ตั้งแต่ตื่นมาวันนี้จะพูดว่าผมมีความสุขมากๆก็ทำได้ไม่เต็มปาก เพราะเมื่อผมกับไอ้ภพลงมาจากห้องและทำกิจวัตรประจำวันไป ก็มีทีมงานจากเกมส์ แต่ไม่ใช่ชุดเดิมกับที่จะมาเอาไอ้ภพออก เดินเข้ามาทักทายในบ้าน ก่อนจะนำตัวผมกับไอ้ภพ ไปแต่งองค์ทรงเครื่อง ให้ดีกว่าสภาพในตอนนั้นอย่างรีบร้อนจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยกลายเป็นว่าจากยาจกคนหนึ่ง บัดนี้ได้เขยิบฐานะขึ้นมาเป็นคนใช้
….ซึ่งต่างจากไอ้ภพ….
ในตอนแรกที่ผมถูกแปลงสภาพ ผมมองตัวเองในกระจกก็อดที่จะชมตัวเองไม่ได้ว่าผมก็หล่อ แต่เมื่อมองไปที่ไอ้ภพ ทุกอย่างที่ว่ามามันก็หายไปทันที ไอ้ภพในสภาพที่ผมถูกเซตขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่แต่งเติมเครื่องสำอางไปเล็กน้อย ได้ทำให้มันกลายเป็นผู้ชายที่ดูมีภูมิฐานและหล่อขึ้นเป็นกอง ทีมงานที่แต่งหน้าให้มันต่างหลงใหลไปกับใบหน้าราวกับรูปปั้นนั่นไม่ต่างไปจากผม วัดได้จากคำชมมากมายที่ถูกเอ่ยให้มันได้ยิน แต่มันก็ทำแค่ยิ้มรับและขอบคุณไปเท่านั้น
เมื่อผมและไอ้ภพพร้อม ทีมงานจากเกมส์กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาบอกกับเราว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ทางรายการได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ร่วมสนุก อันเนื่องมาจากกระแสความแรงของคู่ผม ที่ไปกระตุ้นยอดคนดูได้สูงกว่าปีก่อนๆ
“เอ่อ….ขอโทษนะครับ กิจกรรมที่ให้ร่วมสนุกคืออะไรหรอครับ”
“ทางเราเปิดโอกาสให้ผู้ชมถามคำถามอะไรก็ได้เพื่อจะนำมาถามพวกคุณ โดยเราเลือกมา 20 คำถามที่ถูกถามมากที่สุดจากคำถามทั้งหมด”
“อ๋อ แล้วพวกผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ”
“เดี๋ยวเราจะอัดเป็นคลิปวีดีโอนะครับ คุณมิวมีหน้าที่แค่ตอบคำถามเท่านั้นครับ”
“ทำไมคู่พวกผมถึงเป็นกระแสได้ครับ”ไอ้ภพที่นั่งหน้าหล่อมาสักพัก ถามขึ้นบ้าง ซึ่งก็เรียกความสนใจจากทีมงานได้ไม่น้อย
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวก็รู้ครับ เริ่มเลยนะครับ อันดับแรกแนะนำตัวให้กล้องเลยครับ”
“สวัสดีครับผมมิวครับ/สวัสดีครับผมภพครับ”
“คำถามแรกนะครับ คิดอย่างไรถึงมาร่วมเกมส์นี้”
“คำถามเบสิคเลยนะครับ ผมร่วมเกมส์นี้ในตอนแรกก็เพราะเงินเลยครับ อีกอย่างผมก็เล่นเกมส์โชว์มาหลายรายการแล้ว คงพอมีหลายคนคุ้นหน้าผมบ้าง ผมเห็นว่าเกมส์นี้มันแปลกเลยอยากเข้าร่วมครับ” ผมยิ้มให้กล้องและตอบคำถามอย่างไม่เขินอาย คำถามแรกไม่ต่างไปจากที่ผมคิดเท่าไร
“ส่วนผม เข้าร่วมเกมส์นี้เพราะเห็นว่ามันน่าสนุกครับ” คำตอบสั้นๆแต่กระชากจิตใจทีมงานถัดมาเป็นของไอ้ภพ
“คำถามต่อมาเลยนะครับ คุณกลัวผีกันหรือไม่”
“ผมกลัวครับ ในตอนแรกที่รู้ว่าได้ร่วมเล่นก็ทำผมใจเสียไปพอสมควร”
“ผมไม่กลัวครับ” คำตอบสมกับเป็นชายชาตรีของไอ้ภพ ทำให้ทีมงานหลายคนต่างพร่ำเพ้อไปกับมันอีกรอบ ซึ่งปฏิกิริยาพวกนี้ไม่ได้มีตอนผมตอบคำถามแต่อย่างใด
“คำถามที่สามเป็นของคุณมิวนะครับ ในเกมส์ซ่อนหาทำไมคุณมิวถึงเปิดประตูออกไปครับ”
“ฮะ!! ผมไม่ได้เปิดนะครับ ประตูมันเปิดเอง” ความงุนงงเกิดขึ้นทันทีหลังจบคำถาม ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ผมที่งง ทีมงานทุกคนต่างก็ทำสีหน้าไม่ต่างจากผม เสมือนว่าต่างคนต่างก็ถือความจริงอยู่คนละเรื่อง
“คำถามถัดไปเลยครับ” ไอ้ภพรีบแทรกขึ้นมาอย่างรีบร้อน เลยทำให้บรรยากาศตึงๆเมื่อครู่หายไปกับตา
“อ่าครับ คำถามนี้เป็นของคุณภพนะครับ ทำไมในช่วงกลางวันส่วนมากจะเห็นแค่คุณมิวครับ คุณภพไปไหน?”
“ผมแค่ออกไปพักข้างนอกครับ อยู่ในบ้านมันเบื่อๆ ไอ้มิวมันไม่ออกเพราะมันกลัวดำครับ”
“55555 คุณมิวนี่กลัวดำด้วยหรอครับ”
“เอ่อ ครับๆผมกลัวดำ” ผมค้อนขวับไปที่ไอ้ภพทันทีหลังจากที่มันโกหกเรื่องของมันและเบนความสนใจทั้งหมดมาที่ผม ทีมงานพวกนี้ก็มีความสองมาตรฐาน ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไอ้ภพมันหายไปไหนแต่กลับไม่มีใครทักท้วงอะไรขึ้นมา ตัวการที่สร้างเรื่องก็หันมายิ้มเย้ยๆผมและตบท้ายด้วยการยักคิ้วกวนๆให้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
บ้านแทบแตกไปในทันที เมื่อทีมงานผู้หญิงต่างก็แหกปากกันขึ้นมาลั่นบ้าน ทำเอาบรรยากาศบ้านผีสิงพังย่อยยับ และยังมีคำพูดที่เหมือนจะคุยกันเองว่า ไอ้ภพหล่อบ้าง อยากได้บ้าง ต่างๆนานา เอ่ยขึ้นมาเป็นระยะ เล่นเอาไอ้ภพรีบทำหน้ากลับไปเป็นปกติแทบไม่ทัน
“55555” ผมแอบขำกับภาพตรงหน้า แต่คงแอบดังไปหน่อยจึงทำให้ไอ้ภพหันมามองผม
“มึงขำอะไรวะ”
“ขำมึงนั่นแหละ เป็นไงหละ หล่อดีนัก แม่ยกตรึมเลยทีนี้”
“แล้ว? มึงอิจฉารึไง” ตาคมๆของมันหรี่ลงก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอย่างจับผิด
“บ..บ้าละ แล้วมึงจะยื่นหน้ามาทำไมเนี่ย ออกไปเลย” ความรู้สึกผมค่อนข้างไวต่อการกระทำของไอ้ภพ จึงรีบดันหน้ามันออกไป กลัวว่าจะต้องเขินมันหน้าแดงออกวีดีโอนี่ ไอ้ภพก็ไม่ให้ความร่วมมือ ยังคงต้านกับแรงดันมือผมและยิ้มอย่างเป็นเรื่องสนุก
“หยุดแกล้งกันก่อนนะครับ คำถามถัดไปนี่มีคนอยากรู้เยอะเลยครับ คุณสองคนรู้จักกันมาก่อนหรือไม่”
“ไม่ครับ” เราทั้งคู่ตอบพร้อมกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ทำไมคุณทั้งคู่ถึงดูสนิทกันมาก ทั้งที่อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน”
“ผมคิดว่าด้วยความที่ผมกับมันกินนอนด้วยกัน เวลาทั้งวันเราทำทุกเรื่องคล้ายๆกันมันเลยสนิทกันไปเองครับ”
“สำหรับผมก็ตามที่ไอ้มิวบอกเลยครับ”
“แล้วคุณเคยรับชมรายการนี้กันมาก่อนหรือไม่”
“ไม่/ไม่ครับ” แทบจะในทันทีที่เราทั้งคู่หันมามองหน้ากัน อย่างคงกำลังสงสัย เป็นไปได้ยังไงที่ไม่เคยมีใครดูรายการนี้
“คำถามนี้ยากหน่อยนะครับแต่ขอให้ตอบด้วย พวกคุณมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กันหรือไม่”
“ฮะ!!!!!!!!!!” ทั้งผมและไอ้ภพต่างก็ตะโกนออกมาสุดเสียง หลังจากได้ยินคำถามบ้าบอนั่น ก่อนที่จะหันมามองหน้ากันด้วยแววตาเลิ่กลั่ก
“เอ่อ….ไม่รู้ครับ คงต้องเป็นเรื่องของเวลามั้งครับ”ผมที่ตั้งสติได้ก่อนรีบตอบขึ้นมาทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้น แม้จะยังตื่นเต้นและตกใจกับคำถามมากก็ตาม รู้เลยว่ากระแสที่มันดีขึ้น มันดีเพราะอะไร ในหัวผมมีแต่คำถามว่า ใครมันถามคำถามนี้ เดี๋ยวพ่อจับดีดหนังยางใส่ปาก เอาเวลาตรงไหนของรายการไปคิดอะไรแปลกๆแบบนี้
“แล้วคุณภพละครับ?” จบคำถามของทีมงานผมก็ต้องหันไปมองหน้ามัน นั่งลุ้นกับคำตอบมันอย่างใจตุ้มๆต่อมๆ หากมันหักดิบตอบว่าไม่ ผมจะทำอย่างไรให้น้ำตาไม่ไหล หรือถ้ามันคิดแบบผม ผมจะทำหน้าอย่างไรให้รู้สึกว่าชนะทีมงานทุกคน
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ“มิว…เค้าพูดไปหมดแล้วครับ” คำตอบอย่างดาราถูกเอ่ยมา ทำให้ผมรีบหันหน้ากลับด้วยความเขินอาย อยากจะวิ่งออกไปดีใจรอบๆบ้าน ตีลังกา320ตลบ และยิ้มให้ทีมงานทุกคนอย่างผู้ชนะ แต่ความจริง ผมก็แค่นั่งยิ้มๆกำมือแน่นๆไปคนเดียว
“คำถามต่อไปนะครับ คุณเจอวิญญาณกันบ้างหรือไม่”
“ผมไม่เจอและไม่เคยเจอครับ” ไอ้ภพชิงตอบก่อนเพราะเห็นว่าผมเงียบ สมองผมเวลานี้ตีกันสับสนไปหมด ผมไม่แน่ใจว่าจะบอกไปดีหรือไม่ว่าผมเคยเห็น หรือจะแค่โกหกตอบผ่านๆไป
“คือเอ่อ คือผม….ไม่เคยเห็นครับ” ผมนั่งตีรวนตัวเองอยู่สักพัก จนกระทั่งไอ้ภพยื่นมือมาบีบมือผม ผมจึงใจกล้าที่ตอบไปว่าผมไม่เคยเห็น และยิ้มแกนๆให้กล้องอย่างเป็นกังวล
คำถามอีกมากมายถูกเอ่ยขึ้นหลังจากนั้น ส่วนมากไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับรายการนี้หรือสิ่งที่พวกผมทำในรายการ แต่จะเป็นคำถามส่วนตัว ประมาณว่า พวกเราชอบอะไร ชอบกินอะไร ชอบผู้หญิงแบบไหน อะไรพวกนี้มากกว่า ผมกับไอ้ภพก็ตอบแกล้งกันไป ตอบเอาสนุกๆแก้เครียดไป เพราะตั้งแต่อยู่ในบ้านมา วันนี้คึกครื้นที่สุด
เราใช้เวลาในช่วงบ่ายไปกับการถ่ายวีดีโอตอบคำถามให้ผู้ชม คำถามในแต่ละข้อกินเวลาอยู่มากโข เพราะทางทีมงานได้บอกว่าให้เล่นได้ตามปกติ เราทั้งคู่จึงปฏิบัติต่อกันเหมือนไม่มีคนมอง จนกระทั่งถึงคำถามสุดท้าย
“เอาหละ คำถามสุดท้ายแล้วนะครับ
ถ้าคุณคนใดคนหนึ่งเกิดตายหรือเป็นบ้าไปเกมส์นี้ คนที่เหลือจะรู้สึกอย่างไร”
สิ้นเสียงของทีมงาน ผมกับไอ้ภพก็อึ้งไปตามๆกัน คำถามนี้สำหรับพวกผมถือเป็นคำถามต้องห้าม เพราะในช่วงเวลาที่เราต่างก็ช่วยเหลือกัน ย่อมไม่มีใครคิดอยากให้ใครอีกคนเป็นอะไรไป
“ผมไม่ตอบได้รึเปล่าครับ”
“ตอบเถอะครับ คำถามนี้เป็นคำถามอันดับหนึ่งที่ถูกถามมามากที่สุดนะครับ”
“จากใครหรอครับ?” ไอ้ภพสวนกลับไปในทันที แววตาของมันเริ่มทำเอาบรรยากาศรอบๆกายมาคุด้วยแรงอารมณ์
“เอ่อ…ตอบเถอะครับ ผมบอกไม่ได้จริงๆ” ทีมงานบอกกลับมาด้วยท่าทีที่คงกลัวไอ้ภพอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับคำสั่งจากเบื้องบนที่กดหัวผู้คนเหล่านั้นเอาไว้
“ก็ได้ครับ…สำหรับผม ผมไม่เคยคิดที่จะให้ไอ้ภพตายหรือเป็นบ้าไประหว่างเกมส์เพราะไอ้ภพมันใจแข็งมาก รายการให้ทำอะไรมันก็ทำได้หมด ถ้าวันหนึ่งมันเป็นบ้าหรือตายไป คิดว่ามันคงเป็นเพราะผม ผมคงเสียใจมากที่ช่วยมันไว้ไม่ได้ เกมส์นี้มันไม่เหมาะกับคนจิตอ่อนอย่างผมหรอกครับ ถ้าต้องมีหนึ่งคนเป็นบ้าไป ผมว่ามันควรจะเป็นผมมากกว่า…”
ผมลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเลือกตอบคำถามทีมงานไปตามความเป็นจริง ไอ้ภพมันหันมามองอย่างไม่คิดว่าผมจะเห็นค่าตัวเองน้อยขนาดนั้น ซึ่งสำหรับผมแล้วสิ่งที่ผมตอบมันไม่ได้เกินจริงใดๆ มันคือสิ่งที่ผมและมันต้องยอมรับหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“เกมส์นี้ ในความรู้สึกผม ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง ผมยังมีอารมณ์กลัวและหวาดหวั่นตามประสามนุษย์ทั่วไป แต่เมื่อต้องอยู่ในเกมส์นี้กับไอ้มิว ที่มีโอกาสพาตัวเองออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังอยู่เพียงเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องเข้มแข็งและปกป้องมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ไอ้มิวมันไม่เหมือนกับที่เราเห็น พวกผมสัญญากันไว้ว่าจะไม่มีใครทิ้งใครไป หากวันหนึ่งไอ้มิวต้องเป็นบ้าหรือตายไป ผมก็คงไม่รอดด้วย กิจกรรมที่ทีมงานให้ทำมันไม่มีเกมส์ไหนพาพวกผมตายได้สักเกมส์ อีกทั้ง….” ผมรีบบีบมือไอ้ภพ และใช้สายตาปรามมันให้เร็วที่สุดก่อนที่แรงอารมณ์ของมันจะพาพวกเราแย่ ในเกมส์นี้เรายังหาเบาะแสไม่ได้ว่ามีฆาตกรจริงหรือไม่ ผมจึงไม่กล้าเสี่ยงให้มันพูด
“อีกทั้งอะไรหรอครับคุณภพ”
“อีกทั้ง ผมยังหล่อและเก่งครับ ผมจึงมั่นใจว่าผมสามารถรอดและปกป้องไอ้มิวได้อย่างแน่นอน”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือของทีมงาน ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไอ้ภพทำลายบรรยากาศขุ่นมัวรอบๆตัวให้กลับมาครื้นเครงด้วยคำตอบแบบพระเอกของมัน
พวกผมฝืนยิ้มให้กล้องที่เป็นอย่างสุดท้าย ก่อนที่ทีมงานจะยกออกไป รอบตัวของผมเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากมาย เพราะงานที่ทีมงานต้องทำเป็นอันเสร็จสิ้น เว้นแต่ผมกับไอ้ภพ ที่ตั้งแต่เจอคำถามนั่นไป เราทั้งคู่ก็ได้แต่นั่งจับมือที่มีแต่เหงื่อซึมออกมา และต่างก็รู้กันว่าคำถามเมื่อสักครู่
มันไม่ธรรมดา“ปีก่อนๆมีคำถามให้ผู้เข้าแข่งขันเล่นอย่างนี้มั้ยครับ ผมว่ามันช่วยคลายเครียดมาก” ไอ้ภพถามกับทีมงานที่กำลังเก็บของเตรียมจะกลับ
“ไม่มีหรอกครับ ปีนี้เราจัดเป็นพิเศษ ถ้าปีก่อนๆเราจะให้ทำเป็นแบบสอบถามมากกว่า”
“คำถามแบบนี้เลยหรอครับ”
“ไม่หรอกครับ ปีที่ผ่านมานี่ทางการกว่าเยอะมากครับ คุณภพกับคุณมิวนี่โชคดีมากเลยนะครับที่โดนถามแต่อะไรเบาๆ”
“55555 ไม่เบามั้งครับ คำถามสุดท้ายก็เล่นซะอ่วมเลย”
“เป็นปกติครับ ปีผ่านๆมาก็แสดงอาการแบบเดียวกับคุณหมด แต่ยังไงก็ระวังนะครับ เรื่องแบบนี้มันมีทุกปีไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
“หรอครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ ช่วยพวกผมได้เยอะเลย”
กว่าที่ทีมงานจะกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ ก็เกือบจะเย็นแล้ว ผมกับไอ้ภพในตอนนั้นต่างก็ภาวนาให้ทีมงานกลับกันเร็วๆ เพราะข้อมูลที่ได้มาใหม่เป็นสิ่งที่เราพึ่งจะรู้ อีกทั้งข้อสงสัยเรื่องการเข้าร่วมเกมส์ของเราก็ดูเหมือนจะเป็นประเด็นใหญ่จนได้เมื่อไม่มีใครเคยเกี่ยวข้องกับรายการเลย
“มึงคิดเหมือนกูใช่มั้ยวะ บีหนึ่ง” เมื่อขึ้นมาบนห้องผมรีบหันไปถามไอ้ภพทันทีด้วยความตื่นเต้น ข้อมูลพวกนี้มันจะทำให้ผมหาความจริงได้เร็วขึ้น ซึ่งนั่นอาจหมายความว่า ผมสามารถลดโอกาสการเจอผีได้มากขึ้นไปอีก
“…..”
“อ้าว บีหนึ่งมึงเงียบทำไม มึงไม่คิดเหมือนกูหรอวะ”
“บีหนึ่งห่าอะไรของมึง”
“นี่มึงไม่รู้จักกล้วยหอมจอมซนหรอวะ?? มึงเติบโตมากับวัฒนธรรมไหนไอ้ภพ”
ป้าบบบบบบ
“โอ้ย มึงตบหัวกูอีกแล้ว จะใช้ความรุนแรงอะไรนักหนาวะ”
“เรื่องแบบนี้มึงยังจะเล่นอีกนะ”
“ก็กู…ไม่อยากให้มึงเครียด” ผมกลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง เมื่อไอ้ภพไม่มีอารมณ์เล่นด้วย สีหน้าของมันดูกังวลมากตั้งแต่เจอคำถามนั่น
“มึงคิดอย่างไรกับคำถามสุดท้าย?” ไอ้ภพพุ่งประเด็นเข้ามาทันที
“สำหรับกู กูมองว่ามันเหมือนจดหมายเตือน เพียงแต่มันระบุเวลาไม่แน่นอน น้องมึงถูกปลดออกจากเกมส์หลังเล่นไปสิบห้าวัน กูคิดว่าอีกไม่กี่วันเราคงต้องโดนอะไรบางอย่าง” น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความกังวลอย่างชัดเจน ไม่ต่างไปจากสีหน้าไอ้ภพ ด้วยความที่พวกผมอาศัยบ้านนี้มาได้ 6 วันแล้ว ยิ่งตอนนี้ยังไม่มีใครออกจากเกมส์ไป รายการคงไม่ปล่อยให้เสียเวลา
“อืม กูก็คิดแบบนั้น เราจะทำไงดีวะ”
“ใจเย็นๆก่อนไอ้ภพ มึงมีสติ อย่าตามเกมส์ กูกับมึงมีหน้าที่วางไว้อยู่แล้ว รีบทำตามนั้นก็พอ”
“อืม”มันพยักหน้ารับ
“อีกเรื่อง มึงไม่เคยดูรายการนี้หรอไอ้มิว”
“ใช่ กูเพิ่งเคยเห็น และก็เพิ่งเคยสมัครเข้ามา แล้วมึงอ่ะทำไมไม่เคย”
“ตอนนั้นกูก็กะว่าจะดู แต่กูติดงานเลยไม่ได้ข้องเกี่ยวอีกเลยจนเข้ามาในเกมส์ปีนี้ น้องกู…ก็ไม่เคยดู”
“มึงคิดว่าตรงนี้มีอะไรแปลกมั้ย?”
“มี เหมือนเกมส์มันจะเลือกแค่คนไม่เคยดูเข้ามาเท่านั้น แต่กูไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
“เพราะ…กล้องพวกนั้นไง”ผมคิดตามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดคำตอบที่ผมคิดว่าใช่ออกมา ไอ้ภพเลยรีบหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย
“เกมส์นี้มันถ่ายทอดชีวิตผู้เล่นผ่านกล้อง คนที่เคยดูย่อมรู้ว่าผู้เล่นจะเจอกับอะไร หลายคนถึงกล้าที่จะสมัครเข้ามาเสี่ยง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดู เกมส์มันสามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เพราะอย่างไร พวกเราก็ไม่รู้” คำตอบของคำถามที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นผม ถูกเฉลยออกมาอย่างง่ายดาย เกมส์นี้มันไม่ได้สุ่มผู้เล่น แต่มันจงใจเลือกคนเข้ามา
ระบบของเกมส์เมื่อจะเข้าดูรายการต้องสมัครสมาชิกมาก่อนเท่านั้น จึงทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลอยู่แล้ว ส่วนคนที่จะสมัครเข้ามาเล่น ไม่ต้องสมัครสมาชิก จึงทำให้ข้อมูลแตกต่างจากผู้สมัครอีกหลายๆคน เกมส์นี้มันเป็นที่รู้จักก็จริง แต่อีกหลายๆคนก็เพิ่งจะได้เห็นและรู้ถึงการมีอยู่ เกมส์จึงคัดคนเข้ามาไม่ยาก
“อย่างนี้สินะ” ไอ้ภพยืนหน้าเครียดดังเดิม มันกำลังใช้ความคิดอย่างหนักจนทำให้ใบหน้าหล่อๆของมันตอนนี้ ดูแย่ลงไปกว่าเดิม ผมมองมันอย่างไม่รู้จะทำยังไง เพราะผมเชื่อว่าตอนนี้เครียดไปก็เท่านั้น เราทำอะไรไม่ได้ ผมจึงไม่อยากให้มันตีตนไปก่อน
“ภพ” น้ำเสียงผมปลุกมันออกจากความคิด และทำให้มันมองหน้าผมได้ คิ้วของมันยังไม่หายขมวดเป็นปม สร้างความรำคาญตาให้กับผม
“นี่ รู้ตัวมั้ย…วันนี้มึงหล่อมากนะ อย่าให้ความเครียดมาทำลายมึงสิ ไอ้ภพคนเมื่อเช้าหายไปไหนแล้ว ทำไมทิ้งกูให้อยู่กับไอ้ภพคนนี้ กูเป็นห่วงมันนะ” ผมยื่นมือไปนวดระหว่างคิ้วเพื่อคลายเครียดให้มันซึ่งกำลังมองหน้าผมอยู่ ดวงตาของเราทั้งคู่จ้องกันอย่างไม่ได้ละสายตาไปไหน
ไม่เลย…แม้แต่วินาทีเดียว
หมับ
ไอ้ภพยื่นมือขึ้นมาจับมือผมให้หยุดการกระทำ ก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ มันเม้มปากแน่นจนริมฝีปากถูกกลืนไปกับผิวหน้าเหมือนกับว่ามันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับผม
บางอย่าง…ที่แม้แต่ตัวผมก็ไม่มีทางกล้าจะเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ทำไมถึงบอกว่า...ขึ้นอยู่กับเวลา” ไอ้ภพถามขึ้น มันคงจะนึกถึงคำถามเรื่องความสัมพันธ์ของเราในอนาคตที่ผมไม่ปฏิเสธออกไป ตัวผมเองรู้ดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไร ผมจึงส่งยิ้มเล็กๆไปให้ ก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดทั้งกับผมและมัน
“กูไม่อยากปิดกั้นตัวเอง อนาคตกูไม่รู้ว่าจะอยู่ในบ้านหลังนี้อีกนานเท่าไร หากความรู้สึกของกูมันเปลี่ยนไปเพราะมึง กูก็อยากยอมรับ มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรสำหรับกู แล้วมึงหละ…เพราะอะไร?”
***********************************************TBC*****************************************
เอาตอนที่ 10 มาส่งแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ ตอนนี้เป็นตอนหวานๆบ้างเนอะเผื่อคนทนความหลอนไม่ไหว 
ผมอาจจะแต่งตอนหวานๆไม่เก่ง ไม่กุ๊กกิ๊กเท่าที่ควร หากไม่ชอบใจก็ขอโทษด้วยนะครับบ
ฝากคอมเมนต์ ติชมกันเยอะๆเน้ออออ มันเป็นกำลังใจให้ผมมากกกกก 
สุดท้าย เจอกันตอนหน้าครับ P-Rawit