【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35  (อ่าน 231002 ครั้ง)

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แซ่บ!
ทำไมตัวละครเรื่องนี้ซับซ้อนอย่างนี้
 :ling1: :pig4: :mew1:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อีรุงตุงนังเหลือเกินนนน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ ดำมืดไปหมดกะอดีตเนี่ย

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
55555 ขอสต๊าฟซิกฟรีดตอนเป็นเอลฟ์ตัวน้อยไว้ได้ไหม ทำไมขี้อ้อนขี้ประจบเบอร์นี้
รีวอเนอร์สตอเบอรี่กะน้องชายมาก แสร้างว่าดี ที่แท้ร้ายกาจจจจ :ling3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อาเลธน่าฟัดยิ่งนัก

นี่คือจริง ๆ หญิงร้ายรักชายร้ายมาก่อน?
แต่นางต้องการเป็นราชินี และเพื่อตำแหน่งนางต้องแต่งกับเฟรธูริน
รักลับ ๆ (หรืออาจจะไม่ลับ) ก็ลเยต้องจบ

แต่นะ ของลักลอบกิน ลักลอบทำ มันเย้ายวนเสมอแหละ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :mew5: อะไรของนางนี่ หว่านไปเรื่อยเหรอ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 22 : ฟันเฟือง (2)



สิบสามปีก่อน สุสานกษัตริย์แห่งเอลฟ์ อาร์กรีเจีย

หลังเหตุการณ์ในคืนลอบปลงพระชนม์คิงเฟรธูริน อาร์ธีออน รูเมเรียร์ ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดินรูเมเรียร์ว่า ท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวภายใต้การดูแลของแพทย์หลวงอย่างใกล้ชิด ไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม แม้กระทั่งเจ้าชายริวอร์นอร์ที่สนิทสนมกัน

หนึ่งเดือนให้หลัง พิธีศพของอดีตราชาถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ทว่าท่านหญิงเอริแอดเน่ซึ่งอาการดีขึ้นแล้วก็ยังไม่ปรากฏตัวจนวันสุดท้ายของพิธีศพ แต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยตำหนินางที่ไม่มาร่วมงาน เพราะต่างเห็นใจในชะตาอาภัพ

ความอาภัพของนางมิใช่แค่การบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียชายคนรัก แต่เพราะคืนวันที่เกิดเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินนั้น คือวันอภิเษกสมรสของนางเฉกกัน

สิ้นพิธีอันแสนอาดูร เจ้าชายริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์ทรงประสงค์เข้าเยี่ยมอาการของสหายในวัยเยาว์ ข้ารับใช้จากอิซิลดาร์พยายามกันพระองค์ไว้ ด้วยรับคำสั่งจากท่านหญิง ทว่าสิ่งใดซึ่งเจ้าชายที่สองทรงประสงค์แล้ว ก็ย่อมเป็นไปตามนั้น พระองค์ทรงกดดันเหล่าข้าหลวงสตรี และทรงเข้าเยี่ยมท่านหญิงจนได้

ทว่าภายในห้องพักของท่านหญิงเอริแอดเน่กลับว่างเปล่า

ข้าหลวงสตรีที่ห้ามเจ้าชายไว้ก็ตกตะลึงเฉกกัน พวกนางเป็นข้ารับใช้ผู้ภักดีของผู้นำตระกูลอิซิลดาร์คนปัจจุบัน ท่านหญิงเฮสเทียนา--พระอัยกีของท่านหญิงเอริแอดเน่

ข้าหลวงสตรีเหล่านี้ถูกส่งมารับใช้ใกล้ชิดตั้งแต่ท่านหญิงเอริแอดเน่พักรักษาตัว และเฝ้าจับตามองนางราวกับเป็นผู้คุม

 

“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงปิดบังใบหน้าเข้ามาในเขตหวงห้าม!” ทหารชั้นสูงสองนายซึ่งมีหน้าที่เฝ้าพระศพซึ่งถูกบรรจุลงนาวาพิธีแล้วกั้นหอกต่อหน้าสตรีกลุ่มหนึ่ง พวกนางมากันสามคน สองคนด้านหน้าสวมฮู้ดดำและแต่งกายอย่างทหารสตรีของแคว้นอิซิลดาร์ ซึ่งติดตราบ่งบอกยศตำแหน่งสำคัญ อีกหนึ่งนางนั้นซ่อนใบหน้าและร่างกายอยู่ใต้ฮู้ดเสื้อคลุมสีดำยาวกรอมพื้น

เอลฟ์สตรีผมสีฟ้าที่อยู่หน้าสุดแตะด้ามอาวุธดาบตรงเอว ทว่าถูกเอลฟ์สตรีที่อยู่ข้างกันแตะมือห้ามไว้ ผู้ห้ามมีผมสีเขียวอ่อน นางลดฮู้ดลงและเอ่ยว่า “นี่คือท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ ท่านมาเพื่อวางดอกไม้อำลาในเรือส่งพระศพของอดีตราชาเฟรธูริน”

นางแสดงตราตระกูลอิซิลดาร์เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน

ทหารยามจึงถวายความเคารพสูงสุดและเปิดทางให้ท่านหญิงผ่านเข้าไปได้ สายตาของพวกมันหลุบต่ำ สีหน้าหมองเศร้า เห็นชัดว่าเสียใจอย่างไม่อาจเอ่ย

องครักษ์สตรีทั้งสองมิได้เดินตามเข้าไปด้านในด้วย พวกนางปล่อยให้ท่านหญิงเอริแอดเน่ได้ใช้เวลาเพียงลำพัง แม้จะเกิดเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนก่อนหน้าจนพวกนางไม่สมควรละสายตาจากท่านหญิง แต่เรื่องนี้ถือเป็นข้อยกเว้น

เฟรธูริน...พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ซึ่งนำความหวังแห่งสันติมาให้ปวงชน เอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ ทุกเผ่าพันธุ์จักอยู่ร่วมแผ่นดินกันอย่างสงบสุข

 

“แต่เก่าก่อนดาร์กเอลฟ์เป็นชนอิสระ บรรพบุรุษของเราไปตีแผ่นดินเขา เอาเขามาเป็นทาส เราไม่ได้เมตตาเขาดอก เราเพียงคืนสิ่งเดิมที่เขาเป็นเจ้าของ ‘อิสรภาพ’ ”

 

ทว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพราะดาร์กเอลฟ์

นึกถึงคำพูดของท่านเฟรธูรินไปพลาง ก้าวเท้าไปพลาง เอริแอดเน่รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในความฝัน พื้นที่เหยียบคล้ายไม่มีจริง นางจำไม่ได้ว่าตนเดินไปหานาวาบรรจุพระศพด้วยความรู้สึกอย่างไร หรือดอกไม้สีขาวอมทองที่ถืออยู่ถูกกำแน่นจนก้านช้ำแค่ไหน

นางขึ้นเรืออันโอ่อ่าซึ่งสร้างจากไม้หอมสูงค่าสำหรับกษัตริย์และราชวงศ์ ครู่หนึ่งก็หยุดยืนมองไปรอบตัว ดูโดดเดี่ยวและหลงทาง ด้านที่นางเดินเข้ามาคือทางเข้าท่าเรือพิธีการ อีกด้านหนึ่งคือห้วงน้ำสีครามเข้มสะท้อนแสงตะวันลับฟ้าอันหดหู่สีแสดส้ม

พื้นเรือไม้ลำใหญ่นิ่งสงบ ในน้ำไม่มีคลื่นแม้สักนิด แทบเท้านางคือมวลดอกไม้ไว้อาลัยแก่กษัตริย์ จากเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงทุกดินแดนที่เป็นมิตรกับรูเมเรียร์

เอริแอดเน่เหม่อมองไปทางกลางเรือ ซึ่งมีเรือไม้แกะสลักอย่างวิจิตรรจนาลำเล็ก บรรจุร่างของท่านเฟรธูริน เมื่อถึงฤกษ์อันสมควร เรือลำน้อยจะได้รับการล่องไปตามนาวา ตรงขึ้นเหนือไปยังแผ่นดินนิรันดร์อันเป็นที่สถิตย์แห่งบิดาและมารดานภา ทว่าก่อนที่มารดานทีจะพาผู้ล่วงลับไปยังดินแดนในคติ คู่ครอง บุตรและบุตรี มารดาและบิดา ไปจนถึงพี่น้องร่วมสายเลือดจะได้รับเกียรติให้ยิงธนูเพลิงสีครามไปยังลำเรือส่งพระศพ เพื่อชำระและแยกวิญญาณบริสุทธิ์ออกจากร่างซึ่งจะผุผังไปตามกาล 

พิธีศพแก่กษัตริย์แห่งรูเมเรียร์จัดเช่นนี้

เอริแอดเน่ทรุดลงต่อหน้าร่างของท่านเฟรธูริน นางมองมือของเขา เอื้อมไปกุมไว้ และระเบิดเสียงร้องไห้คร่ำครวญอันน่าเวทนา

ดอกไม้สีขาวอมทองที่นำมาตกอยู่ข้างเรือเล็ก ขณะเอริแอดเน่กุมมือของอดีตกษัตริย์

“ท่านพี่...ท่านพี่” นางเรียกเหมือนคนจมน้ำร้องขอความช่วยเหลือ แนบแก้มลงกับหลังมือของผู้ไร้ชีวิต “อย่าทิ้งข้า…”

ท่านบอกจะอยู่กับข้า ปกป้องข้าจากความเลวร้ายทั้งมวลในโลกนี้ รวมถึงความเลวทรามต่ำช้าของตัวเองข้าเองใช่หรือไม่

เอริแอดเน่กรีดร้องในใจ หากนางซ่อนตัวอยู่ในเรือลำนี้และลอยไปกับท่านเฟรธูรินได้จะดีสักแค่ไหน

พระพักตร์ของราชาผู้เป็นที่รักช่างสงบ มองผาดเพ่งเหมือนพระองค์เพียงบรรทมในห้วงนิทราลึก ทว่าร่างกายที่เคยอบอุ่น พระกรแข็งแรงที่เคยโอบกอดนางกลับเย็นชืด ตอกย้ำว่าไม่มีอีกแล้ว...ราชาแห่งสันติภาพ

เอริแอดเน่ไม่กล้ามองหน้าคนตาย

นางอยากจดจำเขาในภาพยามมีชีวิต

แต่หากไม่มองตอนนี้ ต่อไปก็ไม่มีโอกาสแล้วนะ เอริแอดเน่กัดฟัน ทว่าอย่างไรก็ทำใจเงยหน้าไม่ได้เสียที

ท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ได้ความเป็นส่วนตัวเพียงครู่ บุรุษแห่งราชวงศ์รูเมเรียร์อีกพระองค์ก็ปรากฏกายพร้อมดอกไม้สีขาวดอกเล็กราวกับหยดน้ำนม

นั่นทำให้นางหยุดสะอื้นกะทันหัน ร่างเล็กแบบบางในเสื้อคลุมไว้ทุกข์คู้ลง ดูทรมาน กระนั้น ในความเปราะบางเหมือนเศษแก้วแหลกสลายก็ไม่ละความแหลมคม

นางเหลือบตามองดอกไม้ของอีกฝ่ายด้วยสายตาหยามเหยียด ทั้งเกลียดและชิงชัง

“ท่านเฟรธูรินคงไม่โปรดดอกไม้ของเจ้ากระมัง”

เอริแอดเน่รู้สึกขำ ป่านนี้แล้วนางยังต้องปั้นหน้าพูดจากับ ‘มัน’ อย่างท่านหญิงสูงศักดิ์สนทนากับเจ้าชายเชื้อพระวงศ์

ทั้งที่ต่างเป็นเดรัจฉานด้วยกันทั้งคู่!

ดวงตาอาฆาตแวววาวกับร่างกายสั่นเทิ้มทำให้นางดูคล้ายภูตพรายที่พร้อมเลือนหายไปในแสงหม่นเศร้าสีม่วง แดง คราม และทองของยามเย็น

ริวอร์นอร์ไม่พูดอะไร ใบหน้าของเจ้าชายรูเมเรียร์ขรึมจนน่ากลัว เขาวางดอกไม้บนพระศพ ทำความเคารพแล้วถอยออกมา

เจ้าชายหนุ่มทรงอาภรณ์สีดำสนิท แม้แต่ไหมปักยังเป็นสีดำ พระองค์ดูคล้ายบิดาแห่งความตายที่เหล่าศิลปินวาดขึ้นตามจินตนาการ

เอริแอดเน่กัดปาก กว่านางจะลอบมาที่นี่โดยไม่มีผู้ใดทราบนั้นไม่ง่ายเลย นางอยากใช้เวลาบอกลาพี่ชายที่นางรักที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่มีใครรบกวน

พี่ชายหรือ...เอริแอดเน่นึกสาปแช่งตัวเอง ท่านเฟรธูรินควรเป็นคนรักของข้า มิใช่พี่ชาย!

การนั่งเป็นเวลานานทำให้นางรู้สึกเจ็บแผลที่หน้าท้องและทรวงอก ตรงรอยกรีดซึ่งถูกฝากไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน...ในคืนอภิเษกสมรส แม้บาดแผลจะสมานตัวแล้ว แต่ผิวเนื้ออ่อนที่เพิ่งเชื่อมกันกลับมีความเจ็บหลอนที่ทำให้นางรู้สึกเจ็บแสบเหมือนย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลานั้น

การปรากฏตัวของริวอร์นอร์ยิ่งทำให้นางขยะแขยงจนอยากอาเจียน นางยินดีกุมมือไร้ไออุ่นและกลายเป็นส่วนหนึ่งของห้วงนทีไปพร้อมกับท่านเฟรธูรินดีกว่าต้องมองหน้ามัน พูดจากับมัน มองมันเสวยราชย์บนบัลลังก์ที่ชิงมาด้วยการสังเวยชีวิตของพี่ชายตน!

“โกรธแค้นหรือ” ริวอร์นอร์เอ่ยโดนสายตายังจับจ้องพระศพของอดีตราชา “ยามเราโกรธแค้น เราจะทำให้มันผู้นั้นตายทั้งเป็น” ประกายตาสีแดงวาวโรจน์อย่างลึกลับ มืดดำ

"เหมือนที่เจ้าทำกับข้าน่ะรึ" เอริแอดเน่ถามเสียงเบาหวิว เหงื่อท่วมใบหน้า นางไม่ใส่ใจคำตอบนัก เพราะรู้ความจริงดีอยู่แล้ว

“เจ้า?” ริวอร์นอร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เบื้องหน้าเป็นนทีใต้แสงริบหรี่จนดูเป็นสีดำรัตติกาล

“เจ้ามีอะไรให้เราโกรธแค้น”

เอริแอดเน่อยากหัวเราะและปรบมือให้แก่การตีสองหน้านี้

“สัตว์นรก...” แล้วนางก็หัวเราะ...ทั้งร้องไห้และหัวเราะ ด้วยไม่รู้ผีนรกตนใดดลใจนางให้พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ

แต่การสาปแช่งริวอร์นอร์เป็นสิ่งดีที่สุด วิเศษที่สุด ทำให้นางเบิกบานใจได้มากที่สุดในนรกบนดินแห่งนี้

“สัตว์นรกอย่างเจ้าไม่สมควรเกิดมา” เอริแอดเน่รับรู้ถึงความชังดำมืดล้นปรี่อยู่ในอก ถึงอย่างนั้น นางไม่ได้ตะคอกหรือขึ้นเสียง แค่เค้นเสียงพูดจากลำคอตีบตัน มันเบาหวิว แต่ชัดเจนและเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย

ดุจคำสาปของมารดานภาที่เอ่ยต่อบิดานภาและน้องสาวของตน

ริวอร์นอร์เหลือบสายตามาทางเอริแอดเน่ เขามองใบหน้าของนาง จากนั้นมองท้อง ก่อนจะกลับมาที่ใบหน้าอีก ดวงตาสีโลหิตฉายอารมณ์หนึ่งชัดเจน เป็นโทสะอันคลั่งบ้าดั่งพายุเพลิง

“เจ้าผิดหวังที่ข้ายังรอด” เอริแอดเน่ดึงเสื้อคลุมปิดตัวเอง

ว่าที่กษัตริย์แห่งรูเมเรียร์ประสานมือไพล่หลัง ร่างองอาจหันมายังท่านหญิงผู้สิริโฉม ประโยคที่จะเอ่ยต่อไปนี้ เป็นประโยคที่เอริแอดเน่ไม่มีวันลืม

“เราทำตามที่ลั่นวาจา เอริแอดเน่...เจ้าจักเป็นราชินีแห่งรูเมเรียร์”

ในวัยเยาว์ ครั้งที่ยังเป็นสหายสนิทกัน ริวอร์นอร์ชอบแกล้งเอริแอดเน่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่นางอยากเป็นราชินี บ้างหยอกนางว่ากระโดกกระเดก บ้างเย้านางเรื่องความสามารถในการขับร้องที่เป็นรองท่านหญิงอื่น ถ้าเอริแอดเน่ไม่โกรธตาเขียว ก็จะเชิดใส่แล้วบอกว่าอย่างไรก็จะเป็นราชินีของท่านพี่เฟรธูริน

ยามนั้น ริวอร์นอร์ตอบว่า

 

“เจ้าเป็นราชินีให้เราก็ได้”

 

การล้อเล่นที่แสนอันตราย...ริวอร์นอร์เอ่ยเหมือนจะชิงบัลลังก์จากเฟรธูริน แต่อย่างไรก็เป็นเพียงการล้อเล่น เอริแอดเน่จึงเพียงหัวเราะและจุปากเตือนเท่านั้น

ในวันนี้ การล้อเล่นเป็นจริงแล้ว

เอริแอดเน่ไม่สามารถห้ามความโศกเศร้าที่เข้ายึดครองใบหน้า มันยึดหัวคิ้วให้ขมวดเข้าหากัน หางตาตกลง จมูกเชิดขึ้น ริมฝีปากบิดเบี้ยวและสั่น ทำให้สีหน้าของนางทั้งสิ้นหวังและโกรธา หยดน้ำตาพร่างพรูเปื้อนจมูกเปื้อนปาก ไม่เหลือเค้าของท่านหญิงทรงศักดิ์ นางเปล่งเสียงที่อยู่ในใจว่า

“กลับนรกไปซะ ริวอร์นอร์!”

พื้นน้ำโดยรอบตอบรับจิตใจอันพังทลายของนาง พลังเวทที่หลุดออกมาจากร่างเล็กๆ มหาศาลขนาดทำให้ห้วงน้ำไหวสะเทือน เรือพระที่นั่งสู่โลกหลังความตายของอดีตกษัตริย์โคลงเคลงไปมา

สิ่งที่นางจะทำต่อไปนี้เป็นความคิดชั่วแล่นที่ไร้สติเอามากๆ แต่สติของนางก็ใช่ว่าจะมีค่านักในช่วงเวลานี้

เอริแอดเน่กางฝ่ามือ ใช้เวทลมฟาดใส่กลางอกริวอร์นอร์ หวังผลักเขาให้ตกจากเรือ เชือกผูกเรือถูกตัดจากเสาแกะสลักงามวิจิตรด้วยคลื่นน้ำคมกริบ

อิสระที่อยู่แค่เอื้อมทำให้นางหนาวสันหลังด้วยความปรีดา

“ข้าเลือกเองว่าใครจักเป็นราชาของข้า” เอริแอดเน่กล่าว นางลุกขึ้น ยืดตัวยืนตรง ซัดเวทลมถี่หนักให้อีกฝ่ายถอยไปอีกก้าว อีกก้าว และอีกก้าว!

นางไม่มีดาบเวทอยู่ในมือ แต่เพียงเท่านี้พลังเวทของนางก็เฉือนเสื้อเนื้อหนาและผิวเนื้อของเจ้าชายที่สองออกเป็นริ้ว

ท่านหญิงเหมือนลืมคิดไปแล้วว่าตนกำลังทำความผิดฐานรบกวนนาวาพิธีของอดีตกษัตริย์และทำร้ายเชื้อพระวงศ์สูงสุด หรือมากกว่านั้นคือการหมิ่นเกียรติอดีตกษัตริย์และคิดขโมยพระศพ

ถ้าใครมาเห็นนางในเวลานี้คงรู้สึกเศร้าและได้แต่กล่าวว่า ‘ท่านหญิงพระคู่หมั้นเสียใจจนเสียสติ’

ริวอร์นอร์ไม่หลบ เขาถูกซัดถอย แต่ขาและเท้ายังหยัดยืนได้ จนเอริแอดเน่หนักมือ เขาจึงยกมือขึ้นคล้ายห้าม ก่อนจะปัดมือไปทางอื่น ลมถูกพัดเปลี่ยนทิศ ไปถูกน้ำจนเกิดคลื่นไหวสะเทือน

เจ้าชายที่สองทรงสวมแหวนเวทหลายวง หนึ่งในนั้นเป็นเวทปกปักษ์ มันทำหน้าที่เหมือนโล่ ปกป้องว่าที่ราชายามโบกพระหัตถ์ปัดลมอันเกิดจากเวท

“ทหาร” เขาเอ่ยเรียบๆ “ปกป้องพระศพ และปกป้องท่านหญิงเอริแอดเน่จากตัวนางเอง”

เลือดไหลจากบาดแผล ย้อมอาภรณ์สีดำให้เข้มขึ้น ริวอร์นอร์หงายมือแล้วกำ จากนั้นดึงกลับเข้าหาตัว คลื่นน้ำเปลี่ยนกระแส พัดเรือพระศพกลับเข้าฝั่ง

“ท่านหญิง!” องครักษ์สตรีจากอิซิลดาร์รุดเข้ามาตั้งแต่ได้ยินเสียงการใช้เวท ประกอบกับเสียงหัวเราะและร้องไห้อันหดหู่ของเจ้านายแล้ว แต่พวกนางถูกองครักษ์ของเจ้าชายริวอร์นอร์และทหารยามขัดขวางไว้ เพราะไม่รู้จะเข้าไปช่วยผู้เป็นนายทำร้ายเจ้าชายริวอร์นอร์หรือไม่

ทหารเอลฟ์สองนายกระโดดขึ้นเรือ ความชุลมุนบังเกิดเมื่อมือของใครคนหนึ่งจับท่อนแขนของท่านหญิง ทำให้นางชะงักค้าง จากนั้นก็กรีดร้อง

“อ๊า!!!” เอริแอดเน่หวาดกลัวจับจิต สายลมพัดเส้นผมสีทองยาวสลวยปลิวขึ้น ชายเสื้อคลุมกับปลายเท้าของนางยกลอย เวทลมอันคมเหมือนเคียวเฉือนร่างของมันผู้นั้นอย่างไม่ปรานีขณะที่ร่างของผู้ใช้เวทร่วงพับ

“ให้สตรีดูแลนาง” ริวอร์นอร์เว้นระยะห่างจากเอริแอดเน่ สีหน้าเรียบนิ่งยิ่งกว่าผู้ตาย ว่าที่กษัตริย์หนุ่มสั่งทหารด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

สององครักษ์สตรีพุ่งขึ้นเรือ พวกนางเข้าบังร่างของเอริแอดเน่พลางขอร้องไม่ให้นางละเลงเลือดบนนาวาศักดิ์สิทธิ์มากไปกว่านี้

ไม่สงบ จะสงบได้อย่างไร ท่านหญิงเอริแอดเน่คลั่งไปเสียแล้ว พวกนางคิด

ริวอร์นอร์ไม่ละสายตาแข็งกร้าวไปจากเอริแอดเน่ “ดูแลท่านหญิงของพวกเจ้าเถิด อย่าให้เอิกเกริกจนอิซิลดาร์ทราบเรื่องเลย”

องครักษ์แต่ละนางมองเจ้าชายริวอร์นอร์ด้วยความแค้นเคืองปนหวาดเกรง

“ท่านหญิง ท่านเฟรธูรินอยู่ที่นี่” องค์รักษ์สาวผมสีฟ้ายึดร่างนายไว้พลางกระซิบปลอบโยน

“ท่านพี่...เฟรธูริน” เอริแอดเน่หันไปมองพระศพ นางสะอื้นฮักๆ จนตัวโยนแล้วโงนเงนลงในอ้อมแขนขององครักษ์สตรี นางปิดตาครู่เดียวก็หมดสติไปอย่างอ่อนล้า เพราะฝืนใช้พลังเวทจนทำให้บาดแผลปริฉีก เสียเลือดไปมาก

ริวอร์นอร์มองสตรีสูงศักดิ์ที่แหลกสลาย นัยน์ตาคล้ายมีอารมณ์อ่อนไหวตีขึ้น

“ดูแลราชินีของเราให้ดี เราเชื่อว่าพวกเจ้าไม่อยากเป็นผีในแผ่นดินอื่น”

องครักษ์สตรีทั้งสองคุกเข่ารับคำบัญชา แต่แววตาต่อต้านอย่างหนัก เพราะผู้ที่ทำให้ท่านหญิงสิ้นหวังจนแทบกลายเป็นบ้าก็คือท่านมิใช่หรือ

บุรุษไร้น้ำใจเช่นท่าน ยังกล้าบอกให้ดูแลท่านหญิงให้ดี!

—————————————————————————

A/N ยังคงอยู่ในช่วงอดีตค่ะ เรามีเรื่องอยากคุยเปิดอก หลายคนเคยคอมเมนต์ว่า ไม่เข้าใจว่าเอริแอดเน่คิดอะไรอยู่ และจะทำอะไรต่อไป เรายอมรับว่าเราไม่ได้เขียน PoV ของเอริแอดเน่ตั้งแต่แรก เพราะอยากให้น้ำหนักกับตัวละครหลักของภาคนี้ คือโคลด์ ซิกฟรีด และมาลแกธ ในช่วง 80-90% แรกของเรื่อง โดยวางแผนเก็บเอริแอดเน่ไว้เป็นตัวละครที่จะมาตอนท้ายเรื่อง และในขณะนี้ คุณจะได้รู้จักตัวละครตัวนี้มากขึ้นค่ะ


ถามว่ารู้สึกไม่มั่นใจที่วางแผนการเขียนแบบนี้ไหม ตอบตรงๆ คือ เราไม่มั่นใจค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ เพราะคนไม่ชอบเอริแอดเน่มีเยอะ คนที่ชอบมีอยู่ แต่เป็นส่วนน้อยกว่า แต่เราก็ยังเลือกเขียนเรื่องของเอริแอดเน่ เพราะเราถาม-ตอบกับตัวเองหลายครั้ง และสรุปได้ว่า เรื่องราวของ Elven Almanac เป็นภาพรวมขนาดใหญ่ที่เกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตของตัวละครหลายคนมารวมกัน หากขาดไปส่วนใดส่วนหนึ่ง เรื่องนี้คงไม่อาจสมบูรณ์ได้ และนั่นจะทำให้เราเสียใจยิ่งกว่าที่ไม่ได้เขียนสิ่งที่อยากเขียนและเลี่ยงไปเอาใจตลาด เราจึงตัดสินใจเขียนโดยยอมรับความเสี่ยงว่าอาจมีคนไม่ชอบใจเนื้อเรื่องจนเลิกอ่านกลางคัน


อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนเขียน เรารู้สึกรักและขอบคุณคนอ่านอยู่เสมอ เพราะคุณอ่านและบอกว่าชอบ คอมเมนต์ให้กำลังใจ เราจึงมีแรงเขียน ยิ่งหากคุณอ่านมาถึง Talk นี้ แปลว่าคุณติดตามมานานแล้ว เราจึงอยากขอว่าหากคุณชอบนิยายชุดนี้ และสามารถ (แม้เพียงเล็กน้อย) ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างเรื่องคู่รักเพศเดียวกันหรือคู่รักต่างเพศ เราอยากให้คุณอ่านต่อ และขอรับรองว่าจะเขียนให้ดีที่สุด ด้วยความสามารถของเราในขณะนี้และในอนาคตค่ะ :)


พบกันครั้งต่อไปวันที่ 20 พ.ค. 60 นะคะ



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ทรมานแทนเห้อออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาเลธน่าฟัดยิ่งนัก

นี่คือจริง ๆ หญิงร้ายรักชายร้ายมาก่อน?
แต่นางต้องการเป็นราชินี และเพื่อตำแหน่งนางต้องแต่งกับเฟรธูริน
รักลับ ๆ (หรืออาจจะไม่ลับ) ก็เลยต้องจบ

แต่นะ ของลักลอบกิน ลักลอบทำ มันเย้ายวนเสมอแหละ

มันต้องคู่กันอยู่แล้ว  หญิงร้าย ชายเลว สมกันดี
เอริแอดเน่ร้าย มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ลอบเล่นรักกับว่าที่น้องสามี
ริวอร์นอร์ ก็เลว เล่นรักกับท่านหญิงเอริแอดเน่ ว่าที่พี่สะใภ้
ก็คิดอยู่ ริวอร์นอร์ คงไม่ยุ่งกับหญิงเย็นชาแน่ๆ
ทั้งคู่คงดุเด็ดเผ็ดร้อน ถึงใจ เลยต่างก็คิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย
โอ้....ครั้งสุดท้ายมาสองร้อยปีแล้ว
คาลิเธียล ฉลาด สายตาไกล
มองออก ถึงความเลวที่ซุกซ่อนภายใต้ท่าทีสง่างามของเอริแอดเน่ สุดยอดดดด ยกย่อง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สุดท้ายราชาเฟรธูริน ก็เป็นแค่พี่ชายของเอริแอดเน่ ไม่ได้เป็นคนรัก
ยังไงเอริแอดเน่ ก็ได้เป็นราชินี ทั้งของเฟรธูริน กับริวอร์นอร์
แล้วจะแค้นริวอร์นอร์ทำไม ก็ร่วมมือ(ทำรัก)กันมายาวนานเป้นสองร้อยปี
หรืออยากเป็นเฉพาะราชินีของเฟรธูรินเท่านั้น
       :L1::L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฉากอลังการแค่นึกภาพตามก็สุดยอดแล้ว555

แต่ก็ไม่อาจลดความอึดอัดที่มาจากอารมณ์ของตัวละครได้เลย

ตอนที่แล้วเหมือนท่านหญิงจะดูมีใจให้ชายสองเลย

สรุปแล้วนางรักใครกันแน่

ฮือ สงสารนาง#กอด :monkeysad:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ก็นึกอยู่ว่า นางคงจะไม่ร้ายมาแต่แรก

ดูคล้ายนางรักเฟรธูรินอย่างพี่ชาย แต่กับริวอนอร์คือสเน่หาอย่างคู่รัก

แต่กระนั้นก็ชังความเลวอันแสนบิดเบี้ยวในจิตใจของตัวเองและชู้รัก
ดังนั้นพี่ชายผู้โอบอ้อมอารีจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้นางเป็นราชินีอย่างเต็มภาคภูมิได้ (สามารถป้องกันนางจากจิตใจเลวร้ายของตน)

ว่าแต่ คิงตายอย่างไร ใครฆ่าหรือฆ่าแล้วป้ายความผิดให้ใคร อะไรเป็นเหตุจูงใจให้ลงมือ ใครกรีดหน้าท้องนาง? หรือนางมีครรภ์? หรือทำเพื่อให้นางไม่อาจมีครรภ์?

ตะกายข้างฝารอต่อไป

ปล. ถึงคุณนักเขียนทั้งคู่ นี่เป็นหนึ่งในนิยายที่ประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งของฉันเลย ที่เคยบอกว่า เลอค่า คือตามนั้นจริง ๆ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 23 : เกาะไร้นาม (1)

ปัจจุบัน ณ เกาะไร้นาม เกาะในทะเลสาบขนาดใหญ่ทางทิศตะวันออกของแผ่นดินรูเมเรียร์

เทียบกันแล้ว ตัวเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ไกลจากแผ่นดินรูเมเรียร์แต่ใกล้แผ่นดินมนุษย์ จึงเป็นที่รู้จักในเผ่าพันธุ์มนุษย์มากกว่าเอลฟ์ และถ้าหากไม่ใช่นักเดินเรือพื้นถิ่น มองผาดเผินจากภายนอกคงนึกว่าเป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน เนื่องเพราะชายหาดมีทรายขาวและใสยิ่งกว่าเกล็ดแก้ว แต่ความจริงแล้วเป็นเกาะอันตราย ลึกเข้าไปจะเป็นที่อาศัยของสัตว์ประหลาดดุร้ายรวมไปถึงพืชพันธุ์มีพิษ

แต่เดิมเกาะไร้นามร้างผู้คน อาจมีนักล่าของป่าราคาแพงบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ทว่าไม่นานมานี้เกาะเริ่มคึกคักขึ้นอย่างเงียบๆ ในหมู่นักล่าสมบัติและโจรขโมย

ไม่นานนัก ประมาณต้นปีก่อน มีผู้พบสินแร่ชนิดหนึ่งไหลมาตามกระแสน้ำ สินแร่ชนิดนี้มีสีดำสนิท ผิวมันวาว แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก เมื่อนำมาเจียระไนจะกลายเป็นเพชรดำสูงค่า หากนำไปหลอมตีเกราะหรืออาวุธก็จะได้อาวุธคมกริบที่ฟันเกราะเหล็กดาบเหล็กขาดสะบั้นในพริบตา

นักล่าสมบัติและโจรขโมยต่างสืบหาที่มาของสินแร่นี้เป็นอย่างลับ สืบเสาะย้อนทวนการไหลของกระแสน้ำในช่วงเวลาและจุดที่พบสินแร่มาถึงเกาะแห่งนี้

น่าเสียดาย คนเหล่านั้นล้วนเอาชีวิตมาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ เพราะมีแต่คนเข้าไป ไม่มีใครได้กลับออกมา

กระนั้น ยิ่งเรื่องเล่าชวนขวัญผวาเท่าไหร่ ยิ่งท้าทายบรรดาโจรและนักล่าสมบัติเท่านั้น จนเรื่องไปกระทบหูโจรผู้หนึ่ง มันชื่อ 'เจย์' เขียนและออกเสียงแบบนกที่ชอบขโมยอาหาร พืชพันธุ์ ไปจนถึงของมีค่า ว่ากันว่ามันเป็นมนุษย์ครึ่งเอลฟ์ มารดามันบำเรอกายให้เอลฟ์ และคลอดมันโดยให้ความรักแก่มันในฐานะเงาของชายคนรักที่ไม่เคยกลับมา

เจย์รวบรวมสมัครพรรคพวกได้แปดคน เป็นตัวเลขที่มาก แต่กะตัดทิ้งเสียห้าหรือหกแต่แรกแล้ว เจย์ตั้งใจเอาพวกมันมาเป็นเหยื่อล่อสัตว์ประหลาด หรือไม่ก็ใช้พวกมันเป็นเครื่องมือทดสอบกับดัก

อย่างเวลานี้เหลือกันเพียงห้าคน

พวกโจรที่เหลือเริ่มไม่ไว้ใจเจย์...ก็นะ ทำไมรู้ตัวกันช้าจัง

“ตาแก” หนึ่งในโจรที่เอะใจว่าเจย์ไม่ซื่อ (โจรที่ไหนจะซื่อละวะ ซื่อก็เท่ากับบื้อ สมควรตายแล้ว! เจย์พึมพำในใจ) บุ้ยใบ้ให้เจย์เดินนำเข้าถ้ำซึ่งคาดว่าทะลุเข้าไปส่วนในของเกาะ อันเป็นต้นทางของสินแร่พิเศษ ความที่พวกมันแกะรอยทั้งวันทั้งคืน หนำซ้ำยังต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาด ต้นไม้พิษ แมลงและทากดูดเลือด บ่อกรด หมอกประหลาด ไปจนถึงกับดักของพวกโจรที่มาถึงก่อน ทำให้พวกมันเหนื่อยล้า ขีดความอดทนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ยิ่งมองหน้าเจ้าลูกครึ่งเอลฟ์ที่ไม่แสดงอาการเหนื่อยอ่อนสักกระผีกยิ่งหงุดหงิด

เจย์รับรู้อารมณ์ที่ใกล้ปะทุนั้นได้ โจรหนุ่มยกมือสองข้างเป็นเชิงให้คนอื่นใจเย็นลงก่อน

“ได้ ข้าจะนำพวกเจ้าไปก่อนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ”

เจ้าลูกครึ่งว่าง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ โจรที่เหลือสี่คนจ้องชายหนุ่มเขม็งอย่างไม่ไว้ใจ หนึ่งในนั้นชี้ปลายดาบใส่เจย์ เป็นเชิงบังคับให้อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ขณะที่พยักพเยิดให้โจรอีกคนผูกเชือกรอบเอวเจย์

“ข้าไม่ดื้อไม่ซนหรอกน่า” เจย์ประท้วงเบาๆ

“อย่าพูดมาก” พวกโจรผูกเชือกกับเอวเจย์เสร็จก็ผลักให้เดินนำไปก่อนระยะหนึ่งค่อยเดินตาม เชือกยาวพอสมควรทีเดียว เนื่องจากเป็นเชือกที่เตรียมไว้เผื่อปีนผา

เจย์ถอนใจหนักหน่วงราวกับว่าเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต แต่ใครก็ทราบว่าโจรหนุ่มกวนประสาทตามประสา เจย์ยกมือขึ้นเมื่อปลายดาบจ่อเข้ามาใกล้อีก ก่อนจะถอยหลังแล้วหมุนตัวเดินเข้าถ้ำไป

ภายในถ้ำน้ำสูงแค่เข่า ธารน้ำสะอาดใสบริสุทธิ์ไหลเข้ามารวมกันอย่างน่าอัศจรรย์ ใต้ผืนน้ำเห็นตัวปลาสีเข้มนอนแอบซอกหินเหมือนกำลังหลับพักผ่อน ดอกบัวสีขาวและชมพูลอยเหนือน้ำ แมลงปอบินมาเกาะเกสรบัวสีเหลืองทอง มันบินหนีไปเมื่อเจย์เดินผ่าน

แสงยามบ่ายสะท้อนผิวน้ำสีฟ้าใสดูคล้ายกำลังเดินอยู่ในสระอัญมณีระยิบระยับ บรรยากาศรอบกายสงบ เปี่ยมด้วยไอสดชื่น

แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผิดปกติ

ได้ยินว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำโคลน เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในโคลน แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นสระสวรรค์ใสสะอาด ดอกไม้น้ำเบ่งบาน

ถ้าไม่ใช่ภาพลวงตา หรือแผนที่ที่ซื้อมาจากพ่อค้าดวอร์ฟเขียนไว้ผิด...ก็น่าจะมีอะไรที่ทำให้สภาพแวดล้อมของถ้ำเปลี่ยนแปลงไป

เจย์ระมัดระวัง เพราะการตายแบบโง่ๆ ไม่ใช่แผนของเขา เมื่อเดินเข้ามาจนน้ำลึกขึ้น สูงถึงเอว ก็เกิดแรงกระตุกของเชือกที่เอว พวกโจรกระตุกแบบนี้แปลว่าอยากทดสอบว่า ‘เหยื่อล่อ’ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ โจรหนุ่มกลอกตา หาแง่งหินสักแง่งผูกเชือกแล้วกระตุกกลับเป็นเชิงว่า ‘ข้าปลอดภัย เชิญพวกเจ้าตามเข้ามาได้เลย’ เสร็จแล้วก็ไปซุ่มดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

อุบายหลอกเด็กแบบนี้ มีแต่พวกโจรที่เขาหลอกมานั่นแหละถึงจะเชื่อและตามเข้ามาทันที

อ้อ ต้องผสมความโลภด้วย ใครๆ ก็บูชาเหรียญทองนี่นะ

ระหว่างรอในความเงียบ ด้วยหูของลูกครึ่งที่ดีกว่ามนุษย์ปกติ เจย์ได้ยินเสียงน้ำหยด เป็นเสียงน้ำหยดลงบนผิวน้ำดัง ติ๋ง ติ๋ง เป็นจังหวะตามธรรมชาติที่ไพเราะราวกับเสียงดนตรี

เขาเดินตามเสียงนั้นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมชักอาวุธมีดสั้นมาถือไว้ในมือเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเลี้ยวผ่านโค้ง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาช่างน่าอัศจรรย์

ภายในถ้ำท่วมน้ำซึ่งกว้างราวสิบเมตร มีดาบรูปทรงชดช้อยสวยงามลอยอยู่กลางอากาศเหนือผืนน้ำ ดาบเล่มนี้คล้ายสร้างจากสายน้ำขึ้นรูปให้แหลมคม มันเปล่งรัศมีสีฟ้าอ่อนเรื่อเรือง สร้างโดมน้ำพุซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียงน้ำหยด

สิ่งที่อยู่ในโดมน้ำพุคือร่างของสตรีนางหนึ่ง

จากตรงนี้เจย์บอกไม่ได้ว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร ทว่าแค่มองโครงร่างก็ทราบแล้วว่าเป็นโฉมงามคนหนึ่ง

เจย์หาเงินไปแต่งเมียอยู่ ที่มาที่นี่ก็หวังสมบัติก้อนใหญ่ซื้อเมียดีๆ สักคน อาจเป็นทาสเอลฟ์หรือดาร์กเอลฟ์ที่จะมีอายุยืนยาวและแก่ช้าพอๆ กับตน เขานึกขำว่าตนอาจได้เจอเมียที่ตามหาอยู่แล้วก็ได้

แต่ก่อนอื่น แค่ดาบเล่มนี้เล่มเดียว ก็ซื้อเมืองทั้งเมืองได้แล้วกระมัง

เจย์เลียริมฝีปาก เขาอยากได้--แน่ละ แต่ไม่ลงมือหุนหัน

ดาบ น้ำ สตรี...แปลกประหลาดจนไม่น่าแตะต้องใดๆ ทั้งสิ้น

แต่เจย์พกของดีติดตัวมาด้วย

ช่าย...ข้าเป็นโจรที่รอบคอบ

เขาก้าวไปยังโดมช้าๆ ก่อนแหวกม่านน้ำพิศวงเข้าไป

ภายในม่านน้ำคือสตรีรูปโฉมงดงามล่มเมือง เรือนร่างกึ่งจมกึ่งลอยบนผิวน้ำเหมือนงานศิลป์ชิ้นเอกของบิดานภา ผู้ซึ่งปั้นรูปเหมือนของมารดานภาให้ทวยเทพชื่นชม

ผิวกายของนางขาวผ่อง ผมสีทองยาวสยาย ดวงตาปิดสนิทใต้แพขนตาสีทอง ใบหูแหลมยาว สวมเครื่องทรงล้ำค่าอย่างนางกษัตริย์

‘เอลฟ์’ สตรีที่เจย์พบคือนางเอลฟ์

ชายหนุ่มลูกครึ่งเอลฟ์แทบหยุดหายใจ เขาลืมดาบไปชั่วครู่ ลืมว่าตนผ่านม่านน้ำมาอย่างปลอดภัย ของดีหรือ 'เครื่องราง' ที่สวมคอซ่อนในเสื้อก็ยังดีอยู่

ภยันตรายอย่างเดียวในที่นี้ อาจเป็นความงามของนาง

มารดาของเจย์ชอบเล่านิทานชวนฝันแบบที่เด็กหญิงจะชอบให้เขาฟังบ่อยๆ แม้จะไม่อยากฟังเพราะไม่มีสัตว์ประหลาด ไม่มีการต่อสู้น่าตื่นใจ แต่เจย์ก็จำทุกเรื่องได้แม่น โดยเฉพาะ 'สตรีผู้หลับใหล'

นิทานของแม่กล่าวถึงหญิงสาวที่โดนคำสาปทมิฬ นางหลับใหลถึงพันปีโดยไม่มีผู้ใดปลุกนางได้ จนกระทั่งชายหนุ่มผู้กล้าหาญคนหนึ่งยอมเสี่ยงชีวิตด้วยใจบริสุทธิ์ ปลุกนางด้วยการจุมพิต ซับเอาไอทมิฬมาเป็นของตน

ตอนจบของนิทานคือทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข ไอทมิฬไม่สามารถทำลายความรักอันบริสุทธิ์ได้

...หรืออะไรเทือกนั้น

เจย์ชมโฉมหมดจดของนางจนแตะริมฝีปากลงไปจริงๆ เสียแต่ว่าความคิดที่เขามีให้นางไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย เมื่อปากสัมผัสปาก ดาบด้านบนพลันตกใส่เขาพร้อมกับสายน้ำระลอกใหญ่

เจย์เบี่ยงตัวหลบปลายดาบแบบเฉียดฉิว ‘เครื่องราง’ ตรงอกร้อนขึ้นมาทั้งยังส่องแสงจ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปเห็นโดมน้ำสลาย กลายเป็นสายฝนตกในถ้ำ ถ้ำส่งเสียงครืนๆ เหมือนปากปีศาจ เมื่อสิ้นแสงรัศมีจากดาบ สายน้ำบริสุทธิ์สีฟ้าใสกลับมีตะกอนโคลนพุ่งขึ้นมากลายเป็นสีโคลนสกปรก

ทีละเสี้ยวทีละส่วน ผืนน้ำกลับคืนสู่สภาพที่แท้จริง จากภายในถ้ำซึ่งมีเจย์และสตรีปริศนาเป็นจุดศูนย์กลาง กระเพื่อมเป็นวงออกไปจนถึงหน้าปากถ้ำ

วินาทีถัดมา เจย์ได้ยินเสียงคนโวยวายไกลๆ น่าจะเป็นเสียงพวกโจรที่ตามเข้ามา คงตกใจที่จู่ๆ น้ำเปลี่ยนเป็นสีโคลน อย่าว่าแต่พวกมันเลย เพราะตัวเขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

นัยน์ตาของเอลฟ์สตรีที่เจย์เพิ่งปล้นจูบปรือขึ้น ดวงตาของนางมีสีเหมือนหินแก้วประกายรุ้ง ดวงตาใสบริสุทธิ์คู่นั้นมองผู้ปลุกนางด้วยความฉงน

ความคิดแรกของเจย์คือหนี แต่จะหนีตัวเปล่าก็กระไร เขาตัดสินใจอุ้มนางเอลฟ์กับดาบไปด้วย

“หนีตายกันก่อนแล้วค่อยแนะนำตัวนะขอรับ” เจย์เอ่ยกับสตรีลึกลับขณะก้าวเท้าพร้อมที่จะโกยอ้าว แม้พื้นใต้เท้ากลายเป็นโคลนหนืดเดินลำบากเขาก็ยังคล่องแคล่ว ทว่าลุยไปได้ไม่ไกล จู่ๆ สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนปลาผสมกิ้งก่าหลังหนามก็โผล่มาจากที่ใดไม่ทราบ พวกมันแหวกโคลนอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเส้นริ้ว เจย์ร้องเสียงหลงพร้อมสบถคำหยาบแสนหยาบอยู่ในใจเมื่อถูกปลากิ้งก่าหลังหนามรุมงับ ดีที่ฟันคมของพวกมันไม่มีพิษ และไม่แข็งแรงถึงขั้นฉีกเนื้อมนุษย์ได้

เจย์ไม่หยุดวิ่ง ปลาที่ฝังเขี้ยวในเนื้อได้แล้วก็ไม่ยอมปล่อยปาก ลำตัวแบนยาวของพวกมันสะบัดเร่าๆ ในอากาศคล้ายธงปลิวตามลม แต่เป็นธงที่เหม็นกลิ่นโคลนและกลิ่นคาว

สตรีในอ้อมแขนอุทาน นางซุกตัวเข้าหาเจย์ กำเสื้อของเขาแน่น

“ไม่เป็นไรๆ” เจย์กระชับอ้อมแขน ร่างของนางเบามาก ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการวิ่ง "ข้าโยนเคราะห์ร้ายให้คนอื่นได้" เครื่องรางที่เจย์พกติดตัวมาเป็นเครื่องรางที่เขาได้จากแม่มดผู้หนึ่ง นางอ้างว่ามันสามารถโยนเคราะห์ร้ายให้กับผู้ที่สวมเครื่องรางคู่กันได้ เขาตัดสินใจซื้อมาคู่หนึ่ง ทว่าก่อนจ่ายเหรียญทองให้นาง เขาบอกกับนางว่า เขาพร้อมจ่ายเพิ่มถ้านางสามารถประดิษฐ์เครื่องรางที่โยนเคราะห์ร้ายให้กับคนแปดคนได้

แปดคน...เท่ากับจำนวนโจรที่อยู่ในขบวนของเจย์

เขามอบให้พวกมันโดยอ้างว่าเป็นเครื่องรางป้องกันภัย บางคนที่ไม่ยอมสวมเขาก็แอบหย่อนใส่กระเป๋าสัมภาระพวกมันทีหลัง มีโจรที่ตายเพราะรับเคราะห์ร้ายแทนเขาด้วย นับเป็นเครื่องรางที่ยอดเยี่ยมสมราคายิ่ง

เวลานี้เครื่องรางที่เจย์สวมอยู่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันส่งรอยกัด รอยงับ รอยฉีกกระชากไปให้พวกโจร ซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะโดนหนักที่สุด เจย์ไม่เข้าใจกลไกของเครื่องรางนัก แต่ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ผลเป็นพอ

เจย์วิ่งหน้าตั้ง เครื่องรางจะไม่เป็นผลถ้าผู้รับเคราะห์ร้ายแทนตายหมด แต่เจย์คิดว่าพวกมันจะรอด การโจมตีของปลากิ้งก่าเป็นแค่การโจมตีของสัตว์ดุร้ายขนาดเล็ก ขอแค่มีฝีมือเสียหน่อยก็เอาตัวรอดได้ไม่ยาก

หลังวิ่งมาไกลจนขึ้นฝั่งที่เกาะด้านในได้ เจย์เหนื่อยแทบหมดสภาพ สตรีที่อุ้มมาด้วยก็หอบไปกับเขา เจย์เหลือบมองนาง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรดาบเวทที่นางกอดไว้ก็เปล่งแสงสีฟ้าวาบแล้วเลือนหายไป

ตอนที่มันเลือนหาย สัญลักษณ์เวทสีฟ้าอ่อนลวดลายชดช้อยปรากฏบนฝ่ามือของสตรีนางนั้น มันเปล่งแสงวูบหนึ่งและจางหายไปเช่นกัน

ดาบเล่มนี้คืออาวุธเวทมนตร์ของจอมเวท

เอลฟ์สตรีจ้องฝ่ามือขาวสะอาดของตนอย่างครุ่นคิด

เจย์คิดว่าตัวเองเจอเรื่องยุ่งยาก ซึ่งมันก็ดูยุ่งยากตั้งแต่เห็นสตรีเอลฟ์สูงศักดิ์นอนโดดเดี่ยวในถ้ำแล้ว แต่จะให้ทิ้งนางไปก็ใจดำ อุตส่าห์หอบหิ้วกันมาถึงขนาดนี้ แล้วอีกอย่าง นางอาจรู้อะไรเกี่ยวกับเกาะนี้ก็ได้

"ข้าชื่อเจย์ขอรับ" ชายหนุ่มแนะนำตัว "เจย์ พรีออน เป็นลูกครึ่งเอลฟ์"

ม่านตาของเจย์เต็มไปด้วยกระสีขาว หากไม่จ้องใกล้ๆ ก็มองไม่เห็น กระสีขาวเป็นตำหนิของลูกครึ่งเอลฟ์กับมนุษย์ ทำให้ภาพที่เห็นเป็นจุดเต็มไปหมด ซึ่งจุดเหล่านั้นจะขยายใหญ่ขึ้นตามอายุ จนในที่สุดก็จะเห็นแต่สีขาว ไม่เห็นภาพอื่นใดเลย

“เรา...รู้จักกันหรือ” นางถาม เสียงของนางไพเราะมาก เพราะเหมือนเสียงนกจากแดนเอลฟ์ที่บินข้ามฝั่งมาหากินในหมู่บ้านของเจย์

“ไม่ขอรับ แต่เรารู้จักกันได้ ท่านชื่ออะไรล่ะ”

นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลับตาแน่น “ไม่รู้ ข้า...จำไม่ได้” นางเงยหน้ามองเขา ดวงตาเหมือนหินแก้วคู่นั้นเปิดเผยความในใจอันว่างเปล่าทั้งหมด

เรื่องยุ่งยากเรื่องที่หนึ่ง...

“ไม่เป็นไร ท่านเสียงเพราะดี ข้าเรียกท่านว่าไนติงเกลไปก่อนแล้วกัน” เจย์ถอนใจ “ข้ามาหาอะไรบางอย่างในถ้ำนี้แล้วเจอท่าน ข้าอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เกรงว่าท่านคงจำไม่ได้”

นางส่ายหน้า “แล้วท่านมาหาอะไร”

“สินแร่สีดำ” เจย์ตอบซื่อๆ เขาไม่คิดว่านางเจ้าเล่ห์ ดูนัยน์ตานั่นสิ ใบหน้านั้นอีก บรรยากาศด้วย เขาว่าคนเจ้าเล่ห์ย่อมรู้ทันคนเจ้าเล่ห์ด้วยกัน แต่เขาเห็นเพียงสตรีแบบบางน่าปกป้องเท่านั้นเอง

นางยิ้ม กล่าวว่า “ตกลง”

“หืม” คิ้วของเจย์เลิกสูง จากนั้นก็หัวเราะจนเห็นลักยิ้มตรงข้างแก้มขวา “ตกลงอะไรขอรับ”

“ไปหาสินแร่สีดำกันเถอะ” นางเสยผมเปียกแนบร่างให้ไม่ปรกหน้า ท่วงท่าโดยไม่ตั้งใจกลับแสดงเสน่ห์อันเปี่ยมล้นของสตรี “ข้าจำอะไรไม่ได้ และไม่รู้จะไปที่ไหน แต่ท่านช่วยข้าจากฝูงปลาเมื่อครู่ ข้าจึงอยากช่วยท่านหาสินแร่สีดำที่ว่า”

เอลฟ์สตรีผู้งามสูงศักดิ์ตอบอย่างตรงไปตรงมา นางตื่นขึ้นมาโดยไร้ความทรงจำ ในสถานที่อันตรายกับบุรุษแปลกหน้า แต่ท่าทางของนางนิ่งสงบ ไม่ฟูมฟาย ความสงบนี้เกิดจากจิตใจอันแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเรือนกายแบบบาง

ทว่าความแข็งแกร่งเกินไปก็ทำให้นางแตกหักง่ายกว่าใครเช่นกัน

เจย์อ้าปากน้อยๆ ด้วยไม่รู้จะโต้ตอบอะไร เขาพยักหน้าเหมือนต้องมนตร์

เขายังไม่รู้ว่า หากนางมีความทรงจำอยู่ครบถ้วนละก็ นางจะไม่เข้าไปภายในเกาะแห่งนี้ แต่รีบหลีกหนีจากมันด้วยความชิงชัง

เพราะสิ่งมีค่าที่สุดภายในเกาะแห่งนี้หาใช่สินแร่สีดำ

แต่เป็นความลับที่ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ กษัตริย์องค์ปัจจุบันและเอริแอดเน่ ท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์มีร่วมกัน


—————————————————————————

A/N เจย์เป็นตัวละครที่น่ารักดีนะคะ ;) บทเกาะไร้นามจะเป็นส่วนเชื่อมสำคัญของเนื้อเรื่องในภาคต่อไปค่ะ ความลับอะไรกันแน่ที่ซิกฟรีดและเอริแอดเน่มีร่วมกัน


พบกันครั้งต่อไปวันที่ 22 พ.ค. 60 ค่ะ


ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สายน้ำไม่ทำลายนาง
แต่ชะล้างความทรงจำ

ความลับดำมืดใดกัน

อย่างนี้อิลมาเรก็น่าจะยังอยู่ใช่ไหม

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอให้มีชีวิตใหม่ที่ดีนะท่านหญิง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จะเกี่ยวกับริวอร์นอร์รึป่าว?

งือ :katai1:

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
บางทีถ้าไม่มีเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์เข้ามาข้องเกี่ยว ชีวิตแอรี่คงไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่าการได้ทำตามหัวใจ ตอนนี้ความทรงจำหายไป ขอให้หายไปให้ตลอดเถอะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ คนใหม่ หยุดจองเวรจองกรรมกันเถอะ คือถึวนางจะน่าสงสาร แต่ก็ไม่ลืมนะว่านางทำร้ายคนอื่นเหมือนกัน  :z3:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 23 : เกาะไร้นาม (2)

ปัจจุบัน ซิลเซเลียน เมืองหลวงแคว้นอิซิลดาร์

อิซิลดาร์คือดินแดนแห่งขัตติยนารี ในยุคปฐมกษัตริย์แห่งรูเมเรียร์ เจ้าหญิงอิซิลดาร์ผู้เป็นขนิษฐาของปฐมกษัตริย์ได้รับปันดินแดนส่วนหนึ่งของทวีป ในฐานะจอมเวทสงครามผู้ต่อสู้เคียงข้างองค์กษัตริย์ นำชัยเหนือสงครามกับเผ่าทมิฬ

ดินแดนที่พระนางได้รับคือแผ่นดินทางใต้อันมีอาณาเขตติดทะเล หน้าร้อนอากาศอบอุ่น พรรณไม้ชูช่อเขียวสดชื่น หน้าหนาวหนาวชื้น พืชพรรณหลับพักผ่อนภายใต้ผ้าคลุมหน้าของเทพีหิมะ ผู้เป็นบุตรีของบิดาธรณีกับมารดานที

‘แคว้นอิซิลดาร์’ ตั้งชื่อตามนามของเจ้าหญิงผู้ปรีชาเพื่อเทิดพระเกียรตินางกษัตริย์ และตำแหน่งผู้ครองแคว้นก็สืบทอดแก่ทายาทสตรีซึ่งเป็นผู้นำตระกูลอิซิลดาร์เพียงเท่านั้น

หนึ่งเดือนหลังจากการไร้ข่าวคราวของผู้ครองแคว้นคนปัจจุบัน--ท่านหญิงเอริแอดเน่ ท้องพระโรงแห่งอิซิลดาร์ได้เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด

นั่นคือนักรบผู้รอดตายสี่คน หนึ่งในนั้นคืออัศวินหญิงแห่งอิซิดาร์ ส่วนอีกสามคนเป็นบุรุษรูเมเรียร์

นักรบอิซิลดาร์ผู้กลับสู่มาตุภูมินามซอนย่า นางมีผมสีดำสนิทดุจขนกา และนัยน์ตาคมกล้าประหนึ่งดาบเหล็ก แม้นางจะสวมชุดขาดวิ่น ดูเก่าเขรอะ แต่ความทระนงองอาจยังฉายชัดในแววตาท่าทาง

ยิ่งนางจูงเชือกลากเชลยจากรูเมเรียร์มาถึงสามคน ยิ่งทำให้น่าเกรงขาม

เชลยทุกคนเป็นทหารกล้าหน่วยกาลาฮาน หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บขนาดลูกผีลูกคน มันนอนหายใจแผ่วอยู่บนแพชักลากซึ่งทำขึ้นลวกๆ อีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่แขน รอยแผลฉกรรจ์กลัดหนอง ส่วนอีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่แขนเช่นกัน ทั้งดวงตาข้างขวายังพันผ้าปิดเอาไว้ คาดว่าคงมองไม่เห็นอะไรแล้ว

ทหารกาลาฮานคนสุดท้ายคือเนอร์ดาเนล มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่พลาดพลั้งให้แก่อัศวินอิซิลดาร์ ความจริงก่อนหน้ามันได้เปรียบ เกือบจะจับนักรบสตรีผู้นี้ได้ ทว่าจู่ๆ ก็เกิดเสียงครืนปานธรณีสูบ พอรู้ตัวอีกทีก็ถูกกวาดลงมหานที ดาบหลุดจากมือ มวลน้ำมหาศาลกดลงอก ทะลักเข้าปากและจมูก

ห้วงน้ำวนมิได้พัดเพียงคนแต่พัดเอาซากปรักหักพังของป้อมปราการและทุกๆ อย่างในบริเวณนั้นลงมาด้วย มันโดนบางอย่างกระแทกเข้าที่ตา เจ็บจนสติสุดท้ายคิดว่าหากตายอาจสบายกว่า แต่แล้วเมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง...มันก็ถูกพันธนาการด้วยเชือกเสียแล้ว

และได้มาอยู่ที่นี่--ท้องพระโรงแห่งอิซิลดาร์

ภาพท้องพระโรงต่างถิ่นที่ปรากฏต่อสายตาของเนอร์ดาเนลทั้งเคร่งขรึมและอ่อนหวาน เป็นการผสานอันลงตัวของความเข้มแข็งแต่ก็ชดช้อยอย่างสตรี

ห้องท้องพระโรงสร้างจากหินอ่อนสีเทาเข้ม ประดับไม้ดอกหลากสีอันชวนให้จิตใจเบิกบานและไม้เลื้อยเขียวสดชื่นแทนทองคำและเหล็กกล้าของท้องพระโรงแห่งรูเมเรียร์

ด้านบนของช่องหน้าต่างสูงยาวแขวนธงสัญลักษณ์ของห้าตระกูลใหญ่แห่งอิซิลดาร์ ธงสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว สีดำ แขวนอยู่ด้านข้างซ้ายขวา บนผืนผ้าปักสัญลักษณ์ตระกูลรองรูปดอกไม้และสัตว์ปราดเปรียว ด้านหลังเหนือบัลลังก์ของนางกษัตริย์ผู้ปกครองอิซิลดาร์คือธงสีทอง ปักภาพดอกไม้สีขาวอมทองและศีรษะยูนิคอร์น เขาเดี่ยวกลางหน้าผากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มีสายน้ำม้วนเป็นเกลียวแทนพรแห่งนที

ไม่ต้องสงสัยว่าภาพบนธงไหมทองคืองานปักอันประณีตแสดงสัญลักษณ์ของตระกูลอิซิลดาร์

กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านข้างคือเอลฟ์สตรีสูงศักดิ์และข้ารับใช้บุรุษ เอลฟ์สตรีที่โดดเด่นกว่าใครสี่นางคือ ‘เอลเดอร์’ หรือผู้อาวุโสจากตระกูลสายรอง ถึงจะเรียกผู้อาวุโส ทว่าอายุของเอลฟ์สตรีเหล่านี้ล้วนไม่มากกว่าห้าร้อยปี เพราะผู้อาวุโสรุ่นก่อนทั้งหมด ได้ ‘สละตำแหน่ง’ หลังความตายของท่านหญิงเฮสเทียน่า--ผู้นำตระกูลอิซิลดาร์รุ่นก่อน

เนอร์ดาเนลถูกทหารสตรีกดให้คุกเข่า แสงที่ส่องเข้าตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เขาเห็นสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ผู้ครองแคว้น นางสวมชุดสีขาว แหวกช่วงเข่าเห็นหัวเข่าขาวเนียนและท่อนขางามสมบูรณ์

อัศวินซอนย่าคุกเข่า

“กลับมาแล้วหรือ” สตรีบนบังลังก์ถาม

“เพคะ” เสียงของซอนย่าพร่า นางพาเชลยเดินทางผ่านป่าและภูเขาหลายวันหลายคืน นอกจากต้องระวังสัตว์ร้าย โจร และภยันตรายอื่นๆ นางยังต้องรับมือกับเชลยที่แม้เจ็บหนักก็ยังสู้ ไม่ยอมให้นางลากจูงง่ายๆ

“ซอนย่า” สตรีบนบัลลังก์ยื่นหลังมือขาวเนียนให้อัศวินสาว นางทาเล็บสีน้ำเงินเข้ม ปลายเล็บยาวโค้งมนเคลือบประกายแวววาว

ซอนย่าน้อมศีรษะจรดพื้นแล้วยืนขึ้น นางก้าวไปหาสตรีบนบัลลังก์แล้วคุกเข่าลงอีกครั้งเมื่ออยู่แทบเท้านางกษัตริย์ ก่อนรับมือแบบบางนั้นมาประทับจุมพิตด้วยความภักดี

แสงที่ส่องเข้าตาของเนอร์ดาเนลอ่อนแสงลง เขาจึงเห็นสตรีที่นั่งอย่างเย่อหยิ่งบนบัลลังก์ได้ถนัด

นางคือผู้นำตระกูลอิซิลดาร์คนปัจจุบัน สวมชุดขาวลายลูกไม้สีทองและน้ำเงิน ดวงตาสีหินแก้วประกายรุ้งอันตรึงวิญญาณเหยียดมองทหารบาดเจ็บแห่งรูเมเรียร์ แววตาของนางเย็นชาและอำมหิตอย่างนางกษัตริย์ผู้เดินผ่านซากศพของสตรีอิซิลดาร์คนเล่าคนเล่าเพื่อก้าวขึ้นสู่บัลลังก์

ท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์กลับสู่แผ่นดินเกิดแล้ว ท่ามกลางความกังขาของเหล่าเอลเดอร์และขุนนางสตรี ว่าเหตุใดนางจึงละทิ้งคู่หมั้นอย่างราชาซิกฟรีด หรือข่าวลือเรื่องราชาหลงใหลบุรุษดาร์กเอลฟ์จะเป็นความจริง อิซิลดาร์ในตอนนี้เหมือนมีคลื่นใต้น้ำ แนวพรมแดนซึ่งเชื่อมต่อกับรูเมเรียร์ยังไม่ถูกปิดกั้น แต่มีการตรวจตราผู้เดินทางเข้าออกอย่างเข้มงวด และยกเลิกใบผ่านทางของกองกำลังทหารรูเมเรียร์ที่มากกว่าหนึ่งร้อยคน

นางกษัตริย์แห่งอิซิลดาร์เชยคางซอนย่า นิ้วเรียวจับคางได้รูปแล้วพลิกให้หันหน้าไปทางหนึ่ง ตุ้มหูเวทบนใบหูแหลมยาวส่องประกายสีไพลินเรืองๆ

“ตุ้มหูที่ข้ามอบให้ช่วยคุ้มครองเจ้าสินะ” นางเอ่ยด้วยเสียงไพเราะเจือความเมตตา

“เจ้าค่ะ” น้ำตารื้นในดวงตาแห้งผากของนักรบสตรี พอให้มันส่องประกายแห่งชีวิตอีกครั้ง

ท่านหญิง...

เอริแอดเน่ไล้นิ้วบนแก้มซอนย่า “รออีกสักนิด จะให้พัก”

เนอร์ดาเนลเห็นท่านหญิงเอริแอดเน่แล้วรู้สึกเดือดในอก ไม่ใช่นางหรือที่เป็นต้นเหตุทำให้สหายของเขาตกตาย หรือเขาควรโทษดาร์กเอลฟ์ หรือควรโทษราชาที่หลงดาร์กเอลฟ์ หรือควรโทษหัวหน้าที่มีใจต่อดาร์กเอลฟ์จนพาทุกคนมาสู่หายนะ...

หรือความพินาศทั้งหมดไม่อาจหาคนรับผิดแท้จริงได้

ในฐานะทหาร เขาไม่ควรคิดเช่นนี้ แต่ในฐานะเอลฟ์ธรรมดาที่เสียเพื่อนพ้อง เขาอยากโทษอะไรสักอย่าง...อะไรก็ได้ มันผู้ใดก็ได้

เอริแอดเน่วางมือบนเท้าแขน นั่งตัวตรง เชิดหน้ามองทหารที่กล้าจ้องนางด้วยสายตาเดือดดาล สายตาไร้อารมณ์ของนางมองมันราวกับเป็นเพียงมดเพียงแมลงที่ทำให้ท้องพระโรงของนางสกปรก

“ตาน่ะ เหลืออยู่ข้างเดียวไม่พอหรือ หรือไม่อยากเหลือสักข้าง” นางกล่าวไม่เร็วไม่ช้า ไม่ใส่อารมณ์ แต่ทำให้ผู้ฟังหนาวสันหลัง

เนอร์ดาเนลไม่ละสายตา ก็เอาสิ บอดไปเสียทั้งคู่ก็ดี

ท่านหญิงแห่งอิซิดาร์พิศความแค้นเคืองในดวงตาข้างนั้น จากนั้นก็ยกหลังมือขึ้นปิดปาก หัวเราะนุ่มนวล กิริยาของนางไม่มีส่วนใดไม่งามสง่า ไม่เมตตาอารี “เราก็แค่หยอกเล่น บุรุษรูเมเรียร์ช่างเคร่งครัดเสียจริง”

ทว่าเหล่าเอลเดอร์ ขุนนาง และทหารอิซิลดาร์ที่อยู่ในท้องพระโรงกลับหนาวสันหลัง หายใจไม่ทั่วท้อง

ท่านหญิงเอริแอดเน่หายตัวไปอย่างไร้ข่าวคราวเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน จู่ๆ นางก็กลับมาก่อนอัศวินซอนย่าจะเข้าเขตซิลเซเลียนแค่ครึ่งวัน ซ้ำร้ายอัศวินของนางยังพาทหารขององค์ราชาในสภาพบาดเจ็บสาหัสมาเป็นเชลย ไหนจะเหตุการณ์วังน้ำวนลึกลับที่เมืองโรสมินาสซึ่งปิดข่าวกันอย่างเข้มงวด

เวทแห่งมหานทีมิใช่ความถนัดของท่านหญิงที่ใครก็ไม่อาจเทียบหรือ

ระหว่างที่เหล่าเอลเดอร์กังวลถึงความสัมพันธ์ระหว่างอิซิลดาร์กับรูเมเรียร์ ที่อาจมีรอยร้าวมากขึ้นถ้าท่านหญิงเอริแอดเน่สังหารทหารขององค์ราชา ท่านหญิงก็เอ่ยให้พวกนางโล่งใจว่า

“ทำแผลให้ทหารเหล่านี้เถิด หากชักช้า องค์ราชาอาจเข้าใจผิดว่าเราไม่ห่วงใยดูแลข้ารับใช้ของพระองค์”

“เจ้าค่ะ” ซอนย่ารับคำ หลังจากนั้นก็มีทหารสตรีเข้ามาช่วยลากเชลยออกไป

เนอร์ดาเนลยังจ้องเขม็งไปทางท่านหญิงเอริแอดเน่ แม้จะถูกกระชากให้เดิน

“หยุดก่อน” ท่านหญิงเหยียดยิ้ม เมื่อนางสั่ง ทหารสตรีที่ลากเนอร์ดาเนลก็หยุด ส่งผลให้ทหารกล้าแห่งหน่วยกาลาฮานอยู่ในสภาพถูกหิ้วปีกอย่างน่าขัน

เสียงหัวเราะสั้นๆ ดังรอบท้องพระโรง

“เจ้าชื่ออะไรนะ” ท่านหญิงใช้เล็บสวยงามชี้สั่ง

ทว่าเนอร์ดาเนลไม่ตอบ

ซอนย่าเข้าไปตบปากครั้งหนึ่ง แต่อดีตทหารแห่งกาลาฮานก็ไม่ยอมปริปาก

เนอร์ดาเนลดุนกระพุ้งแก้ม ฟันโยกและเลือดกบปากเมื่อถูกซอนย่าตบอีกครั้ง

เสียงฉาดของฝ่ามือกระทบเนื้อดังก้องท้องพระโรงอีกสองสามครั้ง กระทั่งท่านหญิงผู้นั่งพริ้มตาบนบัลลังก์ยกมือให้องครักษ์ของนางหยุดมือ

“เจ้าว่า แขกที่ไม่ให้ความเคารพแก่เจ้าบ้านผู้มีน้ำใจเฉกข้า เฉกชาวอิซิลดาร์ทุกคน จะทำให้องค์ราชาขายหน้าหรือไม่” นางหยุด ให้เวลาอีกฝ่ายคิด “เจ้ากับสหายที่บาดเจ็บของเจ้าเป็นพี่น้องในกองรบที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การตัดสินใจของคนหนึ่ง ก็คือการตัดสินใจของกลุ่ม หากมีความชอบ ก็รับรางวัลร่วมกัน แล้วหากมีทัณฑ์เล่า...ใครจะรับ”

‘ที่นี่คืออิซิลดาร์ ไม่มีบารมีของราชาคุ้มหัวบุรุษโอหัง ซ้ำยังเป็นทหารต้อยต่ำเช่นพวกเจ้า’ สายตาของเหล่าเอลเดอร์บอกเฉกนั้น

‘ทำให้สตรีบนบัลลังก์พอใจ ชีวิตของเจ้ารอด รวมถึงชีวิตของสหายเจ้า หากทำให้นางไม่พอใจเล่า เจ้าไม่รักชีวิตตัวเอง แต่พร้อมลากคนอื่นไปลงหลุมด้วยหรือไม่’

“ข้า…” เนอร์ดาเนลเอ่ยอย่างยากลำบาก เพราะเลือดที่ค้างในปากด้วยส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลสำคัญคือเขาไม่อยากพูดกับนางแม้สักคำ “มีนามว่าเนอร์ดาเนล...ขอรับ”

“เอาละ เนอร์ดาเนล” เอริแอดเน่เดินลงจากบัลลังก์อย่างไม่รีบร้อน นางหยุดยืนตรงหน้าทหารหนุ่ม หยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยซับเลือดที่มุมปาก

สัมผัสของผ้าเนื้อนุ่มนุ่มนวลแผ่วเบา แทบจะเรียกได้ว่าเอาใจใส่ “เราถามชื่อเจ้า เพราะอยากทราบนามของผู้ที่จะถือสารของเราไปยังรูเมเรียร์อย่างไรล่ะ”

นางยิ้ม...ช่างอ่อนหวานและสวยงามที่สุด

---------------------------------------

เวลาเดียวกัน เกาะไร้นาม เกาะในทะเลสาบขนาดใหญ่ แหล่งสินแร่สีดำอันลึกลับและล้ำค่า

เจย์มองโฉมงามที่เก็บมาได้อย่างพิศวง เวลานี้นางนอนหลับข้างกองไฟที่เขาก่อให้เมื่อคืน มันมอดดับไปแล้วแต่ความร้อนยังอยู่ พอให้นางนอนหลับได้อย่างสบายไปอีกระยะหนึ่ง

เมื่อวานนี้ ทั้งสองออกจากถ้ำได้ก็สำรวจเกาะอยู่ครึ่งวัน ตกเย็นพบหอคอยซึ่งเป็นซากโบราณสถานของเอลฟ์ตั้งอยู่ส่วนลึกของเกาะ หอคอยนี้ปิดตาย ถูกทิ้งให้ผุพัง แม้มีช่องที่ปีนลอดเข้าไปได้ ก็อยู่สูงเกินสตรีจะปีนป่าย และแทบมองไม่เห็นจากด้านล่างในเวลามืดค่ำ เอลฟ์มิได้สายตาดีในเวลากลางคืนเหมือนดาร์กเอลฟ์ ลูกครึ่งเอลฟ์ยิ่งมิต้องพูดถึง แม้เจย์จะสายตาดีกว่ามนุษย์ทั่วไปมากหน่อย แต่ภาพที่เห็นก็เต็มไปด้วยจุดกระสีขาว

ขณะเจย์หาทางเข้า เอลฟ์สตรีก็ช่วยหาเช่นกัน บังเอิญที่มือของนางไปแตะตราสัญลักษณ์บนประตู ทำให้ประตูเปิดออกเองอย่างน่าพิศวง โดยที่นางเองก็ไม่ทราบว่าทำไมตนจึงเปิดประตูได้

เจย์ตั้งใจเข้าไปสำรวจโบราณสถาน ก่อนอื่นต้องระวังอากาศด้านใน ปิดตายมานานขนาดนี้อากาศอาจเป็นพิษได้ เขาบอกกับนางว่าต้องการนกสักตัว ปล่อยให้มันบินเข้าไปสำรวจก่อน ถ้านกไม่ตาย คนก็ไม่ตาย

ความจริงเขาเตรียมนกมาด้วยหนึ่งตัว แต่พวกโจรยึดไป ตอนนี้เลยหมดอุปกรณ์หากินไปหนึ่งอย่าง

นางเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย แล้วบอกว่าถ้าข้างในมีอะไรจริง เราก็ควรรู้สึกก่อน เพราะเรายืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่หรือ จากนั้นก็เดินนำเข้าไป

เมื่อเห็นเจย์ยืนค้าง นางก็หันกลับมา ยิ้มและเอ่ยเหมือนตะล่อมเด็กว่า ‘เห็นไหม ไม่มีอะไร’

เจย์นึกกลับไปตอนนั้นแล้วถอนใจปนขำ เมื่อวานฟ้ามืดแล้วจึงหามุมก่อกองไฟให้ความอบอุ่นและแบ่งเสบียงกัน เขาให้นางนอนหลับพักผ่อนโดยรับอาสาเฝ้ายาม (แอบงีบหลับบ้าง) ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นนานแล้วทว่านางยังหลับอยู่ เขาจึงมองนางไปเรื่อยๆ ยิ่งมองยิ่งเพลินตา เอลฟ์สตรีที่ได้พบเห็นมาไม่มีใครงดงามเท่านางเลย จมูกนิดปากหน่อย น่ารักน่าจูบ...

ถึงเป็นโจรแต่มารดาอบรมให้เป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่คิดฉวยโอกาส (จริงๆ ก็คิดนิดๆ) ...ไม่นับที่จูบนางไปก่อนหน้าเพราะเขาแค่อยากลอง ‘ล้างพิษ’ แบบในนิทานที่ได้ฟังตอนเด็ก แต่จะว่าไป บางทีพิษอาจตกค้างอยู่ ดูสิ หลับได้หลับดี

เจย์โน้มลงไปจะล้างพิษให้นางด้วยปากอีกครั้ง

ทว่าการนอนหลับของเอลฟ์สตรีไม่สงบดังเช่นในถ้ำก่อนหน้านี้ เขาเห็นนางกำมือเล็กๆ แน่น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ซอกคอมีเหงื่อชุ่มลงไปถึงทรวงอก แน่นอน...สุภาพบุรุษย่อมไม่เสียมารยาทด้วยการมองหน้าอกสตรี แต่อาการนางดูแย่ เขาจึงยังไม่ละสายตา เห็นว่าเสื้อผ้าของนางมีรอยขาดเป็นริ้วในบางจุด เนื้อตัวมีรอยช้ำจางๆ เหมือนถูกใครทำร้ายมา ที่ไม่เห็นก่อนหน้าคงเป็นเพราะมืดและเขาก็ใจจดใจจ่อกับการเฝ้ายาม แถมเขายังเหนื่อยสายตัวแทบขาด เลยไม่ได้สังเกตนางให้ดี

เจย์ใช้สายตาแบบหมอตรวจลักษณะช้ำๆ บนขาอ่อนโดยละเอียด

อืม...

“เกล” เขาเรียกชื่อที่ตัวเองตั้งให้นางแบบย่อๆ พร้อมแตะแขนนางอย่างแผ่วเบา แต่แรงแค่นั้นก็ส่งให้นางสะดุ้ง ตกใจตื่น ดวงตาคู่งามมองเขา ปากอิ่มเผยอค้าง หอบเบาๆ เหมือนกำลังหวาดกลัว

“เจย์...หรือ” นางเอามือกุมอก รับรู้ว่าหัวใจของตนเต้นถี่เร็วจนปวดหนึบ

“ชี่ ไม่มีอะไร…” เจย์ปลอบนาง ยิ้มบางๆ ให้ เขาหาผ้าสะอาดที่สุดที่พกมาชุบน้ำดื่มแล้วเช็ดใบหน้าจิ้มลิ้ม

บิดามารดาช่างปั้นจริงหนอ


เจย์สังเกตว่านางสะดุ้งน้อยๆ ตอนมือเขาใกล้ตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็น

บางทีอาจเกี่ยวกับความฝัน

“ฝันถึงมังกรหรือ” เจย์ชะงักมือเพราะนางเกร็งอย่างน่ากลัว เขาส่งเสียงชี่...ชี่...ปลอบนางอีก ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมไปเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกครั้ง

“มังกร?” นางงงงวย ส่ายหน้า

“มารดาข้าบอกว่าถ้าฝันถึงมังกรจะเสียทรัพย์ ถือเป็นฝันร้ายของข้า” เขาเสริมว่าสะดุ้งขนาดนี้คงเป็นฝันร้ายแน่แท้ ไม่มีใครสะดุ้งเพราะฝันดีหรอก

นางฟังเงียบๆ...นานครู่หนึ่งจึงเอ่ย “มือ…”

“มือ?” เจย์ละมือของตนมาดู เห็นซอกเล็บเต็มไปด้วยดินแห้งกรังก็หัวเราะแห้งๆ คิดว่านางคงรังเกียจ อันที่จริงก็สมควรอยู่...

“มือหลายคู่ จับข้าไว้...เจ็บ” ดวงตาของนางเหม่อลอย คล้ายจิตหลงหายไปในมโนสำนึกซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ภายใน

เจย์พยักหน้าเข้าใจก่อนพูดว่า “แก้เคล็ดดีกว่า”

นางเงยหน้ามองอย่างสงสัย โจรหนุ่มเฉลยด้วยการบิดผ้าแล้วหาที่เหน็บตรงกระเป๋าคาดสะโพก หลังจากนั้นก็เอ่ยขอมือทั้งสองข้างของนาง มือซ้ายของเขารองมือซ้ายของนาง และทำอย่างเดียวกันกับมือขวา ลูกครึ่งเอลฟ์หลับตา ทำปากขมุบขมิบแล้วเป่าพ้วงเข้าที่ฝ่ามือแบบบาง

“มือซ้ายพิฆาตศัตรู มือขวามีชัยเหนือไพรี ข้าเสกมนตร์ให้แล้ว ถ้าเจ้าฝันร้ายอีกให้ฟาดมือใส่พวกมัน ตบให้ลืมทางกลับไปหามารดาเลย”

ผู้ถูกปลอบมีสีหน้าประหลาดใจ มือของนางยังสั่นน้อยๆ ฝ่ามือที่กำแน่นจนเล็บจิกเนื้อเป็นแผลถลอกแดง ทว่ามีมือใหญ่รองใต้มือของนาง ช่วยจับให้มันหยุดสั่น

นางระบายลมหายใจ ตอบรับว่า “อื้ม” อย่างอ่อนแรง

เจย์เหมือนเห็นสตรีตรงหน้าจางหายไปในชั่วขณะนั้น

อันที่จริงชายหนุ่มไม่มีหรอกมนตร์อะไรนั่น แค่เป็นมุกเสริมกำลังใจ แต่ดูนางจะห่อเหี่ยวกว่าเดิม

“ในฝัน ข้าเจ็บเหมือนโดนค้อนทุบไปทั้งตัว แต่มนตร์ของท่าน ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น” นางเอ่ยเติมกำลังใจให้เจย์ “แล้ว...จะอยู่อย่างนี้หรือ” นางมองมือที่ถูกจับอยู่

"ไหวหรือเปล่าถ้าจะไปต่อ"

เวลานี้สำนึกของเจย์เกี่ยวกับสตรีเอลฟ์ไร้นามตีกันอยู่สามฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอยากพานางกลับบ้านแต่งเมีย ฝ่ายสองอยากช่วยเหลือนาง ฝ่ายสามอยากใช้ประโยชน์จากนางในการหาสินแร่ (แล้วค่อยพากลับบ้านแต่งเมีย)

และการที่เขาถามไปอย่างนั้นแปลว่าสำนึกที่สามชนะ...

นางพยักหน้า

“ข้าเห็นไอสีดำมาจากทางนั้น ท่านอยากตามมันไปไหม” นางผินหน้าไปทางบันไดวนขึ้นหอคอยขนาดยักษ์

เมื่อเขามองตาม...ก็ไม่เห็นไอสีดำอะไร

แต่เมื่อคิดว่าแค่นางแตะมือ ประตูโบราณสถานก็เปิดออก บางทีนางอาจมีความเกี่ยวพันกับสถานที่แห่งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


—————————————————————————

A/N #มันก็จะมีความลับหน่อยๆ นะคะ ;)


พบกันครั้งต่อไปวันที่ 24 พ.ค. 60 ค่ะ



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
 แยกจิตรึ หรือยังไงน้อ รออออ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เอ๊ะ! เจอเจย์ก่อน? มาอิซิลดาร์ก่อน?

เอ๊ะ! เอ๊ะ!  งง

55555

ออฟไลน์ kungka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คือท่านหญิงมีสองคนต้องมีคนหนึ่งเป็นตัวปลอมแน่ แล้วผีนักรบหายไปใหนอ่ะ หรือเราพลาดตรงใหนไป :katai1: :ling1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีคนขโมย ความทรงจำไปจากนางหรือเปล่า
คนนั้นแปลงกายเป็นนางแทน
แต่ไม่ฆ่านาง เพราะความทรงจำจะหายตายตามเจ้าของร่าง /มโนเอง

เจย์ ดูเจ้าเล่ห์ มีไหวพริบ ฉลาดแกมโกง น่าสนใจ
จะได้ประโยชน์จากนางแน่เลย

สงสารเนอร์ดาเนล ตกอยู่ในดินแดนศัตรู
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โอ้ยย เจ้มจ้น!

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด