บทที่ 21 : บาดแผล (3)
“ใช่ อิลมาเรเพิ่งตาย” สีหน้าของซิกฟรีดเรียบเฉย “ข้าก็ไม่อยากเค้นเอาตอนนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีตอนไหนอีก เจ้าเก่งเรื่องหนีไปจากข้า” เขาเน้นคำว่า ‘หนี’
โคลด์ใช้สองมือปิดหน้าอย่างอ่อนล้า “ถอยไป”
“ข้าถือว่าเป็นคำตอบ” ซิกฟรีดผายมือ “ขอโทษที่ใจดำ ข้าอยากรู้ว่าเวลานี้ข้าเสียไปแล้วทั้งหมดใช่หรือไม่” ราชาหนุ่มเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน “จะว่าไปก็น่าขัน ข้าคิดว่าตัวเองทำดี แต่ผลกลับเป็นอะไรที่ชั่วช้า หากทุกอย่างจะออกมาตรงกันข้าม ข้าก็ทราบแล้วว่าต่อไปควรทำตัวสามานย์”
“อา!” โคลด์ร้องอย่างขัดใจ เขาน้ำตาซึมด้วยความอับจนหนทาง “เจ้าจะให้ข้าพูดอะไร พูดว่าข้ารักเจ้า ข้าจะอยู่กับเจ้า ข้าจะทิ้งมาลแกธทั้งที่ข้านอนกับ...!” โคลด์ปิดปากตัวเอง ยั้งคำพูดไว้
ซิกฟรีดกระตุกยิ้ม “พูดเถอะ” เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย แววตาที่มองโคลด์อ่อนลง “ข้าอยากฟังสิ่งที่เจ้าคิดหรือรู้สึก”
“เจ้าเป็นบ้าอะไร” โคลด์คุกรุ่นอยู่ข้างใน เขาไม่เข้าใจว่าซิกฟรีดมาเค้นเขาทำไม อยากให้เขาพูดว่าไม่รักแล้วงั้นหรือ จะอยากฟังสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์เพื่ออะไร
ซิกฟรีดฟังแล้วหัวเราะในลำคอ “ข้าเป็นบ้าอย่างไรล่ะ” เขาถอนใจยาวขณะเงยหน้ามองฟ้า “รู้ไหม ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว บิดานภา มารดานที...ไม่มีใครตอบรับ”
เวลานี้แดดเริ่มแรง ฟ้าโปร่งแทบไม่มีก้อนเมฆ แต่จู่ๆ ก็เกิดเสียงร้องครืน...จากเบื้องบน คล้ายฟ้ากำลังคร่ำครวญ
“ยกเว้นเสียงนี้” ราชาเอลฟ์ดึงสายตากลับมามองโคลด์ “ฟังอย่างไรก็คล้ายเสียงหัวเราะเยาะชอบกล”
“ซิกฟรีด…”
“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่ข้าทำกับเจ้าเหมือนเป็นทาสตั้งแต่สิบปีที่แล้วจนกระทั่งวันนี้ ข้าได้บทเรียนที่วิเศษทีเดียว”
บทเรียนที่สอนว่า ยิ่งข้าต้องการสิ่งใดมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งทำลายสิ่งนั้นมากดุจกัน
ทั้งเจ้า...ทั้งพี่หญิง
และความรัก“พอแล้ว” โคลด์จับมือราชาหนุ่ม อีกฝ่ายเจ็บปวด มีหรือเขาจะไม่รู้ เขาพยายามหลีกเลี่ยงการให้ความหวัง...เขาไม่ควรให้ แต่เมื่อเห็นซิกฟรีดกำลังพังทลายลงไปต่อหน้า เขาก็หักใจปล่อยไปไม่ได้
“ข้าจะไปบ้านของอิลมาเร ไม่ได้จะหายไปไหน” โคลด์ยอมบอกความตั้งใจ เขาอยากไปเงียบๆ เพียงลำพัง จึงไม่ได้บอกกระทั่งมาลแกธ
พอโคลด์อ่อนลง ซิกฟรีดก็อ่อนโยน เขายกมือลูบแก้มโคลด์อย่างรักแสนรัก แววตาเกิดประกายซีดจาง
โคลด์พยายามไม่ให้ความหวัง แต่สุดท้าย...ซิกฟรีดยังคงหวัง
“รู้ไหม ข้ามีปีกที่ใหญ่กว่าพญาอินทรี” หมอกสีดำสยายขึ้นกลางหลัง มันกลายเป็นปีกคู่ใหญ่มหึมา ซิกฟรีดเอ่ยเป็นนัยว่าเขาสามารถพาโคลด์ไปยังบ้านของอิลมาเรได้ในชั่วพริบตา
สีหน้าของโคลด์คลายความเครียดลง “รู้แล้ว ข้าเห็นมันแล้ว หลังจากโดนแทงตรงนี้ไง” เขาแตะผ้าพันแผลบนหน้าอก แต่ท่าทางไม่จริงจังเท่าไร
ซิกฟรีดยิ้มพร้อมหัวเราะเบาๆ “ข้าค้นพบว่าแผลมีข้อดีอยู่สองข้อ ข้อแรกตอนที่ได้มันมาเจ้าจะรู้สึกถึงชีวิต และข้อที่สองพอมันหายก็จะเป็นเครื่องเตือนใจ”
เขามีแผลสด
แผลนี้มองไม่เห็นทว่ามันกรีดลึกถึงวิญญาณ เขาเจ็บหลอนและฝันร้าย ในฝันนั้นได้ยินเสียงพี่หญิงเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาว่า
“ความตายของข้าจักสอนเจ้าว่า สุดท้าย…เจ้าก็ไม่สามารถกางปีกปกป้องได้ทั่วแผ่นดิน” ความตายของพี่หญิงคือแผลสดที่ว่า มันจะเป็นเครื่องเตือนใจที่ไม่มีวันจางหายไป
“ข้าเจ็บโคลด์ สตาร์ เพิ่งได้แผลขนาดใหญ่ยังไม่หายอยู่ตรงนี้” ซิกฟรีดวนมือบนอกหนักๆ เขารู้จักล้อเล่นกับความเจ็บปวดของตัวเองแล้ว “ข้าอนุญาตให้เจ้าปลอบได้”
โคลด์หรี่ตา “ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ ข้าเชื่อว่ามีคนอยากปลอบเจ้ามากมาย และข้ายอมเจ้าแค่บางเรื่องเท่านั้น” เขาแตะอกกว้างของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วแจ้งจุดหมายที่ต้องการไป
----------------------------------
บ้านของอิลมาเรอยู่ในเมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงของเหนือของเอวา เธมาร์ หากขี่ม้า จะใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงราวสองวัน
‘แฟรี่อาย’ เป็นชื่อของเมืองแสนสงบล้อมรอบด้วยทุ่งดอกไม้และสวนผลไม้ ชาวเมืองประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำสวนดอกไม้ด้านเหนือ สวนผลไม้ด้านใต้ มีบ้านหลังเล็กๆ แทรกอยู่ในพื้นที่ว่างระหว่างสวนเหล่านั้น สถานที่สำคัญเช่นตลาดค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า โรงอาบน้ำ โรงเตี๊ยม และที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ใจกลางเมือง หากเดินทางทางอากาศด้วยเรือเหาะหรือกริฟฟิน จะเห็นถนนปูหินสายสีเทาตัดผ่านเมืองกับถนนดินสายสีน้ำตาลตัดผ่านสวน ประกอบกันเป็นรูปคล้ายดวงตาภูตพราย
จุดหมายของโคลด์คือกระท่อมขนาดกลางที่ห่างจากตัวเมือง กระท่อมนี้สร้างจากอิฐและไม้ ปูหลังคากระเบื้องสีชมพูอ่อน มีบริเวณสวนล้อมด้วยรั้วไม้เตี้ยน่ารัก ด้านหน้ากระท่อมข้ามถนนดินไปเป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์
ทุ่งดอกไม้นี้เป็นของอิลมาเร แต่นางปล่อยให้คนเช่า โดยให้ผู้เช่าคอยดูแลบ้านและสวนบริเวณบ้านด้วย
“อิลมาเรมีห้องพักในเอวา เธมาร์ แต่เอาไว้ทำงาน บ้านจริงๆ คือที่นี่” โคลด์กดรหัสบนแป้นทองเหลืองข้างประตูบ้านซึ่งเป็นกลไกเปิดประตู ประดิษฐ์โดยช่างชาวดวอร์ฟ บ้านหลังนี้สร้างใหญ่โตกว่าบ้านของดวอร์ฟทั่วไป เพราะอิลมาเรมีสหายหลายเผ่าพันธุ์ หากสร้างเล็กๆ ตามแบบดวอร์ฟก็ใช้รับรองสหายเหล่านั้นได้ลำบาก
ภายในบ้านมีกลิ่นผ่อนคลายของลาเวนเดอร์ โถงทางเข้าติดภาพวาดเวทมนตร์ของน้ำตก ทุ่งดอกไม้ และแสงตะวัน ทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติอย่างสงบและสวยงาม
แต่เมื่อเดินเข้าไปอีกหน่อย...ก็เป็นภาพเรียงรายของภูเขาเหรียญทอง
โคลด์เดินผ่านโถง แต่ไม่ตรงไปที่ห้องของอิลมาเร เขาเลี้ยวไปทางห้องรับแขกซึ่งทาผนังสีสดใสและมีชั้นหนังสือชั้นใหญ่ เขามองชุดโซฟาผ้าสีน้ำทะเลตัวเก่า ตบพนักเบาๆ รู้ว่ามันนุ่ม อุ่น และนอนหลับสบาย
“นางให้ที่นอนข้าดีกว่าที่นอนปลายเตียงของเจ้า”
“ข้าสั่งให้ช่างประกอบเตียงให้เจ้าไม่ใช่หรือ” ซิกฟรีดเตือนความจำให้โคลด์ โซฟาตัวนี้ดูนอนสบายก็จริง แต่อย่างไรก็ไม่เท่าเตียงที่เขาสั่งให้
ซิกฟรีดลองกดมือบนโซฟา นุ่มเกินไปจนเรียกว่าอ่อนยวบ แบบนี้นอนไปมีแต่จะทำให้หลับไม่สนิทและปวดหลัง เห็นไหมเล่า...เตียงที่เขาสั่งให้ดีกว่า ไส้นุ่นแข็งตึง คำนึงถึงการยศาสตร์
“เจ้าให้เตียงเล็กๆ” โคลด์ตอบทันควัน
“เท่าตัวเจ้า” ซิกฟรีดก็โต้ทันควันเช่นกัน
ดาร์กเอลฟ์หน้ายู่ เขานั่งกอดอกบนโซฟา “เอาล่ะ ราชา ข้าจะบอกแผนการของข้าให้ฟัง ข้าตั้งใจมานอนที่นี่เงียบๆ คนเดียวสักพัก ระหว่างนี้เชิญเจ้ากลับไปที่ราชวังของเจ้า”
“ข้าเป็นราชาที่ไม่ดี” ซิกฟรีดลองนั่งเบียดโคลด์บนโซฟา เขาแทบจม “ซึ่งแปลว่าข้าสามารถนอนค้างคืนที่อื่น แล้วปล่อยให้องครักษ์หัวปั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานได้”
รูเมเรียร์ถูกกดดันจากอิซิลดาร์ พวกนักการทูตกำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียด ไม่เพียงเท่านี้ ข่าวลือเกี่ยวกับการกลับมาของจอมทัพทมิฬเริ่มน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจมองข้าม เร็วๆ นี้แดนทมิฬอาจประกาศสงครามกับรูเมเรียร์อีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ชวนเจ้า” โคลด์อยากอยู่เงียบๆ เพื่อคิดถึงอิลมาเร การมีเพื่อนคุยอาจเป็นเรื่องดี แต่ถ้าอยากได้เพื่อนคุย เขาชวนมาลแกธที่รู้จักอิลมาเรมาไม่ดีกว่าหรือ
“ข้าเชิญตัวเอง” ซิกฟรีดลุกขึ้น ละอองฝุ่นเบาบางลอยผ่านลำแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างโค้งครึ่งวงกลมบานโต “ข้าไม่ค่อยรู้จักนาง” เขาว่า “แต่ดูเหมือนนางจะเป็นดวอร์ฟที่ร่าเริง”
ราชาเอลฟ์กวาดสายตาไปรอบๆ เห็นแต่เครื่องเรือนสีสันสดใส
“อืม” โคลด์ตอบรับ ล้มตัวนอนหันหน้าเข้าพนักโซฟา เอาหมอนมากอด
ซิกฟรีดเห็นโคลด์ทำอย่างนั้นก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามสะกดตัวเองให้สงบ ให้นิ่ง...ให้เป็นปกติ ใครจะอยากแสดงอารมณ์อ่อนไหวต่อหน้าคนอื่นเล่า
คนอื่นหรือ ข้ายังเป็นคนอื่นสำหรับเจ้าอีกหรือ คิดถึงตรงนี้ ราชาหนุ่มก็ลอบระบายลมหายใจ เขาเอื้อมไปจะลูบศีรษะโคลด์ ทว่าก่อนมือใหญ่จะแตะปอยผมสีเงิน ปลายนิ้วก็สัมผัสกับกำแพงล่องหนเสียก่อน
ระหว่างซิกฟรีดกับโคลด์ มีกำแพงล่องหนคั่นกลางอยู่ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสร้าง เขา หรือโคลด์ และไม่ทราบว่าสร้างขึ้นเพื่อเหตุใด แต่มันอยู่ตรงนั้นเสมอ คอยชะงักความต้องการลึกล้ำซึ่งปะทุขึ้นมาทุกครั้งที่ใกล้ชิดกัน
ซิกฟรีดชักมือกลับ เขาเปลี่ยนไปเดินสำรวจบ้านเล็กน้อย ไล่สายตาไปตามภาพแขวนผนัง ของแต่งบ้าน และเครื่องเรือนที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นที่พักอาศัยมากเสียกว่าห้องในราชวังของเขา สุดท้ายก็วกกลับมานั่งโซฟาเดี่ยวใกล้โคลด์
“ข้าจะพูดให้ชัดขึ้นอีกหน่อย” เสียงโคลด์อู้อี้ เจ้าตัวซุกหน้ากับหมอน “ข้ามาร้องไห้...เงียบๆ คนเดียว...ขอเวลาข้าร้องไห้เงียบๆ คนเดียวได้ไหม”
แววตาของซิกฟรีดอ่อนลงอย่างมากโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว “ตามสบายเถิด…” ราชาเอลฟ์เอ่ยเสียงเบา และเอ่ยประโยคต่อมาด้วยเสียงอันเบายิ่งกว่า
“เพราะข้าก็ทำอยู่เหมือนกัน”
หากโคลด์ยอมหันมาดูซิกฟรีด จะเห็นใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย ปราศจากร่องรอยของน้ำตา
คงมีแต่คนสนิทที่ทราบว่า น้ำตาของราชากำลังตกเหมือนห่าฝนอยู่ภายใน
โคลด์ยิ่งเอาหมอนปิดหน้า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกผิดอยู่ ข้าควรรู้สึกผิดไหม”
ซิกฟรีดไม่ได้พูดอะไร ครู่หนึ่งก็ลุกมายืนค้ำร่างดาร์กเอลฟ์ มือที่ก่อนหน้าเอื้อมผ่านกำแพงล่องหนไม่ได้ เวลานี้วางบนเส้นผมอ่อนนุ่มของโคลด์ สตาร์
“โปรดสบายใจ ข้าไม่เห็นความอ่อนไหวของเจ้า” เขาลูบเบาๆ แล้วละมือออก
โคลด์ไม่เคยร้องไห้ให้ซิกฟรีดเห็น เขาจำได้ว่าไม่เคยเลยสักครั้ง คนที่ปลอบเขาตอนร้องไห้มักเป็นมาลแกธ
ซิกฟรีดกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม เขาเอนหลัง ประสานมือไว้บนท้อง จากมุมนี้มองเห็นเพดานได้ชัด เพดานสีครามวาดภาพแผนที่โลกสีเงิน บางตำแหน่งที่สำคัญ (สำหรับอิลมาเร) มาร์กไว้ด้วยดาวสีทอง ยอมรับว่าบ้านของดวอร์ฟช่างเหมาะสำหรับหย่อนใจ กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยให้ประสาทเครียดเกร็งค่อยๆ ผ่อนคลาย ซิกฟรีดปิดเปลือกตา โดยบอกตัวเองว่าจะพักผ่อนเพียงสั้นๆ
สักพัก โคลด์ก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจากราชาหนุ่ม บ่งบอกว่าตกอยู่ในห้วงลึกของการหลับใหล หากมองใกล้ๆ จะเห็นรอยอ่อนล้าชัดเจน ทั้งใต้ตาที่ช้ำน้อยๆ ไปจนถึงระหว่างคิ้วซึ่งมีรอยขมวดลึก เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเดือน ซิกฟรีดดูมีอายุเพิ่มขึ้นหลายปี แน่ละ เขาไม่ได้พักเต็มตาเลย
จะให้พักได้อย่างไรเล่า…
ใครว่าองค์ราชาทรงเพิกเฉยต่อการหายตัวไปของพระคู่หมั้น เปล่าเลย พระองค์ทรงดำเนินการสืบหาไม่เว้นแต่ละวัน ทรงมอบหมายงานสำคัญนี้ให้กอห์นดีเอน--เงาสังหารผู้มีฝีมือฉกาจในการสืบเสาะหาร่องรอย และมีสายอยู่ทั่วดินแดน ทว่าจนบัดนี้ยังไร้ข่าวคราวของท่านหญิงเอริแอดเน่
โคลด์ลุกมานั่งมองซิกฟรีดอย่างใจลอย ขณะพินิจพิจารณาราชาเอลฟ์ จู่ๆ เขาก็รู้สึกหนาววูบ เป็นเงาทมิฬที่เคลื่อนโอบร่างเขา ปีกของมันประกอบจากไอน้ำเม็ดละเอียด ทำเอาเสื้อผ้าเขาชื้นนิดๆ
ซิกฟรีดหลับ แต่เงาทมิฬยังตื่นอยู่หรือ โคลด์เห็นขอบร่างของเงาสีดำขยับเคลื่อนไหวอย่างอ้อยอิ่งในอากาศ ดูไปก็คล้ายภูตพราย เมื่อเขาลองเอื้อมไปแตะปอยผมของซิกฟรีด เงาทมิฬก็พุ่งใส่มือเขาเฉกสุนัขหวงนาย ทว่ามันไม่ทำรุนแรง เพียงรวมตัวเป็นกำแพงหมอกหนา เพื่อกันและดันมือเขาออกเท่านั้น
“เจ้าใช้มนตร์มารบทไหนกันนี่” โคลด์พึมพำ รู้สึกสะท้านใจ เขาขยี้หน้าขยี้ตาแรงๆ แล้วหันหลังล้มตัวลงนอนบนโซฟาของตัวเองในท่าเดิม
บ้านหลังนี้มีความทรงจำระหว่างเขากับอิลมาเรมากมาย ส่วนมากเป็นเรื่องป่วนๆ ที่ทำให้เขายิ้มได้ โคลด์สูดจมูกระหว่างนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มเงียบๆ
แต่ดูเหมือนเงาทมิฬไม่ยอมให้ดาร์กเอลฟ์ร้องไห้โดยลำพัง มันลอยช้าๆ เข้ามาใกล้ ก่อนดึงน้ำตาร้อนออกจากแก้ม
สัมผัสของปลายปีกสีดำช่างนุ่มนวล เอาใจใส่ เหมือนสัมผัสจากมือของใครบางคน
ซิกฟรีด...เงาทมิฬคือส่วนหนึ่งของซิกฟรีด มันทั้งเชื่อฟังทั้งพยศ ซิกฟรีดเป็นทั้งนายและบ่าวของมัน ทว่ามีเพียงเรื่องโคลด์เท่านั้นที่ซิกฟรีดไม่ยอมลง...หากเป็นเรื่องโคลด์ มันต้องทำตามที่เขาประสงค์ทั้งหมด นั่นคือพร้อมปกป้องให้ปลอดภัย
โคลด์มองหยดน้ำตาที่ลอยขึ้นด้วยความอัศจรรย์ใจ จากนั้นก็หน้าแดงเพราะถูกจับได้ว่าแอบร้องไห้ เขาลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องของอิลมาเรแล้วปิดประตู
ทว่าหลังจากทรุดนั่งพิงประตู เขาก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาดไป
ความทรงจำที่เจ้าของบ้านเหลือทิ้งไว้ยิ่งเข้มข้นชัดเจนเมื่ออยู่ในสถานที่ส่วนตัวของเธอ โคลด์จุกในอก เขากระซิบบอกตัวเองในใจว่า
เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากเข้ามาในนี้ไงโคลด์นึกภาพวาระสุดท้ายของสหายที่ใกล้ชิดเขามาตลอดสามปีและความผิดพลาดของตน
ใบหน้าสวยคมยู่ยี่จากความรู้สึกเศร้าอันท่วมท้น เขาเริ่มสะอื้นจนหยุดตัวเองไม่ได้ กอดเข่าคู้ตัวเป็นลูกบอล
เสียงร้องไห้หลุดออกมา โดยเจ้าของเสียงเลิกสนใจว่าคนที่อยู่นอกห้องจะได้ยินหรือไม่
ซิกฟรีดตื่นในจังหวะเดียวกับที่โคลด์ปิดประตูห้องของอิลมาเร เมื่อเขาลืมตา เงาทมิฬก็หายไป ราชาหนุ่มอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนเสียงสะอื้นของโคลด์เบาลง
เขาเรียกไอหมอกสีดำออกมาอีกครั้ง มันบิดคว้างก่อนลอยช้าๆ ลอดช่องใต้ประตูเข้าไปยังห้องของอิลมาเร
ซิกฟรีดเองก็ลุกขึ้น เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องที่กั้นพวกเขา วางมือบนประตูแล้วลูบเบาๆ ขณะที่เงาทมิฬใช้ปีกของมันลูบหน้าผากโคลด์
เงาทมิฬปลอบโยนและเช็ดน้ำตาให้ดาร์กเอลฟ์...แทนนายผู้หยุดตัวเองตรงอีกฟากหนึ่งของประตู
—————————————————————————
A/N มีความละมุน ฮือๆๆ /ปาดน้ำตาไปกับโคลด์ อยากโผไปซบซิกฟรีด แงๆๆๆ
ช่วงนี้ นักเขียนร่วมของเรา คุณ FOULSOUL ต้องเตรียมตัวสอบทีสิส
สำหรับตอนต่อไปจะคอนเฟิร์มทางเพจนะคะว่าลงได้เมื่อไหร่
เร็วสุดคือ 30 เมษายน 60 หรือช้ากว่านั้นค่ะ
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz