【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35  (อ่าน 231016 ครั้ง)

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1. ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3. การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4. ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกัน

5. ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8. Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9. คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11. บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

12. ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13. ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14. ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16. นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17. ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


---------------------------------------------------------------------------------

【 ♕ Elven Almanac ♕ 】 ภาค ♰ ราชันพันธนาการ 【♰ BL High Fantasy ♰】

นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน
ภาค 1 ราชันพันธนาการ (ลงจบแล้ว)
ภาค 2 ราชินีอัปลักษณ์ Coming Soon!
ภาคนี้เป็นแนวชาย-หญิง จึงไม่นำมาลงในเล้า เนื้อหาเป็นเรื่องราวในอดีตก่อนเริ่มภาค 1
ท่านสามารถละไว้ไม่อ่านได้ (แต่คนเขียนอยากให้ลองอ่านนะคะ)
และสำหรับท่านที่สนใจ จะมี Link ให้อ่านต่อจนจบในอนาคตค่ะ

ภาค 3 สงครามสามแผ่นดิน Coming Soon!
ภาคนี้เป็นแนวชาย-ชาย เนื้อหาต่อจากภาค 1 จะนำมาลงในเล้าจนจบในอนาคตเช่นกันค่ะ

TBL-548-828
สั่งซื้อหนังสือภาค 1

สำหรับท่านที่ต้องการสะสมหนังสือภาค 1 เป็นรูปเล่ม พร้อมอ่านตอนพิเศษกว่า 150 หน้า
กรุณาอ่านรายละเอียด
>>ที่นี่ คลิก <<

ปกนิยายโดย Enfer De Hell © ILLREI 2017
เล่ม 1 ปกโคลด์

เล่ม 2 ปกซิกฟรีด (จบ)


---------------------------------------------------------------

“สิ่งที่ข้าต้องการ คือตัวเจ้า”

ราชาแห่งเอลฟ์กล่าวกับนักฆ่าดาร์กเอลฟ์เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง
สองเผ่าพันธุ์เกลียดชังกันตั้งแต่บรรพบุรุษ
เอลฟ์เป็นนาย ดาร์กเอลฟ์เป็นทาส
ทว่าชะตากรรมเล่นตลก ราชากับนักฆ่าผูกพันกันลึกซึ้งเกินกว่าใครจะคาด
ความรักในวัยเยาว์และความสัมพันธ์ของนายกับทาสดำเนินมาถึงสิบปี
กระทั่งวันหนึ่ง ดาร์กเอลฟ์เอ่ยปากว่า
‘ข้าจะไปตามหาคนรัก’
เจ้าชายเอลฟ์จึงยอมปล่อยตัวทาสดาร์กเอลฟ์ไป
แต่ไม่เคยลืมความรักและการถูกทรยศหัวใจ!

--------------------------------------------

ความเร้าใจ (?) ของเรื่องนี้คือเป็น Boy Love ผสม Normal Love
(ไม่มีรักสามเส้าแบบ 1 หญิง 2 ชาย หรือ 1 ชาย 2 หญิง
มีแค่คู่ชาย-ชาย กับหญิง-ชาย และจิ้นยูริได้ *0*)
สัดส่วน BL จะมากกว่า แต่ NL ก็แซ่บและเด็ดไม่แพ้กันค่า!

--------------------------------------------
I L L R E I © 2016-2018
--------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2018 17:31:31 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทนำ : แรกพบหน้า

เสียงหมาป่าเห่าขรมทำลายความเงียบสงัดยามราตรี เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มดาร์กเอลฟ์ ร่างผอมบางผิวสีม่วงอมเทาชะงัก เป็นเรื่องปกติที่ฝูงหมาป่ามักมาแย่งกันกินซากศพนอกค่ายพักแรมผู้อพยพ

คืนนี้โคลด์นอนไม่หลับ จึงลอบออกมาด้านนอกกำแพงป้อม นั่งมองเทพีจันทร์แขวนอยู่กลางท้องฟ้า เขาไม่เกรงความผิดหากถูกจับได้ว่าลอบออกมา อย่างไรทหารเอลฟ์ก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าดาร์กเอลฟ์จะอยู่หรือตาย หายไปหรือโดนหมาป่ากิน

คราแรกโคลด์ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับพวกหมาป่า ทว่าประสาทหูฉับไวกลับได้ยินเสียงเด็กแทรกมากับเสียงเห่า เขาลุกขึ้น เดาว่ามีเด็กชาวดาร์กเอลฟ์แอบออกมาข้างนอกแบบตน

ช่วยหรือไม่ช่วยดี...

โคลด์คิด ก่อนตัดสินใจคว้าคบไฟจากกำแพงติดมือมาอันหนึ่ง เขาวิ่งไปทางต้นเสียง สรุปในใจว่าชั่วดีอย่างไรก็ช่วยๆ เด็กมันไปเถอะ ถือว่าเป็นดาร์กเอลฟ์เหมือนกัน

ทว่าสิ่งที่โคลด์ได้พบกลับเกินความคาดหมายไปไกลลิบ

เด็กคนนั้นเป็นชาวเอลฟ์ อายุประมาณแปดเก้าขวบ กำลังถูกฝูงหมาป่าต้อนเข้ากำแพง เด็กน้อยตัวสั่น แต่แววตาสู้ เขากำลังพูดภาษาอื่น ซึ่งไม่ใช่ทั้งภาษาเอลฟ์และดาร์กเอลฟ์

หมาป่าแยกเขี้ยว น้ำลายย้อย เด็กชาวเอลฟ์พยายามถอยให้ชิดกำแพงที่สุด เหมือนอยากฝังตัวลงในกำแพงเพื่อหนีฝูงหมาป่า

“ไป! ข้าสั่ง!” คราวนี้เป็นภาษาเอลฟ์ เสียงเล็กๆ ผยอง แม้ว่าตัวจะสั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ “ไปซะ!”

“ไป!” โคลด์ตะโกนแทรก เขากระโดดฝ่าเข้ามาจากด้านหลังฝูงหมาป่า เผาหางและขนเหม็นสาบของพวกมันด้วยไฟจากคบไฟ พอฝ่าเข้าไปได้ก็กดหัวเล็กๆ ของเด็กชาวเอลฟ์ให้หมอบหลังตัวเอง “ไล่เฉยๆ มันไม่ไปหรอก ต้องนี่!” โคลด์วาดคบไฟใส่หน้าบรรดาหมาป่าที่แยกเขี้ยวขู่แฮ่ๆ “เอาสิ กล้าเข้ามาจะเผาให้ตาบอด!” โคลด์ตะคอกหมาป่า “ไป๊!”

“เผาเลยสิ! เจ้าดาร์กเอลฟ์!” เด็กน้อยตะโกนสั่ง “ฆ่ามัน!” เขากำชายเสื้อของผู้มาช่วยเหลือแน่น

“หุบปาก หมอบไปเฉยๆ ไอ้เด็กเอลฟ์!” โคลด์ยิ่งกดหัวเด็กชาวเอลฟ์แรงขึ้น อีกมือก็แหย่คบไฟเผาหน้าหมาป่าตัวหนึ่งที่กระโจนเข้ามา เด็กหนุ่มดาร์กเอลฟ์ใช้ทั้งไฟและเสียงขู่ตะคอกไล่พวกมันโดยไร้ความกลัวเกรง เสียงนั้นข่มขวัญ ไฟร้อนฉ่า พวกหมาป่ากลัวไฟ เหยื่อตัวใหม่ก็ไม่ยอมถูกล่า พวกมันถอยหนีไปเมื่อถูกไฟเผาจนร้องเอ๋งกันถ้วนหน้า

เด็กน้อยมุดหลังโคลด์ น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความโล่งใจที่บิดาแห่งความตายพลาดโอกาสเก็บวิญญาณของตน เขาพูดงุบงิบฟังไม่ได้ศัพท์อยู่ด้านหลัง คล้ายๆ จะบอกว่า “ขอบใจ…”

พอโคลด์หันมาได้เห็นเต็มตา ก็พบว่าเด็กชาวเอลฟ์แต่งกายแบบขุนนางชั้นสูง ผมสีทองสว่างยิ่งกว่าแสงของเทพีจันทร์ ดวงตาฉ่ำเป็นสีแปลกคล้ายแร่เงินในเบ้าหลอมสีส้มแดงร้อนจัด

“ลูกคุณหนูขุนนางที่ไหนมาทำอะไรแถวนี้” โคลด์อุ้มร่างเบาหวิวแบกพาดบ่า อีกมือถือคบไฟ เดินเลียบกำแพงกลับประตูป้อมที่ใกล้ที่สุด

“เสียมารยาท อุ้มข้าดีๆ เดี๋ยวนี้!” เด็กน้อยร้องโวยวาย “ข้าคือซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์!”

“ไม่รู้จัก ไม่ตายก็บุญแล้ว ยังจะบ่น ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเด็กนะ ไม่ช่วยหรอก” โคลด์โยนเอลฟ์คุณหนูลงหน้าประตูป้อม ทุบประตูไม้ปึงๆ เพื่อเรียกทหารยามมา

“ข้าเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ เจ้าดาร์กเอลฟ์!” เด็กน้อยนามซิกฟรีดกระทืบเท้า “เจ้าเป็นแบบที่พี่ริวอร์นอร์พูดไม่มีผิด”

“ไปบอกหมาป่าไป๊! มันคงฟังเจ้าหรอก” พอได้ยินเสียงทหารยามใกล้เข้ามา โคลด์ก็ยัดคบไฟใส่มือเล็กๆ “เอ้า ถือไว้ เดี๋ยวก็มีคนมารับแล้ว อย่าบอกว่าเจอข้าล่ะ”

ชั่วขณะที่มือแตะกัน เด็กน้อยสะดุ้ง ตาดำเหลือกกลับขึ้นไปซ่อนในเปลือกตา ปากเล็กๆ พูดภาษาเก่าแก่คล้ายร่ายเวท ใบหน้าแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า

เจ้าชายพระองค์เล็กแห่งราชวงศ์รูเมเรียร์ล้มลงกับพื้น สรรพเสียงดังอย่างไร้ที่มา ทั้งเสียงหมาป่าหอน เสียงนกสับสน เสียงสัตว์กลางคืนระเบ็งแข่งกัน ลมโหมแรงเหมือนพายุ แม้แต่ภูตผียังลุกขึ้นมากรีดร้องก้องไปทั่ว

แต่เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็สงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โคลด์มองเด็กที่จู่ๆ ก็ล้มสลบไปแบบงงๆ ไหนจะเหตุประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น คบไฟร่วงจากมือเล็กๆ มากลิ้งอยู่บนพื้น เสียงทหารยามอยู่อีกฝั่ง กำลังเลื่อนเปิดกลอนประตู

เด็กหนุ่มชั่งใจ เขาจะโดนหาว่าทำร้ายไอ้เด็กเอลฟ์นี่หรือเปล่า...ถ้ามันเป็นลูกขุนนางจริงก็ยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่

โคลด์ตัดสินใจหนีไปหลบหลังต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แอบดูจนประตูป้อมเปิดออก ทหารเอลฟ์พบไอ้เด็กผิวเผือกแล้ว ท่าทางตกใจสุดขีด ร้องตะโกนวุ่นวาย รีบอุ้มมันเข้าไปข้างใน

เห็นดังนั้นโคลด์ก็โล่งใจ เขารอจนคบไฟบนพื้นดับไปเอง ให้บรรยากาศนอกป้อมมืดและเงียบลงอีกครั้ง จึงค่อยออกจากที่ซ่อน กลับที่พักของตน

นั่นคือการพบกันครั้งแรกระหว่างโคลด์กับซิกฟรีด

--------------------------------------------------

ปูมบันทึกตำนานแห่งเอลฟ์

นานมาแล้ว ยังมีบิดาและมารดาแห่งนภา ครองคู่กันอย่างมีความสุข ทว่าชีวิตคู่อันยาวนานช่างเงียบเหงา พวกท่านจึงให้กำเนิดบุตรเพื่อทำให้ชีวิตคู่สดชื่นขึ้น

บุตรคนแรกคือพระอาทิตย์

เมื่อบิดาแห่งนภาอุ้มชูพระอาทิตย์ แสงสว่างก็สาดไปทั่วผืนฟ้า ทำให้เห็นว่ามีดาวดวงหนึ่งแอบอยู่ในห้วงจักรวาลไพศาลที่เคยมืดมิด ดาวดวงนั้นมีสีสันสวยงาม เรืองรองเป็นสีเขียวและฟ้า

บิดาแห่งนภาได้พบสหายคนใหม่—บิดาแห่งธรณี ณ ที่นั่น

“นี่คือ ‘โลก’ ” บิดาแห่งธรณีกล่าว แนะนำว่าโลกคือบุตรของท่านที่เกิดกับมารดาแห่งนที (แม่น้ำ)

บิดาแห่งนภานำข่าวกลับมาเล่าให้ภริยาฟัง ขณะนั้นมารดาแห่งสมุทร (มหาสมุทร) ผู้เป็นน้องสาวของมารดาแห่งนภาก็อยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งสามจึงชวนกันมาเยี่ยมชมโลก

โลกจึงมีท้องฟ้า พระอาทิตย์ และมหาสมุทรห้อมล้อมอยู่เบื้องบน

ต่อมาบิดาและมารดาแห่งนภาให้กำเนิดจันทร์—ธิดาผู้ให้แสงสว่างนวลตาแก่โลก ยามกลางวัน บิดานภาจะอุ้มบุตรพระอาทิตย์ ตกกลางคืน มารดานภาจะอุ้มธิดาจันทร์

โลกอาบแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ คอยเลี้ยงดูต้นไม้และสัตว์ป่า เหล่าพี่น้องที่กำเนิดจากบิดาธรณีและมารดานทีอย่างมีความสุข

กระทั่งโลกสังเกตว่ามีดวงจันทร์แขวนอยู่บนฟ้าสองดวงพร้อมกัน

โลกกระซิบถามมารดานที มารดานทีกระซิบถามมารดานภา มารดานภาเค้นความจริงเอากับสามีจนได้คำตอบ

‘จันทร์ดวงที่สองเป็นธิดานอกสมรสซึ่งเกิดแก่บิดานภากับมารดาสมุทร’

มารดานภาเสียพระทัย แต่ไม่อาจตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เพราะมารดาสมุทรก็เป็นน้องสาวสุดที่รักของท่าน ช่วงนั้นโลกได้รับผลกระทบวิปริต เดี๋ยวมีดวงจันทร์ บ้างไม่มี บางครั้งขึ้นสองดวงพร้อมกัน ทำให้ท้องฟ้าและผืนน้ำระส่ำระสาย แผ่นดินเอียงวูบ เดือดร้อนถึงมารดานทีต้องขึ้นมาเจรจา สุดท้าย ทั้งหมดจึงตกลงกันว่าให้มารดาสมุทรลงมาอยู่บนโลก ส่วนธิดาจันทร์ดวงแรกที่เกิดกับมารดานภานั้น ให้พำนักอยู่กับมารดานที—หรือในแม่น้ำ

มารดานทีพามารดาสมุทรลงมายังโลกในรูปแบบของฝน โลกผจญพายุฝนตกหนักรุนแรงติดต่อกันหลายสัปดาห์ ผืนป่าราบเป็นหน้ากลอง รากต้นไม้หลุดจากปฐพี ฝูงสัตว์ป่าถูกมหานทีพัด

เมื่อสายฝนอันมืดฟ้ามัวดินหยุด โลกก็อุ้มรับทะเลไว้ถึงสามในสี่ส่วน

จากนั้นบิดาและมารดาแห่งนภาก็ให้กำเนิดเอลฟ์—เผ่าพันธุ์อันสืบทอดความภาคภูมิใจและเกียรติยศ

ตำนานแห่งความผาสุขเหมือนจะดำเนินไปอย่างเจิดจรัส

ทว่าไม่กี่ปีต่อมา กลับมีอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งถือกำเนิดขึ้นในสถานที่อันอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก นั่นคือดาร์กเอลฟ์—บุตรและธิดาของบิดานภากับมารดาสมุทร

เป็นหลักฐานว่าพี่เขยและน้องภริยายังลักลอบสมรักกัน

ถึงอย่างนั้นดาร์กเอลฟ์ก็ได้รับความรักจากบิดาและมารดาทุกพระองค์ เพราะพวกท่านถือว่าบุตรไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดของผู้ให้กำเนิด...กระทั่งวันหนึ่ง ดาร์กเอลฟ์ทำผิดกฎของสรรพสิ่งอย่างร้ายแรงที่สุด

นั่นคือการคิดค้นเวททมิฬ เล่นแร่แปรธาตุกับผู้วายชนม์ซึ่งพำนักอยู่ในอ้อมกอดของบิดาแห่งธรณี

ความผิดครั้งนี้ทำให้บิดานภาไม่อาจช่วยเหลือ มารดานทีลงโทษด้วยการริบแม่น้ำ บิดาธรณีลงโทษด้วยการริบดินดำอันสมบูรณ์ เมตตาเหลือไว้เพียงสินแร่ใต้พิภพ โลกลงโทษด้วยการให้แผ่นดินไหวและภูเขาไฟ แดนทมิฬจึงแห้งแล้ง ฝนตกนานครั้ง พันธุ์ไม้ที่อยู่รอดส่วนมากเป็นพันธุ์ไม้มีพิษ

ด้วยเหตุนี้ ดาร์กเอลฟ์จึงมักทำสงครามแย่งชิงทรัพยากรจากเอลฟ์ ไม่นับว่าเอลฟ์ต้องเผชิญกับความโกรธาของมารดาสมุทร ทะเลฝั่งดาร์กเอลฟ์อุดมไปด้วยปลาและสัตว์ทะเล ขณะที่ทะเลฝั่งเอลฟ์อุดมไปด้วยคลื่นคลั่งและปะการังมีพิษ

หากถามว่ารากของความผิดอยู่ที่ใด เอลฟ์ไม่อาจกล่าวโทษดาร์กเอลฟ์ได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับมารดานภาไม่อาจกล่าวโทษธิดาจันทร์ดวงที่สอง

แต่เราคิดว่าดาร์กเอลฟ์สมควรยืดอกรับผลแห่งการกระทำของตนอย่างลูกผู้ชาย

เพราะถ้าเป็นเรา เราก็จะทำแบบนั้นโดยไม่บ่นสักคำเดียว

พระราชหัตถเลขาอันงดงามของ
องค์ชายซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์
ในพระชันษาเก้าขวบปี

--------------------------------------------------

ปูมบันทึกตำนานแห่งดาร์กเอลฟ์

เราคือบุตรแห่งรัตติกาล ผู้มีผิวสีม่วงอมเทาดุจสีน้ำทะเลใต้เงาของแสงจันทร์ เรากำเนิดจากบิดานภากับมารดาสมุทร

มารดาผู้ถูกขับไล่เพราะความผิดที่นางมอบความรักให้แก่พี่เขยของตน นอกจากถูกขับไล่จากนภาให้ลงมายังแผ่นดินโลก มารดานภายังสาปให้สีผิวของมารดาสมุทรและลูกหลานของนางเป็นสีราตรีกาล เพื่อประจานความผิดจากการลักลอบสมรัก

หากพวกเจ้าเรียกว่าการเป็น ‘เมียน้อย’ คือความผิดนะ ทั้งที่ข้าว่ามันธรรมดาออกจะตายที่ดาร์กเอลฟ์คนหนึ่งจะมีภริยาได้หลายคน ยิ่งพวกหัวหน้าเผ่าใหญ่ๆ ล้วนมีภริยาทั้งหญิงและชายมากมายเป็นฮาเร็ม

อีกอย่าง คำว่าเมียน้อยอะไรเนี่ยก็เขียนไม่ถูกต้อง เพราะพวกเอลฟ์มักใช้คำเข้าข้างตน

มารดาสมุทรคือ ‘คนรักอีกคนหนึ่ง’ ของบิดานภาต่างหาก มารดานภานั่นแหละที่ขี้หึงผิดปกติ เป็นพี่สาวแท้ๆ ยังจะหวงผู้ชายกับน้องสาวอีก ผู้ชายดีๆ สมควรแบ่งกันใช้สิ ไม่อย่างนั้นจะมีลูกหลานเยอะๆ ได้อย่างไรกัน

เผ่าไหนในดินแดนทมิฬที่ไม่มีลูกหลานเยอะๆ คือพวกไร้น้ำยาไม่ก็พวกปลงตก รอวันโดนเชือดทิ้งเพราะไม่มีกำลังไว้สู้รบ

พูดถึงลูกหลานของบิดานภากับมารดาสมุทร ข้าชอบบุตรีองค์แรกสุด...

นางคือ ‘เทพีจันทร์เซฮาไนน์’

กวีบรรยายว่าผิวของนางงามเหมือนสีดอกไลแลค[1] ริมฝีปากเรืองรองเหมือนกลีบดอกไวลด์บลูฟลอกซ์[2]

นางเป็นเทพีแห่งปัญญา ดวงจันทราผู้ส่องแสงนำทางบุตรและธิดาดาร์กเอลฟ์เหนือราตรีกาลอันมืดมิด

แต่พวกเอลฟ์อีกนั่นแหละที่กล่าวหาว่านางเป็นแค่ธิดานอกสมรส อย่าริอ่านมาเป็นเทพีจันทร์ ให้ละอายแก่ธิดาจันทร์องค์แรกผู้ยอมเสียสละเป็นเพียงเงาสะท้อนบนผืนน้ำ

หึ! อะไรๆ พวกเอลฟ์ก็ว่าพวกเราผิด ว่าพวกเราถูกสาป มีสีผิวดั่งบาป ไม่สมควรเกิดมา ช่างยโสโอหัง ข้าละเกลียดพวกมันจริงๆ

การบ้าน เขียนด้วยลายมือหวัดๆ
วาดรูปดาว ★ แทนชื่อผู้เขียน

--------------------------------------------------

[1] ไลแลค (Lilac) ดอกไม้สีม่วง ขึ้นเป็นช่อ มีหลายเฉดสี
[2] ไวลด์บลูฟลอกซ์ (Wild Blue Fox) ดอกไม้ป่าสีม่วง


A/N สวัสดีค่ะ ฟ้าค่ะ ไม่ได้ลงนิยายใหม่แบบจริงจังมานานแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
เรื่องนี้หลักใหญ่ใจความเขียนเพราะอยากอ่านเอลฟ์กดดาร์กเอลฟ์ค่ะ! /ฮา พบกันพรุ่งนี้ค่ะ ;) จะเข้าบทที่ 1 กันละ
ป.ล. ภาพที่แนบมาคือแผนภูมิเทพเจ้าของเรื่องนี้ค่ะ เผื่อใครอ่านแล้วงงเนอะ


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เดี๋ยวนะ อ่านตอนแรกนึกว่าดาร์กเอล์ฟจะกดเอล์ฟ พออ่านทอล์กแล้ว ฮ๊ะ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
คุณ sirin_chadada @ เราอยากอ่านเอลฟ์นักรบหล่อล่ำกดนักฆ่าดาร์กเอลฟ์ค่ะ เลยเขียนเองเลย แหะๆๆ โดนรีเควสให้ดาร์กเอลฟ์แก่กว่าด้วย U_U /ขอบคุณที่มาเปิดซิงคอมเมนต์แรกของเราในบอร์ดเล้านะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ!

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
นานๆ จะหาเรื่องวายแนวไฮแฟนตาซีอ่านได้อย่างจริงจังสักครั้งหนึ่ง ชอบปกรณัมของการกำเนิดสรรพสิ่งนะคะ น่าสนใจมากๆ มีความเป็นเหตุเป็นผลต่ออุปนิสัยของชาวกาฬภูตเป็นอย่างดี เพราะถูกมองว่าเป็นลูกเมียน้อย ชาวกาฬภูตก็ไม่แปลกเลยที่อาจมองเผ่าอื่นๆ ในมุมที่ต่างออกไป

ซิกฟรีดนี่มีอะไรพิเศษกว่าเอลฟ์โดยทั่วไปหรือเปล่าคะ? ไฉนจึงพูด 'ภาษาอื่น' อันไม่ใช่ภาษาเอลฟ์หรือดาร์กเอลฟ์ได้ ซ้ำยังเหตุการณ์ที่เขาร่ายพระเวทตรงหน้าประตูค่ายนั้นอีก อย่างนี้น่าคิดนะคะว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

ขออนุญาตเกาะขอบกระทู้ ตามลุ้นตามรักนะคะ อิอิ

ขอบคุณมากๆ ค่า ^____^

ป.ล. กดคะแนนตีไข่แตกให้หนึ่งคะแนนนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆ ค่า

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
นานๆ จะหาเรื่องวายแนวไฮแฟนตาซีอ่านได้อย่างจริงจังสักครั้งหนึ่ง ชอบปกรณัมของการกำเนิดสรรพสิ่งนะคะ น่าสนใจมากๆ มีความเป็นเหตุเป็นผลต่ออุปนิสัยของชาวกาฬภูตเป็นอย่างดี เพราะถูกมองว่าเป็นลูกเมียน้อย ชาวกาฬภูตก็ไม่แปลกเลยที่อาจมองเผ่าอื่นๆ ในมุมที่ต่างออกไป

ซิกฟรีดนี่มีอะไรพิเศษกว่าเอลฟ์โดยทั่วไปหรือเปล่าคะ? ไฉนจึงพูด 'ภาษาอื่น' อันไม่ใช่ภาษาเอลฟ์หรือดาร์กเอลฟ์ได้ ซ้ำยังเหตุการณ์ที่เขาร่ายพระเวทตรงหน้าประตูค่ายนั้นอีก อย่างนี้น่าคิดนะคะว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว


คุณ Wordslinger @ ขอบคุณค่ะ ตีไข่แตกให้ด้วย  :mew1: คะแนนแรกเปิดซิงเช่นกัน ช่างสังเกตมากเลยค่ะ เรื่องภาษาอื่นที่ซิกฟรีดพูด มีความหมายในเรื่องค่ะ ความหมายของมันจะค่อยๆ คลี่ออกมาและเฉลยไปตามเนื้อเรื่อง ;) รออ่านนะคะ

คุณ darinsaya @ ขอบคุณที่ให้ความสนใจ แวะเข้ามาคอมเมนต์นะคะ :)

คืนนี้จะลงตอนต่อ อาจค่ำหน่อย แต่ลงแน่นอนค่ะ  :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 16:08:45 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่
แต่พอลองแล้วน่าสนใจมากๆ ครับ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 1 : ถ้ำมังกรศิลา (1-2)

โคลด์ย่องแอบหลังโขดหิน ตอนแรกที่อิลมาเรบอกว่าอย่าไปไกลนัก เขาทำหน้ามึนแล้วเดินออกมา ถ้ำใต้ดินแห่งนี้มีจุดพักแรมดีๆ อยู่ไม่กี่จุด ซึ่งเป็นสถานที่ที่อิลมาเรปักหลัก แต่เขาต้องการทำเงินมากกว่าช่วยแม่ค้าชาวดวอร์ฟเก็บผลึกแร่หายากไปขาย จึงเดินลึกเข้ามาภายในถ้ำ

หากฆ่ามังกรดินสักยี่สิบสามสิบตัว เก็บเขี้ยวของพวกมันไปขาย ถึงจะใช้เวลาเทียวไปเทียวมานานหน่อย เขาก็จะมีเงินจ่ายค่าซ่อมแซมมีดสั้นน้ำแข็ง—อาวุธคู่กายของตน

โคลด์ถนัดใช้อาวุธมีดสั้น เชี่ยวชาญการเร้นกายอย่างเงียบกริบ การลอบฆ่าในระยะประชิด อย่างแทงข้างหลังหรือปาดคอโดยที่เป้าหมายไม่รู้สึกตัวกระทั่งถูกคมมีดของเขาปลิดชีวิต

ใช่แล้ว โคลด์เป็นแอสซาสซิน นักฆ่าดาร์กเอลฟ์เลื่องชื่อผู้มีค่าจ้างสูงลิบลิ่วพอๆ กับที่มีคนต้องการตัว ทั้งต้องการจ้างวาน และต้องการล่าค่าหัว

แล้วเหตุใดนักฆ่าเลื่องชื่อต้องมาฆ่ากิ้งก่าเพื่อหาเงินล่ะ?

จะกล่าวว่าช่วงเวลานี้คือยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองของอาชีพแอสซาสซินในอาณาจักรรูเมเรียร์ก็ไม่ผิดนัก กษัตริย์เอลฟ์องค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ให้องคมนตรีบัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมาสองข้อ

หนึ่ง แอสซาสซินไม่ใช่อาชีพที่ได้รับการยอมรับในแผ่นดินรูเมเรียร์อีกต่อไป

สอง ทาสทุกเผ่าพันธุ์ในรูเมเรียร์จำต้องขึ้นทะเบียน โดยเฉพาะเผ่าดาร์กเอลฟ์ หากพ้นจากการเป็นทาสแล้วยังต้องมารายงานตัวเพื่อขึ้นทะเบียนอีกฉบับ ซึ่งว่าด้วยสิทธิและขอบเขตอาชีพที่ทำได้ในรูเมเรียร์ หากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าผิดกฎหมายแรงงาน และมีผลบังคับให้เนรเทศกลับแผ่นดินของตัวเองทันที

สรุปง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เอลฟ์ ก็อยู่ยากในรูเมเรียร์

โคลด์เป็นทั้งแอสซาสซินและดาร์กเอลฟ์ ส่วนผสมอันลงตัว เหมาะเจาะพอดี

จะให้แอสซาสซินอย่างเขาไปลงทะเบียนหรือ จะให้พินอบพิเทาพวกเอลฟ์หรือ ไม่ว่าทางไหน โคลด์ไม่เห็นประโยชน์ว่าดี

ข้อดีของการมากับอิลมาเรคือ ดวอร์ฟทำการค้าในรูเมเรียร์มานาน เป็นคู่ค้ามากกว่าเป็นทาสอย่างดาร์กเอลฟ์หรือมนุษย์

ซ้ำแม่ค้ายังให้ความสำคัญกับคู่ค้ามากกว่าเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยอื่นๆ ซึ่งเรื่อง 'หยุมหยิมเล็กน้อยอื่นๆ' ในที่นี้ รวมถึงการเมินเฉยต่อคำบัญชาของกษัตริย์องค์ใหม่ทั้งสองข้อ

โคลด์ไม่แน่ใจว่าซิกฟรีดยังจำเขาได้หรือเปล่า

ตอนนี้เขาอายุยี่สิบห้าปี สิบสองปีแรกของชีวิตเขาอยู่ในบ้านเกิด สิบสามปีต่อมาอยู่ในแผ่นดินเอลฟ์ ในช่วงเวลาสิบสามปีนั้นเขาเป็นทาสอยู่สิบปี และได้เป็นไทเมื่อสามปีก่อน อดีตนายทาสของโคลด์ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเจ้าชายซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ ผู้ซึ่ง ณ ปัจจุบันคือกษัตริย์ซิกฟรีด—ราชาผู้ครอบครองรูเมเรียร์

เห็นได้ชัดว่าคงจำไม่ได้ เพราะอย่างน้อยในสมัยที่ซิกฟรีดเกือบโดนหมาป่ากินในสนามรบ ก็ได้โคลด์นี่แหละช่วยจากปากหมาป่า หรือตอนที่ซิกฟรีดยังเป็นเจ้าชายตัวเล็กๆ ก็ได้เขาซึ่งเป็นดาร์กเอลฟ์คอยดูแลรับใช้ โคลด์มั่นใจว่าเขาปฏิบัติต่อซิกฟรีดดีกว่าที่พวกเอลฟ์ปฏิบัติต่อดาร์กเอลฟ์หลายเท่านัก

โคลด์พบเป้าหมายแล้ว...มังกรดินสามตัว กำลังรุมกินหนูตัวโตด้วยท่าทางดุร้ายน่ากลัว

เขาถอนหายใจ ทดท้อใจขึ้นมาอีกครั้ง มีดสั้นของเขาต้องปลิดชีวิตตัวกินหนูงั้นหรือ...ความตกต่ำในอาชีพจริงแท้ เขาคงไม่สามารถบอกใครได้ว่า โคลด์ สตาร์—ดวงดาวเย็นชา—รับจ้างฆ่าด้วยมีดสั้นที่ใช้แงะฟันกิ้งก่าติดเนื้อหนู

โคลด์ยังไม่พร้อมจะใช้มีดสั้นน้ำแข็งแทนไม้จิ้มฟันให้พวกกิ้งก่า เขาลังเลระหว่างศักดิ์ศรีกับการซ่อมมีดสั้นแสนสำคัญเล่มนี้

ตอนนั้นเอง ใบหูแหลมยาวของโคลด์ได้ยินเสียงขบวนม้าย่างใกล้เข้ามา

เขาย่อตัวลง หลบอยู่หลังโขดหินที่เดิม ถึงจะบอกว่าเป็นถ้ำใต้ดิน แต่ก็เป็นถ้ำขนาดมโหฬาร จึงมีที่ให้ขบวนม้าเหลือเฟือ แต่กลุ่มคนที่ขี่ม้าเข้ามาในสถานที่แบบนี้ บอกได้เลยว่ามีให้เดาไม่มากนัก

พวกพ่อค้าหรือนักเก็บแร่จะไม่นำม้าเข้ามาเหยียบแท่งแร่เปราะบางซึ่งขึ้นเป็นกระจุกตามพื้นถ้ำ หรือนักล่าสัตว์ ย่อมไม่เคลื่อนขบวนใหญ่โตให้สัตว์แตกตื่น ทั้งยังไม่น่าจะใช่กองโจรหรือนักเดินทาง เพราะที่นี่ไม่อะไรให้ปล้น และไม่เหมาะแก่การพักแรม

ฟังจากเสียงการเคลื่อนขบวนอันเป็นระเบียบ กลุ่มคนอุกอาจเหล่านี้จึงน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีพื้นฐานอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอยู่สองอย่าง หนึ่งคือร่ำรวย และสองคือหยิ่งยโส

พวก 'เอลฟ์' นั่นเอง

ไม่นาน ขบวนทหารเอลฟ์ก็เคลื่อนมาถึงจุดที่โคลด์แอบซ่อนอยู่จริงๆ ทหารนำขบวนสองนายยิงธนูเข้ากลางหน้าผากมังกรดิน—อดีตเหยื่อของโคลด์—อย่างแม่นยำ

กีบเท้าม้าเตะร่างมังกรดินเหล่านั้นให้พ้นทางอย่างไม่แยแส ไม่ได้ฆ่าเพื่อเงินทองหรือความสนุกสนาน แต่ฆ่าเพราะพวกมันขวางทาง

โคลด์คาดว่าน่าจะมีบุคคลสำคัญมากับขบวนทหารนี้ เพราะหน่วยก้านของทหารนำขบวนถือว่าไม่เลว

อย่างไรก็ดี เขาคือ 'โคลด์ผู้ไร้ร่องรอย' ระดับการแอบซ่อนตัวของเขาจึงสามารถรอดพ้นสายตาของทหารชั้นดีเหล่านั้นไปได้

โคลด์คิดว่าโชคในวันนี้ของเขาหมดเพียงเท่านี้ เขาจะรอให้ขบวนทหารเอลฟ์เคลื่อนผ่านไปก่อน จากนั้นก็กลับไปหาอิลมาเร บอกให้เลิกเก็บแร่แล้วขนของกลับบ้านเถอะ ถึงเธอจะคัดค้านและฉุนเฉียวไปบ้าง เขาก็มีแผนจะหิ้วเธอกลับโดยไม่ให้โต้แย้งอยู่ดี

ทหารเอลฟ์เข้ามาทำอะไรในที่แบบนี้...โคลด์อยากทราบเหมือนกัน...แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าพอทราบ เพราะเขามีเป้าหมายอื่นนอกจากเก็บแร่กับล่ามังกรดินเช่นกัน แต่ไม่ว่าเป้าหมายของเขากับทหารเอลฟ์จะเหมือนกันหรือไม่ อิลมาเรก็ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ควรให้เด็กสาวตัวเตี้ยมู่ทู่อย่างเธอต้องเสี่ยงอันตราย

ทว่า โชคของโคลด์ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้

อิลมาเรเดินตามทหารนำขบวนมาด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก บนหลังแบกเป้ใบมหึมาขนาดเท่าตัวเธอ

สรุปว่าโคลด์ไม่อาจออกไปให้ทหารเห็น แต่ก็ไม่อาจทิ้งอิลมาเร

และโชคของเขายังขยายออกไปอีก

เขาเห็นธงประจำตัวของบุคคลสำคัญที่มีทหารชั้นดีแล้ว

ธงประจำตัวนั้นเป็นรูปวิหคเพลิง สัตว์ในตำนานที่ว่ากันว่าสามารถทำให้ธารน้ำกลายเป็นธารลาวา

ธงของซิกฟรีด

ซิกฟรีดเจ้านายเก่าของเขามาที่นี่

บุคคลสำคัญที่อยู่บนสุดของ 'ลิสต์บุคคลที่เขาไม่อยากเจอ'

วันนี้เป็นวันมหาโชคของโคลด์ ซึ่งเขาหมายถึง...โชคไม่ดี

—————————————————————————

ราชาก็เคยมีช่วงเวลาอันตกต่ำ

ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ เป็นรัชทายาทลำดับที่สี่ของราชวงศ์รูเมเรียร์

เจ้าชายเอลฟ์พระองค์เล็กมีพระเชษฐาสองพระองค์ และพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์ ตามกฏ เจ้าชายซิกฟรีดไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ของรูเมเรียร์เลย

เว้นเสียแต่พระเชษฐาและพระเชษฐภคินี ‘ทุกพระองค์ตามลำดับขั้น’ จะสิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาท

เป็นที่น่าสลดใจ เพราะการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายซิกฟรีดก็เกิดขึ้นตามเงื่อนไขนั้น—ความตายของพี่ชายและพี่สาว

แต่เดิม เจ้าชายซิกฟรีดสนใจศิลปะด้านการทูตและการปกครองเช่นเดียวกับพระเชษฐาองค์โต หรือคิงเฟรธูริน อาร์ธีออน รูเมเรียร์ในเวลานั้น และด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้พระองค์มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะฝึกเป็น ‘ควาร์’ หรือที่เอลฟ์เรียกกันอย่างชื่นชมว่า ‘ผู้ที่มีเสียงงาม’ หรือผู้ที่มีวาทศิลป์ดี

นอกจากนี้ ควาร์ยังสามารถเรียนเวทที่จำกัดให้เรียนได้เฉพาะ ‘เอลฟ์’ เท่านั้น

เจ้าชายซิกฟรีดจึงทูลพระเชษฐา ขอศึกษาในอาศรมของควาร์เอเรนดิลตั้งแต่อายุเพียงเก้าขวบปี

ในเวลานั้นโคลด์อายุสิบสองปี เป็นข้ารับใช้ปลายแถว พูดให้ถูกคือเป็นทาสเผ่าดาร์กเอลฟ์

ซิกฟรีดพบโคลด์ที่ป้อมปราการเมืองชายแดน ซึ่งใช้เป็นค่ายพักแรมผู้อพยพชาวดาร์กเอลฟ์ด้วย

คิงเฟรธูรินทรงอนุญาตให้พระอนุชาองค์เล็กตามมายังชายแดนได้ ทรงเลือกพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดให้ แต่ตามคติความเชื่อของเอลฟ์ระบุว่า ‘ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หากบิดาแห่งวายุกระพือปีกของท่านแล้ว โชคชะตาก็จะตามหาเจ้าจนพบ’

คืนหนึ่ง เจ้าชายซิกฟรีดออกมาเดินนอกป้อมคนเดียวได้อย่างไรก็ไม่ทราบ เจ้าชายน้อยถูกฝูงหมาป่าที่มากินซากศพล่า เป็นโคลด์ที่เข้ามาช่วย และพากลับไปส่งหน้าประตูป้อม

วันถัดมา มีประกาศตามหาตัวโคลด์จากคิงเฟรธูริน

ราชาเอลฟ์พระองค์นี้ประหลาด โคลด์ไม่เห็นแววตายโสหรือรังเกียจดาร์กเอลฟ์จากเขา

หลังจากนั้นโคลด์ก็ได้รับรางวัลเป็นการรับใช้เจ้าชายพระองค์เล็ก...ซึ่งหมายถึงเขาต้องติดตามซิกฟรีดกลับไปยังเมืองหลวงและไปอาศรมควาร์

ควาร์มีธรรมเนียมว่าผู้เข้ารับการฝึกจะต้อง ‘แสดงความมุ่งมั่น’ โดยการเดินทางไกลด้วยสองเท้า จากบ้านเกิดจนถึงอาศรม  ระหว่างเดินทางให้เงี่ยหูฟังเสียงกระซิบของสรรพสิ่ง ทั้งกรวด หิน ดิน ทราย แม่น้ำ กระทั่งเสียงลมจากทิศตะวันออก หรือเสียงไฟจากทิศใต้ เมื่อเส้นทางสิ้นสุดลงตรงหน้าอาศรมซึ่งอยู่ลึกในภูเขาและป่าศักดิ์สิทธิ์เดียดีอาร์ ผู้เข้ารับการฝึกจะได้รับคำถามว่า

‘ผู้ประสงค์เส้นทางยากลำบากนี้ ท่านได้ยินเสียงอันใด’

เพื่อทดสอบว่าผู้เข้ารับการฝึกมี ‘พรสวรรค์’ ที่จะได้ยินคำปริศนาซึ่งเหล่าควาร์ผู้ทดสอบฝากไว้กับธาตุในธรรมชาติ

ถูกต้อง ควาร์ต้องมีพรสวรรค์ในการได้ยินสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน

ทว่าคำถามแรกที่ซิกฟรีดต้องตอบไม่ใช่คำถามนั้น

เจ้าชายน้อยก้มหน้าอย่างสุภาพเมื่อได้ยินคำถามว่า

“ท่านทราบหรือไม่ว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้มีผู้ติดตาม”

ซิกฟรีดกัดริมฝีปาก พยายามคิดหาคำตอบที่ดีที่สุด

“ข้าทราบ แต่โคลด์เป็น…”

ถึงตรงนี้โคลด์หูอื้อ เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ซิกฟรีดตอบ เจ้าชายเอลฟ์โต้ตอบกับควาร์อีกหลายประโยค มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ซิกฟรีดหันมายังเขา ก่อนจะหันกลับไปพูดอะไรบางอย่าง

ควาร์พยักหน้า

แล้วเขาก็รู้สึกแสบร้อนบริเวณลำคอ

โคลด์สังเกตว่าซิกฟรีดก็คลำรอบคอของตัวเองเหมือนกัน

“ไม่ต้องกังวลดาร์กเอลฟ์ แค่เวทผูกพันธะธรรมดา ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล”

โคลด์เข้าใจว่านั่นคือตราทาส

จากนั้น ซิกฟรีดก็ต้องตอบคำถามตามธรรมเนียม โคลด์กลับมาหูอื้อ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเช่นเคย แต่...ยิ่งปากของเจ้าชายน้อยขยับนานเท่าไร สีหน้าของควาร์ก็เคร่งเครียดเท่านั้น

เป็นความเคร่งเครียดที่แต้มเจือความหวาดกลัวเอาไว้อย่างแนบเนียน

“เส้นทางนี้ ท่านเลือกด้วยตัวของท่านเอง ขอควาร์อาเลธีโปรดอำนวยชัย”

ประตูเปิดออก กิ่งไม้สีเงินโน้มเข้าหากันเป็นซุ้มประตู โคลด์ยังไม่รู้ว่าเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสิบปี


นอกจากไม่พอใจที่ถูกประทับตราทาสแล้ว โคลด์ยังไม่ยินดีอยู่ที่นี่ คราแรก เขาติดตามมารับใช้ตามพระบัญชาของคิงเฟรธูรินเพื่อหนีห่างจากชายแดน หากสบโอกาสก็จะขอแยกตัวไปตามทางของตน แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกล่ามไว้กับซิกฟรีด หรือกับที่นี่

โคลด์เป็นดาร์กเอลฟ์ที่อ่านออกเขียนได้ รูปร่างหน้าตาไม่เลว ผมสีเงิน ดวงตาสีม่วงเข้มจัด เบ้าตาลึก รูปตาเหมือนตาเหยี่ยว ดั้งจมูกสูง ใบหน้าแคบ ใบหูแหลมยาวสวมตุ้มหูห่วงเงิน ผิวสีม่วงฟ้าอมเทาราตรี ลักษณะทั้งหมดบ่งบอกว่าเป็นเชื้อสายของดาร์กเอลฟ์อันมีอารยะเผ่าหนึ่ง

ในอาศรม เขาตอบคำถามของเหล่าควาร์ว่าตนเป็นบุตรคหบดีผู้สิ้นเนื้อประดาตัวจากสงครามระหว่างเผ่า บิดามารดาตายในสงคราม ญาติจึงพาเขาทิ้งแผ่นดินบ้านเกิด อพยพออกจากแดนทมิฬ

เคยเป็นไทในบ้านเกิด แต่เป็นทาสในบ้านคนอื่น โคลด์ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมนั้นมาสิบปีเต็มๆ ทว่าทบทวนดูแล้วกลับไม่เป็นสิบปีที่เสียเปล่า เนื่องจากเขามีหน้าที่รับใช้เจ้าชาย จึงได้ศึกษาวิชาความรู้ของเอลฟ์เพิ่มเติม

เจ้านายไม่อยากได้ทาสโง่เขลา แต่ฉลาดเกินไปก็ไม่ดี โชคดีที่โคลด์ไม่โง่และไม่ฉลาด ไม่โดดเด่นไปทางใดทางหนึ่ง จะมีก็แต่ความถนัดในการหลบเร้นหลีกหนี ที่มักโดนพวกควาร์ล้อเลียนว่าหนีเก่งสมกับเป็นหนูชาวดาร์กเอลฟ์


ในตอนที่ต้องการอิสระคืนมา โคลด์ให้เหตุผลกับซิกฟรีดว่าเขาจะไปตามหาหญิงคนรัก ซึ่งอาจถูกมังกรลักพาตัวไปเมื่อครั้งที่ค่ายผู้อพยพถูกมังกรบุกทำลาย เขาอยากเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าตายไปแล้ว เขาก็จะฆ่ามังกรที่ฆ่าเธอ

นั่นเป็นการเปิดเผยความในใจครั้งแรกของโคลด์แก่ซิกฟรีด

สิบปีไม่อาจลืมเลือน เป็นความรักที่ทั้งน่าซาบซึ้งและหนักหน่วงราวกับโซ่ตรวน ไม่นับว่าโคลด์ในตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสองปี

ซิกฟรีดในวัยสิบเก้าขวบปีรับฟังโดยไม่ขัดสักประโยคหนึ่ง เจ้าชายเอลฟ์ไม่เคยขัดคำพูดของผู้ใด แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นเพียงทาส สิ่งที่ซิกฟรีดทำคือนิ่งและฟัง ดวงตาสีเงินเจือส้ม คล้ายแร่เงินอันมีเบ้าหลอมร้อนแรงวางอยู่ตรงใจกลาง มักจ้องมองเข้าไปในใจของโคลด์ ทุกครั้งโคลด์จะรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกอ่านจนทะลุ ความลับหมิ่นเหม่อยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟ

หลังผ่านด่านความเงียบอันทารุณ โคลด์ในวัยยี่สิบสองปีได้รับอิสระ แต่เป็นอิสระซึ่งมีเงื่อนไขผูกมัด


“ข้ามอบอิสระให้เจ้า โดยคิดค่าตัดโซ่ตรวนเป็นสัญญาครั้งสุดท้ายที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นคือหากข้าเรียกหาเจ้า...จงมา”

“ได้...ถ้านั่นหมายถึงอิสรภาพ”

โคลด์จำต้องตอบรับสัญญาใหม่เพื่อแลกกับการเป็นไท ‘ชั่วคราว’ สิ้นคำตอบรับ เขารู้สึกว่าบนลำคอเกิดสัมผัสที่เย็นเหมือนน้ำและเบาเหมือนลม เวทผูกพันธะของควาร์หายไปแล้ว

โคลด์คิดว่าตนควรพอใจกับอิสระครึ่งหนึ่งที่ต่อรองจนได้มา

แต่ไม่หรอก…

เขาไม่เคยพอใจเลย


นั่นเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน โคลด์พาเจ้าชายซิกฟรีดออกจากอาศรม เลาะลงมาตามลำธารจนไปถึงจุดหมายที่ซิกฟรีดได้สมทบกับกองกำลังซึ่งดูน่าสงสัย เนื่องจากมีเอลฟ์รูเมเรียร์เพียงหยิบมือ แต่มีเอลฟ์อิซิลดาร์และเอลฟ์ตะวันออกผมสีทองแดงมากจนผิดสังเกต

—————————————————————————

A/N ตัวเอกในบทนำโตขึ้นแล้วค่ะ เจ้าชายซิกฟรีดเคะน้อยในวันนั้น เติบโตมาเป็นเมะราชาที่ดี ('/////')
ป.ล. 1 บทมีความยาวพอสมควร เราจึงแบ่งลงนะคะ เดี๋ยวจะทำสารบัญให้อ่านดีจ้าๆ กำลังศึกษาวิธีใช้เล้าอยู่
ตอนต่อไปจะมาอัพวันที่ 27 ธ.ค. 59 ค่ะ
  :mew2:

คุณ insomniac @ ขอบคุณที่สนใจนะคะ กลัวๆ เหมือนกันว่านักอ่านจะไม่ชอบแนวแฟนตาซี อยู่เป็นกำลังให้นักเขียนก่อนน้า  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 21:52:38 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ติดตามค่ะ  :katai2-1:

คุณ supizpiz @ ยินดีค่า ฝากตัวด้วยจ้า

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 1 : ถ้ำมังกรศิลา (3-4)

โคลด์คิดไม่ตกว่าทำไมเขาจึงขาดทุนเช่นนี้ เริ่มแรกหากเขาไม่ช่วยชีวิตซิกฟรีด ก็คงไม่ต้องมาเป็นทาส ต่อมา เขาได้เป็นไทแต่มีสัญญาหนี้

เอลฟ์ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ตระหนี่ซ้ำยังยกตนข่มท่าน คิดว่าใครๆ ต่างอยากเป็นทาสของเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์งั้นหรือ

แต่ก็อีก...สิบสามปีก่อนโคลด์จำเป็นต้องหนีจากชายแดนอย่างเร่งด่วน และสามปีก่อน หลังช่วยพาซิกฟรีดหนีออกจากอาศรมควาร์ เขาบอกไปตรงๆ ว่าจะไม่ช่วยซิกฟรีดเรื่องใดๆ อีก

บวกลบน้ำหนักของบุญคุณที่ถ่วงรั้งกันอยู่ โคลด์คิดว่าเขาไม่ติดค้างอะไรซิกฟรีด แต่สัญญาทาสอันใหม่ยังคงติดตัว โดยไม่รู้ว่าเมื่อซิกฟรีดเรียกหาจะเกิดอะไรขึ้น

ตลอดสามปีมานี้โคลด์หลบเร้นในเงามืดของแผ่นดินรูเมเรียร์ ตามหาเบาะแสของมังกรที่อาจลักพาตัว ‘เกวนโดลิน’ ไป

และเวลานี้ เส้นทางของพวกเขาไขว้ทับกันอีกครั้งในถ้ำใต้ดินที่ได้ชื่อว่าเป็นคลังสินแร่อันดับหนึ่งของรูเมเรียร์

หรือว่า...ซิกฟรีดเองก็ตามร่องรอยของมังกรศิลาอยู่

—————————————————————

เมื่อขบวนทหารเคลื่อนผ่านไปได้ครึ่งขบวน โคลด์จึงเห็นร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนหลังม้าซึ่งพ่วงพีกว่าตัวอื่น ร่างนั้นสวมชุดเกราะเหล็กเงินซึ่งตีขึ้นโดยช่างฝีมือชาวเอลฟ์ มันบางแต่เหนียว แข็งแกร่งจนลือกันว่าไม่มีอาวุธใดผ่าทะลุมันได้ ซ้ำยังได้รับการขัดเสียจนเงาวับบาดตาแม้จะอยู่ในที่มีแสงสลัว

ใต้หมวกเกราะปิดบังใบหน้า โคลด์มั่นใจว่าร่างสูงใหญ่นั้นคือซิกฟรีด

อิลมาเรเดินนำไปกับทหารหัวขบวนแล้ว แต่เส้นทางมีสายเดียว โคลด์จึงแอบตามไปทันทีไม่ได้

ตามหลังม้าของซิกฟรีดมาคือเอลฟ์สตรีขี่ม้าสีขาว สวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวกับรัดเกล้าจี้ไพลิน โคลด์จำได้ว่านางคือท่านหญิงเอริแอดเน่ ผู้ที่เวลานี้เป็นคู่หมั้นของคิงซิกฟรีด

เอริแอดเน่ชักม้าให้หยุดอย่างแช่มช้า ใต้โขดหินที่โคลด์หลบซ่อนตัวอยู่

กิริยานั้นทำให้องครักษ์หญิงของนางหยุดม้าตาม รวมถึงทหารที่ตามหลังมาด้วย

"ท่านหญิง...กลิ่นอันใดรบกวนท่านหรือ" ซิกฟรีดยึดบังเหียน ม้าร้องเบาๆ ก่อนย่ำอยู่กับที่ ราชาเอลฟ์แห่งรูเมเรียร์หันใบหน้ามาทางด้านหลังเล็กน้อย เห็นว่าคู่หมั้นกำลังมองโขดหิน แล้วก็มองซากมังกรดินอีกด้าน รวมไปถึงซากหนูและรอยเลือดทั้งหมด

"กลิ่นคาวเลือด" เสียงใสราวระฆังแก้วเอ่ย ที่จริงท่านหญิงสูงศักดิ์ไม่ควรเข้ามาในถ้ำอับทึบซึ่งอวลด้วยกลิ่นดินและกลิ่นสาบสัตว์เช่นนี้

องครักษ์หญิงร่ายเวทท่อนหนึ่ง ซากมังกรดินเกิดไฟสีฟ้าลุกติดพรึ่บ เปลวไฟเผาซากเหล่านั้นจนไหม้เกรียม

กลิ่นเนื้อไหม้ทำให้กลิ่นภายในถ้ำทารุณขึ้นไปอีก แต่ท่านหญิงคล้ายพอใจแล้ว จึงชักม้าให้เดินต่อ

โคลด์กลั้นหายใจโดยสัญชาตญาณ ควันจากไฟสีฟ้าของเอลฟ์เจือไอเวทมนตร์ เอริแอดเน่เป็นจอมเวทระดับสูงถึงขั้นจอมเวทสงคราม ผู้ติดตามของนางต้องมีฝีมือ ระวังตัวไว้จะรอบคอบกว่า

ซิกฟรีดยังรั้งม้าอยู่ ใบหน้าใต้หมวกเกราะคล้ายมองสูงขึ้นก่อนเบือนกลับ ขณะนั้น เป็นชั่วอึดใจที่นานทีเดียวสำหรับโคลด์ มันทำให้เขานึกถึงดวงตาที่ทั้งเยือกเย็นและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน

ขบวนราชาเอลฟ์ผ่านไปแล้ว ถ้ำโล่งว่าง เหลือเพียงกลิ่นไหม้ของซากสัตว์และเสียงลมซึ่งลอดผ่านแง่งหินตรงเพดานถ้ำ

โคลด์เห็นซากค้างคาวร่วงลงมา กิ้งก่าตัวเล็ก หรือหนูก็นอนตาย ควันเมื่อสักครู่อาจเป็นการหยอกล้อของเอริแอดเน่ ทว่ากับใครกันล่ะ โคลด์มั่นใจในทักษะการหลบซ่อนตัว แต่นางอาจจับสัมผัสบางอย่างได้ จึงหยอกล้อซิกฟรีดงั้นหรือ

ดาร์กเอลฟ์หรี่ตา ท่านหญิงมีหน้าตาบริสุทธิ์สวยงาม รูปร่างแบบบางกอปรภาพลักษณ์เยือกเย็นราวกับธิดาแห่งมารดานที แต่อย่างไรอิสตรีย่อมมีมุมน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่

ประมาทไม่ได้

ด้านหัวขบวน อิลมาเรเป็นห่วงโคลด์ หลังจากแสดงสัญลักษณ์ของสมาคมพ่อค้าเพื่อยืนยันตัว เธอก็ไม่ได้ปริปากบอกทหารว่าตนเองมากับดาร์กเอลฟ์

ที่จริงอิลมาเรควรล่าถอยตั้งแต่ขบวนเสด็จของราชาผ่านจุดพักแรม แต่เธอยังทำใจกล้าถามทหารเอลฟ์ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในถ้ำ

ดวอร์ฟสาวไม่ได้รับคำตอบ แต่ถูกไล่กลับไป

เธอกลัวว่าทหารจะเจอโคลด์ แม้ลังเลแต่ในที่สุดก็สารภาพว่ามีเพื่อนมาขุดแร่ด้วยอีกคนหนึ่ง ขอติดตามไปหาเพื่อน จากนั้นจะพากันออกไป

ในตอนแรกทหารไม่ยินยอม ถกเถียงกันเสียงดัง จนท่านหญิงเอริแอดเน่เอ่ยอนุญาตให้อิลมาเรมาอยู่หัวขบวนพร้อมกับทหารนำทาง

คงไม่ใช่ว่าเดินเลยมาแล้วหรอกนะ...ดวอร์ฟสาวคิด แต่ถ้าเดินไปจนสุดทางแล้วไม่เจอ ก็ต้องตัดสินใจอีกรอบว่าอีตาโคลด์จะโง่เข้าไปลึกโดยไม่ฟังคำเตือนของเธอ หรือไหวตัวทันแล้วหลบซ่อนตัวอยู่

อิลมาเรไม่คิดอะไรจริงๆ นอกจากมาตามหาโคลด์ เธอไม่เอะใจเลยว่าขบวนของราชาเอลฟ์พร้อมท่านหญิงผู้สูงศักดิ์มาทำอะไรที่นี่ และทำไมเธอถึงได้อยู่หน้าขบวนทั้งๆ ที่เอลฟ์เป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่าง

โคลด์เสียอีกที่รู้สึกว่าออกจะพิกลอยู่ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเอลฟ์ไม่ได้เมตตาหรือให้เกียรติพวกดวอร์ฟมากไปกว่าช่างตีเหล็กในตลาดหรอก

ครั้งหนึ่งที่โคลด์พยายามหลบหนี เขาถูกจับได้และโดนลงโทษอย่างแรง คนลงโทษก็ไม่ใช่ใคร เป็นเจ้าชายซิกฟรีด

ถึงตอนนี้ รอยแผลเป็นก็ยังคงอยู่

โคลด์เผลอลูบหลังใบหู ตรงที่ถูกซิกฟรีดฝากรอยแผลไว้

เอาเถอะ อย่างไรช่างตีเหล็กก็ดีกว่าทาส

—————————————————————————————

โคลด์แอบตามขบวนทหารได้ราวสองชั่วโมง สิ่งที่เขาสังหรณ์ใจก็เป็นจริง

ลึกภายในถ้ำมีเสียงคำรามแหบทุ้มของสัตว์ร้ายดังก้องจากหัวขบวน คลื่นเสียงม้วนตีผนังถ้ำจนสะเทือน ฝุ่นกรวดร่วงกราวกระทบโล่และเกราะ ฟังคล้ายเสียงของฝนมรณะ ชั่วอึดใจ เสียงการต่อสู้ที่เหมือนเสียงโลหะบดหินดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ส่วนกลางและท้ายขบวนเตรียมรับการปะทะ

อิลมาเร!

โคลด์ดึงผ้าปิดปากขึ้นมาปิดใบหน้าช่วงล่าง สวมฮู้ดคลุมศีรษะ ขยับมีดสั้นตรงเอวให้อยู่ในตำแหน่งดีที่สุดสำหรับชักออกมาใช้งาน เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะวิ่งฝ่าท้ายขบวนไปหัวขบวนได้หรือไม่ และไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น แต่ไม่มีเวลาลังเลแล้วเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดว่าทหารเอลฟ์จะเมตตาแบ่งกำลังมาคุ้มครองดวอร์ฟคนเดียว

โคลด์นับจำนวนทหารที่รั้งอยู่ท้ายขบวน มีสามคนด้วยกัน ตำแหน่งการยืนเป็นรูปสามเหลี่ยม การจัดกองกำลังเน้นรับการปะทะจากด้านหน้า คุ้มกันราชาเอลฟ์และท่านหญิง ระยะห่างจากท้ายขบวนไปยังส่วนกลางคะเนได้ประมาณสิบก้าว ด้านหน้าก็เว้นระยะเท่าๆ กัน ดังนั้นถ้าเขาไวพอก็อาจทัน

โคลด์ควานหาระเบิดควันในเสื้อคลุม แม้เสียงกุกกักจะเบาเท่าเสียงกระซิบ แถมยังโดนเสียงอื่นๆ กลบ แต่องครักษ์คนหนึ่งกลับจับทิศทางได้ แล้วร้องตะโกนก่อนม่านควันหนาทึบจะบดบังทัศนวิสัย

“คุ้มกันคิงซิกฟรีด!”

"ควันพรางตัว!"

"คุ้มกันคิงซิกฟรีด! คุ้มกันท่านหญิง!"

ทหารเอลฟ์ส่วนกลางขบวนเคลื่อนไหวรวดเร็ว ละตำแหน่งจากกระบวนรบ แล้วจัดเป็นกระบวนคุ้มกันล้อมรอบบุคคลสำคัญทั้งสองภายในม่านควัน นักเวทประจำตำแหน่งหัวขบวนสองคนจากสามคนต้องแยกมากลางขบวน ทำให้เกราะเวทที่ป้องกันแนวหน้าอ่อนกำลังลง

ความโกลาหลเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน

โคลด์หลุบตา วิ่งผ่านควันพรางตัวซึ่งได้ผลดีกว่าที่คิด เพราะภายในถ้ำลึกมีแสงน้อยซ้ำยังเป็นพื้นที่ปิด เขาอาศัยประสาทรับเสียงอันดีเลิศและปฏิกิริยาเฉียบคมหลบหลีกทหารที่ยังไม่ทันตั้งตัวเหล่านั้น

ทหารเอลฟ์เห็นโคลด์แล้ว แต่ไม่สามารถสกัดได้เนื่องจากควันยังหนาตาอยู่ จึงเน้นที่การคุ้มกันพระราชาและคู่หมั้นผู้สูงศักดิ์

โคลด์ปะทะกับทหารบางนาย แต่เขาไวกว่า แม้โดนต้อนโดนคว้าจะเข้าตาจนก็เล็ดลอดไปได้ในชั่วพริบตา เขาคิดว่าพอไปถึงอิลมาเรที่หัวขบวนแล้วคงไม่มีทางย้อนกลับ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เกรงว่าคงไม่ได้ไปหาอิลมาเรด้วยซ้ำ

จู่ๆ ดาร์กเอลฟ์ตนหนึ่งจะขอให้ขบวนทหารเปิดทางให้ไปช่วยดวอร์ฟคงเป็นเรื่องตลกให้พวกเอลฟ์เอาไปพูดกันหลังพวกเขาตายอยู่ในถ้ำ

อีกอย่าง เขาเคยมาสำรวจถ้ำนี้หลายครั้ง ถ้าไปข้างหน้าลึกกว่านี้จะมีทางแยกให้พอหลบหนีได้บ้าง

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นอีก คราวนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พอโคลด์เลาะมาถึงหัวขบวนจึงเห็นชัดว่าทหารเอลฟ์กำลังรับมือกับอะไร

มังกรดินขนาดยักษ์ฝูงหนึ่ง กับมังกรศิลา—จ่าฝูง

นับว่าพวกเอลฟ์โชคดีจริงๆ เข้ามาปุ๊บก็ได้เจอบอสปั๊บ มังกรดินฝูงนี้แต่ละตัวสูงราวสองเมตร ขนาดมหึมาแบบที่มังกรดินธรรมดาเทียบไม่ติด ส่วนมังกรศิลาตัวโตกว่าลูกน้องสามเท่า ผิวหนังของพวกมันคล้ายเกราะหิน เกล็ดขนาดเท่าฝ่ามือซ้อนกันเป็นชั้นเหมือนกระเบื้องหลังคาวิหาร จะปราบมันคงต้องเล็งจุดอ่อนตรงรอยแยกของเกล็ด ไม่ก็ตรงดวงตาสีแดงโลหิต

ไม่นับว่ามีมังกรดินอีกฝูงโผล่มาจากทางแยกอีกด้านของถ้ำ คล้ายมาตามเสียงคำรามของมังกรศิลา

พลดาบและพลหอกเป็นทหารแนวหน้า ส่วนหนึ่งรับมือมังกรดิน อีกส่วนหนึ่งหันเหความสนใจของมังกรศิลา แต่หน่วยล่าจริงๆ เป็นทหารฝีมือดีที่ใช้อาวุธโซ่เหล็กดำไว้ตรึงคอมังกร ส่วนนักเวทเป็นฝ่ายสนับสนุนทั้งการป้องกันและโจมตี ทว่าขณะยันสัตว์ร้าย เสียงคำรามของหัวหน้าองครักษ์ก็ดังแหวกอากาศเหมือนฟ้าผ่า

“คุ้มกันคิงซิกฟรีด! แอสซาสซินโจมตี!”

คำสั่งสำคัญต้องมีผลทันที ทหารบางนายเสียหลักเมื่อได้รับคำสั่งกะทันหัน ถูกมังกรฉีกแขนแล้วขย้ำตรงนั้น จำนวนพลทหารจากที่มีอยู่ไม่กี่นายกลับลดน้อยลงไปอีก ซ้ำแต่ละนายยังเป็นพลทหารฝีมือฉมังด้านการล่าสัตว์ ซึ่งคัดเลือกมาเพื่อล่ามังกรโดยเฉพาะ ไม่ได้เตรียมมาเพื่อรับศึกสองด้านอย่างมังกรกับแอสซาสซิน แม้จะมีกำลังเสริมเป็นกองคุ้มกันขบวนเสด็จ แต่ก็รออยู่ตรงปากถ้ำซึ่งไกลโข

สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด

"โล่! ตั้งกำแพงเวท!" โคลด์ได้ยินเสียงร้องสั่ง ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงโหยหวนของทหารเอลฟ์ยามกระดูกถูกบดแตก หากจะมีอะไรหยุดความตายไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ เห็นทีจะมีแค่เสียงจากผู้นำสูงสุด

ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ หรือคิงซิกฟรีดแห่งอาณาจักรรูเมเรียร์ มองหายนะตรงหน้าอย่างเฉยชา ดวงตาสีเงินล้อมด้วยสีส้มแดงราวกับเตาหลอมเหล็กหรี่ลงเล็กน้อย ปากบางเรียบตึงค่อยๆ ขยับช้าๆ สำเนียงไพเราะต่ำทุ้มที่ลอดออกมาส่งให้ม่านควันแยกออก และจากที่เคยฟุ้งกระจายทั่วถ้ำ ก็กลับรวมกันแล้วพุ่งไปหา 'นาย' ผู้สร้างมัน ผู้ใช้มันพรางตาทหารเอลฟ์—โคลด์

โคลด์ดูเหมือนโดนควันของตัวเองเล่นงาน ทว่าความจริงมันแค่กลับมาหานาย คลอเคลียเหมือนสุนัขไร้รูปร่าง ดาร์กเอลฟ์จมอยู่ในทะเลควันสีเทา ซ้ำในควันนั้น เขายังได้ยินเสียงกระซิบไพเราะและน่าสะพรึงในเวลาเดียวกัน ได้เห็นอักขระโบราณเลื้อยพันอยู่ในหมอก

โคลด์เคยเห็นฤทธิ์ของมันมาก่อนแล้ว

‘เวทของควาร์’

ทราบกันโดยทั่วไปว่าควาร์มีเสียงอันไพเราะ จึงได้รับการขนานนามว่า ‘ผู้ที่มีเสียงงาม’ แต่ความจริงแล้ว ควาร์เป็นชื่อเรียกของ ‘นักเวทผู้สดับฟัง’ ว่ากันว่าสรรพสิ่งมีชื่อเรียกที่แท้จริง ทั้งกรวดทราย ต้นไม้ใบหญ้า ไปจนถึงวิญญาณธรรมชาติ และผู้ใดที่ทราบชื่อจริงนั้นจะสามารถเรียกสรรพสิ่งให้เป็นข้าช่วงใช้ได้ ทว่า แค่ทราบแล้วเรียกใช้นั้นไม่เพียงพอ การเป็นควาร์ต้องรู้จักฟังเสียงกระซิบที่แผ่วเบา เสียงกระซิบซึ่งน้อยคนสามารถรับรู้ได้ แล้วค่อยเอ่ยเวทของควาร์ออกมา

เสียงที่ควาร์ได้ยิน ภาษาที่ควาร์พูด

เป็นความลับ

ลือกันว่าหากพบควาร์ผู้เก่งกาจ ให้สยบต่อเขา หรือทำลายคอของเขาเสีย มีทางเลือกไม่มากนัก ทางแรกดาร์กเอลฟ์ไม่ยอมทำแน่ ส่วนทางที่สองก็เหมือนฆ่าตัวตาย ไม่ใช่แค่ลุยกับราชาที่เป็นควาร์ แต่ต้องลุยกับทหารเอลฟ์อีกเป็นสิบกว่าจะถึงตัวคิงซิกฟรีด

โคลด์กำลังจะถูกจับ แล้วตายไม่ต่างกับพวกมังกร เขาจะไม่ได้เห็นหน้าอิลมาเรหรือแม้แต่คนที่ตนกำลังตามหาอย่างสุดกำลัง

แต่

พูดก็พูดเถอะ โคลด์ไม่ได้มีธุระกับพวกเอลฟ์สักนิด เอลฟ์ต่างหากที่เข้ามาขวางธุระของเขา อีกอย่าง โคลด์รู้ว่าเอลฟ์เป็นพวกหลงตัวเอง แต่ไม่คิดว่าจะหลงตัวเองปานนี้ เขาใช้ควันพรางตัวก็จริง แต่ใช่ว่าจะลอบสังหารใครเสียหน่อย (โดยเฉพาะยามที่ไม่มีใครจ้าง ฆ่าไปก็ไม่ได้เงินสักเหรียญควินน์) เขาแค่อยากเปิดทางไปช่วยอิลมาเรเท่านั้น

โคลด์คิดอย่างห่อเหี่ยวเมื่อต้องรับมือกับเวทของควาร์—ของคิงซิกฟรีด ดีที่นักฆ่าอย่างเขาสวมตุ้มหูป้องกันเวทเสียงเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ถ้าอีกฝ่ายร่ายเวทสะกดมันก็จะถูกสกัดก่อนได้บงการสมองของเขา

โคลด์ชักมีดสั้นน้ำแข็ง ร่ายเวทอย่างสั้นแล้วตวัดใบมีดสีฟ้าใสฟันควันพรางตา อาจดูเหมือนเขาฟันสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วโคลด์กำลังฟันเวทเสียงด้วยแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ออกมาจากใบมีด

อักขระโบราณภายในหมอกถูกฟันแตกเป็นเสี่ยงๆ

"แอสซาสซินอยู่นั่น อย่าให้มันหลุดไปถึงคิงซิกฟรีด!"

ทหารเอลฟ์ที่อยู่ใกล้โคลด์ตะโกน พร้อมกับคว้าคันธนูและลูกธนูที่สะพายติดหลังยิงใส่ร่างในชุดคลุมสีดำ แต่โคลด์ไหวตัวทัน เขาหลบลูกธนูสามดอกที่ปักเข้ามาพร้อมกันอย่างฉิวเฉียด

พวกทหารถอยกลับไปยังจุดกึ่งกลางขบวนเพื่อคุ้มกัน เพราะหากวางแผนลอบสังหารโดยต้องรับมือกับทหารจำนวนเท่านี้ นักฆ่าต้องมีมากกว่าหนึ่ง

ทว่าท่ามกลางความแปลกใจของทหาร ร่างในชุดคลุมสีดำกลับวิ่งออกไปไกลจากจุดที่พวกตนอารักขา ไปยังส่วนหน้าขบวนที่กำลังฟาดฟันกับมังกรศิลาและมังกรดิน

“คุ้มกันท่านหญิงออกจากถ้ำ”

คิงซิกฟรีดเอ่ย เสียงเบาแต่กลับได้ยินกันทั่ว ทหารเอลฟ์เหลือบมองกันและกันเมื่อราชาชักม้าไปยังแนวหน้า ม้าเหยาะย่างช้าๆ มั่นคงและเยือกเย็น มันได้รับการปลอบโยนจากเวทอันละเอียดอ่อนของท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอาณาจักรอิซิลดาร์ ทำให้ไม่ตื่นสนาม ทั้งยังพร้อมรบเพื่อนาย

“มาลแกธ อิลราลาน ตามเรามา”

ใครจะกล้าขัดราชาเล่า

 

โคลด์ใช้มีดน้ำแข็งกรีดกำแพงเวทส่วนบางที่สุดของเอลฟ์ออกมา แล้วเลาะลอดไปจนถึงหินก้อนใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้มังกรศิลาในระดับน่าหวาดเสียว

อิลมาเร ดวอร์ฟสาวผู้ประกอบอาชีพค้าขายอย่างสุจริตและไม่ควรอยู่ในสนามรบ กลับติดอยู่ระหว่างซอกหินนั้น ตอนแรกอิลมาเรตั้งใจว่าจะหลบเฉยๆ แต่กลับซวยต้องมาติดกับ เพราะทหารเอลฟ์รับมือฝูงมังกรไม่ไหวจนถอยร่นไปเรื่อยๆ ทำให้ตำแหน่งที่เธอหลบอยู่เคลื่อนจากอยู่ด้านหน้าฝูงมังกรเป็นอยู่ระนาบเดียวกับฝูงมังกร

ทว่าโชคดียังมีในโชคร้าย ขณะอิลมาเรทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเพื่อหลบเขี้ยวมังกรดินขนาดเล็ก ซึ่งพยายามทลายหินเข้ามากินเธอเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย โคลด์ สตาร์ ดาร์กเอลฟ์ที่ทำงานกับเธอมานานก็เข้ามาโรมรันกับมังกรดินเหล่านั้นแทน มีดน้ำแข็งสามารถทำร้ายมันได้ มังกรดินถอยไปตั้งหลัก พิจารณาผู้มาใหม่

“มา! ออกมา! ก่อนไอ้ตัวใหญ่มันหันมา” โคลด์ฉวยจังหวะที่มังกรดินขยาดคมมีดดึงร่างเล็กของอิลมาเรออกมา เขากระซิบว่ามังกรดินน่าจะตามจ่าฝูงออกมาหมดแล้ว ให้เธอหนีเข้าไปด้านในส่วนที่ลึกขึ้นแล้วปีนขึ้นที่สูง เขาจะกันตัวที่คิดไล่ตามให้เอง

เวลาเดียวกัน คิงซิกฟรีดก้าวมาอยู่แนวหน้าโดยไม่มีใครกล้าท้วง ทหารบางนายกระซิบกับท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เป็นเชิงถามว่า ‘ให้ทำอย่างไรขอรับ’

ท่านหญิงเอริแอดเน่ตอบกลับด้วยความเงียบ นางยืนยันปักหลักอยู่ในถ้ำโดยไม่ขยับม้าสักก้าว ทหารทุกนายลำบากใจ หากต้องรับใช้เจ้านายเช่นนี้ มีกี่ชีวิตก็ไม่พอ

แม้ทหารจะได้รับคำสั่งให้ถอย ทว่านักเวทยังเป็นฝ่ายสนับสนุนอยู่ อักขระเอลฟ์บนเกราะและอาวุธของคิงซิกฟรีด มาลแกธ และอิลราลานเปล่งแสงเรืองรอง เกราะแข็งแกร่งขึ้น อาวุธก็แหลมคมขึ้น

คิงซิกฟรีดใช้ดาบใหญ่ ปลายดาบยาวขนาดระพื้นถ้ำแม้จะนั่งบนหลังม้า บรรยากาศหนักอึ้งทำให้เพดานถ้ำดูคล้ายจะถล่มลงมา ซึ่งแม้แต่มังกรยังทราบว่าเอลฟ์เนื้อหอมน่ากินตรงหน้านั้น...

‘อันตราย’

คิงซิกฟรีดสั่งให้ทหารคนสนิททั้งสองรับมือกับมังกรดิน บรรดามังกรตัวเล็กถอยหลังช้าๆ ทีละก้าวเมื่อเผชิญหน้ากับมาลแกธและอิลราลาน มันส่งเสียงร้องขู่แฟ่สั้นๆ ต่ำ แล้วสูงแหลม บางตัวเอี้ยวไปมองมังกรศิลา เหมือนมันรู้จักสื่อสารกัน

ฟู่…

เกิดเสียงเบาเท่าเบา ไฟไร้ที่มาลอยเหมือนพรายไปตรงหน้ามังกรดินตัวหนึ่ง มันสวย ราวกับกลีบดอกไม้สีแดงเริงระบำในความมืด มังกรดินตัวนั้นจดๆ จ้องๆ ส่วนตัวอื่นก็ครางเสียงต่ำพลางเขยิบเข้ามาใกล้

ทว่า ทันทีที่ปลายเล็บของมันแตะพรายไฟ ร่างทั้งร่างก็ถูกไฟคลอก กลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ทันที มังกรดินตัวอื่นแตกตื่น บางตัวหนี บางตัวกระโจนเข้าหาเอลฟ์

อิลราลานหันไปทางคิงซิกฟรีด ราชาเอลฟ์พยักหน้าอนุญาต อิลราลานจึงลงจากหลังม้าพร้อมอาวุธ โซ่เหล็กดำซึ่งมีปลายเป็นใบดาบด้านหนึ่ง เป็นตุ้มหนามอีกด้านหนึ่ง ถูกเหวี่ยงเข้าสังหารมังกรดินสองตัวในครั้งเดียว

ระหว่างที่มาลแกธและอิลราลานรับมือกับมังกรดิน คิงซิกฟรีดบ่ายม้าไปทางมังกรศิลา ซึ่งทำท่าว่าจะหนี แม้เป็นสัตว์สติปัญญาต่ำก็รู้จักอันตราย ราชาเอลฟ์ร่ายเวท หินถล่มจากเพดานถ้ำเพื่อกักมังกรศิลา ทว่ามันกลับไวพอที่จะวิ่งหลบเข้าไปในถ้ำส่วนที่ลึกขึ้น คิงซิกฟรีดไล่ตามมังกรศิลา หินเพดานถ้ำยังคงถล่มอยู่ด้วยเวทของควาร์ จนน่าหวาดเสียวว่าเพดานอาจถล่มลงมาฝังพวกเขาทั้งหมด

มาลแกธตะโกนแจ้งข้อเท็จจริงนั้นแข่งกับเสียงหินอัดกระแทกพื้น ราชามุทะลุเสียจริง หรืออาจมั่นใจว่าจะควบคุมการถล่มได้

ชั่ววินาทีต่อมา...หินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งก็ถล่มลงมากระทบกับส่วนเปราะบางของพื้นถ้ำจนถล่มยุบลงไป ตอนนั้นเองที่ถ้ำเปิดเผยความยิ่งใหญ่ซับซ้อนให้เห็นกับตา ใต้ถ้ำยังมีโพรงถ้ำอีก หากชะโงกลงไปดู จะพบว่าลึกลงไปลิบๆ มีธารน้ำใต้ดินทอดเป็นสายยาวเหมือนเส้นเลือดในความมืดอันขมุกขมัว เสียงธารน้ำไหลดังมาถึงข้างบน เชี่ยวกราก ดุดัน ราวกับกำลังขู่ผู้บุกรุก

มังกรศิลาไม่หยุดฝีเท้า มันวิ่งตรงไปยังเหว กรงเล็บแบบพิเศษอย่างมังกรศิลายึดจับแง่งหิน มันเกาะผนังเหวราวกับแพะภูเขารู้จักไต่ตามที่ลาดชัน ก่อนจะหนีไปด้วยความรวดเร็ว

มังกรที่หมายตาหายลับไปเสียแล้ว

ทว่าสิ่งที่ยังอยู่ หรือ ‘คนที่ติดอยู่’ กลับกลายเป็นโคลด์ สตาร์


—————————————————————————
A/N สวัสดีค่ะ กะว่าจะมาอัพในเล้าทุกๆ 2 วันนะคะ ขอบคุณท่านที่แวะเข้ามาอ่านมากๆ
หากมีข้อเสนอแนะอะไร คอมเมนต์ทิ้งไว้เพื่อเป็นกำลังใจและช่วยพัฒนางานเขียน นักเขียนจะดีใจมากๆ เลยค่ะ ;)
อนึ่ง การที่ตัวละครที่จากกันไม่ดีกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับเรา
เพราะมีความเป็นไปได้หลายๆ ทางในหัว ว่าพวกเขาจะพูดคุยกันยังไง
แต่สุดท้ายเราก็หยิบสิ่งที่ตัวละครเลือก ให้ตัวละครกำหนดเรื่องของพวกเขาด้วยตัวเองค่ะ XD


อัพเดทครั้งต่อไปคือวันที่ 29 ม.ค. 59 ค่ะ  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2016 13:35:29 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตามมาให้กำลังใจค่ะ

นายกับทาสเค้าจะได้เจอกันแล้วสินะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ตามมาให้กำลังใจค่ะ

นายกับทาสเค้าจะได้เจอกันแล้วสินะ  :katai2-1:

ใช่ค่ะ จะได้เจอกันแล้วววววววววววว รับรองว่าดุเดือดเร้าใจ '/////'

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากเลยค่ะะะ ติดตาม
(Key of solomon ดีงามมากค่ะ )

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
:o8: :o8: :o8: :o8:
รักๆๆๆ ติดตามอ่านน้า -3-

ชอบมากเลยค่ะะะ ติดตาม
(Key of solomon ดีงามมากค่ะ )
ว้าว มีนักอ่าน KoS ในเล้าด้วย รักนะคะ -3-

รอติดตามค่าา
ยินดีมากค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

กระซิบบอกนักอ่านทุกคนเบาๆ ว่า พรุ่งนี้มีตอนใหม่จ้า! :mew1:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 1 : ถ้ำมังกรศิลา (5-6)

ทีแรก โคลด์เห็นอิลมาเรหนีไปได้แล้ว เขาคิดฉวยโอกาสหนีตามโดยอาศัยการกำบังจากหินที่ถล่มลงมา แต่เพราะพื้นถ้ำดันถล่มตัดหน้าแยกเขาออกจากอิลมาเร โคลด์จึงติดอยู่ฝั่งเดียวกับราชาเอลฟ์

“แอสซาสซิน” เสียงของคิงซิกฟรีดราบเรียบแต่อัดแน่นไปด้วยความโกรธ เขาเอ่ยขึ้นตั้งแต่ยังไม่หันหน้ามาทางโคลด์ด้วยซ้ำ

ปลายดาบใหญ่กรีดพื้นจนเกิดเสียงบาดหู ราชาแห่งรูเมเรียร์กระชับอาวุธในมือแน่น

โคลด์เพิ่งลุกขึ้นได้เพราะกลิ้งตัวหลบพื้นที่ถล่ม แต่ลุกได้ไม่นาน ดาบของคิงซิกฟรีดก็เหวี่ยงลงมา

อิลมาเรปาดเหงื่อเมื่อโคลด์หลบดาบยักษ์เล่มนั้นได้อย่างหวุดหวิด เธอเผลอตะโกนว่า "รีบมาทางนี้!"

เป็นอันว่าดวอร์ฟที่เจอหน้าถ้ำกับนักฆ่านั้นรู้จักกัน อิลมาเรปากพาจนจริงๆ แต่จะโทษเธอก็ไม่ได้ เธอหลบอยู่ในซอกหิน ไม่รู้ว่าโคลด์ถูกเข้าใจผิดว่าจะมาลอบสังหารราชา

“ซิกฟรีด!”

หินหยุดถล่มแล้ว เสียงควบม้าดังเข้ามาใกล้ โคลด์เห็นว่าผู้มาใหม่เป็นองครักษ์ที่ตะโกนบอกทหารทุกนายให้คุ้มกันคิงซิกฟรีดก่อนที่เขาจะโยนระเบิดควัน แถมยังเป็นเสียงเดียวกับที่กล้าตะโกนว่า ‘ท่านเสียสติไปแล้วหรือ!’ ตอนที่ราชาเอลฟ์ใช้เวทของควาร์ถล่มถ้ำโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย

องครักษ์สวมเกราะแบบรูเมเรียร์ ทว่าสวมหน้ากากบดบังใบหน้าช่วงล่างเหมือนชาวตะวันออก หน้ากากเป็นรูปสัตว์เขี้ยวโง้งน่าสะพรึงกลัว แววตาที่ฉายผ่านเกราะและหน้ากากปิดบังความหงุดหงิดที่มีต่อราชาเอลฟ์ไม่มิด

ท่านหญิงเอริแอดเน่ขี่ม้าเหยาะย่างมาถึงด้านหน้าเช่นกัน ท่าทางของนางงามสง่า นิ่งสงบ ไว้ตัว ทว่าสายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งสีฟ้าจับจ้องร่างนักฆ่าไม่วางตา

“ท่านหญิง ข้าสั่งให้ทหารคุ้มกันท่านออกไปแล้วไม่ใช่หรือ”

“ข้าย่อมเป็นห่วงราชาของข้า” นางตอบนุ่มนวล แฝงความมั่นใจอันบ่งบอกว่าไม่เกรงอันตรายแค่หินถล่ม

"ส่วนเจ้า" ซิกฟรีดสังเกตเห็นตุ้มหูป้องกันเวทเสียง เครื่องป้องกันเวทชนิดนี้ไม่ได้หาง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายนัก

โคลด์ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ รักษาระยะห่างจากคนบนหลังม้า

"เรารู้จักกันหรือไม่"

จู่ๆ คนที่ฟาดดาบใส่เขาโดยไม่พูดสักคำ กลับถามคำถามแปลกประหลาดในสถานการณ์แปลกประหลาด

"คิดว่าไม่" นักฆ่าผู้ปิดใบหน้าครึ่งล่างไว้ตอบ

"คิดว่าใช่" คิงซิกฟรีดเหยียดริมฝีปาก “ข้ามั่นใจว่าได้ยินเสียง ‘เวทพันธะ’ ที่เคยร่ายไว้เมื่อสามปีก่อน”

"หูท่านอาจเพี้ยนไป" โคลด์มองหาทางหนีทีไล่ เขายังไม่อยากถูกธนูปักศีรษะตอนหันหลังวิ่งหนี

"มีดไม่ชอบเจ้า มันว่า...เจ้าดูถูกมัน" คิงซิกฟรีดกดสายตามองไปยังมีดสั้นในมือของแอสซาสซิน “มันว่าเจ้าคิดจะเอามันไปถอนฟันมังกรดิน”

ริมฝีปากขยับร่ายเวทเบาๆ ใกล้ขนาดนี้โคลด์จึงได้ยินว่าเสียงของอีกฝ่ายแตกพร่า ไม่ไพเราะเหมือนดังที่เคยได้ฟังเมื่อนานมาแล้ว

อักขระของควาร์เลื้อยไปตามใบมีด มันแตกผุ ราวกับประชดเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น

โคลด์ซัดมีดสั้นอีกเล่มที่เหน็บไว้ข้างเอวไปยังม้าเกราะเหล็กของราชา มันปักเข้าช่องว่างระหว่างเกราะอย่างแม่นยำ นิสัยเขาไม่ชอบความยุ่งยากและมักเป็นฝ่ายประนีประนอม แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับอาวุธของตน

ม้าดีดตัวด้วยความเจ็บปวด ส่งให้ราชาเอลฟ์เสียหลัก ต้องลงจากม้า ราคาของการทำให้พระบาทของพระองค์ต้องพื้น คือต้องรับความโกรธขึ้งผ่านดาบ

แรงปะทะทำเอาโคลด์แขนสั่น ดาบของคิงซิกฟรีดดุดัน เชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันก็ดูถูกดาร์กเอลฟ์ด้วยการหยอกเย้า ไม่ลงแรงทั้งหมด

โคลด์เดาไม่ออกว่าซิกฟรีดต้องการอะไรจากตน จับเป็นหรือจับตาย ตอนนี้เขาเสียเปรียบมหาศาล ซิกฟรีดเอ่ยคำเดียวเขาจะต้องเผชิญกับทหารทั้งกลุ่ม

ราชาปะทะกับแอสซาสซิน ยังความแปลกใจให้แก่เหล่าองครักษ์ ควรหรือที่พระองค์ต้องลงไปสู้ศึกเอง อีกทั้งยังไม่เห็นกำลังเสริมใดๆ ของแอสซาซิน นอกจากดวอร์ฟไร้เขี้ยวเล็บตนหนึ่ง

ท่านหญิงเอริแอดเน่มองชายทั้งสองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ครุ่นคิด ล้ำลึก การต่อสู้ของซิกฟรีดเหมือนการทักทายสหายเก่าที่มีความทรงจำร่วมกันไม่ดีนัก

และได้มาพบกันในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

โคลด์ใช้อาวุธแทบทั้งหมดที่มี แต่มีดสั้นน้ำแข็งของเขาใกล้รับดาบใหญ่ไม่ไหวแล้ว กระดูกแขนของโคลด์ลั่นประท้วงทุกครั้งที่อีกฝ่ายฟาดดาบลงมา อาวุธลับก็ยากจะมีผลเมื่อต้องเผชิญกับนักรบเกราะหนัก

เกราะหนัก ใช่แล้ว โคลด์คิด เกราะหนักของราชานี่แหละที่สร้างความได้เปรียบ และทำให้เสียเปรียบได้เช่นกัน เพราะทำให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวเชื่องช้าลง ทว่าซิกฟรีดยังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว บ่งบอกถึงพละกำลังมหาศาล เขาต้องเพิ่มความเสียเปรียบให้แก่เกราะหนักมากขึ้น!

โคลด์สู้ไปพลางถอยไปพลาง ลวงราชามาถึงจุดที่ตั้งใจไว้ จุดที่เขาไม่คาดว่ามันจะใช้ประโยชน์ได้ เป็นจุดที่ซิกฟรีดสร้างขึ้นมาเองด้วยซ้ำ

โคลด์หลบดาบใหญ่ที่เหวี่ยงมา เขาดึงมือซิกฟรีดให้เซเข้ามา โดยอาศัยแรงพุ่งไม่มียับยั้งของอีกฝ่ายช่วยเสริมแรงดึง

นักฆ่าดึงราชาให้ตกลงไปยังธารน้ำใต้ดินด้วยกัน

“ท่านหญิง” อิลราลานเอ่ยอย่างสุภาพ รอคำสั่งว่าควรทำอย่างไร

“ตามลงไป” เอริแอดเน่สั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

แม้จะสูงแบบที่ตกลงไปแล้วไม่ตายถือว่าปาฏิหาริย์ แต่ธารน้ำใต้ดินลึกสมกับความกระหึ่มของเสียงน้ำไหลอันดังมาถึงข้างบน

เป็นไปตามที่โคลด์คาดไว้ คิงซิกฟรีดจมเพราะน้ำหนักของเกราะ ทว่า ในบรรดาสรรพสิ่งที่ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ การเรียกหา ‘พรายน้ำ’ ให้เป็นข้าช่วงใช้ถือเป็นความถนัดอย่างยิ่งของราชาเอลฟ์ แม้ไม่สามารถถอดเกราะออกได้ แต่มวลน้ำก็รับฟังเสียงของควาร์ ตรงเข้าอุ้มคิงซิกฟรีดให้อยู่บนผิวน้ำ

ไม่เพียงเท่านั้น คิงซิกฟรีดยังขอให้น้ำกดตัวโคลด์ลง ก่อนจะปล่อยให้ขึ้นมาหายใจ แล้วกดลงไปอีกครั้ง

รูปการณ์ดูเหมือนคิงซิกฟรีดจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ นอกจากทรมานโคลด์แล้ว ราชาเอลฟ์ยังสามารถใช้มวลน้ำดึงให้แอสซาสซินเข้ามาใกล้ตนได้ ทว่า แม้แต่เวทของควาร์ก็ยังมีข้อจำกัด

ดังที่ทราบกันว่าเวทของควาร์เป็นความลับ ยิ่งข้อจำกัดในการใช้เวทยิ่งเป็นความลับ หนึ่งในนั้นคือควาร์จะหลีกเลี่ยงการเรียกใช้ ‘วิญญาณธาตุ’ ที่มีลักษณะ ‘ไม่นิ่ง’ อย่างพายุหรือกระแสน้ำคลั่ง เพราะยากที่จะควบคุม เหนือไปกว่านั้น—ยากที่จะทำให้มันยอมถูกควบคุม

ทางน้ำใต้ดินเข้าลักษณะแบบที่ว่า

ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์จะหยุดร่ายเวทไม่ได้เลย

อิลมาเรตะโกนบางอย่างจากด้านบน โคลด์อาศัยโอกาสช่วงแรงกดคลายออกถีบตัวพรวดพ้นน้ำ เป่าปากส่งสัญญาณ จากนั้นก็มีเสียงกระโดดน้ำตามลงมา

เวลาชั่วอึดใจยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์ โคลด์คิดจนหัวแทบระเบิดว่าจะรอดพ้นสถานการณ์นี้อย่างไร พอถูกกดให้จมลงไปทีก็ล้วงหาอาวุธที อยู่ในน้ำจะดึงมีดมาซัดช่างลำบาก แต่จะปล่อยไปตามยถากรรมก็ไม่ได้

น้ำพัดจนฮู้ดหลุดไปแล้ว เหลือแค่ผ้าปิดปากที่ยังอยู่ โคลด์ไม่แน่ใจว่าซิกฟรีดจำเขาได้หรือเปล่า แต่ไม่เสี่ยงจะดีที่สุด สิ่งเดียวที่ควรเสี่ยงในตอนนี้คือรอจังหวะซัดอาวุธลับ

แต่เขาไม่ได้ซัดอาวุธลับใส่ซิกฟรีด

ธารน้ำใต้ดินซับซ้อน มีทางแยกออกไปหลายสาย โคลด์อาศัยจังหวะที่น้ำพัดพวกเขาไปถึงทางแยกหนึ่งซัดตะขอติดเชือกเกี่ยวแง่งโขดหินไว้ แล้วทุ่มแรงสาวเชือกจนไหล่แทบหลุด ดึงตัวเองเข้าหาฝั่ง โดยหวังว่าซิกฟรีดจะถูกน้ำพัดแยกไปอีกทาง

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยน ราชาเลยดึงตัวเองเข้าไปหานักฆ่าแทน การร่ายเวทต่อเนื่องทำให้เขาเสียพลังงานไปมาก พรายน้ำอ่อนกำลังลง ปล่อยให้นักฆ่าตะเกียกตะกายไปถึงฝั่งจนได้

โคลด์ขึ้นฝั่งได้แล้ว แต่ถูกราชาเอลฟ์คว้าข้อเท้าไว้ หมวกเกราะที่หลุดไประหว่างตกจากหน้าผาเผยให้เห็นเส้นผมสีทองสว่าง ซึ่งแม้อยู่ในที่มืดก็ยังดูเรื่อเรือง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธจนดูเหมือนปีศาจ บนใบหน้าซีกซ้ายมีหน้ากากหนังคาดปิดไว้

โคลด์หันมายันเท้าใส่หน้าอีกฝ่าย เอาจริงๆ เขาอาจอยากทำแบบนี้มานานแล้วก็ได้!

“ดาร์กเอลฟ์!” ซิกฟรีดคำราม เบี่ยงหลบลูกถีบแต่ก็ยังโดนแบบเฉียดๆ เสียงคำรามของราชาแตกพร่าจนน่ากลัว ความเยือกเย็นถูกปลดไปจนหมด

“เอลฟ์! ข้าไปทำอะไรให้!” โคลด์ถลึงตาแบบ ‘เจ้าตามจองล้างจองผลาญข้าจริง’

“โง่ขนาดไม่รู้ตัวหรือ” ซิกฟรีดคว้าขาของอีกฝ่ายแล้วกอดปล้ำอย่างไม่ไว้ท่าราชาเอลฟ์

“อา!” โคลด์ยันร่างสูงหนาไว้ ถ้าถูกกดลงไปได้เขาจะเสียเปรียบเต็มๆ ข้างบนปะทะกันด้วยอาวุธ ข้างล่างปะทะกันด้วยกำลัง

ซิกฟรีดใช้แขนดันคอโคลด์ ก่อนนี้ทำให้จมน้ำไม่ได้ผล ตอนนี้จะเอาถึงสลบอย่างเบาที่สุด

"ข้า...!" โคลด์ดันแขนต้าน "ไม่-ได้-ตั้ง-ใจ...ขวาง-ท่าน!" เขาบอกระหว่างดิ้น ร่างกายพลิกสลับ กดทับกัน

ซิกฟรีดดุดัน ไม่ฟังคำอธิบาย ดาร์กเอลฟ์อาจไม่ตั้งใจจริงๆ อย่างที่มันว่า แล้วอย่างไร การกระทำโดยไม่ตั้งใจของมันทำให้เสียทหารฝีมือดีไปหลายนาย ร้ายที่สุดคือเสียโอกาสในการล่ามังกร

"เพราะท่านให้เพื่อนข้าเดินนำหน้าไปเป็นเหยื่อมังกร จะให้ข้าเดินตามท้ายขบวนเฉยๆ หรือไง" โคลด์พูดกับซิกฟรีดเช่นนี้ที่ข้างบนไม่ได้ เพราะกลัวเรื่องจะบานปลายว่าราชารู้จักกับดาร์กเอลฟ์ชั้นต่ำ อีกอย่างท่านหญิงเอริแอดเน่เคยเห็นหน้าเขาด้วย

“แสดงความบริสุทธิ์ใจเสียสิ” ซิกฟรีดปล่อยให้นักฆ่าหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนค้ำร่างที่ไออย่างเอาเป็นเอาตาย

ดาร์กเอลฟ์ดึงผ้าปิดปากลง

"ข้าเอง...ท่านจำข้าไม่ได้หรือ เจ้าชาย" เมื่อมีเวลามองหน้ากันชัดๆ ใบหน้าคุ้นเคยของคนที่เคยอยู่ร่วมกันมาเป็นสิบปีก็ปรากฏ โคลด์มีเส้นผมสีเงิน ดวงตาสีม่วงสวยสดแบบที่ดาร์กเอลฟ์ทั่วไปไม่มี มันรับกับผิวสีเทาอมม่วงของเขาอย่างเหมาะเจาะ "ข้าเคยรับใช้ท่านจนถึงเมื่อสามปีที่แล้ว สมัยท่านยังเป็นเจ้าชายที่สี่ไง"

ซิกฟรีดเงียบ ทั้งที่พอเดาได้ว่าเป็นโคลด์ตั้งแต่ได้ยินเสียงกระซิบของ ‘เวทพันธะ’ แต่พอเห็นด้วยตาจริงๆ ก็ชะงักไป ไม่พูดอะไรเป็นนาน

"ดาร์กเอลฟ์ผู้ต้องการอิสระเพื่อกลับไปหาคนรัก"

เขาย่อมจำได้

และจำได้ดีทีเดียว

ทาสดาร์กเอลฟ์ไม่ได้ ‘ขอ’ อิสระ แต่ทำให้เจ้าชายเอลฟ์ตระหนักว่าตนได้ริบมันมาโดยมิชอบ และเอ่ยเป็นเชิง ‘สั่ง’ ให้คืนสิ่งที่ควรคืนมาตั้งนานแล้ว

โคลด์ไม่ได้ขายตัวเองเป็นทาส ไม่เคยยินยอม ทว่าคิงเฟรธูริน อาร์ธีออน รูเมเรียร์ ผู้เป็นราชาแห่งอาณาจักรรูเมเรียร์ในเวลานั้น ได้ใช้วาทศิลป์ทำให้เขา ‘ยินยอม’ เป็น ‘ผู้ดูแล’ เจ้าชายซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ ซึ่งมีพระชันษาเพียง 9 ขวบปี แต่ข้อตกลงกลายเป็นข้อผูกพันที่ผูกมัดเรื่อยมาเป็นสิบปี จากชนอิสระกลายเป็นทาส รู้ตัวอีกที เขาก็สูญเสียอำนาจตัดสินใจชีวิตตนเอง

ซิกฟรีดมองโคลด์นิ่ง สายตาเย็นชาแต่กลับไม่เด็ดขาด มีระลอกอารมณ์เคลื่อนไหวอยู่ภายในเต็มเปี่ยม แบบที่คนรับใช้ใกล้ชิดเขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน

“ข้าแค่อยากถามอะไรมังกรศิลาสักหน่อย ถึงมาที่นี่! เจ้าเอาคนมาขนาดนี้ คงไม่ได้มาล่ามันใช่ไหม”

“ความต้องการของเราสวนทางกัน” การตอบคำถามแบบกำกวม ปล่อยให้คนฟังคิดเอง คงเป็นลักษณะเด่นของเอลฟ์ ซิกฟรีดยังไม่สนใจคำอธิบายของโคลด์เช่นเดิม แต่ความโกรธดูจะทุเลาลงเมื่อโคลด์เปิดเผยตัว

“ข้าขอเวลา ไม่นาน อย่าเพิ่งฆ่ามันก่อนข้าเสร็จธุระกับมันได้ไหม” มังกรศิลาตัวนี้เป็นทางเลือกดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้

“ข้าเสียทหารไปหลายนาย สำหรับข้อเท็จจริงนี้ ข้าควรทำอย่างไรกับเจ้า” แม้แต่คำขู่ยังกำกวม แต่สายตาชัดเจนเพียงพอ

“ก็ข้าไม่ได้ตั้งใจ” โคลด์ยืนกราน

“ไม่ตั้งใจก็ไม่ผิดอย่างนั้นหรือ”

โคลด์กลอกตา พยายามครุ่นคิดอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้มังกรก็หนีไปแล้ว เราต่างคนต่างตามหาไม่รู้ว่าใครจะเจอมันก่อน เจ้ามีคนมากก็จริง แต่ข้าชำนาญพื้นที่กว่า ให้ข้าหามันเจอ พอเสร็จธุระ ข้าก็ส่งข่าวบอกเจ้าเป็นไง”

ซิกฟรีดหัวเราะ แปลว่าข้อตกลงยังไม่น่าพึงพอใจ

“เข้าไปลึกยิ่งอันตราย เจ้าส่งหนูไปตายตัวเดียวไม่เห็นเป็นไร แค่รอหน่อย เจ้าไม่เสียอะไร อย่างไรข้าคนเดียวก็ฆ่ามันไม่ได้”

แววตาคมปลาบของราชาเอลฟ์ราวกับจะเชือดอีกฝ่าย “ยังไม่สมกับความ ‘ไม่ตั้งใจ’ ของเจ้า ดาร์กเอลฟ์”

พวกเอลฟ์ โคลด์เหมือนเจอทางตัน ถ้าไม่ฝ่าซิกฟรีดไปก็ไปต่อไม่ได้ ถึงฝ่าไปได้เขาก็อาจพลาดโอกาสถามมังกรศิลา เพราะซิกฟรีดคงสั่งให้ล่ามันต่อ

“ก็ได้ ข้าจะชดใช้ให้ เจ้าจะได้ศพมังกรโดยที่เจ้าไม่เสียทหารอีกสักนาย เพราะข้าจะฆ่ามันให้ ที่เหลือเชิญเจ้าจัดการตามสบาย”

โคลด์ยอมเสียเปรียบ ถามมังกรกับฆ่ามังกรเป็นคนละเรื่องกัน โคลด์ไปคนเดียว ถามมังกรไม่ได้คำตอบก็ยังหนีทัน

แต่จะฆ่าน่ะหรือ…

หากมังกรศิลาฆ่าได้ง่ายๆ คงไม่ต้องให้ราชาเอลฟ์เข้ามาถึงที่นี่หรอก แค่ทหารฝีมือฉกาจไม่กี่นายก็พอ

“หัวใจ” เมื่อได้ข้อตกลงที่ต้องการ เอลฟ์กลับชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ “เจ้าต้องนำหัวใจของมังกรศิลามาให้ข้า”

สายตาของโคลด์แสดงความรู้สึกตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา แบบที่ปกติเขาไม่แสดงกับใคร

เจ้ามันทุเรศ ใช้ข้าอย่างทาส เอาเปรียบทุกทาง

“ว่าอย่างไร ดาร์กเอลฟ์” แม้จะทราบชื่อ แต่ซิกฟรีดไม่เคยเรียกชื่อโคลด์ สตาร์เลยสักครั้ง

“ได้” โคลด์ตอบสั้นๆ

"ข้าจะทราบได้อย่างไรว่าเจ้ารักษาคำพูด" ซิกฟรีดสวนทันที

"ข้ารักษาคำพูดเสมอ"

"สิบปี ใช่...ข้ารู้ว่าเจ้านิสัยอย่างไร เจ้ารักษาคำพูด" น้ำเสียงของซิกฟรีดเจตนากระทบกระเทียบ "เจ้ารักษาคำพูดจริงๆ บอกว่าจะเป็นอิสระจากข้าให้จงได้ ก็ทำได้"

"ข้าได้ข่าวว่าเจ้าหมั้นหมายแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย"

“ไม่ใช่ธุระของเจ้า” ซิกฟรีดเหยียดยิ้ม “ส่วนข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นแอสซาสซินท้ากฎหมาย ไม่นึกเลยว่าข่าวลือใต้ดินจะเชื่อถือได้”

"ข้าเป็นหนูดาร์กเอลฟ์ ต้องอยู่ในซอกหลืบสกปรกของรูเมเรียร์อยู่แล้ว" ลักษณะภายนอกของโคลด์ไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่สีหน้าท่าทางเย็นชาขึ้น

ดาร์กเอลฟ์ลุกยืนตรง แกะอกเสื้อ

"ตราทาสนี้ เจ้าเอาไว้บังคับข้าได้นี่"

ตรารูปกริชเด่นหราบนอกด้านซ้าย เหนือตำแหน่งหัวใจ หากปลายกริชกดลงไปจะแทงทะลุหัวใจพอดี

สัญลักษณ์ของ ‘เวทพันธะ’ ที่ผูกมัดผู้ทำสัญญาไว้ด้วยชีวิต

"มีวิธีอื่นมากมายที่จะบังคับเจ้าโดยไม่ต้องใช้เวทพันธะให้เสียเปล่า" ซิกฟรีดยกนิ้วขึ้นแล้วตวัดเบาๆ กริชเคลื่อนตามนิ้วเล็กน้อย โคลด์เสียวแปลบ นิ่วหน้า ราชาเอลฟ์หยุดเพียงเท่านั้น

"ยกตัวอย่างเช่น...ข้าจะให้องครักษ์มือดีติดตามเจ้าไปคนหนึ่ง"

 

คิงซิกฟรีดกลับขึ้นไปด้านบนพร้อมกับอิลราลาน—องครักษ์มือซ้ายผู้ได้รับคำสั่งจากท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ให้ตามหาองค์ราชาแห่งรูเมเรียร์

ท่านหญิงพระคู่หมั้นรั้งรออยู่ที่เดิมพร้อมทหารคุ้มกัน มังกรดินทุกตัวถูกกำจัดหมดแล้ว ถ้ำสว่างไสวด้วยมนตราของนักเวทรูเมเรียร์ แสงไฟขับแววตาของท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ให้ชัดขึ้น แววตานั้นคล้ายถามถึงชะตาของแอสซาสซิน ว่าเป็นไปอย่างที่ควรเป็นไปหรือไม่

‘ราชาของข้า ท่านได้ประหารมันแล้วใช่หรือไม่’

“ฝ่าบาท…” เอริแอดเน่ทวงถามซิกฟรีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไร

“เราให้มันชดใช้ด้วยหัวใจมังกร” ราชาเอลฟ์สั่งให้ทหารเคลื่อนขบวนออกจากถ้ำ

กษัตริย์ใช้งานนักฆ่าหรือ เอริแอดเน่จะคัดค้าน นางบังคับม้าให้ตีคู่องค์ราชาอย่างสุภาพ ก่อนจะเอ่ยแค่พอได้ยินกันสองคน "เมื่อเสร็จงานแล้วท่านจะประหารมันใช่หรือไม่"

แม้ซิกฟรีดจะตรากฎหมายให้ดาร์กเอลฟ์ที่ขึ้นทะเบียนออกมาอยู่ในที่สว่างได้ สามารถประกอบอาชีพได้ แต่เรื่องนี้ยังใหม่สำหรับประชาชนมาก หากแพร่งพรายออกไปคงไม่ดี

โดยเฉพาะ...เมื่อกบฏจากเผ่ามืดคือผู้ลอบปลงพระชนม์คิงเฟรธูริน อาร์ธีออน รูเมเรียร์ และคิงริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์ พระเชษฐาทั้งสองของราชาองค์ปัจจุบัน ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์

"ไว้เราค่อยตัดสินใจ ท่านหญิง"

ในความเงียบ เสียงหัวใจขององค์ราชาไม่สงบเลย

“อิลราลาน” คิงซิกฟรีดเรียกหาองครักษ์ อิลราลานตอบรับด้วยการดึงบังเหียนม้าเข้ามาใกล้

"มาลแกธอยู่ที่ไหน"

 

โคลด์เร้นกายอยู่ตรงถ้ำด้านล่าง เขาเรียกอิลมาเรด้วยการเป่าปากให้สัญญาณว่าปลอดภัยแล้ว

ดวอร์ฟสาวที่กระโดดน้ำตามลงมามุดออกจากโพรงที่ซ่อนตัว ตัวเธอเปียกมะลอกมะแลก “เอายังไงต่ออ่า เรื่องพระราชาด้วย เขาจะตามล่าเราไหม”

“ไม่ตามล่า ข้าตกลงกับเขาได้แล้ว แต่วันนี้เราทำอะไรไม่ได้อีก ต้องกลับเมืองก่อน”

รังของมังกรศิลาคงอยู่ลึกเข้าไปอีก วันนี้ลูกฝูงของมันตายไปหลายตัว แต่ไม่รู้ว่าภายในรังจะมีเหลืออีกกี่ตัว การกำจัดมังกรศิลาไม่ใช่สิ่งที่โคลด์เตรียมตัวมา เขาต้องกลับไปวางแผนก่อน

แผนที่ไม่ต้องพึ่งซิกฟรีดหรือกำลังทหารของเขา

“ไง”

จู่ๆ สัมผัสหนักๆ ก็ตบลงมาบนบ่าจากด้านหลัง โคลด์ดึงมีดจากเอวตวัดไปยังผู้มาเยือน ทว่าอีกฝ่ายกลับหลบได้อย่างฉิวเฉียด ปลายมีดกรีดหน้ากากคาดปากดังเชียะ!

“ใจเย็น” เสียงทุ้มนุ่มนวลปลอบดาร์กเอลฟ์ซึ่งระวังภัยเต็มที่ เขาค่อยๆ ยกมือปลดหน้ากากรูปสัตว์ร้าย ใบหน้าหล่อเหลาอันแสนคุ้นเคยปรากฎแก่สายตา

“มาลแกธ?”

เอลฟ์เผยยิ้มกว้าง

“ขอบคุณที่ยังจำอาจารย์ของเจ้าได้ โคลด์ สตาร์”

—————————————————————————

A/N ตัวละครใหม่! 'มาลแกธ' คนนี้เราปลื้มมากเลยค่ะ เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า โปรไฟล์ไม่ธรรมดา แล้วก็ถึงเนื้อถึงตัวด้วย  :-[

ป.ล. ความสัมพันธ์ระหว่างโคลด์กับอิลมาเรคือเป็นเพื่อนกันนะคะ ในนิยายวาย ผู้หญิงไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ แต่ในชีวิตจริง โลกเราก็มีทั้งหญิงและชาย คนที่ห่วงใยกัน เข้าใจกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักกันเสมอไป อีกอย่าง ความเป็นเพื่อนนี่บางทีมันก็คงทนกว่าความเป็นแฟนนะ


อัพเดทครั้งต่อไปวันที่ 31 ธ.ค. 59 ค่ะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยน้า  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2016 01:29:03 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิงเย็นชาจังนะคะ  :hao3: :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovetogether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นนิยายแฟนตาซีที่สนุกมากกกกกกก เข้ามาตามทุกวันเลย   ไรต์เขียนสนุกและน่าติดตามอ่ะ เคยเขียนนิยายมาก่อนรึเปล่าอ่ะ แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ขอให้ไรต์มาต่อทุกวันเลยยยยยยย :mew1: :call:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
คิงเย็นชาจังนะคะ  :hao3: :hao3: :hao3:
แต่มีรักที่เร่าร้อนอยู่นะคะ!!!! ภายในค่ะภายใน ไฟรักสุมทรวง (-3-)

เป็นนิยายแฟนตาซีที่สนุกมากกกกกกก เข้ามาตามทุกวันเลย   ไรต์เขียนสนุกและน่าติดตามอ่ะ เคยเขียนนิยายมาก่อนรึเปล่าอ่ะ แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ขอให้ไรต์มาต่อทุกวันเลยยยยยยย :mew1: :call:
แง ยินดีมากเลยค่ะ ;w; ดีใจที่ได้ยินว่าตามทุกวัน อยากเชียร์ให้อ่านแฟนตาซี BL กัน /ถูไถ  :mew2:
เราเพิ่งเคยลงนิยายในเล้าเป็นครั้งแรก แต่มีผลงานอื่นๆ ที่เคยเขียนและลงในอ่านฟรีในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้หลายเรื่อง
ดูรายละเอียดได้ที่เพจ https://www.facebook.com/ILLREI/
หรือจะ PM มาถามเรื่องแนวที่อยากอ่านก็ได้ค่ะ จะได้แนะนำได้ถูก เราชอบเขียนแฟนตาซี กับแนว Crime / Thriller ค่ะ

สำหรับท่านอื่นๆ อย่าลืมว่าเรามีนัดตอนต่อไปกันพรุ่งนี้ 31 ธ.ค. 59 นะคะ!
เนื้อเรื่องจะขึ้นบทที่ 2 แล้วค่ะ

ออฟไลน์ lovetogether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไรต์จ้า มารึยังงงงงงงง รออยู่นะะะะะะะ
 :mew1: :call:

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ชอบบ แนวนี้หาอ่านย้ากยาก
รอบทต่อไปอยุ่นะคะ :impress2:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 2 : เอลฟ์ตะวันออก (1-2)


"ผะ ผี! ผีเอลฟ์ออกมาจากอากาศ!"

"โอ้ สะดุ้งเหมือนแมวเลย"

เอลฟ์ที่โผล่มาทักแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เสี่ยงจะโดนดาร์กเอลฟ์เชือดคอ เอ่ยทักดอร์ฟสาวที่สะดุ้งโหยงไปหลบอยู่หลังโคลด์

“ใครอะ” อิลมาเรถาม เหมือนได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า ‘อาจารย์’

โคลด์ยืนตัวตรง เก็บมีดเหน็บข้างเอว เขานึกหาคำพูดอยู่ครู่ใหญ่ จ้องเอลฟ์ผู้มีผมสีแปลกตาอยู่นาน จนอิลมาเรกระตุกเสื้อเขาอีกรอบจึงเอ่ยตอบอย่างเสียไม่ได้ “คนรู้จักสมัยก่อน”

"มาลแกธ ล็องธู นามของข้า" เขาโค้งให้อิลมาเร เป็นภาพที่แปลก เมื่อเอลฟ์ย่อตัวแล้วโค้งให้ดวอร์ฟ ราวกับยอมรับว่าอยู่ในฐานะเดียวกัน ผมสีทองเจือแดงตกลงมาจากบ่าเหมือนม่านน้ำตก เปียสงครามที่ถักอยู่บริเวณขมับ ร้อยเครื่องประดับสูงค่า

เอลฟ์ผู้นี้เป็นชาวตะวันออก ชำนาญการรบ และยิ่งชำนาญในสนามรัก

อิลมาเรเขินจนแก้มแดง รอยยิ้มของมาลแกธมีเสน่ห์แบบสตรีคนใดก็ปฏิเสธไม่ได้ “นี่ๆ เขาบอกว่าเป็นอาจารย์ของเจ้า” เธอตื้อถาม

“ก็เคยสอนวิชาให้ข้าในสมัยก่อน” โคลด์ตอบ

อิลมาเรตกใจอีก “เจ้ามีอาจารย์เป็นเอลฟ์?” ดาร์กเอลฟ์มีอาจารย์เป็นเอลฟ์ ประชาชนชาวรูเมเรียร์ร้อยทั้งร้อยย่อมแปลกใจเหมือนเห็นปลาขึ้นมาเดินบนบก

"เรื่องมันยาวน่ะ"

"ควันของเจ้าทำให้ซิกฟรีดหงุดหงิดมาก" มาลแกธจุปาก คล้ายดุเด็กซุกซนหน่อยๆ

“ข้าทำสิ่งที่ต้องทำต่างหาก”

"ข้าสอนเจ้าดีเกินไป เรื่องที่ทำให้คนอื่นปวดหัวน่ะ"

"เขาโมโหง่ายขึ้นหรือไม่" โคลด์ถามเรียบๆ ซิกฟรีดในความทรงจำของเขาเงียบขรึมและใจเย็นกว่าในตอนนี้

“ถ้าจะคุยกันเรื่องของเขา เราคงต้องใช้เวลาทั้งคืน”

มาลแกธมองโคลด์และอิลมาเรที่เปียกไปทั้งตัว รวมถึงสภาพถ้ำที่ทั้งชื้นและเหม็นมูลมังกร

“และไม่ใช่ในถ้ำนี้แน่นอน”

 

ออกจากถ้ำมาได้ฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว บิดาและมารดาแห่งนภาอุ้มบุตรพระจันทร์ขึ้นทอแสงนวลตา ส่องลงมายังพื้นโลก เมตตาให้ทางที่มาลแกธ โคลด์ และอิลมาเรใช้เดินทางกลับไม่มืดเกินไปนัก

ทั้งสามแวะพักเมืองใกล้ๆ เพราะเมืองหลวง—เอวา เธมาร์อยู่ไกลเกินไป เมื่อเลือกโรงเตี๊ยมได้ก็มานั่งกินอาหารในร้านแบบบ้านๆ

มาลแกธถอดเกราะออก ผูกไว้กับม้าที่อิลราลานคงเอ่ยปากขอคิงซิกฟรีดให้ทิ้งเอาไว้หน้าปากถ้ำตัวหนึ่ง เขาจ่ายเงินให้อิลมาเรแลกกับผ้าไว้คลุมสัมภาระ อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวมือดีมาขโมย เพียงแต่เกราะประทับตราทหารส่วนพระองค์จะทำให้เขาสะดุดตาเกินไป

“ข้าเป็นเอลฟ์ง่ายๆ” มาลแกธบอกอิลมาเร “และถ้าเจ้าของร้านมาสอพลอคงทำให้พวกเราหมดสนุกแน่” เขาขยิบตาพลางดึงฮู้ดขึ้นมาปกปิดผมสีแปลกและใบหน้าหล่อเหลือร้าย

ในร้าน อิลมาเรสั่งซุปมากินเป็นชามที่สี่ ขณะที่มาลแกธดื่มเบียร์เหมือนน้ำ ชามและเหยือกเบียร์ของทั้งคู่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนโคลด์กินเหมือนแมวดม เขากัดเนื้อแห้งชิ้นเล็กเงียบๆ เคี้ยวแล้วเคี้ยวอีกก่อนกลืนลงไป

"เจ้าพูดน้อยจริงๆ เหมือนสลับกับซิกฟรีด" มาลแกธตั้งข้อสังเกต มือใหญ่ดันเหยือกเบียร์ไปตรงหน้าโคลด์ “สักหน่อยสิ”

โคลด์ปฏิเสธด้วยการกินเนื้อแห้งชิ้นเล็กของตัวเองต่อ

เขาสวมฮู้ดปิดหน้าปิดตา พวกแอสซาสซินถ้าใส่ชุดปิดหมดก็ยากจะแยกว่าเป็นเอลฟ์หรือดาร์กเอลฟ์ เนื่องจากทั้งสองเผ่ามีรูปร่างใกล้เคียงกัน สำหรับมาลแกธ มันยากที่จะรู้ว่าโคลด์กำลังแสดงสีหน้าอย่างไร

"เขาพูดมากหรือ" โคลด์ถามเมื่อกินเสร็จ

"เหมือนเอาความอัดอั้นที่ไม่ได้พูดตลอดสิบปี มาระบายภายในสามปี"

"ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะพูดเก่ง" ดาร์กเอลฟ์แปลกใจเล็กน้อย

"อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปโคลด์สตาร์" มาลแกธหัวเราะเบาๆ เขายินดีที่อีกฝ่ายแสดงอารมณ์บ้าง โคลด์คงไม่สังเกตตัวเอง แต่มาลแกธทราบ น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ใบหน้าใต้ผ้าคลุมที่เงยขึ้นมาคล้ายตั้งใจฟัง อาการเกร็งของร่างกายโดยเฉพาะไหล่คลายลง

“และ...เขาคงอยากพูดก่อนที่จะไม่ได้พูดกระมัง”

“ข้าก็เห็นเขาพูดจาดีอยู่”

“ถ้าเจ้าสังเกต เสียงของเขาเปลี่ยนไปหน่อยๆ”

ไม่หน่อยละ เปลี่ยนไปอย่างมากเลย

เสียงของซิกฟรีดแตกพร่า หากพูดเป็นประโยคยาวๆ ก็แทบจับความไม่ได้

มาลแกธชี้ที่คอ “โดนกระแทกซ้ำๆ” แล้วชี้ที่หู “โดนตบหลายครั้ง” ก่อนจะเอามือวางบนหน้าข้างซ้าย

“ส่วนตรงนี้โดนคำสาปมืด”

เส้นเสียงถูกทำลาย หูเกือบดับ ส่วนใบหน้าเสียโฉม

ฟังมาลแกธบอกเล่าไม่กี่คำ สามารถนึกถึงความทรมานทางกายและใจของซิกฟรีดได้ดีทีเดียว

เอลฟ์ตะวันออกสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

“ท่านเล่าให้ฟังเพื่อให้ข้าแสดงความเห็นใจหรือ ถ้าเขาต้องการความเห็นใจ เขาก็ไม่ใช่นายทาสที่คุมตัวข้าไว้นานเป็นสิบปี”

อิลมาเรมองเหลอหลา เธอไม่ทราบอดีตของโคลด์เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเล่า นับจากคบหากันมาราวสามปี นี่เป็นอดีตแรกที่ดาร์กเอลฟ์ยอมเปิดเผย

มาลแกธยักไหล่ “นั่นสินะ”

อิลมาเรปะติดปะต่อความสัมพันธ์ของโคลด์กับราชาเอลฟ์ โดยมีมาลแกธหันมาอธิบายบางครั้งเวลาเห็นเธอขมวดคิ้ว หรือไม่ก็ทำตาโตแบบอยากรู้อยากเห็น จนพอสั่งซุปชามที่ห้า อิลมาเรก็เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง (ซึ่งไม่รู้ว่าควรเชื่อเอลฟ์ตะวันออกสักแค่ไหน)

"แล้วท่านไม่ต้องรีบกลับไปรับใช้เขาหรือ" โคลด์ถาม

"เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบที่ดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย...เจ้าดื่มเหล้าไหม ที่นี่มีเหล้าแบบเย็นด้วยนา"

มาลแกธยกมือสั่งเหล้าแช่เย็นแบบพิเศษให้โคลด์ เขาตั้งใจจะหยุดบทสนทนาเกี่ยวกับซิกฟรีดด้วยการสังสรรค์

“คุณผู้หญิงต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่”

“ไม่ค่า!” อิลมาเรปลื้มกับคำเรียกแสนสุภาพ เธอดันศอกยิกๆ ให้โคลด์ร่วมดื่ม อย่าเสียมารยาท

โคลด์จึงยกแก้ว ดื่มเหล้าเย็นจัด

"ข้าชอบเจ้าตอนพยายามหนี ข้าถึงสอนวิชาให้เจ้า" ความหลังระหว่างศิษย์และอาจารย์คู่นี้ซับซ้อนพอๆ กับเรื่องทาสและเจ้านาย

"ข้าไม่ต้องพยายามแล้ว ข้าเป็นไท" โคลด์กระดกแก้วเหล้า รอให้หยดสุดท้ายไหลลงลำคอ แต่มันค้างอยู่อย่างนั้น เหมือนเวลาร้องไห้แล้วน้ำตาไม่ไหล เพราะซิกฟรีดยังประทับตราทาสไว้บนอกเขา ใช่ว่าเขามีอิสระอย่างแท้จริง

ก่อนมาลแกธจะพบโคลด์ โคลด์รับใช้ซิกฟรีดอยู่ในสำนักควาร์ ช่วงหนีใหม่ๆ ดาร์กเอลฟ์เกือบตาย หนีจนโดนลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งวันหนึ่ง ซิกฟรีดบอกอนุญาตให้ไปได้ แต่พอโคลด์ก้าวออกจากอาศรมเขากลับต้องหนีการตามล่าจากควาร์คนอื่นเหมือนหมา ซิกฟรีดผิดคำพูด ไม่ปล่อยเขาไป

จากหมากลายเป็นหมาจนตรอก ดาร์กเอลฟ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิสระ ทว่าหลังจากได้แผลที่หูเป็นการลงโทษ เขาก็หยุดหนีคล้ายปลงได้ ยอมรับใช้ซิกฟรีดจนถึงวันแยกทางเมื่อสามปีก่อน

หลังแยกทาง โคลด์เลี้ยงชีพด้วยสิ่งที่เรียนมาจากมาลแกธ ศพแรกตามด้วยศพที่สอง...และศพต่อๆ มา ในที่สุดเขาก็ใช้ชีวิตอยู่บนซากศพ—เป็นแอสซาสซิน

“ข้าดีใจที่เจ้าไม่ลืมสิ่งที่ข้าสอนไว้ เหมือนที่ข้าเคยบอก เป็นแอสซาสซินดีที่สุด”

“อ้อ ท่านมาลแกธเป็นแรงบันดาลใจของเจ้านี่เอง” อิลมาเรช่วยผสมโรง

โคลด์นิ่งคิด “ถ้าไม่เป็นแอสซาสซิน ข้าก็ต้องเรียนวิชา อ๊ะๆ อาๆ ที่เขาสอนควาร์หน้าตาน่ารักอีกวิชา ข้าไม่เห็นว่ามันมีประโยชน์นัก เลยเลือกเรียนวิชาแอสซาสซินที่ดูมีประโยชน์กว่า”

อิลมาเรเลิกคิ้วถาม “อะไรคือวิชาอ๊ะๆ อาๆ”

“เพราะไม่ได้เลือกเรียนวิชานั้น ข้าจึงไม่ทราบเนื้อหา ทราบแต่ว่าควาร์ที่จะเรียนได้ต้องหน้าตาน่ารักๆ หน่อย พอเข้าห้องเรียนไปก็มีแต่เสียงอ๊ะๆ อาๆ ลอดออกมา ดีตรงที่ควาร์ทุกคนที่เข้าเรียนกับเขาไม่มีใครรังแกข้า เพราะถ้ามาระรานข้าที่เป็นลูกศิษย์เหมือนกัน มาลแกธจะเลิกสอนวิชาให้”

อิลมาเรหันไปมองมาลแกธด้วยความนับถือ “ท่านทั้งรอบรู้ รอบคอบ และมีน้ำใจ!”

มาลแกธยิ้มให้อิลมาเร ก่อนจะหันมายิ้มให้โคลด์ มันเป็นรอยยิ้มที่อ่านได้ว่า ‘ข้าจะทดไว้เอาคืนเจ้าทีหลัง’

“เขามีลูกศิษย์เยอะ วิชาอ๊ะๆ อาๆ ของเขาจึงช่วยข้าได้มากทีเดียว" โคลด์เสริม ยังไม่รู้สึกตัว

ตอนซิกฟรีดอายุสิบห้า เขาเคยห้ามโคลด์คุยกับมาลแกธโดยไม่บอกเหตุผล แต่โคลด์ปฏิเสธ

 

“ข้าต้องเรียนวิชากับเขา ข้าเลิกพูดกับเขาไม่ได้”

ซิกฟรีดขมวดคิ้ว เป็นการแสดงอารมณ์ที่มากที่สุดในตอนนั้น ในใจเขาคิดว่า ‘กลัวไม่ได้เรียนวิชาอ๊ะๆ อาๆ อะไรนั่นขนาดนั้นเลยหรือ’

“ถ้าอยากเรียน ข้าสอนได้” ซิกฟรีดตอบ

“แต่ข้าไม่อยากเรียนกับเจ้า” ในใจโคลด์คิดว่า ‘ข้าจะเรียนเป็นแอสซาสซิน ไม่ใช่นักดาบ’ เพราะซิกฟรีดเรียนวิชาดาบใหญ่ซึ่งโคลด์ไม่ชอบใช้

หลังจากนั้นซิกฟรีดก็ดวลกับมาลแกธ เป็นการดวลที่ดุเดือดน่าจดจำทีเดียว


 

การรำลึกอดีตจบลงแค่นั้น โคลด์วางแก้วเหล้ากระทบโต๊ะเบาๆ “ตอนนี้ข้าเป็นอิสรชน และสบายดี”

มาลแกธวางสายตาบนมือของโคลด์ "งั้นหรือ" เขาเอ่ยลอยๆ ขณะที่มองทะลุเข้าไปภายในใจของดาร์กเอลฟ์

มาลแกธเห็นคนที่ถูกขังอยู่ในกรง ใบหน้าแบบนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากผู้ที่โดนริบอิสระ ทว่า มาลแกธไม่ได้นึกถึงซิกฟรีด เขาคิดว่าโคลด์ สตาร์ขังตัวเองไว้ ด้วยเหตุใด เขาไม่ทราบ สัญชาตญาณและประสบการณ์บอกเขาเพียงเท่านั้น

“เรากลับที่พักกันดีกว่าเนอะ” อิลมาเรเสนอ แล้วหันไปบอกโคลด์ “ค่าอาหารของเจ้า ข้าไม่ให้ยืมเงินหรอกนะ”

"ข้าจ่ายเอง" มาลแกธเสนอตัวเลี้ยง

โคลด์รับน้ำใจ เพราะช่วงนี้รายได้ฝืดเคือง

แน่นอน อิลมาเรผู้เป็นดวอร์ฟหัวการค้าก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน

 

สมาชิกกลุ่มประหลาดที่ประกอบด้วยเอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ และดวอร์ฟนั่งประชุมกันตรงโต๊ะเล็กในห้องพักโรงเตี๊ยม

"สรุปแล้ว เจ้าต้องฆ่ามังกรศิลาให้พระราชา…” อิลมาเรเอ่ยเมื่อได้ทราบเรื่องทั้งหมด เธอปล่อยผมสีน้ำตาลอ่อนประบ่า เช็ดผมไปด้วยเพราะเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ “แล้วท่านมาลแกธมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ข้าเป็นเอลฟ์ตะวันออก เห็นลูกศิษย์เดือดร้อนก็อยากช่วยเหลือ”

อันที่จริงมาลแกธได้รับข้อความลับจากคิงซิกฟรีดผ่าน ‘เงาสังหาร’ ข้อความนั้นกล่าวชัดว่า ‘จงช่วยเหลือโคลด์ สตาร์จนสำเร็จภารกิจ’ แต่เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ทั้งคู่ฟัง

หากเอลฟ์ตะวันออกที่ขึ้นชื่อเรื่องทำอะไรตามใจตน จะรู้จักยึดคติประจำใจอย่างเอลฟ์รูเมเรียร์บ้าง มาลแกธ ล็องธูคงยึดคติ ‘ข้อเท็จจริงมันน่าเบื่อ’ เป็นอันดับแรก

“โอ้โห เจ้ามีอาจารย์ใจดีจังเลย” อิลมาเรไม่ค่อยได้ค้าขายนอกอาณาจักรรูเมเรียร์ เลยเชื่อว่าเอลฟ์ตะวันออกไม่แบ่งชนชั้นเท่าเอลฟ์ในแดนกลาง

เป็นโคลด์ที่สีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน “เขาไม่ได้ใจดีตรงไหนเลย คิงซิกฟรีดพาทหารมือดีมาเป็นกองเพื่อฆ่ามังกรศิลา แต่ข้ามีคนเดียว เพิ่มมาลแกธมาอีกคนก็เทียบกับทหารทั้งกองนั้นไม่ได้หรอก แต่มาลแกธชอบเรื่องสนุก เขามาดูว่าข้าจะแก้ปัญหายังไงมากกว่า”

“เจ็บปวดจริงๆ” มาลแกธยกมือวางบนหน้าอก “เจ้ามองข้าอย่างนั้นหรือนี่”

“เรารู้จักกันมานานพอสมควร ‘อาจารย์’ ” โคลด์ยอมเรียกมาลแกธแบบนี้ แต่อิลมาเรฟังแล้วไม่เห็นมันดูสนิทสนมตรงไหนเลย

“เรารู้จักกัน ‘ดี’ ทีเดียวเชียว”

“ข้ามีแผนการ ไม่ต้องห่วง ท่านรายงานซิกฟรีดได้เลยว่าข้าไม่ได้รับปากพล่อยๆ” โคลด์ไม่เชื่อว่ามาลแกธอยากมาช่วยเขาเอง เรื่องบางเรื่องดาร์กเอลฟ์ดูใสซื่อ แต่บางเรื่องกลับฉลาด

ดวงตาของมาลแกธยิ้ม ปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาดูเหมือนผู้ที่กุมความลับซึ่งอีกฝ่ายไม่รู้ และจงใจแสดงออกราวกับเด็กที่ต้องการเปิดเผยมันเต็มที

เขาชอบความสัมพันธ์ระหว่างราชาเอลฟ์กับทาส ทั้งคู่มองเห็นกันละกันไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ชมอย่างเขา มันโจ่งแจ้งเสียจนน่าขัน เขาชอบเรื่องสนุกอย่างนั้นหรือ

ถูกต้องแล้ว โคลด์ สตาร์

“แล้วแผนการที่ว่าคือ…” อิลมาเรเร่งให้เข้าประเด็น

"ขั้นแรกข้าต้องมีอาวุธไว้ฆ่ามังกร ข้าต้องซ่อมบีฟอร์ซก่อน" บีฟอร์ซคือชื่อมีดสั้นน้ำแข็งของโคลด์ อาวุธเวทระดับสูงมักมีชื่อเรียก โคลด์ถนัดเวทสายเพิ่มพลังโจมตีให้แก่อาวุธ น้ำแข็งก็เป็นหนึ่งในธาตุที่เข้ากับดาร์กเอลฟ์

"ไม่ ข้าไม่ให้เจ้ายืมเงินหรอก" อิลมาเรกอดอกขึงขัง “ค่าซ่อมอาวุธเวทมันแพงมาก เจ้าก็ทราบ”

โคลด์ทราบว่าอิลมาเรกำลังต่อรอง แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก มาลแกธกลับเอ่ยแทรก

"แต่ข้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินที่รัก" มาลแกธตบกระเป๋าคาดสะโพก

ดวอร์ฟสาวเลิกคิ้ว มองโคลด์ด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมแดง

เขาเรียกเจ้าว่าที่รัก!?!

เขาไม่มีปัญหาเรื่องเงินทองด้วย!

ถุงเงินถุงทองของเจ้าอยู่นี่แล้ว!


โคลด์ทำหน้ายู่แบบไม่เคยทำมาก่อน “หยุดคิดสิ่งที่เจ้ากำลังคิดเลย อิลมาเร มาลแกธ...เป็นเอลฟ์ประหลาด เขาก็เรียกทุกคนแบบนั้นแหละ ข้าได้ยินจนชินแล้ว” เขาหันไปหามาลแกธ “ส่วนเงินของเจ้า ไม่เป็นไร ข้าไม่ต้องการ"

โคลด์ไม่ยอมติดหนี้เอลฟ์เด็ดขาด เลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อกับค่าซ่อมมีดสั้นราคาต่างกันคนละโยชน์

"ข้าอยากกินช็อกโกแลต" มาลแกธทำหน้าตาจริงจัง ก่อนจะหันไปคุยกับอิลมาเร “เมืองหลวงหาช็อกโกแลตดีๆ กินยากเหลือเกิน ช่วงนี้ท่านหญิงท่านชายเชื่อว่าช็อกโกแลตเลวร้ายพอๆ กับฝิ่น ติดแล้วเลิกยาก พอเจ้านายไม่กิน ข้ารับใช้ไม่กิน เรื่องหลุดออกมานอกราชวัง ประชาชนตาดำๆ ก็ไม่กินอีก หายากจริง ใช้แทนเงินได้เลยละ”

“ข้ามีช็อกโกแลตเยอะแยะเลย” อิลมาเรไม่เข้าใจธรรมเนียมของเอลฟ์หรอก เธอกระโดดไปเปิดเป้ใบใหญ่แล้วกลับมาพร้อมห่อกระดาษลูกกลมสีเงินๆ ทองๆ เต็มอ้อมแขน

“ไหน” มาลแกธยื่นหน้าไปดู “โอ้ ช็อกโกแลตพวกนี้น่าจะแลกได้...อืม” เอลฟ์ตะวันออกชูนิ้วให้ดวอร์ฟสาวดู

“สามควินน์?”

มาลแกธส่ายหน้า “สามพันต่างหาก”

แม่ค้าดวอร์ฟยิ้มหน้าบาน นี่มันถุงเงินถุงทอง! ช่วงนี้ช็อกโกแลตกินเล่นขายไม่ค่อยออกจริง แล้วราคาสามพันควินน์ก็พันเท่าของราคาจริงด้วยซ้ำ เลือดแม่ค้าในตัวทำให้อิลมาเรอยากจะขายช็อกโกแลตทุกลูกให้ท่านถุงทองจริงๆ

แต่ว่า

“โคลด์ของข้า ข้าช่วยเอง” อิลมาเรหัวเราะ แกะช็อกโกแลตกินแล้วแบ่งมาลแกธ “ถ้าต้องให้เขาพึ่งคนอื่น อีกหน่อยเขาก็ไม่มาพึ่งพาข้าสิเจ้าคะ เงินดีแค่ไหนก็เทียบกับแอสซาสซินดีๆ หนึ่งคนไม่ได้หรอก”

“อืม” มาลแกธหนักใจ “งั้น...เจ้าชอบส่วนไหนของมังกร”

"ข้าจะเลาะฟันมังกรศิลามาให้เจ้าซี่หนึ่ง" โคลด์ชิงพูดตัดหน้า

ดวอร์ฟสาวตาโต ฟันมังกรศิลา ฟันมังกรศิลาเลยนะ! กำไรกว่าที่คิดเสียอีก!

"เอาฟันซี่ที่สวยที่สุด!" อิลมาเรตอบว่องไว เธอบวกลบคูณหารแล้วอยากได้มังกรทั้งตัวมากกว่า แต่พระราชาก็ต้องการ จะแย่งของกับขาใหญ่ที่สุดในรูเมเรียร์ก็ดูไม่ฉลาด (โคลด์ไม่ได้บอกอิลมาเรว่าซิกฟรีดต้องการแค่หัวใจมังกร)

"ข้าให้ฟันมังกรไฟ" มาลแกธเกทับโคลด์ “แถมหนังมังกรศิลาให้ด้วยเอ้า”

($_$)

เหมือนได้ยินเสียงกริ๊งๆ ของเหรียญทองจากสีหน้าของอิลมาเร เธอหันไปทางมาลแกธ "ท่านจะให้ฟันมังกรไฟแก่ข้า เพื่อให้ข้าไม่ช่วยเขา แล้วเขาต้องไปพึ่งท่านหรือ"

"ถูกต้อง เจ้าช่างหลักแหลมนัก"

"ฟันคู่ได้ไหม” อิลมาเรต่อรอง

แน่นอน มาลแกธเป็นเอลฟ์ใจกว้าง "ไม่มีปัญหา"

"ขายเลยค่า นายท่าน!" อิลมาเรยกแขนสองข้างในท่าฮูเร!

โคลด์มองแบบไม่เชื่อสายตา อิลมาเรเพิ่งขายเขา?

"มีดสั้นน้ำแข็ง ถึงมีเงินก็หาช่างซ่อมยากนะ" แอสซาสซินรุ่นใหญ่กระซิบ “เจ้าลดเกราะลงบ้างเถอะ ใช่ว่าข้าจะฉวยโอกาสแทงเจ้าให้ตายตรงนี้เสียเมื่อไหร่”

“ใช่ เจ้าไม่ชอบแทงให้ตายทีเดียว แต่จะค่อยๆ แทงหลายๆ ทีต่างหาก”

“อืม” มาลแกธลูบปาก “ฟังเจ้าพูด ข้าเริ่มคิดไปไกลกว่าการลอบสังหารธรรมดาๆ แล้ว”

โคลด์เงียบ ไตร่ตรอง...สุดท้ายเลือกไม่ต่อปากต่อคำกับมาลแกธ “ตกลง ช่วยซ่อมให้ข้าด้วย ข้าจะถือว่าเจ้าทำเพื่อซิกฟรีด จึงไม่นับเป็นหนี้ที่ข้าต้องใช้คืน”

“สมมติว่าข้าซ่อมมีดให้เจ้าได้แล้วจะอย่างไรต่อ”

โคลด์เอ่ยแผนการขั้นต่อไป

“ข้าต้องการส่าเหล้า ส่าเหล้าชั้นดี เอาแบบดีที่สุด ข้าเห็นตัวจริงของมันแล้ว มังกรศิลาพันธุ์นี้ชอบกินเหล้า เราจะทำให้มันเมา พอเสร็จธุระกับมันเมื่อไหร่ ข้าจะสังหารมันให้เอง”

เรื่องมังกรศิลาชอบกินเหล้าเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวรูเมเรียร์ เนื่องเพราะมังกรศิลาเองก็มีหลายพันธุ์ ไม่ใช่ทุกพันธุ์ที่ชอบกินเหล้า เอลฟ์ไม่มีความรู้เรื่องมังกรมากนัก ดาร์กเอลฟ์สิรู้ดี เพราะมังกรส่วนมากอาศัยอยู่ในแดนทมิฬ

"ซิกฟรีดมีเหล้ามากมาย แต่เจ้าไม่อยากเป็นหนี้ไม่ใช่หรือ” มาลแกธพูดข้อเท็จจริง ซึ่งในกรณีที่ต้องการยั่วโคลด์ เขาถือว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องสนุก

“ข้าเชื่อว่าในวังหลวงหรูหราของเขาน่าจะมี ง่ายและไวกว่าไปหาซื้อเองด้วย” โคลด์มองกระเป๋าสตางค์ฟีบๆ ของตัวเอง “ท่านไปขอเขาสิ อย่างไรนี่ก็เป็นงานของเขาด้วย”

“โคลด์เอ๋ย ข้ามีหน้าที่ช่วยให้เจ้าไม่ตาย การเข้าไปขอส่าเหล้าจากราชาเอลฟ์ ข้าพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ถึงตายอย่างแน่นอน”

“เขาไม่ให้ข้าหรอก เขาเกลียดข้าจะตาย” โคลด์นึกภาพซิกฟรีดเอาแต่ไล่ฟันเขาในถ้ำมังกร

“ไม่ลองไม่รู้ หรือเราจะหาเหล้าเถื่อนใกล้ๆ แทนล่ะ”

มาลแกธกำลังสนุกกับกระเป๋าสตางค์ฟีบๆ ของเขา โคลด์รู้เลย “ท่านบอกจุดที่มีเหล้าในวังมา ข้าจะเข้าไปขโมยเอง”

โคลด์ไม่เสี่ยงกับเหล้าเถื่อนไร้คุณภาพ เขาบอกแล้วว่าต้องการของชั้นดีมากๆ

เอลฟ์ตะวันออกยิ้ม

เป็นยิ้มด้วยตาที่ไม่น่าอภิรมย์

“เจ้ารู้จักเงาสังหารหรือเปล่า”

 —————————————————————————

A/N อิ่มมั้ยคะ อิ่มเนอะ มีความแย่งกัน มีความเลือกเชียร์ไม่ถูก (-3-)

ป.ล. สวัสดีปีใหม่ 2017 ล่วงหน้า อ่านนิยายรอเคานต์ดาวน์กันค่ะ!


อัพเดทครั้งต่อไป วันที่ 2 ม.ค. 60 นะคะ  :mc4:


ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ซีดฟรีด อยากได้โคลเป็นภรรเมียก็บอกไปดิ ตรงๆ
 :ruready

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ไรต์จ้า มารึยังงงงงงงง รออยู่นะะะะะะะ
 :mew1: :call:
มาต่อแล้วจ้า อ่านรึยังเอ่ย จุ๊บๆ สวัสดีปีใหม่นะคะ ;)

ชอบบ แนวนี้หาอ่านย้ากยาก
รอบทต่อไปอยุ่นะคะ :impress2:
คนนี้จำชื่อได้ อยู่กันมาตั้งกะลงวันแรกๆ สวัสดีปีใหม่นะคะ เดือนนี้อัพให้อ่านทั้งเดือนเลยจ้า -3-

ซีดฟรีด อยากได้โคลเป็นภรรเมียก็บอกไปดิ ตรงๆ
 :ruready
สวัสดีปีใหม่ค่ะ /จริงๆ ก็อยากได้ใจจะขาดเนอะ /ซุบซิบๆ


สำหรับนักอ่านทุกท่านที่ตามอ่านอยู่ สวัสดีปีใหม่ 1 มกราคม 2017! ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ ใครไปเที่ยวขอให้เดินทางปลอดภัย ใครอยู่บ้านก็ฉลองให้สนุก ขอให้เป็นปีใหม่ที่ดี มีความสุข และขอฝากเนื้อฝากตัวในปี 2017 นี้ด้วยค่ะ!

ป.ล. มาลแกธก็ดันโคลด์ไปหาซิกฟรีดจนได้ ประมาณอยากได้เองแต่ก็อยากให้เขาได้กันเรอะ...ตอนหน้าซิกฟรีด & โคลด์ เต็มๆ เลยค่ะ ;)


ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz


อย่าลืมนะคะ อัพเดทตอนต่อไป วันที่ 2 ม.ค. 60 วันพรุ่งนี้ค่ะ!

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 2 : เอลฟ์ตะวันออก (3)

มาลแกธ โคลด์ และอิลมาเรนอนพักในโรงเตี๊ยมชนบทหนึ่งคืน รุ่งเช้า อิลมาเรอยู่เฝ้าสัมภาระ ส่วนโคลด์เดินทางเข้าเมืองหลวงกับมาลแกธ

เอวา เธมาร์เป็นเมืองที่ไม่ครึกครื้นนักเมื่อเทียบกับเมืองชนบท ออกจะเงียบ จนได้ยินเสียงพิณจากวิหารบูชาเหล่าบิดาและมารดาอาบบรรยากาศไปทั่ว ในเมืองมีคลองขนาดเล็กหลายสายแทรกอยู่ราวกับลวดลายของกลีบดอกไม้อันวิจิตร กิ่งก้านของต้นไม้แผ่สาขาออกไปคล้องเกี่ยวกันให้ร่มเงาตามเส้นทางสายหลัก พื้นหินอ่อนขัดเงาวับจนโคลด์เห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนกลับมา

มาลแกธบังคับม้าออกไปยังเส้นทางสายเล็ก พอถึงจตุรัสที่มีบ่อน้ำร้างตั้งอยู่ตรงกลาง เขาก็ให้โคลด์ลงจากหลังม้าก่อน

“เงาสังหารจะมารับเจ้าที่นี่”

จตุรัสแห่งนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของพระราชวัง บ้านเรือนบางตา ทว่าต้นไม้ขึ้นครึ้มอย่างอิสระ โคลด์เหมือนได้ยินเสียงกระซิบลึกลับอย่างอื่นที่ไม่ใช่เสียงพิณ

“เจ้าลอบเข้าไป คุยหยอกล้อกันนิดหน่อย เอาส่าเหล้าแล้วก็กลับ ทำได้ไหม”

“ข้าไม่คุยหยอกล้อกับเขา ดาร์กเอลฟ์เดินเข้าวังของเขาก็ทำเขาเสียเกียรติแล้ว” โคลด์ไม่เคยได้ยินเรื่องเงาสังหารมาก่อน แต่ไม่แปลกใจที่พระราชาจะเลี้ยงนักฆ่าไว้เอง ออกกฎห้ามคนอื่นมี แต่ตัวเองมีได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้มีอำนาจ

เขาจะไม่ไปพบซิกฟรีด แต่ให้เงาสังหารอะไรที่ว่าพาไปเอาส่าเหล้าเลย

ดาร์กเอลฟ์รู้สึกเสียววาบบริเวณหลังคอ ราวกับถูกจ่อด้วยคมมีด เขาหันกลับไปด้วยสัญชาตญาณ พร้อมกับวางมือบนด้ามมีดของตนเพื่อเตรียมพร้อม

มีเงาหนึ่งจ้องโคลด์จากร่มไม้ ที่เอ่ยว่า ‘เงา’ นั้นไม่ผิดไปจากความเป็นจริง อีกฝ่ายเป็นเอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ หรือมนุษย์ไม่อาจทราบได้ จากทั้งระยะห่าง และจากรูปลักษณ์ที่ดูเลือนรางคล้ายฝุ่นที่ไหวตามลม

“เขาชื่อกอห์นดีเอน” มาลแกธแนะนำ “เป็นควาร์...เป็นทั้งสหายและศัตรู”

“ของใคร”

“การเมืองน่าเบื่อ เจ้าไม่อยากรู้หรอก”

โคลด์ไม่อยากรู้จริงๆ แค่เรื่องของตัวเองเขาก็มีสิ่งต้องทำมากพออยู่แล้ว

มาลแกธชักม้าจากไป เงาจ้องมองอยู่ โคลด์อาจคิดไปเอง แต่เขารู้สึกว่าเงากำลังกวักมือเรียก

พอเข้าไปใกล้ โคลด์จึงเห็นว่ากอห์นดีเอนถูกคลุมด้วยฝุ่นดินสีดำ ฝุ่นนั้นละเอียดเป็นละออง ลอยพลิ้วในอากาศ ดูแล้วคล้ายม่านบางเบาสีดำ

กอห์นดีเอนไม่พูดมาก อันที่จริงเขาไม่พูดเลย เงาสังหารพาโคลด์ลัดเลาะไปถึงกำแพงหินอ่อนทิศตะวันตกของราชวังรูเมเรียร์ ราชวังมีคูน้ำโดยรอบ กอห์นดีเอนเดินลงไปถึงเอวแล้วจึงหันมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“กลั้นหายใจได้นานเท่าไหร่” คำถามแรกจากเอลฟ์ประหยัดคำพูด

“มากเท่าที่แอสซาสซินที่ดีจะทำได้”

เงาพาตัวเองลงน้ำทันที

ทั้งคู่ดำน้ำโดยอาศัยแสงเพียงเล็กน้อยจากจี้ไพลินของกอห์นดีเอน โคลด์เพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายใช้อุปกรณ์เวทสร้างฟองอากาศคลุมศีรษะ เงาสังหารดำน้ำด้วยท่าทางประหลาด เลี้ยวไปทางซ้ายทีขวาที โคลด์ว่ายตาม ไม่ลดการระวังตัว

‘ระวังหลง’ กอห์นดีเอนเตือน คูน้ำมีลูกเล่นแฝงของมัน เอาไว้ป้องกันพวกแอสซาสซิน ความจริงแล้ว คนประดิษฐ์ก็คือกอห์นดีเอนนี่ละ

ดำไปสักพักกอห์นดีเอนก็พาโคลด์มาโผล่ที่วิหารแห่งหนึ่ง เป็นวิหารที่อยู่ในเขตราชวัง โอ่โถง แต่เรียบง่ายผิดวิสัยเอลฟ์รูเมเรียร์ ที่นี่ปกคลุมด้วยบรรยากาศชวนให้ผ่อนคลาย

“คิงซิกฟรีดประทับในห้องส่วนพระองค์”

มาเหมือนเงา ไปเหมือนเงา กอห์นดีเอนไม่เอ่ยคำลา

โดนมาลแกธหักหลังเข้าเต็มๆ โคลด์คิดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน ทั้งที่เขาย้ำแล้วว่าจะไม่เจอซิกฟรีด มาลแกธยังทำกับเขาได้

เสียงพิณแปลกแปร่งดังมาจากชั้นบน เสียงที่โคลด์คุ้นเคย ใครจะเล่นพิณได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้ไม่มีแล้ว

โคลด์ข่มความไม่อยากเจอลงไป เขาปาดน้ำออกจากตัวพอให้หมาด ค่อยๆ เคลื่อนไหวหลบเร้นหลังเสาต้นใหญ่ เดินไปก็คอยเช็ดรอยน้ำไป แม้ไม่เห็นใครอื่นอยู่ในวิหาร แอสซาสซินที่ดีก็ไม่ควรทิ้งรอยเท้าเปียกน้ำไว้

“ใคร” ซิกฟรีดถามตั้งแต่โคลด์ยังก้าวค้างอยู่บนบันได เสียงพิณหยุดแล้ว เหลือเพียงเสียงของราชาเอลฟ์ที่สะท้อนก้องไปมา

เจ้าของบ้านถามแล้วโคลด์ก็ตอบ เขาออกจากเงามืดของซุ้มประตูโค้ง เดินเข้ามายืนต่อหน้าพระราชา

ภาพดาร์กเอลฟ์ผมสีเงิน ผิวสีม่วงอมเทาเป็นเหมือนรอยด่างของวิหารใต้แสงขาวนวล

"เข้ามาคุยกันดีๆ เถิด" ซิกฟรีดไม่มีแววขุ่นเคืองในวันนี้ หรือเขาอาจลงกับพิณไปหมดแล้ว สายพิณถึงขาดจนเสียงเพี้ยนอย่างนั้น

“สายพิณท่านขาดอีกแล้ว” โคลด์เอ่ย

“เจ้าคงไม่ได้มาเพื่อทักว่าเสียงเพลงของข้าระคายหูใช่ไหม”

ซิกฟรีดสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวปักด้วยดิ้นเงินแบบเอลฟ์รูเมเรียร์ นิ้วชี้ด้านขวาที่สวมแหวนมรกตเกี่ยวสายพิณ พอปล่อยมันส่งเสียงทุ้มประหลาด คล้ายเสียงหัวเราะของราชา ใบหน้าด้านขวาเผยยิ้มงดงาม แต่ใบหน้าด้านซ้ายซ่อนอยู่ใต้หน้ากากเงินหรูหราทว่าไร้อารมณ์

โคลด์คุกเข่าลงด้วยท่าทางถูกต้องตามระเบียบการของเอลฟ์ ท่าที่เขาถูกฝึกมาเป็นสิบปี “ข้ามาขอความช่วยเหลือในการปราบมังกรศิลา”

“ทำให้เราสนใจฟังมากขึ้นอีกหน่อย”

“ข้าต้องการส่าเหล้า” โคลด์อธิบายแผนการล่ามังกร “มาลแกธคิดว่าข้าควรมาขอจากท่าน” เขาละเรื่องที่ว่าตนอยากมาหยิบไปเฉยๆ มากกว่าไว้

“ได้ยินว่าเจ้าไม่ขอโดยไม่ให้สิ่งตอบแทน”

“ข้าทำงานให้ท่าน โปรดถือว่านี่คือสิ่งที่ท่านมอบให้โดยเต็มใจเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี” แปลว่า ‘ข้าจะไม่จ่ายอะไร’

ซิกฟรีดผละจากพิณ ก้าวเข้ามาใกล้จนโคลด์เห็นรอยแผลเป็นสีขาวพาดบนลำคอ

ดูท่าซิกฟรีดจะไม่โดนแค่ ‘กระแทกซ้ำๆ’ อย่างที่มาลแกธเล่า ภายในถ้ำโคลด์ไม่เห็นรอยแผลนี้เพราะเกราะบังไว้ ตอนนี้เห็นชัดเจนทีเดียว

“เจ้าจะมอมเหล้ามังกรอย่างไร”

"ก็ให้มันกินเหล้า"

“มันมีสติปัญญามากกว่าเจ้า”

คำถามคือจะเอาให้กินยังไง หลายคนทราบว่ามังกรชั้นสูงพูดได้ แต่ไม่เคยมีใครได้พูดกับมังกรแล้วรอดมาเล่าเท่าไร

"ข้ามีวิธีก็แล้วกัน ข้าแค่ต้องนำหัวใจมังกรกลับมา ถ้าพลาดท่านก็ลงโทษ โปรดอย่าสนใจเรื่องยิบย่อย" โอหัง ดาร์กเอลฟ์ที่ทำตัวนอบน้อมตลอดเวลา แต่มีความโอหังอันปิดไม่มิด...ไม่เคยเปลี่ยน

“ไปหากอห์นดีเอน เขาจะให้สิ่งที่เจ้าต้องการ” ซิกฟรีดโบกมือไล่ “แต่จำไว้ว่าเจ้าติดหนี้ส่าเหล้าของข้า”

หนี้อีกแล้ว แค่นี้ข้าจนไม่พอหรือไง โคลด์ลุกยืน เดินเข้าไปใกล้แบบไม่เกรงใจ “ข้าเบื่อพูดอ้อมค้อมแล้ว เจ้าเอาเปรียบข้าเกินไป ข้าจะไม่ติดหนี้เจ้า เจ้าเอลฟ์กอห์นดีเอนอะไรนั่นเจ้าจะให้ข้าเดินออกไปแล้วตะโกนเรียกมันไหม คนทั้งวังจะได้รู้ว่ามีดาร์กเอลฟ์เข้ามาเหยียบวังเจ้า”

ซิกฟรีดหัวเราะเสียงดัง หากข้ารับใช้มาเห็นคงตกใจ ราชาไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อน

“ข้าพอจะมีของตอบแทนให้ได้ แต่เจ้าห้ามเรื่องมาก” โคลด์เปลี่ยนสรรพนามเรียกซิกฟรีดจาก ‘ท่าน’ เป็น ‘เจ้า’ บอกความสนิทสนมที่ไม่เปิดเผยระหว่างนายกับทาส “แผลนั่น…”

“หืม” ซิกฟรีดแตะหน้ากาก “แผลตรงนี้” แล้วแตะคอ “หรือตรงนี้ล่ะ หรือว่าแผลส่วนไหน”

“ขออนุญาต” โคลด์เอ่ยแล้วแตะข้างหน้ากาก

“โอ เจ้าเล่นรอยรักรอยใหญ่ทีเดียว” ซิกฟรีดขืนตัวเล็กน้อย มันเป็นอาการตอบสนองทันทีโดยที่เขายังควบคุมไม่ได้

“ก็เจ้าเล่นกับไฟ กบฏดาร์กเอลฟ์ทำไว้แสบมากเลยใช่ไหม แต่รอยรักนี้คุ้มค่าแล้วละมั้ง เพราะมันทำให้เจ้าได้คู่หมั้นของพี่ชายมาครอง” โคลด์ล้อเล่นแบบไม่กลัวตาย

สมัยก่อนตอนโคลด์ยังเป็นทาสรับใช้ มีช่วงที่เจ้าชายเอลฟ์ออกจากอาศรมมาร่วมงานเลี้ยงในราชวัง โคลด์เฝ้ายามจากบนต้นไม้แล้วโดนองครักษ์ของท่านหญิงเอริแอดเน่ยิงตกลงมาเพราะนึกว่าเป็นคนร้าย

ซิกฟรีดไม่แม้แต่จะช่วยเขา แค่บอกว่าเป็นข้ารับใช้แล้วให้ไป โคลด์ไปหาที่ทำแผลโดยดึงลูกธนูออกเอง เขาสังเกตว่าซิกฟรีดเอาใจคู่หมั้นของพี่ชายเกินปกติ

ราชาผู้แข็งกร้าวหลุบตาลงเล็กน้อย “พวกเขาลงแรงไปมากกว่าจะทำรอยรักให้ข้าได้”

เขาถอดหน้ากากออก

รอยแผลน่ากลัวปรากฏแก่สายตา ใบหน้าด้านซ้ายของซิกฟรีดคล้ายถูกไฟเผา ผิวหนังละลายราวกับเทียนไขหลั่งน้ำตาสีน้ำนม เส้นเลือดสีเขียวดันออกมาชัดเจน บางส่วนเป็นสีดำ โดยเฉพาะบริเวณใกล้ดวงตา ซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีดำไม่เว้นแม้แต่ตาขาว

โคลด์ถอนใจเฮือก เขาไม่ได้กลัว อาชีพของเขาเจอมาเยอะกว่านี้ “เจ็บมากไหม”

“เทียบกับอะไรเล่า หากเทียบกับการตั้งใจล่ามังกรแล้วสูญเปล่า นี่ก็แค่เจ็บยอก”

"ใครบอกเจ้าว่าหัวใจมังกรชั้นสูงช่วยรักษาบาดแผลได้" โคลด์เปรย "หัวใจเป็นยาก็จริง แต่มันอันตราย"

น้อยครั้งที่โคลด์จะไม่ปิดบังอะไร ทั้งเรื่องที่เขาอยากคุยกับมังกร การวางแผนมอมเหล้า หัวใจมังกรเป็นยา ทาสดาร์กเอลฟ์ต่ำต้อยไม่น่ามีความรู้เหล่านี้

ซิกฟรีดกระตุกยิ้มมุมปาก แผลบนใบหน้าด้านซ้ายดูตึงและเจ็บทีเดียว “ถึงอย่างไรก็ควรค่าแก่การลอง"

"ข้าจะขอ..." โคลด์ยกสองมือขึ้นให้เห็นว่าไม่ได้มีลูกเล่นอะไร

ซิกฟรีดหรี่ตา เขาไม่เชื่อใจดาร์กเอลฟ์พอกันกับที่ดาร์กเอลฟ์ไม่เชื่อใจเขา

"ข้าจะหยิบขวดยาออกมา" โคลด์แตะมือที่เข็มขัดคาดเอว วางค้างไว้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะชักอาวุธ

“อนุญาต”

โคลด์พยักหน้า บนเข็มขัดคาดเอวของเขามีขวดแก้วขนาดเล็กเสียบไว้หลายอัน อาชีพอย่างเขาต้องหลีกเลี่ยงการเข้าโรงหมอให้มากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ต้องเข้าเลย

ส่วนยาพิษที่ซ่อนอยู่ในเข็มขัดคาดอกนั้นไม่นับ

โคลด์เลือกหยิบขวดแก้วบรรจุของเหลวข้นสีแดงขึ้นมา

"ลองใช้ดู นี่คือค่าตอบแทนของข้า" เขาหยดน้ำมันสีแดงลงบนนิ้วแล้วแตะที่ลิ้น พิสูจน์ว่าไม่ใช่ยาพิษ “ปลอดภัย ตกลงไหม"

ซิกฟรีดยกมุมปากสูงขึ้น ใบหน้าด้านซ้ายถูกรั้งจนผิวตึงเห็นเป็นริ้ว

"อนุญาต"

"ข้าจะทาที่แผลของเจ้า" โคลด์หยดยาลงอีกนิ้ว ค่อยๆ ทา

ความเจ็บบนใบหน้าของซิกฟรีดทุเลาลง

กระทั่งไม่รู้สึกอะไรเลย

"ยาชา" นักฆ่าพกยาชาย่อมไม่แปลก โคลด์ยิ้ม "สูตรลับเฉพาะของดาร์กเอลฟ์ ถ้าเจ้าชอบข้ายกให้ ข้าทำขวดใหม่ได้"

แถมวัตถุดิบที่ใช้ทำไม่ต้องเสียเงินซื้อด้วย โคลด์คิดต่อในใจ

ซิกฟรีดมองโคลด์ คล้ายมีความรวดร้าวตีขึ้นมาในแววตาแล้วจางหายไป

ความรวดร้าวที่คล้ายความอาวรณ์

“เอริแอดเน่ ผู้ที่แนะนำให้ล่ามังกรคือพี่หญิงเอริแอดเน่”

“นางไม่ใช่เอลฟ์ไร้เดียงสา” โคลด์ยักไหล่ “เอลฟ์ไร้เดียงสาที่ไหนจะเอาหัวใจสัตว์มาทำเป็นยา แต่ก็อย่างว่าละนะ เอลฟ์ไร้เดียงสาที่ไหนก็คงไม่เป็นหญิงสามกษัตริย์ เจ้าอย่าตายก่อนนางได้คนที่สี่ก็แล้วกัน”

เอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์เคยเป็นคู่หมั้นของคิงเฟรธูริน พี่ชายคนโตของซิกฟรีด ต่อมานางเป็นคู่หมั้นของคิงริวอร์นอร์ พี่ชายคนรอง ตอนนี้นางเป็นคู่หมั้นของน้องชายคนสุดท้อง บุรุษคนสุดท้ายของราชวงศ์รูเมเรียร์

“หุบปากก่อนที่ข้าจะอยากตัดลิ้นเจ้า”

“ขออภัย พระราชา” เสียงของโคลด์กลับไปเย็นชา "ข้าจะเอาหัวใจมังกรมาให้ท่าน ขอบคุณสำหรับส่าเหล้า"

—————————————————————————
A/N ทำไมไม่คุยกันดีๆ นะ สองคนนี้ แง
ป.ล. จะว่าเรื่องนี้ผู้หญิงเยอะ แต่ผู้ชายก็เยอะกว่านะคะ /ฮา ถึงจะยังไม่ถึงบทของกอห์นดีเอน แต่คนนี้เมะ และชอบกินเด็กนะคะ แค็กๆๆ /จริงๆ ก็ไม่เด็กหรอกค่ะ แฟนเขา 25 แล้วแหละ แต่เอลฟ์อายุเป็นร้อยๆ ใครอายุ 20-30 ก็เห็นว่าเป็นเด็กหมด OTL

ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz

อัพเดทครั้งต่อไปคือวันพรุ่งนี้ค่ะ 3 ม.ค. 60  :bye2:

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ตั้งแต่รุ่นดึกดำบรรพ เคยคุยกันจริงจังมั้ย ไม่มี้ บิดาแห่งนภาน่าจับไปทำหมัน ตัดไข่เลย ทำพันธุ์ไม่ได้อีก

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 2 : เอลฟ์ตะวันออก (4)

โคลด์กลับถึงโรงเตี๊ยมตอนรุ่งเช้าของวันต่อมา เขาได้ของที่ต้องการจากเอลฟ์นามกอห์นดีเอนตามที่ซิกฟรีดบอก ในห้องพักไม่มีใคร อิลมาเรคงออกไปค้าขายตามปกติ ส่วนมาลแกธเขาไม่ทราบและไม่ใช่เรื่องที่ต้องสน เพราะอีกฝ่ายกลั่นแกล้งเขา

คงอยู่ที่ที่มีเอลฟ์หน้าตาน่ารักและเหล้า

โคลด์ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยล้า เขานอนนิ่ง ครุ่นคิด คิดถึงซิกฟรีดเป็นส่วนมาก อย่างไรก็เคยอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี

ถ้ายังอยู่ข้างกัน เขาจะปล่อยให้ซิกฟรีดมีแผลแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่นับเรื่องโดนบังคับให้เป็นทาส การที่เขาได้ติดตามซิกฟรีดกลับมาเมืองหลวงในครั้งนั้นก็ช่วยชีวิตเขาไว้เหมือนกัน

โคลด์ส่ายหน้า คิดเรื่องซิกฟรีดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คิดเรื่องมังกรศิลาดีกว่า เขามีเรื่องต้องถามมันให้ได้

ถ้ายังไม่ได้คำตอบมันก็ห้ามตาย!

 

ในเวลาเดียวกัน ซิกฟรีดเพิ่งออกจากวิหาร เขาไม่ได้นอนทั้งคืน ในมือถือสายพิณที่ขาดจากตัวพิณ ตรงไปยังส่วนที่พักของตน

แต่แล้วบางอย่างทำให้ซิกฟรีดเปลี่ยนใจ บรรดาข้ารับใช้ของท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ต้องรับเสด็จอย่างฉุกละหุก ทว่าราชาไม่รอตามพิธี เข้าไปหาคู่หมั้นที่ยังอยู่บนเตียงนอน

ซิกฟรีดเข้าไปกอดเอริแอดเน่ ตระโบมจูบโดยไม่ทันให้ตั้งตัว สัมผัสค่อนข้างรุนแรง คล้ายหงุดหงิดอะไรมา

บทรักเริ่มขึ้นอย่างเร่งร้อน เอริแอดเน่ไม่เคยโดนกอดแบบแนบแน่นขนาดนี้มาก่อน

"ชี่ ราชาที่รักของข้า ท่านโมโหอะไรมา"

ซิกฟรีดระบายลมหายใจเมื่อความแข็งกร้าวได้รับการโอบรัดด้วยความอ่อนนุ่มฉ่ำชื้น “สายพิณของข้าขาด”

"ส่งไปซ่อมแล้วใช่หรือไม่" เอริแอดเน่เสียงพร่า นางจูบปลอบอย่างอ่อนโยน

ซิกฟรีดตอบด้วยการชูสายพิณในมือซ้าย เขากำแน่นราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของใครสักคน

 

“สายพิณขาด” องค์ชายที่สี่เปรย

“ข้าเพิ่งซ่อมให้เจ้าไปเมื่อวาน” ทาสดาร์กเอลฟ์ตอบ ยกมือให้ดูนิ้วที่โดนบาด นิ้วทั้งสิบมีแต่ผ้าพันแผล

ซิกฟรีดจ้องด้วยสายตาที่แปลได้ว่า ‘ซ่อมซะ’

“ก็ได้ๆ ยังไงมันก็หน้าที่ข้า”

มุมปากขององค์ชายผู้เอาแต่ใจมีรอยยิ้มระบายออกมา


 

ราชาหนุ่มขยับช้าลง ทว่าอ่อนหวานและลึกซึ้ง ภาพของใครบางคนซ้อนขึ้นมา แจ่มชัดกว่าใบหน้าของคู่หมั้น ซิกฟรีดให้เอริแอดเน่นอนคว่ำ เขาจูบตรงกกหูอันเป็นส่วนอ่อนไหวของเอลฟ์ เสียงหอบเครือดังกระชั้นตามแรงกระทำ

บุรุษในราชวงศ์รูเมเรียร์ให้เกียรติสตรี แต่ขณะนี้ซิกฟรีดให้นางอยู่ในท่าที่ไม่สมเกียรติ แม้จะเปี่ยมความรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แต่นางฉลาดเฉลียวพอจะทราบว่าซิกฟรีดกำลังฝืนตัว

เอริแอดเน่ขืนร่างกาย เอ่ยบอกให้ช้า นางทราบว่าซิกฟรีดจะยอมถ้านางเอ่ยคำขอ “ข้าทำให้ท่านเปี่ยมสุขได้มากกว่า”

เอริแอดเน่พลิกขึ้นนั่งด้านบน ให้ราชาผู้อ่อนวัยกว่านอนแผ่หงาย นางขยับสะโพกอย่างที่ท่านหญิงผู้เรียบร้อยไม่สมควรทำได้

"อา!" สองเสียงครางประสาน ความนุ่มละมุนยิ่งโอบรัดความเป็นชายอย่างลื่นไหลทว่าแน่นกระชับ สอดใส่เป็นจังหวะ ถี่และเร็ว

มือใหญ่จับเอวของเอริแอดเน่ สุภาพ ทว่าไม่มีความรักเจืออยู่ในสัมผัส ซิกฟรีดมองใบหน้าของนางแต่เห็นคนอื่น

เขาเห็นโคลด์

หลายปีแล้ว อาจเลือนรางไปบ้าง

แต่เขายังจำความรู้สึกที่มีร่วมกับโคลด์ได้

“อา!”

ซิกฟรีดไม่ละสายตา เขากลัวว่าภาพนั้นจะเลือนหายไป โคลด์หวีดร้อง ใบหูแหลมลู่ลง ผิวสีเข้มเรื่อสีแดงจากเลือดที่สูบฉีด ท่าทางของดาร์กเอลฟ์เหมือนทรมาน แต่กลับบดเบียดสะโพกเร่งเร้า เอาใจเขาและตามใจตัวเอง

"ซิก..."

โคลด์หลุดเสียงครางสั้นๆ เป็นชื่อเรียกห้วนสั้นเวลาอยู่กันสองคน ซิกฟรีดดันตัวเองเข้าหา เต็มไปด้วยความต้องการครอบครอง ร่างด้านบนถูกดึงลงมาจูบ สะโพกเบียดหนักแน่น สองแขนแข็งแรงกอดรัดจนไม่มีที่ให้อากาศแทรกเข้าไป

ซิกฟรีดเกร็งก่อนจะกระตุก หลั่งความรักในตัวของอีกฝ่าย ดวงตาสีดำข้างซ้ายอ่อนโยนขึ้น ราวกับสัตว์ร้ายได้รับการปลอบให้สงบ

เอริแอดเน่ซบหน้าลงข้างแก้มชายที่อยู่ด้านล่าง "วันนี้ท่านแปลกไปเล็กน้อย ราชาของข้า" นางเอ่ยแล้วร่ายมนตร์ ใบหน้าซีกซ้ายไร้ความเจ็บเมื่ออยู่ข้างเอริแอดเน่ ซ้ำนางไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหรือหวาดกลัวใบหน้าของเขา

ซิกฟรีดไม่ได้ตอบอะไร เขานวดเคล้นสะโพกและต้นขาให้นาง ใจเหม่อลอย

ได้พบเจ้าแค่สองครั้ง ทำให้ข้าปั่นป่วนขนาดนี้เชียวหรือ...ดาร์กเอลฟ์

ราชาเอลฟ์ระบายลมหายใจยาว

หลังได้หัวใจมังกร เขากับดาร์กเอลฟ์จะสิ้นสุดกัน ไม่มีนาย ไม่มีทาส

จะทำได้หรือ จะปล่อยไปได้จริงหรือ

เสียงกระซิบไร้ที่มาดังแผ่ว ซิกฟรีดขบกราม เขาพลิกเอริแอดเน่ลงแล้วร่วมรักอีกครั้ง

ดวงตาสีดำมีประกายชั่วช้ากลับคืนมาดังเดิม

เอริแอดเน่ไม่เคยสัมผัสความรักจากซิกฟรีด มีแค่ความเมตตาและความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แต่ที่นางต้องการไม่ใช่ความรัก นางต้องการบุตรชาย

จริงหรือ…

เอริแอดเน่ถามตัวเองเช่นกัน

———————————————————————————————

ยามสาย ห้องของโคลด์มีผู้บุกรุกหน้าตาคุ้นเคย มาลแกธถือวิสาสะนำมีดสั้นน้ำแข็งที่ซ่อมเสร็จแล้ว (ด้วยระยะเวลาที่สั้นเหลือเชื่อ) มาให้โคลด์ มันปิ๊งปั๊งเหมือนใหม่ มาลแกธแถมปลอกมีดอันใหม่ให้ด้วย คุ้มเกินคุ้ม

ดาร์กเอลฟ์นอนเหงื่อชุ่มร่าง หลังอาบน้ำเสร็จก็หมดแรง เขานอนสวมเสื้อกับกางเกงหลวมๆ ใต้หมอนมีมีดสั้นซ่อนอยู่

"อิล?"

ที่นอนยุบลง น้ำหนักตัวขนาดนี้ไม่ใช่อิลมาเรอย่างแน่นอน

ไม่ใช่ คนอื่น โคลด์คิด แต่ไม่ได้ชักมีดออกมาเพราะได้กลิ่นหอมแบบบุรุษที่คุ้นเคย

"เป็นไข้หรือ" เสียงทุ้มไพเราะถาม มาลแกธวางหลังมือบนหน้าผากของอดีตลูกศิษย์ นิ้วที่ใช้คีบมวนยาสูบส่งกลิ่นหอมจัด

"ข้าแช่น้ำสองรอบในเวลาสองวัน ที่จริงรอบสองข้าไม่ควรต้องแช่น้ำเลยด้วย ถ้าไม่เพราะใครบางคนคิดว่ามันสนุกดีที่ได้ส่งข้าไปหาซิกฟรีด" หลังออกจากวังหลวง โคลด์ขี่ม้าฝ่าลมหนาวกลับมา แถมเขายังกินน้อย อาบน้ำเย็น ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไม่ไข้ขึ้นสิแปลก

"เสียดาย ควาร์ไม่มีวิชารักษาอาการเจ็บป่วย" มาลแกธล้วงหาบางอย่างในกระเป๋าคาดสะโพก “แต่แอสซาสซินที่รอบคอบจะพกยาไว้เสมอ” เขาชูขวดแก้วบรรจุของเหลวสีดำน่ากลัว

มาลแกธบีบปากโคลด์ บังคับให้ดื่มยาสมุนไพร

“ไม่เอา ไม่ต้อง ข้ากินยาของข้าแล้ว” โคลด์ขืนปาก

“อย่าสงสัยอาจารย์เจ้าสิ” มาลแกธกรอกยาลงปากตัวเอง ยักคิ้วเหมือนจะบอกว่า ‘เห็นไหมเล่า ปลอดภัย’ จากนั้นก็ประกบปากกับโคลด์ ส่งยาให้ดื่ม ไม่ดื่มก็บีบปากให้อ้า ไม่อ้าก็กดหน้าอกให้หายใจไม่ออก จนในที่สุดก็ต้องยอมดื่ม

ตอนแรกโคลด์ยังขืนปากได้ จนโดนกดหน้าอกนั่นแหละ เขาจำไม่ได้ว่ามาลแกธช่างบังคับเช่นนี้ด้วย

ยาสมุนไพรเป็นของดี หลังดื่มได้ไม่นานอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวก็บรรเทาลง มาลแกธแตะหน้าผากและแก้มของโคลด์อีกครั้ง ก่อนเดินหายออกไปนอกห้อง สักพักก็เดินกลับมาพร้อมอ่างน้ำใบใหญ่และผ้าสะอาด

โคลด์ลุกนั่ง ถอดเสื้อชุ่มเหงื่อออก “ข้าทำเองได้” เขาบอก ทิ้งเสื้อลงข้างเตียง

"ขออนุญาต"

เดี๋ยวบังคับ เดี๋ยวตามใจ สมกับเป็นมาลแกธจริงๆ

และการที่ไม่รอคำตอบแต่ลูบผ้าบนตัวของโคลด์เลยก็สมกับเป็นมาลแกธเหมือนกัน

“ข้ากลัวลูกศิษย์คนโปรดตาย” เขาให้เหตุผล

“ข้าไม่ตายด้วยไข้พรรค์นี้หรอก” โคลด์ยอมแพ้ ผิวกายของเขามีร่องรอยแผลเป็นน้อยมากสำหรับคนทำอาชีพนี้ ยกเว้นรอยแผลเก่าตรงกกหูที่ซิกฟรีดเคยทำไว้เพื่อลงโทษ “ตรงหูไม่ต้อง” โคลด์เอียงคอ

“หวงจริง” มาลแกธจุปาก

หากโคลด์ได้เรียนรู้ หรือมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเอลฟ์ตะวันออกสักหน่อย จะทราบว่าการที่มาลแกธมาพยาบาลเขาช่างผิดวิสัยเอามากๆ ชาวตะวันออกไม่พยาบาลใคร ด้วยเชื่อว่าจะสร้างความอ่อนแอให้ทั้งตัวเองและคนผู้นั้น

ดินแดนโพ้นทะเลไม่มีที่สำหรับผู้อ่อนแอ

โคลด์มองตามมือของมาลแกธ แม้จะสีผิวจะเข้มกว่าเอลฟ์รูเมเรียร์หนึ่งเฉด แต่ก็ยังขาวสว่างตัดกับสีผิวของเขาเหมือนสำลีกับถ่าน

“ท่านเคยดูแลดาร์กเอลฟ์มากี่คนแล้ว อาจารย์”

“มากมาย” มาลแกธตอบแบบไม่รู้จริงหรือหลอก เขายกแขนโคลด์ขึ้น เช็ดตั้งแต่หัวไหล่ไปถึงปลายนิ้วอย่างเบามือ

“อืม…” โคลด์จึงหลับตานิ่ง ให้อีกฝ่ายเช็ดตัว เขานอนนิ่งเหมือนสัตว์ป่วยที่เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด "ท่านวางมีดไว้ข้างมือข้าก็พอ...อาจารย์" ริมฝีปากสีม่วงอ่อนขยับเป็นคำว่า ‘ขอบคุณ’ แบบไม่ออกเสียง เขายอมหลับเมื่อได้จับด้ามมีด ดำดิ่งสู่นิทราเพื่อพักฟื้นร่างกาย

โดยไม่รับรู้ถึงความอบอุ่นบนริมฝีปากเลย

มาลแกธถอนริมฝีปากออก ความรู้สึกในแววตาหลากหลาย เขาจูบหน้าผากโคลด์แล้วห่มผ้าให้


—————————————————————————

A/N ตอนนี้เป็นตอนที่เราลุ้นมากค่ะ เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มมาตั้งแต่มีคู่หญิง-ชาย และคู่ชาย-ชายพร้อมกัน (ในภาคนี้ชาย-ชายเด่นค่ะ) เป็นนิยายแบบที่สนพ. ไหนก็คงไม่อยากลงทุน เพราะมันไฮบริด นักอ่านที่อ่านชาย-หญิง บางคนก็ไม่ชอบ Y ขณะที่นักอ่าน Y บางคนก็ไม่ชอบ ชาย-หญิง เราคิดมากกระทั่งว่าอาจมีคนเลิกอ่านเพราะบทนี้ ฉากเอรี่/ซิกฟรีดเลยหรือเปล่านะ /แป่ว OTL

แต่เราเขียนเพราะเราเชื่อว่ามีนักอ่านที่เปิดกว้างและอ่านได้ ตราบเท่าที่นิยายสนุก (อันนี้สำคัญสำหรับเรามากค่ะ คืออยากให้อ่านแล้วสนุก)

ทุกตัวละครมีเหตุผลของการกระทำนะคะ รับรองว่าไม่ได้เขียนลอยๆ เราวางโครงเรื่องไว้สไตล์ผู้ใหญ่ด้วย หากท่านคิดว่าลำบากในการอ่านบทนี้ พักสูดหายใจสักครู่นะคะ ถ้าให้โอกาสเรื่องนี้ต่อ พรุ่งนี้เจอกันบทต่อไปค่ะ ;)

ป.ล. มาลแกธขโมยซีนมากอะ รัก <3

ป.ล. 2 เรื่องนี้มีนักเขียน 2 คนนะคะ คือ ILLREI & FOULSOUL


ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz


อัพเดทครั้งต่อไปคือวันที่ 4 ม.ค. 60 ค่ะ ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2017 05:59:25 โดย ILLREI »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด