ตอนที่ 21เผ็ดต้องกลับไทยก่อนเพราะใกล้จะเปิดเทอม ต้องเตรียมงานเก็บข้อมูลนู้นนี้นั้นเพื่อทำโปรเจคจบ หลังกลับจากสวีเดนถึงเผ็ดจะยุ่งกับการไล่เก็บหนี้และทำโปรเจค แต่ก็ไม่ลืมที่จะเฟสไทม์หาคนตัวเล็กที่อยู่สวีเดนเกือบทุกวัน และหลังจากเปิดเทอมได้เดือนสองเดือนเผ็ดก็ยุ่งวุ่นวายกับโปรเจคจนไม่มีเวลาให้ดรีมเลย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะน้อยใจรึเปล่าที่ช่วงนี้ไม่ได้โทรหา เผ็ดก็พยายามจะเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อที่จะได้มีเวลามากขึ้น ขณะที่กำลังนั่งอ่านงานที่จะเตรียมพรีเซนต์พรุ่งนี้อยู่ภายในห้องนั่งเล่น เสียงออดที่ประตูก็ดังขึ้น
ร่างสูงชำเลืองมองนาฬิกาบนผนังห้องซึ่งเข็มนาฬิกาล่วงเลยมาวันใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แอบฉงนอยู่ในใจว่าใครมันมาในเวลาแบบนี้ แต่เจ้าตัวก็ลุกออกไปเปิดประตูอยู่ดี
“หืม มาได้ไงเนี่ย!!”
เผ็ดตกใจกับคนที่มาเยี่ยมในยามวิกาล ร่างบางยืนยิ้มแฉ่งให้กับเขาก่อนเจ้าตัวจะเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึง ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกนะที่ดรีมกลับมาหาเขาแล้ว แต่ก็แอบเคืองอยู่เหมือนกันที่เจ้าตัวไม่บอกล่วงหน้า แถมยังมาตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้อีก ไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย
“ทำไมไม่บอกพี่ก่อน แล้วมายังไง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถามทีละคำถามสิครับ” ดรีมหัวเราะ
“ตอบมา”
“ก็...อยากมาเซอร์ไพรส์ไงครับ ลงเครื่องตอนสี่ทุ่มแล้วก็ดิ่งมาที่นี่เลย”
“นั่งแท็กซี่หรือ”
“ครับผม”
“นี่แหนะ” เดี๋ยวนี้ชักจะดื้อเกินไปแล้ว เผ็ดเคาะเหม่งคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ แถมอีกกำปั้นเพื่อลงโทษคนดื้อที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเขาเลย
“เจ็บนะครับ”
“เจ็บแล้วก็จำ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้ไหมมาแท็กซี่ดึกๆดื่นๆแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ข่าวเขาก็มีให้อ่านทุกวี่ทุกวัน เดี๋ยวก็ถูกฆ่าหมกศพไว้กลางป่าหรอก”
“บ่นเป็นตาแก่เลยนะพี่เผ็ด”
“บ่นเพราะเป็นห่วงหรอก”
คืนนั้นดรีมอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนก่อนเจ้าของห้อง ตอนแรกก็จะอยู่ให้กำลังใจเผ็ดที่ซ้อมพรีเซนต์โปรเจคพรุ่งนี้ แต่ก็โดนร่างสูงไล่ให้ไปนอน ด้วยความที่เดินทางมาหลายชั่วโมงทำให้ดรีมตื่นสายเอามากๆ พอตื่นมาก็ไม่เห็นเจ้าของห้องอยู่แล้ว
วันนั้นทั้งวันดรีมเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง พอทำกวาดเช็ดถูทุกซอกทุกมุมจนเสร็จก็ปาไปบ่ายคล้อยแล้ว ว่าจะนั่งพักให้หายเหนื่อยสักหน่อยแล้วค่อยลุกไปเตรียมมื้อเย็นรออีกคน แต่ด้วยความเหนื่อยล้าทำให้ดรีมผล็อยหลับไปที่โซฟา ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็มีสัมผัสเปียกชื้นนุ่มหยุ่นทาบทับลงที่ริมฝีปาก ร่างบางที่ยังไม่ตื่นดีพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็โดนมือหนาล็อคคางเอาไว้ ริมฝีปากจากคนด้านบนยังคงบดเบียดลงมาจนร่างบางเริ่มหายใจไม่ออก มือเล็กพยายามดันแผงอกแกร่งให้ออกไปซึ่งมันก็เหมือนแรงมดที่ไม่มีผลต่อคนด้านบนเลย ดรีมจึงใช้ฟันงับเข้าที่ริมฝีปากร้อนเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย! กัดทำไมเนี่ย”
ดรีมรีบเด้งตัวขึ้นจากโซฟามองไปอีกคนที่นั่งยกมือกุมปากตัวเองไว้อยู่อย่างเคืองๆ
“ฉวยโอกาสดรีมตอนหลับทำไมล่ะ” ร่างบางว่าพลางยกแขนขึ้นกอดอกมองค้อนๆ
“ฉวยโอกาสแฟนไม่ได้หรือ”
แฟนอย่างนั้นหรือ ดรีมไปตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเผ็ดตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงจะกลับมาคืนดีกันแล้วแต่เผ็ดก็ยังไม่ได้ขอเขาเป็นแฟนสักหน่อย
“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” ดรีมพูดอย่างงอนๆพร้อมกับเสมองไปทางอื่น ร่างสูงหัวเราะออกมากับท่าทางของอีกคน เขาเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆร่างบางและใช้มือโอบเข้าที่เอวแล้วกระชากตัวอีกคนให้ขึ้นมานั่งบนตักและกอดรัดไว้ไม่ให้อีกคนได้หนี ดรีมมีสีหน้าตกใจและพยายามขัดขืนออกจากการเกาะกุมของเผ็ดแต่ก็ไม่ได้ผล เขาจึงเลือกที่จะหันหน้าไปทางอื่นไม่สนใจคนร่างสูงเลยสักนิด
“’งอนหรือ” เผ็ดถาม คนในอ้อมกอดก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม
“.....”
“เป็นแฟนกันนะ”
“ตกลงครับ” คนที่นั่งบนตักเผ็ดยิ้มร่าอย่างน่ารัก จนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกรั้นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“ไม่เล่นตัวหน่อยหรือ”
“อยากให้เล่นตัวเหรอครับ”
“ไม่ดีกว่า เป็นแฟนแล้วก็ดีจะได้ข่มขืนได้อย่างถูกกฎหมาย” ร่างสูงจัดการให้คนบนตักนอนราบลงไปกับโซฟาแล้วขึ้นทาบทับคนตัวเล็กเอาไว้ เผ็ดยิ้มร้ายมองดูกระต่ายน้อยใต้ร่าง ดวงตากลมโตสั่นระริกกำลังมองมาที่เขา ถึงจะเคยๆกันแล้วแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่คุ้นชินสักทีเวลาโดนเผ็ดแกล้งแบบนี้
คนตัวโตไม่รอให้โอกาสหลุดมือไปแน่ๆเมื่อเห็นว่าดรีมมีท่าทีนิ่งไม่ขัดขืน เขาค่อยๆโน้มหน้าลงช้าๆจนปลายจมูกแตะกับคนร่างบาง คราวนี้ได้ปล้นจูบแห่งความคิดถึงได้สมใจอยากแน่ๆ ปากหยักบดจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา จูบที่หอมหวานทำเอาคนร่างบางเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส มือหนาสอดเข้าลูบไล้ใต้เสื้อยืดตัวบาง นิ้วกร้านกดคลึงเม็ดทับทิมเล็กทั้งสองข้างจนอีกฝ่ายส่งเสียงครางฮือออกมา
ปากร้อนละออกจากริมฝีปากแดงแล้วไล่พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวาน จมูกโด่งสวยเลื่อนลงคลอเคลียกับลำคอขาว กลิ่นตัวหอมอ่อนๆทำให้อารมณ์ร้อนของเผ็ดกระเตื้องขึ้นทีละนิด อกไม่ได้ที่จะชิมรสหอมหวานจากคนร่างบาง ปากหยักดูดเม้มคอขาวอย่างจาบจ้วงจนขึ้นสีกุหลาบเป็นจ้ำๆ คนตัวโตผละออกมาเพื่อมองใบหน้าหวานที่กำลังเห่อแดงด้วยความเขินอาย ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอย่างหยาดเยิ้ม เสื้อตัวบางที่โดนเขาถลกขึ้นจนถึงคอทำให้เห็นแผงอกเนียนขาว ยอดอกเม็ดเล็กสองข้างช่างน่าลิ้มลองซะจริงๆ ไม่รอช้าร่างสูงก็โถมกายลงพรมจูบทั่วแผงอกขาว ลิ้นร้อนไล่เลียลงบนเม็ดทับทิมทำเอาร่างบางบิดเร่าด้วยความกระสัน
“อ๊ะ...พี่...พี่เผ็ด”
ยิ่งได้เชยชมก็ยิ่งทำให้อารมณ์ร้อนรุมภายในกายสูงขึ้น เห็นสีหน้าคนใต้ร่างสื่อถึงความต้องการ เผ็ดก็ยิ่งอยากกระโจนใส่ซะเดียวนี้ มือหนารีบปลดกางเกงสแลคของตัวเองลงพร้อมกับดึงกางเกงขาสั้นของดรีมออกให้พ้นทาง ตอนนี้ก็เหลือเพียงชั้นในสีขาวเป็นปราการสุดท้าย ร่างสูงแลบลิ้นเลียลิ้มฝีปากตัวเองอย่างกระหาย แก่นกายภายใต้ชั้นในของเขาก็กำลังร้อนรุ่มและมันกำลังผงาดขึ้นเพื่อเตรียมทำศึก
วันนี้แหละ...เสือตัวนี้จะขย้ำกระต่ายตัวนี้ให้หมดแรงกันไปข้างนึงเลย
มือหนาลูบไล้ต้นขาขาวเนียนของคนรัก ก่อนจะไล่ขึ้นไปดึงขอบกางเกงชั้นในสีขาวของดรีมลง้ชาๆ แต่แล้ว...
Rrrrrrrrrrrrrrr
เสียงสมาร์ทโฟนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ หึ ธุระอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับจัดการคนตรงหน้าของเผ็ดหรอก เรื่องอะไรก็เอาไว้ค่อยโทรกลับก็ได้ ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ยังไงซะต้องรีบจัดการกระต่ายน้อยตัวนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
เผ็ดดึงขอบชั้นในของดรีมลงช้าๆแต่คราวนี้โดนขัดโดยคนตัวเล็ก เจ้าตัวรีบตะครุบมือของเขาเอาไว้ก่อนจะบุ้ยปากไปทางสมาร์ทโฟนที่ร้องแผดเสียงอย่างน่ารำคาญ
“รับโทรศัพท์ก่อนสิครับ”
“เอาไว้ทีหลังหน่า” ร่างสูงอิดออด
“ไม่ได้ครับ เผื่อมีเรื่องสำคัญจะทำยังไง”
เผ็ดถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เขาลุกขึ้นแล้วดึงกางเกงสแลคที่ปลดไปเมื่อกี้กลับมาใส่ให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด(เอามากๆ)
“ครับ”
“ตาเผ็ด กลับมาทานข้าวที่บ้านหน่อยสิ แม่คิดถึง”
“เอาไว้วันหลังไม่ได้หรือครับ” เพราะตอนนี้เผ็ดอยากจะทานอย่างอื่นมากกว่า
“ไม่ได้! ฉันบอกวันนี้ก็วันนี้สิ รีบมา” มารดาพูดก่อนจะวางสายไป คุณน้ำหวานนี่ปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากจริงๆ เผ็ดได้แต่ยืนส่ายหน้าให้กับสมาร์ทโฟน
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“แม่บอกให้กลับไปกินข้าวที่บ้านน่ะสิ”
“ก็ดีแล้วนี่ครับ วันนี้ดรีมจะได้ไม่ต้องทำอาหารเยอะ” ร่างบางหัวเราะ
“อือฮึ วันนี้ก็ไม่ต้องทำมื้อเย็น ดรีมก็ไปกับพี่ด้วยเลยเป็นไง”
“หา! ไม่ดีมั้งครับ...”
รถปอร์เช่แล่นเข้าสู่บริเวณบ้านหลังใหญ่สไตล์ตะวันตก ดรีมได้แต่นั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองไปมาอย่างกังวล ไม่ใช่ว่าไม่อยากมาทำความรู้จักครอบครัวของเผ็ดหรอกนะ แต่ว่าคนร่างบางมีความรู้สึกว่ายังไม่พร้อมอย่างไรไม่รู้ กลัวว่าครอบครัวเผ็ดจะรับไม่ได้ที่พวกเขาคบกัน กลัวว่าพ่อกับแม่ของเผ็ดจะไม่ชอบดรีม ร่างสูงจอดรถเทียบท่าประตูหน้าบ้าน พอหันไปมองคนรักเขาก็รู้สึกได้ว่าดรีมกำลังกังวล เผ็ดจึงเอื้อมมือกอบกุมมือเล็กนั้นไว้
“พี่อยู่ตรงนี้...ไม่ต้องกลัว”
“ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่พี่เผ็ด...ไม่ชอบดรีมล่ะ”
“อย่าพึ่งกังวลไปสิ พวกท่านอาจจะชอบก็ได้นะ”
“พวกท่านจะรับได้ไหม...”
“รับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้”
ร่างสูงพาคนรักลงจากรถแล้วจูงมือเข้าไปในตัวบ้าน มีสาวใช้วิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับบอกว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของเผ็ดนั่งรออยู่ที่ห้องรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มบีบกระชับฝ่ามือที่กุมมือเล็กไว้เพื่อปลอบโยน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่คลายความกังวลได้เลยสักนิด
“อ้าวมาแล้วหรือเจ้าลูกชาย” คุณปรมะเอ่ยทักลูกชายคนโตทันทีเมื่อเผ็ดเดินเข้ามาภายในห้องรับประทานอาหาร
“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่”
“แล้วนั้นใคร?” คุณหญิงของบ้านปรายตาไปทางด้านหลังของลูกชาย คนตัวเล็กจึงค่อยๆก้าวออกมาจากด้านหลังเผ็ด
“อะ...เอ่อ...สวัสดีครับ” ดรีมยกมือไหว้ประมุขของบ้านทั้งสองอย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ” คุณน้ำหวานรับไหว้พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้
“เปรี้ยวกับจืดล่ะครับ” เมื่อไม่เห็นน้องชายทั้งสองมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้จึงได้ถามมารดา
“เปรี้ยวสงสัยคงเตะบอลกับเพื่อน กลับค่ำๆนู้นแหละ ส่วนน้องจืดไปติวหนังสือกับเพื่อนจ้ะ นั่งก่อนสิลูก แขกของลูกยืนจนเมื่อยแล้วนั้นน่ะ”
ร่างสูงจูงมือคนรักให้ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร สาวใช้ที่ยืนอยู่โดยรอบรีบเข้ามาตักข้าวสวยใส่จานให้คนมาใหม่ทั้งสอง ดรีมพยักหน้าขอบคุณ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่กล้าที่จะตักอาหารจึงได้แต่มองข้าวที่อยู่ในจานตัวเอง เผ็ดชำเลืองมองคนที่นั่งด้านข้างที่ไม่ยอมตักอาหารสักที เขาจึงใช้ช้อนกลางตักปูผัดผงกะหรี่ที่ตัวเองชอบให้กับคนรัก
พฤติกรรมผิดแปลกของลูกชายอยู่ในสายตาของคุณน้ำหวานทั้งหมด ปกติเผ็ดไม่ค่อยจะใส่ใจใครสักเท่าไหร่ นี่ว่าแปลกแล้วแต่พาใครก็ไม่รู้เข้าบ้านนี่แปลกแบบสุดๆ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเผ็ดไม่เคยพาใครมาที่บ้านใหญ่เลย นอกจากพวกเพื่อนสนิทกายกับภาคินเท่านั้นที่คุณน้ำหวานรู้จัก แล้วเด็กคนนี้เป็นใครกัน ทำไมลูกชายเธอถึงเอาอกเอาใจขนาดนี้
“หนูเป็นเพื่อนกับเผ็ดหรือจ๊ะ?” คุณหญิงเริ่มยิงคำถาม
“เอ่อ..ผมเป็นรุ่นนะ..”
“ดรีมเป็นแฟนเผ็ดเอง” ร่างสูงรีบชิงตอบคำถามผู้เป็นมารดา ก่อนที่ดรีมจะตอบไปว่าเป็นแค่รุ่นน้อง เผ็ดรู้ว่าดรีมกลัวและกังวลว่าครอบครัวเขาจะรับไม่ได้ แต่วันใดวันนึงความจริงก็ต้องปรากฏอยู่ดี บอกตอนนี้ยังดีกว่าปิดบังแล้วคุณแม่มาจับได้ทีหลัวซะอีก
“วะ..ว่าไงนะ”
“เขาเป็นแฟนเผ็ด”
“....” คุณปรมะที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงักกับคำตอบของลูกชายคนโต
ส่วนคุณน้ำหวานเบิกตากว้างยกมือทาบอกอย่างตกใจ เธอมองหน้าลูกชายคนโตอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่สายตาคมฉายแววความจริงจังออกมา ลูกชายคนโตของคุณน้ำหวานมีแฟนเป็นผู้ชายอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเผ็ดเป็นเกย์น่ะสิ! เธอเบนสายตาไปยังเด็กหนุ่มตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกายของเผ็ด ซึ่งเขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เด็กคนนี้น่ะหรือที่ทำให้เผ็ดเป็นเกย์ หรือว่าลูกชายของเธอจะเป็นนานแล้วแต่ไม่กล้าบอก ให้ตายสิ...เป็นแบบนี้คุณน้ำหวานก็ทำใจได้ยากเหมือนกัน
“เอาล่ะ...ทานข้าวเสร็จแล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะคุณ” คุณปรมะพูดแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“เผ็ดเรามีเรื่องต้องคุยกัน เธอด้วย..” คุณน้ำหวานพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบเนื่องจากอาการช็อคมานานหลายนาที
บรรยากาศเริ่มอึดอัด ความกังวลและความกลัวของดรีมมันยิ่งทวีคูณขึ้นเมื่อเจอสายตาของคุณน้ำหวานที่มองมา มือใหญ่ที่กอบกุมมือของเขาไว้ใต้โต๊ะไม่ได้ช่วยให้ดรีมคลายความกังวลนี้ลงไปได้เลย
TBC.
talk:ความรักย่อมมีอุปสรรค แต่ก็ไม่มาก