ตอนที่ 22หลังทานมื้อเย็นเสร็จ คุณหญิงของบ้านก็เดินนำลูกชายไปที่ห้องนั่งเล่นทันที เผ็ดลอบมองหน้าคนรักดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยิ่งกังวลไปกว่าเดิม ไปอยู่สวีเดนเพื่อพักกายพักใจแท้ๆ กลับมาไทยยิ่งมาเจอเรื่องให้คิดมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากกุมมือให้กำลังใจกันเท่านั้น ร่างสูงจูงมือดรีมตามหลังผู้เป็นแม่ไปที่ห้องนั่งเล่น แต่พอถึงหน้าประตูคุณน้ำหวานกลับสั่งไม่ให้เผ็ดเข้าไปด้วย
“แม่จะคุยทีละคน”
“แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเผ็ดกับดรีมนะแม่ จะปล่อยให้แม่คุยกับแฟนเผ็ดสองต่อสองได้ยังไง!” ร่างสูงโวยวายที่คุณน้ำหวานไม่ให้เข้าไปคุยด้วย ตอนนี้เผ็ดเดาใจผู้เป็นแม่ไม่ได้เลยและเขาก็กลัว กลัวว่าท่านจะไม่ยอมรับความรักระหว่างเขากับดรีมแล้วก็ต้องถูกบีบบังคับให้เลิกรา
“แม่คุยกับแฟนของลูกเสร็จ ลูกค่อยเข้าไปทีหลัง”
“เอาหน่า ให้แม่ได้คุยกับแฟนของลูกก่อน อย่าพึ่งโวยวายเดี๋ยวแม่เขาจะอารมณ์เสียมันจะยิ่งแล้วใหญ่” คุณปรมะเข้ามาปรามลูกชายที่กำลังอารมณ์ร้อน ถ้าปล่อยเผ็ดโวยวายไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เรื่องดีอาจจะพลิกผันเป็นเรื่องร้ายก็ได้ถ้าคุณหญิงเธออารมณ์เสีย
บุ่มบ่ามเข้าไปก็มีแต่ตายกับตาย...ใครๆก็รู้ว่าบ้านหลังนี้ภรรยาใหญ่สุด
ในที่สุดเผ็ดก็ต้องยอมให้คุณแม่จูงมือคนรักเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เขาได้แต่มองตามหลังดรีมอย่างเป็นห่วง ในใจก็ภาวนาขอให้เรื่องนี้ผ่านไปด้วยดี ประตูห้องนั่งเล่นปิดลง คุณปรมะก็เดินเข้ามากอดคอลูกชายคนโตพาอีกฝ่ายไปนั่งรอการตัดสินของคุณแม่ที่ห้องรับแขกที่อยู่อีกฝั่ง
ดรีมที่โดนคุณน้ำหวานจูงเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้แต่เดินตามหลังอย่างเกร็งๆ คุณน้ำหวานเองเธอก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเกร็ง มือของดรีมเริ่มชื้นเหงื่อสงสัยจะตื่นเต้น เธอเดินจูงมือเด็กหนุ่มไปนั่งที่โซฟา
“มานั่งใกล้ๆฉันสิ” คุณน้ำหวานบอกเมื่อเห็นว่าอีกคนนั่งห่างเธอเป็นวา ดรีมจึงเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆคุณน้ำหวานด้วยอาการเกร็งแบบสุดๆ
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้” เธอหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเด็กหนุ่ม
“เอ่อครับ”
“คบกับเผ็ดมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”
“ก็มะ...ไม่นานเท่าไหร่ครับ”
“คิดว่าจะคบกับลูกฉันนานแค่ไหนล่ะ” คำถามของคุณหญิงทำเอาร่างบางถึงกับจุก คำถามช่างเชือดเฉือนใจของดรีมจริงๆและเหมือนกับว่าคนถามจะบอกเขากรายๆว่าคบกับเผ็ดได้ไม่นานหรอก
“ผม...ผมจะอยู่กับเขาจนกว่าเขาจะทิ้งผมครับ” ถ้าเผ็ดไม่เอ่ยปากไล่เอง ดรีมก็คงไม่หนีไปไหนอีก จะอยู่จนกว่าอีกฝ่ายจะเบื่อจะอยู่จนกว่าอีกฝ่ายจะหมดรักถึงจะยอมไป
“หืม แล้วถ้าฉันไม่ยอมให้พวกเธอคบกันล่ะ เธอจะเลิกให้ฉันได้ไหม”
“ผมไม่เลิกครับ...” เหมือนมีก้อนอะไรมันจุกอยู่ที่คอ สีหน้าของคุณหญิงดูจริงจังมาก ดรีมคิดว่าเธอคงไม่อยากให้ลูกชายตัวเองมาคบกับเขา ยังไงซะดรีมเองก็คงไม่เลิกกับเผ็ดแน่นอนถ้าหากอีกฝ่ายไม่เอ่ยปากขอ
“ฉันคิดว่าถ้าฉันบอกเผ็ดให้เลิกกับเธอ เขาก็คงต้องเลิกตามที่ฉันบอกอย่างแน่นอน”
“ครับ ถ้าพี่เผ็ดมาบอกผมเองว่าเลิก ผมคงต้องไป แต่ถ้าคุณหญิงบอกให้ผมเลิกผมคงเลิกให้ไม่ได้ครับ”
“หนักแน่นจริงๆเลยนะ ครอบครัวฉันมีหน้ามีตาทางสังคม...ถ้าเกิดใครต่อใครรู้ว่าลูกชายฉันเป็นเกย์ ฉันคงอับอายแย่เลย”
นั้นสินะ ครอบครัวของเผ็ดมักจะออกงานสังคมอยู่บ่อยๆ ถ้าหากใครรู้ว่าลูกชายบ้านนี้เป็นเกย์เขาจะมองอย่างไร คุณน้ำหวานกับคุณปรมะจะเอาหน้าไว้ที่ไหน แต่ดรีมเองก็ไม่อยากปล่อยความรักครั้งนี้ของเขาหลุดลอยไปอีก
“ผม...ผมยอมอยู่แค่ในเงาก็ได้ครับ แต่...แต่คุณหญิงอย่าผมให้เลิกกับพี่เผ็ดเลยนะครับ”
“ยังไงฉันก็จะให้เลิก” คุณน้ำหวานชี้คำขาด สีหน้าของเธอเรียบเฉยไร้แววตาปราณี
“ผมรักพี่เผ็ด....ผะ...ผมจะอยู่ในที่ของผม ผมจะไม่ออกมาให้คุณหญิงและครอบครัวได้อับอายครับ ได้โปรดให้ผมได้รักกับพี่เผ็ดเถอะครับ ถ้าคุณหญิงอยากให้เลิกจริงๆผมขอเวลาสักพักได้ไหมครับ” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกับลงไปนั่งคุกเข่าก้มหน้าต่อหน้าคุณน้ำหวานเพื่ออ้อนวอน น้ำตาใสหยดแหมะลงที่ตักและเสียงสะอื้นก็เริ่มดังขึ้น
คุณน้ำหวานคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่ได้เห็นความจริงใจและมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มคนนี้ เธอยกมือเชยคางเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วบรรจงปาดน้ำตาใสที่เปรอะเปื้อนใบหน้าหวาน ในที่สุดเธอก็เจอคนที่รักลูกชายของเธออย่างจริงใจ เธอยินดีเสมอถ้าเผ็ดจะเลือกใครสักคนเข้ามาเป็นคู่ชีวิต แต่คุณน้ำหวานเองก็ไม่อยากให้ลูกชายโดนหลอก ผู้หญิงหลายคนจ้องจะจับลูกชายของเธอเพราะเงินล้วนๆ สำหรับเด็กคนนี้ไม่ใช่แบบนั้น
“ฉันรู้...รู้เรื่องของพวกเธอมาตลอดนั้นแหละ และก็รู้ด้วยว่าเธอกับลูกชายฉันคงไม่ยอมเลิกกันง่ายๆ”
“ม..หมายความว่าไงครับ” ที่คุณน้ำหวานพูดหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ดรีมงงไปหมดแล้ว...เมื่อกี้จากสีหน้าเรียบๆที่ดูเย้ยหยิ่งนั้นกลับกลายเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม คืออะไรกัน
“ก็รู้นานแล้วว่าพวกเธออยู่ด้วย รู้ว่าเผ็ดไปง้อเธอถึงสวีเดนนู้น ฉันก็คงอยากทดสอบอะไรเธอหน่อย ถึงกับร้องไห้เลยหรือ” คุณหญิงหัวเราะออกมา เธอพยุงเด็กหนุ่มที่นั่งตรงหน้าให้ขึ้นมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
“ค..คุณหญิงทราบได้ยังไงครับ”
“ไม่ต้องเรียกคุณหญิงหรอก เรียกแม่เหมือนตาเผ็ดเถอะ ยังไงเธอก็เป็นแฟนลูกชายฉันนะ”
“เอ่อ...ครับคุณแม่ แล้วคุณแม่ทราบได้ยังไงครับว่าผมกับพี่เผ็ด...”
“ไม่ว่าลูกชายฉันจะทำอะไรฉันก็รู้หมดทุกอย่างนั้นแหละ อีกอย่างเจ้าเปรี้ยวก็วิ่งคาบข่าวมาบอกตั้งนานแล้วล่ะ ฉันก็แค่อยากเช็คว่าจริงไหมแค่นั้น”
“คุณแม่ก็เลย...โทรบอกให้พี่เผ็ดมาทานข้าวที่บ้านใช่ไหมครับ”
“ใช่จ้ะ ถ้าตาเผ็ดจริงจังกับเธอเขาก็จะพาเธอมาด้วย ซึ่งนั้นฉันก็เห็นแล้ว” ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นเผ็ดก็มีแฟนมากหน้าหลายตาเหลือเกิน แต่คุณหญิงก็ไม่เคยเห็นลูกชายพาใครมาบ้านสักคน อาจจะเพราะคบเล่นๆก็ได้
“ครับ เอ่อ...แล้วคุณแม่คงไม่ให้ผมเลิกกับพี่เผ็ดใช่ไหมครับ” ดรีมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนหน้านี้คุณหญิงเธอดูจริงจังมากตอนที่บอกให้เลิกกับเผ็ด
“นี่เธอยังคิดมากอีกหรือ ถ้ารักลูกชายฉันจริงก็อย่าเลิกสิ”
“ขอบคุณครับ” จากสีหน้าเศร้าหมองก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม รอยยิ้มสดใสของดรีมทำเอาคุณหญิงยิ้มตามไปด้วย
“ฉันมีของจะให้เธอด้วยนะ”
คุณน้ำหวานเอี่ยวตัวหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำจากลิ้นชักโต๊ะข้างโซฟา เธอเปิดกล่องหยิบสร้อยเงินที่มีจี้เป็นเพชรเม็ดเล็กๆออกมาก่อนจะสวมให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า ดรีมเองก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อยอมให้คุณหญิงสวมสร้อยให้
“เอ่อ...ขอบคุณมากครับ แต่...มันสวยมากเลยนะครับคงไม่เหมาะกับผมหรอก”
“ใครว่ากันเล่า เหมาะกับเธอที่สุดแล้วรู้ไหม ฉันน่ะไปยืนเลือกตั้งนานแหนะ นี่ก็ถือซะว่าเป็นของหมั้นหมายไว้ก่อนแล้วกันนะ” ก่อนที่จะโทรเรียกตัวเผ็ดกลับมาทานข้าวที่บ้าน คุณน้ำหวานเธอก็ได้เลือกซื้อสร้อยเส้นนี้ไว้ให้คนรักของลูกชายไว้ก่อนแล้ว
“ห้ะ? หมั้นหรือครับ”
“ใช่จ้ะ ถ้าพ่อกับแม่เธอยอมรับลูกชายของฉันบ้าง การหมั้นก็เสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ผม..ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ขอบคุณมากครับที่คุณแม่ให้โอกาส...” ปลอบใจได้ไม่นานเด็กหนุ่มตรงหน้าคุณน้ำหวานก็เริ่มร้องไห้อีกแล้ว เธอจึงได้เข้าไปกอดปลอบอีกคนเอาไว้
“โอ๋ๆไม่ร้องนะคะ ตอนนี้ดรีมเป็นหนึ่งในครอบครัวเราแล้วนะ อย่าทิ้งกันไปไหนล่ะ”
หลังจากที่คุณน้ำหวานปลอบคนตัวเล็กอยู่นานสองนาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโวยวายของลูกชายคนโตที่อยู่ด้านนอก อะไรกัน...ก็แค่เรียกตัวดรีมมาคุยได้แปบเดียวก็โวยวายเหมือนหมาบ้าแล้ว แบบนี้ต้องโดนแกล้งสักหน่อย คุณน้ำหวานยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับกระซิบบอกดรีมว่าถ้าออกไปให้ทำตัวนิ่งๆไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเธอจะจัดการเอง
“อะไรกันยะ ทุบประตูจนจะพังอยู่แล้ว” คุณหญิงของบ้านดุลูกชายเมื่อเปิดประตูออกไป
และเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาเปิดประตูออกมา เผ็ดก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากคนที่เดินตามหลังคุณแม่ของเขาต้อยๆ ร่างสูงถึงกับตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของดรีมไม่สู้ดีนัก ดวงตากลมโตแดงก่ำเหมือนพึ่งผ่านก่อนร้องไห้มาอย่างไรอย่างนั้น นี่คุณน้ำหวานทำอะไรกับแฟนเขาเนี่ย เผ็ดรีบเข้าไปกอดคนรักไว้แนบอกก่อนจะหันมามองคุณแม่ที่ยืนกลั้นหัวเราะข้างๆคุณพ่อ
“คุณแม่ทำอะไรแฟนเผ็ด!”
“อะไร...ฉันทำอะไรยะ”
“คุณแม่ทำดรีมร้องไห้ ยังไงซะ เผ็ดก็ไม่เลิกกับดรีมเด็ดขาด!!!!”
“คุณปรมะ ดูลูกชายคุณสิ...ตะโกนใส่ฉันได้ยังไง นี่ฉันเป็นแม่นะ!” คุณน้ำหวานกอดอกมองลูกชายอย่างโกรธเคือง
“โธ่คุณ...ก็ลูกของคุณด้วย ไม่ใช่แค่ลูกผมคนเดียวสักหน่อย” ผู้เป็นสามีแย้ง
“คุณแม่ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะครับ คุณแม่ทำอะไรแฟนเผ็ด ทำไมดรีมตาแดงแบบนี้ คุณแม่บอกให้ดรีมเลิกกับเผ็ดใช่ไหม ยังไงเผ็ดก็ไม่เลิก!!!! จะเอารถถังมายิงเผ็ดก็ไม่เลิกเด็ดขาด!” ชายหนุ่มโวยวายลั่นบ้าน และตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนตัวเริ่มสั่นเทาคล้ายกับคนกำลังสะอื้นไห้ หรือว่าที่เขาพูดเมื่อกี้จะจริง นี่คุณแม่บอกให้ดรีมเลิกกับเขาอย่างนั้นหรือ ไม่ได้...เผ็ดต้องปกป้องดรีม ว่าแล้วชายหนุ่มก็กระชับกอดคนรักให้แน่นขึ้นพลางส่งสายตาคมเชือดเฉือนกับผู้เป็นมารดา
“ไอ้ลูกบ้า!! แกได้เลิกกับหนูดรีมแน่ๆถ้าแกไม่ไปขอพ่อแม่เขาน่ะ” คุณน้ำหวานล่ะหมั่นไส้ลูกชายคนนี้ซะจริงๆ พอมีแฟนก็ลืมแม่เลยนะ แถมเมื่อกี้ยังโวยวายใส่อีกมันน่าน้อยใจนัก
“หมายความว่า....”
“ก็หมายความว่าตอนนี้คุณแม่ของพี่เผ็ดยอมรับเราแล้วยังไงล่ะครับ แต่พี่เผ็ดต้องไปหาพ่อกับแม่ดรีมด้วย” คนตัวเล็กในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นตอบคนรักแทนคุณน้ำหวาน
“อ้าว...เมื่อกี้ร้องไห้อยู่ไม่ใช่รึไง”
“ดรีมเปล่าสักหน่อย เมื่อกี้หัวเราะพี่เผ็ดต่างหาก ฮ่าๆ”
“เด็กบ้าเอ้ย เป็นห่วงแทบแย่ แต่เอะ...ที่ตาแดงๆก็ต้องร้องไห้สิ” ร่างสูงยังคงสงสัย เขาหันขวับกลับไปมองมารดาที่ยืนกอดอกมองมาทางเขาอยู่แล้วอย่างเคืองๆ
“อะไรยะ มองฉันแบบนี้สงสัยอยากเลิกกับหนูดรีมสินะ...หว่า...คุณคะ ฉันว่าจะช่วยปูทางให้ลูกชายเดินสะดวกสักหน่อย แต่สงสัยงานนี้เขาต้องจัดการเองแล้วล่ะ เพราะฉันงอน!” ว่าแล้วคุณน้ำหวานก็เดินเชิดหน้าขึ้นไปบนชั้นสองโดยไม่ฟังคำเรียกร้องของลูกชาย หึ ทำให้คุณแม่อารมณ์เสียแบบนี้ เรื่องพ่อแม่ดรีมก็จัดการเอาเองแล้วกัน ตอนแรกคุณน้ำหวานกะจะช่วยไปคุยให้ซะหน่อย
“คุณแม่!!! เดี๋ยวก่อนนนนน อย่าพึ่งงอนนนนนนนนน”
เสียงของเผ็ดตะโกนตามหลังมารดาอย่างโหยหวน ถ้ามีคุณน้ำหวานกับคุณปรมะช่วยพูดกับพ่อแม่ของดรีมด้วยอีกแรงก็คงไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้คุณน้ำหวานงอนและเผ็ดก็ต้องจัดการเรื่องนี้เอง ซึ่งมันก็ยากสำหรับเขาอยู่เหมือนกัน เกิดมาไม่เคยไปพูดอ้อนวอนขอลูกชาวบ้านแบบนี้ มีแต่เคยพูดขู่กรรโชกเก็บหนี้เท่านั้น ในใจก็กลัวเหมือนกันว่าจะพูดไม่เข้าหูพ่อแม่ของดรีมจนฝ่ายนั้นไม่ยอมยกดรีมให้
แต่ไม่เป็นไร...เพื่อดรีม เผ็ดต้อง....กลับไปง้อคุณแม่คนสวยเพื่อให้คุณแม่กับคุณพ่อไปช่วยพูดอีกแรง แหะๆ
กลัวครับกลัว...
TBC.
Talk:อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ววววววววว
ด่านต่อไปพ่อแม่ดรีมม เป็นกำลังใจให้เสี่ยเผ็ดง้อแม่ด้วยนะฮับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ