ต่อ......มาร์ชหยิบโทรศัพท์ที่สั่นจากสายเรียกเข้าของเจมส์ขึ้นมามองแล้วกดทิ้งไป เมื่อหาคำพูดอื่นใดต่อไม่ได้ ทั้งสองคนแนบอิงชิดกันบนเตียงกับความเงียบ เสียงสะอื้นไห้เบาลงจนไม่ได้ยินมันอีก ร่างกายอุ่นสบายปะทะอากาศเย็นฉ่ำทำให้เผลอใจ โอมห้ามตัวเองไว้หลายครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตักตวงไปบนผิวกายเนียนละเอียด สัมผัสบีบเค้นจนหนำใจชาย มาร์ชสังเกต และจดจำ เขากำลังเรียนรู้ที่จะใช้มัน
“พี่...ผมหิวจัง” ส่งเสียงออดอ้อนเกินปกติ เหมือนคนอยากถูกตามใจ
“เหรอ? อยากกินอะไรล่ะครับ?”
“ไม่รู้สิครับ พี่ล่ะ”
“ถ้าบอกว่าอยากกินมาร์ช.....จะให้พี่กินป่ะ?” โอมแหย่ สองมือจี้เล่นเข้าไปที่เอว มาร์ชดิ้นขลุกอยู่ในวงแขนกว้าง หัวเราะคิกคักแทบขาดใจ “พี่! ฮ่าๆๆ โอ้ยย! พอแล้ว!”
“นั่นไง ยิ้มแล้ว”
“ขี้โกงนี่!”
“แต่ก็ยิ้มมั้ยล่ะ ไม่ชอบเห็นมาร์ชซึมเลย ไม่เอาไม่ร้องนะครับ” รุ่นพี่ฝากจุมพิศเบาๆไว้บนหน้าผาก มันช่วยให้จิตใจที่เบาหวิวทรงตัวขึ้นมาได้บ้าง “โดนใครว่าใช่ไหมเนี่ย?”
“ทะเลาะกับที่บ้านมา นิดหน่อยครับ”
“ไม่นิดหน่อยละมั้งเนี่ย หื้ม.....ดูซิ หน้าช้ำไปหมดแล้ว” โอมจับจ้องไปที่ดวงตาพราวฉ่ำ ปาดน้ำตาออกเบาๆ ก่อนจะซับไปที่รอยแผลเล็กๆบนหน้า นึกโทษตัวเองที่ปล่อยให้วุฒิชัยหนักมือ ตัวเขาเองดูตั้งแต่แรกก็รู้แล้วว่าเด็กนี่ไม่ได้ตั้งใจ
“เดี๋ยวพี่ลงไปซื้ออะไรให้กินนะ อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านที่ข้างนอกล่ะ บางทีไอ้วุฒิก็อยู่แถวนี้” โอมเตือนด้วยความหวังดี ก่อนจะลุกออกไปข้างนอก เหลือแต่มาร์ชนอนเหม่อลอยแน่นิ่ง รอยช้ำเบาหวิวในใจกลับมาทำงานอีกครั้ง กลัว ไม่เข้าใจว่ากลัวอะไร รู้สึกว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มันดำดิ่ง จมลึกเข้าไปในมหาสมุทรของความคิด ซึ่งเต็มไปด้วยคำพูด และใบหน้าของคนๆเดียว ซ้ำไปซ้ำมา ตอกย้ำเข้าไปถึงความน่าสมเพชของตัวเขาเอง ที่ต้องวิ่งกลับมาซับน้ำตากับคนที่เพิ่งจะปฏิเสธไป มันคือสิ่งที่เขาเป็นละมั้ง แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่า คนใจง่าย
มาร์ชตัดสินใจส่งข้อความไปหาแม่ ว่าจะนอนค้างที่บ้านเจมส์ เพราะแค่นึกว่าจะต้องกลับบ้านไปพบกับชนินท์ ก็ชวนให้ท้อแท้เสียจนไม่มีแรงจะใช้ชีวิตต่อไป แล้วจึงส่งข้อความไปหาเจมส์สั้นๆแค่ว่า
‘วันนี้กูแอบออกมาข้างนอก อย่ารับเบอร์แม่กูนะ’
ถ้าเป็นในสภาวะจิตใจปกติ เขาคงไม่กล้าโกหกสารพัดสารเพได้จนสุดทางขนาดวันนี้ มาร์ชไม่เคยตกอยู่ในสภาพเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากมาก่อน นั่นทำให้เขาเรียนรู้ได้มากทีเดียว ว่าแม้แต่ตัวเขาเอง ยังทำให้ตัวเองประหลาดใจได้เสมอๆ
โอมกลับขึ้นมาพร้อมกับถุงกับข้าวเต็มไม้เต็มมือ ทั้งสองคนทานอาหารเย็นร่วมกัน ถึงแม้จะมีความสุขกับคนตรงหน้ามากเพียงไหน โอมก็อดรู้สึกได้ถึงความนอกคอกผิดหูผิดตาจากคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี ภายใต้แววตาไร้เดียงสาที่เขาสบประมาทไว้ตั้งแต่แรกเห็นนั้น ยังทำให้เขาประหลาดใจได้ยันวันนี้ ในท้ายที่สุด รุ่นพี่ยอมรับกับตัวเองสักที ว่าเขาเดาใจมาร์ชไม่ออกอีกแล้วเลย
“ผมนอนค้างที่นี่ได้ไหมครับ?” รุ่นน้องเอ่ยปาก
“ได้สิ.....ว่าแต่ พรุ่งนี้จะไปเรียนยังไงล่ะ เอาชุดมาด้วยเหรอ?”
“ไม่ได้เอามา ผมอยากหยุดเรียนซักวันสองวัน”
“อยู่แต่ในนี้เบื่อตายเลย ไว้พี่จะรีบกลับมาหานะครับ”
หัวใจของรุ่นพี่พองโต ถึงแม้เขาจะสงสารปนยำเกรงเล็กๆ แต่ความปรารถนาของเขาร้อนแรงกว่านั้น ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อน เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือหั่นชิ้นเนื้อตรงหน้า โอมพบว่า มันสนุกยิ่งกว่าเสียอีก ที่จะค่อยๆละเลียดมันไปทีละนิด เหมือนกับการแก้ไขปริศนา ก่อนที่จะได้รับของรางวัลที่อยู่ข้างใน
...............
...............
...............
...............
ก้องภพนอนไม่หลับ จะเป็นเพราะอะไรไปได้นอกจากภาพในหัวที่ฉายซ้ำวนเวียน เด็กนักเรียนเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ที่ร้องขอความรัก จากสิ่งที่ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้ไปก่อร่างสร้างไว้ในใจโดยไม่รู้ตัว เขาทำมันลงไปอย่างเลือดเย็น เหมือนฆ่าคนทั้งเป็น สับเด็กนั่นเป็นชิ้นๆด้วยมือเขาเอง คำพูดร้ายกาจเหล่านั้นคงจะฝังอยู่ในใจมาร์ชไปชั่วชีวิต นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้อาจารย์หนุ่มไม่สบายใจ สิ่งสำคัญที่เขากลัวที่สุด คือตั้งแต่เกิดความสัมพันธ์อันผิดบาปนี้ขึ้นมา นอกจากลูกสาว และเด็กนักเรียนนั่นแล้ว เขาแทบจะไม่ได้นึกถึงผู้เป็นภรรยาอีกเลย....
โรงเรียนก็เหมือนทุกวัน ก้องภพทักทาย ’ฐานทัต’ ในฐานะที่เป็นทั้งเจ้านาย และเพื่อนสนิทของพ่อ ก่อนจะเข้าไปในห้องพักครูเดิม ที่ถูกจัดวางของบางอย่างเสียใหม่ เพื่อไม่ให้มันเตือนใจไปถึงวันนั้นจนเกินไป อาจารย์หนุ่มทักทายนักกีฬารุ่นเยาว์ที่พร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่บนสนาม เขาห้ามตัวเองแล้ว แต่ยังอดใจไม่ไหวที่จะสังเกตุว่า มีใครบางคนหายไป ใครบางคนที่มีความหมายอย่างมากเสียด้วย
“ไอ้โอมอยู่ไหนวะ?” เขาถามเด็กๆ ต่างคนต่างทำท่าไม่รู้ไม่เห็น
ครูพละก้าวเท้ายาวๆ พาตัวเองมาถึงหอพักใน มันคงจะกระโตกกระตากเกินไปถ้าหากเขาบุกเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ก้องภพยืนรอคอยเวลาอันสมควร อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาซ้อมตามปกติ ในที่สุดประตูห้องที่เขาคาดหวังไว้ก็เปิดออกมาจนได้ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่านั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองยังยืนอยู่ จ้องมองไปที่เดิม แล้วก็ได้เห็น
มาร์ชที่เปิดประตูตามออกมาด้วยชุดไปรเวท เด็กชายลุกลิ้ลุกลนส่งอะไรบางอย่างให้กับรุ่นพี่ ทั้งสองคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ก้องภพรู้จักเด็กคนนี้ดีไม่แพ้เพื่อนๆ โอม ชัยสิทธ์ กับเด็กๆไม่ซ้ำหน้ากันที่วนเข้าออกห้องพักส่วนตัวของเขา ทั้งชายและหญิง วุฒิชัยที่เขาร่ำลือกันน่ะหรือ มีแต่ภาพเท่านั้นแหละ คนเงียบๆนี่ต่างหากล่ะที่กำลังลงมือทำ
“พี่จะรีบกลับมาหานะครับ” โอมหอมแก้มมาร์ชเข้าฟอดใหญ่
เด็กชายยิ้มเขินอาย ผลุบกลับเข้าไปในห้อง ก้องภพมองเห็นทั้งหมดนั่น เขากำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั่นเคยเป็นของเขาไม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างกายนั้นก็เช่นกัน เพิ่งจะผ่านครั้งแรกไปไม่ใช่หรือยังไง แค่นี้ก็ใจแตกกระเจิงเสียแล้ว วัยรุ่นนี่มันเปราะบางเสียจริงนะ….
...............
...............
...............
...............
หลายวันล่วงเลยไปกับการใช้ชีวิตเหมือนคนมีแฟน มาร์ชเริ่มที่จะปรับตัวกับมันได้อีกครั้ง เขายังไม่ยอมมีอะไรกับรุ่นพี่เป็นเรื่องเป็นราว เพราะในใจก็ยังไม่ลืมอาจารย์ก้อง ทุกวิชาพละดูจะทรมานมากกว่าปกติ ก้องภพเลิกใช้วิธีหลบลี้หนีหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสองคนเป็นเหมือนอาจารย์กับนักเรียนทั่วไปที่เย็นชาต่อกันผิดปกติ เขามั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่ครูพละเข้มงวดขึ้นผิดหูผิดตา
“ณิชพน! ลูกเมื่อกี้ไม่ได้เรื่องเลย โยนใหม่”
“ณิชพน! ผิดท่าแล้ว ไปสอบใหม่”
“ณิชพน! ช่วงเย็นมาพบอาจารย์ด้วยนะ คะแนนไม่ดีเลย”
“มึงไหวเปล่าวะ? มาเดี๋ยวกูช่วย” เจมส์ถามเมื่อเห็นมาร์ชยกมือก่ายหน้าผาก
“ไม่เป็นไร มึงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอยู่คุยกับอาจารย์ด้วย”
เจมส์ยอมกลับขึ้นห้องไปกับเพื่อนๆแต่โดยดี มาร์ชยังโดนกลุ่มเพื่อนๆแซวไล่หลังมาด้วยความเอ็นดูว่าเล่นกีฬาไม่ได้เรื่อง เด็กชายทำเป็นไม่สนใจแล้วรีบจัดการกับลูกบาสที่กองเกลื่อนกลาด กว่าจะเสร็จหมดก็ไม่เหลือใครอยู่แถวนั้น มาร์ชเดินเข้าไปในห้องพักครูเพื่อถามหากุญแจห้องเก็บของ เขาภพกับครูพละที่นั่งรอคอยอยู่คนเดียว
“อาจารย์ครับ....ผมขอ....” ยังไม่ทันได้จบประโยค ก้องภพเดินเลยเขาไป ล็อคประตู และรูดมู่ลี่ให้ปิดลง คุ้นตาจริงๆ
“ขออะไร?”
“อ่า....ผมมาเอากุญแจ”
“กลับไปคืนดีกับแฟนแล้วเหรอ?” ก้องภพไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด
“อะ...อาจารย์รู้?”
“แว๊บเข้าออกหอพักนักกีฬา คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ?” ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้ามาไกล้ เขาดู ร้อนรน ผิดวิสัย
“แล้ว.....” มาร์ชรวบรวมความกล้า เขาเองก็ร้อนรนไม่แพ้กันหรอก “มันเกี่ยวกับอาจารย์ตรงไหนเหรอครับ?”
“พูดได้ดีนี่.....ฉันช่วยเธอจากมันนะ นี่เธอตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ”
“อาจารย์ไม่น่าช่วยผมเลย......ไม่น่าเข้ามายุ่งแต่แรกด้วยซ้ำ....” เด็กนักเรียนก้อมหน้าพูด อาจารย์ก้องสะกิดจุดอ่อนไหวในใจเขาได้ทุกทีไม่ว่าจะทำอะไร
“อะไรนะ?”
“ปล่อยผมไปตามทางก็ดีอยู่แล้ว......”
“ปล่อยให้เธอโดนมันข่มขืนเนี่ยนะ? จะบ้าเหรอ!”
“ยังดีกว่ามาโดนอาจารย์ไหมล่ะ!”
ผู้ใหญ่นิ่งอึ้ง
“อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ทิ้งผมก็แล้วกัน” ไม่อยากจะเชื่อว่าต้องกลับมาคุยเรื่องนี้อีกครั้ง ที่เดิม แบบเดิม แค่คิดถึงรอบดวงตาก็ร้อนผ่าว
“อย่าทำให้ฉันตบะแตกนะมาร์ช” ท่าทีของเขาอ่อนลง
“ผมทำไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ......ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน” เด็กชายตัดพ้อ “....สำหรับอาจารย์”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าร้องไห้” ก้องภพห้าม ใจของเขาสั่นทุกทีที่เห็นน้ำตาบนกรอบหน้านั้น “ฉันเตือนเธอแล้วนะ”
“อีกแล้วดิ! ทุกอย่างแม่งเป็นที่ผมอีกแล้ว!” มาร์ชลั่นออกมาเสียงดัง พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมาร์ข...”
“ฮืออ.....ฮึก.....สั่งอยู่นั่นแหละ! พูดดีๆไม่เป็นเหรอ!”
เอาอีกแล้ว เขากลับมาติดอยู่ในวังวนนี้อีกจนได้ จะว่าไป เขายังไม่เคยออกไปจากเขาวงกตที่ชื่อ ‘ณิชพน’ ได้เลยต่างหาก ตั้งแต่ไปยืนด้อมๆมองๆแถวหอพัก ไหนจะรู้ไปถึงว่าสองคนนี้แอบเจอกันที่ไหน แถมยังอดใจไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งเด็กคนหนึ่งเป็นครั้งคราว ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ชายหนุ่มแย่งยื้อกับความรู้สึกตัวเองมานาน มาร์ชทำให้เขาสับสนว้าวุ่นจนเสียผู้ใหญ่ เหมือนถูกย้อนเวลากลับไปใช้สมองตัวเองครั้งยังเป็นวัยรุ่น มันไร้เหตุผล สับสน ว้าวุ่น และบ้าบิ่นเสียเหลือเกิน
“อะ...อาจารย์....ทำดีๆ..กะ...กับผม....แบบ...มะ...เมื่อก่อน ...ไม่ได้เหรอ”
หัวใจอาจารย์ไหววูบ
“มาร์ช....มานี่มา” ปากบอกให้อีกฝ่ายมา แต่ตัวเองเป็นฝ่ายเดินเข้าไป สวมกอดร่างกายที่เหมือนจะยืนไม่อยู่
“ฮึก....ผม..”
“ไม่ต้องพูดแล้ว....”
“ขะ...ขอบคุณนะครับ..” มาร์ชปาดน้ำตาลงไปบนเสื้อไนล่อน “ผมต้องการ..ฮึก...แค่นี้แหละ”
“แต่ฉันต้องการมากกว่านี้....”
เด็กนักเรียนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดสะกิดใจ และมันไม่ใช่แค่พูดหยอกเล่น เมื่อครูพละเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักเรียนด้วยมือข้างเดียว ริมฝีปากจาบจ้วงอยู่ที่ผิวเนื้ออ่อนไหวรอบต้นคอ กลิ่นกายของชายหนุ่มที่โตเต็มวัยหลังเล่นกีฬาเสร็จใหม่ๆกระชากอารมณ์ของเด็กชายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง มันกลับมาแล้วสินะ ความรู้สึกนั้น ที่ถูกกักขังไว้เพียงไม่กี่วัน
“ผะ....ผมก็เหมือนกัน...”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
talk; ไกล้กันไมไ่ด้เลยนะ สปาร์คตลอดเวลา ยอมรับความจริงได้แล้วววว