Between us...รักข้างเดียว ►[End] - หนังสือ พร้อมส่งค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Between us...รักข้างเดียว ►[End] - หนังสือ พร้อมส่งค่ะ  (อ่าน 254950 ครั้ง)

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ขอให้แม่อุ่นใจอ่อนยอมรับเล้งไวๆๆๆๆนะ

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โธ่เล้งของเค้า พิสูจน์รักกันยาวๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นึกว่าป๊าจะดราม่าอีกคน,,

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
3ปีนี้เล้งต้องกลายเป็นคนดีแน่ๆเลย :m26: :m26:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ ๆ นะหลาน ๆ 3 ปีเอง ชิว ๆ  :m19:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
32nd Step : ชีวิตที่ยังเติมไม่เต็ม
[Ing]




หลังจากเรียนจบได้เพียงไม่นาน ผมก็ได้ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ ถึงแม้ระยะเวลาจากการเป็นนักศึกษากลายเป็นคนทำงานจะไม่กี่สัปดาห์ แต่ผมก็ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตอะไรหลายอย่างที่เคยผ่านมา

รวมไปถึงการที่ไม่มีใครอีกคนด้วย

ตอนนี้ผมไม่ได้ติดต่อกับไอ้เล้งมาหลายเดือนแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหน ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ตแบบนี้ ทำให้ผมติดตามเรื่องราวของมันได้ตลอด ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้คุยกันก็ตาม

ผมไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนไอ้เล้งจะเล่นสังคมออนไลน์หนักกว่าเดิม ขยันโพสต์และอัปเดตชีวิตประจำวันของตัวเอง จนผมอดเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า มันกำลังบอกเรื่องราวชีวิตให้ผมรับรู้อยู่ เพราะมันต้องรู้ว่าผมติดตามมันอยู่แน่

ในเมื่อผมกดไลก์ทุกอย่างที่มันโพสต์เลยนี่ครับ

ถึงจะมีเงื่อนไขมาขัดขวางไม่ไให้เราสองคนพูดคุยกันแต่ผมก็อยากให้มันรู้ว่า ผมยังไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ที่เดิม และยังสนใจมันเหมือนเดิม

ช่วงเวลาที่เราห่างกัน ไอ้เล้งทำให้ผมแปลกใจมากพอสมควรครับ ทั้งเรื่องใปฝึกงานตอนปิดเทอม แล้วไหนจะเรื่องเรียนภาษาเพิ่มอีก

คนขี้เกียจอย่างมันเนี่ยนะ?

ถึงจะไม่รู้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงตัวเองของมัน แต่ผมก็สนับสนุนนะครับ ยังไงก็ดีกว่าเอาแต่เล่นเกมแล้วก็เที่ยวไร้สาระอย่างที่เคย

ผมเข้าไปที่หน้าเฟซบุ๊กของไอ้เล้งแทบจะตลอดเวลาที่ว่างเลยครับ อยากรู้ทุกการเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ แล้วเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ มันถึงอัปเดตข้อมูลตัวเองแบบเรียลไทม์ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกสังคมก้มหน้าไปแล้ว

ยิ่งเห็นรูปและอ่านข้อความที่มันโพสต์เอาไว้ ผมก็ยิ่งคิดถึงครับ

สิ่งที่พอจะบรรเทาความรู้สึกเหล่านี้ได้ ก็คือการหาความสนใจอย่างอื่น อาทิเช่นงานที่ต้องรับผิดชอบ

ผมทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ครับ และเข้างานในเวลาเก้าโมงเช้าและเลิกงานหกโมงเย็น เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ก็นิสัยดี ถึงจะมีบางคนไม่น่าคบแต่ถ้าไม่ได้ยุ่งด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

"เฮ้ย! อิงไปเที่ยวกันต่อป่ะ"

เมฆเดินมาหาผมที่โต๊ะทำงาน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ผมสนิทที่สุดในตอนนี้ครับ

"ไม่ว่างว่ะ เอาไว้วันหลังแล้วกัน"

"มึงปัดมาหลายทีแล้วนะเว้ย สาวๆ เขาก็รออยู่"

เมฆเหล่ตาไปทางกลุ่มเพื่อนร่วมงานสาวที่นั่งรวมกลุ่มคุยกันไม่ห่างออกไปนัก ผมมองตามเล็กน้อย แล้วเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับ

"อืม ถ้าว่างแล้วจะบอก"

"เอาเถอะๆ ถามจริงมึงยุ่งอะไรทุกเย็นเลยว่ะ"

ผมมองเมฆที่ทำหน้าข้องใจสุดๆ เพราะนอกจากงานเลี้ยงตอนรับหลังเลิกงานในช่วงแรก ผมก็ไม่ได้เที่ยวเตร่ที่ไหน เลิกงานก็รีบปลีกตัวไม่สนใจเพื่อนร่วมงานนัก

ผมลุกขึ้นยืน หลังจากเก็บของและปิดคอมพิวเตอร์เสร็จเรียบร้อย แล้วมองเพื่อนร่วมงานตรงหน้าอีกครัง

"ไปรอแฟนน่ะ"

เมฆมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร ก่อนจะทำหน้าเข้มใส่ผมด้วยท่าทีเอาเรื่อง

"ไอ้คุณอิงตะวัน ไอ้คนบาป"

"อะไรของมึง"

"มึงทำให้หลายคนต้องอกหัก มึงต้องรับกรรม"

"ไร้สาระ"

ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะเดินผ่านเพื่อนร่วมงานที่ไม่ใส่ใจคำต่อว่าของผมเช่นเดียวกัน

"แล้วเจอกันมึง"

"อืม"


........


ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟตรงชั้นล่างของอาคารเปิดให้เช่าแห่งหนึ่งครับ ผมไม่ได้นึกครึ้มอยากดื่มด่ำคาเฟอีนรอบเย็น แต่กำลังรอคนที่มาเรียนภาษาที่ชั้นสามของที่นี่ต่างหาก

นอกจากไอ้เล้งจะโพสต์เรื่องราวชีวิตประจำวันแล้ว สิ่งไหนที่ผมอยากรู้เพิ่ม ก็ไปถามกับเพื่อนสนิทของมันเอาครับ

ผมใช้เวลากับมอคคาในแก้วได้พักใหญ่ ก็เห็นคนที่รอคอยเดินเข้ามาในร้าน แล้วนั่งลงในระยะที่เราสองคนมองเห็นกัน

ไอ้เล้งอยู่ตรงนั้น

เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน มันมองผมเล็กน้อยแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อ เพียงไม่นานเสียงอัปเดตจากเฟซบุ๊กก็ดังเตือน และเมื่อผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นภาพแก้วกาแฟและข้อความกำกับอีกเล็กน้อย

-ดื่มกาแฟสักแก้ว ก็หายเหนื่อย-

ผมเงยหน้ามองเจ้าของโพสต์ที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ แล้วยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกดไลก์เหมือนทุกครั้ง

ผมนั่งมองไอ้เล้งเรื่อยๆ แบบห่างๆ จนกระทั่งคนในสายตาลุกออกไปจากร้าน ผมถึงเดินออกไปบ้าง กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มแล้วครับ

"กินข้าวมาหรือยัง"

"ยังครับ แต่เดี๋ยวอิงไปทำกินเอง"

ผมส่งยิ้มให้แม่ ก่อนจะเดินไปเก็บของที่ห้องของตัวเอง แล้วลงมาที่ห้องครัวเพื่อทำมื้อเย็นต่อ ช่วงนี้ที่ร้านอิ่มอุ่นก็เปิดบริการตามใจฉันโดยที่มีพี่ลำไยช่วยดูแลเหมือนเดิมครับ ผมทำงานแล้วก็ไม่อยากให้แม่ต้องมาทำงานหนักอีก แต่ท่านก็บอกว่าทำฆ่าเวลาแก้เบื่อ

"เดี๋ยวนี้ทำไมกลับดึกทุกวัน งานเยอะหรือไง"

"ก็นิดหน่อยครับ"

ตอนนี้ที่บ้านมีแค่ผมกับแม่อยู่กันสองคน อ้อนย้ายไปอยู่หอแถวมหาวิทยาลัยตั้งแต่เปิดเทอม ส่วนพี่อุ้มก็กลับบ้านบ้างเป็นบางครั้งเหมือนเดิม

"อืม งั้นแม่ขึ้นนอนก่อนนะ"

"ครับ"

ผมมองตามแม่ที่เดินขึ้นไปชั้นสามของบ้าน ก่อนจะหันไปสนใจโทรท้ศน์ที่เปิดอยู่

หลังจากที่ผมทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ผมกับแม่ก็ไม่พูดถึงไอ้เล้งอีก ผมไม่อยากให้แม่เข้าใจว่าผมยังติดต่อกับมันอยู่ บางครั้งผมก็อดคิดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ว่า มันไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดกับสัญญาอะไรนั่นมากก็ได้ ยังไงแม่ก็ไม่รู้อยู่แล้ว

ตั้งแต่วันนั้นก็มีแค่ผมที่ยังยุ่งเรื่องของมันฝ่ายเดียวอยู่ทุกวัน

ผมถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างที่ทำเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่าง


.........


ผมใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างเรียบง่าย จนกระทั่งช่วงรับปริญญามาถึง บรรยากาศสมัยก่อนก็ย้อนเข้ามา เพื่อนหลายคนที่ไม่ได้เจอกันก็ชักชวนมาถ่ายรูป รวมไปถึงเพื่อนที่ไม่ได้รับเชิญ

"รีบถ่ายรูป กูจะได้รีบกลับ ร้อนว่ะ"

ไอ้แชมป์ทำหน้ากวนเดินมาหา ผมยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร มันก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปคู่กับผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

"โอเค งั้นกูกลับล่ะ"

"ไอ้สัตว์ มึงมาทำไม"

ผมสบถออกมาพร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจใส่ แต่มันก็แค่ยักคิ้วกลับอย่างท้าทาย

"กูแค่มาแทนเพื่อนกู"

"มันบอกให้มึงมา?"

ความหวังเกิดขึ้นมาในใจทันที ก่อนความรู้สึกนั้นจะหายไป เมื่อคนตรงหน้าตอบ

"เปล่า กูเสร่อมาเอง สงสารคนที่แฟนไม่เอาอย่างมึงว่ะ"

"จะไปไหนก็ไป"

"ฮ่าๆ ไปล่ะ เอารูปมึงตอนนี้ไปขาย ไอ้เหี้ยเล้งจะซื้อไหมวะ"

"ไอ้เหี้ยแชมป์!"

ผมถอนหายใจอย่างระบายความหงุดหงิดกับคนที่เดินจากไป ผมไม่ได้อยากสนิทกับมันหรอกครับ แต่เราสองคนก็คุ้นเคยกันเพราะผมถามเรื่องของไอ้เล้งจากมันบ่อยๆ ก็เลยกลายเป็นคนรู้จักที่ไม่อยากคบด้วยเท่าไหร่

ทว่าผ่านเรื่องไอ้แชมป์ไปได้ไม่นาน ไอ้กลมก็พาไอ้ห่ามีนที่ผมยังไม่ถูกกับมันมาถ่ายรูปด้วยกัน มันก็ยังทำท่าทียั่วโมโหของผมเหมือนเดิม

"หึ! ได้ข่าวว่าโดนเล้งเขี่ยทิ้งเหรอ"

"ไอ้สัตว์"

ทำไมเพื่อนของไอ้เล้งแต่ละคน ถึงชวนให้ด่าทุกครั้งเลยวะ?!

"เอาน่าๆ อย่ามาทะเลาะกันสิ มาถ่ายรูปกัน"

ผมมองไอ้กลมที่ยิ้มร่าแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ ก่อนที่เราสามคนจะได้ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก

"แล้วมึงมากับมันได้ยังไง"

ผมหันไปถามไอ้กลมอย่างสงสัย ก็ไม่ได้คิดว่าสองคนนี้จะไปสนิทกันนอกรอบหรอกนะครับ

"กูชวนน้องมันมา ยังไงก็เรียนที่เดียวกันแถมยังเป็นคนรู้จักกันนี่หว่า"

ไอ้กลมบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร พลางลอบมองอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างไม่ขอบใจนัก

"เย็นนี้ไปกินเลี้ยงกันนะมึง"

ไอ้กลมบอกอีกครั้ง ผมก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า ก่อนที่เพื่อนของผมจะชวนเพื่อนของไอ้เล้งไปที่อื่นต่อ ทั้งที่เป็นวันที่น่ายินดีแต่ผมก็หงุดหงิดจนยิ้มไม่ออกเลยครับ

นอกจากจะเบื่อกับความร้อนและจำนวนคนที่แสนวุ่นวายแล้ว การที่ต้องเจอเพื่อนของไอ้เล้งแต่ละคนก็ทำให้อุณหภูมิอารมณ์ของผมพุ่งสูงขึ้นไปอีก และก่อนวันสำคัญที่เหน็ดเหนื่อยจะหมดลง ผมก็ได้เจอเพื่อนที่คิดว่าคงไม่ได้ติดต่อกันอีก

"แสดงความยินดีด้วย"

"ขอบใจ"

ฝ้ายไม่ได้ส่งยิ้มให้ผม เธอมีท่าทีลังเล ริมฝีปากที่ตกแต่งด้วยลิปสติกสีหวานเม้มเข้าหากัน

"อิง เราขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมานะ"

ผมนึกแปลกใจ เมื่อมองสีหน้าไม่สู้ดีนักของฝ้าย ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่ถือสา ถึงแม้ก่อนหน้านี้เดื้อนะคนนี้จะทำเรื่องวุ่นจนทำให้ผมโมโหก็ตาม แค่เธอยอมรับ ผมก็พร้อมจะให้อภัยครับ

"ถ่ายรูปกันไหม"

"ไม่ดีกว่า แค่แวะมาน่ะ"

ฝ้ายส่งยิ้มบาง ก่อนจะมองรอบตัวผมครู่หนึ่ง แล้วหันมาสนใจผมอีกครั้ง

"แล้วอีกคนไม่อยู่ด้วยกันเหรอ"

"ใครเหรอ"

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5

"แฟนของอิงน่ะ"

ผมมองฝ้ายด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่สองคนนั้นเจอกัน คือการที่อีกฝ่ายตบหน้าไอ้เล้ง

"ทำไมเหรอ"

ผมมองฝัายอย่างสงสัย เธอไม่ได้มีท่าทางผิดปกติอะไร ก่อนที่ผมจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูดต่อ

"อยากขอโทษเล้งด้วย พอดีครั้งล่าสุดเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย"

"เดี๋ยวเราไปบอกมันให้แล้วกัน"

"อืม ขอบใจนะ งั้นเราไปก่อน"

ผมมองตามแผ่นหลังบางที่หายไปกับกลุ่มคน ก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอีกครั้ง แล้วอดคิดถึงอีกคนที่ไม่ได้มายีนอยู่ด้วยกันไม่ได้

แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เพื่อนร่วมรุ่นที่กระจัดกระจายกันไปถ่ายรูปกลับมารวมกลุ่มที่จุดนัดพบอีกครั้ง ในขณะที่รอรวมพลผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดใช้งานไลน์ โดยไม่ได้สนใจข้อความก่อนหน้านี้ที่ไม่เคบถูกเปิดอ่าน

-วันนี้เพื่อนมึงมาถ่ายรูปกับกู ฝ้ายก็ฝากมาขอโทษมึงที่เอาแต่ใจด้วย-

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองหน้าจอของแอพพลิเคชั่น ก่อนจะกดไปตามแป้นพิมพ์ต่อ

-กูอยากให้มึงมา คิดถึงมึงว่ะ-


..........


หลังจากจบงานรับปริญญามาได้ไม่กี่เดือน ผมก็ตัดสินใจบวชที่วัดในละแวกบ้านครับ แม่ดีใจมาก ผมไม่รู้ว่าจะเป็นบาปไหม ถ้าผมมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง เพราะนอกจากจะต้องการทดแทนบุญคุณบุพาการีแล้ว ผมก็ยังต้องการไถ่โทษที่ทำให้แม่ต้องเสียใจเกี่ยวกับคนรักด้วย

ผมบวชแค่สิบห้าวัน ถึงจะใช้เวลาไมนานแต่ผมก็จริงจังนะครับ

ตอนนี้ไอ้เล้งเรียนจบแล้ว แต่มันมาเรียนภาษาอยู่ แล้วผมก็ยังมารอเจอมันหลังเลิกงานเหมือนเดิม

วันนี้งานค่อนข้างยุ่งครับ ผมจ้องคอมพิวเตอร์และแฟ้มงานมาหลายชั่วโมงแล้ว ก่อนจะต้องละสายตาเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ

"อะไร กูยุ่ง"

[อ้อเหรอ งั้นเรื่องไอ้เล้งไว้คุยทีหลังแล้วกัน]

"ว่ามาไอ้สัตว์"

ผมขมวดคิ้วอย่างรำคาญ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคอบกลับมา ก่อนจะต้องข่มอารมณ์ต่อ เพราะการกวนประสาทจากปลายสาย

[คืนนี้มึงพาเพื่อนมาแดกเหล้าร้านกูด้วย]

"ไอ้แชมป์"
ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงต่ำ แต่มันคงไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม ก่อนที่ปลายสายจะเข้าเรื่อง

[ไอ้เล้งมันจะไปเรียนต่อเมืองนอก]

"ฮะ?!"

ไอ้เล้งจะไปเมืองนอก!!!

[กูไม่พูดซ้ำนะ กูรู้ว่ามึงได้ยินแล้ว]

"ไปที่ไหน ไปเมื่อไหร่"

[ไปอเมริกาคืนนี้ แบบกะทันหันเพราะกำหนดการห่าเหวอะไรสักอย่าง]

ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสายมันทิ้งอย่างไม่สนใจมารยาท แล้วเลื่อนไปยังหน้าจอของเฟซบุ๊กทันที แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามันจะโพสต์อะไรเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางในคืนนี้

ผมขสวดคิ้วยุ่งด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้ามันไปอยู่ต่างประเทศ ผมคงไปดักรอมันอย่างที่แล้วมาไม่ได้อีก

ผมจะทำยังไงดี...

จากตอนแรกที่มีแค่เวลาที่เป็นปัญหา แต่ตอนนี้ระยะห่างก็ชักจะทำให้ผมหวั่นใจแล้วเหมือนกัน


.........


"เล้งไปเมืองนอกคืนนี้?"

"อืม"

ไอ้กลมมองผมด้วยท่าทีเป็นห่วง ตอนนี้มันก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเหมือนกันครับ เพราะความกลุ้มใจ ผมเลยชวนเพื่อนสนิทมาคุยแก้เครียด

"แล้วไปนานแค่ไหน ไปเรียน ไปทำงาน หรือย้ายไปอยู่นู้นเลยวะ"

"กูไม่รู้เหมือนกัน"

ผมขมวดคิ้ว อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าไม่ได้รับการสนใจอย่างที่ควร ก่อนที่ผมจะเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นไอ้กลมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายเฉย

"เดี๋ยวถามมีนก่อน"

ผมไม่ได้ตอบรับอะไร นอกจากมองคนตรงหน้าที่ยังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ ในขณะที่ความสงสัยบางอย่างกำลังทำงาน เสียงของคนตรงหน้าที่พูดสายก็ปัดความข้องใจของผมทิ้งไปทันที

"มีนรู้เรื่องที่เล้งไปเมืองนอกหรือเปล่า"

ผมนั่งรอฟังคำตอบที่ตัวเองไม่ได้ยิน แค่ก็สังเกตจากสีหน้าและท่าทีของเพื่อนสนิทแทน

"อืม งั้นเหรอ อืมๆ ใช่ อืมๆ"

อะไรของมันวะ...

ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจพร้อมกับนั่งมองคนตรงหน้า ไอ้กลมส่งสายตามาทางผม ทั้งที่ยังคุยกับปลายสายอยู่

"อืม ขอบใจ อืม รู้แล้วน่า อืม... ขอบใจ"

ผมมองไอ้กลมที่วางสายด้วยความอยากรู้เต็มที่ แล้วเพื่อนของผมก็รีบเล่าให้ฟังทันที

"เล้งไปเรียนต่อน่ะ เรียนจบก็คงฝึกงานที่นั่นต่อด้วย”

ผมกลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกกังวลเติบโตขึ้นในใจแบบฉุดไม่อยู่ 

"เฮ้ย! มึงไม่ต้องเครียด พอครบสามปี เล้งยังไม่กลับมา มึงก็บินไปหาน้องเขาก็สิ้นเรื่อง"

"อืม"

นั่นสินะ...

ผมผ่อนลมหายใจออกมา อเมริกาก็ไม่ได้ไปยากเกินความสามารถของผมหรอก เพียงแต่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง หัวใจของมันจะยังไม่เปลี่ยนไป

ถึงจะรู้ว่ามันรักผมก็เถอะ แต่ผมแอบกลัวใจของมันจริงๆ ถ้าหากไอ้เล้งไปถูกใจฝรั่งหน้าตาดีมีเสน่ห์ขึ้นมา ผมจะทำยังไงดีวะ

"แล้วคืนนี้ มึงจะไปส่งที่สนามบินหรือเปล่า ตอนสี่ทุ่มน่ะ"

"ไม่ล่ะ"

ถ้าผมต้องเห็นมันเดินจากไปแบบไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่ ผมคงต้องวิ่งไปรั้งมันเอาไว้แน่ครับ

"อืม มึงอย่าคิดมากเลย ยังไงเล้งก็ยังอยู่ในโลกนี้ ไม่ได้ออกไปอวกาศจนไปหาไม่ได้สักหน่อย"

"ไม่ตลก"

"ฮะๆ ก็ไม่อยากให้มึงเครียดเกินไป"

"อืม ขอบใจ"

ผมมองรอยยิ้มของไอ้กลมที่ส่งมาให้ ก่อนจะกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าที่ไม่ได้อยากกินสักนิดต่อ ก่อนความคิดฟุ้งซ่านของผมจะพัดพาความสงสัยกลับเข้ามา

"มึงสนิทกับไอ้ห่ามีนนั่นเหรอ"

"ก็คนรู้จักกันธรรมดานั่นแหละ"

"กูไม่ชอบมัน"

"กูรู้แล้วน่า"

ผมตีหน้ายุ่งมองคนตรงหน้าที่มองผมด้วยท่าทีปกคิ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างระบายอารมณ์

"มีอะไรก็บอกแล้วกัน"

"อืม"

หลังจากไอ้เล้งบินไปถึงอเมริกาได้เพียงวันเดียว รูปภาพจากต่างแดนก็ถูกโพสต์ลงในฟซุบุ๊กพร้อมกับข้อความกำกับเช่นเคย

-จุดเริ่มต้นของอิสรภาพ-

ผมมองไอ้เล้งที่ยืนยิ้มโดยมีฉากหลังเป็นอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แล้วถอนหายใจออกมา พลางกดไงก์ให้เหมือนเคย

อิสรภาพงั้นเหรอ...


.........


เมื่อสัปดาห์ก่อนพี่อุ้มเพิ่งแต่งงานครับ เจ้าบ่าวเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและตอนนี้เป็นเจ้าของรีสอร์ทและสวนผลไม้รายใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี ผมเองก็ยินดีที่พี่สาวจอมน่ารำคาญขายออกไปสักที

จากวันนั้นที่ผมต้องห่างกับไอ้เล้งจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีแล้วครับ

ทุกอย่างผ่านไปตามครรลองที่แสนธรรมดาตามที่ควรจะเป็น ชีวิตที่ผมเองก็หวังเอาไว้

มีครอบครัวที่ดี สุขภาพแข็งแรง รายได้ไม่ขัดสน แต่กลับไม่มีความสุขเท่าที่ควรจะได้รับ

ผมรู้ว่าสิ่งที่ขาดหายไปคืออะไร แต่ก็ทำได้แค่ทำใจและรอเวลาเท่านั้น

.

.

.

.Next step loading...


Marionetta
: ดีค่ะ มาต่อแล้วจ้า ^^
สำหรับตอนนี้ก็เน้นเรื่องเล่าโดยรวมค่ะ มาแบบเหงาปนหน่วงเล็กน้อยตามประสาอิงอิง
ขอบคุณทกท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ สามารถแยะยำและจิชมมาได้ค่ะ  เขอกัยจอนหน้ากัลนังเล้งนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อดทนอีกนิดนะพี่อิง :กอด1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 อีกนิดก็เจอกันแล้วน้าสๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สู้ๆนะคะ ทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เล้ง ที่ดูเรื่อยๆเฉื่อยๆ กลับทำให้ผิดคาดซะนี่
เล้ง รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่อุ่น
ไม่ติดต่อกันกับอิง ทั้งที่ถ้าติดต่อกันแม่อุ่นก็ไม่รู้   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อิงไม่ไปส่งเล้ง เพราะมีเหตุผล
แต่อิงก็กลัวเล้งไปเจอคนใหม่ที่อเมริกา
จุดเริ่มต้นของอิสรภาพของเล้ง จะเป็นยังไงนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
รออีกนิดนะ ใกล้ 3 ปีแล้ว

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
สงสารทั้งคู่เลยยยยย

แงงง คิดถึงตอนสองคนนี้อยู่ด้วยกัน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชีวิตมีไว้ต้องสู้ สู้ต่อไปนี้หลานอิง หลานเล้ง  :m19:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อีกปีนะพี่อิง. สู้ๆๆๆ เป็นกำลังใจให้,,,

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
การรอคอยเป็นความทรมาน ลำดับต้นๆ

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากเลยค่ะ
มาสูบกำลังใจ ก่อนไปปั่นต่อ อิอิ  o18

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
รอๆๆๆๆ เล้ง&อิง

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ห่างกัน ไม่ว่าเวลา หรือสถานที่ ก็เป็นอุปสรรคทั้งนั้น มีแต่ใจเราที่ไม่เปลี่ยนไป
อิงน่าสงสาร เล้งไปแบบไม่มีคำลา แต่อย่างน้อย เล้งก็พยายามเพื่อพี่อิงนะ
เล้งก็เหงาเศร้าไปเหอะ อีกปีเดียวเอง เล้งกลับมาวันครบสามปีพอดีเลยนะ อยากให้อิงอิงหายเศร้า

แม่อุ่นไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ วัดใจกัน หรือไม่ชอบแบบจริงจังน่ะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
รอด้วยๆ  เมื้อไหร่จะครบสามปี

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
33rd Step : เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนใจ
[Leng]

 

ผมย้ายมาใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ

หลังจากทนเรียนภาษาอย่างเข้มข้มและจริงจังมาร่วมปีจนสามารถสนทนาได้คล่องและทำข้อสอบได้ถึงเกณฑ์ ป๊าก็ทำเรื่องโยนผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาต่อ ทั้งที่เรียนจบไม่ถึงปีด้วยซ้ำ

ผมได้แต่โอดครวญเพราะทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าและการไปอยู่ต่างประเทศจะน่าสนใจก็ตามที

ถ้าไปเที่ยวไม่ใช่ไปเรียนต่ออย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ล่ะนะ...

ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ผมเช่าพักที่อพาร์ตเมนต์ราคาปานกลางที่มีการคมนาคมสะดวกแห่งหนึ่ง และใช้เวลาเดือนแรกไปกับการเตรียมตัวและปรับชีวิตใหม่

ในสัปดาห์แรกก็ตื่นเต้นและสนุกอยู่หรอกครับ แต่ผ่านมาสักพักผมก็เริ่มเหงา แต่ก็หาวิธีบรรเทาอาการเปลี่ยวทางอารมณ์ด้วยการคุยกับเพื่อนผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่มี ถึงแม้จะโดนด่าเพราะความต่างของเวลาก็ตาม

ตอนนี้เวลาเก้าโมงเช้าโดยประมาณ ผมเดินไปหาอาหารมื้อแรกของวัน ซึ่งก็หนีไม่พ้นเมนูแสนจะธรรมดาอย่างกาแฟและแซนด์วิซแฮม ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงริมหน้าต่าง

แสงแดดสาดผ่านผ้าม่านมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อน เมื่อเลิกชายผ้าม่านออกก็จะเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาที่ถนนเบื้องล่าง ผมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มพลางนึกย้อนความทรงจำที่ผ่านมาในความคิด

ตั้งแต่ผมเริ่มต้นปรับตัวเองโดยมีเงื่อนไขของการยอมรับเป็นเดิมพัน ชีวิตประจำวันของผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นปีสี่ ผมก็ใช้เวลาที่มักจะเที่ยวเล่นอย่างไร้สาระมาฝึกงานที่บริษัทอย่างเต็มที่และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มอย่างจริงจังควบคู่ไปด้วย

ผมยอมรับว่าตอนนั้นเหนื่อยมาก การเปลี่ยนตัวเองเหมือนหักดิบจากสิ่งที่ทำเป็นประจำเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ผมท้อแท้อยู่หลายครั้งและถอดใจอยู่หลายหน แต่พอนึกถึงผลลัพธ์ที่จะได้กลับคืนมา ผมก็มีกำลังใจสู้ต่อ

ผมโพสต์เรื่องราวของตัวเองลงในเฟซบุ๊กเป็นการระบายความเครียดส่วนหนึ่งและในขณะเดียวกันก็บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ใครคนหนึ่งได้รู้

คนที่ผมไม่สามารถติดต่อหรือพูดคุยได้

แต่ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังติดตามอยู่ แค่ได้รับรู้ว่าใครอีกคนยังไม่ได้หายไปไหน ผมก็พอใจแล้วครับ

เมื่อชีวิตนักศึกษาปีสุดท้ายมาถึง ผมก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น เวลาที่เคยใช้ดื่มเที่ยว ก็หันมาอ่านหนังสือและเรียนภาษาจนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิงจนเพื่อนสนิทแซว

"เคยเห็นแต่คนสู้เพื่อแม่ เพิ่งเจอคนสู้เพื่อผัวเนี่ยแหละ"

"ไอ้สัตว์"

ถึงผมจะกลายเป็นคนเอาการเอางานแบบผิดหูผิดตา แต่ก็ยังสนิทกับเพื่อนเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ได้เอาเวลาไปไร้สาระกับพวกมันเท่านั้นครับ

ในตอนนั้นผมเบื่อมากและอยากหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่เป็นระยะ คนที่เกลียดการอ่านหนังสือต้องมาใช้เวลากับมันหลายชั่วโมงในแต่ละวัน แล้วไหนจะเรื่องเรียนภาษาทุกวันอีก โชคดีที่อาจารย์หล่อ ผมเลยมีแรงบันดาลใจไปเรียนแบบไม่ขาดสักครั้ง

ก็แค่มองให้เพลินตาแต่ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นหรอกนะครับ...

นอกจากนั้นก็มีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมยังพยายามต่อไปได้ นั่นคือการได้เจอคนที่คิดถึงที่สุด

ถึงผมจะไม่ได้คุยกับไอ้อิงเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราสองคนห่างกันอย่างที่คาดเอาไว้ตอนแรก อาจเป็นเพราะโลกที่ทำให้ทุกคนใกล้กันได้ด้วยอินเทอร์เน็ตมั้งครับ

คิดถึง...

ทุกครั้งที่ได้เห็นตัวจริงหรือชื่อที่กดไลก์ในเฟซบุ๊ก ผมจะรู้สึกแบบนั้นเสมอ การที่เราไม่ได้ติดต่อกันเป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจพอสมคาร แต่ก็ช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญและความรู้สึกของเราสองคนได้เช่นเดียวกัน

สามปีเอง...

ผมมองแซนด์วิซที่ถืออยู่ ซึ่งรสชาติไม่แตะความอร่อยอย่างทอดถอนใจ ก่อนจะจำใจกัดเข้าไปอีกครั้ง แล้วยกแก้วกาแฟดื่มต่อ ความขมของเครื่องดื่มกระจายไปทั่วโพรงปาก

ผมวางแก้วกาแฟลงอีกครั้งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาสิ่งบันเทิงดู ทว่าเมื่อเห็นรูปที่ตั้งอยู่เป็นฉากหลัง ผมก็ถอนหายใจ แล้วนึกถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง


..........


เมื่อ 11 เดือนก่อน

[ไอ้เล้ง มึงอยู่ไหน]

"กูอยู่ห้อง เดี๋ยวจะไปเรียนต่อ"

[เออๆ แล้วไม่ไปวันรับปริญญาแฟนมึงเหรอ]

"ถามมาได้ ก็รู้อยู่ว่ากูไปได้ที่ไหนกัน"

ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ยิ่งได้ยินเสียงของปลายสายก็ชวนให้รู้สึกไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม

[วันนี้กูไปแทนมึงมาแล้ว ไม่ต้องร้องไห้นะมึง]

"ไอ้เหี้ยแชมป์"

ผมฟังเสียงหัวเราะแผ่วพลางถอนหายใจออกมา หลังจากที่ผมไม่ได้ติดต่อกับไอ้อิง ก็มีไอ้แชมป์ที่เป็นคนกลางเพราะแฟนของผมตามตัวมันง่ายกว่าไอ้เป้ครับ

[เดี๋ยวกูส่งรูปไปให้มึงดูแล้วกัน]

"อืม"

[แต่กูตั้งขายไว้นะ จะกดโหลดก็จ่ายเงินก่อนนะมึง]

"ไอ้สันดาน"

ไอ้แชมป์แค่หัวเราะเยาะตอบรับ ก่อนที่มันจะวางสายไป แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีรูปภาพที่มันพูดภึงก็ส่งเข้ามาในไลน์ของผมครับ ผมเลยอดส่งข้อความไปเหน็บแนมมันอีกรอบไม่ได้

-หึ! ไหนว่าจะขายให้กู-

-กูไม่ขายข่าวเพื่อนกับรูปผัวเพื่อน-

ผมส่งสติกเกอร์ตอบแทนความกวนประสาทของมันตบท้าย แล้วกลับไปสนใจรูปที่ได้รับมา

ภาพหน้าบึ้งๆ ที่ผมเห็นจนเคยชินฉายอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วกดบันทึกเอาไว้ในเครื่อง

ผมมองรายชื่อที่แจ้งข้อความเข้าแต่ผมไม่เคยเปิดอ่าน ก่อนจะเลื่อนหน้าจอไปยังเฟซบุ๊ก แล้วโพสต์รูปดอกไม้ช่อสวยพร้อมกับข้อความกำกับเล็กน้อย

-แสดงความยินดีกับทุกความสำเร็จในวันนี้-

หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็มีชื่อของคนที่รอมากดไลก์ข้อความของผม


........


หลังจากใช้ชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยความพยายามจนเรียนจบ ผลลัพธ์ของความยากลำบาก ก็คือผลการเรียนที่ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งทำให้ผมดีใจมาก

ถ้าตั้งใจจริง ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

ตอนนี้ผมเชื่อคำพูดนี้สุดหัวใจ และจะใช้เป็นคติประจำตัวต่อไปด้วยครับ

ผมไม่ใช่ไอ้เล้งที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นอีกแล้ว...

อาทิตย์หน้าผมจะเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาโททางด้านธุรกิจ และเมื่อเรียนจบก็จะต้องหางานทำอีกหนึ่งปี ป๊าถึงจะยอมให้กลับมาทำงานที่บริษัทได้ แน่นอนว่าถ้านับเวลารวมทั้งหมด ถึงจะครบกำหนดสามปีแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้เจอไอ้อิงอยู่ดี ผมคงทำได้แค่คุยกับมันผ่านคลื่นโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตเท่านั้น และหวังว่าหัวใจของเราจะยังเป็นของกันและกันเหมือนเดิม

ผมลุกจากเก้าอี้ที่นั่งทอดอารมณ์และความคิดกับมื้อเช้ามาพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกจากห้องพักเพื่อเริ่มต้นชีวิตประจำนในประเทศมี่เชิดชูความเท่าเทียมและเสรีภาพ


..........


ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5


ชีวิตนักศึกษาในต่างประเทศน่าสนใจกว่าที่คิดครับ ผมมีเพื่อนตั้งแต่วันแรกและกิจกรรมของมหาวิทยาลัยก็มีให้เลือกเข้าร่วมเยอะแยะ

ผมได้เพื่อนสนิทเป็นหนุ่มอเมริกันที่ชื่อไบรอัน เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงที่มีผมสีทองและนัยน์ตาสีน้ำทะเล แถมยังหน้าตาดีน่ามองคนหนึ่งอีกด้วย

เราสองคนมีโอกาสได้รู้จักกันเพราะที่นั่งในวันแรกที่อยู่ติดกัน แล้วก็มารู้อีกทีว่าเขาพักอยู่ที่อพาร์เมนต์ที่ห่างจากผมแค่สองบล็อก

"แดน นายจะกลับห้องเลยหรือเปล่า"

"อืม ทำไมเหรอ"

เนื่องจากชื่อเล่นของผมค่อนข้างเรียกยากสำหรับชาวตะวันตก ผมเลยตั้งชื่อใหม่เองครับ คิดมาแบบมั่วเอาง่ายเข้าว่าจากคำว่า 'เดชาวุธ' ที่เป็นชื่อจริงครับ

"พอดีมีหนังเรื่องใหม่เข้า ว่าจะชวนไปดูน่ะ"

"เอาสิ"

ผมกับไบรอันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษเกินกว่าเพื่อนหรอกนะครับ อันที่จริงเขาค่อนข้างใจดีและมีน้ำใจพอสมควร

เราใช้เวลาอยู่ในโรงหนังราวสองชั่วโมง ก่อนจะมาหาอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นมื้อเย็น พอคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็นึกทอดถอนใจเพราะเริ่มคิดถึงอาหารฝีมือของใครบางคนขึ้นมา

"สีหน้าของนายไม่ดีเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

ผมมองคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหยิบแฮมเบอร์เกอร์มากัดคำใหญ่พลางเล่าเรื่องไปด้วย

"คิดถึงแฟน"

"หืม? แฟนที่ไทยน่ะเหรอ"

"อืม เราสองคนไม่ได้คุยกันเป็นปีแล้ว"

"ทำไมล่ะ"

"มันมีเหตุผลหลายอย่างน่ะ"

ไบรอันพยักหน้ารับรู้และไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าหมด เราสองคนก็กลับที่พักของตัวเอง ตอนนี้เวลาราวหกโมงเย็น และในเวลาของอีกฟากโลกก็เข้าเช้าวันใหม่แล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะติดต่อหาเพื่อนผ่านทางอินเทอร์เน็ต เวลาผ่านไปอยู่พักใหญ่ภาพใบหน้าของหนึ่งในคนนอนเช้าก็ปรากฏขึ้น

[ไอ้เหี้ย]

"มึงทำอะไรอยู่"

[กูกำลังนอนครับมึง]

เสียงไม่สบอารมณ์ของไอ้เป้ดังกลับมา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะกวนมันจนเป็นเรื่องธรรมดา

"รีบนอนอะไรวะ เพิ่งหกโมงเย็นเอง"

[หกโมงเย็นพ่อ! ที่นี่ตีห้าไหมมึง]

ผมมองใบหน้าบูดบึ้งด้วยรอยยิ้ม ถึงมันจะแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็รับสายของผมทุกครั้งที่ติดต่อไปไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม

"ฮ่าๆ ก็กูคิดถึงเพื่อน"

[เพื่อนหรือผัว ออกเสียงให้ถูก]

ไอ้เป้หรี่ตาที่ยังง่วงมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ ผมก็ยักคิ้วกลับไป

"เพื่อน...ที่กูอยากยัดเยียดความเป็นผัวให้อย่างมึงอ่ะ"

[ไอ้สัตว์เล้ง! ไอ้เพื่อนชั่ว!]

"หึ! ก็เห็นเจอกูทีไรพูดเรื่องผัวตลอด กูเลยจะจัดให้"

[เมียคนอื่นอย่างมึงไปเป็นผัวใครไม่ได้แล้วเว้ย]

"ไม่รู้สิ มึงมาลองดูกับกูไหมล่ะ หืม?"

ผมส่งสายตาท้าทายที่แฝงไปด้วยความกรุ้มกริ่ม ไอ้เป้ก็แหกปากโวยวายอีกครั้ง แล้วตัดสายของผมทิ้ง ผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วส่งข้อความไปแหย่มันอีกนิดหน่อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะติดต่อมา หลังจากนั้นเราสองคนก็พูดคุยเล่นกันต่อ


.........


ช่วงชีวิตปีแรกในอเมริกาผ่านไปด้วยดีครับ ป๊ากับแม่มาเยี่ยมผมบ่อยอยู่เหมือนกัน รวมไปถึงเพื่อนสนิทผู้มีอันจะกินก็มาหาบ้างตามประสา

ผมไม่ได้กลับประเทศไทยเลยครับ ช่วงเปิดเทอมใช้เวลาไปกับการเรียน ส่วนตอนปิดเทอมก็หางานพิเศษทำเพื่อเพิ่มประสบการณ์และท่องเที่ยวกับเพื่อนในคณะเป็นกำไรให้ชีวิต

ตอนนี้ผมเริ่มทำอาหารได้หลายอย่างแล้วครับ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารตะวันตกก็ตาม

"ไฮ"

"ไฮ นายมาช้านะ"

ไบรอันทัก เมื่อผมเดินเข้าไปในห้องสัมมนา วันนี้มีวิทยากรมาพูดคุยและเสนอแนวคิดในแง่ของเศรษฐกิจครับ

"พอดีตื่นสาย"

"แฟรงก์ถามหานายน่ะ นั่นไงมานู่นแล้ว"

ผมมองตามการพยักเพยิดของไบรอันก็เจอคนที่พูดถึงเดินยิ้มมานั่งข้างกัน

"ไฮ แดน"

"ไฮ แฟรงก์"

แฟรงก์เป็นหนุ่มอิตาลีครับ เขามีรูปร่างสูงและผิวสีค่อนข้างแทน ใบหน้าคมสันกับเส้นผมสีดำที่มีเสน่ห์ดึงดูดไม่น้อย ในช่วงแรกผมก็ลอบมองเขาบ่อยอยู่เหมือนกัน แค่มองเป็นอาหารตาแบบของว่างประมาณนั้น

เราสองคนไม่ได้สนิทสนมอะไรกันนัก เพียงแต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เพื่อนในคณะจัดปาร์ตี้ขึ้น แล้วพวกเราก็ดื่มกันเมาหัวทิ่ม และในตอนนั้นเองผมก็ดันเผลอหลุดปากว่าชอบผู้ชายออกไป ถ้าไม่มีไบรอันคอยช่วยไว้ ผมอาจจะเสร็จไอ้หนุ่มไส้กรอกนี่ก็ได้

หลังจากวันนั้นเขาก็เข้ามาสารภาพรักให้ผมตกใจเล่น แน่นอนว่าผมปฏิเสธ แต่เขาก็ยังตอแยอยู่ดีจนถึงตอนนี้

"คืนนี้นายว่างไหม"

"ไม่"

โอเค ผมว่าง แต่ไม่อยากไปต่างหาก

"แล้วคริสต์มาสนี้ล่ะ นายมีนัดหรือยัง”

“ฉันจะไปบ้านของไบรอันน่ะ”

ผมหันไปมองคนที่นั่งด้วยกันอีกข้าง ถึงแม้จะไม่ได้นัดแนะกันล่วงหน้า แต่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

“ถ้างั้น...”

“หยุดเถอะแฟรงก์ แดนคงไม่อยากไปไหนสองต่อสองกับคนที่จ้องจะอัดตูดเขาหรอก”

บางทีก็พูดตรงไปนะเพื่อน...

ผมได้แต่เลื่อนสายตามองแต่ก็ไม่ได้แก้ไขคำพูดนั้น แฟรงก์ตีหน้าเซ็งเล็กน้อยเมื่อมองไบรอัน ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจผมต่อ

“ฉันมีดีกว่าที่นายคิดเยอะนะ รับรองได้”

ผมมองรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ส่งมาให้อย่างปลงตก ก่อนจะทำสีหน้าจริงจังมองอีกฝ่าย

“โทษทีแฟรงก์ ฉันมีแฟนแล้ว และฉันก็ไม่นิยมกินของต่างชาติเท่าไหร่”

แฟรงก์ชักสีหน้ารับ ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรต่อ เสียงของไบรอันก็ดังขึ้นขัด

“โปรเฟสเซอร์มาแล้ว”

ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเริ่มตั้งใจฟังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องแทน


........


แสงไฟสว่างไสวประดับอยู่ทั่วบริเวณ เสียงเพลงอวยพรและแสดงความยินดีขับกล่อมอารมณ์และจิตใจของผู้ที่ได้ฟังให้เป็นสุข

ผมมองต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ตรงหน้าเล็กน้อย แล้วเลื่อนสายตามองผู้คนที่เดินชมบรรยากาศด้วยรอยยิ้มตลอดทาง

ในวันนี้เมื่อปีที่แล้วผมไปเที่ยวบ้านของไบรอันที่ชิคาโกครับ ครอบครังของเขาน่ารักมาก พวกเรามีมื้อเย็นที่ยอดเยี่ยมในคืนที่แสนศักด์สิทธิ์ อันที่จริงไบรอันก็ชวนผมไปอีกตามที่เคยใช้เป็นข้ออ้างนัดของแฟรงก์ แต่ปีนี้ผมอยากใช้เวลาพิเศษอยู่คนเดียวมากกว่า

"เมอร์รี่คริสต์มาส!"

คำอวยพรดังอยู่ทุกระยะผสานกับเสียงดนตรี ผมเดินชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปักหลักลงที่ม้านั่งริมทางที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าหิมะคงจะให้ความรู้สึกเบาและน่าสัมผัสราวกับปุยนุ่น ถึงจะรู้ว่ามันเป็นผลึกน้ำแข็งก็ตาม แต่ก็คิดว่ามันคงจะสวยงามจนใครหลายคนอยากเห็น ทว่าพอได้มาเจอของจริงก็รู้สึกแค่ความเย็นกับความเปียกเท่านั้น ซึ่งความจริงนั้นก็ทำให้เรียนรู้อะไรได้บางอย่าง

ก็คงเหมือนกับการวาดฝันถึงชีวิตที่อยากเป็น จินตนาการเลิศเลอไปต่างๆ นานา แต่ความจริงแล้วมันก็มีเพียงแค่นี้นั่นแหละ

ผมมองภาพผู้คนที่ยังเดินผ่านไปมาตรงหน้า ทั้งที่อากาศหนาวจนอยากอยู่หน้าเตาผิงมากกว่า แต่ทุกคนก็ยังมีรอยยิ้มอละเสียงหัวเราะให้แก่กันอยู่ดี

ผมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะโบกมือทักเด็กน้อยคนหนึ่งที่หันมามองพอดี และเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ผมก็ลุกจากม้านั่งที่ใช้งานนานร่วมชั่วโมงเพื่อเดินกลับที่พักของตัวเอง

ถึงบางครั้งคนเราจะรู้ความจริงกันดีอยู่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังและวาดฝันถึงสิ่งที่อยากจะให้เป็นอยู่ดี

ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า...ต้องอยู่คนเดียว

แต่ก็อยากให้ใครอีกคนมาจับมือเดินด้วยกันตอนนี้เหลือเกิน

.

.


.



Next step loading...



Marionetta
: มาแล้วค่ะ ช่วงนี้มาช้าหน่อยนะคะ แต่จะพยายามเต็มทีค่ะ ^^

ตอนที่แล้วเป็นอิงอิงผู้ถูกทิ้ง ครั้งนี้เป็นอิน้องเล้งกันบ้าง ซึ่งก็ออกแนวเล่าเรื่องโดยรวมเช่นเดียวกัน ในช่วงแรกที่มีการย้อนไปย้อนมา หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้และช่วยเป็นกำลังใจให้จนจบด้วยนะคะ

ปล. ตอนหน้าก็ยังเจอเล้งจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด