ตอนที่ 23ดรีมให้เผ็ดขับรถมาส่งบ้านที่ต่างจังหวัด นี่ก็ถือเป็นโอกาสของดรีมที่เหมาะแก่การจะบอกพ่อกับแม่ว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิงและเปิดตัวแฟนไปในตัวด้วย ยิ่งรถแล่นมาจอดอยู่หน้าทาวเฮ้าส์สามชั้นบ้านของดรีม เจ้าตัวก็มีอาการสั่นและกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถึงพ่อกับแม่ของดรีมจะใจดีก็เถอะ แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกท่านทั้งสองจะไม่ยอมรับ เผ็ดที่เห็นคนรักมีสีหน้ากังวลจึงได้เอื้อมมือเข้ากอบกุมมือเล็กเอาไว้
“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ”
คนทั้งสองเดินลงจากรถ ดรีมที่เป็นเจ้าของบ้านเดินนำหน้าร่างสูงเข้าไป น้องชายที่นั่งดูหนังอยู่ห้องนั่งเล่นเห็นพี่ชายตัวเองเดินเข้ามาก็รีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง ด้วยความที่น้องชายรูปร่างสูงใหญ่กว่าทำเอาคนตัวเล็กเซไปด้านหลัง แต่ร่างสูงที่เดินเข้ามาตามหลังได้ดันไม่ให้ดรีมล้ม
“คิดถึงพี่ดรีม! อ้าว...แล้วพี่พาใครมาเหรอ” ทีมที่กำลังกอดก่ายพี่ชายอยู่นั้นได้สังเกตเห็นร่างสูงยืนอยู่ด้านหลังดรีมจึงได้ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ่อ...พ่อกับแม่ล่ะ”
“อยู่ในครัวแหนะ เดี๋ยวทีมไปเรียกให้นะ” ว่าแล้วเจ้าน้องชายก็รีบวิ่งเข้าครัวเพื่อไปตามพ่อกับแม่
ไม่นานนักคุณทิพย์และคุณธรก็เดินออกมาพร้อมกับทีม ท่านทั้งสองยิ้มดีใจเมื่อเห็นลูกชายคนโตกลับมา โดยเฉพาะคุณทิพย์ที่เป็นห่วงดรีมเอามากๆ ตลอดสองเดือนที่ลูกชายไปอยู่สวีเดนกับคุณตาทำให้เธอนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ยิ่งลุงหมอบอกว่าอาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าถ้าเป็นหนักมากอาจจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย ถึงแม้พี่สาวเธอจะส่งอีเมลล์มารายงานอาการของดรีมก็เถอะ คุณทิพย์ก็อดห่วงไม่ได้ แต่วันนี้สีหน้าของดรีมดูดีขึ้นมากทำเอาคุณทิพย์พลอยโล่งใจไปด้วย เธอเดินเข้าไปกอดลูกชายคนโตด้วยความคิดถึง
“จะกลับมาทำไมไม่โทรบอกแม่ซะก่อนล่ะลูก” เธอถามลูกชาย
“เอ่อ...คือ...ดรีมขอโทษที่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ก่อน พอดีกลับมากระทันหันน่ะครับ”
“แล้วนั้นเพื่อนลูกหรือ พาเขามานั่งก่อนสิ” คุณธรที่ยืนมองอยู่เอ่ยถามดรีม ร่างสูงยกมือไหว้คุณธรกับคุณทิพย์ด้วยท่าทีสุภาพ
“พ่อกับแม่ครับ ดรีมมีเรื่องจะบอก...”
ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ทุกสายตาของคนในครอบครัวดรีมจับจ้องมาที่เขาและเผ็ดที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม คนตัวเล็กมีอาการสั่นเพราะตื่นเต้นเล็กน้อยและมีท่าทีอึกอักไม่ยอมพูดออกไปสักที ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆจึงเอื้อมมือไปกอบกุมมือเล็กไว้อีกครั้ง การกระทำของคนทั้งสองทำเอาคุณธรและคุณทิพย์ถึงกับไม่เข้าใจ เผ็ดสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยปากขึ้นทลายความเงียบ
“คือผม..กับดรีมเราคบกันครับ”
ในที่สุดเผ็ดก็ตัดสินใจเป็นคนพูดแทนคนที่นั่งข้างๆ ดรีมมีอาการเกร็งจนสั่นอย่างเห็นได้ชัด เผ็ดก็คอยบีบมือเล็กให้คลายความกังวลแต่ก็ไม่เป็นผล
ด้านของคุณทิพย์และคุณธรที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก อยู่ดีๆลูกชายคนโตกลัมาจากสวีเดนแล้วก็พาผู้ชายร่างสูงหน้าหล่อที่ไหนไม่รู้มาด้วย แถมยังบอกว่าคบกันอีก ถึงคุณทิพย์จะเข้าใจว่าสมัยนี้ความรักมันไม่ได้จำกัดเพศ แต่เรื่องแบบนี้ก็ทำเธอตั้งตัวรับไม่ทันเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาดรีมไม่มีทีท่าว่าจะชอบพอกับผู้ชายเลย ไม่ได้ออกตุ้งติ้งเหมือนเกย์แถวบ้านที่คุณทิพย์เจอ เธอจึงไม่รู้ว่าลูกชายของเธอก็...เป็นเกย์
“เอ่อ...หมายความว่าดรีมชอบผู้ชายหรือลูก” คุณทิพย์ถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ...อึก...ดรีมขอโทษ..” ความรู้สึกผิดมันถาโถมเข้ามาจนคนตัวเล็กที่นั่งกังวลอยู่ถึงกับปล่อยน้ำตาออกมา
“ดรีมมานี่มา มาหาแม่” คุณทิพย์เรียกตัวลูกชายให้เข้าไปหา ดรีมที่ชั่งใจอยู่สักพักก็ยอมคลานเข่าไปนั่งต่อหน้าพ่อกับแม่ คุณทิพย์ประคองตัวลูกชายให้ขึ้นมานั่งบนโซฟาตรงกลางระหว่างเธอกับสามี ก่อนจะเข้าสวมกอดร่างอันสั่นเทาไว้
“แม่น่ะ...ไม่ว่าหรอกถ้าลูกจะคบกับผู้ชาย ยังไงมันก็เป็นสิทธิของลูกนะ ลูกโตแล้วตัดสินใจเองได้ แม่ไม่ห้ามหรอกจ้ะ...แต่แม่แค่ตกใจนิดหน่อย” เธอพูดขึ้นพลางใช้มือลูบหัวทุยเบาๆเพื่อปลอบโยน ส่วนคุณธรเองก็ยิ้มและยกมือขึ้นบีบไหล่ลูกชายคนโต
“อึก...พ่อกับแม่ไม่..ไม่รังเกียจดรีมเหรอครับ”
“พ่อจะรังเกียจได้ยังไง ดรีมเป็นลูกพ่อนะ ลูกพ่อจะเป็นยังไงพ่อก็รักเหมือนเดิม” คุณธรเองก็พูดเสริมภรรยา
“ประโยคเบสิคเลยนะ...ลูกแม่จะเป็นยังไงจะรักใครจะเพศไหนไม่สำคัญเท่ากับเป็นคนดีหรอกนะ” แม่พิมพ์ของชาติอย่างคุณทิพย์มักจะสอนนักเรียนของเธอด้วยประโยคนี้อยู่เสมอ ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะเกิดเป็นอะไร มีรสนิยมอย่างไร ถ้าไม่ทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อนและเป็นคนดีแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“อื้อ พี่ดรีมชอบใครรักใครทีมก็รักด้วย เนอะพ่อเนอะแม่” เจ้าทีมที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นบ้างเพื่อให้กำลังใจพี่ชายตัวเล็กของเขา
“ขอบคุณนะทีม...ขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยนะครับที่เข้าใจดรีม” ร่างบางยิ้มร่าพร้อมทั้งปาดน้ำตาใสที่ไหลเปรอะแก้มขาว
“ว่าแต่...พี่เผ็ดจะมาเป็นพี่สะใภ้หรือพี่เขยทีมอ่ะ” น้องชายตัวโตถามขึ้นอย่างสงสัย แต่ไม่ได้คำตอบทีมก็โดนคุณทิพย์ฟาดเข้าที่แขนแรงๆทีหนึ่ง
“ถามอะไรไม่รู้เรื่องเลยเจ้าทีม” คุณทิพย์หันไปดุลูกชายคนเล็ก
“ก็ทีมอยากรู้นี่หน่า แม่อ่ะทำไมต้องตีทีมด้วย” และทุกคนก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางงอนๆของเจ้าทีม
จากบรรยากาศน่าอึดอัดในตอนแรกก็คลี่คลายลงด้วยดี จากเสียงสะอึกสะอื้นของดรีมในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ คุณธรและคุณทิพย์ที่เห็นเผ็ดนั่งยิ้มเงียบๆก็หันไปคุยเพื่อทำสร้างความรู้จักให้มากขึ้น และในตอนนั้นเองคุณน้ำหวานก็โทรเข้ามา เผ็ดจึงให้คุณทิพย์ได้พูดคุยกับผู้เป็นมารดาตัวเองผ่านทางโทรศัพท์ตามที่ตกลงกันไว้ว่าคุณน้ำหวานจะช่วยพูดกับทางครอบครัวของดรีมให้ ไม่รู้คุยกันท่าไหนท่านทั้งสองก็ตกลงนัดทานข้าวกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องดีที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะได้รู้จักกันมากขึ้น
“ว่าแต่...เราสองคนเจอกันที่ไหนล่ะ” คำถามของคุณธรทำเอาทั้งดรีมและเผ็ดชะงัก จากที่ยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขก็หุบลงทันใด เผ็ดเหลือบมองคนรักที่ส่ายหน้ายิกๆมาให้เหมือนไม่อยากให้ตอบ เจ้าตัวเลยเลือกที่จะตอบเลี่ยงๆแทน เดี๋ยวไว้ให้เวลามันผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อนค่อยเล่าความจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเผ็ดเองก็ไม่อยากปิดบังครอบครัวของดรีมอยู่แล้ว ถึงแม้จุดเริ่มต้นของเขากับดรีมจะไม่ดีสักเท่าไหร่แต่ตอนนี้มันก็ดีเกินคาดเอามากๆ พ่อกับแม่ดรีมก็คงจะเข้าใจ...ล่ะมั้ง
“เอาล่ะ ถือว่าเป็นการฉลองที่ดรีมกลับมาและพาลูกเขยมาเปิดตัว พ่อจะเข้าครัวโชว์ฝีมือเอง” ส่วนใหญ่วันธรรมดาคุณทิพย์จะเข้าครัวทำอาหาร แต่ถ้ามื้อไหนพิเศษล่ะก็คุณธรผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวจะอาสาลงมือทำอาหารเอง และนั้นทำให้ทีมและดรีมตื่นเต้นมากที่จะได้ลิ้มรสอาหารจากฝีมือพ่อ พูดตามตรงคือคุณธรจะทำอาหารอร่อยกว่าคุณทิพย์เสียอีกแต่เพราะกลับบ้านค่ำคุณธรเลยไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ
โต๊ะอาหารมื้อเย็นล้วนมีแต่อาหารไทยทั้งนั้น และเผ็ดก็ได้รู้ว่าดรีมทำอาหารไทยเก่งก็เพราะใคร ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างคุณธรจะทำอาหารที่ละเมียดละไมเป็นด้วย แถมรสชาติยังอร่อยเหาะทำเอาเผ็ดติดใจอยากจะลองชิมอีก
บนโต๊ะอาหารล้วนมีแต่เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันอยู่ตลอด จากที่ตอนแรกร่างสูงมีอาการเกร็งนิดๆตอนนี้ก็เริ่มเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเจ้าทีมที่คุยกันถูกคออย่างกับพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก เห็นน้องชายของดรีมก็พาลให้นึกถึงจืดกับเปรี้ยวที่บ้าน ถ้าจับเจ้าเด็กแสบทั้งสามคนนี้มานั่งคุยกันก็คงมีแต่เสียงหัวเราะอย่างแน่นอน เผ็ดมองภาพบรรยากาศของครอบครัวที่แสนอบอุ่น เห็นคนรักมีรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะก็พลอยทำเอาเจ้าตัวมีความสุขไปด้วย
หลังจากมื้อเย็นอันแสนสุขผ่านไป พ่อกับแม่ก็พากันไปนั่งดูละครหลังข่าวที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเจ้าทีมขอตัวขึ้นไปทำการบ้านที่ห้องนั่งเล่นอีกห้องที่ชั้นสอง ตอนแรกดรีมกะจะนั่งคุยกับพ่อกับแม่อีกสักพัก แต่แม่ดันไล่ให้พาเผ็ดขึ้นไปพักผ่อนซะอย่างนั้น ทั้งสองจึงแยกย้ายขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของดรีมที่อยู่ชั้นสาม พอถึงห้องดรีมก็ไล่คนรักให้เข้าไปอาบน้ำทันทีถึงเจ้าตัวจะอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
ร่างสูงใช้เวลาไม่นานนักในการอาบน้ำชำระร่างกาย เปิดประตูออกมาก็เห็นร่างบางสวมชุดนอนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงแล้วเรียบร้อย
“อาบน้ำแล้วหรือ” ร่างสูงถามพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมที่เปียก
“ครับ ดรีมไปอาบห้องทีมมาน่ะ จะนอนเลยไหมครับ”
“หืม? ดรีมง่วงแล้วหรือ”
“นิดหน่อย” ร่างบางยิ้มแหย่ๆ เผ็ดจึงเดินไปปิดไฟให้เหลือแค่แสงไฟสีส้มจากหัวเตียงก่อนจะเดินขึ้นเตียง
“พี่เผ็ดจะนอนเลยหรือครับ”
“ก็เราบ่นว่าง่วงไม่ใช่รึไง”
“ถ้าอย่างนั้นนอนเลยก็ได้ครับ”
ดรีมเอนตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ ร่างสูงเองก็สอดตัวเข้าไปนอนกอดคนรักใต้ผ้าห่มนุ่ม ไม่นานนักร่างสูงก็สัมผัสได้ว่าคนในอ้อมแขนหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว อีกคนนึงหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยส่วนอีกคนกลับลืมตาโพลงในความมืดซะอย่างนั้น ไม่ใช่ว่านอนไม่หลับเพราะต่างที่ต่างถิ่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี่สิพลิกตัวไปมาจนบั้นท้ายเสียดสีอะไรต่อมิอะไรของเผ็ดจนลุกผงาดขึ้นมา แถมกลิ่นตัวหอมนี่อีกมันยิ่งทำให้เผ็ดตื่นเต็มตัวและเต็มที่
น้ำลายก้อนใหญ่กลืนลงทีเสียงดังอึกเมื่อก้นนิ่มของดรีมแนบกับเป้ากางเกงที่นูนตุงของเผ็ด ร่างสูงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์แต่มันก็ไม่ได้ผล ก่อนยังไม่เป็นแฟนกัน คิดอยากจะทำเมื่อไหร่ก็ทำเพราะดรีมยังไงก็สมยอมอยู่ดี อีกเหตุผลหนึ่งก็น่าจะมาจากตอนนั้นยังเป็นของจำนำ แต่พอเป็นแฟนกันทำไมเผ็ดถึงมีความเกรงอกเกรงใจดรีมขึ้นก็ไม่รู้ แล้วถ้าแอบลวนลมนิดๆหน่อยๆตอนเจ้าตัวหลับคงไม่เป็นไร ยังไงดรีมก็เป็นคนที่หลับลึกอยู่แล้ว เผ็ดจึงตัดสินลงมือปฏิบัติการแอบลวนลามคนตัวเล็ก
“นิดนึงหน่า...” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง จมูกโด่งเริ่มคลอเคลียท้ายทอยหอมกรุ่นของคนรัก มือหนาเลื่อนต่ำลงดึงขอบกางเกงนอนขาสั้นของคนตัวเล็กลงพร้อมกับเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อนอนออกด้วย
“ฮื่อ” เสียงหวานครางฮื่อออกมาเหมือนรำคาญสิ่งรบกวน เผ็ดชะงักมือไว้สักพักเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มนิ่งและหายใจสม่ำเสมอก็ลงมือต่ออย่างไม่รีรอ ไล่มือไปตามผิวขาวลื่นเบาๆ ปากหยักก็จูบคลอเคลียหลังคอคนในอ้อมแขนไม่หยุด กลิ่นกายหอมหวานจากคนตัวเล็กยิ่งทำอารมณ์ดิบเขาเดือดพล่าน ในคราแรกกะจะลวนลามนิดๆตอนนี้เผ็ดเริ่มอยากทำมากกว่านี้แล้วสิ
ร่างสูงดึงกางเกงล่นลงมาเล็กน้อยพอให้เจ้าลูกชายได้โดดเด้งออกมาสัมผัสอากาศเย็นข้างนอก ก่อนจะค่อยๆเลื่อนตัวเข้าแนบชิดกับร่างบาง แก่นกายร้อนผ่าวดันแทรกเข้าผ่านใต้หว่างขาของคนข้างหน้า สัมผัสนุ่มนิ่มจากต้นขาทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นรัว เขาเริ่มขยับตัวเข้าออกและเริ่มกระทุ้งเข้าอย่างหนักหน่วงเมื่อใกล้ถึงปลายทาง แต่ด้วยแรงกระแทกจากด้านหลังทำเอาดรีมที่กำลังหลับไหลสะดุ้งตื่นขึ้นมา
และด้วยความเขินอายที่มีถึงขีดสุด ดรีมจึงได้แต่นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับไปไหนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาตื่น สัมผัสร้อนผ่าวที่แทรกอยู่ตรงหว่างขาทำเอาร่างบางหัวใจเต้นระรัวเหมือนกัน ยิ่งมือหนาที่โอบกอดจากด้านหลังเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นอกของเขา แถมยังหยุดหยอกล้อกับเม็ดตุ่มทับทิมก็ยิ่งทำเอาดรีมเริ่มสั่นไหว ร่างบางพยายามเม้มปากกลั้นเสียงแบบสุดฤทธิ์แต่ก็เผลอหลุดเสียงออกไปเมื่อร่างสูงจูบเม้มไปทั่วลำคอขาว
“อะ...อื้อ” พอรู้ตัวว่าปล่อยเสียงครางน่าเกลียดออกไป ดรีมก็รีบยกมือขึ้นปิดปากทันที
“ตะ...ตื่นแล้วหรือ...เอ่อ...”
เมื่อเห็นว่าคนข้างหน้าเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เผ็ดจึงชะงักหยุดการกระทำทันใด ดรีมค่อยๆหันหน้ามามองคนรักด้วยสายตาหยาดเยิ้มและแฝงไปด้วยความต้องการ มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่บอกให้เผ็ดหยุดทำหรอก ร่างบางยิ้มหวานให้ร่างสูงพร้อมบรรจบจูบที่ริมฝีปากหยักอย่างแผ่วเบา
“ทำเถอะครับ”
สิ้นเสียงคำอนุญาต เผ็ดก็พลิกตัวขึ้นคร่อมคนตัวเล็กไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับจู่โจมอีกฝ่ายด้วยการบดจูบอย่างหนักหน่วงแต่แฝงไปด้วยความหอมหวาน ลิ้นร้อนไล่เลียไปตามริมฝีปากบางอยู่นานจนคนร่างบางเริ่มหายใจไม่ออกจึงเผลออ้าปากกอบโกยอากาศเข้าไป เผ็ดก็ใช้ทีเผลออยู่เรื่อยไปรีบฉกลิ้นเข้าไปทันที ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพันลิ้นเล็กและค่อยๆดูดกลืนความหวานจากร่างบาง
ความแนบชิดของร่างกายทั้งสองทำให้อะไรบางอย่างเสียดสีกันไปมา ทำเอาเผ็ดชักจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ชายหนุ่มละริมฝีปากออกจากคนรักอย่างอ้อยอิ่ง เขาใช้มือดันขาเรียวขาวให้แยกออก นิ้วเรียวยาวสอดเข้าช่องทางหลังเพื่อคลายความเกร็งก่อน จากนิ้วเดียวก็เริ่มเพิ่มนิ้วขึ้นเป็นสองและสามจนอีกฝ่ายเริ่มปรับตัวได้ ร่างสูงจึงถอนนิ้วออกแล้วแทรกความเป็นชายเข้าแทน
“อ้ะ...” ร่างบางเกร็งตัวนิดๆเมื่อสิ่งแปลกปลอมเริ่มสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย
“อย่างเกร็งสิ...พี่เข้าไปไม่ได้...” คนตัวโตโน้มกายลงกระซิบชิดใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงกระเส่า ถึงพวกเขาจะเคยมีอะไรกันมาก่อนหน้านั้นแล้วดรีมก็ไม่เคยชินสักที ร่างสูงบอกไม่ต้องเกร็งแต่ร่างกายของเขามันก็ต่อต้านสิ่งนั้นอยู่ดี
ภายในตัวดรีมมันบีบรัดแน่นจนอีกฝ่ายเข้ามาไม่ได้ เผ็ดจึงต้องเล้าโลมด้วยการจูบคลึงริมฝีปากเล็กเพื่อเบี่ยงความสนใจจนอีกฝ่ายเริ่มคล้อยตาม ช่องทางหลังก็เริ่มคลายตัวและปล่อยให้เขาแทรกตัวเข้าไปจนหมดได้
“อื้อ...พ...พี่เผ็ด”
สัมผัสร้อนเริ่มขยับเข้าออกภายในตัวของดรีม ร่างบางที่ไม่มีที่ยึดก็มือคลำไปหยิบหมอนใบเล็กขึ้นมากอดเอาไว้ แรงกระแทกและเสียงครางทุ้มจากร่างสูงทำเอาดรีมเขินอายจนต้องใช้หมอนที่กอดขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
“อย่าสิ...พี่อยากเห็นหน้า...” คนด้านบนแย่งดึงหมอนใบเล็กออกจากหน้าคนรักแล้วโยนไปปลายเตียง เมื่อไม่มีอะไรมาปิดใบหน้าที่แดงซ่าน ดรีมจึงเอียงหน้าฝังลงหมอนที่หนุนอยู่
“อ้ะ...แฮ่ก...”
กายหนาที่ถาโถมเข้ามากระแทกกระทั้นเข้าถึงจุดกระสันของร่างบางจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกัน ดรีมบิดกายเร่าด้วยความรู้สึกวาบวาม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กใกล้ถึงขีดสุดเต็มที ร่างสูงก็หยัดตัวโถมความเป็นชายใส่อย่างหนักหน่วงพร้อมกับไล้นิ้วกอบกุมแก่นกายเล็กของดรีมไว้ก่อนจะรูดรั้งเพิ่มความกระสันให้อีกฝ่าย
“แฮ่ก...มะ...ไม่ไหวแล้ว...”
สะโพกมนบิดเกร็งกระตุกเล็กน้อยพร้อมกับปลดปล่อยความสุขออกมา ร่างสูงขบกรามแน่นเมื่อตัวเขาเองก็ใกล้ถึงปลายทาง เขาเร่งเครื่องขยับกายร้อนถี่ขึ้นจนของเหลวพุ่งทะลักเข้าไปภายในตัวดรีม
เสียงหอบกระเส่าของสองร่างดังไปทั่วห้อง ร่างสูงโน้มตัวลงกอดคนรักที่ครางหอบไม่แพ้กัน ปากหยักไล่จูบซับเหงื่อที่ไหลซึมตามขมับเล็กอย่างแผ่วเบา
“พี่รักดรีมนะ”
“ฮื่อ...ดรีม...ดรีมก็รักพี่เผ็ดเหมือนกัน” ร่างเล็กยิ้มร่าและยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนรัก
จมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ่มแล้วสูดดมความหอมเข้าเต็มปอด ยิ่งมองคนในอ้อมแขนก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นไปอีก ทำไมดรีมถึงทำให้เขาหลงหัวปรักหัวปรำได้ขนาดนี้นะ แล้วก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างเสี่ยเผ็ดที่เขาว่าโหดๆกันต้องยอมสยบลงให้กับร่างบางตรงหน้า ไม่รู้มีอะไรดีนักหนา...ก็เพราะไม่รู้ดรีมมีอะไรดีนี่แหละที่ทำให้ลูกชายเผ็ดเริ่มตื่นตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเจอสายตาออดอ้อนคู่นั้น
“อีกรอบได้ไหม...”
TBC.
talk : ก่อนอื่นต้องขอโทษขออภัยทุกท่านที่ลงช้า ช่วงนี้มีกิจกรรมเยอะแยะไปหมดจนไม่มีเวลาลงเลย
อีกทั้งคอมพ์ยังเจ๊งอีก แงงงงงงงงงงง ขอโทษด้วยค่ะ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาจบให้นะคะ