「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195168 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โซลโคตรเนียนน เข้าใกล้เนียนๆ จริมๆ

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 11







“น้องโซลดูเพลียๆ นะคะ ไปงีบสักหน่อยไหม”



“ไม่เป็นไรครับ นั่งพักตรงนี้ก็โอเคแล้ว”



ไอ้โซลยิ้มน้อยๆ ให้พี่ปุ้ยที่มองมาด้วยความเป็นห่วง อยากไปรับไปส่งผมดีนัก เป็นยังไงล่ะ สภาพเหมือนคนอดนอน แต่งหน้ายังไงก็ปิดไม่มิด ผมว่ามันทำอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวหรอก



“แหม...ห่างๆ กันมั่งก็ได้นะกับซีนน่ะ” หนิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น ผมที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก...เกี่ยวอะไรกับผมวะ “อย่าไปเซ้าซี้โซลเล๊ย ซีนนั่งอยู่นี่จะให้โซลไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ปุ้ย”



“อุ้ยตายแล้ว พี่ขอโทษค่ะ ลืมไปว่าแหล่งพลังใจของน้องโซลอยู่นี่”



นักแสดงที่นั่งร่วมวงอยู่ในโต๊ะหันมายิ้มล้อ ไม่มีแฟนคลับอยู่แถวนี้สักหน่อย จะชงกันทำไมก็ไม่รู้ ผมกระแอมไปที นอกจากพี่บัวที่แวะเวียนมาเป็นครั้งเป็นคราวแล้ว ก็มีหนิงนี่แหละที่เข้ากับพี่ปุ้ยเป็นปี่เป็นขลุ่ย หนิงเป็นนักแสดงสมทบมีบทบาทนิดหน่อย วันไหนมีคิวถ่าย ผมกับไอ้โซลโดนแซวตั้งแต่เช้าวันนี้ถึงเช้าของอีกวันโน่น



“น้ำครับ”



บางทีก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีพรรคพวกอย่างใครเขาเลย ไอ้คนที่ยื่นน้ำมาให้ก็ไม่เคยปฏิเสธ ซ้ำยังแย้มรอยยิ้มยินดีปรีดาไปอีก



“ไม่ไปนอนจริงดิ”



“อยากนั่งอยู่ตรงนี้มากกว่านี่ครับ”



ผมส่งสายตาเอือมๆ ใส่มัน “พูดดีไปเถอะ เมื่อคืนถึงห้องกี่โมง บอกให้ไลน์มา”



“ไม่ได้ลืมนะครับ แค่เผลอหลับ”



เจ้าตัวยิ้มแห้ง ผมบอกให้มันไลน์มาบอกทุกครั้งเวลากลับถึงห้อง จะได้รู้ว่าไม่ได้ไปเสยฟุตบาทที่ไหน เมื่อคืนก็อุตส่าห์ถ่างตารอตั้งนานมันก็ยังไม่ไลน์มา โทรไปก็ไม่รับ



“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่พาพี่ลงข้างทางแน่นอน”



“นึกถึงตัวเองมั่งก็ได้ ถ้าไม่ไหวก็บอก” คนเราไม่ได้จะเก่งไปซะทุกอย่างหรือแข็งแรงได้ตลอดเวลาสักหน่อย “เอางี้ไหม ให้กูขับตอนมาบ้านกู แล้วมึงก็ขับกลับคอนโดมึง” ผมเสนอ อย่างน้อยมันจะได้ไม่เหนื่อยมาก งีบระหว่างทางสักแป๊บก็ยังดี



ไอ้โซลเลิกคิ้ว ดูแล้วค่อนข้างไม่เห็นด้วย มันวาดแขนมาพาดบนพนักเก้าอี้ของผม “พี่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็พอแล้วครับ”



“ไม่ไว้ใจกูขนาดนั้นเลย? เออ ใครจะไปเก่งแบบมึงล่ะ คนหรือเครื่องจักรวะ พักชาร์ตแบตชั่วโมงเดียวก็เต็มแล้วงี้เหรอ”



ผมกอดอก มุ่ยหน้า เข้าใจที่มันเป็นห่วง แต่มันกลับไม่เข้าใจว่าผมรู้สึกแย่ที่ทำให้มันต้องลำบาก แค่จะยื่นมือช่วยเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่ให้ทำ ดูแลให้ผมสะดวกสบายไปหรือเปล่า



“เป็นห่วงก็บอกดีๆ สิครับ อารมณ์เสียกลบเกลื่อนทำไม” มันยิ้มขำ ใช้หลังนิ้วแตะแก้มผมเบาๆ



“ย...อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” ไอ้นี่หนิ วกเข้าเรื่องโลกร้อนตลอด



“ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจพี่นะครับ แต่อยากให้พี่รู้ว่าผมปล่อยให้พี่เป็นอะไรไปไม่ได้จริงๆ” มันพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่กลับแฝงความจริงจังเอาไว้ในน้ำเสียง “ให้ผมดูแลเถอะนะ”



ข้าวที่ตักเข้าปากคำล่าสุดคำใหญ่มาก อยากจะเคี้ยวเล่นอยู่อย่างนั้นสักสิบนาที เอาเป็นว่าถึงผมห้ามยังไงมันก็ทำตามใจตัวเองอยู่ดีเลยเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ต่อ เมื่อเห็นผมเงียบไปมันก็เอานิ้วมาแตะๆ แก้มผมอีก



“เคยบอกแล้วไงครับว่าอย่าอมข้าว”



ข้าวในปากเกือบพุ่งเหมือนวันนั้นไม่มีผิด ครั้งที่สองที่ผมเจอกับมันที่โรงอาหารของคณะสถาปัตย์ฯ แล้วผมก็เคยบอกมันไปแล้ว(ในใจ)ว่าอย่าจ้อง เดี๋ยวพ่นข้าวใส่หัวแม่ง



“อย่าคิดมากนะครับ ที่ผมทำให้พี่ทุกอย่างผมเต็มใจ”



ลึกๆ ผมก็รู้ แต่ก็อดเกรงใจไม่ได้อยู่ดี



“งั้นไม่ขับให้ฟรีก็ได้ พี่ต้องจ่ายผมทุกวัน”



ผมกลืนข้าวลงคอ ยกน้ำขึ้นดื่ม “อืม คิดเท่าไหร่”



อย่างน้อยถ้าได้ตอบแทนมันบ้างจะได้ดูไม่เอาเปรียบมันเกินไป ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จ้องมันอย่างรอคำตอบ ไอ้โซลทำท่าคิดอยู่ไม่ถึงครึ่งนาทีก็เอียงหน้าเข้ามาหาแล้วใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มตัวเอง “ข้างไหนก็ได้ 1 ที แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยมากขอ 2 ข้าง ตกลงไหมครับ”



ตกลงกับผีน่ะสิ!



ผมใช้นิ้วชี้ดันหน้ามันออกไป เจ้าตัวร้องโอย ลูบแก้มตัวเองพลางหัวเราะ เมื่อกี้อุตส่าห์จริงจัง กำลังคิดว่าจะจ่ายค่าน้ำมันให้แล้วเพิ่มค่าเหนื่อยเข้าไปอีก ลืมไปคนอย่างมันเหรอจะมาอยากได้เงิน ผมหลงกลมันไปกี่รอบแล้วเนี่ย



“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ”



“พอเลย! อยากขับก็ขับไปคนเดียว กูจะนั่งเฉยๆ จะไม่ช่วยอะไรสักอย่าง จะไม่ถามแล้วด้วย”



ไอ้โซลพยักหน้ารับตามทุกคำพูดของผม ยกมือที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “ดีมาก ผมก็จะไม่บ่นสักคำเลย”



ผมหน้ามุ่ยกว่าเดิม เข้าทางมันจนได้สิน่า



“อะแฮ่ม! เอ่อ...โทษที ความอิจฉาติดคอน่ะ” เสียงกระแอมไอทำให้ผมละสายตาออกจากไอ้โซล หันไปมองรอบโต๊ะถึงเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาทางนี้



“เหมือนจะติดคอพี่ด้วย ขอน้ำหน่อยค่ะ” พี่ปุ้ยก็เป็นไปกับหนิงอีกคน



อะไร ผมแค่คุยกับไอ้โซลเอง



“นั่งกันเกือบสิบคนแต่รู้สึกเป็นส่วนเกินฉิบหาย” ไอ้ตัวโจ๊กว่า มองมาที่ผมด้วยสายตาเคืองๆ ก่อนจะหันไปพูดกับคนใส่แว่นที่นั่งข้างๆ “กูบอกแล้วว่าฉากวันเกิดเขาไม่ได้แสดง มึงเห็นความเรียลตรงหน้าไหม”



“อืม เหมือนอะไรจะชัดขึ้นมาแล้วล่ะ” ว่าพลางดันแว่นขึ้นเหมือนกำลังวิเคราะห์ “กูยังไม่เคยเทคแคร์แฟนกูขนาดนี้เลยว่ะ ไอ้โซลแม่งไอดอล”



ไอ้ตัวโจ๊กพยักหน้าเห็นด้วย ปากระดาษทิชชู่ใส่ไอ้โซล “อีกหน่อยมึงไม่แบกพี่ซีนเดินไปเดินมาเลยเหรอ หมั่นไส้ว่ะ”



“ถ้าพี่ซีนยอมให้แบกนะ”



ผมฟาดมันไปที “ยังจะไปเล่นด้วยอีก!”



คนรอบโต๊ะเบ้ปาก แซวเอง หมั่นไส้เอง พวกผมผิดอะไรวะ สายตาทุกคนที่มองมาอย่างจับผิดทำเอาผมต้องยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองพลางมองไปทางอื่น



“ใช่ค่ะ ยังอีก” พี่ปุ้ยว่าด้วยน้ำเสียงเอือมๆ อย่าบอกนะว่าพี่เข้าใจหัวอกผมแล้ว “ยังไม่เห็นอีกเหรอคะว่าตาร้อนกันหมดแล้ว”



“เฮ้ย ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” นั่งอยู่เฉยๆ แล้วเนี่ย



“หมายถึงน้องโซลน่ะค่ะ จะโอบพี่เขาอีกนานไหม”



“อย่าว่าแต่โซลเลยพี่ปุ้ย ซีนก็นั่งเฉยๆ ให้น้องมันแตะนู่นลูบนี่อยู่ได้ ไม่ต่างกันทั้งสองคนนั่นแหละ” พอหนิงว่าแบบนั้นผมเลยเด้งตัวขึ้น เมื่อกี้พิงพนักเก้าอี้อยู่ซะนานสองนาน โอบอะไรล่ะ มันก็แค่เมื่อยแขนหรือเปล่า



“แค่นี้ก็คิดกันเป็นตุเป็นตะ”



หนิงกลอกตา “จ้า ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร” ก่อนจะลุกขึ้นเพราะมีทีมงานเรียกให้ไปเปลี่ยนชุด ไอ้โซลก็ด้วยเหมือนกัน “ไปเถอะโซล เบื่อคนแถวนี้”



เจ้าของชื่อบิดขี้เกียจเล็กน้อย อมยิ้มนิดๆ “ไม่เห็นจะเบื่อเลย”



“โอ้ย ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ!” หนิงปรี๊ดแตก แต่ไอ้ตัวต้นเหตุกลับหัวเราะ ผมมองตามหนิงที่ก้าวฉับๆ ไปแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงบ่นไปตามทาง “คนนึงก็ใส่เต็ม อีกคนก็ไม่รู้ตัว อากาศก็ร้อน น่าอารมณ์เสียไปหมด!”



นั่นแม่คุณโมโหเหรอ... ผมมองคนข้างๆ มันยักไหล่ วางมือลงบนหัวผมอีกครั้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินตามหนิงไป เหลือทิ้งไว้เพียงความอุ่นบนศีรษะที่เผื่อแผ่ลงมายังใบหน้าของผมด้วยเท่านั้น...         



อะไร...มองอะไรกัน ผมยอมให้มันลูบหัวแล้วไง ก็ดีกว่าให้มันตบหัวผมไหมล่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรให้เดือดร้อนสักหน่อย คิดอะไรให้มากมายเล่า!







-







ไหนใครบอกจะไม่บ่นให้ได้ยินสักคำ



“ผมลืมตาไม่ขึ้นแล้ว เดินจะไม่ไหวแล้วด้วย” แล้วไอ้คนที่หลับตาเดิน เอามือมาเกาะไหล่ให้ผมนำทางอยู่ตอนนี้คืออะไร



“พี่โป้งแกล้งผมเปล่าวะ กับอีแค่วิ่ง”



“หน้ามึงไม่ได้ฟีลหรือเปล่า” ผมกลั้นขำ พี่โป้งให้มันวิ่งขึ้นลงบันไดเกือบสิบรอบ ไม่รู้จุดไหนที่พี่แกไม่พอใจ หรือจะเป็นจุดที่มันกวนตีนก็ไม่รู้



หนิงไม่ได้หยุดแซวพวกผมเลยแม้แต่น้อย และไอ้โซลก็เล่นด้วยทุกครั้งจนพี่โป้งทำหน้าเหม็นเบื่อ ด่าเหมารวมมาโดนผมด้วยอีกต่างหาก



“เอ้า ถึงแล้ว” ผมจับมือที่วางอยู่บนไหล่ตัวเองออก หันหลังไปก็เห็นว่ามันค่อยๆ ลืมตาขึ้น “กูจะกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยใช่ไหม”



“แน่นอนสิครับ” แต่เสียงดูอ่อยพิกล ผมมองมันอย่างไม่ไว้ใจ ตัวมันยังเหงื่อซกอยู่เลย



“ขอความจริง”



คนตรงหน้ายิ้มแหย ยกมือลูบหน้าตัวเองแรงๆ “เหนื่อยมากเลยครับ” สุดท้ายมันก็พูดออกมา ผมกอดอก รอฟังคำสารภาพ



“ตอนนี้ผมง่วงมาก ขับไปส่งพี่ที่บ้านไม่ไหวแน่ๆ เพราะมันไกล”



“อือฮึ”



“แต่ผมขับไปคอนโดผมได้ ไปนอนห้องผมเนอะ”



“ฮะ”



แววตาอ่อนล้าไม่มีทีท่าล้อเล่น “เราจะกลับถึงห้องผมอย่างปลอดภัยแน่นอน”



ไม่ได้กังวลในเรื่องนั้น ผมแค่ตกใจเพราะมันผิดคาดจากที่คิดไปหน่อย คิดว่ามันจะให้ผมขับซะอีก แต่ลืมไป ผมมันขับรถห่วย



ผมมองนาฬิกา เกือบตีสามแล้ว ถ้ามันมัวแต่ไปส่งไปรับผมมันคงไม่ได้นอนกันพอดี



“ถ้ามึงโอเค เอาอย่างนั้นก็ได้”







ไม่ได้มาห้องมันร่วมเดือน ผมยืนพิงโต๊ะที่มันใช้ทำงาน ตอบข้อความของเฟิร์สที่ส่งมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว บอกผมเกี่ยวกับกระแสคู่จิ้นเพราะเฟิร์สลงรูปที่ถ่ายคู่กับผมในอินสตาแกรม แล้วแฟนคลับก็แคปมากรี๊ดในทวิตเตอร์กันใหญ่ มีแท็กใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย





@meenY

ตอกเรือด่วนนนนนนนนนนนน #ทีมพระรอง #เฟิร์สซีน



@kaoaam

แม่คะ อีกนิดแก้มเขาก็เบียดกันแล้วค่ะ #ทีมพระรอง #เฟิร์สซีน



@dollpk

เรือผีจงเจริญ!!! โอยใจน้อง T T #เฟิร์สซีน



@l3ethk

เป็นแค่พระรองในเรื่องแร้วงัยใครแคร์ #ทีมพระรอง #เฟิร์สซีน



@pHewpew

สับสนไปหมดแร้วววว #โซลซีน #เฟิร์สซีน



@meengenmai

ซีนนี้ ใครครอง #โซลซีน #เฟิร์สซีน






“ชุดครับ”



“ขอบใจ” รับเอาของที่คนตรงหน้ายื่นให้มาวางไว้บนโต๊ะ มีผ้าเช็ดตัว ชุดนอนแล้วก็แปรงสีฟันอันใหม่



“พี่ดูอะไร”



“ดูมึงตกกระป๋อง” ผมว่าพลางยื่นโทรศัพท์ให้ดู ในนั้นทีมพระรองเต็มไปหมด



ไอ้โซลขมวดคิ้ว ดูไม่ค่อยชอบใจ “อย่าไปอยู่ใกล้มันมากสิครับ” ว่าเสียงขุ่น ทั้งที่มันก็อยู่ในเหตุการณ์  อีกอย่างผมให้โฟกัสที่ข้อความของแฟนคลับไม่ใช่ให้ดูรูปซะหน่อย



“ถ่ายคู่กันจะให้ยืนห่างเป็นเมตรหรือไงล่ะ”



“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันคิดอะไรข้างใน”



“แล้วมึงรู้เหรอ”



“รู้ครับ”



“รู้ว่า”



“พี่อย่าไปอยู่ใกล้มันก็พอน่า”



“เฟิร์สนิสัยดีจะตาย”



“มันก็ดีแต่กับพี่นั่นแหละ”



“จะให้เขาดีกับมึงได้ยังไงล่ะ ก็ตั้งแง่กับเขาขนาดนั้น”



“ผมไม่ได้อยากเป็นมิตรกับมันสักหน่อย”



“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ไม่เหนื่อยหรือไง”



“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ช่างผมเหอะ แต่พี่น่ะ ห้ามอยู่กับมันสองต่อสองนะ ไม่น่าไว้ใจ”



“บอกแล้วไงว่าเฟิร์สก็เพื่อนกูนะ แล้วทำอย่างกับกูอยู่กับเฟิร์สบ่อยอย่างนั้นแหละ มึงก็มาขวางตลอดไม่ใช่ไง”



“ฟังผมมั่งก็ได้มั้ง”



“ขอเหตุผลดีๆ แล้วจะทำตาม”



ไอ้โซลนิ่งไปครู่ เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดอยู่ร่วมนาที สุดท้ายก็ทำเพียงแค่ถอนหายใจ จับโทรศัพท์ในมือผมแล้วกดเข้าไปอีกแท็กนึงแทน “ดูอันนี้จรรโลงใจกว่าเยอะ”



ผมเบ้ปากใส่ไอ้คนที่เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป เถียงไม่ได้ล่ะสิ ก้มลงมองหน้าจอก็อดเลื่อนดูไม่ได้ ในแท็กนี้ก็มีประเด็นเกี่ยวกับที่เฟิร์สอัพรูปคู่กับผมเหมือนกัน





@ishipyounaokay

พี่โซลทำอะไรบ้างสิคะ!! T^T  #ทีมพระเอก #โซลซีน



@kungpeuak

กัปตันกลับมากู้เรือหน่อยเร๊วว #โซลซีน



@fxxfullp

เป็นได้แค่คนขับรถของเธอสินะ... #โซลซีน



@nefdb91

สองลำ ดีกว่าลำเดียว #โซลซีน #เฟิร์สซีน



@nongwaii

เอาแล้วว พระรองออกตัวบ้างแล้ว วอนคุณพระเอกอย่าเงียบไปแบบนี้อิน้องใจบ่ดี #กำเสื้อชูชีพแน่นมาก #โซลซีน



@oohhoo

ตั้งสติค่ะทุกคน เราต้องใจร่มๆ และเชื่อมั่นในตัวกัปตันของเรานะคะ! #ทีมพระเอก #โซลซีน





ผมขำออกมาเล็กน้อย ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่พวกเธอใช้เท่าไหร่ก็ตาม แค่อัพรูปคู่หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกันเล็กๆ น้อยๆ พวกเธอก็สามารถขยายความคิด เติมแต่งจินตนาการเข้ากันได้เป็นเรื่องเป็นราว ผมนับถือความสามารถเหล่านั้นจริงๆ จากใจ



ผมเข้าไปอาบน้ำต่อจากไอ้โซล เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็อยู่ในชุดนอนหลวมโพรกของเจ้าของห้อง มันเอาชุดแขนยาวขายาวให้ผม บอกว่าเพราะผมขี้หนาว ก็ดีอยู่หรอกแต่ผมต้องคอยถลกทั้งแขนเสื้อ ทั้งขากางเกงที่ยาวละพื้นเวลาขยับตัวไปไหน ไม่งั้นได้ลื่นหัวแตก



“มียางไหม กางเกงจะหลุด” ว่าพลางดึงกางเกงขึ้นไปด้วย ไอ้โซลหุ่นดี ความหนาของตัวคือกล้ามเนื้อและหกห่อของมัน ส่วนผมที่ไม่รู้จะเอาอะไรไปหนาเลยใส่ของมันได้ไม่พอดี



“จะนอนอยู่แล้ว ไม่ต้องมัดหรอกครับ หลุดมันก็หลุดอยู่ในผ้าห่มนี่แหละ”



ผมแยกเขี้ยวเมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่ส่งมา แต่จริงๆ ก็ถูกของมัน เดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้ว เลยเดินไปปิดไฟดวงใหญ่แล้วก้าวขึ้นเตียง



เวลาในโทรศัพท์บอกว่ามีเวลานอนอีกสามชั่วโมง แชทที่ถูกส่งมาต่อเนื่องทำให้ผมต้องตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้



“นอนได้แล้วครับ”



“นอนไปก่อนเลยหรือแสบตา ปิดได้นะ” ผมว่า เอื้อมมือจะไปปิดโคมไฟตรงโต๊ะข้างเตียงฝั่งที่ผมนอน



“ไม่ได้ครับ เสียสายตาแย่”



“ไม่เป็นไรหรอกน่า มึงจะได้นอน”



“เปิดไฟทั้งห้องผมก็ไม่ว่าแต่พี่น่ะนอนได้แล้ว”



“อือ แป๊บนึง”



ไอ้จั๊มพ์ทักมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่วไป ผมด่ามันไปชุดนึง ทักมาถามบ้าอะไรตีสี่ แต่ก็เล่าให้มันฟังเกี่ยวกับที่ถ่ายทำไปเล็กน้อย



“เป็นไรของมึง นอนไปสิ ใครบอกว่าง่วงนักง่วงหนา หรือไม่พอใจที่ตกกระป๋อง” หางตาผมเห็นมันนอนตะแคงข้างหันมาทางผม หน้าตาบึ้งตึง



“คนชอบเรามากกว่าเห็นๆ อีกอย่างถ้าพวกเขารู้ว่าพี่นอนอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ล่ะก็...”



คนพูดยกยิ้ม “เขาต้องบอกว่าเราเป็นผัวเมียกันแน่เลย”



ป้าบ!



“บ้าสิ!”



คนถูกตีหัวเราะชอบใจ ผมพึมพำคำด่าออกมาไม่เต็มเสียง พลิกตัวตะแคงหนีไปอีกด้าน  ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นที่แฟนคลับพูดคุยกันทำนองนี้ แต่พอได้ยินไอ้คนด้านหลังพูดเอาเองก็เกิดอาการแปลกๆ ขึ้นมาอีก



อันที่จริงอาการเหล่านี้ไม่เคยหายไป มันยังคงเป็นอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่เจอไอ้ตัวต้นเหตุ แต่ผมเลือกที่จะข่มเอาไว้เสียมากกว่า ไม่อยากเห็นมันทำหน้าได้ใจไปมากกว่านี้ แล้วยิ่งช่วงนี้อยู่ๆ อาการก็เริ่มลุกลาม แค่นึกถึงมันก็รู้สึกยุกยิกในอกเหมือนมีอะไรมันงอกขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างนั้นแหละ 



ที่แปลกกว่าคงเป็นผมรับรู้...แต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไร



ผมตอบไอ้จั๊มพ์เสร็จ เลยตอบข้อความของเฟิร์สที่ค้างเอาไว้ก่อนไปอาบน้ำด้วย เมื่อเฟิร์สเห็นผมยังไม่นอนก็เลยชวนคุยต่อ



คนด้านหลังขยับตัว ไม่รู้ทำไมไม่ยอมหลับยอมนอนสักที เตียงยวบลงใกล้ๆ ตัวกับไออุ่นที่แผ่ออกมาทำให้ผมรู้ว่ามันขยับเข้ามาจนแทบชิด



“นอนครับ”



“ขออีกแป๊บ” จะให้ตัดบทเฟิร์สยังไงเล่า



“คุยกับไอ้นั่นเหรอ”



“อือ เฟิร์สถามเรื่องคิวถ่ายอยู่”



“ตาตัวเองจะปิดอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องไปเกรงใจมันนักก็ได้”



“อีกนิดนึง”



ได้ยินเสียงถอนหายใจฟึดฟัด ก่อนที่เอวผมจะถูกรัดด้วยวงแขนแกร่ง เผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงบนที่นอนเพราะความตกใจ



“ทำอะไร!”



“เลิกคุยกับมัน”



มือที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ชะงัก ไม่เชิงเป็นประโยคคำสั่ง แต่น้ำเสียงนั้นเรียบจนผมแปลกใจ



“ป...ปล่อยก่อน”



แต่อีกคนกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น



“โซล”



“ครับ”



“ไม่...ไม่คุยแล้ว จะนอนแล้ว”



เจ้าของอ้อมกอดคลายออก คว้าเอาโทรศัพท์ผมไปวางไว้บนโต๊ะ ดับแสงโคมไฟจนทั้งห้องมืดสนิท แล้วช่วงเอวผมก็ถูกกอดเอาไว้หลวมๆ แทน



“ไม่ได้คุยแล้วไง”



“ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยสักหน่อย”



“ไม่เล่นนะ”



“ผมจริงจัง”



“โซล!”



“ฝันดีครับ”



ผมจิ๊ปาก ทำแบบนี้จะให้ผมหลับลงได้ยังไง พอจะขยับตัวออกก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้นจนอุ่นวาบไปทั้งแผ่นหลัง รับรู้ถึงลมหายใจที่เป่ารดอยู่บนศีรษะ และสัมผัสได้ถึงอวัยวะในอกของอีกฝ่ายที่เต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกันกับของตัวเอง



ดูท่าแล้วผมคงไม่หลุดจากวงแขนของมันโดยง่าย ร้องบอกให้ปล่อยก็ไม่หือไม่อือ ใช้ความเงียบและอ้อมกอดที่แนบแน่นเป็นคำบอกปฏิเสธ ผมเลยจำใจต้องปล่อยเลยตามเลยเสียเอง แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ชวนข่มตาลงได้ยากแต่ความเหน็ดเหนื่อยที่สั่งสมมาทั้งวันทำให้ผมจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างช้าๆ



และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอ้อมกอดนั้นแผ่ซ่านความอบอุ่นเข้าไปถึงหัวใจ...



“หลับหรือยังครับ...” เสียงกระซิบแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบ สติของผมก้ำกึ่งอยู่ระหว่างความฝันกับความเป็นจริง น้ำเสียงนั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่บางคำก็ได้ยินชัดเจน...แต่บางคำกลับขาดหายไป





“..ผม...ช..พี่...”



“...จน..จ..บ้าอยู่แล้...”



“..รู้หรือยัง..”







-

พี่ซีนไม่รู้นี่โทษโซลเลยนะ มาถามไรตอนหลับเล่า โถ่เอ๊ยยย

ให้เวลาคุณพี่กันหน่อยนะคะทุกคน เดี๋ยวเจอโซลรดน้ำพรวนดินบ่อยๆ ต้นรักเติบโต คนพี่ก็เสร็จน้องเอง---

เหลือมิดเทอมอีกตัวเดียวเอง เย้เย้เย้

ติชมได้ค่า #ข้างหลังฉาก หรือจะ #โซลซีน ก็ได้เห็นมีคนติดแท็กนี้55555

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เจอกันตอนหน้าเน้อ ^ ^

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยยย

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ทีมพระเอกจ้าาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
กัปตันคะ ? โพสรูปหน่อยค่ะ #ทีมพระเอก

พระรองหลบไปก่อนค่ะ 55555

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แบบนี้กัปตันต้องโพสรูปกลบกระแสเลยค่ะ!

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
กัปตันพอเช้าแล้วทำงานเลยนะคะ ประกาศความมั่นคงให้ลูกเรือรับทราบ

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
เฟิร์สก็ได้แค่ลงรูปคู่แหละนะ
แต่โซลนี่นอกจากได้เป็นคนขับรถแล้วยังพกซีนกลับมานอนกอดได้ด้วยเว้ยยย
กอดก้แล้ว หอมแก้มก้แล้ว เรือลำนี้ไม่มีวันจมแน่นอนค่ะ 555
ว่าโซลจัดเต็มล่ะ พี่ซีนก้ใช่ย่อย การไม่หือไม่อือปล่อยตามใจเขา
มันต่างอะไรกับการยอมเขาอย่างเต็มใจคะ
แต่ดีแล้วค่ะดีแล้ว คนอ่านฟินมากกกกกกกก ฮ่าาา
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่ซีนคนซึนไม่รู้ใจตัวเองแค่ก็ยอมเค้าตลอดนะ
น้องโซลอย่าเนียนมากจริงๆควรจะให้พี่เค้ารู้ได้ละนะว่ารู้สึกยังไง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฟิร์สก็ได้แค่ลงรูปคู่แหละนะ
แต่โซลนี่นอกจากได้เป็นคนขับรถแล้วยังพกซีนกลับมานอนกอดได้ด้วยเว้ยยย
กอดก็แล้ว หอมแก้มก็แล้ว เรือลำนี้ไม่มีวันจมแน่นอนค่ะ 555
ว่าโซลจัดเต็มล่ะ พี่ซีนก็ใช่ย่อย การไม่หือไม่อือปล่อยตามใจเขา
มันต่างอะไรกับการยอมเขาอย่างเต็มใจคะ
แต่ดีแล้วค่ะดีแล้ว คนอ่านฟินมากกกกกกกก ฮ่าาา
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอติดตามนะคะ

ช่ายเลย ฟินนนนนน
ซีน ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ
แต่ยอมให้สัมผัส ก็ตอบรับแหละนะ
อาการล้าเหนื่อยของโซล เข้าทางโซลชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
หวานกันจริงงงคู่นี้
เรือผีหลบไปค่ะ!!! กัปตันเรือหลวงเราพร้อมแล้ว
หลบมาชาร์ตแบตกันสองคน ชิปเปอร์ก้ดิ้นกันไปสิ
555555555555
IG storyอะ สแนปเข้าไปค่ะ กู้เรือด้วยค่ะกัปตัน
ถ้าฟคเห็นว่าอยู่ด้วยกันเปนยังไงนี่ได้โยนไม้พายทิ้งแน่ๆ
ไม่ต้องชง ไม่ต้องพายแล้ว เหลือแค่รอเค้าเปิดตัวกัน
55555555555
รอค่าาา

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
กัปตันอย่ายอมนะคะ โพสต์สู้!!!!  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
พระเอกอย่ายอมแพ้พระรอง ลงรูปแข่งกันเลย  :heaven

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

โอ๊ย เขินนนน

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
เรือผีหรือจะสู้เรือหลวงจักรีนฤเบศรของเรา

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทีมกัปตันค่ะ
รีเควสรูปคู่พร้อมข้อความกู๊ดมอร์นิ่งงงงง
 :mew1:
555555
เราต้องทวงคืนพื้นที่ค่ะ
เรือนี้ต้องลำเดียวเท่านั้น
พระรองหรือจะสู้!!

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จับพายแน่น เราจะไปด้วยกัน

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กัปตันน่ารักกก  :impress2:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
#ทีมโซลแซ่กุญแจทือ เอ๊ย #โซลซีน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PloySupawadee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทีมพระเอก ค่ะ เราเชียร์พระเอก เรางุ้นง้านใจกับพระรองมาก ไม่ปลื้ม 55555

ออฟไลน์ dellyamin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กัปตันคะ ขอรูปด้วยค่ะ ว่าแต่เมื่อไรจะเช้าคะ 55555 //มารอโซลซีนค่าาาาา

ออฟไลน์ tnkgif

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วอินมาก มันเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง จริงๆ ชอบมากค่ะ  :katai2-1:  :mew1:

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0


ตอนที่ 12







“เล่ามาให้หมด”



“ก็มีเท่าที่บอกนั่นแหละ ถ่ายเสร็จเช้าของอีกวัน เหนื่อยฉิบหาย”



“หมายถึงเรื่องมึงกับไอ้โซลน่ะ คายออกมาให้หมด”



“บอกว่าไม่มีอะไรไงวะ” ผมแสร้งฉุน โดนมันถามเรื่องนี้รอบที่ร้อย เพื่อนตัวดีจะมาหาผมที่บ้านวันนี้ ผมเลยให้มันมารับที่คอนโดไอ้โซล เมื่อคืนเป็นคืนที่สองที่ผมไปค้างห้องมัน...ทำไงได้ก็ไม่อยากให้มันเหนื่อยนี่หว่า แต่นั่นยิ่งทำให้ไอ้จั๊มพ์ระแคะระคายความสัมพันธ์ของผมกับไอ้โซลขึ้นไปอีก



“เห็นกูเงียบๆ กูเสือกในทวิตเตอร์มาหมดแล้วนะ กะจะไม่บอกอะไรเพื่อนเลยใช่ไหม ทั้งเรื่องไอ้โซลแล้วก็เรื่องรถชน”



“ก็...ไม่มีอะไรจริงๆ แฟนคลับเขาก็พูดไปเรื่อย แต่เรื่องรถกู...ยุ่งๆ นี่หว่า” ผมหงอยลงทันตา เห็นว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ ตัวเองไม่ได้เจ็บอะไรด้วยเลยไม่ได้บอกให้มันเป็นห่วงเพิ่ม ไอ้จั๊มพ์เพิ่งรู้เมื่อสักครู่เพราะม้าบ่นเรื่องผมให้มันฟัง



มันผลักหัวผมไปทีนึง “เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว จริงๆ พอกูรู้ว่าไอ้โซลมารับมาส่งมึงกูค่อยหายห่วงหน่อย” เพื่อนสนิทถอนหายใจ กัดคุกกี้ที่ม้าผมเอามาวางไว้ให้คำใหญ่



“มึงก็ไม่ไว้ใจกูอีกคน”



“คนไม่ระวังตัวเอง ไม่ห่วงตัวเองแบบมึงมันน่าไว้ใจตรงไหน เรื่องรถม้ามึงไม่ได้บอกเฮียคัท แต่ไอ้ทิมบอกแน่”



“มันรู้ได้ไง”



“กูบอกในไลน์เมื่อกี้”



“เชี่ยจั๊มพ์!” ก็ว่าเห็นโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นแจ้งเตือนรัวๆ จะมาจากแอพลิเคชั่นอย่างทวิตเตอร์หรืออินสตาแกรมก็ไม่ใช่เพราะปิดแจ้งเตือนไปหมดแล้ว



กดเข้าไลน์กลุ่มแล้วก็รู้เรื่อง ทั้งไอ้ทิมทั้งไอ้โฟร์พิมพ์รัวมาแบบผิดๆ ถูกๆ เหมือนรีบพิมพ์กันมาก ดูท่าอยากจะโทรมาด่าผมมากกว่าด้วยซ้ำ ไอ้จั๊มพ์เป็นคนที่เล่าอะไรแล้วเล่าละเอียดยิบ เพื่อนอีกสองตัวเลยลงความเห็นอย่างเดียวกันคือสิ่งที่ไอ้โซลทำน่ะถูกต้องแล้ว ส่วนเฮียคัท ช่วงนี้น่าจะกำลังยุ่งม้าเลยยังไม่ได้เล่าให้ฟัง อีกทั้งผมไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนด้วยมั้งเลยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร



“ถ้าพวกมันอยู่ตรงหน้ากูคงหูชา”



“สมควร”



ไอ้จั๊มพ์รับหมอนอิงที่ผมปาใส่ได้ก่อนจะวางไว้ข้างตัว โทรทัศน์ตรงหน้าถูกเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น ขณะที่มันจ้องหน้าผมเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ



“นี่ไปอยู่กินกับน้องมันแล้วยังปฏิเสธอีก”



“ไปค้างเฉยๆ เว้ย! ก็มันขับไม่ไหว ถ่ายเสร็จก็ตีสองแล้ว”



อีกฝ่ายโคลงศีรษะ “แล้วทำอะไรกันมั่ง”



“ม...ไม่มีอะไรให้ทำสักหน่อย!” เมื่อคืนต่างคนต่างเหนื่อย ไอ้เจ้าของห้องก็คงไม่มีอารมณ์จะมากวนด้วย พอหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย ส่วนคืนก่อน....ผมบดริมฝีปากเข้าหากันเมื่อนึกถึง ข้ามเรื่องกอดนั่นไปเหอะ…แล้วก็ข้ามตอนตื่นที่ผมพลิกตัวมาอีกด้านได้ยังไงก็ไม่รู้ด้วย! แต่วันนั้นตื่นมาแบบง่วงๆ กันทั้งสองคน ไม่มีใครทักท้วงอะไร ทำกิจวัตรประจำวันกันตามปกติ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น



“หน้าแดงกว่ามะเขือเทศในทีวีอีก”



ผมอ้าปากค้าง จับหน้าร้อนๆ ของตัวเอง จะเถียงแต่เถียงไม่ออก



“หึ ถูกเด็กมันล่อยังไม่รู้ตัวอีก”



“พูดบ้าอะไรของมึง”



คุกกี้ในจานหมดไปแล้ว ผมถูกแก้มตัวเองเล็กน้อย วางสายตาไปที่เศษเหลือของมัน ในหัวมีภาพอะไรต่างๆ เต็มไปหมด



“ที่ถามเนี่ยเพราะถ้ามันทำเกินขอบเขตจะได้ช่วยจัดการ แต่ดูมึงไม่อึดอัดอะไรกูก็เบาใจ คิดว่าน่าจะไปได้สวย” ไอ้จั๊มพ์กดปิดโทรทัศน์ตรงหน้า “กูจะไม่พูดอะไรมากกว่านี้แล้ว อยากให้มึงรู้เองมากกว่าถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ”



มันถอนหายใจอีกรอบ สีหน้าค่อนข้างเอือม “ไว้มึงรู้อะไรๆ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”



ผมเม้มปาก แม้ไม่ได้ตอบโต้ทุกประโยคของมันก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าไม่รับรู้ถึงบางอย่างที่ชัดเจนขึ้นมาจนยากที่จะปฏิเสธเสียหน่อย









-

           





@l3ethk

โยนไม้พายค่า!!! #เฟิร์สซีน



@gaogg7

ว่าจะไม่ชิปแล้วนะ แต่พิอดไม่ไหวจริงๆ U_U #เฟิร์สซีน



@dollpk

เรือออฟฟิเชียลก็เรือออฟฟิเชียลเถอะค่ะ เจอเรือผีของเราหน่อยเป็นไง ฮี่ๆๆๆ #เฟิร์สซีน



@yitingwei

แถวบ้านเรียกเดทททททททททททททททท @sscene @numberone #เฟิร์สซีน



@pHewpew

โรงหนังมันมืด อย่าลืมจับมือกันไว้ด้วยนะคะเดี๋ยวหลง... #เฟิร์สซีน



@edosodemaa

ไม่ได้ดูหนังรัก แต่คนรักกัน เราก็โอเค #เฟิร์สซีน #ทีมพระรอง






“เรียกว่าเดทก็ถูกนะ”



“นี่ก็เป็นไปกับเขาด้วย?”



“เขาบอกให้เราจับมือกันแหละ”



“นั่นยิ่งไปกันใหญ่” ว่าพลางดูดชาเขียวปั่นลงท้อง ตักมัทฉะชีสเค้กคำเล็กเข้าปาก



ผมนัดกับเฟิร์สไว้ตอนเที่ยง ไอ้จั๊มพ์มาส่งที่ห้างแล้วก็กลับไป หนังรอบบ่ายเราเลยหาอะไรกินเล่นกันก่อน ผมกดไลค์รูปตั๋วหนังสองใบที่เฟิร์สแท็กมา เพิ่งลงไปไม่กี่วินาทีก็มีคอมเม้นท์เอ่ยแซวเป็นสิบๆ รวมถึงแท็กในทวิตเตอร์ที่คึกคักกันตั้งแต่วันก่อนนู้นแล้ว



“เพื่อนมาดูหนังกันไม่ได้หรือไง”  ผมว่าขำๆ พลางเขี่ยขนมหวานตรงหน้าเล่น



“เพื่อนที่คิดไม่ซื่อหรือเปล่า”



“หือ”



“แฟนคลับทวิตน่ะ” อีกคนยิ้มบาง ไม่รู้ว่าเฟิร์สอัพลงโซเชียลตามปกติธรรมดาของตัวเองหรือเพราะอยากสร้างกระแส แต่ที่สุดแล้วทั้งเฟิร์สและไอ้โซลดูชอบใจเหมือนกันไม่มีผิดเวลาที่แฟนคลับคิดว่าเราเป็นอะไรกัน



“ไม่อร่อยเหรอ สั่งใหม่ได้นะเราเลี้ยงเอง”



“เปล่า นี่ของชอบเราเลยนะ” ยืนยันโดยการตักเข้าปากคำใหญ่ รสชาติชาเขียวยังเพลิดเพลินใจผมเหมือนเดิม แต่ความพึงพอใจของผมกลับน้อยลง เพราะตั้งแต่ได้ลิ้มรสฝีมือแม่ของไอ้โซล ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับชาเขียวทำให้ผมนึกถึงรสชาติเค้กของแม่มันตลอด ไอ้โซลก็ไม่เอามาให้กินเป็นเดือนแล้ว อีกอย่างผมกินจานที่สองแล้ว ของชอบแต่ก็ต้องมีอิ่มกันบ้าง



“เผื่อท้องไว้สำหรับป๊อปคอร์นหน่อยดิ” สายตาที่ส่งมาวาววับ เฟิร์สน่าจะหมายถึงโพสนึงในทวิตที่มีคนจินตนาการว่าผมกับเฟิร์สกินป๊อปคอร์นถังเดียวกันแล้วมือชนกันอะไรประมาณนั้น



“ขอโทษแฟนคลับคนนั้นด้วยนะ เราไม่ชอบกินป๊อปคอร์นตอนดูหนัง มันเสียสมาธิ” ผมว่าตามจริง จะขนมจะน้ำผมก็ไม่กินทั้งนั้น ขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำ นั่งดูเฉยๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว



“โถ่ ทำลายฝันน้องเขาสุดๆ”



ผมยิ้มขำ แต่ไม่ได้ปฏิเสธ





ครึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็มาอยู่ข้างหน้าโรงหนัง ผมถูแขนตัวเองไปมา ลืมหยิบเสื้อกันหนาวมาซะได้ มัวแต่ใจลอยคิดเรื่องที่ไอ้จั๊มพ์พูดนั่นแหละ พอยืนอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ แบบนี้ก็เพิ่งสังเกตว่ามีคนมองมาที่พวกผมเยอะพอสมควร ซึ่งส่วนมากมีแต่ผู้หญิง ผมรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ทำได้แค่ยืนนิ่งๆ แล้วทำทีเป็นคุยกับเฟิร์สแบบไม่สนใจอะไร



“ไม่กินจริงดิ”



ผมมองถังป๊อปคอร์นแล้วส่ายหน้า



“วันจันทร์ก็ไม่มีคิวถ่ายใช่ไหม”



“อื้ม เฟิร์สด้วยนี่”



“เพื่อนเราเปิดร้านเบเกอรี่ เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่ลูกค้าเยอะมาก เราว่าซีนน่าจะชอบ สนใจไปลองหรือเปล่า”



“เราไม่แน่ใจว่าจะว่างไหม เหมือนว่าเพื่อนจะนัดเจอน่ะ” เฟิร์สมีท่าทีเสียดายเล็กน้อย แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมเสสายตาไปทางอื่น ที่จริงไม่มีเพื่อนคนไหนนัดหรอก เพียงแต่วันก่อนไอ้โซลก็ถามเปรยๆ ว่าวันจันทร์ผมว่างหรือเปล่าเหมือนกัน ไม่รู้จะชวนไปไหน อีกอย่างที่ผมมาดูหนังกับเฟิร์สวันนี้มันก็ไม่รู้ ผมบอกมันแค่ว่าจะกลับบ้าน เห็นมันไลน์มาถามว่าทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง



แล้วทำไมผมต้องมากังวลกับเรื่องนี้ด้วยวะ มันเรื่องของผมไม่ใช่เหรอที่จะไปไหนกับใครก็ได้ เฟิร์สก็เพื่อนผม!



“ไว้เจอกันที่กองถ่ายแล้วกัน”



“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ที่กองถ่ายเราแทบไม่ได้คุยกับซีน” เฟิร์สเบ้หน้าเมื่อนึกถึงบุคคลที่ไม่ชอบใจ



“เราไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ไม่ต่อยกันก็พอแล้ว”



คู่สนทนาหลุดหัวเราะ “เราไม่มีสิทธิ์ไปทำอย่างนั้นหรอกจนกว่าจะรู้ผล”



“ผล? แข่งอะไรกัน”



“อยากรู้จริงๆ เหรอ...ไม่สิ ไม่รู้จริงๆ เหรอ”



ผมชะงักไปนิด แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจ



“เดี๋ยววันหนึ่งเราจะบอกซีน”



คนหนึ่งก็บอกจะทำให้ชัดเจนขึ้น อีกคนก็เดี๋ยววันหนึ่งจะบอก มันเป็นคำอ้อมๆ ของคำว่าไม่เผือกหรือเปล่าวะ ผมกอดอกเพื่อคลายหนาว ทำหน้าเซ็งออกมานิดหน่อย ไม่อยากรู้แล้วก็ได้



“หรือซีนอยากรู้ตอนนี้”



“เฮ้ย ไม่เป็นไร ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องบอกหรอก”



“เราอยากบอกนะแต่ไม่รู้ว่าซีนจะอยากฟังหรือเปล่า”



เฟิร์สกับไอ้โซลเหมือนกันไม่มีผิด ชอบทำหน้าตามีลับลมคมใน พูดจากำกวม ผมจะไปเข้าใจได้ยังไงว่าต้องการจะสื่ออะไร หรือการพูดออกมาตรงๆ มันไม่คูลเหรอวะ



ถึงแม้ผมจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คนตรงหน้ากลับสูดลมหายใจเข้าลึก ดูลังเลว่าควรจะพูดดีหรือเปล่าหากแต่นัยน์ตากลับมีความแน่วแน่ “เราชอ—”





“ทำไมไม่พกเสื้อกันหนาวมา”





ความอบอุ่นถูกคลุมลงบนช่วงไหล่ ผมหันไปมองเจ้าของประโยคข้างต้นที่มีใบหน้าเรียบเฉยไม่ต่างจากน้ำเสียง “เอาแขนสอดเข้ามาครับ”



ผมทำตามคำสั่งนั้นอย่างมึนงง เสื้อกันหนาวสีดำตัวเดิมถูกรูดซิปขึ้นมาจนสุด สายตาผมจ้องคนตรงหน้านิ่งอึ้ง ไอ้โซลมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...



“มึง...”



คนมาใหม่พยัดเพยิดหน้าไปทางผู้คนที่ทยอยเข้าไปในโรงหนัง “เข้าไปได้แล้ว ผมจะรออยู่ตรงนี้”



“ด...เดี๋ยว ทำไม...”



“รีบออกมานะครับ แต่ถ้าหนังไม่สนุกหรือรำคาญคนข้างๆ ก็ออกมาเลยจะดีมาก” มันพูดอย่างนั้นขณะที่ดันหลังผมไปหาเฟิร์ส



ผมขืนตัวออกเพื่อจะคุยให้รู้เรื่อง ไอ้โซลมาที่นี่ได้คงเห็นจากที่เฟิร์สอัพลงโซเชียล แต่พอมองได้หน้ามันตรงๆ อยู่ๆ ความรู้สึกผิดก็ตีรวนขึ้นมา ลืมคำถามว่ามันมาอยู่ที่นี่ทำไม ในมือผมกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนชื้นเหงื่อ อีกทั้งคำพูดที่เปล่งออกไปดูร้อนรนจนเหมือนการแก้ตัว



“มึง...คือเมื่อเช้ากูกลับบ้านกับไอ้จั๊มพ์จริงๆ นะ แล้ววันนี้ก็นัดกับเฟิร์สไว้” ผมรีบบอก “เฟิร์สชวนตั้งแต่วันก่อน ล...แล้วกูก็กำลังจะตอบไลน์มึงพอดี...”



“ครับ”



ผมอึกอัก กัดปากตัวเองไปหลายรอบ ไอ้โซลไม่มีทีท่าอะไรทั้งที่ปกติมันจะหงุดหงิดเวลาที่ผมอยู่กับเฟิร์ส แล้วผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะละล่ำละลักอธิบายให้มันฟังไปเพื่ออะไร เหมือนคนทำความผิดอย่างนั้นแหละ!



“แล้ว...มึงจะรอทำไม ก็เข้าไปดูด้วยกันสิ”



“ไม่มีที่เหลือแล้ว เข้าไปเถอะครับ”



“เดี๋ยวสิ ทำไม...”



“พี่รับปากมันไปแล้ว ผมรอข้างนอกนี่แหละ”



“แต่...”



“ไปเถอะซีน” เฟิร์สแตะแขนผมเบาๆ และมองไอ้โซลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างไม่ปิดบัง “กูไปส่งซีนเองได้ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น”



“ยังไงคืนนี้พี่ก็ต้องไปค้างห้องผมอยู่แล้ว ไม่ต้องลำบากให้คนอื่นไปส่งหรอก”



คนด้านหลังผมนิ่งไปกับประโยคนั้น ผมเพิ่งตกลงกับไอ้โซลว่าจะไปค้างห้องมันจนกว่าจะถ่ายซีรีส์เสร็จ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเรา ผู้คนแถวหน้าโรงหนังไม่ได้ลดน้อยลงและมีบางส่วนที่มองมาทางนี้เป็นระยะ ท่าทางเฟิร์สกับไอ้โซลตอนนี้คงไม่เหมือนคนรู้จักที่กำลังยืนคุยกันเฉยๆ แน่ ผมเลยรีบตัดบท



“งั้นเดี๋ยวหนังจบแล้วกูโทรหานะ”



“ผมจะรออยู่ตรงนี้”



“ก็ได้ แล้วแต่มึง” ผมแทบกุมขมับ นั่งรอเฉยๆ สองชั่วโมงได้ยังไง น่าเบื่อออก แต่พูดตอนนี้คงไม่ฟังอะไรผมเลยปล่อยไปแล้วรีบเดินนำเฟิร์สเข้าไปในโรงหนังแทน



ผมดูหนังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ เฟิร์สก็ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีแต่พยายามข่มเอาไว้ ยิ่งผมบอกว่าต้องไปค้างห้องไอ้โซลจริงๆ และจะกลับกับมันรอยยิ้มเฟิร์สยิ่งหายไป ผมกดดันจากทั้งสองทางเลยให้ตายสิ!



พอหนังจบผมก็รีบออกมาข้างนอก ไอ้โซลนั่งรออยู่ที่เดิม ผมกังวลนิดหน่อยเพราะสีหน้าเฟิร์สไม่ดีนัก แต่ไอ้โซลก็หน้าตึงไม่ต่างกัน ผมจะบ้าตาย เป็นแบบนี้กันทั้งสองคนใครจะไปรับมือถูก ที่จริงผมควรกลับกับเฟิร์สมากกว่าเพราะนัดกันไว้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเลือกที่จะไปกับเด็กตรงหน้าแทน



“หนังสนุกไหมครับ” น้ำเสียงมันไม่ได้ประชด เป็นแค่คำถามธรรมดาๆ แต่กลับทำให้ความรู้สึกผิดขยายอัดกันแน่นในอก



ผมเลียริมฝีปาก ไม่รู้ทำไมต้องเข้ามาอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์เดิมๆ อย่างนี้ตลอด



“ไม่สนุกเลย” ผมตอบเสียงเบา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร ชื่อตัวละครก็จำไม่ได้ ตลอดสองชั่วโมงต้องมาคอยกังวลกับความรู้สึกของคนสองคนที่ไม่ชอบหน้ากัน โดยที่ไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกของคนกลางอย่างผมเลยด้วยซ้ำ



ไอ้โซลเลิกคิ้ว มองไปทางเฟิร์ส “ผมก็คิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น”



“จริงๆ แล้ว...” เฟิร์สถอนหายใจ “ซีนกลับกับเราก็ได้นะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราไปส่งคอนโดไอ้เด็กนี่เอง”



“ไม่จำเป็น พี่ซีนเลือกแล้วว่าจะมากับกู”



“กูคุยกับซีน”



“ได้คำตอบไปแล้วจะมาถามเซ้าซี้อะไรนักหนาวะ”



“มึงมัดมือชกเขาชัดๆ”



“แล้วคิดว่าพี่ซีนอยากมากับมึงนักเหรอ”



“พอได้แล้ว” ผมเอ่ยปราม ไม่คิดว่าวันพักผ่อนจะรู้สึกเหนื่อยกว่าวันที่ต้องถ่ายซีรีส์ติดกันหลายชั่วโมงขนาดนี้ “ไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่อึดอัดจะตายอยู่แล้ว ให้คอยเอาใจทุกคนมันไม่ได้หรอกนะ อยากทะเลาะกันก็เชิญ กูจะกลับเอง”



“ไม่ได้นะครับ! / ไม่ได้นะ!”



“ทำไมถึงไม่ได้ มีมือมีเท้าเหมือนกันนะเว้ย”



“พี่ซีนครับ ฟังผมก่อน”



“ทีมึงยังไม่เคยฟังอะไรกูเลย ทำไมกูต้องฟังมึงด้วย”



ไอ้โซลคว้าแขนผมเอาไว้ ผมไม่กล้าสะบัดออก แค่นี้พวกเราก็เป็นจุดสนใจจะแย่อยู่แล้ว



“โซล ปล่อย”



“ไปคุยกันที่อื่นนะครับ” มันเปลี่ยนมากุมมือผมเอาไว้แทน “มากับผมนะ”



ผมหลับตาแน่นข่มบางอย่างที่ปะทุขึ้นในใจ อารมณ์ขุ่นมัวตีกันให้วุ่นแต่ตรงนี้ผมแสดงอะไรออกไปไม่ได้มากและเด็กตรงหน้าก็ดื้อด้านมากกว่าที่คิด สุดท้ายแล้วผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกเฟิร์สให้กลับไปก่อน และเดินตามไอ้โซลไป



ผมดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุมทันทีเมื่อเดินมาถึงรถมัน ยกมือขึ้นนวดขมับ นึกโกรธตัวเองที่ยังรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าและอึดอัดจะแย่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนไม่อยากเห็นหน้าใครคนใดคนหนึ่งในตอนนี้ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง เรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้นจนไม่เหลือใครบนลานจอดรถ ไอ้โซลถึงเปิดปาก



“ผมขอโทษ”



            “…”



“ขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากใจ ขอโทษที่ทำให้พี่รู้สึกแย่”



“…”



“ผมก็แค่...”



“กูก็แค่อยากให้มึงเข้าใจกูบ้าง ทั้งๆ ที่กูแคร์พวกมึงมากแต่เหมือนไม่มีใครสนใจความรู้สึกกูเลย” ผมปล่อยให้มือตัวเองถูกดึงไปกุมเอาไว้อีกครั้ง “จริงๆ กูเห็นว่ามึงไลน์มาแต่กูไม่รู้จะตอบว่าอะไรเพราะกูอยู่กับเฟิร์ส แล้วกูก็รู้สึกผิดมากตอนที่ต้องบอกเฟิร์สว่ากูจะกลับกับมึง”



“กูอึดอัด กูเหนื่อย...เข้าใจกูมั่งสิโซล” ผมเม้มปากแน่น อยู่ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาดื้อๆ จนต้องเบนสายตาไปทางอื่น



ไอ้โซลชะงักไป กุมมือผมแน่น “ผมไม่รับรองว่าจะญาติดีกับมันได้ แต่ผมจะพยายามไม่ทำให้พี่ลำบากใจอีก”



มันเกลี่ยหลังมือผมเบาๆ ผมพยักหน้าน้อยๆ กะพริบตาไล่ความพร่ามัวออกไป รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างที่ได้ระบาย แต่คนตรงหน้ายังจ้องผมนิ่ง พยายามจะดึงมือออกแต่มันไม่ยอมปล่อย



“ป...ปล่อยได้แล้ว”



“ที่ผมไม่ชอบให้พี่อยู่กับมันก็เพราะผมหวง และเพราะผมรู้ว่ามันรู้สึกกับพี่...เหมือนที่ผมรู้สึก”



“…”



“บทพระเอกผมไม่อยากได้หรอก ถ้าไม่ได้เล่นกับพี่น่ะ”



“…”



“ทีนี้รู้หรือยังว่าผมไม่ชอบมันเพราะอะไร”



“ม...ไม่รู้!”



“เอาเถอะครับ” คนตรงหน้าอมยิ้ม ผมเหมือนถูกสับสวิตช์เปลี่ยนอารมณ์ ยกมือขึ้นถูจมูกขณะที่รู้ว่าไอ้โซลต้องเห็นริ้วแดงบนหน้าผมแน่ๆ



“นี่เกือบร้องไห้เพราะน้อยใจผมเหรอเนี่ย” นิ้วเรียวเกลี่ยใต้ตาผมเบาๆ อย่างหยอกล้อ



ผมปัดมือมันออก “กูโกรธมึงอยู่นะ!”



ไม่เคยเห็นคนร้องไห้เพราะโกรธมากๆ เหรอวะ ผมยกมือข้างเดียวถูหน้าตัวเอง ไอ้โซลไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดใดอีกแล้ว ผมล่ะเกลียดเวลามันรู้ทันจริงๆ แล้วพอเหลือบขึ้นมองหน้ามันผมก็หลุดยิ้มออกมาจนได้



“ผมจะไปส่งพี่ที่บ้าน แล้วเดี๋ยวค่ำๆ ผมจะไปรับนะครับ”



“ทำไมล่ะ เก็บเสื้อผ้าแป๊บเดียวเอง”



“ผมนัดเพื่อนไว้ หรือพี่จะไปด้วย”



“อื้อ ไปด้วยก็ได้” ผมว่า มองแสงแดดที่เริ่มจางลง มือที่ถูกมันกุมเอาไว้แก่วงไปมาเล็กน้อยโดยที่ผมไม่ได้สนใจจะดึงออก



“จริงดิ” ไอ้โซลดูอึ้งกับคำตอบ เหมือนแค่อยากถามผมเล่นๆ เท่านั้น ทำเอาผมเหวอไปด้วย



“อะไรเล่า กูก็แค่...ยังไม่อยากกลับบ้านเฉยๆ”



“ครับๆ งั้นไปเก็บของก่อนจะได้ออกไปทีเดียวเลย”



“อือ ปล่อยได้แล้ว จะไปขึ้นรถ” มันมองมือที่ประสานกันยิ้มๆ ไม่ยอมทำตาม



“รีบเหรอครับ”



“ก็นัดเพื่อนไว้ไม่ใช่หรือไง”



“พวกมันรอได้น่า”



“ไม่เอา มึงปล่อยเลย”



“ยืนตรงนี้อีกห้านาทีไม่ได้เหรอครับ”



ผมพยายามชักมือกลับ กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม “ไม่ได้!”







-

           





ไอ้โซลนัดกับเพื่อนมันที่คณะ กลุ่มเด็กผู้ชายที่ผมเจอในวันนั้นยังอยู่กันครบ...หมายถึงหลายคนเหมือนเดิม พอผมกับไอ้โซลเดินเข้าไปทุกคนก็มองมาแบบอึ้งๆ



“เชี่ยยยย”

“จากเลเวลศูนย์สู่เลเวลสิบ!”

“ไม่อัพเดตกับเพื่อนเลยน้า”

“กูตาฝาดเปล่าวะ”

“เฮ้ย เสื้อ...”



ผมเผลอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ถูกจ้องมากๆ ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน



“พี่ซีน สวัสดีคร้าบบ” เป็นไอ้น้องกันที่ทักผมขึ้น ผมเลยทักตอบยิ้มๆ “ไปไงมาไงถึงได้มากับไอ้นี่ล่ะครับ”



“มึงอย่าจุ้นน่า”



“อ้าวเฮ้ย ขอคุยกับพี่ซีนหน่อย อย่าหวงสิเพื่อน”



“เออไอ้โซล พี่ซีนครับ มานั่งตรงนี้ดีกว่า” เด็กผิวเข้มคนหนึ่งตบพื้นที่ว่างแปะๆ สองที ผมหันไปมองไอ้โซล มันทำหน้าเอือมๆ แต่ก็พาผมเดินไปนั่งตรงนั้น



“ผมชื่อบอลนะครับ” เด็กผิวเข้มว่า ก่อนที่คนที่เกากีตาร์โปร่งที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะแนะนำตัวบ้าง



“ผมไมค์ครับ”



“แล้วตกลงพี่ซีนมากับมันได้ไงอ่ะครับ” ไอ้น้องกันโผล่หัวมาถามอีกครั้ง คราวนี้ไอ้โซลถูกดึงไปโต๊ะข้างๆ ผมเลยต้องตอบ



“พอดีออกมาข้างนอกกับโซลแล้วยังไม่อยากกลับบ้านน่ะ แล้วนี่คุยงานกันเหรอ” ถ้าจำไม่ผิดก่อนไฟนอลก็เห็นคุยกันเรื่องนี้ มันยังไม่ได้จัดกันอีกเหรองานเนี่ย



“ใช่ครับ แต่เป็นงานเลี้ยงเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก” ไอ้น้องกันตอบ ก่อนจะพยัดเพยิดไปทางคนที่คุยกับไอ้โซลอยู่ “โน่นไอ้ต่าย มันจัดเอาใจแฟนมันเฉยๆ ดูไร้สาระแต่มันรวย เหล้าฟรี กินฟรีเลยไม่มีใครบ่นอะไร”



“แค่แต่งตัวหล่อๆ กับเตรียมการแสดงเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ” ไมค์เสริมขึ้นมา



“มีแต่เด็กสถาปัตย์ฯ เหรอ”



“อ้อไม่ครับ พวกเราจัดขึ้นก็จริงแต่จะชวนใครไปด้วยก็ได้” บอลว่า “จริงๆ เราตั้งกฎกันขึ้นมาเล่นๆ แต่ต้องทำจริงครับ คืองานนี้ต้องควงคู่ไปด้วย”



ไอ้น้องกันเบ้ปาก “เพราะมันมีแฟน เลยอยากให้ทั้งงานมีแต่อะไรที่เป็นคู่ แม่งโคตรเชี่ย แต่ไม่ทำตามก็ไม่ได้เข้างานจริงๆ นะครับพี่”



“ขนาดนั้นเลย”



ทั้งสามพยักหน้ากันอย่างจริงจัง ผมแอบขำเล็กน้อยกับกฎแปลกๆ จะว่าไปก็ดูสนุกดี



“คุยอะไรกันครับ” ไอ้โซลมองพวกเพื่อนมันเรียงคนอย่างไม่ไว้ใจ ทำอย่างกับมีความลับอย่างนั้นแหละ



“งานวันจันทร์นี้ไง มึงคุยกับไอ้ต่ายแล้วใช่ไหม”



“อืม หลังเซอร์ไพร์สแฟนมันพวกมึงก็ขึ้นเล่นต่อ มีอะไรอีกมึงไปคุยมันต่อแล้วกันไอ้ไมค์ กูว่างอีกทีก็วันงานเลย”



“เออได้ แล้วนี่มึงจะกลับเลยเหรอ”



“ก็ไม่มีอะไรแล้วนี่หว่า จริงๆ กูไม่ต้องมาก็ได้”



“แหม มีความสุขแล้วไม่เห็นหัวเพื่อนเลยนะครับคุณพระเอก” ไอ้น้องกันว่าขึ้น โดยมีเพื่อนอีกเกือบสิบคนที่หยุดคุยกันตอนไหนไม่รู้ส่งเสียงเห็นด้วยปนเปไปกับคำด่า



แต่ไอ้โซลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หันมาพูดกับผมแทน “ไปเถอะครับ เสียงนกเสียงกา”



“โอ้โหแม่งลืมบุญคุณ!” ไอ้น้องกันโวยวาย



ผมลุกออกจากที่นั่ง บอกลาพวกเพื่อนไอ้โซลเล็กน้อยแต่ไอ้น้องกันเหมือนจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ



“ไอ้โซลมึงชวนพี่ซีนไปงานยัง”



ผมชะงัก รวมถึงคนข้างตัวด้วย เมื่อเห็นไอ้โซลเงียบ พวกเพื่อนมันก็โห่ใหญ่



“เลิกกากก็เลิกให้สุดสิวะ”

“สงสัยจะไม่ได้เข้างาน”

“น่าซงซานเนอะ”

“แบบนี้เลเวลติดลบหนึ่ง”



“งั้นพี่ซีนอย่าเพิ่งไปครับ อยู่ฟังผมเล่นก่อน ผมอยากร้องเพลงให้พี่ฟัง” ไมค์ก้าวขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ผมไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าตัวก็เริ่มเกาสายกีตาร์ขึ้นมาเป็นทำนองเพลงแล้ว





*รู้ไหมว่ามีคนตกหลุมรักคุณกี่คนแล้ว

จากการที่คุณแค่ยิ้มให้ และยิ่งตอนคุณหันมา

จ้องมองตาและทักทาย ในหัวใจมันแทบละลาย

จนเกือบถึงจุดอันตราย และอยากจะขอให้คุณ





เพลงคุ้นๆ เหมือนเคยฟังผ่านๆ อยู่เหมือนกัน ผมยิ้มขำ ไม่ใช่แค่ไมค์ที่ร้องแต่เป็นทุกคนที่ต่างคนต่างเปล่งเสียงออกมาแบบไม่สนใจคีย์เพลง





หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน






“พวกมึงนี่นะ” ไอ้โซลส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะหันมามองผม “พี่ชอบเหรอครับ”



“เพื่อนมึงก็ตลกดี”





รู้ไหมที่คุณชอบสงสัย ว่าทำไมใคร

ใครใครชอบลืมตอบคำถามของคุณ

ก็เพราะเสียงของคุณ ช่างหวานละมุนอุ่นหัวใจ

ฟังครั้งใด เหมือนเวลาหยุดหมุนไป

ไม่รู้ทำไมอยากจะขอให้คุณ





“แล้วถ้าผมชวนไปงาน พี่จะไปหรือเปล่า”



“แล้วถ้ากูบอกว่าไม่ล่ะ”





หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน






“ผมรู้ว่าพี่ไม่ใช่คนใจร้าย”



มองรอยยิ้มมันแล้วก็ได้แต่ย่นจมูก “ชวนสาวในสต็อกมึงดิ”



“เฮ้ย ไปเอามาจากไหนครับ ไม่มี”



“หน้าอย่างมึงไม่น่าหายากนะ”



คนตรงหน้าใช้ปลายนิ้วเขี่ยจมูกผมเบาๆ “แหม จะชมก็อ้อมไปซะไกล”



“ไม่ได้ชม!”





ภายในใจผมสับสนและหวั่นไหว

เวลาที่คุณเข้ามากระซิบใกล้ๆ

คอยเตือนตัวเองท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ

คนน่ารักมักใจร้าย คนน่ารักมักใจร้ายใช่ไหมคุณ






“มีคนอื่นอยากไปกับมึงเยอะแยะ”



“แต่ผมอยากไปกับพี่นี่ครับ จะปฏิเสธผมจริงๆ เหรอเนี่ย”





บทโพลหลายสำนัก คนน่ารักมักใจร้าย

แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้มันไม่ใช่

ไม่น่าจะทำให้ร้องไห้ ไม่น่าจะ say goodbye

เพราะเธอดูไม่มีอันตราย






“เชี่ย อย่ามั่ว”

“ไม่มั่วโว้ย”

“กูแร็พต่อไม่ได้แล้ว ข้ามๆ”

“ข้ามไปไหน!”

“เข้าฮุคสุดท้ายเลยเดี๋ยวพี่เขากลับก่อน!”





หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้าย






“ไปกับผมนะ”





คนน่ารักมักใจร้าย...





“กลัวว่ามึงจะไม่ได้เข้างานหรอกนะ”







ยกเว้นคุณ

 







-

*เพลง คนน่ารักมักใจร้าย - Basketband

ปากแข็งแล้วต้องแข็งให้สุดสิ 555555

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ ติชมกันได้ #ข้างหลังฉาก #โซลซีน

เจอกันตอนหน้าค่า ^ ^

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ฮืออออ พี่เขาก็เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆแล้วนะ

ชอบที่โซลรู้ทันคนพี่ไปซะหมด

และชอบการหวีตในทวิต เห็นภาพมากๆ ฮาาาา

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
กลัวน้องมันไม่ได้เข้างาน....หรือ....หวงก้าง...กลัวไปกับคนอื่นกันแน่...พี่ซีน

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่ซีนนี่อ่อนลงเรื่อยๆนะ
เอะอะยอมน้องโซลตลอดเลยยย
ใกล้ความจริงแล้วว5555
ทีมเรือหลวง เรือหลัก เรือออฟฟิเชียล
รอค่าาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ค่อยๆรู้ตัว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบน้องแล้วอ่ะดิพี่ซีนนนน  :hao7:

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่ซีนน่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าโซลคิดยังไงแล้วตัวเองคิดยังไงแต่ยังไม่มั่นใจใช่มั้ยล่ะแล้วนี่จะไปอยู่ด้วยกันโลกของพี่ซีนคงร้อนขึ้นเป็นสิบเท่าอ่ะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด