ตอนพิเศษสามเช้าวันนี้ เทพเสือโคร่งภูผาพาลู่กวางทองมาที่จวนเจ้าเมือง แล้วก็สั่งการให้ลู่ดูแลกิจการงานที่เมืองลั่วชั่วคราว เพราะต้องการให้หยางหลงเจ้าเมืองลั่วไปช่วยงานด่วนที่เมืองหลวง
หยางหลงไม่ได้เกี่ยงที่ต้องไปช่วยการทำงานของเทพเสือโคร่งภูผา เพราะรู้ดีว่านี่ต้องเป็นเรื่องที่มีความพิเศษแบบเฉพาะเจาะจงมาที่ตนเอง แต่คำสั่งถัดมาที่บอกให้ลู่ดูแลกิจการงานของเมืองลั่วนั้น ทำให้รู้สึกเป็นห่วงลู่เป็นอย่างมาก
แท้จริงแล้วเทพเสือโคร่งภูผาก็มีความเป็นห่วงเช่นกัน เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาลู่ไม่เคยเข้าไปควบคุมจัดการผู้ใด ตอนที่พามาด้วยกันจึงบอกว่าจะชวนกันมาที่จวนเจ้าเมืองและอยากให้อยู่ที่นี่สักหลายวัน จนมาถึงเห็นว่าทุกคนในเมืองต่างก็ทำงานกันทั้งสิ้น จะปล่อยให้บุตรชายเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ได้อย่างไร จึงได้เอ่ยถึงหน้าที่ ที่อยากให้ทำในระหว่างที่เจ้าเมืองลั่วไม่อยู่
ลู่จับชายเสื้อของบิดาไว้แน่น กัดริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ และเสียใจ
เป็นสายตาที่ทำให้เทพเสือโคร่งภูผาปวดใจยิ่งนัก
"เจ้าโตจนมีบุตรฝาแฝดถึงสามคนแล้ว ทั้งสามีก็เป็นเจ้าเมือง จะมัวแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ ได้อย่างไร"
ลู่ไม่ตอบคำ แต่จ้องมองบิดาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ
ก่อนที่เทพเสือโคร่งภูผาจะพลาดท่าให้กับไม้ตายของบุตรชาย หยางหลงก้าวเข้ามาแตะที่เอวของลู่ แล้วกล่าวอย่างสุภาพกับเทพเสือโคร่งภูผา "เป็นเรื่องร้อนที่จะต้องออกเดินทางในทันทีเลยหรือขอรับ"
"ก็...." ที่จริงมันคือเรื่องร้อน แต่ดูท่าว่าหากบอกให้ออกเดินทางในทันที จะต้องมีผู้ที่เสียใจมากอยู่เบื้องหลัง
....เรื่องทำร้ายจิตใจของบุตร เทพเสือโคร่งภูผาทำไม่ได้จริง ๆ
"เกี่ยวกับแฝดสามหรือไม่ขอรับ"
....การมีเขยที่ฉลาดเกินไปมันอันตรายเช่นนี้เอง
ลู่ทำตาโตหันมามองหยางหลงแล้วหันมาหาบิดา "ฮ่องเต้นั่นยังคิดจะพาแฝดสามไปอีกหรือ"
เทพเสือโคร่งภูผาพยักหน้า ขณะที่ลอบสังเกตท่าทีของบุตรชาย
ลู่ก็ยังคงเป็นลู่ ที่ต่อให้โกรธมากเพียงใดก็ยังดูเหมือนเป็นเรื่องล้อเล่นอยู่เช่นเดิม
แต่ทั้งเทพเสือโคร่งภูผา และหยางหลงรู้ว่านี่แหละคืออาการโกรธมากที่สุด เท่าที่ลู่จะโกรธได้
"น้อง"
"จัดการฮ่องเต้นั่นเอาให้ลืมชื่อลืมแซ่ไปเลยนะ" ลู่หันมาบอก ด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้
หยางหลงตระหนักชัดถึงอาการห่วงหน้าพะวงหลังของตนเองก็เมื่อเห็นท่าทีของลู่ เพราะในเวลานี้ทั้งหยางเฉิงและหยางไห่ล้วนไม่อยู่ที่เมืองลั่ว แต่พ่อตากลับสั่งให้ลู่มาดูแลงานที่ไม่เคยทำมาก่อน
"ขอเวลาสักชั่วยามนะขอรับ ตอนนี้น้องรองกับน้องเล็กไม่อยู่ในเมือง ข้าน้อยต้องไปสั่งงานไว้กับเลขาฯ ที่ศาลาว่าการ"
เมื่อมาถึงที่ศาลาว่าการ หยางหลงเจ้าเมืองลั่วยังต้องรักษาหน้าของลู่ด้วยการแจ้งกับเลขาฯว่า ลู่จะมาช่วยดูแลงานที่ศาลาว่าการเมือง ในระหว่างที่รอหยางเฉิงหรือหยางไห่กลับมา
"ปฏิบัติหน้าที่เหมือนกับเวลาที่ข้าไปที่ป่าสีทอง"
เลขาฯของหยางหลงเข้าใจข้อความคำสั่งนี้เป็นอย่างดี เพราะหยางหลงเดินทางไปที่ป่าสีทองอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งเพ่ยหลิงคลอดบุตรแฝดสาม จึงเปลี่ยนเป็นคุณชายลู่ผู้นี้ที่จะเดินทางมาที่จวนเจ้าเมืองเป็นระยะ แต่ทุกครั้งที่คุณชายลู่เดินทางมา เจ้าเมืองลั่วก็มักถือโอกาสหยุดงานเป็นเวลาหลายวัน
ความเป็นกังวลของเจ้าเมืองลั่วยังไม่หมดไปโดยง่าย หลังจากที่สั่งงานที่ศาลาว่าการเมือง ก็ต้องกลับไปที่จวนเจ้าเมือง เพื่อบอกกับเพ่ยหลิง พ่อบ้าน และลาแฝดทั้งสาม จากนั้นจึงได้ออกเดินทางพร้อมให้คำมั่นว่าจะกลับมาโดยเร็วที่สุด
แฝดสามหยางเหมี่ยน หยางหมิง และ หยางจินมีอายุสามขวบเศษแต่ทั้งสามเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดเมื่อเทียบกับเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน
เมื่อออกไปส่งหยางหลงขึ้นม้าที่ด้านหน้าจวน สี่คนพ่อลูกก็พากันเดินกลับเข้ามาเล่นอยู่ด้วยกันที่ศาลาในสวน
ไม่นานนักเพ่ยหลิงก็ยกถาดผลไม้มาให้ลู่ด้วยตนเอง แล้วคอยดูอยู่ใกล้ ๆ
หลายปีที่ผ่านมา นางใช้สกุลเดิมของบิดาซึ่งเป็นรองเสนาบดีอยู่ในเมืองหลวง จนกระทั่งหยางหลงรับตำแหน่งเจ้าเมือง นางจึงเปลี่ยนมาใช้สกุลหยาง
คงไม่ต้องอธิบายต่อไปกระมัง ว่าภรรยาทั้งเจ็ดของหยางเฉิงละทิ้งสกุลเดิมตั้งแต่สมรสกับกับหยางเฉิง เช่นเดียวกับหยางไห่ผู้มีหนึ่งภรรยา
ลู่ขอบใจเพ่ยหลิง แล้วถามว่าเหตุใดจึงต้องออกไปนั่งอยู่ด้านนอกของศาลา นางตอบว่า แฝดสามแทบไม่ได้พบกับพ่อกวางทองของพวกเขา นางจึงไม่ต้องการเข้าไปแทรกช่วงเวลานี้
ลู่พยักหน้าทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจความคิดแปลกประหลาดของนาง
ตั้งแต่แรกที่พบกัน ลู่เห็นว่านางก็มิได้ต่างไปจากภรรยา และมารดาผู้อื่น จนกระทั่งนางไปอธิษฐานขอบุตร จึงพบว่านางเป็นสตรีที่ไม่เหมือนใคร
เสี่ยวเป่าและพี่เลี้ยงอีกหลายคน ช่วยกันยกหีบของเล่นมาให้คุณหนูทั้งสาม
เหมี่ยนเอ๋อร์คว้ากล่องของเล่น หยิบแท่งไม้จากในกล่องมาวางเรียง แล้วซ้อนต่อกันเป็นรูปร่างสัตว์ชนิดหนึ่งที่กำลังนอนหมอบ
"พ่อกวางทอง" หมิงเอ๋อร์ ผู้มีดวงตาสีทองหันมาบอก หลังจากที่วางแท่งไม้ลงไปเพียงแท่งเดียวบนผลงานของเหมี่ยนเอ๋อร์
"นี่พ่อกวางหรือ เก่งจริง ๆ" ลู่ชื่นชม แม้เจ้ากวางทองตัวนี้จะไม่มีเขา และดูเหมือนจะเป็นสุนัขนอนหมอบอยู่มากกว่าก็ตาม
จินเอ๋อร์ไม่ได้ทำอะไร แต่จับจองที่นั่งบนตักของลู่มาตั้งแต่แรก กล่าวเพิ่มเติม "กวางเด็ก ไม่มีเขา"
"ไม่มีก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มี" ลู่ยังคงให้กำลังใจ
เสี่ยวเป่าทำหน้าตายับยู่ "ท่านกวางทองขอรับ คุณหนูทั้งสาม ไม่ยอมพูดเป็นประโยคสักที มักจะพูดเป็นคำ ๆ แบบนี้ตลอดเลย"
แฝดตาสีทองทั้งสองคนยังพอกล่าวคำสนทนา แต่หยางเหมี่ยนคนโต ยิ่งกล่าวคำน้อยกว่า
ลู่ก็ยังพูดให้กำลังใจเหมือนเดิม ทั้งกับเพ่ยหลิง และเสี่ยวเป่าที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงคนสำคัญ "อาจเพราะพอเขาชี้มือ พวกเราก็เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ถึงได้ไม่อยากพูด"
เสี่ยวเป่า กล่าวขัดขึ้น "แต่บ่าวกำลังคิดว่า คุณชายน้อยทั้งสามอาจคิดว่าบ่าวโง่เขลาจนเบื่อหน่ายที่จะพูดด้วยต่างหาก ท่านกวางทองดูที่คุณชายน้อยทั้งสามเล่นสิขอรับ มีเด็กที่ไหนเล่นแบบนี้บ้าง นี่เดี๋ยวจะพาไปดูที่เรือนพักนะขอรับ พวกคุณชายน้อยทั้งสาม พากันไปสร้างเมืองสร้างป่าไว้ในห้องนอนกัน"
ในตอนแรกลู่ยังคิดว่านั่นเป็นประโยคเปรียบเทียบที่อาจหมายถึงห้องนอนที่รกมาก แต่แท้ที่จริงแฝดสามกำลังช่วยกันสร้างเมืองลั่วขึ้นในห้องนอนจริง ๆ
บริเวณกลางห้องนอนคือเมืองลั่วแบบจำลอง ตั้งแต่จวนเจ้าเมือง สำนักคุ้มกันภัย โรงแลกเงิน ร้านค้า เว้นช่วงว่างไว้ช่วงหนึ่งก็คือกองหินและดินเล็ก ๆ กับต้นไม้
"นี่คือน้ำตกนอกเมืองที่ท่านพ่อเจ้าเมืองพาพวกเราไปเที่ยวกันในคราวก่อนใช่ไหม" ลู่หันมาถามเหมี่ยนเอ๋อร์ที่พยักหน้าอย่างภูมิใจ
"พี่ใหญ่แฝด กับพี่รองทำในเมือง น้องสามทำน้ำตก" จินเอ๋อร์บอกอย่างภูมิใจ ทำให้หมิงเอ๋อร์ท้วงขึ้น
"ทำหลายคน"
ลู่ซักถามต่อ "มีใครช่วยพวกเจ้าบ้าง แล้วทำอะไรกัน"
คิดว่าตั้งคำถามปลายเปิด เจ้าแฝดสามจะตอบยาว แต่หมิงเอ๋อร์ยังตอบเป็นถ้อยคำสั้น ๆ เหมือนเดิม "เสี่ยวเป่า เสี่ยวไป่ เสี่ยวจาง เซียงเซียง"
ลู่ต้องซักถามต่อ "ช่วยกันหลายคนเลยหรือ ใครทำอะไรกันบ้าง" ดวงตาสีทองมองตามเหมี่ยนเอ๋อร์ ที่หันไปหยิบแท่งไม้เล็ก ๆ จากในหีบมาต่อเป็นบ้านหลังหนึ่งที่ยังทำไม่เสร็จ ขณะที่อีกสองคนยังเกาะแขนพ่อกวาง ช่วยกันบอกว่า บรรดาพี่เลี้ยงและคนงานมีหน้าที่ไปหาวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามที่คุณชายน้อยต้องการ
ลู่ก้มลงมองบ้านเรือนหลังเล็กที่เชื่อมต่อกันแน่นด้วยสลัก
"ใครสอนพวกเจ้าทำแบบนี้"
"พ่อเจ้าเมือง" จินเอ๋อร์ตอบ
ลู่หยิกแก้มใสด้วยความมันเขี้ยว "ไม่น่าถามเลยเนอะ"
เพ่ยหลิงช่วยอธิบายต่อ "ท่านเจ้าเมืองสอนทั้งสามคนทำรถเข็นคันเล็กก่อน" นิ้วมืองดงามชี้ไปที่กลุ่มรถเข็นคันเล็กที่วางเรียงรายด้านหน้า "ให้เสี่ยวเป่า กับพี่เลี้ยงช่วยเรื่องการใช้มีดแกะทำสลัก ไม่กี่วันถัดมาเด็ก ๆ ก็ทำจวนเจ้าเมืองจำลองเสร็จ แล้วก็ไปถึงละแวกบ้าน"
"คงเพราะทำกันสามคนแล้วผู้ช่วยหลายคนนี่เอง" ลู่กังวลที่เหมี่ยนเอ๋อร์ก้มหน้าก้มตาอยู่กับการต่ออาคารหลังหนึ่ง โดยมีเสี่ยวเป่าเป็นผู้ช่วย "เวลาที่ทำแบบจำลอง จะแยกคู่ลูกกับพี่เลี้ยงแบบนี้ แล้วต่างคนต่างทำหรือ"
เพ่ยหลิงพยักหน้า ลู่ก็ถามต่อ "ท่านพี่มีความเห็นอะไรหรือไม่"
"ไม่เจ้าค่ะ บอกให้เล่นไป แล้วไม่ให้เก็บของที่แฝดสามทำไว้ด้วย"
"เช่นนั้น.....ก็คงไม่เป็นไรกระมัง" เรื่องที่ลูกเป็นเด็กฉลาดนั่นก็ดี แต่ลู่เป็นกวางที่ชอบพื้นที่โล่งกว้างมากกว่าการอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่าแฝดสามแยกย้ายกันเข้าประจำเพื่อที่จะสร้างเมืองกันต่อก็ถามขึ้น "พ่อกวางอยากไปกินขนมน้ำตาลขาวแล้ว มีใครอยากไปกินด้วยกันไหม"
เด็ก ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ลู่ก็กล่าวต่อ "พ่อกวางขอให้เซียงเซียงไปจัดของว่างให้ที่เรือนต้นบ๊วย"
เหมี่ยนเอ๋อร์วางแท่งไม้ลง แล้วลุกมาดึงมือให้ลู่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำออกไปก่อน
ต่อมาเมื่อนั่งลงกินของว่างด้วยกัน เหมี่ยนเอ๋อร์ก็กวาดตามองขนมบนโต๊ะแล้วหันมาพยักหน้ากับลู่ จากนั้นก็ส่งขนมให้ชิ้นหนึ่ง
"ให้พ่อกวางหรือ"
เหมี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าอีกครั้ง แต่ไม่ยอมพูด ลู่จึงถามเพื่อชักชวนให้พูดคุยกัน
"ทำไมถึงให้พ่อกวางกินขนมนี้"
"ขนมน้ำตาลขาว"
"แล้วขนมอื่น ๆ พ่อกวางกินได้ไหม"
"ได้"
"เพราะอะไรถึงกินได้"
"ไม่มีเนื้อสัตว์" เหมี่ยนเอ๋อร์ตอบอย่างตั้งใจมาก ขณะที่หมิงเอ๋อร์ กับจินเอ๋อร์มองด้วยความสนใจและแสดงท่าทีอยากตอบคำถามของพ่อกวางทองเช่นกัน
"เหมี่ยนเอ๋อร์ชอบไหม"
"ชอบ/ชอบ/ชอบมาก"
อีกสองคนช่วยกันตอบขณะที่จินเอ๋อร์น้องเล็กไม่ยอมแพ้ถึงกับเปลี่ยนที่นั่งมานั่งตักพ่อกวางทอง
"ทั้งสามคนชอบกินขนมเหมือนกันหรือ"
"ผลไม้ก็ชอบด้วย" หลิงเอ๋อร์ตอบ
"ชอบทุกอย่างเลย" เมื่อจินเอ๋อร์ตอบ พ่อกวางก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงหอมแก้มนิ่มอีกสักที
เหมี่ยนเอ๋อร์ ส่งขนมอีกชิ้นให้น้อง แล้วค่อยกินขนมในมือของตนเอง
ไม่เพียงแต่มีดวงตาสีเดียวกันกับหยางหลง แต่ฝาแฝดคนโตผู้นี้ยังมีลักษณะ และนิสัยที่เหมือนกับหยางหลงยิ่งนัก
ขณะที่มองแฝดสามนอนกลางวันหลังกินของว่างยามบ่าย ลู่ค่อย ๆ เอนตัวลงนอนด้านข้างหยางเหมี่ยน นิ้วมือเรียวยาวกระชับผ้าห่มให้ลูก
ไม่ได้พบกันมานานหลายวัน แล้วได้พบกันเพียงชั่วยาม จากนั้นก็ห่างกันไปอีกครึ่งวัน ก็กลับคิดถึงท่านมากขนาดนี้
....เมื่อไหร่ท่านพี่จะกลับมาสักที คนทางนี้คิดถึงท่านยิ่งนัก.....
หลายวันต่อมาหยางหลงจึงขี่ม้ากลับมาถึงเมืองลั่ว ตรงมาถึงจวนเจ้าเมือง คนรับใช้ชี้บอกว่า ท่านกวางทองอยู่กับเด็ก ๆที่สวนด้านใน
เมื่อไปถึงหยางหลงพบว่าลู่นอนหลับอยู่ในสวนโดยมีจินเอ๋อร์นอนซุกแขนหลับอยู่ข้าง ๆ ส่วนเหมี่ยนเอ๋อร์กับหมิงเอ๋อร์ นั่งดูสมุดภาพอยู่ด้วยกัน เมื่อเห็นว่าหยางหลงกลับมา หมิงเอ๋อร์จะวิ่งลุกมาหา แต่พี่ใหญ่ดึงแขนไว้ ใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปาก พลางมองไปที่ผู้ที่กำลังหลับอยู่
น้องรองเข้าใจท่าทีนี้จึงเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ ย่องมาหา แล้วกระโดดกอดหยางหลงไว้แน่น
"พ่อเจ้าเมืองกลับมาแล้ว"
หยางหลงอุ้มแฝดทั้งสองด้วยสองแขน หอมแก้มซ้ายขวา "กวนพ่อกวางหรือเปล่าลูก"
"ไม่"เหมี่ยนเอ๋อร์ตอบ
หมิงเอ๋อร์ตอบบ้าง "พ่อกวางเล่าเรื่องในป่าให้ฟังเยอะแยะ"
บุตรทั้งสองพูดคุยอีกหลายคำเพ่ยหลิงก็เข้ามารับบุตรทั้งสองไป "ท่านพ่อเจ้าเมืองกลับมาแล้ว พวกเจ้าก็สมควรเข้าไปเตรียมตัวล้างหน้าล้างมือ ให้ท่านพ่อทั้งสองได้พูดคุยกันบ้าง"
หยางหลงมองผ่านเพ่ยหลิงไปที่ลู่ ซึ่งตื่นนอนแล้ว และกำลังอุ้มจินเอ๋อร์ที่ยังไม่ค่อยอยากจะตื่น
"จินเอ๋อร์ยังอยากนอนต่อ" ลู่กล่าวยิ้ม ๆ
เพ่ยหลิงพลอยสนับสนุน "เวลาอยู่กับท่านกวางทองแล้วจะหลับได้นาน กินก็เยอะขึ้นด้วย"
"เล่นสนุกมากด้วยใช่หรือไม่" หยางหลงกล่าวแล้วเข้ามาหา อยากจะอุ้มจินเอ๋อร์อีกคน แต่อีกสองคนที่อยู่บนแขนก็กอดคอพ่อเจ้าเมืองไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ให้นอนต่ออีกหน่อยก็ได้" ลู่ลุกขึ้นเดินคู่กับหยางหลงกลับเข้ามาในเรือนต้นส้ม ซึ่งเดิมเป็นที่พักของหยางหลงกับเพ่ยหลิง แต่ตอนนี้หยางหลงย้ายไปพักที่เรือนสนเพียงลำพัง
...มิใช่..หยางหลงมิได้พักอยู่เพียงลำพัง เพราะลู่มาที่จวนเจ้าเมือง ก็จะพักที่เรือนหลังนี้
แม้ว่าแฝดสามจะไม่ใช่เด็กช่างพูด แต่ล้วนมีความสามารถในการเกาะคอ เกาะแขนบิดาทั้งสองไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนลู่ต้องยอมแพ้ "พ่อกวางยังไม่กลับไปที่ป่าสีทองในตอนนี้ ยังอยู่กับพวกเจ้าอีกหลายวัน แล้วขอให้ท่านพ่อเจ้าเมืองไปพักสักครู่แล้วพวกเราค่อยมาเล่นด้วยกันดีหรือไม่"
แฝดสามเชื่อตามที่ท่านพ่อกวางบอก แต่ก็ยังไม่อยากห่างจากพ่อทั้งสองอยู่ดี ยังคงเกาะแน่นอยู่แช่นนั้น จนกระทั่งหยางเจิ้นขุย หรือขุยเอ๋อร์กลับมาถึง หลังจากที่ทักทายบิดาทั้งสองแล้วก็หันมาชวนน้อง ๆ เข้าไปด้านในเรือน
"ไปล้างหน้า ล้างมือแล้วไปเล่นด้วยกันในระหว่างรอกินอาหารค่ำพร้อมกับท่านพ่อดีไหม"
แฝดสามเปลี่ยนไปหาขุยเอ๋อร์อย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก ยังคงช่วยกันส่งสายตาที่เรียกร้องคำยืนยันจากพ่อกวางว่าจะไม่กลับไปป่าสีทองระหว่างที่ทั้งหมดเข้าไปในเรือน
"พ่อจะไปรอพวกเจ้าที่เรือนต้นบ๊วย ตกลงไหม"
เท่านั้นเอง ทั้งสามคนก็ตามขุยเอ๋อร์เข้าไปในเรือน โดยมีบรรดาพี่เลี้ยงชายหญิงตามไปเป็นขบวนใหญ่
เรื่องของพี่เลี้ยงมากมายของแฝดสามนี้ เป็นความต้องการของเพ่ยหลิงที่แม้ทุกคนจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านนางอย่างจริงจัง
หยางไห่เคยกล่าวไว้ว่า แฝดสามบ้านนี้มีพี่เลี้ยงเท่ากับบุตรชายหญิงสิบคนของหยางเฉิง
อืม...หยางเฉิงหย่าจากซูเหยา ผู้ที่คิดวางยาสังหารลู่เมื่อหลายปีก่อน จากนั้นชุนผิง ภรรยาเอก และฉีถิงภรรยารองตั้งครรภ์ แบบหัวปีท้ายปี รวมแล้วหยางเฉิงผู้นี้มีบุตรชายหญิงรวมสิบคน คนคิดว่าเขาคงพอใจกับครอบครัวในปัจจุบัน แต่สุดท้ายก็แต่งอีกคนเข้าบ้าน เป็นชาวเมืองลั่วชื่อคงเซียะ
ค่ำแล้วลู่เอนตัวนั่งพิงอกกว้างของหยางหลงชมดวงจันทร์จากทางหน้าต่างห้อง
"เหมี่ยนเอ๋อร์ เหมือนท่านพี่มาก"
หยางหลงพยักหน้า ขณะที่ช้อนปอยผมสีอ่อนของอีกฝ่ายขึ้นมาหอม
"ตั้งแต่แรกเกิดก็มองว่า สีผมสีตาเหมือนกัน แต่ยิ่งโตเขาก็ยิ่งถอดนิสัยความเป็นพี่ใหญ่ของท่านมาจนหมด" ลู่เหลียวหน้าหันมามอง "นั่นทำให้น้องคิดถึงท่านพี่ยิ่งนัก"
ชายหนุ่มก้มลงจูบปากแล้วเบียดปลายลิ้นเข้าหา มือใหญ่ลูบไล้ที่อกบาง
ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังจูบและสัมผัสด้วยความคิดถึง แต่ลู่กลับกำลังพยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตนเอง
"น้องนี่เหลือเชื่อจริง ๆ"
หยางหลงเองพลอยหัวเราะตามเสียงหัวเราะแปลก ๆของลู่ ที่เกิดจากความพยายามที่จะไม่หัวเราะในเวลาเช่นนี้
ลู่ทำปากยื่น หันมาหาเรื่องอีกฝ่ายเพื่อแก้อาการขัดเขินของตนเอง "ห้ามหัวเราะนะ"
"ครานี้เจ้าหัวเราะก่อนต่างหาก"
คนตัวเล็กหันมานั่งคร่อมบนต้นขาแข็งแรง "ถึงข้าจะไม่หัวเราะท่านพี่ก็ยังหัวเราะก่อนอยู่ดี"
"มันก็จริง" หยางหลงยอมรับ ทั้งที่กำลังยิ้มอยู่ หาได้มีแววจะสำนึกผิดแม้แต่น้อย
"ท่านพี่หัวเราะอีกแล้ว" ลู่ชกที่ไหล่กว้างเบา ๆ
"ไม่ได้หัวเราะ แบบนี้เรียกว่ายิ้ม"
"แล้วท่านพี่ยิ้มทำไม"
"ยิ้มเพราะดีใจที่ได้อยู่กับน้อง"
"จริงหรือ"
"จริง"
ลู่จูบที่ริมฝีปากสวย "น้องก็ดีใจที่ได้อยู่กับท่านพี่"
หยางหลงยิ้มให้กับกวางทองผู้งดงาม
"ทีแรกยังคิดว่า ท่านพ่อเทพเสือโคร่งจะมาส่งท่านแล้วมารับข้ากลับไปป่าเสียอีก แต่พอเห็นว่าท่านพี่กลับมาคนเดียวก็ดีใจมาก" ลู่ทำแก้มพอง "มีเรื่องจะบอกด้วย"
หยางหลงพยักหน้าให้เล่าต่อ
"วันแรก ๆ น้องก็ไปช่วยงานที่ศาลาว่าการเมือง ก็อ่านนั่นอ่านนี่ แต่รู้สึกว่าการอยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อ ท่านเลขาฯก็เลยพาไปหลายที่" ลู่เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วสรุปว่า "ครึ่งเดือนที่ท่านพี่ไม่อยู่ นอกจากการไปที่นั่นที่นี่แล้ว ก็คือการเล่นอยู่กับแฝดสามที่จวนเจ้าเมือง ไม่ได้ทำงานอะไรเลย"
หยางหลงเจ้าเมืองลั่ว หัวเราะเสียงดังก้อง แล้วกอดรัด หอมฟัดแก้มใสจนลู่แทบจมหายไปในอ้อมกอด
"พอแล้ว จะอารมณ์ดีอะไรนักหนา" ลู่โวยวาย "น้องไม่ได้ทำงานอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสักอย่าง"
"สัญญาก่อนว่าจะฟังให้จบ"
เพราะประโยคนี้ทำให้คนฟังไม่แน่ใจ "ฟังก็ได้"
"น้องมักกล่าวว่าตนเองไม่มีพลังพิเศษ แต่แท้จริงแล้วน้องมีพลังพิเศษที่แตกต่าง และยอดเยี่ยม"
ลู่เอียงหน้ามอง เพราะเวลาที่หยางหลงจะตำหนิใครก็มักใช้ถ้อยคำรอมชอมไม่ให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้
"สังเกตไหมว่าไม่เคยมีใครทะเลาะกัน ขัดแย้งกันรอบตัวน้อง ต่อให้เดิมเขามีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ แต่ทันทีที่เจ้ามาถึงทุกอย่างจะสงบลง" ลู่ตั้งใจฟังมาก "ตั้งแต่แรกมา แม้ท่านแม่จะระแวงเจ้า แต่เขาไม่เคยโกรธเจ้าได้อย่างจริงจัง คนในเมืองลั่วไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องป่าสีทอง พวกเขาอาจเคยกล่าวลับหลังในแง่มุมร้าย ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า ความคิดเหล่านั้นจะหายไป น้องอาจคิดว่าเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของน้องที่ทำให้ผู้อื่นปฏิบัติเช่นนั้น แต่ลองมองดูอีกที ยังมีผู้ที่ถือกำเนิดออกมาด้วยรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากผู้อื่น แล้วถูกเกลียดกลัว หรือถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจมากมายเท่าไหร่"
หยางหลงใช้ข้อนิ้วสัมผัสแก้มใส
"ยามที่น้องมาที่นี่ การงานทุกอย่างราบรื่น บ้านเมืองสงบสุข"
ลู่คลี่ยิ้มขัดเขินขณะที่ส่ายหน้า "น้องไม่ได้ทำ นั่นเป็นสิ่งที่ท่านพี่ขอไว้ต่างหาก"
"พี่ขอให้เมืองลั่วแคล้วคลาดปราศจากสงคราม"
"น้องรับคำขอของท่านพี่มา ท่านพ่อเทพเสือจัดการคนที่เข้ามารบกวน แล้ว...ท่านแม่เทพกวางก็ยกน้องให้ท่านพี่"
หยางหลงมองดวงตาสีทองงดงามคู่นั้น
"ทั้งหมดเพราะความรักของน้อง ขอบใจมาก"
ลู่ยกตัวขึ้นจูบปาก "อย่าลืมสิว่า น้องหลงรักท่านพี่ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้า เมื่อท่านกล่าวคำอธิษฐาน นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด"
ลู่เคยบอกหลายครั้ง ว่าหลงรักตนก็เพราะคำอธิษฐาน ซึ่งหยางหลงกลับคิดว่านั่นเป็นคำขอที่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ผู้ปกครองเมืองย่อมคาดหวังให้บ้านเมืองที่ตนเองปกครองอยู่มีแต่ความสงบสุขมิใช่หรือ
จริงอยู่ว่าอาจมีผู้ที่ต้องการอำนาจ และความมั่งคั่ง แต่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากผู้อยู่ใต้ปกครองไม่มีความสุข
...แต่หยางหลงมิได้ต้องการอำนาจ สิ่งเดียวที่ต้องการมาตลอดก็คือขอให้เมืองลั่วสุขสงบ ปราศจากสงคราม
ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี แต่ลู่ก็อยากกล่าวคำนี้
"คำอธิษฐานอย่างแน่วแน่ของท่าน ความจริงใจ และการลงมือทำของท่านที่มันสอดคล้องกัน ทำให้ข้าหลงรักท่านพี่ แล้วพอได้พบกับท่านพี่ ที่หล่อมาก น้องก็ยิ่งหลงรักท่านพี่ ยังมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ห่างออกมา แล้วน้องคิดได้ว่า น่าละอายยิ่งนัก ที่เข้าไปแทรกในครอบครัวผู้อื่น คิดว่าเมื่อห่างกันออกไป ก็คงตัดใจได้ แต่พอรู้ว่าท่านก็มีปัญหาในครอบครัว ทั้งฮูหยินของท่านก็หมดรักท่านแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านเป็นคนดี และหล่อ ที่น่าสงสารยิ่งนัก"
"อา..." หยางหลงรู้เจ็บลึกในใจยิ่งนัก "ถึงแม้พอจะรู้ตัวอยู่บ้างในเรื่องนี้ แต่พอฟังจากปากของน้อง ทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ"
ลู่รู้ว่าหยางหลงเสแสร้งครึ่งหนึ่ง เจ็บจริงอีกครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้หัวเราะออกมา
"โอย..." หยางหลงคร่ำครวญมากกว่าเดิม "ที่สุดแล้วน้องนี่แหละที่ทำร้ายพี่เจ็บปวดยิ่งนัก นี่เจ็บจริงๆ นะ"
ลู่กวางทองหัวเราะจนน้ำตาคลอ
หยางหลงเจ้าเมืองลั่ว กำลังเสแสร้งคร่ำครวญเพื่อเรียกร้องความสงสาร
นี่มันตลกแทบตาย ตลกที่สุด
ข้าจะเอาไปเล่าให้ท่านหยางเฉิง กับหยางไห่ฟังอย่างแน่นอน!!!
...จบตอนพิเศษสาม...
ยังมีตอนพิเศษของกวางทองเหลืออีกหนึ่งตอน ครือ...มันงอกออกมาน่ะ คนเขียนเขาวางไว้สาม พอมานับกลับมีสี่ เมลล์ไปถามเขาเถียงว่าสามไม่ใช่หรือ
ก็เอาเป็นว่ายังมีอีกตอน ที่เขาขอไปเขียนเพิ่ม เสร็จแล้วจะมานะ
(มานะนี่คู่กับมานีไหมแล้วเป็นญาติกับมารูโกะปะ)
น้ำชาเอง