「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195764 ครั้ง)

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตายๆๆๆๆ โซลตายแน่ๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โถ...เฮีย  เหมือนคุณพ่อหวงลูกสาวเลยเนี่ย
หวงมากกก ขี้แกล้งด้วย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ปา คู่ ใส่นางที เอาแบบ ฮอท ๆๆๆ จะได้ไปหวงเมียแทนน้องงงง

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่คัทรู้อยู่แล้วแน่ๆเลยอะ
นี่ว่าเฮียแกแกล้ง บวกกับอาการหวงน้องด้วย
อาจจะมีผสมความหมั่นไส้เล็กๆที่ปิดบัง
สงสารโซลเลยอะจุดนี้ 55555555
อาการหนักมากกก

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
แกล้งแน่ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮียคัท หวงน้องอะไรเบอร์นั้น  :z3:

โซล มีลางสังหรณ์เป๊ะมาก  o22
โซล คงต้องเข้าหาเฮียคัทตรงๆแล้วนะ  :เฮ้อ:
ไม่งั้นถูกแกล้งไม่ยั้งแน่ๆ เพราะหวงน้องจริง
กับต้องการให้คนแมนๆมาปกป้องซีน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เฮียคัทดุมากกกกกก

โซลลูก หนูต้องผ่านด่านเฮียเขาให้ได้นะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมเฮียคัทดุจังล่ะคะ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะดุจะหวงน้องอะไรขนาดนี้เฮียคัท กลัวหัวหดกันหมดแล้ว :z10:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสารน้องโซล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เฮียคัทขี้แกล้ง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เฮียจะโหดไปไหนนั่นน้องนะ โซลลำบากแน่ท่าทางพี่จะไม่ยอมยกให้ง่ายๆ

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 25







“เชี่ย เฮียคัทกลับมา?”



“เอออะดิ”



“แล้วเรื่องมึงกับไอ้โซล...”



“ยังไม่มีใครรู้ เห็นหน้าเฮียแล้วกูไม่กล้าพูดเลย”



“เฮียไม่ปล่อยไอ้โซลแน่”



ไอ้นี่...คนยิ่งเครียดๆ อยู่ “กูไม่เคยคบใครมาก่อนเลยก็ไม่รู้จะบอกเฮียยังไง คือกูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องกังวลขนาดนี้ แต่กูคิดว่าถ้าบอกไปเฮียจะไม่พอใจแน่ๆ”



เคยบอกเรื่องที่ชอบพีม เฮียยังซักประวัติพีมซะสะอาดเลย มาคณะผมเพื่อมาดูหน้าด้วย แต่เพราะยังไม่เคยคบใครจริงเลยไม่รู้ว่าเฮียคัทจะว่ายังไงกับเรื่องนี้



“มึงคิดถูกแล้วแหละ”



“ทำไม”



“มึงรู้ไหม พอเฮียมึงเรียนจบจากที่นี่ เฮียมึงบอกให้พวกกูทุกคนดูแลมึง” เพื่อนสนิทว่าสีหน้าจริงจัง “แบบห้ามให้ใครมายุ่งกับมึงเลย”



“อ...อะไรวะ ทำไม กูอ่อนขนาดนั้น?”



“ใช่”



“เชี่ยจั๊มพ์”



“อ้าว ก็ถามเอง” มันยักไหล่ “แต่ที่ปล่อยไอ้โซลเข้ามาเพราะเห็นว่ามันจริงใจ...ใช้ได้”



“ฮะ...ปล่อย? หมายความว่าเรื่องโซลมึงรู้ตั้งแต่แรกเหรอ”



“เปล๊า กูไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย”



“มึงพูดอะไร กูงงไปหมดแล้ว” ผมยกมือลูบหน้า เฮียคัทบอกพวกนี้ให้ดูแลผมน่ะไม่แปลกหรอก กลัวแต่ผมจะโดนรังแกอยู่นั่นทั้งที่ผมโตขนาดนี้แล้ว



“จะบอกแค่ว่าเฮียหวงมึงมากนะ มึงอาจไม่รู้เพราะเวลาอยู่กับเฮียคัทไม่มีใครกล้าเข้าหามึงอยู่แล้ว” เฮียคัทห่วงผมมาก นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ เฮียกรองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนผมถึงมีแต่หน้าเดิมๆ แต่พอเฮียไปเรียนต่อก็คิดว่าปล่อยผมแล้ว ที่ไหนได้ให้ไอ้พวกนี้คุมนี่หว่า



“กูว่ากูคุยกับเฮียได้ เฮียไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น”



“ไอ้ความเป็นห่วงน่ะมีเหตุผลนะ แต่ความหวงเนี่ย ยกเหตุผลมาร้อยแปดเขาก็ไม่ฟังหรอก ก่อนมึงจะอ้าปากอธิบายกูว่าไอ้โซลก็เละเป็นโจ๊กแล้ว”



“อย่าพูดให้กลัวสิวะ”



“แต่ก็ไม่แน่ อาจแค่หมัดสองหมัด อย่าซีเรียสเลย มึงบีบน้ำตานิดๆ หน่อยๆ เฮียก็ยอมแล้ว”



“กูโตแล้วนะโว้ย”



“โตแล้วก็เป็นน้องเฮียคัทเหมือนเดิมเปล่าวะ แล้วมึงก็ติดเฮียอย่างกับอะไร จำตอนที่ร้องไห้อยู่สนามบินไม่ได้ไง?”



“ตอนนั้นบรรยากาศมันพาไป!”



คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลอกตา “ยังไงเฮียก็เข้าใจมึงอยู่แล้วแหละ นั่นเขาก็แค่เป็นห่วงแล้วก็หวงอีกนิดหน่อย”



“แต่เหมือนเฮียคัทรู้เลยว่ะ พูดกับกูแปลกๆ” ผมกัดปาก คิดไม่ตกกับเรื่องนี้สักที ผมมองไอ้จั๊มพ์อย่างเคร่งเครียด เล่าเรื่องวันที่ไอ้โซลมาที่บ้านให้มันฟังอย่างละเอียด



“แล้วมึงคิดว่าใครมองพวกมึงไม่ออกบ้าง”



“มันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ!?” ที่จริงผมก็ไม่ได้ปิดบัง แต่ไม่ได้ป่าวประกาศเหมือนกัน คิดว่าพวกผมไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อนะ



“โอย จะรอดไหมเพื่อนกู” ไอ้จั๊มพ์ตบหน้าผากตัวเอง “คนอื่นอาจไม่รู้ แต่คนใกล้ตัวพวกมึงน่ะดูยังไงก็รู้ เอาเป็นว่าถ้ายังไม่อยากให้เฮียมึงรู้ก็ห่างๆ กันไว้ก่อน ติดต่อกันได้แต่อย่ามากเพราะแค่รุ่นพี่รุ่นน้องไม่โทรคุยกันตอนดึกๆ หรอก โอเค๊?”



“แล้วแบบ...ถ้าออกไปข้างนอกด้วยกัน...” ผมถามเผื่อ...ให้ตาย ทำไมต้องเครียดขนาดนี้ด้วยวะ



“ก็ได้อยู่ ทำเหมือนมันเป็นเพื่อนมึงคนหนึ่งอะแหละ ไปดูหนังฟังเพลง เรื่องธรรมด๊า!”



“กลัวเฮียคัททำอะไรโซลว่ะ”



“นี่มึงเป็นเอามากนะเนี่ย”



“…”



“ห่วงแฟนอะดิ๊”



“เดี๋ยวกูต่อยให้”



“อะแหม...เพื่อนกูพัฒนาวุ๊ย ที่จริงมันก็ทั้งน่าเครียดแล้วก็ไม่น่าเครียดนะเรื่องนี้”



“ยังไง”



มันโคลงศีรษะ ทำไมชอบพูดให้งง “ก็ต้องรอดูกันไป พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกไอ้โซลด้วย มันจะได้เตรียมตัวโดนต่อย—”



“เชี่ยจั๊มพ์!”



“ล้อเล่นน่า ห่วงจังแฟนมึงเนี่ย!”



“หยุดล้อได้แล้ว กูจริงจังนะ”



“คร้าบๆ” อีกฝ่ายรับคำ แต่มิวายพึมพำให้ผมได้ยิน “...ไอ้โซลได้ยินมันต้องดีใจมากแน่ๆ”



“กูเกลียดมึง!”



               







เพราะไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเลยเพิ่งรู้ว่าผมตกเป็นเป้าสายตาพอสมควร เมื่อเช้าเอาแต่คิดเรื่องเฮียคัท ไม่ได้สนใจอะไร พอเดินออกมาเข้าห้องน้ำคนเดียวเพิ่งสังเกตว่าผู้คนรอบข้างมองผมแบบไม่ปิดบังเท่าไหร่



มีน้องผู้หญิงหลายคนทำท่าอยากเข้ามาทักแต่ไม่กล้า ยืนซุบซิบกันแบบที่ผมได้ยินเต็มๆ ผมเลยหันไปยิ้มให้พวกเธอเล็กน้อย พวกเธอถึงกล้าเข้ามาขอถ่ายรูป



“ชอบพี่มากเลยค่ะ หนูดูทุกตอนเลย”

“พี่ซีนมีงานอื่นอีกไหมคะ”



“ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”



“อา...เป็นอย่างที่ให้สัมภาษณ์จริงๆ ด้วย” เธอพึมพำกับเพื่อนอีกคน

“ว่าแต่พี่โซลล่ะคะ”



“โซลก็…” ผมชี้ทางไปคณะมัน “อยู่สถาปัตย์ฯ อะครับ”



สองสาวหัวเราะ “ไม่ได้มาด้วยกันเหรอคะ”



“อ๋อ เปล่าครับ”



ผมตอบไปแบบงงๆ เห็นพวกน้องเขาหัวเราะแล้วก็เพิ่งคิดได้ว่าจะมาด้วยกันได้ไง เราอยู่กันคนละคณะนะ ไม่ได้ตัวติดกันด้วย!



พอหมดจากสองสาวก็มีทั้งรุ่นน้องและรุ่นเดียวกันเข้ามาขอถ่ายรูปอีกจำนวนหนึ่ง ผมออกมาตอนช่วงระหว่างเปลี่ยนคาบพอดีเลยเจอคนเยอะ กว่าจะหลุดมาได้ก็ผ่านไปหลายสิบนาทีแล้ว



ผมรีบทำธุระ แต่พอกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำก็มีคนคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาพอดี จะไม่อะไรเลยถ้าคนนั้นไม่ดึงมือผมกลับเข้าไปในห้องน้ำด้วย!



“เฮ้ย!!”



“ชู่ว ผมเอง”



“ซ...โซล!?”



ผมเบิกตากว้าง...ไม่ใช่เพราะสัมผัสหยุ่นนุ่มที่ข้างแก้มแต่เพราะนี่มันในห้องน้ำมหา’ลัย!



“ทำอะไร เดี๋ยวมีคนมาเห็น!”



“ผมดูแล้ว ไม่มีใครอยู่แถวนี้”



“ต..แต่...”



“งั้นเข้ามาในนี้” มันดึงผมเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ริมสุด ปิดประตูล็อกกลอนอย่างรวดเร็ว



“มึงจะบ้าเหรอ!” ผมพยายามดันตัวมันออกจากประตู “มีคนเข้ามาทำไง!?”



“พี่ก็อย่าเสียงดังสิครับ” ไอ้โซลเบียดตัวเข้ามา ห้องน้ำก็เล็กจะตายอยู่แล้ว อัดกันเข้ามาสองคนแบบนี้ขยับตัวทีก็ลำบาก แล้วก็ต่อให้พูดเบาแค่ไหนเสียงมันก็ก้องโว้ย!



“กอดก่อนเร็ว”



“กอดบ้าอะไร ร้อนจะตายแล้ว”



“อบอุ่นๆ” มันไม่ฟังผมสักนิด แค่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต้องก้าวเข้ามาหาก็รวบผมไว้ได้ทั้งตัวแล้ว



เหงื่อผมแตกพลั่ก ร้อนก็ส่วนหนึ่ง กลัวคนมาเจอก็ส่วนหนึ่ง



“เมื่อกี้เห็นพี่โซลแวบๆ ด้วยแหละ”



เสียงผู้หญิงดังขึ้นหน้าห้องน้ำทำผมตัวแข็งทื่อ มองหน้าไอ้โซลอย่างตื่นๆ แต่มันแค่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ



“หายไปเร็วมาก”

“มาหาพี่ซีนแน่ๆ เลยอะแก๊!”



แล้วพวกเธอก็ยืนกรี๊ดกันอยู่สักพักก่อนเสียงจะเงียบหายไป ผมลอบถอนหายใจ รู้ว่าพวกเธอเข้ามาในนี้ไม่ได้แต่ก็เผลอกลั้นหายใจ



“เอ๊ะ หรือว่าอยู่ในห้องน้ำ”



เสียงน้องคนเดิมกลับมาอีกครั้ง ผมที่กำลังจะดันไอ้โซลออกชะงักทันที ไอ้โซลทำหน้าตกใจแบบเสแสร้ง ดูมันสนุกที่ได้ทำแบบนี้



“ไม่นะ ฉันเห็นเดินไปแถวๆ นั้น”

“เรายืนรอดีไหม”

“บ้าเหรอแก เดี๋ยวเขาก็หาว่าโรคจิตหรอก” ใช่ครับ...อย่ามายืนแถวนี้เลย

“อยากเห็นพี่โซลอยู่กับพี่ซีนนี่นา ขอรูปคู่สักครั้งจะตั้งใจเรียนเลย” พี่ให้สิบรูปเลย แต่พวกน้องไปยืนรอที่อื่นเถอะนะ

“งั้นเราไปนั่งรอตรงนู้นกันเถอะ พี่ซีนเรียนอยู่ข้างบน ถ้าลงมาก็เห็น”



ในใจผมลุ้นจะแย่ รอให้เพื่อนอีกคนของน้องเขาตอบตกลงแล้วออกไปจากหน้าห้องน้ำชายเสียที ตอนนี้หายใจผมยังพยายามหายใจเบาๆ เลย กลัวไปหมดแล้ว แต่ไอ้คนที่กอดผมอยู่เอาแต่ยกยิ้มน่าหมั่นไส้ ยิ่งมันเห็นผมเป็นอย่างนี้มันก็ยิ่งแกล้ง เราแนบชิดกันมาก ผมไม่กล้าขยับเท่าไหร่เพราะกลัวไปกระทบอะไรแล้วมันส่งเสียงที่น่าสงสัยออกไป ไอ้โซลเลยได้ใจใหญ่ กดริมฝีปากลงมาบนแก้มผมซ้ำๆ จนผมต้องหลับตาปี๋



“หรือว่า...พี่โซลมารอรับพี่ซีน!?”

“ใช่! ต้องใช่แน่ๆ เลย!”

“ไปๆๆ รีบไปจองที่!”



ผมพรูลมหายใจออกมาอีกรอบ ทุบไปที่ไอ้คนสร้างเรื่องแบบไม่เบาแรง



“ออกไปเลยนะ”



“ผมคิดถึงนะเนี่ย”



“ไอ้บ้า ตอนเย็นก็เจอ”



เมื่อเช้าพอผมถึงมหา’ลัยมันก็โทรมาปั๊บอย่างกับรู้เวลา เย็นนี้ผมบอกเฮียคัทไว้แล้วว่าจะไปเดินห้างกับไอ้จั๊มพ์ เฮียก็ไม่ว่าอะไร แค่อย่ากลับดึก



“แล้วนี่ไม่มีเรียนหรือไง”



“ว่างก็รีบมาหาเลยครับ”



“มาดีๆ สิโว้ย”



“ยืนคุยกันข้างนอกผมทำแบบนี้ได้ที่ไหน” มันจะยื่นหน้าเข้ามาอีก ผมก็รีบเบี่ยงตัวหลบจนสะดุดขาตัวเองนั่งลงไปบนชักโครก



ห้องน้ำนี่ก็แคบจัง!



“มึงออกไปก่อนเลย”



“ขออีกรอบ”



“เข้ามาอีกเย็นนี้กูโทรให้เฮียมารับนะ”



“โถ่ นี่ผมโดดมาหาเลยนะ”



“ไหนมึงบอกว่าว่างไง”



ไอ้โซลปิดปากที่กำลังจะเถียงลง “ร้อนเนอะ เดี๋ยวผมออกไปก่อน”



ดูมันเถอะ!



ผมนั่งอยู่ในนั้นอีกไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงมันส่งเสียงเรียกให้ออกมา ในกระจกสะท้อนผมที่เหงื่อท่วมตัว ผมวักน้ำล้างหน้าก่อนจะเดินออกไปหาไอ้โซลที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ



มีรุ่นน้องหลายคนที่ผ่านมาทางนี้กำลังขอมันถ่ายรูป ไม่รู้ว่าใช่พวกเดียวกับรุ่นน้องที่ยืนคุยกันหน้าห้องน้ำเมื่อสักครู่หรือเปล่า พอเห็นผมก็เหมือนเจอผี หันไปวี๊ดว๊ายกันแบบไม่ปิดบังก่อนจะขอถ่ายคู่กับผมด้วย



“พี่โซลมาทำอะไรที่คณะบัญชีคะ”



“เดินเล่นครับ”



“แน่ใจเหรอคะ”



มันยักไหล่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไรอีก ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมขณะยกโทรศัพท์ของน้องคนหนึ่งขึ้นมาถ่ายไปหลายรูป แล้วยื่นกลับคืนให้น้องเขา



“นี่ครับ”



“พี่ซีนลืมรหัสไอจีเหรอคะ”



“ครับ? ไม่นะ”



น้องเขาหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ หนูหมายถึงพี่ไม่ค่อยอัปเลย”



“ขอโทษครับ ไม่รู้จะอัปอะไร”



“อัปรูปคู่กับพี่โซลก็ได้ค่ะ” เธอมองไปที่คนข้างๆ ผม “พวกหนูตามพวกพี่ตลอดนะคะ ถ้าซีรีส์จบต้องคิดถึงมากแน่ๆ เลย”



“พี่จะพยายามนะ” ผมเกาต้นคอ ไม่เคยเป็นแฟนคลับใครแต่เข้าใจว่าการชอบอะไรสักอย่างมันเป็นยังไง “ถ้าเจอพวกพี่ที่ไหนก็ทักได้ เข้ามาคุยได้นะ”



เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ขอกับพี่ซีนอีกรูปนะคะ พี่โซลถ่ายให้หน่อยค่ะ”



แล้วไอ้พระเอกก็กลายเป็นตากล้องไปโดยปริยายเมื่อน้องคนอื่นก็ขอให้ถ่ายให้ด้วย



“เอ่อ...ขอโทษนะคะ”



“ครับ?” ไอ้โซลยิ้มรับ น้องอีกคนที่เข้ามาทักก้มหน้าเขินอาย



“ไม่ทราบว่าตึกเรียนรวมไปทางไหนเหรอคะ” น่าจะเป็นเด็กปีหนึ่ง แต่ท่าทางเหมือนน้องเขาเข้ามาถามเล่นๆ มากกว่าแฮะ เพื่อนอีกคนก็กลั้นขำอยู่ด้านหลัง



“ใกล้ๆ โรงอาหารเภสัชน่ะ ที่มีหมานอนอยู่ด้านล่างเยอะๆ ไปถามคนแถวนั้นอีกทีนะครับ”



ทั้งสองคนมองไปตามที่ไอ้โซลชี้ พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มอายๆ “แล้ว...ทางไปหัวใจพี่โซลล่ะคะ…ไปทางไหน”



ผมหลุดขำ...ไอ้พระเอกโดนแล้วไง เหมือนน้องเขาอยากแหย่เล่นมากกว่า แต่ผมลืมไปว่ามันชอบเล่นด้วยนัก…อะไรแบบนี้เนี่ย



ไอ้โซลยกยิ้ม หันนิ้วโป้งมาทางผม “ต้องถามคนนี้แล้วล่ะครับ”



“คะ?”



“เพราะหัวใจผมอยู่ที่เขา”



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”



ผมฟาดไปที่ต้นแขนมันทันที เสียงพวกน้องเขาทำให้คนแถวนั้นตกใจกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางคนพอเห็นหน้าพวกผมก็คงคิดว่าน้องสองคนนี้แค่กรี๊ดดาราเฉยๆ



“จริงเหรอคะเนี่ย”



“พวกพี่...” น้องผมสั้นใช้นิ้วชี้จิ้มกันจึกๆ ช้อนตามองอย่างมีความหมาย



ไอ้โซลโคลงศีรษะ แต่รอยยิ้มมันทำให้พวกน้องเขาดีดดิ้นกันมากกว่าเดิม แล้วมันก็ตัดบทพวกเธอไปเสียอย่างนั้น



“ตั้งใจเรียนนะครับ”



“ค่า!!!”



“กลับไปเรียนเลย” ผมว่าขึ้นในตอนที่เหลือแค่พวกผมสองคน เวลานี้คงมีเรียนกันเสียส่วนใหญ่ ล่างตึกเลยมีนักศึกษาแค่ประปราย แอบดีใจที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นอกนั้นก็ไม่มีใครสนใจพวกผม



“หมดคาบแล้วมั้ง” มันมองนาฬิกาที่ข้อมือ ผมก็มีเรียนนี่หว่า…คว้าข้อมือมันมาดูมั่ง ฉิบหาย! ครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว



“กูขึ้นเรียนก่อน มึงมีเรียนต่อหรือเปล่า”



“ฝากเพื่อนเลคเชอร์แล้ว”



“ไม่เอา รีบไปเลย” ผมโบกมือไล่ ทำไมมันเป็นเด็กแบบนี้เนี่ย ไอ้โซลเดินลากเท้าจนเหมือนจะลงไปคลานอยู่แล้ว “เจอกันตอนเย็น”



ผมมองซ้ายมองขวา เอื้อมมือไปลูบหน้ามันเบาๆ “นะโซล”



“ผมจะไปได้ยังไงเนี่ย” มันโยกหัวผมไปมา ก่อนจะยอมถอยห่างออกไปอย่างจำใจ “งั้นเลิกแล้วผมโทรหานะ”



“อื้ม”



อีกคนพยัดเพยิดหน้าไปทางลิฟท์ เหมือนจะบอกว่าให้ผมขึ้นไปก่อน...มันถึงหันหลังเดินจากไป



               







กลับมาถึงบ้านเฮียคัทกำลังอาบน้ำอยู่พอดี...เลยไม่เห็นว่ารถที่มาส่งผมไม่ใช่รถไอ้จั๊มพ์



ผมเลยขึ้นไปอาบน้ำบ้าง พอลงมาก็เจอเฮียกำลังนั่งอ่านหนังสือระหว่างรอม้าทำอาหารอยู่



“กินไรยัง”



“กินแล้ว” ลูบหัวปิ๊กมี่เบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ “เฮียทำอะไร”



อีกคนสายตาไล่ตามหนังสือแต่กลับเปิดโทรทัศน์เอาไว้ด้วย “เปลืองไฟว่ะ”



“มันโฆษณาเฉยๆ เฮียดูหนังอยู่”



ว่าไม่ทันไร หนังที่ว่าก็มา มันเหมือนเป็นหนังหลายปีที่แล้ว ผมไม่คุ้นเท่าไหร่



“เกี่ยวกับอะไรอะ”



เฮียคัทปิดหนังสือ เปลี่ยนมาตั้งใจจ้องจอตรงหน้าแทน แขนข้างหนึ่งพาดไหล่ผมไว้



“ดูสิ”



ตัวละครหลักเป็นผู้ชายคนหนึ่ง มันเหมือนดำเนินมาครึ่งเรื่องแล้ว เหมือนว่าเขามีปัญหาอะไรบางอย่าง สายตาคนรอบข้างที่มอง สายตาของคนในครอบครัวที่ไม่เข้าใจตัวเขา ผมไม่ค่อยชอบหนังหม่นๆ แบบนี้สักเท่าไหร่แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสะท้อนเรื่องราวชีวิตออกมาได้ดี เขาคนนั้นดูไม่มีความสุข



ผมเอนพิงตัวเฮียคัท กำลังจะละสายตาออกจากสายตาเศร้าสร้อยของผู้ชายคนนั้น แต่เมื่อในจอตัดภาพไปอีกฉาก ผมก็ตัวแข็งทื่อ...



เขาคนนั้นกำลังจูบกับผู้ชายคนหนึ่ง...มันดูไม่ยากว่าทั้งสองรักกัน และก็กระจ่างว่าความหม่นหมองในเรื่องเกิดจากอะไร



ลมหายใจผมสะดุดในตอนที่เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของตัวเอง สายตาที่ผมอ่านไม่ออก มือที่ลูบหัวผมแผ่วเบา



ผมซบหน้าลงกับอกของเฮีย สองมือที่โอบรอบเอวกำเสื้อเฮียแน่น เฮียคัทกดจูบข้างขมับผมเบาๆ ขณะที่ความรู้สึกผมในตอนนั้น...ตีพันกันยุ่งวุ่นวาย






ต่อด้านล่างค่า


ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
.

.

.


“พี่กินโคนที่สองแล้วนะครับ จะกินข้าวได้ไหมเนี่ย”



“ก็มันอร่อยอะ”



วันนี้ไม่มีเรียนบ่ายเลยมาเดินเล่นกันที่ห้างใกล้ๆ มหา’ลัย ไอศกรีมชาเขียวในมือโคนใหญ่ ผมตักกินแต่เนื้อไอศกรีม พอหมดก็ยื่นโคนให้คนข้างๆ “ช่วยกินหน่อยดิ”



“โคน?”



“อืม กูไม่ชอบกินอะ” อันที่แล้วเผลอทิ้ง รู้สึกเสียดาย ถ้าไอ้จั๊มพ์อยู่ก็ให้มันกินแทนเพราะมันชอบมาก



“ทำไมไม่สั่งใส่ถ้วยล่ะครับ”



“ลืม”



ไอ้โซลทำหน้าลำบากใจ มองโคนไอศกรีมหน้าเครียด



“ไม่โดนปากกูซะหน่อย กูใช้ช้อนตักเหอะไม่ได้เลีย”



“ผมไม่ได้อะไรกับปากพี่ จูบก็จูบมา—”



“นี่!” ใช้ศอกกระทุ้ง ไอ้นี่ชอบพูดอะไรออกมาโต้งๆ ดีนะไม่ได้มีใครเดินอยู่ใกล้



“ผมกินได้ แต่...”



“ไม่เป็นไร กูแค่เสียดาย เอาทิ้งก็ได้”



“งอนเหรอครับ”



“จะบ้า” ผมตาโต “งอนอะไรไร้สาระ แค่ไอติมเอง”



มันทำหน้าไม่เชื่อ “งอนได้น้า ผมอยากง้อ”



ผมสั่นหน้า คนอะไรอยากหาเรื่องใส่ตัวเองวะ ผมทิ้งโคนไอศกรีมลงในถังขยะข้างบันไดเลื่อน สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่เดินตามมาข้างหลังยกกล้องถ่ายรูปขึ้นพอดี



ผมไม่ได้สนใจ แม้จะยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับการมีคนมาขอถ่ายรูปหรือแอบถ่ายรูปแบบนี้ แต่ก็แค่ใช้ชีวิตปกติไปแบบไม่ได้คิดอะไร



ไม่ได้เข้าโซเชียลมาสักพัก กดเข้าไปดูแฮชแท็กนั้นก็ตามคาด รูปผมกับไอ้โซลวันนี้เต็มไปหมด มีเป็นคลิปตอนลงบันไดเลื่อนด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีรูปตอนอยู่ใต้ตึกคณะผมกับพวกรูปแคปจากในซีรีส์





@behindsoulscene

170815 #โซลซีน ใต้ตึกคณะบัญชีค่ะ ตกใจมากที่เห็นโซลอยู่ด้วย แอดไม่เข้าใจเลยค่ะว่าเด็กถาปัดมาอยู่คณะบัญชีได้ไง



@behindsoulscene

คลิปใต้ตึกบัญชีค่ะ ขอโทษที่มือสั่น แอดฟินมากไปหน่อย *คำเตือน ตอนโซลพูดเสร็จปิดเสียงไปเลยก็ได้นะคะ.... pic.twitter.com/19snSmZ7nw #โซลซีน



@behindsoulscene

170816 มีคนเจอ #โซลซีน ที่ห้าง xxx ค่ะ



@behindsoulscene

170817 มีคนเจอ #โซลซีน ที่ร้าน xxx ค่ะ



@meengenmai

ตัวจริงเฟรนลี่ทั้งสองคนเลยค่ะ พี่โซลหล่อมากกกกกกกกกก #โซลซีน



@ishipyounaokay

โอ้โห ตึกใกล้กันมากเลยเนอะ มาตึกบัญชีเพื่อมาเดินเล่น อมวัดมาพูดก็ไม่เชื่ออออ #โซลซีน



@kukkrup

อะไรคือพอน้องพูดละคนพี่ตีแขนน้องอ่า โว้ยยยยยยยย เหลือแค่ประกาศว่าคบกันแค่นั้นแหละ!! #โซลซีน



@nongwaii

ไปหากันถึงคณะ ไปเดินห้างกันสามวันติด แฟนไม่แฟนก็ดูเอา #โซลซีน



@bemyn19

ตอนพี่โซลบอกหัวใจผมอยู่ที่เขานี่แบบกรี๊ดดดดดดๆๆๆๆๆ จนหมาเห่า ไม่ชิปแล้วคู่นี้!! T_T #โซลซีน



@oohhoo

ไม่ใช่แฟนให้เอารองเท้ามาลูบหน้าเลยยยย ฮืออออออออออ #โซลซีน



@kungpeuak

ตั้งแต่เปิดเทอมเราเห็นพี่โซลมารับพี่ซีนทุกวันเลยค่ะ..........จากคนนั่งเฝ้าใต้ตึก #โซลซีน



@iammeoww

อยากย้ายมหา’ลัยยย ; _____ ; #โซลซีน





เพิ่งรู้ว่าถ่ายคลิปกันเอาไว้ด้วย งั้นแสดงว่าน้องที่เป็นแอดมินแอคเคาท์นี้ก็เป็นรุ่นน้องในมหา’ลัย และดีไม่ดีเป็นรุ่นน้องคณะผมด้วยน่ะสิ นี่พวกเขาเฝ้าสังเกตกันขนาดนี้เลยเหรอ...เหมือนพวกเขาจะรู้ว่าพวกผมคบกันจริงๆ เลยแฮะ



ผมว่าจะอัปรูปลงไอจีกับไอ้โซลตามที่น้องคนนั้นขออยู่หรอกนะ มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรมากมาย แต่ติดที่ว่า...เฮียคัทก็จะรู้น่ะสิว่าผมอยู่กับมัน



หรือจะอัปลงทวิตเตอร์ เฮียคัทไม่เล่นนี่นา...ผมสั่นหัว เอาไว้ก่อนดีกว่า ยังไงพวกน้องเขาก็เจอผมกับไอ้โซลทั้งที่คณะแล้วก็เวลาออกไปข้างนอกอยู่แล้วนี่ ก็เห็นอยู่ว่าพวกผมอยู่ด้วยกัน รูปคู่อะไรไม่ต้องหรอกเนอะ ที่จริงผมอยากตอบแทนพวกเขาบ้าง นอกจากบางคนที่คอยซื้อขนมให้แล้ว ความรักความชอบที่พวกเขามีให้มันเป็นความรักอีกประเภทหนึ่งที่ผมเพิ่งเคยได้รับ ผมรับรู้แต่ไม่รู้จะตอบแทนกลับยังไง



...หรือว่าจะลงรูปคู่ดี



“มึงอัปไอจีหน่อยดิ”



“ครับ?”



“โทรศัพท์” ผมแบมือ อีกคนทำหน้าไม่เข้าใจ “เมื่อวานมีน้องคนหนึ่งบอกให้อัปรูปไง”



“เขาบอกพี่ไม่ใช่เหรอครับ” มันว่าอย่างนั้นแต่ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงวางบนมือผม



“ก็เหมือนกันนั่นแหละ”



ไอ้โซลไม่ว่าอะไรดูเหมือนจะชอบใจด้วยซ้ำ



เราไม่มีรูปคู่ที่ถ่ายเองเลย มีแต่โดนคนอื่นถ่าย ไอ้โซลนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จะให้ผมลุกเข้าไปขอถ่ายรูปด้วยก็จะดูจริงจังเกินไปไหม ผมไม่รู้จะทำยังไง เห็นเงาตัวเองกับอีกคนสะท้อนในกระจกของร้านพอดีเลยยกกล้องไปทางนั้น



soul_kr  กินข้าว



ไอ้โซลหัวเราะตอนรับเครื่องมือสื่อสารกลับไป



“อะไร ก็น้องเขาขอมา”



“รูปคู่ไม่ใช่เหรอครับ”



“นั่นไม่คู่เหรอ”



“มันต้องหน้าแนบกันซี่”



“แค่นี้ก็ดีแล้ว” ยืนห่างเป็นกิโลในเฟรมเดียวก็ถือว่ารูปคู่เถอะ!



“ทำไมพี่ถึงทำตามที่น้องเขาขอล่ะครับ” ไอ้โซลถาม เพราะปกติผมไม่ค่อยเล่นด้วยกับพวกน้องเขาเท่าไหร่ มีแต่มันที่เซอร์วิสให้



“อยากทำอะไรให้พวกเขาบ้างน่ะ พวกเราไม่ได้รับงานอื่นอีก ไม่มีผลงานอะไรให้พวกเขาได้ตาม แค่รูปคู่เองที่พวกเขาอยากเห็น ไม่ได้ขออะไรยากนี่”



“งั้นอัปให้สักสิบรูปเลยดีไหม”



“มึงหยุดเลย แค่นั้นก็พอแล้ว”



“รูปมัวๆ นี่น่ะเหรอครับ” มันจ้องจอโทรศัพท์แล้วเหลือบขึ้นมองผม “รูปคู่เรารูปแรกพี่เป็นคนถ่าย ดีจัง”



“อะ...” ผมเกาแก้ม ทำหน้าไม่ถูก ลืมไปว่าส่วนใหญ่มีแต่มันชอบแอบถ่ายตอนผมเผลอ และครั้งแรกผมก็แอบถ่ายมันตอนเผลอเหมือนกัน “กินข้าวไปเหอะน่า”



“ฟีดแบคดีมากนะครับ” เหมือนว่ามันจะเลิกหิวแล้ว แตะหน้าจอเลื่อนขึ้นแล้วนั่งยิ้มอยู่นั่น



รูปมัวจริงๆ แหละ เห็นไม่ค่อยชัด แต่รู้ว่าเป็นผมกับไอ้โซลที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ไม่รู้ว่าอีกคนดีใจอะไรนักหนา ผมจะยิ้มตามแล้วเนี่ย



เป็นรูปคู่ที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่เลย แต่พอเห็นว่าไอ้คนตรงหน้า...เฮ้ย ไม่ใช่ ผมหมายถึงพวกแฟนคลับเขามีความสุขกันแล้ว...



...อัปบ่อยๆ ดีไหมนะ

         







“เฮียไม่มีอะไรทำแล้วเหรอ”



ผมใช้ผ้าขยี้ผมที่เพิ่งสระ เกือบอาทิตย์แล้วที่มานอนห้องเฮียคัท จะกลับไปนอนห้องตัวเองแล้วแต่เฮียไม่ยอม ผมปิดโทรศัพท์เอาไว้ ปกติผมไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ แต่เมื่อวานแชทคุยกับไอ้โซลจนเฮียสงสัยว่าที่กดหน้าจอยิกๆ น่ะคุยกับใครนักหนา



“ตอนกลางวันเฮียอ่านหนังสือเถอะ มึงไม่เห็นเอง”



“พ่อคนขยัน”



“เดี๋ยวโดน ไปเป่าผม มันจะไม่สบาย”



ผมที่กำลังจะก้าวขึ้นเตียงชะงัก กะว่านั่งไปนานๆ เดี๋ยวมันก็แห้งเอง แต่ขี้เกียจเถียงกับเฮียเลยยอมเดินไปหยิบไดร์มาเป่าผมแต่โดยดี



“มันเสียงดังนะ เฮียดูหนังอยู่ไม่ใช่ไง”



“รีบทำสิ”



“ให้ผมไปเป่าห้องตัวเองเปล่า”



เฮียคัทเหลือบมอง เอ่ยเสียงเข้ม “จะให้เฮียเป่าให้ไหม”



ที่จริงผมไม่เคยกลัวเฮีย แต่เวลานี้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า



ที่คิดว่าไอ้โซลจะชินกับการไม่มีผมอยู่ด้วยน่ะ...ไม่เลย มันอาการหนักขึ้นทุกวัน นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ผมไปมหา’ลัยทุกวันแม้วันที่ไม่มีเรียน แต่ผมไม่ได้บอกเฮียคัทว่าทุกครั้งหลังเลิกเรียนน่ะไปกับไอ้โซล ไม่ใช่ไอ้จั๊มพ์...ในใจมันยังหวั่นๆ กลัวเฮียสงสัยนู่นนี่ไปหมด



พอผมแห้งผมก็ล้มตัวลงบนเตียง เขยิบไปใกล้ๆ คนหน้าเข้ม “เรื่องอะไรอีกอะ”



เก็บคำพูดไม่ทันเมื่อเลื่อนสายตาไปที่จอ ไม่น่าจะใช่หนังที่เฮียคัทมีแผ่น เพราะเฮียชอบแนวแอคชั่น มันเป็นหนังที่ช่องหนึ่งในโทรทัศน์เอามาฉาย เป็นแนวสมัยก่อนและเหมือนจะคับคล้ายคับคลากับเรื่องที่เฮียดูเมื่อวันก่อนๆ ด้วย...



“หนังรัก...” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังหนีไม่เอาคำตอบ เฮียก็สวนขึ้นมาก่อน “ของเพศที่สาม”



ผมตอบรับเสียงเบา ในใจระส่ำไปด้วยความหวาดกลัวอีกอย่างหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น...



“ดูกับเฮียก่อนสิ” เสียงทุ้มต่ำว่าในตอนที่ผมหันหลังหนี ผมขบริมฝีปาก เลื่อนตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงข้างพี่ชายแต่โดยดี



“พรุ่งนี้ผมมีเรียนนะ”



“มึงไปเรียนเช้าทุกวันเลยเนอะ”



“ไปนั่งเล่นกับเพื่อน...ผมปีสี่แล้วนะ”



“เกี่ยว?”



“อื้ม เดี๋ยวจบแล้วไง”



เฮียทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าผมจะมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์เพื่อนอะไรขนาดนี้ ซึ่งก็จริง...เพราะรูปผมนั่งอยู่ใต้ตึกสถาปัตย์น่ะว่อนเต็มทวิตเตอร์เลย



พอดูไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าผมจดจ่อกับภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า เหมือนกับเฮียคัมที่ไม่ละสายตาเลยสักนิด เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง อารมณ์บีบคั้นต่างๆ ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีมากเสียจนมือผมเผลอกำผ้าปูที่นอนแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้



“ก็เพราะครอบครัวและสังคมไม่ยอมรับ...” อยู่ๆ เฮียก็พูดขึ้น “เลยมีปัญหาตามมามากมาย”



ลมหายใจผมสะดุด แต่น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเฮียยังเอ่ยต่อ



“ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยนี้ เฮียว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่...ความคิดคนน่ะนะ”



“...ยังไง”



“ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับกันไง”



ใจผมสั่นไปหมด...



“ครอบครัวเสียใจ ตัวของเขาเองก็เสียใจ สังคมก็รังเกียจ...”



“…”



“มึงว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง”



ตัวผมเย็นเฉียบ...สายตาจับอยู่ที่ภาพยนตร์ตรงหน้า ในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากจอสี่เหลี่ยมจอใหญ่ มันเป็นคำถามธรรมดา...ใช่ไหม



เฮียต้องการจะบอกอะไรกันแน่...



“...ผมไม่รู้”



ในตอนนั้น...หัวผมว่างเปล่าไปหมดเลย









---------------------------------

อ้าว.....เฮีย......

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ปักกกกกกก

เฮียคัททท ตะเตือนใจแรงๆ ฮือออออ ตอนจบหนังในเรื้องจะเป็นไงไม่รู้ แต่เรื่องของโซลซีนจบแฮปปี้มีความสุขแน่นอนค่ะเฮียยยย .... (ใช่มั้ยคะ?5555555)

หวานกันแบบนี้อีกไม่นานแฟนคลับรู้แน่นอน เตรียมตัวแห่ขันหมาก เอ้ย แถลงข่าวได้เลยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2017 20:27:55 โดย Petit.K »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :hao7:
เฮียจะมาทำเป็นบีบคั้นแบบอ้อมๆ ได้ไง
สงสารน้องซีน บ้างเถอะพูดไปเลยดีกว่า

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ้าว เฮีย พูดบลัฟกันแบบนี้เลยเหรอ น้องเสียใจนะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ก็รู้นะว่าเฮียหวังดี (แล้วก็หวงด้วย)

นี่คงเป็นวิธีแสดงความหวังดีแบบเฮียๆ สินะ....เฮ้ออออออ

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสารซีนนนนนนนนนนน

 :z10:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮีย ไม่อยากให้น้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับหนัง
ความรักของเพศเดียวกัน
ที่ครอบครัวเสียใจ ไม่ยอมรับ สังคมรังเกียจ
คนที่รักกัน ก็ไม่มีความสุข
จนต้องแยกจากกัน เลิกลากัน
แม้ว่าสังคมปัจจุบันเปิดกว้างกว่าเดิมก็ตาม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ซีนบอกความจริงไปเลยดีกว่าอยู่แบบหลบๆอย่างนี้จะทนไปได้นานแค่ไหน

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
เฮียยยยยยยยยย  :z3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ลากเฮียคัทไปเก็บเลย ทำตัวขัดใจคนอ่าน  :katai1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เฮียกดดันแบบนิ่งๆเลยอ่ะ ไม่ห้ามไม่พูดตรงๆ แต่ก็ไม่ปล่อย เครียดแทนโซลซีนเลย มาม่ามาแน่ๆ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
นี่เข้าใจว่าเฮียเป็นห่วงแหละ แต่ไม่ได้หมายความว่าเฮียไม่ผิดเลยนะ
เค้าว่าเหรียญมันมีสองด้านเสมอ
เฮียอ่จจะคิดว่าซีนมองเห็นแต่ด้านที่มีความสุข เพราะอยู่ในสังคมเล็กๆที่คนรับได้
เป็นห่วงน้องกลัวน้องเสียใจ กลัวน้องรับไม่ได้ถ้าเจอความโหดร้ายของสังคมตีกลับมา
แต่เฮียก้ไม่ได้ลองเปิดใจที่จะมองดูอีกด้านของเหรียญที่มันมีความสุขเลยนะ
มันควรจะให้น้องเปิดใจยอมเล่าแล้วพูดเตือนกันตรงๆรึป่าว
มันน่าจะดีกว่าการมาบลัฟน้องทำน้องกลัว เครียด แล้วก้ไม่กล้าปรึกษาตัวเองด้วยนะสิ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เฮียก็...
แค่ครอบครัวยอมรับ มันก็น่าจะพอแล้วป้ะ
เดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างมากแล้วเฮียย

ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เฮี้ยยยยยยยยยเฮีย ขอร้องเฮียคัทอย่ามาต้มน้ำรอ พี่จะไม่ยอมให้ Fc โซลซีนแกะห่อมาม่าแน่นอน ปลายเดือนเงินเดือนออกแล้ว เราไม่ซดมาม่า กอดห่อมาม่าให้แน่น

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮียคัทมาแบบนิ่งๆแต่กดดันสุดๆ น่ากลัวมาก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราว่าเฮียคัทมาดี  :katai2-1:

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
               





ตอนที่ 26







ผมไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้...ไม่เชิงหรอก ที่จริง...ผมไม่ได้นึกถึงมันมากกว่า



ผมไม่รู้ว่าปล่อยใจให้เอนเอียงไปหาไอ้โซลตอนไหน ความรู้สึกมันเกิดขึ้นเพราะอะไร...ผมก็ไม่รู้



แค่ยอมรับใจตัวเอง...และปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึก



เท่านั้นเอง...ผมคิดแค่นั้นจริงๆ



“สวัสดีครับป้าใจ”



“สวัสดีจ้ะ แหม โตขึ้นแล้วหล่อตามพี่ชายมาเลยนะ”



ผมยิ้มแห้งๆ กลับไปให้เพื่อนของม้า ไม่บ่อยนักหรอกที่เพื่อนม้าจะมาที่บ้าน ที่จริงก็ไม่เชิงเพื่อน เรียกว่าเพื่อนทางธุรกิจน่าจะดีกว่า ลูกชายเธอกำลังจะแต่งงาน



“แล้วคัทมีคนรู้ใจหรือยังล่ะจ๊ะ”



“ไม่มีครับ ผมขอเรียนจบก่อน” เฮียตอบเสียงนิ่ง พี่ชายผมเป็นประเภทไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัว ยิ่งการเข้างานสังคมกับป๊าม้าแล้วต้องเจอพวกคุณหญิงคุณนายถามข่าวคราวว่าชีวิตช่วงนี้กำลังทำอะไรอยู่ เฮียจะเบ้หน้าในใจทันที



“แล้วซีนล่ะ” เธอไม่ได้ใส่ใจอะไร เห็นเฮียคัทเป็นอย่างนี้มานานแล้ว กลับหันมาหาผมแทน ซึ่งคำถามนี้ทำให้ผมสะดุด



“ลูกสาวป้าว่างน้า”



เธอกล่าวขำขัน ผมเลยได้แต่หัวเราะแหยๆ ไปด้วยโดยไม่ได้ตอบคำถามนั้น



ผมไม่ค่อยชอบไปออกงานกับป๊าม้าถ้าไม่โดนบังคับ และค่อนข้างโชคดีที่ครอบครัวเราไม่ได้อยากจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ให้ใหญ่โตมากมายจนต้องเกี่ยวดองกับครอบครัวอื่น แม้อาแปะจะเคยเปรยๆ ว่าลูกสาวของเพื่อนเขาแอบบอกว่าถูกใจเฮียคัทมากก็ตาม



ถ้าเทียบกับญาติคนอื่นแล้ว ครอบครัวผมชอบการมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่หวือหวาและค่อนข้างเป็นส่วนตัวแต่ก็ยินดีต้อนรับเพื่อนฝูงเสมอ



“ซีนนี่ดังใหญ่แล้วนา ลูกสาวเพื่อนป้าก็บอกอยากเจอ”



“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”



“ได้ไงกัน แล้วนี่จะดันลูกเข้าวงการตามรอยตัวเองเลยไหม”



ม้าส่ายหน้ายิ้มๆ “เจ้าตัวไม่ชอบ เขายอมเล่นให้เรื่องเดียวก็ปลื้มแล้ว”



“เสียดาย ป้ายังคิดเลยนะว่าเรื่องต่อไปอาจได้เป็นพระเอก สมัยเนี้ยพวกที่แสดงหนังแสดงละครเกย์ๆ เนี่ยดังเร็ว”



“ไม่หรอกครับ”



“จริงนะลูก ลูกชายของคุณการันต์ก็อยากเป็นดารา ได้เล่นเป็นเกย์เหมือนกันที่ชื่อนิวน่ะ แฟนคลับเยอะเชียว”



ม้าเคยเป็นดารามาก่อนก็จริง แต่นิสัยช่างเม้าท์นี่ไม่ใช่ม้าผมเลย ได้แต่นิ่งเงียบนั่งฟัง



“ตอนแรกคุณการันต์ก็หวั่นใจแทบแย่ไปเล่นบทนัวเนียกับผู้ชายแบบนั้น ตอนนี้ได้เป็นพระเอกชื่อดังแล้ว คุณเขาถึงปลื้ม” เธอว่า ก่อนจะลดเสียงเบาประโยคถัดไป “ก็นะ...ถ้าเป็นไปทางนั้นจริงๆ ครอบครัวขายหน้าแย่ คุณการันต์เองเคยร่ำๆ ว่าอยากอุ้มหลานอยู่ด้วย”



รอยยิ้มผมค้างอยู่อย่างนั้น...



“อย่างบ้านคุณวิลา คราวก่อนไปงานไม่เห็น สงสัยไม่กล้าสู้หน้า”



“เห็นว่าไปต่างประเทศ เขาไปดูงานล่ะมั้ง”



“ดูงานอะไรล่ะเธอ อายน่ะสิไม่ว่า เลี้ยงลูกมาให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ พี่นะเลี้ยงตาภัทรอย่างดี ตอนนี้ถึงได้เป็นฝั่งเป็นฝา เนี่ยที่บอกว่าไปต่างประเทศพี่ว่าเป็นข้ออ้าง—”



“อาหารพร้อมแล้วครับ” เฮียคัทขัดขึ้น เธอชะงักนิดหน่อยแต่พอเห็นป๊าผมเดินเข้ามาก็ยิ้มรับทักทายทันที



“มาบ้านนี้ทีไรได้ทานฝีมือคุณปราณตลอดเลยนะคะ”



“ครับ บ้านเราชอบทำอาหารทานกันเอง เชิญคุณใจเลยครับ” ป๊าผมผายมือ ป้าใจก็กับม้าก็ลุกขึ้นเดินตามไป



ผมยังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ในหัวคิดอะไรไม่ออก รู้แค่ว่าไม่อยากอยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยอีกแล้ว



“ไอ้นั่นจะมาตอนไหน”



“ฮ...ฮะ?”



“ก็จะออกไปกับไอ้โซลไม่ใช่เหรอ”



“เดี๋ยวกินข้าวก่อนก็ได้..”



“ไปเลยเดี๋ยวบอกม้าให้ นัดไว้กี่โมงหรือจะให้เฮียไปส่ง”   



ผมส่ายหน้า มองหน้าจอเครื่องมือสื่อสารไอ้โซลส่งข้อความมาว่าใกล้ถึงแล้ว



“แล้วเฮียล่ะ”



“จะให้เฮียไปด้วย?”



“..เปล่า”



เป็นครั้งแรกที่ผมบอกเฮียคัทว่าจะออกไปข้างนอกกับไอ้โซล เมื่อคืนเฮียแค่พยักหน้ารับรู้ คงคิดว่าเราเพิ่งนัดเจอกันตามประสาคนเคยทำงานด้วยกันเฉยๆ



สายตาของเฮียไม่ได้เคลือบไปด้วยความคลางแคลงใจแต่มันเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ นั่นทำให้ผมกลัวว่าเฮียจะทำร้ายไอ้โซลหรือเปล่า แต่ตอนนี้...



“นั่นมันใช่ไหม ไปสิ” เฮียพยัดเพยิดไปทางหน้าบ้าน เห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่ ผมมองเฮียคัทที่ขมวดคิ้วแน่น แต่ปากกลับบอกให้ผมออกไปหาไอ้โซล



“รีบกลับ”



“..อื้อ”



“ไม่อยากไปก็บอกมันได้นะ หรือจะให้เฮียไปบอกให้”



“เปล่าๆ แค่อากาศมันร้อนเฉยๆ”



ผมว่า หยิบของที่จำเป็นออกมา ไม่เข้าใจเฮียคัทเลยให้ตาย



..เวลานี้เหมือนมีมวลคลื่นบางอย่างรายล้อมอยู่รอบตัว และมันกำลังบีบเข้าหาผมช้าๆ







               

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”



“หือ…เปล่านี่”



ผมปฏิเสธ เหลือบมองตามที่ไอ้โซลมอง ไอศกรีมในมือเริ่มละลาย ผมเลยตักขึ้นกินทีละนิดทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกอยากแม้แต่น้อย



“ช่วยหน่อย”



“หมดนี่?”



“อือ” ผมยื่นให้มันทั้งโคน “ไหนว่าไม่รังเกียจ”



“นั่นพูดจริงครับแต่ผมอิ่ม...”



ผมแสร้งถอนหายใจ “กูทิ้งก็ได้”



“ล้อเล่นครับ เอามาๆ” อีกคนเอื้อมมือมาฉวยไป “งอนจริงเหรอเนี่ย”



…ซะที่ไหนล่ะ ที่จริงเราเพิ่งกินข้าวเที่ยงกันมาแล้วมันก็กินไปเยอะมาก ผมจะแกล้งมันเฉยๆ แอบเห็นมันเบ้หน้าตอนกลืนไอศกรีมรสชาเขียวลงไป



“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ ก็ชอบไม่ใช่หรือไง กูไปห้องมึงวันแรกชาเขียวเต็มห้อง”



“นั่นก็...”



“รีบกินเข้าไปเลย มันละลายแล้ว”



ไอ้โซลกินจนหมดและรีบกระดกน้ำตามไปหลายอึก ผมกลั้นขำ ปรบมือให้มัน “เก่งมากกก”



มันหายใจเข้าลึกหันมายิ้มเย็นๆ ให้ เอื้อมแขนมาวางไว้อีกด้านนึงของผม เหมือนโอบกลายๆ “ขอรางวัลให้คนเก่งหน่อยสิครับ”



“นี่ในห้างนะเว้ย”



“ใครจะสนใจครับ แค่แฟนหยอกล้อกัน เรื่องธรรมดาน่า” มันว่าน้ำเสียงสบายๆ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงหลายคนแอบมองเราอย่างไม่ปิดบังแบบนี้เนี่ยนะ ผมเห็นพวกเธอยกกล้องขึ้นมาด้วย



“นู่น ดูคู่นู้นสิ” มันกระซิบอยู่ข้างหู ผมมองไปตามทางที่มันบอก เห็นคู่รักคู่หนึ่งเดินกอดเอวกันกระหนุงกระหนิง “เรายอมได้เหรอ”



“หยุดเลย ต้องขนาดนั้นไหม” ผมรีบปราม จะต้องไปเดินกอดตัวติดหนึบกันแบบนั้นทำไม ที่จริงก็เรื่องธรรมดาแหละ แต่ผมไม่ใช่พวกที่จะมาทำแบบนั้นนี่



“มัดตัวพี่ติดกับผมได้ ผมทำไปแล้ว”



“มึงเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวันแล้วนะ”



“จะทำให้พี่หลอนจนลืมผมไม่ได้เลย”



ตอนแรกพูดเล่น ตอนนี้เริ่มกลัวจริงแล้ว ผมเอนตัวออกห่าง ค้ำมือไปโดนมือมัน คนตรงข้างๆ ก็ร้องโอย



ผมจับมือที่มีพลาสเตอร์แปะไว้ที่นิ้วชี้ขึ้นมาดู “ไปโดนอะไรมา”



“คัตเตอร์บาดครับ”



“ไม่ระวังเลย ปล่อยให้บาดได้ไง”



“ใจลอยคิดถึงใครบางคนแถวนี้แหละครับ เฮ้อ” มันแสร้งตีหน้าเศ้รา เอาหน้ามาถูที่ไหล่ “สงสารผมหน่อย มาอยู่กับผมหน่อย”



“มีงานมีการก็ทำไปสิ กูจะรบกวนมึงเปล่าๆ”



“พี่มาอยู่ด้วยงานผมจะเสร็จเร็วขึ้นเยอะเลยครับ จะได้มีเวลาอยู่กับพี่”



เพราะแขนมันยังโอบรอบตัวผมอยู่ขณะที่ผมยังจับมือมันเอาไว้ไม่ปล่อยทำให้เราใกล้กันมาก แต่ผมไม่ได้สนใจว่าคนรอบข้างจะมองยังไง เอาแต่เกลี่ยมือมันเบาๆ



“อาทิตย์หน้านะ”



“พูดจริง?”



“อื้ม”



ขอเวลาคิดก่อนแล้วกันว่าจะบอกเฮียว่าอะไร กับป๊าม้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว



“รางวัลสำหรับคนเก่งล่ะ ผมยังไม่ลืมนะ”



ยังไม่จบเรื่องนี้ใช่ไหม... “จะให้ทำอะไรล่ะ”



“กลางห้างแบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเลยแฮะ...” มันมองซ้ายมองขวา “หรือเราจะกลับไปดูหนังที่ห้องกันดี”



ผมฟาดไปที่ต้นขามัน “ทะลึ่ง!”



“ผมยังไม่ได้บอกเลยจะทำอะไร” ไอ้โซลหัวเราะ “คิดลามกนะเนี่ย”



คำพูดคำจากับสายตาที่มองมาไม่ได้ชวนคิดเลย!



อีกนานกว่าจะได้เข้าไปในโรงหนัง ผมนั่งรอจนเมื่อย แต่ไม่รู้ว่าแฟนคลับที่ยืนหลบมุมตรงเสาไกลๆ ตรงนู้นเมื่อยกว่าไหม หลายคนมองมาที่เรา ผมไม่ค่อยได้สนใจ ส่วนไอ้โซลนี่เรียกว่าโคตรไม่สนใจเลยดีกว่า มันทำตัวเหมือนไม่มีใครรู้จัก ไม่ใช่พระเอกซีรีส์ที่กำลังออนแอร์อยู่ขณะนี้ และเพราะพวกเราไม่สนด้วยว่าใครจะรู้ว่าเรากำลังคบกันอยู่มันเลยทำตัวตามใจอยากแต่ก็ไม่ถึงกับมากมายเพราะเราอยู่ในที่สาธารณะ



“ใกล้ไปแล้ว”



“เดี๋ยวผมตกเฟรม”



“ยื่นมือออกไปอีกสิ”



“ผมเมื่อย”



แก้มมันจะแนบหน้าผมอยู่แล้ว ผมทำหน้านิ่งใส่กล้อง แต่พอไอ้คนข้างๆ เอาหัวมาโขกเบาๆ ผมก็หลุดยิ้มออกมา ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายของแฟนคลับรอบข้างที่แอบมองอยู่ บางคนก็ยิ้มให้พวกเราเห็นเลย ผมก็ยิ้มตอบ ตอนนี้ในแท็กคงมีรูปวันนี้เต็มไปหมดแน่ๆ นอกจากรูปแอบถ่ายแล้ว ยังคงมีรูปที่พวกเราถ่ายด้วยกันเมื่อกี้ในไอจีไอ้โซลอีกด้วย



นั่งไปอีกสักพัก กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่มองพวกเรามานานก็เดินเข้ามาคุยด้วยเพราะไอ้โซลยิ้มให้ ทีผมยิ้มให้ไม่เห็นจะเดินเข้ามาคุยด้วยเลย...ลำเอียงชัดๆ



ไอ้โซลยังเล่นกับทุกการชงของพวกน้องเขา อาจเพราะมันขี้เล่นเลยดูเข้าถึงง่ายกว่าผมล่ะมั้ง ส่วนใหญ่ถ้ามีแค่ผมพวกเธอจะดูเกรงใจกว่าตอนที่มีไอ้โซลอยู่ด้วย



“แล้วนี่...ทำไมต้องโอบคะ” สายตาพวกเธอมองแขนไอ้โซลที่ยังเหมือนโอบผมไว้กลายๆ อยู่



คนโดนจับผิดลอยหน้าลอยตา ตอบหน้าซื่อ “พี่ซีนขี้หนาวครับ”



“กอดเลยไหมคะ”



“อืม...” มันเขยิบเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิม “พี่แพ้แรงยุซะด้วยสิ”



“ว๊ายยยยยยยย”



“มึงนี่...” ผมตีมันไปเบาๆ



“ไอจีวันนั้นใครอัปเหรอคะ”



“ที่กินข้าวกันน่ะเหรอครับ”



พวกเธอพยักหน้า มองพวกผมอย่างรอลุ้นกับคำตอบ ไม่รู้ว่าทำไมสงสัย อาจเพราะผมถือกล้องหรือเปล่า



“ใครถ่ายก็คนนั้นแหละครับ”



“จริงเหรอคะพี่ซีน?”



พวกเธอมองมาแบบอึ้งๆ ผมก็พยักหน้ารับ “ครับ พี่อัปเอง”



“แอคใครก็เหมือนกันใช่ไหมคะ”



“ครับ”



“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”

“พี่ซีนเล่นด้วยเฉย แงงงงงงง หนูจะร้องไห้”



ผมไม่ได้เล่น...ก็พูดจริงนี่ แต่ผมหมายถึงจะผมหรือไอ้โซลอัปก็เหมือนกัน เพราะแฟนคลับแค่อยากเห็นรูป ‘เรา’ ไม่ใช่หรือไง



“ได้เวลาแล้ว ดูเรื่องเดียวกันหรือเปล่าครับเนี่ย”



ไอ้โซลถาม พวกเธอสั่นหัว หัวเราะแหะๆ “ไม่ได้ดูค่ะ มาตามพวกพี่เฉยๆ”



“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” พวกผมลุกขึ้น พวกเธอก็แหวกทางให้ “กลับบ้านดีๆ นะครับ”



“ค่า” ตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงอย่างเคย ผมโบกมือบ๊ายบายให้ พวกเธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นมองพวกผมเดินเข้าไปในโรงหนัง…เหมือนส่งพวกผมไปไหนสักที่เลยแฮะ มองไปก็รู้สึกตลกแล้วก็น่ารักดี







               

“ถ้ากลัวก็มานอนกับผมได้นะ”



“ไม่ได้กลัว” ผมกลอกตา แค่สะดุ้งในโรงหนังนิดหน่อยเอง ก็เสียงเอฟเฟคมันน่าตกใจนี่



“เวลาปิดไฟในห้องมันอาจมีอะไรออกมาจากความมืดได้นะ”



พูดไปก็ไม่กลัวหรอก “กูนอนกับเฮียคัทอยู่แล้วเว้ย”



“เฮ้อ อาทิตย์หน้าก็อาทิตย์หน้า” สีหน้ามันยอมแพ้ ล้มเลิกที่จะหว่านล้อมให้ผมไปห้องมันวันนี้เลย



“พี่ครับ”



“หืม?”



“ถ้ามีคนถามว่าเราเป็นอะไรกันล่ะ”



“แล้วเราเป็นอะไรกันล่ะ”



“แฟนไง”



หน้าร้อนขึ้นมาหน่อยๆ ยังไม่ชินกับคำนี้เท่าไหร่ “อืม”



“ผมพูดได้ใช่ไหม”



ไม่บ่อยนักที่จะเห็นสีหน้าไม่มั่นใจของไอ้โซล อย่างว่าที่พวกเราเป็นอยู่ไม่ได้ปิดบังใคร แต่ก็ไม่ได้โพทะนาให้ทุกคนรู้เหมือนกัน แล้วไม่มีใครเคยถามตรงๆ ด้วยเราเลยไม่มีใครพูด



ไม่คิดว่าไอ้โซลจะกังวลเรื่องนี้



“ได้สิ...โกหกมันไม่ดีนะ”



ไม่เคยเรียนพระพุทธเหรอ เขาบอกว่าให้รักษาศีลไง



“ทำไมต้องมาถามเรื่องนี้กับกูด้วย”



“ผมกลัวว่าพี่อาจไม่อยากให้ใครรู้”



“กูรู้สึกเป็นคนที่แย่ว่ะ” ผมดึงมันมายืนหลบตรงมุมมุมหนึ่ง “โซล ถ้ามีอะไรบอกกูได้ บางทีกูก็ไม่รู้ว่ามึงคิดยังไง แต่กลับตีความไปความมึงคิดเหมือนกู ขอโทษที”



“…”



“กูพอใจที่เราเป็นแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรับรู้แต่ก็ไม่ได้ปิดบังเป็นความลับ ไม่ต้องทำตัวเหมือนเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องต่อหน้าคนอื่น”



“…”



“ถ้ามีใครมาถามตรงๆ” ผมลูบต้นคออายๆ “กูก็จะบอกเขาว่าเราคบกันจริงๆ”



มันพรูลมหายใจ ใบหูขึ้นสีแดงจนผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ “ผมอาจกังวลเกินไป พี่ไม่ได้แย่นะครับ”



ไม่รู้ว่าการคบใครต้องทำยังไงบ้างหรอกนะ ผมคิดว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ แต่เราต้องค่อยๆ พยายามปรับตัวเข้าหากัน และความเข้าใจกันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ



“มีอะไรเราก็คุยกัน ตกลงไหม”



“ตกลงครับ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ยกยิ้มบางๆ “ผมชอบเวลาพี่พูดคำว่าเรา”



มองหน้ามันแล้วลืมทุกอย่างไปหมดเลย ในใจเบาสบาย ถ้าโทรบอกเฮียว่าจะไปค้างห้องมันวันนี้เลยได้ไหมนะ...



“แล้วนี่ได้ไหมครับ” ไอ้โซลฉวยมือผมไปกุมเอาไว้



“จับไปแล้วค่อยมาถาม” ผมย่นจมูก เราออกก้าวเดินกันอีกครั้ง



“งั้นแปลว่าได้”



ผมโคลงศีรษะ ไม่พูดอะไรเพียงแค่กระชับมือมันตอบกลับไปเบาๆ เท่านั้น



ระหว่างทางมีคนมองพอสมควร แทบทุกครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นจากพื้นจะเห็นรอยยิ้ม ไม่ก็แววตาตื่นตะลึงของเหล่าผู้หญิงที่มองมา ครั้งแรกที่เคยเดินจับมือกับมันแบบนี้ ให้ตายเถอะ...เขินจะมุดลงดินอยู่แล้ว



“โซลซีน แก๊ๆๆ”

“ใช่ปะ...ทำไมเดินจับมือ ฮือออ”

“พี่ซีนกับโซลปะ”

“ถ่ายรายการอะไรหรือเปล่า”

“ไม่เห็นมีกล้องเลย เมื่อกี้ก็เพิ่งไปดูหนังกันมาเองไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมจับมือ!?”



พวกเธออยู่ห่างไปจากพวกผมไม่กี่ขั้นบันได เสียงซุบซิบ(?)นั้นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาบางๆ ไอ้โซลก็เช่นกัน สักพักเสียงก็เงียบไป พวกเธอคงไม่ได้เดินตามมา



เรามาที่ร้านหนังสือ ผมกวาดตามองผู้คนที่เดินเข้าเดินออกแล้วบังเอิญไปสบสายตากับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาดูแคลนทำให้ผมตัวชา ผมหันหน้าหนี ลมหายใจสะดุดอีกครั้งเมื่อเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมองตรงมาทางนี้ด้วยแววตาอย่างเดียวกัน...



เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นตบจนหน้าหันเพื่อให้ออกมาพบเจอกับความจริง และผมได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำของเฮียคัทดังขึ้นมาในหัวแทบจะในทันที



‘ครอบครัวเสียใจ ตัวของเขาเองก็เสียใจ สังคมก็รังเกียจ...’



ความอุ่นในใจถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นของความรู้สึกบางอย่าง และนั่นทำให้ผมสะบัดมืออีกคนออกราวกับโดนไฟช็อต             

 

“เป็นอะไรครับ” ไอ้โซลมีสีหน้าตกใจ



“ป...เปล่า” ผมเอ่ยเสียงสั่น “..จะดูหนังสือน่ะ”



ผมหยิบหนังสือมั่วๆ ออกมาเล่นหนึ่ง ทำทีเป็นดูมันไปอย่างนั้นทั้งที่ก็เพื่อไม่อยากสบตาคนข้างกาย ไอ้โซลไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงเดินตามผมเงียบๆ แต่ผมรู้ว่ามันคงอยากจะถาม



“ไม่มีที่อยากได้” ผมว่าขึ้น เห็นวัยรุ่นกลุ่มนั้นยังคงอยู่ที่เดิมก็เดินเลี่ยงมาอีกทาง “กลับกันเถอะ”



“แล้วพี่ไม่ไป...”



“กูอยากกลับแล้ว”



“แต่ไหนบอกว่าอยาก...”



“ตอนนี้อยากกลับแล้ว!” ผมสวนขึ้นเสียงแข็ง รู้สึกเหมือนเสียการควบคุม รู้แค่ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว นัยน์ตาคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ผมเสมองไปทางอื่น เอ่ยเสียงอ่อนลงกว่าเดิม



“..เฮียไม่ให้กลับดึก แล้วกูก็เหนื่อยแล้วด้วย”



“...ก็ได้ครับ”



ไอ้โซลเอื้อมมาจะจับมืออีกรอบแต่ผมเบี่ยงตัวหลบแทบจะทันที เราต่างชะงักด้วยกันทั้งคู่ และพอสบตาคนตรงหน้า ผมรู้สึกว่าได้ไปแตะสิ่งของเปราะบางบางอย่าง เพียงนิดเท่านั้น...แต่กลับเกิดรอยร้าวขึ้นขนาดใหญ่



“...ไปกันเถอะ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำมันออกมาจากที่นั่น



แต่ละก้าวเชื่องช้า หนักอึ้งในอก มันมาจากหลายพันความคิดตีกันวุ่นในสมอง ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนลูกโป่งที่ลอยสูงขึ้นจากพื้น ขณะที่กำลังหลงนึกว่าตัวเองอยู่สูงเสียดฟ้ากลับถูกกระเบื้องหลังคาบ้านสักหลังเจาะแตกร่วงตกลงสู่พื้นดิน



สายตาเหล่านั้นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงความรู้สึกผมจนยับเยิน



‘ก็เพราะครอบครัวและสังคมไม่ยอมรับ...เลยมีปัญหาตามมามากมาย’

‘ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยนี้ เฮียว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่...ความคิดคนน่ะนะ’

‘ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับกันไง’




ผมเพิ่งเข้าใจในวินาทีนั้นเอง สิ่งที่เฮียพูด...



อาจเป็นเพราะเราได้รับแต่รอยยิ้มและคำสนับสนุนเสมอมา จนลืมนึกไปว่านอกจากสายที่มองมาอย่างยินดีแล้ว...ยังมีสายตารังเกียจชิงชังพวกเราอยู่ด้วย



‘ก็นะ...ถ้าเป็นไปทางนั้นจริงๆ ครอบครัวขายหน้าแย่ คุณการันต์เองเคยร่ำๆ ว่าอยากอุ้มหลานอยู่ด้วย’

‘อย่างบ้านคุณวิลา คราวก่อนไปงานไม่เห็น สงสัยไม่กล้าสู้หน้า’




“กลับเลยใช่ไหมครับ”



“...”



“พี่ซีน เป็นอะไรหรือเปล่า”



“…”



“พี่ซีน?”



“ม..ไม่เป็นไร แค่...แค่ง่วงเฉยๆ”



“โกรธผมเหรอ”



“เปล่า มึงไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย”



“แล้วพี่เป็นอะไร”



“เปล่า ออกรถสิ”



“เราคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดีไหม”



“โซล กูไม่ได้เป็นอะไร ออกรถสักที”



“เรามาคุยกันก่อนเถอะ ผมไม่อยากค้างคาแบบนี้”



“มึงไม่ได้ทำอะไร กูอยากกลับบ้านแล้วโซล”



“พี่ซีนครับ เมื่อกี้เรายังดีๆ กันอยู่เลย ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า”



“ก็บอกว่าเปล่าไง!”



ทั้งห้องโดยสารเงียบจนได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของผม ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแต่คำขอโทษกลับไม่ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป



ตลอดทางผมจมอยู่ในห้วงความคิด จิกมือชื้นเหงื่อเข้าหากันแน่น ผ่านมาไม่กี่นาทีแต่ในหัวปวดตุบๆ จนแทบระเบิด มันเต็มไปด้วยคำถามที่เหมือนจะมากมายแต่เปล่าเลย มีเพียงคำถามเดียวแต่กลับถูกถามย้ำซ้ำๆ กับตัวเองอยู่อย่างนั้น



รถจอดสนิทที่หน้าบ้านของผม ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออก ในตอนที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาก็หยุดการเคลื่อนไหวของผมเอาไว้



“บอกผมได้หรือยังครับ”



ผมดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุม ตอนนี้ผมกำลังสับสน ผมไม่สามารถตอบอะไรได้ทั้งนั้น



“ไม่มีอะไรจริงๆ”



“แต่พี่เป็นอย่างนี้เนี่ยนะ?” น้ำเสียงมันเริ่มจะมีน้ำโห ไอ้โซลพยายามข่มอารมณ์ทั้งที่ผมทำตัวโคตรจะงี่เง่าขนาดนี้



“กูแค่เหนื่อยเฉยๆ”



“ผมไม่เข้าใจ อยู่ๆ พี่ก็เหมือนไม่พอใจผม คงไม่เซอร์ไพรส์อะไรอีกใช่ไหม”



“ไม่มีอะไรทั้งนั้น กูจะเข้าบ้านแล้ว”



“คุยกันก่อนเถอะครับ”



“บอกว่าเหนื่อยไงโซล ไม่เข้าใจเหรอ”



“ใช่ครับผมไม่เข้าใจพี่” มันกำข้อมือผมเอาไว้แน่น “และเราต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง”



ในใจอึดอัดจนแทบระเบิด อยากหายไปจากตรงหน้ามันเดี๋ยวนี้ ผมกระชากแขนตัวเองกลับแต่คนตรงหน้าไม่ยอมปล่อย เรายื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น ผมอยากออกไปจากตรงนี้ ผมอยากอยู่คนเดียว ผมสับสน ผมไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจใครทั้งนั้น ไม่อยากคุย ไม่อยากพูดอะไร แต่พันธนาการนี้มันแน่นหนาเกินไป ผมเจ็บข้อมือไปหมด เจ็บจนน้ำตาซึม เจ็บลงไปถึงข้างใน



“..ฮึก...”



“…”



“..ปล่อย”



มันทำตามคำขอของผม แต่เพียงเสี้ยววิอ้อมกอดคนตรงหน้าก็เข้ามาแทนที่ และนั่นกลับยิ่งทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม



ทำไม



ในหัวผมมีแต่คำๆ นี้



ทำไม



ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย



ทำไม



“ฮึก...ฮือ...” เสียงสะอื้นผมดังก้องไปทั้งห้องโดยสาร อ้อมแขนมันปลอบประโลมผมด้วยความอบอุ่นอย่างที่ผมเคยได้รับเสมอมา



แต่ทำไม...             



ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่กี่นาทีก่อนเราจะเพิ่งเข้าอกเข้าใจกันดีหยกๆ แต่ในตอนนี้เหมือนกับเราไม่เคยเข้าใจซึ่งกันและกันเลยด้วยซ้ำ



หรือไม่ก็เป็นเพราะผมเอง…



ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ผมผละออกจากมัน มือข้างหนึ่งเกลี่ยน้ำตาให้ผมแผ่วเบา



ยิ่งผมมองหน้าไอ้โซล น้ำตาที่แห้งไปแล้วกลับไหลลงมาเรื่อยๆ ในใจมันคงมีคำถามมากมายซึ่งไม่ต่างกันกับผมเลย...แต่ผมกลับได้คำตอบอย่างหนึ่งกับตัวเอง...





“กูว่าเรา...ควรหยุดเรื่องของเราไว้แค่นี้เถอะ”





...ในตอนนั้นผมเอาแต่คิดว่าถ้าเฮียคัทรู้เข้า เฮียจะไม่พอใจมากแน่ๆ เฮียค่อนข้างจะห่วงผมมาก ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่เพราะตอนเด็กๆ ตัวผมเล็กกว่าเด็กคนอื่นเลยมีเฮียคอยปกป้องอยู่ตลอดและดูแลผมจนมาถึงทุกวันนี้



ผมกลัวเฮียคัทจะทำอะไรไอ้โซล



แต่อย่างหนึ่งที่ผมลืมคิดไปคือ...เฮียจะรับได้เหรอเรื่องที่ผมคบกับมัน ไม่ใช่แค่เฮียคัท แต่ป๊ากับม้าอีกด้วย แล้วญาติล่ะ แล้วคนอื่นที่รู้จักครอบครัวผมอีกล่ะ...ถ้าทุกคนรู้จะเกิดอะไรขึ้น



ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเด็กแล้วก็ตัวเล็กขนาดนี้มาก่อน



ตอนที่ตัดสินใจคบกับไอ้โซลผมไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ



ผมก็แค่...ทำตามใจตัวเอง



แต่ตอนนี้ผมกลัวว่าครอบครัวจะเสียหน้าเพราะผม กลัวป๊ากับม้าจะเสียใจในตัวผมคนนี้  ครอบครัวเรามีหน้ามีตาและถ้าหากผมเป็นคนทำลายชื่อเสียงนั้น ทำให้ทุกคนต้องขายหน้าและผิดหวัง...ถ้าอย่างนั้นผมขอหยุดทุกอย่างไว้จะดีกว่า



“...พี่พูดอะไรน่ะ..” น้ำเสียงคนตรงหน้าแผ่วเบาเหมือนเป็นแค่คำรำพึง



“..อย่าให้กูต้องพูดอีกเลย” ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไป



“มึงว่าเราทำแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ”



“ผม...ผมทำอะไรผิด บอกผมมาสิ”



“ไม่ มึงไม่ผิด”



“ไหนพี่บอกว่ามีอะไรให้คุยกันไง”



“ก็กำลังคุยอยู่นี่ไง บอกอยู่นี่ไงว่ามันผิดน่ะ!”



“หมายถึงที่เรา...คบกันน่ะเหรอครับ”



“คือกู...” ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผาก “มึงมั่นใจแล้วเหรอเรื่องของเรา...”



“ผมไม่ได้คบพี่เล่นๆ นะครับ”



“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น กูหมายถึง...กูเป็นผู้ชายนะ แล้วมึงก็...”



“เราคบกันมาสักพักแล้วนะครับ”



“ก็ใช่...ขอโทษนะโซลแต่ตอนนี้กูพยายามถามตัวเองอยู่ว่าสิ่งที่เราทำมันถูกต้องหรือเปล่า”



“มันมีตรงไหนที่ผิดเหรอครับ”



“..ไม่มี..แต่...”



“ถ้าคำตอบพี่คือไม่มีแล้วยังมีอะไรที่พี่ข้องใจอีก”



“กูเคยคิดว่ามันไม่ผิดนะ แต่คนอื่น...”



“นี่มันเรื่องของเราสองคนไม่ใช่หรือไง”



“แต่ไม่ได้มีเราแค่สองคนบนโลกนี้นะโซล! ป๊าม้ากูรู้จะเป็นยังไง! กูไม่อยากให้พวกเขาเสียใจ ไม่อยากให้พวกเขาขายหน้า!”



คนตรงหน้านิ่งไป ผมไม่สนใจน้ำตาที่นองเต็มหน้า นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราทะเลาะกันแรงขนาดนี้...และจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน



“..รู้ไหมว่าผมจะดีใจมากถ้ามันเป็นแค่การเซอร์ไพรส์”



ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน...แต่มันไม่ใช่



“กูขอโทษ”



“…”



“..เราอย่าเจอกันอีกเลยได้ไหม”



เงียบไปเพียงอึดใจ “...ได้สิครับ”



“…”



“ถ้ามันคือความต้องการของพี่”



...น้ำเสียงมันอ่อนแรงเหลือเกิน...



“..ฮึก..”



“แต่ผมอยากให้พี่รู้...”



“…”



“ผมรักพี่”



“…”



“ต่อให้พี่เป็นเพศอะไรก็ได้ในโลกนี้ผมก็รักพี่...เพราะผมรักพี่”



“…”



“ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดผม ก็ทำให้ผมเลิกรักพี่ไม่ได้”



“…”



“เข้าบ้านเถอะครับ มันดึกแล้ว”



ในตอนที่น้ำตาคนตรงหน้ากำลังไหลลงมา...



ในอกบีบรัดจนรวดร้าวไปหมด อยากเข้าไปโอบกอดมันเอาไว้แต่ตัวกลับไม่ขยับ หัวสมองหนักอึ้งด้วยร้อยพันความคิดแต่กลับคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว



นี่ผม...กำลังทำอะไรอยู่



ไม่สิ...นี่ผม...ทำอะไรลงไป



เหมือนกับความสุขเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเป็นเพียงฝันกลางวัน ที่ได้จมดิ่งไปเพียงชั่วคราวแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับโลกแห่งความจริง



ทุกอย่างที่เราร่วมสร้างกันมาพังครืนลงมาในพริบตาเดียว...ด้วยน้ำมือของผมเอง



ผมมันแย่...แย่มากจริงๆ



--------------------------

มีคนถามว่าม่าไหม ...มันก็ม่านะคะ...แต่เฮียคัทไม่ได้พาม่าเท่านั้นเอง....

ชีวิตจะมีแต่รสหวานไม่ได้หรอกนะซีน . _ .

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2017 21:26:55 โดย zongpei96 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด