[ต่อ]“เอ่อ…มีอะไรเหรอ” ผมตัดสินใจคุยกับเขา
“งานที่กำลังทำมันต้องเสร็จเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรือไง” กัปตันเดินเข้ามาหา เล่นเอาผมถอยกรูดแทบไม่ทัน
“คุณเป็นอะไรเนี่ย”
เออ! ไม่คิดจะทักทายกันด้วยซ้ำ!
“ฉันไม่เป็นหรอก แต่มิ้นเป็น” เขาพูดพร้อมกับถอยออกไปทำให้ผมเห็นคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านหลังหลัง
มิ้นตาโหลและขอบตาคล้ำขึ้นจนผมตกใจ ยังไม่นับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและท่าทางที่อิดโรยเหมือนคนกำลังไม่สบาย บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มต่างๆ ที่กระจัดการจายไม่เป็นที่เป็นทาง มิ้นไม่กล้าสบตาผม ทั้งๆ ที่มือกำลังเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างไม่ว่างมือ
เชี่ย อย่าบอกนะว่าอยู่ทำงานทั้งคืน
“ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อเช้ามืด ตั้งใจจะโทรบอกมิ้นให้ลงมาเปิดประตูเพราะลืมกุญแจไว้ในห้อง แต่มิ้นบอกว่าไม่ได้อยู่ที่คอนโด” กัปตันเริ่มพูด
“อือ ผมสั่งงานมิ้นไว้เอง”
“ใช่ บอกว่าขอเสร็จพรุ่งนี้ใช่มั้ยล่ะ”
“คุณมีปัญหาอะไรหรือกัปตัน ผมใช้งานแฟนคุณไม่ได้เลยหรือยังไง” ผมสู้พร้อมกับเดินเข้าไปประจันหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“แต่ตัวเองหนีไปเที่ยวจนเมาค้างแบบนี้น่ะเหรอ”
“แล้วมันจะมีลูกน้องไว้ทำไมไม่ทราบ”
“อย่ามากวนฉันนะ”
“ผมไม่ได้กวนตีนคุณเลย” ผมกอดอกบ้าง “เป็นห่วงกันขนาดนี้ทำไมไม่ช่วยแฟนทำล่ะ”
“อย่ามาไร้สาระ และเลิกพูดคำหยาบด้วย!”
“เสือกเหี้ยไรด้วยล่ะ” ผมยิ้มอย่างกวนตีน
“อย่ายั่วฉัน” กัปตันเดินเข้ามาใกล้จนเราเกือบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว “เห็นมั้ยว่ามิ้นกำลังไม่สบาย”
“กับผมคุณเคยเป็นห่วงขนาดนี้มั้ยเนี่ย…” ผมกระซิบ
“ว่าไงนะ” แววตาเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ช่างเถอะ ผมขี้เกียจใส่ใจ
“จริงคุณก็คงเคยเป็นห่วงผมเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ขนาดนี้เลยจริงๆ”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ย”
“ผมก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน เพราะคุณคงไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไงอยู่แล้ว”
“…”
“ถึงผมไม่ได้ป่วยกายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสบายดีนะ” เสียงผมสั่นพร่า บ้าเอ๊ย! “แต่ถ้าจะพูดเรื่องนี้ต่อ ผมก็ขอยืนยันว่าผมมีสิทธิ์ใช้ลูกน้องทำอะไรก็ได้”
หมับ!!
จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือผมไว้จนแน่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สะบัดไม่ออกแล้ว
“ปล่อย!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา
“ไม่!” เขาส่งแววตาดุร้ายนั่นให้ผมอย่างไม่ลดละ “จริงๆ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาหาเธออยู่แล้ว แต่ถ้าเธองี่เง่าแบบนี้ฉันก็คงไม่มีเรื่องพูดกับเธออีก”
“ก็ไม่ต้องพูดสิ!” ผมพยายามสะบัดหนีอีกครั้ง “ปล่อย”
“ทำไมเหรอปั๊ม ทำไมมันจะต้องร้ายกับเขาด้วย ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร”
“คุณมันคนตอแหล! ที่คุณทำน่ะมันตรงข้ามกับที่บอกหมดเลยรู้ตัวหรือเปล่า!!”
“อย่าพูดกับฉันแบบนี้นะ ฉันมีเหตุผล”
“เหตุผล!? เฮอะ! ก็แค่พวกเห็นแก่ตัวอีกคนนั่นแหละ ในใจจะเอากี่คนละครับกัปตัน ต้องได้กี่คนถึงจะพอใจ!”
“ปั๊ม!!”
พลั่ก!
ผมต่อยไปที่แขนของกัปตันอย่างแรงจนเซ เขามองผมด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อตัวเอง
พลั่ก!!
“อย่าทำแบบนี้ปั๊ม”
“ปล่อย!!”
พลั่ก!!
ผมต่อยเขาอีกรอบ ตอนนี้เราทั้งคู่ยื้อกันไปมา กลายเป็นว่ากัปตันต้องใช้มืออีกข้างเพื่อป้องกันแรงหมัดของผม
แต่ทว่า…
“โอ๊ย!” ผมเซตามแรงเหวี่ยงของกำปั้นจนล้มลงกับพื้น ไม่รู้ว่ากัปตันทำผมหลุดมือหรือตั้งใจปล่อยกันแน่ ความเจ็บปวดไล่มาตั้งแต่สะโพกจนถึงต้นขา สีหน้ากัปตันดูตกใจไม่แพ้กัน
“ปั๊ม…” เขายื่นมือเข้ามาช่วย
“ออกไป!!” ผมตะโกนลั่นจนกัปตันสะดุ้ง
“ฉันขอโทษ”
“อย่ามายุ่งกับกู!!” ไอ้ห่าเอ๊ย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะน่าสมเพศได้ขนาดนี้
“ปั๊ม…”
“เออ! กูผิดเอง!! พอใจมั้ย” ผมมองหน้าเขาอย่างเดือดดาล
“ลุกขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องได้มั้ย”
“บอกว่าอย่ายุ่งไง!” ผมสะบัดตัวหนีเมื่อเห็นว่ากัปตันยื่นมือมาให้อีกรอบ
“คุณปั๊มครับ” คราวนี้เป็นตรองที่เดินเข้ามาช่วยพยุง สีหน้าเหมือนจะร้องไห้และก็ดูไม่พอใจเมื่อมองกัปตัน
“พากูออกไปจากที่นี่ที” ผมพูดอย่างขอร้อง
“ได้ครับ ค่อยๆ ลุกนะครับ” เราสองคนทุลักทุเลกว่าจะยืนขึ้นได้
“ปั๊ม…” เสียงกัปตันธีร์ยังคงไล่หลังมา
“ขอโทษที่คิดไปเอง” ผมบอกเขาขณะที่กำลังก้มหน้าต่ำเพื่อควบคุมแววตาของตัวเองไม่ให้รู้สึกจุกจนน้ำตาไหลออกมามากกว่านี้
“…”
“ผมมันคนอ่อนไหวอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ขอโทษด้วยนะมิ้น”
“…”
“คนอ่อนแอมันก็คือคนขี้แพ้อยู่แล้วนี่นะ” ผมทิ้งท้ายก่อนจะส่งสัญญาณให้ตรองพาออกไป
หึ ช่างหัวแม่ง ผมแพ้แล้วครับ แพ้แม้กระทั่งไม่ได้เริ่มเล่นอะไรด้วยซ้ำ
“ปั๊ม!!! ตื่น! ถึงบ้านแล้ว” ไอ้ไวน์พูดพร้อมกับใช้มือตบแก้มผม ไอ้ห่าเอ๊ย เจ็บนะโว้ย
“คุณปั๊มครับ ลุกไหวหรือเปล่า” ตรองก็ช่วยดึงสติอีกแรงนึง มีเพื่อนดีจริงๆ เลยกู
หลังจากที่เกิดเรื่องไม่น่าจำที่ออฟฟิศผมก็ไม่เข้าไปอีก จัดการโทรหาไวน์ให้มารับไปแดกเหล้าต่อตั้งแต่ยังไม่เที่ยง และแน่นอน ตรองที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็ต้องไปไหนไปกัน กลายเป็นว่าเราเป็นหัวหน้าลูกน้องที่พากันหนีงานอย่างนิสัยไม่ดีมากๆ เอ่อ…แต่จำได้ว่าทุกคนก็เมาไม่ใช่หรอวะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นกูคนเดียวที่สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ฮือ
“แดกแม่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก แถวเมื่อวานก็เมาค้าง ไม่ตายห่าก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย” ไอ้ไวน์บ่นอุบ
“ฮือออ มึงจะเกลียดกูอีกคนเหรอไวน์” ผมบ่นงึมงำ โอ๊ย รู้สึกสมองจะไหล
“จะไม่ให้พวกกูเข้าไปส่งในบ้านจริงๆ เหรอวะ”
“เอออออ เดี๋ยวลุงเอกแม่งด่ากูตายยยยย มีหวังนะ แม่งตีกูเหมือนตอนเด็กๆ อีกกูว่า”
“เออๆ เรื่องของมึง ลงไปจากรถกูได้แล้ว” ไอ้ไวน์ไล่ แหม่ ไม่คิดจะลงจากฝั่งคนขับมาส่งกูหน่อยเหรอวะ
“ค่อยๆ นะครับคุณปั๊ม” มีแต่ตรองที่เปิดประตูเดินตามผมลงมา
“เอออออ ส่งตรงงงงงงนี้แหละ กลับไปได้แล้ว… ไอ้ไวน์ไปส่งเลขากูด้วย!”
“เออ จะโวยวายทำเหี้ยอะไรเนี่ย เข้าบ้านไปได้แล้ว”
“เดินเข้าไปเองได้ใช่มั้ยครับ” ตรองถามเพื่อความแน่ใจ
ผมยกนิ้วทำสัญลักษณ์โอเคเป็นการตอบแทน ถ้าพูดมากกว่านี้มีหวังอ้วกครับ
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“กูเมาเป็นนนนนหมาขนาดดดดนี้มึงงงยังให้กูไปทำงานนนอีกหรออออ”
“เอ่อ งั้นพักผ่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องงานเอง”
“ฮือออ มึงนี่ดีจริงๆ เลยไอ้ห่า มาให้กูกอดทีนึง”
“เอ่อ… ผมว่าผมรีบกลับดีกว่านะครับ เจอกันครับ” ไอ้ตรองหันตัวหนีพร้อมกับกระโดดขึ้นรถอย่างไม่ใยดี เออดีจริงๆ เพื่อนพ้องลูกน้องกูแต่ละคน
ผมยืนตั้งสติที่หน้าประตูรั้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาหาคีย์การ์ด แต่ให้ตาย แม่งไม่เจอเลย ไม่รู้ว่ามันหายหรือมืออ่อนเปลี้ยจนควานหาไม่เจอ ฮืออออ นี่ขนาดกุญแจบ้านยังจะหนีกูอีกคนเลยเหรอวะ ชีวิตบัดซบครบสูตรโดยแท้
“ปั๊ม”
“เชี่ยยยยย!!!” ผมร้องลั่นเมื่อใครก็ไม่รู้มาโผล่ข้างหลังผม แต่เมื่อหันไปพบว่าเป็นใครผมถึงกับอยากจะอ้วกจนสลบให้ตายคาตีนตัวเองซะทันที ไอ้ห่าเอ๊ย จะมาให้กูเจอหน้าอีกทำไมเนี่ย
ใช่ครับ กัปตันธีร์…
กัปตันที่ไม่ได้อยู่ในยูนิฟอร์มอีกต่อไป และที่สำคัญดูไม่บ้าคลั่งเหมือนเป็นคนละคนกับที่ผมเจอวันนี้
“นี่คุณเป็นผีใช่มั้ยยยยยฮ้า!?” ผมชี้นิ้วใส่เขา
“ทำไมต้องเมาขนาดนี้ด้วย”
“ทำไมอ่ะเหรอ อืมมมมม” ผมกระแดะทำท่าครุ่นคิดกวนตีนเขา “นึกออกแล้ว ก็เพราะคุณไง!!”
พลั่ก!!
ผมผลักอกเขาอย่างแรงจนอีกฝ่ายตัวเซ แต่กูนี่สิอีห่าแทบจะล้ม ดีนะจับประตูรั้วไว้ได้ทัน
“พอใจหรือยัง”
“ยัง!”
พลั่ก!!!
ผมผลักเขาอีกรอบ
พลั่ก!!!
อีกรอบ
พลั่กกกกก!
แล้วก็อีกรอบ
แต่เขาไม่มีทีท่าหงุดหงิดหรือรำคาญใจแต่อย่างใด เขายังคงมองด้วยแววตาแบบเดิม แววตาที่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร
“ฮึ่ยยยยยยยยยย” ผมถึงกับปรี๊ดแตก “ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะที่ต้องมาเสียสติแบบนี้เนี่ย”
“เธอโกรธอะไรฉันเหรอ”
“ฮะ!? กัปตันนี่มึงถามจริงๆ หรือมึงกวนตีน” ผมแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมึงทั้งนั้นแหละ!!”
“ปั๊ม พูดกันดีๆ นะ” กัปตันเดินเข้ามาหาผม เล่นเอาผมถอยหนีแทบไม่ทัน ซึ่งไม่ทันจริงๆ ครับ ผมเอนตัวมากเกินไปจนลื่นและจะล้ม กัปตันใช้มือข้างหนึ่งคว้าเอวผมไว้ได้ทันและรั้งไปแนบชิดกับตัวเอง
“แบบนี้ไง” ผมพูด
“ฮะ!?” กัปตันยังคงสับสน
“คุณเห็นคนอื่นเป็นของเล่นเหรอกัปตัน” ผมพยายามดันหน้าอกเขาออก “ผมมีหัวใจเหมือนกันนะ”
“ปั๊ม…”
“คุณอาจจะไม่คิดอะไร แต่ที่คุณพยายามหยอดพยายามถึงเนื้อถึงตัวพยายามแอ๊วมาทั้งหมดมันโดนผมเต็มๆ เลย” ผมพูดเบาจนเกือบจะเป็นเสียงครางจากลำคอ
“ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นเลยนะ” เขาพูด พยายามเชยคางผมเพื่อให้เงยหน้าขึ้นมอง
“แต่ที่คุณทำมันเป็นแบบนั้น!” ผมสะบัดหน้าหนี “ทำท่าทางเหมือนจะจีบผม แต่ก็ยังมีใครอีกคนให้ดูแล ถ้าไม่จริงจังก็อย่ามาให้ความหวังคนอื่นสิวะ!!”
จากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบ กัปตันไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่กระชับเอวผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แววตาที่มองมาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกแพ้อีกแล้ว ผมแพ้ทางผู้ชายคนนี้จริงๆ
“ฉันขอโทษ” กัปตันเป็นคนเปิดประเด็นอีกครั้ง “แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“…”
ตอนนั้นเองที่ผมกำลังจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกครั้ง…
แต่…
ผมทำมันต่อไปไม่ได้จริงๆ
คนเราไม่ได้มีโอกาสเยอะขนาดนั้น
“คุณชอบผมจริงๆ เหรอ” ผมถามเสียงเรียบ
“จริง”
“ถ้าอย่างนั้น แสดงออกมาให้เห็นสิ”
“…”
“ถ้าคุณจริงจัง ผมก็จะจริงจังกับคุณด้วย”
กัปตันเอนตัวออกเพื่อมองหน้าผม เขาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจอยู่แค่ครู่หนึ่ง มันเหมือนกับว่าการสงสัยสำหรับเขานั้นก็แค่…ทำไม ทำไมมันถึงง่ายขนาดนี้ …ง่ายเหมือนทุกครั้ง!
“เธอ…”
“แต่ผมจะยังไม่จูบคุณหรอกนะ” ผมดึงตัวเองออกจากมือที่กระชับเอวไว้ “ปากเหม็นแน่ๆ พอดีแดกเหล้ามาเยอะ”
กัปตันดูไม่พอใจที่ผมพูดคำหยาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“กลับบ้านได้แล้ว น้องมิ้นเหงาจะแย่อยู่แล้วนะ”
“ฉันอยากอยู่กับเธอ” กัปตันกระซิบเสียงแผ่ว
“ถ้าอย่างนั้นกัปตันต้องเลือกแล้วล่ะ” ผมเอียงคอตั้งใจยั่วคนตรงหน้า
ติ๊ดดดดดด
เสียงลำโพงใกล้ๆ กล้องวงจรปิดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคย
“จะเข้าบ้านเลยหรือเปล่าครับผมจะได้เปิดประตูให้ ดูเหมือนคุณปั๊มจะทำกุญแจบ้านหาย”
มาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ลุงเอกเอ๊ย
“เปิดประตูให้หน่อยยยย” ผมพูดเสียงยานคาง เออ เกือบลืมไปเลยว่าเมา
“แล้วคุณธีร์จะค้างที่นี่มั้ยครับ ผมอนุญาตให้นอนห้องคุณปั๊มวันนึง แต่ผมจะจัดเตียงเสริมให้นะ”
กัปตันกับผมมองหน้ากัน สำหรับผมนั้นเพราะต้องการรู้คำตอบ ส่วนอีกฝ่ายเหมือนกำลังชั่งใจ
“วันนี้ผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณมากครับลุงเอก” เขาพูดตอบอีกฝ่ายไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูรั้วกำลังเลื่อนเปิด
“กลับ?” ผมมองหน้าเขา
“อื่อ เดี๋ยวไปนอนโรงแรมเอา”
“…”
“พรุ่งนี้มีบินเช้าด้วยแหละ”
“อ้อ กลับดีๆ นะครับ” ผมโบกมือ ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านแต่เขาดันคว้าข้อมือผมไปได้ซะก่อน
“อะไรเหรอ” ผมเลิกคิ้ว
“ฉันทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอนะ” กัปตันจ้องหน้าผม ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยประกายความแน่วแน่ “เธออยากให้ฉันทำไรอะไรฉันก็จะทำ เธออยากได้อะไรมากแค่ไหนฉันก็พร้อมจะให้ รวมทั้งนี่…”
กัปตันคว้ามือผมไปทาบบนหน้าอกของเขา ฝ่ามือนั้นสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจซึ่งกำลังทำหน้าสูบฉีดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงทุกอย่างในร่างกาย แต่มันเร็ว…และถี่กว่าปกติ เหมือนเขากำลังบอกว่า มันเป็นเพราะเธอ
“ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้ไว้ว่าฉันจริงจัง” กัปตันคลี่ยิ้มที่นานๆ ทีจะเห็นสักครั้ง
“…”
“จริงจังมานานแล้ว”
จากนั้นเขาก็ปล่อยมือผมและเดินออกไปขึ้นรถโดยไม่ลืมหันกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย
ผมแสร้งยิ้ม จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้ามาในบ้าน สมองก็พลันคิดอะไรไปต่างๆ นานา
ท่าทีที่แปลกไปหลังจากพูดคำว่า ‘จริงจัง’ แบบนั้นคืออะไรนะ...
แต่ช่างเถอะ มันสายไปแล้วจริงๆ ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องมาบ้าแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ผมจะไม่มอบโอกาสให้เขาอีกหนแน่ ความไว้ใจของผมไม่เหลืออีกแล้ว มันถึงเวลาแล้ว
หรือบางที นี่คงถึงเวลาเล่นเกมจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ
จบตอน

มาบูฮายยย เล้าเป็ดครับ
แหมมมม นี่มันกระแสน้องน้ำตาลนี่นา 5555
เสียใจทำไมมีคนเกลียดคุณธีร์ เค้าอาจจะแสดงออกไม่เก่งนา
แต่ก็รู้สึกดีใจมาก ที่ทุกคนอินแล้วรู้สึกว่านี่แหละที่นักเขียนเคยเป็นฮะ 555555
โดยตอนนี้เดินทางมาเกือบครึ่งทางแล้ว (หรือเปล่าวะ /กลอกตาคิด)
และน้องปั๊มจะกลับมาแซ่บแน่นอนฮะ แหม่ เด็กมีปัญหาก็ต้องมีไขว้เขวเหมือนกันฮะ
ไม่มีคนเกลียดมิ้นหรอ นี่เกลียดมิ้นมาก เกลียดอีกคนนี่ก็ไวน์เลยนะ
ไวน์เป็นคนเสี้ยมให้ปั๊มเป็นคนแบบนี้นะ แต่พอโตมานี่งงมาไปเรียนต่อหรือไปบวช
แล้วเจอกันตอนหน้าฮะ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
แวะมาทักทายกันที่
https://www.facebook.com/thene0classic/ เหมือนเดิมฮะ
#firemetothemoon