Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 148653 ครั้ง)

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่13 (p13/120460)
«ตอบ #390 เมื่อ30-04-2017 10:01:37 »

คิดถึงน้องลู่มากๆ มาเร็วๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่13 (p13/120460)
«ตอบ #391 เมื่อ30-04-2017 10:07:51 »

 o15 เรื่องใหม่ของพี่ไจฟ์ น้องน้ำชา..น่าอ่านอีกแล้ว เรามาช้าหน่อย แต่จะรีบตามอ่านให้ทันนะคะ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่14 (P14) จบภาคกวางทอง
«ตอบ #392 เมื่อ30-04-2017 10:27:58 »

*บทที่สิบสี่  จบภาคกวางทอง*


เมื่อทราบข่าวว่าหลิวเพ่ยหลิง ฮูหยินของเจ้าเมืองลั่วกำลังตั้งครรภ์ บรรดาชาวเมืองต่างมีการเฉลิมฉลองเพื่อแสดงความยินดี แต่ยังมีคนผู้หนึ่งที่ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเอง และความเปลี่ยนแปลงนั้นค่อนข้างจะเป็นไปในทางที่มิดีนัก
เดิมหยางเจิ้นขุยเป็นบุตรคนรองซึ่งถูกมารดาย้ำเตือนมาตลอด ว่าอย่าได้คิดแข่งขันกับหยางเจียเจิงเพื่อที่จะเป็นเจ้าเมืองลั่ว และพร่ำสอนให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปรับราชการที่เมืองหลวง เมื่อพี่ชายรับตำแหน่งต่อจากบิดา
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาหยางเจิ้นขุยก็ยอมรับในคำสั่งสอนนั้น แม้จะกังวลที่จะต้องถูกแยกออกจากครอบครัว เหมือนกับท่านปู่ทวด และท่านปู่เล็กที่ตนเองมิเคยเห็นหน้า แต่เมื่อพิจารณาจากท่านอาทั้งสองแล้วหยางเจิ้นขุยก็มีความผ่อนคลายความกังวลลง เพราะท่านอาหยางเฉิง ที่ก่อนหน้านี้ถูกคาดหมายว่าจะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงไม่เคยมีท่าทีกังวลอะไร หรือมาจนถึงท่านอาหยางไห่ ก็กลับมีความยินดีที่จะได้ทำการค้ากับทางเมืองหลวงได้คล่องตัวมากขึ้น
แต่ในช่วงก่อนที่จะมีการเปลี่ยนตัวบุคคลจากท่านอาหยางเฉิง เป็นท่านอาหยางไห่นั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้น นั่นคือการที่หยางเจียเจิงเสียชีวิต อาจารย์จึงเปลี่ยนหัวข้อการเรียนการสอนจากเรื่องข้อกฎหมายมาเน้นที่หลักการปกครอง ส่วนบรรดาพี่เลี้ยง และคนรับใช้ก็พูดกันว่าหยางเจิ้นขุยคือเจ้าเมืองคนต่อไป
จะมีก็แต่มารดาที่ทำให้เขาไม่แน่ใจ เพราะมารดาไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ ทั้งตอนนั้นเขายังมีอายุไม่ถึงห้าขวบ จึงไม่ได้คิดมากเรื่องท่าทีของมารดา แต่ในตอนที่มารดาตั้งครรภ์อีกครั้งเขามีอายุเพิ่มขึ้นแล้ว จึงมองเห็นท่าทีของบุคคลรอบข้างชัดเจนขึ้น จนวันหนึ่งที่ได้ยินที่มารดากล่าวกับหญิงรับใช้อาวุโส ว่าเด็กในครรภ์จะเป็นเจ้าเมืองลั่วต่อจากบิดา
หญิงรับใช้อาวุโสซึ่งทำงานมานานรู้จักสงบปากสงบคำจึงมิได้เอ่ยปากแสดงความเห็น แต่หยางเจิ้นขุยจดจำคำกล่าวนั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วนำไปถามอาจารย์ผู้เฒ่าในเวลาต่อมา
อาจารย์เฒ่าแม้จะรู้สึกว่าคำกล่าวของฮูหยินเจ้าเมืองออกจะไม่เหมาะสม จึงตอบคำถามของศิษย์ไปตามหลักการว่าไม่ว่าจะเมืองใดในอาณาจักรไท่ชาง ล้วนไม่มีกฎหมายที่ระบุว่าพี่ชายคนโตจะเป็นผู้ปกครองคนต่อไป ถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็หาใช่องค์ชายใหญ่
ส่วนการที่พี่ใหญ่แห่งเมืองลั่วสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองมาหลายชั่วคน นั่นก็เพราะได้รับการยอมรับจากทุกคน ซึ่งนั่นมิได้เป็นเรื่องง่ายดาย
"คุณชายน้อยพิจารณาการทำงานของบิดา  กว่าที่ท่านเจ้าเมืองคนก่อนจะมอบตำแหน่งให้ บิดาของคุณชายน้อยต้องทำงานหนักมาก จนมาถึงการเจรจาเพื่อสลายความขัดแย้งกับเมืองเหอ และการสร้างความมั่นใจกับฮ่องเต้ เขาต้องเดินทางตลอดเวลาจนแทบไม่ได้กลับบ้าน แบกรับคำวิจารณ์ไว้แต่เพียงผู้เดียว ต่อเมื่อเรื่องราวคลี่คลายลง ทุกคนจึงสนับสนุนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
ในการทำงานใหญ่นั้น จำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้คน การงานนั้นจึงก้าวหน้า หากกำหนดไว้ว่าขอเพียงเป็นพี่ใหญ่แล้วจะได้ตำแหน่งใหญ่โต ก็อาจทำให้เกียจคร้าน ไม่ทำการงาน ไม่หาความรู้ ไม่รู้จักการเจรจา สุดท้ายก็จะถูกผู้อื่นหลอกลวงและบ้านเมืองจะเสียหาย"
หยางเจิ้นขุยเอียงคอคิดตาม "เช่นนั้นข้าต้องตั้งใจเรียน และขยันทำงาน เพื่อให้ทุกคนยอมรับ"
"คิดถึงเป้าหมายเช่นนั้นก็ยังมิถูกต้องเสียทีเดียว คุณชายยังต้องคิด และลงมือทำด้วยความมุ่งมั่นว่าจะทำให้ทุกคนที่อยู่ในการปกครองมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุข การงานนั้นจึงจะออกมาอย่างสมบูรณ์ อย่าได้วางเป้าหมายเฉพาะเจาะจงไปที่การเป็นผู้ปกครองจึงจะทำงานได้ ควรมองว่าเรามีเจตนาที่จะทำงานเพื่อผู้อื่น ดังนั้นแล้วไม่ว่าคุณชายจะอยู่ในฐานะใด ก็จะสามารถทำงานรับใช้ให้ชาวเมืองลั่วมีความเป็นอยู่สงบสุขได้เช่นกัน"
หยางเจิ้นขุยยิ้มกว้าง "ท่านพ่อกล่าวคำนี้บ่อย ๆ ตอนที่ไปเยี่ยมท่านปู่กับท่านย่าที่วัด"

ที่ด้านนอกห้องเรียน เสี่ยวเป่าที่ลอบฟังการสนทนาผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกเบาใจที่คุณชายเจิ้นขุยได้ยินเพียงบางถ้อยคำของมารดา เพราะหากได้ยินทุกถ้อยคำอย่างที่หญิงรับใช้อาวุโส และเขาได้ยินมา เกรงว่ารอยยิ้มแห่งความหวังนั้นจะหายไป

เสี่ยวเป่ามิได้มีเจตนาจะฟ้องหยางหลงเจ้าเมืองลั่ว แต่เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากที่เขาสอบถามถึงคุณชายลู่ที่ป่าสีทองว่าสบายดีหรือไม่ และขอติดตามไปที่ป่าสีทองด้วยคนได้หรือไม่ ให้ช่วยเข็นรถขนของไปส่งที่ปากทางป่าสีทองก็ยังดี
หยางหลงเห็นว่าแม้วันนี้เสี่ยวเป่าจะมีร่างกายที่สูงขึ้นมาก แต่ก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะให้ไปส่งและต้องรออยู่ตามลำพัง เพราะเมื่อหยางหลงเข้าไปในป่าสีทองแล้ว คนงานที่เดินทางไปด้วยหาได้เดินทางกลับมาที่จวน แต่จะพักอยู่กับชาวนาระหว่างรอเขากลับมา ซึ่งก็เป็นไปได้ไม่ได้ที่หยางหลงจะทิ้งคนงานให้กินเปล่าอยู่กับผู้อื่น จะต้องให้ทำงานช่วยเหลือในระหว่างที่รอ
"ข้าไม่ได้เป็นห่วงเรื่องที่เจ้าจะใช้แรงช่วยข้าเข็นของ แต่เจ้าจะไปช่วยเขาทำนาระหว่างที่รอข้าได้หรือไม่"
เสี่ยวเป่าไม่เคยทำนา หลายเดือนมานี้เลื่อนขั้นจากทำความสะอาดมาเป็นการช่วยดูแลหยางหลง และก็เอ่อ....ทำความสะอาดจวนเจ้าเมือง
แต่ก็ไม่เคยทำนาสักครา
"ระหว่างที่ข้าไปป่าสีทอง ข้าให้เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชายน้อย เพราะช่วงนี้มารดาของเขาตั้งครรภ์ คุณชายอาจไม่มีคนคอยดูแล"
เสี่ยวเป่าพยักหน้าหลุดปากพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา "แต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินก็ไม่ได้ดูแลคุณชายนักหรอกขอรับ" เพียงแค่หยางหลงหันมามองเต็มตา เสี่ยวเป่าก็ตบปากตัวเอง "บ่าววิจารณ์เจ้านาย จะลงโทษให้ไปล้างห้องน้ำก็ได้ขอรับ"
"เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ลงโทษใครเช่นนั้น" เสี่ยวเป่าที่รับใช้มานานย่อมรู้ดีว่าหยางหลงจะลงโทษอะไร "เล่ามาให้หมด"
"เอ่อ คือ..." เสี่ยวเป่าก้มหน้าสารภาพ "บางอย่างบ่าวเห็นแล้วก็คาดเดาไปเอง บางอย่างบ่าวได้ยินที่ฮูหยินกล่าวกับคุณชาย บางอย่างได้ยินคุณชายกล่าวกับอาจารย์ คืออาจมีหลายอย่างที่บ่าวไม่รู้.."
"เสี่ยวเป่า" หยางหลงดุ
จากนั้นเสี่ยวเป่าจึงเล่าเรื่องภายในจวนเจ้าเมืองในช่วงหลายเดือนมานี้
การลำเอียงต่อหยางเจิ้นขุยมิได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อมารดากำลังตั้งครรภ์ แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพราะในเวลานั้นคุณชายใหญ่ยังอยู่ ของทุกสิ่งที่ได้มาก็จะแบ่งให้น้องชายกึ่งหนึ่ง หรือหากอาจารย์มอบงานให้คนละชิ้น คุณชายใหญ่มักจะได้รับคำชมและกำลังใจจากมารดา แต่สำหรับคุณชายน้อย หลายคราที่มารดาไม่ได้มองผลงานของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
จนมาถึงเรื่องที่มารดาคุยกับหญิงรับใช้อาวุโส และที่คุณชายน้อยนำไปถามอาจารย์ผู้เฒ่า

หยางหลงทราบมาตลอดว่าหลิวเพ่ยหลิงไม่ต้องการให้ขุยเอ๋อร์เป็นเจ้าเมืองลั่วเพราะเกี่ยงที่เขามิได้เป็นสายเลือดของสกุลหยางที่แท้จริง เพียงแต่ไม่คิดว่านางจะลำเอียงต่อบุตรมากถึงเพียงนี้ จึงเรียกขุยเอ๋อร์และพ่อบ้านเจ้าเมืองลั่วเข้ามาพบ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแยกเรือนพักของบุตรชาย กับให้จัดหาบ่าวรับใช้ชายหญิงให้คอยรับใช้  "แปดขวบแล้ว และเป็นพี่ใหญ่แล้ว สมควรแยกเรือนกับมารดา พ่อจะส่งเจ้าไปเรียนรู้งานจากท่านอาสามเพิ่มเติม ก่อนที่เขาจะต้องเดินทางไปเมืองหลวง ทำได้ไหมขุยเอ๋อร์"
"ได้ขอรับ" หยางเจิ้นขุยยิ้มด้วยความเชื่อมั่น

เมื่อครบกำหนดหกเดือน หยางหลงก็ออกเดินทางมาที่ป่าสีทองตามนัดหมาย เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้กลับบ้าน โดยเฉพาะยามที่พบว่าลู่มารออยู่ปากทางเข้าป่าสีทอง โดยมีเทพเสือโคร่งศิลาดำมารออยู่เป็นเพื่อน แล้วเดินเข้ามาช่วยหยางหลงเข็นของ
ชายหนุ่มทำความเคารพเทพเสือโคร่งศิลาดำ ที่ยังคงไม่คุ้นเคยกับการรับการทำความเคารพจากผู้อื่น และไม่ยินยอมให้หยางหลงเข็นรถเองอยู่เช่นเดิม
ชายหนุ่มยอมรับว่า เทพเสือโคร่งศิลาดำแข็งแรงกว่าก็จริง แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นพี่เขย การดูแลน้องชายอย่างใกล้ชิดนั่นก็เหมาะสมแล้ว แต่การที่เผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย ทำให้รู้สึกเกรงใจ
ระหว่างเส้นทางที่จะไปยังที่พักของเทพกวาง ลู่ร้องทักทายชายหนุ่มดวงตาเรียวยาว ผู้มีผมสีแดง และสวมชุดสีแดง ที่ยืนรออยู่ข้างทาง "จะไปที่หมู่บ้านหรือ"
ชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้ากับลู่ แต่กลับตวัดตามองไปที่เทพเสือโคร่งศิลาดำ แล้วหันมาถามหยางหลงอย่างตรงไปตรงมา "วิธีการทำให้คนทรยศตายอย่างช้าที่สุด และทรมานที่สุดต้องทำอย่างไร"
หยางหลงอึ้งไปที่จู่ ๆ มีคนผู้หนึ่งมาถามเช่นนี้ ขณะที่ลู่หัวเราะเสียงสดใส "ถามผิดคนแล้ว" จากนั้นจึงหันมาแนะนำ "จิ้งจอกไฟ จำได้ใช่ไหม"
หยางหลงพยักหน้าว่าจำได้ แต่ทุกครั้งที่พบก็คือจะอยู่คู่กับนกยูงทอง แต่ครานี้คาดว่าจะทะเลาะกันอีกเช่นเดิม และดูท่าว่าจะมีเรื่องกับใครอีกคนหนึ่งถึงขนาดต้องการให้ตายอย่างช้า ๆด้วย
จิ้งจอกไฟสะบัดมือด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก "จะไม่อยู่หลายวันนะ กลับมาเมื่อไหร่จะไปหา"
กล่าวจบก็หันหลังให้ พร้อมกับกลายร่างเป็นจิ้งจอกไฟวิ่งลับหายไปในป่าทันที
ลู่ดูไม่ค่อยประหลาดใจกับการกระทำของเพื่อนสักเท่าใด แต่เสือโคร่งศิลาดำยืนมองอีกฝ่ายจนลับตา จากนั้นจึงเดินตามมาส่งถึงที่พักของเทพกวางเหมือนเคย

เมื่อกลับมาถึงกระท่อมที่พัก ลู่จึงเล่าเรื่องของจิ้งจอกไฟ นกยูงทอง กับเทพเสือโคร่งศิลาดำให้หยางหลงฟัง
สรุปโดยง่ายก็คือ ท่านพี่เทพเสือโคร่งผู้เงียบขรึมหลงรักจิ้งจอกไฟมานานหลายปี แต่จิ้งจอกไฟผู้นี้กลับไปชอบมนุษย์ที่หมู่บ้านไม่ห่างจากป่าเท่าใดนัก และดูท่าว่าเวลานี้จะมีปัญหากับมนุษย์ผู้นั้น ส่วนนกยูงทองผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ยืนยันไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งจิ้งจอกไฟ และเทพเสือโคร่งศิลาดำ
ก็เหมือนกับที่เคยวิจารณ์ความรักของหยางหลงกับลู่ จนลู่เสียความมั่นใจ ทำให้หยางหลงเกือบตายมาคราหนึ่ง
"จิ้งจอกไฟบอกว่า นกยูงทองไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง มีสิทธิ์อะไรไปตัดสินผู้อื่น จากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบไม่พูดกัน" ลู่กล่าวพลางกัดขนมคำใหญ่
หยางหลงพยักหน้า เพื่อนกลุ่มนี้เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่พูดกัน แล้วก็จะกลับมาดีกันอยู่เสมอ จากนั้นหยางหลงจึงถามถึงเทพเสือโคร่งภูผาว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะไม่ได้พบมาระยะหนึ่งแล้ว "เรื่องของเมืองเหอไง"
"รวมถึงเรื่องเมืองหลวงด้วยใช่ไหม"
ลู่กลอกตาแล้วพยักหน้า "ก็คงเป็นเช่นนั้น"
เมืองเหอไม่ได้ส่งคนมาส่งหนังสือหรือติดต่อในทางลับกับเมืองลั่วนานแล้ว แต่นั่นมิได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้คิดเคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์กับเมืองหลวง
"ตั้งแต่รั้งตำแหน่ง ข้าก็พอจะทราบว่าพวกเขายังมีการเคลื่อนไหวอยู่ คนของเขาที่อยู่ในวังก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด"
ลู่พยักหน้าแต่ยังคงกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย หยางหลงจึงหยิกแก้มใสไปครา
"เห็นอย่างนี้ก็รู้การเคลื่อนไหวภายนอกดีเหมือนกันนะเรา"
"ทั้งหมดนั่นคือผลจากคำอธิษฐานของท่านนะ แล้วอย่างข้าน่ะจะไปรู้อะไร ท่านพ่อไม่ให้ตามไปด้วย หากอยากรู้ต้องไปถามท่านแม่เล็กโน่น" คนพูดทำปากยื่นปากยาวไปอีกทาง
"ท่านแม่เล็กที่เมืองหลวงช่วงนี้ก็ปัญหาอยู่มาก" หยางหลงกล่าว
ลู่เกาหน้าผากของตนเอง "ท่านพ่อเสือก็เลยยุ่งมากขึ้นไปอีกหลายเท่า" จากนั้นก็ชวนเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อ ๆ "ฮูหยินใกล้คลอดแล้วใช่ไหม"
"ใช่" นิ้วมือใหญ่เช็ดเศษขนมที่ติดอยู่ที่มุมปาก "อยากให้เจ้าไปในวันที่เพ่ยหลิงคลอดบุตรของเรา"
"บุตรของเรา" ลู่กล่าวตามด้วยดวงตาเป็นประกาย

ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนที่จะถึงกำหนดคลอด บรรยากาศในเมืองลั่วมีทั้งความเครียดและความยินดีในเวลาเดียวกัน เมื่อแพทย์ผู้ตรวจอาการของหลิวเพ่ยหลิงมาตลอดแจ้งให้หยางหลงทราบว่าบุตรในครรภ์ของฮูหยินเป็นทารกแฝด
"ข้าสมควรแจ้งให้ท่านเจ้าเมืองทราบตั้งแต่เมื่อตรวจพบ แต่ฮูหยินขอไว้ขอรับ เห็นว่าเป็นธรรมเนียมของทางบ้านฮูหยิน แต่พวกเราดูแลเป็นอย่างดี ท่านเทพกวางสายลมก็มาดูแลอย่างสม่ำเสมอ มาถึงตอนนี้ก็คาดว่าไม่น่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแล้ว ฮูหยินจึงขอให้ข้าเป็นผู้แจ้งให้ท่านทราบ"
หยางหลงเจ้าเมืองลั่วพยักหน้ารับทราบตามนั้น ทั้งเชื่อว่านางเทพกวางสายลมน่าจะรู้เรื่องนี้มาแต่แรก จึงมีความกังวลเดินทางมาตรวจดูหลิวเพ่ยหลิงด้วยตนเองเป็นระยะ
ในยุคนี้การตั้งครรภ์ทารกแฝดเป็นเรื่องยาก ทั้งยากยิ่งกว่าที่มารดากับทารกทุกคนจะปลอดภัย

ในวันที่ถึงกำหนดคลอด บรรดาคนงานและบ่าวไพร่ในเรือนพากันไปรวมกลุ่มอยู่ที่หน้าเรือนพักของหลิวเพ่ยหลิง ในกลุ่มคนยังมีหยางหลงกับหยางเจิ้นขุยสองพ่อลูก ซึ่งในตอนแรกถูกขอให้ไปนั่งรออยู่ที่ศาลาในสวน แต่ครู่หนึ่งก็ย้ายเข้ามารอที่ห้องโถงชั้นล่างของเรือนพัก
การคลอดครั้งนี้ มีทั้งแพทย์ประจำครอบครัวซึ่งเป็นชายคอยกำกับดูแลอยู่ด้านนอกของผ้าม่าน และหมอตำแยมากถึงสี่คน กับยังมีหญิงรับใช้อาวุโสอีกสองคนที่ช่วยกันทำคลอด ช่างเอกเกริกวุ่นวายประหนึ่งว่านี่คือท้องแรกก็มิปาน
จากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงทารกร้องดังครั้งที่หนึ่ง เว้นไปอีกครู่หนึ่งจึงเป็นทารกอีกคนหนึ่ง ขณะที่หมอตำแยอุ้มทารกสองคนที่ล้างตัวสะอาดแล้ว และห่มผ้าเนื้อนุ่มลงมาหาหยางหลง ก็ยังได้ยินเสียงทารกร้องไห้เสียงดังเป็นครั้งที่สาม
แพทย์ประจำครอบครัว ออกมาประกาศ "แฝดสาม ชายทั้งสาม มารดาแข็งแรงดี ยินดีด้วยขอรับท่านเจ้าเมือง"
ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี แพทย์ประจำครอบครัวประกาศอีกครั้งว่าขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เนื่องจากฮูหยินอ่อนเพลียมากและต้องการพักผ่อน

หยางหลงกับหยางเจิ้นขุยอุ้มทารกทั้งสองคนเข้าไปในห้องพักของหลิวเพ่ยหลิง นางส่งยิ้มให้ด้วยความอ่อนเพลีย ที่ด้านข้างกายของนางยังมีทารกคนที่สามนอนอยู่
"ขอบคุณท่านเจ้าเมืองมากเจ้าค่ะ"
"ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเจ้า" หยางหลงกล่าว แต่เมื่อจะแตะที่หน้าผาก หลิวเพ่ยหลิงก็เบี่ยงหน้าหลบมืออีกครา
เสียงยินดีที่ด้านนอกเงียบลง เมื่อชายหนุ่มรูปร่างผอมโปร่งใบหน้างดงาม สวมเสื้อผ้าในชุดสีน้ำตาลทองปรากฏกายขึ้นเคียงข้างนางเทพกวางสายลม และเทพกวางสายฟ้า ทุกคนในที่นั้นทำความเคารพ และกล่าวคำขอบคุณ
นางเทพกวางสายลมก้มศีรษะเล็กน้อยรับคำขอบคุณเหล่านั้น แล้วเดินนำเข้าไปในเรือนพัก จนถึงห้องพักชั้นบน
มีเพียงนางเทพกวางสายลมที่ก้าวเข้าไปในห้อง ขณะที่อีกสองคนยืนรออยู่ที่ด้านนอก หยางหลงกับหยางเจิ้นขุย และหมอตำแยคนหนึ่งจึงอุ้มทารกทั้งสามให้นางเทพกวางสายลมได้ชื่นชมก่อน จากนั้นจึงพาออกมาหาเทพกวางสายฟ้าและลู่ที่ด้านนอก
"คนแรกตาสีน้ำตาลเหมือนข้า ส่วนคนที่สองและสามมีตาสีเดียวกับเจ้า" หยางหลงกล่าว ขณะที่หยางเจิ้นขุยค่อย ๆ ประคองส่งทารกในแขนให้กับลู่
"ลูกของพวกเราทั้งสามคนนี่เลยหรือ"
"ใช่ ทั้งสามคนคือลูกของพวกเรา" หยางหลงกล่าว
แต่เทพกวางสายฟ้ากลับแทรกขึ้นขณะที่มองไปยังหยางเจิ้นขุย "ทั้งสี่คนต่างหาก"
หยางเจิ้นขุยยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง "ข้าจะดูแลน้อง ๆเป็นอย่างดีขอรับ"
เทพกวางสายฟ้าจับศีรษะเล็ก ๆ "ฝากด้วยนะหยางเจิ้นขุย"
หยางหลงคุกเข่าลงต่อหน้าเทพกวางสายฟ้า "ข้าน้อยขอรบกวนท่านเทพกวางสายฟ้าผู้เมตตา ตั้งชื่อให้กับบุตรชายทั้งสามนี้ของพวกเราด้วยขอรับ"
เทพกวางสายฟ้าหันไปมองหน้านางเทพกวางสายลมที่อยู่ในห้องที่กำลังยิ้มกว้างด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ในที่นี้ยังจะมีผู้ใดที่มีจิตใจยิ่งใหญ่กว่าผืนฟ้าดั่งเทพกวางสายฟ้าผู้นี้

"หยางเจี่ยน หยางหมิง และหยางจิน"

หยางหลง ลู่ และหลิวเพ่ยหลิงต่างกล่าวคำขอบคุณเทพกวางสายฟ้า จากนั้นจึงให้หญิงรับใช้อุ้มทารกทั้งสามกลับไปพักในห้อง แล้วพากันออกมาพูดคุยกันต่อที่ด้านนอก
"ชื่อหยางเจี่ยนกับหยางหมิงนี่ไม่โต้แย้งหรอกนะ แต่หยางจินนี่ยังไง นอกจากจิน-ทอง นับร้อยในป่าสีทองนี่เรายังมีหยางจิน-พระอาทิตย์สีทองอยู่ในเมืองด้วยอีกหรือ ดูเหมือนท่านเทพกวางสายฟ้าจะประกาศความยิ่งใหญ่ไปทั่วเลยนะ" ลู่ทำปากยื่นแก้มพองกับบิดา
"หรือจะให้ชื่อหยางลู่" เทพกวางสายฟ้ากล่าวขำ ๆ "นั่นมันยิ่งประหลาดไปใหญ่"
ลู่คิดตามแล้วยอมแพ้ "หยางจินก็ได้"
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นนางเทพกวางสายลมก็กลับลงมา แจ้งให้ทุกคนรับรู้ว่า การคลอดบุตรแฝดสามทำให้หลิวเพ่ยหลิงอ่อนเพลียมาก แพทย์ประจำครอบครัวรับปากว่าจะดูแลเป็นอย่างดี แต่นางก็ฝากเรื่องไว้กับกลุ่มหญิงรับใช้อาวุโสเช่นกัน "ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่บุตรคนแรกของเจ้า แต่พวกเขาเป็นหลานสามคนแรกของพวกเรา หากวุ่นวายมากไปสักหน่อยก็ขออภัย ส่วนลู่คืนนี้จะพักที่จวนเจ้าเมืองก่อนก็ได้" 
"จะให้พี่หญิงไพลินมารับหรือ"
"กลับเองได้แล้วนี่" นางเทพกวางสายลมกล่าว แต่ลู่ทำหน้าตาไม่มั่นใจสักนิด เทพกวางสายฟ้าจึงเข้าช่วยเหลือ
"เอาเถิดหากจนถึงค่ำวันพรุ่งนี้เจ้ายังไม่กลับไป พ่อจะมารับเจ้าเอง"
นางเทพกวางสายลมชักสีหน้าเรียบตึง แสดงความไม่พอใจ "ก็เป็นเสียอย่างนี้ ลู่ถึงได้ไม่เก่งสักที"
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะกลับไป ท่านพ่อบ้านจวนเจ้าเมืองทำใจกล้าเข้าไปสอบถาม
"ท่านเทพขอรับ พวกเราเตรียมสุราดอกท้อไว้ มิทราบว่าพวกท่านจะนำกลับไปด้วย หรือจะให้คุณชาย เอ่อ ท่านกวางทองนำไปในวันพรุ่งนี้ หรือจะให้พวกเราใส่รถเข็นนำไปส่งให้ที่ป่าสีทองดีขอรับ"
เทพกวางทั้งสองหันมามองหน้ากัน จากนั้นเทพกวางสายฟ้าก็กวักมือให้ยกเข้ามา เสี่ยวเป่าที่รออยู่ด้านหลังรีบยกไหสุราดอกท้อสองไหเขามาถวายให้กับเทพทั้งสอง
"ขอบใจมาก" เทพกวางสายฟ้ากล่าวขึ้น ขณะที่รับไหสุรา แล้วหายไปทั้งสองคน

เมื่อเหลือกันอยู่สามคนตรงนี้ ลู่จึงหันไปทักทายเซียงเซียงและเสี่ยวเป่า "เสี่ยวเป่าสูงขึ้นมากเลย"
"ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ คุณชายลู่ต่างหาก เมื่อวานนี้ยังตัวเล็กนิดเดียว วันนี้สูงขึ้นเกือบถึงไหล่ท่านเจ้าเมืองแล้ว ทั้งงดงามขึ้นด้วย"
"งดงามขึ้นหรือ" ลู่ยิ้มจนดวงตาสีทองเป็นประกาย
"เมื่อวันวานก็งดงามมากนะขอรับ แต่วันนี้งามมากกว่าเดิมจนไม่แปลกใจที่ท่านเจ้าเมืองไม่ยอมให้ข้าตามไปด้วย" เสี่ยวเป่าหันไปชี้ที่บรรดาคนงานและคนรับใช้ในเรือนที่ยังพากันอยู่ในสวน หาได้กลับไปที่เรือนพักของตน "เห็นดวงตาของพวกนางไหมขอรับ ช่างกล้ามาทำตาวิบวับใส่คุณชาย ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป"
ลู่หัวเราะเสียงใส แล้วหันไปกล่าวคำขอบใจทุกคน พร้อมด้วยยิ้มงามชนิดล่มบ้านล่มเมือง
"ฝากดูแลบุตรของพวกเราด้วยนะ"
เหล่าคนงานและคนรับใช้ของจวนเจ้าเมืองสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปในบัดดล

ยามค่ำคืนได้ยินเสียงดนตรีเครื่องสายคลอมาในสายลม สองร่างอิงแอบแนบชิดชมจันทร์ เจ้าของอกกว้างที่ให้พักพิงขยับตัวก้มลงจูบ คนที่รูปร่างเล็กกว่ากันมากกว่าครึ่งแรกนั้นยังเกี่ยงงอนด้วยยังต้องการฟังเพลง และชมจันทร์ แต่อีกคนรุกไล่ไม่นานร่างกายผอมบางก็หลอมเหลวอยู่ภายใต้
ความงดงามที่เป็นของหยางหลงผู้นี้เพียงคนเดียว
ก่อนที่จะกลับป่าสีทองในช่วงสายของวันถัดมา ลู่กวางทองก็บอกกับหยางหลงว่าไม่ต้องเดินทางไปพบกันที่ป่าสีทอง เพราะอยากจะมาพบที่จวนเจ้าเมืองเอง "ข้าอยากมาดูลูกด้วย"
"เช่นนั้นก็ได้ ส่วนเรื่องสุราดอกท้อ ข้าจะนำไปถวายเดือนละครั้งดีไหม"
ลู่หัวเราะ "เช่นนั้นก็ได้ แต่ข้าอาจไม่ได้มารับเองทุกครั้ง"
จากนั้นหยางหลงจึงเดินออกมาส่งลู่ที่สวนภายในจวนเจ้าเมือง เมื่อสายลมอ่อนพัดมา ลู่ก็หายไป

มาถึงเวลานี้ทุกคนในเรือนได้รู้แล้วว่า ทารกทั้งสามคนเกิดจากฝากครรภ์ของหลิวเพ่ยหลิง
"ท่านแม่ถึงได้ทนุถนอมน้อง ๆที่อยู่ในครรภ์เป็นยิ่งนัก" หยางเจิ้นขุยสรุปแบบเด็ก ๆที่ ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนโล่งใจ
ส่วนหยางติงที่กลับมาเยี่ยมหลานชายทั้งสามพร้อมกับคำแสดงความยินดีมาจากเหอชินรุ่ย เมื่อได้รับทราบถึงที่มาของเรื่องราวส่วนนี้อดีตเจ้าเมืองลั่วก็รู้สึกเป็นกังวล ว่าชาวเมืองลั่วหรือเมืองอื่น ๆจะพากันมาอธิษฐานขอให้เทพจากป่าสีทองทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ไม่รู้จักจบสิ้น
"สุดท้ายแล้วจากเทพแห่งป่าสีทองศักดิ์สิทธิ์ ก็จะกลายเป็นคนรับใช้ของคนเกียจคร้าน"
หยางหลงจึงชี้แจง "ไม่ใช่ว่าจะขออะไรก็ได้ เรื่องคำขอของเพ่ยหลิงนั้น ท่านเทพกวางยอมรับว่าเป็นความผิดของพวกเขาที่ทำให้ลู่หนีออกมาแล้วทำให้เจิงเอ๋อร์เสียชีวิต จึงชดใช้ให้ตามที่ขอ"
หยางติงเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่เช่นเดิม "คนอื่นเขาจะไม่คิดเช่นนี้น่ะสิ ส่วนเรื่องที่ฮูหยินของเจ้าไปขอน่ะ ลูกก็คือลูกไม่มีใครทดแทนใครได้ แล้วพวกเจ้าก็ยังมีขุยเอ๋อร์ วันข้างหน้าหากโดนเปรียบเทียบเขาอาจจะคิดน้อยใจได้ อีกอย่างคือให้มาสามคนแบบนี้ดูท่าเราจะได้กำไรมากไปสักหน่อย" หยางติงบ่นยืดยาวมองทารกน้อยที่กำลังนอนหลับ "มีดวงตาสีทองสองคนหรือ"
"ขอรับ" หยางหลงอธิบายว่าเพราะมีน้ำเชื้อของลู่อยู่ด้วย
ที่ผ่านมาหยางติงก็เป็นคนที่เป็นเจ้าเมืองที่เป็นห่วงเป็นใยคนทั้งเมือง ห่างหายไปอยู่วัดมานานสามปี กลับมาคล้ายจะมีเรื่องให้ต้องเป็นห่วงเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า "เจ้าจะยกย่องท่านกวางทองอย่างไร อย่างไรเขาเป็นชาย ต่อให้ยกเป็นฮูหยินเอกก็ยังเหมือนกับดูหมิ่นกัน"
หยางหลงตอบว่าเคยถามเรื่องนี้กับบิดา มารดาทั้งสามของลู่ รวมถึงลู่ทุกคนต่างพอใจกับการที่หยางหลงเดินทางไปหาลู่อย่างสม่ำเสมอ มิได้ต้องการตำแหน่งฐานะอะไร
หยางติงโคลงศีรษะ "กับคนที่ดีกับเรา แล้วเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร ยิ่งต้องทำดีกับเขาให้มาก"
"ว่าที่จริง สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการคือสุราดอกท้อ"
หยางติงทวนคำแล้วหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ชักชวนบุตรชายออกไปดื่มสุราดอกท้อกันต่อที่สวน ส่วนหนึ่งของบทสนทนาก็คือการที่หยางหลงสมควรย้ายไปพักในเรือนหลังใหญ่ และให้สี่คนพี่น้องย้ายมาพักที่เรือนต้นส้มด้วยกัน
"พ่อและแม่รู้ว่าเจ้าเป็นบุตรกตัญญู แต่ก็ไม่อยากทำให้ยกย่องจนทำให้เกิดการเสียเปล่า เรือนนั้นสวยงามและกว้างขวาง ปรับปรุงตกแต่งอีกสักนิดให้เหมาะสมกับฐานะของคุณชายลู่ในยามที่คุณชายลู่มาพักอยู่ที่นี่"
หยางหลงมองบิดาแล้วก้มหน้ายอมรับ "บุตรมิได้คิดไปถึงเรื่องนั้น"
"เจ้ามักละเลยเรื่องราวในบ้านของตนเองอยู่เสมอ" บิดาตำหนิตรง ๆ แล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม
ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น หยางเจิ้นขุยกลับเข้ามาขออนุญาตบิดาที่จะไม่ศึกษาวิชาการปกครอง แต่จะขอไปศึกษาวิชาการแพทย์
"การแพทย์หรือ เจ้าเป็นคนแรกในสกุลหยางแห่งเมืองลั่วเลยนะที่เรียนแพทย์" หยางติงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
"เหตุใดจึงอยากเรียนแพทย์" หยางหลงไต่ถาม
"บุตรเห็นท่านหมอจื่อดูแลรักษาคนน่ะขอรับ หลายวันมานี้ก็ไปขอเรียนรู้งานที่ร้าน ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้น จึงมาขอท่านพ่อไปเรียนแพทย์"
หยางหลงพยักหน้า "เช่นนั้นหรือ หากเจ้าชอบทางนั้นพ่อก็ตามใจเจ้า" ชายหนุ่มหันมาจิบสุราในถ้วย
ยอมรับว่าเขาเป็นบิดาที่ละเลยในเรื่องในบ้านจริง ๆ

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2017 06:19:28 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่14 (P14) จบภาคกวางทอง
«ตอบ #393 เมื่อ30-04-2017 10:28:44 »

(ต่อครับ)

ในปีที่แฝดสามแห่งเมืองลั่วอายุครบสามขวบ ผู้แทนพระองค์ของฮ่องเต้แห่งไท่ชาง ถือพระบรมราชโองการมาที่เมืองลั่ว
ขบวนม้าของผู้แทนพระองค์มิใช่ขบวนเล็ก เมื่อเดินทางผ่านปากทางของป่าสีทองมีหรือที่ผู้ซึ่งเฝ้าดูอยู่จะไม่รู้ พวกเขาจึงรีบไปแจ้งต่อนางกวางไพลิน
ส่วนคนของสำนักคุ้มกันภัยหยางเฉิง เมื่อเห็นว่ามีขบวนจากวังหลวงเข้ามา ทางหนึ่งรีบไปแจ้งข่าวต่อหยางหลง ส่วนอีกทางก็ไปแจ้งต่อหยางติงเพื่อเชิญหยางติงกลับมาที่จวนเจ้าเมือง
เมื่อผู้แทนพระองค์เดินทางมาถึงที่จวนเจ้าเมือง หยางหลงเชื้อเชิญไปที่เรือนต้นบ๊วย ซึ่งหยางติงเจ้าเมืองคนก่อนมักจะใช้ในการรับแขกและเจรจาการงานอยู่เสมอ
ที่เรือนแห่งนี้ นอกจากหลิวเพ่ยหลิงและลูก ๆแล้ว ยังมีหยางเฉิง และหยางไห่ที่พาฮูหยินและบุตรมารออยู่เช่นกัน หยางไห่นั้นเรียกว่าอยู่ในการเตรียมพร้อมที่จะเดินทางเข้าเมืองหลวงเลยทีเดียว
คนในสกุลหยางทั้งหมดคุกเข่าลงน้อมรับพระบรมราชโองการ

"หยางไห่มีความโดดเด่นในเรื่องกิจการค้า ทรงมีพระราชดำริว่า มีความเหมาะสมที่จะช่วยเหลือหยางหลงเจ้าเมืองลั่วต่อไป แต่ทรงมีพระประสงค์ให้แฝดคนเล็กหยางจิน บุตรของหยางหลงเจ้าเมืองลั่วเดินทางไปรับราชการในวังเมื่อมีอายุครบแปดปี"
หลิวเพ่ยหลิงเปล่งเสียงร่ำไห้โฮขณะที่กอดหยางจินบุตรคนเล็กไว้แน่น
"ท่านผู้แทนพระองค์ขอรับ" หยางเจิ้นขุยกล่าวขึ้น ในวันนี้เขาเป็นวัยรุ่นตอนต้นที่มีอายุสิบเอ็ดปีแล้ว "ให้ข้าไปกับท่านแทนน้องได้ไหมขอรับ ข้าสามารถเดินทางไปกับท่านได้ภายในวันนี้ และสามารถทำงานได้ แต่หากเป็นน้องท่านยังต้องรออีกหลายปี"

ผู้แทนพระองค์ส่ายหน้า "พระบรมราชโองการไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาต่อรองหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามใจ อีกอย่าง เจ้าไม่ใช่บุตรของหยางหลง"
"นายท่าน!" หยางหลงร้องขัดขึ้น ขณะที่ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
หยางเจิ้นขุยหันไปกล่าวกับหยางหลง "ข้ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว ว่ามิได้เป็นบุตรของท่านพ่อ แต่ความเมตตาที่ได้รับมาตลอดหลายปีมานี้ ทำให้ข้าตั้งใจว่าจะตอบแทนบุญคุณนี้ให้ดีที่สุด ที่ข้าเปลี่ยนไปเรียนแพทย์ก็ด้วยเหตุนี้" หยางเจิ้นขุยกล่าวอย่างมั่นใจ "ท่านผู้แทนพระองค์ขอรับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้รับการศึกษาด้านการแพทย์และฝึกงานอยู่เสมอ การไปเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้มีความรู้ จะทำให้วิชาการแพทย์ของข้ากว้างขวางมากขึ้น สามารถรับราชการรับใช้องค์ฮ่องเต้ได้เป็นอย่างดี หากเป็นน้องเล็กพระองค์ยังอาจต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี กว่าที่เขาจะสามารถรับราชการได้"
ผู้แทนพระองค์หัวเราะในลำคอ
"กล้าหาญดี แต่ไม่ต้องรีบร้อนไป คืนนี้ข้าจะออกไปพักที่เรือนพักในเมืองจากนั้นจึงจะเดินทางกลับ ให้พวกเจ้าได้มีเวลาหารือกัน" จากนั้นจึงหันมากล่าวกับหยางหลง "หลายปีก่อนพระองค์เคยมีพระดำริว่าท่านปู่หยางจงจินชรามากแล้ว จึงจะให้เดินทางกลับมาพักผ่อน ที่นั่นจึงเหลือเพียงท่านอาหยางลี่ จึงอยากได้หยางไห่ไปเสริมการค้า แต่ที่จู่ ๆ ทรงเปลี่ยนพระทัยมาเป็นหยางจินบุตรแฝดคนเล็กนี้จะด้วยเพราะอันใดข้าก็ไม่อาจล่วงรู้ได้" ผู้แทนพระองค์หันมาถามกับหยางหลง “ท่านรองแม่ทัพแวะมาที่นี่บ้างหรือไม่”
หยางหลงเจ้าเมืองสะกดความรู้เท่าทันในคำถามนั้น และตอบกลับไปด้วยความสุภาพ “ไม่ได้มานานแล้วขอรับ”
ผู้แทนพระองค์พยักหน้ารับรู้ และถามไถ่ความเคลื่อนไหวของเมืองเหออีกหลายคำจากนั้นจึงจะขอตัวกลับออกไปพักที่บ้านพักรับรองในตัวเมือง ทุกคนจึงจะพากันออกไปส่ง  แต่ข้าราชการอาวุโสผู้นี้ขอให้คนสนิทของหยางหลงเป็นผู้พาไปที่เรือนรับรอง
"พวกเจ้ามีเรื่องให้ต้องหารือกัน อย่าลืมว่าข้าจะรอจนถึงพรุ่งนี้เท่านั้น"
คนสนิทของหยางหลงก็รู้งาน ไปส่งผู้แทนพระองค์และดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งส่งกลับไปเมืองหลวงโดยไม่ได้ปริปากเรื่องกำเนิดของแฝดสามแม้สักครึ่งคำ

ด้านหยางหลง เมื่อผู้แทนพระองค์ก้าวออกจากเรือนต้นบ๊วยก็หันไปกอดหยางเจิ้นขุยไว้แน่น ขณะที่มองหลิวเพ่ยหลิงและน้องชายทั้งสองคนที่ต่างก็รอคอยให้หยางหลงกล่าวคำพูดสักคำ
"ขุยเอ๋อร์เป็นลูกของข้า ไม่มีใครหรืออะไรมาเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้"
หยางเจิ้นขุยกอดตอบบิดา น้ำตาไหลอาบแก้ม 
สายลมพัดมาวูบหนึ่ง ลู่กวางทองกลับปรากฏตัวขึ้นกลางห้อง "เกิดอะไรขึ้น พี่ไพลินไปตามข้าที่ยอดเขาบอกว่าที่นี่เกิดเรื่องราว" ขณะที่กำลังกล่าวคำ หยางหมิงแฝดคนกลางผู้มีดวงตาสีทองก็เดินเข้ามาหาลู่ยกแขนให้อุ้ม
"ฮ่องเต้จะพาจินเอ๋อร์ไป" หยางไห่ตอบพลางพยักหน้าไปทางหลิวเพ่ยหลิงที่กอดบุตรคนเล็กไว้แน่น "ขุยเอ๋อร์ขอไปแทน แต่ทรงทราบว่า เขาไม่...ไม่เหมาะสม"
ลู่หันไปมองหยางหลงที่มีสีหน้าเคร่งเครียด และยังกอดขุยเอ๋อร์ไว้แน่น กับท่าทางของหลิวเพ่ยหลิงที่กอดบุตรคนเล็กไว้ โดยที่ไม่ยอมสบตาผู้ใดในห้องนี้ ก็รู้ว่าความลับที่เก็บไว้เป็นเวลานานถูกเปิดโปงแล้ว

"แฝดตาสีทองคู่นี้ออกจากเมืองลั่วไม่ได้หรอก"
ทุกคนต่างตกใจอีกครา
"ท่านเห็นข้าไปที่ไหนได้ไกลจากเมืองลั่วหรือไง" ลู่พยายามยิ้มร่าเริงที่ดูจะไร้ผล เพราะทุกคนในที่นี้พากันตกใจจนมึนงงไปหมดแล้ว "ดวงตาสีทองนี่ คือตราสัญลักษณ์ว่าพวกเราคือป่าสีทอง การที่เราถูกเรียกว่ากวางทอง นกยูงทอง หรือไก่ฟ้าทองไม่ได้หมายความแค่เพราะเรามีสัญลักษณ์ของป่าสีทอง แต่เรา...คือป่าสีทอง ท่านเทพสูงสุดที่เป็นอาจารย์ของข้าก็เป็นกวางทอง ต่อให้เป็นเทพหรือสามารถเดินทางได้โดยอิสระก็จริง แต่ก็ต้องระมัดระวังตนเอง ผู้ที่มีสัญลักษณ์ของสีทองจึงไม่ออกไปจากป่าหรือเมืองลั่ว  แฝดทั้งสองคนนี้แม้จะมีกายเป็นมนุษย์  ก็ต้องเรียนรู้เรื่องการระวังตน วันหนึ่งพวกเขาอาจจะกลับไปที่ป่าหรือจะอยู่ที่นี่ก็สุดแต่เขาจะเลือก  ส่วนเหมี่ยนเอ๋อร์ที่เหมือนกับท่านพี่ เขามีไอของท่านพี่อยู่มากกว่าข้า จึงแข็งแรงดี แต่พวกเราจะอธิบายแบบนี้กับคนที่ไม่เชื่อเรื่องป่าสีทองก็คงไม่ได้ใช่ไหม เปลี่ยนเป็นบอกกับเขาไปว่า จะเอาคนที่ตาสีทองไปเพื่ออันใด อยู่ที่นี่พวกเขายังมีคนดูแล แต่หากไปอยู่กับพระองค์คงเป็นได้แค่คนประหลาด ที่ถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง แล้วก็จบชีวิตอยู่ในละครเร่"
"ดังนั้นข้ายิ่งสมควรไป" หยางเจิ้นขุยกล่าวอีกครา
ลู่หันมาดุในทันที "จะให้พ่อเจ้าขาดใจตายหรือไง ขนาดแค่ท่านอาสองคนของเจ้าไปติดต่อการค้าที่เมืองหลวง พ่อเจ้าเขายังกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวว่าฮ่องเต้จะถือโอกาสควบคุมคนไว้"
"แต่ว่าต้องมีใครสักคนที่เดินทางไป" หยางไห่กล่าวขึ้น
"ทำไมพวกท่านจึงอยากไป" ลู่หันมาถาม
"ไม่ได้อยากไป แต่หากไม่ไปอาจทำให้เดือดร้อน อีกอย่างนี่จะทำให้ท่านปู่ได้กลับมาด้วย"

คราวนี้ลู่งงจริง ๆแล้ว หลายปีที่รู้จักกับคนเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจความคิดเป็นห่วงไปหมดทุกคนในโลกของพวกเขาเลยสักนิด

คนงามหันมาหอมแก้มของบุตรชายคนรอง ทำให้บุตรคนโตที่อยู่กับพี่เลี้ยง และบุตรคนเล็กที่อยู่กับหลิวเพ่ยหลิงแย่งกันเข้ามาหาให้กอดและหอมแก้มเช่นกัน
หยางหลงช่วยอธิบาย "ท่านปู่ชรามากแล้ว อยู่ในเมืองหลวงมาหลายสิบปี อาจต้องการออกจากราชการกลับมาพักผ่อนที่บ้าน"
"พ่อมีข้อเสนอ" เสียงของหยางติงดังขึ้นที่ภายนอก จากนั้นเจ้าตัวก็ก้าวเข้ามาถึงในห้อง และหันไปกล่าวกับหยางเจิ้นขุย "ปู่กับย่าอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำอะไร ทั้งคิดถึงน้องชายที่ไม่ได้พบกันมาหลายปีจึงขออาสาเดินทางไปเมืองหลวงเอง ปู่ไม่เชื่อหรอกว่าด้วยการทำงานที่ผ่านมา ปู่จะมีค่าน้อยกว่าเจ้าแฝดสาม จะไปขอพระเมตตารับราชการที่เมืองหลวง และจะได้ดูแลขุยเอ๋อร์เรียนแพทย์ด้วย นี่จึงเป็นทางออกที่ดียิ่ง"
ด้านหลังของหยางติงคือเทพเสือโคร่งภูผาที่เดินตามเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าชื่นชมหยางติงเป็นอย่างยิ่ง
หยางติงหันไปบอกกับหยางหลง "รบกวนท่านเจ้าเมืองลั่วรีบทำหนังสืออย่างเร่งด่วน ฝากไปกับผู้แทนพระองค์ และก็ต้องมีหนังสืออีกฉบับเพื่ออภัยโทษให้กับท่านแม่ของพวกเจ้า นางจะได้เดินทางไปด้วยกัน ข้าขอรับรองว่าจะดูแลขุยเอ๋อร์ให้ดีที่สุด"

หยางหลง หยางเฉิง หยางไห่ และทุกคนในห้องนั้นคุกเข่าลงโขกศีรษะแสดงความขอบคุณ

แต่ท่ามกลางความราบรื่น ยินดีนั้นย่อมมีผู้ที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก มากขนาดที่จะถล่มภูเขาได้ทั้งลูก!
"อยากได้หลานของข้าหรือ ได้! ข้าจะจัดให้เป็นอย่างดี!" เสียงของเทพเสือโคร่งภูผาดังสะท้านสะเทือน
หลายวันถัดมาหยางหลงเจ้าเมืองลั่วก็เดินทางเข้าเมืองหลวงเกี่ยวกับฎีกาขอเปลี่ยนคนในสกุลยางแห่งเมืองลั่วที่จะเดินทางเข้าเมืองหลวง และเมื่อเสร็จเรื่องกลับมาก็พบว่ามีใครบางคนที่ป่าสีทองถูกลงโทษอย่างหนัก
แต่ในเวลาเดียวกันการที่คนผู้นั้นถูกลงโทษ ก็ทำให้เทพเสือโคร่งศิลาดำเฝ้าโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง
“ท่านพี่เทพเสือโคร่งช่วยปกปิดความผิดของจิ้งจอกไฟมาตลอดหรือ” หยางหลงเจ้าเมืองลั่วถามลู่กวางทอง
“ฮื่อ” คนงามรินน้ำชาให้ แล้ววางคางลงบนนิ้วมือที่ประสานกันไว้ “เรื่องมันยาวนะ ต้องตั้งใจฟัง”
หยางหลงหัวเราะเบา ๆ ปล่อยให้ลู่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เรื่องราวที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่ลู่กวางทองจะถือกำเนิดขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะไปถึงจุดสิ้นสุดลงเมื่อใด ... 

หลังจากที่หยางหลงเดินทางกลับมาจากเมืองหลวงได้หนึ่งปีครึ่ง หยางติง เหอชินรุ่ย และหยางเจิ้นขุยก็ออกเดินทางไปเมืองหลวง
นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หยางหลงเจ้าเมืองลั่วร่ำไห้ คนตัวใหญ่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก สั่นสะเทือนฟ้าดิน และทำให้ผู้อื่นต้องร้องไห้ตามไปด้วย
จากนั้นท่านปู่หยางจงจินและครอบครัวจึงเดินทางกลับมาที่เมืองลั่ว หยางหลงจัดเรือนพักหลังใหญ่ที่เพิ่งปลูกสร้างเสร็จให้ท่านปู่ได้พำนัก
จนถึงเวลาที่แฝดสามอายุสิบปี หยางหลงเจ้าเมืองลั่วจึงออกเดินทางไปที่ป่าสีทองปีละสองครั้ง ครั้งละหนึ่งเดือน
และในวันที่แฝดสามอายุยี่สิบปีเขาจัดงานสมรสให้กับหยางเหมี่ยนบุตรชายคนโต จากนั้นหนึ่งปีจึงยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้
ในวันถัดมาที่กลายเป็นอดีตเจ้าเมือง หยางหลงในวัยสี่สิบแปดปีเดินทางตามลำพังไปยังป่าสีทอง แล้วไม่กลับมาอีกเลย
ตลอดเวลาที่หยางหลงเป็นเจ้าเมืองลั่ว ภัยสงครามและความขัดแย้งหาได้ลุกลามเข้ามาในเมืองลั่วตามที่หยางหลงอธิษฐานขอไว้
และบ้านเมืองที่ปกครองโดยแฝดสามเมืองลั่ว ก็ราบรื่นสุขสงบเช่นกัน

....ท่านรู้ไหม ในแต่ละวันผู้คนอธิษฐาน ร้องขอ และสวดมนต์ขอพรกันมากมายเท่าใด
คำอธิษฐานเหล่านั้นส่วนใหญ่คือเพื่อตนเอง หรือต่อให้ขอคนในครอบครอบครัว หรือคนรักมีสุขภาพแข็งแรง แต่แท้จริงก็ยังหมายถึงการขอเพื่อตนเองอยู่ดี
แต่มีคนผู้หนึ่งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภาระที่แบกไว้จะเพิ่มน้ำหนักมากมายขนาดไหน แต่คำอธิษฐาน ร้องขอ และสวดมนต์ขอพรจะมีอยู่เพียงเรื่องเดียว ทั้งเป็นเรื่องเดิม
และนั่นทำให้ข้าหลงรักเขา ทั้งที่ไม่เคยพบเขามาก่อน และเมื่อได้พบกับเขา ข้าก็ไม่อยากพรากจากเขาอีกเลย....ตลอดกาล....

...จบภาคกวางทอง...
*ย่อหน้าซ้ำแก้แล้ว ขอบคุณมากครับ*
*ตอนต่อไปคือเทพเสือโคร่งภูผา และตอนสุดท้ายคือจิ้งจอกไฟ*
*ยังมีเรื่องที่ไม่ได้เฉลยอีกประมาณสองกระบุง จะทยอยเล่าในตอนต่อ ๆไป ก็ให้ลู่เป็นคน..เอิ่มกวางเล่า ก็โยกโย้ นึกอะไรได้ก็จะบอกมาตามที่นึกออกละนะ*
*ก่อนจะไปหาคุณพ่อเทพเสือ จะมีตอนพิเศษมาคั่นอีกหน่อยนึง*
*ชอบก็บอก ไม่ชอบก็กระซิบเบา ๆก็ดีนะ ผมเป็นคนอ่อนไหวง่าย  :m15:*
ขอบคุณมากครับ
น้ำชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2017 14:04:38 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
น้องลู่จบแล้ว  :mc4: :mc4:

ต่อไปเป็นใครหนอ  :m28: :m28:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอภาคสอง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

จิ้งจอกไฟ ถูกลงโทษใช่มั้ย เพราะทำผิดอะไรหรือ
หยางเจ้นขุย จิตใจงาม รักน้องแฝด

หยางเพ่ยหลิง ทำเกินไปกับหยางขุย
อาจเพื่อความถูกต้องของตระกูลหยาง
แต่ไม่ใช่ความผิดของหยางขุยเลย
ที่ผิดน่ะเป็นพวกผู้ใหญ่ ที่ห้ามตัวเองไม่ได้
     :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2017 14:04:19 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
จบแล้ว อยากเห็นว่า รอยยิ้มที่แทบล่มบ้านล่มเมือง ของกวางทองจังเลย
จะรีบเข้ามาแจ้งเรื่อง มีย่อหน้าซ้ำ แต่มีท่านอื่นแจ้งแล้ว
มีข้อสงสัยเรื่อง ทำไมฮ่องเต้อยากได้ หยางจิน และถามหาแม่เล็กทำไม และจิ้งจอกไฟทำความผิดอะไร
ชอบข้อคิดเรื่องการอธิษฐาน ตอนท้ายเรื่องค่ะ
ขอบคุณนะคะ รอภาคต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เป็นการรอคอยเพื่ออยู่ด้วยกันแบบอดทนมากนะ ในความคิดของพี่ เหมือนคนที่จะออกบวชเลย 5555ไม่มีความห่วงอะไรแล้ว หยางหลงทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด ในที่สุดก็ถึงเวลาของตัวเองสักทีนะ หวังว่าในภาคของ เทพเสือโคร่งจะมีคู่ของหยางหลงและลู่แอบโผล่มาบ้างนะ
ปล. แอบซึ้งกับคำอธิษฐาน จริงที่สุด คนเรามักจะขอเพื่อตัวเองก่อนคนอื่นตลอด เป็นย่อหน้าสุดท้ายที่ทำให้เราคิดว่า ครั้งต่อไปเราควรทำเพื่อคนอื่นก่อนบ้างก็ดีเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่14 (P14) จบภาคกวางทอง
« ตอบ #399 เมื่อ: 30-04-2017 13:02:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เดี๋ยวจะเป็นภาคอะไร พี่เสือโคร่งหรือเปล่า

มีแก้ไขนิดหน่อย
ผู้แทนพระองค์พยักหน้ารับรู้ และถามไถ่ความเคลื่อนไหวของเมืองเหออีกหลายคำจากนั้นจึงจะขอตัวกลับออกไปพักที่บ้านพักรับรองในตัวเมือง ทุกคนจึงจะพากันออกไปส่ง  แต่ข้าราชการอาวุโสผู้นี้ขอให้คนสนิทของหยางหลงเป็นผู้ที่พัก

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
เรื่องของน้องลู่น่ารัก เบาๆ สบายๆ อ่านแล้วเพลินดีค่ะ
แต่เรื่องของคุณพ่อเทพเสือโคร่งภูผานี่ท่าทางจะโลดโผนโจนทะยานน่าดู อิอิ
ส่วนเรื่องสุดท้าย เอาใจช่วยพี่ศิลาดำ อยากให้สมหวังกับจิ้งจอกไฟอ่ะ
รออ่านนะคะ

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ขุ่ยเออร์น่ารักมาก เป้นเด็กดีสุดๆ  รอพ่อเสือต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จบสวยงามมาก

หยางหลงเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย ลู่รักถูกคนแล้ว

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ขอบคุณนะคะ คุณไจฟ์ กะ น้องน้ำชา

เรื่องนี้ แอบหมั่นไส้หยางหลงมากที่สุด  พ่อคุณจะดีไปถึงไหน
คิดถึงคนอื่นตลอดเวลา ... แต่อย่างว่า คนทำดี ก็ได้รับผลของความดี
รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Ornon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จบแล้ววววว

รู้สึกว่าตอนสุดท้ายรวบรัดตัดความไปหน่อย ตอนอ่านรู้สึกงงความคิดและความรู้สึกตัวละครไปบ้าง และยังคงคาใจกับพฤติกรรมของฮูหยิน รวมไปถึงของหยางหลงตอนท้ายๆ รู้สึกว่าตัวละครนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ น้องทีไม่นอยด์เนอะ)

จะติดตามตอนต่อๆไปนะคะ เดาว่าต่อไปเป็นตอนของจิ้งจอกไฟ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
มันจบด้วนๆหรือเรารู้สึกไปเอง?
คือยังสงสัยอีกนิดหน่อยว่าจิ้งอกไฟไปทำผิดอะไร
แต่ไม่เป็นไร รออ่านจากตอนของคนอื่นๆละกัน

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1

 o18  ชักอยากเห็นอาวุธทำลายล้างของลู่ "ยิ้มงามล่มบ้านล่มเมือง" 
ว่าแต่อย่าไปยิ้มที่อื่นแล้วกัน กลัวว่าหยางหลง อาจจะลงโทษสถานหนักเอานะ ฮรี่ ๆ ๆ ๆ ๆ
ว่าแต่ทางวังนี่คงยังไม่รู้ฤทธิ์ของเทพเสือโคร่งภูผาซินะ เอาเลยค่ะท่านตาเสืออย่าให้น้อยหน้ากว่าเมืองเหอ  o13  o13


แม้จะบอกว่าจบภาคกวางทองก็ได้แต่หวังว่าในภาคต่อก็จะยังมีลู่น้อยเรามาโล่นแล่นอยู่ให้แอบหายคิดถึงมั่งนะคะ
หรือว่าจะเป็นความซนของลูกๆกันแน่ อยากอ่านจังว่าลู่น้อยเราจะสอนลูกๆ อย่างไร จะแสบหรือจะดุดันหรือจะมาแนวไหน อยากตามมาก

และคนที่น่าชื่นชมอีกคนที่อยากปรบมือให้ดังๆ คือหยางเจิ้นขุย นี่คือตัวอย่างของคนที่จิตใจดีไม่ต่างจากพ่อเลยแม้แต่น้อย ความอิจฉา ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความริษยา ไม่มีให้เห็นแม้แต่น้อย โอ้ยยย เป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างงดงามมาก กอดๆ หยางเจิ้นขุย

ส่วนคนที่เข้าไม่ถึงจิตใจและได้แต่สงสัยว่าทำไม ๆๆ คือ หลิวเพ่ยหลิง จริงๆ เอิ่มมมมม ...... งงกับนางมากจริงๆ


รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:



ออฟไลน์ Premo1492

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:ยังไม่อยากให้จบเลยอะ
อยากอ่านอีกเยอะๆเลยยยยย :L1: :L2: :L2:
ขอบคุณที่สร้างสรรค์และแบ่งปันนิยายดีๆ o13 o13

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้องลู่คนงามจบแล้ว เห็นด้วยว่าจบรวบรัดแต่ถ้าเรื่องมันจบก็ควรจบอ่ะค่ะ แม้ฉากสวีทพระนายจะน้อยไปหน่อยในตอนท้ายๆ งื​ออ​ออ รอมานานสำหรับตอนจบ และตอนต่อไปเป็นของพ่อเสือน่าติดตามมากๆ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่14 (P14) จบภาคกวางทอง
« ตอบ #409 เมื่อ: 03-05-2017 02:19:11 »





ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านจบภาคกวางทองแล้ว น่ารักและน่าติดตามค่ะ แต่ตอนจบรวบรัดตัดความไปนิดนึง เหมือนกับจะบอกบทสรุปของแต่ละคน แต่รายละเอียดมันขาดหายไป

จะรออ่านภาคต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :katai5: :katai5:

มารอพ่อเสือออ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอภาคต่อไป พ่อเสือโคร่งและตอนพิเศษน้องลู่กับเด็กแฝดด้วยเน้อ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :call:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :z13: :z13:

 มาจิ้มๆ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest พิเศษหนึ่ง
«ตอบ #415 เมื่อ07-05-2017 08:09:09 »

พิเศษตอนที่หนึ่ง

เรื่องนี้เกิดขึ้นในเช้าวันถัดมาของคืนที่นางเทพกวางสายลมพาลู่ไปร่วมค่ำคืนกับหยางหลง เพื่อถ่ายทอดน้ำเชื้อฝากทารกในครรภ์ของหลิวเพ่ยหลิง

นางเทพเสือโคร่งบงกชในอาภรณ์เหลืองอ่อน สลับขาว เดินทางมาถึงปากทางของเขตเทพกวางแล้วแจ้งต่อเทพกวางที่ทำหน้าที่ในละแวกนั้นว่านางมาขอพบเทพกวางสายลม
นางคือเทพเสือโคร่ง จึงเป็นเสือโคร่งที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเสือโคร่งทั่วไป และเมื่อนางอยู่ในร่างของสตรีนางก็เป็นสตรีตัวหนาร่างกายสูงใหญ่ยิ่ง มีโครงสร้างของใบหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นคนดุมาก เข้มงวดมาก ยิ่งยามที่นางไม่พอใจยิ่งสามารถแผ่รังสีกดดันสรรพสัตว์รอบตัวให้ต้องถอยห่างออกไป เมื่อนางเทพกวางสายลมมาถึง ยังต้องรวบรวมพลังขึ้นต้านทานแรงกดดันนั้นแล้วเปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์ในชุดสีน้ำตาลทอง
การแผ่รังสีของนางเทพเสือโคร่ง มิได้เกิดจากความต้องการสังหารใคร แต่เป็นเพราะนางไม่พอใจในเรื่องที่นางเทพกวางสายลมพอจะคาดเดาได้ว่าคือเรื่องใด
หลังจากที่นางเทพกวางสายลมทำความเคารพ นางเทพเสือโคร่งบงกชจึงถามขึ้น

"ข้าอยากรู้เหตุผล" ท่าทีของนางคุกคาม ข่มขู่อย่างชัดเจน
นางเทพกวางสายลมใช้ความสงบนิ่งบรรเทาความไม่พอใจนั้น
"หลิวเพ่ยหลิงภริยาเจ้าเมืองลั่ว อธิษฐานขอบุตรแห่งป่าสีทอง"
ขณะที่นางบอกเล่าเรื่องราวไปตามลำดับ เทพกวางสายฟ้าก้าวย่างช้า ๆ ออกมาจากเขตเทพกวางแล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ จากนั้นเทพเสือโคร่งภูผาก็ปรากฎตัวขึ้นจากฝั่งของนางเทพเสือโคร่งบงกช แรกนั้นเขาอยู่ในร่างของเสือโคร่ง เมื่อเห็นว่าทั้งหมดอยู่ในร่างมนุษย์จึงเปลี่ยนร่างตาม ทำให้เทพทั้งสี่ยืนล้อมกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม
"ข้าหาได้ตัดสินใจโดยพลการ ได้ขอความเห็นจากท่านพี่เทพเสือโคร่งแล้ว"
นั่นเป็นคำกล่าวอ้างที่ผิดพลาดมาก เพราะทำให้นางเทพกวางกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบ นางจึงรีบยกมือขอกล่าวคำชี้แจงต่อ
"ก็ไม่เชิงว่าจะยกให้ท่านพี่เทพเสือโคร่งตัดสินใจแต่ผู้เดียว แต่เพราะข้ารับคำอธิษฐานของนางมา ก็ต้องหาทางทำตามนั้น ข้าไม่รู้วิธีการบางอย่างจึงสอบถามท่านพี่เทพเสือโคร่งไป จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายกวางทองก็เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะร่วมห้องกับเจ้าเมืองลั่ว"
นางเทพเสือโคร่งบงกชมีสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อคำกล่าวนี้
"กวางทองยังเด็ก เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินใจร่วมห้องแบบนั้น"
"เขาไม่เด็กแล้ว" เทพเสือโคร่งภูผากล่าวขัด "เขาจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มันขึ้นอยู่กับใจของเขาไม่ใช่เพราะเจ้าชี้บอกให้เขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่"
นางเทพเสือโคร่งบงกชไม่พอใจคำชี้แจงนี้ ใบหน้าของนางเรียบตึง หากสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยสายตา นางคงทำไปแล้ว
...กวางทองตัวเล็กจ้อยอ่อนแอผู้นั้น ยังคงเป็นเด็กอ่อนแอเสมอในสายตาของนาง

"พวกเขารักกัน แต่ท่านเจ้าเมืองก็ไม่ได้เร่งรัดที่จะร่วมห้อง ทำตามคำอธิษฐาน เขาผิดหวังอยู่เหมือนกันที่กวางทองขอกลับมาพร้อมข้า แต่ก็มิได้คัดค้าน"
"กวางทองมีเหตุผลที่ดีที่จะไม่แน่ใจ" นางเทพเสือโคร่งบงกช ปรายตามองไปทางเทพเสือโคร่งภูผา ที่ยังคงเป็นผู้ผิดในความเห็นของนาง
"คำขอแบบนั้นมันก็เกินไปจริง ๆ" เทพกวางสายฟ้ากล่าวขึ้นบ้าง
นางเทพเสือโคร่งบงกชพยักหน้า "ข้ารู้ว่าสตรีผู้นั้นมาอธิษฐานกับเจ้า รู้ว่าเจ้าปฏิเสธไม่ได้ ขัดใจกวางทองก็ไม่ได้ เพราะกวางทองกับเจ้าเมืองลั่วรักกันอย่างที่เจ้าว่า แต่อย่างน้อยก็สมควรรอให้เจ้าเมืองลั่วกับสตรีผู้นั้นหย่ากันก่อน"
นั่นเป็นคำที่เทพสัตว์ป่าทั้งสามหันไปมองหน้ากัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
"พวกเขายังไม่ได้หย่ากัน แล้วรับลู่ไปอีกคน ทำให้ลู่ต้องเป็นภรรยารอง นั่นคือการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเทพแห่งป่าสีทอง"

นางเทพกวางสายลมยอมรับว่าตนเองผิดพลาดครั้งใหญ่
"ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย รู้แต่เพียงว่าเจ้าเมืองลั่วกับกวางทองใจตรงกัน แต่เจ้าเมืองลั่วกับฮูหยินไม่ได้มีใจต่อกันแล้ว"
เทพเสือโคร่งภูผาขัดขึ้น "เจ้าเมืองลั่วกับฮูหยินน่ะหรือ"
นางเทพกวางสายลมพยักหน้า "สิ่งที่หลิวเพ่ยหลิงแสดงออกต่อเจ้าเมืองลั่วตรงข้ามกับความต้องการที่แท้จริงในใจ เพราะรู้ว่าเจ้าเมืองลั่วเป็นคนจิตใจดี นางทำผิดต่อเขา หากไม่ตั้งครรภ์ก็แล้วไป แต่หากตั้งครรภ์ก็แค่ตีหน้าเศร้ากล่าวคำสารภาพ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าจะอย่างไรเขาก็ให้อภัย แต่การอยู่กับคนดีเกินไป เข้าใจ และตามใจทุกอย่างมันทำให้รักจืดจาง ในเวลาเดียวกันนางสมรสกับว่าที่เจ้าเมืองลั่ว ต่อให้เป็นเมืองเล็ก ทั้งอยู่ห่างไกล แต่ที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ นางจึงต้องการรักษาตำแหน่งฮูหยินเจ้าเมืองไว้"
"ก็คิดอยู่ว่ามันแปลก ๆ" เทพเสือโคร่งภูผากล่าวขึ้นบ้าง "ข้ารู้ว่ามีกรณีที่ภรรยาเอกมีบุตรไม่ได้เขาก็จะหาภรรยารอง หรือหาอนุให้ สามี แต่นางก็ยังมีบุตรอยู่อีกคนหนึ่ง"
"หยางเจิ้นขุยมิใช่บุตรของเจ้าเมืองลั่ว นางไม่ต้องการให้เขารับตำแหน่งต่อจากหยางหลง" นางเทพกวางสายลมอธิบาย
เทพกวางสายฟ้าผู้สุขุมรอบคอบช่วยเสริม "หากเขาครองเมือง แล้วผู้เป็นบิดาที่แท้จริงกลับมาเรียกร้อง หยางเฉิง และหยางไห่ต้องไม่ยอม หลิวเพ่ยหลิงจะถูกประณาม อีกอย่างหากนางต้องการตำแหน่งฮูหยินเจ้าเมือง นางย่อมไม่ยอมหย่าให้แน่นอน"

"แต่ข้าก็ลืมเรื่องภรรยาเอก ภรรยารองนั่นจริงๆ" นางเทพกวางสายลมยอมรับ
"เพราะพวกเราก็มิได้ยึดติดกับเรื่องนั้น" นางเทพเสือโคร่งบงกชชะงักมือที่กำลังจะนวดขมับตนเอง เปลี่ยนเป็นกอดอกไว้ "รองแม่ทัพคนนั้นเรียกเจ้าว่าท่านใหญ่ใช่ไหม"
นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่นางเทพกวางสายลม รวมถึงเทพเสือโคร่งภูผาลืมนึกไปเช่นกัน นางเทพเสือโคร่งบงกช รีบโบกมือห้ามก่อนที่ทั้งสองจะคิดวุ่นวาย
"ข้าไม่ได้อยากให้เขามาเรียกข้าแบบนั้น มันฟังดู...อาวุโสมากไปสักหน่อย"
ทั้งเทพกวางสายฟ้า และเทพเสือโคร่งภูผาต่างหัวเราะกับประโยคนี้ ส่วนนางเทพกวางสายลมยิ้มกว้าง เพราะทั้งสามรู้ดีว่านางเทพเสือโคร่งบงกชไม่ชอบการถูกเรียกขานแบบนั้น ทุกคราที่พบกัน นางเทพกวางสายลมจึงมักทำความเคารพตามลำดับชั้นของเทพ แต่มิได้เรียกขานชื่อ

ในบรรดาเทพทั้งป่าสีทอง นางคือผู้ที่ออกไปนอกเขตของตนเองน้อยที่สุดแล้ว
ส่วนเทพเสือโคร่งภูผา แม้จะดูเหมือนว่าเป็นเทพเจ้าชู้แต่ที่จริงแล้วก็มีเพียงนางเทพกวางผู้นี้ กับสตรีอีกสองสามคนที่เป็นมนุษย์ ซึ่งล้วนจากไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งเทพเสือโคร่งศิลาดำที่เป็นบุตรชายมาเล่าให้ฟังว่า บิดาติดตามชายหนุ่มผู้หนึ่ง และบอกให้บุตรเรียกเขาว่าแม่เล็ก แต่แม่เล็กผู้นี้เรียกนางเทพกวางสายลมว่า ท่านใหญ่
นางเทพเสือโคร่งบงกชถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความอารมณ์ดี จนกระทั่งบุตรชาย และหญิงสงสัยว่า หากจะนับกันจริง ๆ นางเทพเสือโคร่งบงกชต่างหากที่เป็นท่านใหญ่ เหตุใดนางจึงไม่โกรธ
"ทำไมต้องโกรธ ปล่อยให้เขาเรียกสายลมว่าท่านใหญ่ต่อไป ข้าอยู่ของข้าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว"

นางเทพเสือโคร่งบงกชไม่ได้หึงหวง เพราะนางก็มีหน้าที่ของนาง เหมือนกับเทพเสือโคร่งภูผาที่ก็มีหน้าที่สำคัญของตนเอง

ว่าแต่ เจ้ากวางทองตัวน้อยนั่น เติบโตเป็นหนุ่มที่สามารถมีคู่ได้แล้วหรือ....

"ไอ้เรื่องการจัดลำดับที่น่าปวดหัวนี่ เป็นเรื่องที่ข้าขัดใจกับอวี้เอ๋อร์บ่อยที่สุดแล้ว" เทพเสือโคร่งภูผาเจตนาชักจูงออกนอกเรื่อง "เจ้าลองคิดดูเฉพาะในความสัมพันธ์ของพวกเราสี่คน ข้ากลายเป็นสามีรองให้สายลม โดยสายฟ้าเป็นท่านใหญ่ ส่วนสายลมเป็นท่านรอง แล้วบงกชเป็นท่านใหญ่...."
"หุบปาก!"
"ก็ไม่จริงหรือไง" เทพเสือโคร่งภูผายังไม่รู้ตัวว่ากล่าวคำต้องห้ามออกไป "ถ้ามีท่านรองก็ต้องมีท่านใหญ่ไง"
"ภูผา! อยากตายใช่ไหม! ห้ามเรียกคำนั้นกับข้าอย่างเด็ดขาด!"
เสียงเสือโคร่งคำรามดังก้องป่า ตามมาด้วยเสียงต้นไม้ใหญ่ล้มครืน

ที่ตั้งใจจะมาสอบถามด้วยความเป็นห่วงกวางทองตัวน้อย ไว้มาถามใหม่ในวันหน้าก็ได้!

.....

เฉินอวี้รู้จักกับเทพเสือโคร่งภูผามานานหลายปี ถึงได้พบกับนางเทพกวางสายลม และอีกสองปีถัดมาจึงได้พบกับนางเทพเสือโคร่งบงกช และผู้ที่พาไปพบก็คือนางเทพกวางสายลมนั่นเอง

ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจ เมื่อทราบว่าสตรีรูปร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าคือนางเทพเสือโคร่งบงกช ซึ่งเป็นคู่ครองของเทพเสือโคร่งภูผา
"ท่านใหญ่" ทันที่กล่าวคำเรียกขานออกมา นางเทพกวางสายลมก็สะดุ้งรีบโบกมือห้ามพูดต่อ
เฉินอวี้รู้ตัวรีบกล่าวคำขออภัย แต่กระนั้นรอยยิ้มของนางเทพเสือโคร่งก็ยังดูเกร็ง
"ขออภัยที่เพิ่งได้มาทำความเคารพ ข้ามาที่ป่าสีทองหลายครั้ง แต่ก็มักจะอยู่ในเขตป่าของเทพกวางเท่านั้น"
สตรีรูปร่างสูงใหญ่เบื้องหน้ายกนิ้วชี้ขึ้น
นางรู้ว่ามนุษย์ผู้นี้เข้ามาที่ป่าสีทองก็เพื่อจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับกวางทอง
หากไม่ใช่เพราะกวางทอง เทพเสือโคร่งภูผาคงไม่พาอีกฝ่ายเข้ามา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นางก็มีคำถาม
"เขาเคยพูดถึงข้าไหม"
เฉินอวี้ ตอบตามตรง "เคยขอรับ บอกว่าพวกท่านครองคู่กัน และท่านเป็นมารดาของเทพเสือโคร่งศิลาดำ"
เมื่อเฉินอวี้หยุดกล่าวคำ นางจึงคาดเดาต่อ "เขาเล่าแค่นี้ ทั้งไม่เคยพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าจึงคิดว่า ข้าหาชีวิตไม่แล้ว และเข้าใจผิดว่าสายลมคือท่านใหญ่มาตลอดใช่หรือไม่"
ชายหนุ่มรูปงามพยักหน้าอีกครั้ง
"เป็นความหลงลืมของข้าเอง ตอนที่ได้พบกับท่านเทพกวางที่จวนเจ้าเมือง เหตุการณ์ทุกอย่างเร่งรีบ จึงกล่าวคำผิดพลาดไป"
"ไม่ผิดหรอก" นางเทพเสือโคร่งภูผายิ้มกว้างอารมณ์ดี "เรียกสายลมว่าท่านใหญ่เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว และเรียกข้าว่าบงกชเหมือนกับผู้อื่นก็ได้ ข้าไม่ได้ถือสาในเรื่องนี้"
เฉินอวี้พยักหน้ารับปฏิบัติตามคำสั่ง นางเสือโคร่งเรียกเสือโคร่งสาวที่อยู่ใกล้ ๆ ไปนำสุรา และอาหารมาเพิ่ม
"ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เล่าเรื่องที่เมืองหลวงให้ข้าฟังหน่อย ผู้คนที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง"
เฉินอวี้จิบสุรา แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้นางเทพทั้งสองรับฟัง

.....

ในคืนนั้น ขณะที่เฉินอวี้กำลังนอนหลับสบายอยู่ในถ้ำยา ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงคล้ายแผ่นดินไหว และเสียงต้นไม้ใหญ่หักโค่น เมื่อเหตุการณ์ข้างนอกสงบลง เสือโคร่งตัวใหญ่โซซัดโซเซเข้ามาในถ้ำแล้วนอนหลับตา หมดแรง
"ท่านพี่ ข้าทายาให้นะ"

.....

นกยูงทองเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดดั่งเห็นมากับตาตนเอง สีหน้าท่าทางเกินความจริงไปมากจนเหมือนนางเทพเสือโคร่งบงกชจะกลายเป็นนางมารช้างสารบงกชก็ไม่ปาน
"ท่านแม่เสือโคร่งดุขนาดนั้นเชียวหรือ" ดวงตาสีทองเป็นประกายของกวางทองเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าเหลือเชื่อ "ท่านแม่เสือใจดีจะตาย"
"เฉพาะกับเจ้าคนเดียวน่ะสิ" นกยูงทองเสียงดัง "นี่นะ นางสะบัดขาหลังคราหนึ่งต้นไม้ใหญ่ทางฝั่งขวาก็หักโค่นลงมา ฟาดหางไปอีกทีต้นไม้ใหญ่ทางฝั่งซ้ายก็โค่นลงมา พอส่งเสียงคำรามฝุ่นก็คลุ้งตลบ พอกระทืบเท้าหน้าลง เทพเสือโคร่งภูผาก็กระเด็นไปไกล"
"โห..." กวางทองอ้าปากค้าง
"โห นี่คือไม่เชื่อใช่ไหม นี่นะ ในคืนนั้นนะ สรรพสัตว์ทั้งป่าล้วนตื่นขึ้นมากันหมดเลย ผู้เฒ่านกฮูกที่หลับอยู่ยังตกจากคอนเลยนะ"
กำปั้นแข็ง ๆ เขกลงกลางศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้านกยูงทองช่างพูด "ไม่มีความจริงสักคำเดียว ท่านแม่จะสะบัดขาหลัง ฟาดหางอะไรนั่นได้อย่างไร"
กวางทองเกาคางตนเอง "ก็จริงนะ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำหันไปส่งสายตาดุ ๆ ใส่นกยูงทอง "รู้ว่ากวางทองเชื่อผู้อื่นโดยง่ายก็ชอบเอาเรื่องไม่จริงมาเล่าให้ฟัง" จากนั้นพี่ใหญ่ก็หันมาหากวางทองเตือนว่าได้เวลากลับขึ้นเขาไปหาอาจารย์แล้วโดยที่ไม่ได้กล่าวตำหนิน้องเล็กสักคำ
...ก็นี่ใคร เขาคือกวางทอง ทุกสิ่งที่คิดและทำคือสิ่งที่ถูกต้อง ผิดที่เจ้านกยูงทองนั่นต่างหากที่ชอบเล่าเรื่องเกินจริง

...จบพิเศษหนึ่ง...
ที่มีความเห็นว่าจบห้วน ผมก็ว่าจริง :ling2:
พิเศษของกวางทองที่จะเรียงลำดับกันมาหลังจากนี้ ที่จริงมันอยู่ในเรื่อง แต่ห้วงเวลาที่เกิดเหตุมันอยู่ห่างไกลกันมาก เลยยกออกมาเล่าต่างหาก แต่กำลังสงสัยตัวเองว่า คิดผิดไหมหว่า ฮ่าๆ
คือถ้าจะบอกว่า "ผมคิดแบบนี้ และจะทำแบบนี้" จะกลายเป็นคนเขียนอีโก้จัดไหม
หรือถ้าจะบอกว่า "ถ้าอยากให้ยกกลับเข้าไป ผมก็โอเคนะ" ผมก็จะกลายเป็นคนไม่มั่นใจสินะ
แต่ที่จริง....ผมอยากบอกว่า "คิดยังไงก็บอกผมหน่อย ผมอยากได้รีพลาย ผมชอบคุย ผมชอบอ่าน" ก็อาจโดนว่าปั่นกระทู้
ดังนั้น... "คิดยังไงก็บอกผมหน่อย ผมอยากได้รีพลาย ผมชอบคุย ผมชอบอ่าน" เนี่ยจริงใจสุดละ

น้ำชาครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2017 12:55:25 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest พิเศษหนึ่ง
«ตอบ #416 เมื่อ07-05-2017 08:37:53 »

 :pig4: :pig4:
ชอบเเบบนึ้ เพราะเหมือนได้รู้ความเป้นมาพร้อมทั้งโครงสร้างของครอบครัวลู่ เพราะเดี๋ยวจะเข้าพาร์ทของพ่อเสือเเล้ว ส่วนตอนพิเศษของลู่กะหยางหลงก็อยากอ่านพาร์ทที่เด็กๆโตเเล้ว อยากรู้ว่าเมื่ออยู่กัรมานานจะเป้นยังไงมั้ง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: Sunrise in the forest พิเศษหนึ่ง
«ตอบ #417 เมื่อ07-05-2017 08:41:15 »

สรุปแล้วเทพในป่าสีทองรักลู่มากที่สุดซินะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest พิเศษหนึ่ง
«ตอบ #418 เมื่อ07-05-2017 09:36:09 »

ชอบแบบนี้แหละค่ะ

ท่านเทพเสือโคร่งภูผานี่ เจ้าชู้มากกกก

กวางทองน้อย เป็นที่รักของทุกๆคนจริงๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest พิเศษหนึ่ง
«ตอบ #419 เมื่อ07-05-2017 10:47:46 »

เราอยากอ่านฉากกุ๊กกิ๊กของพ่อเสือกับแม่เล็กอ่ะ ป๋าไจฟ์กับน้องทีคนหล่อจะใจดีสนองนี๊ดให้เราไหมนะ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด