หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 66363 ครั้ง)

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้องเปรมลูกกกกก ถ้ามีรอบต่อไปเจ้จะจับพี่ทศทำผัวแทนละนะ ไม่อยากเห็นคนหล่อเศร้า

คุณรามอย่ามาร้ายนะคะะะ ช้าเอง นกเองจะโทษใคร

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คืนดีกันแล้ว(รึยัง) 555

เฮียทศแกรักของแกมากจริงๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o22


ราเมน ไปได้ความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน ?

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ yunjaekiki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ทศของน้อง ทำไมช่างเอาแต่ใจและน่ารักเยี่ยงนี้
น้องจะอยากจะซบลงที่อกของพี่เหลือเกิน (ตบกันไหมครับ:พ่อเปรม)
มาต่อเร็วๆนะคะ น้องเป็นกำลังใจให้
คุณนักเขียนทำให้คนอ่านคนนี้อินสุดๆจนอยากจะอ่านประวัติเรื่องราวของตัวละครเรื่องนี้สุดๆ

คุณเก่งมากค่ะ o13 o13 o13

ออฟไลน์ blankmkmejj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew1:ชอบพล็อตเรื้องจังเลยค่ะ เป็นคนชอบดูโขนอยู่แล้วด้วย คุณทศขี้อ้อนมากๆอ่อนโยนกะน้องเปรมหน่อยนะคะอย่าตะบะแตกอีกล่ะ ครอบครัวน้องเปรมก็เป็นใจสุดๆ ชอบเจ้าอินค่ะเฮี้ยวมากมีการเรียกพ่อว่าเฮียทศด้วย อยากให้เจ้าอินคู่กะพระลักษณ์ค่ะ ขอมากไปไหม อากฤตก็ชอบนะคะ ยิ่งนักเขียนยิ่งชอบใหญ่เลย :hao5:

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๑๐
[/size]




  สองเท้าก้าวเดินตามหลังร่างสูงโปร่งอย่างเงอะๆงะๆไปที่ลานจอดรถด้านหลังพระราชวัง บรรยากาศเงียบเชียบและอึดอัดเสียจนอยากตะโกนพูดมันออกไป แต่ก็ทำไม่ได้สักที ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของอสุเรนทร์ที่อยู่ใกล้นิดเดียว แต่กลับรู้สึกเหมือนว่ามีกำแพงกั้นพวกเขาสองคนให้ห่างไกลกันขึ้นเรื่อยๆ

อึดอัดชะมัด!

“เดินห่างกันเป็นโยชน์เหมือนคนไม่รู้จักกันแล้วเมื่อไหร่จะได้ปรับความเข้าใจกันล่ะครับ” รณพักตร์เดินมากระแซะไหล่เขาเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อ เปรมเหลือบมองเพื่อนร่างเล็กข้างตัวแล้วก้มหน้ายิ้มเศร้า

“ผมไม่กล้าหรอก”

“หืม ทำไมถึงไม่กล้าล่ะเปรม แค่เดินไปคุยเองนะ”

“อินไม่เป็นผมไม่รู้หรอก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจแรง “คุณทศคงไม่ยากมองหน้าผมด้วยซ้ำ”

“ไม่อยากมองหน้า...หึ เปรมรู้ได้ไงว่าพี่ชายทศของผมไม่อยากมองหน้าคุณ”

“...”

“ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ามีคนแอบมองตัวเองตลอดเวลาทั้งยามซ้อมรำ กินข้าว คุยกับคนอื่น ฉีกยิ้มหัวเราะร่าเริงกับครูจันทร์ หรือแม้กระทั่งก้าวขาขึ้นรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน” แขนเล็กพอๆกับตัวของรณพักตร์โน้มคอเพื่อนตัวสูงให้เข้ามาใกล้ๆ “ฟังนะ ผมไม่เคยเห็นพี่ทศเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน เขารักคุณมาก มากเอาชนิดคุณคิดไม่ถึงเชียวล่ะว่ามากเท่าไหน...แต่หากถามผม ลองให้ผมคาดเดาจากอาการเหม่อลอย น้ำตาตกใน ละเมอเพ้อพกถึงคุณแทบทุกคืน...ก็คงเทียบได้กับท้องฟ้าทั้งผืนล่ะมั้ง”

“ทะ...ท้องฟ้าเหรอครับ” อดที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ “คุณทศเขาคงไม่...”

“เคยได้ยินการบินไทยรักคุณเท่าฟ้าหรือเปล่า แต่อสุเรนทร์น่ะ...รักเปรมเสียยิ่งกว่านภาลัยทั้งสามโลกรวมกันเสียอีก

เพียงแค่คำพูดเพียงหนึ่งประโยคก็ทำให้ร่างบางหัวใจเต้นแรงแทบระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ช้อนสายตามองเสี้ยวหน้าคมของอสุเรนทร์ที่กำลังคุยบางอย่างกับน้องชายอีกคนหนึ่ง ต้องยอมรับกับใจยิ่งเปรมรู้จักชายหนุ่มเบื้องหน้ามากเท่าไหร่ เขายิ่งไม่เข้าใจหัวใจตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

“ยอมรับเถอะว่าคุณไม่ได้ไม่สนใจพี่ทศ” เมื่อเห็นอีกคนเถียงไม่ออก รณพักตร์ก็พูดต่อ “เห็นเป็นผู้ชายเจ้าชู้ กะล่อน จอมเอาแต่ใจ โหด เลว ชั่วกับคนอื่น...”

“เอ่อ อิน”

ร่างเล็กถึงกับปิดปากยิ้มตาหยีเมื่อหลุดพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป นี่ถ้าพระบิดาได้ยินต้องเตะเขากลับป่าหิมพานต์จริงๆแน่
ขออภัยพระบิดา อินไม่ได้ตั้งใจ

“แต่เอาจริงๆเรื่องรักเขาก็ไม่เคยสนใจใครเลยนอกจากคนที่ชื่อเปรม เปมทัต โรจนวาทิตย์”

“...”

“ทุกอย่างที่เขาทำไปก็เพราะรักเปรมนั่นแหละ”

เปรมเดินช้าลง นับวันคนชื่ออสุเรนทร์ยิ่งมีความสำคัญต่อชีวิตและจิตใจของเขาอย่างมากมายจนเกินคาดคำนวณได้ และเพราะรู้ เขาถึงได้ยอมสวนทางเดินย้อนกลับมาเพื่อปรับความเข้าใจยังไงล่ะ ทว่าความขี้ขลาดมันมีมากกว่าความกล้าหาญ เปรมถึงยังไม่ลงถือทำอะไรให้มันชัดเจนว่าเขาเองก็คิดไม่ต่างจากร่างสูงเท่าไหร่  แม้จะยังขุ่นเคืองสิ่งที่อสุเรนทร์ทำให้รู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง แต่เปรมพยายามยึดความประทับใจครั้งแรกแล้วเลือกที่จะมองผ่านความผิดพลาดพวกนั้นให้สักครั้งหนึ่ง  แต่ถ้าหากอีกคนยังทำผิดอีก เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถให้อภัยได้อย่างวันนี้หรือเปล่า

“อะไรที่อภัยกันได้ก็ทำเถอะครับ เรื่องทั้งหมดจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน” รณพักตร์พูดติดตลกก่อนปลดล็อกรถคันด้านข้างเมอร์เซเดสเบนซ์ราคาแพงของอสุเรนทร์

“ถ้ารู้สึกดีกับพี่ชายผม ขอร้องล่ะช่วยคืนความสุขให้พี่ชายผมหน่อยเถิด”



หลังจากรณพักตร์และคุณชินกฤตแยกไปนั่งรถอีกคันหนึ่ง ทิ้งให้เปรมต้องอยู่กับคนร่างสูงใบหน้าเรียบนิ่งสองต่อสอง บรรยากาศในรถเงียบเชียบ ไม่ใครเอื้อนเอ่ยออกมาแม้แต่คำเพียงคำเดียว ได้ยินแค่เสียงแอร์ดังหวีดหวิวชวนให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดและกดดันกว่าเดิม อย่าว่าแต่พูดเลยแม้กระทั่งหายใจเปรมยังต้องทอดถอนออกมาเบาๆเพราะเกรงจะเป็นการทำให้อีกคนขุ่นเคืองใจ

“หิวอะไรหรือเปล่า” อสุเรนทร์เอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบแสนน่ารำคาญและอึดอัดใจ เพราะตั้งแต่ขึ้นมาทั้งเขาทั้งร่างบางก็เอาแต่นิ่งเงียบใส่กัน อยากพูดจา อยากคุยด้วย แต่ก็ทำได้แค่คิดเมื่อใจมันไม่กล้าพอ หากเขาพูดแล้วอีกฝ่ายไม่พูดตอบล่ะ มันไม่น่าปวดใจกว่าหรือไง

ทศกัณฐ์คนกล้าหาญหายไปไหนหมด!

“ไม่ครับ”

“แต่ถ้าหิวข้างๆมีช็อกโกแลตของเจ้าอินเหลืออยู่แท่งหนึ่ง แล้วก็ไม่ต้องนั่งตัวเกร็งขนาดนั้น ฉันไม่ทำอะไรเธออีกแล้วล่ะ ทำตัวตามสบาย”

“คุณทศ...”

อสุเรนทร์พยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงแผ่วประดั่งใบไม้ไหว เขายังคงนั่งนิ่งปลดเกียร์ว่างดึงเบรกมือเมื่อติดสัญญาณไฟจราจร โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังน้อยใจอยู่ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาบนหน้าตัก เปรมปาดคราบเหล่านั้นแล้วหันไปเผชิญหน้ากับร่างสูงด้วยแววตาแสดงถึงความเสียใจและตัดพ้อ

“ถ้ารถไม่ติดคงไปถึงบ้านเธอภายในครึ่งชั่วโมง ทนหน่อยนะ”

“คุณทศ ผมไม่...”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะรีบ...”

“คุณหยุดพูดแล้วฟังผมสักทีได้ไหม!”

อสุเรนทร์ตกใจเล็กน้อยที่ร่างบางตะคอกใส่เขาแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พร้อมยกกำปั้นน้อยทุบไหล่เขาพัลวันอย่างต้องการระบายความอัดอั้นในใจทั้งหมด เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเปรมที่แล่นดังเข้ามาทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิด  สองมือหักพวงมาลัยเลี้ยวจอดเข้าข้างทางเปลี่ยวผู้คนทันทีเมื่อเด็กดื้อคิดจะเปิดประตูขณะรถยังคงวิ่งอยู่

“เปรม!”

“จอดด้วย ผมจะลง”

“อย่าทำอย่างนี้”

ดูเหมือนคนร่างบางจะไม่ได้สนใจคำพูดของเขาแม้แต่น้อย ทันทีที่รถจอดสนิทเปรมก็รีบเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดือดร้อนถึงอสุเรนทร์ที่ต้องวิ่งลงไปตาม พร้อมคว้าแขนเรียว กระชากให้หันกลับมาปะทะแผ่นอกแกร่งของตน แม้คนตัวเล็กกว่าจะพยายามดิ้นออกสุดแรงเกิด แต่มีหรือจะสู้แรงยักษ์อย่างเขาได้

“ปล่อยผม”

“ชู่ว...ไม่ร้องนะ พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ” อสุเรนทร์ลูบแผ่นหลังอันสั่นเทาจากการร้องไห้อย่างเบามือ

“ฮือ...อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ผม ฮึกๆ...อึดอึดจะบ้าตายอยู่แล้ว”

“โอเค พี่ไม่ทำแล้วครับ หยุดร้องไห้นะ น้ำตาไม่เหมาะกับเราเลยรู้ไหม”

มือใหญ่ประคองใบหน้านวลสวยหวานที่ยังมีคราบน้ำตาอาบอยู่สองแก้ม  เกลี่ยปลายนิ้วเช็ดมันอย่างทะนุถนอม แต่ทว่าเจ้ากรรม...ยิ่งเช็ดก็ยิ่งทำให้เปรมอยากร้องไห้ออกมามากขึ้น

“อย่าร้องนะน้องน้อยของพี่”

“ผมขอโทษที่เอาแต่หนีคุณ ผมรู้ทุกอย่างจากอินหมดแล้ว แล้ว ฮึก...ฮึก...ผมก็รู้สึกผิดเอามากๆที่ทำอย่างนั้นกับคุณ เป็นเพราะผม...ผมไม่ฟังคำของคุณ คุณถึงเจ็บปวด”

“...”

“ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเป็นอย่างนี้แล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย ฮึกๆ ผมเป็นคนไม่ดีมากใช่ไหม”

“เปรมเป็นเด็กดีสำหรับพี่เสมอ เรื่องทุกอย่างพี่ผิดเอง ผิดที่ทำลายความเชื่อมั่นของเปรมเพียงเพราะความหึงหวงอันโง่เง่า”

“ผมเองก็ผิดที่ทำให้คุณต้องเสียน้ำตาเพราะคนอย่างผม คุณเจ็บมากหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะ”

“เด็กน้อยเอ๋ย ฉันไม่เป็นไร” อสุเรนทร์อมยิ้ม ไม่รอช้ารีบดึงคนร่างบางมากอดพร้อมเอียงใบหน้าเข้าหากลุ่มผมนุ่มและจูบประทับที่กลางศีรษะทุย เปรมฝังหน้าลงกับลาดไหล่กว้างปล่อยให้น้ำตาไหลลงซึมซับผ่านเสื้อ บทจะน่ารักก็แสนน่าฟัด บทจะดื้อก็เล่นเอาหัวใจยักษ์ร้าวระบมมิใช่น้อย

“เปรมขอโทษ”

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว พี่เข้าใจเปรมนะ”

“ผม...”

ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดทั้งสิ้น ริมฝีปากอุ่นร้อนกลับทาบทับปิดกลีบกุหลาบสีแดงเรื่ออย่างรวดเร็วและเนิ่นนาน...ก่อนจะไล้ขึ้นไปประทับบนหน้าผากมน เนื้อแก้มนวลทั้งของข้าง เปลือกตาทั้งซ้ายและขวา ปลายจมูกรั้น เรื่องสั่งให้คนหยุดพูดอสุเรนทร์ถนัดนัก ยิ่งพ่อจอมดื้อในอ้อมกอดเขายิ่งถนัดเข้าไปใหญ่

“ถ้าพูดอีกพี่จะไม่หยุดที่จูบแล้วนะเปรม” โดนดักทางอย่างนี้แล้วใครจะกล้าพูดอีก เปรมเม้มปากหลุบสายตาลงต่ำไม่กล้ามองสบสายตาคู่คมของคนตัวโตที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวและขัดเขิน

อสุเรนทร์อดยิ้มออกมาไม่ได้กับความน่ารัก น่าเอ็นดูของคนในอ้อมกอด ความดีใจมันแล่นขึ้นบนใบหน้าฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในที่สุดเปรมก็กลับมาหาเขา

“ต่อจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจเราต้องคุยกันก่อน ห้ามหนีหรือหลบหน้ากันเป็นอีกอันขาด”

“ผมจะไม่ทำอีก” คนร่างบางส่ายศีรษะน่าเอ็นดู

“พี่รักเปรมนะ”

“รู้แล้ว”

“รู้แล้วแต่ก็เห็นชอบหลบหน้าพี่ทุกที น้อยใจนะรู้ตัวหรือเปล่า”

“ก็...ผมยังทำใจรับเรื่องนั้นไม่ได้นี่”

“พี่ทำเพราะรัก พี่หวงเรา...อีกอย่างมันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะทำกันไม่ใช่หรือไง” ว่าเสร็จยังมีหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาใส่ มนุษย์ปกติที่ไหนเขาทำอย่างนั้นกับคนที่กำลังอยู่ในขั้นดูใจกันอยู่เล่า

“ไม่ต้องมาพูดเลย”

“คนรักกันทำด้วยกันก็ไม่แปลก”

“หยุดพูดเลยนะ” เปรมแหว เอามือปิดหูหลับตาปี๋

“ทำไมล่ะ ไม่รักพี่เหรอ” ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววจริงจัง ก้มหน้ากระซิบใกล้ๆ “ไม่รักพี่ทศแล้วจริงๆเหรอ”

“คุณทศ!”

“เรียกพี่ทศก่อน ไม่งั้นไม่หยุดถามจริงด้วย แล้วจะตะโกนบอกให้ทุกคนรู้ว่าเปรมเป็นเด็กนิสัยไม่ดี ไม่ยอมเชื่อฟังผู้ใหญ่”

“ฮื่อ...” เปรมครางเมื่อโดนขัดใจ “คุณทศอ่ะ”

“เรียกก่อน”

“...”

“โอเค ไม่อยากเรียกก็ไม่เป็นไร...” อสุเรนทร์แสร้งตีหน้ายิ้มเศร้าหลอกเด็ก ก้มหน้ามองลงกับพื้นราวน้อยอกน้อยใจที่อีกคนไม่ยอมเรียกตนว่าพี่ สุดท้ายประธานบริษัทหนุ่มก็ตีบทเศร้าเคล้าน้ำตาสำเร็จ เปรมทำปากพองลมก่อนจะเอามือดึงชายเสื้อสูทเพื่อให้ร่างสูงหันมาสนใจ

“ผมยอมแล้วครับ...พี่ทศ”

“เมื่อกี้พูดอะไรนะ ไม่ได้ยินเลย” แกล้งทำเป็นหูบกพร่อง ยื่นหน้าจูบปากจิ้มลิ้มแล้วถามซ้ำอีกครั้งจนเปรมต้องรีบพูดขึ้นอีกหน

“พี่ทศ”

ขโมยจูบอีกรอบเสียเลย

“ไม่ดังเลยอ่ะ ไม่พอใจด้วย ทีเรียกไอ้ราเมนทร์ว่าพี่รามยังดังกว่าตั้งเยอะ”

เปรมไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจเขย่งปลายเท้าจนริมฝีปากบางอยู่ในระดับเดียวกับใบหูแดงเถือกนั่น แล้วกระซิบเสียแผ่ว “ได้ยินชัดหรือยังครับพี่ทศ เปรมไม่อยากพูดแล้วนะ เปรมอาย”

คุณพระทรงโปรด!!!

อยากจะถอยห่างไปให้ไกลแสนไกล นึกถึงตอนริมฝีปากเฉียดติ่งหูไปพร้อมกับลมร้อน อสุเรนทร์ถึงกับกลืนน้ำลายขนลุกซู่ สติแตกกระเจิงแทบคุมอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเองไม่อยู่ ยิ่งได้เห็นนวลน้องคนงามเกิดอาการขวยเขิน หน้าแดงซ่านแสนจรรโลงใจ เลือดในกายยิ่งพลุ่งพล่านสูบฉีดรุนแรงขึ้น

โอย.........ยุบหนอ...พองตัวหนอ เอ้ย อย่าเพิ่งพองตัวหนอ ใจเย็นไว้หนอ....

“พี่ทศครับ”

“ค...ครับ” อสุเรนทร์สะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วของอีกคนแตะลงที่ข้อมือ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาเกราะพราวบนหน้าผากและขมับอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ไม่สบายหรือครับ เหงื่อออกเยอะเชียว”

“เอ่อ...พอดีพี่ร้อนน่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกนะ ล...แล้วนี่ก็ดึกพอสมควร พี่ว่าพี่รีบไปส่งเปรมที่บ้านดีกว่า เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ท่านจะเป็นห่วงเอา”

ห่วงตัวเองด้วยแหละ หากเผลอกระทำย่ำยีน้องน้อยตอนนี้อีกคงได้โดนเนรเทศกลับสู่กรุงเก่าเหมือนเดิม

เป็นพญารากษสทศกัณฐ์ต้องอดทน เมียยังไม่ให้ชนต้องทนกันต่อไป!

“เปรม...ยังไม่อยากกลับบ้าน” คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นเมื่อปะทะเข้ากับนัยน์ตาหวานล้ำ ฟันเรียงสวยขบเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองราวครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“หืม”

“เปรม....เอ่อ....เปรม”

“พูดมาเถอะ พี่รับฟังเสมอ”

“คือเปรม”

“...”

อยากอยู่กับพี่ทศ

คำตอบจากปากสีสวยสร้างความพึงพอใจให้เขาเป็นอย่างมาก อสุเรนทร์ซ่อนรอยยิ้มไว้ที่มุมปากข้างซ้าย “พี่ให้ตัดสินใจอีกรอบ แน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดออกมาอย่างนี้ เพราะพี่จะไม่ย้อนกลับไปส่งที่บ้านเปรมเด็ดขาด จนกว่าจะเช้า หรือไม่...ก็เช้าของอีกวัน
เปรมกลืนน้ำลายลงคอก่อนพยักหน้าตอบ เขารู้ดีว่ากำลังทำอะไร และเขาก็น้อมรับมันด้วยหัวใจทั้งดวง เปรมเชื่อใจอสุเรนทร์ เชื่อในความรักของผู้ชายคนนี้ที่มีต่อเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างเขา

“มาเถอะ พี่จะพาไปดูเรือนหอของเรา”


[กรี๊ดดดดดดดดดด :z3: :hao7: :ling1: กรีดร้องด้วยความสะใจ โปรดอภัยให้นักเขียนคนนี้ด้วย  :o8:]



แสงจันทราที่ว่าเคยหม่นหมองกลับเปล่งแสงสีเหลืองเรืองรองไปทั่วท้องนภารัตติกาล เส้นแสงนวลส่องลงมายังเบื้องล่างราวปรารถนาที่จะอวยพรคู่รักคู่ใหม่ให้มีแต่ความสุข

แขนแกร่งของชายหนุ่มวางร่างบอบบางของคนที่เปรียบเสมือนผู้กอบกุมหัวใจเขาทั้งดวงลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอมซึ่งต่างจากคราวก่อนลิบลับ เปลวเทียนหอมปลิวพลิ้วไหวไปตามกระแสลมอ่อน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรกระจายไปทั่วอย่างเย้ายวนเหล่าภุมรินมาดอมดม ห้องทั้งห้องจัดตกแต่งไว้อย่างดิบดีราวกับทำมาเพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเจ้าของบ้านโดยเฉพาะ  ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอนที่แสนเรียบกริบ ข้าวของวางเป็นระเบียบ พื้นห้องสะอาดสะอ้าน และที่น่าแปลกกว่านั้นคือเครื่องแขวนดอกไม้สดที่หาชมได้ยากในปัจจุบันกลับตั้งแขวนไว้ในห้องของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง

เปรมไม่คิดว่าคนอย่างอสุเรนทร์จะมีรสนิยมแขวนดอกหอมไม้ไว้ในห้อง

“เปรมของพี่”

“พะ...พี่ทศ”

“จ๋า”

ลมหายใจเปรมกระตุกเป็นช่วงๆเมื่อปลายจมูกโด่งคลอเคลียพวงแก้มขาวนุ่มลามเรื่อยมายังท้ายทอยอย่างออดอ้อน พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำทว่าน่าฟังกระซิบเอ่ยรำพันชื่อเขาซ้ำไปซ้ำ 

 หอม...หอมเหลือเกินนวลน้องของพี่

“พี่ทศ” แม้จะสะดุ้งผวาเล็กน้อย หากร่างบางเลือกที่จะอยู่นิ่งยอมให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ สัมผัสที่ลากไล้ไปทั่วใบหน้า ลำคอระหง หรือแม้กระทั่งไหล่กลมมนทำให้เปรมอดไม่ได้ที่จะครางฮือออกมา ความปั่นป่วนในช่องท้อง และความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนประกบนุ่มละมุนละไม หมายจะปัดเป่าความกลัวรวมถึงภาพความทรงจำอันเลวร้ายให้มลายหายไป อ่อนโยน ลึกซึ้งจนร่างบางที่เคยเกร็งกลับอ่อนระทวย

มือใหญ่เลื่อนไล้ผ่านกลุ่มผมนุ่มเข้าประคองต้นคอขาวเพื่อกดจูบหนักหน่วงขึ้นตามแรงปรารถนา เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทตอบรับสัมผัสทางกายอย่างเต็มใจ  สองมือเล็กๆยันหน้าอกที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อก็ถูกอสุเรนทร์ยกไปโอบกอดรอบคอตนเองแล้วรั้งร่างบางให้แนบชิดแทบทุกสัดส่วน

“พี่...ทศ”

“ถ้าจะให้พี่หยุดตอนนี้เปรมพูดมาได้เลย แต่ถ้าเงียบต่อให้เปรมบอกให้หยุดสักกี่ครั้งพี่ก็จะไม่หยุด”

“ถ้าเปรมบอกให้หยุด พี่จะหยุดจริงๆเหรอ”

“ใช่”

“ทำไม”

อสุเรนทร์เชยคางมนขึ้นอย่างเชื่องช้า สบดวงตาคู่สวยคลอน้ำตาที่กำลังตื่นกลัวเหมือนลูกแมวน้อย “พี่อยากให้เปรมเชื่อใจ พี่ไม่ได้ต้องการครอบครองคนที่พี่รักแค่เรือนร่าง แต่พี่ต้องการหัวใจของเปรมด้วย

ร่างบางไม่ยอมสบตา หากคล้ายกำลังครุ่นคิดคำตอบอยู่ในใจ คราวนี้อสุเรนทร์ให้โอกาสเปรมตัดสินใจเต็มที่ เพราะเขาไม่อยากบังคับเปรมทำในสิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว เหตุการณ์ในอดีตมันยังคอยวนเวียนและย้ำเตือนถึงผลลัพธ์ที่ไม่น่าจดจำ เขาเลือกที่จะกล้ำกลืนฝืนทนความปวดหนึบบริเวณอวัยวะช่วงล่าง แล้วไปบรรเลงเพลงดาบปลดปล่อยความเป็นตัวเองคนเดียวอยู่ในห้องน้ำยังดีเสียกว่าโดนคนที่ตัวเองรักตัดเยื่อใย หนีหายไปกับคนอื่น

เขาพยายามคิดเสมอทุกนาที หากไม่ได้กินวันนี้ก็ต้องได้กินวันหน้า สู้อดทนรอให้เปรมเชื่อใจแล้วปล่อยให้เขากินแบบชิวๆ มันไม่ดีกว่าหรือไง

เปรมเม้มปากก่อนจะตอบอย่างเอียงอาย “อย่าเหมือนคราวก่อนนะครับ เปรมไม่ชอบ มันเจ็บ”

“ฮ่าๆ เด็กน้อยเอ๋ย คราวนี้พี่จะทำเบาๆ เปรมเชื่อใจพี่นะ”

สายตาแสนเสน่หาของคนตรงหน้าช่างหวานจับใจ อสุเรนทร์กอบกุมมือบางพร้อมจูบและดอมดมมันอย่างโหยหาราวกับว่าถ้าไม่ได้ชื่นชมความหอมในตอนนี้เขาจะไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงมันอีก 

ดวงหน้าสวยแดงซ่านยามมือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อออกจนหมดทุกเม็ด จนเสื้อเชิ้ตตัวเล็กตกลงจากหัวไหล่ ผิวขาวนวลปรากฏสู่สายตา ยิ่งเมื่อถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ยิ่งทำให้ร่างอรชรนั้นละม้ายหุ่นขี้ผึ้ง

“งามผุดผาดเฉิดฉายดั่งความฝัน
ผิวผ่องพรรณพรรณรายดั่งจันทร์ส่อง
งามดวงเนตรวงพักตร์ยามแลมอง
โอ้นวลน้องดั่งหยาดฟ้าลงมาดิน”



ความรู้สึกในตอนนี้มันยิ่งตื่นเต้นเสียยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะตีลังกาหลายตลบ คนที่ไม่เคยถูกจีบด้วยโคลงกลอนกลับก้มหน้างุดด้วยความเขินขลาด มันไม่ได้ดูล่าสมัยหรือดูเชยสักนิดเมื่อร่างสูงนำมาพูด แต่มันกลับซาบซึ้งติดตราตรึงใจมิรู้ลืม

“หลังจากนี้ถ้าเปรมไล่พี่ พี่ก็จะไม่ยอมปล่อยเปรมให้ห่างจากพี่ไปไหนอีก ถ้าเปรมบอกว่าไม่รักพี่ก็จะทำให้รัก ถ้าเปรมบอกให้พี่ไปตาย พี่ก็จะถามว่าน้องมีคนดูแลหรือยัง หากมีพี่ก็จะไปตายอย่างสงบ แต่ถ้าไม่พี่ก็จะคอยวนเวียนตามติดเปรมเหมือนเงาตามตัว แล้วจะคอยมอบความรักให้เปรมคนเดียวจนกว่าความตายพรากจาก อย่าคิดว่าพี่พูดเล่นเพราะพี่ทำจริงเสมอถ้ามันเกี่ยวกับน้อง”

“พี่ทศ”

“พี่ขอสาบานนับจากนี้พี่จะไม่ทำให้เปรมทุกข์ใจเพราะพี่อีก แต่ถ้าเปรมไม่เชื่อ โปรดจงรู้ไว้ข้อหนึ่ง” จับมือบางให้ทาบทับกึ่งกลางอก ให้สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของตน

ใจดวงนี้...มันเป็นของน้องแล้ว

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ เปรมอาย”

“น่ารัก” ว่าแล้วก็หอมแก้มฟอดใหญ่ มือโอบกอดรัดเอวบางให้แนบชิดไม่ห่างไปไหน สมบูรณ์ไร้ที่ติ...ยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อน่ารักจิ้มลิ้ม เลื่อนลงมายังท้องน้อยแล้วเลยไปส่วนล่างที่ยังคงถูกปิดอยู่มิดชิด

แค่นี่พี่ก็อดใจมิหวาดมิไหว อยากกลืนกินเจ้าจักแย่อยู่แล้ว

“เปรมอยากแล่นเรือสำเภากับพี่ไหม”

“มันคืออะไรครับ เปรมไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน แล้วเล่นที่ไหน”

สุดท้ายความใสซื่อของเด็กน้อยก็พ่ายแพ้เสียทีให้แก่ยักษ์เฒ่าเจ้าเล่ห์ อสุเรนทร์ฉีกยิ้มกรุ้มกริ่ม หัวร่ออยู่ในใจ เด็กอะไรหนอ น่ากอดรัดน่าฟัดไปทั้งตัว

“งั้นเดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง” ยังไม่ทันที่เปรมจะได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ปากก็ถูกประกบลงมาอย่างเหมาะเจาะ ความหวานซ่อนรสชาติเผ็ดร้อนติดอยู่ในโพรงปากทำให้ร่างบางเมามายลืมทุกอย่างเสียสิ้น เสียวกระสันซ่านและรู้สึกดีจนคล้อยตาม


พลางอุ้มจุมพิต สนิทถนอม
งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน
แผ่นดิน ไหวจนกระทั่งหลังอานนท์


ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก
ลั่นพิลึก โลกาโกลาหล
หีบดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล
ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง


อัศจรรย์ ลั่นดังระฆังฆ้อง
เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำ กำปั่นก็ลั่นเอง
เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน


อสุนีบาตฟาดเสียง เปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง
กระดองเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุ ทะลุล้น
ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา

-พระอภัยมณี-


กาลเวลาสร้างความรักจนสุกงอมสร้างความชื่นฉ่ำแก่ดวงใจสองดวง ความอุ่นร้อนที่ถาโถมเข้ามาบริเวณช่องทางด้านล่างอุ่นวาบไปทั่วท้องน้อย อสุเรนทร์จุมพิตหน้าผากได้รูป ก่อนมือใหญ่จะเอื้อมขึ้นมาปัดปอยผมที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

“พี่ทศแกล้งเปรม” ร่างบางปรือตาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไหนสัญญาว่าจะทำเบาๆ แต่นี่อะไรรุนแรงเสียจนเตียงส่งเสียงดังเอี้ยดอ๊าดจนน่าอับอาย ถ้าเกิดรณพักตร์นำเรื่องนี้มาล้อเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เพราะเมียพี่สวยใครจะอดใจไหว”

“ใครเมียครับ อย่ามั่ว”

“ทบทวนความจำอีกรอบไหมจะได้รู้ว่าเปรมคือเมียพี่หรือเปล่า”

“บ้า ไม่เอาพอแล้ว”

“แต่พี่ยังไม่อิ่มเลย”

“พี่ทศ!” จำต้องดันหัวคนเจ้าเล่ห์ให้ออกห่างจากซอกคอเพราะเปรมรู้สึกไม่ไหวจริงๆ แค่จะยกแขนยังไม่มีแรงเลย ถ้าทำอีกมีหวังพรุ่งนี้คงได้นอนตายทั้งวัน

อสุเรนทร์เลยผงกหัวเบะปากเหมือนเด็กโดนแย่งขนม “วันนี้จะยอมให้หนึ่ง แต่วันหน้าพี่ไม่ยอมแล้วนะ ถ้าไม่ท้องพี่จะไม่ยอมหยุด”

“โรคจิต”

“ผัวใครล่ะ”

“ฮื่อ พี่ทศ”

“เปรมของพี่เป็นเด็กดีที่สุดเลย รู้ไหม วันนี้เป็นที่พี่มีความสุขมาก เพราะนอกจากเราจะได้คืนดีกัน พี่ก็ยังได้นอนกอดเมียสุดที่รักด้วย” อสุเรนทร์กระชับอ้อมกอดจนอีกฝ่ายจมหายไปในหน้าอกกว้าง ได้ยินจังหวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มันทั้งเร็ว หนักหน่วงและถี่กระชั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเปรมมีความสุขไม่ต่างกัน วาดแขนกอดแผ่นหลังกว้างกลับไป

ความอบอุ่นที่เปรมได้รับมันก็เป็นตัวบอกได้แล้วว่าอีกฝ่ายรักและแคร์จิตใจเขามากขนาดไหน

หยาดฝนที่ตกนอกฤดูกาลค่อยๆโปรยปรายมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น เสียงฝนซาเปรียบเสมือนเพลงที่พร้อมจะขับกล่อมให้ทั้งสองผ่อนคลายลงได้อย่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก อสุเรนทร์โยกตัวกล่อมคนในอ้อมกอด ต่างฝ่ายต่างเงียบฟังเสียงฝนพรำและ...เสียงหัวใจที่ค่อยๆประสานเป็นจังหวะเดียวกันอย่างช้าๆ

เปมทัตรับรู้หัวใจของอสุเรนทร์

อสุเรนทร์รับรู้ถึงความรู้สึกที่เปมทัตมีให้กับเขาเช่นกัน




ฮื่อออออ ต่อด้านล่างค่ะ  :-[ :impress2: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เชิญอ่านต่อได้เลยเพคะ :katai4: :katai2-1:



เสียงเพลงเปิดดังกระหึ่มไปทั่วผับหรูย่านใจกลางเมือง แหล่งสำเริงสำราญของบรรดานักท่องเที่ยวกลางคืนทั้งชายและหญิงที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างกระเป๋าหนักและมีฐานะดี เครื่องดื่มสีอำพันถูกยกดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าไหลผ่านลำคอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง โดยไม่สนใครต่อใครที่แอบชำเลืองที่มองมายังตัวเขา

“ท่านราม พอเถอะขอรับ”

“อย่ามาห้ามฉันกบินทร์” ว่าแล้วกระดกแก้วเหล้าในมือเข้ามารวดเดียว รสชาติข่มเฝื่อนแบบนี้แหละที่เขาต้องการในเวลาเครียดกับอะไรบางอย่างเอามากๆ เบนสายตามองแก้วเปล่าบนโต๊แล้วหัวเราะสมเพชตัวเอง

ในที่สุดเปรมก็เลือกมัน

โลกมันเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ตัวร้ายได้เป็นคนดี แต่คนดีกลับกลายเป็นตัวขี้อิจฉาที่คิดทำลายความรักของคนสองคน เขาไม่เข้าใจ ไอ้อสุเรนทร์มันมีดีอะไรเปรมถึงได้เลือกไปหามันทั้งที่เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ร่างบางเห็นใจรับความรักจากเขาบ้าง แต่ดูสิ่งที่ได้กลับมา...คืออะไร ความน่าสงสาร น่าสมเพชของตัวละครตัวนี้อย่างนั้นเหรอ

ตลกเป็นบ้า

“ทำไมถึงไม่เป็นฉันกบินทร์ ฉันแย่กว่ามันตรงไหน”

“หาไม่ขอรับ ท่านรามดีกว่ามันเป็นไหนๆ”

“แล้วทำไมสีดา...ไม่สิ เปรมถึงไม่เลือกฉัน”

กบินทร์ไม่สามารถตอบคำถามของนายเหนือหัวได้ เลือกที่จะก้มหน้ายืนนิ่งอยู่ด้านหลังไม่ขยับไปไหน ราเมนทร์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วรินเหล้าอีกแก้วยกดื่ม

“นั่งกระดกเหล้าย้อมใจคนเดียวน่าสงสารชะมัด นายว่าอย่างนั้นไหมอีริค”

ราเมนทร์เหลือบตามองตามเสียง เห็นรณพักตร์เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มต่างชาติร่างสูงใหญ่ เชิดหน้ายิ้มแสยะอย่างผู้กำชัยชนะ
อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดต้องมาเจอเจ้าหมาปากจัดเป็นรอบที่สองของวันด้วย

“อินสงสารเขาผมก็สงสาร”

“ฮื่อ อีริคของอินน่ารักจังเลย”

“หึ” ถึงกับต้องเบือนหน้าหนีด้วยความไม่ชอบใจ เห็นแล้วขัดลูกตาชะมัด “นี่ ถ้าจะส่งเสียงครางหงิงเหมือนสุนัขเพศเมียเวลาเจอสุนัขตัวผู้ ฉันคิดว่ามันค่อนข้างน่ารำคาญเอามาก”

“!!!”

“ทางที่ดีช่วยย้ายร่างอ้วนๆของนายไปไกลๆหน่อยได้ไหม เพราะมันบังทัศนียภาพสวยๆของฉันหมด”

“อีริคไปสั่งเครื่องดื่มรอผมตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป” พอไล่เพื่อนหนุ่มต่างชาติออกไปได้ก็หันกลับมายิ้มแย้มใส่ราเมนทร์ ทั้งที่ในใจเดือดดาล อยากจะวิ่งไปตบปากนั่นสักร้อยที ข้อหามาว่าเขาอ้วน “อิจฉาก็บอกสิ ไม่เห็นต้องว่ากันเลยนี่นา”

“อยากโดนดีหรือไงเจ้ายักษ์เตี้ย” กบินทร์สาวเท้าเข้าหาร่างเล็กกว่า คู่ปรับคู่แค้นที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปมากน้อยแค่ไหน เรื่องกวนอวัยวะเบื้องล่างพวกเขาน่ะไม่ได้ลดหย่อนลงเลยสักนิด

รณพักตร์เหยียดยิ้มมองเจ้าลิงจ๋อตัวขาวเผือกตั้งแต่หัวจรดเท้า แลบลิ้นสีอ่อนเลียริมฝีปากสีอ่อนที่ใครๆต่างปรารถนาฉกชิมมันสักครั้ง ก้านนิ้วเรียวลากผ่านซีกแก้มตอบลงมายังสันกรามแน่น กบินทร์ผงะเล็กน้อย เผลอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ร่างเล็กหัวเราะ

“น่ารักจังเลยกบินทร์ของเขา”

“ข้าไม่ใช่ของเจ้า!”

“พูดแบบนี้อินก็น้อยใจเป็นนะ หรือเผือกน้อยต้องให้อินทวนความหลังของเราสองคนก่อนล่ะถึงจะยอมรับว่าตัวเองเป็นของอินน่ะ”

“ถึงข้าจักมากรัก แต่ข้ามิใคร่เลือกชายวิปริตอย่างเจ้ามาทำเมียหรอก”

“พูดแบบนี้อินเสียใจจังเลย ไหนว่าแต่ก่อนรักอินหนักหนา อยากจับอินทำเมียอยู่เลยล่ะ”

“เจ้า!!”

“ตัวเองยังหลงรักเขาอยู่ แต่แกล้งทำเป็นเป็นปกปิดมันใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ใช่โว้ย”

“มีการขึ้นเสียงด้วย น่ารักจริงเชียว แบบนี้ต้องให้รางวัล”

กบินทร์เบิกตาโพล่งรับสัมผัสหยุ่นนุ่มและอุ่นชื้นบริเวณแก้มข้างซ้าย มันจูบเขา! เจ้ายักษ์เตี้ยใจวิปริตมันจูบแก้มเขา! จะเถียงกลับก็เถียงไม่ออก รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เหงื่อแตกราวกับอากาศร้อนมากพิกลเวลาสบกับดวงตาเย้ายวนของศัตรูตรงหน้า

“นิ่มเหมือนเดิม อิอิ”

“เจ้ายักษ์บ้า!” กบินทร์ตะโกนลั่น เขยิบหนีไปอยู่หลังเจ้านายตนอัตโนมัติ แพ้ทุกที...แพ้แบบกู่ไม่กลับ อำนาจบารมีที่สั่งสมมานานนมกลับทลายลงเพียงชั่วครู่ด้วยฝีมือยักษ์พันธุ์เตี้ยตนนี้ หน้าขายหน้าเสียจริง!!

“นิสัยขี้แกล้งคนของฉันเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยน”

ร่างเล็กกอดอกยิ้มรับ “เพราะกบินทร์น่าแกล้งนี่นา”

“ไม่ลองแกล้งฉันดูหน่อยล่ะ”

“อะไรเข้าสิงปากคุณราเมนทร์หรือครับ ถึงเว้าวอนอยากให้ผมแกล้งนัก” คิ้วบางขมวดเข้ากันอย่างสงสัย นานๆไอ้คนที่ชอบตีหน้าซื่อเป็นพระเอกตามโรงลิเกจะเล่นตอบเขาบ้าง เห็นทุกครั้งตอนยั่วแหย่เจ้าลิงเผือกไม่ยักสนใจ

“อยากให้ผมแกล้งขนาดนั้นเลยเหรอ”

“นายเก่งเรื่องพวกนี้นิ ยังไงก็ช่วยสงเคราะห์แกล้งฉันให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อยสิ”

แกล้งกันบ้านไหนถึงช่วยให้อารมณ์ดี ประสาท....

“หรือว่าอยากให้ฉันแกล้ง...เอาไหม”

รณพักตร์กระพริบตาปริบระหว่างร่างสูงลุกจากเก้าอี้สาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า และปล่อยให้มือหนาสัมผัสที่ข้อมือตน ใบหน้าจัดว่าหล่อ(แต่ไม่เท่าพระบิดากับเขาหรอก)เคลื่อนเข้ามาใกล้ มันประกายวาววับล้อแสงชวนให้เกิดความรู้สึกประหม่าในทันใด...แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ

“นี่คุณเมา?”

“ฉันเปล่าเมา”

แล้วไอ้สายตาหวานเยิ้มๆนี่มันคืออะไร เอาน้ำผึ้งมาราดลูกตางั้นเรอะ

“อ้าวเห้ย ทำบ้าอะไรเนี่ย” เผลอตะโกนลั่นด้วยความตกใจเมื่อร่างสูงกระชากแขนให้เซล้มไปนอนบนเบาะโซฟานุ่มแล้วตามขึ้นไปคร่อมทับเขาไว้

ร.......เร็วมาก!

“ท่านราม”

“นี่เป็นเรื่องของฉันกับคนคนนี้ ไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไป”

“แต่ท่าน...”

“ออกไป...” กบินทร์หรี่ตามองอย่างชั่งใจ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของนาย เขาย่อมต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก้าวเท้าถอยห่างและเดินออกไป ทว่าก็มิวายแอบยืนคุมเชิงอยู่ในมุมมืดใกล้ๆเพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นเขาจะได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ทัน

ราเมนทร์หันกลับมาสนใจคนใต้ร่างต่อพร้อมยกมุมปากยิ้มพราย แต่มีหรือคนอย่างรณพักตร์จะกลัว ยิ้มมาก็ยิ้มกลับ คิดว่าแน่มากใช่ไหม

“ช่วยแกล้งฉันหน่อยสิ”

“อยากให้ผมช่วยแกล้งยังไงล่ะ อย่างนี้” เชิดหน้า กัดปลายนิ้วตัวเองอย่างยั่วเย้า “หรืออย่างนี้...” ดันร่างอรชรของตนให้ใกล้กับใบหน้าคมมากที่สุด ก่อนจะใช้ฟันเล็กงับปลายจมูกเบาๆ

ไม่เกิดอารมณ์ก็ให้มันรู้ไป

“นี่แกล้งแล้วเหรอ ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”

“...”

“ถ้าจะแกล้งมันก็ต้องแบบนี้”

ใบหน้าหล่อเหลาโฉบฉกเข้ามาชิดพร้อมแนบริมฝีปากบดเบียดอย่างอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ตกใจ ไอความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งหน้าเมื่อรู้สึกถึงเป้ากางเกงอีกฝ่ายแข็งนูนออกมาบดเบียดหน้าขาของเขา

โฮ ชิท!!!

รณพักตร์พยายามกระเถิบหนีคนลามกที่เอาแต่ดูดกลืนกลีบปากสวยของเขาอย่างช่ำชองเชี่ยวชาญ มือหนาสอดกระชับรั้งเอวบางให้แนบชิดกันมากขั้น ไฟปรารถนารวมถึงความร้ายกาจของน้ำเมาลุกโหมจนราเมนทร์ยั้งใจไว้ไม่อยู่ ประกอบกับกลิ่นหอมรัญจวนจากคนใต้ร่าง เรื่องสติตัดไปได้เลยเพราะมันไม่มีตั้งแต่ท่ายวนยั่วของเจ้าหมาน้อยแล้ว นอกจากความสวย รสชาติหวานล้ำในโพรงปากก็ไม่เลว

“อื้อ หยุดนะไอ้บ้าราเมนทร์!”

“นี่เจ้ายักษ์ชั้นต่ำ ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

“อะไร!”

ช่วยแกล้งเป็นสีดาให้ฉันสักคืนสิ



แย่...แย่มากเลยนะคะคุณราม ให้เจ้าอินแทนที่นางสีดา มันใช่เหรอ อินของเราออกจะแมน? :hao3:
กลับมาฝั่งของพี่ทศกับเปรมสักหน่อย โอ้ยยย ขุ่นพระ!! แม่เจ้าประคุณรุนช่อง อะไรจะหวานกันได้ถึงเพียงนี้
ขนาดตัวคนเขียนเอง ยังพิมพ์ไป ยิ้มฟินไป แล้วคุณคนอ่านล่ะเจ้าคะ คิดเหมือนกันหรือเปล่า
ถ้าคิดเหมือนกันช่วยกรีดร้อง โหยหวนใต้คอมเม้นที เราจะได้หวีดด้วยความฟินไปพร้อมกัน  :-[
ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่าาาา


ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ล่องเรือสำเภากันเสียสนุกเชียวนะ หุๆๆๆ

ออฟไลน์ yunjaekiki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ไหวแล้ว หุบยิ้มไม่ได้ ยิ้มตามนักเขียนโล๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อีกคู่ระหว่างราเมนทร์กับรณพักตร์ น้องก็ชอบนะ ดูน่าจะSM อิอิ

เป็นหึ่งในกำลังใจให้นะค่ะ

สู้ต่อไป ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เอาใจช่วยเชียร์รามได้คู่กับรณพักตร์  :m13: :m13: แต่ถ้ารามคู่รณพักตร์แล้วกบินทร์ล่ะ :m28: :m28: :m28:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ในที่สุดพี่ทศของเราก็ชนะใจพ่อเปรม 555555

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โอ๊ยยย มดกัดตา

ปล.เมนท์ที่แล้วชงให้รามได้กับอิน มาอ่านอีกที อ๋อตัวเองจำผิด อินนี่รณพักต์ไม่ใช่ อินทรชิต โถ่เอ้ย มีความจำผิด มีความชงถูกคู่ อยู่ดีๆก็มีโมเมนท์ 555555555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2016 16:55:26 โดย larynx »

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

พี่ทศแกกะว่า.........

ถ้ายังไม่เช้า จะพาน้องแล่นสำเภาต่อ

ส่วนท่านรามนี่ยังไง

ระวังจะหลงรักยักษ์นะ


ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โง้ยยยยยย กรีดร้องจนไม่เป็นภาษา

ฟินพระเจ้าค่ะ

อีกคู่ก็น่าลุ้นนะ หุหุ

แอบชั่วร้ายนะคะ คุณพี่ราม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2016 20:00:47 โดย jjasu »

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อยากจะแหกปากดังๆให้ลั่นออฟฟิต

ท่านทศปิดจ๊อบพ่อเปมสำเร็จ

มีความละมุนละไมและฟินสูงมาก

โอ๊ย!ดีต่อใจอะไรเบอร์นี

คือตอนแรกอยากให้หนูอินคู่กับพระลักษมณ์เพราะบทเขาน้อย แต่ได้กับพระรามก็ไม่เป็นไรฟินเหมือนกัน

แล้วจะได้จบศึกระหว่างท่านทศในภพนี้ลงด้วย :hao6:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ถึงกับหาตัวแทนเลยเหรอท่านราม  เอาคนอื่นมาแทนอีกคนมันไม่ดีนะ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
กรีดร้องด้วยความสะใจ

หัวเราะอย่างก้าวร้าว 55555555555

เขาได้กันแล้วววววววววววววว!

ถ้าพระรามคู่อินทรชิตงี้ หนุมานมันก็นกน่ะสิ โถๆ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
จับคู่เจ้าอินกับพี่รามก็เข้าท่าดีนะคนแต่ง :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๑๑
[/i][/b]




เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าล่วงเกินกับเขาอย่างนี้มาก่อน

กล้าเกินไปแล้ว!

“ราเมนทร์!”

“อืม อยู่เฉยๆ” ส่งเสียงครางฮือในลำคอหากทว่าริมฝีปากยังจอจ่อที่ลำคอขาวผ่อง กลิ่นหอมจากน้ำหอมโชยแตะจมูกโด่งสันจนต้องก้มลงไปซุกไซ้ เป่าลมหายใจร้อนผ่าวเข้ามาในหูให้ร่างเล็กสั่นสะท้านก่อนจะเลื่อนตัวลงต่ำ...

“ปล่อย”

“...”

“บอกให้ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินหรือไง โอ้ย อย่ากัด!” รณพักตร์ย่นคอเมื่อเรียวฟันคมขบกัดดูดเม้มเข้าซอกคอเขาเต็มแรง

“ถ้านายอยู่นิ่งๆ ฉันจะไม่ทำแรง”

“ชั่วจริงๆ”

คิดจะเล่นกับรณพักตร์ยังเร็วไป

ช่วงจังหวะร่างสูงถอนจูบแล้วเงยหน้ายิ้มกริ่ม รณพักตร์รีบใช้เท้าข้างหนึ่งยันท้องแกร่งแล้วถีบโครมเดียว ร่างทั้งร่างลอยละลิ่วลงไปนอนแอ่งแม้งกับพื้นสกปรก เขาพรูลมหายใจออกทางจมูก และไม่รอช้ารีบตามไปคร่อมแล้วง้างหมัดต่อยเข้ากลางหน้าหล่อเหลาหลายต่อหลายหน จนหน้าอีกฝ่ายบวมช้ำ นี่สำหรับการแก้แค้นแทนพระบิดาและเพื่อตัวเอง

ราเมนทร์อยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดจากน้ำหนักของหมัดจิ๋วที่ลงมากระแทกปากและแก้มซ้ำหลายรอบ กบินทร์ที่เคยเห็นเหตุการณ์ถึงกับวิ่งตาลีตาเหลือก กระชากร่างเล็กและเหวี่ยงออกไปอย่างแรง มือโอบอุ้มประคองตัวเจ้านายให้เอนพิงอกกว้างของตน ก่อนตวัดเขม็งใส่ร่างเล็กที่กรีดนิ้วหยิบทิชชู่มาถูปากนิ่มราวรังเกียจสัมผัสจากราเมนทร์
เลือดสีแดงข้นติดอยู่มุมปาก โหนกแก้มมีรอยช้ำ

ไอ้ยักษ์สารเลว!

“ท่านรามขอรับ”

“เฮ้ อิน เกิดอะไรขึ้น” อีริคร้องโวยวาย รีบวิ่งกลับมาทางเดิมที่เพื่อนร่างสันทัดยืนอยู่ทันทีหลังจากได้ยินเสียงโครมครามคล้ายคนมีเรื่องชกต่อยกัน ดวงตาสีฟ้ากระจ่างเบิกโพล่งเมื่อเห็นเสื้อผ้าร่างเล็กยับยู่ยี่ ทรงผมชี้ฟูกระจายไปคนละทิศทาง

“อิน...”

รณพักตร์หอบหายใจถี่ เช็ดคราบเลือดที่ติดหลังข้อมือกับผ้าปูโต๊ะของทางร้าน เตรียมโผเข้าไปจัดการร่างที่เกือบไร้สติซ้ำอีกรอบ หากมือหนาของอีริคกลับรั้งเอาไว้จนรณพักตร์ขยับไปไหนไม่ได้

“ปล่อย ฉันจะจัดการมัน”

“อิน!”

“เจ้ามันชั่ว อินทรชิต” กบินทร์ชี้หน้าด่าอย่างเอาเรื่อง แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่ได้สนใจ กระตุกยิ้มแสยะ ดันตัวออกจากการวงแขนเพื่อนต่างสัญชาติแล้วผลักไปทางด้านข้าง เรื่องนี้ไปเรื่องของพวกเขา คนนอกไม่จำเป็นต้องมายุ่มย่าม

“ถ้าชั่วก็ชั่วเหมือนกันล่ะวะ”

“ฮึ่ม...!!”

“เข้ามาสิ ถ้าแกมีปัญญาจัดการฉันแทนเจ้านายแสนเคารพรักก็เข้ามาไอ้ลิงจ๋อ”

“อย่าท้าข้า!”

ร่างกำยำกายขาวขู่คำรามเกรี้ยวกราด สมกับเป็นลูกของพระพาย ที่ความเร็วประดั่งสายลมพาดผ่าน มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ หากทว่ามีความร้ายกาจแฝงไว้ในตัว

คล้ายมีใบมีดคมกริบเฉือนบนผิวเนื้อ ความปวดหนึบแล่นพล่านไปทั่วซีกแก้มข้างซ้ายและมุมปากข้างเดียวกัน เลือดหยดแรกไหลออกมาตามร่องแก้มแล้วหยดลงบนพื้น

ถือว่ายังใช้ได้...ก็แค่ใช้ได้ล่ะนะ

รณพักตร์ไม่ปฏิเสธเรื่องความเร็วของเจ้าลิงเผือกนี่หรอก ยังไงเขาก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่าคิดเชียวว่าเขาจะยอมให้มันชนะเพียงแค่สกิลความเร็วเป็นเลิศ อย่าลืมเขาเป็นใคร เป็นถึงลูกชายของทศกัณฐ์ผู้เลื่องชื่อ(โฉดชั่ว เจ้าชู้) ไม่มีทางแพ้ไอ้ลิงหัวโบราณที่เอาแต่ใช้ท่าไม้ตายเดิมๆโดยไม่มีการอัพเดตสกิลเลเวลการต่อสู้ให้สูงขึ้นแน่นอน

คิดจะเล่นกับรณพักตร์ผู้รบชนะพระอินทร์...มันไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้วล่ะ

กบินทร์ง้างหมัดเตรียมโผเข้าใส่ร่างเล็กแสนน่าทะนุถนอมอย่างไม่เกรงกลัวครหาของคนที่เริ่มเข้ามามุงดู ยกโทรทัศน์ถ่ายคลิปเตรียมลงโซเชียล รณพักตร์เพียงแค่ยิ้ม เอี้ยวตัวหลบกำปั้นที่เหวี่ยงมาก่อนจะยึดข้อมือหนาไว้แน่น ใช้สันมือฟาดเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าคอเสื้อแล้วทุ่มลงพื้นด้วยทักษะกีฬาฮับกีโดที่เพื่อนสนิทบังคับให้ลงเรียนด้วยกันตอนไปเรียนซัมเมอร์ที่เกาหลีใต้

เขาคงต้องขอบคุณไอ้หมอหมานั่นสินะ

“เจ้า...”

“ลุงนี่พูดมากจัง อย่าโดนอีกหรือไง”

“ข้าไม่ยอมหรอก!” เส้นความอดทนในสมองขาดผึ่ง กบินทร์สปริงข้อเท้าผุดลุกจากพื้นแล้วเข้าประชิดตัวร่างเล็กแทบจะในทันที ไฟที่ลุกโหมกระหน่ำในจิตใจทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป

ภาพที่ทุกคนเห็นทั้งคู่ต่างก็แลกหมัดกันอย่างดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใคร ร่างเล็กบอบบางที่หลายคนคิดว่าน่าจะเสียเปรียบ เพราะด้วยรูปร่างและแรงกำลังที่ดูเหมือนจะมีน้อยนิด กลับสร้างความน่าตกตะลึงใจโดยการปรี่ตัวเข้าประชิด ใช้แรงกำลังของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นประโยชน์ ก่อนจะจับล็อกคอแล้วทุ่มลงกับพื้นอีกครั้งจนเกิดเสียงดังสนั่น

ร่างเล็กหอบหายใจหนัก ใบหน้าสวยตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ชุ่มแฉะ ร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำ นิ้วโป้งเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปาก รณพักตร์มองเลือดสีแดงสดที่ติดอยู่ก่อนจะแลบลิ้นเลียมัน โน้มตัวลงต่ำเพียงพอให้อีกฝ่ายได้เห็นหน้าชัดเจน และใช้เท้าเล็กเหยียบอยู่ตรงกลางอก กบินทร์เบิกตากว้าง เพราะมันทำให้เขาคิดถึงวันที่โดยเจ้ายักษ์ทศกัณฐ์เหยียบย่ำแบบนี้เช่นกัน
น่าแค้นใจนัก ทั้งพ่อทั้งลูก!

“สงสัยไม่มีลมของพ่อช่วยพักโบกเป็นแรงหนุนให้กระมัง ฝีมือถึงอ่อนยวบยาบเหมือนหอยทากขนาดนี้”

“เอาเท้าสกปรกของแกออกไปจากตัวข้า เจ้ายักษ์ชั้นต่ำ”

“ถ้าฉันต่ำ แกก็คงฝังตัวอยู่ในโคลนตมไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันล่ะวะ”

“!!!”

“ก่อนว่าคนอื่นช่วยดูตัวเองเสียหน่อย อ้อ คงต้องดูเลยไปถึงเจ้านายแกด้วยสินะ อยู่ด้วยกันมานานคงซึมซับแต่เรื่องชั่วๆมาเหมือนกัน” มือเรียวบีบลูกกระเดือกอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมจะบดให้แตกคามือได้ทันที หากเขาไม่คิดจะทำ ไม่ใช่ว่าร่างเล็กมีสามัญสำนึกหรือสงสารฝ่ายศัตรู

ที่นี่มีคนเสือกเยอเกินไป

ถ้าข่าวนี้รั่วไหลไปถึงหูพระบิดาเขาต้องโดนด่าจนหูชาเป็นแน่

“อย่ามาว่าท่านราม”

“ทำไม เป็นเมียเก็บเจ้าสูงส่งนั่นหรือไงถึงได้ปกป้องมันนักหนา หัดเปิดตาให้กว้างแล้วมองโลกแห่งความเป็นจริง บนโลกนี้พ่อรามคนดีศรีกรุงอโยธยาน่ะมันเลือนหายไปแล้ว เหลือแต่ราเมนทร์เห็นแก่ตัวผู้หวังแต่ชนะอย่างเดียว”

“...”

“หลงจนไม่ลืมหูลืมตาระวังจะตกม้าตายตามไปด้วย หึ ดิ้นไปก็เท่านั้นครับพ่อกบินทร์คนอ่อนแอของอิน”

ด้วยกำลังยักษาที่ไม่ต่างไปจากเผ่าพงศ์ลิงสวรรค์ทำให้กบินทร์ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้มากนัก พอคิดจะใช้วิธีหลีกหนีอย่างที่เคยทำมาก่อน กลับกลายเป็นว่าสูญเปล่า...เจ้ายักษ์พันธุ์เตี้ยรู้เชิงเขาหมดสิ้น

“นี่แหละหนาคนหัวโบราณที่ชอบยึดติดแต่สิ่งเดิม เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ถึงไม่ชนะฉันสักที”

“เจ้า!”

“อย่าทำกร่างให้มาก เพราะฉันไม่ใช่อินทรชิตคนโง่คนเดิม ฉันเป็นรณพักตร์ที่ทั้งหน้าตาดี มีรสนิยม มีสมอง เก่งและก็รวยมาก” เพียงแค่ใช้ดวงตารีเรียวคมกริบนั่นจ้องมองก็สามารถบั่นทอนความเชื่อมั่นในใจอีกคนได้อยู่หมัด

บอกแล้ว กลับมาครั้งนี้ เขาไม่ได้มาเล่นๆ

ความแค้นที่เคยโดนมาตั้งแต่กบินทร์ยังคงสภาพเป็นลิงหนุมานขนเพชร มีฤทธิ์เยอะ เล่ห์เหลี่ยมจัด บัดนี้ถึงเวลาเริ่มชำระสะสางกันเสียที

“ฝากบอกถึงเจ้านายเฮงซวยของแกด้วยไอ้ลิงเผือก เปรมคือเปรมไม่ใช่นางสีดาห่าเหวนั่น เลิกคิดแล้วก็เลิกมโนคิดว่าเขาจะกลับมาได้แล้ว เพราะมันไม่มีวัน เปรมเป็นของทศกัณฐ์และอสุเรนทร์เท่านั้น ทั้งชาตินี้แล้วก็ชาติไหนๆ ถ้ายังมาสอดแทรกเป็นมือที่สามของครอบครัวคนอื่นอีก ฉันไม่เอาไว้แน่ จำไว้”

“อ้อ แล้วถ้าเจ้านายแกอยากให้ฉันแกล้งเป็นสีดาอีก...” มุมปากเล็กกระตุกยิ้มร้าย “รอไปอีกสักร้อยชาติแล้วค่อยว่ากัน” ธนบัตรสีเทาหลายใบลอยละล่องอยู่บนอากาศเพียงชั่วครู่ และตรงลงบนหน้าอกคนเมาอย่างราเมนทร์กับหัวของกบินทร์

“ถือเสียว่าเป็นค่าทำขวัญ see you next time”



เมอร์เซเดสเบนซ์สีเทาแล่นเข้าจอดหน้าเรือนไทยหลังงามอีกครั้งหลังจากไม่ได้แวะมาสักพักใหญ่ ความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ สีเขียวของใบไม้ช่วยให้บรรยากาศสดชื่นยิ่งขึ้น เห็นแล้วอยากย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยทีเดียว

อากาศดี แล้วยังได้อยู่กับคนที่รักทั้งวันทั้งคืน...แค่คิดชีวิตก็ดี๊...ดี

“พี่ทศ ไม่ต้องจับเอวเปรมแน่นได้ไหม อายพวกพี่เขา”

“ผัวเมียปกติเขาก็ทำกัน มีอะไรให้น่าอายหืม” ว่าแล้วก็ฉกริมฝีปากหอมหวานโชว์คนสวน คนรับใช้ที่มาต้อนรับนายน้อยกับแขกคนพิเศษกลับบ้านสักหน่อย เปรมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆจากกลุ่มเด็กสาวในบ้าน แต่พอหันกลับไปแต่ละคนก็หุบยิ้ม เสมองชมนกชมไม้ไปทางอื่น

แสบนักนะ

“พี่ทศ อย่าทำแบบนี้สิครับ”

“นี่แหละตัวตนของพี่ อยากทำก็ทำ”

“เอาแต่ใจ”

“พี่ก็เอาแต่เปรมคนเดียวแหละ”

ไม่รู้ว่าคนตัวสูงตั้งใจพูดให้คำบางคำมันตกหล่น หรือจงใจพูดกันแน่ แต่ เชื่อเถอะ ไม่ว่าจะเป็นรูปประโยคแบบไหน หากคนพูดคืออสุเรนทร์ เปรมก็เขินทั้งนั้น

“นิสัยไม่ดีเลย”

“เพิ่งรู้เหรอ”

“ฮึ่ย กลับบ้านไปเลยนะ ไม่ให้ขึ้นบ้านด้วยแล้ว”

“ขี้งอนจังเลยนะเรา จะเป็นลูกเขยโรจนวาทิตทั้งทีพี่ก็ต้องขึ้นไปฝากเนื้อฝากตัวกับคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่เปรมก่อนสิ อย่ามา...อย่ามา”

“พี่ทศ!”

“ทำไม ไม่อยากให้พี่เป็นหรือไง”

“ฮื่อ...”

“ไม่ตอบ แต่งงานกันเลยไหม พี่เตรียมแหวนมาแล้วนะ”

“พี่ทศ!”

“ฮ่าๆๆๆ”

“อ้าวๆ ส่งเสียงดังอะไรกันขนาดนั้น...”

อสุเรนทร์ฉีกยิ้มเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนที่ยังคงความสวยสะพรั่งได้เหมือนหนุ่มสาวเดินมาทเท้าสะเอวมองอยู่หน้าประตูทางเข้าตัวบ้าน

“สวัสดีครับคุณแม่”

“สวัสดีจ๊ะ ไม่เห็นหน้าค่าตาตั้งนานสบายดีใช่ไหม”

“ถ้าที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่หรอกครับ โดยเฉพาะหัวใจ” เหล่ตามองดวงหน้าหวานที่ก้มหน้า ยู่ปากคล้ายไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ “แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ผมสบายดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะได้คุณหมอมือดีมาช่วยเยียวยารักษาหัวใจเลยหายไว”

“โอ้ย ไอ้ไม้ ข้ารู้สึกเหมือนไม่สบายแล้วว่ะ”

“อะไรของเอ็ง ไม่สบายตรงไหน”

“จู่ๆข้าก็รู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอ้วก เอ็งช่วยเอากระโถนมาให้ที!” เสียงแหบพร่าที่ตะโดนลงมาจากบนเรือนทำเอาเปรมต้องกลั้นหัวเราะ เหลือบมองหน้าของคนตัวสูงที่ได้แต่เกาท้ายทอยแก้เขิน ลูกมะเขือเทศสีแดงฉ่ำที่กระจายตัวบนแก้มคนตัวโต ทำไมถึงดูน่ารัก

“อย่าไปสนใจเลยนะจ๊ะ คนแก่ขี้แซวก็แบบนี้”

“ข้าหูดีนะเหวยแม่ดาว รีบๆขึ้นมา ข้าอยากเห็นหน้าผัวของหลาน”

“คุณปู่!!!” เปรมโพล่งกลับแทบจะในทันทีเมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาดระยะ

“แม่ว่าขึ้นไปบนเรือนกันก่อนดีกว่านะจ๊ะ แดดตรงนี้ร้อน ประเดี๋ยวจะเป็นลมเอา”

“ครับ...มาเปรม เดี๋ยวพี่ช่วย” เพราะรู้ว่าเมื่อคืนทำกับน้องไว้หนัก เลยต้องทำตัวดีช่วยประคองเอวเล็กขึ้นไปด้านบนอย่างเอาอกเอาใจ ซึ่งเปรมก็ไม่ได้ขัดเขิน ทว่าอสุเรนทร์ก็ไม่ได้ทำประเจิดประเจ้อน่าละอายเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ในบ้าน

ดวงดาวมองตามชายหนุ่มสองคนเดินโอบกันขึ้นเรือนด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ในที่สุดลูกชายของเธอก็กลับมามีความสุขได้อีกครั้งหนึ่ง รอยยิ้มของอสุเรนทร์ที่มีต่อลูกชายสุดที่รักของเธอ มันช่าง...อ่อนละมุนเหลือเกิน มีแต่ความรัก ความห่วงหา จริงใจ...เพราะอย่างนี้สินะเปรมถึงได้แบ่งใจกว่าครึ่งให้อีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัว เธอไม่บังคับลูกหากลูกจะรักใคร แต่ขอเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ขอให้เขาคนนั้นรักลูกเธอจริง

และอสุเรนทร์ก็ทำให้เธอเห็นแล้ว

ปู่ไม้และตาเสมาหรี่ตามองเขม็งแทบจะในทันทีที่อสุเรนทร์ก้าวเดินเข้ามาในบ้าน แถมไอ้มือปลาหมึกนั่นยังโอบรัดเอวหลานรักพวกเขาอย่างออกนอกออกตาอีก ไม่อยากจะทำลายความสุขของหลายหรอกนะ

สองบุรุษอาวุโสผู้เกรียงไกรหรี่ตาจ้องร่างสูงประธานบริษัท RAVANA เขม็งแทบจะในทันทีที่เขาเหยียบพื้นไม้เงาวาบ แถมไอ้มือปลาหมึกนั่นยังโอบรัดเอวหลานรักพวกเขาอย่างออกนอกออกตา ไม่อยากจะทำลายความสุขของหลายหรอกนะ แต่ก็อดอารมณ์เสียไม่ได้ หลานที่เลี้ยงมากับมือตั้งแต่เด็ก กำลังตกเป็นของคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่หน้าตาดี รวยล้นฟ้า มีชาติตระกูล มีชื่อเสียง เก่ง ฉลาด การงานมั่นคง นิสัย...ก็...พอเข้ากับคนแก่อย่างพวกเขาได้บ้าง

ถึงจะมีดีรอบด้าน แต่มันต้องพิสูจน์สักหน่อย ว่าคู่ควร ดีพอกับเปรมหลานปู่ไม้กับตาเสมาหรือเปล่า

“ไอ้ไม้ ข้าจะเปิดประเด็น แล้วเดี๋ยวเอ็งพูดสบทบ เอาตามนั้นนะโว้ย” ตาเสมายื่นหน้าซุบซิบเพื่อนเก๋าวัยไล่เลี่ยกันพร้อมจับมือยอมรับข้อตกลงกันและกัน

“ตามนั้นว่ะไอ้ไม้”

สองชายชราชาญฉลาดยกยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์ รอคอยให้ทุกอย่างลงตัวก่อนจะเริ่มทำตามแผน หลานข้ามีคนเดียว ถ้าไอ้หนุ่มนี่ไม่ผ่านด่านของพวกข้าก็อย่าหวังได้แอ้มพ่อเปรมเลย ไม่ยอมยกให้หรอก!

อสุเรนทร์ที่ลอบมองผู้เฒ่าทั้งสองอยู่ก่อนหน้าก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม ถึงจะอ่านใจหรือเห็นภาพอนาคตอย่างชินกฤตไม่ได้ แต่แค่อ่านความคิดความรู้สึกผ่านสายตามันช่างง่ายแสนง่าย เขารู้ว่าพวกท่านกำลังคิดทำอะไร แน่นอนมันเกี่ยวกับเปรมโดยตรงแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเปรมถือเป็นหลานคนโปรด ยกให้ง่ายๆคงไม่ใช่คนของบ้านนี้

เอาสิครับ จัดมาเลย ผมจะทำให้เห็นเองว่าผมจริงใจและรักหลานพวกท่านแค่ไหน

“สวัสดีครับปู่ไม้ ตาเสมา ยายนวล ย่าสา พ่อแอ๊ด”

“ไหว้พระเถิดพ่อหนุ่ม หน้าตาดูผ่องขึ้นนะ”

“ขอบคุณครับยาย”

“เฮ้อ คนสมัยนี้มันยังไงวะ” ตาเสมาเปรยออกมาลอยๆอย่างไม่ต้องต้องการคำตอบ

“นั่นสิวะ ทำหลานข้าร้องไห้เสียใจ ยังมีหน้ามาที่นี่อีก ใจไม่ด้านจริงนี่ทำไมได้นะเว้ย” ปู่ไม้พูดสมทบแล้วเอนพิงเบาะรองนั่ง

“หน้าต้องด้านด้วย”

“แม่...บอกปู่กับตาเหรอ” เปรมหันไปถามแม่เสียงเบา หากทว่าบ้านนี้เต็มไปด้วยคนหูดีเลยได้ยินกันหมด คนรักหลานหวงหลานเลยตอบแทน

“ไม่บอกตาก็จะเค้นจนกว่าจะบอก อุตส่าห์นั่งวิตกเป็นห่วงกลัวว่าหลานเป็นอะไร สรุปเพราะงอนผัว”

“ตา!!”

“อย่ามาขึ้นเสียงกับตานะเปรม เรื่องอื่นตายอมให้ได้ แต่เรื่องนี้ได้กันแบบผิดประเพณีไทยตายอมไม่ได้ เปรมเห็นผมตาไหม มันเครียดจนผมขาวไปหมดแล้ว”

“ผมเอ็งขาวเพราะเอ็งมันแก่หงำเหงือกแล้วไง อย่าโทษหลาน” ย่าเบ้ปากใส่

“ไหนเอ็งบอกเปิดกว้าง ยอมรับแล้วไงวะ”

“สรุปเอ็งอยู่ข้างใครแน่วะไอ้ไม้ ข้าหมายถึงเปิดกว้างชายรักชาย ไม่ใช่ชายเอาชาย ไอ้ห่า!”

“อ่อๆ” คนเป็นปู่พยักหน้าหงึก ก่อนหันมาถามเปรมเสียงซื่อ “ว่าแต่ได้กันไปหรือยังล่ะ”

 “ปู่!!”

“ได้แล้วครับ”

“นั่นปะไร กูว่าแล้ว”

“พี่ทศ!!”

อสุเรนทร์ยิ้มขำ หันมองน้องน้อยคนขี้อายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขินลูกเดียว เดือนร้อนถึงสามีสุดที่รักต้องรวบตัวหอมๆของภรรยาคนงามมากอดปลอบ และให้ศีรษะทุยๆอิงซบอกกว้างของตนราวเป็นที่พักพิง พร้อมลูบกลุ่มผมอย่างเอ็นดู

“อายหรือไงเรา”

“อายสิ”

“น่ารักจริง”

“พี่ทศอ่า” อดไม่ได้ที่จะหอมกลุ่มผมนั่นให้ชื่นใจ

คนบ้านโรจนวาทิตย์มองหน้ากันอย่างนึกทึ่ง ประมุขหน้าคมเข้มเลยออกโรงบ้าง ส่งเสียงกระแอมหนักเมื่อคู่รักคู่ใหม่แสดงความรักประเจิดประเจ้อไม่อายฟ้าดิน

“ทุกคนยังนั่งอยู่นะไอ้หนุ่ม”

“ขอโทษครับพ่อ พอดีลูกพ่อน่ารักจนผมอดใจไม่อยู่” ไม่ว่าเปล่ายังก้มลองมองร่างในอ้อมกอดด้วยสายตาหวานเยิ้ม

“ไอ้นี่มันตรงนี้เนอะแม่เนอะ” พูดอะไรออกมา ก็แสดงออกมาอย่างนั้น นับว่าถูกใจคนแก่หวงหลานอย่างปู่ไม้ไม่น้อย นี่ถ้าไม่เห็นว่าตามตื้อหลานเขามานาน แล้วบอกไอ้หมอเป็นนักแสดงเขาก็เชื่อนะ

“ทศจ๊ะ”

“ครับ”

“แม่กับพ่อก็ไม่ได้ว่าหรอกนะถ้าเราจะคบกับเปรม แต่แม่ขออย่างหนึ่งได้ไหม”

อสุเรนทร์นั่งเงียบ รอฟัง

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอได้ไหม อย่าเลิกรักลูกชายของแม่”

ริมผีปากหุบยิ้มลงเรื่อย ร่างสูงผละคนรักออกจากอกอุ่นแล้วลุกออกไปท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ทว่าไม่นานนักเขาก็กลับมาใหม่พร้อม แพขมาทรงเครื่องพานหนึ่ง  คนเป็นผู้ใหญ่เบิกตามองกว้าง ตกตะลึง แม้กระทั่งเปรมยังอดตกใจไม่แพ้กันอสุเรนทร์ย่อตัวนั่งในท่าชันเข่า และมองทุกคนด้วยแววตาจริง

“คุณทศ”

“พ่อหนุ่ม...”

“อันที่จริงผมไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ แต่ที่ผมทำ ผมทำเพื่อความสบายใจของทุกคน”

“...”

“ที่คุณแม่ถามผมเมื่อครู่ ถึงคุณแม่ไม่ขอ ผมก็ไม่มีวันเลิกรักเปรมอยู่แล้วล่ะครับ” รอมาตั้งหนึ่งสหัสวรรษ ถ้าเลิกรักง่าย เขาจะลงทุนรอมานานเพื่ออะไร “ถามว่าผมจริงใจมากแค่ไหน ผมตอบได้เลยว่าผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข ถามว่าผมรักเขามากแค่ไหน” อสุเรนทร์มองตาคนรัก “ผมคงตอบไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรบนโลกนี้เปรียบกับความรักที่ผมมีต่อเปรมได้ ผมรักเปรมมาก ผมอยากให้เขาเป็นของผม รักเพียงแต่ผม มีความสุขที่ได้เป็นคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า”

“พี่ทศ”

“ถ้าเปรียบผมเป็นทศกัณฐ์ ถึงเขาจะดูเลว ป่าเถื่อนกับคนอื่นๆ แต่กับคนรักเขาไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลยสักครั้ง ผมเองก็เช่นกัน...ผมจะไม่ทำให้เปรมต้องเสียใจเพราะการกระทำชั่ววูบของผมอีก”

“...”

“ได้โปรด...รับแพขมาแพนี้แทนคำขอโทษที่ผมได้ล่วงเกินเปรมด้วยนะครับ”

เรียกได้ว่าอึ้งกันทั้งบ้าน จัดหนักจัดเต็มกันเสียขนาดนี้ ไม่ให้อภัยให้ก็ดูน่าเกลียดเกินไป ยิ่งเจ้าเปรมนั่งก้มหน้าร้องไห้ไปแล้ว

“คนเป็นพ่อเป็นแม่รับสิ พ่อหนุ่มเขาทำถึงขนาดนี้” ย่าสาสะกิดเรียกลูกสะใภ้ให้ตื่นจากภวังค์

“แต้ว เอ็งอยู่ไหมวะ ช่วยเอากระโถนมาให้ข้าที อยากอ้วก!” ตาเสมากรอกตามองบน เอียนกับคำพูดของ (ว่าที่) หลานเขย นี่ก็นึกว่านั่งฟังเจ้าบ่าวเอ่ยความในใจกับเจ้าสาวในงานแต่งงาน

“พูดอย่างนี้ แห่หันหมากมาขอเลยไหมไอ้หนุ่ม” ปู่ไม้ถาม ทำเป็นพูดดีไป เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์ของพวกข้าแล้วจะกลับบ้านไม่ถูก

“ได้เหรอครับ”

“เร็วไป...เร็วไป หลานรักของข้า ข้าไม่ยอมยกให้ง่ายหรอก”

“...”

“อยากให้พวกข้ายกโทษให้ใช่ไหม”

“ครับ”

สองชายชรายิ้มกริ่ม หัวเราะในลำคอแบบตัวร้ายในละครหลังข่าว ต้องขอบยายแก่พวกนั้นที่ชอบเปิดมันดูตอนค่ำๆ

“ดวลเหล้ากับข้าหน่อยสิ ถ้าชนะ เอาหลานข้าไปเลย ยกให้ฟรี!”




เอาล่ะสิพี่ทศ อยากได้หลานเขาก็ดวลเหล้ากับปู่ไม้ ตาเสมาสักตั้งนะ 5555


เนื้อหายังไม่จบ ต่อด้านล่างจ้า

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ต่อๆๆๆๆ




ไม่รู้จะห้ามใครก่อนดีระหว่างบรรดาคุณปู่ คุณตาคนคอแข็ง

หรือ...

อสุเรนทร์ผู้กล้าคนแรกและคนสุดท้ายในการดวลเหล้าขาวสี่สิบดีกรีในค่ำคืนนี้

“พี่ทศพอเถอะ ปู่ด้วย ตาก็อีกคน พอเถอะครับ หมดไปหลายขวดแล้วนะ”

มองสภาพแต่ละคนแล้วเกินเยียวยากันจริงๆ บริเวณลานกว้างของบ้านเรือนไทยตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นฉุนของสุรา ขวดทรงยาวสีเข้มหลายขวด บ้างก็ตั้งตรง บ้างก็นอนกลิ้งระเนระนาดไม่ต่างไปจากคนดื่มสักเท่าไหร่นัก เปรมเงยมองนาฬิกาแล้วก็พบว่ามันเลยหนึ่งทุ่มไปได้สักพักใหญ่แล้ว ดื่มตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จนบัดนี้พระจันทร์ขึ้นมาแทน ก็ยังไม่มีทีท่าจะเลิกราง่ายๆ

“น้องเปรม...เปรมจ๋า อึก เปรม”

“ครับ รู้แล้ว ไม่ต้องเรียกชื่อ หยุด ไม่ต้องดื่มแล้ว”

“อยากกอดเมีย ไปๆ เข้าห้องกัน”

“ข้า อึก! ไม่ให้เอ็งหรอกไอ้หนุ่ม วันนี้หลานเปรมต้องนอนกับข้าเว้ย” ตาเสมาที่ยังพอมีสติอยู่บ้างมองเขม็งใส่ว่าที่หลานเขยอย่างไม่ยอม แม้จะรู้ตัวดีว่ากำลังพ่ายแพ้ให้แก่ไอ้หนุ่มคอทองแดงตรงหน้า แต่นี่หลานเปรมสุดที่รักของเขาเชียวนะ จะยอมยกให้ง่ายๆได้ยังไงกัน สมบัติของตระกูล ยกให้ง่ายก็ไม่ใช่ของมีค่าน่ะสิ

“ไหนตาบอก อึก! จะยอมยกเปรมให้ถ้าผมชนะ”

“ก็นั่นมันตอนนั้น ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หรือเอ็งอยากมีปัญหา บอกไม่ให้ก็ไม่ให้สิวะ”

“ตาอย่ามาพรากเมียไปจากอกผมสิ”

“เรื่องของเอ็ง”

“เดี๋ยวผมซื้อของมากำนัลให้”

“ไม่โว้ย”

“เสื้อผ้าใหม่ ใส่สบายๆ”

“ไม่จำเป็น ข้าชอบใส่ของเดิม”

“ถ้าไม่ยกเปรมให้ ผมจะฉุดเขาหนี หนีเลยนะตา” อสุเรนทร์คว้าคอร่างบางมากอดแล้วเอียงคอซบไหล่ออดอ้อน “เราจะหนีไปด้วยกันใช่ไหมจ๊ะเมียจ๋า”

“พี่ทศ พอๆ”

“หนีไปอยู่กรุงลงกากัน เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงดูอย่างดี”

“เอาไงดีครับพ่อ แม่” เปรมชักทนไม่ไหว หันไปปรึกษาพ่อกับแม่ที่เพิ่งเดินเข้ามา ยืนกอดอกมองสภาพชายคนละวัยพร้อมทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

สภาพแต่ละคนช่างอเนจอนาถเหลือเกิน

“นึกว่าจะแข่งกันเล่นๆ ที่ไหนได้ จัดหนักจัดเต็ม พ่อนะพ่อ...ห้ามก็ไม่เคยฟัง” กษิดิษบ่นพร้อมพยายามงัดปู่ไม้ที่นอนสลบไสลกอดขวดเหล้าอยู่ข้างเสาให้ลุกนั่ง และใช้อีกมือหนึ่งประคองคนแก่เอาแต่ใจอีกคนเข้ามาใกล้ๆ “เดี๋ยวพ่อพาปู่กับตาไปเอง ส่วนลูกก็พาคุณทศไปนอนพักในห้องซะ”

“ปล่อยข้าเว้ยไอ้แอ๊ด พวกข้ายังดวลกันไม่ อึก เสร็จ”

“สภาพเน่าขนาดนี้พ่อยังจะแข็งอีกเหรอ ไปๆ เดี๋ยวผมไปส่งเข้านอน”

“ข้าไม่ไป!” ตาเสมาโวยวายลั่นบ้านจนลูกสะใภ้อย่างดวงดาวต้องถลาตัวเข้าไปช่วยสามีจับชายชราเอาไว้ เพราะกลัวจะก้าวสะดุดแล้วล้มหัวฟาดพื้น มันคงไม่ดีแน่ๆถ้าให้คนแก่ขี้โมโหเข้าโรงพยาบาลอีก

“พาคุณเขาไปนอนซะเปรม”

“ครับแม่”

เปรมมองทั้งสี่คนเดินหายลับไปทางก่อนจะหันมองอีกคนที่ทำตัวเป็นลิงเกาะแขนเกาะเอว นั่งทำตาหวานเยิ้มใส่อย่างไม่ดูอายุตัวเอง เขาหัวเราะแล้วตีแขนมีมัดกล้ามแรงๆไปหนึ่งที

“ยิ้มอะไร”

“เปรมจ๋า”

“อะไรครับ”

“วันนี้พี่ขอนอนกอดเปรมอีกสักคืนนะ”

“ไม่เอา ตัวพี่เหม็น”

“นะๆ ไม่เหม็นหรอก”

“อย่าดื้อสิพี่ทศ”

“โอ้ย รู้สึกมึนหัวจังเลย” ว่าจบก็เอียงศีรษะพิงไหล่แคบ มือตวัดเกี่ยวรัดเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้นแล้วลูบไล้เบาๆ เปรมสะดุ้งโหยงรีบผลักคนเมาหื่นกามออก หากทว่าคนเมาคนนั้นดันเล่นยาม มือเหนียวหนึบประดับตุ๊กแกผสมปลาไหลที่ชอบทำให้อารมณ์เขาวูบวาบ หน้าร้อนผ่าว

“เอามือออกไปเลยพี่ทศ”

“ปวดหัวจัง”

“อย่าแกล้งเปรมสิ”

“แกล้งที่ไหน...ช่วยพี่นะ พี่ปวดหัว พี่เดินไม่ไหวเลย” ร่างสูงร้องออกมาพร้อมยกมือจับหัวที่ปวดจี๊ดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไถลหน้าไปซบอกนุ่มนิ่ม และแอบอมยิ้มเมื่อฟังเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะของคนรัก

“ไม่เคยเชื่อกันบ้างเลย บอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ”

“ไม่ดื่มพี่ก็อดเป็นลูกเขยบ้านนี้สิ หรือเปรมคิดจะทิ้งพี่ไปแต่งกับคนอื่น พี่ไม่ยอมหรอกนะ”

“เมาจนเพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว เฮ้อ เดี๋ยวผมพาไปนอนในห้องก่อนแล้วกัน”

“เปรมไม่นอนกับพี่เหรอ”

“ผมจะไปนอนกับแม่”

“ไม่เอา!” คนเมาโวยวาย “เปรมต้องไปนอนกับพี่”

“พี่ทศอย่าดื้อ”

“ใช่สิ ได้พี่แล้ว เลยจะทิ้งให้พี่นอนว้าเหว่คนเดียวใช่ไหมล่ะ เอาเถอะ ก็พี่มันคนไม่สำคัญ เปรมเลยไม่อยากสนใจใยดีสักเท่าไหร่” อสุเรนทร์เอ่ยเสียงเรียบพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นอย่างงอนๆ เปรมยิ้ม มือเรียวเอื้อมไปจับปลายคางของคนขี้งอนให้ยอมหันหน้ามาสบตาแต่ทว่าดวงตาคมกลับแกล้งทำเป็นเมินมองไปทางอื่นอย่างจงใจให้รู้ว่าจะไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ
ร่างบางโน้มศีรษะเข้าใกล้ แล้วก็ประทับริมฝีปากบางลงตรงเคราหนวดเขียวอ่อนใต้ริมฝีปากล่างอย่างแผ่วเบา ประกายตากรุ้มกริ่มฉายชัดชั่วพริบตาเดียวก่อนหายไป

“เมาแล้วพูดมากจังครับ นอนก็นอน แต่คืนนี้นอนอย่างเดียวนะครับ ห้ามทำอย่างอื่น”

“ถ้าบรรยากาศมันพาไปล่ะ”

“ผมจะเป็นคนดับมันเอง”

“ใจร้าย พี่สัญญาพี่จะทำเบาๆ”

“ไม่”

“เข้าห้อง เดี๋ยวก็รู้”

“เมื่อกี้พูดอะไรนะครับ”

“พี่บอกยอมแล้ว”

อสุเรนทร์ยิ้มกริ่ม แกล้งทำตัวไร้เรี่ยวแรงขณะอีกฝ่ายฉุดรั้งให้เขาลุกเดินตามเข้าไปในห้องนอน ที่นี่ยังเหมือนเดิม หอม...หอมกลิ่นกายของเจ้าของห้อง มันตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ โชยชายพาดผ่านแตะจมูกจนต้องเผลอสูดดมกลิ่นเอกลักษณ์อย่างเผลอไผล

หากเป็นไปได้ เขาก็อยากดอมดมมันทุกวันและ...ทั้งคืน

แสงจันทร์ในยามนี้ช่างผุดผาดไม่ต่างไปจากเรือนกายของคนข้างๆ อสุเรนทร์มองคนรักด้วยความหลงใหล ไม่ว่าเปรมจะทำอะไร พูดด้วยน้ำเสียงสีหน้าท่าทางแบบไหน เขาก็ชอบทั้งนั้น บอกได้เต็มปากเต็มคำ ตอนนี้ในหัวใจเขาปราศจากนางสีดาโดยสิ้นเชิง นางคือใคร ไม่รู้จัก มีความสำคัญกับเขายังไงในอดีตเขาไม่สน ความรักที่เคยมอบให้นางในอดีตกาลยังมิอาจเทียบเท่าความรู้สึกอิ่มเอมใจ เปี่ยมล้นไปด้วยรักที่มีต่อบุคคลตรงหน้า


ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน

-นิราศภูเขาทอง-


“ทีหลังอย่าคิดทำอะไรเกินตัวอีกนะครับ” เปรมบอกขณะลากผ้าชุบน้ำเย็นไปตามหน้าผาก กรอบหน้าลากผ่านไปยังต้นคอ

“เป็นห่วงพี่เหรอ”

“เปล่า”

“เปล่า แล้วเจ้ามะเขือเทศสองลูกที่ประดับอยู่บนแก้มน้องทั้งสองข้างคืออะไรเหรอ”

“พี่ทศ อย่าล้อเปรม”

“ก็เมียพี่น่ารักนี่” พลางลากสังขารเข้ามาหาร่างบางว่าแล้วก็กดจมูกลงกับซอกคอ สูดกลิ่นรัญจวนให้ชุ่มปอด ร่างบางสะดุ้งตกใจตีแขนเขาเสียยกใหญ่ จากลูกมะเขือเทศสองลูกก็กลับกลายมาเป็นไร่มะเขือเทศ อสุเรนทร์ยิ้มขำ เอาเถอะ ถึงน้องจะตีพี่สักเท่าไหร่ แรงแค่ไหน พี่ก็ไม่รู้สึกหรอก

“นี่เมาจริงหรือเปล่า พี่กำลังหลอกเปรมใช่ไหม”

“เมาจริงๆ”

“เชื่อได้ที่ไหน”

“แต่ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้...มันเมาเพราะฤทธิ์น้ำเหล้า หรือเมาเพราะรักน้องกันแน่”

เชื่อเถอะ ไม่ว่าใครที่ได้ยินประโยคนี้จากปากนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อชื่อดังต้องเป็นอ่อนระโหยโรยแรงกันเป็นแถบ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กหนุ่มผู้ไร้เดียวสาอย่างเปรม นั่งเบิกตากว้างหน้าแดงแจ๋อย่างทำอะไรไม่ถูก

น่ารักน่าหยอกเสียจริงเมียพี่

“แต่พี่ว่าต้องเป็นเพราะเมารักของน้องมากกว่า ดูสิเมาจนไม่รู้จะเผื่อใจไปให้ใครแล้ว” ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลงใหล ยิ่งหลงใหลก็ยิ่งรัก พอยิ่งรักมากก็ไม่อยากให้ห่างไปไหน เปรมจ๋า เปรมทำเสน่ห์ใส่พี่หรือเปล่า เหตุไฉนพี่จึงหลงรักน้องหัวปักหัวปำเช่นนี้

“เปรมจ๋า”

“ค...ครับ” เปรมพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตื่นเต้น ยามมือใหญ่ลากผ่านไปตามจุดต่างๆของร่างกาย ก่อนวกมาโอบอุ้มใบหน้าของเขาไว้เงยขึ้นมองสบกัน

“ยังจำกำไลที่ครูจันทร์ให้ไว้ได้ใช่ไหม”

“ครับ” พยักหน้าตอบกลับ หากมิวายเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย

“อยู่ไหนเสียล่ะ”

“ผมเก็บไว้ในลิ้นชัก พี่รู้เรื่องนี้ด้วยหรือครับ”

ก้านนิ้วเรียวดึงลิ้นชักด้านบนสุดเปิดออกพร้อมหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งมาวางไว้บนตัก ด้านในปรากฏกำไลทองเส้นเล็กนอนแน่นิ่ง ส่องแสงเรืองออกมาทักทายเล็กน้อย “ผมไม่รู้ทำไมครูจันทร์ถึงให้ผมมา ทั้งๆที่มันมีค่าขนาดนี้”

“เพราะเปรมมีค่ายังไงล่ะ”

“...”

ของมีค่าย่อมคู่ควรกับคนที่มีค่า

ความเย็นวาบสัมผัสเนื้อกายนุ่มทันทีที่กำไลทองฉลุลวดลายสวยงามสวมใส่ข้อมือเขา เสมอเหมือนบ่วงรักที่กำลังคล้องพวกเขาสองคนไว้

“ดีแล้วที่ปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นคนให้คงเสียใจแย่

“พูดอย่างกับพี่เป็นเจ้าของกำไลเส้นนี้” เปรมแกล้งถามอย่างขำๆ

“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ” อสุเรนทร์ยิ้มบางแล้วลูบกำไลบนข้อมือเล็กอย่างทะนุถนอม ช้อนสายตาขึ้นสบตาหวานล้ำ “ถ้าพี่บอกเป็นเจ้าของกำไลวงนี้ เปรมจะเชื่อหรือเปล่า”

“พี่...”

“ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของ ครูจันทร์หรือพี่ แต่พี่ก็อยากให้เราสวมมันไว้ตลอด”

“เปรมไม่กล้าใส่หรอก ถ้าหายมา เปรมคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ”

“ไม่หายหรอก และต่อให้มันหายจริง เปรมก็จะหามันเจอ”

เพราะกำไลวงนี้ต่อให้มีคนเอามันไป สุดท้ายมันก็ต้องวกกลับมาอยู่กับเจ้าของเดิมอยู่ดี

“ถือว่าพี่ขอ ห้ามถอดเด็ดขาด”

“ทำไมเปรมต้องใส่ด้วยล่ะครับ”

“เพราะพี่ไม่อยากห่างเปรมไปไกลอีกแล้ว”

กำไลวงนี้อาจดูเหมือนกำไลธรรมดาทั่วไป แต่แท้จริงแล้วมันมีความพิเศษเมื่อจิตของคนสองคนเชื่อมถึงกัน เขาจะสามารถรับรู้ถึงตัวตนของเปรมได้ทุกเมื่อ ต่อให้น้องน้อยอยู่ในที่ไกลแสนไกลแค่ไหน ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ณ แห่งหนใด เขาจะรู้ทุกอย่าง

“สัญญากับพี่ว่าจะไม่ถอดมันออก...ได้ไหม”

เปรมก้มลงมองกำไลสลับใบหน้าคมคาย เขาอยากจะปฏิเสธมากเหลือเกิน แต่ทว่าปากกลับไม่ขยับพูดตามสิ่งที่คิดสักนิดเดียว นึกสงสัยตนเองไม่น้อย เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอสุเรนทร์เอ่ยขอร้องสิ่งใด เขามักเชื่อฟังและทำตามเสมอ เปรมไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเฉกเช่นการถูกบังคับฝืนให้ทำ หากในหัวใจลึกๆ เขาออกจะเต็มใจทำมันเสียด้วยซ้ำ

“ถ้าพี่ขอเปรมก็จะไม่ถอดมันครับ”

“ดีแล้วล่ะ ดีมากเลย”

สองกายประสานกอดกันไว้อย่างแนบแน่น เปรมหลับตายามริมฝีปากอุ่นทาบทับลงบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน แช่มช้า  นุ่มนวล ก่อนลากไล้ลงมาตามสันจมูกและหยุดลงที่กลีบกุหลาบบางสีสด เรียวลิ้นอุ่นร้อนแตะแทรกผ่านไรฟันขาวเพื่อเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากโพรงปากและลิ้น  อสุเรนทร์มอมเมาเขาด้วยรสจูบหวานละมุน ดึงให้เขาตกสู่ห้วงปรารถนา

เสียงจูบดังอย่างจาบจ้วง แต่ก็ดังได้เพียงไม่นานเมื่อร่างน้อยทุบอกสองสามทีเพื่อประท้วงขออากาศหายใจ อสุเรนทร์มองใบหน้าสวยที่แนบชิดติดกัน ขบเม้มริมฝีปากบางอย่างยับยั้งชั่งใจ

“พี่รักเปรมนะ”

“...”

“รักสุดหัวใจ”

“บอกทุกชั่วโมง ไม่เบื่อบ้างหรือครับ” เปรมหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

“ถ้ามันทำให้เปรมรู้สึกดี พี่ยอมพูดชั่วชีวิต”

“ผมขอถามสักอย่างได้ไหม”

“ถามมาสิ”

เปรมเอนกายพิงซบที่บ่าแกร่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนผู้ชายคนอื่นในสมัยนี้ แต่ร่างกายของเขามันกลับพอเหมาะพอดีที่จะซุกซบกับคนคนนี้ คนที่ชอบพร่ำบอกรักทุกครั้งที่เจอหน้า รู้สึกดีและอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พี่ทศจริงจังกับเปรมจริงใช่ไหม”

“ทำไมถึงถาม”

ต้นแขนใหญ่โอบรัดแน่นขนัด ก้มลงสูดความหอมจากกลุ่มผมนุ่มที่คลึงเคล้าข้างแก้ม เขาไม่เข้าใจ ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเขารักมากขนาดไหนแล้วทำไมต้องถามอีก

“ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ”

“เปล่า เปรมไม่มั่นใจในตัวเองต่างหาก” อสุเรนทร์เลิกคิ้วแปลกใจ กวาดมือรอบไหล่เล็กแล้วดึงรั้งให้แนบชิดกว่าเดิม

“เปรมไม่อยากทำร้ายหัวใจของใคร โดยเฉพาะคนที่รักเปรมมากอย่างพี่ทศ”

“งั้นก็รักพี่ให้มากขึ้นสิ” เอ่ยกระซิบข้างหูเบาๆขณะริมฝีปากคลอเคลียไม่ห่าง และกดลงมาตรงหลังต้นคอ นิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับต้องการให้ความร้อนค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วร่าง

เปรมขยับตัวหา สบตาอีกฝ่าย

“รอเปรมหน่อยนะ ถ้าเปรมมั่นใจเปรมจะบอกคำนั้นให้พี่ฟัง”

“เรื่องนั้นต่อให้นานแค่ไหน พี่ก็จะรอ”

“...”

แต่ตอนนี้...ขอเลยได้ไหม ไม่อยากรอแล้ว





พี่ทศคนบ้าาาาา  ไม่รงไม่รออะไรแจ๊ะ :o8: :-[ :impress2: คิดจะย่ำยีน้องเปรมเขาท่าเดียว ช่างเป็นยักษ์ที่หื่นเสียนี่กระไร
วันนี้มาลงดึกอีกแล้ววว ฮือ กลับมาปุ้บก็รีบลงให้ทันที หาากพบคำผิดก็โปรดอภัยให้เราด้วย
วันนี้พิมพ์ไม่ไหวล่ะคะ่ ไว้เจอกันครั้งหน้านะคะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุข จุ๊บๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ให้คะแนนเชียร์พี่ทศเต็มที่ เพราะพี่ทศรักเปรมไม่ได้พร่ำเพ้อว่าเปรมคือนางสีดา
ในขณะที่รามยังยึดติดว่าเปรมคือสีดา
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ตอนนี้ยกให้หนูอิน นางเท่มากจริงๆ
มาดราชินีสุดๆอ่ะ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
แอบเห็นคำผิด แต่ก็ยังฟินไม่หลุดฉุดไม่อยู่ อิอิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เฮียทศหื่นวะ  ทุกตอนเลย  ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ก็คน(ยักษ์)มันรัก

พี่ทศ......

แอบกินน้องอีกแล้ว


ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด