ตอนที่ 18“ควีน...”
“ดรีม!!! แกหายไปไหนของแก! ฉันติดต่อไม่ได้สักที! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน!!!”
ดรีมต่อสายหาเพื่อนคนสนิท ไม่ถึงนาทีเธอก็รับแล้วก็ตอบกลับด้วยเสียงที่ร้อนรนทำเอาเจ้าตัวรู้สึกผิดขึ้นไปอีก ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านดรีมก็ไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบตหมดแต่ก็พึ่งมาชาร์จเอาก็ตอนนี้ ตอนที่จะขึ้นเครื่องไปสวีเดน
“ควีน...เราขอโทษนะที่ทำให้ควีนต้องเป็นห่วง เรา..เราขอโทษจริงๆ”
“เฮ้อ...แค่ได้ยินเสียงแกฉันก็หายห่วงแล้วล่ะนะ ฉันกลัวว่าแกจะเป็นอะไรไปน่ะสิ ตอนนี้แกอยู่ไหนเป็นไงบ้าง”
“เราอยู่สนามบินกำลังจะไปสวีเดนน่ะ เอ่อ...จริงสิควีน เราดรอปเรียนเทอมหน้านะ”
ก่อนที่จะมาสนามบิน ดรีมก็แวะทำเรื่องดรอปเรียนที่มหา’ลัยซะก่อน ใจจริงก็ไม่อยากจะดรอปเรียนหรอกแต่คุณแม่ย้ำหนักว่าอยากให้เขาหายดีซะก่อนค่อยกลับมาเรียน ที่จริงแล้วเขาก็ไม่เป็นอะไรมากนัก ก็แค่...ช่วงนี้ยังคงมีเรื่องเหตุการณ์นั้นวนเวียนอยู่ในหัวทำเอาเครียดแล้วก็ทำให้เขาเซื่องซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังกลายเป็นโรคซึมเศร้าถ้าลุงหมอไม่บอก ตอนนี้ดรีมก็ยังคงทานยาที่ลุงหมอจัดให้อยู่เป็นประจำ ยาก็ช่วยทำให้เขาดีขึ้นได้บ้างแต่ก็ยังไม่หมด
“ดรอปเรียน? ทำไมล่ะ? แกมีปัญหาอะไรรึเปล่าดรีม บอกฉันได้เลยนะ”
“ลุงหมอบอกว่าเราป่วยน่ะ...”
“ป่วยเหรอ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า ให้ฉันไปหาแกตอนนี้ได้ไหม ฉันเป็นห่วงจริงๆนะ”
“ลุงหมอบอกเราเข้าข่ายผู้ป่วยโรคซึมเศร้าน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกควีนตอนนี้เราก็กำลังรักษาอยู่”
“ห้ะ!! โรคซึมเศร้าเหรอ...ดรีม...เฮ้อ...ฉันสงสารแกจัง อยากไปหาแกเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวเราก็ขึ้นเครื่องแล้วล่ะ ถ้าถึงจะไลน์บอกนะ”
“จริงสิดรีม...คุณเผ็ดน่ะเป็นห่วงแกมากเลยนะ เขารู้เรื่องหมดแล้วล่ะ ตอนนี้คุณเผ็ดตามหาแกไปทั่วเลย ฉันนี่ก็แย่...เป็นเพื่อนภาษาอะไรไม่เคยรู้เลยว่าบ้านแกอยู่ไหน” ใช่ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ควีนก็ไม่เคยจะถามไถ่เลยว่าดรีมมาจากจังหวัดไหน พอเกิดเรื่องขึ้นเธอก็เอาแต่โทษตัวเองที่ช่วยอะไรดรีมและคุณเผ็ดไม่ได้เลยสักอย่าง
“ค..คุณเผ็ดน่ะเหรอตามหาเรา”
ทั้งๆดรีมเป็นคนตัดสินใจออกมาเองแท้ๆ ทิ้งให้เผ็ดต้องอยู่กับความเข้าใจผิดว่าดรีมไม่รัก ภาพของเผ็ดในวันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวดรีมอยู่ตลอดเวลา สายตาคมที่ดูตัดพ้อและเจ็บปวดนั้นดรีมยังจำได้ดี ไม่ใช่แค่เผ็ดที่เจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว ดรีมก็เหมือนกันและก็คงจะเจ็บปวดมากกว่าเมื่อเห็นคนที่รักต้องมาเสียใจเพราะตัวเอง ตอนนั้นดรีมไม่ทันได้คิดอะไรมากหรอก สถานการณ์มันบีบบังคับ เขาคิดแต่จะปกป้องครอบครัวตัวเองแต่ก็ไม่ทันคิดว่าคนที่อยู่ข้างหลังอย่างเผ็ดจะรู้สึกอย่างไร โง่เง่าสิ้นดี
“ดรีม...คุณเผ็ดน่ะกระวนกระวายใจมากเลยนะตอนที่รู้ว่าแกไปกับไอ้เลวนั้นเพราะโดนข่มขู่”
“อะ...อืม...”
“ฉันไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า เดี๋ยวแกจะอึดอัดเปล่าๆ อ๋อจริงสิ...ต่อไปนี้แกมีเรื่องอะไรแกต้องบอกฉันเข้าใจไหม ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แกอย่าลืมสิ”
“อืม ต่อไปเรามีเรื่องอะไรจะรีบบอกควีนเลยนะ”
“อยู่ที่นู้นก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“จะขึ้นเครื่องแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะควีน”
หลังจากวางสาย ควีนก็รีบต่อสายหาอีกคนทันที แต่หมายเลขปลายทางกลับไม่สามารถติดต่อได้เลย สาวร่างบางเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจพร้อมกับกดโทรออกย้ำๆกว่ายี่สิบรอบ
“โอ๊ยยยย คุณเผ็ด! ทำไมติดต่อไม่ได้เนี่ย จะทันไหมเนี่ย!”
สมอลันด์เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของสวีเดน และเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้สีเขียวขจี ทุ่งดอกไม้สวยงาม อากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ คุณตาเคยรับดรีมมาเลี้ยงที่นี่สมัยยังเป็นเด็กเล็กๆ ดรีมยังจำบรรยากาศตอนที่เขายังวิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้แถวบ้านคุณตาได้อยู่เลย บ้านของคุณตาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอาจจะไกลจากตัวเมืองหน่อย จะเรียกได้ว่าเป็นชนบทก็ได้ ตัวบ้านอยู่ท่ามกลางเนินเขาเล็กๆและทุ่งดอกไม้ล้อมรอบ
คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าทางครอบครัวฝั่งแม่ไม่ค่อยมีญาติเท่าไหร่ พอคุณป้าแต่งงานกับคุณลุงที่เป็นชาวสวีเดนก็ย้ายไปอยู่ที่นู้นเลยพร้อมกับคุณตา ส่วนที่เมืองไทยก็มีเพียงคุณแม่ที่ตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ คุณแม่บอกว่าถ้าเรียนจบแล้วจะตามไปอยู่ที่สวีเดนแต่พอเจอคุณพ่อ แล้วก็ตั้งท้อง คุณแม่เลยเลือกที่จะอยู่เมืองไทยต่อ คุณตาเองก็แอบโกรธเคืองคุณแม่นิดๆแต่พอได้เห็นหน้าหลานความโกรธก็ทลายหายไป แถมยังดื้อดึงว่าจะเลี้ยงหลานเอง ดรีมก็เลยเติบโตที่สวีเดน พอเข้าประถมก็เลยย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย นี่ก็สิบกว่าปีแล้วที่ไม่ได้กลับมา
ดรีมต้องลงเครื่องที่สตอกโฮล์มโดยมีคุณป้าและสามีของคุณป้ารอรับ จากนั้นต้องนั่งรถนานกว่าสามชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านของคุณป้า ตลอดทางดรีมก็ได้แต่หันออกไปนอกกระจกรถเพื่อชมวิวทิวทัศน์ จนกระทั่งรถแวนของคุณป้าเลี้ยวเข้าภายในเขตรั้วบ้าน พอมองออกไปก็พบบ้านสไตล์ตะวันตกสองหลังที่อยู่ติดกัน หลังนึงเป็นของคุณป้าและสามี ส่วนอีกหลังเป็นที่คุ้นเคยสำหรับดรีมนั้นก็คือบ้านของคุณตา
“ตื่นเต้นไหมที่จะได้เจอคุณตา” คุณป้าหันมายิ้มให้กับเด็กหนุ่ม ซึ่งเข้าเองก็พยักหน้ารับรัวๆ
“เดี๋ยวป้ากับจอร์จต้องเข้าเมืองอีกรอบนะ พอดีต้องไปซื้อของด้วย”
“อ้าว...เมื่อกี้ทำไมคุณป้าไม่ซื้อเข้ามาเลยครับ”
“กลัวว่าหลานจะเหนื่อย นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง ป้าอยากให้หลานพักผ่อน” คุณป้ายิ้มอย่างใจดีก่อนจะช่วยดรีมยกกระเป๋าลงจากรถ
“ฮื่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้ดรีมไปช่วยซื้อของไหมครับ” หลานชายเอ่ยถาม
“หลานไปพักเถอะ ถ้าแม่หลานรู้ว่าป้าใช้งานหนักเดี๋ยวจะบ่นเอา”
หลังจากที่คุณป้าและสามีขับรถออกไป ดรีมก็ลากกระเป๋าเข้าไปที่บ้านของคุณตา แต่ก่อนจะก้าวบันไดทางขึ้นของบ้านก็โดนชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผมสีน้ำตาลอ่อนยืนกอดอกขวางเขาอยู่ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจ้องมองมายังเขา ปากสีพีชเบะยื่นเหมือนเด็กที่กำลังจะงอแง ดรีมยังจำสีตาและปากยื่นๆนั้นได้ดี ลูกชายของคุณป้ากับจอร์จนั้นเอง
“สวัสดีแดเนียล” ดรีมยิ้มทักทายลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นภาษาอังกฤษ แดเนียลก็ยังคงทำหน้าบึ้งตึงอยู่เหมือนเดิม
“ยูกลับมาทำไม”
“กลับมาเยี่ยมคุณตา คุณป้าแล้วก็จอร์จ”
“ใช่สิ ยูไม่เคยคิดถึงไอหรอก” ชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับดรีมทำหน้ายักษ์เข้าไปใหญ่ก่อนจะนั่งลงขวางทางเดินขึ้นไม่ยอมให้ดรีมผ่านเข้าไป
“กลับมาหานายด้วยน้า อย่าโกรธสิ”
“ยูทิ้งไอไปตอนไอห้าขวบ ไอไม่ลืมหรอกนะ!”
ก็จริงอย่างที่แดเนียลพูด ตั้งแต่ยังเล็กดรีมกับแดเนียลเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถึงแดเรียลจะเด็กกว่าดรีมอยู่สองปีแต่ดรีมก็ไม่เคยตั้งตัวเป็นพี่ ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันแทบทั้งวัน จนกระทั่งดรีมย้ายกลับไปอยู่เมืองไทย ดรีมเองที่กลัวว่าแดเนียลจะร้องไห้งอแงก็เลยไม่ได้บอกลาสักคำ จะผ่านมาเป็นสิบกว่าปีแต่ก็ไม่เคยทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าลืมได้ลง แดเนียลจำได้ว่าเขากับดรีมเล่นซ่อนหากัน ดรีมเป็นคนหาส่วนเขาเป็นคนซ่อน นานนับชั่วโมงลูกพี่ลูกน้องก็หาแดเนียลไม่เจอสักที จนเจ้าตัวออกไปปรากฎตัวแต่แล้วก็รับรู้ความจริงที่ว่าดรีมกลับไทยไปเสียแล้ว
“ฉันขอโทษที่ทิ้งนาย แต่ตอนนั้นจำเป็นต้องกลับจริงๆนี่หน่า”
“ไอไม่หายโกรธอยู่หรอก!”
ดรีมหัวเราะกับท่าทีของเพื่อนซี้ในวัยเด็ก ผ่านไปสิบกว่าปีทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด แม้แต่นิสัยที่ขี้งอนของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ด้วย แดเนียลยังคงเหมือนเดิมในสายตาของดรีมเสมอ แต่เขาก็แค่ตัวสูงขึ้นมาก เด็กชายที่หน้าตาน่ารักในวัยเด็กคนนั้นได้กลายเป็นเด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาสีเขียวอมเทาคู่นั้นยังคงมองดรีมค้อนๆเหมือนในสมัยเด็กๆเวลาที่โดนขัดใจ
“โตขึ้นมาแล้วหน้าไทยเชียว” ดรีมเอ่ยแซว
“ก็แม่ไอเป็นคนไทยนี่”
ยิ่งโตแดเนียลก็มีเค้าโครงของคนเอเชียผสมอยู่ด้วยและอาจจะมากกว่าตอนเด็กๆ หน้าคมแบบไทยๆได้คุณป้ามาอย่างแน่นอน จะฝรั่งจ๋าก็ไม่ซะทีเดียว จะออกไทยหน่อยก็ไม่หมด นี่แหละหน่าลูกครึ่ง
“มีของขวัญมาให้ด้วยนะ”
“จริงเหรอ!”
“จริงสิ คุณป้าบอกว่าแดเนียลอยู่ไฮสคูลปีสุดท้ายแล้ว ไม่รู้จะอยู่ถึงวันรับใบประกาศจบรึเปล่า ก็เลย...เอามาให้ก่อน”
“อยู่ต้องอยู่ให้ถึงสิ!”
“ไม่รับปากนะ”
“ไอจะโกรธหนักกว่าเดิมเลยคอยดู”
“แล้วนี่จะเปิดทางให้ฉันได้หรือยังเจ้าน้องชาย” ดรีมกระชับเป้ที่ไหล่บ่งบอกว่าเป้ที่สะพายอยู่มันหนักแค่ไหน
“คุณตามีแขก” แดเนียลยักไหล่
“แขกหรือ?”
“อือฮึ เป็นผู้ชายเอเชียตัวสูง ไอก็พึ่งเคยเห็นคนเอเชียที่สูงได้เท่าไอเนี่ยแหละ แถมยังมีบอดี้การ์ดมาด้วยตั้งสองคนแหนะ นึกว่าพวกมาเฟียอย่างไรอย่างนั้น”
“ใครกันน่ะ?”
“ไอก็ไม่รู้หรอก คุณตาบอกให้ไอออกมารอข้างนอกน่ะ”
ดรีมพยักหน้ารับ ร่างบางแอบชะเง้อคอมองไปทางหน้าต่าง ก็พบว่าคุณตากำลังนั่งคุยอยู่กับใครสักคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่อยากเข้าไปรบกวนเวลาคุณตาและแขกที่มาเยี่ยมคุณตา แต่กระเป๋าเป้ที่สะพายมามันหนักซะเหลือเกิน แถมมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกตั้งสองใบ และที่สำคัญตอนนี้ดรีมเองก็เหนื่อยมากหลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง อยากจะเอนหลังพักสักหน่อยแต่ก็คงต้องรอให้คุณตาคุยธุระกับแขกเสร็จซะก่อน แดเนียลเองที่สังเกตเห็นสีหน้าของดรีมเริ่มไม่ค่อยดี เขาจึงลุกขึ้นแล้วแย่งกระเป๋าเป้มาสะพายแทน
“ไปพักที่บ้านนู้นก่อน ถ้าคุณตาคุยเสร็จยูค่อยเอาของมาเก็บ โอเค๊?”
“หืม เอาอย่างนั้นหรือ”
“ก็หน้ายูเป็นเหนื่อยๆ โอ๊ย...ตอนนี้ไอชักจะเหนื่อยแทนแล้วเหมือนกัน เป้นี่ยูใส่อะไรมาบ้างหนักชะมัด”
“ก็ของใช้จำเป็นน่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปบ้านนู้นกันเถอะ ฉันอยากพักแล้วล่ะ”
“ไอว่าเป็นความคิดที่ดี”
แดเนียลสะพายเป้ให้ดรีมและยังอาสาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้ด้วย เขาเดินนำคนตัวเล็กไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกันซึ่งก็เป็นบ้านของแดเนียลเอง ยังไม่ทันได้ไปถึงตัวบ้าน ก็โดนเสียงของคุณตาเรียกไว้ซะก่อน
“มากันแล้วเรอะ”
“ครับคุณตา”
ดรีมขานรับก่อนจะค่อยๆหันกลับไปยังด้านหลัง คุณตาไม่แก่ลงเลยสักนิด ดูเหมือนว่าสุขภาพดีแข็งแรงเหมือนเดิม ดรีมยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เขารีบวางกระเป๋าเดินทางทันที และวิ่งกลับไปหาคุณตาที่ยืนยิ้มให้กับเขาอยู่หน้าบ้าน แต่ดรีมก็ชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นร่างสูงอีกคนเดินลงมาจากบ้านของคุณตา
ร่างสูงเองที่พึ่งสังเกตเห็นดรีมก็ได้แต่ยืนอึ้งไม่แพ้กัน
“คะ...คุณ...คุณเผ็ด”
TBC.
talk; ขอโทษทีค่ะที่ลงช้า พอดียุ่งๆเรื่องขนย้ายข้าวของเตรียมพร้อมเปิดเทอม แฮ่