Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)  (อ่าน 108500 ครั้ง)

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้ากัปตันเข้าหาปั๊มแบบจงใจ สงสัยงานนี้ได้มีคนแก่ถูกทิ้งแน่ๆ  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อะไรยังไง

เรื่องซับซ้อนกว่าที่คิดไว้เยอะ

กัปตันเป็นคนของใคร

หวังว่าที่เข้าหานายเอก

เพราะมีคนสั่งหรอกนะ

ปล..อ่านทันแล้วจ้า

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ..


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ตอนนี้คือเดาไปเรื่อย เดาเก่ง เดาไปไกลมาก ยิ่งกว่าโคนัน ยิ่งกว่านักสืบติว
โอ๊ยยยยยยย ไม่นะกัปตัน อย่าร้าย อย่างอยู่เบื้องหลังอะไรเลย สงสารอีปั๊ม
ฮืออออออออออออ

 :impress2:

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มีลับลมคมในกันจริงๆค่าเรื่องนี้
รอรอรอ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
19
เดินเล่นครั้งสุดท้าย


“ลุงเอก เมื่อวานกัปตันมานอนนี่หรือเปล่า”

   ยังไม่ทันได้คำตอบจากลุงเอกที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลงมาจากบันได กัปตันธีร์ใส่แค่กางเกงนอนจ้องผมพร้อมกับยิ้มมุมปาก ในมือถือเสื้อยืดติดมาด้วย

   “ทำไมครับ คิดถึงเหรอ” กัปตันว่า ก่อนจะใส่เสื้อยืดทบท่อนบนตัวเอง

   ใส่ทำไมวะ ยังมองไม่จุใจเลย

   “เปล่าหรอก” ผมสะบัดหน้าหนี “นึกว่าตายแล้ว”

   “มือถือฉันแบตหมด เพิ่งได้ชาร์จเมื่อคืนนี้เอง”

   “แล้วไม่คิดจะติดต่อมาเลยหรือไง”

   “งอนอีกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันตอนอารมณ์ดีนะ” เขาเดินเมินผมไปหาลุงเอก “สวัสดีครับลุงเอก”

   “สวัสดีครับคุณธีร์ ข้าวต้มหรือกาแฟดีครับ” ลุงเอกถามคนตรงหน้า

   “กาแฟพอครับ เดี๋ยวผมจะออกไปวิ่ง”

   “ได้ครับ คุณปั๊มล่ะครับ”

   “เหล้า”

   “อะไรนะครับ” ลุงเอกนิ่วหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

   “ขอเหล้าแรงๆ เอาแบบล้มจนหลับต่อได้เลย” ผมพูดขณะนั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้ามกับกัปตัน

   “จะดีเหรอครับ”

   ผมไม่ตอบ เหมือนลุงเอกก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาซักไซ้

   “งั้นรอสักครู่ครับ น่าจะมีไวน์ดีๆ เหลืออยู่สักหน่อย” แล้วพ่อบ้านก็เดินหายไปในห้องครัว

   “สรุปเมื่อคืนไปไหน”

   “…”

   “กัปตันนี่ผมถามอยู่นะ”

   “หายงอนยัง บอกแล้วว่าให้หายก่อนจะคุยด้วย” กัปตันกอดอกพร้อมกับเอนตัวติดเก้าอี้

   “เออหายแล้ว”

   “ไม่เชื่อ”

   เหรอ ต้องให้ใช้ไม้ตายสินะ

   ผมลุกขึ้นอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะ โผกอดล็อกคอกัปตันพร้อมกับส่งเสียงอ้อนอู้ดอี๊ดเป็นลูกหมูเพิ่งเกิด

   “หายแล้ว น้า บอกปั๊มหน่อย” พร้อมกับมองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นพ่อบ้านมาก็จุ๊บขมับเขาไปทีนึง

   “หึๆ” กัปตันแกะมือผมออกพร้อมกับดึงผมให้นั่งบนหน้าแข้งของเขา “ก็บอกแล้วว่าแบตหมด กลับมาก็เห็นเธอนอนไปแล้ว”

   “แล้วทำไมไม่เข้ามานอนด้วยกันล่ะ”

   “โอ้โห ทะลึ่งจัง”

   “ไม่ใช่เว้ยยย หมายถึงไม่เข้ามานอนแบบนอนหลับอะ”

   “ไม่อยากรบกวน ทำไม กอดหมอนข้างมันไม่อุ่นล่ะสิ”

   “ใช่เลย อยากมีอะไรอุ่นกว่านั้นให้กอด” หึ เอาสิ เล่นมาเล่นกลับ

   “ฉันว่าเธอลุกดีกว่า เดี๋ยวมันจะเลยเถิดแล้วมันจะจบไม่สวย”

   “จบไม่สวยยังไง”

   “หรือเธออยากลองบนโต๊ะกินข้าว?”

   ฮ่ออออยยยยยยย มันใช่เวลามาทำสายตาแบบนี้มั้ยกัปตันเอ้ย

   “กาแฟมาแล้วครับ” เสียงลุงเอกทำให้เราผละออกจากกัน ผมเห็นกัปตันหนีบขาตัวเองแน่นเชียว

   “ส่วนนี่ของคุณปั๊มนะครับ ผมรู้ว่าคุณปั๊มไม่ได้อยากกินเหล้าจริงๆ หรอก” แล้วก็มีข้าวต้มควันกรุ่นวางมาตรงหน้า

   ผมมองพ่อบ้านตัวเองแบบแหมรู้ดีจังนะครับ ก่อนที่เขาจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องครัวอีกที

   “ปั๊ม” กัปตันเรียกหลังจากที่วางแก้วลง “ถ้ามีอะไรบอกจะโกรธมั้ย”

   “เห็นผมเป็นงั้นหรอ”

   กัปตันกลอกตาเหมือนครุ่นคิด “อือ”

   แหมะ ไม่มีอิดออดเลย

   “มีอะไรก็ว่ามา”

   “จะขอไปอยู่ข้างนอกนะ”

   เพล้ง!

   เหมือนได้ยินเสียงแตกหักจากกระจกที่มองไม่เห็น

   “ไปอยู่ที่อื่น?”

   “ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า “ไม่อยากรบกวนแล้ว”

   “ไม่มีอะไรรบกวนเลย ผมเต็มใจ

   แงงงงงงง รู้สึกว่ากำลังจะงอแงเป็นเด็กๆ

   “ฉันรู้ แต่มันน่าจะเหมาะกว่าจริงๆ”

   “คุณไม่ได้กลับไปหามิ้นใช่มั้ย?”

   “อะไรนะ…บ้า! ไม่ได้คิดเลย”

   “หรือว่าคุณกำลังจะบอกเลิกผม”

   “เลิกก็โง่แล้ว แฟนน่ารักแบบนี้”

   อ่า…

   ก็ยอมรับว่าเขินนิดหน่อย

   “นี่ปั๊มฟังนะ ฉันไม่ได้จะไปหาใคร ไม่ได้คิดจะเลิกด้วย แต่ว่าฉันมาคิดดูแล้วมารบกวนเธอ มารบกวนลุงเอกแบบนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราเจอกันนานๆ ทีแบบแต่ก่อนก็ไม่แย่ไม่ใช่เหรอ”

   “คนเป็นแฟนกันเขาไม่ได้ต้องเจอกันทุกวันหรือไง”

   “นั่นมันสัตว์เลี้ยงที่เจอกันทุกวัน เธอเห็นฉันเป็นหมาหรอ”

   “ไม่ใช่ ผมหมายถึง ทีพ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันเลย”

   “ปั๊ม…” กัปตันคว้ามือผมไปจับแล้วแนบไว้ข้างปาก “นั่นมันคือชีวิตหลังแต่งงาน ชีวิตแบบสามีภรรยา เรายังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นสักหน่อย”

   “งั้นให้ผมขอคุณแต่งงานมั้ย”

   “ปั๊ม” กัปตันส่งสายตาดุมาให้ “อย่าตลก”

   “จริงๆ นะ มีทางไหนมั้ยอะ”

   “ที่จะให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาอะเหรอ”

   “อื่อ”

   “มานี่มา งอแงอีกแล้วสินะ” กัปตันตบหน้าตักตัวเองเบาๆ เหมือนอยากให้ผมเข้าไปนั่ง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย พร้อมกับซุกไหล่เขาอย่างกับเด็กๆ แหนะ

   “คบกับผู้ใหญ่มันก็เข้าใจยากแบบนี้แหละ”

   “ก็ผมมันเป็นเด็กขี้อ้อนนี่นา”

   “เธอยังอ้อนฉันได้เสมอนะ”

   “รักนะรู้เปล่า”

   “ไม่รู้ก็ซื้อบื้อแล้วล่ะ” แล้วกัปตันก็หอมกะบาลผมเบาๆ


“คุณปั๊มครับ เอาของมาครบนะ” ตรองเดินเข้ามารับกระเป๋าที่ลุงเอกยกออกมาเป็นใบสุดท้าย

   “ครบมั้ง ไม่ครบก็ช่างมัน สาระแนนัก”

   “เอ่อ…ครับ”

   “มีอะไรเหรอ” ผมเพ่งตามองเลขา ที่กำลังมอบสายตาแปลกๆ มาให้

   “ดีใจครับ”

   “อะไรของแก”

   “เหมือนได้คุณปั๊มคนเดิมกลับมา”

   “คนเดิม?”

   “คุณปั๊มแบบออริจินัล เหวี่ยงๆ แบบแต่ก่อน”


   “ประสาทแดก… จัดการให้เรียบร้อยนะ ขอไปเช็คอินก่อน”

   “เที่ยวให้สนุกนะครับคุณปั๊ม” ลุงเอกเดินเข้ามาหา

   “เที่ยวอะไรกัน เขาบอกว่ามาสัมมนา จะดูสิว่าสัมมนาจริงหรือเปล่า” แล้วผมก็ใส่แว่นเดินหนีออกมาจากรถ

   “สวัสดีครับคุณปั๊ม” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงไล่หลังมา ผมหันกลับไปมองก็ผมว่าเจ้าของเสียงคือ…   

   มิ้น

   “อืม”

   เย็นชาไปมั้ยวะ เขาจะจับผิดได้มั้ยวะว่ากูไม่ชอบเขา คงไม่หรอกมั้ง…

   ไม่รู้ก็เหี้ยแล้ว

   “เดินไปที่อื่นได้มั้ย เห็นแล้วมันหงุดหงิด” ผมขมวดคิ้วใต้แว่นกันแดด

   “เอ่อครับ”

   “เออ แล้วก็เที่ยวให้สนุกนะ”

   “เช่นกันครับคุณปั๊ม”

   “อืม ถ้าอยากให้ฉันเที่ยวสนุก ก็อยู่ให้ห่างๆ แล้วกัน”

   โอ้โห เย็นชา Rank 10 ภูมิใจตัวเองจัง

   หลังจากที่จัดการเรื่องส่วนตัวเรียบร้อย ผมก็เข้าไปนั่งในเล้าจ์ผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่มีคณะผู้บริหารเต็มไปหมด ตรองคงตามเข้ามาไม่ได้เพราะเลขาคงต้องไปนั่งชั้นประหยัดรวมกับพนักงานคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นมันจึงทำให้ผมรู้สึกตัวคนเดียว เลยย้ายมานั่งมุมห้องแบบนี้ดีกว่า

   ผมไม่ได้เจอกับกัปตันมาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่เราก็โทรคุยกันนะ มีโมเม้นอีโรติกนิดหน่อยเวลาเฟซไทม์กัน แต่ผมอยากเจอเขามากกว่า บางทีไปกินข้าวกันแล้วเขาไม่ได้กลับบ้านด้วยนี่มันก็หวิว ป๊ากับม๊ารู้ว่าติดผู้ชายแบบนี้โดนตีตายแน่เลย

   “ไง” เสียงคุ้นๆ ทักทายทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง อ้าว! ไอ้เพชรนั่นเอง ตั้งแต่มันออกจากโรงพยาบาลก็ไม่เจอมันเลย

   “หายแล้วเหรอมึง” ผมถาม

   “ก็ดีแล้ว ปั๊มเป็นห่วงเราล่ะสิ”

   “เป็นห่วงก็ดีแล้ว จะให้แช่งหรือไง”

   “ฮ่าๆ โอเคๆ” เพชรยกมือยอมแพ้ “เป็นไงบ้าง”

   “กูอะเหรอ?” ผมชี้นิ้วที่ตัวเอง “ก็ดี เหมือนคนอกหักเลย มึงเคยอกหักมั้ย”

   “เคยดิ ไม่เคยก็บ้าแล้ว”

   “คนหล่ออย่างมึงยังอกหักเลยเหรอ มึงคบระดับเจนนิเฟอร์ ลอเรนซ์หรือไง”

   “ฮ่าๆ ก็ไม่ใช่ เรามันเรื่องเยอะนิดหน่อยเวลาอยู่กับผู้หญิง” เพชรนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง “ทำไม ไอ้กัปตันทำทำเฮิร์ทเหรอ”

   “บ้า ไม่ใช่หรอก”

   “แล้วเป็นอะไร”

   “เวลามีคนบอกว่าขอเวลาหน่อย มึงรู้สึกยังไง”

   ไอ้เพชรทำหน้าคิด “อืม ไม่รู้สิ เป็นเราคงคิดว่าตัวเองกำลังโดนบอกเลิก”

   โอ้โห ขนลุกวาบบบบ

   “ทำไม กัปตันมันบอกขอเวลาเหรอ”

   “ไม่ได้พูดตรงๆ หรอก แต่ก็จับใจความได้ประมาณนั้นแหละ”

   เอ๊ะ แล้วมันใช่เรื่องที่จะคุยเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับไอ้เพชรเหรอวะ

   “แล้วมึงเหอะ หายดีแล้วเหรอถึงมาได้”

   “เรื่องเที่ยวเราแข็งแรงอยู่แล้ว”

   “เที่ยวที่ไหน สัมมนาต่างหาก” ผมหลุดขำ

   “ยังมีคนโง่คิดว่าสัมมนาคือทำงานอีกเหรอ” เพชรทำสีหน้าเหยเก

   “หึๆ” ผมหัวเราะกับมันแล้วก็เริ่มคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ บางทีการเป็นเพื่อนกับไอ้เพชรนี่มันก็ดีนะ แต่มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรแหลมๆ รออยู่ข้างหลัง และมันไม่ใช่มีดด้วย ลองมองที่กางเกงมันสิ


“ปั๊มโอเคมั้ยลูกดูเหนื่อยๆ” ลุงวินัยเดินเข้ามาทักหลังจากที่รถบัสมาส่งเราที่โรงแรม

   “โอเคครับ รู้สึกคลื่นไส้เหมือนเมารถนิดหน่อย”

   “ให้เราไปหายาให้มั้ย” ไอ้เพชรเสนอตัวเข้ามาช่วย ผมเลยโบกมือปัด

   “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวจะไปนอนสักหน่อย”

   “ลุงก็ว่าปั๊มรีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ตามกำหนดการกว่าจะเจอกันอีกทีตอนเย็นเลย”

   “ขอบคุณครับลุง” ผมโบกมือลาทุกคนก่อนจะเดินหันหลังพร้อมกับมองหน้าเลขา แต่ดูเหมือนว่านอกจากตรองแล้วผมยังเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคน…

   “ไงมึง” เสียงนั้นทักทาย ด้วยความที่มันใส่แว่นดำพร้อมกับแต่งตัวอย่างกับทัวร์จีนผมเลยไม่รู้ว่าใครในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินเสียงแล้ว

   “ไอ้ไวน์!” เชี่ยยยยย มันมาได้ไงเนี้ย

   “ชู่ว ตกใจเหี้ยไร” มันลากผมออกมาจากกลุ่มนั้น

   “มึงมาได้ไงวะ”

   “เอ้า ก็กูอยากเที่ยวบ้างนี่หว่า” มันจัดเสื้อฮาวายของตัวเองให้เข้าที่

   “แล้วมึงพักที่นี่เหรอ?”

   “ว่าจะ”

   “เออดีๆ มึงมานอนกับกู”

   “โน กูจะนอนกับตรอง”

   ผ่าง!! เสียงในใจดังสนั่น

   “มึงว่าไงนะ” ผมหรี่ตามองไอ้เพื่อนรักที่ใช้แขนพาดบ่าเลขาผมอยู่

   “เออไง… กูนอนกับมึงเดี๋ยวมีคนเห็นกูโดนตายเลย”

   “แล้วนอนกับเลขากูนี่มึงคิดมาแล้วว่างั้น?”

   “คุณปั๊มช่วยผมด้วยนะครับ ผมไล่ให้ไปนอนที่อื่นไม่ก็เปิดห้องใหม่ก็ไม่ยอม” ตรองขอความช่วยเหลือ

   “เอ๊า ไหนตรองบอกว่าให้เราตอนได้ไง”


   “บะ…บอกตอนไหน”

   “ก็ตอน…”

   ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเงียบไปชั่วขณะ… เชี่ยเอ๊ย ยังกะดูหนังวาย

   “เออ จะนอนไหนก็เรื่องของพวกมึงแล้วกัน ดีกูจะได้นอนคนเดียว”

   ผมขี้เกียจเถียงกับพวกมันเลยทำท่าจะหนีออกมา

   “มึงไม่สบายเหรอ” ไอ้ไวน์ถาม

   “เออ ปวดหัวนิดหน่อย”

   “เออๆ งั้นก็รีบไปนอนเหอะ”

   “ถ้าถึงเวลาตามกำหนดการแล้วเดี๋ยวผมจะไปเรียกนะครับ” ตรองว่า

   “โอเค ขอบใจมาก” แล้วผมก็กดปุ่มเรียกลิฟต์และขึ้นไปยังห้องของตัวเอง



   ตื่นมาอีกทีเหมือนหัวแทบจะระเบิดเลยครับ หลังจากนั่งคุมสติอยู่นานก็คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา เชี่ยยยย สามทุ่ม เลยเวลานัดหมายมาหลายชั่วโมงแล้ว โดนด่าเละแน่เลยกู

   ผมจัดการต่อสายหาเลขา แต่ทว่าไม่มีคนรับ เลยลองโทรหาไอ้ไวน์ดู มันก็ไม่รับเช่นกัน พอดูในไลน์มันส่งเลขห้องมาให้ เลยคิดว่าน่าจะไปเคาะประตูเองดีกว่า

   ไม่นานนักผมก็ยืนอยู่ที่หน้าห้องของพวกมันซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับผมไม่ได้ไกลออกไปเท่าไหร่ ผมจัดการเคาะประตู

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงียบ…

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงียบ…

   โอ๊ย ทำห่าอะไรกันอยู่วะ ลองเอาเท้าอังที่ช่องประตูก็รู้สึกว่าแอร์ก็เปิดอยู่นะ

   ผมขยี้ตาบวกกับหาวแบบคนง่วงแทบไม่ไหวแล้ว

   ก๊อก

   อะ รอบนี้เอาไปครั้งเดียวแล้วกัน กูขี้เกียจกับพวกมึงแล้ว

   “อ้าวปั๊ม” เสียงหนึ่งดังที่สุดทางเดิน ผมหรี่ตามองคนที่ก้าวขาเข้ามาเพื่อดูว่าใคร แล้วพบว่ามันคือเพชรนั่นเอง

   “อ้าวเพชร” ผมทักมันแบบเดียวกัน “มีอะไร ยังไม่นอนเหรอ”

   “ยัง นอนไม่หลับอะ ว่าจะมาดูปั๊มว่าหายหรือยัง เห็นไม่ลงมาเลย”

   “อือ นอนยาวอะ ขอโทษด้วยนะ พวกผู้ใหญ่เขาว่ากันมั้ย”

   “ไม่นะ ทุกคนเข้าใจ”

   “อือ”

   “ทำไมดูไม่ดีขึ้นเลย ลองไปเดินเล่นข้างนอกมั้ยเผื่อจะดีขึ้น อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้นะ”

   “เดินเล่นเหรอ?”

   “อืม เลียบชายหาดไง วันนี้ปั๊มยังไม่ได้เจอทะเลเลยนะ”

   ความคิดเข้าท่าแฮะ

   “อือ ก็ดีเหมือนกัน”

   “ปะ ไปหาอะไรกินด้วย รู้ว่าหิว”

   นี่มึงดีกับกูจัง ช่วยชีวิตกูได้ไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของกูเด้อ

   “โอ๊ย” ผมร้องออกมาขณะที่เดินมาจนหยุดอยู่หน้าลิฟต์

   “มีอะไรเหรอ”

   “ลืมเอาโทรศัพท์ออกมา …ช่างมัน ไม่มีใครโทรมาหรอก”

   “จะเอาหรือเปล่าเดี๋ยวไปหยิบมาให้”

   ติ๊ง!

   “ไม่ต้องหรอก ลิฟต์มาแล้วเสียเวลา”

   เพชรพยักหน้า ก่อนจะผายมือให้ผมเข้าไปด้านในก่อน หลังจากนั้นมันก็เข้ามา ผมยืนพิงกระจกพร้อมกับจ้องมองบานประตูปิดเข้าหากัน

จบตอน



 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


คิดถึงทุกคนจังเลยจ้าาา >_<
โอเคๆ หายไปนิดหน่อย ขอโทษด้วยที่นาน แต่บางอาทิตย์ออกกองอะ มันเหนื่อยเหลือเกิน

ใกล้แล้วครับใกล้แล้วครับ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันดี ผมมี Sneak Peak Art จากเพื่อนรักที่วาดให้เรื่องนี้มาอวดนิดหน่อย
แท๊แด๊มมมมม จากเพื่อนรักของผม เจ้าของเพจ 'เขาว่าผมเพ้อ' นั่นเอง รักมากกกเลย


ง่ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เขินจังเลย

แล้วมาเจอกันนะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดตอน 20 มาเร็วๆ นี้แน่ๆ
ทำไมถึงเดินเล่นครั้งสุดท้ายน้า งืดดๆ ครุ่นคิด

ฝากติด #firemetothemoon ด้วยนะคร้าบ เหมือนเดิมถ้าใครชื่นชอบ คอมเม้นท์ บวกเป็ด แชร์ รีทวิตกันน้า
ให้กำลังใจนักเขียนงานประจำคนนี้ด้วยนะครับ จุ้ฟๆๆๆๆ

-----

ขายของอีกนิด ฝากรายการ #คอหนังข้างถนน ทุกวันเสาร์ 10:30 น. ที่ช่อง #gmm25 ด้วยนะฮะ
เกลียดการขายของแบบเนียนๆๆ เอิ๊กๆๆๆ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ประเด็นคือเปิดฉากได้หวานมากกกก ปั๊มมีความอยากให้กัดตันมาเป็นสามีร่วมบ้าน นั่งตักนั่งเติกจุ๊บหัวจุ๊บกะบาลกันไปอีกกกกกกกกก แต่หวานอยุ่ได้องค์เดี๋ยว ตัดมาจริงจังอีกแล้ว

คือเอาตรงๆ นี่ว่ามันแหม่งๆ แฮะ ทั้งชื่อตอน ทั้งการไปเดินเล่นกับเพชร แถมยังไม่เอาโทรศัพท์ไปอีก ดูก็รู้เลยว่าน้องปั๊มน่าจะไม่ตายดี แล้วไวน์กับตรองนี่ทำอะไรกันอยู่อะ? เซ็กหรอ? หรือโดนเก็บไปแล้ว อะไรกันเนี่ย งง น่ากลัวววว หวังว่าปั๊มจะปลอดภัยนะ กัปตันจะมาช่วยได้หรอ? โอ๊ยยยย

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #156 เมื่อ01-07-2017 23:39:35 »

20
เจ็บตัว


   “รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” เพชรถามขณะที่เราเดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆ

   “ก็ดีนะ” ผมพูดสู้กับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ใช้เท้าเตะน้ำที่เคลื่อนตัวมาใกล้ๆ ก่อนจะถามต่อ “วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

   “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็คุยกันตามประสาผู้บริหารแหละ”

   “พวกพนักงานจะตามมาพรุ่งนี้ใช่มั้ย”

   “หมายถึงพวกลูกเรือที่ว่างกับพนักงานในตึกอะเหรอ?” เพชรเลิกคิ้ว “ใช่… ทำไม คิดถึงมันเหรอ?”

   พูดถึงคนของกูดีๆ หน่อยได้มั้ยวะ ไม่ค่อยชอบเลย

   “อืม”

   “โทรหาสิ”

   “มีโทรศัพท์ที่ไหนล่ะ”

   “เอาของเราไปสิ” เพชรยื่นไอโฟนของตัวเองมาให้ “เรามีเบอร์”

   เดี๋ยวนะ…

   “มึงมีเบอร์กัปตันได้ยังไงอะ”

   เพชรเงียบ ทิ้งระยะเหมือนคนกำลังต้องการอากาศหายใจ “เคยมีมานานมากแล้ว”

   อ๋อ…สงสัยเรื่องเก่าที่เคยเป็นโจทย์กันละมั้ง

   “อืม…ไม่อะ ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครตอนนี้”

   “ก็ดีแล้ว ให้เราได้อยู่กับปั๊มหน่อย”

   ผมทำหน้าเหม็นเขียวเมื่อได้ยินประโยคที่มันพูด

   “ไอ้เพชร มึงไม่มีแฟนหรือเพื่อนอะไรให้ตะล่อมหรือไง ที่ทำอยู่อย่างกับมึงจะเอากูเป็นเมียให้ได้วันนี้แหนะ”

   “ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “เออดิ มึงเทคแคร์กูดีเกิ๊น”

   “เราชอบปั๊มละมั้ง”

   “อย่ามาตลก” เดี๋ยวนี้เขาบอกรักกันง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “ไม่ตลกนะ พูดความจริง”

   “จริงก็ไม่ควรพูดปะวะ” ผมแทบจะหัวเราะ “มึงกับกูเนี่ยนะ โห่ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยไอ้เพชรเอ๊ย”

   “ทำไมอะ”

   “ก็ทางเทคนิคแล้วมึงกับกูเป็นศัตรูกันนะ”

   “ฮ่าๆ ก็นี่ไง สานสัมพันธ์กันแบบเราจะได้ประโยชน์ทั้งคู่”

   “มึงก็พูดไปเรื่อย”

   ใครก็ได้เอาไอ้เพ้อเจ้อนี่ออกไปที

   “เราพูดจริงนะ” เพชรหยุดเดิน พร้อมกับหันตัวมาบังทางผมไว้ โอเค ยอมรับว่าวันนี้มันดูดี แต่มันไม่ใช่จริงๆ ว่ะ

   “กูก็ขอพูดตรงๆ นะว่าตั้งแต่มึงช่วยชีวิตกูก็มองมึงเป็นคนหล่อขึ้นมาสิบเวล” ผมเป่าปาก “แต่กูว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีแล้วนะเว้ย”

   “ปั๊มคิดว่างั้นเหรอ”

   “เออดิ” ผมพยักหน้า “มิตรภาพแบบนี้มันยาวนานจะตาย ถ้าเป็นอะไรกันอยู่ๆ วันนึงเลิกกันขึ้นมา กูไม่อยากเกลียดมึงนะ”

   “ทำไมอะ เวลาปั๊มเลิกกับใครก็เกลียดหมดเลยเหรอ”

   ผมคิดตาม “อืม… ก็เกือบทุกคนนะ เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

   “งั้นปั๊มรีบเลิกกับไอ้กัปตันสักทีสิ” ไอ้เพชรยิ้มหรา

   “ไอ้บ้าเอ้ย” ผมส่ายหัวและเดินแทรกมันออกไปทันที จนมันเดินมาขนาบข้างอีกครั้งผมจึงถามต่อ

   “นี่ถามอะไรหน่อยสิ แต่มึงจะไม่ตอบก็ได้นะ”

   “ถามมาก่อนสิ” ไอ้เพชรทำหน้าสงสัย

   “มึงกับกัปตันธีร์เคยมีปัญหาอะไรกันมาหรือเปล่า ทำไมมึงรู้สึกเกลียดเขาจัง”

   “หึ” ไอ้เพชรยิ้ม “แล้วตอนมันอยู่กับปั๊มมันแสดงทีท่าว่าเกลียดเราหรือเปล่าล่ะ”

   “ก็…” จะให้พูดยังไงล่ะวะ

   “ว่าไง”

   “อืม… ก็มีบ้าง” แงงงงง กัปตันผมขอโทษ

   “ก็ตามนั้นแหละ” มันขยิบตา “เรื่องเก่าเก็บแล้ว เป็นเรื่องบ้าๆ ที่เรากับมันไม่มีทางลืมได้แน่นอน”

   “อ๋อ…” ใจจริงก็อยากถามต่อ แต่คงเหี้ยไป งั้นเงียบแล้วกัน

   ไอ้เพชรหยุดอีกครั้งก่อนที่จะหันมามองหน้าผม

   “อยากกินอะไรหรือเปล่า?” เพชรถาม “หิวมั้ยเดี๋ยวไปหาซื้อให้ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”

   “เวลานี้ยังมีอะไรให้กินอีกเหรอ” ผมถามกลับ

   “จะกินอะไรเราก็หามาให้ได้ทั้งนั้นแหละ”

   “งั้นอยากกินอาหารทะเลเผา”

   น่อววววววว ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ กูนี่เหี้ยจริงๆ

   “โห…โจทย์ยากจัง”

   “ไหนบอกหามาได้ทั้งนั้น”

   “งั้นเดี๋ยวเราขอออกไปตามหามาให้แล้วกันนะ”

   “ขอบใจนะ” ผมบอก

   “ถ้างั้น… ปั๊มกลับไปรอที่โรงแรมแล้วกัน เดี๋ยวเราเดินไปอีกหน่อยน่าจะมีร้านอาหารเปิดอยู่” มันเสนอ อืม…ครัวที่โรงแรมคงปิดแล้วล่ะ

   “ให้เดินไปด้วยมั้ยล่ะ”

   “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเราไปเอง” ไอ้เพชรเสยผมสู้แรงลม “อย่าโดนฉุดไปซะก่อนล่ะ”

   “โดนฉุดก็เหี้ยแล้ว” กูไม่ใช่หญิงสูงร้อยหกสิบตัวเล็กเท่าแท่งวัดระดับน้ำนะเว้ยยยย

   ผมมองแผ่นหลังไวๆ ของไอ้เพชรลับไป จากนั้นก็จึงหันหลังกลับไปทางโรงแรม ตอนเดินมาไม่ค่อยสังเกตรอบตัวเท่าไหร่แต่ทำไมตอนนี้มันมืดจังวะ มืดไม่พอแถมเงียบอย่างกับห้างเอมบาสซี่ (ไม่รู้จะเทียบกับอะไรง่ะ) เอาจริงก็เริ่มกลัวๆ แล้วครับ แต่จะวิ่งตามไอ้เพชรก็ไม่ทันแล้ว เอาวะ กลับก็กลับ

   ผมจำได้แวบๆ ว่าพวงกุญแจของโรงแรมมีไฟฉายอันเล็กๆ ขนาดเท่าปากกาห้อยติดอยู่ด้วย เลยหยิบมันมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ นี่มันมืดขึ้นหรือมีใครคลุมผ้าใบอยู่บนหัวกูกันแน่เนี่ย วังเวงเกิ๊นนน

   ระหว่างทาง ผมหลบหินแหลมๆ กับกองขยะมามากมาย จนคิดในใจว่าตอนมากูก็ไม่เห็นนี่นา ตัดสินใจมองไปรอบๆ ฉิบหาย! ทำไมวิวไม่เหมือนกับตอนแรกที่มา ไอ้เหี้ยนี่กูหลงทางใช่มั้ยเนี่ย!!???

   แล้วตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงพุ่มไม้ทางด้านข้างๆ สั่นไหว ไม่ใช่เพราะลมแน่นอน เสียงมันเหมือนกับใครกำลังแหวกต้นอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมรวบรวมความกล้าก่อนจะใช้ไฟฉายส่องไปทางนั้น

   แล้วก็เห็น! ไอ้เหี้ยนึกว่าผี!!

   คนจูบกันครับ…

   สองหนุ่มสาวแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ไอ้ห่าเอ๊ย กูก็นึกว่าอะไร สองคนนั้นยกมือไล่ผมไปเพราะขัดจังหวะความสุข ผมเลยได้แต่พยักหน้าแบบอายๆ เดินออกไปอีกทาง

   จะตะโกนถามทางกลับโรงแรมก็กระดากปาก เอาวะ คลำทางต่อเองก็ได้

   ทว่า…

   หมับ!

   มือหนึ่งคว้าแขนผมไว้อย่างกะทันหันทำให้ผมสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ผมใช้ไฟฉายส่องไปพบว่าเป็นไอ้โม่งชุดดำยืนนิ่งอยู่

   “ไอ้ไวน์?… ตรอง?”

   มุกนี้มีคนเคยใช้แล้วครับ ไอ้สองตัวนั้นที่ผมพูดชื่อไปนั่นแหละ

   บุคคลปริศนานั้นเงียบ …เวรแล้วไง

   “เฮ้ย ปล่อยกู!!” หลังจากที่ตั้งสติได้ ผมก็ร้องลั่นทันที

   พลั่ก!

   ไอ้โม่งต่อยผมอย่างแรงจนเซจมลงกับทราย พวงกุญแจกระเด็นกระดอนหายไปจากมือ ผมใช้จังหวะนั้นคลานหนีแต่ว่าไม่ได้ผล

   “ปล่อยกู!! ช่วยด้วยครับบบบบ!”

   พลั่ก!

   มันต่อยผมอีกรอบ คราวนี้ตาผมเริ่มพล่ามัวเรียบร้อย

   มันใช้จังหวะที่ผมมึน ยัดผ้าอุดปากผมไว้ จากนั้นก็จัดการกดหน้าผมลงกับทรายและใช้เข่ากดไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมา จังหวะนั้นเองที่คนร้ายหยิบเชือกขึ้นมามัดมือมัดขาผมไว้

   “อ๊ากกกกก” ผมร้องไม่ได้ศัพท์เพราะพูดไม่ได้

   ไอ้โม่งนั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการลากขาผมไปตามทาง ไอ้เหี้ยยยยยย อย่างกับหนังฆาตกรโรคจิต

   ผมพยายามใช้ลิ้นดันผ้าจนในที่สุดมันก็หลุด!!

   “ช่วยด้วยยยยย!!” ผมร้องลั่นอีกครั้ง

   เหมือนไอ้โม่งมันจะโมโห จึงใช้เท้าเตะที่แก้มผมอย่างจัง

   โอ๊ยยยยย เจ็บเชี่ยๆๆๆๆๆ

   “มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ผมร้องลั่นอีกครั้งก่อนที่มันจะใช้เท้ายันหน้าผมอีกครั้งจนรู้สึกเบลอไป




ไวน์



ณ สวนหน้าที่พัก

   “ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มแย้มตอบรับไอศกรีมโคนที่พี่ตรองยื่นมา

   “จ่ายเงินมาด้วย” อีกฝ่ายแซวก่อนจะหย่อนตูดบนพื้นหญ้าข้างกัน

   “เดี๋ยวเลี้ยงคืนหน่า แค่นี้สบายมาก” มันจะกี่บาทกันเชียววะฮ่าๆ

   “รีบๆ กินเถอะ เดี๋ยวคุณปั๊มตื่นไม่เจอเราเดี๋ยวก็ซวย”

   “กลัวโดนอาละวาดหรือไง”

   “หรือว่านายไม่กลัว”

   “กลัวครับ ไอ้ปั๊มนี่ผมกลัวยิ่งกว่าแม่อีกพี่”

   “สนิทกันมานานแล้วใช่มั้ยล่ะ” พี่ตรองถามแข่งกับเสียงลมทะเล

   “ตั้งแต่อนุบาล จนถึงตอนนี้ก็เกือบครึ่งชีวิตแล้ว”

   “ตอนที่เกิดเรื่องกับพ่อแม่คุณปั๊ม ฉันก็เห็นนายนี่แหละที่อยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ต่อไปนะ”

   งง… งงล่ะสิครับว่าทำไมผมกับพี่ตรองพูดคุยกันอย่างห่างเหิน

   อาจจะดับฝันใครหลายคน รวมถึงตัวเองผมเองเช่นกัน เพราะเราทั้งคู่ตกลงแล้วว่าจะเป็นพี่น้องแบบนี้น่าจะโอเคกว่า ไม่มีใครผิด ผมไม่ผิด พี่ตรองก็ไม่ผิดที่ไม่ชอบผม ผมเข้าใจ แม้การอกหักจะเกิดขึ้นกับผมเป็นครั้งที่ล้าน แต่ในครั้งนี้มันง่ายดายกว่าทุกครั้ง บางทีผมก็ชินชาเสียแล้ว

   แต่ก็ดีครับ หลังจากที่ได้ทดลองศึกษาดูใจ ผมพูดได้เต็มปากว่าพี่ตรองคือคนดีจริงๆ ครบเครื่อง ทั้งรูปทรัพย์และนิสัยใจคอ เขาควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ด้วยแหละ

   เฮ้อ! พอ เลิกเพ้อ เดินหน้าต่อไป

   “จะขึ้นห้องก่อนได้นะพี่” ผมหันไปมอง ไม่กล้าสบตาตรงๆ กลัวน้ำตาลูกผู้ชายไหล (สูดน้ำมูก)

   “รอขึ้นพร้อมกันก็ได้ พี่ธีร์ส่งข้อความมาบอกพอดีว่ากำลังจะถึง”

   ผมแทบสำลักไอติม

   พี่ธีร์มาเหรอวะเนี่ย…

   “กังวลอะไรเหรอ ทำไมขมวดคิ้วแบบนั้น” พี่ตรองที่สังเกตความวิตกของผมถามขึ้น

   เวรเอ๊ย ต้องทำท่าทางให้ปกติที่สุดสิวะ

   “เปล่าหรอกพี่ ผมคิดอะไรนิดหน่อย”

   “นึกว่าเป็นพวกไม่ชอบขี้หน้าแฟนเพื่อน”

   “เอาจริงนะพี่ แบบพูดเหี้ยๆ เลยคือตอนแรกโคตรดีใจเพราะแม่งจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายชวนผมไปนู่นไปนี่เรื่อยเปื่อย แต่พอเอาเข้าจริงสักพักผมก็เป็นห่วงมันนะพี่ ตอนแรกนี่ผมคิดมากเลยว่ากลัวเขาทนเพื่อนเราไม่ได้ แต่พอเห็นว่ากัปตันเขาเป็นคนดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็เลยโอเค ผมสบายใจแล้ว”

   “ทีนี้เราก็ต้องมีแฟนมั่งแล้วนะ” พี่ตรองตีไหล่ผมเบาๆ

   “หึ ก็พยายามอยู่พี่” ผมยิ้มอย่างรู้ทัน แหม่ อย่ากวนตีนผมสิครับ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังรักกันอยู่เลย หึๆ

   “ใครอะ!!” เสียงดังนั้นทำให้เราทั้งสองคนผละออกจากกัน

   เพชรวิ่งออกมาจากตัวโรงแรมด้วยสีหน้าแตกตื่น

   “มีอะไรครับคุณเพชร” พี่ตรองรีบวิ่งเข้าไปหา

   “เห็นปั๊มมั้ย”

   “เอ๋ ไม่เห็นนะ” ผมแทรกตัวเข้าไปพูด อีกฝ่ายทำหน้าแบบมึงมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง

   “เวรเอ๊ย! ปั๊มหายไป”

   “หาทั่วแล้วเหรอครับ” พี่ตรองถามอีกรอบ เริ่มใจร้อนแล้ว

   “ทั่วแล้ว โทรหาก็ไม่ติด ตอนเจอล่าสุดฉันบอกให้รอที่ชายหาด มาอีกทีก็หายไปแล้ว”

   “แจ้งรีเซปชั่นดีกว่าครับ” พี่ตรองวิ่งพุ่งออกมาคนแรก พร้อมกับทำอย่างที่ว่าอยู่หน้าเคาท์เตอร์

   จังหวะเดียวกันนั้นเองที่รถของโรงแรมเลี้ยวเข้ามา และคนที่ลงมาคนแรกก็คือกัปตันธีร์

   กัปตันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เรามองหน้ากัน ก่อนเพียงจะพยักหน้าให้กันเท่านั้น

   โอเค เป็นอันรู้กันครับพี่ ผมมาที่นี่ก็เพราะพี่สั่งเลยนะ

   “มีอะไรกัน” กัปตันสะกิดถาม

   “ปั๊มหายไปครับ” ผมตอบเบาๆ

   “หืม” สีหน้ากัปตันเปลี่ยนไปทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปในวงนั้นด้วยความกระวนกระวาย

   “หายไปได้ยังไงตรอง”

   “เอ่อ…” พี่ตรองดูเหมือนจะพูดไม่ออก ได้แต่มองเพชรที่ยืนทำหน้าเหม็นขี้อยู่ข้างๆ กัน แต่เหมือนกัปตันคงรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากใคร เขามองเพชรแบบไม่พอใจก่อนจะหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากมอง

   “ที่ไหน” กัปตันถามพี่ตรองซ้ำ

   “ที่หาดครับ”

   ไม่รอให้พูดจบดี กัปตันก็วิ่งออกไปด้านนอกชายหาดอย่างไม่ต้องให้ใครสั่ง

   “ตรอง” เสียงนั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก ใครคนนึงเดินเข้ามา เขาตัวสูง ขาวและหน้าตาดี เป็นหนึ่งในคนที่ลงมาจากรถตู้นั่นเอง “ไปช่วยกัปตันหากันเถอะ”

   “ครับพี่เกรียง” พี่ตรองเห็นด้วย ก่อนจะเชิญชวนผม “ไปด้วยกันไวน์”

   พี่ตรองวิ่งนำออกไป โดยคนที่มาใหม่นั้นหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตาม คงสงสัยว่าผมทำงานที่นี่หรือเปล่าแน่นอน จากนั้นก็เหลือแต่ผมกับเพชร และแน่นอนต้องเป็นผมที่จะพุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก

   “ปั๊ม!!”

   เสียงตะโกนเรียกชื่อคนหายดังไปทั่วชายหาด ผมวิ่งไปสมทบกัปตันธีร์ที่เดินหาอยู่บริเวณกองหิน

   “เฮ้ย!”

   ผมวิ่งเข้าไปตามเสียงที่กัปตันร้อง

   “อะไรกับครับพี่!”

   “ผ้าอะไรวะ มีเลือดด้วย” กัปตันหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา

   ผมขนลุกชูชัน “ไม่ใช่มั้งพี่ บ้าหน่า”

   “แล้วนี่อะไร” กัปตันใช้เท้าเขี่ยของบางอย่าง ก่อนจะหยิบขึ้นมา มันคือกุญแจห้อง กัปตันยื่นมันมาให้ผม และโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม

   “ใช่ครับ ห้องของปั๊ม” เราทั้งสองมองหน้ากัน…

   ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิดเลย

   “ไวน์!!!” พี่ตรองตะโกนเรียก ผมกับกัปตันวิ่งไปในทันที

   “ใช่…รองเท้าแตะโรงแรมเรามั้ย” พี่ตรองหยิบมันและวางลงข้างๆ ผมเพราะผมเองก็ใส่รองเท้าแตะโรงแรมมาเหมือนกัน

   ใช่ครับ… มันเหมือนกัน!!

   “ปั๊ม!!”  ดูเหมือนกัปตันจะสติแตกไปก่อนใคร เขาตัดสินใจวิ่งไปที่ท่าเรือของโรงแรมข้างๆ เพื่อลองตรวจสอบดู

   “เฮ้ย นั่นใครอะ” พี่ตรองชี้ไปที่ทางท่าเรือเช่นกัน

   ใครคนหนึ่งที่ใส่ชุดดำทั้งตัวกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์เรือลำหนึ่ง ท่าทางดูมีพิรุต

   “กัปตัน! ตรงนั้น!!” ผมชี้ไปยังจุดที่ว่าพร้อมกับพุ่งตัวนำกัปตันไปล่วงหน้า

   ผู้ต้องสงสัยคนนั้นรู้ตัวและพยายามสตาร์ทเครื่องต่อไป แต่เหมือนกับมีความตลกของจังหวะ วินาทีสุดท้ายเครื่องยนต์ของเรือลำนั้นก็ติดจนได้

   “เร็ว! กัปตัน!”

   “กระโดด!!”

   เราสองคนทะยานตัวเข้าใส่เรือลำนั้นอย่างไม่คิดชีวิต กัปตันเข้าไปล๊อคตัวชายใส่โม่งดำส่วนผม…พุ่งความสนใจไปที่อะไรบางอย่างซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าใบอยู่

   พรึบ!

   ผมอยากจะร้องลั่น แม่ง!! แทบช็อค!!

   ไอ้ปั๊มถูกมัดตาปรือสลึมสะลือ ที่สำคัญคิ้วแตกหน้าบวมเป่งจนเกือบจำไม่ได้

   ผมดึงเทปดำออกมาจากปากมันเป็นอย่างแรก

   “ปั๊ม” กัปตันส่งเสียงเบาๆ เหมือนคนกำลังใจหาย ขณะที่กดตัวคนร้ายไว้กับเบาะ

   “มึง อย่าหลับ” ผมตบหน้าเพื่อนรักเบาๆ เชี่ยเอ๊ย อยากจะร้องไห้ “โอเคนะ กูอยู่นี่แล้ว กูอยู่นี่!”

   “ไวน์…” เสียงจากปากมันครางแผ่วเบา “ฮืออออ เจ็บ เจ็บ…ฉิบหาย”

   “เออกูรู้ แม่ง…” ผมใช้นิ้วกดแผลแตกตรงคิ้วมันไว้ “จับมือกูไว้”

   “ใคร…” ปั๊มเหมือนอยากจะหันไปมองว่าใครมากับผม “กัปตันหรือเปล่า…”

   “ฉันเอง” กัปตันเอื้อมมาคว้ามืออีกข้างไปจับ เขาไม่สามารถเข้ามาได้เพราะต้องกดคนร้ายไว้

   เออ แล้วคนร้ายนี่มันใครวะ

   “คุณปั๊ม!!” พี่ตรองกระโดดเข้ามาในเรือ สีหน้าดูแตกตื่นกว่าใคร ข้างหลังมีคุณเกรียง และเพชรวิ่งตามมา

   “เปิดหน้ามันเลยครับกัปตัน” คุณเกรียงวิ่งเข้าไปช่วยพี่ธีร์ พร้อมกับดึงไอ้โม่งที่ปกปิดใบหน้าคนร้ายออกอย่างไม่สนว่าจะแรงจนทำมันเจ็บหรือไม่

   และเมื่อไม่มีอะไรปิดบังใบหน้า กลายเป็นว่าผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา

   นั่นเพราะผมไม่รู้จักมัน… .ใครวะ?

   (ไม่ได้ตั้งใจให้ตลกโว้ยยยยย)

   แต่พี่ตรองก็พูดชื่อเฉลยออกมาให้แล้ว

   “มิ้น…”

จบตอน


   
 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

เฮลโหล ฮะ คิดถึงนะฮะ
แวะมาพูดคุยกันในเพจได้เหมือนเดิมนะฮะ

ฝากเม้นท์ แชร์ บวกเป็ดเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าฮะ

รักเด้อ ชาวทวิตภพคุยกันได้ใน #firemetothemoon นะฮะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #157 เมื่อ02-07-2017 00:45:01 »

เฮ้ย...  :a5: :a5:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #158 เมื่อ02-07-2017 02:18:00 »

แลลึกลับซับซ้อนมากเลย กัปตันนี่มาดีมั้ย

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #159 เมื่อ02-07-2017 04:24:28 »

ตบมิ้นสามที  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
« ตอบ #159 เมื่อ: 02-07-2017 04:24:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #160 เมื่อ02-07-2017 10:45:03 »

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #161 เมื่อ02-07-2017 18:16:28 »

Part IV
Take Off



21
ผี


“ออกไป!!!” เสียงนั้นดังจนแสบแก้วหู

   ผมจำได้ดี…

   ผมจับมือแม่ที่กำลังร้องไห้ตัวโยน และสาบานกับตัวเอง

   ผมจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีก



ตรอง

   ผมนั่งเฝ้าคุณปั๊มในห้องเล็กๆ ที่โรงแรมจัดไว้ให้พักฟื้นชั่วคราว ผมได้พาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการเช็คเรียบร้อยแล้วครับว่าคุณปั๊มไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีแผลแตกที่คิ้วและต้องได้รับการเย็บหลายเข็ม เอ็กซเรย์ภายในก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ต้องยอมรับว่าดวงแข็งดีเหมือนกัน

   แต่สิ่งที่ผมวิตกกังวลน่ะเหรอครับ…

   ผมจ้องไปยังห้องรับรองซึ่งตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากการประชุมบอร์ดบริหาร คนเต็มเลยล่ะครับ

   ผมหันกลับมามองคุณปั๊ม โอเค ตอนนี้หลับสนิท บางทีผมควรจะเข้าไปดูในนั้นหน่อย

   “ฝากเจ้านายผมหน่อยนะครับ” ผมกระซิบรีเซปชั่นหญิงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล

   จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในห้องรับรอง

   ผมเห็นทุกคนทำสีหน้าตึงเครียด เกินครึ่งกำลังกอดอกพร้อมขมวดคิ้ว พี่ธีร์กับคุณเกรียงยืนอยู่ใกล้มิ้นมากที่สุด ประหนึ่งเป็นเจ้าภาพการสอบสวนนี้

   “เป็นไงบ้าง” ผมเข้าไปทักทายไวน์ที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ ประตู

   “ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่นะ” ไวน์เหลือบไปยังผู้ต้องหา “ตอบแค่เรื่องวิธีการทำร้ายปั๊มวันนี้ แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องต้นตอแรงจูงใจในการก่อเหตุเลย”

   “อ่อ” ผมพยักหน้า โอเคต้องดูลาดเลากันต่อไป

   “พูดออกมาเถอะนะ มันจำเป็นมากๆ” คุณเกรียงผู้ทำหน้าที่สอบสวนไปพร้อมกับตำรวจด้วยเอ่ยถาม ดูจากใบหน้าคงจะเริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้วล่ะสิ

   “…” แต่มิ้นยังคงเงียบ

   “มิ้น” คราวนี้เป็นกัปตันบ้าง สีหน้าเขาดูห่วงใยแบบสุดๆ “บอกมาเถอะนะ”

   “อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องใหญ่นะมิ้น” คุณเพชรก็เอาด้วย

   “…” แต่ทว่ามิ้นก็ยังนิ่ง จังหวะนั้นเองที่เขาหันหน้ามามองผมซึ่งแน่ยืนอยู่ด้านหลังลุงวินัยกับเพชร รวมถึงพวกผู้ใหญ่ท่านอื่น

   สายตาของมิ้นเหมือนอ้อนวอนหรือ… กำลังขอให้เข้าใจ

   และตาคู่นั้นก็เหมือนต้องการเตือนใครสักคน? แต่ที่แน่ๆ เขาอยากให้ผมรับรู้แน่นอน

   “ถ้าผมสารภาพ มันถูกต้องใช่มั้ยครับ” เสียงมิ้นเอ่ยถาม ตายังคงจ้องมาทางนี้

   ทุกคนเงียบคล้ายกับรอฟัง เหมือนนั่นคือคำตอบ

   “ผมถูกจ้างให้มาทำงานที่นี่ เพื่อให้เข้าใกล้คุณปั๊ม และหาทางจัดการเขาซะ” เสียงนั้นสั่น เหมือนกำลังจะร้องไห้

   ทุกคนในห้องเงียบสนิท ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์

   “ใครจ้างวานครับ” หนึ่งในตำรวจถาม

   “…”

   “ใช่คนในหรือเปล่าครับ!?” ตำรวจคนเดิมเค้น

   “ครับ” มิ้นพยักหน้า “คนใน”

   ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงฮือเหมือนแมลงดังงมไปทั่วห้อง ผมเริ่มกลัวแล้วนะ

   “ใคร?” คุณเกรียงส่งเสียงถามไม่ให้ขาดช่วง

   “คุณ”

   วินาทีนั้นลมหายใจผมขาดช่วง เพราะมิ้นใช้นิ้วชี้ไปที่…กัปตันธีร์

   พี่ธีร์คลายมือออกจากอก ใบหน้าเรียบเฉยทำให้ผมเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไร นั่นยิ่งทำให้ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มิ้นพูดมาจะเป็นความจริงหรือเรื่องหลอก กัปตันค่อยๆ ถอยออกไปจากวงจากนั้นก็ยืนนิ่ง กระแอมน้ำลายที่ขังลงคอ

   “ไม่ใช่น่า” ไวน์กระซิบกับตัวเอง “ไม่ๆๆ ไม่ใช่แน่ๆ”

   “อะไรเหรอ” ผมสะกิดถาม

   “มันจะเป็นไปได้ยังไง” ไวน์ว่า ทำท่าทางเหมือนเรื่องนี้ไม่เมคเซ้นส์ “ก็ก่อนหน้านี้พี่ธีร์โทรหาผม บอกให้ผมตามมาดูปั๊มที่นี่ด้วย เหมือนมีคนต้องการจะทำร้ายปั๊ม”

   “…”

   “แล้วถ้ากัปตันทำจริง เขาจะมาบอกผมแบบนั้นทำไม”

   “แล้วนาย… ทำไมถึงบอกว่าคิดถึงจะมาหาล่ะ”

   “เอ๊า นั่นก็ด้วย! ก็คิดถึงจริงๆ นะอย่าโกรธสิ!” ไวน์ห่อไห่ “อย่าเพิ่งมาหาเรื่องตอนนี้ได้มั้ย ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วไง”

   “แล้วกัปตันรู้ได้ยังไงว่ามีคนจะทำร้ายคุณปั๊ม” ผมหันไปมองกัปตัน ซึ่งเพิ่งสังเกตว่าเขาก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน

   “ไม่รู้สิ อันนี้ก็น่าสงสัยจริงๆ แหละ”

   “หวังว่าคงไม่ได้มีการวางแผนจะเก็บนายไปด้วยนะ” ผมพูดถึงทางที่อาจจะเป็นไปได้

   “เออ… ยังไงวะเนี่ย” ผมกับไวน์มองหน้ากัน

   “แน่ใจนะว่าคุณกำลังพูดความจริง” คุณเกรียงเค้นอีกครั้ง หน้าตาดูไม่อยากเชื่อหู

   “ครับ ผมพูดความจริง” คราวนี้มิ้นเริ่มฉีกยิ้มมุมปาก “ไม่เชื่อถามเขาสิ”

   “…” กัปตันยังคงยืนนิ่งขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงไม่แสดงออกอะไรจริงๆ แต่…

   “ครับ”

   สิ้นเสียงกัปตันผมถึงกับเอามือปิดปาก

   “ครับ ผมเอง” กัปตันยังคงทำหน้านิ่ง เชี่องช้าคล้ายกับสัตว์เลือดเย็น

   “กัปตัน…” คุณเกรียงแทบไม่เชื่อ “คุณพูดความจริงเหรอครับ”

   “ครับความจริง” กัปตันพยักหน้า พยายามหลบสายตาทุกคน “เรื่องรถบรรทุกก่อนหน้านั้นก็ด้วย”

   “คุณทำแบบนั้นทำไมครับ”

   “ผม…” กัปตันเว้นช่วง “ผม… ผมเกลียดเขา”

   ผมไม่อยากจะพูดคำหยาบเลย แต่…

   “ไอ้เหี้ย” เสียงนั้นดังจนทุกคนในห้องต้องหันไปมอง

   ถึงผมจะคิดแบบนั้นก็จริง แต่ไม่ใช่ผมที่พูดออกไปครับ

   คุณปั๊มยืนอยู่หน้าบานประตู ดวงตาที่คล้ำเพราะช้ำนั้นเบิกกว้างจนดันแผลเย็บตรงมุมคิ้วเลิกขึ้นไป

   กัปตันอ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าคุณปั๊มจะเข้ามาอยู่ในห้องนี้

   ทุกคนเงียบ

   ต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

   ส่วนสองคนที่ว่านั้นก็ยังจ้องตากันไม่กระพริบ

   “เอาล่ะ พอแล้ว” เสียงหนึ่งทำลายความเงียบ คุณวินัยก้าวเข้าไปกลางวงก่อนจะพูด “… ผมเอง”

   “พ่อ! พ่อจะทำอะไรน่ะ!?” เพชรเข้าไปฉุดแขนคุณวินัยให้เดินกลับมา

   “เลิกล้อเล่นกันสักทีเถอะ” คุณวินัย ประธานอาวุโสพูดไปที่กัปตัน “ขอบใจนะกัปตันที่รับผิดแทน”

   “คุณวินัย…” กัปตันอึกอักเหมือนทำอะไรไม่ถูก

   “พอเถอะกัปตัน ถอยไป” ลุงวินัยเดินเข้าไปหาตำรวจ พร้อมกับหันไปมองหน้าคุณปั๊มที่ดูเหมือนจะน่าสงสารที่สุดในตอนนี้ “ขอโทษด้วยนะปั๊ม”

   “เล่นตลกอะไรกัน” คุณปั๊มเสียงสั่นเครือและมองทุกคนสลับไปมา “ผมรับไม่ไหวแล้วนะโว้ย” สิ้นเสียงนั้นคุณปั๊มถึงกับเซหลังกระแทกประตู

   “ปั๊ม…” กัปตันทำท่าจะเดินเข้ามา แต่เป็นไวน์ที่ไวกว่าและเข้าไปขวางไว้

   “ผมขอโทษนะกัปตัน แต่ตอนนี้ไม่เหมาะว่ะ”

   ผมเข้าไปสมทบ “เข้าใจด้วยนะครับพี่”

   “เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ขอพบคุณวินัยกับคุณธีรดลก่อน ห้ามไปไหนนะครับ” เสียงตำรวจคนหนึ่งพูดไล่หลังมา

   “ไปเถอะพี่ เขาเรียกแล้ว” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังกลับไปช่วยไวน์ประคองคุณปั๊มให้เดินออกไป และกัปตันธีร์ก็ไม่ได้เดินตามมา…

   “ประคองไว้ก่อนนะ”

   ผมสั่งไวน์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาโทรออก มีเสียงรอสายไม่กี่ครั้งปลายทางก็รับสาย

   [สวัสดีครับคุณตรอง] ลุงเอกทักทาย

   “สวัสดีครับลุงเอก” ผมเริ่มพูด “คุณปั๊มจะกลับบ้านคืนนี้เลยนะครับ เดี๋ยวผมกับไวน์จะพาไปเอง”

   [ทำไมกลับเร็วจัง ไม่สนุกเหรอครับ]

   “มีเรื่องนิดหน่อยครับ”

   ดูเหมือนลุงเอกจะจับความผิดปกติในเสียงของผมได้เลยไม่ได้ถามต่อ

   [งั้นผมจะรอนะครับ]

   “ขอบคุณนะครับลุงเอก”

   แล้วผมก็ตัดสายไป

   ใช่ครับ มันเริ่มไม่สนุกแล้ว…




ปั๊ม

   “นี่ครับ เอกสารทั้งหมด” ลุงเอกวางบุ๊คกิ้งเที่ยวบินไปสวีเดนกับพวกเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญไว้ให้ตรงหน้า ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วมองเขาเดินออกไป ลุงเอกคงรู้ว่าตอนนี้ผมต้องการอยู่คนเดียว

   ข่าวความเน่าเฟะขององค์กรเราปิดไม่อยู่อีกต่อไป ตอนนี้ทุกช่องกำลังทำข่าวทายาทสายการบินดังถูกลอบฆ่าด้วยคนในอย่างพร้อมเพรียง จะทำยังไงได้ล่ะ ผมโทษพวกเขาไม่ได้ ผมโดดเข้ามาในเกมนี้เอง ผมต้องยอมรับมัน

   ผลการสอบสวนพบว่าน้ำหนักตกไปทางฝั่งของลุงวินัยมากกว่า เพราะภายหลังมิ้นก็ให้สารภาพต่อว่าต้องการใส่ร้ายกัปตัน ที่จริงลุงวินัยคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง คำถามก็คือทำไมกัปตันถึงยอมรับข้อกล่าวหาแล้วพูดออกมาอย่างนั้น มันไม่ใช่เรื่องดีเลย

   ผมย้ายตัวเองไปยังหลุมศพของพ่อกับแม่ นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ เหมือนทุกครั้งเวลาที่ผมต้องการใช้ความคิด และหวังว่าสิ่งที่กำลังจะทำผมคิดถูกแล้ว

   “ป๊า ปั๊มไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ปั๊มพอแล้วจริงๆ” ผมพูดกับพ่อ

   หึ ทำอย่างกับเขาจะได้ยิน

   “ปั๊มจะขายเฟิร์สแอร์ทิ้งนะ” ผมพูดทั้งๆ ที่เจ็บใจ “ปั๊มทำไม่ได้ ปั๊มสู้เขาไม่ไหว ถ้ามันมีแต่คนอยากได้ก็ให้เขาไปเถอะนะ”

   ใช่ครับ นี่คือสิ่งที่ผมคิด คิดมาอย่างดีแล้วด้วย

   “คุณปั๊มครับ” ลุงเอกเดินมาหา พร้อมกับนั่งยองๆ ลงข้างๆ

   “รู้สึกแย่จังเลย” ผมพูดกับเขา

   “ผมรู้… ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมขอโทษครับ”

   “ลุงทำดีที่สุดแล้วล่ะ ผมมันดื้อเอง” ผมปล่อยตัวเองให้ซบกับไหล่ของพ่อบ้าน

   “อยู่ในที่ของเราเถอะครับ ที่นั่นคงไม่เหมาะกับคุณปั๊มจริงๆ”

   “คุณเอกครับ!” เสียงหนึ่งทำลายโมเม้นท์ของเรา รปภ.หน้าป้อมทางเข้าบ้านวิ่งเข้ามา

   “มีคนอยากพบกับคุณปั๊ม…” พี่ยามคงไม่คิดว่าจะเจอผมที่นี่ด้วย แต่ไม่ทันแล้ว เขาปิดผมไม่ได้ และนั่นทำให้ผมรู้ด้วยว่าที่เขาไม่อยากพูด เพราะคนที่มานั้นคือกัปตันนั่นเอง

   “ให้เขากลับไป…” ลุงเอกกำลังจะพูดแต่ผมขัดขึ้นก่อน

   “ไม่ต้อง” ผมยันตัวลุกขึ้นยืน

   “เดี๋ยวผมไปหาเอง”

   “คุณปั๊ม…” ลุงเอกจับแขนผมไว้ “ไม่ดีมั้งครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมเป็นอะไรไปก็จะได้รู้ว่าใครทำ” ผมยิ้มให้พ่อบ้านก่อนจะเดินออกไป

   ผมเห็นคนคุ้นตายืนอยู่อีกฝั่งของประตูรั้ว กัปตันดูโทรมกว่าทุกครั้งที่เจอ เขาแทบจะเก็บความรู้สึกไม่อยู่เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือทั้งสองข้างจับประตูรั้วไว้ ผมหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร พร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่หลบสายตา

   “ฉันรู้เธอใจสลาย” กัปตันเป็นฝ่ายเริ่มพูด ผมยังคงจ้องเขา

   “ครับ”

   “แต่ฉันอยากจะบอกเธอ” เหมือนกัปตันกำลังคุมสติไม่อยู่ “ที่ฉันทำไปทุกอย่างมันมีเหตุผล”

   “แค่นี้ใช่มั้ย” ผมเดินเข้าไปใกล้อีกนิด “มันก็เหมือนเดิมทุกครั้งที่คุณแก้ตัว บอกว่ามีเหตุผล”

   “นั่นสินะ” กัปตันกระซิบ “บ้าเอ๊ย”

   “ผมจะรับรู้ไว้ กลับไปได้แล้ว” ผมเตรียมจะหันหลัง

   “ปั๊ม” เสียงนั้นดูอ้อนวอน มันทำให้ผมใจอ้อนและห้ามให้ตัวเองหันกลับไปไม่ได้

   “ครับ” น้ำเสียงผมเริ่มสั่นเครือแล้ว

   “ถึงเรื่องนี้มันจะเหี้ยยังไง และฉันก็ยอมรับว่ามีเรื่องที่ปิดบังเยอะ” เขาใช้หัวพิงกับรั้วเหล็ก “แต่ฉันไม่เคยโกหกว่ารักเธอ”

   เหมือนกับคำพูดนั้นกระตุ้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นอยู่ให้ไหลออกมา ผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังไหลผ่านข้ามแก้มไป

   “ผมก็อยากจะคิดแบบนั้น” ผมสะอื้น “แต่ผมรับมันไม่ไหวแล้วนะ”

   “…”

   “ผมก็อยากให้อภัยเหมือนทุกครั้ง แต่มัน…”

   “ไม่ต้องหรอก ฉันเข้าใจ”

   “ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว”

   “แต่ฉันจะรักเธอ”

   “ถ้าคุณรักผมจริง…” ผมเข้าไปใกล้ประตูรั้วมากขึ้น จนอีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามาจับแก้มได้ “คุณต้องปล่อยผมไป”

   “ฉันเข้าใจ”

   “บอกผมมาเถอะ มีเรื่องอะไรบอกผมมาได้หมด ไม่ว่าคุณจะโกหกอะไรผมรับได้ ถ้าคุณไม่ได้โกหกว่ารักผมแล้วคุณปิดบังอะไร”

   “ฉันบอกเธอไม่ได้จริงๆ ปั๊ม”

   “ทำไม”

   “เพราะมันจะทำร้ายคนที่ฉันรัก”

   “ผมรับได้”

   “ไม่ใช่… ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว” กัปตันพยายามรั้งหัวผมให้เอนไปพิงกับรั้วเช่นกัน ตอนนี้เราห่างกันไม่ถึงนิ้ว แม้จะมีรั้วบานใหญ่กั้นอยู่ก็ตาม

   “คุณหมายความว่าอะไร”

   กัปตันส่ายหัว ทำไม…ทำไมเขายังจะกล้าปิดบังอะไรผมอีก

   “อย่าขายบริษัทเลยนะ” กัปตันพูดต่อ “ไปต่างประเทศ ไปเรียน ไปใช้ชีวิต ไม่ต้องกลับมาอีก แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าทำให้พ่อแม่ของปั๊มต้องเหนื่อยเปล่า”

   “…”

   “กลับมาตอนพร้อม แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

   “คุณกำลังไล่ผมใช่มั้ย”

   “ฉันรักเธอ” เขากระซิบ “ฉันเลยต้องปล่อยให้เธอไปอย่างที่เธอบอก”

   “เราจะได้เจอกันอีกมั้ย” ผมยกตัวขึ้น จ้องมองไปยังดวงตาที่อยู่ตรงหน้า

   กัปตันทำท่าหัวเสีย เขากัดฟันแน่และระเบิดออกมา เหมือนกับว่าเก็บความลับไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขายอมแพ้กับตัวเอง

   “เจอสิ” เขาถอยห่างออกจากประตูรั้ว “ฉันเคยสัญญากับเธอไว้ แค่ครั้งนี้เธอสัญญาบ้าง…”

   “สัญญา?” ผมเริ่มตะโกนเพราะเขาถอยห่างไปไกลแล้ว “สัญญาอะไร!?”

   ผมโคตรงงกับสิ่งที่เขาพูด

   “อย่าลืมทำตามสัญญานะ” กัปตันฉีกยิ้ม นั่นเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “ลาก่อนปั๊ม”

   เปรี้ยง!

   เสียงฟ้าร้องพร้อมกับลมแรงไม่สามารถหยุดความคิดผมได้ ตอนนี้สมองของผมทำงานอย่างกับเครื่องจักร ภาพเป็นร้อยในอดีตฉายเข้ามาในหัว



   “ออกไป!” เสียงนั้นทำให้เด็กน้อยอย่างผมสะดุ้ง แม่กำลังด่าป้าแม่บ้านอีกแล้ว

   “ขอเถอะค่ะ อย่าแจ้งตำรวจเลย ฉันยอมพาลูกออกไปจากบ้านนี้ค่ะคุณนาย” คำขอร้องของแม่บ้านช่างสะเทือนใจเหลือเกิน

   “อุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำบ้านฉันเสียชื่อหมด!” ทุกครั้งที่โมโห แม่มักจะงี่เง่าเสมอ

   “ขอนะคะ…”

   “ออกไปจากเท้าฉัน!”

   “แม่!!” เสียงทุ้มนั้นคือพี่ใจดีคนนั้นนี่นา…




   “พี่ใจดีเหรอ…” ผมพำพำอยู่หน้ารั้ว จังหวะเดียวกับที่สายฝนเริ่มกระหน่ำลงมา…



   “ผมรับผิดแล้ว แม่ผมก็พยายามจะขอโทษ คุณจะมาทำร้ายแม่ผมอย่างนี้ไม่ได้!” เสียงแตกหนุ่มนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน…

   “แก…!!”

   “พอเถอะเป้ ไปกันเถอะลูก”

   “เออ ออกไปให้กันหมดทั้งแม่ทั้งลูก!”

   จากนั้นก็เกิดเสียงปาข้าวของ ผมวิ่งไปหลบอยู่ตรงมุมบันได และมองเห็นป้าแม่บ้านนั้นเดินร้องไห้ร่างกายปวกเปียกออกไปจากบ้าน

   “ออกไปสิ! ยืนอยู่ทำไม!!”

   “รู้ไว้นะครับ เรื่องนี้มันเกิดจากลู…” เสียงพี่ใจดีหยุดชะงักไปดื้อๆ

   “อะไร!”

   “…” เขาไม่พูดต่อ

   “ประสาท! ออกไป!!”

   ผมปรากฏตัวขึ้นขณะที่พี่ใจดีเดินถือของพร้อมใบหน้าโกรธแค้นออกมาจากห้องนั่งเล่น เขาหันมาเจอผมยืนอยู่บนบันได ทว่ากลับเปลี่ยนสีหน้าที่เคยน่ากลัวนั้นกลายเป็นรอยยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งที่เจอ

   ผมรู้ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว

   “แล้วมาวิ่งตามเครื่องบินกันอีกนะ”

   คนตัวสูงนั้นครุ่นคิดแต่ก็พยักหน้า ผมรู้ว่านั่นคือการสัญญา

   “ได้เลย”

   ผมจำความรู้สึกผิดนั้นได้ดี เพราะเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากผม

   กับเขา ผมไม่เคยดื้อเลย




   “พี่ใจดีจริงๆ เหรอ?” ผมยังคงพูดกับตัวเองแม้จะจำได้แล้ว

   ผมเหมือนคนโง่เลย

   เขากลับมาหาผมจริงๆ

   ผมรู้สึกว่ารอบกายไม่เปียกอีกต่อไป หันไปพบว่าลุงเอกยืนกางร่มให้อยู่ เราสองคนมองหน้ากัน ผมรู้ว่าลุงเอกก็ได้ยินเรื่องทั้งหมด

   “ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนผีหลอกหลอนเลยนะครับ”

   ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

   ใช่ ผีจากอดีตที่โคตรคิดถึง

   และเขาเพิ่งได้เดินจากผมไป


จบตอน



 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


น้ำตาไหลแบบไหลฮืออออ
ฝากด้วยนะครับ ชื่นชอบ ให้กำลังใจ ติชม ฝากเม้นท์ แชร์ บวกเป็ดเป็นพลังให้นักเขียนหน่อยน้า

พาปั๊มเดินทางมาไกลมาก ใจก็ไม่อยากทำปั๊มเศร้าเลย
แต่ผมวางตอนจบไว้แล้วก็ต้องซื้อสัตย์กับตัวเอง แต่ไม่เศร้าแน่นอน

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #162 เมื่อ02-07-2017 18:51:20 »

ทำไมเป็นแบบเน้  :z3:  :z3: ไม่อยากจะเดาอะไรต่อแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #163 เมื่อ02-07-2017 20:16:52 »

อะไรกันเนี่ย เครียดเลย   :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #164 เมื่อ02-07-2017 22:15:55 »

รู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ เวลาที่มีคนทำร้ายเรา แล้วบอกว่า ทุกอย่างที่ทำไป 'มันมีเหตุผล' มันเหมือนว่าต่อให้รักกันมากแค่ไหน เราก็สำคัญน้อยกว่าเหตุผลของเขาอยู่ดี

อีกอย่างนะ มาถึงขนาดนี้ แต่กัปตันธีร์ยังเลือกที่จะปิดบังความลับไว้ แง่นึงอาจจะเพื่อปกป้องปั๊ม (เท่าที่เดา) แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่รู้จักพระเอกคนนี้เลย ปั๊มเองก็คงจะอยู่ในจุดนั้นเหมือนกัน คือ...คำว่ารักมันไม่มีผลอีกแล้ว ตราบใดที่ยังไม่เอาความจริงใาคุยกันอะ

 :mew6:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #165 เมื่อ03-07-2017 05:34:12 »

ว่าละ เอะใจตั้งแต่อุบัติเหตุละว่ามันแปลกๆ เพราะเพชรมีท่าทีแปลกๆที่ไม่อยากให้แจ้งตำรวจเพราะพ่อตัวเองทำสินะ แม่งง แล้วยังมีหน้ามาทำท่าจะจีบปั๊มอีก กัปตันก็ด้วย อยากรู้เหตุผลแกเหลือเกินว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องทำร้ายปั๊มขนาดนี้ ขนาดตอนบอกว่ารักเรายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยค่ะ แม้แต่ตอนมาหาปั๊มก็เหมือนกัน ไม่เห็นกัปตันจะรู้สึกผิดอะไรขอโทษปั๊มสักคำก็ไม่มี พร่ำเพ้ออะไรไม่รู้บ้าบอ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมบอกปั๊มอีกปิดบังกันต่อไป เหอะ แล้วทำมาอ้างว่าทำเพื่อปั๊ม แต่ทำร้ายปั๊มเนี่ยนะ พอปั๊มจะขายบริษัทเน่าๆที่มีคนอยากได้นักหนาก็ไม่ให้ขายอีกทั้งๆที่ตัวเองปกป้องคนที่จะฆ่าปั๊มเพราะจะฮุบบรษัทนี่ เออ งงว่ะ ผู้ชายแบบกัปตันนี่มีความจริงใจอะไรบ้าง เราอ่านเรื่องนี้ไปก็ระแวงไปหมดทุกคนอ่ะ สุดท้ายก็อย่างที่คิด คนใกล้ตัวนี่แหละที่ทำร้ายเราได้เจ็บที่สุด   :katai1: :เฮ้อ: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #166 เมื่อ03-07-2017 13:59:34 »

กลัวทุกคั้งที่อ่านเรื่องนี้

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #167 เมื่อ03-07-2017 18:11:44 »

อยากรู้เหตุผลของกัปตัน และก็เรื่องอดีตด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมกัปตันถึงไม่ยอมบอกปั๊ม

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #168 เมื่อ03-07-2017 19:43:39 »

ทำไมเป็นแบบนี้

แล้วกัปตันทำเพื่อคนที่รักจริงเหรอ

ไม่ว่ายังไงถ้ารักกันจริง

คงไม่ทำร้ายกันขนาดนี้


ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #169 เมื่อ08-07-2017 22:12:02 »

22
ล่องลอย


ทุกคนมีเรื่องราวที่ต่างกันไปเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า
สำหรับผม... เรื่องราวทั้งหมดคือเขา

 


            “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

            ผมวางโทรศัพท์อย่างยอมแพ้ ผมติดต่อกัปตันไม่ได้จริงๆ แม้จะพยายามมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าเขาหายสาบสูญ

            เฮ้อออ

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

            “เข้ามาได้ครับ”

            “คุณปั๊มครับ เหมือนผมเจออะไรบางอย่าง” ลุงเอกเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษหนึ่งใบในมือ “ผมใช้เส้นสายที่เป็นเพื่อนเก่าเคยทำงานพ่อบ้านสมัยที่คุณท่านกับคุณนายยังอยู่ เขาบอกว่าตอนที่แม่คุณธีร์โดนไล่ออกไปแล้วก็ยังติดต่อกันอยู่ครับ”

            ผมรีบลุกจากเตียงแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นมา

            มันเหมือนเป็นใบรับรองแพทย์หรืออะไรสักอย่าง ที่ยืนยันว่าคุณ ‘ศรัญญา ศรีเพ็ง’ เป็นคนไข้

            แต่ที่ผมสนใจ มันประทับตรา ‘โรงพยาบาลจิตเวช’ นี่สิ

            “แน่ใจเหรอฮะว่านี่คือแม่กัปตัน? นามสกุลไม่เห็นเหมือนกันเลย” ผมถามพ่อบ้าน

            “ไม่นามสกุลพ่อ ก็เปลี่ยนนามสกุลครับ แต่เขายืนยันว่าชื่อนี้คือแม่คุณธีร์ สืบประวัติไปแล้วก็ตรงกันครับ”

            นั่นสินะ คนแบบเขาจะมีอะไรปิดบังอีกกี่เรื่องก็ได้

            “ทำอีท่าไหนถึงเป็นคนไข้โรงพยาบาลจิตเวชได้นะ” ผมวางแผ่นกระดาษลงบนเตียง พลางกอดอกครุ่นคิด

            “เหมือนกับว่าแม่คุณปั๊มจะฝากรอยแผลทางใจไว้มากกว่าที่คิดนะครับ” พ่อบ้านว่า “ญาเป็นคนที่รักคุณนายมาก รับใช้มานาน เหตุการณ์วันนั้นคงไม่มีวันลืม”

            แน่สิ ผมยังไม่ลืมเลย

            “ขอบคุณฮะ” ผมพูดแค่นั้น จริงๆ อยากให้ลุงเอกออกไปก่อน ขอใช้ความคิดกับตัวเองสักหน่อย

            “ยังติดต่อคุณธีร์ไม่ได้ใช่มั้ยครับ

            “อือ” ผมพยักหน้า เรื่องนี้ได้แต่ถอนหายใจไปวันๆ ครับ “เพชรบอกว่ากัปตันต้องโดนพักงานปีนึงตามกฏ ถึงจะไม่ได้ผิดแต่ก็ถือว่าทำเสื่อมเสีย”

            “จะถามอยู่พอดีเลยครับ คุณปั๊มแน่ใจเหรอที่ให้คุณเพชรดูบริษัทแทนตอนนี้”

            “มันก็ไว้ใจได้สุดแล้วปะลุงเอก” ผมว่า

            “แต่พ่อเขา...”

            “ไม่มีอะไรหรอก”

            “ก็ได้ครับ ถ้าคุณปั๊มเห็นอย่างนั้น” พ่อบ้านพยักหน้า “คุณปั๊มอย่ารำคาญคนแก่อย่างผมเลยนะครับ บางทีผมอาจจะจู้จี้คิดมากไปบ้างเท่านั้นเอง”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นน่า”

   “คุณปั๊มน่าจะเตรียมตัวกลับไปเรียนได้แล้วนะครับ” ลุงเอกพูดขณะจับลูกบิดประตู “เหมือนผมที่กำลังจะเตรียมตัวกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่ง”

   แล้วประตูบานนั้นก็ปิดลงไป ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้าทันที ลุงเอกยังหาวิธีพูดให้ผมรู้สึกแย่เพิ่มขึ้นได้สิน่า

   RRRRRRRRRRR

   ผมเงยตัวขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ หลังจากเห็นชื่อเพชรที่โชว์หราอยู่ก็รับสาย

   “ว่าไง”

   [โอ้โห เสียงเหนื่อยจัง] เพชรพูดกลับมา [ฉันเพิ่งกลับจากออฟฟิศ จะบอกว่าจัดการเรื่องเอกสารที่ค้างให้หมดแล้วนะครับ]

   “อือ ขอบใจมากนะ ตรองได้ช่วยบ้างหรือเปล่า”

   [แน่นอน แต่ตรองกลับไปก่อนเราสักพักแล้วนะ จริงๆ เสร็จงานตั้งแต่เย็นแล้ว เราเถรไถลไปหน่อย”

   “อืม”

   [เออ ปั๊มจะกลับไปเรียนตอนไหนนะ]

   “วันศุกร์นี้แล้ว คืนวันพฤหัสบดี”

   [อ๋อ ไฟล์ทดึกใช่มั้ย โอเคงั้น… เรานัดกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวเราเลี้ยง สักพรุ่งนี้ก็ได้ก่อนบินกลับเป็นไง]

   ผมลองทบทวนข้อเสนอของเพชร บางทีถ้าผมจะทิ้งอะไรไว้ให้มันทำต่อ การนัดเจอกันก็เป็นเรื่องดีนะ จะได้คุยอะไรให้มันส่วนตัวหน่อย คราวก่อนเป็นการเป็นงานเกินไป

   “ได้เลย” ผมตอบตกลง ก่อนจะชวนคุยเรื่องใหม่ “ได้ไปเยี่ยมพ่อบ้างหรือเปล่า”

   [จะไปเยี่ยมทำไมคนพรรค์นั้น]

   “ยังไงเขาก็เป็นพ่อมึงนะเว้ยเพชร”

   [พ่อที่วางแผนฆ่าแล้วยึดบริษัทคนอื่นอ่ะเหรอ เราไม่โอเคว่ะ] น้ำเสียงผิดหวังของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้ว่าควรเปลี่ยนเรื่องดีกว่า บางทีไอ้เพชรอาจเซ้นสิทีฟเกิน

   “พรุ่งนี้มารับประมาณเที่ยงแล้วกัน”

   เพชรถอนหายใจ เหมือนกำลังปรับอารมณ์ [ได้ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ]

   “อือ แค่นี้นะ”

   [ฝันดี ไม่ต้องคิดมากนะ]

   “ฝันดีเหมือนกัน”

   เชี่ยเอ๊ยยย ไม่รู้ทำไมถึงตอบแบบนั้นไป ผมรีบวางสายเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแสดงออกอะไรบ้างหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะครับ มันจะคิดยังไงผมก็ยังไม่พร้อมจะสานสัมพันธ์อะไรกับใครอีกแล้ว สำหรับผม ทุกอย่างมันดูอ่อนล้าไปหมด ผมไม่อยากทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มันเหนื่อยไปหมดเลย

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกเป็นครั้งสุดท้าย

   “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

   เฮ้อ แต่ว่าก็ว่าเถอะ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ เหนื่อยใจมันชวนท้อจริงๆ




   “เก็บกระเป๋าพร้อมแล้วนะ” เพชรถามขณะที่เรานั่งอยู่ในรถ มันมารับตรงเวลาจริงๆ ครับ แถมแต่งตัวซะหล่อเชียว

   “อื่อ ลุงเอกจัดการให้หมดแล้ว”

   “แล้วปั๊มจะกลับมาอีกใช่มั้ย”

   “ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”

   “ไม่สนใจบริษัทแล้วหรือไง” ไอ้เพชรยิ้มแป้นพร้อมกับควงพวงมาลัย “กลับมาเหอะ อยากเจออะ”

   “มึงก็ไปหากูสิ”

   “ไม่ต้องชวนหรอก ไปหาอยู่แล้ว”

   “มึงนี่ก็พูดไปเรื่อยเลยนะ” ผมผลักหัวยุ่งๆ ของคนข้างๆ “สรุปจะกินอะไร”

   “ง่ายๆ ไปเลย อาหารญี่ปุ่น!”

   “เอออยากกินอยู่พอดี”

   แล้วรถของไอ้เพชรก็เลี้ยวเข้าอเวนิวใกล้บ้านผม เราสั่งอาหารกันอย่างกับจะไม่ได้กินอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ โดยเฉพาะผมที่สั่งเยอะเป็นพิเศษ ก็ช่วยไม่ได้ ไอ้เพชรมันบอกตามสบาย ตามสบายสำหรับผมคือ อยากได้อะไรต้องได้ หึ มึงคิดผิดแล้วไอ้เพชรเอ๊ย

   “เราดีใจนะที่ปั๊มยังไม่ขายหุ้นบริษัท” ไอ้เพชรเป็นคนเริ่มคุย

   “อือ มาคิดๆ ดูแล้ว ก็เก็บไว้ก่อนดีกว่า” ผมอธิบาย “พอกูเรียนจบ กูก็ค่อยกลับมาเอาคืนจากมึง”

   “ยินดีอยู่แล้ว พ่อแม่ปั๊มจะได้ภูมิใจนะรู้มั้ย”

   พูดแบบเดียวกับกัปตันเป๊ะเลยครับ

   เฮ้อ พูดถึงแล้วก็คิดถึง ทำอะไรอยู่วะไอ้บ้าเอ๊ย

   “เป็นอะไรเหรอ” เวรแล้วไง ไอ้เพชรเหมือนสัมผัสได้ว่าผมกำลังเหม่อ

   “เปล่า”

   “คิดถึงไอ้กัปตันอีกแล้วสินะ”

   “อือ”

   “หลังจากมันโดนคำสั่งพักงานไป เราก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย”

   “จริงเหรอ”

   เพชรพยักหน้า “ใช่ ตรองก็บอกว่าไม่เจอเหมือนกัน”

   “อืม”

   พูดถึงตรอง วันนี้หลังจากที่แยกกับไอ้เพชรแล้วผมก็มีนัดกับเลขาและไอ้ไวน์ต่อครับ เราจะล่ำลากันตามประสาเพื่อนสนิท เพราะนอกจากไวน์ ตรองก็กลายเป็นเพื่อนกึ่งพี่เลี้ยงที่สำคัญกับชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว ผมคงจะคิดถึงเลขาเอ๋อแดกคนนี้มากแน่ๆ เลย

   ผมกับไอ้เพชรคุยกันต่อเรื่องสัพเพเหระ รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่ผมต้องฝากให้มันทำแทนในช่วงที่มันต้องนั่งเก้าอี้ของผมจนกว่าจะผมกลับมา หลังจากคุยกับมัน รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ฝากงานไว้ เพชรดูกระตือรือร้นและเป็นงาน เข้าใจเร็วและดูจะมีไหวพริบ เผลอๆ เก่งกว่าผมอีกมั้งเนี่ย

   “จะให้ไปส่งที่บ้านเลยมั้ย” เราพูดกันหลังกินอิ่ม ถึงเวลาต้องแยกย้าย

   “ไม่ต้องๆ” ผมบอกปัด “เดี๋ยวเรามีนัดที่อื่นต่อ”

   “ให้ไปส่งมั้ย”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรานั่งอูเบอร์ไปเอง”

   “โอเค งั้นแปลว่าเราแยกกันตรงนี้นะ”

   “อื่อ โชคดีนะมึง” ผมบอก

   อยู่ๆ ไอ้เพชรก็อ้าแขน “มากอดหน่อย”

   “อะไร บ้าหรือเปล่า!” ผมหันตัวหนี

   “น่า มากอดหน่อย เร็ว!” ไอ้เพชรเดินเข้ามาหา แถมยังต้อนผมจนมุมอีก

   “โอ๊ย มาๆๆ กอดก็กอด” ผมยอมแพ้เดินเข้าไปในอ้อมแขนนั้น

   กอดกับไอ้เพชรเหมือนกอดกับเพื่อนมัธยมที่ตอนแรกเกลียดกันฉิบหายแต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนแท้ไม่มีผิด ถึงตอนแรกจะไม่ค่อยชอบหน้ามันบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมามันก็มีส่วนช่วยผมไม่มากก็น้อย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ขอให้มันรู้สึกผิดเรื่องพ่อมันน้อยลงแล้วกัน

   เอ…แต่ตอนนี้มึงกอดแน่นเกินจนกูปวดหัวปวดฉี่ไปพร้อมกันหมดแล้วครับไอ้ห่า

   “มึงงงงงแน่นเกินพอๆๆ” ผมผละออกจากอ้อมแขน “เดี๋ยวกูจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

   “ให้รอมั้ย?”

   “ไม่ต้องๆ มึงกลับไปก่อนได้เลย”

   “โอเค ไว้เจอกันนะ” เราทั้งสองโบกมือให้กันก่อน เพชรแยกตัวเดินออกไปจากร้าน ส่วนผม รู้สึกปวดฉี่มากๆ ก็เลยว่าจะแวะเข้าห้องน้ำก่อน

   เอ…ทำไมผมถึงรู้สึกหน้ามืดแบบนี้วะ อย่างกับตอนจะเป็นลมแดด แต่วันนี้ก็ไม่ได้เจอแดดเลยนี่หว่า ไปหมดแล้วสมงสมอง
   หลังจากปลดทุกข์ไป อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยครับ ทางที่ดีผมควรรีบเรียกอูเบอร์แล้วไปหาไอ้พวกนั้นโดยเร็วที่สุด เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้มีคนพาไปดูอาการ ผมจัดการเรียกรถ และนั่งเอนตัวลงบนโซฟาตัวเดิม

   จ้องมองดูเวลาที่รถจะมารับ เกือบห้านาที…

   โอเค แค่ห้านาทีเอง

   แต่… ตาผมเริ่มจะปิด

   สมองผมเริ่มล่องลอย อย่างกับว่าตัวผมง่วงมากอย่างนั้นแหละ

   อืมมมมมมม เพลียชะมัดเลย

   ขณะที่เริ่มหลุบตาต่ำลง ผมเห็นเท้าคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามา…





กลิ่นสนิมและเสียงหยดน้ำทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่รู้สึกคือความอึดอัดอันเนื่องมากจากเนื้อตัวที่เปียกเหงื่อจนเสื้อผ้าชุ่มไปหมด หลังจากที่ตั้งสติได้ผมก็รู้สึกหายใจไม่ออกตามมา แต่กว่าสายตาจะปรับมามองเห็นได้ก็ต้องใช้ความพยายามน่าดู มันปวดหัวไปหมด สมองแทบจะระเบิดออกมาเลยครับ

   แต่ที่ทำให้ผมได้สติอย่างแท้จริง คือการได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ แน่นชนิดที่ขยับตัวไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว

   “ว่าไง” เสียงนั้นเย็นยะเยือกแต่ก็คุ้นอย่างประหลาด ทว่ามันอยู่ทางด้านหลัง แม้จะใช้หางตามองก็ยังไม่เห็น

   “นั่นใคร!”

   “…”

   กูต้องเจออะไรอีกแล้ววะเนี่ย!?

   “ให้ทาย” เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

   “กูไม่รู้!”

   “ใช้สมองสิ คิดสิคิดๆๆๆ” เสียงนั้นใกล้เข้ามาอีก “เสียงกูไม่ได้จำยากเลย”

   “…”

   “ลองทายสิ…ธารทอง”

   !!!

   “เพชร…”

   ยังไม่ทันพูดจบ ใบหน้าไอ้เพชรก็โผล่มาให้เห็นก่อนแล้ว มันยิ้มมุมปากเหมือนพอใจทั้งๆ ขณะที่ผมกำลังงุนงงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

   “เซอร์ไพร์สก่อนกูบินกลับเหรอ” ผมพยายามคิดในแง่ดีนะ

   “ใช่แล้ว!!” มันทำดีดนิ้ว ยิ้มร่าตามสไตล์ของมัน

   “…”

   “แต่…มันจะเซอร์ไพร์สหรือเปล่าวะมึงว่า?”

   “…”

   “ไม่! นี่ไม่ใช่เซอร์ไพร์ส มึงคิดว่าตัวเองสำคัญจนกูต้องจัดงานบอกลาหรือไง” อยู่ๆ เสียงมันก็เย็นยะเยือกขึ้นมา เล่นเอาขนลุกซู่ไปหมด เริ่มรู้สึกทะแม่งๆ ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี

   ไอ้เพชรย่อตัวลงมาระดับเดียวกับผม พร้อมกับนั่งยองๆ และเท้าคางมอง ผมรู้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว ไม่ใช่จริงๆ

   มันส่ายหัว “ใช่แล้วปั๊ม ไม่มีการเซอร์ไพร์สห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ”

   “…”

   “กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงนิดหน่อย”

   โครม!!

   พูดจบแล้วมันก็ผลักเก้าอี้ที่มัดตัวผมอยู่ให้ล้มลง แน่นอนว่าตัวผมก็ต้องหน้าคว่ำตามไปด้วย มันจึงทำให้ผมมองเห็นร่างหนึ่งนอนหมดสติพิงกำแพงอยู่ที่มุมห้อง ไม่สิ…ดูรอบๆ แล้วเหมือนเป็นตึกร้างมากกว่า

   ผมใช้สายตาเพ่งแข่งกับความมืดจนรู้ว่านั่นคือ

   ลุงเอก!

   “พ่อบ้านมึงนี่ไม่ได้เรื่องเล้ย!” เสียงไอ้เพชรดูติดตลก ทำอย่างกับมีอะไรน่าขำ “กูแค่บอกว่าจะมาเอากระเป๋าให้มึง ยังเสือกหาเรื่องตามกูมา มันก็เลยต้องอยู่ในสภาพนี้แหละ”

   “มึงทำอะไรลุงเอก!!” ผมตะโกนลั่นด้วยความโกรธจนตัวสั่นไปหมด

   “ใจเย็นๆ ปั๊ม มันยังไม่ตาย แค่สลบไป” ไอ้เพชรเอามือมาลูบคางผมเล่น ไอ้ห่าเอ๊ย หนีไม่ได้!

   “อะไรกับกูอีกล่ะ คราวนี้มึงคือตัวจริงหรือยัง! มึงกับพ่อมึงวางแผนทุกเรื่องเลยใช่มั้ย!!”

   “อวดฉลาดได้โง่มาก ผิดแม่งหมดเลย” มันนั่งขัดสมาธิข้างๆ ตัวผม ทำมือทำไม้อธิบายอย่างกับนักวิชาการ “คืองี้พ่อกูแม่งไม่เกี่ยวเลยเว้ย เรื่องของเรื่องคือแผนการที่กูวางมาแม่งจะจบสวยอยู่แล้ว แต่พ่อกูเขาคงจับกลิ่นได้ว่าเป็นฝีมือกู ก็เลยสาระแนรับหน้าแทน ตอนนี้ก็เลยต้องไปนอนอยู่ในคุก น่าสงสารฉิบหาย”

   “แล้ว…แปลว่าเป็นมึงมาตลอด! มึงนี่เองที่เป็นคนทำทุกอย่าง!!”

   “แน่นอน! กูเพียวๆ เลย จะมีใช้มือคนอื่นบ้างนิดหน่อย แต่ก็แค่ไอ้มิ้น หลอกใช้งานแลกกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ คนมันร่านก็เงี้ยอะมึง เข้าใจใช่ปะว่าแลกกับอะไร?”

   “…”

   “แล้วมิ้นกับกัปตันเป็นแฟนกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ…”

   “จุ๊ๆๆๆๆ” ไอ้เพชรชูนิ้วชี้ขึ้นมาบนปาก เหมือนต้องการให้ผมเงียบ “ขอกูพูดเรื่องนี้ทีเดียวได้มั้ย กูยังรอแขกอยู่อีกคนนึง”

   “…”

   ไอ้เพชรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

   “จริงๆ มันควรจะมาแล้วนี่หว่า ไม่ตรงต่อเวลาเอาซะเล้ย” ไอ้เพชรถอนหายใจ “แต่ก็ดี มึงนอนอยู่ตรงนี้แปบนะ เดี๋ยวกูขอจัดฉากรอมันก่อน”

   แล้วไอ้เพชรก็หายไปด้านหลัง จากนั้นก็เกิดเสียงเอี๊ยดๆ เหมือนเป็นเสียงล้ออะไรสักอย่าง ไม่นานนัก รถเข็นวีลแชร์ก็โผล่ออกมาพร้อมกับบุคคลปริศนาที่นั่งอยู่บนนั้น

   หญิงวัยชราสวมชุดสีขาวทั้งตัวกำลังก้มหน้าเหมือนไม่ได้สติ ถูกมัดปากแน่นจนเนื้อบนแก้มนูนออกมาอย่างน่ากลัว ผมหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดเพราะรู้สึกคุ้นกับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน

   “ใคร!?”

   “ตัวละครรอง มึงไม่ต้องสนใจหรอกน่า” ไอ้เพชรโบกมือปัด “แต่มึงอย่าทำให้มันตื่นมานะ แม่งโวยวายโคตรเก่ง หูจะระเบิด”

   ผมมองหญิงชราคนนั้นอย่างเป็นห่วง แต่ที่ผมสนใจ มันมากกว่านั้นครับ

   “มึงกำลังรอกัปตันใช่หรือเปล่า?…”

   ไอ้เพชรหันขวับมาพร้อมกับอมยิ้ม ทำไมผมถึงรู้สึกว่าทุกรอยยิ้มของมันน่ากลัวฉิบหายเลยวะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยักกะรู้สึก

   “ทำไม คิดถึงมันเหรอ” ไอ้เพชรหรี่ตามอง “เออ จริงๆ กูโง่เองแหละ รู้อยู่แล้วว่ามึงคิดถึงมัน กูไม่น่าถามมึงบ่อยๆ เลย”

   “…”

   “ไม่รู้ๆๆ! รอดูๆ เดี๋ยวมันก็มาแล้ว” ไอ้เพชรส่ายหน้า “ถ้ามันยังไม่ตายด้านมันมาแน่ แต่ถ้ามันไม่มาก็เลือดเย็นฉิบหายเลยล่ะ”

   “…”

   “มันต้องมาอยู่แล้วล่ะ มันคงไม่ได้เย็นชาขนาดนั้นหรอกมั้ง”

   ไอ้เพชรก้มลงดูนาฬิกาอีกรอบ “โอเค! มา! ตอนนี้มึงคงไปขึ้นเครื่องไม่ทันแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นเราจะจัดการทุกอย่างแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ต้องกังวลเวลา”

   “…”

   “ระหว่างที่กูรอเพื่อน มึงอยากรู้เรื่องอะไรก่อนมั้ย…”

   “กูอยากรู้ทุกเรื่อง…” ผมตอบทันที

   “อืมยากจัง… งั้นเริ่มที่…”

   แอ๊ดดดดดด

   เสียงเปิดประตูทำลายบทสนทนาของเรา แสงจากเสาไฟฟ้าริมถนนด้านนอกลอดเข้ามาในช่องประตู ผมสามารถมองเห็นได้ผ่านระหว่างขั้นบันได เกิดเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ คนมาใหม่นั้นค่อยๆ ก้าวขาขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ไม่นานนักก็พ้นขอบบันได ปรากฏร่างใหญ่ที่คุ้นเคยค่อยๆ เดินขึ้นมา เขาหยุดอยู่ที่บนสุดของขั้นบันได แสงบางๆ ที่ลอดผ่านรอยร้าวของกำแพงเผยให้เห็นว่าเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนสีฟอก พร้อมหมวกแก๊ปสีดำสนิท

   “กูว่ามีคนเล่าเรื่องได้ดีกว่ากูแล้วล่ะ” อยู่ๆ ไอ้เพชรก็กระซิบข้างหูเล่นเอาผมสะดุ้ง

   ผมหรี่ตาเพ่งมองคนตรงหน้า ความมืดทำให้ผมเห็นแค่เห็นริมฝีปากเท่านั้น แต่…มันจะทำให้ผมไม่รู้ได้ยังไง ผมจำเขาได้เสมอ

   “กัปตัน…”

   คนถูกเรียกกระตุกริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเงยขึ้นมาให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน

   ไอ้เหี้ยเอ๊ย เขายัง…เหมือนเดิม

   และความรู้สึกตื้นตันแบบนี้ ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองก็ยังรักเขาเหมือนเดิมเช่นกัน ให้ตายสิวะ!

   กัปตันมองผมอย่างห่วงใยโดยไม่ต้องคิดให้เข้าข้างตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขากลับตวัดสายตาไปยังไอ้เพชร แววตานั้นทั้งดูโหดร้ายและดุดัน

   “มึงเล่นสกปรกอีกแล้ว” กัปตันพูดเสียงดังลั่น

   “มึงยังไม่ชินอีกเหรอ” ฝ่ายไอ้เพชรแม่งก็พูดอย่างไม่แคร์

   “…”

   “จะใช้วิธีไหนมึงก็ไม่โผล่หัวออกมาสักที ก็เลยเอามาแม่งทั้งสองตัวเลย”

   ผมสะดุดกับคำพูดนั้น

   เดี๋ยวนะ… แปลว่ามันเอาผมมาเป็นเหยื่อล่อ

   ผมหันไปด้านหลัง… ไม่ ลุงเอกไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ เขาแค่ติดร่างแหมาด้วย แต่คนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์นี่สิ…

   ให้ตาย!!

   ผมหันกลับไปมองหน้ากัปตันด้วยความช็อคสุดขีด ผมเห็นเขายืนกำมือแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธจนคิดว่าเขาน่าระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ จังหวะหายใจเข้าออกถี่ยิบเหมือนเครื่องจักรกำลังสตาร์ท

   ใช่แล้ว ผู้หญิงบนวีลแชร์คนนี้คือแม่ของกัปตัน!!

จบตอน



 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

ขอมาต่ออีกบทพรุ่งนี้นะครับ

ระวังเพื่อนข้างๆ คุณให้ดีนะฮะ :)

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
« ตอบ #169 เมื่อ: 08-07-2017 22:12:02 »





ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #170 เมื่อ08-07-2017 22:46:15 »

ว่าแล้ววว เราเอะใจเพชรตั้งแต่ตอนมาตีสนิทแรกๆแล้ว แบบมันดูไม่จริงใจอะ เฟค คิดว่านางนี่ละต้องตัวร้ายแน่ๆแล้วก็ ถูก! ไงละปั้มเอ๊ยยยย ทำไมไว้ใจคนอื่นง่ายแบบนี้ เรียนจะจบแล้วดูไม่มีวุฒิภาวะเลยจริงๆ คงต้องให้นางไปเรียนให้จบให้พร้อมแล้วค่อยกลับมาเหมือนที่กัปตันบอกละมั้ง ส่วนเพชรนี่ไม่น่าจะชั่วธรรมดา น่าจะ โคตรเลว!! ด่าพ่อตัวเองได้ยังไง ให้พ่อรับผิดแทนอีก โรคจิตจริงๆเลยแก  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #171 เมื่อ08-07-2017 23:34:03 »

โห คือเอาจริงๆ นี่พอจะเดาได้นะว่าเพชรร้าย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้ ออกแนวจิตด้วย ด่าพ่อตัวเอง พูดคนเดียว คือเห็นภาพเลยว่าความชั่วมันทำให้หน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว!

ปั๊มก็อีกคน ไว้ใจคนง่ายเกินไป เนี่ย เห็นมั้ย สุดท้ายลุงเอกก็ต้องมาเดือดร้อนด้วย (FC ลุงเอก) เฮ้อออออ นี่คิดเลยว่าที่เดือดร้อนก็เก็เพราะ point ที่พูดว่า จะกลับมาเอาคืนหลังเรียนจบ ไม่ยอมขายหุ้น บลาๆ เนี่ยแหละ

ส่วนคุณธีร์ ถึงเวลาที่ต้องเลิกปิดบังได้ละ เป็นงะ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมียก็เดือดร้อน แม่ก็เดือดร้อน ถ้าตอนหน้ายังไม่เปิดเผยอะไรอีกนะ จะสาปส่งแล้ว!

เครีนดดดดดดดด  :katai4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #172 เมื่อ09-07-2017 04:43:26 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #173 เมื่อ09-07-2017 12:31:27 »

เฮ้อ....

เหนื่อยใจแทนนายเอก

จริงๆบอกตรงๆ

ปัญหารอบด้านเยอะจังเลย

ไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้หรือเปล่า

สู้ๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
«ตอบ #174 เมื่อ09-07-2017 13:45:00 »

 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าเพชร ว่าแล้วว่าทำไมเรื่องมันจบง่ายจัง ยังรู้สึกไม่ไว้ใจเพชรเลย ที่แท้ก็เป็นเพรชจริงๆ สงสารปั๊มโดนปั่นหัวแล้วปั่นหัวอีก

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
23
เสพติดความเจ็บปวด




The thought that you could die tomorrow frees you to appreciate your life now.
(ความคิดที่ว่าคุณอาจจะตายในวันพรุ่งนี้ จะทำให้คุณตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตในปัจจุบัน)
- Angelina Jolie


   มันไปพาแม่กัปตันมาจากไหนเนี่ย…

   “ปล่อยแม่กู!” คำพูดของกัปตันเสียงดังฟังชัด

   “อ้าว!? แล้วไอ้นี่ล่ะ” อยู่ๆ ไอ้เพชรก็กดหัวผมอย่างดื้อๆ เล่นเอามึนตึบ กัปตันขากระตุกตั้งท่าจะเดินเข้ามาแต่ก็หยุดเพราะไอ้เพชรยกมือห้ามซะก่อน

   “อย่าหัวร้อนสิวะ” มันยิ้ม “คุยกันดีๆ ให้มันจบๆ ไป กูก็ไม่อยากเสียเหมือนกัน”

   “มึง…”

   “ตอนแรกกูก็อยากจบแค่เรื่องมึง แต่ว่าตอนนี้…” ไอ้เพชรทำเป็นลูบหัวผม แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความเอ็นดูหรอก “กูจะจัดการเรื่องส่วนตัวด้วยแล้วกัน”

   “มึงจะทำอะไรปั๊ม”

   “ทำอะไร!? ทำไม!? ยังไง!? ถามเป็นแม่งอยู่คำเดียวกันหรือไงวะ ถ้าไม่รู้ก็เงียบเดี๋ยวรู้เอง ไม่งั้นมึงก็ดักดานกันต่อไปเถอะ

   “…” ผมหลับตาปี๋เพราะความกลัว ฮืออออ

   “แต่คนที่โง่ที่สุดคือมึงเลยนะปั๊ม ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่มีมึงเรื่องคงไม่ลากยาวมาถึงตอนนี้”

   “…”

   “เอาของๆ กูคืนมา” มันแบมือไปทางกัปตัน

   “มึงจบเกมตอนนี้ยังทันนะ” กัปตันว่า

   “นี่ไง! กูกำลังจะจบ! ส่งมันมาให้กูสักที!”

   “ปล่อยปั๊มก่อน” กัปตันสั่งไอ้เพชร

   “อะไรกับมันนักหนาวะ” ไอ้เพชรก้มลงมาหาผมบ้าง “มึงรู้มั้ยกูอยากได้อะไร”

   “…”

   “ไอ้เหี้ยนั่นมันขโมยเอกสารมอบอำนาจจากมึงไปไง”

   “เหอะ ได้มากูไม่เซ็นให้หรอก” ผมมองคนตรงหน้าตาขวาง

   “ใครบอกให้มึงเซ็น มึงเซ็นเรียบร้อยแล้วครับ”

   !! เฮ้ย ไม่มีทาง! ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ๆ

   “ทำหน้างงเหี้ยอะไรวะ รู้ตัวหรือยังล่ะว่าตัวเองน่ะโง่ กูปลอมเอกสารส่งให้เลขามึงจัดการเป็นชาติแล้ว มึงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

   “มึง… มึงเลวมาก”

   “ด่าให้กูเจ็บจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” มันทำอย่างกับผมเป็นคนปัญญาอ่อน “แต่แฟนมึงมันฉลาดไง มันรู้เลยมาขโมยไป”

   ผมมองไปทางกัปตัน ฝ่ายนั้นยังคงนิ่งเดาท่าทางไม่ออก

   “จริงๆ มึงก็ไม่น่าพูดเลยนะว่าจะกลับมา กูจะปล่อยมึงไปอยู่แล้วเชียว”

   “…”

   “กูกะจะให้มึงตายเลยทีเดียว ไม่ได้อยากจะเอามึงมานี่เลย”

   “…”

   ไอ้เพชรก้มลงมากระซิบข้างหู “ตัดสายเบรกแบบที่พ่อแม่มึงโดนไง”

   สัด!

   วินาทีนั้นเหมือนร่างกายผมแตกละเอียด ความอัดอั้นทั้งหมดถูกปลดปล่อยเอ่อล้นมากับน้ำตา ผมมองมันอย่างเคียดแค้น ดูเหมือนมันก็อึ้งกับปฏิกิริยาของผมเช่นกัน

   มันนี่เองคือคนที่พรากครอบครัวไปจากผม

   “มึง…”

   “อะไร มึงเกลียดพวกมันอยู่แล้วนี่”

   “มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่จะเกลียดพ่อแม่ตัวเอง อึก!” ผมพูดแข่งกับสะอื้น อย่างกับว่ามีอะไรจุกอยู่ในคอ

   ผมเหลือบเห็นว่ากัปตันกำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาคงรู้สึกแย่ที่ผมต้องมารับรู้ความจริงแบบนี้

   แต่ผมขอแค่อย่างเดียว อย่าให้กัปตันมีส่วนรู้เห็นด้วยก็พอ

   “พ่อกูทำงานแทบตาย ไม่ได้กลับบ้านมาเจอลูก ตอนเมียตัวเองตายยังประชุมกับพ่อมึงอยู่เลย” มันสาธยายต่อ “กูเลยอยากจะเอาบริษัทเหี้ยๆ นี่มาแดกเองซะเอง อยากรู้ว่ามันสำคัญขนาดไหน ก็เลยแทรกซึมมาฝึกงาน ตอนแรกพ่อกูเขาก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ คงรู้ว่ากูเป็นยังไง แต่พ่อมึงอะเขาใจอ่อน รับกูเข้าแถมยังเอามาทำงานต่อเลย ต้องขอบคุณเขาจริงๆ”

   “…”

   “กูวางแผนมาเป็นปีๆ กว่าจะสำเร็จได้แม่งก็เหนื่อยเหลือเกิน”

   ไอ้เพชรยืนขึ้น พร้อมกับมองหน้ากัปตัน

   “เอาเอกสารมาให้กูสักที”

   “มึงไม่น่าทำแบบนี้เลย”

   “บ่นเหี้ยอะไรนักหนาวะ! ส่งมา!” มันตะคอกพร้อมกับเดินเข้าไป

   “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” กัปตันหยิบซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน จากนั้นก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านหน้า มันคือไฟแช็ค เขาหยิบมันจ่อกับกระดาษไวไฟพวกนั้นอย่างอวดดี

   “ปล่อยปั๊มกับแม่กูซะ”

   “อะไรนักหนาวะเนี่ย” ไอ้เพชรทึ้งหัวตัวเอง ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ ไม่ต้องสงสัยใดๆ ไอ้เพชรมีปัญหาทางจิตแน่นอน

   “หรือต้องเล่นแบบนี้วะ” ไอ้เพชรเดินเข้ามาเตะซี่โครงผมอย่างจัง

   “โอ๊ยยยยยยยย!!”

   “ปั๊ม!!” กัปตันร้องลั่น

   “ว่าไง!? มึงจะให้กูเตะมันโชว์อีกทีมั้ย อยากเห็นมันดิ้นขาดใจตายแบบหมาเหรอ!!”

   “อย่า!!” กัปตันร้องเมื่อเห็นมันทำท่าจะเตะอีกที

   “ส่งมาให้กู” ไอ้เพชรแบมืออีกครั้ง

   กัปตันชั่งใจกับตัวเองอยู่สักครู่ก่อน จนในที่สุดก็จำใจส่งเอกสารมาให้ไอ้เพชรแต่โดยดี

   เขากำลังปกป้องผม…

   “ให้มาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” มันหยิบซองที่ว่านั้นไปเปิดอ่าน คงเห็นว่าเอกสารครบถ้วนก็พับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้กับตัว

   “โอเคทีนี้ก็ตามึงแล้ว” จู่ๆ ไอ้เพชรก็ควักกระบอกปืนออกมาจากกระเป๋าอีกข้าง จ่อลงมาที่ผมซึ่งกำลังนอนอยู่แถมโดนมัดแน่นหนีไปในไม่ได้ ผมตกใจสุดขีดจนเผลอร้องออกมา ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม

   “มึงจะทำอะไร!? ไหนว่าจะปล่อยปั๊มไปไง!” กัปตันก็ตกใจไม่แพ้กัน

   “กูบอกมันแล้วว่าจะเคลียร์เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ใช่มั้ย” ไอ้โรคจิตยิ้มพร้อมกับยักเก้าอี้ผมให้กลับมาตั้งตรงอีกรอบ คราวนี้ผมเห็นกัปตันได้ชัดเจน เขาตัวสั่นเทิ้มเพราะความโมโห ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนจริงๆ

   “มึงอยากรู้ใช้มั้ยว่าเรื่องมันเป็นยังไง” มันกระซิบพร้อมกับเหล่ตาไปทางกัปตัน “มึงจะให้กูพูดหรือมึงจะพูดเอง”

   “หยุดเถอะเพชร มันยังทัน” กัปตันเดินเข้ามาใกล้ขึ้น พร้อมกันนั้นไอ้คนข้างๆ ผมก็ยกปืนเล็งไปเพื่อกันไม่ให้เข้าใกล้เท่าที่ควร

   “โอเค งั้นกูเล่าเอง” ไอ้เพชรชี้ไปทางหญิงชราที่อยู่บนรถเข็น “นั่นคือแม่ของแฟนมึง”

   “…”

   “หลังจากที่แม่มึงเฉดหัวสองแม่ลูกนี้ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารแม่กูก็รับเข้ามาทำงาน”

   “…” ผมอึ้ง พยายามตั้งใจฟังเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

   “แต่ตอนนั้นอีนี่เขาก็มีปัญหาทางจิตมาแล้วคงเพราะช็อคกับเรื่องที่โดนมา ความใจดีของแม่กูก็ส่งเสียไอ้เหี้ยนั่นจนเรียนจบ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ขณะที่ถีบหัวส่งลูกตัวเองไปเรียนที่ต่างประเทศ”

   “…”

   “พอนานเข้า แม่แฟนมึงเขาเริ่มสติแตกเกินจะรับไหว บ้านกูเลยส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลและจ่ายค่ารักษาให้ทุกบาททุกสตางค์!” ประโยคสุดท้ายมันกระแทกเสียง เหมือนตั้งใจจะเผื่อแผ่ให้กัปตันได้ยิน “แม่กูไม่ได้ขออะไรตอบแทนเลย แค่พูดว่าให้ไอ้สัดนั่นเรียนเก่งๆ และเป็นเด็กดีก็พอแล้ว มึงเชื่อมั้ยล่ะ!!”

   “มึงมันโรคจิต คนที่เป็นบ้าคือมึงนี่แหละ!” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมพูดออกไปอย่างนั้น ไม่รู้มันจะเดือดมั้ย แต่รอยยิ้มคนหน้าที่หุบลงไปนั้นเป็นคำตอบทุกอย่าง

   ปั่กกก!!

   มันตบผมด้วยด้ามกระบอกปืน ฉับพลันนั้นทุกอย่างพร่ามัวหูได้ยินแต่เสียงหวี่ยาวๆ

   “หยุดอยู่ตรงนั้น! กูยังพูดไม่จบ!!” มันชี้ปืนกลับไปที่กัปตัน ที่ตอนนี้ไม่หวงท่าที เขาดูเป็นห่วงผมมากและพร้อมจะกระโดดเข้ามาได้ทุกเมื่อ

   มันหันมายิ้มให้อีกครั้ง คราวนี้แนบชิดมากกว่าเดิม ใบหน้าของเราทั้งสองคนห่างไม่ถึงครึ่งนิ้ว

   “พอแม่กูตาย พ่อก็หายหัว กูเลยถามแฟนมึงไปว่าอยากทำอะไรทดแทนบุญคุณมั้ย กูเลยเสนอให้มันไปเปลี่ยนชื่อ ย้ายออกไปอยู่คนเดียว ทำตัวเหมือนเกิดใหม่และส่งไปเรียนโดยไม่ได้เสียเงินสักบาท ค่าเทอมมันน้อยกว่าค่าขนมกูเยอะเลยเจียดไปจ่ายให้ได้ กูส่งมันไปเป็นนักบินที่บริษัทพ่อมึง ล้วงความลับทุกอย่างด้วยสารพัดวิธี ซึ่งมึงไม่อยากรู้หรอกว่าวิธีอะไรบ้าง” มันฉีกยิ้ม “พอมันมีชื่อเสียงในบริษัท กูไม่แปลกใจเลยที่พ่อกูจะจำมันไม่ได้ ทีนี้ก็ถึงคราวที่กูต้องออกโรงบ้าง โดยการเข้าไปทำงาน และฆ่าพ่อแม่มึงซะ… แต่กูไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครหรอกนะ”

   ประโยคนี้ทำเอาผมกลับมาสติแตกอีกรอบ อยากจะหินสักก้อนทุบหน้ามันจริงๆ อย่าให้กูหลุดออกไปได้นะไอ้เหี้ย!

   “แต่แทนที่มันจะจบลงง่ายๆ แบบบริษัทจะกลายมาเป็นชื่อพ่อกูเพราะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อะไรทำนองนั้น แต่เปล่า เพราะพินัยกรรมเสือกอยากจะมอบให้ลูกชายเพียงคนเดียว นั่นคือมึง! และพ่อกูเสือกเห็นด้วย!!” มันตะคอกจนผมต้องเบือนหน้าหนี “แถมเสือกสาระแนอยากจะมานั่งบริหาร ทำอย่างกับเล่นของเล่น วันที่มึงโผล่หัวมาวันแรกกูนี่อยากจะยิงมึงทิ้งตรงนั้นเลย แต่ไอ้นั่นเขาเสือกลุกขึ้นมาโชว์แมนอยากให้มึงฮึดสู้เหี้ยอะไรก็ไม่รู้”

   ผมเหลือบมองไปที่กัปตัน

   เขา…ทำเองเหรอ เขาคุยกับผมเอง ไม่ได้โดนไอ้เพชรสั่งใช่มั้ย

   “มันก็คงทำไปตามประสาผู้ใหญ่ใจดีนั่นแหละ แต่กูก็ถือโอกาสนี้อ้างบุญคุญสั่งให้มันใกล้ชิดมึง เอาความดีเข้าสู้ เพราะกูรู้อยู่แล้วว่ามึงมันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ใจอ่อน อยากได้ความรัก”

   ผมอึ้ง…

   ปะ…แปลว่า ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงงั้นเหรอ?

   เขา…เขาไม่เคยรักผมเลย

   “ปั๊ม อย่าไปฟังมันพูด” กัปตันตะโกน ในขณะที่ผมก้มหน้าพร้อมกับร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมาคือค่าโง่และความผิดหวัง

   “ร้องสิ! ร้องเลย!! เห็นมั้ย กูวางเกมแล้วมาทุกอย่าง อ่อ! กูรู้กิตติศัพท์การเล่นแผลงๆ ของมึงสมัยเด็กๆ มาตลอด มันยิ่งทำให้กูรู้ว่ามึงก็เป็นพวกอยากเอาชนะอยู่แล้ว มึงคงมีแผนอะไรกับไอ้ธีร์แน่นอน แต่คงไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนตลบหลัง สุดท้ายกลายเป็นมึงเองที่รักมันเต็มเปา”

   “ฮะ…ฮึก” ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ใครก็ได้ทำให้ผมตายตรงนี้ที ผมหัวใจสลาย

   ผมอยู่ในฐานะคนแพ้… แพ้อย่างราบคราบ

   “ความรักก็อย่างนี้แหละปั๊ม แม่งเหี้ยเสมอ” มันทำเป็นลูบหัวผม ตอนนี้ผมหนีไม่ได้จริงๆ สติผมล่องลอย ไม่มีการสั่งการใดๆ จากสมองทั้งสิ้น “จะว่าไปแล้ว… ขอถามหน่อยมึงรู้มั้ยว่าตัวเองหน้าเหมือนแม่หรือพ่อ”

   “…”

   “ตอบ!!”

   “มะ…แม่” ผมกระซิบตอบแผ่วเบา เพราะเคยมีคนพูดอยู่บ้าง ปากคงสั่งการให้พูดออกไปแบบนั้น

   ไอ้เพชรลุกขึ้น พร้อมกับเก็บปืนไว้ที่กระเป๋าด้านหลังกางเกง

   “กูไม่ยุ่งกับแม่มึงแล้ว แต่กูจะขอยืมตัวหน่อยแล้วกัน”

   “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะไอ้สัด!” กัปตันวิ่งเข้ามา แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นไอ้เพชรทำท่าจะหยิบปืนอีกรอบ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยุดอยู่กับที่ ไอ้เพชรก็เก็บปืนลง

   “พูดง่ายๆ แบบนั้นแหละ”

   ไอ้เพชรเดินไปยังรถเข็นวีลแชร์ พร้อมกับหันมันไปอีกฝั่ง และเริ่มปลุกคนที่ไม่ได้สติให้ฟื้นขึ้นมา

   “ตื่นเร็วคนสวย ตื่นๆ” แม้มันเขย่าแม่กัปตันเบาๆ แต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งรู้สึกตัว เธอทำท่าโวยวายแต่ไม่ได้ยินเสียงเพราะถูกมัดปากไว้ ไอ้เพชรกล่อมให้อีกฝ่ายเงียบ จนเสียงอู้อี้นั้นหายไปจึงแกะผ้าที่มัดปากนั้นออก พร้อมกับหยิบอะไร
บางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสีขาวของเจ้าตัวคนที่นั่ง

   “ถือไว้นะ เจออะไรจัดการมันได้เลย  อย่าให้มันมาทำร้ายเรา เข้าใจมั้ย”

   คนบนรถเข็นพยักหน้า

   “ดีๆ วันนี้มีคนมาเยี่ยมนะ” แล้วไอ้เพชรก็หมุนรถเข็นมาทางผม

   หญิงชราคนนั้นเบิกตาโตอย่างน่ากลัว พร้อมกับกรีดร้อง!

   “ไม่!! ออกไป!! ฮือออออ ขอโทษ!!”

   ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ พยายามจะถอยหนีเพราะในมือของเธอนั้นมี…

   มีด!!

   แม่กัปตันตวัดแกว่งมีดเล่มนั้นไปมาอย่างกับกำลังจะวาดอะไรบางอย่าง เชื่อได้เลยว่าใครเข้าไปในรัศมีเธอนั้นจะต้องถูกกับคมแน่นอน

   “ฮืออออออออ เป้! เป้อยู่ไหน!! เป้ช่วยแม่ด้วย ฮือออออออออออ”

   “แม่!!” กัปตันไม่สนอะไรทั้งนั้นพร้อมกับวิ่งปรี่เข้ามาทันที แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะรัศมีการแกว่งมีดนั่นสามารถทำให้เขาเป็นอันตรายได้

   “ออกไป!!” เธอจ่อมีดไปที่กัปตันเหมือนจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร แปลว่าเธออาจจะเสียสติไปเต็มขั้นแล้วแน่ๆ “ฮืออออ เป้อยู่ไหน!!”

   “แม่ผมอยู่นี่ไง!”

   “ออกไป!!”

   “อย่าทำให้แม่มึงดีดสิวะ เดี๋ยวช็อคตายไปไม่รู้ด้วยนะ” ไอ้เพชรพูดอยู่ใกล้ๆ

   “แม่ใจเย็นๆ นะ แม่วางมีดลง ใจเย็นๆ นี่ไม่ใช่คนที่แม่คิด” กัปตันยังไม่ยอมแพ้ พร้อมกับอธิบายทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

   และที่สำคัญ เขาถือโอกาสนั้นจับมือผม และบีบแน่นเหมือนอยากบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้

   ซึ่งมันทำให้ผมร้องไห้มากกว่าเดิม

   แต่ผมรู้ว่ากัปตันทำอะไรมากไม่ได้ เขาไม่อยากให้แม่เขาตาย แต่กับผมนี่สิ เขาไม่ได้รักผมอยู่แล้วนี่

   เดี๋ยวสิ…ทำไมเขายังจับมือผมพร้อมกับใช้ตัวบังรัศมีมีดแบบนี้นะ

   กัปตันมองลงมาด้วยแววตาห่วงใย พร้อมกับกระซิบเบากว่าเสียงโวยวายของแม่เขา

   “อย่ากลัวนะ” ซึ่งแท้จริงแล้วผมก็ไม่ได้ยิน แต่อ่านปากเขาออก “ฉันอยู่ตรงนี้”

   ผมจ้องรอยยิ้มนั้นอย่างไม่วางตา และนั่นทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง

   “ถอยไป” ไอ้เพชรขู่กัปตันด้วยปืนอีกรอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างจำใจ

   เสียงโวยวายของแม่กัปตันยังดังอยู่ และมันดังมากกว่าเดิมเมื่อเพชรเข็นรถคนนั้นเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ตอนนี้เราห่างกันไม่เท่าไหร่แล้ว

   แต่อยู่ๆ มันก็แก้มัดผมให้ตัวไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป แต่แน่นอน ปืนจอแบบนั้นไม่สามารถวิ่งหนีได้หรอกครับ

   “มึงบอกว่ารักพ่อแม่มากใช่มั้ย” มันหยิบอะไรบางอย่างออกมา มันมีขนาดเท่าขวดยาหยอดตาและใสจนมองเห็นน้ำด้านใน

   “…”

   “แดก!” มันโยนมาบนตักผม

   “…”

   “เงียบทำเหี้ยอะไรล่ะ แดกเร็ว!” มันสั่งอีกรอบ แต่ผมก็ยังนิ่ง

   “…”

   “เงียบใช่มั้ย” แล้วมันก็เข็นรถวีลแชร์เข้ามาใกล้ขึ้นอีก คราวนี้แม่กัปตันอาละวาดหนักกว่าเดิม รวมทั้งมือยังคงกวัดแกว่งมีดอย่างไม่มีทิศทาง

   “มึงเลือกทางตายแบบเจ็บๆ สินะ” มันเข็นเข้ามาอีกนิด เสียงกรีดร้องนั้นดังจนแสบทะลุหัวใจ “เร็ว แดกเข้าไปนะครับ” มันนั่งย่อตัวลงข้างๆ แต่ปืนในมือยังเล็งไปที่กัปตัน

   “แดก”

   “ไม่” ผมตอบนิ่งๆ ไอ้เพชรหน้าตายในทันที พร้อมกับลุกขึ้นและเดินเข้าไปใช้ปืนจ่อขมับกัปตัน

   ผมนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเกิดลั่นขึ้นมา ต้องมีการสูญเสียแน่ๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก” กัปตันกระซิบ “ไม่เป็นไร”

   เขากำลังจะบอกว่าตัวเองยอมตายได้งั้นเหรอ

   “กูล่ะเบื่อ” ไอ้เพชรถอนหายใจ พร้อมกับเดินไปยังมุมห้อง

   และเล็งปืนไปทางลุงเอกที่สลบไม่ได้สติ…

   “เหี้ย!! มึงอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!!”

   “เอาสิ จะโยนทิ้งหรือจะทำอะไรก็ทำ จะเข้ามากระทืบกูก็ได้ แต่ก่อนมึงทำ กูยิงไอ้แก่นี่ก่อนแล้วแน่นอน”

   “…” มันทำให้ผมมีทางเลือก

   ผมมองหน้ากัปตัน เขาเหงื่อโซก วิตกไม่แพ้กัน

   “ฝากดูลุงเอกด้วยนะ” ผมบอกเขา

   “ไม่ปั๊ม อย่าทำตามเกมมัน” กัปตันส่ายหน้าขอร้อง

   “แต่…”

   ปัง!!

   เกิดเสียงกระสุนลั่นหนึ่งนัด แม่กัปตันเงียบไปทันที ส่วนผมใจหาย…ทว่ามันยังไม่ได้ยิงลุงเอกจริงๆ แค่ยิงกำแพงขู่เท่านั้น

   “รอบหน้ากูไม่เสียกระสุนฟรีๆ แน่”

   “…”

   “ปั๊ม มันต้องมีทางอื่น” กัปตันยังกระซิบอยู่ข้างๆ

   ไม่ ถ้ามันจะจบทุกอย่าง ผมจะทำ

   “ถ้ากูกิน มึงต้องปล่อยทุกคนในนี้ไป”

   “มึงขอกูเหรอ” มันเอียงคอถาม

   “ใช่ กูขอมึง”

   “อ้อนวอนกูสิ” มันเดินเข้ามา

   “…” ผมจ้องหน้ามัน “ถ้ากูกิน สัญญามาว่ามึงจะจบเรื่องนี้ และปล่อยทุกคนไป… ขอร้อง”

   มันยิ้มเหมือนพอใจในคำตอบ “ได้ กูจะปล่อยทุกคนไป”

   ผมมองหน้าคนตัวสูงกว่า พร้อมกับส่งข้อความทุกอย่างผ่านสายตา

   ผมทิ้งทุกอย่างในชีวิต ภาพพ่อแม่รวมถึงตรองกับไวน์และคนอื่นๆ ที่พบเจอฉายกลับมาในหัวจากนั้นก็กลั้นใจกระดกขวดที่มันหยิบยื่นมาให้ หลังจากปล่อยของเหลวในนั้นเข้าปาก ความร้อนของมันเผาไหม้ลำคอรวมถึงลำไส้ และสุดท้าย มันก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผม

   มือทั้งสองสั่นอย่างแรงแข่งกับจังหวะหัวใจที่คล้ายจะหลุดออก ผมหลับตาสนิทและตั้งใจปล่อยสติให้หลุดลอยออกไป แต่ผมยังรับรู้ได้ว่ากัปตันปัดขวดในมือผมออกและพุ่งตัวไปข้างหน้า





[อ่านต่อด้านล่าง]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 13:00:02 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
เครียดอะ เครียดมาก คือมีความกดดัน ลุ้นไปหมดเลย กังวลไปหมดว่าใครจะตาย กัปตันก็ทำอะไรไม่ได้ เครียดโว้ยยยยยย

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลุ้นมากคับ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อ]


กัปตันธีร์รอจังหวะนี้มานานแล้ว

   เขาสังเกตว่าเพชรค่อยๆ ลดปืนลงเพราะกำลังตั้งใจมองไปที่ปั๊มด้วยความพึงพอใจอย่างจดจ่อ หลังจากปัดขวดยาออกจากมือคนรักแล้ว กัปตันใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าไปแย่งปืนและโยนมันออกไปได้สำเร็จ!

   เคล้ง!

   อาวุธร้ายนั้นกระเด็นไปโดนเพดานและแฉลบออกไปอีกฝั่งของห้อง โชคดีที่ไม่มีกระสุนตามมา

   “โอ้โห มึงนี่ใช้ได้เลยจริงๆ เล่นกูตอนเผลอเหรอ” เพชรพูดยั่วขณะที่โดนล็อคข้อมือไว้

   “หยุด! มึงควรพอสักที” กัปตันพูดกลับ

   “พล่ามอะไรของมึงเนี่ย” ฝ่ายเพชรยิ้มอย่างตั้งใจยั่วอารมณ์

   “มันจะไม่มีใครมาเล่นตามเกมบ้าๆ กับมึงอีก!”

   “ทำไม? อ๋ออออ” เพชรเหลือบตาไปมองปั๊มซึ่งตอนนี้กำลังตัวสั่นหายใจหอบแรงและเฝ้าดูท่าที “จริงๆ กูก็รู้อยู่แล้วนะว่ามึงชอบมันจริงๆ”

   “กูบอกให้หยุด! เลิกปั่นประสาทสักที!”

   “หึ กูรู้ตั้งแต่วันที่มันบอกว่ามึงไม่ค่อยมาหามันแล้วล่ะ” เพชรพูดต่อ “เดาได้เลยว่ามึงต้องใช้มุกน้ำเน่าอยู่ห่างกันไว้เพราะจะได้ไม่เป็นอันตราย กูดูหนังพล็อตเหี้ยๆ นี้มาร้อยครั้งแล้ว กูเดาทางออก! กูเลยหันมาจัดการมันแทนนี่ไง”

   ปั่ก!!

   หมัดจากมือกัปตันนั้นถูกลงที่หน้าด้านซ้ายอย่างเต็มๆ

   เพชรปากแตก เลือดไหลออกเป็นสาย

   ทว่าเขากลับไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดแม้แต่น้อย…

   และสวนหมัดกลับไปอย่างเต็มแรง!

   ปั่ก!!!

   “อยากสู้เหมือนหมาข้างถนนงั้นสิ แบบที่มึงเคยเป็นไง คนมันเคยจรจัดมาก่อนนี่เนอะ”

   และนั่นเหมือนเป็นการตัดฟางเส้นสุดท้าย

   กัปตันธีร์พุ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ มอบหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ออมมือ แต่ละครั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความเดือดดาล

   ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

   ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

   ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

   “ฮ่า” ทว่าคนที่โดนกระทำยังทำเป็นเรื่องตลก “ใส่มาไม่ยั้งเลยนะมึง”

   ปั่ก!

   กัปตันธีร์มอบไปอีกหมัด และทำท่าจะง้างมืออีกรอบ

   แต่…

   “กัปตัน…” เสียงครางนั้นดึงความสนใจไปจากเขา ชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนขึ้นและมองไปยังเจ้าของเสียง เขาพบว่าปั๊มกำลังล้มลงจากเก้าอี้และนอนนิ่งก่อนจะดิ้นไปมาคล้ายกับหนอนที่กำลังถูกไฟลน

   กัปตันธีร์ไม่รีรอ เขาทิ้งเพชรที่เริ่มนิ่งไปและรีบพุ่งตัวไปหาคนที่ส่งเสียงทันที กัปตันหนุ่มช้อนคนตัวเล็กกว่าให้นอนบนตัก ดวงตาที่เริ่มปิดปรือนั้นไม่ได้ทำให้เขานิ่งนอนใจเลย

   “ปั๊ม” เขาตีไปที่แก้มคนบนตักเบาๆ “เป็นอะไรไป”

   “ระ…ร้อน” เสียงนั้นครางจนแทบไม่ได้ยิน “แสบ…แสบไปหมดแล้ว”

   “ได้กินไปเหรอ?” เขาพูดถึงน้ำในขวดบ้าๆ นั้น “กินทำไม บอกแล้วว่าอย่าเพิ่ง”

   ถ้าคุณไม่เคยเห็นผู้ชายที่เข้มแข็งและภายนอกดูแข็งแรงร้องไห้ นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

   กัปตันธีร์เริ่มรู้สึกไม่ดี แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าคนบนตักเริ่มนิ่ง ไม่ดิ้นอีกต่อไปแล้ว

   “ไม่ๆๆ ไม่เอานะปั๊ม” เขาเขย่าตัวคนตรงหน้าอีกครั้ง “อย่าสลบนะ ลืมตาไว้!”

   “ไม่ไหว… ผมไม่ไหว” เสียงนั้นเริ่มแผ่วเบา

   “โธ่ปั๊ม ไม่เอาน่า” กัปตันใช้มือเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของคนในอ้อมกอด

   ความรู้สึกทุกอย่างถาโถมในจิตใจผู้ชายคนนี้ ถ้าคำถามที่ต้องการคำตอบว่าเขารักเด็กคนนี้หรือเปล่า

   คำตอบคือ…ใช่

   แม้เขาไม่ได้กินยาบ้าๆ นั้น แต่ก็เจ็บปวดไม่แพ้กันที่เห็นคนที่รักทุรุนทุรายด้วยความทรมานอย่างนี้ เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเองอย่างถึงที่สุด และสาบานว่าจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดไป

   กัปตันหันไปทางแม่ตัวเองซึ่งกำลังมองมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ โดยใช้มือบังหน้าไว้ เธอมอบสายตาเข้าอกเข้าใจมาให้พร้อมกับพยักหน้า ทำอย่างกับว่าเธอเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างดี

   “แม่ ผมพาออกไปพร้อมกันไม่ได้ แม่รอตรงนี้นะ” กัปตันบอกเธอ

   เธอเพียงแค่ยิ้ม และพยักหน้าอีกครั้ง

   “ผมขอโทษ” กัปตันก้มหน้า ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถม

   และรู้สึกผิดที่ตัวเองรู้ว่า ด้วยสติที่ไม่สมประกอบแม่ของเขาไม่ได้เข้าใจอะไรจริงๆ หรอก

   กัปตันดึงร่างปั๊มขึ้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะช้อนตัวไปแต่นั่นดูท่าจะลำบาก เขาจึงเปลี่ยนเป็นจับร่างนั้นพาดไว้บนบ่าแทน

   แต่เมื่อเขาหันมา กลับเจอเพชรพร้อมกับปืนในมืออีกครั้ง

   “จะไปไหนเหรอ?” เสียงนั้นถามอย่างเลือดเย็น

   “เพชร หลีกไป กูต้องพาปั๊มไปหาหมอ”

   “หึ ไม่ทันหรอก เดี๋ยวมันก็ตายแล้ว” คนถือปืนยิ้มอย่างเยาะเย้ย

   “ทัน! ถ้ามึงหลีกทางไป!!”

   “กูปล่อยให้มึงไปพล่ามบอกใครไม่ได้แล้วกัปตัน” เพชรส่ายหัว ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากหมาจนตรอก “กูต้องจัดการทุกคนในนี้”

   “งั้นเอาเลย”

   อยู่ๆ กัปตันก็เดินเข้าหาวิถีกระสุน ตอนนี้ปากกระบอกปืนจ่อแนบอยู่ที่หน้าผากเขา

   “จะทำอะไรก็ทำเลย อย่ามัวแต่พูด”

   เพชรเบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้

   “ยิงสิ!” กัปตันตะโกน นั่นนับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะถ้าเพชรตกใจ กระสุนจะฝังหัวเขาได้ทันที

   “มึงนี่มัน…”

   “ถ้าไม่ยิงมึงหลบไปเถอะ กูขอร้อง” เสียงนั้นสั่นเครือ ยิ่งคนบนบ่ากระตุกมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาใจเสียขึ้นเท่านั้น

   “กูเคยอุตส่าห์นับถือความใจสู้ของมึง” เพชรยิ้ม พลางบดขยี้ปากกระบอกปืนที่จ่อบนหน้าผากนั้นอย่างเดือดดาล “ไม่อยากเชื่อเลยว่ามึงจะเป็นหนักขนาดนี้”

   “…”

   “กูขอโทษแล้วกัน”

   สิ้นเสียงเพชร พร้อมกันนั้นนิ้วชี้ของเขาก็ตั้งท่าอยู่ในความพร้อม แต่ฝ่ายกัปตันไม่หลีกหนี และจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความแน่วแน่ถึงแม้ในใจลึกๆ เขากลัวความตายไม่แพ้ใครก็ตาม

   ผัวะ!!

   เสียงนั้นดังทำลายความเงียบเล่นเอากัปตันสะดุ้งโหยงและใจหายไปอยู่ที่เท้า

   แต่นั่นไม่ใช่เสียงกระสุน มันคือท่อเหล็กอะไรสักอย่างถูกฟาดเข้าไปที่หัวของเพชรเต็มๆ

   หลังจากคนโดนทำร้ายจนร้องโอดโอยและล้มลงด้วยความเจ็บ กัปตันธีร์ก็พบว่ามันคือฝีมือของลุงเอกพ่อบ้านของปั๊มนั่นเอง

   “หัวก็ไม่ได้แข็งอย่างที่คิดนี่ครับ” พ่อบ้านวัยเลี่ยมทองพูดหน้านิ่ง

   กัปตันธีร์ถึงกับยิ้มออกมา เขาไม่เคยดีใจที่เห็นลุงเอกเท่านี้มาก่อน จากปกติที่เขาต้องระแวงเวลาหาเรื่องแอบเข้าห้องของปั๊มอยู่เสมอ

   ในขณะที่เพชรกำลังหาเรื่องควานมือไปหาปืนที่ตกอยู่ เป็นพ่อบ้านเอกเองที่ใช้เท้าเตะมันออกไปไกล

   “โธ่เอ๊ย!” เพชรโมโหจนพุ่งเข้าใส่คนที่เตะปืนของเขาและหวังเอาชีวิต

   กัปตันธีร์เห็นท่าไม่ดี จึงจำใจวางปั๊มไว้ที่พื้นอีกครั้ง คนตัวเล็กยังมีสติอยู่แต่หายใจอย่างโรยราเหลือเกิน

   เขาไม่ได้พูดอะไรกับคนตรงหน้า เพียงแต่รีบหันไปช่วยพ่อบ้านที่กำลังโดยทำร้าย กัปตันธีร์กระชากเสื้อเพชรมาชกใส่หน้าอีกรอบ ขณะที่ทั้งคู่กำลังซัดกันไม่ยั้ง เสียงหนึ่งแยกพวกเขา

   “หยุด!!”

   กัปตันธีร์นิ่งแทบจะทันที เขาจำเสียงนั้นได้ พร้อมกับขนลุกเมื่อสายตาหันไปพบว่าอะไรเกิดขึ้นตรงหน้า

   “แม่…”

   ใช่ แม่ของเขา… แม่ที่สติไม่สมประกอบของเขากำลังถือปืนเล็งมาทางนี้

   ซึ่งเป้าหมายของเธออาจจะเป็นไปได้ทั้งเขา และเพชร…

   “ญา…” พ่อบ้านพยายามจะเข้าไปเกลี้ยกล่อม แต่ดูถ้าเธอไม่ฟังอะไรอีกแล้ว

   “ยิงเลยคนสวย” เพชรยิ้มออกมาอย่างโรคจิตพร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางคนข้างๆ “ยิงมันเลย”

   “แม่ นี่ผมเอง…”

   “หยุด!!” หญิงสติไม่ดีพูดคำนั้นอีกรอบ

   “ยิงเลย ยิงๆๆๆๆๆ ง่ายๆ” เพชรพูดวนซ้ำไปซ้ำมา

   เคยมีคนบอกไว้ เราไม่มีทางรู้ว่าจิตใจคนบ้านั้นเป็นอย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ในหัวเธอบ้างในตอนนี้

   “ยิง! กูบอกให้ยิง!!” เพชรตะโกนลั่น และนั่นเหมือนเป็นสัญญาณครั้งสุดท้าย

   ปัง!!

   อยู่ๆ วิถีกระสุนก็ถูกเปลี่ยนไปอีกข้าง กระสุนฝังลงที่หัวไหล่ของเพชรอย่างแรง เลือดสาดกระเซ็น

   เกิดเสียงกระอักในลำคอ เพชรค่อยๆ ถอยออกไปด้วยความเจ็บปวด

   โดยไม่รู้ว่าด้านหลังของเขาคือบันได…

   “เหี้ย!” เพราะขาที่ก้าวพลาด ทำให้เขาร้องออกมาเสียงดังลั่น

   แต่ก่อนจะล้มลงไปตามขั้นบันได มือของเพชรกลับคว้าคอเสื้อของกัปตันทำให้เขาล้มตามไปติดๆ

   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโชคดีหรือความมีสติ กัปตันหนุ่มคว้าจับราวบันไดเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมไว้มั่นมือ จึงทำให้เขาไม่ได้ตกไปด้านล่างเหมือนคนที่ลากลงไป!!

   ขณะที่กัปตันมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกับภาพช้า เขาเห็นว่าเพชรเบิกตากว้างด้วยความกลัว… ให้อย่างเดียวที่ควรกลัวที่สุด นั่นคือความตาย

   ร่างนั้นกลิ้งไปตามขั้นบันได ทุกครั้งที่ร่างกระแทกจะเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บซึ่งน่าจะเป็นกระดูก และเมื่อสิ้นสุดที่บันไดขั้นสุดท้าย เสียงร้องโหยหวนนั้นก็แน่นิ่งไป

   เพชรไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว

   ถึงจะมองด้วยความสมเพช แต่กัปตันหนุ่มไม่มีเวลาเห็นอกเห็นใจขนาดนั้น เขารีบวิ่งกลับไปที่ปั๊มอีกครั้ง แต่มันแย่กว่าเดิม…

   ร่างเล็กนั้นกลับมาดิ้นอย่างทุรนทุรายอีกรอบ ประกอบกับมีน้ำลายฟองฟอดเอ่อล้นออกมานอกปาก และกำลังชัก!!

   ขณะที่กัปตันกำลังตกใจ เสียงหวอของรถตำรวจก็ตามมา

   ด้านนอกอาคาร คนที่ลงจากขบวนรถมาคนแรกกลับไปใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นตรองเลขาหนุ่มที่เตรียมรับมือเหตุการณ์นี้ไว้หมดแล้วเพราะกัปตันธีร์เป็นคนชี้แจงไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ กัปตันได้โทรบอกว่ากำลังจะจัดการเรื่องให้มันจบๆ และสั่งให้รอสัญญาณเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ แต่กัปตันเงียบหายไป ทำให้เขาร้อนรนใจจนสั่งให้ทุกฝ่ายออกมาโดยไม่รอคำสั่ง ซึ่งแผนการครั้งนี้ มีไวน์และเกรียงที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายคนสนิทเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์

   ขณะที่เลขาหนุ่มกำลังวิ่งเข้าไปในอาหาร สมองของเขากำลังปลอบใจตัวเองว่าต้องทัน

   ทว่าภาพตรงหน้า กลับมีร่างของเพชร ลูกชายคุณวินัยนอนนิ่งที่ปลายบันได และเมื่อเงยหน้า พบกัปตันกำลังแบกร่างของปั๊มลงมาด้วยความทุลักทุเล

   บางทีเขาอาจจะมาช้าเกินไป




ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย กัปตันกอดร่างปั๊มไว้หลวมๆ และเสียสละใช้นิ้วมือตัวเองแหย่เข้าไปในปาก เพื่อขวางไม่ให้คนในอ้อมแขนกัดลิ้นตัวเอง

   ถึงมันจะเจ็บ แต่มันก็เตือนเขาได้ว่า ปั๊มยังได้เป็นอะไรไป

   “ฉันอยู่นี่ อดทนนะ… อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

   เสียงปลอบใจของกัปตันกลายเป็นเสียงที่เศร้าที่สุดในชีวิตของไวน์ เขามองเพื่อนรักตัวเองอย่างรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งที่ปั๊มเป็นแบบนี้ นอกจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด บางทีการที่มีเพื่อนอย่างเขาก็อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเรื่องบ้าๆ นี้ การชวนเล่นอะไรแผลงๆ หรือมอบความรู้ผิดๆ ของเขาอาจจะเป็นสาเหตุอย่างเต็มเปา เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำตาก็ไหลทันที เขามันเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เรื่อง แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากเสียเพื่อนไป ยังอยากได้เวลาเพื่อกล่าวคำว่าขอโทษ

   ไวน์คว้ามือเพื่อนสนิทตัวเองมาจับไว้แน่น โดยมีตรองที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เงียบๆ

   สำหรับเลขาอย่างเขา การทำงานกับปั๊มเหมือนกับได้เลี้ยงน้องดื้อๆ ซึ่งเขาไม่เคยมี ปั๊มไม่เคยเป็นเจ้านายในสายตาตรองเลย ไม่เลย ในชีวิตที่ทำงานหนักมาตลอด และค้นพบว่าชีวิตนี้คงจะต้องอยู่กับงานตลอดไป การพบเจ้านายใหม่ที่เข้าอกเข้าใจและมีอารมณ์ขันทำให้เขาเปลี่ยนไปและมองโลกนี้ได้หลายมุมมองมากขึ้น เขาก็อยากเจอปั๊มอีกครั้ง เพื่อใช้โอกาสนั้นขอบคุณอย่างจริงๆ จังๆ ในสิ่งที่เคยให้มา ตอนนี้เขาอยากจะอ้อนวอนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้น้องคนนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

   “เธอได้ยินฉันมั้ย” กัปตันธีร์ยังคงไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงกระซิบที่ข้างหูคนดีของเขา

   แต่ทว่าร่างนั้นก็ยังดิ้นอย่างทรมานจนต้องเบือนหน้าหนี

   “ทำไมจังหวะของเราแม่งไม่ตรงกันเลยวะ” คนตัวใหญ่บ่นพึมพำพร้อมกับสะอื้น ทั้งๆ ที่พยายามข่มไว้แล้ว “ใช่ ฉันรักเธอ”

   “…”

   “จะไม่รักได้ยังไงล่ะปั๊ม เธอให้อะไรฉันมาตั้งเยอะแยะ” เขาฝืนยิ้ม “เด็กดื้ออย่างเธอแข็งแรงเสมอ ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง ครั้งนี้เธอจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ”

   “…”

   “ฉันไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะใครสั่ง ฉันเป็นนักบินก็เพราะเธอ เราสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะวิ่งตามเครื่องบินกัน …เธอจะได้วิ่งตามฉันไง”

   “…”

   “ปั๊ม ฉันรักเธอมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า สาบานเลยว่าไม่เคยโกหก”

   “…”

   “ถึงมันมีอะไรที่แฝงเข้ามาบ้าง แต่ลึกๆ แล้วสัญญาของเราสองคนก็ยังเป็นสัญญาที่สำคัญที่สุดนะ”

   “…”

   “ฉันยังรักเด็กน้อยหน้ากากสไปเดอร์แมนเสมอ ให้โอกาสฉันอธิบายได้มากกว่านี้เถอะ”

   “…”

   “แต่จริงของเธอ ฉันช้าไป ฉันผิดเองที่ไม่ได้ชัดเจนตั้งแต่แรก”

   “…”

   “กับเธอ… ฉันโหยหาโดยไม่ต้องมีใครมาสั่งเลย”

   “…”

   “แต่ฉันรู้ว่าเธอคงเกลียดที่ฉันโลเล เธออาจจะไม่ได้อยากเจอฉันหรอก” กัปตันกระชับอ้อมแขนและสะอื้นที่ข้างหู

   “เพราะอย่างนั้นตื่นขึ้นมานะ ถ้าไม่ได้เพื่อฉัน แต่ก็เพื่อทุกคนที่รักเธอก็ยังดี”

   “…”

   “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”

   บนสนทนานั้นเรียกน้ำตาจากพ่อบ้านวัยชราได้อย่างดี เขานิ่งเงียบตลอดเวลา ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เคยรู้สึกอะไรเลย

   แต่สำหรับวันนี้ เขายอมอยู่นิ่งๆ และเป็นคนเศร้าให้น้อยที่สุดดีกว่า พ่อบ้านอย่างเขาไม่ค่อยแสดงออกด้านอ่อนแอให้ใครเห็นอยู่แล้วนี่

   “ถึงแล้ว!” ตรองพูดโพล่งขึ้นมาเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

   และเมื่อมีบุรุษพยาบาลมารับ ฟันยางกันกัดและเครื่องช่วยหายใจก็ถูกสวมเข้าใส่ปั๊มซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะคนไข้เต็มตัว

   กัปตันธีร์ ไวน์ ตรอง และพ่อบ้านเอก ทั้งสี่คนวิ่งขนาบข้างเตียงพยาบาลเข้าไปในช่องทางซึ่งจะพาไปยังห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
 
   กัปตันธีร์มองรอบตัว ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าถึงเวลาต้องทำอะไรสักอย่าง และเมื่อสายตาผ่านไปเห็นหมอที่กำลังเตรียมรับคนไข้อยู่ข้างหน้า เขากลับปล่อยมือออกจากเตียงและโดดออกมาจากกลุ่มเสียดื้อๆ

   ใช่…เวลานี้ปั๊มไม่ต้องการเขาแล้ว และอาจจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป

   มีเพียงตรองเลขาหนุ่มเท่านั้นที่สังเกตเห็น แม้จะห่วงเจ้านาย เขาก็ยอมผละออกจากเตียงมาเหมือนกัน พร้อมกับเดินไปหากัปตันหนุ่มซึ่งยืนนิ่งเหมือนไม่ได้สติ

   “ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอครับพี่ธีร์?” ตรองถาม บนหน้ามีคราบน้ำตา

   กัปตันธีร์มองหน้าน้องที่แสนดีพร้อมกับรอยยิ้ม ณ มุมปาก คำพูดหนึ่งของคนที่เขารักมากที่สุดแล่นกับมาในหัว

   ‘ถ้าคุณรักผมจริง คุณต้องปล่อยผมไป’

   เขาพยักหน้ากับตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ตอนนี้เขาเข้าใจคำพูดนั้นอย่างถ่องแท้สักที…

   “ไม่” กัปตันส่ายหน้าให้ตรอง

   เมื่อได้คำตอบ เลขาหนุ่มเข้าใจทุกอย่าง และจะไม่ใช้โอกาสนี้ยื้ออะไรอีก เขาเคารพการตัดสินใจจากผู้ที่เป็นพี่ชายแสนดีในสายตาเขาเสมอ

   ตรองพยักหน้าให้กัปตันหนุ่มอย่างรู้กัน

   “ลาก่อนนะพี่” แต่นั่นไม่ได้ห้ามน้ำตาที่ไหลมาอีกระรอกได้เลย ตรองใช้มือปาดน้ำมูกตัวเองออก ถึงมันจะเศร้า แต่เขาเข้าใจว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด

   “ดูแลปั๊มแทนพี่ด้วย” กัปตันยิ้ม “ทำหน้าที่เลขาให้ดีที่สุด”

   ตรองไม่เสียเวลากับตรงนี้อีกต่อไป เขากลั้นใจและหันหลังวิ่งไปตามทางจนสุดสายตา

   กัปตันธีร์ยิ้มกับตัวเอง การบอกลาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

   เพราะนี่จะเป็นการจากลาด้วยความรัก อย่างที่คนรักของเขาเคยพูดไว้

   ถึงอย่างนั้น แม้ยามที่เขาหันหลังกลับและร้องไห้ นั่นจึงไม่ใช่เพราะความเสียใจ

   แต่กลับเป็นความดีใจเพราะเขาได้เจอรักที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว.


จบตอน



 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


ผมร่างบทนี้ไว้ตอนที่ผมเสียน้าไปกับโรคมะเร็ง
เป็นการสูญเสียที่ผมจะไม่มีวันลืม มันเร็ว และไม่มีโอกาสให้กล่าวลา
ถ้าไม่ว่าอะไร บทนี้ผมขออุทิศให้เธอครับ

ใกล้จบแล้วครับ เนื้อหาบทนี้อาจจะรุนแรงไปบ้างขออภัยมาในที่นี้

อย่าลืมบอกรักตอนยังมีโอกาสนะครับ :)

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด