Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 146606 ครั้ง)

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #30 เมื่อ09-12-2016 23:15:30 »

ดีงามต่อใจ แต่อย่าทำลายใจดวงน้อยๆของคนอ่านนักนะคะ กลัวมาม่าคุณแม่จัง เครียดขนาดไหนก็ได้แต่อย่าทำอะไรน้องกวางกะบ้านน้องกวาง  ส่วนแม่เหอซินรุ่ย ถ้าเธอคิดจะเป็นเหอซินลุ่ยก็อย่ามายุ่งกะเมืองลั่ว เมืองลั่วเป็นของท่านหยางติง อ่านแล้วอยากดีดคุณแม่มากค่ะ โมโหจริงๆ #อิน ไม่ชอบคนรั้นแบบโง่ๆ มันน่ากระ....@#%&*-+=%#&@%#**#  :fire:

ป.ล.ขออภัยอินจัด 555 พอดีช่วงนี้เจอคนรั้นแบบโง่ๆใส่บ่อย พอมาเจอในนิยายแล้วก็รมณ์เสีย คนแบบนี้ทางที่ดีไม่ต้องไปสอนไรมาก ถีบลงเหวไปเลยง่ายสุด (นอกเรื่องไป 555)

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #31 เมื่อ09-12-2016 23:28:31 »

อ่านจบแล้ววว 

พอจะเมนท์ถึงลู่ เกือบจะพิมพ์เป็นอาลู่  สงสัยติดมาจากอาเม่ย  :mew1:

ก็ว่าอยู่ ว่าทำไมลู่ออกจากป่ามาง่ายๆ หนีแม่มานี่เอง ซนนะเจ้ากวางน้อย ^^



ปล.1   เป็นเกียรติอย่างสูงได้รับการเจาะไข่จากเจ้าของเรื่อง 555

ปล.2     เราชอบมาเมนท์รีพลายใหม่  จะไม่ไปอีดิทเมนท์เดิม ส่วนนึงคือกลัวเจ้าของเรื่องไม่เห็น อิอิ

ขอบคุณไจฟ์ทีมากค่ะที่มาลงเรื่องใหม่  :กอด1:
 :pig4:





ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #32 เมื่อ10-12-2016 11:37:54 »

มาเก็บรายละเอียดอีกรอบ  ตัวละครเยอะจำชื่อยังไม่หมด
แต่ตอนนี้จำได้แค่จินลู่ กับหยางหลง 
อ่านรอบแรก ..เข้าใจว่าหยางติง แต่งตั้ง คนอื่นที่เป็นพี่คนโต
ซึ่ง.. อ๋อ ก็คือหยางหลงนั่นแหล่ะ  พี่คนโต  555
รอตอนต่อไป อิอิ
 :L2:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #33 เมื่อ12-12-2016 10:16:35 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ฉลองเรื่องใหม่  :m11: :m11: :m11:

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #34 เมื่อ12-12-2016 19:32:53 »

ตอนที่สองมาเมื่อไหร่หนอ รออ่านอยู่เน้อ

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #35 เมื่อ13-12-2016 14:22:50 »

อ่านจบบทแล้ว...ลู่น่ารัก น่าตีจริงๆ
"บอกแม่ข้าไม่ได้เท่านั้น เพราะข้าหนีแม่มา"
น้องไม่ผิด น้องแค่เดินตาม และมาขึ้นม้ากับผู้ชายเท่านั้น 555

ออฟไลน์ kanatthanit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #36 เมื่อ13-12-2016 16:04:21 »

สัญญาน้ำชาไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีว่าจะเข้ามาบวก เจิมเปิดเรื่องใหม่ เพิ่งได้เข้ามาวันอังคาร แฮะ ๆ  :mew2:
พี่บวกไว้ก่อน อ่านจบจะมา Comment อีกทีนะครับ  :mew1:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #37 เมื่อ13-12-2016 17:09:25 »

"เพราะข้าหนีแม่มา"จากจุดนี้เหมือนงานจะเข้าถ้าแม่จับได้ 555++

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ Ornon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #38 เมื่อ13-12-2016 22:05:45 »

รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ kanatthanit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #39 เมื่อ14-12-2016 11:23:02 »

น้องลู่เป็นลูกครึ่งเสือเทพกับกวางเทพ อย่างงี้หยางหลงก็งานหนักเลยสิ พ่อตาเป็นเสือเทพ โอ้ว ทำลูกเค้าเสียใจนี่ตายสถานเดียว

คำที่คิดว่าผิด

ขณะที่การกำหนดขอบเขตพื้นทีของหัวเมือง             ที่

หยุดพักม้าอยู่ที่ชานป่าสีทอง
พักกันอยู่ที่เขตชานป่า                                    ชายป่า ? หรือตั้งใจใช้คำนี้หรือเปล่า เพราะปกติ ชาน จะเห็นใช้กับชานเมือง ชานเรือน

จิ้งจอกไฟที่วิ่งไปอีกซ้ายมือ                            ไปทาง ?

หยางหลงไม่อยากเอ่ยคำลา แต่ก็มิแน่ใจว่าจะกลับมาที่ป่าสีทองได้อีกเมื่อใด   
ประโยคที่สองเป็นคำตอบของประโยคแรก ไม่น่าเชื่อมด้วย แต่ น่าจะเป็น เพราะ

จากนั้นก็เดินเล่นเข้าไปในป่า                         เข้าไปเดินเล่นในป่า ?

และทางเดินที่ยอดยาวไปสู่ห้องสมุด                      ทอดยาว

แทนข้าผู้เป็นเจ้าเมืองเช่นนี้เหมาะสมแล้วแล้วหรือ      เหมาะสมแล้วหรือ

เหอชินรุ่นเชิดคางขึ้นสูง                                      เหอชินรุ่ย

การค้าของเราไปด้วยดี                                              เป็นไปด้วยดี ?

แต่หากถามว่าการมอบตำแหน่งให้หยางแปลกไหม           หยางหลง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
« ตอบ #39 เมื่อ: 14-12-2016 11:23:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #40 เมื่อ14-12-2016 15:46:40 »

ก๊อกๆๆ เข้ามารอค่า

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #41 เมื่อ14-12-2016 17:03:58 »

 :mew3:

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #42 เมื่อ14-12-2016 21:42:12 »

เราตอบใต้เมนท์ไม่เป็นอ่ะ คือจากเมนท์คุณข้างบน
ทำไมเราไม่รู้สึกว่าเป็นการเขียนผิด แต่มันคือสำนวนการเขียนของคนแต่งอ่ะค่ะ
เราเข้าใจถูกใช่ป่าว. รอคนแต่งมาตอบ อิอิ

ออฟไลน์ Nathi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #43 เมื่อ14-12-2016 22:58:35 »

วันนี้จะมามั้ยหนอ

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #44 เมื่อ15-12-2016 07:14:41 »

 :katai5: :katai5: :katai5:

เข้ามารอกวางน้อยยย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #45 เมื่อ15-12-2016 14:45:48 »

 วันนี้จะมาไม๊น๊อออ :m5:

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #46 เมื่อ15-12-2016 22:21:12 »

แอบมาส่องอยู่ตรงชายป่า อิอิ
 :mew1:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #47 เมื่อ15-12-2016 23:14:26 »

สนุกกก น่าติดตามมากกก
ถือว่าเจ้าเมืองลั่วอะลุ่มอล่วยมากแล้วนะ มีฮูหยินที่คิดถึงแต่บ้านเกิดตัวเอง
ไม่ใส่ใจคนอื่น บ้านเมืองสามีจะเป็นไงก็ช่าง เอามาจากที่ไหนก็ควรไปคืนที่เดิมมากๆ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #48 เมื่อ15-12-2016 23:23:41 »

คิดถึงแรงงงงงงงง สมกับเป็นไจฟ์ที แค่ชื่อเรื่องก็กดแล้ว มาเห็นว่าเป็นใครเขียนอีกนี่....รออะไรละค้าบบบบ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #49 เมื่อ18-12-2016 08:25:19 »

ภาคกวางทอง

บทที่สอง

ภายในจวนเจ้าเมืองลั่วที่ปลูกสร้างอย่างร่มรื่น หยางติงเจ้าเมืองลั่ว และเหอชินรุ่ยผู้เป็นฮูหยินเจ้าเมือง ย่อมพำนักอยู่ที่เรือนหลังใหญ่ของจวนเจ้าเมืองที่ถูกเรียกว่าเรือนต้นสน
ส่วนเรือนที่พักของหยางหลงอยู่หลังถัดไป มีชื่อว่าเรือนต้นส้ม เป็นเรือนพักสองชั้น และมีสองห้องนอนใหญ่
ห้องหนึ่งเป็นห้องพักของหยางหลง ส่วนอีกห้องเป็นของฮูหยินที่พักอยู่กับบุตร

ลู่งงงัน เมื่อเดินตามหยางหลงมาถึงเรือนพักหลังนี้ แล้วพบว่ามีสตรีผู้หนึ่งกับเด็กชายสองคนในวัยหกขวบ และห้าขวบรออยู่

"นี่คือหลิวเพ่ยหลิงภรรยาของข้า แล้วนี่บุตรชายสองคนของข้า หยางเจียเจิงกับหยางเจิ้นขุย" หยางหลงเองก็ไม่เข้าใจตนเอง ว่าเหตุใดการแนะนำครอบครัวของตนเอง จึงมีความรู้สึกลำบากใจเจือปนอยู่ด้วย "เรียกเจิงเอ๋อร์กับขุยเอ๋อร์อย่างที่ข้าเรียกก็ได้"

ลู่ได้ยินคำแนะนำนั้น แต่ที่ยังมีสีหน้าไม่เข้าใจก็เพราะตระหนักว่าในที่นี้มีบางคนบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
ความไม่เข้าใจนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับการที่หยางหลงมีครอบครัวแล้ว
กล่าวกันตามตรง หยางหลงเองก็อายุมิใช่น้อยแล้ว หากไม่มีครอบครัวนั่นต่างหากจึงเป็นเรื่องแปลก....

ตัวคำถามที่กำลังวิ่งวุ่นวายอยู่ในสมองของลู่เกิดจากภาพของครอบครัวที่อยู่ตรงหน้า มีบางคนในกลุ่มนี้ที่ไม่ถูกต้อง ส่วนจะไม่ถูกต้องอย่างไรนั้น ลู่ยังตอบไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้เวลานี้คือการกล่าวโทษความอ่อนด้อย เบาปัญญาและไม่รู้จักฝึกฝน
แต่แม้จะรู้สึกถึงความผิดปกติ รู้ว่ามีบางคนที่ไม่ถูกต้อง แต่ลู่ก็รู้เช่นกันว่าไม่ควรปากเบาถามโพล่งออกไปต่อหน้าทุกคนโดยเฉพาะต่อหน้าเด็ก ๆ
เราไม่ควรแสดงความก้าวร้าวต่อหน้าเด็ก ๆ...หรือมิใช่...

ส่วนหลิวเพ่ยหลิงเมื่อเห็นท่าทีของลู่ที่มองพวกนางทั้งสามคนแม่ลูกสลับกันไปมา แล้วหันไปมองสามีด้วยสายตาที่มีคำถาม ส่วนสามีของนางเองก็เห็นว่ามีท่าทีแปลก ๆ คล้ายมีความลำบากใจที่จะแนะนำครอบครัว นางก็คิดร้อนตัวและกังวลว่าลู่อาจรู้เรื่องบางอย่างที่จะทำให้ดูหมิ่นนางได้
แต่อีกใจก็ยังเชื่อว่าสามีมิได้บอกกล่าวเรื่องราวนั้นกับคุณชายลู่ผู้นี้

หยางเจียเจิงและหยางเจิ้นขุย เด็กน้อยที่ไม่มีเรื่องราวในใจ เมื่อได้พบกับแขกที่มีอายุน้อยเช่นคุณชายลู่ หลังทักทายตามมารยาทก็ชักชวนไปเล่นด้วยกัน แต่หยางหลงแย้งว่าค่ำแล้วขอให้พูดคุยกันอยู่ในที่นี้ก่อนเถิด

ผู้ที่ไม่มีความสับสนวุ่นวายใจก็สามารถเปิดใจต่อกันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
แต่ผู้ใหญ่สองคนต้องพยายามรักษาอาการผิดปกติของตน

หลิวเพ่ยหลิงคิดคำนวนในใจว่า หยางหลงอายุยี่สิบหกปีแล้วและต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงบ่อย ๆ ขณะที่คุณชายลู่ผู้นี้มีอายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปี หากจะมีความผูกพันก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับหยางหลงโดยตรง อาจเป็นญาติทางฝ่ายท่านปู่ หรือท่านอาของหยางหลงที่อยู่ในเมืองหลวง ซึ่งหยางหลงพักอยู่ด้วยเมื่อครั้งที่เดินทางไปติดต่อราชการ จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจถูกขอติดตามกลับมาท่องเที่ยวเมืองที่เป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษ
แต่หากเป็นเช่นนั้นสามีก็น่าจะแนะนำตามตรงว่าเป็นน้องหรือหลานจากเมืองหลวง
หรือว่า.....
หลิวเพ่ยหลิงกำลังคิดไปถึงหยางติงเจ้าเมืองลั่วบิดาของสามี ที่มักเป็นผู้เดินทางไปเจรจางานที่เมืองหลวงด้วยเองในช่วงก่อนหน้านี้....

ยิ่งการที่บุตรสองคนซักถามคุณชายลู่ว่าเดินทางมาโดยลำพังหรือ แล้วบิดา มารดาไปไหน แล้วลู่ตอบว่าเดินทางมาโดยลำพัง นางก็ยิ่งรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย
"ไว้มาเล่นกันต่อในวันพรุ่งนี้ดีไหม" หยางหลงบอกกับบุตรทั้งสอง หลังจากที่ปล่อยให้เล่นด้วยกันอยู่ครู่หนึ่ง "พี่ลู่ของพวกเจ้าเพิ่งเดินทางมาถึง ท่านปู่ก็รั้งให้อยู่พูดคุยเป็นเวลานาน พวกเจ้าทั้งคู่เองก็ควรไปล้างมือล้างหน้าเข้านอนได้แล้ว" หันมากล่าวกับลู่ "ข้าจะไปส่งเจ้าที่เรือนรับรองดอกโบตั๋น"
ลู่พยักหน้าเห็นด้วย หยางหลงก็หันไปกำชับฮูหยินให้พาบุตรเข้านอนก่อน บอกว่าเมื่อส่งลู่แล้วก็จะรีบกลับมา
"คุณชายลู่พักผ่อนให้สบาย หากขาดตกบกพร่องสิ่งใดก็ขอให้บอกนะเจ้าคะ" หลิวเพ่ยหลิงกล่าวด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมีน้ำใจและอ่อนโยน ซึ่งขัดกับความคิดกังวลที่ซ่อนอยู่ในใจ

ลู่น้อยที่เพิ่งพบเจอความสับสนวุ่นวายในใจมนุษย์เป็นครั้งแรก ในวันแรกของการอาจหาญหนีมารดาออกมาจากป่าสีทอง กำลังยอมรับอยู่ในใจว่าการจัดการความคิดเมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่ซ่อนคำ ซ่อนสีหน้าไว้อย่างมิดชิดนั้นช่างยากนัก จนมิรู้ว่าควรจะมีปฏิกริยาตอบกลับไปอย่างไรดี

จากเหอชินรุ่ยมาจนถึงหลิวเพ่ยหลิง พวกนางล้วนให้ความรู้สึกถึงความซับซ้อนในใจ ความสับสน ความกังวลที่แสนจะวุ่นวาย เบื้องหน้าพวกนางเป็นอย่างหนึ่งแต่ในใจเป็นอย่างหนึ่ง
ลู่ตบหน้าผากเบา ๆ สั่งตนเองว่าเมื่อมิรู้ว่าควรทำอย่างไรก็สมควรประหยัดถ้อยคำไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด หากปากเบาโพล่งออกไป ว่าข้ารู้ว่าท่านกำลังโกหก แต่ไม่รู้ว่าโกหกเรื่องใด ใครที่ไหนเขาจะเชื่อ....

ดังนั้น เมื่อหยางหลงบอกว่าจะพาไปพักผ่อน ลู่จึงพยักหน้า แล้วหันไปกล่าวคำขอบคุณในความมีน้ำใจของหลิวเพ่ยหลิง และสองพี่น้องเจิงเอ๋อร์และขุยเอ๋อร์โดยที่ไม่ค่อยเต็มคำสักเท่าใดนัก ไม่สามารถยิ้มกว้างอย่างสดชื่นเหมือนเมื่อตอนที่พบกับหยางติงที่หน้าจวนเจ้าเมือง 

นี่อาจทำให้ดูเป็นกวางทองรุ่นเล็กแห่งป่าสีทองที่ช่างไร้มารยาท แต่ไว้วันพรุ่งนี้อาจมีความคิดที่เฉียบแหลมกว่าเดิม แล้วค่อยมากล่าวคำขอโทษ และยิ้มกว้างเหมือนเคยคงไม่สายไปกระมัง...

เรือนดอกโบตั๋นเป็นเรือนรับรองหลังใหญ่ ที่ผ่านมาจะมีการจัดเตรียมไว้รับรองแขกคนสำคัญในระดับตัวแทนของเจ้าเมือง หรือผู้สำเร็จราชการที่เดินทางมาจากเมืองหลวง เรือนแห่งนี้จึงตกแต่งอย่างสวยงามและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พร้อมที่จะรับรองแขกได้ตลอดเวลา 
ที่ด้านหน้าเรือนรับรองที่สวยงามมีคนรับใช้สองคนยืนรออยู่ คนหนึ่งเป็นหญิงสาวอายุสิบเจ็ดปี อีกคนยังเป็นเด็กชายอายุสิบปี
เมื่อมาถึงทั้งสองคนกล่าวคำแนะนำตนเอง
คนพี่สาวคือเซียงเซียงเป็นผู้ที่ดูแลเรือนรับรองแห่งนี้มาโดยตลอด ส่วนอีกคนคือเสี่ยวเป่าซึ่งเป็นน้องชาย คอยช่วยงานทั่วไปในจวนเจ้าเมือง
หลัก ๆก็คือช่วยพี่สาวทำความสะอาดเรือนแห่งนี้ กับช่วยงานบิดาทำความสะอาดห้องสมุด ดังนั้นเมื่อพ่อบ้านจวนเจ้าเมืองเรียกให้มาช่วยงานพี่สาวรับรองแขกที่มากับหยางหลงจึงทำให้เด็กเสี่ยวเป่ายินดีมาก
อารมณ์เหมือนกับได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียว

เมื่อหยางหลงและลู่เข้ามาในเรือนรับรอง สองพี่น้องก็ล่าถอยไปอยู่ที่มุมห้องเพื่อรอรับคำสั่ง
ชายหนุ่มชักชวนให้ลู่นั่งลงแล้วหันมาถามด้วยความเป็นห่วง เพราะสังเกตว่าตลอดเวลาที่เดินจากเรือนต้นส้มมายังเรือนดอกโบตั๋น คิ้วสวยคู่นั้นขมวดแน่น ทั้งดูความกังวล
"เป็นกังวลเรื่องใดอยู่"
"มิรู้"
"อ้าว งั้นเป็นเช่นใด" หยางหลงซักถาม
ลู่ส่ายหน้า ดวงตาสีทองที่มองมาทำให้หัวใจภายใต้อกหนาเต้นแรง แต่ต้องเสแสร้งว่ามิเข้าใจอาการนั้นของตนเอง
"ลู่" นิ้วมือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ข้างแก้ม "ขออภัยที่รับรองเจ้าไม่ดีนัก ที่นี่ช่างคับแคบและอาจไม่สะดวกสบาย"

ลู่น้อยส่ายหน้า เพราะความรู้สึกนี้มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับสถานที่ แต่เกี่ยวข้องกับผู้คนที่อยู่รายล้อมหยางหลงต่างหาก
ส่วนความรู้สึกของหยางหลง ต่อให้เจ้าตัวพยายามซ่อนไว้ แต่ลู่ก็ยังรับรู้ได้ ก็เหมือนกับที่ลู่เชื่อมั่นว่าหยางหลงรู้ว่าตนกำลังคิดอะไร
ลู่รับรู้ความรู้สึกที่ดีจากอีกฝ่ายได้ตั้งแต่สบตากันในคราแรก
เป็นความรู้สึกที่เรียบง่าย เข้าใจได้โดยง่ายอย่างยิ่ง

เพราะที่ป่าสีทอง ยังมีความสัมพันธ์อันแสนวุ่นวายของผู้ที่อยู่ที่นั่น ที่ชวนให้ปวดหัวกันอยู่ตลอด
มองดูที่ตัวของลู่เองก็ได้ มิจำต้องมองไปไหนไกล
มันช่างวุ่นวาย ยุ่งเหยิง เกี่ยวพันทับซ้อนกันไปมา จนทำให้เจ้ากวางทองไม่อาจเข้าไปคิดตัดสินว่าใครผิดหรือถูก
บางที....บางทีนะ การที่ลู่มัวแต่ตั้งคำถามว่า ทำไมสตรีทั้งสองคนต้องรู้สึกผิด แล้วทำผิดเรื่องใด ซุกซ่อนปิดบังไว้เพราะอะไร คำถามเหล่านั้นเองที่ทำให้เจ้าตัวไม่เข้าใจ แล้วก็ยิ่งอยากรู้ให้เข้าใจ
....กวางทองตัวน้อยเอ๋ย เจ้ากลายเป็นกวางทองที่อยากรู้เรื่องของผู้อื่นมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด

หยางหลงมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่แปรเปลี่ยนไปมา ก็สรุปเอาเองอีกครา
"พักผ่อนก่อนนะ หากมิกล้านอนคนเดียว จะให้เสี่ยวเป่ามานอนเป็นเพื่อนที่หน้าเตียงก็ได้"
เด็กชายตัวอ้วนกลมรีบพยักหน้าเมื่อเจ้านายเรียกใช้ ส่วนหญิงรับใช้ก็ให้คำมั่นว่าจะดูแลลู่เป็นอย่างดี

พี่น้องเซียงเซียงและเสี่ยวเป่าเป็นชาวเมืองลั่ว เมื่อแรกที่ได้ยินว่า หยางหลงพาคนผู้หนึ่งกลับมาด้วย ทั้งคู่ก็มีความสนใจเหมือนกับทุกคน ยิ่งเสียงร่ำลือว่าเป็นเด็กชายผู้มีใบหน้างดงามก็อยากพบ แต่ทันทีที่เห็นดวงตาสีทอง ทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี และตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ก็ดวงตาสีทองคู่นั้น คือสัญลักษณ์ของสัตว์เทพแห่งป่าสีทองมิใช่หรือ
ได้ยินเรื่องราวของเหล่าเทพแห่งป่าสีทองมาตั้งแต่เกิด ว่าให้คุณแก่ชาวเมืองลั่วอย่างไรบ้าง แต่มิเคยมีผู้ใดได้พบ เรื่องนี้จึงเป็นดั่งนิทานก่อนนอนของคนต่างถิ่น
แต่สำหรับชาวเมืองลั่ว นี่มิใช่นิทาน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่สัตว์เทพจะมาปรากฎตัวเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อได้พบผู้ที่มีดวงตาสีทองมายืนอยู่เบื้องหน้า สองพี่น้องจึงยินดีจนแทบหมอบกราบ แล้ววิ่งออกไปร้องตะโกนบอกให้คนทั้งจวนได้รับรู้
แต่มิเป็นไร พรุ่งนี้เช้าก็ยังมิสายที่จะไปโอ้อวดกับทุกคน...

"คืนนี้ดึกแล้ว" น้ำเสียงของลู่ช่างแผ่วเบา
"ใช่ คืนนี้ดึกแล้ว ลู่น้อยเด็กดี พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปชมสำนักคุ้มกันภัยของน้องรอง แล้วก็ยังมีโรงบ่มใบชา และร้านอาหารเลิศรสของน้องเล็กอีก เจ้าจะต้องชอบแน่ ๆ"
ลู่มองมาตรง ๆ ดวงตาสีทองคู่นั้นเป็นประกายสะท้อนแสงไฟ

"ลู่"
"ข้าจะไปนอนแล้ว ท่านก็พักผ่อนเช่นกัน"
ลู่หันไปหาเสี่ยวเป่า พยักหน้าให้พาขึ้นไปที่ห้องพัก หยางหลงมองตามจนทั้งคู่ขึ้นไปชั้นบนจึงหันไปฝากไว้กับเซียงเซียงอีกครั้ง โดยเน้นย้ำเรื่องอาหารการกินของลู่ที่แตกต่างจากผู้อื่นทั่วไป จากนั้นจึงเดินกลับมาที่เรือนต้นส้ม

หลิวเพ่ยหลิงพาบุตรทั้งสองคนเข้านอนแล้ว จึงกลับลงมานั่งรอสามีอยู่ที่ห้องชั้นล่าง
"ยังมินอนหรือเพ่ยหลิง"
"ยังเจ้าค่ะ ท่านพี่ไปเมืองหลวงนานเป็นเดือน ยามนี้ท่านกลับมาแล้ว ข้าจะเข้านอนก่อนได้อย่างไร" หลิวเพ่ยหลิงกล่าวยิ้ม ๆ ช่วยถอดเสื้อชั้นนอกของหยางหลงส่งให้คนรับใช้ "น้ำกำลังอุ่นพอดี ท่านพี่เช็ดตัวเลยดีหรือไม่"
หยางหลงพยักหน้า แล้วบอกกับฮูหยินว่าไม่ต้องปรนนิบัติ
แต่สุดท้ายเมื่อเช็ดตัวเสร็จออกมาจากห้องน้ำ หยางหลงก็พบว่าหลิวเพ่ยหลิงก็ยังคงนั่งรออยู่เช่นเดิม ส่วนคนรับใช้กลับไปพักผ่อนแล้ว
"มีเรื่องอันใด" หยางหลงเอ่ยถาม
"มากมายหลายเรื่อง" หลิวเพ่ยหลิงกล่าวพลางรินน้ำชาให้สามี
"เรื่องท่านพ่อกับแม่ของเจ้าที่เมืองหลวงน่ะหรือ"
"นั่นก็เรื่องหนึ่ง"
"อ้อ" หยางหลงพยักหน้า แล้วจิบน้ำชา

บิดาของหลิวเพ่ยหลิงคือรองเสนาบดีฝ่ายขวา ตระกูลหลิวของนางรับราชการมาหลายชั่วอายุคน นางสมรสกับหยางหลงตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ เมื่อมีความขัดแย้งอยู่ใกล้บุตรสาว รวมถึงเป็นที่รู้กันดี ว่ามารดาของหยางหลงเป็นผู้ใด รองเสนาบดีผู้เป็นบิดาจึงย่อมมีความเป็นห่วง
"ท่านพ่อที่เมืองหลวงเป็นเช่นใดบ้าง" หลิวเพ่ยหลิงไต่ถาม "หลังจากที่ท่านออกเดินทางไปได้เพียงสองวันก็มีจดหมายจากท่านพ่อส่งมา คิดว่าคนส่งหนังสือคงสวนทางกับท่าน"
หยางหลงพยักหน้า เพราะระหว่างทางไม่พบเจอกับคนส่งหนังสือจากเมืองหลวงเลยสักคน
"ท่านอยากให้ข้าส่งเจ้ากลับไปอยู่ที่เมืองหลวง" รองเสนาบดีหลิวผู้เป็นบิดาของฮูหยิน กล่าวคำนี้เป็นคำแรกเมื่อพบกันที่วังหลวง "เจ้าว่าอย่างไร"
หลิวเพ่ยหลิงส่ายหน้า "ข้าแต่งเข้าสกุลหยาง ก็ย่อมเป็นคนสกุลหยาง" รอยยิ้มของนางยังคงเป็นเหมือนเมื่อแรกพบกันเมื่อสิบปีก่อน "คืนนี้ที่ข้ารอจะพูดกับท่านพี่ก็คือเรื่องนี้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจในเรื่องของท่านแม่ และข้าจะไม่กลับไปอยู่เมืองหลวงกับท่านพ่อ"
"เพ่ยหลิง"

สะใภ้มิควรวิจารณ์มารดาของสามี หลิวเพ่ยหลิงจึงเก็บความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับมารดาของสามีไว้
เพราะความขัดแย้งระหว่างนางกับมารดาของสามีนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ต่อให้นางไม่เอ่ยปากก็คาดว่าหยางหลงจะรู้เรื่องอยู่บ้าง
นางเป็นสะใภ้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานางทำได้ก็เพียงสงบปากสงบคำ หลีกเลี่ยงการพบหน้ากับมารดาของสามีเพื่อลดความขัดแย้งในครอบครัว
อีกอย่าง นางถูกเลี้ยงดูโดยให้เป็นผู้ตาม ต่อให้มีความเห็นขัดแย้ง ก็ยังมักคล้อยตามผู้เป็นสามีอยู่นั่นเอง
ที่สำคัญเหนือกว่าทุกสิ่ง ก็คือความเมตตาที่หยางหลงมีต่อนางมาตลอดเวลาหลายปี ทำให้นางตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้สามีต้องลำบากใจ

หยางหลงยกมือขึ้นจะช่วยเก็บผมที่ระแก้มของฮูหยิน แต่นางเอนตัวหลบหนีมือ แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้อีกคนยกมือค้าง
"ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว ท่านพี่ก็อย่านอนดึกนัก" หลิวเพ่ยหลิงกล่าวแล้วลุกขึ้น
"เพ่ยหลิง"
ฮูหยินหันมามอง
"เจ้าไม่ถามข้าเรื่องลู่หรือ"
หลิวเพ่ยหลิงยิ้มขำ "กว่าที่ท่านจะมาถึงที่นี่ มีคนรับใช้วิ่งมาบอกเล่าให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว"
ต่อให้นางกับลูก ๆ รออยู่ที่เรือนนี้ก็เถิด
หยางหลงยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฮูหยินรับรู้จะครบถ้วนหรือไม่ "เจ้าเห็นดวงตาสีทองของคุณชายลู่หรือไม่"
หลิวเพ่ยหลิงพยักหน้า "ข้าเห็นแล้ว"
"เจ้าคิดว่าอย่างไร"
หญิงสาวเอียงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ "ไม่คิดอย่างไรนี่เจ้าคะ ผู้คนมากมายที่มีดวงตา สีผิว สีผมที่แตกต่าง ตอนที่อยู่เมืองหลวง ข้ายังมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีดวงตาสีฟ้า เคยพบคนที่มีผมสีทองด้วย"
ชายหนุ่มส่ายหน้า "นั่นคือคนที่มาจากต่างแดน แต่ดวงตาสีทองของคุณชายลู่ คือสัญลักษณ์ของผู้ที่มาจากป่าสีทอง เจ้าเชื่อหรือไม่"
นางยิ้มอ่อนหวานพลางส่ายหน้า "มิสำคัญว่าข้าเชื่อเช่นใด ท่านพาคนมา ทั้งเขายังดูไม่ค่อยแข็งแรง พวกเราดูแลเขาได้"

ไม่ได้สำคัญว่ามาจากที่ใด แต่สำคัญคือคุณชายผู้นี้ สามีของนางพามา แม้ในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเพราะนางเป็นคนที่มีความลับ แต่นางก็ยินดีที่จะดูแลเป็นอย่างดี

ทั้งเหอชินรุ่ย และหลิวเพ่ยหลิงต่างก็เป็นคนส่วนน้อยในเมืองลั่ว ที่ไม่เชื่อเรื่องป่าสีทอง และไม่เชื่อว่าสัตว์เทพมีอยู่จริง แต่หลิวเพ่ยหลิงเห็นว่า เมื่อเชื่อถือต่างกันก็ควรหาเรื่องอื่นมาพูดคุยกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนในเมืองลั่ว รวมถึงเหอชินรุ่ยที่มีความเห็นว่า การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ช่างน่าเบื่อหน่าย และเป็นทางเลือกของคนขลาด!

คืนนั้น หยางหลงมีเรื่องให้ครุ่นคิดมากมาย ตั้งแต่เรื่องการเจรจากับฝ่ายเมืองหลวง ที่จะต้องควบคู่ไปกับการไม่หักหาญฝ่ายเมืองเหอ มาจนถึงเรื่องของลู่
ท่ามกลางแสงจันทร์ และสายลมเย็น หยางหลงมองผ่านเงาไม้ไปที่เรือนรับรอง ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป
ภาพที่ติดอยู่ในการมองเห็นก็คือ ดวงตาสีทองคู่นั้น เด็กหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสดใส ใบหน้างดงาม ท่าทีที่อ่อนโยน หากแต่มีฝีเท้าที่ไม่มั่นคง การปรากฎตัวของลู่ต้องมีสาเหตุ และหยางหลงคาดหวังว่านั่นจะเป็นเรื่องดี

ท้องฟ้ายังมิทันจะสว่าง สายลมพัดกิ่งไม้อ่อนเอนลู่
จวนเจ้าเมืองลั่วที่ร่มรื่นยังมีสวนสวยงาม พุ่มไม้ดอก สระบัว และปลาตัวใหญ่ในสระ
หยางหลงกำลังจะเดินไปที่เรือนรับรองด้านใน แต่เมื่อเห็นลู่กำลังเดินช้า ๆ จากเรือนรับรองโบตั๋นลงไปหยุดอยู่ที่กลางสนามหญ้า ชายหนุ่มก็หยุดยืนมองไปรอบ ๆ เพื่อหาว่าเซียงเซียงกับเสี่ยวเป่าอยู่ที่ใด เพราะสั่งไว้ว่าให้อยู่รับใช้ แต่ทั้งสองคนก็กลับปล่อยให้ลู่อยู่ตามลำพัง
เมื่อหันมาอีกครา เห็นลู่กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยกมือขึ้นคล้ายกำลังไขว่คว้าบางอย่างจากอากาศ อึดใจต่อมามีแสงสีขาวพาดผ่านลงมาที่ด้านหน้าห่างออกไปหลายจั้ง เมื่อแสงนั้นหายไป ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำในชุดสีเหลือง-ดำก็ปรากฎตัวขึ้น ลู่หัวเราะเสียงสดใสรีบวิ่งเข้าไปหาแต่กลับสะดุดล้ม คนรูปร่างกำยำนั้นรีบถลาเข้ามารับ
ในเวลาเดียวกันนั้น หยางหลงวิ่งเข้าหาลู่ที่ล้มลงเช่นกัน แต่ยังช้ากว่าอยู่หลายก้าว

"เจ้าตัวเล็ก แขนขาไม่แข็งแรง บอกว่าอย่าวิ่งก็ไม่รู้จักจำ"
แขนใหญ่ด้วยมัดกล้าม อุ้มลู่ขึ้นมาให้ช้อนนั่งอยู่บนแขนข้างหนึ่งอย่างง่ายดาย ทั้งดูคุ้นเคยดั่งทำเช่นนี้มาตลอด จากนั้นคนตัวใหญ่ถึงได้มองเห็นว่าหยางหลงกำลังวิ่งเข้ามาหา แล้วคุกเข่าลงทำความเคารพ
"นี่ใคร" คนที่อุ้มลู่อยู่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ดวงตาสีทองที่มองมาแหลมคมดั่งมีดหลายสิบเล่ม
"ผู้น้อยหยางหลง เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าเมืองลั่ว หยางติงขอรับ"
"อ้อ" หันมาถามลู่ "เจ้าหนีตามคนนี้มาหรือ"
"ฮื่อ" ลู่ยิ้มยิงฟัน ทำให้โดนเขกหัวไปที
"เจ้าตัวซน แม่ของเจ้าเข้มงวดเล็กน้อยก็หนีออกจากบ้าน"
"แม่ให้ขึ้นไปฝึกกับอาจารย์เทพบนยอดเขานั่น นี่หาใช่เรื่องเล็กน้อย" ลู่ทำปากยื่น หาได้รู้สึกผิดสักนิดที่หนีมารดามากับหยางหลง "ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อยจะแย่"
"เพ้ย" ครานี้คนตัวใหญ่เสียงดังอย่างขัดใจ "เจ้ายังโตไม่เต็มที่ เขายังไม่ถึงคืบ จะให้ไปฝึกบนยอดเขา แม่เจ้าทำเกินไปแล้ว"

หยางหลงลอบอมยิ้มให้กับบิดากับบุตรคู่นี้
เพราะแม้ถ้อยคำแรกที่บิดากล่าวออกมาจะเป็นคำกล่าวตำหนิ แต่เมื่อบุตรชายบ่นไม่พอใจ ก็เปลี่ยนมาเข้าข้างบุตรในทันที
ดูท่าว่า เหตุที่บุตรเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีไม่รู้สึกทุกข์ร้อน เป็นเพราะขณะที่มารดาเข้มงวด แต่บิดาจะคอยตามใจเช่นนี้เอง

ลู่หันมาเห็นว่าหยางหลงกำลังหันไปอมยิ้มทางอื่น จึงเพิ่งรู้ตัวหันมาแนะนำทั้งสองคน
"นี่พ่อข้าเอง เทพเสือโคร่งภูผา"
หยางหลงทำความเคารพอีกครั้ง
"ลุกขึ้นเถอะ" เทพเสือโคร่งภูผากล่าวแล้วหันมาหาบุตรชาย "พ่อจะพาเจ้ากลับบ้าน"
"ไม่ ยังไม่กลับ"
"ไม่กลับได้อย่างไร แม่เจ้าร้อนใจตามหาเจ้าอยู่" ผู้เป็นบิดาตบอกหนา "พ่อจะออกหน้าให้เอง มิต้องกลัวการลงโทษ อย่างมากก็ไปอยู่กับพ่อสักหลายวัน ดูเถอะว่าสุดท้ายแม่เจ้าก็ต้องมาบังคับให้พ่อส่งเจ้าให้เขาโดยไม่ตีเจ้าสักแปะ"
ผู้เป็นบุตรกลอกตาสองรอบ
....บังคับ หาใช่ร้องไห้อ้อนวอนให้คืนบุตร บิดาของเขาช่างเข้าใจมารดาอย่างแท้จริง....
จากนั้นก็หันไปบอกกับหยางหลงตามตรงว่ามีเรื่องพูดคุยกับบิดา ช่วยก้าวถอยไปสักหลายก้าวได้หรือไม่
หยางหลงทำตามที่ขอ แต่ยังพอได้ยินคำสนทนาบางคำของบิดาและบุตรคู่นี้

"เจ้าเมืองเหอขัดแย้งกับฮ่องเต้ รวบรวมไพร่พลเป็นกบฎ ฮูหยินเจ้าเมืองเป็นน้องของเมืองเหอกดดันให้เมืองลั่วเข้าร่วมเป็นกบฎด้วย แต่เจ้าเมืองลั่วไม่ต้องการทำอย่างนั้น พวกเขาจึงมีความขัดแย้งกัน"
เทพเสือโคร่งภูผามีท่าเคร่งขรึมเมื่อฟังคำสรุปของบุตรชาย
"ท่านพ่อ ท่านช่วยไม่ให้เกิดการต่อสู้กันได้หรือไม่"
"มนุษย์มีการต่อสู้กันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แล้วสามีภรรยาทะเลาะกันก็เป็นเรื่องปกติ"
"แต่ไม่อยากให้เกิดที่นี่ ท่านหยางหลงอธิษฐาน ข้ารับคำอธิษฐานของเขามา แต่ทำไม่ไหว ให้ท่านจัดการไม่ได้หรือ"
"หากเข้าไปแทรกแซงกับทุกเรื่องของพวกเขา ข้าคงไม่ต้องทำอันใดแล้ว" เทพเสือโคร่งภูผาทำเป็นบ่น ทั้งที่ในใจกำลังลำดับการทำงานหลังจากนี้
ลู่ทำปากยื่น ใช้ไม้ตายด้วยการมองบิดาด้วยสายตาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แม้มิได้กล่าวคำใด แต่เพียงเท่านี้บิดาก็พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงรีบรับปากบุตร
"ก็ได้ ๆ ไม่ต้องทำสีหน้าเช่นนั้นเลย"
การทำให้บุตรต้องผิดหวัง เป็นสิ่งที่บิดาอย่างเทพเสือโคร่งภูผารับไม่ได้จริง ๆ
"ข้ายังเด็กอยู่นะ มันยากเกินกำลังของข้า" สายตาผิดหวังนั้นยังไม่จางลงไป
"รู้แล้ว ก็รับปากแล้วไง"
ลู่ยิ้มกว้างกล่าวขอบคุณบิดา แล้วกระซิบถ้อยคำบางอย่างที่มีแต่บิดาได้ยิน
"เรื่องนี้ มันอาจเกินไป แม่เจ้าต้องโกรธมาก"
"ข้าขอเวลาแค่สองเดือนเท่านั้น จากนั้นท่านค่อยมารับข้า"
"แล้วจะให้บอกแม่เจ้าว่าอย่างไร"
"บอกว่าท่านใช้ให้ข้าไปทำงานสิ"
"เพ้ย นี่เจ้ากลายเป็นลูกกวางเจ้าเล่ห์ไปตั้งแต่เมื่อใด"
"ก็มิได้เจ้าเล่ห์สักหน่อย" ลู่ยังคงเถียงบิดาด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ ที่ชวนให้รู้สึกเอ็นดูมากกว่าจะไม่พอใจเพราะความดื้อรั้น 

การสนทนา และท่าทีของบิดาและบุตรช่างมองดูเพลิดเพลิน
แรกนั้นหยางหลงอยากขัดเรื่องที่ลู่ขอให้เทพเสือโคร่งภูผาช่วยแทรกแซงการเมือง แต่เพราะลู่ให้ถอยออกมาแต่แรกนั้นย่อมแสดงว่ามิต้องการให้แทรกแซง จึงได้แต่เอียงหูฟังการสนทนา รอจนกระทั่งเทพเสือโคร่งภูผาปล่อยให้ลู่ลงยืนเอง แล้วเรียกให้เข้าเดินไปหา เพื่อรับฟังคำสั่ง
"ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ ระหว่างนี้ก็ฝากดูแลด้วย เขา..." เทพเสือโคร่งภูผาใช้วิธีเหลือบตามองขาของลู่ หยางหลงเข้าใจจึงพยักหน้าตอบรับในทันที
"ผู้น้อยจะดูแลเป็นอย่างดีขอรับ"
"อยู่บ้านผู้อื่น ต้องรู้จักเกรงใจ อย่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญ อย่าเล่นซนรู้ไหม" เทพเสือโคร่งภูผายังสั่งสอนบุตรชายอีกหลายคำกว่าที่จะจากไป
ทั้งก่อนจะจากไปยังหันมามองอีกครา
มีความรู้สึกว่า จะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายรออยู่ข้างหน้า
เทพเสือโคร่งภูผาตัดใจ บอกตนเองว่า จะเรื่องใหญ่ขนาดไหน เทพผู้นี้ก็สามารถคลี่คลายได้ทุกคราอยู่แล้ว

....จบบทที่สอง....

จั้งคือมาตราการวัดระยะทางของจีนสมัยก่อน 10 ฉื่อ (ฟุตจีน) เท่ากับหนึ่งจั้ง และ 150 จั้งเท่ากับหนึ่งลี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2017 10:31:07 โดย MyTeaMeJive »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
« ตอบ #49 เมื่อ: 18-12-2016 08:25:19 »





ออฟไลน์ himecrazy

  • Alon€ In th€ DarK
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #50 เมื่อ18-12-2016 09:55:10 »

 :กอด1:  :L2: ตามอ่านทุกเรื่อง ไม่เคยผิดหวังเลยซักเรื่อง เรื่องนี้เปิดมาได้น่าสนใจ ขอบคุณมากค่ะที่มีเรื่องมาให้อ่านอยู่เสมอๆ

ออฟไลน์ kanatthanit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #51 เมื่อ18-12-2016 10:00:03 »

เราตอบใต้เมนท์ไม่เป็นอ่ะ คือจากเมนท์คุณข้างบน
ทำไมเราไม่รู้สึกว่าเป็นการเขียนผิด แต่มันคือสำนวนการเขียนของคนแต่งอ่ะค่ะ
เราเข้าใจถูกใช่ป่าว. รอคนแต่งมาตอบ อิอิ

ไม่ได้บอกว่าน้องเขียนผิด แต่เป็นคำที่พี่คิดว่าผิด เข้าใจตรงกันนะค่ะ นี่เป็นหนึ่งสาเหตุที่ไม่ค่อยอยากเขียนอะไรนอกจากให้กำลังใจน้อง คือพี่เป็นคนอ่านคะ พี่ไม่ใช่คนเขียน ไม่ต้อง comment อะไรพี่นะค่ะ ใจพี่บอบบาง :bye2:

#ปกติ พี่เป็นนักอ่านนิสัยไม่ดีค่ะ ไม่ค่อยจะ comment นิยายใคร ยิ่งตรวจคำผิด ยิ่งไม่เคยทำ แต่เพราะน้ำชาแจ้งไว้ว่าถ้าเจอคำผิดให้บอกด้วย พี่เจอคำที่พี่คิดว่าผิด พี่ก็เลยเขียนบอกน้อง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าพี่ใส่ ? ไว้ข้างหลัง นั่นคือพี่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำที่เขียนผิด หรือน้องตั้งใจเขียนแบบนั้น ย้ำอีกครั้งว่าเพราะเป็นนิยายของไจฟ์กับน้ำชา พี่ถึงกล้าตรวจและเขียนบอก

พี่ขอโทษไจฟ์กับน้ำชา และคนอ่านทุกคนนะค่ะ ที่ทำให้เสียบรรยากาศในการอ่านคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2016 10:21:46 โดย kanatthanit »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #52 เมื่อ18-12-2016 12:17:53 »

สนุก  :impress2:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่1 (P1-8122559)
«ตอบ #53 เมื่อ18-12-2016 12:27:22 »

ชอบโมเม้นพ่อลูกอ่ะ..ดูละมุนดี  :mew3: :mew3:

นี่แอบปันใจไปรอตอนพ่อเเม่เจอกันอย่างใจจดจ่อ :laugh: :laugh:

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปเน้อออ

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #54 เมื่อ18-12-2016 13:30:40 »

แปะก่อนเหมือนเดิม ^^

ปล. คุณ kanatthanit ขอโทษด้วยค่า ไม่ได้หมายถึงว่าเราว่าคุณน๊าาา
ถ้าสื่อสารไปแล้วแล้วทำให้เข้าใจแบบนั้นต้องขอโทษด้วยค่ะ ^^
อย่าคิดมากน๊า    :กอด1:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #55 เมื่อ18-12-2016 13:50:43 »

โอย ชอบเหลือเกินค่ะ รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ ลู่น้อยช่างน่ารักน่าชัง ดูกระบวนออดอ้อนคุณพ่อของเขาซี อย่างนี้ใครจะทนไม่ช่วยเหลือได้ไหวล่ะ หยางหลงแม้มีภรรยาพร้อมลูกสองแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองได้ เพราะความน่ารักของลู่น้อยจริงๆ

รู้สึกเอะใจบางอย่างกับหลิวเพ่ยหลิง คิดว่าหล่อนน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรบางอย่าง ทั้งหล่อนและแม่สามีได้กระทำการอะไรไว้หรือเปล่า?

ท่านเทพเสือโคร่งภูผาได้รับปากกับบุตรชายแล้วว่าจะช่วยให้คำอธิษฐานของหยางหลงเป็นจริง อย่างนี้ civil war ของมนุษย์ก็คงถูก interfere ด้วยท่านเทพสินะ อยากรู้จังว่าจะมีเรื่องราวใดเกิดขึ้นอีกบ้าง

สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ การพยายามสอน moral ให้ผู้อ่าน คือ เรื่องการประนีประนอม และการไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา ซึ่งแสดงให้เห็นเด่นชัดในทัศนคติของหลิวเพ่ยหลิงที่รอมชอมตลอดเวลา และกรณีของเหอชินรุ่ยที่มักจะทำทุกอย่างเอาตามใจตัว ทั้งยังยอมหักไม่ยอมงอ นี่เป็นการสอนคติโดยแสดงคนสองขั้วให้เห็นได้อย่างดีมากจริงๆ ค่ะ ชอบ

มีอีกเรื่องที่อยากปุจฉา และอยากให้ไจฟ์ทีวิสัชนา คือ เห็นตรงหัวเรื่องเป็น "ภาคกวางทอง" ไม่ทราบว่าเรื่อง "ภากรขึ้นที่ป่าสีทอง" นี้ จะมีภาคอื่นๆ อีกหรือไม่คะ? เหตุที่ถามมิใช่เพราะอื่นใด แต่เพราะชื่นชอบเหลือเกินค่ะ

ขอบคุณค่ะ ^_____^

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #56 เมื่อ18-12-2016 14:28:45 »



มีปมปัญหาที่ต้องคลี่คลายเยอะมาก เยอะจนอยากอ่านต่อเร็ว ๆ
นี่ไม่ได้จะกดดันนะคะ แต่มันแปลว่ามันสนุกและชวนให้คิดตาม (และเป็นห่วงลู่) ต่างหาก
รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #57 เมื่อ18-12-2016 14:54:09 »

พ่อลูกคุยกันน่ารักดี
ว่าแต่ฮูหยินของหยางหลงปิดบังอะไรไว้นะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #58 เมื่อ18-12-2016 15:20:00 »

นั่นๆ มีเรื่องให้เราอยากเผือกเยอะเลย ฮ่าๆๆ    :laugh:

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่2 (P2-18122559)
«ตอบ #59 เมื่อ18-12-2016 16:46:13 »

ขอบคุณนะคะ คุณไจฟ์ กะ น้องน้ำชา
อดใจไม่ไหว รีบมาอ่านอย่างไวเลย
ผิดไหมว่า อยากมีพ่อแบบเทพเสือโคร่งภูผา เพิ่มอีกคน 555
น้องลู่น่ารักอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด