยินอยู่รำไร
   แต่กัปตันทำท่าทางเหมือนต้องการให้ผมร้องต่อ ผมจึงจัดการดีดนิ้วบรรเลงอีกครั้งตามที่เขาต้องการ


“และอยากให้เธอรู้ เมื่อเราเข้ามาใกล้กัน
ก็จะทิ้งทุกๆ อย่าง และจะถามเธอสักอย่างในวันนี้”



พอผมร้องจบท่อนนี้ กัปตันดูตั้งใจฟังเป็นพิเศษ อย่างกับว่ากำลังรอให้ผมถามอะไรเขาสักอย่างจริงๆ


“หากค่ำคืนนี้ ถ้าฉันมีเธออยู่
ก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่ง มีความหมายทุกๆ อย่าง ฉันรักเธอ
และอยากให้เธอรู้ เมื่อเราเข้ามาใกล้กัน
จะยอมทิ้งทุกๆ อย่าง และจะยอมเธอทุกอย่างในวันนี้”



ผมยิ้มออกมาด้วยความกระดากปากหลังจากร้องท่อนนี้จบ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นว่ายังมีกัปตันอีกคนที่กำลังยิ้มมุมปากมองมาทางผมก่อนแล้ว

ไม่รู้ทำไม รอยยิ้มนั้นทำให้ผมตั้งใจและใส่หัวใจลงไปในทุกๆ คำที่กำลังจะออกจากปากผมต่อจากนี้


“แค่อยากจะขอเต้นรำ แค่เธอเท่านั้น
และอยากจะขอสักวันให้เธอกอดฉัน เอาไว้นานๆ
ให้กายเรา แอบอิงกัน สบตากัน
ปล่อยใจไป ให้เราเต้นรำ คู่กันสักครั้ง
และขอสักวัน ให้เธอกอดฉัน หลอกกันว่ารัก
จะฝันไปด้วยกัน อยู่กับฉันไปด้วยกัน แค่เพียงเท่านี้”



   .ใช่ครับ… ผมไม่อยากคิดอะไรแล้ว ผมไม่อยากใช้สมองเยอะอีกแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะต้องปล่อยใจให้นำทางผมไปสักที ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนที่ผมคิด แต่ผมอยากจะลองเสี่ยง ต้องกล้าดูสักครั้ง

   “หือ?” ผมประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากัปตันเข้ามานั่งข้างๆ เขาไม่พูดอะไร ได้แต่ไล่นิ้วผ่านเครื่องดนตรีไปทีละเส้นทีละเส้น จากนั้นก็ปรายตาขึ้นมามองผมต่อ เขาดูสับสน แต่ก็ดูพึงพอใจไปพร้อมกัน

   และที่สำคัญ ตัวเราเหม็นเค็มน้ำทะเลกันทั้งคู่เลยครับ

   “ถึงเวลาแล้วเหรอ” เขาถาม

   “อื่อ” ผมตอบไป ไม่ต้องพูดให้มากความแล้วครับ

   “ปั๊ม…” เขาซุกหัวลงกับไหล่ของผม “ฉันหลงเธอหัวปักหัวปำเลย”

   “…”

   “ฉันเป็นของเธอแล้ว” เขาจับมือผม “สุขสันต์วันเกิดนะ”

   เป็นของผม? จะบอกว่าตัวเองเป็นของขวัญงั้นสิ? โอ๊ยยย ขี้งกฉิบหาย

   ถึงใจอยากจะขำ แต่รู้เลยว่าทุกอย่างมันออกมาจากใจกัปตันจริงๆ ผมได้แต่ลูบผมของเขาต่อด้วยความเอ็นดู เฮ้อกูล่ะงง ใครเด็กกว่าใครกันแน่เนี่ย

   เอ๊ะ แต่เหมือนจมูกของเขาเริ่มซนแล้วครับ ผมผลักหัวเขาให้ออกห่างอย่างไม่ต้องรอ

   “อะไร?” กัปตันทำหน้าหงอย

   “ทะลึ่งแล้ว!”

   “ไหนบอกว่าจะขอกอด”

   “มันเป็นเพลงมั้ยเล่า!”

   “อ้าวเหรอ” สีหน้าคนข้างๆ ดูผิดหวัง ฮ่าๆๆ หมาจริงๆ ด้วย! หน้ากัปตันเหมือนหมาตัวใหญ่ๆ เลยอะ

   “อย่าทำเนียนนะครับ” ผมขยิบตาให้นักบินหนุ่มพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น แต่มือปลาหมึกก็ยังเป็นมือปลาหมึกอยู่วันยังค่ำ เขารั้งผมไว้ได้อีกครั้งแล้วครับ ฮึ่ยยยยย

   “เฮ้ยปล่อยมือ!” ผมร้องลั่นเมื่อเขาสอดแขนเข้ามาไว้ที่เอว

   “ร้องไปเถอะ ฉันไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอก” กัปตันยิ้มยียวน

   “อย่าทำแบบนี้สิกัปตัน!”

   “เรียกพี่!” เขาขึ้นเสียง

   “พี่ธีร์ ปล่อยยยยย”

   “น้องปั๊มต้องยอมพี่ได้แล้วนะครับ” เขาพยายามซุกหน้ามาที่คอผมอีกครั้ง แต่พอหมดมู้ดโรแมนติกมันกลายเป็นว่าเขาทำให้ผมจั๊กกะจี้ไปซะได้ครับ

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ ปล่อยๆๆๆ โอ๊ยยยย”

   “อ้าว บ้าจี้เหรอเนี่ย” กัปตันเหมือนได้ทีเลยเพิ่มนิ้วมาจิ้มรัวที่เอวเข้าไปอีก

   “ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย พอเหอะเหนื่อยยยย”

   “หึหึ” เหมือนกัปตันจะแกล้งจนอิ่มแล้ว หลังจากปล่อยมือเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับยื่นมาให้ “ไปอาบน้ำเลยนะ เค็มไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย”

   “งั้นไม่อาบดีกว่า”

   “ก็ได้ ฉันชอบกินเค็ม” เขาทำท่าจะเดินเข้ามา

   “เพ้อเจ้อและ” ผมเด้งตัวได้ทันพร้อมกับมุดหนีเขาขณะเห็นทีท่าว่าคนตรงหน้าจะเข้ามากอด “ยากหน่อยนะครับ”

   กัปตันหัวเราะเมื่อเห็นผมชูนิ้วส่ายไปมาอย่างดูถูก

   “โอเค ไม่เป็นไร เนื้อเพลงบอกว่าคืนนี้ใช่มั้ย” เขาเงยหน้ามองดูนาฬิกา “มีเวลาอีกสิบกว่าชั่วโมง รอได้”

   ผมถึงกับอึ้งในความจริงจังของเฮียแก

   ฉิบหายและ พี่จีน กษิดิษเล่นกูแล้วไง


พอพระอาทิตย์ตกดิน เราสองคนลงความเห็นกันว่าจะตั้งเตาบาร์บีคิวกินกัน ผมปล่อยกรรมวิธีต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของกัปตันเลยฮะ เพราะถ้าผมไปยุ่งเข้า ยื่นไปสักไม้หมามันก็คงไม่แดก รอเป็นคนทานแบบนี้ดีกว่า สบายอุรากว่าเยอะ หึๆ

   “มาแล้ว” กัปตันทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กองไฟที่เราช่วยกันจุดขึ้นมา ในมือของเขามีจานบาร์บีคิวมาด้วย ผมคว้าไปไม้หนึ่งก่อนจะใช้มืออีกข้างกดโทรศัพท์เช็คข้อความต่างๆ แต่ไม่มีเลยครับ แม้แต่ตรองก็เงียบฉี่ สงสัยเตรียมเค้าท์ดาวน์กันหมดแล้วล่ะมั้ง

   “จะกินก็กินให้มันดีๆ วางมือถือก่อน” กัปตันวางจานลงแล้วทำท่าจะแย่งของในมือผมไป

   “เดี๋ยว! ขอส่งข้อความให้ลุงเอกก่อน” ผมพิมพ์ด้วยมือข้างเดียว หลังจากนั้นก็กดส่ง


   “สวัสดีปีใหม่ครับลุง ขอบคุณที่ดูแลมาตลอด ลุงคือผู้ปกครองของผม <3”



   ฮึ่ยยย เขินจัง คิดอยู่นานว่าซึ้งพอมั้ย แต่ก็คงไม่มากไปกว่านี้แล้วล่ะฮะ

   “ดีแล้ว” กัปตันพูดขึ้นมา อะไรเนี่ย เขาแอบดูผมบอกรักพ่อบ้านเรอะ!

   “ยุ่งตลอดเลย”

   “หึ เธอกับลุงเอกมีกันแค่สองคน เธอควรรักเขาให้มากๆ นะ”

   “ผมรักเขาอยู่แล้วน่า” ผมเลี่ยงประเด็นแล้วจัดการไม้บาร์บีคิวที่มือต่อ

   เราคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย หนังที่ชอบ นักร้องที่ชอบ หรือแม้กระทั่งละครหลังข่าวที่ชอบ ผมใช้ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเรียนรู้คนตรงหน้าได้อย่างมากมาย และเขาก็เต็มใจให้ผมสำรวจลึกลงไปในใจเขาอย่างยินดี

   “ตาฉันแล้ว” กัปตันพูดเมื่อรู้สึกว่าผมถามเขาเยอะเกินไป

   “เดี๋ยวๆ คุณยังไม่ตอบเลยว่าชอบเล่นกีฬาอะไร”

   “รักบี้”

   “โห เท่อะ ไม่ค่อยเหมือนใครนะเนี่ย”

   “ก็โรงเรียนชายล้วนเขาแข่งกันด้วยรักบี้นี่” เขาเขยิบเข้ามาใกล้ “ตาฉันได้หรือยัง?”

   “โอเคป๊ะป๋า ถามมาเลย”

   กัปตันวางมือบนบ่าผมพร้อมกับมองมาด้วยแววตาจริงจัง

   “เธอคิดถึงพ่อกับแม่มั้ย” แค่คำถามแรกของกัปตันก็ทำให้ผมชะงักขึ้นมา ความรู้สึกโหวงๆ กำลังเริ่มสุมอยู่เต็มอก

   “คิดถึงสิ” ผมตอบเสียงแผ่ว “วันเกิดปีแรกที่ไม่มีป๊ากับแม่อยู่ด้วยเชียวนะ”

   แค่พูดถึงผมก็เศร้าแล้วครับ ตอนนี้ป๊ากับแม่กำลังเตรียมเค้าท์ดาวน์อยู่บนฟ้าหรือเปล่านะ

   แย่จัง แม่งแสดงด้านอ่อนแอให้คนอื่นเห็นอีกแล้วกู

   “ไม่เป็นไร” กัปตันลูบหลังให้เมื่อเห็นว่าเสียงผมคล้ายกับกำลังจะสะอื้น “อยากร้องก็ร้อง ถ้ามันเศร้าเราก็ต้องร้อง จะได้บำบัดไง”

   “อือ ผมเศร้า” ผมจัดการนั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงกับมัน ฮือออ ร้องก็ร้องวะ

   “ขอโทษที่ถามนะ” น้ำเสียงของกัปตันฟังดูรู้สึกผิดจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

   “ไม่เป็นไร มันก็ดีแล้ว มันจะได้เตือนสติผมว่าตัวเองยังไม่ลืมพวกเขา”

   “อืม…”

   “ผมพยายามเป็นลูกที่ดีมาตลอด ถึงมันจะยากแต่ก็พยายามแล้ว” ผมมองหน้าคนข้างๆ ซึ่งกำลังรับฟังอย่างเต็มใจ “วันที่พวกเขาจากไปผมถึงกับเสียศูนย์ อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปให้ไกลๆ แต่สุดท้ายผมก็กลับมาที่นี่ก็เพราะพวกเขา”

   “ฉันรู้ เธอมีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ แต่เธอเลือกจะอยู่” กัปตันกระซิบ

   “สายการบินเราเป็นสิ่งที่พวกเขารักมากที่สุด นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจะต้องเอามันกลับมาในมือผมให้ได้”

   “เธอทำได้ดีแล้ว”

   “ผมดีใจนะที่พวกท่านจากไปตอนที่ผมอายุสิบเก้า…” ผมสะอึกจนเสียงขาดช่วง “เพราะพวกเขาจะจำได้ว่าปีหน้าผมจะอายุยี่สิบปีและกำลังเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ”

   “ปั๊ม” กัปตันไม่รอให้ผมอนุญาต ร่างหนาของเขาโอบรัดผมไว้ด้วยความอ่อนโยน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมรู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นและน่าถวิลหาซะเหลือเกิน ผมซุกหน้าลงกับแผงอกของเขาอย่างพึงพอใจ มันเป็นที่พึ่งที่แสนวิเศษในยามค่ำคืนนี้จริงๆ

   “ผมทนมาได้ยังไงเป็นปี เข้มแข็งมาได้ยังไงนานขนาดนี้” ผมสะอื้นหนักกว่าเดิมอีก บ้าเอ๊ย “กัปตัน…”

   คนถูกเรียกก้มหน้าลงมาหาอย่างเต็มใจ

   “ผมขอโทษถ้าผมทำอะไรให้คุณลำบากใจมาตลอด ขอโทษที่เคยก้าวร้าว ที่เคยทำตัวไม่ดี” ผมพยายามจะยิ้มให้เขา “ผมรู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาคงหนีผมไปนานแล้ว”

   “…”

   “ขอบคุณที่เป็นอีกคนที่รับผมได้ทุกอย่างนอกจากป๊าแม่กับลุงเอกนะ”

   “ไม่เป็นไร” เสียงข้างบนหัวนั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน “ไม่เป็นไร…” เขาย้ำอีกครั้ง

   “…”

   “ฉันจะหนีเธอไปได้ยังไง” เขาใช้นิ้วโป้งข้างนั้นปาดน้ำตาให้ “ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”

   กัปตันใช้เสื้อเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างไม่รังเกียจ ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม เราสองคนจ้องหน้ากันเป็นเวลานาน และไม่รู้ทำไม เป็นริมฝีปากผมเองที่ขยับเป็นฝ่ายแรก

   “ผมอยากได้ของขวัญ”

   กัปตันดูไม่อยากเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ และผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าผมกำลังหมายความว่าอะไร

   “แต่…” เขาเริ่มสับสน เสียงเริ่มแหบพร่า “ไม่รู้ทำไม พอฉันได้ใกล้เธอ ฉันไม่กล้า…”

   “…”

   “อยากถนอมเธอไว้ให้ดีที่สุด”

   “อย่า…” ผมเกลียดคำพูดตัวเองจริงๆ

   “จำได้มั้ย” กัปตันเขยิบเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเราสองคนเชื่อมถึงกัน “ที่ฉันบอก… เธอจะเห็นฉันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเลย”

   “ผมไม่สน” ตอนนี้สมองผมไม่มีอะไรให้คิดอีกแล้ว มัน…ปลอดโปร่ง “บอกผมสิ”

   เหมือนคำพูดนั้นกดปุ่มเครื่องจักรที่ร้อนให้กลับมาทำงาน กัปตันฝังริมฝีปากลงมาทันทีอย่างไม่รีรอ ท่าทางที่กระหายจนแทบคลั่งนั้นทำให้ผมเครื่องร้อนไปกับเขาด้วย น่าแปลกที่ทั้งๆ ไม่เคยได้สัมผัสความรุ่มร้อนแบบนี้มาก่อน ผมกลับทำทุกอย่างที่ควรทำได้ถูกครรลองไปเสียหมด มือของเราลูบไล้กันไปมาเหมือนกำลังปีนป่ายบนเทือกเขาซึ่งเราจะพบความสำราญอยู่บนนั้น และเมื่อหมดวาระในการสำรวจ เราเริ่มใช้มือในการกระตุ้นอย่างที่ผู้ชายอย่างเรารู้ดีว่าควรทำอย่างไร และเมื่อผ่านไปสักพักก็เป็นผมเองที่ร้องและถอยออกมา

   “อื้มมมม”

   “อย่า…” เสียงนั้นเหมือนกับสั่ง “จูบ”

   ลิ้นเราทั้งสองคนตวัดหยอกล้อกันอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงร่างกายเราบดเบียดกันดังขึ้นกว่าเดิม ผมยกตัวโยนเมื่อรับรู้ได้ว่าพื้นที่ส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในจุดเร้นลับที่สุดกำลังถูกรุกล้ำ ผมห้ามตัวเองให้ร้องไม่ได้อีกต่อไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความสากซึ่งเกิดจากการใช้งานหนักของมือเขา

   “ไม่ไหว” เสียงผมสั่นจนรู้สึกทุเรศตัวเอง “ระ…ร้อน มันร้อนเกินไป”

   “ฉันถอยไม่ได้แล้วปั๊ม” กัปตันครางพร้อมกับก้มลงมาฝังเขี้ยวกับซอกคอ

   “โอ๊ย”

   ผมเจ็บจนจะขาดใจแต่ร่างกายกลับโอบกอดคนด้านบนไว้เหมือนไม่ต้องการให้เขาถอยออกมา

   และในที่สุด ผมก็ไม่เหลืออะไรปกปิดร่างกายอีกต่อไป เช่นเดียวกับกัปตันซึ่งเหลือแค่กางเกงยีนที่เขาโปรดปราณ

   แต่…เขาคงไม่คิดจะถอดมันออกอยู่แล้ว

   กัปตันยกตัวขึ้นพร้อมกับรูดซิปลงอย่างรีบร้อน ผมหลับตาเมื่อเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ซ่อนอยู่ในกางเกงนั้น แต่ไม่ทันจะรู้ตัวเขาก็โน้มตัวลงมาจูบอีกครั้งซะแล้ว

   “โอเคนะ…” เขาถาม ใบหน้าที่หล่อเหลามีเม็ดเหงื่อผุดออกมาจนดูร้อนแรงแทบบ้า

   “คุณล่ะ” ผมถามขณะถูกอีกฝ่ายขบติ่งหู

   “ดูสิ” ว่าแล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับจุดที่แข็งแกร่งกว่าส่วนใดๆ ของร่างกายในตอนนี้

   ใจผมเต้นแรงยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงรูปลักษณ์ของอาวุธที่โผล่ออกมาจากกางเกง และเมื่ออีกฝ่ายให้สำรวจจนพอใจก็ถึงคราวที่ต้องทักทายกันด้วยวิธีอื่นเสียที

   “อะ…” ผมเปิดปากเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกรุกล้ำเข้ามาอย่างเร่าร้อน ความปรารถนาของกัปตันไม่สามารถจมกลับลงไปในจิตใจได้อีกแล้ว ผมผวาโอบคอเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองแล้วรั้งตัวเองให้คงที่เพื่อช่วยเขาอีกทาง

   และมันก็เชื่อมกันได้สนิทอย่างลงล็อค

   กัปตันมองผมอย่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก จากนั้นก็ช้อนคางผมขึ้นเพื่อแลกรสจูบให้ผมลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ และเมื่อมันทิ้งไว้นานจนเหมาะแก่เวลา จังหวะที่เราทั้งคู่เริ่มขยับก็ไม่ได้ทำให้ผมทรมานอีกต่อไป

   ทุกการเคลื่อนไหวของเราห่างไกลคำว่าอ่อนโยนเหลือเกิน ผิวหนังล้วนถูกคมเขี้ยวฝังจนจมไปหมดทุกพื้นที่ น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิด กลับรับฟันที่เรียงตัวสวยนั้นด้วยความเต็มใจ และทุกแรงกระแทก ผมกำซาบมันอย่างโหยหามานาน

   เราเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวในขณะที่เครื่องกำลังร้อน หลังของผมถูกทาบทับด้วยแผ่นอกหนาที่สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจด้านใน คนด้านบนใช้ฟันกันหลังคอของผมเหมือนแม่แมวที่กำลังอพยพลูกน้อย มันทรมานและก็ร้อนแรงไปพร้อมกันอย่างอัศจรรย์

   “ปั๊ม…” เสียงนั้นทำให้ผมหลุดออกมาจากวังวนอันเร่าร้อนทะลุอากาศยามค่ำคืน กัปตันก้มมามองด้วยแววตาที่ทำให้ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสได้เห็น

   และเมื่อเขากระซิบข้างหูว่า “ไปสวรรค์กับฉันนะ” พร้อมกับท่าทางเหมือนนักล่าที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ

   ผมจึงตอบเขาไปอย่างเต็มใจ “ที่ไหนก็ได้ที่มีคุณ”


   เสียงนกร้องทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง และจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคลื่นทะเล เมื่อรู้สึกตัว ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดียวกับเมื่อคืนเป๊ะ โดยมีเสื้อตัวใหญ่ของกัปตันปกปิดท่อนล่างเอาไว้อยู่ ผมตั้งใจจะลุกแต่ร่างกายมันกลับไม่ตอบสนองเอาเสียเลย จึงตัดสินใจที่จะนอนต่อ แต่ก็ต้องมาตกใจอีกครั้งเมื่อคนที่เคยอยู่ข้างๆ หายไปแล้ว

   แม้ดวงตะวันจะเริ่มแยงตา แต่ผมเบิกตากว้างเพื่อมองหาเขา

   แล้วผมก็เห็น กัปตันธีร์กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าขณะที่กำลังใช้ไม้เขี่ยกองไฟที่ใกล้มอดแล้ว ข้างๆ กันนั้นมีจานบาร์บีคิวซึ่งยังเหลืออีกบานเบอะ แม้จะเปลือยอก แต่ท่อนล่างยังเป็นกางเกงยีนตัวเดิมที่เสียดสีมวลกล้ามเนื้อของผมในคืนที่ผ่านมา และแน่นอน…เขายังไม่เห็นผม

   “หมา” และเขาก็มองมาตามเสียงเรียก รู้ตัวทันทีว่านั่นหมายถึงตัวเอง

   “ครับ” เขายิ้ม ท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังสับสนก่อนนี้หายไปในพริบตา

   “จักจี้ผมที”

   ไม่ต้องรอให้ออดอ้อนกันมากกว่านี้ กัปตันแทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าพร้อมกับใช้มือจี้เอวผมอย่างเอาเป็นเอาตาย และเป็นเสียงหัวเราะของผมเองที่ดังท่ามกลางธรรมชาติที่อยู่รอบตัว

   “สวัสดีปีใหม่นะ” กัปตันกระซิบ เขาโอบกอดผมไว้เหมือนกับกลัวจะหลุดหายไปไหน

   “สวัสดีปีใหม่เหมือนกัน…” ผมซุกหน้าลงกับวงแขนกว้าง “พี่ธีร์”

   ถึงแม้จะยังไม่เริ่มต้นวันใหม่ แต่ผมยังคงไม่มีแผนจะทำอะไร

   นอกจากเล่นกับหมาของผมแบบนี้ ทั้งวัน.




 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

เหมือนเป็นคนไบโพล่าเมื่อเขียนบทนี้จบ 55555

ขอบคุณคนอ่านที่เพิ่มขึ้นของไฟมีด้วยนะฮะ หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะ มีอะไรติชมกันได้ครับ

พูดคุยกันเหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic และ #firemetothemoon นะฮะขอบคุณมากครับ

------

ปล. Draft แรกจะมีน้องหมาติดมาบนเรือ แต่ความคิดนี้ถูกยกเลิกไปขณะรีไรท์เพราะเอาเข้าจริงไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไมเหมือนกัน

ปล.2 ขอบคุณ ทุกสื่อการสอน (ผมหมายถึงหนังรักนะ 5555)

ปล.3 ผมไม่สบาย ถ้าคำไหนตกหล่นไปบ้างขอโทษด้วยนะฮะ ไข้หวัดใหญ่ทาน ฮือออ

ปล.4 วันอาทิตย์นี้วันเกิดคนเขียนแหละ (อ้าวบอกไม)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2017 22:28:12 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:   HBD ล่วงหน้านะ มีความสุขมากๆ มีคนอ่านนิยายเยอะๆ

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าค่ะ

มาบ่อยๆเน้อออออ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
หนูปั๊ม!
เสร็จตาแก่หื่นไปซะแล้วววววววว!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
« ตอบ #109 เมื่อ: 18-02-2017 00:36:36 »





ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หวายยยยยยยย หนูปั๊มโดนพี่ธีร์กินซะแล้ว
หายหวัดไวๆนะคะไรท์ แล้วก็HBDด้วยนะคะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ในที่สุดดดด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หลายๆอย่างเหลือเกินนะปั๊ม วันเกิด ปีใหม่ เสียตัว ได้แฟน หวังว่าจะหวานกันไปนานๆ

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
เสร็จตาแก่จนได้นะอีหนู........

ออฟไลน์ dellyamin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สุขสันต์วันเกิดนะคะ ชอบเรื่องนี้ แต่ข้อมูลบางจุดดูแปลกๆ ถ้ารีไรท์ข้อมูลส่วนการบินน่าจะดี อย่างตอนปั๊มติดไปเมืองนอกนี่เข้าประเทศได้ไงน้อ แต่ชอบตอนธีร์กับปั๊มอยู่ด้วยกันนะคะ  :o8: :hao3:
เป็นกำลังใจให้ ปรับนิดปรับหน่อยน่าจะดี รออ่านค่า

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
15
ก็อาจจะขี้หึง



https://www.instagram.com/weir19

   “ปั๊ม ฟังเพลงเสียงดังไปแล้ว” อยู่ๆ มือใหญ่ๆ ของกัปตันก็ดึงหูฟังของผมออกไป ตอนนี้เรานอนอาบแดดอยู่ริมชายหาดกันครับ ผมกับคนข้างๆ ใส่กางเกงขาสั้นพร้อมกับเปลือยอกเอนตัวให้แดดเลียอยู่ข้างๆ กัน ผมใส่แว่นดำพร้อมกับฟังเพลง ส่วนคนข้างๆ ก็ใส่แว่นดำเหมือนกัน แต่ในมือถือหนังสือปรัชญาอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เห็นเข้ากันกับเขาสักนิดเลย

   “ไม่มีอะไรทำนี่หว่า” ผมโวย ก็เห็นคนข้างๆ อ่านหนังสือมาครึ่งวันแล้วนะครับ ไม่เห็นสนใจกันบ้างเลย

   “ลงไปเล่นน้ำสิ” เขาพูด ตายังคงมองอยู่ที่หนังสือด้วยซ้ำ

   “พี่ธีร์ก็ไปเล่นด้วยกันดิ” อยู่ดีๆ ก็ติดเรียกคนข้างๆ ว่าพี่เฉยเลยครับ ตั้งแต่…เออ นั่นแหละ

   “เดี๋ยวตามไป” ถึงพูดตาก็ยังมองหนังสืออยู่… ดี สนใจมันเข้าไป

   “เหอะ” ผมพ่นลมออกมาพร้อมกับนอนหนุนแขนตัวเองแบบเซ็งๆ

   ได้ผลครับ คนข้างๆ เอี้ยวตัวมาหาจนได้

   “เป็นอะไร?” กัปตันมองลอดแว่นมา

   “เปล่า”

   “พูดคำนี้ทีไรฉันซวยทุกที” แล้วกัปตันก็วางหนังสือจนได้ “น้อยใจที่ฉันอ่านหนังสือเนี่ยนะ?”

   “ก็อ่านไปเด่ะ”

   “เออ ไม่อ่านแม่งแล้ว” เขาโยนหนังสือทิ้งไปข้างๆ ตัว “มานี่มา”

   แล้วคนข้างๆ ก็สอดแขนเข้ามาใต้หัวให้ผมนอนหนุน กลิ่นแดดและกลิ่นแบบ ‘กัปตัน’ ทำให้สติผมเตลิดไปไหนถึงไหน ดีที่ดึงกลับมาได้ทันตอนที่หันไปเห็นนกที่มาเกาะบนต้นมะพร้าวพอดี โอ้ ขอบคุณนะที่ช่วยกูไว้

   “พรุ่งนี้จะกลับกี่โมง” กัปตันถาม

   “เย็นๆ ได้มั้ย ถึงก็มืดพอดีจะได้เข้าบ้านเลย”

   “ก็แล้วแต่”

   “ตามใจจัง”

   “ก็ให้เป็นหมาไม่ใช่หรือไง ก็ต้องยอมเจ้าของสิ”

   โอ๊ยยยยยยยย อ้วกจะแตก

   “ไหนเลียนแบบสแน็ปแชทซิ” ผมสั่งเขา กัปตันเกร็งๆ อยู่พักหนึ่งแต่ก็ยอมแลบลิ้นออกมาเลียแพลบๆ ตามที่ผมเคยสอน ฮ่าๆๆๆๆ ว่านอนสอนง่ายเชียวนักบินคนนี้

   “ปั๊ม” กัปตันสะกิดเรียกที่หัวไหล่

   “หา!?”

   “นี่ชอบฉันยัง” เขาถามด้วยใบหน้าที่จริงจังสุดๆ จริงจังทะลุแว่นเลยฮะ

   “โอ๊ย ถามอะไรเนี่ย” เมื่อคืนมันไม่ได้บอกอะไรเลยใช่ม้ายยยยยย!!

   “อยากได้ยินจากปาก”

   “ได้ยินจากหูต่างหาก ปากมันฟังเสียงได้ที่ไหนอะ” เขินแล้วก็ตลกไปเรื่อยอะครับ

   “…”

   ใช่ ซึ่งคนข้างๆ ไม่เล่นด้วย

   “โอเคๆ” ผมยอมแพ้ “ชอบ…มั้ง”

   ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ กัปตันเบียดตัวเข้ามาหาอีกประมาณหนึ่งนิ้ว

   “มีมั้งด้วย?”

   “เออ!” คราวนี้ผมกระแทกเสียง “ชอบจนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พอใจยัง!?”

   กัปตันยิ้มแก้มปริกลับมา แหม น่าตบกบาลจริงๆ เลย และสาบานได้ครับว่าเขาเบียดตัวเข้ามาหาอีกแล้ว ท่าท่างไม่ค่อยดี ฮึ่ยยยย

   “ฉันแก่เกินไปมั้ยเนี่ย” เขาบ่น

   “อะไรอีกล่ะ?”

   “เธอเพิ่งยี่สิบ แต่ฉันสามสิบกว่าแล้วนะ” น้ำเสียงนั้นช่างหงอยเหงาอย่างกับเด็กเอาแต่ใจ ใครเอาวิญญาณเด็กห้าขวบมาใส่ไว้หรือเปล่าวะ

   “โอ๊ยคิดมาก” ผมปัดทรายออกจากแก้มกัปตัน “ผมไม่สนเรื่องพวกนี้หรอก”

   “ง่ำ” แล้วอยู่ดีๆ เขาก็คว้านิ้วผมไปกัดซะดื้อๆ

   “โอ๊ยยย เจ็บ!!”

   “หมั่นเขี้ยว”

   “เป็นอะไรนักหนาเนี่ย ชอบกัดไปทั่ว” ผมชี้ไปที่รอยแดงตรงคอให้เขาเห็น ใช่ แผลนี้คนข้างๆ สร้างไว้ให้เลยแหละ!

   “ก็เธอน่ากัด” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “เข้าไปในบ้านได้แล้ว เดี๋ยวดำหมด”

   “ไม่ อยากผิวแทน”

   “ไม่เอา” กัปตันร้องขึ้นมาทันที “อย่าผิวแทนนะ”

   “ทำไมอะ ทีคุณผิวแทนคุณยังดูดีเลย”

   ก็อยากเท่บ้างไม่ได้หรือไงครับ

   “แบบนี้ก็ดูดีในแบบของเธอแล้ว”

   หรอ…รู้เลยนะฮะมีอย่างอื่นแอบแฝง แหม่

   “ลุก”

   “ฮะ!?”

   “ลุกสิ ไปทำอย่างอื่นกัน ฉันจะได้สนใจเธออย่างเต็มที่”

   “ทำอะไร!?”

   “คิดอะไร ฉันร้อน จะชวนไปอาบน้ำ” กัปตันลุกขึ้นไปคว้าเสื้อที่ถอดไว้

   “ไปอาบคนเดียวสิ ใครเขาชวนคนอื่นอาบน้ำกัน”

   “อ้าวเหรอ” กัปตันทำหน้างงแบบกวนตีน “เห็นคนเป็นแฟนกันเขาอาบน้ำด้วยกันนะ”

   “…”

   “ถึงว่าแหละ” เขาคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นตามไป “สงสัยฉันคิดไปเอง”

   เอ๊า อะไรของลุงอีกเล่า โอ๊ยยยย เดาใจยากจริง

   “เดี๋ยว!”

   “หือ?” กัปตันเลิกคิ้วมองเพราะโดนเสียงผมรั้งไว้

   “ผมจองอ่าง คุณใช้ฝักบัวไปแล้วกัน”

   แล้วผมก็วิ่งแซงหน้าคนที่กำลังยิ้มแก้มปริไป


   “กัปตัน”

   “หือ?” คนถูกเรียกหันมาสบตาผมที่นั่งคลุมผ้าอยู่ข้างๆ ในมือเราทั้งคู่มีโกโก้ร้อนคนละแก้ว พวกเรานั่งมองดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ความคิดผมเองนะ โรแมนติกอะเด่ะ

   “ได้ลาพักแบบนี้รู้สึกยังไงมั่งอะ”

   “เบื่อ” เขาสวนทันควัน

   “คุณชอบงานที่คุณทำอยู่เหรอ”

   “ถามแบบนี้ทำไม”

   “ก็ผมเห็นคุณทำงานเป็นนักบินมานาน แถมทำกับสายการบินผมมาตั้งแต่เริ่ม ไม่เบื่อเลยหรือไง”

   “ไม่เคยเบื่อ” กัปตันยิ้มมุมปาก

   “ดีอะ ผมขี้เบื่อง่ายมากเลย” ผมพูดพร้อมกับกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น อะไรจะหนาวแบบนี้วะเนี่ย

   “ถ้าเธอชอบงานที่เธอทำ มันก็จะโอเค”

   “นั่นสินะ” ผมก้มหน้าครุ่นคิด ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นได้

   “กังวลอะไรเหรอ?”

   “เปล่า”

   “เล่ามาเถอะ คุยกันได้ทุกเรื่องนะ” กัปตันวางแก้วลงข้างๆ ตัว และหันมาสนใจผมเต็มที่

   “ผมเบื่อแล้วอะ” ผมเริ่ม “ไม่รู้ทำไมถึงเบื่อ มานั่งทำนั่นนี่แบบไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย”

   “ฉันเข้าใจ”

   “และผมไม่ชอบทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้เลย มันเลยผมกลัวอะ” ผมเงยหน้ามองเขา “ผมกลัวว่าพอมันถึงเวลาผมจะไม่อยากได้มัน”

   “…”

   “ป๊ารู้คงเกลียดผมตายเลย”

   “ไม่หรอก” กัปตันมอบความเป็นมิตรมาให้ “เธอพิสูจน์แล้วว่าเธอทำได้ ทั้งเรื่องโรงอาหาร สวัสดิการพนักงาน ไหนจะเรื่องพวกช่างที่เธอกลับมาทำให้พวกเขาสำคัญอีก ฉันว่านี่แหละสำคัญนะ”

   “…”

   “ฉันไม่เคยเป็นเจ้าของบริษัท ไม่เคยเป็นหัวหน้าใคร แต่ถ้าจะให้พูดอย่างพนักงานคนหนึ่ง ฉันอยากได้หัวหน้าแบบเธอนี่แหละ”

   “แต่คุณจับผมกด …ผมที่เป็นหัวหน้าคุณเชียวนะ?”

   “นั่นทำให้ฉันเหนือทุกคนไปอีกขั้นไง” กัปตันยืดตัวอย่างภูมิใจได้น่าทุเรศมาก ไอ้ห่าเอ๊ย อยากจะขำแต่กลัวเสียมู้ด ฮ่าๆ

   “เออ สบายใจและ”

   “เอาน่า ไม่ต้องกังวล” กัปตันเอื้อมมือมาลูบไหล่ผมเป็นเชิงปลอบ “ถ้าวันนั้นเธอจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้วก็ตาม อย่างน้อยท่านประธานคงจะเห็นแล้วล่ะว่าลูกชายเขาพยายามเต็มที่”

   “ขนลุกเลย เหมือนป๊าอยู่แถวนี้”

   “อย่า…ฉันกลัว” กัปตันส่งสายตาดุ พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง “แล้วอีกอย่าง อย่าทำให้ฉันต้องเสียแรงไปเปล่าๆ สิ”

   “เสียแรง?” ผมมองอย่างไม่เข้าใจ

   “จำวันแรกที่เราเจอกันได้มั้ย”

   ผมนึกถึงวันที่เขาเดินออกมาแหกหน้าผมต่อหน้าคนทั้งบริษัท

   “อ่า…”

   “ฉันอยากปลุกใจเธอ เพราะตอนนั้นเธอดูขี้แพ้เหลือเกิน”

   “เดี๋ยวนะ ครั้งนั้นอะเหรอ?”

   “ใช่สิ”

   “อ้าว ผมก็นึกว่าคุณแหกหน้า”

   “ฉันช่วยเธอต่างหาก”

   “โอ้โหกัปตัน ลึกซึ้งยิ่งกว่าหนังหว่องกาไวอีก” ผมหัวเราะร่า ไม่อยากจะเชื่อเลย

   “ต้องขอบคุณความกล้าของฉันคราวนั้นนะ พอมาเห็นเธอตรงนี้แล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์เรามาไกลเหลือเกิน”

   “คุณวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วก็ยอมรับมาเถอะ”

   “ก็อาจจะใช่” กัปตันเขยิบเข้ามานอนตักผมพร้อมกับมองหน้า “เป็นแผนที่ดีจริงๆ”

   โอ๊ยยย ผมอยากจะข่วนจมูกไอ้คนที่นอนอยู่จริงๆ ทุกครั้งที่กัปตันยิ้มมันคันไม้คันมือไปหมดเลย

   “จะมาทำตัวเหมือนตอนแรกไม่ได้แล้วนะกัปตัน ผมจะไปคือไปเลยนะ ไม่ค่อยแคร์อะไรอยู่แล้ว”

   “ทำอะไร? ที่เธอเคยร้องไห้อะเหรอ”

   “เออ!” ผมตีหน้าผากคนข้างล่างทันที แหม ทำเป็นลืม

   “อืม…. ไม่อะขี้เกียจ” กัปตันทำเป็นหลับตาพริ้ม “กว่าจะได้มาลำบากจะตาย ขี้เกียจ…”

   ผมใช้ช่วงนาทีที่กัปตันหลับตายิ้มออกมาด้วยความดีใจ ยอมรับก็ได้ครับว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบอกรักเลยนอกจากป๊ากับแม่ (ถึงไอ้คนที่กำลังบอกนี้จะทำเป็นเฉไฉก็เหอะ) ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมก็กระหายความเอาใจใส่เหลือเกิน กัปตันมาอย่างเหมาะเวลาพอดี อยากจะขอบคุณเขาจริงๆ

   “ยิ้มอะไร”

   เวร! กัปตันเห็นจนได้ครับ ลืมตามาตอนไหนวะเนี่ย

   “เสียใจมั้ง”

   “อย่าปากแข็ง” กัปตันเอื้อมมือขึ้นมาจับหูผม หยอกล้อมันจนอารมณ์ของผมเริ่มคล้อยตาม “รักกันก็แสดงออกเลย”

   “แสดงออกแบบไหน”

   “แบบ…”

   ผมไม่รอให้เขาพูดต่อ คราวนี้เป็นผมเองที่ก้มลงไปประทับริมฝีปากก่อน ความอบอุ่นพัวพันกันจนผมไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป รู้ตัวอีกทีกัปตันก็อยู่ข้างบนแล้ว เฮ้ยยยยย

   “ไม่ๆๆๆๆ” ผมพยายามดิ้นจนอีกฝ่ายยกตัวออกมามอง

   “หืม?”

   “ไม่เอาข้างนอกแล้ว เจ็บหลังไปหมด”

   “อ้าว งั้นเข้าบ้าน”

   “เฮ้ย ไม่ต้องอุ้มมมมม” ผมร้องเมื่อกัปตันมีทีท่าจะเอาผมพาดไหล่ “เดินไปเองได้”

   “งั้นตามใจ” เขาปล่อยผมลง “ให้เวลาหกสิบวินาที ถ้าไปช้า เจอที่ไหนกดตรงนั้น”

   “ไอ้บ้า!!” ผมด่าเขาไปอย่างนั้นแหละครับ แต่จริงๆ แล้วทำอะไรน่ะเหรอ

   ก็วิ่งสิครับ รอให้มันมาจับกดใต้ต้นมะพร้าวหรือไง ไม่มีทาง!!!



[อ่านต่อด้านล่าง]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2017 20:55:44 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3

[อ่านต่อด้านล่าง]


“ปั๊ม” เสียงทุ้มนั้นเรียกพร้อมกับมีมือใหญ่หนาเขย่าผมที่แขน กัปตันเอี้ยวตัวมาโผล่หน้าให้เห็นตอนที่ผมสะลึมสะลืออยู่พอดี

“อะไร” ไม่อยากเชื่อว่าเสียงตัวเองจะดูป่วยขนาดนี้ ผมขยับตัวใต้ผ้าห่มให้มองคนเรียกได้ถนัดขึ้น

“ตัวร้อนมากเลย”

“อืออออ ไม่เอาแล้วนะ”

“ทะลึ่ง!” กัปตันเม้มปากเพราะความเขินจนเซไปเสี่ยววินาทีหนึ่งแต่ก็กลับมาจริงจังต่อ มือเขายังคงอังไว้ที่หน้าผาก

“อือออ ปวดตัวไปหมดเลย”

“ฉันก็คิดว่าเธออาจจะเป็นไข้” เขาว่า ตลบผ้าห่มมาทับผมอีกชั้นก่อนจะลุกขึ้นโชว์เรือนร่างและเดินไปสวมเสื้อที่โยนทิ้งไว้

“จะไปไหน” ผมถามเมื่อเห็นเขาเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ต่อ

“ไปซื้อยาให้”

หือออออ ผมนี่ถึงกับพยุงตัวขึ้นมองเลยครับ

“ซื้อยา? ไปยังไง?”

“เดี๋ยวไปหาที่ฝั่ง ที่บ้านนี้คงไม่มียาอะไรหรอกใช่มั้ย”

ผมส่ายหัว

“งั้นเดี๋ยวมา”

“เฮ้ยยย อย่าทิ้งไว้ดิ เอาปั๊มไปด้วย” ผมงอแงขึ้นมาเลยครับ ใครมันจะอยากโดนทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวแบบนี้ กลัวเป็นเหมือนกันนะ

“ไม่เอา เดี๋ยวเป็นหนักกว่าเดิม” เขาว่า ทำหน้าดุ

“โอ๊ยยย ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่”

“ไม่เอาน่า จะได้รีบไปรีบกลับ” เขาทำท่าเหมือนจะอ้อนวอน ผมเลยต้องยอมพยักหน้าให้เขาเดินออกไป

ถึงเมื่อกี้จะงอแงแต่เอาเข้าจริงพอกัปตันไปแล้วผมก็หัวล้มลงหมอนต่อเลยครับ ฮืออออ ความรู้สึกเหมือนหัวมันจะตัวระเบิด ตัวร้อน ปวดแขนขาไปหมดเลย อะไรกันวะเนี่ย ไอ้กัปตันมันเป็นตัวนำเชื่อโรคหรือเปล่า ถึงกรุงเทพอย่าลืมเตือนผมให้ไปตรวจเลือดด้วยนะ เอ…แต่ก็เช็คว่าปลอดภัยไว้ก่อนทุกครั้งนี่หว่า (ถึงจะจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งก็เหอะ) พอแล้ว พักยาว ต่อจากนี้จะถือพรหมจรรย์

Rrrrrrrr.

ผมล้วงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ใต้หมอนขึ้นมาดู ตรองนั่นเอง…

“ว่าไง” ผมรับด้วยเสียงที่ไม่โอเคสุดๆ

[ผมรบกวนเวลาส่วนตัวหรือเปล่าครับ]

“ส่วนตัวแบบไหน”

[แบบนั้นอะครับ]

“เลยเวลานั้นมาแล้ว คุยได้” ผมเหนื่อยเกินกว่าจะโวยวายแล้วครับ

[เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ] นั่นงะ ตรองผู้นำเรื่องดีๆ มาให้เสมอ

“เพิ่งปีใหม่ได้สิบกว่าชั่วโมงเองนะ เอาไว้วันอื่นได้มะ”

[ไม่ได้ครับ คุณวินัยนัดประชุมด่วนพรุ่งนี้ เรื่องหุ้นส่วนที่จะขอถอนออกครับ]

“ฮะ!?” ผมนี่เอนตัวขึ้นเลยครับ

เวรแล้วไง…

[ครับ…]

“แล้วอยู่ดีๆ เขาจะมาถอนหุ้นออกไปทำไม?”

[เอ่อ… ที่บอร์ดบริหารจะชี้แจงเรื่องนี้พรุ่งนี้ครับ]

เฮ้อ นี่กูต้องสู้รบตบมือกันตั้งแต่ต้นปีเลยหรือไงนะ

“พรุ่งนี้กี่โมง?”

[ห้าโมงเย็นครับ]

“เดี๋ยวโทรบอกว่าจะให้รถมารับตอนไหน”

[ครับผม]

“แค่นั้น”

พอวางสายผมก็โยนโทรศัพท์ไปไกลๆ ตัวเลยครับ ฮืออออ จะมีเรื่องปวดหัวอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไม่เอาๆ ของอแงอีกหน่อยได้มั้ย ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่นะ

Rrrrrrrrrr.

โอ๊ยยยยย ใครมันจะโทรมานักหนาวะ

อ้าว!? ไม่ใช่เครื่องผมที่สั่นครับ ของใครวะ

ผมล้วงเข้าไปใต้หมอนใบข้างๆ ที่กัปตันใช้นอน เอ๊า เขาไม่ได้เอามือถือไปด้วยเหรอเนี่ย

ขณะที่กำลังหงุดหงิดเรื่องที่ตรองโทรมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเจอชื่อที่โทรเข้ามาทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลยครับ เรื่องนี้คงจะน่าหงุดหงุดกว่าหลายเท่าแน่นอน

ผมหยิบไอโฟนของกัปตันขึ้นมา จ้องมองที่ชื่อคนโทรเข้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัวสุดๆ


‘Mint’




กัปตันธีร์

“อาการเป็นยังไงคะ?” เภสัชสาวถามย้ำอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าขอยาลดไข้ เอ…สงสัยอธิบายไม่ละเอียด

“ก็ปวดตัวกับปวดหัวครับ”

“คุณเป็นเองหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ครับ แฟนผม พอดีเขามาไม่ได้ผมเลยมาซื้อให้” ผมพูดด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ

“ก่อนหน้านี้แฟนคุณทำอะไรมาหรือเปล่าคะ”

“เล่นกีฬาติดกันหลายวันไปหน่อยครับ”

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นคงอ่อนเพลียจนติดไข้” เธอจดอะไรยุกยิกสักพักก็จัดยาใส่ถุงมาให้ “เรียบร้อยค่ะ มีแต่ยาหลังอาหารนะคะ อย่าลืมให้แฟนคุณทานให้ครบนะ”

“แน่นอนครับผม ขอบคุณนะครับ”

หลังจากออกมาจากร้ายขายยาผมก็รีบไปที่ท่าเรือทันที ลุงคนเดิมที่มารับเราตอนขามาเข้ามาจัดแจงช่วยเหลือผมเป็นอย่างดี ผมจัดการขอบคุณแล้วก็รีบขับกลับไปยังเกาะอย่างไม่รีรอ

“ปั๊ม” ผมตะโกนเรียกเมื่อไม่เห็นคนที่เคยอยู่ในห้องนอน ทว่าผมได้ยินเสียงจากฝักบัวในห้องน้ำ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อาบน้ำเหรอ?”

คนข้างในไม่ตอบ แต่เสียงน้ำหายไปแล้ว

ปั๊มเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ใบหน้าที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลยจริงๆ เขาเดินผ่านผมไปอย่างเย็นชา แต่พอเห็นว่าผมถือถุงยาไว้ให้เขาจึงคว้าไปและอ่านสรรพคุณทีละซอง

“เป็นอะไรอีกล่ะ” ผมเห็นท่าไม่ดีเลยนั่งยองๆ เอามือวางไว้บนหัวเข่าของปั๊มซึ่งนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง

“เปล่า”

คำนี้อีกแล้ว มันมีเรื่องทุกทีสิน่า

“มีอะไรก็บอกมา”

“เปล่า แค่หงุดหงิด”

“หงุดหงิดเรื่อง?” ผมถาม

ปั๊มถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ผมลืมไว้มาให้ หน้าจอมันแสดงผลว่ามีสายที่ไม่ได้รับ ที่น่าหนักใจคือชื่อคนที่โทรเข้ามานี่สิ

มิ้น เล่นพี่อีกแล้วนะ

“ได้รับไปหรือยัง” ผมหัวเสียทันทีเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“ยัง” ปั๊มหันหน้าหนี “ไม่อยากรับ”

“ขอเวลาแปบ ห้ามไปไหน เชื่อใจกัน” ผมตบที่เข่าปั๊มเบาๆ ก่อนจะแยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์

[ฮัลโหลพี่] เสียงมิ้นทักทายมาเป็นฝ่ายแรก

“โทรหาพี่มีอะไรเหรอ”

[ผมขอโทษนะพี่ที่โทรมารบกวน มิ้นแค่จะโทรมาสวัสดีปีใหม่]

“โอเคมิ้น เช่นกันนะ”

มีอะไรอีกมั้ย โทรมาให้พี่เสี่ยงตายแท้ๆ…

[พี่ธีร์ มิ้นจะขออยู่ห้องพี่ธีร์ถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะ มิ้นได้คิวย้ายต้นเดือนหน้า ไม่รู้พี่จะโอเคมั้ย…]

“ไม่เป็นไรอยู่ไปเถอะ”

[ขอโทษนะพี่ มิ้นพยายามทุกทางแล้ว ขอบคุณพี่จริงๆ ผมไม่อยากให้พี่ลำบาก พี่กลับมานอนที่ห้องเถอะนะ เดี๋ยวมิ้นจะไปนอนที่โซฟาเอง]

“ไม่ต้องคิดมากน่า พี่ไม่มีปัญหา รับปากกับแม่ไว้แล้วก็ต้องดูแลสิ”

[ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ สวัสดีปีใหม่อีกครั้งด้วยครับ หายไวๆ นะพี่]

“ครับผม ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากนะ” ยังไม่ทันจะพูดประโยคสุดท้ายจบ ผมก็เห็นปั้มทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ตรงประตูห้องนอนซะก่อน เขาสวมเสื้อผ้าจวนจะเสร็จแล้ว แถมการแต่งตัวก็ทำให้ผมประหลาดใจเหลือเกิน

“จะไปไหน”

“กลับบ้าน” ปั๊มเดินหนีทันที

“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ ฟังฉันก่อน” ผมยืนพิงขอบประตูเพื่ออธิบายให้รู้เรื่อง “คือฉันย้ายออกมานอนโรงแรม ตอนนี้คนที่อยู่ห้องมีแค่มิ้น เขาโทรมาบอกว่าจะอยู่ถึงสิ้นเดือน เขาได้คอนโดใหม่แล้ว”

สีหน้าของปั๊มเปลี่ยนไปทันที พอพูดเรื่องมิ้นเขาจะหงุดหงิดเสมอ แต่กลับกัน พอพูดถึงการจำกัดจำเขี่ยของมิ้น ปั๊มก็จะดูอ่อนลงและดูเข้าอกเข้าใจอยากช่วยเหลือ บางทีเด็กคนนี้ก็ซับซ้อนไปหน่อย

“ไหนคุณเคยบอกว่าไล่มิ้นออกไปแล้วไง”

“ฉันไม่อยากให้มันเรื่องใหญ่ ฉันเลยขอออกไปเอง ไม่อยากให้เธอคิดมากด้วย”

“ให้มิ้นอยู่ต่อไปเถอะ”

“อืม ฉันบอกไปแล้ว” ผมถอนหายใจ

“ทีหลังก็บอกให้คุยกันตรงๆ ให้รู้เรื่องสิ” ปั๊มหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดผม

“ก็ไม่อยากให้ลำบากใจจริงๆ”

“งั้นก็จำไว้แล้วกัน อะไรที่คุณไม่บอก ผมลำบากใจเสมอแหละ” ปั๊มยังคงไม่สบอารมณ์ถึงแม้จะหายข้องใจไปบ้างแล้วก็ตาม

“แล้วจะกลับทำไม โกรธกันอีกแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้แล้ว”

“แล้วแต่งตัวทำไม” ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปช่วยเช็ดหัว

“มีเรื่องนิดหน่อย ผมต้องกลับแล้วล่ะ” ผมมือชะงักแล้วมองหน้าเขา ซึ่งสายตาที่ส่งมามันช่างกังวลเหลือเกิน

งั้นผมจะไม่ถามต่อแล้วล่ะ…

“โอเค งั้นกลับกันเลย”

“กัปตัน”

“ครับ?” ผมหันกลับมาขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ผมไม่ชอบเลย อารมณ์แบบนี้อีกแล้ว” ปั๊มทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ทำหน้าตาเหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจ “ถ้าเมื่อกี้เรียกว่าหึง อย่าทำให้ผมเป็นแบบนั้นอีกได้มั้ย”

“…”

“มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ใช้ไม่ได้เลย”

ผมแอบยิ้มให้กับใบหน้าที่กำลังสับสนนั้น พอเขาหันมามองหน้า ผมจึงพยักหน้าให้กับเขา

“แน่นอน” ผมตอบก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

อืม… แน่นอน ผมหวังว่านะ

แหม ทำกับว่าตอนนี้มีอะไรสำคัญกับผมมากกว่าปั๊มอย่างนั้นแหละ

อ๋อ ขาที่เจ็บอยู่นี่ไง เฮ้อ เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน.


จบตอน



 :katai1: :katai1: :katai1:
จบ part หวานเย็นลงเสียแต่บทนี้ อะวะ ฮ่าๆๆๆๆ

ล้อเล่นฮะ หวานเย็นๆ เรื่อยๆ อะแหละ อย่าทิ้งกันไปซะก่อนน้า

อยากเห็นกัปตันกอดปั๊มไปนานๆ ฮือออ

คิดถึงทุกคนจังเลย เห็นคนเม้นท์ให้เยอะมากเลยขอบคุณนะฮะ
เพิ่งหายจากไข้หวัดใหญ่มา ทรมานมากๆ เลยเฮ้อ
จะนำทุกคำติชมไปปรับใช้นะครับ ขอบคุณจริงๆ ทำให้รู้ว่ามีคนอ่านแบบจริงๆ เลยอะ ผมนี่ซึ้งเลย

พูดคุยกันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon น้า ไว้เจอกันฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2017 22:51:16 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวานกันไม่เท่าไรจะเข้าโหมดเคลียดแล้วเหรอ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ตอนแรกก็กำลังหวานดี ดันปิดท้ายด้วยตึงเครียดซะงั้น
แต่ก็ดี ถึงเวลาที่ต้องไปสะสางเรื่องต่างๆ
เพราะเรื่องที่บริษัทก็ดูยังไม่สงบเลย
เฮ้ออออออออ เหนื่อย

อีมิ้นนี่ก็อีก โฮมเลสหรอ!?
ถ้านอนโซฟาได้ ก็ต้องนอนข้างถนนได้ ไป๊!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด