หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 66303 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
พ่อรามคนพาล โมโหขาดสติ แย่มากมาย

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ชอบจังประโยคนี้

รอบนี้พี่ทศเขามาแรง

มีความฟินขอรับ

กางมุ้งรอ......

 :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๗
[/size]



“สีดาอะไรฉันไม่สนทั้งนั้นแหละ ฉันสนแค่พ่อเปรมคนเดียว”

“อสุเรนทร์!”

“ถ้าฉันเห็นนายทำร้ายคนของฉันอีก...หึ เอาเถอะ เรายังเวลาคุยกันอีกนาน”

ราเมนทร์เซไปตามแรงชน ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบ ก้มลงมองมือของตัวเองที่สั่นเทาเพราะเผลอผลักเปรมจนล้มไปกองกับพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ มันให้ทั้งความรู้สึกโมโหและเสียหน้าไปพร้อมๆกัน อึดอัด...แน่นภายในอก เขาเหมือนตัวประกอบที่มีหน้าที่แค่เดินผ่านไปมาไม่มีบทบาทอะไรให้น่าจดจำ นอกจากยืนมองดูตัวหลักสองตัวเดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย ดวงตาดำคมปลาบฉายแต่แววเคียดแค้น

“น่าสงสารจัง แพ้อีกแล้ว” รณพักตร์ยิ้มเหยียดอย่างดูแคลน “รักเขา แต่ก็ทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ใครไหนเลยจะรักคนพรรณนั้นได้ลง คุณราเมนทร์ว่าจริงไหมครับ”

“คนนอกอย่างนายเกี่ยวอะไรด้วย”

“ผมน่ะเหรอคนนอก รู้ๆกันอยู่ สงสัยอยู่มานานสติเลยเลอะเลือน ว่างๆไปโรงพยาบาลก็ดีนะ ผมรู้จักแพทย์เฉพาะทางคนหนึ่งเก่งมาก ถ้ายังไงสนใจลองตรวจสมองหน่อยไหม มีบัตรส่วนลดให้ด้วยนะ”

“ไม่มากไปหน่อยหรือไง”

“อะไรที่ว่ามากหรือครับคุณราเมนทร์ ถ้าสิ่งที่ผมแนะนำมันทำให้คุณไม่พอใจ ก็...sorry”

“หึ ต่อให้เวลาผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังไม่เลิกใช้นิสัยต่ำๆเหมือนคนพ่อสักที”

“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ได้ยินไม่ค่อยถนัดหูเลย” รณพักตร์แกล้งทวน ทั้งที่แขนขาเริ่มอยากยกขึ้นมาฟาดร่างสูงตรงหน้าให้จมดิน

ชั้น – ต่ำ ชัดพอหรือยัง”

คำสองคำ ชัดเจน หนักแน่น กระแทกเต็มสองรูหูอย่างไม่ต้องพยายามตั้งใจฟังแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยพ่นลมหายใจออกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงเต็มๆตา “ด่าฉันด่าได้แต่อย่าลามปามถึงพ่อบังเกิดเกล้า ก่อนพูดอะไรที่มันแย่ๆขัดกับหนังหน้า ช่วยไตร่ตรองพินิจพิเคราะห์ดูตัวเองสักนิดเถอะ เพราะสิ่งที่แกพูดออกมา มันกำลังบอกด้วยตัวมันเองว่าคนพูดน่ะต่ำกว่าคนโดนว่าเสียอีก”

“!!!”

“ผู้ที่จิตใจต่ำต่อให้แปลงกายเป็นพ่อพระผู้ประเสริฐสุดในสามโลก มันก็กลบสันดานต่ำๆไม่มิดหรอก”

“เจ้า!”

ร่างเล็กฉีกยิ้มหวาน หากดวงตาของเขากลับลุกโชนไปด้วยโทสะ “พ่อใครใครก็รัก คงไม่มีใครยิ้มกว้างเวลามีคนมาด่าบุพการีตัวเองหรอก อย่าให้ผมได้ยินคุณรามเมนทร์ ผู้แสนประเสริฐพูดเป็นครั้งที่สอง เพราะผมคงไม่ใจดีเหมือนอย่างในวันนี้”

รณพักตร์ตบบ่ากว้างราวกับต้องการย้ำเตือนถึงสิ่งที่เขาพูด ก่อนเดินไปก็ยังมิวายกระซิบประโยคหนึ่งที่แทบทำให้คนเลือดเย็น
อย่างราเมนทร์เกือบสติแตกกลางคัน ท่ามกลางวงล้อมของคนในโรงละครโขนที่แอบยืนฟังบทสนทนาของพวกเขานับสิบ "ยอมรับเสียเถอะคุณมาไกลได้แค่นี้ ถ้าฉลาดก็น่าจะดูออกนะ ว่าตอนนี้ใจของพ่อเปรมคนสวยเอนเอียงไปทางใคร”

“อินทรชิต!”

“ถึงชาติก่อนคุณได้นางสีดาเป็นคู่ครอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชาตินี้คุณจะต้องได้พ่อเปรมมาเป็นเมียเสียหน่อย ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับหัวใจของคนกลาง การตัดสินใจของเขาคือข้อยุติ ผมคงไม่เห็นคุณเล่นลูกไม้สกปรกอย่างคราวที่ผ่านมาอีกนะ ไม่งั้นคงดูน่าสมเพชแย่...ไม่ขออวยพรให้นะเพราะไม่จำเป็น”

ราเมนทร์ทำได้แค่ขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน จะแสดงความโกรธโจ่งแจ้งก็ไม่ได้ แค่หายใจก็โดนนินทาแล้วกระมัง คาดว่าเรื่องเมื่อครู่คงกลายเป็นเป็นข่าวฉาวโฉ่ข่าวใหม่ให้คนวงในส่งเสียงนินทากันสนุกสนาน ผู้ชายหน้าตาดีสองคนห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดถึงขึ้นเลือดตกยางออกเพราะคิดจะแย่งนักแสดงหนุ่มหน้าหวานคนเดียวกัน!

ปลายนิ้วเลื่อนหาเบอร์โทรจากในโทรศัพท์ ก่อนกดโทรออก...รอไม่นานนักปลายสายจึงรับ

‘ครับพี่ราม’

“ลักษณ์ ส่งคนมารับพี่ที่โรงละครด่วน เราต้องหาลือกันเสียหน่อย”



อสุเรนทร์วางร่างบางลงบนโต๊ะยาวโต๊ะหนึ่งในห้องซ้อมวงดนตรีไทย ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเมื่อร่างสูงที่อุ้มเขาเข้ามาในนี้เอาแต่นิ่งเงียบผิดปกติ นั่งหันหน้าหาบานหน้าต่างมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก ทั้งๆที่ปกติจะชอบส่งยิ้มคุยอ้อร้อให้เขายิ้มเขินอายตลอดเวลา

นี่เขาทำอะไรผิดหรือเปล่า

“คุณทศ”

“...”

“คุณทศครับ...”

“...”

เปรมเริ่มอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดเสียที “ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ...”

“ฉันบอกตอนไหนว่าฉันไม่พอใจเธอ”

“...” ความรู้สึกคันยุบยิบในอกแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อสบสายตาคมสีเข้มของร่างสูง เปรมครุ่นคิด มีเรื่องอะไรให้น่าทุกข์ใจถึงขนาดต้องทำหน้าเครียดขึงขังอย่างนั้นด้วย อยากเอ่ยถามก็เกรงไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่พอไม่ถามใจก็ดันมาอึดอัดเพราะต้องการคำตอบเสียนี่

“อยากถามอะไรก็ถามมาสิ”

เปรมเม้มปาก มือที่วางอยู่บนตักบีบกันแน่น “ผมถามได้หรือครับ แต่มัน...”

“ถามมาเถอะ”

“คุณทศกับพี่รามมีเรื่องผิดใจกันหรือครับ”

“หึ พี่ราม” ร่างสูงยิ้มเหยียด “สนิทกันถึงขั้นใช้สรรพนามว่าพี่เลยเหรอ”

“ก็เขาแก่กว่าผม”

“ฉันก็แก่กว่า แต่เธอไม่เคยเรียกแบบนี้สักครั้ง”

“...”

“บางที มันก็น่าน้อยใจไม่น้อย” สำหรับคนที่มาก่อนอย่างเขา แต่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม

“คุณจะให้ผมเรียกคุณว่าพี่ก็ได้ถ้าคุณ...”

“ถ้ามันไม่ได้มาเพราะความเต็มใจก็อย่าเลย ฉันไม่ต้องการหรอก”

“คุณทศ”

“...”

“ขอโทษครับ” เปรมเอ่ยเสียงเบาหวิว

“ขอโทษทำไม”

“เอ่อ...”

อสุเรนทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เขาหวงและโหยหามากที่สุดในตอนนี้ มือหนากุมอยู่รอบลำคอเล็ก บีบเบาๆให้อีกคนโน้มตัวลงมา แล้วดวงตาคู่สวยก็สบกับดวงตาของจอมวายร้ายที่มักพาใจเขาเต้นกระหน่ำทุกครั้งที่เจอหน้า รู้สึกเหมือนหายใจติดขัดผิดจังหวะไปหมด ใบหน้าเห่อร้อนเสียยิ่งกว่าโดนพิษไข้เล่นงาน อยากจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางแต่กลับทำไม่ได้

“เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า รู้ตัวบ้างไหมเปมทัต”

“ผมเหรอครับ”

“อย่าแกล้งโง่”

“ครับ?” อะไรคือการมาด่าเขาว่าแกล้งโง่ งงงวย ไม่เข้าใจสักนิด

“เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดในโรงซ้อมหรือไง”

‘สีดาอะไรฉันไม่สนทั้งนั้นแหละ ฉันสนแค่พ่อเปรมคนเดียว’

อ่า...นึกออกทันที

“คุณทะเลาะกับพี่รามเพราะเรื่องของผมเหรอ”

“เปรม...เฮ้อ เธอนี่มัน” เปรมทอดถอนหายใจกับความซื่อของอีกฝ่าย “ใช่...ฉันทะเลาะกับมันเพราะหวงเธอไง แล้วก็นะ อย่าได้ไปทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ให้ใครเห็นอีกนอกจากฉัน ขี้เกียจตามหึงทุกวัน”

“หวงทำไม อีกอย่างผมไม่น่ารักนะ” เปรมเถียงทันควัน

“ยังจะเถียงอีก”

“แล้วคุณจะมาหึงหวงผมทำไมเล่า”

“เพราะรักไง เข้าใจหรือยัง”

“!!” คนฟังถึงกับหน้าขึ้นสี เผยอปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หุบลงแล้วเปลี่ยนงอง้ำแทน อสุเรนทร์อดไม่ได้ที่จะหยิบพวงแก้มน้อยเบาๆ

“น่ารัก”

“ผมไม่...อื้อ” แล้วเสียงหวานใสก็หายไปเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มประทับลงบนริมฝีปากเขารวดเร็ว ดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตวัดมองอีกฝ่ายที่กล้าขโมยจูบเขาเป็นครั้งที่สอง แม้จะแค่แตะปากกันเบาๆไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากเหมือนคราวก่อนก็เถอะ ยังไงก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อยู่ดี

“คุณทศ!” รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้าที่เห่อร้อนและแดงซ่านของตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ ร้ายกาจที่สุดเลย คนบ้า!

“หวาน”

“คุณทศ!”

“ถ้าเธอเรียกชื่อฉันแล้วได้ทำแบบนี้ตลอด ฉันก็ยอมนะ”

“ผมเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ”

“แล้วไง...พ่อกับแม่ก็รับรู้เรื่องของเราแล้วนี่ พวกท่านน่าจะดูออกนะว่าฉันคิดยังไงกับลูกชายของเขา”

“คุณ...ฮื่อ...ผมไม่พูดกับคุณแล้ว”

อสุเรนทร์หลุดยิ้มดีใจเมื่อเปรมหลุดทำนิสัยแบบเด็กๆออกมา ทำไม...ทำไมกันนะ เจ้าอินก็ชอบทำแบบนี้กับเขาเป็นประจำ แต่ไม่เห็นน่ารักน่าเอ็นดูเท่าคนตรงหน้าสักเศษเสี้ยวเดียว รู้สึกอยากลักพาไปเก็บไว้ที่บ้านแล้วขังไม่ให้ออกไปไหนได้อีก พ่อเปรมจ๋า...พี่ทศชักทนไม่ไหวกับความน่ารักของน้องแล้วนะ

อยากขยี้เจ้าเหลือเกิน...

“เปรม”

“...”

“เปรมครับ มองหน้าพี่หน่อย”

สายตาเว้าวอน และเสียงอ้อน...

เปรมเอามือลงแล้วค่อยช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเจ้าของเสียงนุ่มอย่างแช่มช้า คนที่ไม่เคยรู้จักความรักมาทั้งชีวิตอย่างเขาทำไมถึงยอมให้ใครคนๆหนึ่งเข้ามาอิทธิพลต่อหัวใจได้โดยง่ายกันนะ

อยากจะเอาหัวตัวเองโขกเสาห้องให้สลบไปเสีย

“พ่อเปรม...”

“เรียกทำไมอีกครับ ก็มองแล้วไง”

“ที่ฉันบอกรักเธอ สนแค่เธอคนเดียว ฉันพูดจริงนะ”

“คุณทศ!” อุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงมันแล้วเชียว ทำไมต้องเปิดประเด็นพูดขึ้นมาอีก แค่ป่าวประกาศในโรงละครเล็กให้คนเขาได้ยินโดยทั่วกัน เปรมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

“นี่ไม่ใช่คำสั่ง แต่ฉันอยากให้เธออยู่ห่างราเมนทร์ซะ”

“พี่รามเหรอครับ”

“เธอกำลังทำให้ฉันอารมณ์เสียอีกรอบนะเปรม” เวลาได้ยินเสียงหวานๆเอ่ยเรียกพี่ทศ รู้สึกคันหูพิกล อยากตัดหูออกแล้วโยนใส่หน้าเจ้าขี้เก๊กนั่นซะ ให้เรียกพี่ กล้ามาก...กล้าเหลือเกินไอ้พระเอกลิเกท้ายสวนมะพร้าว “ช่างเถอะ ฉันแค่จะบอกบางทีสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เธอคิด มีสามข้อสำคัญให้เธอทำตามและจำให้ขึ้นใจ หนึ่ง อย่ามองคนแค่เปลือกนอก สอง อย่าเชื่อคนง่าย และสาม ข้อสำคัญที่สุด...”

“...”

เปรมกระพริบตาตั้งใจฟังอย่างดี

อย่าใจเต้นกับใคร หากคนนั้นไม่ใช่ฉัน

“!!!”

 “ข้อสุดท้ายเธอต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด และต่อให้มีใครหน้าไหนมาบอกเธอว่าฉันเลว ฉันชั่ว แต่ขอให้เธอจำเอาไว้อีกอย่างหนึ่ง” อสุเรนทร์ยิ้มพลางกุมมือบางที่สั่นเทาขึ้นมาจุมพิตอย่างนุ่มนวล ความรู้สึกวาบหวามแล่นปราดลงสู่กลางใจเล็กๆของร่างบาง “ฉันเนี่ยแหละจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกที่คิดทำร้ายเธอ



งานแถลงข่าวเปิดตัวผู้จัดและนักแสดงละครโขนเรื่องหทัยทศกัณฐ์มาเร็วกว่าที่คิด เสียงอื้ออึงจากด้านนอกเข้ามาภายในห้องแต่งตัวทำให้เปรมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเดิม มือเรียวบางเย็นเฉียบราวกับเอาไปวางไว้ในช่องแช่แข็ง มันเย็นเสียจนแทบขยับไม่ได้ ครูจันทร์เลยต้องมาช่วยกุมมือให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆไม่ห่าง

“อยากดื่มน้ำอุ่นสักหน่อยไหมพ่อเปรม”

“ไม่ครับครู ขอบคุณมาก”

“แต่เรามือเย็นมากเลยนะ ครูกลัวเราจะเป็นอะไรไปเสียก่อนขึ้นไปโชว์ตัวบนเวทีน่ะสิ”

“ผมไหวครับ” แสร้งทำเป็นยิ้มรับ ทั้งที่ในใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอย่างควบคุมไม่อยู่ พยายามหลับตานิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าบรรจงขีดเขียนงานศิลปะบนใบหน้าให้เสร็จโดยเร็ว ทว่าไม่ได้รับรู้เลยว่าใครต่อใครหลายคนในห้องแต่งตัวกำลังจ้องมองถึงความเปลี่ยนแปลงของนักแสดงรุ่นน้องคนใหม่ล่าสุดอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าที่ไร้เครื่องประทินโฉมยังว่าหวาน หากพอได้แต่งแต้มความจัดจ้านทับลงไปยิ่งผลักให้ใบหน้าเรียวนั้นงดงาม...หวานหยดย้อยชนิดโลกตะลึงเข้าไปอีก

วงหน้าผุดผาดงดงามไปทุกสัดส่วน คิ้วเรียวเข้มรับกับดวงตาเรียวทว่าไม่เล็ก ขนตางอนยาวเป็นแพยิ่งเสริมให้ดวงตาดูหวานล้ำลึกน่าค้นหากว่าเดิม จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากอิ่มตึงดูเย้ายวนเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด งาม...งามมากจริงๆ งามราวกับชายหนุ่มคนนี้คือตัวนางสีดาเอง

“ครูจันทร์ขา น้อยหน่ากำลังฝันไปหรือเปล่าคะ” ช่างทำผมใจหญิงทาบอกอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พระพุทธองค์สร้างชายผู้นี้เพื่อมากำจัดผู้หญิงทั้งโลกหรืออย่างไร จากชายหนุ่มหน้าหวานคน (ไม่) ธรรมดาพอแต่งหน้ากลับโดดเด่น ชวนเคลิบเคลิ้ม อ่อนระทวย น่าหลงใหลเหลือเกิน เขาดูเหมือนรูปปั้นที่ไม่ว่าจะหันมองทางซ้าย มองทางขวา ก็ยังงดงามไร้ที่ติ

ใจผู้หญิงข้ามเพศอย่างน้อยหน่า สั่นไหวไปถึงมดลูกเทียม

“ไม่ฝันจ๊ะน้อยหน่า ของจริงเลยล่ะ”

“ไปหามาจากไหนคะเนี่ยครูจันทร์”

“ไม่ได้หาจ๊ะ พ่อเปรมเขามาหาพวกครูเอง”

“เฮ้อ...ถ้ามีแฟน แฟนคงหวงน่าดู หน้าตาชวนดึงดูดขนาดนี้ น้อยหน่าอยากโดนเสียบ”

ครูจันทร์ยิ้ม ขนาดไม่มีแฟนยังมีคนหวงออกหน้าออกตาราวกับงูจงอางหวงไข่ แถมเมื่อไม่นานก็มีคนเข้ามาตีสนิทหวังสร้างสะพานเชื่อมความสัมพันธ์เกินเพื่อนร่วมงานเพิ่มตั้งหลายคน ใครหน้าไหนจะทนไหวกับรอยยิ้มสว่างไสวกับความไร้เดียงสา มองโลกในแง่ดีแบบสุดโต่งของเจ้าตัวได้บ้าง

ครูจันทร์ชักไม่แน่ใจว่าควรอิจฉาหรือสงสารพ่อหนุ่มน้อยเปมทัตดี

เครื่องทรงนางถูกยกออกมาเมื่อจัดการในส่วนหน้าและผมเรียบร้อย เปรมลุกขึ้นปล่อยให้ครูจันทร์และหญิงสาวอีกสองคนจับเขาแต่งเครื่องพัสตราภรณ์ และถนิมพิมพาภรณ์ ครบชุด


ผืนภูษาสีเขียวดิ้นทองผืนงามโอบรัดเอวคอดกิ่วแล้วบรรจงจับจีบอย่างประณีต ทับผ้าห่มนางที่สวมทับรอไว้อย่างดี คาดเข็มขัดและปั้นเหน่งที่ส่องแสงเรืองยามต้องแสงไฟ สวมจี้นางหรือตาบทับ ตามด้วยเครื่องประดับชิ้นอื่นจนเต็ม เสียงกระทบของกำไลมือและกำไลข้อเท้าดัง กรุ๊งกริ๊ง ยามร่างเพรียวบางขยับ ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ บางคนถึงกับยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกทีเดียว

ครูจันทร์พยักหน้าพึงพอใจก่อนจะหยิบ บางสิ่ง ในกล่องไม้กล่องหนึ่งที่มีคนฝากเอามาให้เปรมใส่วันนี้โดยเฉพาะขึ้นมาพร้อมสวมมันบนข้อมือเล็กอย่างบรรจง

“อะไรหรือครับครู”

“ของเก่าแก่ที่ตกทอดกันมา ครูยกให้และอยากให้เราใส่เอาไว้”

“แต่ครูครับ ของมีค่าขนาดนี้ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”

“ผู้ใหญ่ให้ของก็ควรรับไว้ อย่าปฏิเสธความตั้งใจของคนแก่สิจ๊ะ ถือเสียว่าครูให้เป็นของขวัญต้อนรับนักแสดงคนใหม่แล้วกัน”
“ผมจะเก็บมันไว้อย่างดี”

“ดีจ๊ะ”

มืออันอบอุ่นของครูจันทร์ลูบไปที่กลุ่มเส้นผมนุ่มเบาๆ นึกสงสัยคนให้มิใช่น้อย มีเหตุผลมากน้อยเพียงใดถึงมอบสมบัติล้ำค่ายาวนานหลายร้อยปี...หรืออาจมากกว่านั้น ให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองเดือน แต่ยังไงเสีย ในเมื่อคนให้ไม่ต้องการบอกเหตุผลที่แท้จริงเธอก็จะไม่ถามให้มากความ หน้าที่ของเธอคือส่งกำไลชิ้นนี้ให้ถึงมือผู้รับ

ฉันมอบมันให้พ่อเปรมแล้วนะคะ

เปรมยกแขนข้างที่สวมกำไลวงใหม่ขึ้น หากเขาไม่ตาฝาดหรือมึนเบลอแสงจากหลอดนีออนมากเกินไป กำไลทองฉลุลายงดงามวิจิตรกำลังส่องแสงเรืองรองออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาราวกับมันได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิมอีกครั้ง  เปรมลูบเส้นสีทองเบามือ  คุ้นเคย...คุ้ยเคยเหลือเกิน

‘พี่ให้เจ้าเพราะอยากให้’

‘น้องมีเครื่องประดับมากมาย แค่ที่ใส่อยู่ก็หนักหนานัก’

‘ถอดชิ้นอื่นแลใส่กำไลของพี่สิเจ้า พี่ปรารถนาให้ผู้คนได้รู้โดยทั่วกันน้องคือยอดหัวใจของพี่...สีดา’

‘น้องจักเก็บรักษามันอย่างดีจนกว่าชีวิตน้องจักหาไม่เพคะ’



“พ่อเปรม! ร้องไห้ทำไม” เสียงครูจันทร์เรียกให้เขารู้สึกตัว กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำใสที่กำลังจะไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยอย่างไม่รู้ตัว นี่เขาร้องไห้...ตั้งแต่เมื่อไหร่

“มะ...ไม่มีอะไรครับครู แค่ผงเครื่องสำอางมันเข้าตา”

“ไม่มีก็ไม่มีจ๊ะ นุช พาน้องไปนั่งรอตรงนู้นกับนักแสดงคนอื่นหน่อย น้องจะได้ไม่ต้องรีบเดินมากนักเวลาที่ต้องขึ้นไปบนเวที”

“ค่ะครู”

“ครูจันทร์จะไปไหนหรือครับ”

“ไปหาท่านปู่สิจ๊ะ นั่งรออยู่ทางนู้นคนเดียวคงเหงาแย่ ไม่ต้องตื่นเต้นไป ครูจะคอยให้กำลังใจเราอยู่ตรงหน้าเวที อย่าตื่นเวทีจนเผลอลืมบทพูดล่ะพ่อคุณ”

“อ่า ครับ”

เปรมประนมมือไหว้ผู้สอนสั่งอย่างเคารพนอบน้อม ก่อนเดินตามรุ่นพี่ไปนั่งรออยู่ด้านข้างเวที มีพี่นักแสดงหลายคนที่เข้าร่วมงานโบกไม้โบกมือทักทายและสนทนากับเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปท่องสคริปของตนตามเดิม พอใกล้ถึงเวลาแถลงข่าวหัวใจยิ่งเต้นแรง เปรมทาบมือลงกับหน้าอกข้างซ้าย เมื่อไม่มีคนให้คุยเลยทำได้แค่นั่งหายใจเข้า...หายใจออก...หายใจเข้า...ถอนหายใจ...




ไหนใครบอกหายใจเข้า-ออกช่วยคลาดความตื่นเต้นได้ไง ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด!

 
“หายใจเร็วขนาดนั้นคงหายตื่นเต้นหรอกนะ”

เปรมชะงักเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่วางลงบนศีรษะของเขา เปรมค่อยหันไปทางด้านหลังก่อนจะเห็นอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มอ่อนมาให้

“คุณทศ”

อสุเรนทร์ในวันนี้สวมชุดสูทผ้าไหมอิตาลีสีน้ำเงินเรียบหรู ทรงผมดัดลอนตั้งแต่โคนจรดปลายถูกจัดแต่งทรงให้เข้าใบหน้าคมอย่างดิบดี ดูหล่อนะ แต่เสียอย่างเดียวมันดูเหมือนคนเพิ่งสระผมเสร็จแล้วไม่เช็ดให้แห้งก่อนออกจากบ้านอย่างไรอย่างนั้น เปรมยิ้มขำขณะอีกฝ่ายลากเก้าอี้มานั่งคุยด้วย

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากสำหรับเปรมเลยก็ว่าได้เพราะทั้งงานที่รัดตัว ต้องซ้อมโขนติดต่อกันหลายชั่วโมงแบบไม่มีพัก ทั้งครอบครัวที่ต้องคอยแวะไปเยี่ยมเยียนบางครั้งบางคราว และไหนจะ...เรื่องของหัวใจที่สั่นไหวตลอดเวลาเจอหน้าชายหนุ่มใหญ่ทั้งสองคนอย่างอสุเรนทร์และราเมนทร์

และไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่เท่าที่สังเกตเห็น ทั้งคู่มักแวะเวียนมาหาเขาบ่อยครั้งที่โรงละครโขน ผลัดกันมาดูเขาซ้อมคนละวันราวกันนัดแนะกันไว้แล้วล่วงหน้า ผลัดกันขายขนมจีบ เอาอกเอาใจเสียจนเปรมคิดไม่ตกว่าพวกผู้ใหญ่สองคนคิดเล่นอะไรแผลงๆกันหรือเปล่า

เปรมไม่เข้าใจความคิดพวกเขาสองคนเลย

“ยู้ฮู...บราเทอร์ ผมยังมีชีวิตอยู่ไหม หรือกลายเป็นธาตุอากาศไปเสียแล้ว” รณพักตร์เบ้ปากใส่พ่อของตนอย่างหมั่นไส้ เจอหน้าคนรักหน่อยล่ะทำเป็นลืมลูกเต้าเชียว

“น้อยๆหน่อยเจ้าอิน”

“สวัสดีครับ คุณใช่คนที่ช่วยผมเมื่อคราวที่แล้วหรือเปล่า” เปรมเอ่ยทักทายร่างเล็กที่เพิ่งเห็น เปรมจำได้เขาคือคนที่ช่วยตอนที่เซหกล้มในวันนั้น

“ดีใจที่ยังจำกันได้ ผมรณพักตร์ครับ เรียกอินก็ได้สั้นกว่ากันเยอะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักคุณอิน ผมเปรม เปมทัต”

“ขวัญใจคนแก่นี่เอง” รณพักตร์หัวเราะคิกคัก “ผมกับคุณน่าจะรุ่นเดียวกัน ถ้ายังไงอย่าเรียกคุณเลยครับ คุยกันแบบธรรมดาดีกว่าจะได้สนิทกันไวขึ้น”

“อ่า...แล้วแต่คุณ...เอ่ออินเลย ผมยังไงก็ได้”

“เยี่ยม ต้องอย่างนี้สิ” พยักหน้า ชูนิ้วโป้งให้เพื่อนใหม่

“อิน ไปซื้อน้ำมาให้พ่...พี่สองขวดหน่อย หิว”

อสุเรนทร์ที่เห็นลูกชายคุยหยอกล้อกับคนที่หมายตาเอาไว้อย่างสนิทสนมก็เริ่มทนไม่ไหว ต้องโพล่งปากพูดแทรกทั้งคู่เพื่อขอพื้นที่ให้ตนพูดบ้าง รู้อย่างนี้ปล่อยให้ไปทำงานกับเจ้ากฤตอย่างดีเสียกว่า ถึงจะเป็นลูกแต่มาหยอกเย้าแม่ใหม่ (?) อย่างนี้ สองขาก็พร้อมกระโดดถีบให้ลอยไกลไปถึงป่าหิมพานต์ได้นะ

“ซื้อเองสิ”

“เป็นก้างขวางคอความรักคนอื่นมันบาปหนักนะ อยากไร้คู่ตลอดชีวิตหรือไง”

“โห เล่นแรงอ่ะ ใช่สิ ผมมันคนไม่สำคัญในสายตาพี่ชายทศแล้วนี่ครับ...เชิญอยู่คุยหวานแหวกันตามสบาย เปรมช่วยเข้าใจอารมณ์พี่เราหน่อยนะ คนแก่ก็แบบนี้แหละ”

“อิน เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งไป...” อยากเอ่ยเรียกให้กลับมาก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายเดินหายไปทางอื่นเร็วมาก แถมคนแก่ที่รณพักตร์บอกยังดึงมือเขาไปกุมไม่ยอมปล่อย ขนาดทั้งหยิก ทั้งทุบ ทั้งตีจนแดงช้ำก็ยังยิ้มหน้าระรื่น จับมันอยู่อย่างนั้น

“ปล่อยผม คนอื่นมองกันหมดแล้ว”

“ก็เรื่องของเขาสิ ขอให้ฉันได้นั่งมองหน้าเธอใกล้ๆก็พอ อย่างอื่นฉันไม่สน”

เอาแต่ใจที่สุด”

“อยากเอาเธอด้วยนะ”

“คุณทศ!”

เพี๊ยะ!

ตีแขนแรงๆสักหนึ่งฉาดเป็นบทลงโทษ

“เอาใจเธอไง นี่แอบคิดลึกไปถึงไหนครับพ่อเปรมของพี่ทศ”

“พี่ทศอะไร ไม่เอาไม่คุยด้วยแล้ว”

อสุเรนทร์ยิ้มขำ เอื้อมมือประคองใบหน้าสวยหวานให้หันกลับมาสบตาเขาอย่างสื่อความหมายพร้อมทั้งใช้นิ้วเกลี่ยแก้มอมชมพู กลิ่นหอมจากเรือนกายบางวันนี้ส่งกลิ่นแรงกว่าทุกๆวัน มันหอมเสียจนอดไม่ได้ที่จะสูดให้ชุ่มปอด

ถ้าได้ดอมดมจากกลีบเกสรโดยตรง ไม่ใช่กลิ่นที่ลอยตามอากาศคงรู้สึกดีกว่านี้

“สวย”

“ครับ?”

“ขอหอมได้ปะ”

“บ้าเหรอคุณ พูดจาน่าเกลียด”

“จีบมาตั้งเดือนหนึ่งแล้วก็ยอมให้หน่อยไม่ได้หรือไง” นี่เหรอคำพูดของผู้ชายที่บอก ฉันเป็นสุภาพบุรุษมากพอถ้าหากอีกฝ่ายไม่เต็มใจให้กระทำ ฟังดูขัดๆยังไงพิกล

“ผมไม่เล่นนะ”

“ใครว่าฉันเล่นล่ะ ขอสักฟอดหนึ่งก็ยังดี”

“ผู้ใหญ่เอาแต่ใจอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ”

“ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่ทุกคนชอบเอาแต่ใจอย่างนี้หรือเปล่า แต่ถ้าหมายถึงฉันคนเดียวก็คงต้องบอกฉันอยากเอาแต่ใจกับพ่อเปรมคนเดียว”

“...”

พูดไม่ออกอีกแล้ว...

“น่ารัก ฮ่าๆ”

“อย่าขำเชียว”

“นักแสดงเตรียมตัวขึ้นเวทีครับ คุณอสุเรนทร์ด้วยนะครับ”

เสียงประกาศจากทีมงานดังขึ้น อสุเรนทร์ยิ้มและดึงข้อมือเล็กมาหลบตรงมุมอับของหลังเวที หันมองซ้ายขวารีบยื่นหน้าเข้าไปจูบปากหวานทันทีก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว แล้วกดประทับเข้าไปใหม่ เปรมยกมือตีไหล่กว้างแรงๆ เผลอทีไร เป็นจูบทุกที ช่างร้ายกาจนัก

“ฮื่อ...คุณทศ!”

“ฮ้า...รู้สึกกำลังใจเต็มเปี่ยม ขอบคุณนะแม่สาวน้อย” อสุเรนทร์ยักคิ้วหลิ่วตา มองใบหน้าขาวแดงเห่อขึ้นอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมองกี่ทีต่อกี่ทีก็ยังน่ารักสม่ำเสมอ ถึงว่าช่วงนี้ราเมนทร์ขยันมาตามตื้อพ่อเปรมของเขาเหมือนพวกพนักงานขายท่อกรองน้ำแถวซอยบ้านอยู่บ่อยๆ บอกตามตรงยิ่งรู้จักเปรม ท่าทาง กิริยา กลิ่นอายของนางสีดาเมื่อพันปีก่อนก็ยิ่งแสดงออกมาชัดเจนจนบางครั้งถึงขึ้นแยกไม่ออกว่าคนไหนคือสีดาและคนไหนคือเปมทัต ทว่าในความคิดของอสุเรนทร์ไม่ว่าเป็นสีดาหรือพ่อเปรม เขาก็รักทั้งคู่สุดหัวใจเหมือนกัน “อย่าให้รู้ว่ามีใครมาทับรอยจูบของฉันเชียว”

“คิดว่ากลัวเหรอครับ”

ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มหน้ากระซิบแผ่วแล้วขบกัดติ่งหูเบาๆ

“กลัวก็ดีนะ เพราะถ้าถึงเวลานั้นฉันจะไม่หยุดที่จูบปากเธออย่างเดียวแน่นอน”




ต่อด้านล่างเหมือนเดิมนะคะ ไม่พอ TT

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปวูบวาบเป็นระยะ ๆ เมื่อนักข่าวบันเทิงจากสื่อทุกแขนงเข้ามาแย่งถ่ายรูปในวันสำคัญวันนี้ งานแถลงข่าวเปิดตัวละครโขนเรื่องใหม่ของนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังอย่างอสุเรนทร์ อมาตยสูร ผู้สร้างชื่อให้กับประเทศไทยมาแล้วทั่วโลกกับละครโขนตอนกำเนิดทศกัณฐ์ ทั้งความสามารถรอบด้านและความหล่อเหลาทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของบุคคลในแวดวงบันเทิงและบุคคลทั่วไป

เปรมเกิดอาการประหม่าทุกครั้งที่แสงแฟลชส่องมาทางเขา แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ โปรยยิ้มให้กับนักข่าวทุกคนในงานอย่างทั่วถึง

“เปรม อย่ายิ้มมั่วซั่วได้ไหม” อสุเรนทร์เอนตัวกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ เพราะทุกครั้งที่หันไป ก็มักจะเจอกับสายตาหวานเยิ้มที่ส่งมาให้คนงามของเขาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เจ้าตัวคงไม่รู้กระมัง เล่นก้มหน้าหลบสายตาเขา ไม่ก็คุยกับนักแสดงรุ่นพี่ข้างๆ

“ทำไมล่ะครับ”

อยากให้บอกจริงอ่ะ”

“ก็บอกสิครับ”

“ฟังดีๆนะ”

“...”

หวง

คำเดียว จอดสนิท

ถ้าไม่ติดว่ารอให้สัมภาษณ์อยู่ เขาจะตีแขนแข็งแรงให้ช้ำไปหลายวันเลยเชียว เล่นไม่รู้เวลาร่ำเวลา นี่คงเป็นธาตุแท้ของผู้ชายชื่ออสุเรนทร์ที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้าตาอันหล่อเหลาสินะ


เวลาแห่งความยุ่งเหยิงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เปรมสามารถรับมือกับคำถามพิธีกรได้ดีกว่าที่คิดและยังได้รับความสนใจจากนักข่าวอย่างท่วมท้นในฐานะนักแสดงนำชายคนแรกที่เล่นเป็นตัวนาง เวลาเปรมแสดงท่าทีเขินอายจากการตอบคำถาม จะเป็นช่วงที่แสงแฟลชสว่างวูบวาบมากที่สุดตอนหนึ่ง หลายคนต้องยกกล้องและรัวเก็บภาพและลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน ว่ามันเป็นภาพที่น่าบันทึกไว้ในเมมโมรี่มากที่สุดของวันนี้ งดงาม อ่อนช้อยราวหลุดมาจากภาพวาด

อสุเรนทร์ลอบมอง(ว่าที่)คนรักด้วยความภาคภูมิใจ แต่จะไม่พอใจสายตากรุ้มกริ่มของเหล่าช่างภาพด้านล่างเนี่ยแหละ รัวอะไรกันนักกันหนา ไม่เคยเห็นคนงามใส่ชุดเครื่องทรงนางหรือไง

“เอาล่ะค่ะมาถึงคำถามสุดท้ายของเราในวันนี้ ดิฉันอยากถามคุณอสุเรนทร์มากเลยค่ะ”

“ถามมาเลยครับ” ฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร

“อันนี้มีแฟนคลับเขาฝากถามมา ถ้าหากคุณอสุเรนทร์ได้รับพรวิเศษหนึ่งข้อ คุณจะใช่มันขออะไรและเพื่ออะไร”

“ตอบเลยใช่ไหมครับ”

“ตอบเลยค่ะ”

อสุเรนทร์กระแอมกระไอเล็กน้อย พลางเหลือบมองร่างบางชั่ววินาทีราวกับต้องการบอกให้รู้คำตอบของเขาเปรมมีส่วนเกี่ยวข้อง
“ถ้าผมได้รับพรวิเศษ”

“...”

“ผมจะขอให้คนที่ผมหมายตาเอาไว้รับรักผมสักที”

คำตอบของร่างสูงเรียกเสียงฮือฮาใหญ่จากทุกคน ขนาดพิธีกรยังแอบหันหลังไปกรี๊ดกันเอง รุ่นพี่นักแสดงคนหนึ่งถึงกับเอาศอกกระทุ้งแขนเปรมเบาๆแล้วส่งยิ้มเป็นเชิงล้อเลียน

“รับเสียสิ”

“รับอะไรพี่พจ”

“คุณเขาตามตื้อขนาดนี้ ถ้าพี่เป็นผู้หญิงพี่ตอบตกลงไปนานล่ะ”

“พี่พจ!”

“โอ๊ะโอ น้องสีดาเขินให้เป็นบุญตาพี่พจแล้ว” เปรมสะบัดหน้าหนีด้วยความรู้สึกตื้นเขิน ชอบล้อกันอยู่ได้ บ้าที่สุด!

“ช่วยบอกได้ไหมคะว่าใคร” พิธีกรยังคงถามอย่างต่อเนื่อง อาการหัวใจวายเฉียบพลันสามารถเกิดได้กับทุกคน ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจประเภทเดียว เพราะตอนนี้เปรมกำลังเสี่ยงต่อโรคนี้อยู่น่ะสิ และอาจจะช็อกตายไปเลยก็ได้ถ้าหากประธานหนุ่มขวัญใจนักข่าวและหญิงสาวทั้งหลายเกิดเอ่ยชื่อของเขาออกมา

“บอกได้หรือครับ”

“ได้สิคะ พวกดิฉันอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”

“คนที่ผมรัก...”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

“ก็คือ...”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


อย่าเชียวนะคุณทศ....




“ไม่ใกล้ไม่ไกล คนนั้นแหละครับ”




กว่างานจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เปรมยืนรอรถอยู่หน้าโรงแรมพร้อมกับรณพักตร์ผู้ซึ่งอาสายืนเฝ้าอารักขาแมลงผู้ตัวอื่นๆที่คิดจะเข้ามาสานสัมพันธ์แทนอสุเรนทร์ ที่จริงไม่จำเป็นต้องยืนประกบก็ได้ เพราะนี่ก็ดึกมากพอให้มนุษย์ทั้งหลายได้นอนหลับพักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน หากทว่าลางสังหรณ์เขานี่สิมันกระตุกแปลกๆ คล้ายส่งสัญญาณบอกเรื่องยุ่งยากบางอย่างที่อาจตามมาในไม่ช้า

“นี่เปรม พระ...พี่ผมเขาไม่เคยจริงใจกับใครคนไหนเท่าเปรมเลยนะ”

“ไม่พูดเรื่องของคุณทศสักห้านาทีได้ไหมครับอิน”

“ทำไม เขินรึไง” รณพักตร์เอ่ยแซวเพื่อนตัวสูง ประโยคของเขาทำเอานางพ่อเปรมคนงามของพระบิดาอสุเรนทร์หันมามองตาดุๆในขณะที่หน้าก็ร้อนวูบไปด้วย

“ผมเปล่าเขิน”

“ดูก็รู้ว่าเขิน จริงใจหน่อย รู้สึกดีกับพี่ผมก็ตอบตกลงไปซะ ถือเสียว่าวินวินกันทั้งสองฝ่าย”

“อิน”

“อีกอย่างจะได้ไม่มีหมาตัวไหนมาแย่งนายไปจากพี่ฉันอีก เห็นมะ แค่นี้เรื่องก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง”

“ผมไม่คุยกับอินแล้ว”

พอเริ่มเถียงไม่ได้ก็หันหนีลูกเดียว อาจเป็นเพราะความน่ารักและอัธยาศัยดีไม่ถือตัว พระบิดาถึงได้ติดอกติดใจจนเก็บไปนอนฝัน ละเลอเพ้อพกติดต่อกันอยู่หลายคืน

จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของรณพักตร์ดังขึ้น เขาก้มมองดูเบอร์ปลายทางก่อนทำหน้าเซ็งๆ

“เปรม เดี๋ยวผมมานะ พอดีพ่อโทรมา ยืนตรงนี้นะ ใครมาชวนก็ห้ามไปไหน จนกว่าพี่ทศมารับ”

“อื้ม”

หลังจากเพื่อนใหม่ไปแล้ว เปรมก็ได้แต่ยืนเหงา เขี่ยเท้าเล่นไปมาระหว่างรออสุเรนทร์มารับ ในใจนึกเซ็ง รู้อย่างนี้กลับพร้อมกับคณะกรมศิลป์ของปู่เหนือกับครูจันทร์เลยดีกว่า มาปล่อยให้เขายืนรออยู่ได้ตั้งนานสองนาน ถ้าอีกห้านาทีไม่เขาจะชิ่งกลับเองแล้ว

“ยังไม่กลับอีกเหรอแม่สีดา”

เปรมอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงทักจากคนรู้จักทางด้านหลัง เขายกมือไหว้ขณะคนอายุมากกว่าเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาหา

“ยังหรอกครับพี่ราม รอคนมารับอยู่”

“ใครเหรอ”

“คุณทศน่ะครับ เขาบอกให้ผมกลับพร้อมกับเขา นี่ถ้ารู้ว่าช้าอย่างนี้ ไม่กลับพร้อมด้วยก็ดี”

“กลับกับพี่ไหม พี่ไปส่งเราได้นะ”

“ไม่ดีกว่าครับเกรงใจ” เปรมปฏิเสธเสียงแผ่ว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนกันเอง”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ทำไม ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” ราเมนทร์ยิ้มเศร้าพร้อมหันหน้าไปอีกทาง “พี่คนเลวในสายตาเปรมมากสินะ เปรมถึงไม่ไว้ใจพี่เลย”
ตอบแบบนี้คิดว่าเปรมจะตอบปฏิเสธได้ลงคอหรือ แค่เห็นหน้ากึ่งเศร้ากึ่งสมเพสตัวเองของราเมนทร์ยิ่งทำให้เขาลำบากใจมากขึ้นไปอีก

“ไม่ใช่นะครับ ผมไว้ใจ...ไว้ใจพี่ราม” 

“ถ้าไว้ใจก็ให้พี่ไปส่ง”

“แต่ว่า...”

“ให้พี่ไปส่งนะครับ” สายตาเว้าวอนจากร่างสูงทำเปรมอึกอัก หากตอบตกลง คนที่รอรับเขาก่อนอย่างอสุเรนทร์จะคิดยังไง แล้วถ้าตอบปฏิเสธราเมนทร์เจ้าตัวจะน้อยใจหรือเปล่า

“ไม่ต้องรอคนพรรณนั้นมารับหรอก กลับกับพี่นะเปรม...”

“ยังไม่เลิกนิสัยเดิมเลยนะ พฤติกรรมแย่งของชาวบ้านเนี่ย” อสุเรนทร์เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจขณะยืนหอบหายใจหลังจากเร่งฝีเท้ารีบวิ่งออกมาจากลานจอดรถ “กล้าทำเรื่องสกปรกเพื่อให้แมวเจ้าเล่ห์อย่างแกดอดมาชิงปลาย่างของคนอื่น”

“ฉันไปทำเรื่องแบบนั้นตอนไหนไม่ทราบ เห็นหรือไง อย่ามาปรักปรำกันสิ”

“แล้วยางรถสี่ข้างที่โดนเจาะแบนเป็นนมหมา คงเป็นฝีมือหมีคงทำละมั้ง”

ราเมนทร์ยักไหล่เป็นเชิงไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ แล้วคิดว่าอสุเรนทร์เชื่อ...คนที่เห็นกันมาตั้งนาน มีเหรอจะเดาแผนอีกฝ่ายไม่ออก เขาต้องลงทุนรีบวิ่งมาที่นี่แล้วปล่อยให้รณพักตร์โทรเรียกช่างมาจัดการเปลี่ยนล้อแทน คิดดูถ้าหากมาช้าอีกสักนาทีเดียว จะเกิดอะไรขึ้น 

“รักฉันมากหรือไงถึงตามมาหาเรื่องไม่เว้นวัน”

“อย่ามโนให้มากอสุเรนทร์”

“ก็มันน่าคิดนี่หว่า ถ้าแกอยากได้ฉันนักก็มาบอกกันตรง อย่าเข้าทางเปรม เพราะเปรมน่ะของฉัน แล้วฉันก็หวงมากด้วย”

“ของแก หึ เขาบอกแกหรือแกคิดไปเอง”

“ก็เห็นๆกันอยู่ ไม่ใช่เหรอราเมนทร์”

“ถ้ายังไม่ได้ยินจากปากเขาฉันก็ยังมีสิทธิ์”

“...!”

“และสิทธิ์ฉันในตอนนี้ก็เท่าเทียมกับแก อะไรที่แกเคยทำฉันก็ทำได้เหมือนกัน”

มือใหญ่ของราเมนทร์จับประคองใบหน้าเรียวให้หันมาก่อนจะก้มลงไปจูบกลีบกุหลาบบางทันที พร้อมบีบคางเล็กน้อยให้อีกคนยอมเปิดปากให้เขาได้เข้าไปฉกชิมความหวานภายใน ไฟในตาอสุเรนทร์ถึงกับลุกโชนด้วยความโกรธจัด สองมือกำแน่นก่อนพุ่งเข้าไปกระชากราเมนทร์ออกห่างจากเปรม ลมหายใจร้อนที่พุ่งพวยออกมาบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงใกล้ถึงขีดสุด

“หวานดีเหมือนกันนะ”

“พี่ราม...ทำไม...” คนที่เพิ่งได้สติกลับคืนเอ่ยถามด้วยความสับสน มึนงง ไม่เข้าใจ สายตาเริ่มพร่ามัวเพราะตอนนี้น้ำตาของร่างบางเริ่มคลอเต็มดวงตาหวาน เมื่อครู่ทั้งตื่นตระหนกแลหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำกับเขาได้

“พี่ทำเพราะพี่รักเปรม รักไม่น้อยกว่ามันที่ยืนข้างเปรมเลยด้วยซ้ำ”

“เข้าใจเสียใหม่ราเมนทร์ แกไม่ได้รักตัวตนของเปรมอย่างที่ฉันรัก แกรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้างที่ไม่เชื่อมโยงถึงคนก่อน เปรมชอบกินอะไร ชอบทำอะไรเวลาว่าง นิสัยเป็นยังไง แกรู้เหมือนที่ฉันรู้หรือเปล่า”

“...”

“ถ้าไม่รู้ นั่นแหละหมายถึงแกไม่เคยสนใจในตัวตนของเปรมด้วยซ้ำ แกสนใจและเลือกที่จะรักสิ่งที่อยู่ภายในจิตวิญญาณของเปรมต่างหาก ครั้งนี้ฉันจะทน แต่ครั้งหน้าอย่าคิดว่าจะรอด”

“หึ”

อสุเรนทร์กระชากแขนเรียวเล็กให้เดินตามทันทีที่รณพักตร์บีบแตรใส่ พลางดันอีกฝ่ายให้นอนราบไปกับเบาะรถด้านหลังก่อนจะขึ้นคร่อมกระซิบหลังหูข้างที่มีปานกุหลาบสีแดงหลบซ่อนอยู่

“บอกแล้วใช่ไหมห้ามคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันจูบ”

“คุณทศ...”


อยากได้มากกว่าจูบก็ไม่บอก เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะจัดให้ตามที่ขอแล้วกัน



พี่ทศ ม่ายยยยยยยยยยย :z3:
ทำไมถึงทำกับน้อง โดนเด้งแน่  :ling1:
รู้สึกสงสารหนูเปรมตะหงิด สู้ๆนะลูก พี่ยักษ์เขารักมากก็เลยหึงมาก
ร่วมกันเอาใจช่วยให้พี่ทศกันนะคะ
วันนี้มาลงเร็วได้ ดีใจมากมาย
เดี๋ยวหรุ่งนี้เราจะมาต่อบทใหม่ ฝากติดตามเรื่องนี้กันตลอดจนจลบเลยนะคะ
รักทุกคนนนนน บุยยยย :c4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2016 22:50:24 โดย Lalita »

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เข้ามาติดด้วยคนนะครับ  ผมเป็นอีกคนครับที่ชอบทศกันต์   จะดีจะชั่วยังไงไม่รู้  แต่เรื่องรักนี้ไม่เป็นรองใคร  รักจริงรักแท้อยู่ที่ตนนี้เลย

ออฟไลน์ Asmknrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยยย พี่ทศ เลาๆหน่อยเดี๋ยวน้องกลัว เอ๊ะ หรือหลาน หรือเหลนดี :laugh:

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตามอ่านไม่ทันแล้ว 55555555 โอ้ยยย คุณทศหวงหน้ามืดเลยนะคะ สงสารน้องหน่อยค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สนุกมากๆเลยค่ะ แต่งได้ดีมากลื่นไหล
อ่านแล้ววางไม่ลงเลย  ชอบบบบบ :L2:

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๘
[/size]




ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องมายังกรุงลงกา ไม่มีสิ่งใดทำให้ชาวรากษสทั้งหญิงแลชายตกอกตกใจได้เท่ากับพญารากษสกายกำยำ ผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งใต้หล้าอย่างทศกัณฐ์โอบอุ้มนางฟ้านางสวรรค์ตนหนึ่งเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องบรรทม แขนแข็งแรงรวบร่างเพรียวบางซึ่งกำลังดีดดิ้น หวีดร้องลั่นขอความช่วยเหลือสุดชีวิต ฝ่ามืองามกระทบข้างแก้มของชายหนุ่มเต็มแรงจนเกิดเสียงสนั่นท่ามกลางความเงียบสงัด

นางข้าหลวงที่เดินขวักไขว่กันไปมาถึงกับตาค้าง เอามือทาบอก

องค์ทศกัณฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ เกรียงไกรโดนสตรีแปลกหน้าตบ!

และยังเป็นการตบที่สั่นสะเทือนไปทั่วกรุงลงกา

นางสีดาสะบัดตัวออกจากการจับกุม วิ่งเต็มฝีเท้า สายตากวาดมองหาทางออก ทว่าวิ่งไปเพียงไม่กี่วินาทีก็ถูกแขนแกร่งคว้าเอาไว้ก่อนตรงดิ่งไปทางบานประตูสีทองแกะสลักวิจิตร ทศกัณฐ์ชี้หน้าพร้อมกับกำชับนายทวารหน้าห้อง ต่อให้เกิดเหตุร้าย ภัยพิบัติมาเยือนกรุง ก็อย่าได้ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตส่วนพระองค์ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะนำไปบั่นคอเสียบประจานหน้าพระราชวัง
แม้นใครต่อใครต่างสงสัยแลเห็นใจสตรีงามผู้ถูกพญารากษสอุ้มหายเข้าไปในนั้น แต่ก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้นอกเสียจากหุบปากเงียบเชียบราวไม่เคยรู้เห็นถึงเรื่องนี้มาก่อน

ร่างระหงนอนแนบลงบนแท่นบรรทม พยายามแดดิ้นให้หลุดจากแขนแข็งแกร่งของมหาบุรุษกายสีเขียวมรกต หากความพยายามของนางกลับไม่เป็นผลต่ออีกฝ่ายแม้แต่น้อย ซ้ำยังกลับทำให้พญารากษสใช้แรงยื้อนางมากขึ้นกว่าเท่าตัว

หยาดน้ำตาทิพย์ไหลเอ่อล้นออกมาจากดวงตาหวานล้ำ ปากพร่ำแต่ชื่อพระราม พระราม...พระสวามีอันเป็นที่รักยิ่งจนคนที่คิดปลุกปล้ำถึงกับหยุดชะงัก ดวงตาเบิกโพล่งดุดันเต็มเปี่ยมด้วยโทสะที่ลุกโชนในใจ

“อยู่กับข้า ใยต้องเรียกผัวเก่าเจ้าด้วย”

“ฮึก...พี่รามเจ้าขา ช่วยน้องด้วย ช่วยสีดาด้วย”

“ข้าบอกให้หยุดเรียกชื่อมัน!”

“พี่รามเจ้าขา สีดากลัว...กลัวเหลือเกิน”

แววตาของพญารากษสอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อสบเข้ากับดวงตานวลนางที่พร่าไปด้วยน้ำตาอุ่นใส ความโกรธเกรี้ยวที่เคยมีพลันมลายหายไปจนหมด แต่ก็ยังทำเป็นวางมาดใส่

“ร้องไห้ไปใย อยู่กับข้าเจ้ามิต้องกลัวไปดอก”

“เจ้ายักษ์ใจทราม สารเลว เหตุใดจึงลักพาข้ามาที่นี่ พาข้ากลับอาศรมของข้าประเดี๋ยวนี้”

สีดาจ้องกลับไปอย่างโกรธจัด ทั้งที่น้ำตายังเอ่อนองเต็มนัยเนตร

“รีบร้อนอันใดเล่าเจ้า ที่ใดก็ล้วนคืออาศรมของเจ้าเท่านั้น วังของข้าก็คือวังของเจ้าเช่นกัน”

“มิใช่ วังของข้ามิรู้สึกถึงความเสนียดจัญไรฉะนี้ดอก”

“!”

“แลวังแห่งข้าก็ล้วนมีแต่คนดี มิเหมือนที่นี่มีแต่ยักษ์ชั่วช้า หยาบกระด้าง”

“มันจักมากเกินไปแล้วหนา!”

ทศกัณฐ์ง้างมือเหนือหัวหมายตบนางผู้ปากดีให้รู้สำนึก หากสายตาแดงก่ำที่จ้องมาอย่างไม่เกรงกลัว ทำเขาหงุดหงิดไม่น้อย
“เอาสิ ทำเลย ทำข้าเลย พอทำเสร็จแล้วฆ่าข้าเสีย เอาเลยสิทศกัณฐ์”

ทศกัณฐ์ถึงกับชาวาบ ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง พอจะแตะต้องตัวนาง ร่างงามกลับสะบัดตัวหนีมือใหญ่ที่ตามรังควานอย่างแรง รีบกระถดกายออกห่างจากเขาไปนั่งติดขอบแท่นบรรทมราวกับรังเกียจ พญารากษสที่ไม่เคยเจอปฏิกิริยาเช่นนี้กับอิสตรีถึงกับงวยงง เพราะทุกคราต่อให้เขาได้พวกนางมาด้วยความไม่เต็มใจในตอนแรก ก็สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อนให้เขาได้เชยชมทั้งเรือนกาย ขนาดแก้วกินรี มักกะลีผลว่าเล่นยากแล้วไซร้ ยังมิเท่ากับนางตรงหน้าแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว

เหตุไฉนเลยนางอัปสรผู้นี้ถึงได้เล่นตัวนักนึกเอาใจสารพัด เกลี้ยกล่อมก็แล้ว ป้อนคำหวานก็แล้ว ยังมิยินยอมร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขาอีก เริ่มโมโหแล้วหนา

“นวลน้องเอ๋ย...อย่าทำเหมือนพี่เป็นอสูรเลวร้ายได้ไหม พี่เป็นเพียงรากษสตนหนึ่งที่มีหัวใจแลความรักให้น้อง เพียงแค่พี่เห็นเจ้าในคราแรก พี่ก็รักเจ้าเหลือเกิน รักจนมิมีใจปันให้หญิงใดได้อีก พี่จักยอมทำทุกอย่างหากเจ้าต้องการ แต่ขออย่างเดียว ขอให้พี่อยู่กับเจ้ายังที่แห่งนี้"

"ข้าต้องการสิ่งใดก็ได้กระนั้นฤา”

“ใช่ มิว่าน้องขอสิ่งใด พี่จักหามาไม่หมด”

“ถ้าข้าขอให้เจ้าไปตายพ่นๆหน้าข้าเสีย จักได้ฤาไม่ล่ะพี่ท่าน” ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเหยียด จ้องฝ่ายรากษสกลับอย่างกล้าหาญ
“ทรงโปรดอภัยเถิดทศกัณฐ์ ข้าหาได้มีจิตคิดเป็นอื่นกับพระสวามีข้าไม่ ถึงเจ้าจักพยายามสักเท่าใด ข้าก็มิคิดเหลียวมองแลปันใจให้ยักษ์ชั้นต่ำ จิตใจทรามเช่นเจ้าดอก จงสำเหนียกตัวไว้เถิด”

“สีดา เจ้า!”

“ข้าขอตายยังดีเสียกว่าตกเป็นเมียยักษ์อย่างเจ้าทศกัณฐ์!”

“หากเจ้าปรารถนาที่จักตายนัก ก็จงตายในอ้อมอกของยักษ์ชั้นต่ำผู้นี้แล้วกัน!”

ทศกัณฐ์สุดจะทนกับคำปรามาสของอีกฝ่ายจึงลงมือปลดสไบ เข็มขัดทองแลผ้านุ่งที่ห่มเรือนกายเย้ายวนชวนมองออกอย่างรวดเร็ว พญารากษสแลบลิ้นเลียฝีปากตนก่อนจะคว้าร่างเป้าหมายที่กำลังคลานหนีให้กลับมาที่เดิมพร้อมแนบกายสนิทชิดร่างเปลือยเปล่าของสีดา สองมือลูบไล้ผิวเนียนละเอียดไปมาตามแรงปรารถนา พลางโน้มตัวหาใบหน้าหวานทาบริมฝีปากกับเรียวปากอวบอิ่มของหญิงสาว บดเบียดด้วยแรงอารมณ์ที่มีมาตั้งแต่อยู่ในป่า หญิงสาวใจเต้นระทึก รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง

ไม่...เราจักยอมให้มันย่ำยีร่างกายมิได้

“ปล่อย...ปล่อยข้า”

“ไม่”

“อย่าแตะต้องตัวข้าให้เป็นเสนียด ร่างกายของข้าเป็นของพี่รามเท่านั้น ปล่อย!”

เพี๊ยะ!! เครื่องหน้าคมคายตามแบบฉบับยักษ์หันไปตามแรงตบไม่มีการยั้งมือ รู้สึกถึงกลิ่นเลือดเข้มข้นที่ปะปนอยู่ในน้ำลาย ไม่เคยมีหญิงใดกล้าตบเขามาก่อน นอกเสียจากนางมณโฑ สีดาเป็นคนที่สองและเป็นคนที่ตบแรงเสียยิ่งกว่าโดนกระบองของฤๅษีโคบุตรทุบซ้ำกันหลายรอบ เขาหันมาช้าๆ ด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เสียงขบฟันดังลั่น

“รักมากใช่ฤาไม่พระราม”

“ใช่” นางตอบปากตอบคำอย่างหนักแน่นในความรักของตน

“ข้าจักรอดู ว่าภายภาคหน้าเมื่อเจ้าได้อยู่กินกับข้าฉันท์ผัวเมียแล้วไซร้ เจ้าจักยังยึดมั่นในความรักแสนน่าสะอิดสะเอียนต่อพระรามได้อีกฤาไม่”

“..!!”

“ยอมรับเสียเถิดสีดา อย่างไรเสียวันนี้ เพลานี้ข้าก็จักนำเจ้ามาเป็นเมียให้ได้ ต่อให้เจ้ามีผัวเป็นตัวเป็นตน เกลียดข้าเทียมภูเขาไกรลาส ข้าก็หาได้ใยดีต่อมันไม่ เจ้ามิมีวันหนีข้าได้แม้แต่ความตาย”

มือใหญ่เชยคางเรียวมนให้สบตา ใบหน้าเรียวสวยหันตามแรงบีบของรากษสหนุ่ม ดวงตากลมโตใสรื่นด้วยน้ำตาแทบจะทันทีที่ได้รับความเจ็บจากแรงบีบของมือหนาที่ตรึงข้อมือนางไว้เหนือศีรษะ

 “เลว เจ้ามันเลว”

 “ด่าสิ ด่าเสียให้พอ เพราะอีกประเดี๋ยวเจ้าก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นรวญครางใต้ร่างยักษ์เลวอย่างข้า”

“ปล่อยข้า ไม่!!!”

“ข้าจักทำให้เจ้ารักข้าเสียยิ่งกว่าพระรามผัวเก่า อย่าคิดหนี เพราะยิ่งเจ้าหนี ข้าจักกระทำย่ำยีเจ้ามิให้ลุกออกไปไหนได้อีก”

“!!”

“เป็นเมียทศกัณฐ์มิได้ด้อยไปกว่าพระรามเลยแม้แต่น้อย หากเจ้าเปิดใจยอมรับข้าสักนิดจักรู้ว่าข้านั้นรักและจริงใจต่อเจ้ามากเพียงใด”

“อึก...หยุด...หยุดที!” สีดาร้องขอด้วยใบหน้าแดงซ่าน ท้องน้อยบิดเกร็งด้วยความวาบหวิวยามมือใหญ่แตะไล้สีข้างเปลือย ทำหน้าที่ก่อกวนความรู้สึกของเธอให้กระเจิดกระเจิง

พญารากษสยิ้มร้าย เป่าแสงไฟจากโคมเทียนข้างแท่นบรรทมให้ดับหลง เหลือเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่สาดเข้ามาในห้องผ่านม่านไหมเท่านั้น

“ข้าจักทำให้เจ้ามีความสุขจนลืมเลือนผัวเก่าไปเลย”


ใต้แสงจันทร์วันเพ็ญเห็นเรือนร่าง
เมลืองมล่างมองรอดสอดวงแขน
จะกกกอดออดอ้อนผ่อนสำแดง
แล้วจำแลงแปลงร่างดั่งภมร


จะเคล้าคลึงคลุกเคล้าเล้าโลมเล่น
กระโจนเผ่นเล่นรักสมัครหมาย
เข้าโลมเร้าเคล้าคลุกสนุกกาย
ด้วยเป้าหมายร่ายมนต์รักสลักนาง


เป็นผึ้งภู่จู่โจมปทุมทิพย์
ทำงุบงิบแง้มเงื้อเกลื้อเกสร
พออกสั่นหวั่นไหวในอาวรณ์
แม่แง่งอนงกเงิ้นสะเทิ้นอาย


กระถดถอยค่อยลงบรรจงจูบ
ประคองลูบจูบรับกับเกสร
แม่เงื้อง้ำค้ำกาย จนเปียกปอน
แล้วหงายงอน ง้ำเงื่อเชื้อชวนชาย


ละมุนนิ้วพลิ้วไหว ในซอกหลืบ
กระเซาะสืบ สั่งสมอารมณ์ถวิล
กระซัดเซาะ สั่งซ่านหว่านระวิง
พลางฟังสิ่งที่เจ้ากระเซ้าครวญ


ดังกลีบเกลื้อเอื้ออ้าผวาร่าง
ลมพรายพร่างพราวฝนจะทนไหว
หมู่ภมรเปียกปอนเข้าซอนไซ้
พลิกพลิ้วไหวไล่ลิ้นแทบสิ้นลม


จะโอบเอื้อแอบเอื้อนเขยื้อนขยับ
ทั้งรุกรับไล่ล่า ผวาหวาม
ทั้งเร่งเร้าเข้าใส่แทบวายปราณ
เจ้าดวงมาลย์ส่ายรับขยับรอ


ดังลมล่าลมไล่ลงไหลลื่น
ฟ้าฝนครืนลื่นลั่นให้สั่นไหว
ดังลมเร้าลมแรงจนแกว่งไกว
ดังลมไล่ลมล่าผวาครวญ


ดังกิ่งโศกโยกยักขยักย้าย
โดนพระพายเยือนย่ำกระหน่ำสวน
ลมจะล่าลมจะไล่ไหวรัญจวน
กลีบลำดวนม้วนพับไปกับลม


ราวลมพัดรัดริ้วให้พลิ้วร่าง
ทรวงสร่างอ้างแอบแทบสุดฝืน
ประจงจัดกวัดแกว่งแทบแคลงคลืน
สุดจะฝืนลื่นไหลไปกับลม


พายุพัดสาดซ้ำกระหน่ำซ่า
พสุธาเลื่อนรับขยับไหว
ทั้งแรงแกว่งแรงรับขยับไกว
สุดทนไหวจนธารท่องล่องนที


พายุฝนพ้นแล้วเจ้าแก้วจ๋า
ทิพย์ธาราชุ่มฉ่ำย้ำความหวาน
โอบกอดเจ้าคลอเคล้าปทุมมาลย์
ให้ซาบซ่านคืนรักสลักใจ

-ลอยลมล่อง ท่องลมรัก-


พญารากษสทศกัณฐ์เอื้อมมือปลดพันธนาการที่เชื่อมโยงเรือนร่างทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวกันออกอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ไล้ไปตามเส้นผมสลวยปล่อยสยายเต็มหมอนไหม ก่อนจะดึงร่างบางที่ตัวสั่นโยนเข้ามาโอบไว้แนบอกอย่างทะนุถนอม ปากรำพันปลอบโยนอยู่ข้างหูเล็ก หากทว่าเสียงสะอื้นเศร้าโศกยังคงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ

ทศกัณฐ์รู้ ในตอนนี้นางอาจจะยังจงเกลียดจงชันเขาด้วยเหตุเป็นฝ่ายศัตรูของสามี แต่เชื่อเถอะ อีกไม่นานใจของนางย่อมสั่นคลอน รักแท้ยังแพ้ใกล้ชิด หากทศกัณฐ์นอนแนบชิดสีดาทุกคืน คิดหรือนางจักมิปันใจมาให้เขาบ้าง ยังไงผัวเก่าที่อยู่ห่างไกล ถึงเด็ดสักแค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้ผัวใหม่ที่เร่าร้อนและอยู่ใกล้ตัวนางมากกว่าอยู่ดี

‘ข้าไม่ได้ทำเพื่อแก้แค้นพระราม แต่ข้าทำเพื่อหัวใจตัวเอง’

‘...’

‘ข้าขอสาบาน ข้าจักรักแลดูแลสูเจ้าให้ดีกว่ามันผู้นั้น รักให้มากเสียยิ่งกว่ายิ่งชีวิตนิรันกาลของข้า แลหากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ตายด้วยน้ำมือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว’[/i]









แสงสีทองยามเช้าส่องกระทบร่างบางที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้าหวานหลับตาอยู่อย่างนั้นประมาณชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า กระพริบตาถี่เพื่อให้สายตาปรับสภาพเข้ากับแสงอรุณ

สิ่งแรกที่รู้สึกได้ตอนลืมตาตื่นความอึดอัด ปวดหนึบไปทั้งตัว รวมถึงช่วงล่างที่ปวดร้าวราวกับมันจะแตกหักเป็นเสี่ยงทุกเวลาที่คิดขยับตัว บอกชัดเจนว่าเมื่อคืนที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เปรมรู้สึกว่าขอบตามันร้อนผ่าว น้ำตาพานจะไหลออกมาดื้อๆ เขาผิดอะไร ทำไรถึงได้ทำกับเขาอย่างนี้ด้วย

“อรุณสวัสดิ์เปรม”

เปรมชะงักเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากอุ่นเกือบร้อนกดจูบลงบนหน้าผากพร้อมแรงกระชับจากแขนแกร่ง เปรมกัดปาก กลั้นน้ำตา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองสักวินาทีเดียว เขากลัว กลัวไปเสียทุกอย่าง

“เปรมครับ”

“...”

“เปรม...”

“อย่าเรียกชื่อผม”

อสุเรนทร์เชยคางเรียวให้สบตา วินาทีที่นัยน์ตาหวานสัมผัสกับนัยน์ตาสีเข้ม น้ำตาที่กักเก็บไว้ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย
 
“ร้องไห้ทำไม” อสุเรนทร์ถามเสียงแผ่ว เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง

“คุณทศใจร้าย”

“เปรม ฉัน...”

“ผมทำผิดอะไร ฮึก...คุณถึง...ฮึกๆ ทำกับผมอย่างนี้”

“เปรม ฟังฉันก่อนนะ ที่ฉันทำฉันมีเหตุผล”

“เหตุผลอะไร” ดวงตาแดงก่ำตวัดมองร่างสูงอย่างตัดพ้อ “คุณกับพี่รามเห็นผมเป็นสิ่งของที่สามารถทำอะไรก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม”

“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”

อสุเรนทร์โอบรัดเอวบางเข้าหาตัว ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ไหลนองหน้าไม่ยอมหยุด ริมฝีปากอุ่นประทับจูบเบาๆที่ขมับ “เปรม เธอต้องฟังฉัน”

“ส่งผมกลับบ้านได้ไหมครับ”

“เปรม”

“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”

“อย่าดื้อได้ไหม”

“ขอร้องล่ะ ผมอยากกลับบ้าน”

ก้านนิ้วหนาปาดเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มนวลทั้งสองข้างของเปรมอย่างแผ่วเบา สายตาที่ส่งมาให้เขามีแต่ความตื่นตระหนก ตกใจ กลัว เสียใจ ผสมปนเปกันไปหมด ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำไปตามอารมณ์ชั่ววูบจะส่งผลให้อีกฝ่ายเป็นมากถึงเพียงนี้

“ได้โปรดฟังฉัน ฉันอาจจะดูเลวร้ายในสายตาเธอ แต่ที่ฉันทำเพราะว่าฉันหวงเธอ อยากเก็บเธอไว้ข้างกาย ไม่อยากให้เธอเป็นของใครนอกจากฉัน” ยิ่งอสุเรนทร์อธิบายเปรมยิ่งสะอึกสะอื้นเข้าไปใหญ่ “ฉันรักเธอ รักเธอมาก รักยิ่งชีวิตของตัวเอง และฉันก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิดและทำให้เธอเสียใจ แต่ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ”

“แต่คุณต้องทำกับผมแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ก็ฉันไม่อยากให้เธอเป็นของใคร”

“...”

“ฉันโกรธ ฉันหึง ฉันหวงที่เธอยอมให้มันจูบ”

“ผมผิดเหรอครับ เขาเข้ามาจูบผม บังคับผม แต่ผมเป็นคนผิดงั้นหรือครับ”

“...”

“ถ้าอย่างนั้นการที่ผมยอมให้คุณจูบก็เป็นสิ่งผิดด้วยสินะ”

“เปรม...”

อสุเรนทร์ถึงกับพูดไม่ออก

“ไหนคุณสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินถ้าหากผมไม่เต็มใจ คุณสัญญากับผมแล้วแต่คุณก็ยังทำมันเสียเอง รู้อะไรไหมครับคุณทศ คุณทำให้ความเชื่อใจของผมที่มีต่อคุณลดลง”

“...”

 “พาผมกลับบ้านเถอะ”

“ไม่เอา อย่าเป็นอย่างนี้ได้ไหม พี่ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ จะทุบจะตีจะทำอะไรพี่ก็ได้ ยอมทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียวอย่าหนีปัญหาของเรา อย่าไปจากพี่ตอนนี้” เสียงอสุเรนทร์เริ่มสั่นเครือ ชายหนุ่มเหมือนเด็กเล็กที่โดนแย่งของเล่น ซุกศีรษะในแผ่นอกขาวผ่องของเปรม พร้อมกอดรัดร่างน้องน้อยแน่นราวไม่อยากให้จากไปไหน

“ผมอยากกลับบ้าน ได้โปรด”

“ไม่เอา พี่ขอโทษครับเปรม”

“...”

“พี่สัญญา พี่จะไม่ทำอย่างนี้อีก ขอร้อง อย่าหนีกลับบ้าน พี่เจ็บหัวใจจะแย่อยู่แล้ว”

“แล้วที่คุณทำกับผม ผมไม่เจ็บใช่ไหม”

“พี่รู้เปรมเจ็บ คำขอโทษของพี่คงไม่อาจลบล้างความผิดครั้งนี้ได้ แต่ได้โปรด...ยกโทษให้พี่สักครั้งได้ไหม ยกโทษให้กับคนเลือดร้อนที่ทำให้เปรมต้องเสียน้ำตาเพราะความเอาแต่ใจ”

“...”

“ยกโทษให้พี่สักครั้งได้หรือเปล่า”

“...”

“เปรมจ๋า ยกโทษให้พี่ทศหน่อยนะ”

เปรมเบือนหน้าหนีทั้งน้ำตา ต่อให้อีกคนออดอ้อน ขอร้องเขามากแค่ไหน แต่ความผิดก็คือความผิด ใครจะรู้หลังจากนี้อสุเรนทร์อาจทำเขาแบบนี้อีกก็ได้ เมื่อใจมันโดนทำร้ายก็คงต้องใช้เวลาในการเยียวยารักษาให้มันหาย ต่อให้ใครคนนั้นรักเขามากแค่ไหน แต่เรื่องบางเรื่องก็ยากที่จะยอมรับได้

เปรมรู้ ถึงแม้จะทำให้เจ็บกันทั้งคู่ก็เถอะ

“ผมยังคงยืนยันคำเดิม”

“เปรม”

“ขอเวลาผมสักหน่อยได้ไหมครับ คุณอสุเรนทร์...”




ต่อด้านล่างจ้าาาา TT

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ต่อเด้อ


ในห้องทำงานของประธานบริษัท RAVANA ซึ่งอยู่บนชั้นที่ยี่สิบสามของอาคารสูง ตลอดด้านหนึ่งของห้องกรุกระจกใสมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกของกรุงเทพมหานครได้ไกลสุดสายตา ชายหนุ่มเจ้าของห้องยืนซุกมือลงกระเป๋ากางเกงทอดสายตามองนอกกระจก กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วเขาคงจะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานถ้าไม่มีเสียงเคาะประตู ตามด้วยคนเคาะผลักประตูเข้ามาโดยไม่รอรับอนุญาต

ชินกฤตในชุดสูทสุภาพ เรียบหรูสมตำแหน่งรองประธานบริษัทใหญ่เดินจรดเท้าเข้ามาวางแฟ้มสีดำลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งไม่ห่างจากจุดที่เจ้าของห้องยืนอยู่

“ไม่เบื่อบ้างหรือขอรับ มองกระจกอยู่อย่างนั้น”

“...” อสุเรนทร์นิ่งเงียบยังคงยืนมองออกนอกกระจกเช่นเคย

“ท่านพี่ทศขอรับ”

ตั้งแต่อสุเรนทร์ส่งเปรมกลับไปพักที่บ้านเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขาก็กลายเป็นคนปิดตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนก่อน เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนหรือไม่ก็ห้องทำงานจนดึกดื่น ใบหน้าหล่อเหลาที่รับการดูแลรักษามาทั้งชีวิตกลับดูทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมที่น่าหลงใหลกลับแดงก่ำ เหม่อลอยคล้ายคนไม่ได้สติ ชินกฤตถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหนักขนาดนี้

เขายังจำคืนแรกที่ร่างบางขออยู่ห่างจากพี่ชายเขาได้ คืนนั้นห้องนอนทั้งห้องระเนระนาด ข้าวของเครื่องใช้แตกหักเสียรูป กระจกบานใหญ่ที่ถูกชกเข้าไปเต็มแรงแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกลื่อนพื้น มือใหญ่ด้านขวากำเศษกระจกแหลมไว้แน่นจนฝ่ามือมีเลือดไหลออกมา เสียงร้องสะอื้นแหบพร่า ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเม็ดฝนโปรยปราย แต่กระนั้นกลับสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่ได้ยินได้มากโข เพราะคนตรงหน้าไม่เคยร้องไห้ ต่อให้พ่อตาย แม่เสีย กรุงลงกาโดนเผาจนมอดไหม้ หากทศกัณฐ์ พญารากษสผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลไม่เคยคิดเสียน้ำตาให้ใครสักหยดเดียว

ช่างน่าเวทนานัก

“ข้าเตือนตั้งแต่ต้นแล้วว่าอย่าบุ่มบ่าม แล้วเป็นอย่างไรเล่า สีดาหายเข้ากลีบเมฆจนทศกัณฐ์ได้แต่นอนซม นั่งเศร้าโดดเดี่ยวแต่เพียงผู้เดียว”

“แล้วเจ้าจักให้ข้ายิ้มหน้าระรื่นรึ”

“ข้าหาได้คิดเช่นนั้น”

ชินกฤตมองอสุเรนทร์ด้วยแววตาสงสาร แม้ร่างสูงจะยืนนิ่งประหนึ่งรูปสลักก็ตาม หากองคาพยพ* ทุกส่วนสั่นระริกด้วยความพยายามอดกลั้น ความร้อนรุ่มดั่งไฟเผาและความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย มือเรียวผอมแตะท่อนแขนของผู้เป็นพี่

“ข้าอยากให้ท่านพี่ลองทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง พิษรักแรงหวงที่ท่านมอบให้กับพ่อเปรมผู้โดนกระทำ หาใช่เป็นคนเริ่มกระทำ ท่านพี่คิดว่าเหมาะสมแล้วฤา”

“ข้ารู้ ข้าผิด แต่เจ้าจักให้ข้าทำเช่นไร ในเมื่อพ่อเปรมมิเปิดโอกาสให้ข้าได้อธิบายเลยด้วยซ้ำ” อสุเรนทร์หลับตา ถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความเหนื่อยอ่อน “หัวใจข้าร้าวระบมนัก”

ความเงียบกรายเข้ามาเยือนเนิ่นนาน อสุเรนทร์ถอยลงไปนั่งเก้าอี้ เอนศีรษะพิงซบกับพนักเก้าอี้บุนวมนุ่มแหงนมองเพดานสูงอย่างเลื่อนลอย ปล่อยให้น้องชายมองความเวิ้งว้างของทิวทัศน์ด้านนอกโดยลำพัง

*องคาพยพ= ส่วนน้อยและใหญ่แห่งร่างกาย อวัยวะน้อยใหญ่.



ทุกเพลาพร่ำเพ้อ             เดียวดาย
ยามเปลี่ยวเหงาเหลียวกาย   คู่ไร้
ชีวีเจียนวาวาย            ดับสิ้น
ใจร่ำช้ำหวนไห้             ร่ำร้องโหยหา
รักเอยเคยคลอเคล้า   บัดนี้เจ้าแรมร้างลา
ทนฝืนกลืนน้ำตา      ในอุราร้าวระบม



“มัวแต่นั่งอมทุกข์แล้วเมื่อใดจักสมหวัง”

วินาทีนั้นอสุเรนทร์หัวเราะในลำคอ ลอบถอนหายใจเบาก่อนกล่าวคำช้าๆ “แค่หน้าข้า เขายังมิใคร่มองแม้แต่นิดเดียว”
“รู้ได้อย่างไรว่าเขามิใคร่มอง”

“เพราะข้าเห็นกับตาอย่างไรล่ะ” แม้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ หากร่างบางกลับเลือกที่จะเบือนหน้าหนี เดินผ่านไปราวกับเขาคือธาตุอากาศ ไร้ตัวตน

“ต่างฝ่ายต่างคิดกันคนละมุมแล้วเพลาใดจักได้ลงเอยกันเสียที...เคยได้ยินฤาไม่ขอรับ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ท่านก็ตื้อพ่อเปรมจนกว่าเขาจักยอมใจอ่อนสิ”

“พูดง่ายแต่ทำได้ยากนักน้องข้า”

“ลองทำแล้วฤาจึงบอกว่ามันยาก...หากท่านพี่มัวแต่นั่งซึมกระทือ เพ้อถึงเขาทว่ามิยอมลงมือกระทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ต่อให้เป็นชาตินี้หรือชาติหน้า ท่านพี่ก็อย่าหวังจักได้เป็นคู่ชูชื่นกับพ่อเปรมเลยขอรับ”

“เจ้ากฤต!”

“ข้าพูดผิดประการใดรึ ฤาที่ข้ากล่าวมาหามีความจริงไม่”

คนพูดถอนใจลึก เถียงไม่ออก

“งั้นข้าขอถามสักนิด ท่านพี่รักพ่อเปรมฤาไม่ ฤาเป็นเพียงความลุ่มหลงอันเกิดจากความคะนึงถึงนางสีดาในกาลก่อนเท่านั้น”
อสุเรนทร์อมยิ้ม ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องคิดทบทวนให้มากความ

“รักสิ รักจนใจจักขาดอยู่รอนๆ”

“ระหว่างสีดากับพ่อเปรม...ท่านพี่รักผู้ใดมากกว่ากัน”

“เจ้าต้องให้ข้าตอบอีกฤา ในเมื่อหัวใจข้าแสดงมันออกชัดเจนถึงเพียงนี้”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่ความคิดของเขาเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะยามนั่ง ยามนอน ยามตื่น หรือยามทำงาน  ยิ่งผ่านไปนานวัน ความคิดถึงต่อเปรมยิ่งเกาะกุมจิตใจจนรู้สึกแปลบในทรวง อสุเรนทร์คิดถึง...คิดถึงกลิ่มหอมเฉพาะกาย คิดถึงเสียงหวานๆที่คอยพูดเจื้อยแจ้วกับเขา คิดถึงดวงตาประกายที่ไม่ว่าจะมองนานสักเท่าใด ก็มิมีวันเบื่อ คิดถึง...และรักทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนที่ชื่อเปมทัต หาใช่สีดา...นวลนางพิสมัยเมื่อพันปีก่อน

ณ ห้วงเวลาปัจจุบันกาลพ่อเปรมคือผู้เดียวที่อยู่ในหัวใจของพญารากษสทศกัณฐ์และอสุเรนทร์ อมาตยสูร

“สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ถ้าท่านพี่รักเขา ท่านก็ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นถึงความพยายามและความจริงใจทั้งหมด น้ำหยดลงบนหินทุกวัน หินมันยังกร่อน นับประสากระไรกับใจคน มันย่อมมีวันอ่อนลงอย่างแน่นอน”

“แล้วข้าควรทำเช่นไร”

“ที่ข้าพูดมาทั้งหมดยังมิเข้าใจอีกรึ” เห็นคนเป็นพี่ส่ายหัวถึงกับกุมขมับ บทจะฉลาดก็แสนฉลาด บทจะโง่ก็โง่ดักดานแบบกู่ไม่กลับ

“มีสมองไหมขอรับ”

“อะไรของเจ้า” ก็ต้องมีสิ ถามแปลก

“อยากได้เมียกลับมาก็...คิดเอาเอง”

กว่าจะตั้งสติได้ก็หลังจากร่างผู้เป็นน้องเดินห่างไปไกล ปากขมุบขมิบด่าพร้อมคว้ากล่องทิชชู่ปาไล่หลังด้วยแรงทั้งหมด หากกลับโดนเพียงขอบประตูกระจก ร้าวไปถึงชั้นในเกือบแตก

ฝากไว้ก่อนเถิด ไอ้น้องเวรตะไล!




“โอ้ย ทำยังไงดี...ทำยังไงดี ไอ้ศักดิ์ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าลืมซื้อชิ้นนั้นมาด้วย ท่านครูปู่เหนือต้องด่าฉันแน่ๆ เพราะแก่คนเดียวไอ้ผู้ชายหน้ายับเกินวัย” หญิงสาวร่างอวบเท้าสะเอวบอกด้วยความหงุดหงิด อุตส่าห์ย้ำเป็นอย่างดี สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น
“ด่าฉันว่าแก่เลยไหม” คนขี้ลืมได้แต่กรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย แค่เดินซื้อของท่ามกลางแดดร้อนจัด ถือของพะรุงพะรังคนเดียวก็จะตายอยู่แล้ว นึกว่ากลับมาจะได้นอนพักสบาย ที่ไหนได้ต้องมายืนทนฟังเสียงหวีดแหลมหูของแม่ผีเสื้อสมุทรประจำกรมศิลป์อีก พระพุทธเจ้าทรงไม่เมตตาเขาเลย

ศักดิ์เสียใจจรุงเบย

“เฮ้อ ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ”

“ขอโทษ ก็มันลืมจริงๆนี่หว่า ของให้ซื้อมีตั้งเยอแยะ แถมอันนั้นแกก็เขียนตัวหนังเสียเล็กกระจ้อยร่อยอย่างกับลูกมด ใครจะไปเห็นล่ะวะ”

“กลับไปซื้อมาเดี๋ยวนี้...ยังเฉยอีก อยากโดนตบก่อนใช่ไหม”

“อะไรวะ เรื่องแค่นี้เอง อ้วนแล้วยังชอบใช้กำลัง ผู้หญิงนิสัยไม่ดี”

“อ้วน? ผู้หญิงนิสัยไม่ดี? นี่แกคงอยากตายคามือฉันมากสินะ”

เปรมที่เพิ่งดินเข้ามาในห้องซ้องใหญ่ถึงกับเบิกตากว้างทันทีที่เห็นรุ่นพี่สองคนที่สนิทรองลงมาจากพี่พจ ทะเลาะกันเสียดัง มืออวบฟาดลงบนแขน หัวไหล่ กลางตัวชายร่างผอมไม่หยุดหย่อน จึงรีบวิ่งเข้ามาจับทั้งสองแยกจากกันทันที

“พี่นิด พี่ศักดิ์หยุดครับ!”

“อย่าห้ามพี่นะเปรม ถ้าเลือดที่หัวมันไม่แตก พี่จะไม่หยุด”

“พอเถอะครับ หากปู่เหนือมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่เอาได้นะครับ”

“ถอยออกไปเปรม”

“เปรมช่วยพี่ด้วย อีอ้วนมันทำร้ายร่างกายพี่ โอ้ย เจ็บโว้ย!”

“ตายเสียเถอะไอ้ศักดิ์”

ด้วยแรงกำลังของเปรมที่น้อยกว่าร่างอวบอั๋นของนิด ร่างทั้งร่างจึงซวนเซไปอยู่กลางวง มือขาวที่ง้างรอไว้อยู่ก่อนหน้ากระทบเข้าซีกแก้มซ้ายเต็มแรงจนเกิดเป็นรอยมือ เปรมรู้สึกเหมือนสูญเสียประสาทการควบคุมกล้ามเนื้อของแก้มซีกซ้ายไปทั้งแถบ

เพี๊ยะ!!

ทุกคนในห้องหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองทางกลุ่มพวกเขา นิดประคองหน้าบวมแดงอันเกิดจากฝีมือของเธอให้เงยขึ้น มองดูผลงานยอดแย่ที่ตนเองได้ทำเอาไว้ด้วยความรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม

“นิด...เอาแล้วไง”

มือฟาดหัวไหล่ผอมอีกครั้ง ก่อนจะหันมาทางน้องชายคนโปรด เตรียมเบะปากจะร้องไห้ “เปรม พี่ขอโทษ เจ็บมากไหม พี่ขอโทษนะ” หญิงสาวละล่ำละลักบอกเสียงสั่น

“ไม่เป็นไรครับพี่นิด แค่นี้เล็กน้อย” คนโดนตบกุมแก้มยิ้มรับเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องกังวลใจ พร้อมย้ำอีกรอบ “ผมไม่เป็นอะไรจริงๆนะครับ”

“เจ็บไหม ดูสิเลือดออกด้วย”

“วันสองวันก็หาย ไม่ต้องกังวลนะครับพี่” ส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่เขารู้สึกมันเหมือนมีใครเอาก้อนอิฐมากระแทกให้หน้าชาไปทั้งแถบ รสเฝื่อนของเลือดยังคงทิ้งกลิ่นคาวคลุ้งกระจายอยู่ในโพรงปาก

“แต่พี่...”

“พี่นิด ถ้าพี่พูดอีกคำเดียวผมจะโกรธพี่นิดแล้วนะ”

“เปรมอ่า....”

“ทำไมชอบหาเรื่องเจ็บตัวให้ตัวเองตลอดเลยครับเปรม”

ร่างบางหยุดชะงัก ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่แสนจะคุ้นเคยของใครคนหนึ่งดังจากทางด้านหลัง สัมผัสหนักของฝ่ามือใหญ่วางเหนือกลุ่มผมพร้อมขยี้เบาๆอย่างเอ็นดู เปรมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาขึ้นมาเฉยๆ ไม่นานภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่ามัวเพราะหยดน้ำใสบดบังการมองเห็นจนหมด....อย่าหยดตอนนี้นะน้ำตา

“เปรมครับ”

“พอดีผมจะออกไปซื้อของข้างนอก พี่นิดพี่ศักดิ์อยากได้อะไรไหมครับ” รีบยกมือปัดน้ำตาเอ่ยถามรุ่นพี่สาวน้ำเสียงสดใส ขัดกับดวงตาหมองหม่น

“เอ่อ...” นิดลอบมองรุ่นน้องสลับกับอสุเรนทร์ไปมาไม่กล้าตอบ

“ฝากซื้อของตามลิสต์นี้ที่ยังไม่ได้ขีดฆ่าให้พี่ทีนะ ขอบคุณมาก”

“ไอ้ศักดิ์ หุบปากซะ” หญิงสาวส่ายหน้า ส่งสัญญาณเตือนไม่ให้พูดมากไปกว่านี้ แต่ดูเหมือนชายร่างผอมจะไม่เข้าใจนัก

“อะไรของแกวะ ก็แค่ให้ปะ...อื้อ”

นิดหัวเราะ รวบปิดปากชายหนุ่มข้างกายอย่างรวดเร็วก่อนเจ้าตัวจะพูดจบประโยค

“ไม่เป็นไรจ๊ะเปรม เดี๋ยวพี่กับศักดิ์จะไปซื้อเอง ขอบคุณมากนะ อ่า ได้เวลาพอดี เร็วเข้าศักดิ์ แกต้องไปซื้อของกับฉัน ไปซื้อของกัน”

“เดี๋ยวสิ นี่ฉันงงอยู่นะเว้ย” ศักดิ์เซไปตามแรงจูงของอีกคนโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร จะมีแต่ความมึนงงที่ประดับบนใบหน้าจนหญิงสาวร่างอวบต้องกระชากหูมากระซิบถึงเหตุผลที่ต้องเดินออกมา

‘คนเขาจะปรับความเข้าใจกัน แกจะยืนทำหาพระแสงอะไรไอ้โง่’

แล้วไอ้ศักดิ์ก็โดนด่าอีกตามเคย

“เปรม”

“สวัสดีครับคุณทศ” ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมพร้อมแสร้งระบายยิ้มสดใสให้กันคนอายุมากกว่า

“คุยกันก่อนได้ไหม”

“คุณทศมีเรื่องสำคัญมากหรือเปล่าครับ ถ้าไม่สำคัญมากนัก ผมขอติดไว้ก่อนได้ไหม...พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องไปพบครูจันทร์”

“เปรม...”

ร่างบางเตรียมก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูทางออก หากร่างสูงกลับมายืนขวางดักทาง ภาพตรงหน้าคือภาพที่เปรมไม่ได้เห็นมาตลอดสองอาทิตย์เศษ มันคือใบหน้าหล่อคร้ามคมของอสุเรนทร์ ที่แม้จะซูบเซียวลงไปผิดหูผิดตาแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

“เปรมครับ”

ใจอยากจะถอยห่าง หากวินาทีนั้นดวงตาของอสุเรนทร์คล้ายมีอำนาจบางประการแผ่ซ่านออกมาสะกดหัวใจของเขาไว้สิ้น ดุจต้องมนต์ตราอันเข้มขลังสะกดให้สรรพางค์นิ่งเฉย

มือแข็งแรงของร่างสูงค่อยยื่นสัมผัสปลายนิ้วเรียวของเปรมก่อนรั้งอีกฝ่ายเข้าหาตัวช้า...ช้า...

ไม่...ให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้

เปรมผลักร่างสูงออกและถอยห่างออกมา “ขอโทษนะครับคุณอสุเรนทร์ ผมต้องรีบไป”

“เปรม ได้โปรดฟังพี่ก่อนได้ไหม”

“ขอตัวนะครับ” ฝืนยิ้มน้อยพร้อมปัดมือของอสุเรนทร์ออกจากการกอบกุม แต่ละย่างก้าวที่ก้าวเดินห่างออกมาช่างเชื่องช้าตรงกันข้ามกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วรัวจนปวดหนึบ เสียงฝีเท้าทางด้านหลังยังคงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ เปรมจำต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม เขายังไม่พร้อมเผชิญหน้า เพราะเวลาเจอหน้าอสุเรนทร์ หรือแม้แค่ได้ยินเสียง น้ำตาก็พานจะไหลเสียทุกที ไม่ใช่เปรมโกรธเกลียดอีกคนจนไม่อยากเจอหน้า แต่เขายังทำใจยอมรับกับเรื่องนั้นไม่ได้ ต่อให้มันผ่านมาสักพักแล้วก็เถอะ

“คุณทศ”

แรงกอดจากทางด้านหลังทำให้เปรมชะงักนิ่งพลางก้มมองมือใหญ่ที่กอดเขาอยู่ น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ตั้งแต่แรกไหลลงมาไม่ขาดสาย อสุเรนทร์ก้มจูบหัวไหล่กลมมนผ่านผ้าผืนบางอย่างอ่อนโยน ปลอบประโลมหัวใจร้าวทั้งสองดวงให้คลายความเจ็บปวดและความทรมานจงหมดไป

“เปรมจ๋า...อย่าหนีห่างจากพี่อีกแล้วได้ไหม พี่คิดถึงเราจนทนไม่ไหวแล้วนะ”

“ปล่อยผมครับคุณทศ พวกพี่เขามองกันหมดแล้ว”

เปรมพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกคนด้วยแรงกำลังทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะขัดขืนสักแค่ไหนกลับพ่ายแพ้ต่อเรี่ยวแรงมหาศาลราบคาบ

“พี่ขอโทษ พี่รู้ว่าพี่ผิด แต่จะอภัยให้กันสักครั้งไม่ได้เหรอ”

“ฮึก...ฮือ...”

“เปรมจ๋า...” อสุเรนทร์กระชับอ้อมกอด กระซิบข้างหู “ให้โอกาสพี่ได้ปรับความเข้าใจกับน้องหน่อยได้ไหม” ชายร่างสูงกล่าวด้วยน้ำ เสียงสั่นเครือ วงแขนแกร่งโอบร่างแน่งน้อยเข้ามากอดเอาไว้แนบอกตน

“...”

“เปรมจ๋า...พี่รักเปรมนะ รักมากที่สุดในชีวิตของพี่”

“คุณทศ”

“พี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้น้องกลับมาหาพี่ ได้โปรดเถอะ...อภัยให้ตัวพี่คนนี้สักครั้ง”

เปรมหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง เพราะรู้ว่าหยาดน้ำใสของตนกำลังปรี่ไหลและเขาไม่ต้องการให้ใครเห็น อสุเรนทร์จับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า ยกนิ้วโป้งเกลี่ยรอยรื้นที่กำลังหยดแหมะออกจากดวงตาหวานล้ำ

“ไม่ร้องนะคนดีของพี่ น้ำตาไม่เหมาะกับน้องสักนิด”

“คุณทศ...”

“กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

“ผม...”

เปรมครับ

คิ้วเข้มของอสุเรนทร์ขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้มาใหม่ดังเข้ามาในหู คาดไม่ถึงว่าศัตรูหัวใจคนสำคัญอย่างราเมนทร์จะเข้ามาขัดขวางในเวลาที่กำลังปรับความเข้าใจกับเปรมพอดี เจ้าตัวผงกหัวทักทายอย่างเป็นมิตรก่อนส่งยิ้มอบอุ่นให้คนที่ยืนข้างกายเขา

ไม่แสดงอาการขุ่นเคือง โมโหโทสะแต่อย่างใด

แปลก...

“พี่มารับไปกินข้าวครับ เมื่อวานเราสัญญากับพี่แล้วนะว่าจะไป หรือว่าลืม... เป็นแฟนพี่ต้องไม่ขี้ลืมรู้ไหม” เสมือนหัวใจตนตกลงสู่หล่มเหวลึกล้ำคล้ายไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่ในความคิดอีกเลย นอกเสียจากประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายเน้นบอกเมื่อครู่

“เปรม” เอ่ยเสียงเบาโหวง

ไม่จริงใช่ไหม

“ได้โปรดปล่อยผมเถอะครับคุณทศ พี่รามเขารอผมอยู่

พี่รามเขารอผมอยู่ คำนี้ยังคงดังก้องในหัวอสุเรนทร์เหมือนเครื่องอัดเสียงที่เปิดทิ้งไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหมือนมีใครเอาเข็มแหลมๆนับหมื่นเล่มมาทิ่มแทงลงบนก้อนเนื้อที่มีขนาดเท่ากำปั้น แขนทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงและตกลงตามแรงโน้มถ่วง อสุเรนทร์ถอยห่างทีละก้าว...ทีละก้าว เสียงหัวเราะเบาๆเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

ร้องไห้กับเรื่องเดิม เพราะคนเดิมๆ

เข้าใจแล้ว..


“ขอโทษที่มารบกวนนะเปรม”







ฮือ :sad4: :sad4: :o12: :o12: :o12:  เพลงนี้ขึ้นมาเลย ไปเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อด๋ายยย~~~~~~~~
เหตุใดเป็นเช่นนี้เล่า พี่ทศหนาพี่ทศ  :angry2: :serius2:
เอาเปนว่าคอมเม้นให้กำลังใจกันเนอะ ใครจะด่าว่าพี่ทศก็ได้ เราเปิดทางให้ 5555
เราพึ่งจะว่างลงก็ตอนนี้แหละ
ขอให้อ่านอย่างมีฟามฉุก แล้วเจอกันใหม่เด้อค่าาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เอ๊า ตกลงนี่เป็นนางสีดาหรือนางวันทองคะ แล้วคุณทศนี่จะแพ้ทุกชาติเลยเหรอคะ 55555555 ถ้าจะขนาดนี้แล้วพี่ไปเกิดใหม่เถอะค่ะ

ออฟไลน์ ก๊าบก๊าบ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อเถอะครับบบบบบบ สงสารพี่ทศ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เข้าใจแล้ว.. //เข้าใจแล้วก็ปล่อยให้เขาไปด้วยกันเลยเถอะ เมินนนนนนใส่เปรมไปเล้ยยยยย ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า คิดถึงก็ต้องทนไว้ เชิญเปรมไปกับพระรามเลย ตัวอยู่กับอีกคนแต่ใจพะวงหาอีกคน เอาซี้ความอึดอัดใจนี้ ทำตัวเองนะสีดา อิอิ อินนนค่ะอินเข้าถึงบท 555555 //ถ้าไม่ปล้ำก็ไม่รู้จะได้กินเมื่อไหร่อ่ะนะ นางก็แหม่ะ~~~ปล้ำนั่นละดีแล้ว #ทีมทศ 55555 //เหี้ยยยยยสนุกกกมากๆค่ะ 8 ตอนรวด ตอนนี้ติดงอมแงม มันดีมากอ่ะ ไทยๆมีกลอน ตอนแรกก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องนี้หรอก จนต้องไปกูเกิ้ลอ่านเพิ่มเติม เรื่องราวมันเป็นไงกันแน่ว่ะ 555555 ชอบบบบบค่ะชอบบบบบ มาต่อๆรออยู่ค่ะ อยากให้ทศเมินนนจริ๊งจริง มาง้อแล้ว แต่แบบ เห๊อะ เป็นแฟน แสรดดดดดด!!! 55555

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารพราทศของเค้า ฮื้ออออออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ทำเอาสุไม่รู้จะเม้นอะไรเลยทีเดียวค่ะ ...

อยากเดินเข้าไปกอดคุณทศ หนูอินคะ มากอดพระบิดาหน่อยเถอะ
หัวใจพญายักษ์กำลังแตกสลาย สุทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ตาม ...

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
สงสารพี่ทศ  พี่ทศ  ของๆเรายังไงมันก้ต้องเป้นของเราพี่  สู้นะอย่ายอม

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือว่าไปเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนไหน สามวันจากเปรมเป็นอื่น เหอะๆไปเถอะ

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๙
[/size]




“ท่านพี่จักยอมปล่อยให้มันเป็นเยี่ยงนี้ฤา”

ชินกฤตเอ่ยถามหลังจากคนเป็นพี่ชายขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย เขายอมลงทุนหนีงานเอกสารต่างๆมาเพื่อรับอสุเรนทร์กลับไปเยียวยาหัวใจที่บ้านโดยเฉพาะ ใบหน้าคมเชิดสูง นิ้วโป้งยกปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าตนเองลวกๆ ดวงตาที่เคยทอแสงหม่นกลับประกายแข็งกร้าว เบือนมองคนสองคนที่เดินออกมาพร้อมกัน มือที่เขาเคยจับ เอวที่เขาเคยประคอง บัดนี้กลับเป็นชายอื่นที่ได้สัมผัสมัน แล้วไหนจะรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ร่างบางมอบให้กับมันผู้นั้น เขาแทบกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่


รักมาก ก็เจ็บมาก...



ครึ่งหนึ่งหลงเหลือในอกนี้
สั่นชีวีเสียสะเทือนสะท้าน
ซ้ำโซ่ตรวนพันธนาการ
ทรมานปานทาสจะขาดใจ


หมายทะนุถนอมน้องไว้กะอก
กลับตกในมือของเขาอื่น
แสนเจ็บแสนปวดปูนปืน
พิษมาเสียบเสียววิญญาณ

-อนิจจา อังคาร กัลยาณพงศ์-


สามวันจากนารีเป็นอื่น...ดูท่าจะใช้ได้กับเขาในตอนนี้จริงๆ


“แล้วท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นเยี่ยงไรเล่า ข้าก็เป็นเช่นนั้น”

“ปัดโธ่ ท่านพี่ทศ...”

“เจ้าเคยรักใครแล้วโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตาบ้างฤาไม่”

“เหตุใดท่านพี่...” ชินกฤตขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“นั่นคือสิ่งที่ข้าใคร่บอกเจ้า” อสุเรนทร์สูดลมหายใจลึก “เพราะข้าทนมิได้ที่จักเห็นพ่อเปรมเดินเคียงข้างไปกับชายอื่นที่มิใช่ข้า แลข้ายิ่งทนมิได้หากคนผู้นั้นคือเจ้าราเมนทร์”

ไฟที่เกิดจากภายนอก แม้นว่าจะร้อน แต่ก็สามารถดับลงได้ง่ายเพียงอาศัยน้ำรินรด หากไฟในใจนั้น...ยิ่งเพลิงแห่งโทสะลุกโหมกระหน่ำสักเท่าใด ยิ่งยากจะดับลงเท่านั้น

“ไหนท่านพี่บอกว่าจักเชื่อมั่นในความรักที่มีต่อพ่อเปรม”

“เชื่อมั่น” อสุเรนทร์เค้นเสียงหัวเราะในลำคอ “ข้ายังคงเชื่อมั่นในความรักของตนเอง แต่ข้ามิเชื่อมั่นใจหัวใจของพ่อเปรม ในเมื่อข้าลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขากลับมา ให้ทั้งความรักแลความจริงใจ แต่สิ่งที่ข้าได้รับคือกระไร...พ่อเปรมเลือกที่จักทอดทิ้งข้าไปหามัน”

“...”

“ข้าเหนื่อยชินกฤต...เหนื่อยใจเหลือเกิน”

“อย่าเพิ่งตัดความหวังตนเองสิขอรับ พ่อเปรมยังมีใจต่อ...”

“หากมีใจต่อข้าใยถึงทำเช่นนั้น เหตุไฉนจึงปฏิเสธคำอ้อนวอนจากข้าเล่า เขาเห็นข้าเป็นตัวกระไร ตัวสำรองที่รอคอยตัวพระกลับคืนสู่อกตนกระนั้นฤา” พี่ไม่เข้าใจกับความคิดของนวลเจ้าสักนิด

“ใจเย็นเสียหน่อยเถิด”

ความเงียบย่างกรายเข้ามาเยือนคนทั้งสองเนิ่นนาน จะมีบ้างก็คือเสียงทอดถอนหายใจของอสุเรนทร์ที่ดังเป็นระยะๆนานเท่านาน สายตาคมเข้มมองทอดออกไปนอกรถอย่างเลื่อนลอย

“ฤาข้าควรตัดใจ”

“หากท่านคิดเช่นนั้น ข้าจักมิยื่นมือช่วยเหลือท่านอีก”

“...”

“คิดจักรัก ท่านต้องพร้อมที่จักรับความเจ็บปวด เสียใจวันนี้ดีกว่าบอบช้ำเพราะรักที่มากล้นในวันหน้า”

อสุเรนทร์หาได้ตอบกลับในสิ่งที่คนเป็นน้องชายเอ่ย เปลือกตาสีเข้มปิดลงด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังเข้ามา

“อย่ายอมแพ้เพียงเพราะเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่ายอมแพ้เมื่อได้ยินคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค ข้าอยากให้ท่านลองดูอีกสักหน หากครานี้พ่อเปรมยังยึดมั่นในคำตอบเดิม ข้าจักยอมเป็นคนที่ตายแทนท่านเอง”

“พิเภก เจ้า...” อสุเรนทร์เผลอเรียกน้องชายด้วยนามเดิม ชินกฤตฉีกยิ้มน้อยโชว์ลักยิ้มที่บุ๋มลึกเข้าไปด้านในข้างแก้มพลางตบบ่ากว้างเป็นเชิงให้กำลังใจ เขาเคยทำให้อสุเรนทร์โกรธจนต้องตัดพี่ตัดน้องเพราะเลือกเข้าข้างฝ่ายพระราม มาคราวนี้เขาก็ขอทำหน้าที่น้องที่ดีโดยการใช้ความสามารถที่พึงมีตั้งแต่เกิดช่วยเหลือพี่ชายให้ถึงที่สุด แม้นต้องขัดแย้งต่อโองการสวรรค์เพราะเปลี่ยนชะตากรรมของคนสองคนที่ลิขิตไว้ เขาก็จะทำ

ชินกฤตไม่เคยนึกคิดมาก่อนว่าราเมนทร์...พระรามในอดีต คนที่เขาเคยเคารพยกย่องในความดีงามและยุติธรรมจะเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้ได้ ตัวพระยังกลับกลายเป็นคนชั่ว...ความรักหนอความรักเจ้าทำให้คนเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังได้ขนาดนี้เชียวหรือ น่าเสียดาย...ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

เจ้าอิน

‘ว่ายังไงครับอากฤต โย่ว พระบิดา’

รณพักตร์ที่ถือสายฟังบทสนทนาอยู่ก่อนหน้านานเป็นสิบนาทีเอ่ยทักเสียงสดใส ชินกฤตยักไหล่ให้พี่ชายที่ยกคิ้วมองเขาอย่างเคืองๆ

“ไปบอกเจ้าอินทำไม”

‘คนอุตส่าห์จะช่วย ชิ ไม่อยากได้พ่อเปรมกลับคืนสู่อ้อมอกในเร็ววันหรือไง’

“...”

‘ฮั่นแน่ ไม่ตอบ...แสดงว่าอยากได้เขาคืนมาสินะ’

“เจ้าอิน”

‘อย่าดุลูกขอร้อง’

อสุเรนทร์ถอนหายใจ เหนื่อยใจเพราะเรื่องรัก ยังต้องมาเหนื่อยใจเพราะลูกอีกเหรอ จำต้องนั่งเงียบปล่อยให้สองอาหลายคุยกัน

“ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมเจ้าอิน” ชินกฤตถาม

‘โอ้ย อย่าให้พูดครับ ฟังจนวางแพลนเอาคืนได้หลายข้อแล้วเนี่ย’


“หึ ดีมากหลานรัก คนฉลาด (แกมโกง) อย่างเจ้า รู้ใช่ไหมต้องทำอย่างไร”

‘เรื่องชั่วๆ เอ้ย เรื่องสนุกขอให้บอกอิน เดี๋ยวอินจัดให้’

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักจากรากษสผู้จิตใจดี รักความถูกต้องปรากฏบนใบหน้าได้เห็นกันโต้งๆ ในที่สุดอสุเรนทร์ก็ได้เห็นมุมนี้ของน้องชายบ้าง

ในเมื่อชนะด้วยความยุติธรรมไม่ได้ ก็คงต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมวัดกันดูสักตั้ง



-ร้านอาหาร-


“ไม่อร่อยหรือครับ”

ราเมนทร์เอ่ยถามหลังจากเฝ้าสังเกตพฤติกรรมฝ่ายตรงข้ามมาได้สักพัก เปรมเอาแต่เขี่ยอาหารในจานมากกว่าตักเข้าปากราวกับมันไม่น่ารับประทานเสียอย่างนั้น

“อร่อยครับ แต่ผมทานไม่ลงสักเท่าไหร่”

“เจ็บแผลตรงแก้มใช่ไหม...ดูสิเป็นรอยแดงเชียว”

มือใหญ่เอื้อมออกไปหวังจะแตะบนเนื้อแก้มนวล หากทว่าร่างบางกลับเบี่ยงหน้าหลบ ก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานเหมือนเดิม ราเมนทร์ได้แต่ยิ้ม ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบแก้เก้อ

“ชอบหาเรื่องเจ็บตัวอยู่เรื่อย คราวหน้าคราวหลังก็อย่าเอาหน้าไปรับมือใครอีกล่ะ”

“ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย” มีใครอยากโดนตบจนเลือดกบปากบ้างล่ะ คิดๆดูก็สงสารพี่ศักดิ์ไม่น้อย ที่ต้องทนรับไม้รับมือกับผู้หญิงฮาร์ดคอร์อย่างพี่นิด มือตบอันดับหนึ่งของคณะกรมศิลป์ ถ้าสองคนนี้ทะเลาะกันอีก เขาสัญญาว่าจะไม่ขอเข้าไปก้าวก่ายอีก เข็ดไปจนตาย

“อยากทานอะไรเพิ่มไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมอิ่มแล้ว”

“แล้วอยากไปเที่ยวไหนไหม วันนี้พี่ว่าง”

“อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”

“แต่พี่เต็มใจ สำหรับเปรมพี่ยินดีและเต็มใจทุกอย่าง”

“ไว้วันหลังนะครับ เปรมอยากกลับบ้าน”

ราเมนทร์เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ปฏิเสธความหวังดีของเขาตลอด เขาค่อนข้างอิจฉาอสุเรนทร์ และยังคงจะอิจฉาอยู่ถ้าเปรมเอาแต่คิดถึงเรื่องของมัน แม้จะปฏิเสธออกมาว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลย แต่สายตาอาลัยอาวรณ์เวลามองไปยังเจ้ายักษ์ชั้นต่ำมันก็เป็นตัวบอกได้อย่างดี ว่าเปรมเริ่มมีใจให้กับมันเสียแล้ว

อสุเรนทร์ได้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ทำ เปรมไม่เคยแสดงอาการขวยเขิน ไม่เคยแม้กระทั่งรับความรู้สึกดีๆที่เขามอบให้สักนิดเดียว 

ได้แค่ตัว แต่ไม่ได้ใจ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“เรื่องเมื่อกี้ พี่ต้องขอโทษเราด้วยนะที่ต้องพูดแบบนั้น”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

“เรื่องเป็นแฟนเปรมไง”

“อ่า...ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมเองต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ราม” ถ้าหากมาช้าอีกแม้แต่นิดเดียว เขาก็คงใจอ่อนยอมคืนดีกับอสุเรนทร์ไปเสียแล้ว

“ไม่กลัวหมอนั่นเข้าใจผิดหรือไง”

“ทำไมต้องกลัวเขาเข้าใจผิดด้วยล่ะครับ ในเมื่อผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“งั้นพี่ก็ยังมีสิทธิ์” ตวัดมองหน้าหวานแล้วอมยิ้มน้อย “ใช่ไหม”

“พี่ราม ผมไม่เล่นด้วยนะครับ”

“แล้วใครบอกว่าพี่เล่นล่ะ พี่พูดจริง”

คราวนี้เป็นเปรมเองที่นิ่งอึ้ง ปรายตามองคนเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วยความไม่เข้าใจ ด้วยฤทธิ์ไวน์ที่ราเมนทร์ดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้ ทำให้เขากล้าแสดงความรู้สึกในใจออกมาอย่างไม่เคอะเขิน ทว่ามันมากเกินจนเปรมอึดอัด

“เราก็รู้ว่าพี่ไม่เคยล้อเล่น เปรมคงไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าพี่ชอบเปรมหรอกใช่ไหม”

“เพราะผมพอจะรู้ ผมถึงไม่อยากให้พี่พูด”

“พอจะรู้ นี่พี่ยังแสดงออกไม่พออีกเหรอว่าชอบเปรมมากขนาดไหน”

“...”


“คุณคะ ใจเย็นก่อนนะคะ”

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

“คุณคะ”

“โอ้ย อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม หงุดหงิดแล้วนะ!!!”

เสียงเอะอะโวยวายของลูกค้าคนหนึ่งดังหวีดแหลมตั้งแต่หน้าประตูจนกระทั่งเข้ามาเหยียบในร้าน ทำให้เปรมใช้โอกาสนี้หลบสายตามุ่งมาด เบือนมองหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังกวาดสายตาเกรี้ยวกราดมองไปทั่วร้าน ก่อนจะหยุดตรงโต๊ะที่เปรมกับราเมนทร์นั่ง เธอเชิดหน้าสูงขึ้นกว่าเดิม เดินตรงปรี่มาทางเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนมือเรียวสวยคว้าแก้วน้ำที่รินน้ำจนเต็ม สาดใส่ไปทั่วทั้งหน้าราเมนทร์ด้วยความโกรธ มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง หยดน้ำไหลรินลงบนเสื้อยืดสีขาวจนเปียกชื้น

เปรมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“คุณเป็นใคร”

“ยังมีหน้ามาถาม ฉันก็เป็นผู้หญิงที่ถูกคนชั่วอย่างคุณทอดทิ้งยังไงล่ะ” นัยน์ตาคู่สวยช้ำด้วยรอยน้ำตาจนแดงก่ำ เปรมลอบมองหน้าหญิงสาวสลับกับชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณมันก็เลว ทำฉันท้องแล้วไม่รับผิดชอบ คุณเห็นฉันเป็นอะไร นางบำเรอเหรอ!”

“เปรม ออกไปรอพี่ที่รถนะ น้องครับเคลียร์บิลด้วย”

“พูดเถียงไม่ได้ก็หนีปัญหา คุณนี่มันขี้ขลาดเสียจริง”

“เดี๋ยวก่อนนะครับคุณผู้หญิง เราไม่เคยรู้จักกันมากก่อน แม้แต่หน้าคุณผมยังไม่เคยเห็น คุณจะมาบอกว่าท้องกับผมได้ยังไง” ราเมนทร์ตอบกลับไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่อย่างใด

“ถ้าไม่รู้จักแล้วฉันจะยืนด่าคุณให้อับอายเป็นขี้ปากชาวบ้านเพื่ออะไร บอกตามตรงฉันทนให้คุณข่มขู่มามากพอแล้ว ฮึก...ฉันไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว”

“นี่คุณ...”

“ไม่คิดเลยคุณจะเป็นคนอย่างนี้ ตอนอยากได้ฉันก็ป้อนคำรักจนฉันหลงนึกเชื่อใจ แต่พอไม่ต้องการคุณกลับเย็นชาใส่ ฉัน...ฮึกๆ ก็เจ็บเป็นนะ”

“!!”

“ทุกคนคะ ช่วยเป็นพยานให้ฉันกับลูกด้วยนะคะ ผู้ชายคนนี้ทำฉันท้องแล้วไม่ยอมรับ ฮึก...เขาบอกให้ฉันไปทำแท้ง แต่พอฉันไม่ยอมเอาเด็กออกเขาก็พยายามขู่เข็ญให้ฉันไปทำแท้งให้ได้ แถมยังเอาเงินมาฟาดหัว บอกให้ฉันออกไปจากชีวิตเขาอีก ฉันผิดมากเลยใช่ไหมที่รักคนเลวพรรณนี้”

“โหย หน้าตาก็ออกจะดี แต่ทำไมจิตใจต่ำแบบนี้นะ”

“นั่นมันคุณราม เจ้าของจิวเวอร์รี่ร้านที่แม่เธอชอบไปอุดหนุนหรือเปล่าแพรว”

“น่าจะใช่นะฟ้า เฮ้อ หน้าตาก็ดีไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย”

“แบบนี้ต้องแชร์ ผู้ชายเลวๆต้องโดนสังคมประนาม”



ผู้คนพากันหันมองพร้อมกับซุบซิบนินทาชายหนุ่มผู้เป็นประเด็นทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบอย่างออกรสออกชาติ ราเมนทร์ที่ตกเป็นเป้าจำเลยของสังคมถึงกับทำอะไรไม่ถูก อยากจะขอความช่วยเหลือจากอีกคน ทว่าสายตาผิดหวังที่ส่งตรงมานั้นเขาจำต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงเสีย

เปรมกำลังเข้าใจเขาผิด...

“เด็กทุกคนต้องการเกิดมาบนโลก อย่าให้เขาต้องจบชีวิตเพราะคำว่าไม่ต้องการของพ่อแม่เลยนะครับ”

“มันไม่ใช่อย่างที่เปรมคิดนะ!” ราเมนทร์ร้องเสียงหลง

“อย่าร้องไห้เลยครับคุณ ในสายตาของผมพี่รามเขาก็เป็นคนดีพอสมควร ผมเชื่อเขาจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำลงไปอย่างแน่นอน”

หญิงสาวถึงกับเม้มปากโดยที่ใบหน้ายังคงมีน้ำตาไหลอยู่ไม่ขาดสาย ก่อนเอื้อมมือไปจับมือบางของเปรมและบีบเบาๆ แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมาก ทว่าเธอกลับรับรู้ถึงจิตใจอันดีงานของอีกฝ่าย

“ขอบคุณมากนะคะน้อง พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

“ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ผมอยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าปรับความเข้าใจกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่มีวันจบเสียที...”

ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่ส่งผลกับตนเองโดยตรง นึกแล้วรังแต่จะสมเพสในความงี่เง่าของตัวเอง เปรมไม่เคยรับฟังคำพูดของอสุเรนทร์ เอาแต่หนีปัญหาปล่อยให้เรื่องทุกอย่างคาราคาซังอยู่อย่างนั้น

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ เพราะน้องพี่ถึงคิดได้”

และเปรมเองก็คิดได้เช่นกัน

“คุยกันดีๆนะครับ ผมเอาใจช่วย พี่ราม...ขอบคุณสำหรับอาหาร ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เปรม เดี๋ยวสิครับ เปรม!”

ราเมนทร์หน้าหงิกลุกขึ้นยืน เตรียมเดิมตามร่างบางออกไป หากทว่ากลับถูกผู้หญิงแปลกหน้าที่อ้างว่าท้องกับเขาฉุดข้อมือไว้เสียก่อน

“จะรีบไปไหนคะ เรายังคุยไม่รู้เรื่องเลย”

“นี่ คุณผู้หญิง ผมไปทำคุณท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงผมจะแอบมีวันไนท์สแตนด์กับผู้หญิงมาบ้าง แต่ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรให้มองอย่างคุณ อย่าว่าแต่ลากขึ้นเตียง เดินผ่านหน้ารถผมก็กลัวแล้ว”

“กรี๊ด อีตาบ้า กล้าว่าฉันไม่สวยเรอะ!”

“จะจับผู้ชาย ไปคิดแผนเสียใหม่”

 เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของราเมนทร์ดังขึ้น เขาจึงรีบหยิบจากกระเป๋าเสื้อ ก้มลงเลื่อนสัมผัสหน้าจอกดรับสายเรียกเข้าที่ไม่ต้องดูเบอร์ก็พอจะรู้ว่าเป็นใครโทรมา

“ว่ายังไงกบินทร์...หมายความว่าไง...เสียหายเท่าไหร่ รออยู่ที่นั่นก่อน ฉันจะรีบไป” รีบตัดบทสนทนา เลือกที่จะเดินออกจากร้านอาหารพร้อมกับแบงก์พันหนึ่งใบวางไว้บนโต๊ะ

หญิงสาวที่เพิ่งโดนคู่กรณีกระแทกไหล่เดินออกไปถึงกับยกยิ้มชอบใจ ปาดคราบน้ำตาบนใบหน้า สวมแว่นกันแดดแบรนด์หรูเดินหลบสายตาผู้คนไปยังห้องน้ำ ซึ่งมีชายหนุ่มร่างเล็กยืนรออยู่

“เงินของเธอฉันโอนให้แล้ว ส่วนนี่...ทิปพิเศษ”

หญิงสาวตาลุกวาว รีบคว้ากระเป๋าหนังจากแบรนด์ดังคอลเลกชันล่าสุดที่มีแค่ห้าใบในโลกมากอดแนบอกทันที เรื่องแสดงตบตาคนขอให้บอก เธอแสดงเนียนได้ยิ่งกว่านักแสดงชื่อดังบางคนเสียอีก

รณพักตร์ปรายตามองร่างสูง ศัตรูคู่อาฆาตของพระบิดาบึ่งรถจากไปจนสุดสายตา มือก็หมุนไขควงเล่นไปมา

“โชคดีกับการขับรถนะครับคุณราเมนทร์”



ตู้ม!

เสียงบางอย่างระเบิดติดต่อกันสี่ครั้งพร้อมกับแรงกระตุกของเครื่องยนต์สองสามครั้ง ราเมนทร์จำต้องหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางกะทันหัน ควันสีขาวส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งพวยพุ่งทันทีที่เปิดกระโปรงหน้ารถดู คิ้วกระตุกด้วยความหงุดหงิด

แบตเตอรี่รถยนต์หมด...อะไหล่ชำรุด ล้อรถโดนเจาะจนแบนราบกับพื้นทั้งสี่ล้อ

อะไรจะบังเอิญซวยพร้อมกันได้ ถ้าไม่ใช่ฝีมือเจ้าหมาบ้าสักตัวหนึ่ง...

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”




ต่อด้านล่างเช่นเดิม อิอิ

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :impress2:




แสงนวลแห่งจันทราลูบไล้ปฐพี ความมลังเมลืองทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเศร้าซึม บนระเบียงห้องร่างเพรียวบางยืนหยัด หลับตารับสายลมที่พัดโบกโชยชายส่งกลิ่นหอมคลุ้งของดอกไม้กลางคืน ความเงียบงันมาเยือนชั่วขณะ ไม่มีสรรพสำเนียงใดๆแม้แต่เสียงกรีดปีกร่ำร้องของแมลงกลางคืน

“เปรมจ๊ะ” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าของชื่อตื่นจากภวังค์ความคิด หันไปมองคนเป็นแม่ที่เดินถือถาดขนมแล้วยังมีนมอุ่นแก้วใหญ่และน้ำเปล่าอีกแก้ว วางลงบนโต๊ะไม้ถัดจากชายหนุ่มไม่ไกลมากนัก มือที่มีริ้วรอยจากกาลเวลาสัมผัสไหล่เล็กแผ่วเบา ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกแม่ได้นะ”

“...”

“รู้ไหม สองอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกคนเป็นห่วงเปรมแค่ไหน ยิ่งคุณตาคุณยายลูกก็เอาแต่ถามแม่ตลอดว่าหลานชายมีเรื่องไม่สบายใจตรงไหนหรือเปล่า สีหน้าไม่สดใสร่าเริงเหมือนเคย”

“เปรมขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

“ไม่มีพ่อแม่คนไหนสบายใจหรอกที่เห็นลูกชายตัวเองเป็นแบบนี้ บางทีการเล่าให้คนอื่นฟังบ้างก็ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวนะลูก”

เปรมเงียบงัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอึดอัดใจกับความจริงที่บังเกิดอยู่ในจิตใจตน โดยปกติเปรมจะไม่มีความลับกับคนเป็นแม่ หรือคนในครอบครัว เพราะตลอดมาเขาถือว่า แม่ คือทุกสิ่งในชีวิต เป็นทั้งผู้เลี้ยงดู สั่งสอนและเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากมาโดยตลอด

เรียวแขนตวัดโอบกอดผู้เป็นแม่ ก้มหน้าซบกับบ่าบาง หยาดน้ำใสปรี่ไหลรวยรินด้วยความรันทดสลดใจ ปล่อยความคิดความรู้สึกให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เนิ่นนานในความคิดกับเวลาที่ผ่าน ก่อนกล่าววาจากับมารดา

“ถ้ามีคนทำผิดต่อเปรม แม่ว่าเปรมควรให้อภัยเขาหรือเปล่า”

“เขาทำผิดมากหรือเปล่า”

“เขา...เปรมไม่รู้”

“แล้วใจเปรมอยากอภัยให้เขาคนนั้นหรือเปล่าล่ะจ๊ะ”

ร่างบางนิ่งเงียบ ดังนั้นดวงดาวจึงกล่าวต่อ...

บางทีคนเราทำอะไรไปก็ไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูกจนกระทั่งทำลงไปแล้ว แล้วสิ่งที่ทำไปก็กลับมาแก้ไขไม่ได้ นอกเสียจากต้องใช้สิ่งอื่นที่ดีกว่าทดแทน

เมฆหนาเคลื่อนคล้อยเข้าบดบังดวงแก้วแห่งรัตติกาล ทำให้ความสว่างมลังเมลืองหม่นลง...ภาพของอสุเรนทร์ปรากฏขึ้นกลางใจ เปรมย่อมรู้จักตัวเอง รู้ความคิดของตน เพียงแต่จนใจที่จะอธิบายให้ใครรู้ ใครเข้าใจ มันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดถ้าเขาจะเปิดใจยอมรับ แต่เขาทำใจไม่ได้จริงๆ เหมือนทิฐิบางอย่างค้ำคอของเอาไว้ และเขายังไม่สามารถลบมันออกไปได้

“เพราะคุณอสุเรนทร์ใช่ไหม”

ดวงดาวปล่อยให้ลูกชายร้องสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น มือหนึ่งตบหลังเบาๆ อีกมือก็คอยลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างปลอบโยน คงอัดอั้นมานานแล้วสินะถึงได้ร้องแทบขาดใจเช่นนี้ เปรมเป็นเด็กที่ชอบคิดมากและเก็บมาคิดกังวลคนเดียวจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งๆที่ปัญญามันตอนต้นมันเล็กแค่เสี้ยว

“รักต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน”

“ผมไม่ได้รักเขา”

“แต่ก็มีใจให้...ใช่หรือเปล่า”

เปรมเถียงไม่ออก เพราะมันคือความจริง

“เปรมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้นกับเปรม” เสียงของร่างบางสั่นพร่า

สัมผัสร้อนและการกระทำแสนหยาบโลนยังคงติดตรึงฝังลึกอยู่ในใจราวกับเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เขาคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางไหน ระหว่างเลือกที่จะให้อภัย หรือยุติเรื่องราวทั้งหมดไว้เพียงแค่นี้

“เปรมกลัวใช่ไหม”

“...”

“ลูกไม่อยากให้อภัยเขาคนนั้น เพราะกลัวถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง อวัยวะตรงนี้...” ทาบมือลงไปบนตำแหน่งหัวใจดวงน้อยพอดิบพอดี “คงต้องบอบช้ำมากกว่าเดิม”

แม่พูดถูก เขากลัว

“ความรักให้ทั้งความสุขและความทุกข์ เปรมต้องเลือกว่าอยากจะทุกข์ต่อไปหรือยากเริ่มต้นใหม่แล้วมีแต่ความสุข”

“แม่...”

ริมฝีปากบางดุจกลีบดอกไม้งามเม้มสนิทจนไร้สีเลือด มองหน้าคนเป็นแม่อย่างชั่งใจ

“เท่าที่แม่สังเกตมาตลอด คุณอสุเรนทร์ก็รักลูกไม่ใช่น้อย แม่อยากให้ลองเปิดใจให้กว้าง มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อย่าให้ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวเป็นตัวปิดกั้นความสุขของพวกลูกทั้งสองเลย” ยกมือยีหัวลูกชายอย่างเอ็นดู

“เปมทัต แปลว่าผู้ให้ความรัก เพราะฉะนั้นมันสมควรแก่เวลาแล้ว ที่ลูกจะให้ความรักตอบแทนใครสักคนบ้าง”



การแสดงละครโขนรอบปฐมทัศน์จัดขึ้นได้อย่างยิ่งใหญ่สมหน้าสมตากรมศิลปากรประจำชาติและบริษัท RAVANA ที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในแวดวงสังคมทั้งในและนอกประเทศ

ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายฐานะต่างทยอยกันเข้ามาจับจองพื้นที่ในการนั่งดูการแสดงกันอย่างคับคั่ง มีบ้างที่ยิ้มทักทายคุยกันอย่างออกอรรถรสระหว่างรอการแสดงที่จะเริ่มอีกไม่กี่สิบนาทีข้างหน้า

อสุเรนทร์เดินทางมาร่วมงานในฐานะเจ้าภาพร่วมพร้อมกับรณพักตร์และชินกฤต เขาอยู่ในชุดดูดีสีดำ เนกไทสีเดียวกัน สีหน้าชายหนุ่มในวันนี้ดูดีกว่าทุกวัน ดวงตาคมคายกวาดมองให้ช่างภาพสื่อมวลชนรัวเก็บภาพ คาดไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยรูป ดูเหมือนการปรากฏตัวของเขาจะสร้างความอลหม่านในงานได้เป็นอย่างดี

นักธุรกิจหนุ่มที่มีพร้อมทุกอย่าง หล่อ ดูดี มีชาติตระกูล ร่ำรวย ใครจะไม่อยากตีสนิทชิดเชื้อบ้าง

“ขอบคุณที่เชิญฉันมาร่วมงานในครั้งนี้ ฉันชอบมันมากเลย”

หญิงสาวตาน้ำข้าวเมืองผู้ดีอังกฤษทำตาโตลุกวาว มองโดยรอบด้วยความตื่นเต้น เพราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในงานเธอสัมผัสได้ถึงความน่าอัศจรรย์ใจ เหมือนได้ก้าวมาสู่อีกโลกหนึ่ง ทั้งสองฝากฝั่งของลานพระราชวังดุสิตตกแต่งด้วยโคมไฟสีเหลืองนวล ดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เสียงซออู้บรรเลงคลอไปพร้อมกับเสียงร้องหวานใส ชวนให้คนฟังอิ่มเอม รู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นไทยที่แผ่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า หล่อนไม่เคยเห็นงานใดจัดตกแต่งสวยงามและจรรโลงใจได้เท่างานนี้อีกแล้ว

“ผมรู้ว่ามิสซิสเรเชลต้องชอบ ถึงได้ลงทุนจัดงานนี้เป็นพิเศษยังไงล่ะครับ” อสุเรนทร์ตอบอย่างเอาอกเอาใจแขกกิตติมศักดิ์คนพิเศษ

“โอ้ว ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นคนพิเศษสำหรับคุณเอามากๆ”

“ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้นก็ถูกแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับด้วยท่าทางสบายๆตามนิสัยตัวเอง

“หวังว่าฉันคงมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทของคุณโทส (ทศ) บ้างนะคะ”

“เราคงมีโอกาสร่วมงานกันแน่นอน”

“ฉันจะรอคอยการติดต่อจากคุณ”

เมื่อทีมงานพาแขกผู้ดีเมืองอังกฤษจากไปแล้ว อสุเรนทร์ถึงกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ยกมือเสยผมที่ปรกหน้าไปทางด้านหลัง ไม่ใช่เพราะเบื่อหน่ายกับการต้อนรับแขกหลายร้อยหลายพันชีวิต หรือการใส่หน้ากากเข้าหาเหล่าไฮโซคนดัง เขาแค่คิดถึงเปรม อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง...พ่อยอดดวงใจที่ตั้งแต่มางานก็ได้แต่ชะเง้อมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เข้าไปทักก็ไม่ได้เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะเร่งรีบเอาเสียมาก

นี่สินะที่เขาเรียกห่างเพียงเอื้อมมือ แต่เหมือนอยู่ไกลแสนไกล

“ไม่อยากไปเจอเขาหน่อยเหรอครับ” อสุเรนทร์ทำท่าลังเล หากร่างเล็กกลับคะยั้นคะยอต่อ “โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนะ”

“เขาคงไม่อยากเจอพ่อหรอก”

“ทำไมคนแก่ชอบคิดเองเออเองตลอด อินไม่เข้าใจ”

“เจ้าอิน”

“นี่อุตส่าห์ยอมเป็นการ์ดยืนเคลียร์พื้นที่ให้แล้ว จะรออะไรอีกครับ รอให้พระอินทร์มาตัดริบบิ้นให้เหรอ”

“ไอ้ลูกบ้า เล่นของสูง อยากโดนตบกลับป่าหิมพานต์ใช่ไหม”

“ชะอุ้ย ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้วครับ” รณพักตร์ยกมือไหว้ปลกๆพร้อมส่งยิ้มแหย สองมือเล็กบีบนวดไปตามไหล่กว้าง

“แล้วนี่อาเจ้าไปไหนเสียล่ะ”

“คงเข้าไปรอในงานแล้วมั้งครับ”

“คุณอสุเรนทร์ ท่านครูเหนือให้มาตามไปดูการแสดงด้านในครับ” ร่างสูงพยักหน้ารับทีมงานคนหนึ่งที่เดินเข้ามาบอก สูดลมหายใจเข้า...ปล่อยลมหายใจออกยาวเหยียด และสูดเข้าไปใหม่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

“สู้ๆนะขอรับพระบิดา เดี๋ยวลูกจักจัดห้องหอ เอ้ย ห้องบรรทมให้สวยๆเพื่อเตรียมต้อนรับพระราชมารดาองค์ใหม่”

“เจ้าอิน!” ตวัดแขนรัดคอลูกชายตัวแสบ พร้อมมอบมะเหงกให้ทีหนึ่งจนคนถูกเขกหัวหน้าเบ้เพราะย่นคอหนีไม่ทัน อสุเรนทร์กวาดมองรอบด้าน เมื่อเห็นไม่มีใครสนใจตนจึงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเล็กเบาๆ

จัดในเรือนเล็กนะ

ทำเป็นเก๊ก สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม

พระบิดาโปรดวางใจ ถ้าไม่เสียตัวให้กันคืนนี้ไม่ต้องเรียกเขาว่ารณพักตร์



   ดวงไฟรอบห้องโถงใหญ่ที่จัดทำเป็นโรงละครโขนโดยเฉพาะค่อยๆหรี่แสงลง เป็นแสงสีเหลืองอ่อนนวลตา ม่านไหมสีแดงปักเลื่อมดิ้นเลื่อนเปิดออกด้านข้างช้าๆ

   เหล่าคนดูต่างพากันส่งเสียงฮือฮาดังระงม เมื่อเปิดฉากแรกด้วยท้องพระโรงกรุงลงกาของทศกัณฐ์ ท้องพระโรงสีแดงเพลิงประดับประดาไปด้วยลวดลายกนกงามวิจิตรแบบไทย ภาพของเสาค้ำลงลายมังกรแหวกว่ายท้องนภาสีมรกต รับกับบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม แสงไฟส่องลงยังบัลลังก์ต้องเป็นเงามืดทะมึนของยักษาผู้เกรียงไกร ผู้ซึ่งนั่งเชิดหน้า ผายไหล่แกร่ง หัวโขนตั้งนิ่งมั่นคง ก่อนวงปี่พาทย์จะบรรเลงท่วงทำนอง

บัลลังก์มังกรส่องประกายสีทองมลังเมลืองคล้ายกำลังลุกไหม้ระยิบระยับ ยามเมื่อพญายักษ์เริ่มขยับกาย รณพักตร์ยกนิ้วโป้งชูเพื่อบอกว่ายอดเยี่ยม รู้เสียบ้างใครเป็นผู้จัด ทศกัณฐ์พญายักษาเชียวหนา ถ้าไม่มีเขาทั้งคน คงจินตนาการสรรสร้างออกมาสวยขนาดนี้ไม่ได้หรอก

 เหล่านักแสดงนับสิบนับร้อยชีวิตต่างแสดงกันอย่างเต็มที่ ท่วงท่าและความอ่อนช้อย ความแข็งแกร่ง ดึงดูดสายตาให้ผู้คนจับจ้องและลุ้นตามอยู่ตลอดเวลา เสียงดนตรีเร่งจังหวะบรรเลงเร็วขึ้น กลองทัดดังกระหึ่มถูกตีรัวในจังหวะดุดันอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ราวกับกลองศึกสงครามยามฝ่ายรากษสและฝ่ายมนุษย์ชิงชัยกัน

และฉากที่ทำให้ผู้คนฮือฮาอีกครั้งคือฉากเปิดตัวนางสีดา แสงไฟที่ส่องลงมากระทบผิวกายผ่องผุดผาดราวไม่เคยต้องลม ฟ้า อากาศ เนื้อผ้าทอเนินธัมมังสีเหลืองทองยิ่งขับผิวขาวผ่องดันความอิ่มเอิบให้กระจ่างชัดสองตาคนมองเห็น กลิ่นหอมของดอกไม้พัดไล้มาตามสายลม หลับตาสูดดมกลิ่นหวานชื่นอย่างไม่รู้จักพอ


ซึ่งพบดวงทิพย์ปทุมมาลย์      โอภาสกลับก้านสดใส
ส่งกลิ่นหอมรื่นชื่นใจ                อำไพบานแย้มขจายจร
เห็นทั้งผอบสุวรรณรัตน์            จำรัสในห้องเกสร
ดั่งมณฑาทิพย์อรชร                จับแสงทินกรพรายพรรณ
เปิดขึ้นเห็นโฉมพระธิดา            งามยิ่งนางฟ้าในสวรรค์
นรลักษณ์พักตราวิลาวัณย์         รับขวัญแล้วอุ้มนางเทวี
จากผอบสุวรรณบรรจง             รูปทรงเท่านางในราศี
แรกปฏิสนธิเป็นนารี                      สิบหกปีจำเริญนัยนา

-ชมโฉมนางสีดา - รามเกียรติ์-



รัตติกาลผ่านพ้นมายาวนานพอสมควร หากคนสองคนยังอิงแอบแนบชิด เหลือบตามองจันทราที่ยังเว้าแหว่งบนท้องนภาราตรี
สายลมพัดโบกโบยชาย ทำให้หญิงสาวร่างบางสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บของอากาศในยามดึก หากทว่า...นางกลับไม่หนาวสักนิดเมื่ออยู่ในอ้อมกอดแกร่งของชายผู้นี้

“หนาวฤาไม่น้องพี่”

“หาไม่เจ้าค่ะ”

“แสงจันทร์คืนนี้ช่างงามตานัก แต่เมื่อเทียบกับเจ้า เจ้าช่างงามตระการตากว่าเป็นไหนๆ”

“ใยพี่ท่านจึงปากหวานเช่นนี้” หญิงสาวเอียงหน้าหลบสายตาเจ้าชู้ของพญารากษส มือหยาบกร้านแตะลงบนเอวคอดกิ่ว แล้วไล้ขึ้นลง ก้มลงใช้จมูกซุกไซ้อยู่ที่ไหล่มน ระเรื่อยมาดอมดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ซอกคอ

“พี่ทศเจ้าขา...อย่าเจ้าค่ะ”

“จ๋า” ตอบรับหากจมูกและปากยังไม่ห่างจากนวลเนื้อสาว ยิ่งดอมดมยิ่งหลงใหล

“หยุดเถิด ประเดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

“เห็นแล้วกระไร”

“น้องอาย”

ทศกัณฐ์หัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ ประคองดวงหน้าแดงระเรื่อเพราะความเขินอายให้หันมอง อดไม่ได้ที่จะมอบจุมพิตหวานล้ำให้แก่นวลนาง สีดาหลับตาพริ้มรู้สึกเสียวกระสันซ่านยามริมฝีปากหนาลากผ่านไปยังที่หนึ่งอีกที่หนึ่ง ลำคอระหงย่นลงด้วยความเจ็บแปลบเสมือนโดนของร้อนทาบทับบริเวณหลังใบหู

“ทำกระไรเจ้าคะ”

“ตีตราจอง”

ร่างสูงโปร่ง หากทุกสัดส่วนแห่งองคาพยพเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแห่งมัดกล้าม ทรงสง่าประดั่งรูปสลักมิมีสิ่งใดให้ติเตียน วงพักตร์แม้นคมเข้ม ทว่าริมฝีปากแย้มละมุน

“เจ้างามดั่งกุหลาบแรกแย้ม งามพิศยิ่งกว่ามวลกลีบผกามาศที่พานพบ พี่ขอได้ฤาไม่ หากพี่จักประทับรอยกุหลาบเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของนวลเจ้า”

“พี่ท่าน...”

“ข้ามิอยากให้ผู้ใดได้ชิดเชยเจ้า มิอยากให้นวลน้องพรากจากอกพี่ไปอีก”

ดวงเนตรประสานดวงเนตรด้วยความรักใคร่

ร่างสูงก้มศีรษะ ริมฝีปากชิดมุมกลีบกุหลาบสีสด คลอเคลียจมูกแห่งสตรีอันเป็นที่รัก เอื้อนเอ่ยเบาๆราวกับพระพายรำเพยพัด...

“หัวใจพี่ มีแต่เจ้าเพียงผู้เดียว”

“แล้วนางมณโฑ...”

“พี่ก็รัก หากมิเทียบนวลเจ้าดอก เจ้าเป็นที่หนึ่งในใจพี่” ตลอดกาล...

“น้องจักเชื่อใจพี่ท่านได้ฤาเจ้าคะ” สีดาถามเสียงเบามิแพ้กัน ซึ่งอีกฝ่ายแสร้งถอนใจ ทว่าเพียงแค่ถอนหายใจก็สามารถทำให้นางตรงเบื้องหน้าหม่นลงได้โดยพลัน

“น้องทำให้พี่ท่านโกรธฤาเจ้าคะ หากน้อง...”

“เปล่า ข้ากำลังคิดต่างหาก ว่าข้าจักอธิบายความรู้สึกรักในหัวใจที่มากมายเกินมากมายเกินหยั่งคาดนี้ให้เจ้ารับรู้ได้อย่างไร...” ปากพร่ำพูด หากทว่าสายเนตรกลับหยั่งดวงตากลมโต ‘นิ่ง’ และ ‘นาน’ นับอึดใจ

บางครั้ง ร้อยพันมธุรสวาจา

มิอาจเทียมเท่าหนึ่งความนัยแห่งดวงตาที่สามารถกล่าววาจาแทนหัวใจ


“ข้าเป็นกษัตริย์ ย่อมตรัสมิคืนคำ”

ยื่นมือใหญ่กุมมือเรียวบางของสีดาเอาไว้เบาๆ กระจกตาสะท้อนให้เห็นเพียงเครื่องหน้างามไร้สิ่งประทินโฉม เนิ่นนานจึงพูดเบาๆ
“ข้ารักเจ้า...รักเจ้ามากเหลือเกิน”

“พี่ท่านจักรักน้องนานเท่าใดเจ้าคะ” นางผู้ถามโผเข้าหากพญารากษสแห่งกรุงลงกา พิงซบลงไปที่แผงอกกว้างแสนอบอุ่น “ตอบน้องได้ฤาไม่เจ้าคะ”

ทศกัณฐ์โอบนางอันเป็นที่รักไว้ในอ้อมกอดและบอกด้วยเสียงคล้ายกระซิบ

“ตลอดชั่วกาล...”

“ทุกภพ...ทุกชาติหรือเจ้าคะ”

“ใช่” ทศกัณฐ์ตอบโดยไม่หยุดคิดไต่ตรองแม้แต่น้อย “ทุกภพทุกชาติไป!”

“พี่ทศเจ้าขา...”

“กุหลาบดอกนี้จักเปรียบเสมือนพันธะสัญญาเราสอง หากเมื่อใดข้าแลเจ้าพบพานกันอีกครั้งในชาติพบหน้า ข้าจักได้จำได้ว่าเจ้าคือจอมขวัญของพี่คนเดียว”

สีดาพริ้มดวงเนตรลงด้วยความสุขใจ...ถึงตรงนี้นางมั่นใจแล้ว...

ทศกัณฐ์คือชายในดวงหทัยอย่างแท้จริง





“ยินดีด้วยนะพ่อเปรม”

ฝ่ามือหนักของบรมครูชั้นเอกอย่างปู่เหนือตบลงบนบ่านักแสดงตัวนางด้วยความภูมิใจ ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เรียงตัวกันสวยเกินกว่าคนวัยเดียวกัน

“แสดงได้ดีมากเลยนะจ๊ะพ่อเปรม ครูไม่มีอะไรจะติแล้ว”

“ขอบคุณทั้งปู่เหนือแล้วก็ครูจันทร์ด้วยนะครับ ถ้าผมไม่ได้รับคำสั่งสอนจากปู่กับครู ผมก็คงไม่มีวันนี้”

“อุบ๊ะ! ไอ้หนุ่มคนนี้มันช่างปากหวานนัก ฮ่าๆๆ” ชายชราหัวเราะดังสนั่นไปทั่วบริเวณหน้าลานกว้างของพระราชวัง ตั้งแต่มีพ่อเปรมเข้ามา ชีวิตเขาก็มีสีสันขึ้นเยอะ เหมือนได้หลานคนใหม่มาคอยออดอ้อน เอาอกเอาใจคนแก่ที่ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เพราะหน้าดุ

“แล้วนี่จะอยู่กินเลี้ยงกับพวกพี่เขาหรือเปล่าจ๊ะ”

“ยังไม่รู้เลยครับครู คงต้องขอดูก่อน”

“น้องเปรม...น้องเปรมครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยเร็ว!!”

พจในชุดเครื่องทรงพระรามกวักมือเรียกรุ่นน้องคนสนิทให้เข้าไปหา บริเวณนั้นมีกลุ่มรุ่นพี่นักแสดงยืนรวมตัวไม่น้อยทีเดียว

“ไปเถอะจ๊ะ นานๆทีจะได้ถ่ายรูปรวมกัน”

“ครูกับปู่มาถ่ายด้วยกันสิครับ”

“ไม่ดีกว่าจ๊ะ เดี๋ยวครูต้องพาท่านปู่ไปนั่งสัมภาษณ์ทางด้านนู้น เชิญเราตามสบายเลยนะ ขอบคุณมากที่ชวน”


การปรากฏตัวของนางสีดาเรียกความสนใจจากแขกเหรื่อที่กำลังเตรียมกลับให้หยุดมอง พร้อมหยิบกล้องถ่ายรัวด้วยความชื่นชอบในความสามารถและหน้าตา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นผู้ชายแสดง หากกลับเล่นบทสีดา นางผู้มีความงามและกิริยาอ่อนช้อยได้อย่างไม่มีที่ติ

“ดังแล้วอย่าลืมพี่ชายคนนี้นะน้องสีดา”

“พี่พจก็...ผมไม่ดังหรอกครับ”

“ไม่ดังอะไร ดูสิ” ชี้ไปที่กล้องตัวใหญ่ที่รัวชัตเตอร์ถ่ายเฉพาะแม่นางสีดาคนงาม “ไม่ดัง ไม่มีใครสนใจเลยเนอะ”

“บ้าน่าพี่พจ เขาถ่ายพวกพี่ต่างหาก”

“ยังจะเถียง ต้องให้พวกพี่เดินออกจากวงก่อนไหมจ๊ะ” ศักดิ์ในบทชมพูพานตัวลิงฝ่ายพระรามก็ร่วมเสวนาแซวน้องน้อยคนนี้บ้าง ทำเอาเปรมได้แต่ยู่ปาก ไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไร

“แล้วนี่จะไปกินเลี้ยงกับพวกพี่หรือเปล่า ฟรี ไม่คิดเงินครับ”

“ไปเถอะนะเปรม นานๆได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที”

“พี่ก็ไปนะเปรม” นิดที่เพิ่งมาถึงก็เข้ามาคล้องแขนเปรมพร้อมเอาหัวถูไถอกอย่างออดอ้อน พจกับศักดิ์มองหน้ากันแล้วเบ้ปาก

“ใครชวนแก อีอ้วนนิด”

“แต่ฉันว่าไม่นิดแล้วว่ะไอ้พจ เบ้อเริ่มเลย”

“อ้วนแล้วผิดตรงไหนยะ อยากโดนตบหน้าคว่ำหรือไง!”

“อย่าทะเลาะกันนะครับ ผมขอร้อง” ไม่อยากโดนฝ่ามือพิฆาตแม่นางอีกแล้ว เจ็บปวด รวดร้าวไปหลายวัน

นิดเบ้ปาก กรอกตามองบน “เห็นแกน้องเปรม ฉันจะละหัวพวกแกไว้”

“โห เป็นพระคุณอย่างยิ่งพระมเหสี แล้วสรุปน้องเปรมไปกับพวกพี่ไหมเอ่ย”

“ไปเนอะ”

“น้องเปรมครับ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ต่อให้ไม่หันกลับไปมอง เขาก็รู้ได้ว่าคือราเมนทร์
เสียงซุบซิบเริ่มดังอื้ออึงหนาหู การปรากฏของชายหนุ่มนักธุรกิจชื่อดังไม่ต่างจากอสุเรนทร์  เขามาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่ ขนาบข้างด้วยผู้ชายอีกสองคนที่เปรมพอนึกออกว่าเคยเจอตอนซ้อมอยู่ครั้งหนึ่ง ได้ยินเสียงพจคุยกับศักดิ์เบาๆ ‘ดูท่าน้องเปรมคงไม่ได้ไปกับเราแล้วว่ะ’

“สวัสดีครับพี่ราม”

“ยินดีด้วยสำหรับความสำเร็จแรก” เปรมยื่นมือรับช่อดอกไม้ช่อใหญ่จากราเมนทร์จนคนแถวนั้นส่งเสียงอิจฉาเป็นทิวแถว

“ขอบคุณครับ ชอบจัง”

“ดีแล้วที่เปรมชอบ” ร่างสูงยิ้มที่มุมปากนิดๆ วางมือลงบนศีรษะทุย แล้วโยกไปมา “และคงดีกว่านี้ถ้าเปรมชอบเจ้าของดอกไม้ช่อนี้ด้วย” ขยับเท้าเข้าใกล้ร่างบางจนได้กลิ่นหอมอ่อนจากดอกกุหลาบ ไม่รู้ว่ามาจากดอกไม้ที่ร่างบางถือในมือหรือมาจากเรือนกายสะโอดสะองนี้กันแน่

“พี่ราม...”

“สถานะที่เป็นอยู่ พี่ไม่ต้องการ”

คนร่างบางนิ่งอึ้ง ไม่เอ่ยวาจา หากหันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา หากราเมนทร์ไม่มีรอที่จะกล่าวต่อ

“เปรมเป็นแฟนกับพี่นะ”

“...”

“คราวนี้พี่อยากให้เราเป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อหลอกลวงใครบางคน”

“เอ่อ...”

“ได้ไหมครับ”

คนถูกถามนิ่งงัน ความกดดันถามโถมเข้าใส่...

“น้องเปรมครับ”

ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ

ราเมนทร์ตวัดมองอสุเรนทร์ที่เดินเข้ามาสมทบร่วมวงสนทนา สองตาประกายขุ่นยามเลื่อนมองลงต่ำไปยังเอวของเปรมที่ถูกมันกอดรัดเสียแน่น ชั่ววูบหนึ่งที่เขาอยากเข้าไปซัดมันให้เลือดอาบร่าง แต่ก็ทำไม่ได้

“สวัสดีอสุเรนทร์”

“สวัสดีราเมนทร์” ทักทายพร้อมซ่อนรอยยิ้มร้ายไว้ที่มุมปาก “บริษัทมีปัญหาใหญ่ มีเวลามาดูการแสดงด้วยเหรอ หรือว่ามาเพื่อผ่อนคลายความเครียด”

“ก็...คงงั้น ไม่เจอกันนาน หวังว่า...คงสบายดีนะ”

“ที่ผ่านมาก็ไม่สบายเท่าไหร่ เพราะถูกหมามันลอบกัดจนติดพิษ แต่ตอนนี้...ใกล้หายดีแล้วล่ะ”

“แล้วนี่ยังไม่กลับอีกหรือครับ เห็นไปงานแต่ละครั้งชอบหนีกลับก่อนทุกที”

“ถ้ากลับ แล้วจะเห็นคุณกำลังขอเมียชาวบ้านเป็นแฟนหรือครับ แปลกๆ”

“คุณทศ”

อสุเรนทร์จับมือน้อยมากุมเอาไว้พร้อมลูบแก้มเนียนใสเบาๆอย่างทะนุถนอม หัวใจดวงน้อยถึงกับกระตุบวูบไหวยามสบดวงตาโหยหาของอีกฝ่าย

“พี่ขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน กลับบ้านเรากันเนอะ อย่าถือสาคนบ้าไม่รู้ความเลย เจ้าอินโทรหาพี่กฤตหรือยัง”

“เรียบร้อยเฮียทศ” ชูโทรศัพท์โชว์ที่มีสายเรียกเข้าโชว์หราอยู่

“กลับกับพี่นะ กลับบ้านของเรา”

นัยนาของร่างเพรียวบางสั่นไหว ริมฝีปากเม้มคล้ายกำลังชั่งใจว่าควรตอบเช่นไรดี

“เปรมจ๋า”

ไม่ว่าอย่างไรน้ำเสียง สายตา ท่าทางและความรู้สึกของอสุเรนทร์ก็ทำให้ใจเขาอ่อนยวบลงทุกที คลี่ยิ้มน้อยและพยักหน้าตอบรับ

“ครับ”

ราเมนทร์แค่นหัวเราะในลำคอกับประโยคตอบรับของเปรม เขารู้ว่าเปรมชอบพอกับอสุเรนทร์ แต่แล้วไง...เขาไม่ยอมหรอก ในเมื่อเปรมยังไม่ได้บอกรักมัน เขาก็ยังมีสิทธิ์เต็มที่

อย่าคิดว่าเอาไปได้ตอนนี้ แล้วเขาจะแย่งคืนมาไม่ได้

มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก...




พอจบตอนนี้แล้ว รู้สึกถึงความรู้สึกรักนางสีดาของพี่ทศมากกก ปลื่มปริ่ม :sad4:
อย่าว่าน้องเปรมของเราน้าาา นางยังเด็ก บางทีก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านี้สักเท่าไหร่
เอาเป็นว่าเขากลับมาคืนดีกันเราก็มีฟากฉุก อิอิ
ส่วนราเมนทร์ ซุ่มดูคนคนนี้กันต่อไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามผลงานของเรานะคะ ยัไงก็อยู่กันต่อจนเรื่องนี้ดำเนินจนถึงตอนสุดท้ายเลยนะ
คอมเม้นทุกคนเราเห็น และรู้สึกดีที่ได้อ่าน แต่ถ้ามีคนเข้ามาอ่านมากกว่านี้จะดีใจมาก  :laugh: :laugh:
วันนี้เรากต้องขอตัวก่อน ไว้เจอกันใหม่น้าาา รักทุกคน :กอด1: :mew1:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ต่อด้านล่าง

แต่มันสุดหน้าแล้วอ่ะ

ตามต่อ


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ได้อ่านแล้ว...........

ชูป้ายไฟ

พี่ทศสู้ๆ

คุณรามดูเจ้าเล่ห์จัง


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ใจหนึ่งก็สงสารรามนะแต่ต้องเข้าใจว่าพี่ทศเรารักเปรมแบบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พ่อรามจ๊ะ พ่อรามปล่อยน้องเปรมเถอะจ่ะ เดี๋ยวยกอินทรชิตให้พี่แทน โอเคไหมจ๊ะ รับรองว่าบ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟ นาวเบิร์นเบบี้เบิร์น

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เปรม  อย่าน่ารักให้มากกว่านี้ได้มั๊ย  สงสารพี่ทศ ต้องคอยมากัน  กันอะไรไม่รู้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด