รวมเรื่องสั้น||I am Zombie:: ตอนพิเศษ จะกลับหรือไม่กลับ ||23/11/62|| P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องสั้น||I am Zombie:: ตอนพิเศษ จะกลับหรือไม่กลับ ||23/11/62|| P.4  (อ่าน 19452 ครั้ง)

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



สารบัญ





-
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2019 19:57:36 โดย teatimes »

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
ไร้รัก
Prologue (1)



ในชีวิตที่แล้วของเขา  หวงอีเหว่ย


สิ่งเดียวที่จำได้ติดหัวจนกระทั่งก่อนตายคือ  ตัวเขาไม่เคยติดค้างใคร
เขาเกิดมาในตระกูลอ๋อง  เป็นลูกชายคนโตที่พ่อไม่รัก  ตัวเขาไม่เคยโกรธแค้น
โตขึ้นมารับราชการ  ดำรงตำแหน่งเป็นแค่ผู้ช่วยเล็กๆ  ค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาด้วยลำแข้งของตัวเอง  แม้จะยากลำบาก  แต่เขาไม่เคยโกรธเคือง


โตมาอายุครบ  18  ที่ชายแดนมีปัญหาน้ำแล้ง  ผู้คนอดอยากล้มตาย   เขาถูกส่งไปตรวจตราดูแล  ขึ้นชื่อว่าเป็นชายแดน  ไม่ว่ายังไงก็ฟังดูลำบากข้นแค้น  แต่เขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนาง  การลำบากเพื่อประชาชนคือหน้าที่ของเขา   อีกอย่างชีวิตเขาก็เป็นแบบนี้  อยู่เงียบๆไม่มีปากมีเสียงอะไรมาก  เป็นถึงบุตรชายคนโตของชินอ๋อง*  แต่อายุ  18  แล้วก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งยศตามบรรดาศักดิ์  เขาได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ  ก้มหน้าคุกเข่ารับราชโองการ  ไปอยู่ชายแดนไกลหน่อยก็ดีเหมือนกัน  อย่างน้อย  เขาก็จะได้ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตา

เขาใช้เวลาอยู่ที่ชายแดนเกือบ  5  ปี  ค่อยๆ  พัฒนาพื้นที่แห้งแล้งให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น  ค่อยๆปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผังเมืองให้มีความมั่งคง  ขยายอาณาเขตทางชายแดนด้วยกำลังคนอันน้อยนิดจนสามารถยึดพื้นที่ติดชายทะเลได้  พัฒนาแหล่งน้ำให้มีมากพอทั้งการกินการใช้และการคมนาคม  ผู้คนเริ่มหลั่งไหลมายังชายแดนที่ครั้งหนึ่งเคยแห้งแล้ง  ประชาชนในการปกครองของเขาเริ่มมีความสุขเพิ่มมากขึ้น   ทุกคนหัวเราะออกและยิ้มได้  เขาเองก็มีความสุข  ทุกวันๆ  ที่มีเวลาเขาจะนั่งอยู่ตรงโขดหินริมชายฝั่งทะเล  มองเรือสินค้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น  เขารักเมืองนี้เหมือนลูกของตัวเอง  รักมากกว่าเมืองเกิด  การเห็นเมืองนี้เติบโตอย่างมั่นคงคือความสุขอย่างหนึ่งของตัวเขา



แต่ความสุขก็อยู่กับเขาไม่นานนัก  วันหนึ่งก็มีสารลับส่งตรงมาจากวังหลวง  องค์ชายสามก่อกฎบหวังขึ้นครองราชย์แทนองค์รัชทายาทที่ได้การแต่งตั้ง  เขาถูกเรียกตัวกลับ  บิดาของเขาจบชีวิตลงหลังจากปกป้ององค์ฮ่องเต้  น้องชายคนรองอยู่ข้างองค์ชายสาม  ฮ่องเต้เองก็ประชวรหนักเก็บตัวอยู่แต่ในตำหนัก  สถานการณ์ทางการเมืองพลิกผันแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย  เขาต้องรีบกลับไปเมืองหลวงเพื่อชิงตำแหน่งชิงอ๋องคืน  รวมทั้งต้องหาทางจัดการกับน้องรองก่อนที่เขากับองค์ชายสามจะก่อกฏบสำเร็จ

เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางมรสุมทางการเมืองอยู่สองปีกว่าทุกอย่างจะจบลง  องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบังลังก์ในที่สุด  น้องรองกับองค์ชายสามถูกไล่ต้อนไปจนถึงชายแดน  เขาไม่ได้ไล่ตามไปด้วยตนเองแต่ก็รู้ข่าวมาว่าทุกอย่างจบไม่สวยนัก  คนหนึ่งตายไร้แผ่นดินกลบหน้า  คนหนึ่งถูกตัดหัวเสียบประจาน  ชีวิตคนก็อย่างนี้  คนชนะเป็นเจ้า  คนแพ้เป็นทาส  ยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งหนาว  แถมไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลยซักคน

วันเถลิงราชสมบัติทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น  ฮ่องเต้พระองค์ใหม่มีฮ่องเฮาอยู่เคียงข้าง  สายฝนโปรยปรายอยู่บางๆตลอดทั้งเช้าท่ามกลางท้องฟ้าสว่างสดใส  โหรหลวงทำนายว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี  ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรื่องก้าวหน้า  รัชสมัยของพระองค์ประชาชนจะอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า  แผ่นดินเป็นปึกแผ่น  ร่มรื่นปราศจากสงคราม  เขาก้มหน้าต่ำตลอดพิธีการ 

ฉากหน้าคือประชาชนอยู่ดีกินดี  ฉากหลังคือคลื่นใต้น้ำที่ไม่มีวันสงบในราชสำนัก



หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์  เขาได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นชินอ๋องอย่างเป็นทางการ  ครอบครองวังและทรัพย์สินต่อเสด็จพ่อ  แม่รองของเขาต้องโทษประหารชีวิตฐานสมคบคิดกับลูกชายก่อกบฏ  คนในวังอ๋องถูกเปลี่ยนยกชุด  เขาย้ายคนสนิทของตัวเองไม่กี่คนกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อดูแลเรื่องส่วนตัว  กองกำลังทหารที่มีก็สั่งให้เฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดน  ตอนนี้วังที่หรูหราโอ่อ่า  มีคนอยู่อาศัยแค่ไม่กี่คน  ขุนนางบางกลุ่มที่มักใหญ่ใฝ่สูงพยายามส่งนางกำนัลหลายคนมารับใช้เขา  เขาเพียงตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ  หลายคนเริ่มเปรยถึงตำแหน่งว่าที่พระชายา  เขาที่อายุ  25  มีตำแหน่งเป็นถึงชินอ๋อง  แต่ไม่มีชายาซักคนไม่น่าแปลกหรือ

แต่ต่อให้แปลกแล้วอย่างไร  เขาไม่คิดจะทำให้ใครเสียใจอยู่แล้ว  ตำแหน่งพระชายาเอกที่มีแต่ตำแหน่ง  แต่หากขาดความรักของผู้เป็นอ๋องเป็นสิ่งดีหรือ  เขาไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเสียใจ  อยู่กับสามีที่ไม่มีวันรักตนเอง  ถึงเขาจะมีความเมตตาให้  แต่ความเมตตาไม่ใช่ความรัก  เขาไม่มีวันรักนางสุดหัวใจ   เหมือนกับที่รักใครอีกคน

เขาดำรงตำแหน่งชินอ๋องและทำงานอย่างเต็มความสามารถ  ฮ่องเต้ให้ความวางพระทัยในตัวเขา  จัดตำหนักภายในพระราชวังให้เขาอีกหนึ่งหลังเผื่อวันที่เขาต้องทำงานหนัก  อำนาจที่ไม่เคยมีเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในมือ  กรมกองต่างๆ เริ่มขึ้นตรงกับตัวเขา  ตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่มีองค์รัชทายาท  เขาคือผู้มีสิทธิอันชอบธรรมในราชบัลลังก์หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น...

รอบตัวเขามีคนมากมายหลายประเภท  ทุกย่างก้าวที่เดิมเหมือนอยู่ท่ามกลางพงหนาม  หากก้าวพลาดไม่พ้นที่จะถูกทิ่มแทง 

แล้วแบบนี้จะให้เขามีชายาอีกหรือ  จะให้นางมาเป็นตัวประกันทางการเมือง  หรือหากมีลูก  เขาจะทนเห็นลูกตัวเองตายได้หรือ  หากต้องเลือกระหว่างลูกกับความถูกต้อง

ยังดีที่เขาไม่ต้องผจญกับปัญหานี้นาน  เพราะในที่สุดฮองเฮาก็มีพระประสูติกาพระโอรส  องค์ชายน้อยตัวขาวน่ารัก  หน้าตาไม่ผิดไปจากพระบิดาแม้แต่น้อย  เขาถูกเปลี่ยนศักดิ์เป็นพระปิตุลา  ไปเยี่ยมเยียนองค์ชายน้อยกับฮองเฮาเกือบทุกวัน  มององค์ชายน้อยตัวเล็กด้วยความรักใคร่  ถึงยังไงเขาก็มีลูกไม่ได้อยู่แล้ว  องค์ชายน้อยเองก็ถือว่าเป็นญาติเขา   เขาจะรักเหมือนลูกก็ไม่แปลก 

แต่สายตาของคนในราชสำนักกลับมองว่าเขาเป็นคนคิดคด  เสแสร้งแกล้งทำเป็นรัก  ทั้งที่ในใจอยากครอบครองบัลลังก์

เขาไม่สนสายตาคนอื่นอยู่แล้ว  ทุกอย่างตอนนี้ก็แค่ภาพลวงที่เขายอมปิดตาหนึ่งข้างเพื่อมองเห็นแต่สิ่งดีๆ  รอบตัวเขามีคนจริงใจอยู่ด้วยแค่หนึ่งคนเท่านั้น  และเป็นคนที่เขาเตรียมไว้สำหรับชีวิตหลังความตาย




ช่วงเวลาสองปีก่อนตายเป็นช่วงที่เขาขมขื่นที่สุดในชีวิต  อยู่ๆฮองเฮาที่ควรจะอยู่ในตำหนักก็หายตัวไปอย่างลึกลับ  ทหารที่เฝ้ายามอยู่ไม่มีใครรู้  ฮ่องเต้พิโรธหนักถึงขั้นฆ่าล้างตระกูลทหารทั้งหมดอย่างลับๆ  พระแม่ของแผ่นดินหายไปไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  เขาถูกเรียกตัวเข้าพบ  รับราชโองการให้ปิดปากทุกคนที่รู้เรื่อง  ยังดีที่องค์ชายน้อยปลอดภัย  สถานการณ์เลยไม่ตึงเครียดมากนัก  เขาขออาสาเป็นคนตามหาตัวฮองเฮากลับมา  แต่ฮ่องเต้กลับไม่ทรงยินยอม  ดึงดันที่จะออกไปตามหาคนรักด้วยพระองค์เอง

ครั้งนั้นเป็นการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ที่สุดของเขากับฝ่าบาท  เขาไม่เคยขึ้นเสียงกับพระองค์เลยซักครั้ง  แต่ครั้งนี้...  การที่พระองค์จะเสร็จออกไปเสี่ยงอันตรายด้วยตนเองเขาไม่เห็นด้วย  เขารู้ว่าฝ่าบาทรักฮองเฮาขนาดไหน  เขาประจักษ์ด้วยตนเองมาตั้งแต่ต้น  และเขาก็ยอมที่จะตัดใจ 

แต่ตอนนี้ฝ่าบาทกลับยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตนรัก  ยอมสละบัลลังก์ที่ได้มาอย่างลำบากโดยไม่เห็นคุณค่า  แล้วจะให้เขาทำใจได้หรือ  เขาทำใจไม่ได้  และมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ครองบัลลังก์ควรทำเลยซักนิด!

" กระหม่อมทราบว่าฝ่าบาททรงเป็นห่วงฮองเฮามาก  แต่โปรดประทับอยู่แต่ในเมืองหลวงเถอะพะยะค่ะ  หากฝ่าบาททรงกังวลพระทัย  กระหม่อมขออาสาออกไปช่วยเหลือฮองเฮากลับมาเอง"  เขาข่มอารมณ์อย่างสุดความสามารถ  พยายามหาเหตุผลต่างๆมาชี้แจง

" แล้วจะให้ข้าปล่อยให้เหมยผิงอยู่ในมือหวางเฟิ่งเหรินหรือ!  เฟิ่งเหรินคิดอะไรกับนางมีหรือว่าเจ้าไม่รู้  เจ้าจะให้ข้าอยู่เฉยๆ  มองนางตกอยู่ในอันตรายโดยที่ไม่ทำอะไรหรือไง!"  หวางเฟิ่งเหรินคืออ๋องต่างแผ่นดินที่หลงรักฮองเฮาตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อย  ขนาดนางแต่งงานได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาและมีลูกแล้วยังไม่ยอมตัดใจ

" ฝ่าบาท..  ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่าเหมยผิงเป็นฉลาด  ทั้งบุ๋นทั้งบู๊นางก็ทำได้ดีทั้งนั้น  ไม่ว่าอย่างไรนางก็สามารถเอาตัวรอดได้  ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองให้ดีเถิด  หากฝ่าบาทตกหลุมพลางไปอีกคน  แผ่นดินซินเจียงของเราก็ไม่มีที่อยู่แล้ว" 

เขาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ  เฟิ่งเหรินอ๋องมีหรือจะไม่คิดทำการใหญ่  แค่ลักพาตัวฮองเฮาไปนั่นถือเป็นเรื่องเล็ก  แต่ชายแดนฝั่งตะวันออกของเรากับทัพของเฟิ่งเหรินอ๋องกระทบกระทั่งกันอยู่เป็นระยะๆ  ถึงภายนอกจะดูว่าทุกอย่างสงบสึข  แต่ขอแค่มีชนวนสงครามทุกอย่างก็พร้อมจะปะทุ  เมืองหน้าด่านที่คอยเฝ้าระวังก็พร้อมที่จะแปรพักตร์ได้ทุกเมื่อ  ทัพใหญ่สามเหล่าทัพของเราถึงแม้จะมีเสบียงและจะพร้อมออกรบ  แต่มีใครบ้างที่อยากทำสงคราม  แถมฝ่ายนั้นมีฮองเฮาอยู่ในมือ  ใครที่ไหนจะกล้าบุ่มบ่ามยกทัพไปรบ 

อีกอย่าง..  ความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ก็เรื่องหนึ่ง  แต่หากต้องเลือกระหว่างฮองเฮากับแผ่นดิน  คนในกองทัพหลายคนย่อมยอมสละชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าแผ่นดินอยู่แล้ว  ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหัวใจของฝ่าบาท  เป็นพระแม่ของแผ่นดินก็เถอะ  แล้วไหนจะขุนนางในราชสำนักที่พร้อมจะแตกแยก  พยายามยุแยงผลักดันให้ลูกสาวของตัวเองให้เป็นฮองเฮาคนถัดไป

ในเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ความแตกแยก  สู้ให้เขาลอบไปช่วยเหมยผิงเองดีกว่า  เพราะถ้าหากเกิดความผิดพลาด  เขาก็พร้อมที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อเหมยผิงอยู่แล้ว  หรือในกรณีที่เกิดสิ่งที่เลวร้ายที่สุด  ฝ่าบาทเอง......  ถึงจะต้องเสียพระทัยแต่ก็ยังสามารถคุมทัพแก้แค้นด้วยตนเองได้ 

แม่ทัพคุมทหารกับกษัตริย์คุมทหารขวัญกำลังใจย่อมต่างกัน  ฝ่าบาทเองก็มีพระปรีชาสามารถ  เขาไม่เชื่อหรอกว่าถ้าหากต้องยกทัพจับศึกกับเฟิ่งเหรินอ๋องจริงๆ  ฝ่าบาทของเขาจะแพ้

แต่ตอนนี้ฝ่าบาทของเขาเหมือนจะถูกความรักบังตา  ถึงสมองจะรู้เหตุผลและใจกลับไม่รู้  จากที่เคยเยือกเย็นก็ร้อนรนเสียยิ่งกว่าเปลวไฟ  เจ้าเหนือชีวิตมองเขานิ่งเมื่อเห็นเขาไม่ยอมแพ้  สีพระพักตร์นิ่งเฉยจนทำให้เขารู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง


แล้วในที่สุด...  พระองค์ก็พูดประโยคหนึ่งออกมา  ประโยคที่ทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

" อีเหว่ย  หากเจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่ง  ต่อไปไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้า" 


พระองค์ตรัสออกมาด้วยสุรเสียงเนิบนิ่ง  แต่กลับตัดหัวใจเขาให้ฉีกขาดออกเป็นริ้วๆ

เขาทราบดีอยู่แล้วว่า  ฝ่าบาททราบว่าเขาตกหลุมรัก  แต่ฝ่าบาทก็เลือกที่จะนิ่งเฉยและมองดูความรักของเขาเหมือนเป็นสิ่งไม่มีค่า  ทุกอย่างที่เขาเคยทุมเทให้ไปเขาไม่เคยหวังผลตอบแทน  เขาแค่...  ขอที่จะได้อยู่ใกล้ๆเท่านั้น

แต่ตอนนี้แค่อยู่ใกล้ๆ  ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว






>>  จะม่าไหม 
>>>>  อัพเพิ่ม  เมื่อกี้ตัดครึ่งตอนผิด  =*=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 11:02:56 โดย teatimes »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ดูเหมือนมาม่าจะอืดเต็มถ้วย เอาใจช่วย...นายเอก รออ่านต่อฮะ   :m15:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่อ ที่แท้ชินอ๋องรักฮ่องเต้
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หื้ม.....ทำไมเย็นชาแบบนี้

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Prologue (2)





เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองกลับมาห้องตั้งแต่เมื่อไหร่  สิ่งเดียวที่จำได้คือสั่งทหารคนสนิทที่ยืนรออยู่หน้าห้อง  ให้เข้าไปรับพระบัญชาแทนเขา

หลังจากนั้นเขาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเกือบสองสัปดาห์  ปล่อยให้ทหารคนสนิทดำเนินการตามพระประสงค์ขององค์ฮ่องเต้  รอจนถึงวันที่เขาต้องทำตามแผนของฝ่าบาทด้วยตนเอง  ฝ่าบาทก็เสด็จเดินทางออกจากเมืองหลวงแล้ว

แผนการของฝ่าบาทถูกวางไว้หลายชั้น  ขั้นแรกสุดคือ เขาดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  ด้วยเหตุผลที่ว่า ฮ่องเต้ทรงประชวรหนักไม่สามารถออกว่าราชการได้  เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลกิจการภายในทั้งหมด  พร้อมทั้งดูแลองค์ชายน้อยที่ยังไม่สามารถดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท 

ขั้นสองคือข่าวที่คนในราชสำนักร่วมกันรับรู้แต่ช่วยกันปกปิดให้มิดชิด  เพื่อไม่ให้สั่นคลอนถึงความมั่นคงของประเทศ  เขาวางแผนลอบปลงพระชนต์องค์ฮ่องเต้  ใช้สิทธิพระปิตุลาควบคุมองค์ชายน้อย  ส่วนฮองเฮาไม่รู้เป็นตายร้ายดี  อาจถูกกักขังอยู่ในตำหนัก 

และขั้นที่สามคือข่าวที่เฟิ่งเหรินอ๋องแอบรับรู้คือ...  ฮ่องเต้ทรงสวรรคต  และเขาส่งหนังสือยืนยันบอกไปว่าไม่ต้องการให้เหมยผิงกลับเข้าเมือง

ขั้นตอนทุกอย่างที่ฝ่าบาทวางแผนไม่มีตรงไหนเป็นรอยรั่วซักนิด  คนทรยศมีอยู่รอบตัวเขาแค่ปล่อยข่าว  ทุกคนก็พร้อมที่จะคาบข่าวไปบอกเจ้านายที่แท้จริง



เขาใช้เวลาถึงเกือบครึ่งปีจึงจะดำเนินการตามแผนและลากขุนนางกังฉินเข้ามาร่วมมือได้สำเร็จ   จะเล่นบทเจ้าครองแคว้นที่ทรยศต่อแผ่นดินก็ต้องเล่นให้สมจริงถึงจะหลอกศัตรูได้  ตอนนี้เขาถูกพวกขุนนางตงฉินตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติ  สมคบคิดกับเฟิ่งเหรินอ๋องเพื่อยึดครองแผ่นดิน 

ถึงตรงนี้เขาคงเป็นชินอ๋องที่เลวทรามที่สุดในประวัติศาสตร์  เขาออกว่าราชการแบบนับครั้งได้  และเอาแต่ขลุกอยู่ในตำหนักในกับนางกำนัล  ทุกครั้งที่ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์  จะต้องมีขุนนางโชคร้ายซักคนที่ถูกเขาเนรเทศ  แต่พวกขุนนางเหล่านั้นจะมีซักกี่คนที่รู้ว่า  ที่เขาทำไปก็เพื่อปกป้องตำแหน่งขุนนางคนสำคัญของประเทศ  เพราะหากยังรั้งอยู่ในสมัยของเขา  คงมีซักวันที่ต้องถูกพวกขุนนางกังฉินกลั่นแกล้งจนตาย

เขาใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงแบบไม่สงบนัก  ไม่มีวันไหนซักวันที่มือไม่เปื้อนเลือด  สาวงาม  และหญิงนางรำสุดแช่มช้อยถูกเขาสังหารทุกวันแบบไม่มีว่างเว้น  ทุกคนล้วนเป็นสายลับ  นานวันเข้าสาวงานที่ถูกส่งมาเหลือน้อยลง  เหลือแต่มือสังหารที่ลอบเข้ามาแทน 

ไม่มีคืนไหนที่ได้หลับตาอย่างสงบสุข  ทุกครั้งที่นอนหลับเขาเห็นแต่มือตนที่เปื้อนเลือด  ทุกครั้งที่ตื่นก็ไม่เห็นความจริงใจจากคนรอบข้าง  ทุกคนที่อยู่ข้างกายเขามองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง  เหมือนเขาจะจับดาบฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

ความเคลื่อนไหวของฝ่าบาทเขาได้ข่าวอยู่เป็นระยะ  บางข่าวก็เป็นข่าวที่สำคัญ  บางข่าวก็เป็นแค่รายงานบันทึกประจำวัน



ตอนนี้ฝ่าบาทบุกเข้าในวังของเฟิ่งเหรินอ๋องได้แล้ว  แต่การช่วยเหลือฮองเฮากลับต้องชะงัก  เนื่องจากฮองเฮาทรงมีพระครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มที 

ไม่มีความเคลือบแคลงพระทัยในองค์ฮ่องเต้  หากนับเวลาตั้งแต่วันที่ฮองเฮาถูกจับไปก็เป็นเวลาที่ถูกต้องพอดี  เขาส่งคนให้ไปตรวจสอบบันทึกรอบเดือนของฮองเฮาอีกครั้ง  และทุกอย่างก็ถูกต้อง  เด็กในครรภ์ของฮองเฮาเป็นบุตรคนที่สองของฝ่าบาท

ฝ่าบาทรอจนฮองเฮามีพระสูติกาพระธิดาองค์น้อย  ก่อนดำเนินการตามแผนที่วางมานานเสียที  ฝ่าบาท  ฮองเฮา  และองค์หญิงน้อยเดินทางไปหนีไปตามเส้นทางที่วางไว้  ทุกอย่างเป็นอย่างไปอย่างราบลื่น  แต่เฟิ่งเหรินอ๋องก็ยังเป็นเฟิ่งเหรินอ๋อง  ฮองเฮาถูกจับตัวกลับไปมีหรือจะไม่คิดชิงตัวกลับ  ยิ่งฝ่าบาทลงทุนออกมาจากตำหนักเพื่อช่วยฮองเฮาด้วยพระองค์เอง  เฟิ่งเหรินอ๋องยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือมากขึ้น  เขาลงทุนส่งทหารไปสกัดตามจุดต่างๆทั่วชายแดน  แผนวางจนฝ่าบาทต้องพาฮองเฮาและพระธิดาหนีอ้อมไปทางชายแดนฝั่งเหนือแทน

ถึงตอนนี้เขาอยู่เฉยในตำหนักไม่ได้อีกแล้ว  มีสารลับสองฉบับส่งตรงมาถึงมือเขา  ฉบับหนึ่งเป็นของฝ่าบาทที่สั่งการให้เขาส่งทหารส่วนหนึ่งไปทางตะวันออกเพื่อดึงความสนใจของเฟิ่งเหรินอ๋องไว้  อีกส่วนให้ส่งคนในสังกัดที่ไว้ได้ให้ขี่ม้าเร็วขึ้นเหลือเพื่อไปช่วยเหลือฮองเฮาและฝ่าบาท 

ส่วนอีกฉบับเป็นสารจากเฟิ่งเหรินอ๋อง  ที่ต้องการให้เขาช่วยส่งคนขึ้นไปดักด้านเหนือเพื่อสังหารองค์ฮ่องเต้  ส่วนฮองเฮา...เฟิ่งเหรินอ๋องจะชิงตัวฮองเฮากลับมาเอง

ตอนที่ได้รับสารสองฉบับนี้  สิ่งที่เขาคิดได้มีอยู่อย่างเดียวคือ  ทุกคนช่างเห็นเขาเป็นคนโง่ที่หลอกใช้ได้ง่ายนัก  เพียงแค่ออกคำสั่ง  ก็คิดว่าเขาจะเดินไปตามทางซ้าย-ขวาตามที่ตนต้องการ


มาถึงตรงนี้เขาทั้งเหนื่อยทั้งเบื่อหน่ายเต็มที  เขาเป็นถึงชินอ๋องแต่ทุกคนกลับใช้เขาเหมือนทาส  ผู้คนที่เคยอยู่ในการปกครองของเขา  ไม่เคยมีใครต้องเหนื่อยขนาดนี้  แม้ตอนแรกที่กำลังก่อร่างสร้างเมือง  ทุกคนจะเหนื่อยกาย  แต่ไม่มีใครเหนื่อยใจเหมือนเขาซักนิด

เขาเหนื่อยและสุดจะทนกับการทำแบบนี้เต็มที




ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจก่อกบฎช่วงชิงอำนาจ  เมื่อฝ่าบาทไม่เห็นคุณค่าของแผ่นดินที่ตนทอดทิ้งไป  เขาก็จะไม่เก็บแผ่นดินนี้ต่อไปเช่นกัน  และเมื่อฝ่าบาทไม่เห็นคุณค่าของบัลลังก์ที่เขาช่วยให้ได้มาอย่างยากลำบาก   เขาก็จะช่วยทำลายมันเอง

เช้าวันรุ่งขึ้นเขามีคำสั่งถ่ายทอดราชโองการในนามองค์ฮ่องเต้  แต่งตั้งแม่ทัพตงเฉินกวางเป็นหัวหน้าแม่ทัพ  ยกกำลังพลทั้งหมดของตนขึ้นเหนือเพื่อกำจัดกองพลทหารที่กำลังรุกรานเข้ามาในประเทศ  ขุนนางฝั่งบุ๋นแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ด้วยความที่ไม่ทราบถึงเบื้องหลังทางการทหารที่แน่ชัดทำให้ต้องปิดปากเงียบ  ส่วนขุนนางด้านบู๊   ย่อมมีการถกเถียงคัดค้าน  แม่ทัพเซี่ยจิ่นสิง  ผู้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพมาสองรัชกาลแผ่นดิน  ถึงกับกล้าขึ้นเสียงใส่เขาที่เป็นถึงผู้แทนพระองค์และเป็นผู้สำเร็จราชการ

" กระหม่อมขอเรียนถามผู้สำเร็จราชการ  ไม่ทราบว่าท่านผู้สำเร็จราชการทราบได้อย่างไรว่าชายแดนด้านเหนือเกิดการต่อสู้  กระหม่อมไม่เห็นทราบข่าวเลยว่าชายแดนของเรากำลังเกิดปัญหา  จนถึงขั้นต้องยกทัพออกไปต่อสู้ "  แม่ทัพเซี่ยจิ่นสิงกล่าวเสียงกร้าว    เขาเป็นขุนนางที่จงรักที่สุดในแผ่นดิน  ในสมัยที่ฝ่าบาทยังเป็นองค์รัชทายาท   แม่ทัพเซี่ยก็คอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง  ไม่แปรพักตร์ไปอยู่กับองค์ชายสาม

" ข้าเองก็เพิ่งทราบว่าท่านแม่ทัพเซี่ยมีความสามารถถึงขั้นมีกองกำลังของตนเอง  ทราบข่าวได้ว่องไวยิ่งกว่าการข่าวของฝ่าบาท  งั้นต่อไปเรื่องในราชสำนักคงไม่ต้องถึงมือข้า  ได้แต่ปล่อยให้ท่านดูแลแล้ว "  เขากล่าวออกไปอย่างไม่ไว้หน้า  เมื่อถึงคราวที่ต้องโหด  เขาก็พร้อมที่จะเหี้ยม  เขาอดทนมานาน  ถึงเวลาที่จะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาแล้ว

" กระหม่อมเพียงแค่เห็นว่าชายแดนของเราสงบสุขยิ่งนัก  การค้าของเรากับคนฝั่งเหนือก็เป็นไปอย่างราบรื่น  คนต่างแดนที่เข้ามาหากินในเมืองหลวงก็เยอะ  ไม่เห็นพวกเขาคุยกันว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่ชายแดน"

" ชาวบ้านพูด...  ท่านก็เชื่อ?  การข่าวของท่านแม่ทัพช่างกว้างใหญ่และน่าเชื่อถือเสียจริง  ต่อไปข้าคงไม่ต้องเสียเวลาตรวจฎีกา  แต่เอาเวลาว่างไปเดินเล่นแบบท่านแม่ทัพเซี่ยดูบ้างดีหรือไม่  เพื่อว่าจะได้การข่าวที่น่าเชื่อถือกลับมาบ้าง"   เขาบอกด้วยดวงตาผลิยิ้ม  ขุนนางทั้งสองฝั่งต่างปิดปากเงียบเมื่อเห็นท่าทีเขาที่เปลี่ยนแปลง  เหลือแต่เพียงแม่ทัพเซี่ยที่โกรธจนเกือบกระอักเลือด  ส่วนแม่ทัพตงที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นกลับกลั้นเสียงหัวเราะ  จนในที่สุดแม่ทัพตงก็ทนไม่ไหว  หัวเราะออกมาเสียงดังจนได้ยินไปทั้งท้องพระโรง

" ท่านผู้สำเร็จราชการกล่าวได้ถูกต้อง!  การข่าวของแม่ทัพเซี่ยช่างน่าเชื่อถือ...  จนไม่อาจจับต้องได้  ในเมื่อแม่ทัพเซี่ยแก่จนสติปัญญาเลอะเลือน  ข้าตงเฉินกวาง ขอรับหน้าที่ยกทัพเพื่อดูแลประชาชนของเราทางชายแดนฝั่งเหลือเอง  เพื่อราชสำนัก...เพื่อประชาชนของ "ฝ่าบาท"  ข้าผู้น้อยขออาสาเสียสละ!"  ตงเฉินกวางสบตาเขาอย่างมีนัยยะ  เขาจุดยิ้ม  หัวเราะเสียงดังและตบฝ่ามือลงกับพระที่นั่ง  กล่าวตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า

" ดี!  ในเมื่อแม่ทัพตงเอ่ยปากถึงขั้นนี้  ข้าขอแต่งตั้งท่านให้เป็นแม่ทัพยกพลขึ้นเหนือ   แต่งตั้งลูกชายคนโตของท่าน  ตงจื่อฉี  ให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าทัพ  นำกำลังทหารทั้งหมดปราบศัตรูที่รุกรานแผ่นดิน!"

" ขอท่านผู้สำเร็จราชการทรงพระเจริญ!  กระหม่อมกับลูกชายจะทำงานอย่างสุดความสามารถ  นำความสงบมาสู่แผ่นดิน!" 


เมื่อตงเฉินกวางกล่าวจบ  เขาให้อาลักษณ์ส่งมอบราชโองการแต่งตั้ง  กวาดตามองแม่ทัพเซี่ยที่โกรธจัดจนลูกชายคนรองต้องเข้ามาประคองไว้   ขุนนางบางคนยังยืนก้มหน้า  บางคนมีสีหน้าสุดทนที่ปกปิดไม่มิด  แต่ก่อนที่ใครจะได้เปิดปากขัดออกมา  เขาก็ประกาศคำสั่งใหม่ออกมาอีกครั้ง

" และในเมื่อ...  ท่านแม่ทัพเซี่ยร่างกายอ่อนแอ  สติเลอะเลือนนัก  ข้าขอสั่งให้ท่านแม่ทัพเซี่ยพักผ่อนรักษาตัวอยู่ในจวน  ให้ลูกชายคนรองท่านเซี่ยเจียฉวนดูแลอย่างใกล้ชิดห้ามก้าวออกจากตำหนัก  และสั่งย้ายลูกชายคนโตที่รั้งอยู่ชายแดนตะวันออกเดินทางกลับมายังเมืองหลวงก็แล้วกัน  ครอบครัวของพวกท่านจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า"  เขากล่าวด้วยดวงหน้าเปื้อนยิ้ม  ปกติเขายิ้มน้อยเหลือเกิน  แต่ตอนนี้เขามีความสุขนัก  เขาสบตากับเซี่ยเจียฉวนที่ทำท่าจะมาฉีกอกเขาเป็นชิ้นๆ  เบี่ยงหน้าหลบแล้วเดินออกจากบัลลังก์

เขาไม่ได้ยินเสียงด่าทอของเซี่ยจิ่นสิง  แต่คิดว่ามันคงลอยมากับลมแน่  ตอนนี้ขุนนางคงแตกแยกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สิ่งที่เขาพยายามมาตลอดช่างทำลายได้ง่ายดายเสียจริง  ไม่รู้จะมีใครบ้างที่เคยจำได้ว่า  ครั้งหนึ่งเขาก็เคยซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน  และซื่อตรงต่อองค์ฮ่องเต้ถึงขั้นยอมตายได้



หลังจากส่งแม่ทัพตงออกจากเมือง  เขาก็เก็บตัวอีกครั้ง  ขุนนางชั้นผู้น้อยยังคงทำงานต่ออย่างไม่ปกติมากนัก  ส่วนขุนนางใหญ่บางส่วนเริ่มหยุดงานประท้วง  บางส่วนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฝ่ายกังฉินที่เป็นคนของเขาเริ่มผงาดและเริ่มมีบทบาทในราชสำนัก  ขุนนางตงฉินบางคนที่กล้าขวัญหน่อยก็ยื่นฎีกาต่อว่าเขา  แต่เขาไม่แม้แต่จะเปิดอ่านเลยซักนิด  วันๆ เอาแต่นั่งดีดพิณ  แต่งกลอน  วาดรูป  บางทีครึ้มอกครึ้มอกครึ้มใจก็ตัดแต่งต้นไม้เล่น 
ความจริงเขาชอบทำสิ่งเหล่านี้แต่ไม่ค่อยมีเวลานัก  คนที่รู้ว่าเขาชอบวาดรูปและแต่งกลอนเป็นงานอดิเรกจึงมีแต่คนสนิทประทำตัวแค่สองคน   คนหนึ่งคือจื่อรุ่ยเป็นองครักษ์รูปร่างสูงใหญ่  ทั้งเชี่ยวชาญการรบและมีความสามารถในการออกคำสั่งแทนเขา  เพียงแค่สบตาก็รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร   ส่วนอีกคนชื่อฝูหรง  ฝูหรงเด็กกว่าจื่อรุ่ยมากนัก  อายุแค่สิบสี่สิบห้า  ทั้งสองคนเป็นคนที่เขาเก็บมาเลี้ยงตอนอยู่ที่ชายแดน  ทั้งสองคนเคยเป็นทาสที่ถูกใช้งานหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด  เขาช่วยเหลือทั้งรุ่ยจื่อที่ตอนนั้นโตเป็นหนุ่มแล้ว  กับฝูหรงที่ยังเป็นเด็กเล็กทั้งยังขาพิการเดินได้ไม่ตรง

ในบรรดาคนทั้งสองเขาคาดหวังกับจื่อรุ่ยที่สุดเพราะจื่อรุ่ยเป็นคนมีความสามารถ  สั่งสอนอะไรก็จดจำ  วิชายุทธก็เป็นเลิศ  เขาสอนไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถพลิกแพลงจนมีเพลงดาบของตนเองได้  ในขณะที่ฝูหรงกลับเป็นคนไม่เอาอ่าวนัก  ซ้ำยังอ่อนแอและมีแต่รอยยิ้มเซ่อๆ  เขาต้องสั่งต้องสอนอยู่นานถึงจะทำงานเป็นบ้าง  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่หนักมากนักเพราะเจ้าตัวขาไม่แข็งแรงซ้ำยังเป็นเด็กเล็ก  เขาเลยให้ทำงานประเภทหยิบจับเครื่องเขียน  ยกน้ำชงชา  ช่วยพวกนางกำนัลทำความสะอาดบ้าง  คอยช่วยเขาผลัดเปลี่ยนผ้าและช่วยอาบน้ำ  บางทีก็ทำอาหารอย่างง่ายๆมาให้เวลาที่ในจวนไม่มีอะไรให้ทาน  ตอนที่อยู่ชายแดนนั้น  ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องอดมื้อกินมื้อไม่เคยได้อยู่อย่างอิ่มท้อง  หลังๆมาถึงดีขึ้นเพราะเขาตัดใจเอาสมบัติส่วนตัวออกขาย  ทุกคนถึงพอกินบ้าง  แล้วพอเมืองเริ่มเติบโต  พวกเขาถึงได้กินอิ่มทุกมื้อ  ส่วนสมบัติเก่า...บางส่วนก็หากลับมาไม่ได้เพราะถูกขายต่อไปแล้ว

ดังนั้นตอนกลับมาเมืองหลวงเขาจึงนำทั้งสองกลับมาด้วย  เขาไม่ชอบผู้หญิงและไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว  ฝูหรงจึงทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว  จื่อรุ่ยรับหน้าที่ทำงานที่ต้องออกไปภายนอก  งานข่าวสาร  และการส่งสารลับเขาก็ไว้ใจแต่จื่อรุ่ยคนเดียวเท่านั้น



เวลาผ่านไปจนถึงฤดูหนาว  สารลับจากฝ่าบาทไม่มีมาถึงมืออีกแล้ว  ฝ่าบาทคงทราบแล้วว่าเขาก่อกบฎคิดทรยศ  แต่แล้วอย่างไร  ข้างกายเขามีสายลับ  แล้วข้างกายฝ่าบาท  เขาจะไม่ส่งสายลับไปไม่ได้หรือ  เพียงแต่ก่อนหน้านี้สายลับของเขามีหน้าที่แค่คอยดูแลฝ่าบาทและปกป้องฝ่าบาทห่างๆ  เท่านั้น  แต่ตอนนี้...ในเมื่อฝ่าบาทบังคับเขาจนหมดหนทาง  จะมาหาว่าเขาใจร้ายและโหดเหี้ยมก็คงไม่ได้แล้ว

เขาได้ข่าวจากสายลับมาอยู่เป็นระยะ  ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน  ทำอะไร  มีแผนอย่างไรบ้าง  เขาทราบหมดทั้งนั้น  เพียงแต่ช่วงนี้อากาศหนาวจัด  เขาจึงขยับตัวได้ไม่มาก  แค่โดนลมนิดๆหน่อยๆ ก็เจ็บจนลุกไม่ขึ้น  ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้แข็งแรงมากแต่ก็ไม่ถึงกับทรุดติดเตียงขนาดนี้  หน้าหนาวปีนี้เขาป่วยหนักกว่าทุกที 

ดูท่า...เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน  และคงต้องรีบลงมือตามแผนที่วางไว้แล้ว


ช่วงที่ป่วยเขาไอสลับกับเป็นไข้และเจ็บหน้าอกอยู่เป็นระยะ  เขาป่วยเป็นโรคหอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว  แต่พอโตมาก็ดีขึ้น  ไม่คิดว่าตอนนี้อาการกลับกำเริบขึ้นมาอีก  บางคืนต้องตื่นขึ้นมาไอและนอนไม่หลับ  จื่อรุ่ยกับฝูหรงก็ดูเป็นกังวลหนัก  ฝูหรงที่ทำหน้าที่ต้มยาบางทีก็ไม่ได้พัก  เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาในห้องพร้อมถ้วยยาด้วยขอบตาสีดำคล้ำ  เด็กน้อยของเขาอายุแค่สิบห้าเท่านั้น  แต่กลับต้องลำบากขนาดนี้

" ได้นอนบ้างหรือไม่"  เขาถามเสียงแหบแห้ง

" บ่าวทนได้ขอรับ  คุณชาย  เอ๊ย  ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง" 

ฝูหรงนี่สอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจำ  เอาแต่เรียกเขาคุณชายเหมือนตอนอยู่บ้านนอก  ราชาศัพท์ก็จำไม่ได้  คำลงท้ายก็ไม่ค่อยมี

" แค่อากาศเปลี่ยนเท่านั้น  เจ้าอย่ากังวล  ไปพักผ่อนบ้าง  ประเดี๋ยวก็ปวดขาหรอก" 

เพราะขาที่ไม่แข็งแรงทำให้ฝูหรงต้องปวดขาอยู่เป็นระยะ  โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่เย็นจัดขนาดนี้  เขาเคยปรุงยาให้จนเจ้าตัวจำสูตรยาและปรุงเองได้  ตอนนี้ฝูหรงเริ่มอ่านใบสั่งยาได้เพราะเขาคอยสั่งอยู่เป็นประจำ

" บ่าวทนได้ขอรับ  แต่คุณชายต่างหาก  ปีนี้ป่วยนานเกินไปแล้ว" 

ฝูหรงบ่นพำพัมแล้วส่ายหน้าเซ่อๆ  ฝูหรงก็เป็นแบบนี้คิดอะไรก็ออกมาก็พูด  แล้วไม่ค่อยจะไตร่ตรองคิดให้ลึก  เขาล่ะเป็นห่วงเหลือเกิน  กลัวว่าหากตัวเองเป็นอะไรไป  เด็กคนนี้จะอยู่ไม่ได้

" ฝูหรงจำที่ข้าเคยบอกได้หรือไม่"

" เรื่องอะไรหรือขอรับ" 

" เรื่องที่......................”

" คุณชาย!  บ่าวไม่ชอบให้คุณชายพูดแบบนี้เลย" 

" บ่าวที่ไหน  ตอนนี้เจ้าก็เหมือนลูกของข้าแล้ว  อย่าบ่นมาก  ข้าแค่เตือนความจำเท่านั้น  ไม่ใช่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเสียหน่อย"

เขาบอกแล้วตบบ่าฝูหรงที่ทำท่าจะร้องไห้  เขาเป็นคนเดียวที่ข้ายอมถูกตัว  คนเป็นอ๋องปกติก็ไม่ถูกตัวใครง่ายๆ อยู่แล้ว  กับเขาที่มีความหลัง  ยิ่งไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว  มีแต่ฝูหรงคนเดียวเท่านั้นที่ยอมได้

" ไปพักผ่อนได้แล้ว"   

เขาไล่ฝูหรงออกไปเป็นการตัดบทแล้วนอนพักอยู่ในห้อง  พอลมหนาวพัดผ่านมาเขาก็ไออยู่อีกพักใหญ่  กว่าจะไอจบ  เลือดที่ออกมาจากปอดก็เปรอะตัวไปหมดแล้ว




>>  มันยาวกว่าที่คิด  T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 11:38:11 โดย teatimes »

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อู้ววว. มาต่อเร็วๆนะคะ เดี๋ยวมาม่าจะอืดหมดก่อนนน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สรุปว่าท่านอ๋องป่วยตาย?
แอบสงสัยว่าคนที่ลักพาฮองเฮาไปมีปัญหามากขนาดนั้น ทำไมฮ่องเต้ไม่ฆ่าเสีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :sad4: รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
สรุปว่าท่านอ๋องป่วยตาย?
แอบสงสัยว่าคนที่ลักพาฮองเฮาไปมีปัญหามากขนาดนั้น ทำไมฮ่องเต้ไม่ฆ่าเสีย

ท่านอ๋องไม่ได้ป่วยตายค่ะ  (บอกแบบนี้ถือว่าสปอยไหม  555)
ส่วนคนที่ลักพาตัวฮองเฮาไปเป็นอ๋องของอีกเประเทศค่ะ  ไม่ได้เป็นอ๋องในประเทศเดียวกัน  สงสัยเขียนไม่เคลียร์เด๋วปรับให้ค่ะ><

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ รออ่านตอนต่อไป To Be Continued...

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สรุปว่าท่านอ๋องป่วยตาย?
แอบสงสัยว่าคนที่ลักพาฮองเฮาไปมีปัญหามากขนาดนั้น ทำไมฮ่องเต้ไม่ฆ่าเสีย

ท่านอ๋องไม่ได้ป่วยตายค่ะ  (บอกแบบนี้ถือว่าสปอยไหม  555)
ส่วนคนที่ลักพาตัวฮองเฮาไปเป็นอ๋องของอีกเประเทศค่ะ  ไม่ได้เป็นอ๋องในประเทศเดียวกัน  สงสัยเขียนไม่เคลียร์เด๋วปรับให้ค่ะ><

เรื่องท่านอ๋องอีกรัฐหนึ่งเขียนได้ชัดเจนอยู่แล้วค่ะ แค่หมั่นไส้เฉย ๆ ว่าเป็นตัวปัญหาขนาดนี้น่าจะได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ไม่ควรได้อยู่สุขสบายปั่นหัวชาวบ้านไปวัน ๆ ในขณะที่ผู้สำเร็จราชการเหนื่อย(ใจ)แทบตายแล้ว

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Prologue (3)




หลังจากไอออกมาเป็นชุดใหญ่  เขาแอบเอาเสื้อผ้ากับผ้าห่มเปื้อนเลือดไปเผาโดยไม่บอกให้ใครรู้  ความจริงเขาไม่ควรป่วยหนักขนาดนี้  แต่อีกฝ่ายลงมือหนักเหลือเกิน  หากเขาไม่พอมีความรู้ด้านสมุนไพรอยู่บ้าง  คงตายไปตั้งแต่ต้นฤดูหนาวแล้ว 

เขาทอดถอนใจแล้วมองกลุ่มควันลอยไปสู่ปุยเมฆ  ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ตรงพรมแดนทางเหนือแล้ว  ตงเฉินกวางก็เตรียมขนาบทัพดักฝ่าบาทที่หุบเขาเซียงเช่า  เหนือหุบเขาเซียงเช่าเป็นที่ราบลุ่ม  ฝ่าบาทคงหนีไปไหนไม่รอด  เฟิ่งเหรินอ๋องก็นำกำลังคนกว่าสามพันคนเข้าโอบล้อม 

น่าเสียดาย...  เขาอุตส่าห์ปล่อยให้ชายแดนตะวันออกให้ว่างเปล่าไร้แม่ทัพ  โดนการรั้งเซี่ยจื่อหวน...ลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยให้กลับมายังเมืองหลวง  ชายแดนตะวันออกที่ไม่มีแม่ทัพคอยดูแล  ง่ายดายที่จะพิชิตนัก  แต่เฟิ่งเหริ่นอ๋องกลับเลือกที่จะต่อกรกับฝ่าบาทเพื่อช่วงชิงฮองเฮา   เฟิ่งเหรินอ๋องคงคิดว่าแค่รองแม่ทัพของตนก็เพียงพอที่จะชนะศึกแล้ว....

แต่ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่อยู่ในเงามืด  กองทัพของเฟิ่งเหรินอ๋อง  ไม่แน่ว่าจะชนะเสมอไป


ศึกที่ชายแดนตะวันออกจะเป็นอย่างไร  ไม่เกี่ยวกับเขาอีกแล้ว   จะชนะหรือแพ้กองกำลังของเฟิ่งเหรินอ๋องและของฝ่าบาทเองที่เป็นทัพใหญ่คงไม่เหลืออยู่ไม่มาก  หากคิดจะก่อสงครามเพิ่มก็คงต้องรอบูรณะกองทัพใหม่ไปอีกหลายปี   ส่วนเรื่องในวังหลวง  ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเขาแทบไม่รับรู้  เห็นว่ามีการปะทะกันระหว่างขุนนางอยู่บ้าง  แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหักล้าง  ทุกคนรอดูสถานการณ์อยู่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ  ยังดีที่ทหารคุ้มกันตำหนักยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม  เขาถึงยังไม่ตายจากการถูกลอบสังหาร


เวลาผ่านไปจนถึงยามย่ำค่ำที่เขาต้องดื่มยาอีกครั้ง   ครั้งนี้จื่อรุ่ยเป็นคนนำยามาให้  พร้อมกับข่าวคราวของฝ่าบาทที่ได้มาจากสายลับ

" ท่านอ๋อง  ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจนมุมอยู่ที่หุบเขาเซียงเช่า  เฟิ่งเหรินอ๋องกับแม่ทัพตงกำลังตีโอบทั้งสองด้าน  คาดว่าอีกไม่นานคงได้ตัวฝ่าบาทกับฮองเฮาแล้ว" เขารับยามาแล้วยกขึ้นดื่ม  รสชาติของยาช่างขมเฝื่อนเหมือนใจคน

" เฟิ่งเหรินอ๋องข้าไม่กังวลนัก  เพียงแต่แม่ทัพตงคงไม่รอด  หุบเขาเซียงเช่า  แท้จริงแล้วเป็นกับดับ  ด้านตะวันตกเฉียงเหนือเลยไปจากหุบเขา  ดูเหมือนจะเป็นที่โล่งแจ้ง  แต่แท้จริงแล้วกลับมีทางลับหลายเส้นทางนัก  ฝ่าบาทไปถึงที่นั่นได้ย่อมคาดหวังชัยชนะ  เพียงแต่จะกำจัดเฟิ่งเหรินอ๋องได้หรือไม่คงต้องรอดู"  เขากล่าวออกไปก่อนไอออกมาอีกซักพัก  พยายามสูดลมหายใจเข้าปอด  แต่ดูเหมือนอากาศจะน้อยลงทุกที

" ท่านอ๋อง!"

" ......ไม่เป็นไร  แค่หน้ามืดเท่านั้น  ยาหม้อนี้ใครเป็นคนต้ม"

" เป็นฝูหรงตามปกติพะยะค่ะ"  จื่อรุ่ยตอบ  แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นให้เอนตัวลงนอนพัก  เขาเสียใจเหลือเกิน...

" ต่อไป...  เจ้าเป็นคนต้มยาแล้วกัน  ฝูหรงหยิบจับอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง  ไม่รู้ว่ายานี่ต้มตามที่บอกหรือไม่  ข้าถึงไม่หายเสียที"

" พะยะค่ะ" 

รอจนจื่อรุ่ยรับคำแล้วเดินออกจากห้อง  เขาถึงค่อยพยุงสังขารที่ซีดเซียวทั้งยังผอมแห้งเต็มทน  เปิดกล่องลับใต้โต๊ะ  ก่อนกินยาที่ปรุงขึ้นเองสองเม็ดอาการก็ดีขึ้น  เขาเดินกลับเตียง  ล้มตัวลงแล้วนอนหลับตา 

ตอนที่ช่วยทั้งสองคนมา  เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนใดคนหนึ่งจะเป็นสายลับ  แต่จากประสบการณ์ทำให้เขาต้องตรวจภูมิหลังของทุกคนก่อนเอาเข้ามาใกล้  และไม่น่าเชื่อเลย  คนที่เขาช่วยมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ  สุดท้ายกลับทำกับเขาได้ขนาดนี้

เขาอาการทรงๆทรุดๆ  อยู่หลายวัน  รอจนอากาศอบอุ่นถึงค่อยดีขึ้น  เขาเริ่มออกไปเดินในสวนได้  ได้นั่งวาดภาพเขียนรูปเล่น  ได้รับแดดที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์ยามเช้า  เขาวาดรูปต้นสนและต้นหลานฮวาให้ฝูหรงดู  ฝูหรงชื่นชมภาพวาดของเขายกใหญ่  พอถามว่าทราบความหมายหรือไม่  ก็บอกมาว่าไม่ทราบ

" ต้นสนเป็นไม้เมืองหนาว  มีความอดทนต่อสภาพแห้งแล้ง  ลำต้นที่สูงเด่นเป็นสง่า  แสดงถึงความสง่างามและความกล้าหาญ  ทั้งยังหมายถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ  บางครั้งถือเป็นการอวยพรให้อายุมั่นขวัญยืน

ส่วนต้นหลานฮวา  มีที่มาจากกวีเอกนาม เผาหยวนหมิง เขาได้เขียวกวีกล่าวไว้ว่า  ต้นหลานฮวาเปรียบเสมือนวิญญูชนที่มีความอ้อมน้อมถ่อมตน  มีความบริสุทธิ์  ไม่คิดคดทำร้าย  ส่วนใหญ่จะมอบให้กับคนที่มีความสามารถและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่  แน่นอนว่าต้องมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายด้วย...  เจ้าเข้าใจหรือไม่ฝูหรง"

" บ่าวไม่เข้าใจหรอกขอรับคุณชาย  เรื่องยากๆแบบนี้  บ่าวเพียงแค่มองเห็นแล้วชอบก็ชมว่ามันสวยเท่านั้น  บ่าวไม่คิดอะไรมาก" 

พอฟังจบเขาก็ได้แต่ถอดถอนใจก่อนส่งเสียงหัวเราะ  เด็กน้อยของเขา  โตมาจนถึงป่านนี้ก็ไม่ยอมเข้าใจอะไรเสียที  ยังดีที่พอจะฝากฝังอะไรได้บ้าง  ไม่อย่างนั้นชีวิตเขาคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

รอจนภาพวาดแห้งเขาก็ส่งภาพให้จื่อรุ่ยที่เดินมาพอดี  เขาไม่สบตามองท่าทีของจื่อรุ่ยที่มีต่อภาพวาด  เพียงแต่จุ่มมือลงในอ่างน้ำอุ่นจัดจนควันขึ้นเพื่อล้างมือ  พอเช็ดมือเสร็จเขาก็รับสารลับที่จื่อรุ่ยส่งมาให้  ก่อนอ่านข้อความ  และเปล่งเสียงแสดงความคิดเห็น

" ทัพของตงเฉินกวางถูกตีแตกไปแล้ว  ฝ่าบาทช่างปรีชาสามารถนัก  มีกองทัพอยู่ในมือไม่กี่พันคน  ก็สามารถตีทัพนับหมื่นของตงเฉินกวางให้แตกพ่ายได้"  พอพูดจบเขาก็แค่นหัวเราะ  กองทัพไม่กี่พันคน...

คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้ถึงความในที่แอบซ่อน  เขาอยู่กับฝ่าบาทมานาน  ฝ่าบาทมาแผนการไหนเขาก็พร้อมรับมือทั้งนั้น  ขอเพียงแต่เขายอมทำตัวตัวโหดเหี้ยมซักนิด

แต่น่าเสียดาย...  สุดท้ายคนที่เขาเหี้ยมโหดด้วยที่สุดก็คือตัวตนเขาเองเท่านั้น  ช่างน่าสมเพชที่ถึงตอนนี้เขายังหลงรักฝ่าบาทไม่เลิก  ต่อให้อีกฝ่ายอำมหิตกับเขาแค่ไหน  สุดท้ายเขาก็ยังตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

เขาถอดทอนใจออกมาจนเห็นควันขาว  ตอนนี้อากาศอุ่นแต่ก็ยังหนาวเย็นนัก  เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ได้แต่ทำตามแผนการที่วางไว้  การเดิมพันครั้งสุดท้ายที่เขาคาดหวัง  ไม่ว่าจุดจบจะเป็นแบบไหน  เขาก็ตัดสินใจและเตรียมจุดจบสำหรับทุกอย่างเอาไว้แล้ว  เพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดจบจะเป็นฝันดีหรือฝันร้ายในชีวิตเขา

" ทัพตงเฉินกวางถูกตีแตกพ่ายไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก  น่าเสียดายที่เฟิ่งเหรินอ๋องทำตัวเป็นพยัคฆ์ดูเสือกัดกันอยู่บนยอดภูเขา  ไม่เอาทัพของคนเองมาร่วมรบด้วย  ในเมื่อเฟิ่งเหรินอ๋องไม่กล้าลงมือ  ข้าก็จะวางกับดักล่อเขาเอง  จื่อรุ่ย  เจ้าส่งสารไปให้เฟิ่งเหรินอ๋อง  บอกว่าข้าต้องการพบที่ฐานทัพร้างบริเวณหุบเขาเซียงเช่า  บริเวณนั้นหากเฟิ่งเหรินอ๋องยอมยกทัพของตนมา  รวมกับทัพของข้าย่อมตีขนาบทัพของฝ่าบาทได้อยู่แล้ว  ถึงฝ่าบาทจะมีทัพของเซี่ยจื่อหวนคอยช่วย  แต่เพราะต้องประมือกับทัพของตงเฉนกวาง  ไม่ว่าอย่างไรก็คงเหลือกำลังทัพไม่มาก  ฝ่าบาทรู้ทางลับ  มีหรือข้าจะไม่รู้  เจ้านำแผนที่ลับที่ข้าวาดให้ติดไปด้วย  หากเฟิ่งเหรินอ๋องเห็น  ย่อมรู้ว่าควรวางกำลังที่จุดใด" 

เขาบอกกับจื่อรุ่ยที่ดูตกตะลึงเมื่อเขาพูดถึงเซี่ยจื่อหวง  ลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยที่สำควรถูกเขาสั่งกักบริเวณไว้  แต่จื่อรุ่ยก็ยังเป็นจื่อรุ่ย  ถึงจะตกใจแต่ก็ปกปิดไว้ได้แนบเนียน  หากไม่สังเกตจริงๆ  ก็คงไม่รู้   

เขาวาดแผนที่ทางลับที่อยู่ในหัวแล้วมอบให้จื่อรุ่ย  ด้วยรู้ว่าจื่ยรุ่ยต้องนำไปให้เฟิ่งเหรินอ๋องและนำข่าวไปบอกฝ่าบาทด้วยเช่นกัน

รอจนจื่อรุ่ยออกไป  เขาที่ยืนตากลมมานานก็ทรุดตัวลงบนตั่งนั่ง  ลำบากฝูหรงต้องเข้ามาดูแล

" คุณชาย..."

" ไม่เป็นไรหรอกฝูหรง  อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว"

เขาบอกกับเด็กน้อยที่ทำท่าเป็นห่วงเขา  จื่อรุ่ยเป็นสายลับมีหรือเขาจะไม่ทราบ  ฝ่าบาทส่งจื่อรุ่ยมาอยู่ข้างกายเขา  พอเขาคิดทรยศก็สั่งให้จื่อรุ่ยวางยาเขาอย่างไม่ใยดี 

เขาเหนื่อยเหลือเกิน  ความภักดีของเขาสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่สามารถหักทิ้งได้ง่ายๆ  ทั้งที่หากฝ่าบาทเชื่อมือเขา  เชื่อใจเขา  ต่อให้ฝ่าบาทอยากครอบครองทุกแผ่นดิน  เขาก็สามารถช่วยเหลือไขว่คว้าเอามาให้ได้  ความสามารถของเขา  ตัวเขาไม่เคยแสดงออกให้ใครรู้  แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี

ความจริงตอนนี้ฝ่าบาทก็เหมือนเป็นหมากในมือเขา  หากเขาต้องการทำลาย  ก็ช่างง่ายดายยิ่งกว่าการเด็ดดอกไม้

น่าเสียดายที่ความรักทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่  ยอมที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ  ให้ต้องเจ็บซ้ำซาก  ทั้งที่ควรหลาบจำแต่เขาก็ดันไม่อยากจดจำ  ยังคงอยู่ต่อเป็นคนโง่ด้วยความหวังเพียงน้อยนิดว่า

ขอเพียงแค่ฝ่าบาทเห็นค่าเขา  ขอเพียงแค่ฝ่าบาทเชื่อมั่นในตัวเขา  ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต  เขาก็ยินดีที่จะมอบให้



ในที่สุดเวลาที่เขารอมานานก็มาถึงเสียที  เฟิ่งเหรินอ๋องเดินทางตามมาตามที่วางแผนไว้  เขาเรียกกำลังคนสามพันนายจากหมู่บ้านชายทะเลเข้ามาร่วมสมทบ  นัดแนะเจอกันที่ระหว่างเพื่อไปพบกันและเดินทางต่อไปที่หุบเขาเซียงเช่า  ตอนนี้ในราชสำนักโกลาหลวุ่นวายกันหมดแล้ว  เซี่ยจิ่งสิงนำขุนนางผู้ภักดี  เตรียมยึดราชสำนักและผลักดันองค์ชายน้อยขึ้นเป็นรัชทายาท  ข่าวที่ฝ่าบาทยังมีชีวิตอยู่คงเข้าถึงหูเซี่ยจิ่งสิงแล้ว

แต่แล้วยังไงล่ะ  เขาไม่สนใจราชบัลลังก์ที่กลวงเปล่าอยู่แล้ว  องค์ชายน้อยก็ถือเป็นหลานชายเขา  หากได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต  มีอะไรที่ต้องเสียหายกัน

คืนนั้นในก่อนที่เซี่ยจิ่งสิงจะบุกเข้ามาที่ตำหนัก  เขาพาฝูหรงหนีออกมาทางห้องลับ  เด็กน้อยของเขาดูกระหืดกระหอบเพราะขาที่ไม่แข็งแรงนัก  ทั้งเนื้อทั้งตัวมีข้าวของที่ผูกติดหลังอยุ่ไม่กี่ชิ้นกับเสื้อกันลม  เขาเองก็พกมาแต่ยาถอนพิษกับกระบี่และเสื้อตัวนอกเท่านั้น 

เขาฝ่าลมหนาวออกมาจนถึงจุดนับพบ  เมื่อเจอกองทัพของตนเองก็ขึ้นขี่ม้าพาฝูหรงขึ้นมานั่งด้วย

เด็กน้อยของเขา...

เด็กน้อยที่น่าสงสาร....

ความจริงเขาไม่อยากทำแบบนี้เลย   แต่เขาไม่เหลือใครคนอื่นอีกแล้ว 

ตอนนี้จื่อรุ่ยเองก็คงอยู่กับฝ่าบาทแล้ว  ไม่แน่ใจว่าสมัครใจอยู่เองหรือฝ่าบาทอ้างว่าจับจื่อรุ่ยได้ฐานะสายลับ  แต่เขาไม่สนใจจื่อรุ่ยอีกต่อไปแล้ว  ฝ่าบาทส่งจื่อรุ่ยมา  เขาก็แค่คืนให้ฝ่าบาทก็เท่านั้น  ส่วนกองทั้งทัพสามพันคนของเขา...

ช่างเถอะ 

ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว  ฝ่าบาทจะใช้งานทั้งสามพันคนต่อก็ดี  หรือจะสังหารคนทั้งสามพันหมดก็ช่าง  ยังไงกองทัพนี้  เขาก็จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายให้ฝ่าบาทอยู่แล้ว


เขากับกองทัพเดินทางกันมาจนถึงหุบเขาที่เป็นทางเข้าออกเดียวของจุดนับพบ  เขาที่ขี่ม้ามาตลอดทางก็เพิ่งเห็นว่าดอกเหมยเริ่มบานแล้ว  อากาศกำลังเย็นสบาย  ติดที่ยังหนาวนิดๆ  เขาเดินทางไปในหุบเขาจนถึงฐานทัพร้างที่เฟิงเหรินอ๋องวางกำลังรักษาการเอาไว้

เมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นเฟิ่งเหรินอ๋องทำสีหน้าเย็นเยียบ  แทบจะฉีกอกเขาออกเป็นชิ้นๆ  จากแผนการที่เขาวางไว้

" ข้าเฟิ่งเหรินอ๋องช่างด้อยความสามารถนัก  ทั้งที่คิดว่าตนเองกำลังต่อกรกับฉู่รื่อยาว  แต่ความจริงกับถูกศัตรูในมุมมืดหักหลังเข้าให้"  ฉู่รื่อยาวคือพระนามขององค์ฮ่องเต้ก่อนขึ้นเถลิงราชฯ  เขามองตาเฟิ่งเหรินอ๋องด้วยสีหน้าผลิยิ้ม  ทำเป็นไม่เห็นความเคียดแค้นก่อนนั่งลงบนเก้าอี้  ภายในบ้านมีกำลังคนอยู่ประมาณสิบคน  เขาสั่งให้คนติดตามมาในบ้านด้วยแค่ห้าคนเท่านั้น  ส่วนฝูหรง  เขาฝากไว้ที่ฝ่าบาทแล้ว


มาถึงตอนนี้ฝ่าบาทคงรู้จากปากฝูหรงแล้วว่า  สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เป็นการก่อกบฏคิดทรยศ  แต่เป็นการสร้างฐานอำนาจให้บัลลังก์ของฝ่าบาทให้แข็งแกร่งมั่นคงมากขึ้น  ตงเฉินกวางที่ก่อนหน้านี้เป็นหอกข้างแคร่มานาน  ก็ถูกเขาส่งมาให้ฝ่าบาทสำเร็จโทษแล้ว  ส่วนพวกขุนนางที่เอาใจออกห่าง  เซี่ยจิ่นสิงคงถือโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดจากราชสำนักเรียบร้อยแล้วด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า  คิดคบกับเขาเพื่อชิงบัลลังก์จากองค์ฮ่องเต้

สำหรับเซี่ยจื่อหวนลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยที่ถูกเขาสั่งกักบริเวณ  แท้จริงแล้วคือแผนการที่วางไว้เพื่อให้เซี่ยจื่อหวนหนีทัพมาช่วยฝ่าบาทต่อกรกับกองทัพของตงเฉินกวางทางด้านนี้ 

ส่วนเซื่ยเจียฉวน  ลูกชายคนรองที่เกิดกับอนุภรรยาที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบเคียงลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาหลวงได้  ดังนั้นเขาจึงวางแผนช่วยอย่างลับๆ  ให้ลูกชายคนโตมาช่วยฝ่าบาททางนี้  ในขณะที่เซี่ยเจียฉวนเองรับหน้าที่คุมทัพ  กวาดล้างทัพของเฟิ่งเหริ่นอ๋องที่ประชิดมาทางชายแดนตะวันออก  ออกเล่ห์ให้เซี่ยเจียฉวนแสร้งทำเป็นทรยศ  สมคบคิดกับเฟิ่งเหรินอ๋องเพื่อขอเป็นแม่ทัพหลักในภายภาคหน้า  บอกถึงจุดอ่อนในฐานทัพ  ก่อนตลบหลังปิดล้อมและลอบสังหารทหารของเฟิ่งเหรินอ๋องเงียบเชียบ  ทหารนับแสนของเฟิ่งเหรินอ๋องคงตกตายโดยที่ทหารของฝ่าบาทไม่ต้องเหนื่อยยาก  ทัพเรือนแสนของฝ่าบาทยังคงมีกองกำลังอยู่ครบ

และแน่นอนว่าแผนการที่เขาวางขึ้นนี้เขามอบเป็นรางวัลให้กับเซี่ยเจียฉวนที่ช่วยงานเขา  บอกกล่าวกับบุตรชายคนรองของแม่ทัพเซี่ยที่พยายามกระเสือกกระสนเพื่อแม่ของตนว่า  ให้บอกแม่ทัพเฒ่าว่าตัวของเซี่ยเจียฉวนเองเป็นคนคิดแผนการนี้  แผนการที่มีแต่ได้กับได้  เซี่ยจิ่นสิงคงเห็นด้วย   และถ้าหากชนะศึกไม่ว่าอย่างไรเซี่ยเจียฉวนที่เป็นลูกคนรอง  ก็ต้องได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว  ดีไม่ได้อาจได้เลื่อนขั้นมีตำหนักเป็นของตนเอง  พาแม่ที่เป็นอนุภรรยาเข้ามาอยู่ในบ้าน  เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่ต้องถูกภรรยาหลวงกลั่นแกล้งหรือถูกข่มแหงรังแก

เขาที่นั่งลงบนเก้าอี้ในบ้านร้างก็ได้แต่ยิ้มรับคำเสียดแทงของเฟิ่งเหริ่นอ๋องเล่น  แต่เมื่อเขาแย้มยิ้ม  สิ่งที่เป็นหนามยอกอกกลับทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของเขาเอง

".....หวงชินอ๋องช่างมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับฮ่องเฮาหวงนัก  น่าเสียดายที่ท่านเกิดเป็นชายมิเช่นนั้นคงได้ครองรักกับฉู่รื่อยาวแล้ว"

ได้ยินแล้วรอยยิ้มเขาก็หยุดชะนัก  ความจริงเขาไม่ได้ยิ้มมานานแล้ว  แต่เพราะครั้งนี้คิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่จะยอมจำทน  เขาถึงยิ้มออกมาได้ง่ายๆ 

รอยยิ้มของเขาเดิมทีก็เหมือนหยามแทงยอดอก  เขากับเหมยผิงเป็นฝาแฝด  เขาเป็นคนพี่  ส่วนเหมยผิงเป็นคนน้อง  เราสองคนเป็นฝาแฝดที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน  อุปนิสัยก็คล้ายคลึง  เหมยผิงเป็นคนยิ้มง่าย  เขาเองก็เป็นคนเช่นนั้น  จนเมื่อรู้ว่ารอยยิ้มของตนไม่มีค่า  เขาจึงปกปิดรอยยิ้มตนเองมาตั้งแต่นั้น  ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนรอยยิ้มของเขาก็ไม่มีทางเท่ากับรอยยิ้มของเหมยผิง  ดังนั้นเขาจึงหยุดยิ้มซะ  จะได้ไม่ต้องมีข้อเปรียบเทียบ  ท่านพ่อเองก็ไม่เคยเห็นค่าในความพยายามของเขา  ซ้ำเขายังเจ็บออดๆ แอดๆ  จนเสด็จพ่อรำคาญ  ทิ้งเขาไว้กับนางกำนัลและเหล่าพี่เลี้ยง  จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  เมื่อครั้งที่ป่วยหนักเสด็จพ่อก็ไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลยซักครั้ง  จนเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์  เขาก็รู้ตนเองแล้วว่า  หากไม่ยืนด้วยลำแข้ง  ก็คงไม่พ้นต้องลงหลุมไปอย่างเดียวดาย

เรื่องที่เสด็จพ่อไม่รัก  มันสืบเนื่องมาจากเสด็จพ่อถูกบังคับแต่งงานกับเสร็จแม่  เสด็จแม่ของเขาเป็นองค์หญิงในฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือก็คือพระปิตุจฉา  น้าสาวขององค์ฮ่องเต้ในรัชสมัยนี้  เสด็จพ่อของเขากับฮ่องเต้องค์ก่อนมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกให้ใครรู้  องค์หวงไท่หยางสมัยนั้นจึงได้จับเสด็จพ่อเขาแต่งงานกับเสด็จแม่แทน  จนเมื่อคลอดเขากับเหมยผิงออกมา  เสด็จแม่จึงได้ลาออกไปบวช  ทิ้งเขาไว้กับเสด็จพ่อที่ไม่ได้รัก  บอกกล่าวว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว  นางมีลูกสาวให้เสด็จพ่อ  และเหมยผิงคือตัวแทนสืบสานความรักที่ตนกับองค์ฮ่องเต้ที่ไม่สมหวังในสมัยก่อน 

เหมยผิงงดงาม  เฉิดฉาย  สง่างาม  ทั้งยังน่ารัก  ตัวฝ่าบาทที่ครั้งยังเป็นพระราชโอรสก็ตกหลุมรักเหมยผิงเข้าอย่างจัง  เขาที่เป็นเพื่อนเรียนของฝ่าบาทก็ได้แต่เก็บความรักของตนไว้เงียบๆ  มองดูฝ่าบาทกับเหมยผิงซ้อมกระบี่  บรรเลงเพลงคู่  เขาที่ยืนดูอยู่ห่างๆ  ก็ได้แต่มองตามอย่างชอกช้ำ  เขาเหมือนเหมยผิงทุกอย่าง  เพียงแค่เป็นผู้ชายเท่านั้น  หากเขาเป็นผู้หญิงเสร็จพ่อคงเอ็นดูเขาบ้าง  แต่เพราะเป็นลูกชาย  ท่านพ่อที่รักแต่ฝ่าบาทคนก่อนก็ไม่เห็นคุณค่าเขา  ซ้ำยังเป็นหนามแทงใจที่เกิดจากผู้หญิงที่ทำให้ต้องพรากจากคนรักของตน 

ตอนที่เสด็จพ่อสิ้นไปเขาไม่ได้เสียใจมากนัก  ท่านเลือกทำให้สิ่งที่อยากทำแล้วคือการตายเพื่อคนรัก  ยอมเอาตัวรับดาบแทนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนสิ้นชีวิต

ตรงจุดนี้คงเป็นจุดที่เหมือนกันของเขากับเสด็จพ่อ  เขาก็ยอมตายเพื่อคนที่เขารัก  ผิดก็แต่กับเขา...  แม้แต่ความรักของฝ่าบาทก็ยังไม่สามารถเอามาถือครองได้แม้แต่น้อย  ฝ่าบาทรักแต่เหมยผิงเพียงคนเดียวเท่านั้น  และตอนนี้ถึงกับยอมสละทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังลำบากแทน

เขาที่ได้รับคำเสียดสีเรื่องหน้าตามีหรือจะไม่ชอกช้ำ  แต่ทำอย่างไรได้  เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ  เหมยผิงแย่งฝ่าบาทไปมีหรือที่เขาไม่จะไม่แค้น  แต่ทำอย่างไรได้  เหมยผิงเป็นน้องสาวที่เขารัก  นางเป็นคนเดียวที่ดีกับเขาทั้งที่เสด็จพ่อไม่เคยเห็นค่า  เวลาเขาป่วยก็มีแต่นางที่เข้ามาเยี่ยม   เว้นแต่ครั้งที่เขาป่วยหนักจนเสด็ตพ่อกลัวเหมยผิงจะป่วยตามเท่านั้นเหมยผิงถึงได้ไม่มาเยี่ยม  เขาที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาจากความตายก็ได้แต่ตระหนักว่า  ชีวิตเขาคือสิ่งไม่มีค่า  ดังนั้นความสุขของเหมยผิง  เขาจะถือว่าเป็นความสุขของเขาก็แล้วกัน  เพราะอย่างไร  ฝ่าบาทก็คงไม่มาหลงรักเขาอยู่แล้ว

และเพราะอย่างนี้เขาถึงไม่ชอบให้ผู้หญิงถูกตัวมากนัก  นางกำนันที่เห็นว่าเขาเป็นลูกชายที่เสด็จพ่อไม่รักก็ไม่ค่อยทำดีด้วย  บางคนก็แค่ทำไปตามหน้าที่  ยังดีที่ทุกคนยังเห็นแก่เหมยผิงอยู่บ้าง  พอนางสั่งมาเขาถึงได้มีชิวิตที่ดีขึ้น  ไม่เช่นนั้นลูกชายคนโตอย่างเขา  คงถูกรังแกยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไปนานแล้ว

และเพราะอย่างนั้นเขาถึงทำใจเกลียดเหมยผิงไม่ได้  ตอนที่นางแต่งงานเป็นชายาเอกในองค์รัชทายาท  เขาถึงไปตัดสินใจที่จะไปอยู่ถิ่นทุรกันดารอย่างชายแดนนั่น  แต่สุดท้ายก็ยังตัดใจไม่ลง  ยังยอมทำงานเพื่อฝ่าบาท  แอบก่อตั้งกองกำลังเล็กๆ  ที่แม้จื่อรุ่ยก็ยังไม่รู้  คัดเอาคนมาจากคนกลุ่มน้อย  ค่อยๆ ฝึกสอนและสร้างฐานทัพ  เพื่อว่าซักวันหนึ่งที่ฝ่าบาทหมดหนทาง  เขาจะได้นำกำลังคนที่ฝึกสอนด้วยตนเองนี้มาช่วยเหลือแทน

ตอนนี้คนทั้งสามพันคนของเขากำลังสังหารทหารของเฟิ่งเหรินอ๋องให้หมดสิ้น  เขาที่หลอกล่อเฟิ่งเหรินอ๋องมาถึงนี่ก็เพียงแค่เตรียมมาขอสัญญาสวามิภักดิ์เท่านั้น  ช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวว่าเฟิ่งเหรินอ๋องคือผู้มีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท  เตรียมขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้องค์ก่อนที่แก่ชราแล้ว 

สัญญาสวามิภักดิ์กับชีวิตของตนเองที่จะได้ขึ้นครองราชย์  ช่างเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า  เขาที่กะวางมือจากทุกอย่างแล้ว  ก็ขอเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น  สัญญาสงบศึกที่ว่าจะไม่รุกราน...  สัญญายอมสวามิภักดิ์   อย่างน้อยก็ในช่วงชีวิตของเขา  เขาอยากให้ประชาชนเทียนจินอยู่อย่างมีความสุข  ไม่ต้องมาพะวักพะวงกับสงครามที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ทหารจะได้กลับบ้าน  ชาวนาได้ทำไร่ไถนา   สามีภรรยาอยู่กันอย่างพร้อมหน้า  สิ่งที่เขาหวังก็มีเพียงเท่านี้  แล้วเขาจะกลับไปอยู่ที่เมืองชายแดน  มองดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมชายฝั่งทะเลด้วยใจสงบ  จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักอีกแล้ว

แต่สุดท้ายแผนการของเขาก็มีช่องว่าง  เมื่อเฟิ่งเหรินอ๋องสั่งให้คนนำพระธิดาน้อยออกมาให้เขา  เว่ยซูเหยียนแม่นมของพระธิดาน้อยอุ้มพระธิดาอยู่ในอ้อมอก  หน้าตาของนางแทบไม่มีสีเลือด  กล่าวทั้งน้ำตาว่าลูกชายนางกับครอบครัวอยู่ในคุกของเฟิ่งเหรินอ๋องแล้ว  หากนางไม่นำตัวพระธิดาน้อยมา  สามีและลูกน้อยของนางคงถึงจุดจบอย่างทรมาน

มาถึงตรงนี้แผนการทุกอย่างที่วางไว้กลับล้มครืน  เขาต้องสั่งการนายทหารทั้งหมดที่อยู่ในมือระงับการสังหารไว้   อุ้มพระธิดาน้อยที่อยู่ในมือซูเหยียนมาไว้ในอ้อมกอด  พระธิดาน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน  ช่างเหมือนกับเขา..  เหมือนกับเหมยผิงไม่มีผิดเพี้ยน

เขาที่รับพระธิดามาได้ก็ทำการจับชีพจร  จากที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งหน้าซีดลงไปอีก  พระธิดาถูกวางยาพิษ  หากไม่ได้รับยาแก้  คาดว่าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นานแล้ว

" ท่านต้องการอะไร"

เขากัดฟันถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ  เฟิ่งเหรินอ๋องช่างอำมหิตนัก  แม้แต่เด็กน้อยที่เพิ่งเกิดยังไม่ละเว้น

" ชีวิตพระธิดาแลกกับ.....ฮ่องเฮา  ยาถอนพิษแลกกับการที่เหมยผิงยินยอมมาเป็นของข้า" 

เขาฟังคำขอแล้วอยากฆ่าเฟิ่งเหริ่นอ๋องให้ตายนัก  พระธิดาแลกยาถอนพิษอะไร  ตัวเองเป็นวางแผน...   วางยาก่อนแท้ๆ  แล้วจะให้เหมยผิงมาอยู่ในกำมือเฟิ่งเหรินอ๋องหรือ  ฝันไปเถอะ  เมื่อครั้งเก่าก่อนเฟิ่งเหรินอ๋องอาจจะยังรัก  อาจจะยังถนอมฮองเฮาบ้าง  แต่ตอนนี้  ตอนที่ถูกเขาจัดการมาถึงขั้นนี้  มีหรือที่เฟิ่งเหรินอ๋องจะยอมปล่อยนางให้อยู่อย่างสบาย  นางที่หน้าตาคล้ายเขา  เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกับเขา  ถ้าเหมยผิงต้องตกไปอยู่ในมือของเฟิ่งเหริน  ต่อให้ไม่ตายก็ต้องทรมานยิ่งกว่าตายอยู่แล้ว

ดังนั้นข้อเสนอนี่เขาไม่มีทางรับได้  เขาจึงตัดสินใจ  วางชีวิตของพระธิดาน้อยลง  เลือกที่จะ...  ปล่อยพระธิดาน้อยให้จากไปแบบนี้  ฮองเฮายังสาว  ยังสามารถมีพระธิดาอีกได้  ส่วนเด็กคนนี้...  หลานสาวที่เขาต้องหักใจทำลาย

เขาเกือบจะหลั่นน้ำตาตอนที่เห็นพระธิดาเริ่มร้องไห้  นางคงรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นานแล้ว  จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมทั้งน้ำตา  และถึงพระธิดายังพูดไม่ได้  แต่เขาก็รับรู้  เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยผ่านความตายมาแล้วเช่นกัน




>>>  ตอนหน้าจบ   :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 11:59:52 โดย teatimes »

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชีวิตท่านอ๋องทำไมน่าสงสารแบบนี้
ทำดีแค่ไหนฮ่องเต้ ก็ไม่เห็นคุณค่า เสียสละตนยอมทำตัวให้คนตราหน้าว่าเป็นทรราช ก็เพื่อช่วยคนที่แอบรัก  เค้าจะเห็นคุณค่าความปราถนาดีห่ือไม่นะ
เป็นความรักที่น่าสงสาร คนสนิทมีไม่กี่คนแต่ก็หาที่จะวางใจได้ยาก เฮ้ออออ
ขอภาวนาให้ท่านอ๋องได้กลับไปอยู่แบบสงบๆละทิ้งความวุ่นวายในราชสำนักไว้เบื้องหลัง

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :o12: ทำไมเศร้าขึ้นเรื่อยๆอ่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จะจบแล้วเหรอ สงสารท่านอ๋องค่ะ คนที่ท่านรักปานดวงใจเขาก็ไม่เห็นค่า จะตัดใจทำร้ายก็ทำไม่ลง เลยต้องปิดทองหลังพระ ยังไม่พอดูท่าจะเข้ากับสำนวนทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปของแท้
หลังจากนี้ถ้าพระธิดาตาย คงไม่ใช่ว่ามาโทษท่านอ๋องหรอกนะ (ในสายตาคนอ่านอย่างเราเข้าใจว่าคนเลือกย่อมเจ็บปวด แต่ก็พยายามเลือกในทางที่เห็นว่าดีที่สุดแล้ว) ถ้าจะโทษควรโทษตัวเองด้วยนะ ว่าไร้สามารถ ลูกอยู่กับตัวแท้ ๆ ยังไม่อาจดูแลให้ปลอดภัยได้ ทั้งถูกพิษ ทั้งถูกลักพาตัว แม้ว่าในมุมมองของฮองเฮาอาจจะยอมแลกชีวิตตัวเองกับลูก แต่ฮ่องเต้คงไม่มีทางยอมแน่ ทางที่ท่านอ๋องเลือกอาจจะดูโหดร้ายในสายตาคนเป็นแม่ แต่ถ้าอิงจากประโยชน์ของคนทั้งแผ่นดินก็ต้องเป็นแบบนี้ หวังว่าฮองเฮาคงไม่เสียใจถึงขั้นเสียสตินะ
รู้สึกพาลมากอ่ะ โมโหทุกคนยกเว้นท่านอ๋อง เศร้าไปกับชีวิตท่านอ๋องเหลือเกิน
รอตอนจบอย่างใจจดจ่อค่ะ

ปล. หากคนเขียนพอจะมีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เรามีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
1. การแทนตัวเองของผู้เล่าเรื่อง (ท่านอ๋อง) ที่คนเขียนใช้คำว่า เขา เรามีความเห็นว่าน่าจะใช้ คำว่า ข้า มากกว่า เพราะท่านอ๋องกล่าวถึงตัวเอง คำว่าเขามักจะใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่สองมากกว่า
2. ชื่อของตัวละคร มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ตั้งแต่บทแรก เป็นต้นมา เช่น เหมยผิง เหม่ยผิง เหว่ยผิง หรือ เฟิ่นเหริน เฟิ่งเหริน และอีกหลายคน (แทบจะทุกคน)
3. คำผิดอื่น ๆ เช่น ฮองเฮา ไม่ใช่ ฮ่องเฮา แบบที่เจอมาทั้งเรื่อง ที่ถูกคือ ฮองเฮา (ไม่มีไม้เอก) ฮ่องเต้ (มีไม้เอก)
4. การใช้คำอื่น ๆ เช่น ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการพระโอรส ไม่ใช่ ฮองเฮาก็มีพระประสูติกาเป็นพระโอรส
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ (ที่ทักเพราะเราชอบท่านอ๋องในเรื่องนี้จริง ๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2016 09:03:39 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เดาว่าจุดจบคงเศร้า..แต่ขอเอาใจช่วย   :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
จะจบแล้วเหรอ สงสารท่านอ๋องค่ะ คนที่ท่านรักปานดวงใจเขาก็ไม่เห็นค่า จะตัดใจทำร้ายก็ทำไม่ลง เลยต้องปิดทองหลังพระ ยังไม่พอดูท่าจะเข้ากับสำนวนทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปของแท้
หลังจากนี้ถ้าพระธิดาตาย คงไม่ใช่ว่ามาโทษท่านอ๋องหรอกนะ (ในสายตาคนอ่านอย่างเราเข้าใจว่าคนเลือกย่อมเจ็บปวด แต่ก็พยายามเลือกในทางที่เห็นว่าดีที่สุดแล้ว) ถ้าจะโทษควรโทษตัวเองด้วยนะ ว่าไร้สามารถ ลูกอยู่กับตัวแท้ ๆ ยังไม่อาจดูแลให้ปลอดภัยได้ ทั้งถูกพิษ ทั้งถูกลักพาตัว แม้ว่าในมุมมองของฮองเฮาอาจจะยอมแลกชีวิตตัวเองกับลูก แต่ฮ่องเต้คงไม่มีทางยอมแน่ ทางที่ท่านอ๋องเลือกอาจจะดูโหดร้ายในสายตาคนเป็นแม่ แต่ถ้าอิงจากประโยชน์ของคนทั้งแผ่นดินก็ต้องเป็นแบบนี้ หวังว่าฮองเฮาคงไม่เสียใจถึงขั้นเสียสตินะ
รู้สึกพาลมากอ่ะ โมโหทุกคนยกเว้นท่านอ๋อง เศร้าไปกับชีวิตท่านอ๋องเหลือเกิน
รอตอนจบอย่างใจจดจ่อค่ะ

ปล. หากคนเขียนพอจะมีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เรามีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
1. การแทนตัวเองของผู้เล่าเรื่อง (ท่านอ๋อง) ที่คนเขียนใช้คำว่า เขา เรามีความเห็นว่าน่าจะใช้ คำว่า ข้า มากกว่า เพราะท่านอ๋องกล่าวถึงตัวเอง คำว่าเขามักจะใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่สองมากกว่า
2. ชื่อของตัวละคร มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ตั้งแต่บทแรก เป็นต้นมา เช่น เหมยผิง เหม่ยผิง เหว่ยผิง หรือ เฟิ่นเหริน เฟิ่งเหริน และอีกหลายคน (แทบจะทุกคน)
3. คำผิดอื่น ๆ เช่น ฮองเฮา ไม่ใช่ ฮ่องเฮา แบบที่เจอมาทั้งเรื่อง ที่ถูกคือ ฮองเฮา (ไม่มีไม้เอก) ฮ่องเต้ (มีไม้เอก)
4. การใช้คำอื่น ๆ เช่น ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการพระโอรส ไม่ใช่ ฮองเฮาก็มีพระประสูติกาเป็นพระโอรส
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ (ที่ทักเพราะเราชอบท่านอ๋องในเรื่องนี้จริง ๆ)

กำลังจะอัพบทจบ  งั้นขอแก้แปบ  ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ><
ปล. สรรพนามคงไม่ได้เปลี่ยนนะคะ แบบว่าเป็นการเล่าย้อนอดีต... (สปอยไหม 5555)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2016 10:39:30 โดย teatimes »

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Prologue (จบ)



ในที่สุดเขาก็หักใจสังหารพระธิดาไม่ได้  ทำการเขียนจดหมายถึงฝ่าบาทที่ตั้งฐานอยู่อีกฟากของหุบเขา  ถามหาความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้  ครานี้ฝ่าบาทคงลำบากใจแน่แล้ว  ฝั่งหนึ่งก็ลูก  ฝั่งหนึ่งก็ภรรยา  แต่ฝ่าบาทก็คงคิดเหมือนเขา  จึงได้มีคำสั่งให้เขาสังหารองค์หญิงน้อยตอนตะวันขึ้นเหนือหัว 

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ฟ้าสางเต็มที  เขาที่รอผลการเจรจาอยู่นานก็เริ่มอ่อนล้า  สารลับที่ฝ่าบาทส่งมา  เหมยผิงคงไม่ได้รับรู้  เพราะเขาเองก็สั่งคนไปแล้วว่าห้ามเปิดปากบอกเรื่องนี้กับเหมยผิง  เพราะหากนางรู้  นางต้องยอมทำเพื่อลูกแน่นอน  ขนาดเขายังลังเลที่จะทำร้ายหลาน  แล้วเหมยผิงที่เป็นแม่จะยอมเห็นลูกตายได้หรือ 

และไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความคิดและเหตุผลของฝ่าบาท  แต่นี่คือสิ่งที่สมควรทำแล้ว  ตอนนี้เฟิ่งเหรินอ๋องเหมือนหมาจนตรอก  ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตอบโต้และแก้แค้น  และเหมยผิงคือคนที่เฟิ่งเหรินอ๋องจะเอาไว้แก้แค้นและทรมานภายหลัง 

แต่เขาทำใจไม่ได้  ตัดใจทำร้ายหลานตัวเองไม่ได้  เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนเขานัก  แล้วเขาจะทนให้เด็กคนนี้ตายได้อย่างไร  เขาอยากให้เด็กคนนี้มีความสุข  เติบโตและได้รับความรัก  หากนางมีชีวิตต่อไปได้  ฝ่าบาทย่อมรู้สึกผิดต่อนางที่ครั้งหนึ่งเคยคิดฆ่า  ถึงเหมยผิงจะไม่รู้  แต่ฝ่าบาทต้องทำดีกับเด็กคนนี้แน่นอน

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจส่งองค์น้อยหญิงน้อยให้กับซูเหยียน  และต่อรองกับเฟิ่งเหรินอ๋อง

" สัญญาสงบศึกหนึ่งร้อยปีกับการไม่ล่วงล้ำดินแดน  แลกกับยาถอนพิษขององค์หญิงและความปลอดภัยของท่าน  ข้าจะสั่งให้ทหารของตนทั้งสามพันคนพาท่านกับองค์หญิงน้อยไปส่งที่ชายแดน  เมื่อองค์หญิงได้ยาถอนพิษจนปลอดภัยดีแล้ว   ทหารของข้าจะปล่อยท่านกลับแผ่นดิน"

นี่เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดที่เขาจะให้เฟิ่งเหรินอ๋องแล้ว  หากอาศัยแค่ทัพของเฟิ่งเหรินอ๋องที่เหลืออยู่ถึงตอนนี้   ถ้าเกิดฝ่าบาทกลับคำหรือไม่เห็นด้วยกับเขา  สั่งให้เซี่ยจื่อหวนนำคนมาสังหารเฟิ่งเหรินอ๋องภายหลังก็ย่อมได้  แต่ถ้ามีคนของเขาสามพันคนขนาบข้าง  คนของฝ่าบาทย่อมไม่อาจทำร้ายเฟิ่งเหรินอ๋องได้ง่ายโดยง่าย   และหากต้องต่อสู้กันจริง  ทัพของเขากับฝ่าบาทที่อยู่ข้างเดียวกันเกิดการปะทะกัน  หากใครรู้คงไม่ดีแน่  ทั้งยังเป็นการทำให้ทหารล้มตายโดยใช่เหตุ

เขาจ้องมองเฟิ่งเหริ่นอ๋องที่กำลังครุ่นคิด  สัญญาสงบศึกร้อยปี  ย่อมดีกว่าสัญญาสวามิภักดิ์ที่คงทำให้อับอายขายหน้า  ทั้งยังกลับไปได้อย่างมีชีวิตที่ครบถ้วน  แม้แต่เส้นผมยังไม่หลุดออกซักเส้น

สัญญาร้อยปีเพียงไม่นานก็ผ่านไปแล้ว  หากเฟิ่งเหรินอ๋องได้ครองบัลลังก์  ย่อมสั่งให้ลูกหลานตามแก้แค้นได้  ความแค้นต่อให้ต้องรอถึงร้อยปีก็ยังดีกว่าไปเคียดแค้นที่ปรภพ  เพราะอย่างนั้นเขาจึงมั่นใจว่า  เฟิ่งเหรินอ๋องจะต้องยอมตกลง

" เจ้าและทหารของข้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดต้องไปกับข้า" 

นั่นเป็นข้อตกลงที่เขาสามารถยอมรับได้  องค์หญิงน้อยปลอดภัย  ส่วนเขาไปเป็นเหยื่อการแก้แค้นของเฟิ่งเหริ่นอ๋องถือว่าเป็นเรื่องที่เขาเสียสละได้  ยังเขาก็ผ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาทไปแล้ว  ไม่มีที่ให้เขายืนอยู่บนแผ่นดินซินเจียงอีกแล้ว  อีกอย่างอยู่กับเฟิ่งเหรินอ๋องก็แค่ถูกทรมานกาย  คงดีกว่าถูกทรมานใจอยู่ที่เป็นไหนๆ

เมื่อเขาพยักหน้า  เฟิ่งเหริ่นอ๋องสั่งคนให้นำกระดาษมาร่างสัญญาสงบศึกพร้อมกับประทับตราลงนามไว้สองฉบับ  เขารอจนสัญาฉบับหนึ่งแห้งดีแล้วก็พับม้วนแล้วปิดผนึกเตรียมส่งให้ทหารเพื่อนำไปให้ฝ่าบาท  แต่ในตอนที่กำลังจะส่งมอบ  ทหารที่อยู่ดูลาดเลาภายนอกกลับมาบอกข่าวที่ไม่สู้ดีนัก

" ฝ่าบาทมีคำสั่งให้เซี่ยจื่อหวนยกทัพมาที่นี่  ร่วมมือกับท่านอ๋องให้สังหารเฟิ่งเหรินอ๋องโดยไม่มีข้อแม้" 

มาถึงตรงนี้เขาก็ได้แต่หน้าซีด  ฝ่าบาทคงตัดสินใจสละชีวิตองค์หญิงแน่แล้ว  คาดว่าแม้แต่สัญญาสงบศึกยังไม่อยากยอมรับ  ฝ่าบาทน่าจะ....

คิดอยู่ไม่นานเขาก็บรรลุ  เมืองอริที่ไม่มีเฟิ่งเหรินอ๋อง  ไม่ต่างอะไรกับเมืองที่ไม่มีแม่ทัพ  ฮ่องเต้หรือพระบิดาของเฟิ่งเหรินอ๋องชราภาพมากแล้ว  และในบรรดาพระโอรสก็มีแต่เฟิ่งเหรินอ๋องที่มากความสามารถ  หากเฟิ่งเหรินอ๋องถูกสังหารตั้งแต่ตอนนี้  ฝ่าบาทจะทรงยึดครองแผ่นดินของเฟิ่งเหรินอ๋องเมื่อไหร่ก็ได้  มังกรไม่มีหัวย่อมหันกลับมาทำร้ายคนไม่ได้

ฝ่ายเฟิ่งเหรินอ๋องที่เห็นท่าทีคงเขากับทหารส่งข่าว  คงเดาได้ไม่ยากแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น   เขาเห็นเฟิ่งเหรินอ๋องจับดาบเตรียมต่อสู้  คิดว่าคงจะสู้จนตัวตาย

แต่พระธิดาล่ะ... 

เขาหันไปมองเด็กน้อยในอ้อมกอดของซูเหยียน  นางยังเด็กเหลือเกิน

" ชีวิตท่านแลกกับองค์หญิงน้อย!   มอบยาถอนพิษให้นางตอนนี้  แล้วข้าจะกันคนจากฝ่าบาทให้!"  เขาตะโกนทันทีที่เฟิ่งเหรินอ๋องประชิดตัวองค์หญิงน้อยมาจากซูเหยียน  เฟิ่งเหรินอ๋องคงมองสายตาของเขาออก  จึงคิดจับนางมาเป็นตัวประกันต่อรองกับเขา

" เจ้าและองค์หญิงกับทหารทั้งหมดไปกับข้า"

" ถอนพิษให้องค์หญิงที่นี่  แล้วข้าจะพาเจ้าไปส่งถึงชายแดน  องค์หญิงไม่แข็งแรงพาไปก็รังแต่จะเป็นภาระ  ถ้าเจ้าไม่ปล่อยนางก็ต้องตายที่นี่  เจ้าตาย  สัญญาสงบศึกไม่มีค่า  เจ้าอยู่...  ข้าจะถือว่าไม่มีสัญญาเกิดขึ้น  ปล่อยองค์หญิงน้อยไป  แล้วข้าจะเขียนแผนที่ทางการทหารของซินเจียงให้"  เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว  เขาไม่อยากให้นางต้องตาย  ไม่อยากเห็นหลานตัวเองต้องจบชีวิตลงทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มใช้ชีวิตด้วยซ้ำ

" จะเชื่อได้อย่างไรว่าแผนที่เป็นของจริง"

" มีฉบับคัดลอกสำรองไว้ในวังของข้า  ข้าไปกับเจ้า  บอกแผนที่ทางทหารกับเจ้า  หากเจ้าไม่เชื่อสั่งคนให้ไปตำหนักอ๋องของข้า  นำแผนที่ทั้งสองฉบับมาเปรียบเทียบ  เจ้าจะได้รู้ว่าข้าพูดความจริง"

แต่เมื่อยังเห็นเฟิ่งเหรินอ๋องยังลังเล  เขายิ่งต้องสุมไฟ

" ข้าหลอกเจ้ามาถึงที่นี่ได้  หลอกตงเฉินกวางให้ตกตายแบบไม่มีแผ่นดินกลบหน้าได้  หากเจ้าปล่อยองค์หญิง....  ข้าจะภักดีกับเจ้า"  เขากัดฟันพูด  และไม่แปลกใจเลยที่เฟิ่งเหรินอ๋องหัวเราะ

" ตัวเจ้า...  แม้แต่ฉู่รื่อยาวยังไม่ต้องการ  มีหรือข้าจะอยากได้  ยาถอนพิษแลกกับแผนที่ทางการทหารอย่างละเอียดตอนนี้  และเจ้ากับองค์หญิงไปกับข้าถึงชายแดน  เมื่อปลอดภัยข้าจะมอบยาถอนพิษให้องค์หญิงที่นั่น  ส่วนเจ้ากินยาพิษแทนนาง  เมื่อข้ามั่นใจว่าแผนที่ถูกต้อง  ข้าจะส่งยาถอนพิษมาให้" 

เมื่อได้ยินอย่างนี้เขาก็โล่งอก  ตัวเขามีพิษของฝ่าบาทที่จื่อรุ่ยวางยาเอาไว้อยู่แล้ว  ต่อให้เขามียาแก้ที่ปรุงขึ้นเอง  แต่ถูกพิษมานานขนาดนี้  จะอย่างไรก็รักษาให้หายขาดไม่ได้ง่ายๆ  แค่เพิ่มยาพิษมาอีกตัวจะเป็นไรกัน  ขอแค่องค์หญิงปลอดภัยก็พอแล้ว  อีกอย่าง  เขาฝ่าฝืนราชโองการปล่อยตัวเฟิ่งเหรินอ๋องให้หนีไปได้  ซ้ำยังบอกแผนที่ทางการทหาร  ต่อให้มีคุณแต่ก็คงไม่พ้นต้องโทษ ยาพิษนั่น  จะกินหรือไม่กินก็มีค่าเท่ากัน

แต่ยังไม่ทันที่เขากับเฟิ่งเหริ่นอ๋องจะตกลงอะไรกันมากกว่านี้  ทหารที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามารายงานเสียงดังว่า  ฝ่าบาทสั่งคนล้อมประชิดปิดทางเข้าออกหมดแล้ว  หากเขาจะปล่อยให้เฟิ่งเหรินอ๋องหนีไปก็ต้องหนีก็ต้องใช้ทางอื่น  ไม่เช่นนั้นคงไม่พ้นที่จะต้องใช้กำลังปะทะกับคนของเซี่ยจื่อหวน  แล้วทหารของทั้งเขาและเซี่ยจื่อหนคงตกตายไปอย่างไร้ค่า  เขาฉวยจังหวะที่เฟิ่งเหริ่นอ๋องละความสนใจจากองค์หญิง  ฉกชิงพระธิดาน้อยมากอดไว้เอง  แล้วชักกระบี่ประจำตัวชี้ใส่เฟิ่งเหริ่นอ๋อง 

" ยาถอนพิษตอนนี้ไม่ก็ตายกันให้หมดที่นี่  แล้วข้าจะบอกทางลับให้"  เขาขู่คำราม

มาถึงตอนนี้องค์หญิงน้อยที่ถูกเปลี่ยนมือไปมาเริ่มไห้  หน้าตานางซีดเขียวเพราะถูกพิษประกอบกับการร้องไห้อยู่นานจนเริ่มหายใจไม่ออก  เขาน้ำตาคลอ  หลานสาวของเขา...

" ยาถอนพิษ  ตอนนี้  แล้วข้าจะบอกทางหนีให้"  เขาย้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ  ตอนนี้ทั้งเขาทั้งเฟิ่งเหริ่นอ๋องไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว 

" บอกทางลับมา  พาข้ากับคนของข้าออกไป  แล้วข้าจะมอบยาถอนพิษให้"

ไม่รู้เพราะอะไรเฟิ่งเหริ่นอ๋องถึงไม่เชื่อใจเขา  แต่ถ้าเป็นเขาๆ ก็คงไม่เชื่อใจใครง่ายๆ  ถ้ายาถอนพิษไม่ใช่ยาถอนพิษที่แก้พิษได้จริงๆ ล่ะ ถ้าทางลับไม่ใช่ทางออกที่ทำให้หนีพ้นได้จริงๆ ล่ะ  หรืออย่างร้ายแรงที่สุด...  ทางออก  มันจริงมันมีอยู่ไหม 

เขากับเฟิ่งเหรินอ๋องมองตากันอย่างไม่ยอมแพ้  จนเมื่ออาการองค์หญิงแย่ลงทุกทีเขาถึงยอมกัดฟันวางดาบลง

" ไม่มีทางลับ"

เขากัดปากแน่นแล้วซบหน้าลงกับตัวองค์หญิงน้อย  นางหายใจแผ่วลงทุกที  จนลมหายใจหยุดนิ่ง  เขาถึงได้เอาผ้าคลุมตัวมาห่อตัวนางไว้อย่างมิดชิด

" ไม่มียาถอนพิษ" 

สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ต่างคนต่างหลอกลวง  เขาหลั่งน้ำตาให้หลานสาวที่เพิ่งจากไปเงียบๆ  นางยังเด็กเหลือเกิน  แต่กลับต้องมาตายลงแบบนี้โดยที่เขาช่วยอะไรนางไม่ได้

เขากับเฟิ่งเหริ่นอ๋องยืนห่างจากกันอยู่เงียบๆ  ถ้าเขาสั่งคนให้สังหารเฟิ่งเหริ่นอ๋องตอนนี้ก็สามารถทำได้  แต่เขาเหนื่อยเหลือเกินแล้ว 

ดังนั้นตอนที่เฟิ่งเหรินอ๋องถือกระบี่ออกไปเตรียมยอมสู้รบจนตัวตายเขาถึงได้ยอมนั่งอยู่นิ่งๆ  ไม่เข้าไปห้ามปราม  ได้แต่กอดองค์หญิงน้อยที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไว้  และสั่งให้ซูเหนียนเดินออกไปเพื่อแจ้งข่าวกับองค์ฮ่องเต้

แต่ในตอนท้ายที่สุด  ไม่รู้เพราะเหตุใดเฟิ่งเหรินอ๋องถึงเดินกลับมา  ในมือมีกาเหล้ากับจอกชาสองใบที่คงหามาจากแถวนี้   พอเห็นเขายังนั่งนิ่ง  เฟิ่งเหริ่นอ๋องจึงได้เปิดปากพูดกับเขา

" ข้าสั่งให้ทหารจุดไฟเผารอบตัวบ้าน  ศัตรูของแผ่นดินตายไปคงศพไม่สวยนัก  สู้กลายเป็นขี้เถ้าดีกว่า  อย่างน้อยศพข้าก็ไม่ต้องถูกแขวนประจาน"  เสียงของเฟิ่งเหริ่นอ๋องสงบลงอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อถึงยามสุดท้ายของชีวิตกลับสงบได้ขนาดนี้  สมแล้วที่เป็นยอดคน

" เจ้าจะเดินออกไปก็ได้  จะอย่างไรคนของข้าก็สู้คนของเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว  เหล้าจอกนี้ก็ถือเป็นของขวัญอำลา  ข้าต้องตายสุดท้ายก็ด้วยมือเจ้า  ไม่ใช่ฉู่รื่อยาว  ดังนั้นข้าจึงอยากคาราวะเจ้าที่เอาชนะข้าได้"  เฟิ่งเหรินอ๋องแล้วเทเหล้าใส่จอกทั้งสองจอก  ยกเหล้าเข้าปากตัวเองหนึ่งจอก  อีกจอกส่งมาให้เขา  เขาเองก็ยกขึ้นมาดื่มด้วย  ไม่สนใจว่าเหล้าจะมียาพิษหรือไม่

" ศึกนี้ไม่มีใครชนะ  เจ้าตาย  ส่วนข้าช่วยชีวิตหลานสาวไม่ได้"  เขาบอกเสียงแผ่ว  แล้วกระชับกอดศพเด็กน้อยที่เริ่มแข็งตัว  ปล่อยให้ผมของตัวเองบดบังใบหน้า  ศึกนี้ไม่มีใครชนะ...  มีแต่ความพ่ายแพ้  ทุกคนสูญเสียคนที่เป็นที่รัก

จนเมื่อเฟิ่งเหรินอ๋องเห็นเขานั่งนิ่งไม่ยอมออกไปจากบ้านเสียที  ก็คงเข้าใจแล้วว่าเขาจะจบชีวิตลงที่นี่แล้ว  เขาเองจากที่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปที่ชายแดน  แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจแล้ว  ร่างกายเขาทนรับความเสียหายทางจิตใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

" เพราะอะไรเจ้าถึงรักฉู่รื่อยาว"

" เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยช่วยข้านอกจากเหมยผิง" 

เขาตอบยิ้มๆ แล้วเริ่มรำลึกอดีต  ฝ่าบาทเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือเขายามที่ถูกลูกขุนนางคนอื่นกลั่นแกล้ง  แม้ว่าฝ่าบาทจะทำไปเพื่อเหมยผิง  แต่อย่างน้อยความช่วยเหลือนั่นก็เป็นจริง  เขาสำนึกรักฝ่าบาทมาตั้งแต่ตอนนั้น  แต่คิดถึงฝ่าบาทได้ไม่นานเขาก็เริ่มสำลักควันไฟที่ลอยเข้ามาใน  บ้านร้างนี้ก่อสร้างด้วยอิฐและไม้  ไฟจึงลามเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว

" ฉู่รื่อยาวไม่คู่ควรกับความรักของเจ้า"

" ถ้าท่านตัดใจจากเหมยผิงได้  ท่านก็จะรู้ว่าไม่ควรที่จะรักนางเช่นกัน"  เมื่อตอบเสร็จเขาก็ต้องสำลักควันอีกครั้ง  ครั้งนี้เขาถึงกับไอออกมาเป็นเลือด  คาดว่าในเหล้าคงมียาพิษแน่แล้ว

" ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น  หากตายไปก็อยากให้มีคนไปเป็นเพื่อน"

" แต่ข้าปล่อยวางแล้ว  ความตายนี้เป็นสิ่งที่ข้าเลือกเองไม่ใช่เจ้าบังคับ  หากตายไปข้าจะไปอยู่กับองค์หญิงน้อย  ไม่อยู่กับเจ้า"  เขาบอกแล้วนิ่งเงียบ

จนเมื่อไฟลามเลียเข้ามาใกล้เต็มทีเฟิ่งเหรินอ๋องที่ดื่มยาพิษไปเช่นกันก็สำลัก  ใบหน้าหล่อเหลาของเฟิ่งเหรินอ๋องที่ข้าเพิ่งสังเกตเห็นมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนเต็มปาก  เราสองคนสบตาจ้องกัน  ก่อนเป็นเขาที่หลบสายตาออกก่อน

" ข้าน่าจะหลงรักเจ้าแทนเหมยผิง  หน้าตาเจ้าช่างเหมือนนางนัก"

เมื่อฟังจบประโยคนั้นจบเขาก็แค่นยิ้ม  สุดท้ายเขาก็ได้แต่เป็นตัวแทนของเหมยผิงอยู่ดี

รอจนไฟจวนเจียนเข้ามาใกล้  เขากับเฟิ่งเหรินอ๋องนั่งแยกกันอยู่คนละมุมห้อง  จากที่อยู่บนโต๊ะ  ก็ต้องหลบหนีเปลวไฟมาอยู่ที่มุม

" ต่อให้เจ้ารัก แต่ข้าคงไม่รักใครอีกแล้ว

และนั่นคือเสียงกระซิบสุดท้าย

เขาไม่รู้ว่าตัวเองตายจากเปลวไฟหรือตายเพราะยาพิษ  เวลามันจวนเจียนก้ำกึ่งเต็มทน  แต่เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายก่อนหลับตาเฟิ่งเหริ่นอ๋องยังคงจ้องหน้าเขา  คงอยากเก็บหน้าเขาไว้เป็นความทรงจำสุดท้าย  เพราะเขาหน้าตาเหมือนเหมยผิงเหลือเกิน

สุดท้ายเขาก็ปล่อยวางทุกอย่างลง  ชีวิตเขาเกิดมาในชาตินี้ไม่เคยติดค้างใครทั้งนั้น  เขาทำดี  ไม่เคยหวังผลตอบแทน  ใครทำร้ายเขาๆ ก็แค่ตอบโต้  จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต  คนที่เขาโหดเหี้ยมด้วยที่สุดก็คงเป็นตัวของเขาเองเท่านั้น

เฮ้อ คิดแล้วก็อดนึกถึงฝูหรงไม่ได้  เด็กนั่น  ถ้ารู้ว่าเขาต้องมาตกตายแบบนี้  ไม่รู้ว่าจะร้องไห้เผาเต่าจนเป็นอย่างไรบ้าง 

ฝูหรง...  เด็กคนนั้นเขารักเหมือนลูก  ทั้งยังเตรียมส่งมอบทุกอย่างให้หลังจากที่เขาตายแล้ว  พินัยกรรมเขาก็เขียนแจกแจงรายละเอียดไปหมดแล้ว  ได้แต่หวังว่าเหมยผิงจะเอ็ดดูฝูหรงของเขาบ้าง  เด็กนั่นไม่ค่อยฉลาด  แถมยังซื่อบื้อ  เจอกันที่ก็เอาแต่ยิ้ม  ถ้าไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็คงดี  จะได้มีเงินพอเก็บใช้จนถึงตอนแก่เฒ่า  หากแต่งงานและมีลูกก็ยิ่งดี  จะมองดูลูกๆ หลานๆ วิ่งเล่นเต็มบ้านแทนที่เขาซึ่งคงจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นอีกแล้ว


ก่อนตาย  เขากระชับอ้อมกอดให้องค์หญิงน้อยอยู่ติดตัว  ชาตินี้เขาไม่เคยติดค้างใคร  มีแต่ติดค้างตนเองกับหลานสาวคนนี้เท่านั้น 

ดังนั้นในช่วงก่อนที่กำลังจะตาย  เขาได้แต่ร้องขอต่อสวรรค์  ตัวเขาไม่เคยติดค้างใคร  และไม่เคยเรียกร้องขอความเห็นใจจากสวรรค์เลยซักครั้ง  ยกเว้นก็แต่ครั้งนี้....  ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนี้  เขาขอเพียงให้สิ่งที่ฝากฝังไว้กับฝูหรงเป็นความจริงเท่านั้น  เขาขอ...  เพียงแค่นั้น  และจะไม่ขอสิ่งใดเพิ่ม



"ฝูหรง  ชีวิตข้าเกิดมาแม้ไม่ได้อาภัพ  แต่ก็ไม่เคยมีความสุขจริงๆซักครั้ง  ฝูหรง  เจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่  หากวันใดข้าต้องตายด้วยน้ำมือของฝ่าบาท  เจ้าช่วยเอาศพข้าไปลอยลงในทะเลไร้ชื่อ...  ช่วยนำร่างของข้าไปให้ไกลจากแผ่นดินของฝ่าบาทได้หรือไม่  หรืออย่างน้อยถ้าหากข้าต้องตายไปแบบไม่มีศพ  ก็ช่วยเอาเถ้าศพหรือป้ายหยกตัวแทนของข้าไปโยนที่ทะเลแทนที  หากต้องตายแบบไม่มีแผ่นดินกลบหน้า  ชาติหน้าข้าคงไม่ขอเกิดใหม่อีกแล้ว  หรือถ้าสวรรค์กลั่นแกล้งให้ต้องเกิดใหม่  ข้าก็ขอ...ทิ้งร่างกายกับหัวใจไว้ที่ทะเล  เมื่อลืมตาเกิดใหม่  ข้าจะไม่รักใครอีกแล้ว  หากต้องเกิดใหม่... ข้าจะไม่ขอรัก  ใครนอกจากตัวเองอีกแล้ว"




>>>  จบแล้วววว   :hao5:
>>>>>  ถ้าขยันจะมีตอนพิเศษมาลงให้  แต่เคล้าน้ำตาเหมือนเดิม 
>>>>>>> เรื่องเป็นสรรพนามบุรุษที่สองที่เล่าเรื่องตัวเองในอดีตเน้อ  ส่วนปัจจุบัน...  แค่กๆๆ  ถ้าขยันจะมีภาคต่อนะ  (หรือไม่มีดี  จบแบบเศร้าๆ  ไปเลย  5555)
>>>  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและมาเมทต์ติชมให้จ้า  อันไหนที่แก้ได้เราแก้แล้วเน้อ  โดยเฉพาะคำศัพท์กับชื่อตามที่แนะนำมาค่ะ  //กราบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 12:25:18 โดย teatimes »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
นั่งอ่านนำ้ตาซึมตั้งแต่ต้นจนจบ  :impress3: :impress3:
ยังอยากอ่านต่ออะ
ขอภาคต่อหรือไม่ก็ตอนพิเศษเยอะๆ หน่อย
ไม่อยากให้ท่านอ๋องตายเลย
อยากให้ท่านอ๋องได้มีความรักดีๆบ้าง
โดยเฉพาะอยากให้ทุกคนเห็นค่าของท่านอ๋องบ้าง ฮือออออออออออออ   :mew6: :mew6:
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ ถ้าจะกรุณาสักหน่อยก็อยากได้ตอนพิเศษนะ รีเควส์ทเลยละกัน
- ความรู้สึกของฮ่องเต้ ที่มีต่อท่านอ๋อง ฮ่องเต้ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงเหรอ หรือแค่คิดว่าเป็นเครื่องมือ
- อยากอ่านตอนปัจจุบันสักหลายตอน อยากรู้ว่าในชาติใหม่ของท่านอ๋องนั้นจะ ไร้รัก จริงเหรอ จะมีใครสามารถเติมเต็มหัวใจให้บ้างไหม

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เศร้าโฮก..กกกกกกก   :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เขียนได้ดีอ่ะ สงสารท่านอ๋อง งื้ออออ

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เศร้ามากแต่ชีวิตคนเราก็แบบนี้ มีใครบ้างที่จะสมหวังกันหมด

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
ขอบคุณค่ะ ถ้าจะกรุณาสักหน่อยก็อยากได้ตอนพิเศษนะ รีเควส์ทเลยละกัน
- ความรู้สึกของฮ่องเต้ ที่มีต่อท่านอ๋อง ฮ่องเต้ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงเหรอ หรือแค่คิดว่าเป็นเครื่องมือ
- อยากอ่านตอนปัจจุบันสักหลายตอน อยากรู้ว่าในชาติใหม่ของท่านอ๋องนั้นจะ ไร้รัก จริงเหรอ จะมีใครสามารถเติมเต็มหัวใจให้บ้างไหม

ตอนฮ่องเต้คงไม่มีอ่ะค่ะ  เพราะพี่แกไม่ใช่ตัวเอก  ส่วนพระเอก(เหรอ)  ยังไม่โผล่ค่ะ  55555 

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ขอบคุณค่ะ ถ้าจะกรุณาสักหน่อยก็อยากได้ตอนพิเศษนะ รีเควส์ทเลยละกัน
- ความรู้สึกของฮ่องเต้ ที่มีต่อท่านอ๋อง ฮ่องเต้ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงเหรอ หรือแค่คิดว่าเป็นเครื่องมือ
- อยากอ่านตอนปัจจุบันสักหลายตอน อยากรู้ว่าในชาติใหม่ของท่านอ๋องนั้นจะ ไร้รัก จริงเหรอ จะมีใครสามารถเติมเต็มหัวใจให้บ้างไหม

ตอนฮ่องเต้คงไม่มีอ่ะค่ะ  เพราะพี่แกไม่ใช่ตัวเอก  ส่วนพระเอก(เหรอ)  ยังไม่โผล่ค่ะ  55555

แสดงว่ามีต่อแน่ๆ ท่านอ๋องจะเจอรักใช่ม้ายยยยยยย   :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สิ้นสุดกันทีเรื่องราวความทุกข์ระทมในชาตินี้  สงสารท่านอ๋องกับองค์หญิงน้อย คนที่เป็นคนดีแบบนี้เหตุใดจึงอาภัพนัก เพราะรักยอมทำทุกอย่าง แต่ฝ่าบาทก็เห็นเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง สุดท้ายแม้ต้องตายกับศัตรูแต่ท่านอ๋องก็เลือกที่จะจบชีวิต มันหนักหนาเกินไปกับบาดเเผลที่ใจและกายได้รับ คงทนไม่ไหวแล้ว หากเกิดชาติหน้าอีก ขอให้รักแต่ตัวเอง... น้ำตาซึมเลย สงสาร. แต่ท่านอ๋องทำดีที่สุดแล้ว พยายามหาทางออกและแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ฝ่าบาทกับอีอ๋องตัวโกงนั่นล่ะที่บ้าบอกับผู้หญิงคนเดียว หวิดสิ้นชาติก่อสงคราม ไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด