20
เจ็บตัว

“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” เพชรถามขณะที่เราเดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆ
“ก็ดีนะ” ผมพูดสู้กับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ใช้เท้าเตะน้ำที่เคลื่อนตัวมาใกล้ๆ ก่อนจะถามต่อ “วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็คุยกันตามประสาผู้บริหารแหละ”
“พวกพนักงานจะตามมาพรุ่งนี้ใช่มั้ย”
“หมายถึงพวกลูกเรือที่ว่างกับพนักงานในตึกอะเหรอ?” เพชรเลิกคิ้ว “ใช่… ทำไม คิดถึงมันเหรอ?”
พูดถึงคนของกูดีๆ หน่อยได้มั้ยวะ ไม่ค่อยชอบเลย
“อืม”
“โทรหาสิ”
“มีโทรศัพท์ที่ไหนล่ะ”
“เอาของเราไปสิ” เพชรยื่นไอโฟนของตัวเองมาให้ “เรามีเบอร์”
เดี๋ยวนะ…
“มึงมีเบอร์กัปตันได้ยังไงอะ”
เพชรเงียบ ทิ้งระยะเหมือนคนกำลังต้องการอากาศหายใจ “เคยมีมานานมากแล้ว”
อ๋อ…สงสัยเรื่องเก่าที่เคยเป็นโจทย์กันละมั้ง
“อืม…ไม่อะ ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครตอนนี้”
“ก็ดีแล้ว ให้เราได้อยู่กับปั๊มหน่อย”
ผมทำหน้าเหม็นเขียวเมื่อได้ยินประโยคที่มันพูด
“ไอ้เพชร มึงไม่มีแฟนหรือเพื่อนอะไรให้ตะล่อมหรือไง ที่ทำอยู่อย่างกับมึงจะเอากูเป็นเมียให้ได้วันนี้แหนะ”
“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เออดิ มึงเทคแคร์กูดีเกิ๊น”
“เราชอบปั๊มละมั้ง”
“อย่ามาตลก” เดี๋ยวนี้เขาบอกรักกันง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอวะ
“ไม่ตลกนะ พูดความจริง”
“จริงก็ไม่ควรพูดปะวะ” ผมแทบจะหัวเราะ “มึงกับกูเนี่ยนะ โห่ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยไอ้เพชรเอ๊ย”
“ทำไมอะ”
“ก็ทางเทคนิคแล้วมึงกับกูเป็นศัตรูกันนะ”
“ฮ่าๆ ก็นี่ไง สานสัมพันธ์กันแบบเราจะได้ประโยชน์ทั้งคู่”
“มึงก็พูดไปเรื่อย”
ใครก็ได้เอาไอ้เพ้อเจ้อนี่ออกไปที
“เราพูดจริงนะ” เพชรหยุดเดิน พร้อมกับหันตัวมาบังทางผมไว้ โอเค ยอมรับว่าวันนี้มันดูดี แต่มันไม่ใช่จริงๆ ว่ะ
“กูก็ขอพูดตรงๆ นะว่าตั้งแต่มึงช่วยชีวิตกูก็มองมึงเป็นคนหล่อขึ้นมาสิบเวล” ผมเป่าปาก “แต่กูว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีแล้วนะเว้ย”
“ปั๊มคิดว่างั้นเหรอ”
“เออดิ” ผมพยักหน้า “มิตรภาพแบบนี้มันยาวนานจะตาย ถ้าเป็นอะไรกันอยู่ๆ วันนึงเลิกกันขึ้นมา กูไม่อยากเกลียดมึงนะ”
“ทำไมอะ เวลาปั๊มเลิกกับใครก็เกลียดหมดเลยเหรอ”
ผมคิดตาม “อืม… ก็เกือบทุกคนนะ เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไม่ได้จริงๆ ว่ะ”
“งั้นปั๊มรีบเลิกกับไอ้กัปตันสักทีสิ” ไอ้เพชรยิ้มหรา
“ไอ้บ้าเอ้ย” ผมส่ายหัวและเดินแทรกมันออกไปทันที จนมันเดินมาขนาบข้างอีกครั้งผมจึงถามต่อ
“นี่ถามอะไรหน่อยสิ แต่มึงจะไม่ตอบก็ได้นะ”
“ถามมาก่อนสิ” ไอ้เพชรทำหน้าสงสัย
“มึงกับกัปตันธีร์เคยมีปัญหาอะไรกันมาหรือเปล่า ทำไมมึงรู้สึกเกลียดเขาจัง”
“หึ” ไอ้เพชรยิ้ม “แล้วตอนมันอยู่กับปั๊มมันแสดงทีท่าว่าเกลียดเราหรือเปล่าล่ะ”
“ก็…” จะให้พูดยังไงล่ะวะ
“ว่าไง”
“อืม… ก็มีบ้าง” แงงงงง กัปตันผมขอโทษ
“ก็ตามนั้นแหละ” มันขยิบตา “เรื่องเก่าเก็บแล้ว เป็นเรื่องบ้าๆ ที่เรากับมันไม่มีทางลืมได้แน่นอน”
“อ๋อ…” ใจจริงก็อยากถามต่อ แต่คงเหี้ยไป งั้นเงียบแล้วกัน
ไอ้เพชรหยุดอีกครั้งก่อนที่จะหันมามองหน้าผม
“อยากกินอะไรหรือเปล่า?” เพชรถาม “หิวมั้ยเดี๋ยวไปหาซื้อให้ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”
“เวลานี้ยังมีอะไรให้กินอีกเหรอ” ผมถามกลับ
“จะกินอะไรเราก็หามาให้ได้ทั้งนั้นแหละ”
“งั้นอยากกินอาหารทะเลเผา”
น่อววววววว ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ กูนี่เหี้ยจริงๆ
“โห…โจทย์ยากจัง”
“ไหนบอกหามาได้ทั้งนั้น”
“งั้นเดี๋ยวเราขอออกไปตามหามาให้แล้วกันนะ”
“ขอบใจนะ” ผมบอก
“ถ้างั้น… ปั๊มกลับไปรอที่โรงแรมแล้วกัน เดี๋ยวเราเดินไปอีกหน่อยน่าจะมีร้านอาหารเปิดอยู่” มันเสนอ อืม…ครัวที่โรงแรมคงปิดแล้วล่ะ
“ให้เดินไปด้วยมั้ยล่ะ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเราไปเอง” ไอ้เพชรเสยผมสู้แรงลม “อย่าโดนฉุดไปซะก่อนล่ะ”
“โดนฉุดก็เหี้ยแล้ว” กูไม่ใช่หญิงสูงร้อยหกสิบตัวเล็กเท่าแท่งวัดระดับน้ำนะเว้ยยยย
ผมมองแผ่นหลังไวๆ ของไอ้เพชรลับไป จากนั้นก็จึงหันหลังกลับไปทางโรงแรม ตอนเดินมาไม่ค่อยสังเกตรอบตัวเท่าไหร่แต่ทำไมตอนนี้มันมืดจังวะ มืดไม่พอแถมเงียบอย่างกับห้างเอมบาสซี่ (ไม่รู้จะเทียบกับอะไรง่ะ) เอาจริงก็เริ่มกลัวๆ แล้วครับ แต่จะวิ่งตามไอ้เพชรก็ไม่ทันแล้ว เอาวะ กลับก็กลับ
ผมจำได้แวบๆ ว่าพวงกุญแจของโรงแรมมีไฟฉายอันเล็กๆ ขนาดเท่าปากกาห้อยติดอยู่ด้วย เลยหยิบมันมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ นี่มันมืดขึ้นหรือมีใครคลุมผ้าใบอยู่บนหัวกูกันแน่เนี่ย วังเวงเกิ๊นนน
ระหว่างทาง ผมหลบหินแหลมๆ กับกองขยะมามากมาย จนคิดในใจว่าตอนมากูก็ไม่เห็นนี่นา ตัดสินใจมองไปรอบๆ ฉิบหาย! ทำไมวิวไม่เหมือนกับตอนแรกที่มา ไอ้เหี้ยนี่กูหลงทางใช่มั้ยเนี่ย!!???
แล้วตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงพุ่มไม้ทางด้านข้างๆ สั่นไหว ไม่ใช่เพราะลมแน่นอน เสียงมันเหมือนกับใครกำลังแหวกต้นอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมรวบรวมความกล้าก่อนจะใช้ไฟฉายส่องไปทางนั้น
แล้วก็เห็น! ไอ้เหี้ยนึกว่าผี!!
คนจูบกันครับ…
สองหนุ่มสาวแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ไอ้ห่าเอ๊ย กูก็นึกว่าอะไร สองคนนั้นยกมือไล่ผมไปเพราะขัดจังหวะความสุข ผมเลยได้แต่พยักหน้าแบบอายๆ เดินออกไปอีกทาง
จะตะโกนถามทางกลับโรงแรมก็กระดากปาก เอาวะ คลำทางต่อเองก็ได้
ทว่า…
หมับ! มือหนึ่งคว้าแขนผมไว้อย่างกะทันหันทำให้ผมสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ผมใช้ไฟฉายส่องไปพบว่าเป็นไอ้โม่งชุดดำยืนนิ่งอยู่
“ไอ้ไวน์?… ตรอง?”
มุกนี้มีคนเคยใช้แล้วครับ ไอ้สองตัวนั้นที่ผมพูดชื่อไปนั่นแหละ
บุคคลปริศนานั้นเงียบ …เวรแล้วไง
“เฮ้ย ปล่อยกู!!” หลังจากที่ตั้งสติได้ ผมก็ร้องลั่นทันที
พลั่ก! ไอ้โม่งต่อยผมอย่างแรงจนเซจมลงกับทราย พวงกุญแจกระเด็นกระดอนหายไปจากมือ ผมใช้จังหวะนั้นคลานหนีแต่ว่าไม่ได้ผล
“ปล่อยกู!! ช่วยด้วยครับบบบบ!”
พลั่ก! มันต่อยผมอีกรอบ คราวนี้ตาผมเริ่มพล่ามัวเรียบร้อย
มันใช้จังหวะที่ผมมึน ยัดผ้าอุดปากผมไว้ จากนั้นก็จัดการกดหน้าผมลงกับทรายและใช้เข่ากดไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมา จังหวะนั้นเองที่คนร้ายหยิบเชือกขึ้นมามัดมือมัดขาผมไว้
“อ๊ากกกกก” ผมร้องไม่ได้ศัพท์เพราะพูดไม่ได้
ไอ้โม่งนั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการลากขาผมไปตามทาง ไอ้เหี้ยยยยยย อย่างกับหนังฆาตกรโรคจิต
ผมพยายามใช้ลิ้นดันผ้าจนในที่สุดมันก็หลุด!!
“ช่วยด้วยยยยย!!” ผมร้องลั่นอีกครั้ง
เหมือนไอ้โม่งมันจะโมโห จึงใช้เท้าเตะที่แก้มผมอย่างจัง
โอ๊ยยยยย เจ็บเชี่ยๆๆๆๆๆ
“มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ผมร้องลั่นอีกครั้งก่อนที่มันจะใช้เท้ายันหน้าผมอีกครั้งจนรู้สึกเบลอไป
ไวน์

ณ สวนหน้าที่พัก
“ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มแย้มตอบรับไอศกรีมโคนที่พี่ตรองยื่นมา
“จ่ายเงินมาด้วย” อีกฝ่ายแซวก่อนจะหย่อนตูดบนพื้นหญ้าข้างกัน
“เดี๋ยวเลี้ยงคืนหน่า แค่นี้สบายมาก” มันจะกี่บาทกันเชียววะฮ่าๆ
“รีบๆ กินเถอะ เดี๋ยวคุณปั๊มตื่นไม่เจอเราเดี๋ยวก็ซวย”
“กลัวโดนอาละวาดหรือไง”
“หรือว่านายไม่กลัว”
“กลัวครับ ไอ้ปั๊มนี่ผมกลัวยิ่งกว่าแม่อีกพี่”
“สนิทกันมานานแล้วใช่มั้ยล่ะ” พี่ตรองถามแข่งกับเสียงลมทะเล
“ตั้งแต่อนุบาล จนถึงตอนนี้ก็เกือบครึ่งชีวิตแล้ว”
“ตอนที่เกิดเรื่องกับพ่อแม่คุณปั๊ม ฉันก็เห็นนายนี่แหละที่อยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ต่อไปนะ”
งง… งงล่ะสิครับว่าทำไมผมกับพี่ตรองพูดคุยกันอย่างห่างเหิน
อาจจะดับฝันใครหลายคน รวมถึงตัวเองผมเองเช่นกัน เพราะเราทั้งคู่ตกลงแล้วว่าจะเป็นพี่น้องแบบนี้น่าจะโอเคกว่า ไม่มีใครผิด ผมไม่ผิด พี่ตรองก็ไม่ผิดที่ไม่ชอบผม ผมเข้าใจ แม้การอกหักจะเกิดขึ้นกับผมเป็นครั้งที่ล้าน แต่ในครั้งนี้มันง่ายดายกว่าทุกครั้ง บางทีผมก็ชินชาเสียแล้ว
แต่ก็ดีครับ หลังจากที่ได้ทดลองศึกษาดูใจ ผมพูดได้เต็มปากว่าพี่ตรองคือคนดีจริงๆ ครบเครื่อง ทั้งรูปทรัพย์และนิสัยใจคอ เขาควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ด้วยแหละ
เฮ้อ! พอ เลิกเพ้อ เดินหน้าต่อไป
“จะขึ้นห้องก่อนได้นะพี่” ผมหันไปมอง ไม่กล้าสบตาตรงๆ กลัวน้ำตาลูกผู้ชายไหล (สูดน้ำมูก)
“รอขึ้นพร้อมกันก็ได้ พี่ธีร์ส่งข้อความมาบอกพอดีว่ากำลังจะถึง”
ผมแทบสำลักไอติม
พี่ธีร์มาเหรอวะเนี่ย…
“กังวลอะไรเหรอ ทำไมขมวดคิ้วแบบนั้น” พี่ตรองที่สังเกตความวิตกของผมถามขึ้น
เวรเอ๊ย ต้องทำท่าทางให้ปกติที่สุดสิวะ
“เปล่าหรอกพี่ ผมคิดอะไรนิดหน่อย”
“นึกว่าเป็นพวกไม่ชอบขี้หน้าแฟนเพื่อน”
“เอาจริงนะพี่ แบบพูดเหี้ยๆ เลยคือตอนแรกโคตรดีใจเพราะแม่งจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายชวนผมไปนู่นไปนี่เรื่อยเปื่อย แต่พอเอาเข้าจริงสักพักผมก็เป็นห่วงมันนะพี่ ตอนแรกนี่ผมคิดมากเลยว่ากลัวเขาทนเพื่อนเราไม่ได้ แต่พอเห็นว่ากัปตันเขาเป็นคนดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็เลยโอเค ผมสบายใจแล้ว”
“ทีนี้เราก็ต้องมีแฟนมั่งแล้วนะ” พี่ตรองตีไหล่ผมเบาๆ
“หึ ก็พยายามอยู่พี่” ผมยิ้มอย่างรู้ทัน แหม่ อย่ากวนตีนผมสิครับ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังรักกันอยู่เลย หึๆ
“ใครอะ!!” เสียงดังนั้นทำให้เราทั้งสองคนผละออกจากกัน
เพชรวิ่งออกมาจากตัวโรงแรมด้วยสีหน้าแตกตื่น
“มีอะไรครับคุณเพชร” พี่ตรองรีบวิ่งเข้าไปหา
“เห็นปั๊มมั้ย”
“เอ๋ ไม่เห็นนะ” ผมแทรกตัวเข้าไปพูด อีกฝ่ายทำหน้าแบบมึงมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง
“เวรเอ๊ย! ปั๊มหายไป”
“หาทั่วแล้วเหรอครับ” พี่ตรองถามอีกรอบ เริ่มใจร้อนแล้ว
“ทั่วแล้ว โทรหาก็ไม่ติด ตอนเจอล่าสุดฉันบอกให้รอที่ชายหาด มาอีกทีก็หายไปแล้ว”
“แจ้งรีเซปชั่นดีกว่าครับ” พี่ตรองวิ่งพุ่งออกมาคนแรก พร้อมกับทำอย่างที่ว่าอยู่หน้าเคาท์เตอร์
จังหวะเดียวกันนั้นเองที่รถของโรงแรมเลี้ยวเข้ามา และคนที่ลงมาคนแรกก็คือกัปตันธีร์
กัปตันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เรามองหน้ากัน ก่อนเพียงจะพยักหน้าให้กันเท่านั้น
โอเค เป็นอันรู้กันครับพี่ ผมมาที่นี่ก็เพราะพี่สั่งเลยนะ
“มีอะไรกัน” กัปตันสะกิดถาม
“ปั๊มหายไปครับ” ผมตอบเบาๆ
“หืม” สีหน้ากัปตันเปลี่ยนไปทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปในวงนั้นด้วยความกระวนกระวาย
“หายไปได้ยังไงตรอง”
“เอ่อ…” พี่ตรองดูเหมือนจะพูดไม่ออก ได้แต่มองเพชรที่ยืนทำหน้าเหม็นขี้อยู่ข้างๆ กัน แต่เหมือนกัปตันคงรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากใคร เขามองเพชรแบบไม่พอใจก่อนจะหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากมอง
“ที่ไหน” กัปตันถามพี่ตรองซ้ำ
“ที่หาดครับ”
ไม่รอให้พูดจบดี กัปตันก็วิ่งออกไปด้านนอกชายหาดอย่างไม่ต้องให้ใครสั่ง
“ตรอง” เสียงนั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก ใครคนนึงเดินเข้ามา เขาตัวสูง ขาวและหน้าตาดี เป็นหนึ่งในคนที่ลงมาจากรถตู้นั่นเอง “ไปช่วยกัปตันหากันเถอะ”
“ครับพี่เกรียง” พี่ตรองเห็นด้วย ก่อนจะเชิญชวนผม “ไปด้วยกันไวน์”
พี่ตรองวิ่งนำออกไป โดยคนที่มาใหม่นั้นหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตาม คงสงสัยว่าผมทำงานที่นี่หรือเปล่าแน่นอน จากนั้นก็เหลือแต่ผมกับเพชร และแน่นอนต้องเป็นผมที่จะพุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก
“ปั๊ม!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อคนหายดังไปทั่วชายหาด ผมวิ่งไปสมทบกัปตันธีร์ที่เดินหาอยู่บริเวณกองหิน
“เฮ้ย!”
ผมวิ่งเข้าไปตามเสียงที่กัปตันร้อง
“อะไรกับครับพี่!”
“ผ้าอะไรวะ มีเลือดด้วย” กัปตันหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
ผมขนลุกชูชัน “ไม่ใช่มั้งพี่ บ้าหน่า”
“แล้วนี่อะไร” กัปตันใช้เท้าเขี่ยของบางอย่าง ก่อนจะหยิบขึ้นมา มันคือกุญแจห้อง กัปตันยื่นมันมาให้ผม และโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม
“ใช่ครับ ห้องของปั๊ม” เราทั้งสองมองหน้ากัน…
ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิดเลย
“ไวน์!!!” พี่ตรองตะโกนเรียก ผมกับกัปตันวิ่งไปในทันที
“ใช่…รองเท้าแตะโรงแรมเรามั้ย” พี่ตรองหยิบมันและวางลงข้างๆ ผมเพราะผมเองก็ใส่รองเท้าแตะโรงแรมมาเหมือนกัน
ใช่ครับ… มันเหมือนกัน!!
“ปั๊ม!!” ดูเหมือนกัปตันจะสติแตกไปก่อนใคร เขาตัดสินใจวิ่งไปที่ท่าเรือของโรงแรมข้างๆ เพื่อลองตรวจสอบดู
“เฮ้ย นั่นใครอะ” พี่ตรองชี้ไปที่ทางท่าเรือเช่นกัน
ใครคนหนึ่งที่ใส่ชุดดำทั้งตัวกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์เรือลำหนึ่ง ท่าทางดูมีพิรุต
“กัปตัน! ตรงนั้น!!” ผมชี้ไปยังจุดที่ว่าพร้อมกับพุ่งตัวนำกัปตันไปล่วงหน้า
ผู้ต้องสงสัยคนนั้นรู้ตัวและพยายามสตาร์ทเครื่องต่อไป แต่เหมือนกับมีความตลกของจังหวะ วินาทีสุดท้ายเครื่องยนต์ของเรือลำนั้นก็ติดจนได้
“เร็ว! กัปตัน!”
“กระโดด!!” เราสองคนทะยานตัวเข้าใส่เรือลำนั้นอย่างไม่คิดชีวิต กัปตันเข้าไปล๊อคตัวชายใส่โม่งดำส่วนผม…พุ่งความสนใจไปที่อะไรบางอย่างซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าใบอยู่
พรึบ! ผมอยากจะร้องลั่น แม่ง!! แทบช็อค!!
ไอ้ปั๊มถูกมัดตาปรือสลึมสะลือ ที่สำคัญคิ้วแตกหน้าบวมเป่งจนเกือบจำไม่ได้
ผมดึงเทปดำออกมาจากปากมันเป็นอย่างแรก
“ปั๊ม” กัปตันส่งเสียงเบาๆ เหมือนคนกำลังใจหาย ขณะที่กดตัวคนร้ายไว้กับเบาะ
“มึง อย่าหลับ” ผมตบหน้าเพื่อนรักเบาๆ เชี่ยเอ๊ย อยากจะร้องไห้ “โอเคนะ กูอยู่นี่แล้ว กูอยู่นี่!”
“ไวน์…” เสียงจากปากมันครางแผ่วเบา “ฮืออออ เจ็บ เจ็บ…ฉิบหาย”
“เออกูรู้ แม่ง…” ผมใช้นิ้วกดแผลแตกตรงคิ้วมันไว้ “จับมือกูไว้”
“ใคร…” ปั๊มเหมือนอยากจะหันไปมองว่าใครมากับผม “กัปตันหรือเปล่า…”
“ฉันเอง” กัปตันเอื้อมมาคว้ามืออีกข้างไปจับ เขาไม่สามารถเข้ามาได้เพราะต้องกดคนร้ายไว้
เออ แล้วคนร้ายนี่มันใครวะ
“คุณปั๊ม!!” พี่ตรองกระโดดเข้ามาในเรือ สีหน้าดูแตกตื่นกว่าใคร ข้างหลังมีคุณเกรียง และเพชรวิ่งตามมา
“เปิดหน้ามันเลยครับกัปตัน” คุณเกรียงวิ่งเข้าไปช่วยพี่ธีร์ พร้อมกับดึงไอ้โม่งที่ปกปิดใบหน้าคนร้ายออกอย่างไม่สนว่าจะแรงจนทำมันเจ็บหรือไม่
และเมื่อไม่มีอะไรปิดบังใบหน้า กลายเป็นว่าผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา
นั่นเพราะผมไม่รู้จักมัน… .ใครวะ?
(ไม่ได้ตั้งใจให้ตลกโว้ยยยยย)
แต่พี่ตรองก็พูดชื่อเฉลยออกมาให้แล้ว
“มิ้น…”
เฮลโหล ฮะ คิดถึงนะฮะ
แวะมาพูดคุยกันในเพจได้เหมือนเดิมนะฮะ
ฝากเม้นท์ แชร์ บวกเป็ดเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าฮะ
รักเด้อ ชาวทวิตภพคุยกันได้ใน #firemetothemoon นะฮะ
